รวมกับ ธรรมะพระอรหันต์ เว็บไชต ธรรมะพระอรหันต์ https://sitluangpormai.weebly.com เฟซบุ๊กแจกซีดีธรรมะhttps://www.facebook.com/JeakCDThamma
วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2564
Imported post: Facebook Post: 2021-06-04T18:57:33
ท้าวสักกะพระอินทร์ รูปร่างหน้าตาหล่อเหล่า มีแขนสองข้าง มีขาสองข้าง มีหัวหนึ่ง สีผิวออกเขียวมรกต มีเส้นสังวาลข้วยบริเวณหน้าอก ทรงเครื่องเหมือนพระราชาในโลกมนุษย์ ที่นั่งบัลลังปู่ด้วยผ้าสีแดงๆ
#ที่คิดว่ามีอะไรดึงจิตไปเทวโลกแล้วเห็นพบเจอ
โดย#ทหารเทพ
วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2564
Imported post: Facebook Post: 2021-06-02T13:43:55
#สมาธิที่พระมงคลชัย ฉายา กิตฺติโสภโ*
--------------------------------------------------
วิปัสนาญาณตามที่จิตเคยลุถึง ในพรรษาสาม
#เจริญสติปัฏฐานสี่ เกิด องค์ตรัสรู้ธรรมโพฌชงค์เจ็ด ระดับอรหันต์สาวก วิชชาปรากฏ แต่วิมุติยังไม่ปรากฏ
และเจริญสติปัฏฐานสี่ไปเรื่อยๆ
เกิดองค์ตรัสรู้ธรรมโพฌชงค์เจ็ด ระดับอรหันต์สาวก วิชาปรากฏ ปัจยาการ ยังไมดำเนินไป100% เหลืออีกนิดเดียว ก็วิมุติปรากฏ
สุขาปฏิปทา ปฏิบัติสบาย รู้เร็ว
พระมงคลชัย คิดว่าเรื่องเจ้ากรรมนายเวรนี่ ต้องเปลี่ยนเขาให้รู้ธรรมะแล้วหายไปจากภาวะที่ชื่อว่าเจ้ากรรมนายเวร แล้วกลายเป็นอัตภาพทิพย์ทั่วๆไปแต่มีธรรมะ
แต่ก่อนก็แผ่บุญให้ตั้งแต่เด็กหลังสวดมนต์ไหว้พระ ปฐมศึกษา และนั่งสมาธิ และบริกรรมสวดอิติปิโส และแผ่บุญตามท้าย
มาเรื่อยๆ จนบวชก็ได้บุญบวชอยู่ทุกวัน
และก็มีขออโหสิกรรมตาม หนังสือสวดมนต์และคำสอนครูบาอาจารย์ เรื่อยๆ
ต่อมา มาภาวนาที่วัดหนองป่าพง ก็มีทำนองว่าตนเองจะไม่เป็นอะไรยังภาวนาได้ตามปกติ จึงมีความคิดว่าเรื่องเจ้ากรรมนายเวรนี่ ต้องเปลี่ยนเขาให้รู้ธรรมะแล้วหายไปจากภาวะที่ชื่อว่าเจ้ากรรมนายเวร แล้วกลายเป็นอัตภาพทิพย์ทั่วๆไปแต่มีธรรมะ ฉันอโหสิกรรมให้
หมอนี่มันอบรมเมตตาภาวนาทุกวัน
นึกๆจิตภายในมันจึงเป็นฌานแบบเมตตาฌานได้ง่าย ไม่ถึง15วิ
เข้าสมาธิตามที่เคยจิตเคยลุถึง
#เมตฺตาฌานํ> คือเจริญอัฏฐิกะสัญญาแล้วนึกสงสารอย่างโดยใจจริงต่อจากอัฏฐิกะสัญญานั้นเลย เลยแปรสภาพเป็น จิตภายในรวมเป็นเมตตาฌาน
แผ่เมตตาผ่านความว่างกระแสจิตมุ่งให้คล้ายตามความเชื่อว่ากระแสจิตพ่อปู่ชีวกโกมารภัจจ์
สติตื่นยายตื่น ตื่นขึ้นมาถามหาชื่อ
คน
คงทำนองคล้ายปู่ป๊อกแผ่เมตตาให้พ่อ
เจริญสัญญาที่คล้ายในพระไตรปิฎกสูตรที่ว่า พระสังฆราช เทศณ์ว่า เจริญสัญญาที่มีแต่ป่ามีแต่ต้นไม้ขึ้นมาในใจ ฯลฯ และอันที่2คือ เจริญญาที่มีแต่ พื้นดินที่โล่งเตียน ไม่มีบ้านคนบ้านช่องสักหลังตึกก็ไม่มี ว่างเป็นหน้ากอง ฯลฯ และเจริญสัญญาที่ต่อมา เอาดินออกไป ไม่เหลืออะไร ว่างเปล่าไม่มีพื้นดิน
"ท่านเทศน์ต่ออานิสงส์คือจิตห่างจากกิเลสความโลภความโกรธความหลง
สัญญาที่พอสงเคราะห์เข้ากับพระสูตรข้างบนที่พระสังฆราชเทศณ์
คือการฟังสัญญา13ประการ.mp3
แล้วหมายว่าเป็นอนัตตา
>>> คือหมาย รูปะธาตุ จักขุวิญญาณธาตุ แล้ว อนัตตา สูญว่างเปล่าไม่มีทั้งจักขุธาติและจักขุวิญญาณธาตุ
ไปจนถึง ธัมมะธาตุ มโนวิญญาณธาตุ
แล้ว อนัตตา สูญว่างเปล่า
เลยแปรสภาพเป็นฌานเย็นๆ
"คงเป็นปฐมฌาน ถ้าดิ่งไปแบบนี้เรื่อยๆคงถึงสัญญานิโรธ
👶
> คือว่าพุธพร้อมกับลมเข้า โธพร้อมกับกับลมออก แปรสภาพเป็น จิตภายในรวมเป็นฌานที่สุขเหลือเกิน ตามที่คิดว่าเป็นฌานสาม
> คือ รู้ลมหายใจเข้าออกแนบไปกับลม
เลยแปรสภาพเป็น สมาธิ ตัวลอย
(ในตอนเด็กปฐมนอนคนเดียวในมุ้ง)
> คือว่าพุธโธ ในใจไปเรื่อยๆไม่ต้องมุ่งว่าสัมทับไปกับลม เลยแปรสภาพเป็นฌานเย็นๆ น่าจะปฐมฌาน
> คือนั่งดูนามมะธาตุ คือความรู้สึกที่ว่างๆเฉยๆ
เลยแปรสภาพเป็น สมาธิจิตรวมหดเข้ามารู้ตัวเข้ามาชัดขึ้นชัดกว่าเดิม
> คือนั่งอยู่บนอาสนะในวันพระมีแม่ออกพ่ออกมาวัดหลายๆคน ช่วงค่ำกลางคืนแล้วง่วงเหงาหาวนอน ....
แล้วฝืนจิตใจที่ง่วงเหงาหาวนอน
ด้วยลักษณะว่า ปรุงฝืนๆหรือปรุงดิ้นๆไปให้คล้อยไหลตามไปกับความเหงาหาวนอน
ปรุงกระแสขัดขืนจิตที่ง่วงเหงาหาวนอนเพื่อไม่ไหลจมไปกับความง่วงเหงาหาวนอน เป็นผลคือทำให้จิตสว่างใสวคือสลัดถีนะมิทธะออก ใจสว่างใสปลอดนิวณ์๕ สว่างจ้า ใส ๆ จิตมีกำลังขึ้นมาเหมือน ออกจากสมาธิเย็นๆมาใหม่ๆ
ลักษณะจิต สลัดถีนะมิทธะ ปรุงสลัดถีนะมิทธะ คือปรุงกระแสขัดขืนไปยอมไหลไปกับความง่วง ปรุงฝืนทางจิตไปแบบไม่ยอมเดินตามจมไปกับความง่วง จะพบภาวะไม่ง่วงแท้แล
เอ่ย....
รู้กลิ่นแทนลม รวมเป็นอุปจาระสมาธ แบบเย็นนิดหนึ่ง
> คือบริกรรมหรือพูดในใจว่า "พุทโธ อาโลโก" ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ
> คือบริกรรมพุทโธ 1 พุทโธ 2 พุทโธ 3 ไปเรื่อยๆ
> สมาธิ คล้ายๆที่ในหลวงรัฐกาลที่9 ท่านสอนบริวาร นับเลข 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ทำนองนี้แหละ พระอ่านจากหนังสือ สมาธิในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และมีใจความในอรรถกาด้วย การนับเลขทำสมาธิ
ส่วนที่พระทำ ก็คือนับเลข
11 12 13 14 15 16 17 18 19 10 นำนองนี้แหละ จนรวมเป็นอุปจาระสมาธิแบบรวมแต่ไม่ถึงฌาน แน่นกว่าอุปจาระแบบเดินจรงกลม
> และสมาธิแบบจิตมันรวมของมันเอง แบบว่าแค่อยู่เฉยๆ ไม่โน้มคิดพิจารณาข้อธรรม แบบว่าคิดพิจารณาข้อธรรมจนเห็นว่าพอ แล้วไม่คิดพิจารณาข้อธรรม แล้วจิตมันรวมของมันเอง แบบรู้สึกว่ามีพลังอุปจาระสมาธิเอง หลังจากที่คิดพิจารณาข้อธรรมค่อนข้างใช้เวลานาน
> สมาธิแบบ เหวี่ยงซ้ายขวา ตัวเอนตัวหมุ่นๆ อยู่นานเป็นเกือบชัวโมง พร้อมน้ำตาปิติ เพราะแผ่บุญให้ชั้นนั้นชั้นนี้และลงมาหัวหน้าแล้วลงมา และหัวหน้าลงมา และหัวหน้าลงมา และกินนร กินนรี และก็หัวหน้าลงมา
และลงเปตร
ลงสัตว์นรก
ลงยะมัดสะลงนายบาลและสัตว์นรก
แผ่แบบอื่นก็มี แบบเจาะจง ขนาด ความสั้น ความยาว จำนวนเท้า บนบก อากาศ ในน้ำ
และแผ่แบบตามฉบับโจโฉร้อยขึ้นมา
และแผ่แบบสมาธิคลื่นบุญ
ผสมผสานสลับกันทั้งเมตตาจิตและวิปัสนาจิตและสมถะจิต
และแผ่แบบตามหนังสือ สรรพเพสัตตา ทำนองนั้นแหละ
แปรสภาพเป็น สมาธิเย็นๆ ในระดับแรก ไม่รู้จะว่าอุปจาระหรืออัปณา แต่ความจริงคือก็คือเป็นชื่อใดชื่อหนึ่งไม่อุปจารระสมาธิก็อัปณาสมาธิ
ถ้าบริกรรมไปเรื่อยๆคงถึงปฐมฌานอย่างอ่อนอย่างกลางอย่างละเอียด และอาจขึ้นไปทุติยฌานฯไปจนถึงฌาน๔
> คือหลับตาข้างเดียวนำฝาขวดน้ำสีแดงมา มองมอง รี่ตาให้แคบลง เห็นวงกลมสีแดง
> นามสัญญาดึงจิตย้อนเข้ามาที่ตน
คือปรุงสัญญาภาพด้านหลังศรีษะขึ้นมาในมโนทวารพร้อมกับจิตไปรู้ตรงศรีษะด้านหลัง
หรือ ตรงกระดูกด้านหลัง
> นามสัญญาที่ทำให้จิตคลายวางธาตุของโลก ( Earth ) พวก ยาเภสัช อาหารปิณฑบาตร กุฏี ปัจจัย๔ที่ควรกับสมณะ และพวก โทรศัพท์ โน๊ตบุ๊ค
มโนทวารภาพ แยกออกเป็นชิ้นเล็กเท่าขี้ตา หลายๆเม็ด กระจายห่างออกมา
หมายว่า ธาตุชิ้นเล็กๆน้อย มารวมกันให้ยึดว่าเป็นวัตถุให้ถือหนักไม่ว่างเปล่าเลย
เดินจรงกลม คือพูดในใจว่า "โผฏฐัพะๆ"
ไปพร้อมกับ ภาวะอาการฝ่าเท้ามีการสัมผัสกับดิน
ไปเรื่อยๆ และจิตก็ไปรู้ภาวะอาการสัมผัสนั้น
แปรสภาพเป็น จิตรวมหดเข้ามาแต่ไม่รวมมากเต็มที่ เท่าข้างบน น่าจะ 75 % ของอุปจาระสมาธิ แต่ไม่ถึงปฐมฌาน
แผ่เมตตา แบบที่เคยอ่านในพระสูตรประมาณว่าพระสารีบุตรเทศณ์เกี่ยวกับเจริญเมตตาจิต
แผ่กระแสแสงบุญผ่านความว่างที่เป็นที่ที่ให้ตั้งของวัถุต่างๆไปยังทั่วทั้งแสนโกฏจักรวาล
เลยแปรสภาพเป็นจิตสรรพสัตว์ได้รับกระแสบุญ
งานที่ใจ'โอเพ่น (open sauce)
>ซีดีธรรมวัยรุ่น แนวปูพื้นฐานศีลธรรม (ความรัก พัฒนาการงาน ความรู้เรื่องบุญบาป กรรมวิบาก ปฏิบัติภาวนา) แจกไปยังกลุ่มนักเรียนนักศึกษา
>นำจอทรัสกรีนระบบAndroid แอพ anatomy ปลงอสุภะกับผู้หญิงที่พระบวชใหม่เข้ามา และขยายให้วัดอื่นๆติดตั้ง
>ตั้งป้ายคำสอนอิริยาพรรพะและคำสอนครูบาอาจารย์ที่ได้ใจความ ลงไปติดตั้งตามสวนสาธารณะทุกแห่ง ให้คนชอบอุปจาระสมาธิเดินวิ่งออกกำลังกายได้อ่าน
> และ .... แกะสลักหินธรรมะอิริยาบรรพะ ฝังลงดินในเขต รร และ รพ เพื่อให้คนผ่านไปมาข้างทางได้อ่าน
> และงานเสริมๆจากเทวดา ว่า ให้ถ่ายรูปใบหน้าตนเอง พร้อมวันเดือนปี ภาษาไทยลาว EN ฯลฯ ไปเรื่อยๆ แล้วนำมาตัดต่อสโลโมชั่น ให้ออกมาเป็นไฟล์วิดีโอ และแต่งธรรมะว่าด้วยความไม่เที่ยงเข้าไป แล้วส่งไฟล์ไปยังประเทศที่มีพุทธศานาอยู่ จีน ไทย ลาว พม่า กัมบูชา แล้วให้เผยแผ่ให้กลุ่มนักปฏิบัติดู
> มีความคิดว่า จะให้พระวัดบ้านเดินจรงกลมปฏิบัติธรรมภาวนาทางจิตเป็นรูปธรรม แบบว่า อย่างน้อยต้องเดินให้พระบวชใหม่ดูว่าอะไรยังไง เมื่อบวชเข้ามาแล้ว เพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรม โดยให้พระผู้ใหญ่เจ้าคณะจังหวัดทำหนังสือขอความร่วมมือลงไปผ่านเจ้าคณะอำเภอลงไปผ่านเจ้าคณะตำบลลงไป ถึงทุกวัดในเขตรับผิดชอบ ให้มีการให้พระในอาวาสไม่ต้องทุกรูปก็ได้ 2 สาม รูป มีการเดินจรงปฏิบัติภาวนาทางจิตในช่วงเวลานี้ๆ เพื่อให้เป็นที่ให้เห็นกับพระบวชใหม่
>และทำป้ายสอนธรรมะขนาดใหญ่ขึ้นข้างทางก่อนเข้าเมืองอุบล เกี่ยวกับย่อๆในการภาวนาให้หายทุกข์ใจ
> เห็นคนทุกข์ในทีวีรายการไมทองคำ.
เลยมีความคิดว่าจะทำนิโรธสมาบัติไว้โปรดคนทุกข์ขัดสนคนเป็นหนี้เป็นสินทุกข์ในเรื่องเงิน
> ไม่ไปตรงนั้น เพราะสงสารคน เลยจะไปสุทธาวาส แล้วไม่ภาวนาแต่ลงมาหาสอนมนุษย์ในธรรมะ แล้ววิมุติเอง
> แล้วเปลี่ยนมาไปตรงนั้นเหมือนเดิม เพราะสงสารคนที่เกิดมาประจวบประสบเฉพาะช่วงนี้ๆ กลัวว่าถ้าเขาไม่ได้ฟังธรรมแล้วจะล่วงๆไหลๆไปแบบไม่รู้ธรรมแล้วมีวิ๋วๆว่าไปอบาย
เลยมามุ้ง จบกิจ อีกครั้ง
> เบื่อขันธ์จนแบบว่า จิตหายสาบสูญ ไม่มีขันธ์๕ ไปเลยก็ok แม้ยังไม่รู้จักสภาวะอนุปาทิสนิพพานที่ต้องมุ่งไป
เวลาปฏิบัติมีแต่เบื่อหน่าย เหมือนว่าเจริญปล่อยวางไปเป็นไตรลักษณ์ ตาม สัพพเพธรรมมานาลังอภินิเวสายะ
แต่หลวงพ่อเลี่ยมก็แนะให้ จิตแต่สักว่าจิต โยนมันถิ้มโล้ด..
แต่ฟังแล้วไม่รู้จะโยนถิ้มยังไง ก็ลองสลัดโยนๆทิ้งไป ตามประสาที่ยังไม่เข้าใจว่าต้องทำยังไงในคำความหมายที่หลวงพ่อแนะ
การเดินบิณฑบาตรโปรดคนใส่บาตรให้เจาได้บุญเยอะๆ ทรงกำลังฌานไปด้วยในขณะเดินบิณฑบาตร
เข้าปฐมฌานทั้งกำลังเดินบิณฑบาตรไปด้วย โดย > คือบริกรรมหรือพูดในใจว่า "พุทโธ อาโลโก" ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ
เจริญอริยมรรค ให้บรรลุอริยะผล
สมาธิวิปัสนา
ทำนิโรธสมาบัติ เพราะ สงสารคนทุกข์ขัดขนในเรื่องเงินๆทองๆ
และเอาไว้โปรดพระโพธิสัตว์ และสาวกโพธิสัตว์ ซ้ายขวา ฯลฯ เป็นการพิมพ์แบบคร่าวๆใจความย่อ
และคงลงไปถึงปัจเจกโพธิสัตว์
ช่วงอยู่วัดบาบจันทร์ ไปถึง
เดินจรงกลมนาน และสันโดดเรื่องอุปกรณ์ คุ และน้ำฉัน นำมากุฏิ 2ขวด
เดินบิณฑบาตร ทำความเพียรไปด้วย เจอโยมอยากให้เขาได้บุญน้อมบาตร และเดินๆไปตามประสาคิดว่าเรารับเขาจะได้บุญเยอะกว่า บางครั้งก็องค์นั้นรับไม่ได้กำหนด พรรษา1ก็ได้ 2ก็ได้
ฉันอาหารมื้อเดียว สันโดด แต่อาจารย์ที่เป็นเทวดาให้เขา นำขนมหรือนิดๆหน่อยมากินที่กุฏิก่อนใกล้เที่ยง เพื่อให้เหมือนกับพระ จะได้ดูไม่เคร่งกว่าเขา เป็นที่ว่าให้พระวัดมาบจันทร์ว่า มักมาก
ส่วนการสวดมนต์ทำวัตรก็พุทโทๆ และ ดูทิพยจักขุ และเข้าสมาธิ บ่อย
ฌานปิติ ปฐมฌาน แบบพุทโธๆ
ปฐมฌานแบบเมตตาฌาน
และคิดว่าอันอื่นๆอีก
.... อินทรีย์โน้มน้อม....
และอินทรีย์โน้มไปในการ ทำนิโรธสมาบัติ แรงกล้า
คือหยุดไม่ให้ มีการปรุงเวทนาออกมา
........อินทรีย์โน้มน้อม....
ประมาณว่าพระรูปนี้ไม่กลัวตนเอง หายขาดสูญ มิดจี่ลี่
และธรรมะพระอรหันต์นำพาไป ไม่ให้กลัวตรงนั้น สูญๆนั้น
เด็กมันผ่านข้อนี้ไปแล้ว
มีอนุสูตรสาวกที่เป็นเทวดา
เรื่องทำนิโรธสมาบัติ คือปล่อย ไม่ได้ห้าม
มีเทวดาสมัยรู้ภาษามครประทับและ พูด สัญญาเวทยิตนิโรธ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ทำนองนี้
แม้พระได้ยินแล้ว ก็เข้าใจว่า ตนจะได้นิโรธสมาบัติ เทวดาก็ยังพูด สัญญาเวทยิตะนิโรธ ๆ ๆ ๆ ๆ
สมาธิสายลักษณะลักขณูปณิชฌานก็ได้
สายนี้จะไปถึงนิโรธสมาบัติ
และมีความคิดว่า เอ้ ธรรมะ ในcolonote เอามาพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือได้แล้ว
********************************
พระมงคลชัย ฝึกกสินสี ตัวเลข
และหยังจิตดูว่า เลขจะออกตัวไหน
เพื่อจะเอาไปบอกคนทุกข์คนยาก
23 หรือ 65 เป็นเลขท้ายจาก ล็อตเตอรี่
ที่ชาวบ้านชาวเมืองเขาซื้อกันไปทั่ว
วัยเด็ก จำความได้ ครั้งแรก คลองน้ำที่มีหญ้า
ปั่นจักรยานสีส้มคันเล็ก และตกลงท่อ ลงไปไร่นา และปั้นเข็นๆไป หลังบ้าน
คนที่บ้านกำลังทุบๆก้อนปูนทำพื้นห้องน้ำ
และ ร้องไห้นาน 2ชัวโมง โดยตั้งใจกำหนดร้องไห้ขึ้นมา
และปั่นจักรยานคันใหญ่สีแดง เบรกด้วยขาปั่น ล้อหยุด กลับรถ แล้วล้ม
แล้วล้ม ล้มแล้ว ใช้ดินทราย ทา คิดว่าเป็นยา
และไปขึ้นค้างบังไฟ ขึ้นไปๆจนถึงใกล้ๆยอด แล้วถูกดลใจให้เล่นปล่อยขั้นบันใด แบบจับแบบปล่อย ขณะปล่อยถ้าไม่จับ ก็จะตกลงมา และถ้าจับแต่ขั้นบันใดหลุดหรือหัก ก็จะตกลงมา
ปล่อยจับ อยู่แบบนี้ หลายครั้ง
แล้วก็ลงมา
อายุ น่าจะ ป3 ไปหา 4 ปฐมศึกษา
และในขณะช่วงวัยเด็ก ก็ถูกดลใจให้ใช้พร้าอีโตฟันหัวมารดา อย่างหนัก
แต่ไม่ได้มีการทำตาม
และมากรุงเทพ มาทำงาน ม.3 ข้ามไปนอกตึก แล้วปล่อย แล้วจับ หลายครั้ง
ถ้าปล่อยแล้วไม่จับก็ตกลงมา
ตึก 5ชั้น
ไปแฝงร่างพระที่กำลังสวดมนต์ทำวัตร
แล้วทำธาตุขันธ์เขาป่วย หนักทรมาณ สุดๆ เหมือนกับว่าคงจะตายแน่
ภาวะจิตใจที่ไม่ผ่องไม่ใส มัวๆปวดหัว
อาเจียน จนอาจารย์เขาช่วยรดน้ำมนต์ให้
แล้วพระเขาก็ อยากจะถวายผ้าไตรกับพระพุทธรูป ให้ อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร
แต่อาจารย์เขาบอกว่า รดน้ำมนต์กะพอแล้วลูก โยมพ่อหมานว่าลดน้ำมนต์กะพอแล้ว บ่ต้องถวายผ้าไตรฯกะได้
ทั้งที่ใจเด็กเขากลัว อยากจะถวายผ้าไตรกับพระพุทธรูป แล้วอุทิศให้
แล้วอาจารย์เขาที่เป็นศิษย์ปู่หนูเดือนชัย ก็พูดๆ ว่า เจ้ากรรมนายเวร เขามา
เขาเคียด หม่อมสิพ้นเขา ถ้าหมอมบวชดน พรรษา 4 สิบรรลุธรรม
สมัยนั้นเข้าพรรษา 1
ชาตินั้นหม่อมเกิดเป็น คนชาวบ้านทั่วไป
แต่ตีหัวหมู แล้วขายเนื้อ ทำนอนงนั้น
เขาเลยมาเบียดเจ้า
แสดงว่า เรื่องหมูตัวนั้นที่อยู่ตรงนั้น คือเหตุแรงกรรม คล้ายๆงูกับไก่
เลยมาเรื่อยๆ
จนถึงชาติที่เขาบวชเป็นพระ
แล้วจากนั้นเขาก็ขออโหสิกรรมให้ มาเรื่อยๆ และสำนึกผิดร้องไห้ และขออโหสิกรรมมาเรื่อยๆ
ส่วนบุญก็อุทิศให้ตามบทหนังสือเขาพาอุทิศ ในช่วง ปฐม ป 4 สวดมนต์
แม่เขาบอกสอนให้สวดมนต์ไหว้พระตั้งแต่เด็ก และมีคุณตาเขาเป็นมักคทายกวัด จึงบอกๆสอนหลาน และ มีหนังสือการ์ตูน คำสอนทางศาสนาคริสเนื้อหาที่อ่านแล้ว เขาเข้าใจว่า เมตตา ที่แน่นในใจ
น่าจะ ป4 ไม่ต้น สวดมนต์ และก็นั่งสมาธิ อุทิศบุญ เทวดาทั้งปวง (หมดทุกโลกธาตุ)
สัพพะสัตว์
เปตรทั้งปวง
เจ้ากรรมนายเวร (ทั้งหมด)
ปู่แพงย่ากรอง และก็ปู่คำมงคุล และฯลฯ
และปู่หลักบ้าน และปู่จำดอนปู่ตา
มาเรื่อยๆ จนบวช บวชแล้ว
และก็ มาเรื่อยๆ ด้วยบุญอริยะมรรค แบบคลอลาเจนพิเศษ มาเรื่อยๆ
แล้วก็มี ฝันเห็นเลข 125 และล่าง 111
ไม่ได้ซื้อ
และฝันเห็น 50 ซื้อ 50 ถูก
ฝันเห็นเลขน่าจะหลายครั้งเพราะเทวดาให้เลข
นั่งสมาธิก่อนนอนมาเรื่อยๆ บ่อย
และนั่งที่เถียงนาเวลาไปรดผักที่นา
นั่งก็สงบ รวมอุปจาระสมาธิ
นั่งมาเรื่อยๆ เล่นโน๊ตบุ๊กแล้วไปดูจอนาน แล้วคลิกและดูข้อมูลในจอเสร็จ
กลับมา เห็นภาวะจิตมันรวมเข้ามาที่ตน
แบบชัด ไปนาจกขุดดิน เห็นอาการกายเคลื่อนไหวแบบสติดู
แล้วเขาไปไหน
กัลฑละนาคาหงอนสีแดงตัวสีน้ำเงิน
แปลงจิตเป็นนายนิรยบาล แบบสุดยอด ความโหดความเกรี้ยม ดุร้าย มุ่งดุมุ่งร้ายสุดๆ แบบว่าอะไรที่เป็นสิ่งมีชีวิตฆ่าหมด
แล้วมาปุ๊บ หายปั้บ
หลวงปู่ดู่
สมาธิชนิดที่สอง
ปฐมฌานที่เกิดจากอสุภะกรรมฐาน
สีเปลี่ยนมาเรื่อยๆจนเป็นสีขาว
และทำ โอทาตสกิน เพื่อให้เกิดทิพย์จักษุ
"ชอบสงเคราะห์ผู้ที่เคยทำสิ่งดีๆให้ตนในอดีต ครู แม้ครูจะไม่ค่อยชอบ ก็นิรนามเอาให้ เพราะถ้าแสดงตนไป ครูจะไม่ชอบ แต่ใจความ เพื่อให้ครูรู้ธรรมะ และแล้วก็มีข่าวเศร้าว่า ครูตายแล้ว
และ และพวกเด็ก ๆ เณร ประมาณว่าทำบางอย่างให้เขาได้บุญ ในแบบใกล้ๆตัวและไกลๆ เป็นขอบเขตที่เข้าไปไม่ได้นัก
ไกลๆ เช่น เห็นคนไถ่นา อยากให้เขาได้บุญ ก็เดินไปขอกินน้ำเขา เพื่อให้เขาได้บุญ
และอยากให้เขาได้บุญ ก็ขอน้ำเขา
เดินไปเองก็ได้เพราะชอบเดิน แต่เจาอาสาไปส่ง ก็คิดว่าถ้าขึ้นเขาจะได้บุญก็เลยขึ้น
และอยากให้เด็กได้บุญก็บอกให้เขานวดให้บีบๆแบบงูๆปลาๆ บางที่นวดแรงเจ็บๆก็บอกให้เบาๆ
เดินไปเห็นเด็กกำลังหาใส่หนู ก็บอกๆว่า มันบาปนะ อย่าใส่หนูเลย แล้วเด็กก็ฟัง แล้วเขาก็เดินๆต่อ เด็กฟังแล้วก็ไม่ทราบว่ายังใส่ไหมหรือไม่ใส่
แล้วก็เดินต่อ
ชวนคนทำบุญก็มี เอาcdหลายๆแผ่น ให้ครู ไปทำบุญแจกผู้อื่นเป็นบุญของตนเอง
กระจ่ายหนังสือสอนปฏิบัติธรรม สติปัฏฐานสี ไปยัง ห้องสมุด รร เขื่องใน รร ม่วงสามสิบ รร จิกดู่ รร หัวตะพาน
ส่วนแผ่นcdไป รร มัธยม หลายแห่งในเขตอำนาจเจริญ และอุบล และเขาน่าจะกระจ่ายแจกต่อไป
ป้ายธรรมะ 2 แผ่น มีรุ่นใหม่มาอ่านเรื่อยๆ
ป้ายธรรมะใช้เวลาทำนานมาก
เพราะเหมือนมีกระแสอะไรบางอย่างที่ทำให้ช้า เขารู้ว่าเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์เขาก็ทำต่อพาเด็กๆทำ ชวนเด็กๆทำป้าย ตัดติดสติกเกอร์ ทั้งๆที่ตนก็ทำเป็นกว่าคล่องกว่า แต่ให้เขาทำด้วย แผ่นอื่นๆ ส่วนตนก็แกะสติกเกอร์ เขาวาดตัวหนังสือ รู้สึกว่าช้า เลยตัดเป็นตัวหนังสือเสียเลยเร็วดี เขาส่วนของเขา ส่วนเด็กก็ทำส่วนของเด็ก ส่วนของเด็กตัดไม่เนียนแล้วเด็กก็ยื่นให้ แล้วเขาก็คิดว่า ง่าย แต่เด็กตัดยังไม่คล่อง คิดว่าตนตัดคล่องกว่า แล้วส่งให้เด็ก แล้วตนก็ตัดแบบไม่ได้วาด
แล้วก็ติดๆ
แล้วก็มีเทวดาที่เป็นครูมาตรวจสอบอักษรว่า เป๊ะผ่านไหม และเทวดาบางองค์ก็ ว่า ไม่ต้องมีก็ได้ ช่องว่างๆตรงกลาวสระอิ บางองค์ก็ว่า ต้องมีช่องตรงกลางสระอิต้องมี จึงถูกรูปพยัญชนะ
และก็ตัดแบบมีช่องว่างสระอิ และนานๆไป ก็ไม่ได้ตัดแบบมีช่องว่างสระอิ เพราะ ให้เกิดความเข้าใจในการอ่านได้เหมือนกัน
และเทวดาฝ่ายชายมาบอกว่า เบ็ญจมะมหาราชาๆๆ
และมีเทวดาช่วยพูด ให้เจ้าหน้าที่จัดแผนการสอนวิชาต่างๆให้ครูสินเด็ก
เรื่องสอนธรรมะวันศุกร์ และครูokแต่เป็นช่วงเทอมถัดไป เทอมนี้จัดไปแล้ว ถ้าเทอมต่อไปได้ รร นารี
และ เทคนิคอุบลสารพัดช่าง
เดินเข้าไปจะเห็น รูปปั้น ท่านวิสุกรรมเทพบุตร ถ้าไป วิทยาลัยพยาบาลจะเห็น รูปปั้นพ่อปู่ชีวกโกมารภัจจ์
และก็
ส่วนการไปงานถวายพระพุทธรูปกับ คนที่มาทำบุญ
นั่งรถไป ก็เข้า คล้ายๆสูญตะสัญญา ลักขณูปณิชฌาน รวม ปิติ แล้วก็มี คล้ายๆพี่กุมารมาประทับแล้วแสดงตนว่า ตนคือกุมารทองพอเป็นภาพและความรู้สึกบอก
ทั้งทางไม่ราบ โนนเต่า และการจอด และการเคลื่อนที่ และเสียงในรถ
มาให้ลาภ
แล้วก็ไปถึงวัด ฟังเทศน์แล้วจิตรวมระดับปิติมีความสุข รวมเรื่อยๆ คล้ายๆ
เดินด้วยใจที่ดูนาม แทบตลอดเวลา
ไม่ค่อยน้อมไปคิด มีแต่เดินจรงกลมจึงน้อมไปคิดปรุง
และคิดแบบว่า
ไม่ค่อยชอบพูด เพราะดูแต่นาม เวลาพูด พูดออกมาเยอะ และพูดกับคนทั่วไปแบบปกติ
ตั้งแต่บวชไม่ด่าโยมด่าพระเณร
ไม่มีโกหก
พูดทางใจ มีคำบริกรรม และเทศณ์ธรรมะ
พูดให้เกิดประโยชน์มีแบบต่างๆ
พูดทำนองว่าเขาฟังแล้ว จะมีปัจจัยต่อมา คือสิ่งที่ดี กับผู้อื่น โดยอาศัยครูบาอาจารย์อีกต่อหนึ่ง ให้มีการพูดธรรมะเกี่ยวกับเรื่องนั้น
และพูดอีกแบบคือ ให้เขาเข้าใจว่า ไม่ได้บ้า เป็นการให้เขาคิดไปอีกมุมหนึ่ง แก้ความเข้าใจผิดไปโดยปริยาย
นางฟ้า สวยน่ารัก
บางนางก็สวย บางนางก็น่ารัก
ชั้นดาวดึงส์ และนางฟ้าในวัดหนองป่าพง
สวย
เมื่อเสร็จสิ้น ชอบขอบคุณ ผู้ที่ช่วยเหลือ
เช่นเจ้าหน้าที่ธนาคาร คนขับรถตู้ คนที่อำนวยเสร็จสิ้น และสถานที่ที่เดินจรงกลม
ชอบเดินไปไหนมาไหนมากกว่า นั่งรถ
และชอบทำอะไรบางอย่างให้คนอื่นได้บุญ
ทิฏฐิต่อคนไทย ลำบากเยอะมากมาย เรื่องขัดสนในเงินทอง และยังไม่รู้เรื่องธรรมะ ในการออกจากทุกข์
ส่วนฝรั่ง ดูใสๆมีความเด่นแบบไฮเทค เจริญ ไม่ขัดสนเรื่องเงิน แต่ไม่รู้ธรรมะแต่ใสๆ และยังไม่แน่ไม่นอนส่วนที่ยังไม่ได้ฟัง
ส่วนความคิดในการเผ่ยแผ่ศาสนาอื่นให้ ไม่เคยมี never
ส่วนความคิดในการเผ่ยแผ่ศาสนาพุทธไป มี ไทย ลาว ที่คิดว่าง่ายเพราะตนเองได้ภาษาไทยและอีสานก็คือลาว
ส่วนจีนจะเป็นสื่อไฟล์วิดีโอตน ใบหน้าตนเอง
แสดงว่าพระรูปนี้ มีความเมตตากลุ่มชนอื่นด้วยดีกว่าเขา จะลุ่มๆดอนๆ
เลยแผ่บุญให้แค่เป็นใจความแบบว่า ที่รวบที่อื่น
เรื่องแผ่บุญ อัปมัญญา ในหนังสือมี
พุทธ
และคิดว่าเมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง อายุมากแล้ว ประมารณว่าจะมีแบบว่ามีวัดและตนเป็นเจ้าอาวาส จะดึงพระสูตรในพระไตรปิฏกมาทำเป็นบทสวด คนที่สวดแล้วได้ความสลดสังเวชในอายุไขตนอย่างชัดเจนมากๆสุดๆ
ข้อวัตร เน้นทำสมาธิให้ถึงสมาธิ เพื่อให้มีความสุขจึงจะอยู่ อยู่แบบสันโดด ตะเกียง แต่มีที่ชาตจ์แบตให้มีสมาทโฟน
เป็นความคิดเก่าๆ
ถ้าจริงๆแบบว่า คนที่บวชเข้ามาแล้ว
จะมีแบบว่า พาไปฝึกนั่งกรรมฐาน ด้วยกรรมฐานที่ง่ายต่อใจให้เกิดความสงบก่อน มีนั่งดูแสงเทียน แล้วดูไปเรื่อยๆระยะหนึ่ง หลับตา ดูภาพแสงในใจจนจางหายไป แบบนี้เขาเคยสอนเณร เพราะง่ายต่อการทำใจให้สงบ และพูดกถาชักชวนของพิเศษ ต่างๆ ให้อาจหาร อยากมี เพื่อให้เขา ฝึกตามที่บอก
ใจความคือ ให้เณรเกิดความสงบใจ ไม่ได้ให้ฝึกเพื่อมีของพิเศษ
ส่วนสตรีครู จะสอนแบบที่เขาทำอยู่แล้ว แต่เล่าให้ฟังอื่นๆอีก ไม่ได้ให้ออกนอกแนวทางเก่า เช่น เขามีวิธีการคิดออกจากทุกข์โดยแบบนี้ๆ ก็พูดว่า อืมอันนั้นก็ได้ เพราะจัดเข้าในการคิดออกจากทุกข์ แล้วพูดเสริมอื่นๆให้ฟังอีกในเรื่องการให้ปฏิบัติ
พระที่คงดูนิสัยว่าแต่ละองค์เข้ามาแล้ว
เวลามีแบบว่า ผีมา แล้วกลัวผี
ก็จะเทศณ์แสดงธรรมในทำนองให้เข้ากับเหตุการณ์ ขึ้นไปจนถึงวิปัสนา
เทศณ์เป็นเกือบชัวโมง แบบมีปิติน้ำตาไหล
แล้วก็ศรัทธาพระน้อย จนขอผ้าไว้ดูระลึกนึกถึง เพราะไปอยู่นั่นพระน้อยรูปนี้ เทศณ์เรื่องตั้งแค่ทานศีลภาวนาทุกครั้ง และแยกกรรมวิบากทานศีลภาวนาให้ฟัง เป็นส่วนๆ ผีเขาเลยศรัทธา นับถือธรรมะพระพุทธเจ้า และอยากให้มีพระประธานองค์ใหญ่ตั้งไว้ กราบไหว้สักการะบูชา แต่ก่อนดทวดาบอกเอารูปพระแม่กวนอิมโพธิ์สัตว์มาติดไว้ ผีเขานับถือพระแม่กวนอิม ต่อมา ไปตรงนั่น เขาก็มาแบบร่าเริ่งปรีดา และพูดให้ฟัง ว่าปฏิบัติธรรมแล้ว ไปเกิดที่ดาวดึงส์ก็มี ไปเกิดที่ชั้นสูงขึ้นไปอีกก็มี
จนถึงทุกวันนี้
******************************
( รูปภาพ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ )
🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼
รูปที่ทำให้สื่อว่าเมตตาบารมีหลวงปู่มีเยอะมากมายมหาศาล
วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564
Imported post: Facebook Post: 2021-06-01T21:15:02
หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร #ร่วมเดินธุดงค์กับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต #
สำนักวิปัสสนาหินผานางคอย จ.อุบลราชธานี
วัดสวนหินผานางคอย อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี
คำสอน หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร
> https://youtu.be/n-YAST68soI
เรื่องเล่าหลวงปู่พรหมา เขมจาโร: เขาชื่อหาญ (สุนา แก้ววิจิตร) ตอนที่2
January 12, 2017 Ampol Jane
หาญเล่าให้ฟังว่า พบและรู้จักหลวงปู่พรหมาครั้งแรกที่ภูเขาควาย
เขานำกองกำลังลาดตระเวนอยู่แถวนั้น
พบหลวงปู่พำนักอยู่ในถ้ำรูปเดียว เข้าไปกราบสนทนาด้วย ถูกชะตา จึงพากองกำลังทั้งหมดมากราบ
หลวงปู่รดน้ำมนต์ให้ทุกคน
ต่อมาหาญย้ายฐานลงมาทางแขวงจำปาศักดิ์ทำให้ขาดการติดต่อกับหลวงปู่
เรียกว่าต่างคนต่างไปไม่มีใครรู้ข่าวกัน
คราวหนึ่งออกป่าล่าสัตว์คนเดียว ถูกลอบยิงด้วยปืนกลหนัก แบบที่มีขาตั้ง เรียกไม่ถูก ทั้งกระดูกขาฝ่าเท้าแตก ทำให้หนีไปได้ไม่ไกล กลับที่ตั้งไม่ได้
นอนหมดแรงจนสลบอยู่กลางป่าคนเดียว3วัน
คิดว่าตายแน่
อยู่ๆหลวงปู่พรหมาก็ปรากฏตัว
ลงมือช่วยเหลือรักษาแผล
หลวงปู่มีน้ำ้มันงาทั้งนวดทั้งจัดกระดูกที่แตกให้เข้าที่ ทำเฝือก หายา(สมุนไพร)ทำทุกอย่างเพื่อช่วยเขาอยู่ตรงนั้นนานกว่า10วัน
จนฟื้นกำลังแข็งแรงรอดตายค่อยพาเขากลับฐานที่ตั้ง
ถามไปว่า
“ใครไปตามหลวงปู่มาช่วยล่ะ”
“ไม่มีใคร,ท่านมาของท่านเอง”
จะคิดให้เป็นเรื่องเหตุบังเอิญก็พอได้
แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น
นี่จึงเป็นเหตุให้หาญเกิดความรักความผูกพันและเคารพในองค์หลวงปู่ตลอดมา
ในที่สุดทั้งกองร้อยของหาญได้สมัครเข้าเป็นศิษย์ท่านทั้งหมด
กลายเป็นกองร้อยหนังเหนียว รู้จักทั่วไปในหมู่ศัตรูว่ากองร้อยคอแดง
——————————————-
ช่วงนี้ผมมีงานต้องทำ
จะยุ่งอยู่กับงานสัก4-5วัน
ระหว่างนี้ไม่สะดวกมาเล่าสักเท่าไหร่
แต่จะหาจังหวะมาเล่านิดเล่าหน่อยไปเรื่อยๆทุกวันแล้วแต่โอกาส
อย่าเพิ่งวงแตกกันล่ะ
ใครมีธุระส่วนตัวก็เชิญตามสบาย
เสร็จแล้วมาล้อมวงกันต่อ
เดี๋ยวก็มา
————————
เรื่องเล่าหลวงปู่พรหมา เขมจาโร: เขาชื่อหาญ (สุนา แก้ววิจิตร) ตอนที่3
January 12, 2017 Ampol Jane
เอาล่ะจะเล่าเรื่องเขาชื่อหาญต่ออีกสักพัก
ไม่อยากเล่าจนลึกเกินไป ไม่รู้ว่าจะกระทบกับอะไรที่มันเปราะบางกันมั่ง
เหตุการณ์ต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับวัดโพธิและวัดเวินไซ วัดสำเร็จลุน
สมัยนั้นวัดโพธิเป็นที่ตั้งของกองทหารญวน
หาญกับพวกไล่ตีทหารญวนจากด้านนอกวัดเวินไซที่หนีพลางสู้พลางไปเรื่อยๆ
โดยหนีไปทางวัดโพธิ
เขาเล่าว่ามีเรื่องแปลกเกี่ยวกับคนแก่ในหมู่บ้านเวินไซที่มีการปะทะกันคนหนึ่ง
คนแก่คนนี้นั่งจักตอกอยู่บนแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน
เขายิงกันวุ่นวายจนชาวบ้านแตกหนีหาที่หลบซ่อนกันหมด
แกก็ไม่ลุกจากแคร่ไปที่ไหน
หาญเล่าว่า
“ผู้เฒ่านั่นไม่กลัวปืน
เขายิงกันอยู่ต่อหน้าก็นั่งมองดูเฉย
ทั้งยังคอยตะโกนบอกพวกข้อยอีกด้วยว่า
นั่นญวนหลบอยู่ตรงนั้น อยู่ตรงนี้
พวกข้อยได้อาศัยแกชี้บอกเลยได้เปรียบ”
“สงสัยจะมีของดี” ผมว่า
“นั่นสิ แกน่าจะโดนปืนบ้างนะ”
หลังจากนั้นญวนก็ถอยหนีเข้าไปในวัดโพธิกันหมด
ลูกน้องหาญคว้าอาร์พีจีขึ้นเล็งยิงเข้าไปในวัด
“แปลกนะ ลูกอาร์พีจีมันพุ่งเข้าใส่วัด แต่พอจะถึงมันเชิดหัวขึ้นฟ้า,
ยิงไปสองลูกเป็นเหมือนกัน ข้อยเลยยิงเอง ก็เหมือนกันอีก
ข้อยจึงบอกลูกน้องว่าหยุดยิง ให้ค่อยคืบเข้าตีทีละน้อย”
ในที่สุดก็เข้าไปในเขตวัด ยิงไล่ทหารญวนวุ่นวายในนั้น
“มีพระมาตะโกนบอกข้อยว่า เกล็ดโพธิๆ..
ข้อยก็งงว่าเกล็ดโพธิอิหยังล่ะหัวพ่อ
พระก็บอกเก็บเอาๆ”
หาญจึงวิ่งเข้าไปที่ต้นโพธิแกะเอาเปลือกโพธิใส่กระเป๋าเท่าที่จะเอาได้
ในที่สุดทหารญวนก็แตกพ่ายหนีออกจากวัดไปหมด
ยึดวัดได้แล้วหาญก็กลับออกมา ปล่อยวัดไว้เหมือนเดิม
ภายหลังจึงได้แจกเกล็ดโพธิให้ลูกน้องแบ่งกันจนครบ ส่วนหาญเองบอกว่าเขากินเข้าไปเลยไม่ได้พก
ต่อมาได้พบหลวงปู่พรหมาที่ไหนสักแห่ง(ลืม)หลวงปู่ทักว่า
“ลูกเอ๊ย เจ้าไปล่วงเกินครูบาอาจารย์พ่อแล่วเด้อ”
หาญอธิบายว่าเขาไม่เคยรู้เรื่องวัดโพธิหรือวัดเวินไซว่ามีความสำคัญอย่างไร
และไม่ได้บอกหลวงปู่ถึงเรื่องปะทะกับทหารญวนในวัด
แต่หลวงปู่กลับทักท้วงแล้วตำหนิกล่าวโทษ
จึงทราบว่าที่ต้นโพธินั้นคือที่เผาสังขารสำเร็จลุน และสำเร็จลุนคืออาจารย์ของหลวงปู่
หลายเดือนต่อมาหาญจึงมีโอกาสกลับไปขอขมาลาโทษที่ต้นโพธิ
ในขณะที่หาญเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง
ต้นโพธิเป็นความฝันของผมที่จะได้เห็นได้สัมผัส
ยากมากที่จะทำฝันให้เป็นจริง
ลาวในเวลานั้นยังปิดประตูบ้านเงียบ
ไม่มีทางจะเข้าไปได้โดยง่าย
มาสมประสงค์กันไม่กี่ปีนี้เอง
นั่นก็หลังจากตอนนั้นผ่านไปแล้วเกือบ20ปี
หาญเล่าไว้อีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเหตุการณ์ระหว่างลาวกำลังจะแตก
ตอนนั้น(ไม่รู้ตอนไหน)กองกำลังลาวแดงบุกประชิดนครเวียงจันทน์ จะถึงขนาดล้อมนครหรือเปล่าไม่ทราบ
แต่ว่ามีการยิงสู้กันอยู่แถวๆนอกนคร
หลวงปู่พรหมาขณะนั้นพำนักอยู่วัดอะไรไม่ทราบ(ลืม)
อยู่ค่อนมาทางเหนือหรือใต้นครก็จำไม่ได้
กองกำลังของหาญก็ไปรวมตัวอยู่ที่วัดหลวงปู่
“วัดอยู่ตรงกลาง ฝ่ายรัฐบาลก็ยิงข้ามวัดไป ฝ่ายโน้นก็ยิงข้ามมา บางทีกระสุนก็ตกใส่วัด ทั้งอาร์พีจีหรืออื่นๆ แต่ไม่ีแตกไม่ีระเบิด หลวงปู่ฉีกจีวรแจกทุกคน ไมมี่อะไรจะให้
วัดหลวงปู่กลายเป็นที่หลบภัยของผู้หลักผู้ใหญ่ฝ่ายรัฐบาล เป็นที่สำหรับหนีมาขึ้นฮ.เพื่อหลบภัยออกนอกประเทศด้วย”
หลังจากนั้นไม่นานลาวก็แตกสนิท
กองกำลังของหาญก็สลายตัวหนีภัย
หลวงปู่ก็หายสาปสูญไปด้วย
เวลาผ่านไปนานเดือนนับปีจึงทราบข่าวว่าหลวงปู่ข้ามมาฝั่งไทย
ดูเหมือนว่าการมาถึงไทยครั้งแรกนั้นหลวงปู่จะเข้าพำนักที่วัดบุปผาวัน อ.โขงเจียม จ.อุบลฯ ปีสองห้าหนึ่งกว่า
ไม่แน่ใจว่าจะเป็นปี2518หรือเปล่า
มีการออกเหรียญรุ่นแรกที่นี่ด้วย
ตามภาพ
_________________________
วัดหลวงปู่พรหมาในปัจจุบัน
ทางแดงๆที่เห็นว่าเชื่อมวัดกับหมู่บ้านคือทางรถยนต์ สมัยนั้นไม่มี มีแค่ทางเดินเท้า
ประวัติหลวงปู่พรหมมา เขมจาโร เป็นคนบ้านกุศกร ต.กุศกร อ.ตระการพืชผล เกิดเมื่อพ.ศ.2440 บวชเป็นสามเณรเมื่ออายุ12ปี จากนั้นได้ศึกษาพระธรรมวินัยและวิชากับสมเด็จลุน ที่เวินชัยนคร จำปาศักดิ์ นานถึง 6 พรรษา หลังจากที่สมเด็จลุนได้มรณภาพลง หลวงปู่พรหมมาก็ได้ร่วมเดินธุดงค์พร้อมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลังจากนั้นคณะพระธุดงค์ก็แยกย้ายกันไปหาสถานที่อันสงบเงียบบำเพ็ญภาวนาหาวิเวกกันต่ อไป ส่วนหลวงปู่พรหมมาได้จำพรรษาที่ถ้ำแห่งหนึ่งบนยอดภูเขาควายนานถึง 45 พรรษา ต่อมาได้ธุดงค์ข้ามมายังฝั่งไทย เมื่อปีพ.ศ.2533 หลวงปู่พรหมมาได้เห็นว่าถ้ำสวนหิน ภูกระเจียว ในวันเดือนหงายจะมีสัตว์ป่านานาชนิดวิ่งกันขวักไขว่ จึงได้พักบำเพ็ญเพียรแต่นั้นมา ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เคยเสด็จฯมานมัสการหลวงปู่พรหมมาถึง 2 ครั้ง โดยก่อนจะมรณภาพหลวงปู่ได้ดูแลชาวบ้านดงนาและใกล้เคียงเพื่อพัฒนาในบางส่วนให้เรียบร ้อยสวยงามโดยเน้นการรักษาป่าสงวนฯ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)