โพสต์ของคุณ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
และในที่สุด ก็จบปีสาม สักที
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่รู้ใจตัวเองโว้ย...ไม่รู้มันคิดกับเธอคนนี้ยังไง โอ้ยปวดหัว อยากกินเหล้า
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่กล้า บอก รักใคร บางคลแถวนี้เลย ก็เพราะกลัวจะเป็นอุปสรรค์ ของการเรียนต่อของเธอ เศร้า..และเห็นใจ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เราอยู่...เขาก็อยู่อย่างนั้น
เราไม่อยู่....เขาก็อยู่อย่างนั้น
เราจะอยู่หรือไม่อยู่...เขาก็อยู่อย่างนั้น
เราไม่อยู่....เขาก็อยู่อย่างนั้น
เราจะอยู่หรือไม่อยู่...เขาก็อยู่อย่างนั้น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อเธอไม่ค่อยให้ความสำคัญกัน เราก็คงต้องถอยแล้ว เพราะมันมันมีค่าเป็นศูนย์ ก็เพาะเธอ ไม่มีเราในสายตาเล้ย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ในตอนนี้ในตอนที่ฉันสับสนมาก ที่เธอบอกว่ารอเรา ถ้าเราไม่สงสารเธอป่านนี้เราคงไปหารักใหม่แล้วก็เพราะเคยรอใครมาแล้ว ถึงรู้ว่ามันเจ็บปวดและทรมาณมากอย่างที่ไม่มีสิ้นสุด แต่พอเราวิ่งมาแสดงตัวแล้วกลับไม่เลือกเรา
ไม่เสียใจเลยที่เธอไม่เลือกเรา ดีใจด้วยซ้ำ
แต่มันน่าเสียดายตรงเวลาตอนที่วิ่งมาหาเธอจัง จะเอาไปทำอะไรได้อีกเยอะเลย
ไม่เสียใจเลยที่เธอไม่เลือกเรา ดีใจด้วยซ้ำ
แต่มันน่าเสียดายตรงเวลาตอนที่วิ่งมาหาเธอจัง จะเอาไปทำอะไรได้อีกเยอะเลย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อไร่ จะเช้าว่ะ ทำไมพระอาทิตย์มึงยังไม่ขึ้นสักทีวะ กูเบื่อดาวมึงรู้ไหม กูไม่ได้มีคู่มานั่งดูดาวกัน2คนนะเว้ย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทำคนเรารักกัน ไปไหนก็ต้องไปด้วยกัน ต้องโทรหาโทรเช็ค อยู่ไหน ทำอะไร กินข้าวรึยัง คืดถึงเค้าไหม กูได้ยินแล้วโครน่าเบื่อเลย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนที่รักกันจริงๆมันไม่ได้อยู่ที่แค่ ไปหาบ่อยๆเลยไม่ได้อยู่ที่ต้องโทรหาบ่อยๆเลย มันน่าจะอยู่ที่ใจมากกว่า
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ในแต่ละวัยคนเราจะชอบอะไรที่แตกต่างกันออกไป วัยเด็กชอบกินขนม วัยเด็กโตชอบเล่นของเล่น วัยรุ่นชอบจีบสาวชอบอืสระภาพ วัยเริ่มเป็นผู้ใหญ่ชอบวางแผนอนาคตแล้ว วัยผู้ใหญ่ชอบหาไรทำนุ่นทำนี้ ทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีให้เด๋กๆดู น่าเบื่อมาก วัยสูงขึ้นมาอีกหน่อยเริ่มหาอะไรทำที่ค่อนข้างจริงจัง ไม่รู้มันรีบทำรีบตายรึเปล่า วัยอื่น ฯลฯ เยอะ
อต่สุดท้ายสิ่งที่เหมือนกัน ก็คือความสำเร็จนั้นเอง
อต่สุดท้ายสิ่งที่เหมือนกัน ก็คือความสำเร็จนั้นเอง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทำไมคนเราสมัยนี้รักกันชอบกันต้องเลือกที่ใบหน้าก่อนเลย มันช่างแตกต่างกับคนทีารักกันด้วยใจจริง ก็อย่างลุงตาบอดยังรักกันกับป้าคนหนึ่ง ซึ้งทั้งสองคนไม่เคยเห็นหน้ากันเลยด้วยซ้ำ น่านับถือมากๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทำไมเราไม่ออกไปหาอะไร ทำวะ มานั่งกุ้มใจอย่างมันได้อะไรวะ แทนที่จะเอาเวลาไปทำประโยชนกับคนอื่น ไม่ดีกว่าหรอวะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เราจะเป็นคนดีได้อย่างไร ไม่ให้ใครเขาว่า ใครเขาหัวเลาะเยาะเรา
มันย้ากจริงเล้ย กานเป็นผู้ใหญ่
มันย้ากจริงเล้ย กานเป็นผู้ใหญ่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Suttinee Mungsin
คุณได้แท็ก Suttinee Mungsin
เมื่อคืนฝันดี มากๆๆ ฝันว่าได้กอดคนที่เรารัก อย่างมีความสุข
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ @ม่วงสามสิบ
สถานที่: @ม่วงสามสิบ (15.513252101397, 104.72509388167)
ที่อยู่: Muang Sam Sip, Ubon Ratchathani
สถานที่: @ม่วงสามสิบ (15.513252101397, 104.72509388167)
ที่อยู่: Muang Sam Sip, Ubon Ratchathani
โอ้ยๆๆๆๆๆๆคิดถึงๆๆๆๆเทอจัง ยังไม่เคยเห็นกันเลย
ใครไม่อาบน้ำ ดูไว้ๆๆ
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 23, 2012 3:32:21pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ชีวิต เรา มันจะอยู่ได้ยังไง ถ้ามันไม่มีกำลังใจ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อยากให้เธอคนนี้ ลืมเรื่องอดีตเก่าๆที่มันไม่ดี ลืม ลืมมันไปให้หมด ไม่อยากให้กลับไปคิดเรื่อง ก๊ากๆ อย่างนี้เลย ถ้ามันยังคังค่าใจเธออยู่อย่างนี้ และเธอยังแก้อย่างอย่างนี้โดยการเอาคืน มันคงไม่มีวันจบสิ้นกัน ทำไมไม่เดินทางสายกลาง มันมายุ่งกับเรา เราไม่เล่นกับมัน เดี๋ยวมันก็ไปเอง และ เมื่อไรจะได้เห็นเธอคนนี้มีความสุขสักทีเนี๊ยะ....เหนื่อยใจแทน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อไร่ มันจะเช้าวะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพิ่งรู้ว่าการ อดหลับอดนอนมันยิ่งทำให้เราคิดถึงใครบางคน
ฟังแล๊วน้ำตาแทบจะไหล
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 07, 2012 5:01:47pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โอ้ยๆ ไข้แฮงเกือบได้นอนโรงบาล แมะ เกือบตาย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เช้าวันใหม่วันนี้ ขอให้ชาวเฟสและข้าพระเจ้าเจอแต่เรื่องดีๆนะวันนี้ สาธุๆๆๆๆๆ เพี้ยงๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เซ๊งๆๆถึงวัน พฤหัสบดีที่ไร ไม่อยากไป รร ทุกที ร้องเท้า ร.ด ซิบแตกโว้ย ใส่อิแตะเลยดีไหม...!!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่ช่วย แล้วยังมาว่าคนอื่นอีก เก่งทำไมไม่ทำเองละ
อยู่ดีๆก็ไม่มีใครว่ามึงหรอกนะ
กูละเกลียดจริงๆ..! พวกชอบข่มคนอื่น แล้วเอาตัวรอด เฮี้ยโค่ตเห็นแก่ตัววะ มีความสุขคักเบาะ บนความทุกข์ผุอื่น
อยู่ดีๆก็ไม่มีใครว่ามึงหรอกนะ
กูละเกลียดจริงๆ..! พวกชอบข่มคนอื่น แล้วเอาตัวรอด เฮี้ยโค่ตเห็นแก่ตัววะ มีความสุขคักเบาะ บนความทุกข์ผุอื่น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ปิดเทอมแล้ว ไม่มีไรทำโว้ย เซ๊งๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กลุ้มใจ จัง เลย เว้ย โอ้ย คิดไรไม่ออก อยากช่วย แต่ช่วยไม่ได้เลย เสียใจวะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพื่อนๆ ครับ ใครเก่งกฏหมาย รบกวนแซตมาหาผม หน่อยครับ
มีเรื่องคาใจอยากปรึกษา
มีเรื่องคาใจอยากปรึกษา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่สงสัยเลยว่าทำไม ไม่มีใครแซตมาตอบเลย ก็เพราะว่า มีเพื่อน ที่เป็นผู้ใหญ่ไม่กี่คนเลย 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"ทำไมเวลาเราอยู่กับเด็กๆที่อายุน้อยกว่า เรารู้สึกว่าเรามีความเป็นผู้ใหญ่มากๆ
แต่เวลาอยู่กับผู้ใหญ่ เราเหมือนยังเป็นเด็กอยู่เลย"
แต่เวลาอยู่กับผู้ใหญ่ เราเหมือนยังเป็นเด็กอยู่เลย"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่กินเหล้า ไม่ดูดบุหรี่ ไม่เล่นยา ก็ว่าเราไม่ใช่ลูกผู้ชาย แล้วลูกผู้ชายมันวัดกันตรงไหน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่เคยได้แกล้งผุหญิง วันนี้ได้แกล้งเธอแล้ว ตลกสุดๆ 55
ขอโทษนะครับ
ขอโทษนะครับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ฝนไม่ตก=ต้องไปเกี่ยวข้าวรถเกี่ยว (เหนื่อย)
ฝนตก=พักผ่อนกาย พักผ่อนใจ (ไม่เหนื่อย)
ตกมาเยอะๆนะครับ 55
ฝนตก=พักผ่อนกาย พักผ่อนใจ (ไม่เหนื่อย)
ตกมาเยอะๆนะครับ 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อกหักเมื่อไร่...ค่อยแวะมานะ @
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่เข้าใจDTACเลย
เราซื้อsim dtac 15หยกๆ16หย่อนๆ มันมีโปรเล่นfacebook ฟรี 99วัน ติดมาด้วยอยู่แล้ว พอเราเติมเงินเข้าไป มัันหักเงินเอาเงินเราไปเลยทุกครั้งที่เปิดสัญญาณเน็ตเล่นเฟสบุ๊ก (นายDTACนายจะให้เราปิดสัญญาณเน็ตเล่นเฟสบุ๊กหรอ)
เราซื้อsim dtac 15หยกๆ16หย่อนๆ มันมีโปรเล่นfacebook ฟรี 99วัน ติดมาด้วยอยู่แล้ว พอเราเติมเงินเข้าไป มัันหักเงินเอาเงินเราไปเลยทุกครั้งที่เปิดสัญญาณเน็ตเล่นเฟสบุ๊ก (นายDTACนายจะให้เราปิดสัญญาณเน็ตเล่นเฟสบุ๊กหรอ)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โอ้ย...ๆๆๆ ปวดแอวๆ เด้ๆ พี่น้อง..
ไปรับจ้างเกี่ยวข้าวมา2วันแล้ว ได้ตัง700
คุ้มแต่โคตร ปวดแอวเลย.. @ใครก็ได้มาเหยียบแอวให้แน..มีตังให้ 5555+
ไปรับจ้างเกี่ยวข้าวมา2วันแล้ว ได้ตัง700
คุ้มแต่โคตร ปวดแอวเลย.. @ใครก็ได้มาเหยียบแอวให้แน..มีตังให้ 5555+
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้เดินไปเกี่ยวข้าว เจองูเห่าตัวใหญ่มากๆห่างกันแค่ครึ่งก้าวเองกำลังยกหัวขึ้นทำท่าจะขอจูบเรา แต่ดีนะเราไม่ใจง่ายให้มันจูบ ไม่งั้นได้รักกันตายเลย 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพื่อนๆครับ เวลามีเรื่องไมาสบายใจ เพื่อนๆทำยังไงหรอ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
นอนละพรุ่งเดี๋ยวเคลีย ตอนนี้ง่วงมากมาย ไว้ก่อน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ฮื้อ..ๆๆๆๆ ปากแตก เจ็บหลาย
วันนี้ซวยจริงๆโว้ย ไปมัดข้าวกู้ข้าวช่วยลุง กุญแจมือหมุนสต้าดรถไถ หลุดโดนปาก ฟันเกือบหลุดหมด
อดไปดู ดอกอ้อที่อำเภอเลย
โอ้ยปวดน๋อ...
วันนี้ซวยจริงๆโว้ย ไปมัดข้าวกู้ข้าวช่วยลุง กุญแจมือหมุนสต้าดรถไถ หลุดโดนปาก ฟันเกือบหลุดหมด
อดไปดู ดอกอ้อที่อำเภอเลย
โอ้ยปวดน๋อ...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หมอบอกว่า ถ้าอยากหายเร็วให้หุบปาก เป็นเวลา1อาทิตย จรูจะทามได้ไหมเนี๊ยะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ทำงานแค่6ชัวโมง ก็ได้ตังตั้ง300 บาท พรุงนี้ไปตลาด55 ฮ่าๆๆๆแม่เราใจดีจัง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อยากพูดให้เธอฟังไว้ ถ้ารู้ว่าตอนนั้นเธอไม่มีใคร ฉันจะเข้าไปขอจีบเธอเป็นคงแรกเอง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"..ผมคิดว่าบางครั้งความรัก "มันไม่จำเป็นต้องได้ใจเธอมาก็ได้
แค่เห็นเธอพอใจและมีความสุข
ในสิ่งที่เรากำลังทำให้เธออยู่ ถึงแม้จะรอทั้งชาติเธอก็ไม่มีวันมารักเราก็ตาม.."
แค่เห็นเธอพอใจและมีความสุข
ในสิ่งที่เรากำลังทำให้เธออยู่ ถึงแม้จะรอทั้งชาติเธอก็ไม่มีวันมารักเราก็ตาม.."
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้จะพาแม่ ไปเอาตังขายข้าว
หรือจะไป รร ดีน่ะ
หรือจะไป รร ดีน่ะ
ตอนนี่..กำลังเป็นเล๊ย
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 03, 2012 10:25:11pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พรุ่งนี้จะไปกับเธอ กับเธอ นายความรัก ^_^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลาเหลือน้อยลงทุกทีทุกทีแล้ว
จะทำให้เธอรู้สึกดีกะเราได้มะเนี๊ยะ...!!
จะทำให้เธอรู้สึกดีกะเราได้มะเนี๊ยะ...!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มีใครรู้บ้าง ทามไม 1+1=0
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่อยากบอกเลย ว่าวันนี้เราจะชนะใจตัวเอง ที่กล้าทำให้สิ่งที่ตัวเราเองเมื่อก่อนไม่กล้าจะทำ...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
บอกตัวเองอยู่เสมอว่า "กินความทุกขอิ่มเมื่อไร" ก็ออกมาซะน่ะ "จะได้ไม่ทุกข"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันพ่อจะซื้อไรให้พ่อ ดีน่ะ ..?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไอ้น้องวางใจได้เลย พี่ไม่แย่งแฟนน้องหรอก 100%
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ี่แค่ไม่อยากให้มันค้างคาใจอยู่อย่างงี้
ที่ต้องมาหลบๆซ่อนๆแอบชอบแอบมอง แฟนน้องอยู่อย่างงี้ อีกอย่างถ้าพี่ไม่บอก ต่อไปพี่ก็จบ6จะไม่ได้บอกแฟนน้องอีกแล้ว พี่เลยตัดสินใจบอกนะ
เข้าใจน่ะที่พี่ทำแบบนี้
(หวังว่าจะเข้าใจ)
ที่ต้องมาหลบๆซ่อนๆแอบชอบแอบมอง แฟนน้องอยู่อย่างงี้ อีกอย่างถ้าพี่ไม่บอก ต่อไปพี่ก็จบ6จะไม่ได้บอกแฟนน้องอีกแล้ว พี่เลยตัดสินใจบอกนะ
เข้าใจน่ะที่พี่ทำแบบนี้
(หวังว่าจะเข้าใจ)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทามไงดีอ่ะเหมือนกาแฟตอนกลางวันจะขึ้นแล้วอ่ะ นอนแท๊บไม่หลับเลย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันพ่อวันนี้ ใครที่ไม่คิดจะทำอะไรให้พ่อเลย หรือคิดแต่ไม่กล้า ระอายตัวเอง คิดใหม่ซะ
ถ้าวันนี้คุณไม่ทำเพราะยังอายตัวเองอยู่ หรืออายที่เพื่อนเห็นแล้วเอาไปล้อ
ช่างหัวมัน เราทำในสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว
แล้วถ้าสมมุติว่ามันไม่มีพรุ่งนี้อีกล่ะ
คุณจะทำยังไง จะเสียใจแค่ไหน
พ่อ มี คน เดียว น่ะ เว้ย
ถ้าวันนี้คุณไม่ทำเพราะยังอายตัวเองอยู่ หรืออายที่เพื่อนเห็นแล้วเอาไปล้อ
ช่างหัวมัน เราทำในสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว
แล้วถ้าสมมุติว่ามันไม่มีพรุ่งนี้อีกล่ะ
คุณจะทำยังไง จะเสียใจแค่ไหน
พ่อ มี คน เดียว น่ะ เว้ย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"ความอาย" ไม่เคยทำให้เราประสบผลสำเร็จ
"ความกล้า" และความสามารถ เท่านั้น ที่จะทำให้เราประสบผลสำเร็จ
และมีชีวิตที่ดีขึ้น
(อีก3ปีจะเข้าอาเซี่ยนแล้วน่ะ)
"ความกล้า" และความสามารถ เท่านั้น ที่จะทำให้เราประสบผลสำเร็จ
และมีชีวิตที่ดีขึ้น
(อีก3ปีจะเข้าอาเซี่ยนแล้วน่ะ)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทำแฟตไดร์เพื่อนเดี้ยง ใช้งานไม่ได้เลย ตอนนี้ ต้องรับผิดชอบเต็มๆ 4GB
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ดูรูปตัวเอง ตอนเด็กๆ
ขำๆมากๆ ดำๆแหล่ๆ 555 ซะล่ะ 555+ มีไผ๋อยากเบิงบอ
ขำๆมากๆ ดำๆแหล่ๆ 555 ซะล่ะ 555+ มีไผ๋อยากเบิงบอ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คิดว่าจะทำ สิ่งที่ถูกต้อง ที่สุดแล้วนะ แต่ใจมันทำไม่ได้เลย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โลกนี้ถ้าไม่มี ญ ผู้ชายคง กินกันเน้อ :)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ เบียร์บี้ เบียร์บี้ ที่ ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ
คุณได้แท็ก เบียร์บี้ เบียร์บี้
สถานที่: ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ (15.900708869655, 104.62338672845)
ที่อยู่: เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ
สถานที่: ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ (15.900708869655, 104.62338672845)
ที่อยู่: เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ
มาเดินอาบแดด งานกาชาด
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ เที่ยวทั้งวัน บ่ได้เวี๊ยกเลย กู
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ เหนื่อยโคตรๆเลย
เดินๆหยุดๆ หลีกรถ หลบคน
แต่ก็ดี ได้สลายไขมันส่วนเกิน 55+
เดินๆหยุดๆ หลีกรถ หลบคน
แต่ก็ดี ได้สลายไขมันส่วนเกิน 55+
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เริ่มต้นด้วยการแอบมอง ต่อมาก็แอบชอบ และต่อมาอีกก็รักและห่วงใย มีความอยากเป็น เลยตัดสินใจชวนเธอมารักกัน
เธอตอบว่า...?
เธอตอบว่า...?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Toey Kreepol
คุณได้แท็ก Toey Kreepol
นอนด้วยกันเพิ่งตื่น กับที่รัก 555+
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้จะได้ไปนากับอิแม่แล้ว
ดีใจมากๆๆๆ เย้ๆๆ..!! (มันช่างสวนทางใจเราจริงๆวุ้ย)
ดีใจมากๆๆๆ เย้ๆๆ..!! (มันช่างสวนทางใจเราจริงๆวุ้ย)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
นักเรียนจีบรุ่นพี่มหาลัยมุขนี้จะผ่านไหมครับ
ช พี่ครับๆ ห้องน้ำไปทางไหนครับ
ญ ไม่ว่าเขาจะรู้ทาง/ไม่รู้ หรือจะพาไป/ไม่ไป
ช พูดว่า พี่ครับ ขอบ..คุณ..คร๊าฟ (พูดช้าๆ) แล้วก็ยิ้มแล้วพูดต่อ พี่น่ารักจังแถมยังใจดีอีก
ขอรู้จักพี่ได้ไหมครับ เบอรโทรหรือเฟสบุ๊กก็ได้ ครับ
ช พี่ครับๆ ห้องน้ำไปทางไหนครับ
ญ ไม่ว่าเขาจะรู้ทาง/ไม่รู้ หรือจะพาไป/ไม่ไป
ช พูดว่า พี่ครับ ขอบ..คุณ..คร๊าฟ (พูดช้าๆ) แล้วก็ยิ้มแล้วพูดต่อ พี่น่ารักจังแถมยังใจดีอีก
ขอรู้จักพี่ได้ไหมครับ เบอรโทรหรือเฟสบุ๊กก็ได้ ครับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เรามันไม่มีสิทธ ไปรักเธอ เข้าใจไหม
.......!!!!!!"
.......!!!!!!"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โอ้ย..เมื่อยๆๆ กดLike ให้ขเจาหลายโพ้ด
(ไม่ต้องแชตมาขอบคุณและก็บอกว่าLikeโหดน่ะ)
(ไม่ต้องแชตมาขอบคุณและก็บอกว่าLikeโหดน่ะ)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
นั้งเล่น facebook อยู่คนเดียวดีๆ
มีคนเดินมาบอกว่า นั้งหายใจทิ่มยุซือๆ
สรุปเราผิดหรอ..?
มีคนเดินมาบอกว่า นั้งหายใจทิ่มยุซือๆ
สรุปเราผิดหรอ..?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผู้ชาย/ผู้หญิง เวลาโกรธใครมากๆ มักจะมีความกล้าทำเรื่องเลวๆไปทางลบ
แท้บทุกอย่างที่คิดได้
ถึงจะหมารอบกัดไม่รอบกัดก็ไม่สน
แท้บทุกอย่างที่คิดได้
ถึงจะหมารอบกัดไม่รอบกัดก็ไม่สน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แม่งเอ้ย กูอยู่ดีๆของกู เปิดแซตมามีคนมาด่า7คน ลักษะณเหมือนกันหมด กูไปทำอะไรให้พวกมึงวะ กูไม่เคยโพตอะไรพ้าดพิงถึงพวกมึงเลย แล้วอีกอย่างกุก็ไม่รู้จักพวกมึงเลย มาด่ากู สัส ๆเปรตๆ อย่างงี้อย่างกะรู้จักกัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เป็นผุชายด้วยกัน ให้เกรียติกันบ้างสิวะ
ทำยังกะพวกนักเลงอันธพาล กูกับมึงเป็นใคร มึงก็ต่างรู้ดี อย่ามาปีนเกียวไส่กูกูไม่ชอบ
ทำยังกะพวกนักเลงอันธพาล กูกับมึงเป็นใคร มึงก็ต่างรู้ดี อย่ามาปีนเกียวไส่กูกูไม่ชอบ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ @ ลานพระรูปทรงม้า สวนอัมพร
สถานที่: @ ลานพระรูปทรงม้า สวนอัมพร (13.7064444, 100.52336373333)
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
สถานที่: @ ลานพระรูปทรงม้า สวนอัมพร (13.7064444, 100.52336373333)
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
ดูมวยTHAI FIGHT กับพ่อ55 ^_^ ที่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เริ่มสับสนใจตัวเองไม่รู้มันเป็นอะไรของมัน ใครก็ได้มาวิเคราะห์ให้แน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
นอนดึกตามเคยเลยเรา ว่าจะนอนสัก19:00
แต่ทำไม่ได้เลย เฮ้อ..!!
แต่ทำไม่ได้เลย เฮ้อ..!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"ในคนหนึ่งคน มีใจหนึ่งใจเน้อ เวลาเลือกที่จะฝากหัวใจไว้กับใครสักหนึ่งคนที่เข้ามานิ มันคงต้องเลือกและใช้เวลาดูกันนานพอสมควรกว่าจะตัดสินใจได้เน๊อะก็นาน ก็เพราะกลัวจะได้ร้องให้ แงๆ เสียใจและเจ็บ
การตัดสินใจมันเลยไม่ใช่เรื่อง่ายๆเลย
แล้วถ้าสมมุติว่าคนที่อยู่ข้างหลังเหลือXPอยู่ไม่มากละ หรือใกล้จะหมดเวลาแล้ว ในตอนนั้นเธอจะมองฉันไหม ในตอนนั้นเธอจะมองดูฉันจากไป
หรือเธอจะจับมือฉันไว้และเดินกลับมา.."
การตัดสินใจมันเลยไม่ใช่เรื่อง่ายๆเลย
แล้วถ้าสมมุติว่าคนที่อยู่ข้างหลังเหลือXPอยู่ไม่มากละ หรือใกล้จะหมดเวลาแล้ว ในตอนนั้นเธอจะมองฉันไหม ในตอนนั้นเธอจะมองดูฉันจากไป
หรือเธอจะจับมือฉันไว้และเดินกลับมา.."
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้เราจะร้องให้ เห็นน้ำตฆาตัวเองไหลออกมาเลย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตอนนี้เหมือนเฟสบุ๊กจะกินสมองไปแล้ว 60%ของ100
ไม่ทราบว่าใครพอจะมียาAnti Facebook บ้างครับ ขอหน่อยๆๆ 55 ^_^
ไม่ทราบว่าใครพอจะมียาAnti Facebook บ้างครับ ขอหน่อยๆๆ 55 ^_^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อยากให้ครูยึด โน๊ตบุ๊ก ยึดโทรศัพท์ ยึดมันไปให้หมดเลย ผมจะได้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้น (สำนิกะเว้าเป็น55)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะสำคัญขนาดนั้น ที่จะต้องให้เธอมารักฉัน จบปะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เล่นเฟสแบบนี้ มันดูรูปใครก็ไม่ได้เลย ไอ้ 0.facebook.comนิ แต่ยังดีมันให้เล่นฟรี เงินหมดวันหมดเล่นได้เฉยเลย เทพจริงๆๆDTAC
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ในเฟสนี้"ใครชื่อตาหวานอะ"มีเด็กน้อยคนหนึ่งคิดถึง ได้ยินไหม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ปัญหาของวัยรุ่นนิ
มันแท้บไม่มีอะไรเลย
นอกจากความรัก
มีทั้งบวกและลบ แม่งถึงกับฆ่ากันตายก็มี ไอ้ความรักนิมันทำได้ทุกอย่างเลยเนาะ
มันแท้บไม่มีอะไรเลย
นอกจากความรัก
มีทั้งบวกและลบ แม่งถึงกับฆ่ากันตายก็มี ไอ้ความรักนิมันทำได้ทุกอย่างเลยเนาะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้เห็นเพื่อนไม่สบายใจสรุปเพือนมันเลิกกลับผุหญิงคนหนึ่งนะ เรา>ถามมันว่าทำไมถึงเลิกกันมีปัญหากันหรอ
เพื่อน>ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันหรอก
เรา>ต้องมีสิแล้วทำไมถึงเลิก
เพื่อน>มันตอแหลกับกูอะ
(ทุกคนไม่ชอบคนตอแหลหรอกเนาะ เชื่อเลยว่าถ้าคุณรู้ว่าคนที่คุณคบยุ ตอแหลกับคุณนั้น คุณก็ไม่อยากเอามันไว้ใช่ปะ จะคบทำหอกอะไร)
เพื่อน>ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันหรอก
เรา>ต้องมีสิแล้วทำไมถึงเลิก
เพื่อน>มันตอแหลกับกูอะ
(ทุกคนไม่ชอบคนตอแหลหรอกเนาะ เชื่อเลยว่าถ้าคุณรู้ว่าคนที่คุณคบยุ ตอแหลกับคุณนั้น คุณก็ไม่อยากเอามันไว้ใช่ปะ จะคบทำหอกอะไร)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่เคยกลัวการอกหัก เพราะมันเป็นเรื่องที่ดี กับเรามากๆๆ ยิ่งอกหักมากๆๆยิ่งมีคว่มเป็นผุใหญ่มากๆๆๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แม่งมึงไม่ต้องมารับกุแล้วน่ะเว้ย มึงพูดอะไรก็ไม่รู้ กุไม่เชื่อมึงหรอก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตอนนี้คุยกับพี่ ไม่รู้เรื่องเลย พรุ่งนี้จะอธิบายน่ะพี่ ขอบคุณมากๆครับคำปรึกษา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อคืนใครได้ไปสมโพ้ดที่หัวตะพานบ้างอะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คิดมากปวดหัว
คิดน้อยก็ย่อมรู้น้อย
ไม่คิดอะไรเลย..¡!โง่
รู้ๆอย่างงี้แล้ว คิดมากๆ เหมือนผมนะทุกคน ผมจะได้มีเพื่อนที่คิดมากเหมือนผม 555
คิดน้อยก็ย่อมรู้น้อย
ไม่คิดอะไรเลย..¡!โง่
รู้ๆอย่างงี้แล้ว คิดมากๆ เหมือนผมนะทุกคน ผมจะได้มีเพื่อนที่คิดมากเหมือนผม 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่ได้ต้องการใคร
แต่แค่ต้องการเธอคนเดียว
เข้าๆใจไหม..!!
แต่แค่ต้องการเธอคนเดียว
เข้าๆใจไหม..!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนหัดใช้ BB ใหม่ๆ เป็นเหมือนกันหมดไหมครับ คือหา สระ+พยัญชนะไม่เจอ..!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กระโดด สิ่งที่ฉันเป็น ผีเสื้อ รุจ หน้าตาดีแต่ไม่มีแฟน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Peerapol Treeraksa ที่ ลานน้ำพุ หอนาฬิกาอำนาจเจริญ
คุณได้แท็ก Peerapol Treeraksa
สถานที่: ลานน้ำพุ หอนาฬิกาอำนาจเจริญ (15.863513403168, 104.6272163086)
ที่อยู่: เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ 37000
สถานที่: ลานน้ำพุ หอนาฬิกาอำนาจเจริญ (15.863513403168, 104.6272163086)
ที่อยู่: เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ 37000
พาเพื่อนมาบอกเลิกแฟน55 ที่หอ นาฬิกา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ ลานน้ำพุ หอนาฬิกาอำนาจเจริญ
สถานที่: ลานน้ำพุ หอนาฬิกาอำนาจเจริญ (15.863513403168, 104.6272163086)
ที่อยู่: เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ 37000
สถานที่: ลานน้ำพุ หอนาฬิกาอำนาจเจริญ (15.863513403168, 104.6272163086)
ที่อยู่: เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ 37000
อิจฉาคนมีคู่จังวู้ย..ผุสาวผุบ่าวเค้านั้งเล่นนำกัน ยุศาลา ส่วนเราก็นั้งรอเพื่อนคุยกับแฟน แบบไกลๆ ไกลมากๆยังกะกลัวว่าเราจะชอบ ฮ้อนแดดวุ้ยๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แยกเรื่องความรัก ออกจากเรื่องส่วนตัวไม่ได้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ที่ผ่านมาไม่โทรหา รู้ปะ ว่าเพราะอะไร
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
บ้านใครเลี้ยงหมา มีลูกหมาแบบ ตาสีฟ้าๆชมพูนิดหนึ่ง ขนสีทองๆขาวๆ น่ารักๆบ้างอะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนเราต้องการผลลัพ
มากว่าวิธีการ อยู่เสมอ
เรื่องง่ายๆเลย คิดเลข..!!
มากว่าวิธีการ อยู่เสมอ
เรื่องง่ายๆเลย คิดเลข..!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ยิ้มให้กับฉันหน่อย..ก้เธอนั้นน่าร๊าก ขนาดนั้น..ไม่ให้แอบมองจะได้ไง..a hu
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่มีใครบอกฝันดีเลย @I คืนนี้มึงนอนหลับฝันดีเอาเองนะ 55 บอกตัวเองก็ได้ แฮ่ๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทำไม่แอรการด DTAC มันช้าอย่างงี้น่ะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนไหวง่ายจริงๆหรอ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ข่อย ฮั้ก เจ่า หลายเด้อ เจ่าจง ฮู้ใว่เด้อแก้วตาคนงาม =^__^= 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลาทิเฮาเมือย เวลาทิเฮาบ่มีแฮงสิสู่แล้ว มันบ่ใว๋แล้วอิลี๋ ละสิมิใผ๋บ่ทิสิเข้าใจเฮา พ่อแม่ กะบ่เข้าใจ ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ โอ้ยกุอยากฮ้องให้ดังๆเด้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เก็บกรด โว้ย ได้แต่ข่มมันไว้ๆๆหัวกุจะแตกยุแล้ว พวกมึงโตมาได้ยังไง มีสมองกันไหม มึงคิดว่ามึงเป็นผุใหญ่คักเบาะ แค่มีลูกมีเมียแค่นี้เบาะ มึงก็ว่ามึงได้เป็นผุใหญ่แล้วเบาะ กุยุม6กุก็ทำเหมือนมึงได้ มึงเป็นคนผิดยุแล้ว มึงยังจะหนีอีก แม่งนิหรอเป็นผุใหญ่ ไปแต่ฮูเจาของ หนีปัญหา ผิดบ่ยอมรับหนีปัญหาๆๆๆ บักฮ่ามึงเอ้ย บักสถุน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ขอให้เธออยู่กับฉันนานๆๆ และตลอดไป น่ะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
นอนไม่หลับ วุ้ยๆๆๆๆๆ กลัวเธอเข้าใจผิด
อย่าเข้าใจผิดน้าๆๆๆๆๆ น้าๆๆๆๆๆ คนดี
อย่าเข้าใจผิดน้าๆๆๆๆๆ น้าๆๆๆๆๆ คนดี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ง่วงๆๆๆๆๆ นอน จุ้งเบ้ย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Jeeranan Korkasat
คุณได้แท็ก Jeeranan Korkasat
อาจารยครับ ผมละเซ๊งคนเข้าใจผิดผม วุ้ยๆๆ
คนทั้งหมู่บ้าน เข้าใจผิดว่าผมเป็นกระเทย
ทั้งๆที่ผมยอมเป็นดำ ให้โรงเรียนแท้ๆ
โอ้ยผมละขี้ค้านอธิบาย
ถ้ามีงานหน้าอีก บ่เอาละเด้อครับครู
คนทั้งหมู่บ้าน เข้าใจผิดว่าผมเป็นกระเทย
ทั้งๆที่ผมยอมเป็นดำ ให้โรงเรียนแท้ๆ
โอ้ยผมละขี้ค้านอธิบาย
ถ้ามีงานหน้าอีก บ่เอาละเด้อครับครู
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คุณจงทำในสิ่งที่ถูกต้อง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตอนนี้เหงาๆๆๆๆๆๆๆวุ้ยๆๆๆๆตังโทรสับก็ไม่มี โฮ้ยเซง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เงินตั้ง1,000 บาท ถึงมันจะน้อยกับใครบางคน
แต่สำหรับเรา มันมีค่ามากเหลือเกิน
(หาด้วยตัวเองยังย้าก) ให้ผมคิดดูก่อนได้ไหมครับ ก็กลัวจะโดนหลอกอะน่ะ..%%%%
แต่สำหรับเรา มันมีค่ามากเหลือเกิน
(หาด้วยตัวเองยังย้าก) ให้ผมคิดดูก่อนได้ไหมครับ ก็กลัวจะโดนหลอกอะน่ะ..%%%%
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โทรสับพวก Smart phone ทำไมร้อนเร็วเป็นบ้าเลย เดี๋ยวจับมุ้ดน้ำ 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ฝากรูปไว้หน่อยน่ะเฟสบุก กลัวหาย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ออลไว้ แต่คนไม่ได้ยุเล่นน่ะครับ
คืออัพรูปในโทรสับ ไปฝากไว้ กับfacebook เฉยๆครับ
( กลัว Memory หาย กลัวโนตบุ๊กฮาดดิส พัง
) 555+
คืออัพรูปในโทรสับ ไปฝากไว้ กับfacebook เฉยๆครับ
( กลัว Memory หาย กลัวโนตบุ๊กฮาดดิส พัง
) 555+
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไปอาบน้ำกินข้าวดีกว่า
ต่อด้วยไปปาหินใส่หลังคาบ้าน ค้ะเจ่า อิอิ
ต่อด้วยไปปาหินใส่หลังคาบ้าน ค้ะเจ่า อิอิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"อยากมีคนใหม่ "
"แต่ยังเกรงใจคนเก่ายุ"
(แสดงว่าใจยังมีคนเก่ายุ)
(แต่ถ้าคิดแล้วว่าคนเก่ามันไม่ใช่จริงๆ
ต้องใจนักเลงพอ)
"อยากมีคนใหม่"
"ต้องกล้าทิ้งคนเก่า"
"แต่ยังเกรงใจคนเก่ายุ"
(แสดงว่าใจยังมีคนเก่ายุ)
(แต่ถ้าคิดแล้วว่าคนเก่ามันไม่ใช่จริงๆ
ต้องใจนักเลงพอ)
"อยากมีคนใหม่"
"ต้องกล้าทิ้งคนเก่า"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ใครมาaddขอเป็นเพื่อน
มาแบบไม่หวังดี มาเพื่อก่อกวน มาดูข้อมูลส่วนตัว แล้วเอาไปทำไม่ดีไปทางลบ ไม่หวังดี ทำลาย ปั่นปวน
อย่ามาadd เลยครับ
(ที่ผ่านมามีคน ด่า ก็ไม่รู้ไปทำอะไรให้น่ะ ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ) ถ้ามีอีกไม่ยอมแล้วน่ะครับ
รายชื่อคนที่เคยมาด่าผมในเฟส
1 Steet Karamung
2 มีเทอ มีฉัน ก้พอ
3 ให้อยุดรักปุ้ย ยังดีกว่า
4 Zaxsent provan
5 ถ้าชน ไม่กลัวตาย
6 AssZa mamayou
7 ผุชาย ขายน้ำว้า
8 พาลชัย นครโขงเจียม
9 หอยน้อย หอยน้อย
10 มึงกู เพื่อนกันวันหยุด
ยังมีอีก)
ทั้งหมดผมลบ ผมบล๊อกหมดแล้ว
ถ้ามีอีกจะไม่ลบที่ด่าแล้วน่ะ แต่จะ Screenshot,จับภาพหน้าจอไว้เป็นหลักฐาน แจ้งทางFacebook ดำเนินคดีเลย เอาจริง
มาแบบไม่หวังดี มาเพื่อก่อกวน มาดูข้อมูลส่วนตัว แล้วเอาไปทำไม่ดีไปทางลบ ไม่หวังดี ทำลาย ปั่นปวน
อย่ามาadd เลยครับ
(ที่ผ่านมามีคน ด่า ก็ไม่รู้ไปทำอะไรให้น่ะ ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ) ถ้ามีอีกไม่ยอมแล้วน่ะครับ
รายชื่อคนที่เคยมาด่าผมในเฟส
1 Steet Karamung
2 มีเทอ มีฉัน ก้พอ
3 ให้อยุดรักปุ้ย ยังดีกว่า
4 Zaxsent provan
5 ถ้าชน ไม่กลัวตาย
6 AssZa mamayou
7 ผุชาย ขายน้ำว้า
8 พาลชัย นครโขงเจียม
9 หอยน้อย หอยน้อย
10 มึงกู เพื่อนกันวันหยุด
ยังมีอีก)
ทั้งหมดผมลบ ผมบล๊อกหมดแล้ว
ถ้ามีอีกจะไม่ลบที่ด่าแล้วน่ะ แต่จะ Screenshot,จับภาพหน้าจอไว้เป็นหลักฐาน แจ้งทางFacebook ดำเนินคดีเลย เอาจริง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ห่างแค่เพียงเอื่อมมือ
แต่ช่างดูแสนไกล ยิ่งทำเป็นเหมือนเพื่อนสนิท
ยิ่งไม่มีสิทธจะบอกไป ว่ารักเธอ..
(เพราะจังวุ้ย..อิอิ)
แต่ช่างดูแสนไกล ยิ่งทำเป็นเหมือนเพื่อนสนิท
ยิ่งไม่มีสิทธจะบอกไป ว่ารักเธอ..
(เพราะจังวุ้ย..อิอิ)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Thara Sudjai
คุณได้แท็ก Thara Sudjai
หน้าหนาว มาแว้ย
ไม่มีคู่เหมือนเดิม ไม่มีคู่ จริงๆจังๆ กับเค้าซ้ากคน พาพี่ไปหาคู่หน่อยจิ
ไม่มีคู่เหมือนเดิม ไม่มีคู่ จริงๆจังๆ กับเค้าซ้ากคน พาพี่ไปหาคู่หน่อยจิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
รับ @ Add ผมหน่อยครับ( ^^__^^)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
Udomsak Lamlear. Sawasa Doomkawe. เด็กในสังกัด ทีมงานไหลลื่น อิ๊อิ๊. เอิร์น ปรัชย์นันท์ ทรัพย์อุดม. N'Beam Thanatporn. อรัญญา อินทร์โท่โล่. Thossapron Khurasi. Ruengurai Khemsri. เค้าหาว่านู๋ เปนคาสโนวี่อ่ะ. Portgas D Guy
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เธอทำในสิ่งที่ถูกต้องแหละดีแล้ว
เลือกคนเก่าละดีแล้ว ฉันคนนี้ ไม่เป็นไรหรอก คนเก่าเคยคบกันมานานผูกพันกันมานาน รู้ใจกันดียุแล้ว ไม่ต้องปรับตัวไรมาก ยังรักคนเก่าก็เลือกคนเก่าก็ขอให้โชคดี น้าๆๆๆ happyๆๆ กันน่ะ ถ้ามีไรให้ช่วยก็บอกได้ น่ะ (เคยพูดกับเธอว่า จะไม่ทิ้งเทอร) ในใจก็ตั้งใจให้เป็นอย่างงี้แหละ อะน่ะ ( ^_^) happy ปีใหม่ รักกัน ตลอดไปน่ะ ดูแลกันดีๆน่ะ
เลือกคนเก่าละดีแล้ว ฉันคนนี้ ไม่เป็นไรหรอก คนเก่าเคยคบกันมานานผูกพันกันมานาน รู้ใจกันดียุแล้ว ไม่ต้องปรับตัวไรมาก ยังรักคนเก่าก็เลือกคนเก่าก็ขอให้โชคดี น้าๆๆๆ happyๆๆ กันน่ะ ถ้ามีไรให้ช่วยก็บอกได้ น่ะ (เคยพูดกับเธอว่า จะไม่ทิ้งเทอร) ในใจก็ตั้งใจให้เป็นอย่างงี้แหละ อะน่ะ ( ^_^) happy ปีใหม่ รักกัน ตลอดไปน่ะ ดูแลกันดีๆน่ะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไปอ่านเจอมา
คนที่จะใส่แว่นตาแบบ น่ารักๆ เกาหลีๆ แค่หน้าใส ใช่ปะ ถึงจะใส่ขึ้น
คนที่จะใส่แว่นตาแบบ น่ารักๆ เกาหลีๆ แค่หน้าใส ใช่ปะ ถึงจะใส่ขึ้น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เหงา ๆๆ หนาว ๆๆ อย่างนี้คนโสด เขาทำอะไรกันน่ะ..!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
^^ New..!! ปีใหม่แล้วปีใหม่แล้ว คิดแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ กันน่ะครับ
เรื่องไหน ไม่ดี ไม่สบายใจ ก็ทิ้งมันไปกับปีเก่า น่ะครับ ปีหน้าขอให้ทุกคนโชคดี สมหวังทุกอย่าง ที่ต้องการนะครับ สาธุๆ
เรื่องไหน ไม่ดี ไม่สบายใจ ก็ทิ้งมันไปกับปีเก่า น่ะครับ ปีหน้าขอให้ทุกคนโชคดี สมหวังทุกอย่าง ที่ต้องการนะครับ สาธุๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ปีใหม่แบบรวดเร็วทันใจ จริงวุ้ย...!!!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"คุณโสดนานที่สุด กี่ปี..??? ฮ่าๆๆๆ
ใครเล่นแอพ facebook for Android อยู่ กำลังเล่นไป ไปเจอรูปเด็ดๆชอบๆ อยากSaveรูปนั้นเก็บไว้ วันนี้มีวิธีจะมาบอกต่ิอกันครับ อิอิ
1ไปดาวนโหลด แอพจาก http://www.4shared.com/android/b_e2taSu/Camera_ZOOM_FX.html?
2 ติดตั้งให้เรียบร้อย
3 พอเจอรูปที่อยากได้ กดเข้าไปดูรูปเลย แล้วกดปุ่ม เมนูข้างล่างจะมี
Set as
Share
Report photo
Settings
About
ให้เลือก Share >>แล้วเลือก Camera Zoom FX >> และกดปุ่มลูกศรบนขวา >> Save and Close เสร็จแล้วครับ รูปจะอยู่ในโฟรเดอร Camera Zoom ครับอิอิ
1ไปดาวนโหลด แอพจาก http://www.4shared.com/android/b_e2taSu/Camera_ZOOM_FX.html?
2 ติดตั้งให้เรียบร้อย
3 พอเจอรูปที่อยากได้ กดเข้าไปดูรูปเลย แล้วกดปุ่ม เมนูข้างล่างจะมี
Set as
Share
Report photo
Settings
About
ให้เลือก Share >>แล้วเลือก Camera Zoom FX >> และกดปุ่มลูกศรบนขวา >> Save and Close เสร็จแล้วครับ รูปจะอยู่ในโฟรเดอร Camera Zoom ครับอิอิ
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 01, 2013 1:55:33pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หนาวๆย่างงี้ ไปต้ม น้ำอาบดีกว่า ฮ่าๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถึงบ้านแล้วๆครับ ไปทำกับข้าวต่อก่อนล่ะ ฮ่าๆๆ
ของขวัญใครจะเอาบ้างน้า...!!!
ของขวัญใครจะเอาบ้างน้า...!!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คำว่าโสด กับ ไม่มีแฟน มันต่างกันไงอะ งง..?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้เข้าGoole หาดู คำว่าโสดกับไม่มีแฟน มันต่างกันยุุน่ะ ผลลัพที่ได้คือ โสดคือไม่มีแฟน-->ไม่มีแฟนคือโสด ฮ่าๆๆไม่รุต่างกันยังไง ..!!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ความรักนี่มัน ไม่มีข้อจำกัด ไม่มีขอบเขตอะไรเลยเน้อ เหมือนกับลุงคนนี้
" www.thairath.co.th/content/oversea/317287
" www.thairath.co.th/content/oversea/317287
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มีโทรสับเหมือนไม่ใช่โทรสับ เล่นแต่เนต เล่นแต่เฟสอย่างเดียว นานๆแบบนานมากๆทีจะได้ใช้โทร
ก็เพราะ1ล่ะ เบื่อ..!! เบื่อการคุยโทรสับมีแต่คนว่าเรา ตลก พูดแต่เรื่อง ปยอ ไร้สาระ คุย เข้าใจภาษาย้าก (สำเนียง) ไม่ทันมุขอะไรกับเขาเลย พูดแต่เรื่องเดิม ซ้ำซาก พูดอยู่แต่ฝ่ายเดียวไม่เว่นช่วงให้เขาพูดบ้าง บื้อๆๆ มันเลยทำให้เรามีอัคติมีนิสัยเบื่อการคุยขึ้นมาเลย
ไม่ใช่ว่ารังเกลียจไม่อยากให้น่ะครับ แต่ ช่วงนี้มันไม่อยากคุยกับใครจริงๆ
ก็เพราะ1ล่ะ เบื่อ..!! เบื่อการคุยโทรสับมีแต่คนว่าเรา ตลก พูดแต่เรื่อง ปยอ ไร้สาระ คุย เข้าใจภาษาย้าก (สำเนียง) ไม่ทันมุขอะไรกับเขาเลย พูดแต่เรื่องเดิม ซ้ำซาก พูดอยู่แต่ฝ่ายเดียวไม่เว่นช่วงให้เขาพูดบ้าง บื้อๆๆ มันเลยทำให้เรามีอัคติมีนิสัยเบื่อการคุยขึ้นมาเลย
ไม่ใช่ว่ารังเกลียจไม่อยากให้น่ะครับ แต่ ช่วงนี้มันไม่อยากคุยกับใครจริงๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าคนได้เข้าใจผิดแล้ว ต่อให้สิให้อธิบายปานได๋ กะคึสิเข้าใจอยาก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เธอจะเปิดเฟสมาอ่านไหมน่ะ ที่ว่่ามันเป็นแผนน่ะ มันไม่ใช่แผนน่ะ
จีบไม่ติด แถมยังมีคนมาว่า อะไรต่างๆให้ ทำก็ไม่ถูกเขายังไม่เลิกกับแฟนเขาเลย ก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าทำไม่ถูก
จีบไม่ติด จะให้ร้องให้ฟุมฟาย เสียใจ จะเป็นจะตายหรอ
ก็เลยพูดแก้หน้าให้ตัวเอง ว่าจีบไม่ติดก็เพราะตั้งใจให้เป็นอย่างนี้ยุแล้ว เธอเก็เลยเข้าใจว่ามันเป็นแผน)
มันบ่แมนแผนเลย แค่เว่าให้มันดูดีให้เจ้าของ
*จีบไม่ติด ถอยออกมาไม่สำเร็จขี้แพ้
*จีบไม่ติด ถอยออกมา ทำเนียนพูดว่าตั้งใจจีบไม่ติด เพราะมันเป็นแผน (อันนี้ยังดูดีให้กำลังใจตัวเองด้วย เปลี่ยนจากขี้แพ้เป็น ทำสำเร็จ)
แล้วเธอมาว่าเรา ที่จีบเพราะทำเพราะแผนตั้งใจ ตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อแผน เธออย่่าเข้าใจผิด
แค่ฉันพูดแก้หน้าให้ตัวเองสบายเฉย แต่ไม่คิดว่ามันจะบานปลายขนาดนี้ เพียงเพราะคำว่า ทำเพื่อแผนทุกอย่าง ไม่ได้จีบเธอจริงไม่ได้รักเธอจริง
ว่าจะจากเธอไปแบบเจ็บน้อยๆ อย่างน้อยก็ได้ช่วยกำจัดศรัตรู คนที่จะจีบเธอได้นิดหนึ่ง
แต่เธอมาว่า อย่างงี้ ฉันอธิบายอะไรออกไปเหมือนเธอไม่เข้าใจ ยิ่งเข้าใจฉันผิดกันไปใหญ่เลย
จีบไม่ติด แถมยังมีคนมาว่า อะไรต่างๆให้ ทำก็ไม่ถูกเขายังไม่เลิกกับแฟนเขาเลย ก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าทำไม่ถูก
จีบไม่ติด จะให้ร้องให้ฟุมฟาย เสียใจ จะเป็นจะตายหรอ
ก็เลยพูดแก้หน้าให้ตัวเอง ว่าจีบไม่ติดก็เพราะตั้งใจให้เป็นอย่างนี้ยุแล้ว เธอเก็เลยเข้าใจว่ามันเป็นแผน)
มันบ่แมนแผนเลย แค่เว่าให้มันดูดีให้เจ้าของ
*จีบไม่ติด ถอยออกมาไม่สำเร็จขี้แพ้
*จีบไม่ติด ถอยออกมา ทำเนียนพูดว่าตั้งใจจีบไม่ติด เพราะมันเป็นแผน (อันนี้ยังดูดีให้กำลังใจตัวเองด้วย เปลี่ยนจากขี้แพ้เป็น ทำสำเร็จ)
แล้วเธอมาว่าเรา ที่จีบเพราะทำเพราะแผนตั้งใจ ตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อแผน เธออย่่าเข้าใจผิด
แค่ฉันพูดแก้หน้าให้ตัวเองสบายเฉย แต่ไม่คิดว่ามันจะบานปลายขนาดนี้ เพียงเพราะคำว่า ทำเพื่อแผนทุกอย่าง ไม่ได้จีบเธอจริงไม่ได้รักเธอจริง
ว่าจะจากเธอไปแบบเจ็บน้อยๆ อย่างน้อยก็ได้ช่วยกำจัดศรัตรู คนที่จะจีบเธอได้นิดหนึ่ง
แต่เธอมาว่า อย่างงี้ ฉันอธิบายอะไรออกไปเหมือนเธอไม่เข้าใจ ยิ่งเข้าใจฉันผิดกันไปใหญ่เลย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ุถ้าข้าพระเจ้า นาย มงคลชัย สมหมั่น จีบผุหญิงคนนี้เพียงเพราะแผนช่วยเธอให้คืนดีรักกันเข้าใจกัน happyกัน กันกับแฟน ขอให้ข้าพระเจ้ามีอันเป็นไปตั้งแต่วินาทีนี้เลย ให้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตหรือมีอันเป็นไปอะไรต่างๆ
แต่ถ้าข้าพระเจ้า จีบเพราะ้ห็นเธอน่ารักสวย แอบชอบมานานแล้ว ข้าพระเจ้าจะไม่ขออะไรเลย
แต่ถ้าข้าพระเจ้า จีบเพราะ้ห็นเธอน่ารักสวย แอบชอบมานานแล้ว ข้าพระเจ้าจะไม่ขออะไรเลย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถอนตัวจากเธอ อย่างไม่happy เลยเรา:(
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตั้งแต่จีบผุหญิงมา ก็รู้อยู่แล้วว่าผุ้หญิงไม่ชอบให้เอาความรู้สึกเขามาล้อเล่น
รู้มาตลอด และก็ไม่คิดว่าจะทำจริงๆ มันไม่ดีเขาไม่ชอบ ก็ไม่ทำ
รู้มาตลอด และก็ไม่คิดว่าจะทำจริงๆ มันไม่ดีเขาไม่ชอบ ก็ไม่ทำ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่มีอะไรอีกแล้วที่ทำให้เราทุกใจ
และเจ็บอีกแล้ว มากๆ
นอกจากการเห็นคนที่เรารักเข้าใจเราผิ
และเจ็บอีกแล้ว มากๆ
นอกจากการเห็นคนที่เรารักเข้าใจเราผิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่น่า ไปพูดเล่นเลย
ว่าจีบไม่ติดเพราะแผน
ตั้งใจให้จีบไม่ติดยุแล้ว
(เพียงเพราะว่า กลัวเสียฟรอม)
จนเรื่องมันบานปลาย ลามมาหาตัวเอง
เมื่อคืนกินเหล้า ตอนเช้ามาเมาค้างอะ
เพิ่งรู้ว่าเหล้ามันทำให้คนปกติใจกล้าขึ้นมา กล้าทำทุกอย่าง ไปหาแฟนเขาเลย
ต้องขอโทษด้วยครับ เรื่องเมื่อเช้า สติไม่เต็มอะครับ ต้องขอโทษจริงๆ
ว่าจีบไม่ติดเพราะแผน
ตั้งใจให้จีบไม่ติดยุแล้ว
(เพียงเพราะว่า กลัวเสียฟรอม)
จนเรื่องมันบานปลาย ลามมาหาตัวเอง
เมื่อคืนกินเหล้า ตอนเช้ามาเมาค้างอะ
เพิ่งรู้ว่าเหล้ามันทำให้คนปกติใจกล้าขึ้นมา กล้าทำทุกอย่าง ไปหาแฟนเขาเลย
ต้องขอโทษด้วยครับ เรื่องเมื่อเช้า สติไม่เต็มอะครับ ต้องขอโทษจริงๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อยากเก่งพวกวิชาสังคม กฏหมายอะไรต่างๆ
เพื่อที่ต่อไปโตไปแล้ว จะได้มีความรู้ไม่มีใครมาเอาเปรียบเราได้และคนที่เรารัก
อยากเก่งพวก คณิตศาสตร์ เลขๆ เพื่อที่หัวจะได้เร็ว รู้ทันพวกหัวหมอ จะได้ค้าขายตามที่พ่อกับแม่ปูทางไว้ให้แบบสบายๆ
อยากเก่ง ด้านจิตวิทยา เพื่อที่จะได้อ่านคิดจิตรใจคน ว่าน่าจะคิดอะไรยุ
พูดมาแล้วก็เหนื่อยใจเฮ้อ..!! ไม่รู้อนาคตจะเป็นยังไง..!!
เพื่อที่ต่อไปโตไปแล้ว จะได้มีความรู้ไม่มีใครมาเอาเปรียบเราได้และคนที่เรารัก
อยากเก่งพวก คณิตศาสตร์ เลขๆ เพื่อที่หัวจะได้เร็ว รู้ทันพวกหัวหมอ จะได้ค้าขายตามที่พ่อกับแม่ปูทางไว้ให้แบบสบายๆ
อยากเก่ง ด้านจิตวิทยา เพื่อที่จะได้อ่านคิดจิตรใจคน ว่าน่าจะคิดอะไรยุ
พูดมาแล้วก็เหนื่อยใจเฮ้อ..!! ไม่รู้อนาคตจะเป็นยังไง..!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ยังรักเหมือนเดิม
แต่แค่ไม่อยากแสดงออก
แต่แค่ไม่อยากแสดงออก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถามอยู่ได้ "คนโสด"ก็ต้อง คู่กับคนโสดจิ ^__^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อคืนเข้าบ้านแบบดึก
เจ็บคอจะเป็นไข้แน่เลย
ยิ่งไกลจะได้ไป ห่วยซัน แล้ว
วิ่งก็ไม่ค่อยได้วิ่ง ้เอาวะiสู้ๆน่ะi
เจ็บคอจะเป็นไข้แน่เลย
ยิ่งไกลจะได้ไป ห่วยซัน แล้ว
วิ่งก็ไม่ค่อยได้วิ่ง ้เอาวะiสู้ๆน่ะi
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนหน้าคนหน้าตาดี จะได้แฟนขี้เหล่จริงรึนี่ \^__^/
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ ผมแบบ ดีใจ อารมดี ๆๆ เพื่อนในเฟสอยากได้อะไรบอกมาๆ ^_^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โอ้ย..ๆๆ หวัดกะตันดัง ดังกะแฮงแม๋บยุ
หายใจไม่สดวกเลย (พี่หวัด รีบจากผมไปที 55)
พรุ่งนี้ก็ไป รร ได้เป็นนักสืบแน่เลยเรา..!! ^___^(
หายใจไม่สดวกเลย (พี่หวัด รีบจากผมไปที 55)
พรุ่งนี้ก็ไป รร ได้เป็นนักสืบแน่เลยเรา..!! ^___^(
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่ได้ชอบ แต่เอนดู หมายความว่าไงอะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อมีคนถาม "คนโสด ทำไมไม่อยากมีคู่ค่ะ"
อ่าวถ้ากูอยากมีคู่กูจะโสดทำไมว่ะ) cr:ftnn
อ่าวถ้ากูอยากมีคู่กูจะโสดทำไมว่ะ) cr:ftnn
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าพูดไม่เป็น
มึงอย่าพูดเลย
มึงพูดแล้วมันเหมือนยุให้คนอื่นเขาทะเลาะกันวะ
(เอาจริงๆกูว่ามึงอย่าพูดเลย) มึงน่ะชอบสร้างจุดเล็กๆให้มันใหญ่เนาะ จนคนอื่นเขาต้องทะเลาะกัน
เพราะมึง สนุกนักรึไงฮะ (กุว่าสักวันผลกรรม ที่มึงทำที่ผ่านมามันต้องจองเวรจองกรรม มึงแน่นอน
มึงอย่าพูดเลย
มึงพูดแล้วมันเหมือนยุให้คนอื่นเขาทะเลาะกันวะ
(เอาจริงๆกูว่ามึงอย่าพูดเลย) มึงน่ะชอบสร้างจุดเล็กๆให้มันใหญ่เนาะ จนคนอื่นเขาต้องทะเลาะกัน
เพราะมึง สนุกนักรึไงฮะ (กุว่าสักวันผลกรรม ที่มึงทำที่ผ่านมามันต้องจองเวรจองกรรม มึงแน่นอน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลาที่เราอยู่คนเดียวแล้ว
ไม่มีใครรัก ไม่มีใครพูดด้วย ไม่ใครสนใจ ไม่มีใครให้ความสำคัญ
ไม่มีใครกล่าวถึง ไม่มีใครห่วงใย
มันเหมือนเราอยู่บนโลกนี้คนเดียว ยังไงไม่รู้ ขาดการติดต่อจากผู้คน
ไม่มีใครรัก ไม่มีใครพูดด้วย ไม่ใครสนใจ ไม่มีใครให้ความสำคัญ
ไม่มีใครกล่าวถึง ไม่มีใครห่วงใย
มันเหมือนเราอยู่บนโลกนี้คนเดียว ยังไงไม่รู้ ขาดการติดต่อจากผู้คน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ซอก ว้อง แปล๋ว่าหยังบะ ภาษาเหนือ
ทำได้ไง อ่ะ
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 09, 2013 10:20:24pm
อันนี้แหละ ที่ส่งมุขไป 55เข้าไม่เอาเลย
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 09, 2013 10:27:39pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
บอกตรงๆเลยเล่น Twitter Goole+ Line what app Instagram ผมบ่ เป็น ฮ่าๆมีเฟสบุกนิแหละเล่นง่าย เหมือนhi5
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตั้งแต่ เฟสบุ๊กเข้ามา เพื่อนๆเคยคิดจะไปดู Hi5 ที่เคยเล่นเมื่อก่อนไหมครับ
มันอาจจะมีบางคน ทักๆฝากข้อความ ถามหาหาคุณอยู่ก็ได้ พยามยามหาทางติดต่อกับคุณอยู่ เคยคิดจะไปดูกันเปล่า ^___^
มันอาจจะมีบางคน ทักๆฝากข้อความ ถามหาหาคุณอยู่ก็ได้ พยามยามหาทางติดต่อกับคุณอยู่ เคยคิดจะไปดูกันเปล่า ^___^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้านอนไม่หลับ>ก็อัพเตตัสว่าเหง
ถ้ากำลังเศร้า>ก็อัพว่าโสด
ถ้ากำลังโกรธ>ก็อัพว่างออลๆ
ถ้ากำลังจะเข้านอน>ก็อัพว่าฝันดี
เพื่อนๆในfacebook เอ๋ย นอนหลับสบาย+ฝันดีเด้อ ~.~ ..!!
ถ้ากำลังเศร้า>ก็อัพว่าโสด
ถ้ากำลังโกรธ>ก็อัพว่างออลๆ
ถ้ากำลังจะเข้านอน>ก็อัพว่าฝันดี
เพื่อนๆในfacebook เอ๋ย นอนหลับสบาย+ฝันดีเด้อ ~.~ ..!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สุขภาพร่างกายผมยังไม่พร้อมเลย ตอนนี้สบายแค่99% ครูฝึกรออีก1%ผมไม่ได้บ้อ โอ้ยจะรอดไหมเนี๊ยะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ สว่างวีระวงศ์
สถานที่: สว่างวีระวงศ์ (15.241401035204, 105.09277622451)
ที่อยู่: Ban Dong, Ubon Ratchathani 34190
สถานที่: สว่างวีระวงศ์ (15.241401035204, 105.09277622451)
ที่อยู่: Ban Dong, Ubon Ratchathani 34190
@ตอนนี้กำลังนอนในป่า อยู่ที่ ศูนย์ฝึก น.ศ.ท ห้วยซัน)
เหนื่อย/ ง่วง/ หิว/อึดอัด/ เจ็บคีง/ คิดถึงแม่อะ ^__^ ไม่อยากบอกเลยว่า ไม่ได้อาบน้ำ2วันแล้ว (ทหารเขาไม่ให้อาบเลย)
คันๆวันๆไม่ทำไรโดดแต่น้ำตีนiซีดเหมือนไก่ต้มอยู่แล้ว เอะอะก็สั่งแต่หมอบ สั่งแต่คาน ปืนหนักตั้ง2กิโลครึ่งให้ถือทั้งวัน( ยังกะแรมโบ้)
แต่ช่างมันเถอะ คิดย่างเดียวแค่ว่า เพื่อนทำได้กูก็ทำได้ อีกแค่3วัน ฮ่าๆๆ รอได้ๆๆๆๆ ยศสิบเอก ใกล้เข้ามาแว้วๆๆ
(นอนล่ะเด้อ เพื่อนๆ Fb.com ทั้งหลาย)
เหนื่อย/ ง่วง/ หิว/อึดอัด/ เจ็บคีง/ คิดถึงแม่อะ ^__^ ไม่อยากบอกเลยว่า ไม่ได้อาบน้ำ2วันแล้ว (ทหารเขาไม่ให้อาบเลย)
คันๆวันๆไม่ทำไรโดดแต่น้ำตีนiซีดเหมือนไก่ต้มอยู่แล้ว เอะอะก็สั่งแต่หมอบ สั่งแต่คาน ปืนหนักตั้ง2กิโลครึ่งให้ถือทั้งวัน( ยังกะแรมโบ้)
แต่ช่างมันเถอะ คิดย่างเดียวแค่ว่า เพื่อนทำได้กูก็ทำได้ อีกแค่3วัน ฮ่าๆๆ รอได้ๆๆๆๆ ยศสิบเอก ใกล้เข้ามาแว้วๆๆ
(นอนล่ะเด้อ เพื่อนๆ Fb.com ทั้งหลาย)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เอาโทรศัพท์ ไปคืนเพื่อนก่อนเด้อ ฝันดีๆน่ะจ๊ะ ^____^
กลุ่มคนโสด
ไป ประ กาส ว่า โสด กัน อิอิ
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 18, 2013 9:19:11pm
ห้วยซัน ผลัด2 ปี2555facebook.com
@[100004174020379:2048:คิดถึงฉันใหม เวลาที่เทอร์]
@[100002570507752:2048:Suntisuk Boot]
@[100002426494800:2048:ชินิชิวะ เคนจิ]
@[100002425316582:2048:Patcharapong Kumpuy]
@[100004032361079:2048:รักมากมาย และ ตลอดไป]
@[100004072237478:2048:Surasuk Siriwan]
@[100002530884735:2048:Jaran Surumpai]
@[100000756464737:2048:Mac ตัวยุ่ง]
@[100003929766386:2048:โกศล เกิดสุข]
@[100002570507752:2048:Suntisuk Boot]
@[100002426494800:2048:ชินิชิวะ เคนจิ]
@[100002425316582:2048:Patcharapong Kumpuy]
@[100004032361079:2048:รักมากมาย และ ตลอดไป]
@[100004072237478:2048:Surasuk Siriwan]
@[100002530884735:2048:Jaran Surumpai]
@[100000756464737:2048:Mac ตัวยุ่ง]
@[100003929766386:2048:โกศล เกิดสุข]
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 21, 2013 10:02:47am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมือก่อนเคยทำดี"ทำสิ่งต่างๆที่ดีให้เธอมาตลอด แต่ในเมื่อเธอมาเปลี่ยนความรู้สึกใส่กัน จนรู้ว่าเธอไม่ใช่คนเดิม เธอไม่อยากรับมันไว้แล้วใช่ไหมไอ้ความผูกพันที่เคยให้กันมา(แล้วแต่เธอ )แต่ก็ยังเสียใจนิดๆที่เธอ ไปเชือคำพูดคนอื่นมันพูด
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เห็นเพื่อนคนอื่น
เขามีคู่ เขารักกัน
มามองดูตัวเองแล้ว มันอิจฉาอะ
(ไม่มีคู่กับเขาเล้ย) ได้แต่บอกๆๆและก็บอกตัวเองอยู่ เสมอว่า มึงยังมีโอกาสที่ ที่จะได้เจอได้พบแม่หญิงดีๆงามๆอีกมากมายที่รอมึงอยู่
{ชะนั้นตอนนี้ให้โสดรอพวกเธอไปก่อน..!!} ♥ ♥ 5555+5555 ♥ ♥
เขามีคู่ เขารักกัน
มามองดูตัวเองแล้ว มันอิจฉาอะ
(ไม่มีคู่กับเขาเล้ย) ได้แต่บอกๆๆและก็บอกตัวเองอยู่ เสมอว่า มึงยังมีโอกาสที่ ที่จะได้เจอได้พบแม่หญิงดีๆงามๆอีกมากมายที่รอมึงอยู่
{ชะนั้นตอนนี้ให้โสดรอพวกเธอไปก่อน..!!} ♥ ♥ 5555+5555 ♥ ♥
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Peerapol Treeraksa
คุณได้แท็ก Peerapol Treeraksa
เฮ้อวันนี้ ว่าจะไปเลาะตลาดกะมึง แต่คงไม่ได้ไปแล้วอะ แม่กุบอกให้อยู่ขนหินเตรียมราดพื้นช่วยลุง เซงเลยวะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่อยากสอบ O Net ที่หัวตะพานเลย กลัวเห็นแฟนเก่า เดินมากับแฟนใหม่ กลัวรับมะได้ 555+
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
จีบ ญ ครั้งแรกของนายสบายดี
เรื่องมันมีอยู่ว่า นายสบายดีอะโสดอยากมีแฟน นายสบายดีก็กำลังเล่นเฟสบุ๊กตามปกติอยู่ดีๆแต่เล่นไปเล่นมา แล้วบังเอิญไปเจอ ผู้หญิงคนหนึ่งเพิ่งอัพStatusว่า โดนทิ้ง อยากฆ่าตัวตาย ใหม่ๆเลย
นายสบายดีจึงได้โอกาสนี้จะหาแฟนจึง หาข้อมูลของเธอคนนี้อยู่พักใหญ่เลย จนรู้ว่าอกหักจริงๆ จึงอยากใช้โอกาสนี้ปลอบใจและขอเธอเป็นแฟน แล้ว---->>
สบายดี: Helo you.อกหัก
อกหัก: คนไทยค่ะ..!!
สบายดี: แป่ว..!! (หน้าแตกเลยi)
สบายดี: สวยจังคับ หวัดดีคับ คุณ.?
อกหัก: ค่ะ..วุ้นเส้นค่ะ^^
จิงใจ: ครับ เออ..คุณวุ้นเส้นเล่นเว็บไรอยู่หรอคับ
อกหัก: ทำใจ..ร้องให้แง่ๆอยู่ค่ะเล่น fb.comอยู่ค่ะ
สบายดี: ไม่ได้ถามว่าเป็นอะไร ถามว่าเล่นเว็บอะไร(55เอาคืน)
อกหัก: ว้าย....จร้าๆๆ ๆ
สบายดี: มีอะไรไม่สบายใจ
ก้บอกผมมาได้นะคับ เรื่องแบบนี้ผมช่วยได้น่ะ
อกหัก: ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เกรงใจ
จิงใจ: ไม่ต้องเกรงใจหรอกคับ ผมทั้งเต็มใจและอยากช่วยมากๆ ผมก็ดูๆคุณวุ้นเส้นมาพักหนึ่งแล้ว(5นาทีเอง)
อกหัก: เหรอ..ค๊ะ(เอาเวลาไหนดูกูฟะ) แล้วรู้อะรายเกี่ยวกะวุ้นเส้นบ้างค๊
จิงใจ: ก็นิดหน่อยอะตัวเอง ตัวเองตัวเองอยากรู้หรอ..?(อ๊ะเผื่อมันเล่นด้วย)
อกหัก: ตัวเองบอกเค้าหน่อยดี้น่ะๆ(เล่นตอบแม่งเลย)
จิงใจ: ก้วุ้นเส้นอะ ทำมาจากแป้ง ยาโยอิ คุมุคิมิ ประเทศญีปุนนู้น..!! 5_5+(กวนๆไว้ ญ ชอบฮ่าๆ)
อกหัก: กวนจังเนาะ(เดี๋ยวเถอะมึง)
จิงใจ: ไม่กวนมันก็ไหม้ อะดิตะเอง(555+)
อกหัก: แล้วเค้าถามหน่อย..
จิงใจ: อะไรน้อ..?
อกหัก: อะไร
เรื่องมันมีอยู่ว่า นายสบายดีอะโสดอยากมีแฟน นายสบายดีก็กำลังเล่นเฟสบุ๊กตามปกติอยู่ดีๆแต่เล่นไปเล่นมา แล้วบังเอิญไปเจอ ผู้หญิงคนหนึ่งเพิ่งอัพStatusว่า โดนทิ้ง อยากฆ่าตัวตาย ใหม่ๆเลย
นายสบายดีจึงได้โอกาสนี้จะหาแฟนจึง หาข้อมูลของเธอคนนี้อยู่พักใหญ่เลย จนรู้ว่าอกหักจริงๆ จึงอยากใช้โอกาสนี้ปลอบใจและขอเธอเป็นแฟน แล้ว---->>
สบายดี: Helo you.อกหัก
อกหัก: คนไทยค่ะ..!!
สบายดี: แป่ว..!! (หน้าแตกเลยi)
สบายดี: สวยจังคับ หวัดดีคับ คุณ.?
อกหัก: ค่ะ..วุ้นเส้นค่ะ^^
จิงใจ: ครับ เออ..คุณวุ้นเส้นเล่นเว็บไรอยู่หรอคับ
อกหัก: ทำใจ..ร้องให้แง่ๆอยู่ค่ะเล่น fb.comอยู่ค่ะ
สบายดี: ไม่ได้ถามว่าเป็นอะไร ถามว่าเล่นเว็บอะไร(55เอาคืน)
อกหัก: ว้าย....จร้าๆๆ ๆ
สบายดี: มีอะไรไม่สบายใจ
ก้บอกผมมาได้นะคับ เรื่องแบบนี้ผมช่วยได้น่ะ
อกหัก: ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เกรงใจ
จิงใจ: ไม่ต้องเกรงใจหรอกคับ ผมทั้งเต็มใจและอยากช่วยมากๆ ผมก็ดูๆคุณวุ้นเส้นมาพักหนึ่งแล้ว(5นาทีเอง)
อกหัก: เหรอ..ค๊ะ(เอาเวลาไหนดูกูฟะ) แล้วรู้อะรายเกี่ยวกะวุ้นเส้นบ้างค๊
จิงใจ: ก็นิดหน่อยอะตัวเอง ตัวเองตัวเองอยากรู้หรอ..?(อ๊ะเผื่อมันเล่นด้วย)
อกหัก: ตัวเองบอกเค้าหน่อยดี้น่ะๆ(เล่นตอบแม่งเลย)
จิงใจ: ก้วุ้นเส้นอะ ทำมาจากแป้ง ยาโยอิ คุมุคิมิ ประเทศญีปุนนู้น..!! 5_5+(กวนๆไว้ ญ ชอบฮ่าๆ)
อกหัก: กวนจังเนาะ(เดี๋ยวเถอะมึง)
จิงใจ: ไม่กวนมันก็ไหม้ อะดิตะเอง(555+)
อกหัก: แล้วเค้าถามหน่อย..
จิงใจ: อะไรน้อ..?
อกหัก: อะไร
โอ้ย ใครเน็ตช้าบ้าง โน๊ตบุ๊กหรือคอมพิวเตอร์
ลองเล่นแบบนี้ดู https://m.facebook.com/ เร็วขึ้นจริงๆ..!!
ไม่ใช่ https://www.facebook.com/ น่ะ
ลองเล่นแบบนี้ดู https://m.facebook.com/ เร็วขึ้นจริงๆ..!!
ไม่ใช่ https://www.facebook.com/ น่ะ
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 27, 2013 1:55:51pm
http://www.4shared.com/zip/zytNgft1/Adobe_Flash_Player.html
http://www.4shared.com/file/ZP7auvp0/CWM_Galaxy_Y_-_ClockWorkMode.html?
http://www.4shared.com/zip/Ob7qBo1-/JELLYBLASTV3.html
http://www.4shared.com/file/PlGQjEMh/plants_vs_zombie.html
http://www.4shared.com/rar/HduAH6po/stock_rom_galaxy_y.html
http://www.4shared.com/zip/PYT50cMs/The_Sims_3.html
http://www.4shared.com/zip/SQximCrP/update-root.html
http://www.4shared.com/zip/pVKqZudZ/update.html
http://www.4shared.com/zip/L6kdpGqu/wall_papers_galaxy_y.html
http://www.4shared.com/file/ZP7auvp0/CWM_Galaxy_Y_-_ClockWorkMode.html?
http://www.4shared.com/zip/Ob7qBo1-/JELLYBLASTV3.html
http://www.4shared.com/file/PlGQjEMh/plants_vs_zombie.html
http://www.4shared.com/rar/HduAH6po/stock_rom_galaxy_y.html
http://www.4shared.com/zip/PYT50cMs/The_Sims_3.html
http://www.4shared.com/zip/SQximCrP/update-root.html
http://www.4shared.com/zip/pVKqZudZ/update.html
http://www.4shared.com/zip/L6kdpGqu/wall_papers_galaxy_y.html
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 27, 2013 3:02:58pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เหนื่อยและ จนปัญญา หมดความพยาม จะแก้ปัญหาแล้ว พอกันที
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 28, 2013 11:08:06am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เกือบไมละ..!! วันนี้..เกือบไปยุ่งกะ ฟอแอนแฟน เขา..นิสเดียว
อยากบอกว่า ขอบคุณน่ะที่ให้เบอรและให้โอกาสเรา ขอบคุณจริงๆ
แต่เราไม่ชอบเลยโอกาสแบบนี้ มันเหมือนกับว่าเธอหักหน้าแฟนเก่าแบบแรงมากเลย..!! ทำเพื่อคนใหม่เกินไป
ต้องขอขอบคุณเพื่อนในเฟสคนหนึ่งที่ทักมาบอก ไม่งั้นมั่วแน่ๆ
อยากบอกว่า ขอบคุณน่ะที่ให้เบอรและให้โอกาสเรา ขอบคุณจริงๆ
แต่เราไม่ชอบเลยโอกาสแบบนี้ มันเหมือนกับว่าเธอหักหน้าแฟนเก่าแบบแรงมากเลย..!! ทำเพื่อคนใหม่เกินไป
ต้องขอขอบคุณเพื่อนในเฟสคนหนึ่งที่ทักมาบอก ไม่งั้นมั่วแน่ๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เด็กเกรียน: ทักๆ ครับ
วุ้นเส้น:
เด็กเกรียน: ทักๆๆคร้าฟ น่ารักจัง..^_^
วุ้นเส้น:
เด็กเกรียน: อิปอบ..!
วุ้นเส้น: มึงสิ..! บักปอบ..!!
เด็กเกรียน: ตอบแล้วรึ
วุ้นเส้น: ทักกุดีๆก็ได้
วุ้นเส้น:
เด็กเกรียน: ทักๆๆคร้าฟ น่ารักจัง..^_^
วุ้นเส้น:
เด็กเกรียน: อิปอบ..!
วุ้นเส้น: มึงสิ..! บักปอบ..!!
เด็กเกรียน: ตอบแล้วรึ
วุ้นเส้น: ทักกุดีๆก็ได้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Paramet Butwang และคนอื่นๆ อีก 2 คน
คุณได้แท็ก Paramet Butwang, Vissarut NorKaew และ Thara Sudjai
#ราคาiPhone5=ซื้อมาม่าได้ตั้ง5,214ห่อ
สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตั้ง2,607วัน=7ปี1เดือน กว่าๆ.??
ยอมอดมาม่าใช่ปะ
สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตั้ง2,607วัน=7ปี1เดือน กว่าๆ.??
ยอมอดมาม่าใช่ปะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อคืนโดนผีอำ แบบเหงือแตก พูดอะไรไม่ได้เลย แหน่นหน้าอก เกือบไม่รอด
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไปล้างถ้วยก่อนเด้อ เดี๋ยวมาตอบ...ไปละ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"เธออยู่ข้างล่าง"
"ฉันจะอยู่ข้างบน"
คืนนี้ขอให้เพื่อนๆนอนหลับฝันดีน่ะครับ ให้หลับทุกๆวินาทีที่หลับตา แล้วตื่นมาขอให้เจอแต่เรื่องที่สดไส ดีๆ ในวันใหม่ ^___*
"ฉันจะอยู่ข้างบน"
คืนนี้ขอให้เพื่อนๆนอนหลับฝันดีน่ะครับ ให้หลับทุกๆวินาทีที่หลับตา แล้วตื่นมาขอให้เจอแต่เรื่องที่สดไส ดีๆ ในวันใหม่ ^___*
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โอ้ยอารมเสีย หงุดหงิดโว้ยๆๆ ในใจตอนนี้อยากกินเหล้าให้มันน๊อกสัก1เดือน ไม่อยากรับรู้เรื่องลาวอะไรทั้งนั้น อยากหนี้ไปอยู่หมู่เกาะกลางทะเล เงียบๆไม่คนสักคน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กุจะยอมมึงเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปนี้ไม่ต้องมายุ่งไม่ต้องมาก้าวก่ายกุ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลาโดนบีบบังคับเข้ามากๆเชื่อเลยว่าคนๆนั้นคนที่ถูกบีบบังคับไม่ว่าจะดีแค่ไหนจะใจเย็นแค่ไหรจะอดทนแค่ไหนก็ตาม ถ้ามันได้ถึงขีดจำกัดของความอดทนแล้ว คือมันไม่ไหวแล้วอะ ต่อให้จะเอาอะไรมาขวางหน้าก็เอาไม่อยู่หรอก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพิ่งจะเริ่มก็ล้มเหลว ไม่ชอบเลยความรู้สึกนี้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วัยรุ่นในประเทศไทยช่วงอายุ18-19ปีมันเป็นแบบนี้กันหมดไหม พ่อแม่ไม่เข้าใจพี่สาวไม่เข้าใจ ครอบครัวไม่เข้าใจ ความคิดต่างกันหมด
จะปรึกษาอะไรขัดเราหมดห้ามเราหมดจนเราจะทำอะไรกับเขาไม่เป็นเลย
ความคิดผุหญิง มันช่างต่างจากผุชายจังเว้ย
ไม่สงสัยเลยว่าทำไม คนที่แต่งงานกันแล้วเลิกกันมีอยู่ให้เห็นเต็มบ้านเต็มเมือง
ก็เพราะความไม่เข้าใจกัน ไม่ให้เกรียติกัน
บังคับกันจนอีกฝ่ายทนไม่ได้เป็นทุกขหนักเลยต้องหาทางออกคือเลิกกัน
จะปรึกษาอะไรขัดเราหมดห้ามเราหมดจนเราจะทำอะไรกับเขาไม่เป็นเลย
ความคิดผุหญิง มันช่างต่างจากผุชายจังเว้ย
ไม่สงสัยเลยว่าทำไม คนที่แต่งงานกันแล้วเลิกกันมีอยู่ให้เห็นเต็มบ้านเต็มเมือง
ก็เพราะความไม่เข้าใจกัน ไม่ให้เกรียติกัน
บังคับกันจนอีกฝ่ายทนไม่ได้เป็นทุกขหนักเลยต้องหาทางออกคือเลิกกัน
อัพเดตเมื่อ ก.พ. 08, 2013 10:16:41am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สอบโอเน็ตวิชาอังกฤษ2ชม ทำ30กว่านาทีเสร็จ
หลังจากนั้นนอน1ชม ครึ่ง หลับเต็มๆแบบยาว
ตื่นมา หมดเวลาพอดี คุ้มจริงๆ 55+
หลังจากนั้นนอน1ชม ครึ่ง หลับเต็มๆแบบยาว
ตื่นมา หมดเวลาพอดี คุ้มจริงๆ 55+
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คือวิชาแรกที่สอบมันเป็นพวกกฏหมายสังคมใช่ปะ เราก็ทำข้อสอบตามปกติจนเสร็จ แล้วเวลามันเหลือเยอะ เราเลยมีความคิดว่าจะแอบจดเอาขอสอบโอเน็ต ไปค้นดูตอนเย็นคนเดียว เราจดได้ประมาณเกือบ30กว่าข้อละมั่ง หลังจากที่จดเสร็จเราพับเก็บไว้กับใบขับขี่(เราหาบัตรประชาชนไม่เห็นเลยใช้ใบขับขี่แทน) แล้วเก็บไว้ในถุงเสื้อนักเรียน
แล้วหลังจากนั้นก็ไปกินข้าว(ยังไม่รู้ตัวว่าหายน่ะตอนนั้น) จนขึ้นมาสอบ ก็ตรวจบัตรก่อนเข้าตามปกติ เราก็ผ่าน ก็สอบคณิตต่อแบบง่วงมากๆๆง่วงสุดๆเลย ได้ยินเสียง มึ๊บๆๆๆๆในหัวแบบแรง เหมือนกับมีอะไรจะมาบังคับให้เรานอนให้ได้ เราก็เลยนอนไม่อยากฝืนตัวเอง เพราะมันง่วงมากๆ นอนได้10นาทีกว่าละมั่ง ได้ยินเสียงเท้าครูเดินเข้ามาจรวจใบข้อสอบอะไรก็ไม่รู้ เลยตื่นมาดูข้อสอบอีกที แล้วก็ไม่ง่วงเหมือนตอนแรกอีกเลย(คงเป็นเพราะ ได้งี้บละมั่ง) แล้วก็หมดเวลา เดินลงบันไดหน้ามืดๆ มืดไปหมดเลยและได้ยินเสียง มีงๆๆๆในหู(ตอนนั้นคิดว่า คงเป็นเพราะเราลงบันไดมันเลยทำให้หน้ามืด เลยรีบลงมาสูดอากาศข้างล่าง ก็หายๆไปเข้าห้องจนเสร็จขึ้นมาสอบอังกฤษต่อ เราใช้เวลาสอบ30กว่านาทีเสร็จเพราะไม่ถนัดเลย แล้วอาการง่วงก็มาอีก ครั้งนี้แบบหนักมากๆ รู้สึกได้เลยว่าตาตัวเองแข็งมากๆมีแต่จะหลับ เราไม่อยากหลับเลยมันเพิ่งหมดไปแค่30กว่านาที เลยนั้งพิงเก้าอี้แทนการก้มลงกับโต๊ะ เพราะกว่าจะง่วง
แต่ไม่รู้เผลอหลับไปตอนไหนขนาดนั้งหลังตรงกับเก่าอี้
มันไม่ไหวแล้วกว่าตัวเองจะลงข้างๆเก้าอี้เลยหมอบลงกับโต๊ะนอนหลับแบบสนิสมากๆๆๆๆๆๆๆๆไม่ได้ยินเสียงใครเลย เวลาที่เหลือเลยนอน1ชม ครึ่ง
เ
แล้วหลังจากนั้นก็ไปกินข้าว(ยังไม่รู้ตัวว่าหายน่ะตอนนั้น) จนขึ้นมาสอบ ก็ตรวจบัตรก่อนเข้าตามปกติ เราก็ผ่าน ก็สอบคณิตต่อแบบง่วงมากๆๆง่วงสุดๆเลย ได้ยินเสียง มึ๊บๆๆๆๆในหัวแบบแรง เหมือนกับมีอะไรจะมาบังคับให้เรานอนให้ได้ เราก็เลยนอนไม่อยากฝืนตัวเอง เพราะมันง่วงมากๆ นอนได้10นาทีกว่าละมั่ง ได้ยินเสียงเท้าครูเดินเข้ามาจรวจใบข้อสอบอะไรก็ไม่รู้ เลยตื่นมาดูข้อสอบอีกที แล้วก็ไม่ง่วงเหมือนตอนแรกอีกเลย(คงเป็นเพราะ ได้งี้บละมั่ง) แล้วก็หมดเวลา เดินลงบันไดหน้ามืดๆ มืดไปหมดเลยและได้ยินเสียง มีงๆๆๆในหู(ตอนนั้นคิดว่า คงเป็นเพราะเราลงบันไดมันเลยทำให้หน้ามืด เลยรีบลงมาสูดอากาศข้างล่าง ก็หายๆไปเข้าห้องจนเสร็จขึ้นมาสอบอังกฤษต่อ เราใช้เวลาสอบ30กว่านาทีเสร็จเพราะไม่ถนัดเลย แล้วอาการง่วงก็มาอีก ครั้งนี้แบบหนักมากๆ รู้สึกได้เลยว่าตาตัวเองแข็งมากๆมีแต่จะหลับ เราไม่อยากหลับเลยมันเพิ่งหมดไปแค่30กว่านาที เลยนั้งพิงเก้าอี้แทนการก้มลงกับโต๊ะ เพราะกว่าจะง่วง
แต่ไม่รู้เผลอหลับไปตอนไหนขนาดนั้งหลังตรงกับเก่าอี้
มันไม่ไหวแล้วกว่าตัวเองจะลงข้างๆเก้าอี้เลยหมอบลงกับโต๊ะนอนหลับแบบสนิสมากๆๆๆๆๆๆๆๆไม่ได้ยินเสียงใครเลย เวลาที่เหลือเลยนอน1ชม ครึ่ง
เ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ วารินชําราบ จ.อุบลราชธานี
สถานที่: วารินชําราบ จ.อุบลราชธานี (15.197109895729, 104.8640424139)
ที่อยู่: เมือง, เทศบาลนครอุบลราชธานี 34190
สถานที่: วารินชําราบ จ.อุบลราชธานี (15.197109895729, 104.8640424139)
ที่อยู่: เมือง, เทศบาลนครอุบลราชธานี 34190
ขับรถพาแม่มาซื้อของ@
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เธอๆ เธอเข้าใจเราผิดน่ะ
อธิบาย อะ-ธิ-บาย ขยายความได้ว่า อยากให้อีกฝ่ายที่เข้าใจเราผิดทำให้เข้าใจเราถูก
รู้ๆอยู่แล้วแหละว่าถ้าไม่อธิบายอะไรจะเกิดขึ้นกับเรา ก็เธอเข้าใจเราผิดไง p
อธิบาย อะ-ธิ-บาย ขยายความได้ว่า อยากให้อีกฝ่ายที่เข้าใจเราผิดทำให้เข้าใจเราถูก
รู้ๆอยู่แล้วแหละว่าถ้าไม่อธิบายอะไรจะเกิดขึ้นกับเรา ก็เธอเข้าใจเราผิดไง p
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เธอ เข้า ใจ ผิด (เศร้า)
ตามนั้นเหมือนกัน^___+ (รึเปล่า)
อัพเดตเมื่อ ก.พ. 14, 2013 6:42:54am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทำไมวันนี้ คึกคัก กันจังน่ะ โอ้ยๆคู่เราอยู่น๋ายๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กู อยาก ตี นัก เลง สัจ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โอ้ยๆ พรุ่งนี้จะได้ใสอิเปิมขาดๆปลายเท้าส่งยิ้มให้คนข้างหน้า ไปโรงเรียนจริงๆรึนี่ ฮ่าๆๆ (ร้องเท้ายิ้ม) ♥ ♥
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อเช้าส่งมุขคนโสดจีบสาวไปแย่งชิงรางวัลบนเพจ สมาคมมุขเสี่ยว
ช: คุณครับ คุณครับ..
ญ: ค๊ อะไรหรอ ค๊
ช: คุณก็สวย..สวนผม..ก็หล่อ เรามาเป็นแฟนกันไหมครับ
ญ: ..............?
ช: คุณครับ คุณครับ..
ญ: ค๊ อะไรหรอ ค๊
ช: คุณก็สวย..สวนผม..ก็หล่อ เรามาเป็นแฟนกันไหมครับ
ญ: ..............?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ดี *จัย * จัง* วู้ย * >>โรงเรียนผ่านการประเมิน^___*
แต่แลกมาด้วยการปวดแอวมากๆ เสริฟน้ำก้มๆ
(ถ้าคานต่ำเสริฟ แบบว่าเอาใบหูถุ๋ยไปกับพื้นจนถึงคณะกรรมการ คงได้คะแนนเยอะแน่)
แต่แลกมาด้วยการปวดแอวมากๆ เสริฟน้ำก้มๆ
(ถ้าคานต่ำเสริฟ แบบว่าเอาใบหูถุ๋ยไปกับพื้นจนถึงคณะกรรมการ คงได้คะแนนเยอะแน่)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ละเพิลกะบ่อจริงใจนำ ละสิให้ไปจิงใจกับเพิ้ลติ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าสิเข้าใจผิด กะเข้าใจผิดโล้ดเด้อ :(
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ เบียร์บี้ เบียร์บี้
คุณได้แท็ก เบียร์บี้ เบียร์บี้
เบียร์ๆ มึงวากุหลายใจบอ
กุยุข้างบ้านมึง มึงเห็นกุคุยกับไผ๋หลายคนบอ เห็นกุโทรหาไผ๋ดูบอ เคยเห็นบอ
มื้อนั้นกะเอาโทรสับให้มึงเล่นเบิดมื้อ มันมีคนโทรมาบอ มีข้อความงิงอิหยังเข้าบอ
เวลากุยุบ้านมึงเห็น กุขับรถเลาะไปเล่นนำพุสาวบอ รึพุสาวขับรถมาเล่นนำกุบอ มึงเคยเห็นบอ
บ่ต้องสงสัยวาคึมาโพตแบบนี่ คอมเม้นแน ข้อร้อง
กุยุข้างบ้านมึง มึงเห็นกุคุยกับไผ๋หลายคนบอ เห็นกุโทรหาไผ๋ดูบอ เคยเห็นบอ
มื้อนั้นกะเอาโทรสับให้มึงเล่นเบิดมื้อ มันมีคนโทรมาบอ มีข้อความงิงอิหยังเข้าบอ
เวลากุยุบ้านมึงเห็น กุขับรถเลาะไปเล่นนำพุสาวบอ รึพุสาวขับรถมาเล่นนำกุบอ มึงเคยเห็นบอ
บ่ต้องสงสัยวาคึมาโพตแบบนี่ คอมเม้นแน ข้อร้อง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผุชายที่ยังบ่ อยากมีผุสาว กะวาเป็นนั้นเป็นนี่ โอ้ยๆ
พวกมึงเคยฮักไผ๋ ละเจ็บคักเจ็บแนบอ
พวกมึงเคยฮักไผ๋ ละเจ็บคักเจ็บแนบอ
อัพเดตเมื่อ ก.พ. 22, 2013 11:43:14am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่ได้มองขึ้นไปดูพระจันทรแบบนาน เพื่อนๆใครว่างๆตอนนี้ ออกไปดูพระจันทร์หน่อยคัฟ
โคตรสวยเลย ถ่ายรูปก็ไม่เห็นชัดเท่าสายตาเลย
โคตรสวยเลย ถ่ายรูปก็ไม่เห็นชัดเท่าสายตาเลย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ที่ทักไป ไม่ใช่แค่เห็นน่าว่ารักหรอก
แต่เพราะอยากรู้จักมากกว่า
ยิงจังน่ะคนสวย
เมื่อคืนตี1ยังคุยด้วยเลย
ตื่นมา6โมง มาดูโดนบล๊อกขึ้น Facebook user งง..?
แต่เพราะอยากรู้จักมากกว่า
ยิงจังน่ะคนสวย
เมื่อคืนตี1ยังคุยด้วยเลย
ตื่นมา6โมง มาดูโดนบล๊อกขึ้น Facebook user งง..?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พ่อ: ที่รักๆวันนี้เค้าทักผุหญิงคนหนึ่งในแชตอะ
แม่:แล้วไงหรอ เล่ามาๆ
พ่อ: คือเฟสพ่อชื่อเกรียนน่ะ
เกรียน: ทักครับ
ญิ๋งๆ: ไม่ให้เบอรหรอกค่ะ
(พ่อ ป๊าดๆๆ..ฮ๊องกะเคยพ่อเคยเห็นแมะ.. เธอช่างมั่นใจเอาเหลือเกินที่รัก)
เกรียน: อ่าคือไม่ใช่จะขอเบอรครับ
ญิ๋งๆ: มีแฟนแล้วค่ะ เสียใจด้วย
(แฮง..จังบาดนิ เธอช่างมั่นใจแบบขั้นเทพเอามากที่รัก)
เกรียน: อ่าคือไม่ใช่จะขอเบอรและก็ขอเป็นแฟนครับ ผมอายุจะ60แล้ว มีเมียแล้ว รักครอบครัวมากๆครับ ในสมองผมไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้เลย
ญิ๋งๆ: แล้วคุณลุงทักมา.. ทำอะไรหรอค่ะ..?
เกรียน: ขอLineแทนได้ไหมจ๊ะหนู
ญิ๋งๆ: โอ้...ให้แล้วจะเล่นเป็นหรอ
เกรียน: เป็นสิหนู ตี3ตี4ยิงLineประจำ
ญิ๋งๆ : แล้วทักมาถ้าไม่ขอเป็นแฟน จะขออะไรหรอ..?
เกรียน: แต่งงานครับ♥แต่งงานกันน่ะ♥
(สามวันต่อมา)
ญิ๋งๆ: ได้ค่ะ แต่งก็แต่ง แต่ขอถามอะไรก่อน
เกรียน: ว่ามาเลยจ๊า ญิ๋งๆคนสวย ของป๋า
ญิ๋งๆ: เมียพี่สวยไหมค่ะ
เกรียน: ไม่สวยเลย หน้าเหมือนลิงมาก ไม่รู้ตอนเป็นหนุ่มไปหลงรักลิงได้ยังไง มันละชอบพูดว่ามันเป็นนางฟ้า
ญิ๋งๆ: เวลาเมียพี่ทำกับข้าวอร่อยไหมค่ะ
เกรียน: สุดยอดเลย เค็มมากๆบางคาบหมดชูรสเป็น3สี่ซอง ถ้าฝืนอยู่ด้วยกันจนแก่ หัวโล้นก่อนวัยอันควรแน่ๆ
ญิ๋งๆ: เวลาเมียพี่ใช้ทำนู้นทำนี่ รู้สึกยังไงบ้างค่ะ
เกรียน: ตั้งแต่งงานกันมานิ รู้สึกเหมือนจ่ายเงินค่าสมัคมาเป็นคนสวน คนรับใช้ต่างๆในครอบครัวมัน เป็นทาสอะนู๋
ญิ๋งๆ: หรอค๊ะ..!"!
เกรียน: ใช่จ๊ะหนู ทรมานมากๆ ตายซะดีกว่า ว่าแต่หนูถามทำไมอะ
ญิ๋งๆ: เปล่าค่ะ..
แล้วถ้าเมียพี่ให้เลือกจะโดนตีนน้องล่ะ
พี่คิดว่าพี่จะโดนข้างไหนดี ซ้าย-ขวา
เกรียน: ถ้าเป็นตีนน้องหรอ พี่ขอตรงกลางของตีน ซ้าย-ขวา ของตีนน้อง น่ะฮ่าๆๆ
ญิ๋ง: คร้าๆๆ อยากรู้ชื่อ-นามสกุลน้องไหมค่ะ
เกรียน: อยากรู้แค่ชื่อจ๊ะ เพราะนามสกุลจะเปลียนให้จ๊ะนู๋♥
ญิ๋งๆ: จะพานั่งรถ วีออสสีดำทะเบียน [เลย จนน-734] ไปที่อำเภอใช่เปล่าค๊
เกรียน: อิอิ จร้าๆ รู้ดีจัง แสดงว่าติดตามพี่ ในเฟสบุ๊กใช่เปล่าจ๊ะ♥
ญิ๋งๆ: คิดดีๆค่ะ คิดดีๆ ฮ่าๆๆไม่ใช่แค่ในเฟสหรอกค๊ะ ชีวิตจริงก็ติดตามยุค๊ะ คิดดีๆ
เกรียน: รึว่า...!!
แม่:แล้วไงหรอ เล่ามาๆ
พ่อ: คือเฟสพ่อชื่อเกรียนน่ะ
เกรียน: ทักครับ
ญิ๋งๆ: ไม่ให้เบอรหรอกค่ะ
(พ่อ ป๊าดๆๆ..ฮ๊องกะเคยพ่อเคยเห็นแมะ.. เธอช่างมั่นใจเอาเหลือเกินที่รัก)
เกรียน: อ่าคือไม่ใช่จะขอเบอรครับ
ญิ๋งๆ: มีแฟนแล้วค่ะ เสียใจด้วย
(แฮง..จังบาดนิ เธอช่างมั่นใจแบบขั้นเทพเอามากที่รัก)
เกรียน: อ่าคือไม่ใช่จะขอเบอรและก็ขอเป็นแฟนครับ ผมอายุจะ60แล้ว มีเมียแล้ว รักครอบครัวมากๆครับ ในสมองผมไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้เลย
ญิ๋งๆ: แล้วคุณลุงทักมา.. ทำอะไรหรอค่ะ..?
เกรียน: ขอLineแทนได้ไหมจ๊ะหนู
ญิ๋งๆ: โอ้...ให้แล้วจะเล่นเป็นหรอ
เกรียน: เป็นสิหนู ตี3ตี4ยิงLineประจำ
ญิ๋งๆ : แล้วทักมาถ้าไม่ขอเป็นแฟน จะขออะไรหรอ..?
เกรียน: แต่งงานครับ♥แต่งงานกันน่ะ♥
(สามวันต่อมา)
ญิ๋งๆ: ได้ค่ะ แต่งก็แต่ง แต่ขอถามอะไรก่อน
เกรียน: ว่ามาเลยจ๊า ญิ๋งๆคนสวย ของป๋า
ญิ๋งๆ: เมียพี่สวยไหมค่ะ
เกรียน: ไม่สวยเลย หน้าเหมือนลิงมาก ไม่รู้ตอนเป็นหนุ่มไปหลงรักลิงได้ยังไง มันละชอบพูดว่ามันเป็นนางฟ้า
ญิ๋งๆ: เวลาเมียพี่ทำกับข้าวอร่อยไหมค่ะ
เกรียน: สุดยอดเลย เค็มมากๆบางคาบหมดชูรสเป็น3สี่ซอง ถ้าฝืนอยู่ด้วยกันจนแก่ หัวโล้นก่อนวัยอันควรแน่ๆ
ญิ๋งๆ: เวลาเมียพี่ใช้ทำนู้นทำนี่ รู้สึกยังไงบ้างค่ะ
เกรียน: ตั้งแต่งงานกันมานิ รู้สึกเหมือนจ่ายเงินค่าสมัคมาเป็นคนสวน คนรับใช้ต่างๆในครอบครัวมัน เป็นทาสอะนู๋
ญิ๋งๆ: หรอค๊ะ..!"!
เกรียน: ใช่จ๊ะหนู ทรมานมากๆ ตายซะดีกว่า ว่าแต่หนูถามทำไมอะ
ญิ๋งๆ: เปล่าค่ะ..
แล้วถ้าเมียพี่ให้เลือกจะโดนตีนน้องล่ะ
พี่คิดว่าพี่จะโดนข้างไหนดี ซ้าย-ขวา
เกรียน: ถ้าเป็นตีนน้องหรอ พี่ขอตรงกลางของตีน ซ้าย-ขวา ของตีนน้อง น่ะฮ่าๆๆ
ญิ๋ง: คร้าๆๆ อยากรู้ชื่อ-นามสกุลน้องไหมค่ะ
เกรียน: อยากรู้แค่ชื่อจ๊ะ เพราะนามสกุลจะเปลียนให้จ๊ะนู๋♥
ญิ๋งๆ: จะพานั่งรถ วีออสสีดำทะเบียน [เลย จนน-734] ไปที่อำเภอใช่เปล่าค๊
เกรียน: อิอิ จร้าๆ รู้ดีจัง แสดงว่าติดตามพี่ ในเฟสบุ๊กใช่เปล่าจ๊ะ♥
ญิ๋งๆ: คิดดีๆค่ะ คิดดีๆ ฮ่าๆๆไม่ใช่แค่ในเฟสหรอกค๊ะ ชีวิตจริงก็ติดตามยุค๊ะ คิดดีๆ
เกรียน: รึว่า...!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (แม่ย่าโม) ประตูชุมพล
สถานที่: อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (แม่ย่าโม) ประตูชุมพล (14.974791653187, 102.09813400076)
ที่อยู่: คลีนิคหมอไพรัช, เทศบาลนครนครราชสีมา 30000
สถานที่: อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (แม่ย่าโม) ประตูชุมพล (14.974791653187, 102.09813400076)
ที่อยู่: คลีนิคหมอไพรัช, เทศบาลนครนครราชสีมา 30000
กำลัง อธิฐาน ขอพร
1ให้ชีวิตและครอบครัวมีความสุข
เจอแต่เรื่องดีๆเข้ามา
2ให้ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
3ให้เจอเนื้อคู่จริงๆสักที
เพี้ยงๆๆๆๆๆ ___/\___..
1ให้ชีวิตและครอบครัวมีความสุข
เจอแต่เรื่องดีๆเข้ามา
2ให้ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
3ให้เจอเนื้อคู่จริงๆสักที
เพี้ยงๆๆๆๆๆ ___/\___..
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
@ตอนนี้กำลังโดนไฟบ้าน200วัต ลุมกัน ดูด ณ ที่ปลักไฟบ้านฉัน ชาทั้งตัวและหัวใจเลยตอนนี้
จับอะไร แท้บไม่รู้น้ำหนักเลย
ลนี่หรือคือความรู้สึกของผุ้หญิงเวลาตัวอ่อน 5555 ~
จับอะไร แท้บไม่รู้น้ำหนักเลย
ลนี่หรือคือความรู้สึกของผุ้หญิงเวลาตัวอ่อน 5555 ~
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ขอโทษนะไม่ได้เขียนเฟนชิฟให้
เอาแบบนี้นะ
คำว่าเพื่อน คำนี้เคยได้ยินบ่อยมาก
บ่อยจนชินหูเลยแหละ
สำหรับเราคำว่าเพื่อนมันมีความมายกับเราอยู่ตลอดไม่เคยลืม
ต่อไปเราก็คงไม่ค่อยได้เจอกันอีกแล้วเนาะ
เพราะต่อไปต่างคนก็จะแยกย้ายกันไปตามความฝันของตัวเองที่เลงไว้ เวลามีปัญหาอะไรอย่าลืมกันนะ
เพื่อนช่วยเพื่อนอยู่เสมอ
และเราก็คงไม่มีอะไรมากก็ขอให้ใครที่จะเรียนต่อขอให้ ขยันๆตั้งใจเอา ดีๆ เจอเพื่อนเจอแฟน ใหม่ก็ดูดีๆและก็อย่าลืมเพื่อนเก่าคนนี้นะ
ใครที่จะไปทำงาน ก็ขอให้ได้งานดีๆค่าแรงวันละ900ไปเลย
และดูงานดีๆด้วยก่อนจะทำว่าเราเหมาะกับงานแบบไหน จะได้ไม่เสียเวลา
ส่วนใครที่จะเอาผัวเอาเมีย มีครอบครัว
ก็ให้ดูดีๆชีวิตคู่มันเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเหมือนที่ผ่านมาแล้ว
ใครจะออก ม6แล้วไปค้าขายช่วยพ่อช่วยแม่ ก็ขอให้ ขายออกเยอะๆ ตู้/เตียง/ที่นอน ฯ
พูดคำเดียวให้ลูกค้าออกมาซื้อทั้งหมู่บ้านเลย :)
ส่วนใครที่เจอทางสว่างจะออกบวชภาคฤดูร้อนนี้
ก็ขอให้เลื่อนชั้นได้เป็นเจ้าอาวาสวัดเร็วๆเลย555+
คำว่าเพื่อนของฉันมีความหมายดังนี้
ญิ๋งๆ: ขอบใจเพี่ยนนะที่ทำให้เราไม่เหงา ในเวลาโดนแฟนทิ้ง
เกรียน: (กูแค่พาไปเลาะบ้านนั่นบ้านนี่ซื่อๆ55)
ญิ๋งๆ: ขอบใจน่ะเพี่ยนที่ทำให้เรามีแรงลุกขึ้นสู้ ในเวลาที่อ่อนแอ
เกรียน: (ซื้อแรงเยอร์1โหลให้กินเฉยๆนะ)
ญิ๋งๆ: ขอบใจเพี่ยนที่ทำให้เราเข้าใจอะไรบางอย่าง ในเวลาที่สับสน
เกรียน: เราถามคนอื่นมาตอบให้อะ55
ญิ๋งๆ: ขอบใจเพี่ยนนะที่ทำให้เรามีความกล้า
ในสิ่งที่กำลังกลัวมันอยู่
เกรียน: เราแค่ส่งญิ๋งๆไปฝึกที่ค่ายทหารเฉยๆ
ญิ๋งๆ: เพี่ยนขอบใจนะที่ให้ยืมตังเวลาไม่มีเงิน
เกรียน: ฮ่าๆดอกร้อยละ10ให้ยืมยุแล้ว
ญิ๋งๆ: เพี่ยนขอบใจนะที่ดูแลเราตลอดระยะเวลาที่เรียนด้วยกันมา
เกรียน: ก็เธอให้เราลอกการบ้านทุกวันเลยจะให้ฆ่าทิ้งหรอ..!!
ญิ๋งๆ:เพี่ยนขอบใจน่ะที่ทำให้เรามีความสุขมากๆที่เรียนด้วยกันมา
เกรียน: ฮ่าๆเราก็ต้องการอย่างนั้นอะ55
ญิ๋งๆ: เพี่ยนกุฮักมึงหวะ
เกรียน: เออ กุก็ฮักมึงคึกันวะ
กุสัญญากุจะไม่ทิ้งมึงและลืมมึง อีดอก
และเพื่อนก็ยังพาไปด้านลบ
เพี่ยนทำให้เรากล้าลองบุรี่(แต่ไม่ติด)
เพี่ยนทำให้เราแดกเหล้า(จนกุเข้าโรงบาล)
เพียนทำให้เรากล้าตีคนอื่นในเวลาที่เราไม่พอใจ
เพี่ยนทำให้เราเกือบตาย(มึงขี่รถเร็ว)
และเพื่อนก็ยังทำให้เราได้เป็นดองกัน(เอาลูกมึงมาแต่งกับลูกกู)
สุดท้ายนี่เฮาขอให้พวกโต
โชคดี เด้อ..
เอาแบบนี้นะ
คำว่าเพื่อน คำนี้เคยได้ยินบ่อยมาก
บ่อยจนชินหูเลยแหละ
สำหรับเราคำว่าเพื่อนมันมีความมายกับเราอยู่ตลอดไม่เคยลืม
ต่อไปเราก็คงไม่ค่อยได้เจอกันอีกแล้วเนาะ
เพราะต่อไปต่างคนก็จะแยกย้ายกันไปตามความฝันของตัวเองที่เลงไว้ เวลามีปัญหาอะไรอย่าลืมกันนะ
เพื่อนช่วยเพื่อนอยู่เสมอ
และเราก็คงไม่มีอะไรมากก็ขอให้ใครที่จะเรียนต่อขอให้ ขยันๆตั้งใจเอา ดีๆ เจอเพื่อนเจอแฟน ใหม่ก็ดูดีๆและก็อย่าลืมเพื่อนเก่าคนนี้นะ
ใครที่จะไปทำงาน ก็ขอให้ได้งานดีๆค่าแรงวันละ900ไปเลย
และดูงานดีๆด้วยก่อนจะทำว่าเราเหมาะกับงานแบบไหน จะได้ไม่เสียเวลา
ส่วนใครที่จะเอาผัวเอาเมีย มีครอบครัว
ก็ให้ดูดีๆชีวิตคู่มันเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเหมือนที่ผ่านมาแล้ว
ใครจะออก ม6แล้วไปค้าขายช่วยพ่อช่วยแม่ ก็ขอให้ ขายออกเยอะๆ ตู้/เตียง/ที่นอน ฯ
พูดคำเดียวให้ลูกค้าออกมาซื้อทั้งหมู่บ้านเลย :)
ส่วนใครที่เจอทางสว่างจะออกบวชภาคฤดูร้อนนี้
ก็ขอให้เลื่อนชั้นได้เป็นเจ้าอาวาสวัดเร็วๆเลย555+
คำว่าเพื่อนของฉันมีความหมายดังนี้
ญิ๋งๆ: ขอบใจเพี่ยนนะที่ทำให้เราไม่เหงา ในเวลาโดนแฟนทิ้ง
เกรียน: (กูแค่พาไปเลาะบ้านนั่นบ้านนี่ซื่อๆ55)
ญิ๋งๆ: ขอบใจน่ะเพี่ยนที่ทำให้เรามีแรงลุกขึ้นสู้ ในเวลาที่อ่อนแอ
เกรียน: (ซื้อแรงเยอร์1โหลให้กินเฉยๆนะ)
ญิ๋งๆ: ขอบใจเพี่ยนที่ทำให้เราเข้าใจอะไรบางอย่าง ในเวลาที่สับสน
เกรียน: เราถามคนอื่นมาตอบให้อะ55
ญิ๋งๆ: ขอบใจเพี่ยนนะที่ทำให้เรามีความกล้า
ในสิ่งที่กำลังกลัวมันอยู่
เกรียน: เราแค่ส่งญิ๋งๆไปฝึกที่ค่ายทหารเฉยๆ
ญิ๋งๆ: เพี่ยนขอบใจนะที่ให้ยืมตังเวลาไม่มีเงิน
เกรียน: ฮ่าๆดอกร้อยละ10ให้ยืมยุแล้ว
ญิ๋งๆ: เพี่ยนขอบใจนะที่ดูแลเราตลอดระยะเวลาที่เรียนด้วยกันมา
เกรียน: ก็เธอให้เราลอกการบ้านทุกวันเลยจะให้ฆ่าทิ้งหรอ..!!
ญิ๋งๆ:เพี่ยนขอบใจน่ะที่ทำให้เรามีความสุขมากๆที่เรียนด้วยกันมา
เกรียน: ฮ่าๆเราก็ต้องการอย่างนั้นอะ55
ญิ๋งๆ: เพี่ยนกุฮักมึงหวะ
เกรียน: เออ กุก็ฮักมึงคึกันวะ
กุสัญญากุจะไม่ทิ้งมึงและลืมมึง อีดอก
และเพื่อนก็ยังพาไปด้านลบ
เพี่ยนทำให้เรากล้าลองบุรี่(แต่ไม่ติด)
เพี่ยนทำให้เราแดกเหล้า(จนกุเข้าโรงบาล)
เพียนทำให้เรากล้าตีคนอื่นในเวลาที่เราไม่พอใจ
เพี่ยนทำให้เราเกือบตาย(มึงขี่รถเร็ว)
และเพื่อนก็ยังทำให้เราได้เป็นดองกัน(เอาลูกมึงมาแต่งกับลูกกู)
สุดท้ายนี่เฮาขอให้พวกโต
โชคดี เด้อ..
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ใช่ชิ..เรามันเป็นแค่ตัวประกอบ
ไม่มีใครสนใจ ไม่เคยมีใครให้ความสำคัญ
ไม่มีใครสนใจ ไม่เคยมีใครให้ความสำคัญ
วิธีล้าง รถแบบใหม่..!! คือมันเอาไข่ล้างอะ..!!
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 08, 2013 4:03:45pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ดีใจๆได้กดไลค์รูปเธอเป็นคนแรก
แต่เราก็ไม่กล้าคอมเม้นตัดหน้าคนสำคัญของเธอหรอก :))
แต่เราก็ไม่กล้าคอมเม้นตัดหน้าคนสำคัญของเธอหรอก :))
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เขียนเฟนชิฟให้บ่หมดเลย
เฮาละอยากเขียนจนมือสั่นเลยเพิ้ล
เอาแบบนี้เนาะ
คำว่าเพื่อน คำนี้เคยได้ยินบ่อยมาก
บ่อยจนชินหูเลยแหละ
สำหรับเราคำว่าเพื่อนมันมีความมายกับเราอยู่ตลอดไม่เคยที่จะลืม ว่ามันลึกซึ่งแค่ไหน
ต่อไปเราก็คงไม่ค่อยได้เจอกันอีกแล้วเนาะ
เพราะต่อไปต่างคนก็จะแยกย้ายกันไปตามความฝันของตัวเองที่เลงไว้ เวลามีปัญหาอะไรอย่าลืมกันนะ เราเพื่อนกันยุแล้ว
เพื่อนช่วยเพื่อนเสมอ
และเราก็คงไม่มีอะไรมากก็ขอให้ใครที่จะเรียนต่อขอให้ ขยันๆตั้งใจเอา ดีๆ เจอเพื่อนใหม่เจอแฟนใหม่ ก็อย่าลืมคนเก่านะ และก็ให้ดูดีๆ จะได้เพื่อนใหม่ที่เข้ากับเราได้
ใครที่จะไปทำงาน ก็ขอให้ได้งานดีๆค่าแรงวันละ หมื่นสาม ไปเลย
และก็ดูตัวเองด้วยก่อนจะทำนะ ว่าเราเหมาะกับงานแบบไหน จะได้ไม่เสียเวลา
ส่วนใครที่จะเอาผัวเอาเมีย (จะมีครอบครัว)
ก็ให้ดูดีๆชีวิตคู่มันเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วเหมือนที่ผ่านมา
และใครที่จะจบแค่ ม6แล้วไปค้าขายช่วยพ่อช่วยแม่ ก็ขอให้ ขายออกเยอะๆ ตู้/เตียง/ที่นอน/หมอน/มุ้ง/ข้าวสาร ฯ
พูดคำเดียวให้ลูกค้าออกมาซื้อทั้งหมู่บ้านเลย ขายดียังกะขี่รถลงเหวเลย:)
ส่วนใครที่เจอทางสว่างจะออกบวชเป็นพระในภาคฤดูร้อนนี้ เดินตามพระพุทธศาสนา
ก็ขอให้ได้เลื่อนเป็นเจ้าอาวาสวัดเร็วๆเลย555+ สาธุ สาธุ
^^ และ...""^^
ญิ๋งๆ: ขอบใจเพี่ยนนะที่ทำให้เราไม่เหงา ในเวลาโดนแฟนทิ้ง
เกรียน: (กูแค่พาไปเลาะบ้านนั่นบ้านนี่ซื่อๆ55)
ญิ๋งๆ: ขอบใจน่ะเพี่ยนที่ทำให้เรามีแรงลุกขึ้นสู้ ในเวลาที่อ่อนแอ
เกรียน: (ซื้อแรงเยอร์1โหลให้กินเฉยๆนะ)
ญิ๋งๆ: ขอบใจเพี่ยนที่ทำให้เราเข้าใจอะไรบางอย่าง ในเวลาที่สับสน
เกรียน: เราถามคนอื่นมาตอบให้อะ55
ญิ๋งๆ: ขอบใจเพี่ยนนะที่ทำให้เรามีความกล้า
ในสิ่งที่กำลังกลัวมันอยู่
เกรียน: เราแค่ส่งญิ๋งๆไปฝึกที่ค่ายทหารเฉยๆ
ญิ๋งๆ: เพี่ยนขอบใจนะที่ให้ยืมตังเวลาไม่มีเงิน
เกรียน: ฮ่าๆดอกร้อยละ10ให้ยืมยุแล้ว
ญิ๋งๆ: เพี่ยนขอบใจนะที่ดูแลเราตลอดระยะเวลาที่เรียนด้วยกันมา
เกรียน: ก็เธอให้เราลอกการบ้านทุกวันเลยจะให้ฆ่าทิ้งหรอ..!!
ญิ๋งๆ:เพี่ยนขอบใจน่ะที่ทำให้เรามีความสุขมากๆที่เรียนด้วยกันมา
เกรียน: ฮ่าๆเราก็ต้องการอย่างนั้นอะ55
ญิ๋งๆ: เพี่ยนกุฮักมึงหวะ
เกรียน: เออ กุก็ฮักมึงคึกันวะ
กุสัญญากุจะไม่ทิ้งมึงและลืมมึง อีดอก
ญิ๋งๆ: กูก็สัญาว่าจะไม่ทิ้งมึงเหมือนกัน ไอ้หื่น
และ เพื่อน
เพี่ยนทำให้เรากล้าลองบุรี่(แต่ไม่ติด)
เพี่ยนทำให้เราแดกเหล้า(จนกุเข้าโรงบาล)
เพียนทำให้เรากล้าตีคนอื่นในเวลาที่เราไม่พอใจ(นักเลง ฝึกใหม่)
เพี่ยนทำให้เราเกือบตาย(มึงขี่รถเร็ว)
เพี่ยนทำให้เราเงินหมด(มึงพากูซื้อนั่นนู้นนี่ หมดเลย)
และเพื่อนก็ยังทำให้เราได้เป็นดองกัน(เอาลูกมึงมา&แต่งกับลูกกู)
สุดท้ายนี่เฮาขอให้พวกโต
โชคดี เด้อ..:)
เฮาสิฮักและห่วงใยหมู่ทุกคนเสมอ
เฮาละอยากเขียนจนมือสั่นเลยเพิ้ล
เอาแบบนี้เนาะ
คำว่าเพื่อน คำนี้เคยได้ยินบ่อยมาก
บ่อยจนชินหูเลยแหละ
สำหรับเราคำว่าเพื่อนมันมีความมายกับเราอยู่ตลอดไม่เคยที่จะลืม ว่ามันลึกซึ่งแค่ไหน
ต่อไปเราก็คงไม่ค่อยได้เจอกันอีกแล้วเนาะ
เพราะต่อไปต่างคนก็จะแยกย้ายกันไปตามความฝันของตัวเองที่เลงไว้ เวลามีปัญหาอะไรอย่าลืมกันนะ เราเพื่อนกันยุแล้ว
เพื่อนช่วยเพื่อนเสมอ
และเราก็คงไม่มีอะไรมากก็ขอให้ใครที่จะเรียนต่อขอให้ ขยันๆตั้งใจเอา ดีๆ เจอเพื่อนใหม่เจอแฟนใหม่ ก็อย่าลืมคนเก่านะ และก็ให้ดูดีๆ จะได้เพื่อนใหม่ที่เข้ากับเราได้
ใครที่จะไปทำงาน ก็ขอให้ได้งานดีๆค่าแรงวันละ หมื่นสาม ไปเลย
และก็ดูตัวเองด้วยก่อนจะทำนะ ว่าเราเหมาะกับงานแบบไหน จะได้ไม่เสียเวลา
ส่วนใครที่จะเอาผัวเอาเมีย (จะมีครอบครัว)
ก็ให้ดูดีๆชีวิตคู่มันเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วเหมือนที่ผ่านมา
และใครที่จะจบแค่ ม6แล้วไปค้าขายช่วยพ่อช่วยแม่ ก็ขอให้ ขายออกเยอะๆ ตู้/เตียง/ที่นอน/หมอน/มุ้ง/ข้าวสาร ฯ
พูดคำเดียวให้ลูกค้าออกมาซื้อทั้งหมู่บ้านเลย ขายดียังกะขี่รถลงเหวเลย:)
ส่วนใครที่เจอทางสว่างจะออกบวชเป็นพระในภาคฤดูร้อนนี้ เดินตามพระพุทธศาสนา
ก็ขอให้ได้เลื่อนเป็นเจ้าอาวาสวัดเร็วๆเลย555+ สาธุ สาธุ
^^ และ...""^^
ญิ๋งๆ: ขอบใจเพี่ยนนะที่ทำให้เราไม่เหงา ในเวลาโดนแฟนทิ้ง
เกรียน: (กูแค่พาไปเลาะบ้านนั่นบ้านนี่ซื่อๆ55)
ญิ๋งๆ: ขอบใจน่ะเพี่ยนที่ทำให้เรามีแรงลุกขึ้นสู้ ในเวลาที่อ่อนแอ
เกรียน: (ซื้อแรงเยอร์1โหลให้กินเฉยๆนะ)
ญิ๋งๆ: ขอบใจเพี่ยนที่ทำให้เราเข้าใจอะไรบางอย่าง ในเวลาที่สับสน
เกรียน: เราถามคนอื่นมาตอบให้อะ55
ญิ๋งๆ: ขอบใจเพี่ยนนะที่ทำให้เรามีความกล้า
ในสิ่งที่กำลังกลัวมันอยู่
เกรียน: เราแค่ส่งญิ๋งๆไปฝึกที่ค่ายทหารเฉยๆ
ญิ๋งๆ: เพี่ยนขอบใจนะที่ให้ยืมตังเวลาไม่มีเงิน
เกรียน: ฮ่าๆดอกร้อยละ10ให้ยืมยุแล้ว
ญิ๋งๆ: เพี่ยนขอบใจนะที่ดูแลเราตลอดระยะเวลาที่เรียนด้วยกันมา
เกรียน: ก็เธอให้เราลอกการบ้านทุกวันเลยจะให้ฆ่าทิ้งหรอ..!!
ญิ๋งๆ:เพี่ยนขอบใจน่ะที่ทำให้เรามีความสุขมากๆที่เรียนด้วยกันมา
เกรียน: ฮ่าๆเราก็ต้องการอย่างนั้นอะ55
ญิ๋งๆ: เพี่ยนกุฮักมึงหวะ
เกรียน: เออ กุก็ฮักมึงคึกันวะ
กุสัญญากุจะไม่ทิ้งมึงและลืมมึง อีดอก
ญิ๋งๆ: กูก็สัญาว่าจะไม่ทิ้งมึงเหมือนกัน ไอ้หื่น
และ เพื่อน
เพี่ยนทำให้เรากล้าลองบุรี่(แต่ไม่ติด)
เพี่ยนทำให้เราแดกเหล้า(จนกุเข้าโรงบาล)
เพียนทำให้เรากล้าตีคนอื่นในเวลาที่เราไม่พอใจ(นักเลง ฝึกใหม่)
เพี่ยนทำให้เราเกือบตาย(มึงขี่รถเร็ว)
เพี่ยนทำให้เราเงินหมด(มึงพากูซื้อนั่นนู้นนี่ หมดเลย)
และเพื่อนก็ยังทำให้เราได้เป็นดองกัน(เอาลูกมึงมา&แต่งกับลูกกู)
สุดท้ายนี่เฮาขอให้พวกโต
โชคดี เด้อ..:)
เฮาสิฮักและห่วงใยหมู่ทุกคนเสมอ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ชุดนักเรียน
กางเกง+เสื้อ สภาพ 85% (ไป รร ส่วนมากใส่เสื้อกันหนาว)
ร้องเท้า สภาพ 99% (ซื้อใหม่ใส่ไปสอบแค่3วันสุดท้าย)
เข็มขัด สภาพ 85% (เวลาซัก ถอดออกทุกครั้ง)
กระเป๋าสะพาย สภาพ 85% (ชิบไม่แตก แต่สายขาดนิดหนึ่ง)
ชุุด ร.ด
เสื้อ2ตัว สภาพ 85% (ไม่คอยรีดเท่าไร ตรงแขนเสื้อยังเข้มยุ
กางเกง2ตัว สภาพ 50% (ขาดเข่านิดหนึ่ง 55)
หมวก สภาพ90%(ยังดีไม่ขาดนะ)
หัวเข็มขัด สภาพ12% (ก็หมอบ ก็คลาน ธรรมดา)
สายเข็มขัด 2เส้น สภาพ90%
ว่าจะบริจากให้น้องคนหนึ่งที่เป็นหลานเรียนยุ ม3
กางเกง+เสื้อ สภาพ 85% (ไป รร ส่วนมากใส่เสื้อกันหนาว)
ร้องเท้า สภาพ 99% (ซื้อใหม่ใส่ไปสอบแค่3วันสุดท้าย)
เข็มขัด สภาพ 85% (เวลาซัก ถอดออกทุกครั้ง)
กระเป๋าสะพาย สภาพ 85% (ชิบไม่แตก แต่สายขาดนิดหนึ่ง)
ชุุด ร.ด
เสื้อ2ตัว สภาพ 85% (ไม่คอยรีดเท่าไร ตรงแขนเสื้อยังเข้มยุ
กางเกง2ตัว สภาพ 50% (ขาดเข่านิดหนึ่ง 55)
หมวก สภาพ90%(ยังดีไม่ขาดนะ)
หัวเข็มขัด สภาพ12% (ก็หมอบ ก็คลาน ธรรมดา)
สายเข็มขัด 2เส้น สภาพ90%
ว่าจะบริจากให้น้องคนหนึ่งที่เป็นหลานเรียนยุ ม3
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Bowpari Phiankla และคนอื่นๆ อีก 12 คน
คุณได้แท็ก Bowpari Phiankla, Jirapan Wongklang, Bowling Sunisa Kengnok, Rungsun Kiayasuan, Watcharaporn Norkaew, Supattra Sawatphan, Supachai Arm Sumpaoyon, Warunya Sangyoi, P'Pukky Benchawan, Surasuk Siriwan, พัชรินทร์ เกษมสัตย์, Peerapol Treeraksa และ Kannika Kankaew
เขียนเฟนชิฟให้บ่หมดเลย
เฮาละอยากเขียนจนมือสั่นเลยเพิ้ล
เอาแบบนี้เนาะ
คำว่าเพื่อน คำนี้เคยได้ยินบ่อยมาก
บ่อยจนชินหูเลยแหละ
สำหรับเราคำว่าเพื่อนมันมีความมายกับเราอยู่ตลอดไม่เคยที่จะลืม ว่ามันลึกซึ่งแค่ไหน
ต่อไปเราก็คงไม่ค่อยได้เจอกันอีกแล้วเนาะ
เพราะต่อไปต่างคนก็จะแยกย้ายกันไปตามความฝันของตัวเองที่เลงไว้ เวลามีปัญหาอะไรอย่าลืมกันนะ เราเพื่อนกันยุแล้ว
เพื่อนช่วยเพื่อนเสมอ
และเราก็คงไม่มีอะไรมากก็ขอให้ใครที่จะเรียนต่อขอให้ ขยันๆตั้งใจเอา ดีๆ เจอเพื่อนใหม่เจอแฟนใหม่ ก็อย่าลืมคนเก่านะ และก็ให้ดูดีๆ จะได้เพื่อนใหม่ที่เข้ากับเราได้
ใครที่จะไปทำงาน ก็ขอให้ได้งานดีๆค่าแรงวันละ หมื่นสาม ไปเลย
และก็ดูตัวเองด้วยก่อนจะทำนะ ว่าเราเหมาะกับงานแบบไหน จะได้ไม่เสียเวลา
ส่วนใครที่จะเอาผัวเอาเมีย (จะมีครอบครัว)
ก็ให้ดูดีๆชีวิตคู่มันเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วเหมือนที่ผ่านมา
และใครที่จะจบแค่ ม6แล้วไปค้าขายช่วยพ่อช่วยแม่ ก็ขอให้ ขายออกเยอะๆ ตู้/เตียง/ที่นอน/หมอน/มุ้ง/ข้าวสาร ฯ
พูดคำเดียวให้ลูกค้าออกมาซื้อทั้งหมู่บ้านเลย ขายดียังกะขี่รถลงเหวเลย:)
ส่วนใครที่เจอทางสว่างจะออกบวชเป็นพระในภาคฤดูร้อนนี้ เดินตามพระพุทธศาสนา
ก็ขอให้ได้เลื่อนเป็นเจ้าอาวาสวัดเร็วๆเลย555+ สาธุ สาธุ
^^ และ...""^^
ญิ๋งๆ: ขอบใจเพี่ยนนะที่ทำให้เราไม่เหงา ในเวลาโดนแฟนทิ้ง
เกรียน: (กูแค่พาไปเลาะบ้านนั่นบ้านนี่ซื่อๆ55)
ญิ๋งๆ: ขอบใจน่ะเพี่ยนที่ทำให้เรามีแรงลุกขึ้นสู้ ในเวลาที่อ่อนแอ
เกรียน: (ซื้อแรงเยอร์1โหลให้กินเฉยๆนะ)
ญิ๋งๆ: ขอบใจเพี่ยนที่ทำให้เราเข้าใจอะไรบางอย่าง ในเวลาที่สับสน
เกรียน: เราถามคนอื่นมาตอบให้อะ55
ญิ๋งๆ: ขอบใจเพี่ยนนะที่ทำให้เรามีความกล้า
ในสิ่งที่กำลังกลัวมันอยู่
เกรียน: เราแค่ส่งญิ๋งๆไปฝึกที่ค่ายทหารเฉยๆ
ญิ๋งๆ: เพี่ยนขอบใจนะที่ให้ยืมตังเวลาไม่มีเงิน
เกรียน: ฮ่าๆดอกร้อยละ10ให้ยืมยุแล้ว
ญิ๋งๆ: เพี่ยนขอบใจนะที่ดูแลเราตลอดระยะเวลาที่เรียนด้วยกันมา
เกรียน: ก็เธอให้เราลอกการบ้านทุกวันเลยจะให้ฆ่าทิ้งหรอ..!!
ญิ๋งๆ:เพี่ยนขอบใจน่ะที่ทำให้เรามีความสุขมากๆที่เรียนด้วยกันมา
เกรียน: ฮ่าๆเราก็ต้องการอย่างนั้นอะ55
ญิ๋งๆ: เพี่ยนกุฮักมึงหวะ
เกรียน: เออ กุก็ฮักมึงคึกันวะ
กุสัญญากุจะไม่ทิ้งมึงและลืมมึง อีดอก
ญิ๋งๆ: กูก็สัญาว่าจะไม่ทิ้งมึงเหมือนกัน ไอ้หื่น
และ เพื่อน
เพี่ยนทำให้เรากล้าลองบุรี่(แต่ไม่ติด)
เพี่ยนทำให้เราแดกเหล้า(จนกุเข้าโรงบาล)
เพียนทำให้เรากล้าตีคนอื่นในเวลาที่เราไม่พอใจ(นักเลง ฝึกใหม่)
เพี่ยนทำให้เราเกือบตาย(มึงขี่รถเร็ว)
เพี่ยนทำให้เราเงินหมด(มึงพากูซื้อนั่นนู้นนี่ หมดเลย)
และเพื่อนก็ยังทำให้เราได้เป็นดองกัน(เอาลูกมึงมา&แต่งกับลูกกู)
สุดท้ายนี่เฮาขอให้พวกโต
โชคดี เด้อ..:)
เฮาสิฮักและห่วงใยหมู่ทุกคนเสมอ
เฮาละอยากเขียนจนมือสั่นเลยเพิ้ล
เอาแบบนี้เนาะ
คำว่าเพื่อน คำนี้เคยได้ยินบ่อยมาก
บ่อยจนชินหูเลยแหละ
สำหรับเราคำว่าเพื่อนมันมีความมายกับเราอยู่ตลอดไม่เคยที่จะลืม ว่ามันลึกซึ่งแค่ไหน
ต่อไปเราก็คงไม่ค่อยได้เจอกันอีกแล้วเนาะ
เพราะต่อไปต่างคนก็จะแยกย้ายกันไปตามความฝันของตัวเองที่เลงไว้ เวลามีปัญหาอะไรอย่าลืมกันนะ เราเพื่อนกันยุแล้ว
เพื่อนช่วยเพื่อนเสมอ
และเราก็คงไม่มีอะไรมากก็ขอให้ใครที่จะเรียนต่อขอให้ ขยันๆตั้งใจเอา ดีๆ เจอเพื่อนใหม่เจอแฟนใหม่ ก็อย่าลืมคนเก่านะ และก็ให้ดูดีๆ จะได้เพื่อนใหม่ที่เข้ากับเราได้
ใครที่จะไปทำงาน ก็ขอให้ได้งานดีๆค่าแรงวันละ หมื่นสาม ไปเลย
และก็ดูตัวเองด้วยก่อนจะทำนะ ว่าเราเหมาะกับงานแบบไหน จะได้ไม่เสียเวลา
ส่วนใครที่จะเอาผัวเอาเมีย (จะมีครอบครัว)
ก็ให้ดูดีๆชีวิตคู่มันเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วเหมือนที่ผ่านมา
และใครที่จะจบแค่ ม6แล้วไปค้าขายช่วยพ่อช่วยแม่ ก็ขอให้ ขายออกเยอะๆ ตู้/เตียง/ที่นอน/หมอน/มุ้ง/ข้าวสาร ฯ
พูดคำเดียวให้ลูกค้าออกมาซื้อทั้งหมู่บ้านเลย ขายดียังกะขี่รถลงเหวเลย:)
ส่วนใครที่เจอทางสว่างจะออกบวชเป็นพระในภาคฤดูร้อนนี้ เดินตามพระพุทธศาสนา
ก็ขอให้ได้เลื่อนเป็นเจ้าอาวาสวัดเร็วๆเลย555+ สาธุ สาธุ
^^ และ...""^^
ญิ๋งๆ: ขอบใจเพี่ยนนะที่ทำให้เราไม่เหงา ในเวลาโดนแฟนทิ้ง
เกรียน: (กูแค่พาไปเลาะบ้านนั่นบ้านนี่ซื่อๆ55)
ญิ๋งๆ: ขอบใจน่ะเพี่ยนที่ทำให้เรามีแรงลุกขึ้นสู้ ในเวลาที่อ่อนแอ
เกรียน: (ซื้อแรงเยอร์1โหลให้กินเฉยๆนะ)
ญิ๋งๆ: ขอบใจเพี่ยนที่ทำให้เราเข้าใจอะไรบางอย่าง ในเวลาที่สับสน
เกรียน: เราถามคนอื่นมาตอบให้อะ55
ญิ๋งๆ: ขอบใจเพี่ยนนะที่ทำให้เรามีความกล้า
ในสิ่งที่กำลังกลัวมันอยู่
เกรียน: เราแค่ส่งญิ๋งๆไปฝึกที่ค่ายทหารเฉยๆ
ญิ๋งๆ: เพี่ยนขอบใจนะที่ให้ยืมตังเวลาไม่มีเงิน
เกรียน: ฮ่าๆดอกร้อยละ10ให้ยืมยุแล้ว
ญิ๋งๆ: เพี่ยนขอบใจนะที่ดูแลเราตลอดระยะเวลาที่เรียนด้วยกันมา
เกรียน: ก็เธอให้เราลอกการบ้านทุกวันเลยจะให้ฆ่าทิ้งหรอ..!!
ญิ๋งๆ:เพี่ยนขอบใจน่ะที่ทำให้เรามีความสุขมากๆที่เรียนด้วยกันมา
เกรียน: ฮ่าๆเราก็ต้องการอย่างนั้นอะ55
ญิ๋งๆ: เพี่ยนกุฮักมึงหวะ
เกรียน: เออ กุก็ฮักมึงคึกันวะ
กุสัญญากุจะไม่ทิ้งมึงและลืมมึง อีดอก
ญิ๋งๆ: กูก็สัญาว่าจะไม่ทิ้งมึงเหมือนกัน ไอ้หื่น
และ เพื่อน
เพี่ยนทำให้เรากล้าลองบุรี่(แต่ไม่ติด)
เพี่ยนทำให้เราแดกเหล้า(จนกุเข้าโรงบาล)
เพียนทำให้เรากล้าตีคนอื่นในเวลาที่เราไม่พอใจ(นักเลง ฝึกใหม่)
เพี่ยนทำให้เราเกือบตาย(มึงขี่รถเร็ว)
เพี่ยนทำให้เราเงินหมด(มึงพากูซื้อนั่นนู้นนี่ หมดเลย)
และเพื่อนก็ยังทำให้เราได้เป็นดองกัน(เอาลูกมึงมา&แต่งกับลูกกู)
สุดท้ายนี่เฮาขอให้พวกโต
โชคดี เด้อ..:)
เฮาสิฮักและห่วงใยหมู่ทุกคนเสมอ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ หนองเทา
สถานที่: หนองเทา (13.6900174, 102.486755775)
ที่อยู่: Ban Mai Nong Sai, Sa Kaeo 27120
สถานที่: หนองเทา (13.6900174, 102.486755775)
ที่อยู่: Ban Mai Nong Sai, Sa Kaeo 27120
ไปส่งซองงานบวชแทนพ่อ ณ บ้าน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ.หนองยอ อ.หัวตะพาน
สถานที่: โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ.หนองยอ อ.หัวตะพาน (15.5848575477, 104.573081201)
ที่อยู่: 37240
สถานที่: โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ.หนองยอ อ.หัวตะพาน (15.5848575477, 104.573081201)
ที่อยู่: 37240
พาคุณพ่อ มาหาคุณหมอกับแม่ที่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
งวงๆๆ ละเมอฟักเนื้อ 5556
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โอ้ยเหนื่อยๆๆ การที่ไม่มีใครคอยดูแลช่วยเหลือนิมันเหนื่อยจริงๆโว้ย แม่กับพ่อก็อยู่โรงบาล
ไอ้เราก็ออกหน้าช่วยงานแต่ง4งาน
นอนก็ดึก ตื่นก็เช้า โอ้ย กุ้มๆๆๆๆๆๆๆ โว้ยๆๆๆ เรื่องเยอะจริงๆโว้ย
ไอ้เราก็ออกหน้าช่วยงานแต่ง4งาน
นอนก็ดึก ตื่นก็เช้า โอ้ย กุ้มๆๆๆๆๆๆๆ โว้ยๆๆๆ เรื่องเยอะจริงๆโว้ย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อยากลืมว่าเธอเป็นเเฟนเขา อยากจำใหม่..ว่าเธอเป็นแฟนเราตางหาก :)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โอ้ยเหนื่อยๆๆ การที่ไม่มีใครคอยดูแลช่วยเหลือนิมันเหนื่อยจริงๆโว้ย แม่กับพ่อก็อยู่โรงบาล
ไอ้เราก็ออกหน้าช่วยงานแต่ง4งาน
นอนก็ดึก ตื่นก็เช้า โอ้ย กุ้มๆๆๆๆๆๆๆ โว้ยๆๆๆ เรื่องเยอะจริงๆโว้ย
ไอ้เราก็ออกหน้าช่วยงานแต่ง4งาน
นอนก็ดึก ตื่นก็เช้า โอ้ย กุ้มๆๆๆๆๆๆๆ โว้ยๆๆๆ เรื่องเยอะจริงๆโว้ย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
*104* 87*1469302# แล้วโทรออก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แม่กะบ่อยู่ @ได้ลุกนึ่งเขาเองเลย ณ ที่บ้านฉัน 5555]]]
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วิธีบอกเลิกเวอร์ชั่นใหม่2013(เกรียนๆ)^^
ชาย: เรา"รักเธอนะ" หญิงๆ
หญิงๆ: เค้าก็ "รักตัวเอง"เหมือนกัน
ชาย: อะไรนะ :(ไม่ได้ยินเลย..!! หญิงๆพูดใหม่ชิ
หญิงๆ: เค้าก็ "รักตัวเอง" เหมือนกาน ^___^ได้ยินยังอะ
ชาย: "เราเลิกกันเถอะ'
หญิงๆ: ทำไมอะ เลิกทำไม ไม่เอา เมื่อกี้ยังบอกรักกันอยู่เลย
ชาย: เรารักคนละอย่างกัน เราไปกันไม่ได้หรอก
เราเลิกกันเถอะ
:> คนเราการที่จะอยู่ด้วยกันได้นั้น ต้องชอบอะไรๆที่คล้ายๆกัน และก็จำเป็นต้องเหมือนกันทุกอย่างและก็ทุกๆเรื่องด้วย
หญิงๆ: มึงได้ยินมาจากไหน
ชาย: ขึ้น "มึง" เลยหรอ อิสัส
หญิงๆ: ขึ้นอี ขึ้นสัส เลยหรอ?? ไอ้ควย...แล้วมึงได้ยินมาจากไหน
ชาย: อ่านจากหนังสือดิวะ อิสัส ไม่เหมือนมึงเล่นแต่เฟสบุ๊ก โง่ๆๆ
ชาย: เลิกกัน
ชาย: เรา"รักเธอนะ" หญิงๆ
หญิงๆ: เค้าก็ "รักตัวเอง"เหมือนกัน
ชาย: อะไรนะ :(ไม่ได้ยินเลย..!! หญิงๆพูดใหม่ชิ
หญิงๆ: เค้าก็ "รักตัวเอง" เหมือนกาน ^___^ได้ยินยังอะ
ชาย: "เราเลิกกันเถอะ'
หญิงๆ: ทำไมอะ เลิกทำไม ไม่เอา เมื่อกี้ยังบอกรักกันอยู่เลย
ชาย: เรารักคนละอย่างกัน เราไปกันไม่ได้หรอก
เราเลิกกันเถอะ
:> คนเราการที่จะอยู่ด้วยกันได้นั้น ต้องชอบอะไรๆที่คล้ายๆกัน และก็จำเป็นต้องเหมือนกันทุกอย่างและก็ทุกๆเรื่องด้วย
หญิงๆ: มึงได้ยินมาจากไหน
ชาย: ขึ้น "มึง" เลยหรอ อิสัส
หญิงๆ: ขึ้นอี ขึ้นสัส เลยหรอ?? ไอ้ควย...แล้วมึงได้ยินมาจากไหน
ชาย: อ่านจากหนังสือดิวะ อิสัส ไม่เหมือนมึงเล่นแต่เฟสบุ๊ก โง่ๆๆ
ชาย: เลิกกัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
@นั้งเฝ้าคุณพ่ออยู่ข้างเตียง
แบบ ว่างมากๆว่างมากๆๆๆๆๆ +ขิวโรงบาลนำ
ถ้าเพื่อนๆแบบว่าว่างมากทั้งวันเลย เช้า-เย็น จะทำอะไร..?
แบบ ว่างมากๆว่างมากๆๆๆๆๆ +ขิวโรงบาลนำ
ถ้าเพื่อนๆแบบว่าว่างมากทั้งวันเลย เช้า-เย็น จะทำอะไร..?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ลุกนึ่งข้าว ดังไฟเกียบบ่ติด : )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ยังมีเหลืออยู่ไหมคนที่แบบว่า สวยหล่อไม่งอแป้งอะ 55555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ช่วงตอนหัวค่ำ ไปซื้อกับข้าวคนเดียว เห็นพี่คนหนึ่งใส่เสื้อสีแดง ผมยาวๆหน้าขาวๆคนหนึ่งมองเรา ยิ้มให้เรา เราเห็นแล้วเลย (งิงแขวไสคืน55 )
แล้วพี่กระเทยคนนั้นมันกำลังจะเดินเข้ามาทางเรา ไม่รู้จะทำยังไง พอดีเพื่อนที่เรียน ร.ด รร หัวตะพานเรียกเราเลยรีบเข้าไปหามัน
เลยถามมันว่า
เรา:พี่เสื้อแดงคนนั้นกระเทยใช่ปะ
เพื่อน: เออใช่ นั้นแหละกระเทยหัวตะพานตัวจริง
เรา: กุว่าแล้ว
เพื่อน: มึงชอบหรอถึงถาม เอาเลยๆเงินมันเยอะนะเว้ย แค่เสียตูด
*อยากบอกพี่กระเทยคนนั้นว่า บ่ได้แอ้มฉันหรอกเธอ 555555+ บ่เคยพบเคยเจอ
แล้วพี่กระเทยคนนั้นมันกำลังจะเดินเข้ามาทางเรา ไม่รู้จะทำยังไง พอดีเพื่อนที่เรียน ร.ด รร หัวตะพานเรียกเราเลยรีบเข้าไปหามัน
เลยถามมันว่า
เรา:พี่เสื้อแดงคนนั้นกระเทยใช่ปะ
เพื่อน: เออใช่ นั้นแหละกระเทยหัวตะพานตัวจริง
เรา: กุว่าแล้ว
เพื่อน: มึงชอบหรอถึงถาม เอาเลยๆเงินมันเยอะนะเว้ย แค่เสียตูด
*อยากบอกพี่กระเทยคนนั้นว่า บ่ได้แอ้มฉันหรอกเธอ 555555+ บ่เคยพบเคยเจอ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สวย+and+หล่อ ไม่ง้อแป้ง
สมัยนี้ท่าจะไม่มีแล้วเนาะ ห้าาาาาาาาๆ ^_______*
สมัยนี้ท่าจะไม่มีแล้วเนาะ ห้าาาาาาาาๆ ^_______*
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แค่ขึ้นสถานะ..ไม่ได้ว่าจะการันตีว่า เขาจะมึแค่เราคนเดียว
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ปิดเทอมนี้คิดกันยัง ว่าจะไว้ผมทรงไรดี..?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Dekmay Darod
คุณได้แท็ก Dekmay Darod
คิดถึงคุนพี่คนนี้เสมอ ละกะขอบคุนหลายๆเด้อเอื้อยที่ผ่านมา ให้คำปรึกษาอิหยังน้องแบบหลาย
คืนนี้ขอให้คุนเอื้อยฝันดีเด้อ ^___^
คืนนี้ขอให้คุนเอื้อยฝันดีเด้อ ^___^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ขอบคุณแต้ๆๆๆๆๆๆ คุงครู มิ้นต์ คนน่าฮัก^^ ที่สอนเปิ้นอู้ภาษาเหนือ ปี้สาวนิน่าฮักขนาดๆ
เปิ้นไปอู้ให้อี่ป้อฟัง ม่วนหลาย5555
ไปกรุงเทพนี้เปิ้นจะลองเอาไปใช้555
คืนนิเอื้อยมิ้นต์คนผุงาม นอนหลับฝันดีเด้อ^^
เปิ้นไปอู้ให้อี่ป้อฟัง ม่วนหลาย5555
ไปกรุงเทพนี้เปิ้นจะลองเอาไปใช้555
คืนนิเอื้อยมิ้นต์คนผุงาม นอนหลับฝันดีเด้อ^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
นอนยุข้างๆใต้เตียงพ่อนิแหละ อุ่นใจดี ฝันดีดีๆเด้อสูคูสูคน 555 ปะละ
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 17, 2013 10:00:01am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กลับบ้านดีกว่าซัง พยาบาลใจร้ายหลับตาซังใส่555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กูก็เพิ่งรู้ว่า บางครั้ง ผู้หญิงมันก็
ไม่ชอบผู้ชายอ่อนหวาน
ไม่ชอบผู้ชายอ่อนหวาน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้ามึงเบาะพอใจหยังกู หรือเฟสกูไปหนักหัวมึง
มึงกะแค่ปลด รับการแจ้งเตือนกู+แสดงฟิดข่าว กูออก แค่นิกะสิบ่หนักหัวมึงแล้ว บักสัส..
มึงกะแค่ปลด รับการแจ้งเตือนกู+แสดงฟิดข่าว กูออก แค่นิกะสิบ่หนักหัวมึงแล้ว บักสัส..
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แม่งอารมณ์ บ่ดีเว้ย..มื่อนิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไปหาตีคนปะ ขิวนักเลงวะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ดูหนังพวกซีรี่เกาหลีแล้ว แล้วเอาใบหน้ากลับมาเปรียบดู กับหนังไทย
เทียบกันแล้ว นางเอกเกาหลีห่วยมากๆ 5555
เทียบกันแล้ว นางเอกเกาหลีห่วยมากๆ 5555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าจำเป็น! ต้องแต่งงานจริงๆ แบบว่าถ้าไม่แต่งติดคุกหัวโต ผู้หญิงจะเลือกข้อไหนครับ 55
1>หน้าตาแบบจิ้งเหลน _ แต่รวยมากๆ มีทรัพยสิน 1,00000+ US
2>หล่อขั้นเทพ! _ แต่จนไปนิดหน่อย มีทรัพย์สิน 0.99 US
1>หน้าตาแบบจิ้งเหลน _ แต่รวยมากๆ มีทรัพยสิน 1,00000+ US
2>หล่อขั้นเทพ! _ แต่จนไปนิดหน่อย มีทรัพย์สิน 0.99 US
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เรื่องนี้ทำเราเอากับ ขนลุก.!!
เมื่อตอนเที่ยงวันนี้ ที่ รร พยาบาลหัวตะพาน
มีเคส เด็กน้อยผูกคอตาย เพิ่งเอาเข้าห้องฉุกเฉินเมื่อกี้ ต่อหน้าต่อตาเลย
พ่อ/แม่/ญาติๆที่มาด้วยกันร้องให้กันยกใหญ่เลย ตะรุตนคัก
ตอนที่เห็น ตัวเหลืองหมดทั้งตัวแล้ว หมอก็รุมปั้มหัวใจกัน5หกคนอยู่ในห้อง(ลืมปิดประตูด้วย) ได้ยินแม่เขาว่า มันไปลี้ผูก มันสิลักผูกตะดนแล้วนิ บ่เคยคิดเลยวามันสิผูก
*ว่าจะฟังต่อ แม่เรียกให้พากลับบ้านก่อน
ได้ยินว่าเรียนยุ ม.3 โรงเรียนหัวตะพานวิทยาคม
กว่าจะได้เกิด..ผูกกันง่ายๆเลย จบข่าว..!
เมื่อตอนเที่ยงวันนี้ ที่ รร พยาบาลหัวตะพาน
มีเคส เด็กน้อยผูกคอตาย เพิ่งเอาเข้าห้องฉุกเฉินเมื่อกี้ ต่อหน้าต่อตาเลย
พ่อ/แม่/ญาติๆที่มาด้วยกันร้องให้กันยกใหญ่เลย ตะรุตนคัก
ตอนที่เห็น ตัวเหลืองหมดทั้งตัวแล้ว หมอก็รุมปั้มหัวใจกัน5หกคนอยู่ในห้อง(ลืมปิดประตูด้วย) ได้ยินแม่เขาว่า มันไปลี้ผูก มันสิลักผูกตะดนแล้วนิ บ่เคยคิดเลยวามันสิผูก
*ว่าจะฟังต่อ แม่เรียกให้พากลับบ้านก่อน
ได้ยินว่าเรียนยุ ม.3 โรงเรียนหัวตะพานวิทยาคม
กว่าจะได้เกิด..ผูกกันง่ายๆเลย จบข่าว..!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ เบียร์บี้ เบียร์บี้
คุณได้แท็ก เบียร์บี้ เบียร์บี้
ตอนเย็นไปนั้งเล่นวัดเบาะ??
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แทนที่ ปิดเทอมแล้วจะสนุก แต่กลับน่าเบื่อ เซงจริงโว้ย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ โรงพยาบาลหัวตะพาน
สถานที่: โรงพยาบาลหัวตะพาน (15.69572707725, 104.49253207872)
ที่อยู่: 176 ม.7 ต.รัตนวารี อำเภอ.หัวตะพาน, Amnat, Amnat Charoen
สถานที่: โรงพยาบาลหัวตะพาน (15.69572707725, 104.49253207872)
ที่อยู่: 176 ม.7 ต.รัตนวารี อำเภอ.หัวตะพาน, Amnat, Amnat Charoen
@ไปนอนเฝ้าพ่อ ณ ที่เตียง21 ห้องรวม
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 21, 2013 10:28:30am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อคืนไปเล่นปาลูกบอล ลูกละ20บาท หมดไป120 ได้ตุ๊กตา หมีพู1ตัว555 แล้วก็ไปเก็บบัตรเข้างานช่วยเบลต้า เอาแต่ใจ ก็เลยเอาวางไว้เก้าอี้ พอคน้เริ่มหมดก็เลยเข้าไป นึกขึ้นได้ว่าลืมตุ๊กตาไว้ข้างนอก เลยรีบวิ่งออกมาแบบด่วน ปากดว่า หายๆๆๆๆ อยากบอกคนที่เอาไปจังเลย มาทำบุญแท้ๆยังเสือกทำบาบ!"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนเรากว่าจะรักกันได้
ใช้ทั้งเงิน
ใช้ทั้งเวลา
ใช้ทั้งความอดทน
ใช้ทั้งความรู้สึก
ใช้ทั้งความเชื่อใจและไว้ใจ
แต่ทำไมเวลาจบ ทำไม ทำไม มันจบง่ายจัง
ใช้ทั้งเงิน
ใช้ทั้งเวลา
ใช้ทั้งความอดทน
ใช้ทั้งความรู้สึก
ใช้ทั้งความเชื่อใจและไว้ใจ
แต่ทำไมเวลาจบ ทำไม ทำไม มันจบง่ายจัง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
@ตอนนี้ ยุนา กำลังหดสวนอยู่ รายงานตัวแล้วเด้อ สาวK
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เสียดายเวลา ที่เมื่อก่อนเคยปล่อยละเลยมันทิ้งไป
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 25, 2013 5:07:52pm
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 25, 2013 5:09:17pm
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 25, 2013 6:42:25pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าเราจากไป จะมีใครคิดถึงเราไหม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Peerapol Treeraksa
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
@สาว K เกษ) เรามีเรื่องอยากสารภาพความจริง
ที่เราจีบเธอ จริงๆเธอก็น่ารักอยู่นะ
อันนี้ไม่ได้โกหก
ตรงๆเลยคือเราจีบเธอให้เพื่อนน๋ะ
เราก็เพิ่งแอบรู้เหมือนกันว่าเพื่อนคนนั้นมันมีแฟนยุแล้ว ยังไม่เลิกกับคนเก่าแต่ห่าง เขายังติดต่อกันห่างๆ
เราเลยคิดว่าจะจบและพอแค่นี้
อีกอย่างเกษก็มีคนเก่าที่บอกว่าตามตื้อๆเกษอยู่ เราว่าเขาตื้อแบบนี้แสดงว่าเขารักเกษจริงๆ แล้วแหละ อีกอย่างเราก็เพิ่งมาใหม่ๆคงไม่เป็นไร
เราต้องขอโทษแทนเพื่อนในเฟสบุ๊กด้วย
ที่เราจีบเธอ จริงๆเธอก็น่ารักอยู่นะ
อันนี้ไม่ได้โกหก
ตรงๆเลยคือเราจีบเธอให้เพื่อนน๋ะ
เราก็เพิ่งแอบรู้เหมือนกันว่าเพื่อนคนนั้นมันมีแฟนยุแล้ว ยังไม่เลิกกับคนเก่าแต่ห่าง เขายังติดต่อกันห่างๆ
เราเลยคิดว่าจะจบและพอแค่นี้
อีกอย่างเกษก็มีคนเก่าที่บอกว่าตามตื้อๆเกษอยู่ เราว่าเขาตื้อแบบนี้แสดงว่าเขารักเกษจริงๆ แล้วแหละ อีกอย่างเราก็เพิ่งมาใหม่ๆคงไม่เป็นไร
เราต้องขอโทษแทนเพื่อนในเฟสบุ๊กด้วย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
iคิดว่าตอนนี้ เรื่องรักอยากพักไว้ก่อน มีเงินเมื่อไร่ ค่อยมีรัก 5555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Rungsun Kiayasuan
คุณได้แท็ก Rungsun Kiayasuan
เพื่อนผมคนนี้ โสดสดๆเลย"ความคิดถึง จากจัย จากจัย" ไม่มีพันธะกับคนเก่าใดๆเลย เพราะคนเก่ามันแตหรอ ไปเอง
เพื่อนผมคนนี้ ไม่ชอบเด็ก และไม่ชอบรุ่นเดียวกัน และยังไม่ชอบผู้ใหญ่ด้วย(แล้วมันชอบอะไร ต้องถามมันเอาครับ :) ยังไม่มีแฟนจริงๆครับ
เพื่อนผมคนนี้ ไม่ชอบเด็ก และไม่ชอบรุ่นเดียวกัน และยังไม่ชอบผู้ใหญ่ด้วย(แล้วมันชอบอะไร ต้องถามมันเอาครับ :) ยังไม่มีแฟนจริงๆครับ
ใครกินข้าวกล่องประจำระวัง!!
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 27, 2013 6:23:29am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
0884821698 ปู่ป๊อก
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 27, 2013 2:47:51pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพื่อนๆfesbookทุกๆคนครับ จะนอนกันเมื่อไรเอ่ย?? (แต่จะเข้านอนตอนไหนไม่สำคัญ ถ้าเข้านอนคืนนี้ก็ ขอให้นอนพักผ่อนหลับสบายๆตื่นมาให้ได้ยินแต่เรื่องดีๆเข้าหู
(แต่ถ้าเข้านอนพรุ่งนี้ก็ ขอให้จัดการการงาน อัพ / เม้น / แซต ให้เสร็จไวก่อน6โมงเช้า 5555
ฝันดี และลาก่อนครับทุกคน : )
(แต่ถ้าเข้านอนพรุ่งนี้ก็ ขอให้จัดการการงาน อัพ / เม้น / แซต ให้เสร็จไวก่อน6โมงเช้า 5555
ฝันดี และลาก่อนครับทุกคน : )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เหมือนกำลัง ปลื้มพี่คนหนึ่ง (คนแปลกหน้าในเฟส)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Pongsak Yuensuk และ Saai Enough Enough
คุณได้แท็ก Pongsak Yuensuk และ Saai Enough Enough
ใครอะทราย พ่อแพมเบาะ แบบ..
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"ถ้ามีคนมาจีบเพื่อนๆ
ที่เป็นคนแบบว่า>>[ปกติ ได้แต่เลี้ยงหมู เลี้ยงวัว ปลูกผักในเฟสฯลฯ แต่พอเห็นเค้า Tag
มาบ่อยๆ บางทีก้อรำคาญมากกก ....สนใจคลิ๊ก! ]
เพื่อนๆจะทำไงอะ??
ถ้าเราเล่นด้วย เขาคงจะไม่แทกมากระดานเราเนาะ เช้า เที่ยง เย็น ก่อนนอน หนักเลย กระดานเพื่อนๆเราอีก 5555
ที่เป็นคนแบบว่า>>[ปกติ ได้แต่เลี้ยงหมู เลี้ยงวัว ปลูกผักในเฟสฯลฯ แต่พอเห็นเค้า Tag
มาบ่อยๆ บางทีก้อรำคาญมากกก ....สนใจคลิ๊ก! ]
เพื่อนๆจะทำไงอะ??
ถ้าเราเล่นด้วย เขาคงจะไม่แทกมากระดานเราเนาะ เช้า เที่ยง เย็น ก่อนนอน หนักเลย กระดานเพื่อนๆเราอีก 5555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"ถ้ามีคนมาจีบเพื่อนๆ
ที่เป็นคนแบบว่า>>[ปกติ ได้แต่เลี้ยงหมู เลี้ยงวัว ปลูกผักในเฟสฯลฯ แต่พอเห็นเค้า Tag
มาบ่อยๆ บางทีก้อรำคาญมากกก ....สนใจคลิ๊ก! ]
เพื่อนๆจะทำไงอะ??
ถ้าเราเล่นด้วย ด้วยความสงสัยเขาจะโอนเงินมาให้เราใช้ไหม เขาจะแทกโฆษณามากระดานเราไหม เช้า เที่ยง เย็น ก่อนนอน หนักเลยกระดานเพื่อนๆเราอีก 5555
ที่เป็นคนแบบว่า>>[ปกติ ได้แต่เลี้ยงหมู เลี้ยงวัว ปลูกผักในเฟสฯลฯ แต่พอเห็นเค้า Tag
มาบ่อยๆ บางทีก้อรำคาญมากกก ....สนใจคลิ๊ก! ]
เพื่อนๆจะทำไงอะ??
ถ้าเราเล่นด้วย ด้วยความสงสัยเขาจะโอนเงินมาให้เราใช้ไหม เขาจะแทกโฆษณามากระดานเราไหม เช้า เที่ยง เย็น ก่อนนอน หนักเลยกระดานเพื่อนๆเราอีก 5555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Sa Na และ Chanyaphon Saisaman
คุณได้แท็ก Sa Na และ Chanyaphon Saisaman
นอนๆๆๆๆๆๆๆๆ หลับฝันดีน่ะ หลานอุ้ย
นอนๆๆๆๆๆๆๆๆ หลับฝันดีน่ะ ลูกแนน
55 ไปนอนละ
นอนๆๆๆๆๆๆๆๆ หลับฝันดีน่ะ ลูกแนน
55 ไปนอนละ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Pongsak Yuensuk
คุณได้แท็ก Pongsak Yuensuk
จะดีแค่ไหนถ้าเรารู้รหัสผ่านเฟสบุ๊ก ของคนที่เราเคยสมัคให้
วันนี้เข้าดู 5 คนยังใช้รหัสเดิมๆที่เคยตั้งให้
วันนี้เข้าดู 5 คนยังใช้รหัสเดิมๆที่เคยตั้งให้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Sa Na และ Chanyaphon Saisaman
คุณได้แท็ก Sa Na และ Chanyaphon Saisaman
มีเรื่องอยากจะถามอะ ก่อนนอน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Peerapol Treeraksa
คุณได้แท็ก Peerapol Treeraksa
ฝันดีเพื่อน เดี๋ยวกุตามไปยุกับมึง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Somjai Daungkaeo
คุณได้แท็ก Somjai Daungkaeo
นอนเบาะหลับเลยวะ กลุ่มใจแฮง
เป็นได๋ออกเก็บเงินละเบาะ ผุ้เพิ้ลเป็นเจ้นั่นแมะ
เป็นได๋ออกเก็บเงินละเบาะ ผุ้เพิ้ลเป็นเจ้นั่นแมะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 31, 2013 7:30:03am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
olozmp3.คอม/mp3/1/lan+kwai+fong+2+ost
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 31, 2013 7:39:54am
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 31, 2013 7:40:26am
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 31, 2013 7:41:14am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลาที่เรากดLikeให้ใครสักคน
"คุนเคยถามตัวเองไหมว่าลึกๆแล้วในใจ
ต้องการอะไรจากคนที่เรากดlikeให้กันแน??
"คุนเคยถามตัวเองไหมว่าลึกๆแล้วในใจ
ต้องการอะไรจากคนที่เรากดlikeให้กันแน??
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทรมาน โอ้ย.. เจ็บคีง เจ็บฝาตีน เจ็บเข่า เจ็บฝามือ เจ็บนิ้วโป้ง ..
ถ่าเบาะเมื้อยเองกะบ่ฮู้ว่ามันย้ากซำใด๋เนาะ งานนี่
เพื่อนๆวางแผนกันยัง ตั้งแต่ตื่นนอนจะจัดลำดับทำอะไรบ้าง???
ถ่าเบาะเมื้อยเองกะบ่ฮู้ว่ามันย้ากซำใด๋เนาะ งานนี่
เพื่อนๆวางแผนกันยัง ตั้งแต่ตื่นนอนจะจัดลำดับทำอะไรบ้าง???
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เขาบอกว่าถ้าอยากได้เพื่อนแบบว่า ดึกๆก็ยังเล่น ให้หาเพิ่มตอนนี้จากการที่เขาไปเม้นตามเพจดังๆ งั้นลุยละ 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Pongsak Yuensuk
คุณได้แท็ก Pongsak Yuensuk
คิดยังไงอะกับคนที่ "เล่นอยู่แต่ไม่รับAdd มัน หมายความว่าใง..?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โสดอิหลีเบาะ เพิ่งรู้เด๊ะนิวา บ.หนองยอยังมีเหลือคนงามๆโสดยุนี้ ซั้นปะๆเข้ากลุ่มโสดนำกัน55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แอบเคียดให้คนบ่จักผุหนึ่ง : ( :( :( :
ไปอาบน้ำเย็นๆใหม่อีกจักรอบละนอนดีกว่า ฝันดีเธอ
ไปอาบน้ำเย็นๆใหม่อีกจักรอบละนอนดีกว่า ฝันดีเธอ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
Why is it so EASY to fail but so HARD to SUCCEED?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
Remember, You are unique, but then again so is everyone else in this world.
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตอนนั้นเรารักเธอมาก จะไปไหนมาไหน คิดถึงแตาคงามรักของเรา มาวันนี้เธมาขอเรา รีเทิน เรามีคำคำหนึ่งที่อยากให้เธออ่านแล้วก็เข้าใจมันด้วย วี แคน รี เทิน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เธอทักเรามีแค่นี้ใช่มะ ไหนบอกว่ากล้า..?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทักไปก็เจอแต่คนมีแฟน ^ มีแฟนยุแล้วยังอัพว่าโสด กวนซิฟหาย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทำไมหนังที่เราไม่เคยดู มันถึงได้จบเร็วจัง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เธอรู้ไหมว่าเธอไปแบบนี้ ค้างๆคาๆ มันเหมือนทำอะๆไม่เสร็จอะ คุยกับเราต่อน่ะ (เรายังกล้าเลย)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กดlikeไป ใจ ละ ลาย ไป ^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เขาวิจัยออกมาแล้วว่า คนโสดเล่นfacebookคล่องกว่าคนมีแฟนหลายเท่า อิอิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หิวข้าวๆๆๆๆ เด้ ใครรู้ตัวว่าทำกับข้าวอร่อย ??
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Praiwapa May
คุณได้แท็ก Praiwapa May
วันนี้ไปเลาะซื้อของอุบล เครื่องเส้นไหว้เจ้าที่ ศาล ต่างๆ พรุ่งนี้จะไหว้แล้ว 2โมง บอกคุนพ่อให้ทราบข่าวด้วยเหนื่อยๆเพียจากงานแต่ง นอนดึกเหมือนไม่สบาย ไปนอนก่อนละฝันดีน่ะครับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ พัชรินทร์ เกษมสัตย์
คุณได้แท็ก พัชรินทร์ เกษมสัตย์
พ่อใหญ่เข้าทรงปู่ป๊อก
พ่อใหญ่: ส่วยเอ่ย ตุ๊เอ่ย หลานเอ้ย บ่ต้องห่วงพ่อเด้อ จักนอยกะสิได้ทำบุญให้พ่อแล้ว บ่ต้องห่วงพ่อเด้อ อ้อดเอ้ย อ้อดเอ้ย บ่ต้องห่วงพอเด้อ (พ่อห่วงโต บ่ต้องหวงพอดอกเด้อ พ่ออยู่ดีมีแฮงอยู่ บ่ต้องหวงพอเด้อ
แม่แต๋ว แม่หนู แม่พิณสำบายดีบอ
ป้าอุ้: แม่ใหญ่ทันนำ
พ่อใหญ่: แม่ใหญ่ทันกะมา... โอ้ยโอ้ยมื้อนี่ดีใจหลายเด้ ที่ปู่เพิ้นมาได้มา โอ้ยไปละ(เสียงแรงมาก "เด้อ"
(รู้เลยว่าใครเข้าทรงพ่อหมออยู่ "พ่อใหญ่เฮาแนนอนเลย กูสัมผัสใด้ ขนลุกแบบคัก)
*หลังจากนั่นพ่อใหญ่ออกจากร่างปู่ป๊อกแล้ว
ปู่ป๊อก: แมนไผ๋ฮึวางฮัน ปู่จับจิตรบ่ได้เลย แฮงคัก บ่ธรรมดา สุเทียปู่สิจับจิตรได้ เวาอิหยังออกไปแน
แต่นิ่ปู่จับจิตรบ่ได้เลย เพิ้ลแฮง
เดือนพ่อใหญ่นั่นเป็นห่วงพ่อมึงแฮง คนอื่นบ่ปานใด๋
พ่อใหญ่: ส่วยเอ่ย ตุ๊เอ่ย หลานเอ้ย บ่ต้องห่วงพ่อเด้อ จักนอยกะสิได้ทำบุญให้พ่อแล้ว บ่ต้องห่วงพ่อเด้อ อ้อดเอ้ย อ้อดเอ้ย บ่ต้องห่วงพอเด้อ (พ่อห่วงโต บ่ต้องหวงพอดอกเด้อ พ่ออยู่ดีมีแฮงอยู่ บ่ต้องหวงพอเด้อ
แม่แต๋ว แม่หนู แม่พิณสำบายดีบอ
ป้าอุ้: แม่ใหญ่ทันนำ
พ่อใหญ่: แม่ใหญ่ทันกะมา... โอ้ยโอ้ยมื้อนี่ดีใจหลายเด้ ที่ปู่เพิ้นมาได้มา โอ้ยไปละ(เสียงแรงมาก "เด้อ"
(รู้เลยว่าใครเข้าทรงพ่อหมออยู่ "พ่อใหญ่เฮาแนนอนเลย กูสัมผัสใด้ ขนลุกแบบคัก)
*หลังจากนั่นพ่อใหญ่ออกจากร่างปู่ป๊อกแล้ว
ปู่ป๊อก: แมนไผ๋ฮึวางฮัน ปู่จับจิตรบ่ได้เลย แฮงคัก บ่ธรรมดา สุเทียปู่สิจับจิตรได้ เวาอิหยังออกไปแน
แต่นิ่ปู่จับจิตรบ่ได้เลย เพิ้ลแฮง
เดือนพ่อใหญ่นั่นเป็นห่วงพ่อมึงแฮง คนอื่นบ่ปานใด๋
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
งานเสร็จสักที เหนื่อยๆเมื่อคืน นอนกะดึก หลกขนไข่ เกือบตี1 ได้นอน ตื่นตี4 ... ไปรับปู่
เบลอๆๆ ทั้งวันเลย
วันนี้ที่บ้าน มีงานตั้งศาลเจ้าที/ปู่ย่า อยู่หน้าบ้าน งานเพิ่งเสร็จอะ
เหนื่อยๆๆๆ ไปอาบน้ำนอนละ ตอนเย็น
เบลอๆๆ ทั้งวันเลย
วันนี้ที่บ้าน มีงานตั้งศาลเจ้าที/ปู่ย่า อยู่หน้าบ้าน งานเพิ่งเสร็จอะ
เหนื่อยๆๆๆ ไปอาบน้ำนอนละ ตอนเย็น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พอหมอธรรมบอกว่า ปูส่องเบิ่งโต โตนั่นอย่าเพิ่งมีผุสาวอย่าเพิ่งเอาซะเมียเด้อ
เบิ่งกะของก่อนเด้อโต โตบ่คึลูกผุอื่น พ่อแม่กะต้องเพิงโต เด๊ะต่อไป
ถ้าเอาเขามาอยู่นำแล้วสิพาเขาทุกซื่อๆตอนนี้
ให้อัพ หน้าทีการงานกะของดีๆๆๆๆซะก่อนจังมีเด้อ
อยากได้อิได๋ มาบอกปู่ ว่าตะบ่แมนคนที่แต่งงานแล้ว แต่วาถ้าผัวตายเอาได๋ยุ
(บอดอกปู 2ประเดนสุดท้าย เอาเมียพุอื่น ผัวตาย บ่มักเลย
ตะคนที่มีผุบ่าวยุแล้วข่อยยังบ่ยุ่งเลยปู่ 5555 แต่ถ้าเขาตั๋วว่า บ่มีกะสิยุ่งยุ 555
เบิ่งกะของก่อนเด้อโต โตบ่คึลูกผุอื่น พ่อแม่กะต้องเพิงโต เด๊ะต่อไป
ถ้าเอาเขามาอยู่นำแล้วสิพาเขาทุกซื่อๆตอนนี้
ให้อัพ หน้าทีการงานกะของดีๆๆๆๆซะก่อนจังมีเด้อ
อยากได้อิได๋ มาบอกปู่ ว่าตะบ่แมนคนที่แต่งงานแล้ว แต่วาถ้าผัวตายเอาได๋ยุ
(บอดอกปู 2ประเดนสุดท้าย เอาเมียพุอื่น ผัวตาย บ่มักเลย
ตะคนที่มีผุบ่าวยุแล้วข่อยยังบ่ยุ่งเลยปู่ 5555 แต่ถ้าเขาตั๋วว่า บ่มีกะสิยุ่งยุ 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Praiwapa May
คุณได้แท็ก Praiwapa May
ขอบคุน นางฟ้าน้อย ที่ทรงเสร็จมาล้างถ้วย ล้างจาน ฯลฯช่วยพี่ ถ้าไม่มา ค่ำแน่นอนกว่าจะหมด
พี่ว่างานล้างจานกับงานยิ้มเหมาะกับเราที่สุดแล้วอะ 5555
พี่ว่างานล้างจานกับงานยิ้มเหมาะกับเราที่สุดแล้วอะ 5555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ไปวาริน เดินเลือกซื้อของตกแต่งบ้านเป็น3-4ชม ขาจัง เหนื่อย ง่วง พอถึงบ้าน17:24 ขนของลงรถ ซุมซามเดินไปชนรถ รถล้มใสขา เลิ่นเบิด แสบๆ ไปนอนก่อนเด้อ ฝันดีครับ
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 09, 2013 6:13:11am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อยากเป็น แบ้ดบอย จะได้เจ็บไม่เป็น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การจีบคนหน้าตาดีที่เกินหน้าเกินตากว่าเรา นิ่มันช่างเหนื่อย น้อยใจ และเจ็บมากเลยวะเพื่อน โดยเฉพาะเวลาที่เธอไม่สนใจ แถมกูยังไม่รู้จริงๆอีกว่าเขามีแฟนหรือไม่มี มันช่างคาใจกูมากเลยว่ะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตอนอยู่ไม่เคยจะสนใจกัน ตอนนี้ผีตนใดรึมันเข้าสิง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
จะมีใครเชื่อไหม ว่าผมทำเอง ตอนนั้นกำลังมีความรักและผมรักเทอคนนั่นมากๆๆ รักจนปวดหัว 55 คือรักมากๆ เลยเกิดไอเดีย ทำรูปนี้ขึ้นมา แล้วส่งให้เธอทางmessages โอ้ยยาว5555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เลขจะออกแล้วเด้อวันนี้ ซื้อตัวไหนดี???
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทำไมผู้สาว ต้อง ขาว หน้าขาว แขนขาว ขาขาว ทำขาวเพื่อ...? บอกตรงๆผู้ชายชอบผู้หญิงดำๆ ดำจนเขียวยิ่งชอบ 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ใครเล่น วอลแอพ ทักมาหน่อยจิ 0881052028 มีเพื่อน4คนเอง ^____^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เริ่มใหม่คงยังไม่สาย และให้อภัยตัวเอง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อคืนฝันดีมากๆเท่าที่เคยฝันมา ฝันเห็นราชินีเสร็จมาบ้านเรา เข้าไปในตัวบ้านเลย ได้ยุไกลท่านประมาณ2ก้าว) มีเพื่อนคนไหนในเฟสบุ๊กใจดีแปลความฝันนี้ให้น่ะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 17, 2013 7:01:42pm
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 17, 2013 7:05:45pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผมกำลังยาว..เย้ๆ จะไว้ทรงพี่เป้อารักษดีไหมเรา? สเลอดี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพิ่งเข้าใจในความรู้สึกเธอ เราขอโทษนะ ดีกันน่ะๆ เตย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เสียใจเหมือนกัน คิดอะไรไม่ออกเลยตอนนี้ ว่าจะทำไงต่อดี
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 20, 2013 3:46:23pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพื่อนกันที่นะ กูว่า ไม่ว่ามันจะเลวแค่ไหน เราจะไม่ชอบขี้หน้ามันแค่ไหน มันก็ไม่ขายเพื่อนหรอก ถ้าเกลียดก็เกลียดไป แต่กูรับไม่ได้วะมาพูดรับหลังกัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าไม่มีเพื่อน ไม่พี่สาว ไม่มีน้อง คนรู้จักๆ ที่ต้องติดต่อกันได้แค่ทางเฟสทางเดียว เราเลิกเล่นไปนานแล้ว ที่เล่นอยู่เราไม่ได้เล่นรอเธอหรอก เข้าใจไว้ด้วย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผู้หญิงอะไร พูดเนียนชิบหายเลยวะ
ยังไงมันก็ไม่เหมือนกันหรอกเธอ
ไปหลอกเด็กเถอะไป
สมมุติน่ะ W VV มันเหมือนกันไหม
เสียความรู้สึกและมิตรภาพความเป็นเพื่อนเฟสอะ:( แต่ก็เกือบจะเชื่อแล้ว
ยังไงมันก็ไม่เหมือนกันหรอกเธอ
ไปหลอกเด็กเถอะไป
สมมุติน่ะ W VV มันเหมือนกันไหม
เสียความรู้สึกและมิตรภาพความเป็นเพื่อนเฟสอะ:( แต่ก็เกือบจะเชื่อแล้ว
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มีผู้หญิงคนหนึ่งทักแซตมา ว่าเราหื่นอะ
ญ: ทักจร้า :p
เรา: คับผม : )
ญ: ทำไรอยู่หรอ
เรา: ดูหนังคับ
ญ: ดูเรื่องอะไรหรอค่ะ?
เรา: Lan kai frong 2 คับ
ญ: เป็นตะหื่นแท้ผุบ่าวนิ
ญ: 55 (ล้อเล่นน่ะ)
เรา: คับผม
(แสดงว่าเธอก็ดูเหมือนกันแหละ555 มันแค่ติดTop5อันดับหนังที่มีคนโหลดเยอะที่สุดอะ เลยโหลดมาดูแค่นั่นเอง )
ญ: ทักจร้า :p
เรา: คับผม : )
ญ: ทำไรอยู่หรอ
เรา: ดูหนังคับ
ญ: ดูเรื่องอะไรหรอค่ะ?
เรา: Lan kai frong 2 คับ
ญ: เป็นตะหื่นแท้ผุบ่าวนิ
ญ: 55 (ล้อเล่นน่ะ)
เรา: คับผม
(แสดงว่าเธอก็ดูเหมือนกันแหละ555 มันแค่ติดTop5อันดับหนังที่มีคนโหลดเยอะที่สุดอะ เลยโหลดมาดูแค่นั่นเอง )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Pongsak Yuensuk และคนอื่นๆ อีก 2 คน
คุณได้แท็ก Pongsak Yuensuk, Rungsun Kiayasuan และ Vissarut NorKaew
ถ้าบ่ย่านผี ไปไต้กบ บอ เฮ้ย.??
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยด่าผู้หญิง วันนี้ด่าไปหนึ่งคำ "ดอก"
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 25, 2013 2:49:51pm
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 25, 2013 2:55:45pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เหนื่อยเหมือนกันแฮะ การจับคู่ให้คนอื่น ในเฟสบุ๊ก
แต่ละคนเป็นครึ่งเดือน เฮ้อ
>>>>>>>ปิดปรับปรุง<<<<<<
แต่ละคนเป็นครึ่งเดือน เฮ้อ
>>>>>>>ปิดปรับปรุง<<<<<<
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ฝนจะตกอีกแล้ว มามะมาอยู่ในโอ่ง 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Pongsak Yuensuk
คุณได้แท็ก Pongsak Yuensuk
เพิ่งตรวจสอบมีคนแอบเล่นเฟสอะ สงสัยมานานแล้ว นนธบุรี กุ ไปเล่นตอนไหนวะ
[ เซสชันปัจจุบัน
สถานที่: ไม่ทราบตำแหน่งที่ตั้ง
ประเภทอุปกรณ์: Opera Mini บน Android
หากคุณเห็นอุปกรณ์หรือตำแหน่งที่ตั้งที่
ไม่คุ้นเคย ให้ลบออกเพื่อจบเซสชัน
เข้าใช้งานล่าสุด: วันนี้ เวลา 16:59
สถานที่: Bangkok, 10, TH
ประเภทอุปกรณ์: Android บน Android 2
เข้าใช้งานล่าสุด: เมื่อวานนี้ เวลา 21:34 น.
สถานที่: Bangkok, 10, TH
ประเภทอุปกรณ์: ไม่ทราบ
เข้าใช้งานล่าสุด: เมื่อวานนี้ เวลา 9:55 น.
สถานที่: Nonthaburi, 12, TH
ประเภทอุปกรณ์: Facebook for Android
บน Android 2
เข้าใช้งานล่าสุด: เมื่อวานนี้ เวลา 6:18 น.
สถานที่: Bangkok, 10, TH
ประเภทอุปกรณ์: Chrome บน Windows 7 ]
[ เซสชันปัจจุบัน
สถานที่: ไม่ทราบตำแหน่งที่ตั้ง
ประเภทอุปกรณ์: Opera Mini บน Android
หากคุณเห็นอุปกรณ์หรือตำแหน่งที่ตั้งที่
ไม่คุ้นเคย ให้ลบออกเพื่อจบเซสชัน
เข้าใช้งานล่าสุด: วันนี้ เวลา 16:59
สถานที่: Bangkok, 10, TH
ประเภทอุปกรณ์: Android บน Android 2
เข้าใช้งานล่าสุด: เมื่อวานนี้ เวลา 21:34 น.
สถานที่: Bangkok, 10, TH
ประเภทอุปกรณ์: ไม่ทราบ
เข้าใช้งานล่าสุด: เมื่อวานนี้ เวลา 9:55 น.
สถานที่: Nonthaburi, 12, TH
ประเภทอุปกรณ์: Facebook for Android
บน Android 2
เข้าใช้งานล่าสุด: เมื่อวานนี้ เวลา 6:18 น.
สถานที่: Bangkok, 10, TH
ประเภทอุปกรณ์: Chrome บน Windows 7 ]
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Rungsun Kiayasuan
คุณได้แท็ก Rungsun Kiayasuan
เฮ้อ...ไม่รู้ว่าตอนนี้ กุ อยากเรียนต่อ หรืออยากทำงานก่อน เซงตัวเองวะมึง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Jittiporn Saisud
คุณได้แท็ก Jittiporn Saisud
H B D น่ะ มีความสุขมากๆน่ะ ขอให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
และขอให้มีความสุขมากๆ ในเรื่องครอบครัว ความรัก การงาน การเรียน และอื่นๆน่ะ คิดจะทำอะไรขอให้สำเร็จลุขึ้นน่ะ
( h b d เพื่อนข้างบ้าน อิอิ)
และขอให้มีความสุขมากๆ ในเรื่องครอบครัว ความรัก การงาน การเรียน และอื่นๆน่ะ คิดจะทำอะไรขอให้สำเร็จลุขึ้นน่ะ
( h b d เพื่อนข้างบ้าน อิอิ)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
@คนอ่าน คนที่กำลังจะนอน
>>ใครหลับง่าย ให้หลับลึกๆกว่าเดิมน้า สบายๆ ^^
>>ใครหลับย้ากๆมากๆ ให้จิบน้ำอุ่นนิดๆ ตามด้วยยาแก้แพ้18เม็ด ไม่ต้องตื่นกันเลย55
คืนนี้ๆฝันดี ฝันดี น้า ทุกคน (ยิ้ม+ยิ้ม) (คนโสด)
>>ใครหลับง่าย ให้หลับลึกๆกว่าเดิมน้า สบายๆ ^^
>>ใครหลับย้ากๆมากๆ ให้จิบน้ำอุ่นนิดๆ ตามด้วยยาแก้แพ้18เม็ด ไม่ต้องตื่นกันเลย55
คืนนี้ๆฝันดี ฝันดี น้า ทุกคน (ยิ้ม+ยิ้ม) (คนโสด)
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 28, 2013 6:13:06am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วิ่งตามคนที่เขาวิ่งหนี วิ่งหนีคนที่เขาวิ่งตาม
แปลว่าไรง้ะ
แปลว่าไรง้ะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนส่วนมาก ทำไมมันชอบเชื่อคำพูดของคนอื่นมากกว่าเชื่อตัวเองนะ เชื่อไปตามๆกันไม่รู้จริงไม่จริง
ถ้ามึงพิสูดเอาเอง กูว่า มึงหายโง่วะ
ถ้ามึงพิสูดเอาเอง กูว่า มึงหายโง่วะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เธอๆ*เธอรู้ตัวปะ*ว่าเธอ*น่ารัก (ห้ามอ้วก...ไม่งั้นจุ๊ฟ
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 28, 2013 5:30:49pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้ารู้ว่าการพูดความจริงในใจ ออกมาแล้ว มันทำให้ หัวใจเต้นแรง ขนาดนี้ เอาไว้วันหลังดีกว่า ^^ 555555 ไปนอนละ คูนนู๋
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้ารู้ว่าการพูดความจริงในใจ ออกมาแล้ว มันทำให้ หัวใจเต้นแรง ขนาดนี้ เอาไว้วันหลังดีกว่า ^^ 555555 ไปนอนละ เพื่อนทุกคน อายเวอร์ 55
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 30, 2013 10:21:24am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ขนาดรักคนไม่มีเจ้าของแล้วน่ะ ยังไม่สมหวังอีก ขาดอะไรอีกเธอ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
วันนี้ไฟไหม้ขนแขนกู เบิกค่ารักษแน 2000
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
แม่ง เหนื่อยความคิดวะ ต่อไปก็ถึงตากูแล้ว : (
กลัวทำพังวะ
กลัวทำพังวะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Sa Na และ Chanyaphon Saisaman
คุณได้แท็ก Sa Na และ Chanyaphon Saisaman
โตขึ้นอยากเป็นอะไรลูก 55 ( ขำๆ) น่ะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Pongsak Yuensuk
คุณได้แท็ก Pongsak Yuensuk
เปลี่ยนชื่อเฟสเกินกำหนด
อยากปลดล็อคเปลี่ยนชื่อใหม่
ไม่อยากเปลี่ยนเฟสทำไงดี
1.เปิด facebook ของคุณ แล้วไปที่คำว่า "วิธี
ใช้"
2.เลื่อนไปคลิกที่ "เว็บบอร์ดชุมชน"
3.เลือกไปที่หัวข้อไหนก้อได้ที่ขึ้นมา เช่น "แชท
"
4.เลือกคำถามของเพื่อนที่ขึ้นมาบนหน้าจอ
5.เลื่อนลงไปที่ช่อง "เพิ่มคำตอบ"
6.แล้วช่วยตอบคำถามให้เพื่อน(โดย coppy ข้อ
ความที่อ่านตอนนี้)
7.ช่วยกันกดที่ "มีประโยชน์" ใต้ข้อ
ความของเพื่อน และเลือกให้
เป็นคำตอบที่ดีที่สุด(marked as best)
จะช่วยปลดบล็อคได้
8.ทำแบบนี้วันละหลายๆครั้ง จะช่วยให้
facebook ปลดบล็อคได้
ก๊อปข้อความเรา แล้วเอาไปโพสที่เม้นคนอื่น
ช่วยกันกดคำว่า"เป็นประโยชน์" ให้กันและกัน
.. ระบบมันจะปลดล็อค
***************ทุกคนต้องช่วยกัน]
มันทำได้จริงหรอ?
อยากปลดล็อคเปลี่ยนชื่อใหม่
ไม่อยากเปลี่ยนเฟสทำไงดี
1.เปิด facebook ของคุณ แล้วไปที่คำว่า "วิธี
ใช้"
2.เลื่อนไปคลิกที่ "เว็บบอร์ดชุมชน"
3.เลือกไปที่หัวข้อไหนก้อได้ที่ขึ้นมา เช่น "แชท
"
4.เลือกคำถามของเพื่อนที่ขึ้นมาบนหน้าจอ
5.เลื่อนลงไปที่ช่อง "เพิ่มคำตอบ"
6.แล้วช่วยตอบคำถามให้เพื่อน(โดย coppy ข้อ
ความที่อ่านตอนนี้)
7.ช่วยกันกดที่ "มีประโยชน์" ใต้ข้อ
ความของเพื่อน และเลือกให้
เป็นคำตอบที่ดีที่สุด(marked as best)
จะช่วยปลดบล็อคได้
8.ทำแบบนี้วันละหลายๆครั้ง จะช่วยให้
facebook ปลดบล็อคได้
ก๊อปข้อความเรา แล้วเอาไปโพสที่เม้นคนอื่น
ช่วยกันกดคำว่า"เป็นประโยชน์" ให้กันและกัน
.. ระบบมันจะปลดล็อค
***************ทุกคนต้องช่วยกัน]
มันทำได้จริงหรอ?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Chira Ked
คุณได้แท็ก Chira Ked
Thakking like น่ะคัฟ >and> คืนนี้ ฝันดีๆ น่ะคับ[(พี่สาว)] ^____^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ดูถูกกันแท้วะ คิดว่าเจ้าของดังมีคนกดไลคให้หลายคักเบาะ ความคิดมึงจังลอยขึ้นสูงปานนิ คิดว่ายุสูงคักเนาะ คนลืมกำพืชกะของ บ่เจริญดอกกูสิบอก
อัพเดตเมื่อ พ.ค. 04, 2013 10:18:23pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ใครยังนอนไม่หลับบ้างครับ ตอนนี้เหงา + กลัวผี 555
อัพเดตเมื่อ พ.ค. 05, 2013 4:33:16pm
อัพเดตเมื่อ พ.ค. 05, 2013 4:34:46pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มันใช่มากๆ
เนย: สวัสดีค่ะ (ผ.จ.ก)หล่อจุงเบ้ย
พอดีเห็นป้ายรับสมัคงาน หนูมาสมัคงานค่ะ คนนี้หล่อเป็นบ้าเลย..
ผู้จัดการ: ครับ แล้วคุณมีความสามารถอะไรยังไงบ้างครับ
เนย: หนูสวย..ค่ะ ผู้จัดการหล่อมาก จุ๊บ ♥
ผู้จัดการ: ไม่รับครับ
โดม: สวัดดีครับผู้จัดการ ผมมาสมัคงานครับ
ผู้จัดการ: มีความสามารถอะไรยังไงบ้างครับ
โดม: ผมหล่อที่สุด ในทุกช่องTVคับ
ผู้จัดการ: เราไม่รับคับ ทางเรารับแต่คนที่มีความรู้ความสามารถ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ครับ
สวย&หล่อ ไม่มีความสามารถ ไม่เอาคับ
cr:Tmmza
เนย: สวัสดีค่ะ (ผ.จ.ก)หล่อจุงเบ้ย
พอดีเห็นป้ายรับสมัคงาน หนูมาสมัคงานค่ะ คนนี้หล่อเป็นบ้าเลย..
ผู้จัดการ: ครับ แล้วคุณมีความสามารถอะไรยังไงบ้างครับ
เนย: หนูสวย..ค่ะ ผู้จัดการหล่อมาก จุ๊บ ♥
ผู้จัดการ: ไม่รับครับ
โดม: สวัดดีครับผู้จัดการ ผมมาสมัคงานครับ
ผู้จัดการ: มีความสามารถอะไรยังไงบ้างครับ
โดม: ผมหล่อที่สุด ในทุกช่องTVคับ
ผู้จัดการ: เราไม่รับคับ ทางเรารับแต่คนที่มีความรู้ความสามารถ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ครับ
สวย&หล่อ ไม่มีความสามารถ ไม่เอาคับ
cr:Tmmza
อัพเดตเมื่อ พ.ค. 05, 2013 10:50:02pm
อัพเดตเมื่อ พ.ค. 05, 2013 10:54:30pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าคืนนี้ ไฟดับ..? พรุ่งนี้ การไฟฟ้า จะเป็นใงน่ะ อิอิ %%
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
รถบ่ยอม แต่คนยอม 555
อัพเดตเมื่อ พ.ค. 08, 2013 6:32:10pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เซ็ง!!! เลย. ไปค้าดนาช่วยพี่น้อง ไม้แท่งหลังตีน
แล้วพรุ่งนี้กูจะได้เต้น เอาบุญไหมเนี๊ยะ ฮื้อๆ
แล้วพรุ่งนี้กูจะได้เต้น เอาบุญไหมเนี๊ยะ ฮื้อๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อยากอัพเตตัส ให้คนที่มีความรู้สึกดีกับเราในเฟสว่า
ขอบคุณน่ะ (ที่กดไลค์ คอมเม้น ทักแซตมา)
จนบางอันตอบกลับ แล้วมันล้มเหลว ไม่ได้ตรวจดูเลย มัวดูแต่การแจ้งเตือน +กับ หน้าแรก
(Online Messages > พร้อมคุย
(Offline >ดูการแจ้งเตือน/กดไลค์/ คอมเม้น/อ่านเพจ/โหลดรูปโดนๆ/เข้าดูกลุ่ม/
ขอบคุณน่ะ (ที่กดไลค์ คอมเม้น ทักแซตมา)
จนบางอันตอบกลับ แล้วมันล้มเหลว ไม่ได้ตรวจดูเลย มัวดูแต่การแจ้งเตือน +กับ หน้าแรก
(Online Messages > พร้อมคุย
(Offline >ดูการแจ้งเตือน/กดไลค์/ คอมเม้น/อ่านเพจ/โหลดรูปโดนๆ/เข้าดูกลุ่ม/
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อยากอัพเตตัส ให้คนที่มีความรู้สึกดีๆกับเราในเฟสว่า เคยเห็นตัวจริงเราแล้วหรอ??
บางทีเราอาจจะเตี้ยๆดำๆแล้วเอารูปคนอื่นมาลง พอเป็นพิธี
ชีวิตเธอกับเรามันยังวัยรุ่นอยู่น่ะ ยังมักม่วนยุ เข้าใจใช่ไหมเธอ
อย่าเพิ่งมามั่นใจ เชื่อใจ อะไรตอนนี้เลย
ยังไม่30ซะหน่อย...!!
บางทีเราอาจจะเตี้ยๆดำๆแล้วเอารูปคนอื่นมาลง พอเป็นพิธี
ชีวิตเธอกับเรามันยังวัยรุ่นอยู่น่ะ ยังมักม่วนยุ เข้าใจใช่ไหมเธอ
อย่าเพิ่งมามั่นใจ เชื่อใจ อะไรตอนนี้เลย
ยังไม่30ซะหน่อย...!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แดกเหล้าสี นั้งกินเมากับเพื่อน ณ ที่หลังบ้านฉัน มีความสุขจุงเลย (ฮ่าๆๆ เพื่อนกูรักมึงวะ สัส
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ บ้านจิกดู
สถานที่: บ้านจิกดู (15.590012656689, 104.53744811689)
ที่อยู่: บ้านจิก ต.สะโน อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์
สถานที่: บ้านจิกดู (15.590012656689, 104.53744811689)
ที่อยู่: บ้านจิก ต.สะโน อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์
คืนนี้ คงต้องนอนเมาค้างบ้านเพื่อนแนเลย
I'm มึนตึบ
I'm มึนตึบ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผู้ชายชอบดู ดราก้อนบอล ผู้หญิงบอกว่า บ้าพลัง!
แล้วทีผู้หญิงชอบดูการ์ตูน แมว หมี ผู้ชายไม่เห็นว่าอะไรเลย..
แล้วทีผู้หญิงชอบดูการ์ตูน แมว หมี ผู้ชายไม่เห็นว่าอะไรเลย..
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้บรรยาอากาศน่าหาสาวไม่มีแฟนในเฟสสวยๆเสียงหวานๆ ไสๆ นุ้มๆ มาคุยโทรศัพท์ด้วยจัง "" อิอิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มีครั้งหนึ่งที่ อยากไปรายการ เทคมีเอาท์ไทยแลนด์ ห้าาาๆ เพราะพยาบาลสวยมากๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หน้าที่ของคนปลื้ม >>>>>ก็คือปลื้มต่อไป ห้ามรักพี่เขาเด็ดขาด : ) เจ็บจังโว้ย
พี่k :)
ฝรรนดี น่ะกั๊ฟ ทุกคน
พี่k :)
ฝรรนดี น่ะกั๊ฟ ทุกคน
อัพเดตเมื่อ พ.ค. 12, 2013 11:24:28pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เธอคนดี ช่วยรอช่วยรอฉันที
ฉันก็กำลังวิ่งหนีความโสด ไปหาเธออยู่นี่ไง
เธอคนดี จงรู้ไว้เลย ว่าฉันนั้นรักๆจิงๆทั้งนั้นเลย
เธอคนดีคนนี้ช่วยรอฉันหน่อยได้ไหมเธอ ^^
ฉันก็กำลังวิ่งหนีความโสด ไปหาเธออยู่นี่ไง
เธอคนดี จงรู้ไว้เลย ว่าฉันนั้นรักๆจิงๆทั้งนั้นเลย
เธอคนดีคนนี้ช่วยรอฉันหน่อยได้ไหมเธอ ^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หล่อ เร็ว มีฟังค์ชั่นหลากหลาย คิดใหม่ๆ หลักแหลม ทนทาน มั่นคง
นี่เธอคนฉลาด คิดรู้รอบทุกอย่าง ปรับตัวเร็ว มั่นใจในตัว ก้าวเข้าสู้อนาคต
นี่เธอคนฉลาด คิดรู้รอบทุกอย่าง ปรับตัวเร็ว มั่นใจในตัว ก้าวเข้าสู้อนาคต
http://www.noomzoom.com/?p=3570
www.mygalaxys2.com/วิธีใช้-3d-chainfire-เล่น-nvidia-game/
http://www.sabeydee.com/2013/01/tai-chi-hero-2-hd.html?m=1
http://dl-15.one2up.com/onetwo/content/2012/10/19/e130a718e1eb77427c8bd1845ab41d8a.rar
http://www.munload.net/board/index.php?topic=120211.0
http://www.mediafire.com/?qa2x62soto6zjlb
http://www.filecondo.com/download_regular.php?file=O30d8b1u8PEO
http://www.androidfilehost.com/?fid=22897186102575345
http://zayyes.com/index.php?topic=19332.0
http://droidsans.com/node/33588
http://droidsans.com/node/50869
http://www.2shared.com/file/LB_czTcw/Killer_Bean_Unleashed_v107.html
www.mygalaxys2.com/วิธีใช้-3d-chainfire-เล่น-nvidia-game/
http://www.sabeydee.com/2013/01/tai-chi-hero-2-hd.html?m=1
http://dl-15.one2up.com/onetwo/content/2012/10/19/e130a718e1eb77427c8bd1845ab41d8a.rar
http://www.munload.net/board/index.php?topic=120211.0
http://www.mediafire.com/?qa2x62soto6zjlb
http://www.filecondo.com/download_regular.php?file=O30d8b1u8PEO
http://www.androidfilehost.com/?fid=22897186102575345
http://zayyes.com/index.php?topic=19332.0
http://droidsans.com/node/33588
http://droidsans.com/node/50869
http://www.2shared.com/file/LB_czTcw/Killer_Bean_Unleashed_v107.html
อัพเดตเมื่อ พ.ค. 15, 2013 8:07:28am
http://www.noomzoom.com/?p=3570
www.mygalaxys2.com/วิธีใช้-3d-chainfire-เล่น-nvidia-game/
http://www.sabeydee.com/2013/01/tai-chi-hero-2-hd.html?m=1
http://dl-15.one2up.com/onetwo/content/2012/10/19/e130a718e1eb77427c8bd1845ab41d8a.rar
http://www.munload.net/board/index.php?topic=120211.0
http://www.mediafire.com/?qa2x62soto6zjlb
http://www.filecondo.com/download_regular.php?file=O30d8b1u8PEO
http://www.androidfilehost.com/?fid=22897186102575345
http://zayyes.com/index.php?topic=19332.0
http://droidsans.com/node/33588
http://droidsans.com/node/50869
http://www.2shared.com/file/LB_czTcw/Killer_Bean_Unleashed_v107.html
www.mygalaxys2.com/วิธีใช้-3d-chainfire-เล่น-nvidia-game/
http://www.sabeydee.com/2013/01/tai-chi-hero-2-hd.html?m=1
http://dl-15.one2up.com/onetwo/content/2012/10/19/e130a718e1eb77427c8bd1845ab41d8a.rar
http://www.munload.net/board/index.php?topic=120211.0
http://www.mediafire.com/?qa2x62soto6zjlb
http://www.filecondo.com/download_regular.php?file=O30d8b1u8PEO
http://www.androidfilehost.com/?fid=22897186102575345
http://zayyes.com/index.php?topic=19332.0
http://droidsans.com/node/33588
http://droidsans.com/node/50869
http://www.2shared.com/file/LB_czTcw/Killer_Bean_Unleashed_v107.html
อัพเดตเมื่อ พ.ค. 15, 2013 8:07:29am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
วันนี้ดูดวง ครอบครัวเราแต่ละคน ดวง ดีๆเจ๋งๆทั้งนันเลย ^^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลามีคำร้องขอเป็นเพื่อน บอกตรงๆ อยากรับเฉพาะคนโสดๆ เหมือนกัน อิอิ
รับคนมีแฟนแล้ว แซวไม่ถนัด ห้าาาา^^
รับคนมีแฟนแล้ว แซวไม่ถนัด ห้าาาา^^
อัพเดตเมื่อ พ.ค. 18, 2013 9:45:20pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทำไมเวลาที่เรารู้เวลาที่เราเห็น เห็นคนที่เราเคยรัก ทำอะไรอยู่ อยู่ที่ไหน คบกับใครอยู่ ใจเรายังเหมือนมีความรู้สึกห่วงๆอยู่ ทั้งที่ก็ยังจำได้ และรู้อยู่แก่ใจว่าวันนั้น เธอทำเราแสบมากๆ ร้ายสุดๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
Smartphone หาย..! ไม่รู้มันอยู่ไหน หาก็ไม่เจอ ถามพ่อถามแม่ถามยาย " กุบ่ได้เมื้ยน"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Dekmay Darod และคนอื่นๆ อีก 2 คน
คุณได้แท็ก Dekmay Darod, พัชรินทร์ เกษมสัตย์ และ เบียร์บี้ เบียร์บี้
ฉัน: คิดถึงฉันไหมน่ะเธอ
เธอจะตอบว่า "คิดถึงทุกวัน
ฉัน: ตลอดเวลารึเปล่า
เธอจะตอบว่า แน่ใจได้เลย
ฉัน: พูดมาใหดังหน่อยต้องการได้ยินบ่อยๆจากปากเธอว่าคิดถึงกัน : ) 55555
เธอจะตอบว่า "คิดถึงทุกวัน
ฉัน: ตลอดเวลารึเปล่า
เธอจะตอบว่า แน่ใจได้เลย
ฉัน: พูดมาใหดังหน่อยต้องการได้ยินบ่อยๆจากปากเธอว่าคิดถึงกัน : ) 55555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
โทรสับ หาย ซื้อให้ใหม่แน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
รูปโปรไฟลกับหน้าจริง ไม่เหมือนกัน 555 เอิ้กๆๆ เธอสวยอะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าเป็นมึงจะคอมเม้นตอบไหมวะ
คือกูไปโพสบนกระดานผู้หญิง คนหนึ่งที่เพิ่งรับเธอ "รับAdd แล้วคับ ชื่อไรหรอคับ ^^
แล้วแฟนเธอมาคอมเม้นว่า" ชื่อวิน มีไร"
กูอ่านแล้วโคตรไม่พอใจเลยวะ คือกูอยากรู้จักชื่อเฉยๆ @ก็เป็นฝ่าย@กูมา แต่แฟนเธอ "ชื่อวิน มีไร" จี๊ดเลยวะ
คำพูดเล่นๆที่กูคิดจะเม้นตอบ
1 เออ..ผมจำได้น่ะคับ ว่าผมไม่ได้
"รับAdd แล้วคับชื่อไรหรอ" บนกระดานคุณ
2 คือผมถามชื่อเจ้าของเฟสคับ คุณมาแต่ไหนคับ เสือกจังอะ
3 ผมตั้งใจรับ@และที่โพสถามถามแค่ชื่อคับ คืออยากรู้จักชื่อเวลาทักไปน๋ะคับ แค่นั้นคับ คอมเม้นตอบผิดหวังมาก
3 ไม่มีอะไรคับ แต่เดี๋ยวอีกไม่กี่นาที ก็จะมีแล้วคับ
4 แฟนมึงสวยอะ
5 ไม่มี
คือกูไปโพสบนกระดานผู้หญิง คนหนึ่งที่เพิ่งรับเธอ "รับAdd แล้วคับ ชื่อไรหรอคับ ^^
แล้วแฟนเธอมาคอมเม้นว่า" ชื่อวิน มีไร"
กูอ่านแล้วโคตรไม่พอใจเลยวะ คือกูอยากรู้จักชื่อเฉยๆ @ก็เป็นฝ่าย@กูมา แต่แฟนเธอ "ชื่อวิน มีไร" จี๊ดเลยวะ
คำพูดเล่นๆที่กูคิดจะเม้นตอบ
1 เออ..ผมจำได้น่ะคับ ว่าผมไม่ได้
"รับAdd แล้วคับชื่อไรหรอ" บนกระดานคุณ
2 คือผมถามชื่อเจ้าของเฟสคับ คุณมาแต่ไหนคับ เสือกจังอะ
3 ผมตั้งใจรับ@และที่โพสถามถามแค่ชื่อคับ คืออยากรู้จักชื่อเวลาทักไปน๋ะคับ แค่นั้นคับ คอมเม้นตอบผิดหวังมาก
3 ไม่มีอะไรคับ แต่เดี๋ยวอีกไม่กี่นาที ก็จะมีแล้วคับ
4 แฟนมึงสวยอะ
5 ไม่มี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เด็กไทยสมัยนี้เล่นเฟสบุ๊ก คำว่า"ครับ" ยังพิมพ์ไม่ถูก ยกตัวอย่าง คร้าฟ คับ ขับ ฯลฯ
คุนครูมีวิธีแก้ปัญหายังไงบ้างครับ อิอิ
คุนครูมีวิธีแก้ปัญหายังไงบ้างครับ อิอิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มันเป็นรักสั้นๆ แต่มันโคตรฝังลึกเลยวะ
สำหรับใครบางคน
สำหรับใครบางคน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เขาบอกว่าเวลา สะเอ๊อะ ถ้าอยากหายเร็วๆ ให้ใช้ลิ้นแตะปลายจมูกตัวเอง (ใครถึงบ้าง55)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทุกคนนอนกันยังครับ มนุษย์ออนไลน์ fb 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อก่อนเธอเคยหน้าคม ตอนนี้หน้าเธอเริ่มกลมแล้วรู้ไหม กินๆๆกินเข้าไป 5555 ใยหมูสับ ห้าาาา ^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ โรงพยาบาลหัวตะพาน
สถานที่: โรงพยาบาลหัวตะพาน (15.69572707725, 104.49253207872)
ที่อยู่: 176 ม.7 ต.รัตนวารี อำเภอ.หัวตะพาน, Amnat, Amnat Charoen
สถานที่: โรงพยาบาลหัวตะพาน (15.69572707725, 104.49253207872)
ที่อยู่: 176 ม.7 ต.รัตนวารี อำเภอ.หัวตะพาน, Amnat, Amnat Charoen
นั่งรอคุณพ่อกับคุณแม่ที่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้ามีแฟนเป็น หมอ หรือ พยาบาล ต่อไปก็คงจะดี เวลาเราป่วยหนัก จะได้มาดูแลเราอย่างใกล้ชิด ^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าเธอยื่นใจเธอมา เราก็จะยื่นใจเราไปให้เหมือนกาน
แต่ถ้ายื่นหัวใจเทียมๆปลอมๆมา เราก็จะยื่นหัวใจเทียมๆปลอมๆฝังระเบิดไปให้
แต่ถ้ายื่นหัวใจเทียมๆปลอมๆมา เราก็จะยื่นหัวใจเทียมๆปลอมๆฝังระเบิดไปให้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Chanyaphon Saisaman
คุณได้แท็ก Chanyaphon Saisaman
นอนๆหลับๆ ฝันๆ ดีๆนะคัฟ คุนนู๋ ทั้ง2^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าเธอยังร้องไห้อยู่ แล้วต่อไปเธอจะเข้มแข็งได้อย่างไร
มันไม่ได้มีแค่การเอาน้ำตาตัวเองออกมาเท่านั่น
ถึงเขาจะรู้ว่าเธอร้องไห้และเสียใจมากมาย เขาก็คงเฉยๆนั่นแหละ ก็เพราะเขาเป็นตัวต้นเหตุ ถ้าเขาไม่กลัวเสียฟรอมเขาคงจะกลับมา
มันไม่ได้มีแค่การเอาน้ำตาตัวเองออกมาเท่านั่น
ถึงเขาจะรู้ว่าเธอร้องไห้และเสียใจมากมาย เขาก็คงเฉยๆนั่นแหละ ก็เพราะเขาเป็นตัวต้นเหตุ ถ้าเขาไม่กลัวเสียฟรอมเขาคงจะกลับมา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แม่ไม่มีที่พึง มีมึง และเหลือมึง เท่านั่น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มึงหาอะไรเล่นได้ถูกใจกูมาก....♥ ♥
อันนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว
ยังมีเพื่อนในเฟสบอกกูอีกว่า คล้ายโดมมาก
อันนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว
ยังมีเพื่อนในเฟสบอกกูอีกว่า คล้ายโดมมาก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผู้หญิงครึ่งโลกเป็นแบบนี้จริงหรอ ชอบคนดี แต่ รักคนเลว แต่ แต่งงานกับคนรวย
อัพเดตเมื่อ พ.ค. 30, 2013 5:49:34am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อาจเป็นเพราะฉันยังไม่เจอคนใหม่ ใจมันก็เลยลืมเธอไม่ได้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถึงแล้วววว.....อาบน้ำ>>นอนดีกว่า ^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ว่าจะไปเยี่ยมพ่อที่ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ แต่...ไปไม่ได้..
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่เข้าใจเลย ผู้หญิงชอบให้ผู้ชายโทรหา....บ่อยๆ
...แต่ทำไมถึงชอบรอสายกันนัก เซงน่ะเธอ:(
...แต่ทำไมถึงชอบรอสายกันนัก เซงน่ะเธอ:(
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เราคุยด้วยคำพูดที่แบบเปิด จะได้คุยกันนานๆๆๆ แต่เธอคุยด้วยคำพูดที่แบบปลายปิด บอกตรงๆ น่ะ เราไม่ใช่เดี่ยว 9 ที่จะพูดเก่งขนาดนั้น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
แม่ไม่อนุญาติให้เรียน เหตุผล เพราะพ่อป่วยไม่สบาย ไม่มีใครช่วยดูแลคนทางบ้านและไร่นา และมันจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งช่องทางฯลฯ
อา: อาที่ทำงานใน รพบ บอกถ้ากลัวมีค่าใช้จ่าย อาจะให้เรียน โรงเรียน โครงการของ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯลฯ ฟรีทุกอย่าง เรียนจบเข้าทำงานใน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ และค่อยทยอยใช้หนี คือเรามีเส้น
ส่วนพ่อบอกไม่ต้องเป็นห่วงกู มึงไปทำงานหาเงินเถอะ
ถ้ากูรู้อย่างงี้น่ะ กุจะออกบวชตั้งแต่อนุบาล2แล้ว 555
อา: อาที่ทำงานใน รพบ บอกถ้ากลัวมีค่าใช้จ่าย อาจะให้เรียน โรงเรียน โครงการของ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯลฯ ฟรีทุกอย่าง เรียนจบเข้าทำงานใน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ และค่อยทยอยใช้หนี คือเรามีเส้น
ส่วนพ่อบอกไม่ต้องเป็นห่วงกู มึงไปทำงานหาเงินเถอะ
ถ้ากูรู้อย่างงี้น่ะ กุจะออกบวชตั้งแต่อนุบาล2แล้ว 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไข่แม่งโครตแพง เมื่อเช้าไปซื้อฟองละ5บาท
ไหนบอกกำหนดไว้ 3.70 บาท
สาเหตุที่ไข่แพง เพราะอากาศร้อน ถู้ย...
ไหนบอกกำหนดไว้ 3.70 บาท
สาเหตุที่ไข่แพง เพราะอากาศร้อน ถู้ย...
อัพเดตเมื่อ มิ.ย. 03, 2013 6:16:49pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพื่อนหลายคนเปิดเทอมวันแรก ได้แฟนใหม่วันแรกกันตรึมเลย 55555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
http://www.0nug.com/[HD]อีโรติคเกาหลีAroomwithaviewDeliciousSex-1589.html
http://www.0nug.com/หนังติดเรทของนางแบบFHMชาวPhilippinesRigodon-1625.html
http://www.0nug.com/อิโรติคเกาหลีภาพยนต์สุดอื้อฉาว90Minutes-865.html
http://www.0nug.com/คนเหล็ก4TerminatorSalvation4-1176.html
http://www.0nug.com/หนังติดเรทของนางแบบFHMชาวPhilippinesRigodon-1625.html
http://www.0nug.com/อิโรติคเกาหลีภาพยนต์สุดอื้อฉาว90Minutes-865.html
http://www.0nug.com/คนเหล็ก4TerminatorSalvation4-1176.html
อัพเดตเมื่อ มิ.ย. 05, 2013 8:41:09am
อัพเดตเมื่อ มิ.ย. 05, 2013 9:21:52am
อัพเดตเมื่อ มิ.ย. 06, 2013 8:05:42am
อัพเดตเมื่อ มิ.ย. 06, 2013 9:17:12am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เคยไหม !!! อกหัก แล้วเปิดเพลงบิ้วตัวเอง ให้ทรุดลงหนักกว่าเดิมอีก เพื่อ.....??
อัพเดตเมื่อ มิ.ย. 07, 2013 6:28:38am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Chanyaphon Saisaman
คุณได้แท็ก Chanyaphon Saisaman
ฝากดวงดาวทั่วฝ้ากฟ้า ให้ส่งเสียงลงมากระซิบบอกเธอที่ปลายหู ว่าคืนนี้นอนหลับฝันดี ^^ น่ะ ก่อนนอน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อกหัก ยังไม่ทรมาณเท่าการปวดฟัน
อร้าย..ๆๆๆๆๆๆ ปวดฟัน ^^ ปวดฟันๆ เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของคนที่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวแล้วตายไปจริงๆ แบบนี้เลย ทรมาณมากๆ แม่งอกหักยังไม่เท่านี้เลย
อร้าย..ๆๆๆๆๆๆ ปวดฟัน ^^ ปวดฟันๆ เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของคนที่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวแล้วตายไปจริงๆ แบบนี้เลย ทรมาณมากๆ แม่งอกหักยังไม่เท่านี้เลย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถาม-ตอบ พ.ร.บ. จราจรทางบก
คำถามข้อที่ 1: รถที่มีไว้ขายหรือซ่อม อนุญาต
ให้ขับได้เวลาใด(รถป้ายแดง)
ท่าน ตอบว่า
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "เวลาพระอาทิตย์ขึ้น
ถึงพระอาทิตย์ตก" (เวลากลางวัน) เท่านั้น (ไม่
ใช่ 6.00-18.00น.)
คำถามข้อที่ 2: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
หากเจ้าของรถไม่เสียภาษีประจำปี
ในเวลาที่กำหนด จะต้องชำระเงินเพิ่มอีกเท่าไร
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "ร้อยละ 1 ต่อเดือน"
คำถามข้อที่ 3: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
โคมไฟแสงพุ่งไกลของรถยนต์"
แสงสว่างเห็นพื้น"ไม่น้อยกว่า
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "100 เมตร"
คำถามข้อที่ 4: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ ไม่เกิน
110 ซีซี จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าเท่าไร
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "15 ปี บริบูรณ์"
คำถามข้อที่ 5: รถยนต์ ตาม พ.ร.บ.
จราจรทางบกฯ หมายความว่า
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "รถที่มีล้อตั้งแต่ 3
ล้อขึ้นไปที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังเครื่องยนต์
กำลังไฟฟ้าหรือพลังงานอย่าง
อื่นยกเว้นรถที่เดินบนราง"
คำถามข้อที่ 6: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
รถแทกซี่ ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสารได้ไม่เกิน
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "7 คน"
คำถามข้อที่ 7: ข้อใดคือ"รถ"ตาม พ.ร.บ.
จราจรทางบกฯ
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "รถถังในราชการสงคราม
"
คำถามข้อที่ 8: ถนนที่ไม่มีทางเท้า คนเดินเท้า
ต้องปฏิบัติอย่างไร
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "เดินทางด้านขวา
ให้สวนทางกับรถ และสามารถมองเห็นรถ
ได้สะดวก"
คำถามข้อที่ 9: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
เสียงแตรต้องได้ยินไม่น้อยกว่า
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "60 เมตร"
คำถามข้อที่ 10:
ผููู้ขับขี่เมื่อพบไฟกระพริบสีแดงติดตั้ง
อยู่ทางร่วมทางแยกกระพริบทางด้านที่ขับไป
ต้องปฏิบัติอย่างไร
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "หยุดหลังเส้น
ให้หยุดเมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงขับต่อไปด้วย
ความระมัดระวัง"
คำถามข้อที่ 11: คำว่า ทาง ตามความหมาย พ.
ร.บ.จราจรทางบกฯ คือ
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "ทางเท้า,ทางเดินรถ,
ทางข้าม"
คำถามข้อที่ 12: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
การจอดรถผู้ขับขี่ต้องให้สัญญาณก่อนจอด
ไม่น้อยกว่า
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "30 เมตร"
คำ ถามข้อที่ 13: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
การหยุุดรถหรือจอดรถนอกเขตเทศบาลผู้ขับขี่
ต้องหยุดหรือจอดให้ผู้ขับขี่รถ อื่นมองเห็น
ได้ระยะไม่น้อยกว่า
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "150 เมตร"
คำถามข้อที่ 14: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
เมื่อมีเสียงสัญญาณรถไฟ
หรือรถไฟกำลังแล่นผ่านเข้ามา
ใกล้อาจเกิดอันตรายผู้ขับขี่ต้อง
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "ลดความเร็วลง
และหยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟไม่น้อยกว่า 5
เมตร"
คำถามข้อที่ 15: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ห้ามมิ
ให้เจ้าของรถบรรทุกคนโดยสารรับคนที่เป็นโรค
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "เรื้อน"
คำถามข้อที่ 16: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
การนับจำนวนคนโดยสารเด็กอายุไม่เกินเท่าใด
นับจำนวน 2 คน เท่ากับผู้ใหญ่ 1 คน
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "10 ปี"
คำถามข้อที่ 17:
เมื่อเจ้าพนักงานจราจรออกใบสั่งแล้ว
ต้องนำใบอนุญาตขับขี่ให้พนักงานสอบสวน
ผู้มีอำนาจ ภายใน
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "8 ชั่วโมง"
คำ ถามข้อที่ 18: การกลับรถ
หรือเลี้ยวรถทางขวาในทางเดินรถที่มีรถสวน
กันได้ ต้องไม่กลับรถหรือเลี้ยวขวาในเมื่อรถคัน
อื่นสวนมาในระยะไม่น้อยกว่า
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "100 เมตร"
คำ ถามข้อที่ 19: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เมื่อ
ได้รับสัญญาณหยุดรถจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถห่าง
จากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่น้อยกว่ากี่เมตร
กรณีไม่มีเส้นให้รถหยุด
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "3 เมตร"
คำถามข้อที่ 20: เมื่อขับรถมาถึงทางแยกพร้อม
กันไม่มีเครื่องหมายจราจรบอกทางเอกทางโท
ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "ให้
ผู้ขับรถด้านซ้ายไปก่อน"
คำถามข้อที่ 21: ในทางเดินรถที่แคบและ
ไม่อาจสวนกันได้อย่างปลอดภัย เมื่อขับรถสวน
กัน ผู้ขับขี่รถคันที่ใหญ่กว่าต้องปฏิบัติอย่างไร
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "ลดความเร็วและหยุด
ให้รถเล็กกว่าผ่านไปก่อน"
คำถามข้อที่ 22: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ "
จอดรถห่างจากที่ติดตั้งสัญญาณจราจร
ไม่น้อยกว่า
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "10 เมตร"
คำถามข้อที่ 23: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
หากเจ้าพนักงานยึดรถที่กระทำ
ความผิดเจ้าของหรือผู้ครอบครอง
ต้องแสดงตัวภายในกี่เดือน
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "6 เดือน นับ
จากวันที่เกิดเหตุ"
คำถามข้อที่ 24: กรณีผู้กระทำ
ความผิดถูกยึดใบอนุญาตเพื่อนำไปบันทึกคะแนน
จะถูกยึดครั้งละไม่เกินกี่วัน
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "60 วัน"
คำถามข้อที่ 25: ผู้ขับขี่ที่กระทำความผิด ใน 16
ฐานความผิด จะต้องเข้ารับการอบรม
และทดสอบในกรณีใด
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "กระทำความผิด ซ้ำ 2
ครั้ง ในข้อหาเดียวกันภายในหนึ่งปีนับ
จากการกระทำความผิดครั้งแรก"
คำถามข้อที่ 26: เมื่อใบอนุญาตขับรถชำรุด
หรือสูญหาย จะ
ต้องยื่นคำขอรับใบแทนต่อนายทะเบียน ภาย
ในกี่วัน
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "15 วัน
นับแต่วันทราบเหตุ"
คำถามข้อที่ 27: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
สัญญาณไฟจราจรควบคุมคนเดินเท้าที่
จะข้ามถนนมี กี่สีอะไรบ้าง
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "2 สี แดง-เขียว"
คำถามข้อที่ 28: การพัก
ใช้ใบอนุญาตขับขี่แต่ละครั้งมีกำหนดครั้งละ
ไม่เกินกี่วัน
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "90 วัน"
คำถามข้อที่ 29: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
พื้นที่สำหรับคนเดินเท้า กี่ระดับ ระดับใดบ้าง
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "3 ระดับ ระดับพื้นดิน
ระดับใต้พื้นดิน ระดับเหนือพื้นดิน"
คำถามข้อที่ 30: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
การจราจรหมายความว่า
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "การใช้ทางของผู้ขับขี่
คนเดินเท้า คนที่จูงที่ขี่หรือไล่ต้อนสัตว์"
คำถามข้อที่ 1: รถที่มีไว้ขายหรือซ่อม อนุญาต
ให้ขับได้เวลาใด(รถป้ายแดง)
ท่าน ตอบว่า
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "เวลาพระอาทิตย์ขึ้น
ถึงพระอาทิตย์ตก" (เวลากลางวัน) เท่านั้น (ไม่
ใช่ 6.00-18.00น.)
คำถามข้อที่ 2: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
หากเจ้าของรถไม่เสียภาษีประจำปี
ในเวลาที่กำหนด จะต้องชำระเงินเพิ่มอีกเท่าไร
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "ร้อยละ 1 ต่อเดือน"
คำถามข้อที่ 3: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
โคมไฟแสงพุ่งไกลของรถยนต์"
แสงสว่างเห็นพื้น"ไม่น้อยกว่า
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "100 เมตร"
คำถามข้อที่ 4: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ ไม่เกิน
110 ซีซี จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าเท่าไร
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "15 ปี บริบูรณ์"
คำถามข้อที่ 5: รถยนต์ ตาม พ.ร.บ.
จราจรทางบกฯ หมายความว่า
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "รถที่มีล้อตั้งแต่ 3
ล้อขึ้นไปที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังเครื่องยนต์
กำลังไฟฟ้าหรือพลังงานอย่าง
อื่นยกเว้นรถที่เดินบนราง"
คำถามข้อที่ 6: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
รถแทกซี่ ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสารได้ไม่เกิน
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "7 คน"
คำถามข้อที่ 7: ข้อใดคือ"รถ"ตาม พ.ร.บ.
จราจรทางบกฯ
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "รถถังในราชการสงคราม
"
คำถามข้อที่ 8: ถนนที่ไม่มีทางเท้า คนเดินเท้า
ต้องปฏิบัติอย่างไร
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "เดินทางด้านขวา
ให้สวนทางกับรถ และสามารถมองเห็นรถ
ได้สะดวก"
คำถามข้อที่ 9: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
เสียงแตรต้องได้ยินไม่น้อยกว่า
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "60 เมตร"
คำถามข้อที่ 10:
ผููู้ขับขี่เมื่อพบไฟกระพริบสีแดงติดตั้ง
อยู่ทางร่วมทางแยกกระพริบทางด้านที่ขับไป
ต้องปฏิบัติอย่างไร
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "หยุดหลังเส้น
ให้หยุดเมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงขับต่อไปด้วย
ความระมัดระวัง"
คำถามข้อที่ 11: คำว่า ทาง ตามความหมาย พ.
ร.บ.จราจรทางบกฯ คือ
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "ทางเท้า,ทางเดินรถ,
ทางข้าม"
คำถามข้อที่ 12: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
การจอดรถผู้ขับขี่ต้องให้สัญญาณก่อนจอด
ไม่น้อยกว่า
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "30 เมตร"
คำ ถามข้อที่ 13: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
การหยุุดรถหรือจอดรถนอกเขตเทศบาลผู้ขับขี่
ต้องหยุดหรือจอดให้ผู้ขับขี่รถ อื่นมองเห็น
ได้ระยะไม่น้อยกว่า
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "150 เมตร"
คำถามข้อที่ 14: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
เมื่อมีเสียงสัญญาณรถไฟ
หรือรถไฟกำลังแล่นผ่านเข้ามา
ใกล้อาจเกิดอันตรายผู้ขับขี่ต้อง
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "ลดความเร็วลง
และหยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟไม่น้อยกว่า 5
เมตร"
คำถามข้อที่ 15: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ห้ามมิ
ให้เจ้าของรถบรรทุกคนโดยสารรับคนที่เป็นโรค
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "เรื้อน"
คำถามข้อที่ 16: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
การนับจำนวนคนโดยสารเด็กอายุไม่เกินเท่าใด
นับจำนวน 2 คน เท่ากับผู้ใหญ่ 1 คน
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "10 ปี"
คำถามข้อที่ 17:
เมื่อเจ้าพนักงานจราจรออกใบสั่งแล้ว
ต้องนำใบอนุญาตขับขี่ให้พนักงานสอบสวน
ผู้มีอำนาจ ภายใน
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "8 ชั่วโมง"
คำ ถามข้อที่ 18: การกลับรถ
หรือเลี้ยวรถทางขวาในทางเดินรถที่มีรถสวน
กันได้ ต้องไม่กลับรถหรือเลี้ยวขวาในเมื่อรถคัน
อื่นสวนมาในระยะไม่น้อยกว่า
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "100 เมตร"
คำ ถามข้อที่ 19: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เมื่อ
ได้รับสัญญาณหยุดรถจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถห่าง
จากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่น้อยกว่ากี่เมตร
กรณีไม่มีเส้นให้รถหยุด
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "3 เมตร"
คำถามข้อที่ 20: เมื่อขับรถมาถึงทางแยกพร้อม
กันไม่มีเครื่องหมายจราจรบอกทางเอกทางโท
ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "ให้
ผู้ขับรถด้านซ้ายไปก่อน"
คำถามข้อที่ 21: ในทางเดินรถที่แคบและ
ไม่อาจสวนกันได้อย่างปลอดภัย เมื่อขับรถสวน
กัน ผู้ขับขี่รถคันที่ใหญ่กว่าต้องปฏิบัติอย่างไร
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "ลดความเร็วและหยุด
ให้รถเล็กกว่าผ่านไปก่อน"
คำถามข้อที่ 22: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ "
จอดรถห่างจากที่ติดตั้งสัญญาณจราจร
ไม่น้อยกว่า
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "10 เมตร"
คำถามข้อที่ 23: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
หากเจ้าพนักงานยึดรถที่กระทำ
ความผิดเจ้าของหรือผู้ครอบครอง
ต้องแสดงตัวภายในกี่เดือน
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "6 เดือน นับ
จากวันที่เกิดเหตุ"
คำถามข้อที่ 24: กรณีผู้กระทำ
ความผิดถูกยึดใบอนุญาตเพื่อนำไปบันทึกคะแนน
จะถูกยึดครั้งละไม่เกินกี่วัน
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "60 วัน"
คำถามข้อที่ 25: ผู้ขับขี่ที่กระทำความผิด ใน 16
ฐานความผิด จะต้องเข้ารับการอบรม
และทดสอบในกรณีใด
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "กระทำความผิด ซ้ำ 2
ครั้ง ในข้อหาเดียวกันภายในหนึ่งปีนับ
จากการกระทำความผิดครั้งแรก"
คำถามข้อที่ 26: เมื่อใบอนุญาตขับรถชำรุด
หรือสูญหาย จะ
ต้องยื่นคำขอรับใบแทนต่อนายทะเบียน ภาย
ในกี่วัน
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "15 วัน
นับแต่วันทราบเหตุ"
คำถามข้อที่ 27: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
สัญญาณไฟจราจรควบคุมคนเดินเท้าที่
จะข้ามถนนมี กี่สีอะไรบ้าง
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "2 สี แดง-เขียว"
คำถามข้อที่ 28: การพัก
ใช้ใบอนุญาตขับขี่แต่ละครั้งมีกำหนดครั้งละ
ไม่เกินกี่วัน
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "90 วัน"
คำถามข้อที่ 29: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
พื้นที่สำหรับคนเดินเท้า กี่ระดับ ระดับใดบ้าง
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "3 ระดับ ระดับพื้นดิน
ระดับใต้พื้นดิน ระดับเหนือพื้นดิน"
คำถามข้อที่ 30: พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
การจราจรหมายความว่า
ท่าน ตอบว่า ""
คำตอบ ที่ถูกต้องคือ "การใช้ทางของผู้ขับขี่
คนเดินเท้า คนที่จูงที่ขี่หรือไล่ต้อนสัตว์"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ข้อใดสามารถจอดรถ
ได้ 5 เมตร จากปากทางเข้าออกอาคาร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ การเลี้ยว
หรือเปลี่ยนช่องทาง ผู้ขับขี่ต้องให้สัญญาณให้
ผู้ขับขี่รถอื่นเห็นสัญญาณได้ไม่น้อยกว่า 60
เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เมื่อผู้ขับขี่ได้รับใบสั่ง
สามารถใช้แทนใบขับขี่ได้กี่วัน 7 วัน
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ผู้ขับขี่ต้องขับขี่รถห่าง
จากคันหน้าเท่าไร ห่าง
จากรถคันหน้าพอสมควรในระยะที่หยุดรถได้
โดยปลอดภัยในเมื่อจำเป็นต้องหยุด
o สัญญาณไฟจราจร(เขียว เหลือง แดง)
เมื่อท่านเห็นสีเหลืองต้องปฏิบัติอย่างไร
เตรียมตัวหยุดรถหลังเส้นให้หยุด
o การหยุดรถต้องให้สัญญาณด้วยมือและแขน
หรือสัญาณไฟก่อนหยุดรถอย่างน้อยกี่เมตร 30
เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ห้ามผู้ขับขี่รถแซงรถคัน
อื่น ที่มีหมอก ฝุ่น หรือควัน จน
ไม่อาจเห็นข้างหน้าได้ระยะ 60 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ในการขับรถ ผู้ขับขี่
ต้องขับรถในทางเดินรถด้านซ้ายและต้อง
ไม่ล้ำเส้นกลางทางเดินรถเว้นแต่ ทางเดินรถ
นั้นกว้างไม่ถึง 6 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ผู้ขับขี่ต้องจอดรถห่าง
จากท่อน้ำดับเพลิงอย่างน้อย 3 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ การขับรถเพื่อเลี้ยวซ้าย
หรือเลี้ยวขวาผู้ขับขี่ต้องเลี้ยวเข้าช่องทางที่
จะเลี้ยวไม่น้อยกว่าระยะเท่าใด 30 เมตร
o ข้อใดเป็นเครื่องหมายจราจรประเภทบังคับ
เครื่องหมายให้ทาง
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ผู้ขับขี่
ต้องจอดรถชิดขอบทางหรือไหล่ทาง
ในระยะห่างไม่เกินกี่เซ็นติเมตร 25 เซ็นติเมตร
o เครื่องหมาย"ขาว-เหลือง" หมายถึง หยุดรับ-ส่ง
ผู้โดยสารได้ชั่วคราว
o เครื่องหมายจราจรที่
เป็นเครื่องหมายสีขาวสลับแดง มีความหมายว่า
ห้ามหยุดห้ามจอด
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ห้ามมิให้
ผู้ขับขี่ตามหลังรถฉุกเฉินอย่างน้อยระยะเท่าใด
50 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
โคมไฟท้ายรถยนต์มีกี่ประเภท 3 ประเภท
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เมื่อบรรทุกของยื่นเกิน
ความยาวของตัวรถท่านต้องติดธง
หรือไฟสัญญาณให้เห็นในระยะไม่น้อยกว่า
150 เมตร
o จงบอกสีของไฟสัญญาณจราจร
จากข้างบนลงข้างล่าง แดง-เหลือง-เขียว
o เมื่อขับรถมาถึงวงเวียนไม่มีไฟสัญญาณจราจร
ผู้ขับบี่รถต้องปฏิบัติอย่างไร
ให้รถด้านขวาไปก่อน
o ข้อใดห้ามแซง เมื่อมีหมอก ฝน ฝุ่นควัน จน
ไม่อาจเห็นข้างหน้าได้ 60 เมตร
o ในเวลาที่แสงสว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน
รถ หรือสิ่งกีดขวางได้โดยชัดแจ้ง
ไม่น้อยกว่ากี่เมตร ผู้ขับขี่ต้องเปิดไฟหรือ
ใช้แสงสว่างตามประเภท ลักษณะ
และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง 150 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ โคมไฟแสงพุ่ง
ไกลของรถยนต์ให้ติดสูงจากพื้นทางราบ
ถึงจุดกลางดวงโคมไม่น้อยกว่า 0.60 เมตร
o ข้อใดผู้ขับขี่สามารถแซงได้ แซงรถด้านซ้าย
ในขณะที่รถที่จะถูกแซงกำลังเลี้ยวขวาหรือ
ให้สัญญาณว่าจะเลี้ยวขวา
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
การจอดบริเวณป้ายรถประจำทาง จะต้องจอด
15 เมตร ก่อนถึงเครื่องหมายหยุดรถประจำทาง
และเลยอีก 3 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ผู้ขับขี่ต้องจอดรถห่าง
จากทางข้ามอย่างน้อย 3 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ผู้ขับขี่ต้องจอดรถห่าง
จากทางแยกอย่างน้อย 10 เมตร
o การจอดรถ จอดห่าง
จากท่อน้ำดับเพลิงอย่างน้อย 3 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ผู้ขับขี่"ต้องจอด"
รถห่างจากทางรถไฟผ่านไม่น้อยกว่า 15 เมตร
o เมื่อจะลดความเร็วของรถ ผู้ขับขี่ให้สัญญาณ
ด้วยมือหรือแขนอย่างไร
ยื่นแขนขวาออกไปนอกรถระดับไหล่
และโบกมือขึ้นลงหลายครั้ง
o รถยนต์ที่กำหนดให้ใช้เข็มขัดนิรภัย ผู้ขับขี่
และคนโดยสารต้องปฏิบัติอย่างไร ผู้ขับขี่และผู้
โดยสารแถวเดียวตอนหน้ากับผู้ขับขี่
ต้องรัดเข็มขัดนิรภัย
o โคมไฟแสงพุ่งไกลของรถยนต์"
แสงสว่างเห็นพื้น"ไม่น้อยกว่า 100 เมตร
o โคมไฟแสงพุ่งต่ำ แสงเห็นพื้นไม่น้อยกว่า 30
เมตร
o รถยนต์ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ หมาย
ความว่า รถที่มีล้อตั้งแต่ 3 ล้อขึ้นไปที่ขับเคลื่อน
ด้วยกำลังเครื่องยนต์ กำลังไฟฟ้า
หรือพลังงานอย่างอื่นยกเว้นรถที่เดินบนราง
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ รถแทกซี่
ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสารได้ไม่เกิน 7 คน
o ข้อใดคือ"รถ"ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
รถถังในราชการสงคราม
o ถนนที่ไม่มีทางเท้า คนเดินเท้า
ต้องปฏิบัติอย่างไร เดินทางด้านขวาให้สวนทาง
กับรถ และสามารถมองเห็นรถได้สะดวก
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เสียงแตรต้องได้ยิน
ไม่น้อยกว่า 60 เมตร
o ผู้ขับขี่เมื่อพบไฟกระพริบสีแดงติดตั้ง
อยู่ทางร่วมทางแยกกระพริบทางด้านที่ขับไป
ต้องปฏิบัติอย่างไร หยุดหลังเส้น
ให้หยุดเมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงขับต่อไปด้วย
ความระมัดระวัง
o คำว่า "ทาง" ตามความหมาย พ.ร.บ.
จราจรทางบกฯ คือ ทางเท้า,ทางเดินรถ,
ทางข้าม
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ การจอดรถผู้ขับขี่ต้อง
ให้สัญญาณก่อนจอดไม่น้อยกว่า 30 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ การหยุดรถ
หรือจอดรถนอกเขตเทศบาลผู้ขับขี่ต้องหยุด
หรือจอดให้ผู้ขับขี่รถอื่นมองเห็นได้ระยะ
ไม่น้อยกว่า 150 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
เมื่อมีเสียงสัญญาณรถไฟ
หรือรถไฟกำลังแล่นผ่านเข้ามา
ใกล้อาจเกิดอันตราย ผู้ขับขี่ต้อง ลดความ
เร็วลงและหยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟ
ไม่น้อยกว่า 5 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ห้ามมิ
ให้เจ้าของรถบรรทุกคนโดยสารรับคนที่เป็นโรค
เรื้อน
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ การนับจำนวนคน
โดยสารเด็กอายุไม่เกินเท่าใด นับจำนวน 2 คน
เท่ากับผู้ใหญ่ 1 คน 10 ปี
o เมื่อเจ้าพนักงานจราจรออกใบสั่งแล้ว
ต้องนำใบอนุญาตขับขี่ให้พนักงานสอบสวน
ผู้มีอำนาจ ภายใน 8 ชั่วโมง
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ การกลับรถ
หรือเลี้ยวรถทางขวาในทางเดินรถที่มีรถสวน
กันได้ ต้องไม่กลับรถหรือเลี้ยวขวาในเมื่อรถคัน
อื่นสวนมาหรือตามมาในระยะไม่น้อยกว่า 100
เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เมื่อ
ได้รับสัญญาณหยุดรถจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถห่าง
จากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่น้อยกว่ากี่เมตร
กรณีไม่มีเส้นให้รถหยุด 3 เมตร
o เมื่อขับรถมาถึงทางแยกพร้อมกัน
ไม่มีเครื่องหมายจราจรบอกทางเอกทางโท
ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร ให้
ผู้ขับรถด้านซ้ายไปก่อน
o ในทางเดินรถที่แคบและไม่อาจสวนกัน
ได้อย่างปลอดภัย เมื่อขับรถสวนกัน
ผู้ขับขี่รถคันที่ใหญ่กว่าต้องปฏิบัติอย่างไร ลด
ความเร็วและหยุดให้รถเล็กกว่าผ่านไปก่อน
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ "จอดรถห่าง
จากที่ติดตั้งสัญญาณจราจรไม่น้อยกว่า" 10
เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
หากเจ้าพนักงานยึดรถที่กระทำ
ความผิดเจ้าของหรือผู้ครอบครอง
ต้องแสดงตัวภายในกี่เดือน 6 เดือน นับ
จากวันที่เกิดเหตุ
o กรณีผู้กระทำ
ความผิดถูกยึดใบอนุญาตเพื่อนำไปบันทึกคะแนน
จะถูกยึดครั้งละไม่เกินกี่วัน 60 วัน
o ผู้ขับขี่ที่กระทำความผิด ใน 16 ฐานความผิด
จะต้องเข้ารับการอบรมและทดสอบในกรณีใด
กระทำความผิด ซ้ำ 2 ครั้ง ในข้อหาเดียว
กันภายในหนึ่งปีนับจากการกระทำ
ความผิดครั้งแรก
o เมื่อใบอนุญาตขับรถชำรุดหรือสูญหาย จะ
ต้องยื่นคำขอรับใบแทนต่อนายทะเบียน ภาย
ในกี่วัน 15 วัน นับแต่วันทราบเหตุ
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
สัญญาณไฟจราจรควบคุมคนเดินเท้าที่
จะข้ามถนนมี กี่สีอะไรบ้าง 2 สี แดง-เขียว
o การพัก
ใช้ใบอนุญาตขับขี่แต่ละครั้งมีกำหนดครั้งละ"
ไม่เกิน"กี่วัน 90 วัน
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ พื้นที่สำหรับคนเดินเท้า
กี่ระดับ ระดับใดบ้าง 3 ระดับ ระดับพื้นดิน
ระดับใต้พื้นดิน ระดับเหนือพื้นดิน
์o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ การจราจรหมาย
ความว่า การใช้ทางของผู้ขับขี่ คนเดินเท้า
คนที่จูงที่ขี่หรือไล่ต้อนสัตว์
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เขตปลอดภัยมี
ไว้สำหรับ ให้คนเดินเท้าที่ข้ามทางหยุดรอ หรือ
ให้คนที่ขึ้นหรือลงจากรถ
หยุดรอก่อนข้ามทางต่อไป
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ในทางเดินรถที่สวนกัน
ได้ ห้ามกลับรถหรือเลี้ยวรถทางขวา ในระยะ
ไม่น้อยกว่า 100 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ ไม่เกิน
90 ซีซี จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าเท่าไร 15 ปี
บริบูรณ์
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ยืน
และยกแขนขวาท่อนล่าง ตั้งฉาก
กับแขนท่อนบน และตั้งฝ่ามือขึ้น ผู้ขับขี่
ซึ่งขับรถมาทางด้านหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่
ต้องหยุดรถ
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ยืน
และยกแขนขวาท่อนล่างตั้งฉากกับแขนท่อนบน
และตั้งฝ่ามือขึ้น
ส่วนแขนซ้ายเหยียดออกไปเสมอระดับไหล่
ผู้ขับขี่ ซึ่งขับรถมาทางด้านหน้า
และด้านหลังพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องหยุดรถ
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ สายพ่วงที่ใช้ลาก
หรือจูงรถ ต้องมีความยาวเท่าไร ยาว
ไม่น้อยกว่า 3 เมตร แต่ไม่เกิน 5 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ หากเจ้าของรถ
ไม่เสียภาษีประจำปี ในเวลาที่กำหนด จะ
ต้องชำระเงินเพิ่มอีกเท่าไร ร้อยละ 1 ต่อเดือน
o รถที่มีไว้ขายหรือซ่อม อนุญาตให้ขับได้เวลาใด
เวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก
ได้ 5 เมตร จากปากทางเข้าออกอาคาร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ การเลี้ยว
หรือเปลี่ยนช่องทาง ผู้ขับขี่ต้องให้สัญญาณให้
ผู้ขับขี่รถอื่นเห็นสัญญาณได้ไม่น้อยกว่า 60
เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เมื่อผู้ขับขี่ได้รับใบสั่ง
สามารถใช้แทนใบขับขี่ได้กี่วัน 7 วัน
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ผู้ขับขี่ต้องขับขี่รถห่าง
จากคันหน้าเท่าไร ห่าง
จากรถคันหน้าพอสมควรในระยะที่หยุดรถได้
โดยปลอดภัยในเมื่อจำเป็นต้องหยุด
o สัญญาณไฟจราจร(เขียว เหลือง แดง)
เมื่อท่านเห็นสีเหลืองต้องปฏิบัติอย่างไร
เตรียมตัวหยุดรถหลังเส้นให้หยุด
o การหยุดรถต้องให้สัญญาณด้วยมือและแขน
หรือสัญาณไฟก่อนหยุดรถอย่างน้อยกี่เมตร 30
เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ห้ามผู้ขับขี่รถแซงรถคัน
อื่น ที่มีหมอก ฝุ่น หรือควัน จน
ไม่อาจเห็นข้างหน้าได้ระยะ 60 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ในการขับรถ ผู้ขับขี่
ต้องขับรถในทางเดินรถด้านซ้ายและต้อง
ไม่ล้ำเส้นกลางทางเดินรถเว้นแต่ ทางเดินรถ
นั้นกว้างไม่ถึง 6 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ผู้ขับขี่ต้องจอดรถห่าง
จากท่อน้ำดับเพลิงอย่างน้อย 3 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ การขับรถเพื่อเลี้ยวซ้าย
หรือเลี้ยวขวาผู้ขับขี่ต้องเลี้ยวเข้าช่องทางที่
จะเลี้ยวไม่น้อยกว่าระยะเท่าใด 30 เมตร
o ข้อใดเป็นเครื่องหมายจราจรประเภทบังคับ
เครื่องหมายให้ทาง
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ผู้ขับขี่
ต้องจอดรถชิดขอบทางหรือไหล่ทาง
ในระยะห่างไม่เกินกี่เซ็นติเมตร 25 เซ็นติเมตร
o เครื่องหมาย"ขาว-เหลือง" หมายถึง หยุดรับ-ส่ง
ผู้โดยสารได้ชั่วคราว
o เครื่องหมายจราจรที่
เป็นเครื่องหมายสีขาวสลับแดง มีความหมายว่า
ห้ามหยุดห้ามจอด
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ห้ามมิให้
ผู้ขับขี่ตามหลังรถฉุกเฉินอย่างน้อยระยะเท่าใด
50 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
โคมไฟท้ายรถยนต์มีกี่ประเภท 3 ประเภท
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เมื่อบรรทุกของยื่นเกิน
ความยาวของตัวรถท่านต้องติดธง
หรือไฟสัญญาณให้เห็นในระยะไม่น้อยกว่า
150 เมตร
o จงบอกสีของไฟสัญญาณจราจร
จากข้างบนลงข้างล่าง แดง-เหลือง-เขียว
o เมื่อขับรถมาถึงวงเวียนไม่มีไฟสัญญาณจราจร
ผู้ขับบี่รถต้องปฏิบัติอย่างไร
ให้รถด้านขวาไปก่อน
o ข้อใดห้ามแซง เมื่อมีหมอก ฝน ฝุ่นควัน จน
ไม่อาจเห็นข้างหน้าได้ 60 เมตร
o ในเวลาที่แสงสว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน
รถ หรือสิ่งกีดขวางได้โดยชัดแจ้ง
ไม่น้อยกว่ากี่เมตร ผู้ขับขี่ต้องเปิดไฟหรือ
ใช้แสงสว่างตามประเภท ลักษณะ
และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง 150 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ โคมไฟแสงพุ่ง
ไกลของรถยนต์ให้ติดสูงจากพื้นทางราบ
ถึงจุดกลางดวงโคมไม่น้อยกว่า 0.60 เมตร
o ข้อใดผู้ขับขี่สามารถแซงได้ แซงรถด้านซ้าย
ในขณะที่รถที่จะถูกแซงกำลังเลี้ยวขวาหรือ
ให้สัญญาณว่าจะเลี้ยวขวา
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
การจอดบริเวณป้ายรถประจำทาง จะต้องจอด
15 เมตร ก่อนถึงเครื่องหมายหยุดรถประจำทาง
และเลยอีก 3 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ผู้ขับขี่ต้องจอดรถห่าง
จากทางข้ามอย่างน้อย 3 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ผู้ขับขี่ต้องจอดรถห่าง
จากทางแยกอย่างน้อย 10 เมตร
o การจอดรถ จอดห่าง
จากท่อน้ำดับเพลิงอย่างน้อย 3 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ผู้ขับขี่"ต้องจอด"
รถห่างจากทางรถไฟผ่านไม่น้อยกว่า 15 เมตร
o เมื่อจะลดความเร็วของรถ ผู้ขับขี่ให้สัญญาณ
ด้วยมือหรือแขนอย่างไร
ยื่นแขนขวาออกไปนอกรถระดับไหล่
และโบกมือขึ้นลงหลายครั้ง
o รถยนต์ที่กำหนดให้ใช้เข็มขัดนิรภัย ผู้ขับขี่
และคนโดยสารต้องปฏิบัติอย่างไร ผู้ขับขี่และผู้
โดยสารแถวเดียวตอนหน้ากับผู้ขับขี่
ต้องรัดเข็มขัดนิรภัย
o โคมไฟแสงพุ่งไกลของรถยนต์"
แสงสว่างเห็นพื้น"ไม่น้อยกว่า 100 เมตร
o โคมไฟแสงพุ่งต่ำ แสงเห็นพื้นไม่น้อยกว่า 30
เมตร
o รถยนต์ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ หมาย
ความว่า รถที่มีล้อตั้งแต่ 3 ล้อขึ้นไปที่ขับเคลื่อน
ด้วยกำลังเครื่องยนต์ กำลังไฟฟ้า
หรือพลังงานอย่างอื่นยกเว้นรถที่เดินบนราง
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ รถแทกซี่
ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสารได้ไม่เกิน 7 คน
o ข้อใดคือ"รถ"ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
รถถังในราชการสงคราม
o ถนนที่ไม่มีทางเท้า คนเดินเท้า
ต้องปฏิบัติอย่างไร เดินทางด้านขวาให้สวนทาง
กับรถ และสามารถมองเห็นรถได้สะดวก
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เสียงแตรต้องได้ยิน
ไม่น้อยกว่า 60 เมตร
o ผู้ขับขี่เมื่อพบไฟกระพริบสีแดงติดตั้ง
อยู่ทางร่วมทางแยกกระพริบทางด้านที่ขับไป
ต้องปฏิบัติอย่างไร หยุดหลังเส้น
ให้หยุดเมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงขับต่อไปด้วย
ความระมัดระวัง
o คำว่า "ทาง" ตามความหมาย พ.ร.บ.
จราจรทางบกฯ คือ ทางเท้า,ทางเดินรถ,
ทางข้าม
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ การจอดรถผู้ขับขี่ต้อง
ให้สัญญาณก่อนจอดไม่น้อยกว่า 30 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ การหยุดรถ
หรือจอดรถนอกเขตเทศบาลผู้ขับขี่ต้องหยุด
หรือจอดให้ผู้ขับขี่รถอื่นมองเห็นได้ระยะ
ไม่น้อยกว่า 150 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
เมื่อมีเสียงสัญญาณรถไฟ
หรือรถไฟกำลังแล่นผ่านเข้ามา
ใกล้อาจเกิดอันตราย ผู้ขับขี่ต้อง ลดความ
เร็วลงและหยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟ
ไม่น้อยกว่า 5 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ห้ามมิ
ให้เจ้าของรถบรรทุกคนโดยสารรับคนที่เป็นโรค
เรื้อน
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ การนับจำนวนคน
โดยสารเด็กอายุไม่เกินเท่าใด นับจำนวน 2 คน
เท่ากับผู้ใหญ่ 1 คน 10 ปี
o เมื่อเจ้าพนักงานจราจรออกใบสั่งแล้ว
ต้องนำใบอนุญาตขับขี่ให้พนักงานสอบสวน
ผู้มีอำนาจ ภายใน 8 ชั่วโมง
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ การกลับรถ
หรือเลี้ยวรถทางขวาในทางเดินรถที่มีรถสวน
กันได้ ต้องไม่กลับรถหรือเลี้ยวขวาในเมื่อรถคัน
อื่นสวนมาหรือตามมาในระยะไม่น้อยกว่า 100
เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เมื่อ
ได้รับสัญญาณหยุดรถจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถห่าง
จากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่น้อยกว่ากี่เมตร
กรณีไม่มีเส้นให้รถหยุด 3 เมตร
o เมื่อขับรถมาถึงทางแยกพร้อมกัน
ไม่มีเครื่องหมายจราจรบอกทางเอกทางโท
ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร ให้
ผู้ขับรถด้านซ้ายไปก่อน
o ในทางเดินรถที่แคบและไม่อาจสวนกัน
ได้อย่างปลอดภัย เมื่อขับรถสวนกัน
ผู้ขับขี่รถคันที่ใหญ่กว่าต้องปฏิบัติอย่างไร ลด
ความเร็วและหยุดให้รถเล็กกว่าผ่านไปก่อน
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ "จอดรถห่าง
จากที่ติดตั้งสัญญาณจราจรไม่น้อยกว่า" 10
เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
หากเจ้าพนักงานยึดรถที่กระทำ
ความผิดเจ้าของหรือผู้ครอบครอง
ต้องแสดงตัวภายในกี่เดือน 6 เดือน นับ
จากวันที่เกิดเหตุ
o กรณีผู้กระทำ
ความผิดถูกยึดใบอนุญาตเพื่อนำไปบันทึกคะแนน
จะถูกยึดครั้งละไม่เกินกี่วัน 60 วัน
o ผู้ขับขี่ที่กระทำความผิด ใน 16 ฐานความผิด
จะต้องเข้ารับการอบรมและทดสอบในกรณีใด
กระทำความผิด ซ้ำ 2 ครั้ง ในข้อหาเดียว
กันภายในหนึ่งปีนับจากการกระทำ
ความผิดครั้งแรก
o เมื่อใบอนุญาตขับรถชำรุดหรือสูญหาย จะ
ต้องยื่นคำขอรับใบแทนต่อนายทะเบียน ภาย
ในกี่วัน 15 วัน นับแต่วันทราบเหตุ
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
สัญญาณไฟจราจรควบคุมคนเดินเท้าที่
จะข้ามถนนมี กี่สีอะไรบ้าง 2 สี แดง-เขียว
o การพัก
ใช้ใบอนุญาตขับขี่แต่ละครั้งมีกำหนดครั้งละ"
ไม่เกิน"กี่วัน 90 วัน
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ พื้นที่สำหรับคนเดินเท้า
กี่ระดับ ระดับใดบ้าง 3 ระดับ ระดับพื้นดิน
ระดับใต้พื้นดิน ระดับเหนือพื้นดิน
์o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ การจราจรหมาย
ความว่า การใช้ทางของผู้ขับขี่ คนเดินเท้า
คนที่จูงที่ขี่หรือไล่ต้อนสัตว์
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เขตปลอดภัยมี
ไว้สำหรับ ให้คนเดินเท้าที่ข้ามทางหยุดรอ หรือ
ให้คนที่ขึ้นหรือลงจากรถ
หยุดรอก่อนข้ามทางต่อไป
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ในทางเดินรถที่สวนกัน
ได้ ห้ามกลับรถหรือเลี้ยวรถทางขวา ในระยะ
ไม่น้อยกว่า 100 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ ไม่เกิน
90 ซีซี จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าเท่าไร 15 ปี
บริบูรณ์
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ยืน
และยกแขนขวาท่อนล่าง ตั้งฉาก
กับแขนท่อนบน และตั้งฝ่ามือขึ้น ผู้ขับขี่
ซึ่งขับรถมาทางด้านหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่
ต้องหยุดรถ
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ยืน
และยกแขนขวาท่อนล่างตั้งฉากกับแขนท่อนบน
และตั้งฝ่ามือขึ้น
ส่วนแขนซ้ายเหยียดออกไปเสมอระดับไหล่
ผู้ขับขี่ ซึ่งขับรถมาทางด้านหน้า
และด้านหลังพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องหยุดรถ
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ สายพ่วงที่ใช้ลาก
หรือจูงรถ ต้องมีความยาวเท่าไร ยาว
ไม่น้อยกว่า 3 เมตร แต่ไม่เกิน 5 เมตร
o พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ หากเจ้าของรถ
ไม่เสียภาษีประจำปี ในเวลาที่กำหนด จะ
ต้องชำระเงินเพิ่มอีกเท่าไร ร้อยละ 1 ต่อเดือน
o รถที่มีไว้ขายหรือซ่อม อนุญาตให้ขับได้เวลาใด
เวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มันน่าจะออกคดีเด็ดน่ะ..!!555
วันนี้ไปทำใบขับขี่รถยนต์ กำลังรอทดสอบปฏิกิริยาโต้ตอบสายตา
คือจะมีเจ้าหน้าที่คอย เปิดไฟสลับสีกันในกล่องสัญญาณไฟ มี/แดง /เหลือง/ เขียว / สลับเร็วมากต้องตอบให้ทันและถูก
และก็มีลุงคนหนึ่งกำลังสอบอยู่ คุณลุงคนนี้ถ้าเห็นไฟแดงจะตอบชมพู ทันที ทุกครั้ง คนรอสอบด่านนี้หัวเราะขำกันเป็นแถวเลย 5555 เลยไม่ผ่าน เจ้าหน้าที่เลยให้โอกาสลุงใหม่ แต่ไปต่อหลังเพื่อน ฮ่าๆๆๆๆขำอะ แล้วลุงคนนี้ก็มาต่อหลังเรา
ได้ยินบ่นๆว่า "ผิดสี สีมันผิดก็เห็นชมพูก่อนนิวา" อะไรนี่แหละ
เราเลยพูดถามไป...
เรา: สีมันผิดหรอคับลุง
ลุง: ใช่ๆหนู สีมันผิดน่ะนั่น เห็นเป็นสีชมพูจริงๆ
เรา: ใช่ๆ ผมก็เห็นเป็นสีชมพูเหมือนกัน
ลุง: หนูก็เห็นเป็นสีชมพูเหมือนลุงหรอ
เรา: คับลุง มันเป็นสีชมพู แต่จริงๆไส้ในมันเป็นสีแดงคับลุง ลุงเอาใหม่น่ะ ถ้าเห็นไฟชมพู บอกไปว่าแดงน่ะลุง อย่าลังเลเด็ดขาดลุง
ลุง: อืม ขอบใจมากพ่อหนุ่ม
เร่า: คับลุง *แล้วก็ถึงคิวผมสอบ ผ่านได้ไปเข้าอบรบต่อ
(ขอบคุนที่อ่านจนจบครับ ^^^ )
วันนี้ไปทำใบขับขี่รถยนต์ กำลังรอทดสอบปฏิกิริยาโต้ตอบสายตา
คือจะมีเจ้าหน้าที่คอย เปิดไฟสลับสีกันในกล่องสัญญาณไฟ มี/แดง /เหลือง/ เขียว / สลับเร็วมากต้องตอบให้ทันและถูก
และก็มีลุงคนหนึ่งกำลังสอบอยู่ คุณลุงคนนี้ถ้าเห็นไฟแดงจะตอบชมพู ทันที ทุกครั้ง คนรอสอบด่านนี้หัวเราะขำกันเป็นแถวเลย 5555 เลยไม่ผ่าน เจ้าหน้าที่เลยให้โอกาสลุงใหม่ แต่ไปต่อหลังเพื่อน ฮ่าๆๆๆๆขำอะ แล้วลุงคนนี้ก็มาต่อหลังเรา
ได้ยินบ่นๆว่า "ผิดสี สีมันผิดก็เห็นชมพูก่อนนิวา" อะไรนี่แหละ
เราเลยพูดถามไป...
เรา: สีมันผิดหรอคับลุง
ลุง: ใช่ๆหนู สีมันผิดน่ะนั่น เห็นเป็นสีชมพูจริงๆ
เรา: ใช่ๆ ผมก็เห็นเป็นสีชมพูเหมือนกัน
ลุง: หนูก็เห็นเป็นสีชมพูเหมือนลุงหรอ
เรา: คับลุง มันเป็นสีชมพู แต่จริงๆไส้ในมันเป็นสีแดงคับลุง ลุงเอาใหม่น่ะ ถ้าเห็นไฟชมพู บอกไปว่าแดงน่ะลุง อย่าลังเลเด็ดขาดลุง
ลุง: อืม ขอบใจมากพ่อหนุ่ม
เร่า: คับลุง *แล้วก็ถึงคิวผมสอบ ผ่านได้ไปเข้าอบรบต่อ
(ขอบคุนที่อ่านจนจบครับ ^^^ )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพื่อนทักแซตมาว่า เรื่องไหนที่คนใหญ่ๆมันทำผิด เรารู้อย่าไปพูด เดี๋ยวซวย
ถ้าจะจริงแหะ
ถ้าจะจริงแหะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แซตไปถามพี่คนหนึ่งเล่นๆว่า" ทำไมคนเราสมัยนี้ ถึงต้องคบกันทดลองอยู่ด้วยกันก่อนคับ"
พี่สาวมหาลัยคนหนึ่งพูด..!!
คนสมัยนี้ ส่วนมากจะทดลองอยู่ด้วยกันก่อนหมดแหละ หลังจากต่อมหาลัยแล้ว ถ้าอยู่ด้วยกันได้ก็อยู่ด้วยกันไป จนประสบผลสำเร็จถึงฝั่งและก็จะแต่งงานกัน แต่
ถ้าอยู่ไม่ได้ไม่เข้าใจกันก็จะเลิกลากันไป
เรา: ถ้าฝ่ายหนึ่งอยากเลิกแต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่อยากเลิกละคับ
พี่:ถ้าคนมันอยากจะเลิกนะ มันก็จะหาวิธีเลิกให้จนได้ หลายวิธี แต่ฝ่ายจะถูกเลิกก็รั้งก็ไรไม่ได้หรอก
เรา:แล้ว ถ้าเวลาเจอหน้ากันละคับพี่
พี่:แล้วเมื่อระยะเวลาผ่านไปถ้าเจอหน้ากันก็เหมือนคนรู้จักทั่วๆไปเพราะต่างคนต่างจะก็มีคนใหม่เข้ามาแทนกันแล้ว แค่นั้นจบเรื่องเจอหน้า ในวัยที่ผู้ใหญ่คิดได้แล้ว เขาไม่มางมงายรอกันหรอก ถ้าจากกันแบบนี้
เรา: คับ แล้วพี่คิดยังไงกับคนที่แบบว่า ถูกพ่อแม่ บอกตั้งแต่เด็กๆว่า เรียนจบมีงานทำค่อยหาแต่งงาน คับ
พี่: สมมุติน่ะ ถ้าน้องคิดว่า น้องจะแต่งงานช่วงอายุ24-27ปี
ถ้าถึงตอนนั้น น้องจะมีเงินอะไรๆต่างๆที่มั่นคงแล้วก็ตาม หรือน้องกำลังคบกับใครอยู่ก็ตาม ถ้าตอนนั้นความรู้สึกของน้องกับเธอไม่เข้าใจกันล๋ะ ก็คงไม่ได้แต่งสินะ เรื่องแต่งงานเราต้องใช้เวลาดูกันนานๆ ถึงจะเสียอะไรบางอย่างไปก็ตาม เพื่อแลกกับเวลา
เรา: พี่ละคับ เรียนก็จบแล้วงานก็มีทำแล้วทำไมไม่แต่งงาน
พี่: ตอนนี้น่ะถ้าพี่แต่งงาน เหมือนเพิ่มตัวปัญหาเข้ามา1ตัว ฮ่าๆๆ
เรา: ทำไมหรอคับ ดีซะอีกผมว่าจะได้มีคนมาช่วยจัดการเรื่องต่างๆมนครอบครัวด้วยกัน
พี่: ก็ตอนนี้ มันยังไม่มีสักตำแหน่งว่างในบ้านเลย จะแต่งทำไม แต่งแล้วเดี๋ยวแย่งงานแม่บ้านเอา ฮ่าๆ พี่เลยยังไม่แต่ง
พี่สาวมหาลัยคนหนึ่งพูด..!!
คนสมัยนี้ ส่วนมากจะทดลองอยู่ด้วยกันก่อนหมดแหละ หลังจากต่อมหาลัยแล้ว ถ้าอยู่ด้วยกันได้ก็อยู่ด้วยกันไป จนประสบผลสำเร็จถึงฝั่งและก็จะแต่งงานกัน แต่
ถ้าอยู่ไม่ได้ไม่เข้าใจกันก็จะเลิกลากันไป
เรา: ถ้าฝ่ายหนึ่งอยากเลิกแต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่อยากเลิกละคับ
พี่:ถ้าคนมันอยากจะเลิกนะ มันก็จะหาวิธีเลิกให้จนได้ หลายวิธี แต่ฝ่ายจะถูกเลิกก็รั้งก็ไรไม่ได้หรอก
เรา:แล้ว ถ้าเวลาเจอหน้ากันละคับพี่
พี่:แล้วเมื่อระยะเวลาผ่านไปถ้าเจอหน้ากันก็เหมือนคนรู้จักทั่วๆไปเพราะต่างคนต่างจะก็มีคนใหม่เข้ามาแทนกันแล้ว แค่นั้นจบเรื่องเจอหน้า ในวัยที่ผู้ใหญ่คิดได้แล้ว เขาไม่มางมงายรอกันหรอก ถ้าจากกันแบบนี้
เรา: คับ แล้วพี่คิดยังไงกับคนที่แบบว่า ถูกพ่อแม่ บอกตั้งแต่เด็กๆว่า เรียนจบมีงานทำค่อยหาแต่งงาน คับ
พี่: สมมุติน่ะ ถ้าน้องคิดว่า น้องจะแต่งงานช่วงอายุ24-27ปี
ถ้าถึงตอนนั้น น้องจะมีเงินอะไรๆต่างๆที่มั่นคงแล้วก็ตาม หรือน้องกำลังคบกับใครอยู่ก็ตาม ถ้าตอนนั้นความรู้สึกของน้องกับเธอไม่เข้าใจกันล๋ะ ก็คงไม่ได้แต่งสินะ เรื่องแต่งงานเราต้องใช้เวลาดูกันนานๆ ถึงจะเสียอะไรบางอย่างไปก็ตาม เพื่อแลกกับเวลา
เรา: พี่ละคับ เรียนก็จบแล้วงานก็มีทำแล้วทำไมไม่แต่งงาน
พี่: ตอนนี้น่ะถ้าพี่แต่งงาน เหมือนเพิ่มตัวปัญหาเข้ามา1ตัว ฮ่าๆๆ
เรา: ทำไมหรอคับ ดีซะอีกผมว่าจะได้มีคนมาช่วยจัดการเรื่องต่างๆมนครอบครัวด้วยกัน
พี่: ก็ตอนนี้ มันยังไม่มีสักตำแหน่งว่างในบ้านเลย จะแต่งทำไม แต่งแล้วเดี๋ยวแย่งงานแม่บ้านเอา ฮ่าๆ พี่เลยยังไม่แต่ง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ บิ๊กซี่อำนาจเจริญ
สถานที่: บิ๊กซี่อำนาจเจริญ (15.881554572164, 104.62400214808)
ที่อยู่: 37000, เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ
สถานที่: บิ๊กซี่อำนาจเจริญ (15.881554572164, 104.62400214808)
ที่อยู่: 37000, เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ
เดินเล่นหา..คุณคู่..(หาเนื้อคู่) แต่ไม่มีสักกะคน
เลย ห้าาาาๆ
เลย ห้าาาาๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
วันนี้ใปสอบใบขับขี่รถยนต์วันสุดท้าย
ขอบอกว่า ได้มาแบบไม่ภูมิใจเลย มากๆ
คือ เมื่อวานเอารถไปซ้อม โดยขับเหยียบแต่เส้นขาวข้างทางตอนกลับบ้านเกือบ14กิโล ใช้เวลา2ชัวโมงกว่าๆ การซ้อมครั้งนี้ไม่ได้มีผลทำให้ได้ใบขับขี่อะไรเลย เอิ้กๆๆๆ ผ่่านแบบ มึนตึ๊บ..งง
หรืออาจเป็นเพราะคำพูดคำนี้
คือเรากำลังจะเริ่มขับออกตัวสอบด้านที่สอง แล้วแม่โทรมา
เรา: แม่...
แม่: ตอนนี้ได้สอบยังลูก ด่านไหนแล้ว
เรา: กำลังสอบขับอยู่แม่
แม่: อ๋อๆ..งั้นแค่นี้แหละ สอบๆน่ะๆให้มันผ่านๆใจเย็นๆนะลูก ดูเพื่อนข้างหน้าน่ะ
*แล้วแม่ก็ตัดสายทันที แต่ตอนนี้โทรสับยังอยู่หู และเจ้าหน้าที่ก็จ้องมองหน้าด้วย เลยพูดว่า"แม่ถ้าครั้งนี้ไม่ผ่านอีกละ เงินค่าน้ำมัน มาก็300กลับก็300 ไกลก็ไกล ร้อนก็ร้อน แล้วพ่ออาการเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นยัง หมอให้อยู่อีกกี่วัน.. เฮ้อเรื่องรถไม่รู้วันไหนแม่ แต่ถึงยังไงต่อให้เจ้าหน้าที่เขาจะนัดอีกกี่ครั้ง 10 15 20ครั้งก็จะมาอย่างนี้แหละ"
แล้วเจ้าหน้าที่ก็พูดส่วน"อ้าวๆจะสอบไหมๆๆ
เรา: สอบๆคับ
*แล้วเราก็รีบวางโทสับก็ขับออกไปกำลังตีไฟเลี้ยวขวา แล้วเจ้าหน้าที่ก็เป่านกหวีดเรียกเรากลับมา แบบงงๆ
เรา: เริ่มใหม่หรอคับ
เจ้าหน้าที่: ไป..ขับออกไป ไปจ่ายเงินข้างบน
เรา:.....ขอบคุณคร๊าฟๆ
*เลยรีบขับออกไป แล้วไปซื้อน้ำเย็นมา2ขวดให้เจ้าหน้าที่2คนนั้นที่กำลังจะเดินเข้าโรงอาหารไปกินข้าว
เรา: น้ำเย็นๆคับ ร้อนไหมคับ
เจ้าหน้าที่: ก็ร้อนสิ..!!
เรา: ฮ่าาๆ คับ
*สรุปสาเหตุที่ได้ผ่านง่ายแบบนี้คือ เวลาตอนนั้น12:58 สงสัยเจ้าหน้าที่จะร้อนและหิวข้าวอย่างมาก บวกกับรถเราคันสุดท้ายแล้ว หรืออาจเป็นเพราะโดนคำคู่บอกจะมาทุกครั้งจนผ่าน
อาจเป็นไปได้ว่าเจ้าหน้าที่เขาไม่อยากยุ่งย้ากกับเราอีก
*******************)
แล้วก็ไปเสียตัง>>ถ่ายรูปSmartcard>>รอได้บัตร>>เข้าบิ๊กซี>>กลับบ้าน
ถ้าใครไม่มีใบขับขี่แล้วจำเป็นต้องเข้าเมือง ตอนเช้าให้ไปก่อนด่านช้าสุด
ก่อน07:30(ด่านยังไม่ตั้ง)ส่วนตอนบ่าย11:40 (ช่วงตำรวจพักเที่ยงกินข้าวคับ) ถ้าสถานะกานปักกะติ และตำรวจไม่เล่นมุขน่ะคับ ^____^
ขอบอกว่า ได้มาแบบไม่ภูมิใจเลย มากๆ
คือ เมื่อวานเอารถไปซ้อม โดยขับเหยียบแต่เส้นขาวข้างทางตอนกลับบ้านเกือบ14กิโล ใช้เวลา2ชัวโมงกว่าๆ การซ้อมครั้งนี้ไม่ได้มีผลทำให้ได้ใบขับขี่อะไรเลย เอิ้กๆๆๆ ผ่่านแบบ มึนตึ๊บ..งง
หรืออาจเป็นเพราะคำพูดคำนี้
คือเรากำลังจะเริ่มขับออกตัวสอบด้านที่สอง แล้วแม่โทรมา
เรา: แม่...
แม่: ตอนนี้ได้สอบยังลูก ด่านไหนแล้ว
เรา: กำลังสอบขับอยู่แม่
แม่: อ๋อๆ..งั้นแค่นี้แหละ สอบๆน่ะๆให้มันผ่านๆใจเย็นๆนะลูก ดูเพื่อนข้างหน้าน่ะ
*แล้วแม่ก็ตัดสายทันที แต่ตอนนี้โทรสับยังอยู่หู และเจ้าหน้าที่ก็จ้องมองหน้าด้วย เลยพูดว่า"แม่ถ้าครั้งนี้ไม่ผ่านอีกละ เงินค่าน้ำมัน มาก็300กลับก็300 ไกลก็ไกล ร้อนก็ร้อน แล้วพ่ออาการเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นยัง หมอให้อยู่อีกกี่วัน.. เฮ้อเรื่องรถไม่รู้วันไหนแม่ แต่ถึงยังไงต่อให้เจ้าหน้าที่เขาจะนัดอีกกี่ครั้ง 10 15 20ครั้งก็จะมาอย่างนี้แหละ"
แล้วเจ้าหน้าที่ก็พูดส่วน"อ้าวๆจะสอบไหมๆๆ
เรา: สอบๆคับ
*แล้วเราก็รีบวางโทสับก็ขับออกไปกำลังตีไฟเลี้ยวขวา แล้วเจ้าหน้าที่ก็เป่านกหวีดเรียกเรากลับมา แบบงงๆ
เรา: เริ่มใหม่หรอคับ
เจ้าหน้าที่: ไป..ขับออกไป ไปจ่ายเงินข้างบน
เรา:.....ขอบคุณคร๊าฟๆ
*เลยรีบขับออกไป แล้วไปซื้อน้ำเย็นมา2ขวดให้เจ้าหน้าที่2คนนั้นที่กำลังจะเดินเข้าโรงอาหารไปกินข้าว
เรา: น้ำเย็นๆคับ ร้อนไหมคับ
เจ้าหน้าที่: ก็ร้อนสิ..!!
เรา: ฮ่าาๆ คับ
*สรุปสาเหตุที่ได้ผ่านง่ายแบบนี้คือ เวลาตอนนั้น12:58 สงสัยเจ้าหน้าที่จะร้อนและหิวข้าวอย่างมาก บวกกับรถเราคันสุดท้ายแล้ว หรืออาจเป็นเพราะโดนคำคู่บอกจะมาทุกครั้งจนผ่าน
อาจเป็นไปได้ว่าเจ้าหน้าที่เขาไม่อยากยุ่งย้ากกับเราอีก
*******************)
แล้วก็ไปเสียตัง>>ถ่ายรูปSmartcard>>รอได้บัตร>>เข้าบิ๊กซี>>กลับบ้าน
ถ้าใครไม่มีใบขับขี่แล้วจำเป็นต้องเข้าเมือง ตอนเช้าให้ไปก่อนด่านช้าสุด
ก่อน07:30(ด่านยังไม่ตั้ง)ส่วนตอนบ่าย11:40 (ช่วงตำรวจพักเที่ยงกินข้าวคับ) ถ้าสถานะกานปักกะติ และตำรวจไม่เล่นมุขน่ะคับ ^____^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
บางที การมีพี่สาวก็เหมือนไม่มี..ช่วยไรไม่ได้เลย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพิ่งเคยเห็นอะ.. เท่จริงๆ
คนสมัยนี้ "เขาจีบกันในรูปโปรไฟล" อิจฉาๆๆๆ วู้ยยๆๆ 5555
คนสมัยนี้ "เขาจีบกันในรูปโปรไฟล" อิจฉาๆๆๆ วู้ยยๆๆ 5555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ พัชรินทร์ เกษมสัตย์
คุณได้แท็ก พัชรินทร์ เกษมสัตย์
บางทีวัยเราการที่เราทำเพื่อตัวเองช่วยตัวเองมันก็เป็นอะไรที่ถูกต้องและก็ถูกต้องอยู่แล้ว แต่ถ้าเราตั้งใจทำอะไรสั้กอย่างเพื่อคนอื่นคนที่เรารัก จนสำเร็จ เราจะภูมิใจตัวเองมากๆและรู้สึกว่าเรามีค่ามากกว่าเดิมอีก
คนนี้ถ้าเหนื่อยก็พักบ้างน่ะ ถ้าเครียดก็หาวิธีจัดการความเคลียดนั่นนะ
เรารู้ในตัวอยู่แล้ววิธีจักการ และให้ดูแลตัวเองดีน่ะ กูเป็นห่วงทุกวันแหละ รักก็รักมากกว่าเพื่อนอีกน่ะเว้ย.."(กำลังหัวเราะ)" คืนนี้เข้านอนแล้วนอนหลับฝันดี+ นมสด1กล่อง จะได้สูงๆขึ้น 555
^ ^ i **** love **** you ***friends*** ^ ^
คนนี้ถ้าเหนื่อยก็พักบ้างน่ะ ถ้าเครียดก็หาวิธีจัดการความเคลียดนั่นนะ
เรารู้ในตัวอยู่แล้ววิธีจักการ และให้ดูแลตัวเองดีน่ะ กูเป็นห่วงทุกวันแหละ รักก็รักมากกว่าเพื่อนอีกน่ะเว้ย.."(กำลังหัวเราะ)" คืนนี้เข้านอนแล้วนอนหลับฝันดี+ นมสด1กล่อง จะได้สูงๆขึ้น 555
^ ^ i **** love **** you ***friends*** ^ ^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เธอเป็นคนที่ฉันรัก<------ ♥ / แต่เราไม่ได้เป็นคนที่ถูกเธอรัก/♥ -----> และคนที่เธอพร้อมจะเสี่ยงเดินไปด้วยกัน
มันเศร้าเนาะเวลาที่ความรู้สึกของคนที่เรารักส่วนทางกับเรา...และการที่เรางมงายและยอมรอเธอ อยู่นั้นมันก็ทำให้ได้รู้ว่า ให้รอจนตายยังใงก็คงไม่กลับมา
งั้นถ้าเราจะจีบผู้หญิงคนใหม่ เธอจำไว้ดีๆน่ะ
อย่ามาขอเป็นกิ๊กคนที่2น่ะ
มันเศร้าเนาะเวลาที่ความรู้สึกของคนที่เรารักส่วนทางกับเรา...และการที่เรางมงายและยอมรอเธอ อยู่นั้นมันก็ทำให้ได้รู้ว่า ให้รอจนตายยังใงก็คงไม่กลับมา
งั้นถ้าเราจะจีบผู้หญิงคนใหม่ เธอจำไว้ดีๆน่ะ
อย่ามาขอเป็นกิ๊กคนที่2น่ะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าคนที่เรารักทำร้ายความรู้สึกเราโดยที่เขาก็ไม่รู้ตัว เราควรจะงอลกี่วันดี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อุตส่าห์ซื้อขนมมาแล้ว และก็กำลังว่าจะเปิดหนัง และก็ว่าจะท่องเฟส ...!! แต่
แต่>>>ติดธุระ 5555555 ความตั้งใจจบกันเลย.^^
แต่>>>ติดธุระ 5555555 ความตั้งใจจบกันเลย.^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พิมพ์ และใช้ ภาษาไทยให้ถูกต้อง มันยากมาก
หรืออย่างไรครับ!!!???
ก็ในเมื่อเราเป็นคนไทย หรือท่านไม่
ใช่คนไทยครับ???
ยกตัวอย่างของคำที่ไม่ควรใช้ เช่น..อ่ะครับ/
อะคับ/อ่ะค่ะ/อะค่ะ เพราะคำเหล่านี้
เป็นภาษาพูดของคน ลิ้นไก่สั้น/ชาวต่างชาติ
ที่หัดพูดภาษาไทยครับ ฯลฯ...
cr:Tmm สุดยอด...
หรืออย่างไรครับ!!!???
ก็ในเมื่อเราเป็นคนไทย หรือท่านไม่
ใช่คนไทยครับ???
ยกตัวอย่างของคำที่ไม่ควรใช้ เช่น..อ่ะครับ/
อะคับ/อ่ะค่ะ/อะค่ะ เพราะคำเหล่านี้
เป็นภาษาพูดของคน ลิ้นไก่สั้น/ชาวต่างชาติ
ที่หัดพูดภาษาไทยครับ ฯลฯ...
cr:Tmm สุดยอด...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โว้ยยยยยยยยๆๆๆ กุโคตรลำคาญญญ สเตตัสมากนี้เลยวะ พ่องมึงตายหรอวะ สัส...
อัพไรนักหนาห่ะ แม่งกุเจอทุกวัน [ หมวกฟาง-RPG เกมใหม่ เล่นฟรีตลอดชีพ
! MMORPG บนเว็บ สู้มอน แผนที่อิสระ
เนื้อเรื่องตามการ์ตูนเป๊ะๆ คลิกเดียวเล่นได้
้เลย วันนี้! ] cr: Tss สุดยอด..
อัพไรนักหนาห่ะ แม่งกุเจอทุกวัน [ หมวกฟาง-RPG เกมใหม่ เล่นฟรีตลอดชีพ
! MMORPG บนเว็บ สู้มอน แผนที่อิสระ
เนื้อเรื่องตามการ์ตูนเป๊ะๆ คลิกเดียวเล่นได้
้เลย วันนี้! ] cr: Tss สุดยอด..
http://www.techspot.com/drivers/driver/file/mirror/17246/
http://www.tusfiles.net/o0j26bixctty
http://www.ubuntuthailand.com/steam-for-linux-ปล่อยเวอร์ชั่น-beta-แล้ว/
http://www.gotoknow.org/posts/482584
http://www.gotoknow.org/posts/483406
http://www.krumontree.com/site/index.php/FAQs/120-ubuntu-live-usb
http://www.ubuntuthailand.com/ubuntu-wine/
http://www.tusfiles.net/o0j26bixctty
http://www.ubuntuthailand.com/steam-for-linux-ปล่อยเวอร์ชั่น-beta-แล้ว/
http://www.gotoknow.org/posts/482584
http://www.gotoknow.org/posts/483406
http://www.krumontree.com/site/index.php/FAQs/120-ubuntu-live-usb
http://www.ubuntuthailand.com/ubuntu-wine/
อัพเดตเมื่อ มิ.ย. 17, 2013 8:20:17pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แค่ไม่อยากให้ตัวเองรู้สึกผิด และคิดได้ทีหลัง...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แซตไปถามพี่คนหนึ่งเล่นๆว่า" ทำไมคนเราสมัยนี้ ถึงต้องคบกันทดลองอยู่ด้วยกันก่อนคับ"
พี่สาวมหาลัยคนหนึ่งพูด..!!
คนสมัยนี้ ส่วนมากจะทดลองอยู่ด้วยกันก่อนหมดแหละ หลังจากต่อมหาลัยแล้ว ถ้าอยู่ด้วยกันได้ก็อยู่ด้วยกันไป จนประสบผลสำเร็จถึงฝั่งและก็จะแต่งงานกัน แต่
ถ้าอยู่ไม่ได้ไม่เข้าใจกันก็จะเลิกลากันไป
เรา: ถ้าฝ่ายหนึ่งอยากเลิกแต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่อยากเลิกละคับ
พี่:ถ้าคนมันอยากจะเลิกนะ มันก็จะหาวิธีเลิกให้จนได้ หลายวิธี แต่ฝ่ายจะถูกเลิกก็รั้งก็ไรไม่ได้หรอก
เรา:แล้ว ถ้าเวลาเจอหน้ากันละคับพี่
พี่:แล้วเมื่อระยะเวลาผ่านไปถ้าเจอหน้ากันก็เหมือนคนรู้จักทั่วๆไปเพราะต่างคนต่างจะก็มีคนใหม่เข้ามาแทนกันแล้ว แค่นั้นจบเรื่องเจอหน้า ในวัยที่ผู้ใหญ่คิดได้แล้ว เขาไม่มางมงายรอกันหรอก ถ้าจากกันแบบนี้
เรา: คับ แล้วพี่คิดยังไงกับคนที่แบบว่า ถูกพ่อแม่ บอกตั้งแต่เด็กๆว่า เรียนจบมีงานทำค่อยหาแต่งงาน คับ
พี่: สมมุติน่ะ ถ้าน้องคิดว่า น้องจะแต่งงานช่วงอายุ24-27ปี
ถ้าถึงตอนนั้น น้องจะมีเงินอะไรๆต่างๆที่มั่นคงแล้วก็ตาม หรือน้องกำลังคบกับใครอยู่ก็ตาม ถ้าตอนนั้นความรู้สึกของน้องกับเธอไม่เข้าใจกันล๋ะ ก็คงไม่ได้แต่งสินะ เรื่องแต่งงานเราต้องใช้เวลาดูกันนานๆ ถึงจะเสียอะไรบางอย่างไปก็ตาม เพื่อแลกกับเวลา
เรา: พี่ละคับ เรียนก็จบแล้วงานก็มีทำแล้วทำไมไม่แต่งงาน
พี่: ตอนนี้น่ะถ้าพี่แต่งงาน เหมือนเพิ่มตัวปัญหาเข้ามา1ตัว ฮ่าๆๆ
เรา: ทำไมหรอคับ ดีซะอีกผมว่าจะได้มีคนมาช่วยจัดการเรื่องต่างๆมนครอบครัวด้วยกัน
พี่: ก็ตอนนี้ มันยังไม่มีสักตำแหน่งว่างในบ้านเลย จะแต่งทำไม แต่งแล้วเดี๋ยวแย่งงานแม่บ้านเอา ฮ่าๆ พี่เลยยังไม่แต่ง
พี่สาวมหาลัยคนหนึ่งพูด..!!
คนสมัยนี้ ส่วนมากจะทดลองอยู่ด้วยกันก่อนหมดแหละ หลังจากต่อมหาลัยแล้ว ถ้าอยู่ด้วยกันได้ก็อยู่ด้วยกันไป จนประสบผลสำเร็จถึงฝั่งและก็จะแต่งงานกัน แต่
ถ้าอยู่ไม่ได้ไม่เข้าใจกันก็จะเลิกลากันไป
เรา: ถ้าฝ่ายหนึ่งอยากเลิกแต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่อยากเลิกละคับ
พี่:ถ้าคนมันอยากจะเลิกนะ มันก็จะหาวิธีเลิกให้จนได้ หลายวิธี แต่ฝ่ายจะถูกเลิกก็รั้งก็ไรไม่ได้หรอก
เรา:แล้ว ถ้าเวลาเจอหน้ากันละคับพี่
พี่:แล้วเมื่อระยะเวลาผ่านไปถ้าเจอหน้ากันก็เหมือนคนรู้จักทั่วๆไปเพราะต่างคนต่างจะก็มีคนใหม่เข้ามาแทนกันแล้ว แค่นั้นจบเรื่องเจอหน้า ในวัยที่ผู้ใหญ่คิดได้แล้ว เขาไม่มางมงายรอกันหรอก ถ้าจากกันแบบนี้
เรา: คับ แล้วพี่คิดยังไงกับคนที่แบบว่า ถูกพ่อแม่ บอกตั้งแต่เด็กๆว่า เรียนจบมีงานทำค่อยหาแต่งงาน คับ
พี่: สมมุติน่ะ ถ้าน้องคิดว่า น้องจะแต่งงานช่วงอายุ24-27ปี
ถ้าถึงตอนนั้น น้องจะมีเงินอะไรๆต่างๆที่มั่นคงแล้วก็ตาม หรือน้องกำลังคบกับใครอยู่ก็ตาม ถ้าตอนนั้นความรู้สึกของน้องกับเธอไม่เข้าใจกันล๋ะ ก็คงไม่ได้แต่งสินะ เรื่องแต่งงานเราต้องใช้เวลาดูกันนานๆ ถึงจะเสียอะไรบางอย่างไปก็ตาม เพื่อแลกกับเวลา
เรา: พี่ละคับ เรียนก็จบแล้วงานก็มีทำแล้วทำไมไม่แต่งงาน
พี่: ตอนนี้น่ะถ้าพี่แต่งงาน เหมือนเพิ่มตัวปัญหาเข้ามา1ตัว ฮ่าๆๆ
เรา: ทำไมหรอคับ ดีซะอีกผมว่าจะได้มีคนมาช่วยจัดการเรื่องต่างๆมนครอบครัวด้วยกัน
พี่: ก็ตอนนี้ มันยังไม่มีสักตำแหน่งว่างในบ้านเลย จะแต่งทำไม แต่งแล้วเดี๋ยวแย่งงานแม่บ้านเอา ฮ่าๆ พี่เลยยังไม่แต่ง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
have ปี้ birth เด : นาย^^ คัยสักคน ให้กอด
ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความสุข>ครอบครัว/ความรัก/การเรียน ฯลฯ และสมหวังทุกๆอย่าง (การเรียน และ อื่นๆ) ทำอะไรขอให้ประสบผลสำเร็จทุกประการ
สาธุ...
ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความสุข>ครอบครัว/ความรัก/การเรียน ฯลฯ และสมหวังทุกๆอย่าง (การเรียน และ อื่นๆ) ทำอะไรขอให้ประสบผลสำเร็จทุกประการ
สาธุ...
อัพเดตเมื่อ มิ.ย. 19, 2013 6:42:44am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โอ้ย..ทำไมมัน เหงา**หงอย**เศร้า**ง่วง**ปวดตา**เบลอ..ๆๆ อย่างงี้น่ะ ตี3
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โอ้ย...หิ้วข้าวๆ ตี3 อยากกินเกาเหลาอะ หัวตะพานมีร้านไหนเปิดบ้าง 5555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มันเศร้าเนาะเวลาที่ความรู้สึกของคนที่เรารักส่วนทางกับเรา...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Rungsun Kiayasuan
คุณได้แท็ก Rungsun Kiayasuan
จะเป็นจะตายวันนี้ ไม่มีทางทิ้งกันไป หนทางแสนไกล ก็ไม่หวั่นไหว
หากมีวันไหนมึงโดนใครทิ้งมา ให้มาบอกกูจะพาไป รายการ เทค มี เอาท์ ไทยแลนด์ 5555
หากมีวันไหนมึงโดนใครทิ้งมา ให้มาบอกกูจะพาไป รายการ เทค มี เอาท์ ไทยแลนด์ 5555
อัพเดตเมื่อ มิ.ย. 21, 2013 9:46:15pm
อัพเดตเมื่อ มิ.ย. 23, 2013 12:27:07pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
จีบสาวไม่ติด? ถ้าเธอบอกลองจีบเราใหม่น่ะ เพื่อนๆจะ เลือกข้อไหนก่อนจะจีบเธอใหม่อีกครั้ง 55 (ขำๆ)
1. เดินไปหาพ่อกับแม่เธอที่ตลาด แล้วก้มลงกราบเท้างามๆ แล้วพูดว่า (แม่สวยจัง ผมรักลูกสาวแม่คัฟ ^__^
2. ไปจ้างทนาย จับเอาตัวมาที่บ้านเลย เอามาปรึกษาเรื่องความรัก (อย่างจริงจัง..!!
3. เตรียมเงินสด เข้าวุฒิศักดิ์คลีนิค (เพราะความหล่อ...เรารอไม่ได้ เอิ้กๆๆๆ
4. ซื้อหนังสือ เรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงมาอ่าน สั้ก 1,000,000 เล่ม ฮ่าาา
ๆ
5. ไปทำกล้ามท้้อง กล้้ามหน้าอก..ให้ฟิตๆปึ๋งๆ!! แล้วดึ๋งๆใส่่เธอ.. (พร้อมกับขู่ว่า มักไหม 555+
เลือกสัั้กข้อ 555
1. เดินไปหาพ่อกับแม่เธอที่ตลาด แล้วก้มลงกราบเท้างามๆ แล้วพูดว่า (แม่สวยจัง ผมรักลูกสาวแม่คัฟ ^__^
2. ไปจ้างทนาย จับเอาตัวมาที่บ้านเลย เอามาปรึกษาเรื่องความรัก (อย่างจริงจัง..!!
3. เตรียมเงินสด เข้าวุฒิศักดิ์คลีนิค (เพราะความหล่อ...เรารอไม่ได้ เอิ้กๆๆๆ
4. ซื้อหนังสือ เรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงมาอ่าน สั้ก 1,000,000 เล่ม ฮ่าาา
ๆ
5. ไปทำกล้ามท้้อง กล้้ามหน้าอก..ให้ฟิตๆปึ๋งๆ!! แล้วดึ๋งๆใส่่เธอ.. (พร้อมกับขู่ว่า มักไหม 555+
เลือกสัั้กข้อ 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อวานอยู่กับแม่ ถามแม่ว่า แม่อยากได้อะไรเป็นของขวัญจากผม
แม่: ของขวัญอะไร
เรา: ก็ของขวัญ อะไรก็ได้ พูดมาๆ
แม่: แม่อยากให้ลูกเป็นคนดี ช่วยงานแม่ และก็เลิกเล่น ((พวกเซสบุ๊ก))
เรา: เฟสบุ๊กบุ๊กๆ 555 (ไอ้เรานึกว่าแม่อยากได้พวก พัดลม ตู้เย็น ทีวี อื่นๆฯลฯ แต่ให้เลิกเล่นเฟส)
เรา: ได้ๆแม่ แต่ต้องสิ้นเดือนก่อน (สิ้นเดือนธันวา 2588 )
แม่: ของขวัญอะไร
เรา: ก็ของขวัญ อะไรก็ได้ พูดมาๆ
แม่: แม่อยากให้ลูกเป็นคนดี ช่วยงานแม่ และก็เลิกเล่น ((พวกเซสบุ๊ก))
เรา: เฟสบุ๊กบุ๊กๆ 555 (ไอ้เรานึกว่าแม่อยากได้พวก พัดลม ตู้เย็น ทีวี อื่นๆฯลฯ แต่ให้เลิกเล่นเฟส)
เรา: ได้ๆแม่ แต่ต้องสิ้นเดือนก่อน (สิ้นเดือนธันวา 2588 )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้เข้าเฟสเวลา 00:01 ดูการแจ้งเตือน เจอ..?
เจอแต่คนอัพประมาณว่า อกหัก โสด แฟนไม่รัก ผิดหวัง ฯลฯ
ถ้าให้คนที่โสดๆ ลองคุยกับคนอกหักผิดหวัง ๆ
น้าจะได้เป็นคู่กันน่ะ
เจอแต่คนอัพประมาณว่า อกหัก โสด แฟนไม่รัก ผิดหวัง ฯลฯ
ถ้าให้คนที่โสดๆ ลองคุยกับคนอกหักผิดหวัง ๆ
น้าจะได้เป็นคู่กันน่ะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่อยากมีแฟนหน้าตาดี สวย ขาว หรือหุ่นดี (ในเฟสบุ๊ก) แต่อยากมี1คนดูแลหัวใจ (จริงๆในโลกปัจจุบัน) ที่ไม่ใช่นิยายเพ้อฝันเหมือนในนิยายfacebook
(ในเฟส ไม่โสด..... หรอก
แต่ ตัวจริงและปัจจุบัน นี่สิ โสดเอามากกกกก)
(ในเฟส ไม่โสด..... หรอก
แต่ ตัวจริงและปัจจุบัน นี่สิ โสดเอามากกกกก)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
3139 พาราแทม ซันฟาเวอร์ ดีท๊อกไรสาย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ในเมื่อคุณถูกดูถูก...
จงคิดเสียว่าต้นทุนของคุณนั้นน้อยกว่าเด้กที่จบ
จากมหาวิทยาลัยมีชื่อ
ผลงานที่คุณทำออกมาทุกชิ้น จึงปราศ
จากต้นทุนเรื่องความคาดหวังนี้
ถ้าคุณทำได้เท่าเทียม....
ค่าของคุณจะเหนือกว่าเด็กต้นทุนสูงเหล่านั้นด้วย
ซ้ำไป..
จงพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงาน
ไม่ต้องไปสนใจคำวิจารณ์สถาบันของคุณ..
เพราะนั่นรังแต่จะบั่นทอนกำลังใจของคุณเอง....
จำไว้เลยว่าความรู้สึกโกรธ
และน้อยเนื้อต่ำใจของคุณนี่แหละ
ที่จะทำลายตัวคุณมากที่สุดครับ
จงคิดเสียว่าต้นทุนของคุณนั้นน้อยกว่าเด้กที่จบ
จากมหาวิทยาลัยมีชื่อ
ผลงานที่คุณทำออกมาทุกชิ้น จึงปราศ
จากต้นทุนเรื่องความคาดหวังนี้
ถ้าคุณทำได้เท่าเทียม....
ค่าของคุณจะเหนือกว่าเด็กต้นทุนสูงเหล่านั้นด้วย
ซ้ำไป..
จงพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงาน
ไม่ต้องไปสนใจคำวิจารณ์สถาบันของคุณ..
เพราะนั่นรังแต่จะบั่นทอนกำลังใจของคุณเอง....
จำไว้เลยว่าความรู้สึกโกรธ
และน้อยเนื้อต่ำใจของคุณนี่แหละ
ที่จะทำลายตัวคุณมากที่สุดครับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผมว่าการใช้ชีวิตก็เหมือนการวิ่งมาราธอนนะ... เรา
ไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าใครจะวิ่งเร็วกว่าหรือ วิ่ง
ได้ลำดับเท่าไหร่ แต่เราวิ่งแค่ ดูว่าร่างกาย
กับใจคุณ วิ่งสู้ระยะทางไหวรึปล่าวก็พอ
เพราะทุกคนกำหนดระยะทางวิ่งไม่เท่ากันครับ
ไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าใครจะวิ่งเร็วกว่าหรือ วิ่ง
ได้ลำดับเท่าไหร่ แต่เราวิ่งแค่ ดูว่าร่างกาย
กับใจคุณ วิ่งสู้ระยะทางไหวรึปล่าวก็พอ
เพราะทุกคนกำหนดระยะทางวิ่งไม่เท่ากันครับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มั่นใจ ฉะฉาน เวลาไปสัมภาษณ์เตรียมตัวให้ดี
บุคลิกดี (ไม่ได้หมายถึงสวย หรือต้องหน้าตาดีนะ)
มองโลกในแง่ดี หาจุดดีของเราออกมาให้ได้
ชอบทำกิจกรรม หรือมีงานอดิเรกอื่นๆ จะทำอะไรก็
ได้ เล่นดนตรี ถ่ายรูป เต้น ออกกำลังกาย
ทำงานเพื่อสังคม ที่จะพรีเซนต์ตัวเราให้ดูน่าสนใจ
ไม่ใช่ว่า ตอนเรียน เรียอย่างเดียว ไม่ทำอะไรเลย
แถมยังเกรดน้อย ภาษาไม่ได้อีก คือ
การทำกิจกรรมอื่นๆ มันแสดงออกว่า เราเป็นคนไม่
อยู่นิ่ง กระตือรือร้น มีความชอบและสนใจ
ในสิ่งที่เราชอบ อะไรอย่างนี้อะค่ะ
บุคลิกดี (ไม่ได้หมายถึงสวย หรือต้องหน้าตาดีนะ)
มองโลกในแง่ดี หาจุดดีของเราออกมาให้ได้
ชอบทำกิจกรรม หรือมีงานอดิเรกอื่นๆ จะทำอะไรก็
ได้ เล่นดนตรี ถ่ายรูป เต้น ออกกำลังกาย
ทำงานเพื่อสังคม ที่จะพรีเซนต์ตัวเราให้ดูน่าสนใจ
ไม่ใช่ว่า ตอนเรียน เรียอย่างเดียว ไม่ทำอะไรเลย
แถมยังเกรดน้อย ภาษาไม่ได้อีก คือ
การทำกิจกรรมอื่นๆ มันแสดงออกว่า เราเป็นคนไม่
อยู่นิ่ง กระตือรือร้น มีความชอบและสนใจ
ในสิ่งที่เราชอบ อะไรอย่างนี้อะค่ะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ขอตอบสั้นๆ แบบได้ใจความ
ตามประสาคนเรียนคอมธุรกิจมาโดยตรงแล้วกันนะ
คณะเรามันคณะเป็ด จะว่ายน้ำก็ไม่ไหว จะบินก็บิน
ไม่ได้สูง จะเดินก็เดินไม่เร็ว ทำได้เกือบทุกอย่างแต่
ไม่เก่งมันสักอย่าง
ซ้ำร้าย เทคโนโลยีที่ไปเร็วมากๆ
เรื่องที่เราชำนาญตอนเรียน จบออกมาเค้าเลิกใช้
กันแล้วก็ม
ตามประสาคนเรียนคอมธุรกิจมาโดยตรงแล้วกันนะ
คณะเรามันคณะเป็ด จะว่ายน้ำก็ไม่ไหว จะบินก็บิน
ไม่ได้สูง จะเดินก็เดินไม่เร็ว ทำได้เกือบทุกอย่างแต่
ไม่เก่งมันสักอย่าง
ซ้ำร้าย เทคโนโลยีที่ไปเร็วมากๆ
เรื่องที่เราชำนาญตอนเรียน จบออกมาเค้าเลิกใช้
กันแล้วก็ม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การเรียนมันเป็นแค่การวางพื้นฐาน
ส่วนการทำงานคุณต้องไปศึกษาต่อยอดเอาเอง
ส่วนการทำงานคุณต้องไปศึกษาต่อยอดเอาเอง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ในเมื่อคุณถูกดูถูก...
จงคิดเสียว่าต้นทุนของคุณนั้นน้อยกว่าเด้กที่จบ
จากมหาวิทยาลัยมีชื่อ
ผลงานที่คุณทำออกมาทุกชิ้น จึงปราศ
จากต้นทุนเรื่องความคาดหวังนี้
ถ้าคุณทำได้เท่าเทียม....
ค่าของคุณจะเหนือกว่าเด็กต้นทุนสูงเหล่านั้นด้วย
ซ้ำไป..
จงพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงาน
ไม่ต้องไปสนใจคำวิจารณ์สถาบันของคุณ..
เพราะนั่นรังแต่จะบั่นทอนกำลังใจของคุณเอง....
จำไว้เลยว่าความรู้สึกโกรธ
และน้อยเนื้อต่ำใจของคุณนี่แหละ
ที่จะทำลายตัวคุณมากที่สุดครับ
จงคิดเสียว่าต้นทุนของคุณนั้นน้อยกว่าเด้กที่จบ
จากมหาวิทยาลัยมีชื่อ
ผลงานที่คุณทำออกมาทุกชิ้น จึงปราศ
จากต้นทุนเรื่องความคาดหวังนี้
ถ้าคุณทำได้เท่าเทียม....
ค่าของคุณจะเหนือกว่าเด็กต้นทุนสูงเหล่านั้นด้วย
ซ้ำไป..
จงพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงาน
ไม่ต้องไปสนใจคำวิจารณ์สถาบันของคุณ..
เพราะนั่นรังแต่จะบั่นทอนกำลังใจของคุณเอง....
จำไว้เลยว่าความรู้สึกโกรธ
และน้อยเนื้อต่ำใจของคุณนี่แหละ
ที่จะทำลายตัวคุณมากที่สุดครับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนไม่พูดความจริง มันเชื่อใจไม่ได้เลยว้่ะ
ถ้าเธอไม่อยากพูด พูดไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาสร้างคำพูดปลอมๆ มาแก้หน้าให้เราเชื่อ
ถ้าเธอไม่อยากพูด พูดไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาสร้างคำพูดปลอมๆ มาแก้หน้าให้เราเชื่อ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อยากย้อน...เวลา...ดีๆคืนมา...ให้เหมือน...วันนั้น กับภาพ...
ทรงจำ...อดีต...ในใจ ของเธอ...กับฉัน หลับตา...คราวใด...
เหมือนว่าความรักยังอยู่ ภาพเธอยังอยู่ตรงนี้ อยากให้ความรู้ส
ึกที่ดี...ได้กลับมา...อีกครั้ง ^^
ทรงจำ...อดีต...ในใจ ของเธอ...กับฉัน หลับตา...คราวใด...
เหมือนว่าความรักยังอยู่ ภาพเธอยังอยู่ตรงนี้ อยากให้ความรู้ส
ึกที่ดี...ได้กลับมา...อีกครั้ง ^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เขาบอกว่าคนที่เริ่มมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ จะไม่ทำให้ตัวเองเจ็บ เสียใจ รู้สึกผิด ในภายภาคหน้าต่อไป
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Bowpari Phiankla
คุณได้แท็ก Bowpari Phiankla
เรียน ถ้ามันเหนื่อยนัก ลองคิดให้กำลังใจตัวเองเล่นๆ
จบ ม.6 >> เข้าทำงาน >>ค่าแรง 10 บาท
จบ ม.6 >> เรียนต่อupขึ้นไปอีก >> เข้าทำงาน >>ค่าแรง 1,000 บาท [มันอาจจะเสียเวลา แต่สิ่งที่ผลตอบแทนคืนมา คือทุนชีวิตเราเลยนะเพื่อน ^^ สู้ๆ น่ะอย่ายอมแพ้เด็ดขาด จนกว่าเราจะแพ้เอง อิอิ ^^
จบ ม.6 >> เข้าทำงาน >>ค่าแรง 10 บาท
จบ ม.6 >> เรียนต่อupขึ้นไปอีก >> เข้าทำงาน >>ค่าแรง 1,000 บาท [มันอาจจะเสียเวลา แต่สิ่งที่ผลตอบแทนคืนมา คือทุนชีวิตเราเลยนะเพื่อน ^^ สู้ๆ น่ะอย่ายอมแพ้เด็ดขาด จนกว่าเราจะแพ้เอง อิอิ ^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ On-iriya Siriwan
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
ตื่นยังเจ้ ตื่นแล้วเหยียดขี้ค้าน (ขี้เกลียด) นำแนเด้อ เพื่อรักษาความสูงของตัวเอง ไว้ๆ 555 วันนี้กูไม่ทำกับข้าวนะ จะรอกินอย่างเดียว +++ 5555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สถานะตอนนี้ แมร่งรับผิดชอบหลายอย่างมากๆ ตั้งแต่คุณพ่อป่วย เรื่องงานต่างๆ ทำได้ทั้งของหญิงและชายเลย
ตื่นมา นึ่งข้าว>>ล้างถ้วยชาม (กลางคืนไม่ล้างยุงเยอะ)
แล้วทำกับข้าวให้ยาย หลาน (ลุง) กิน ถ้าวันไหนวันพระก็หนักขึ้นมาหน่อย ทำอาหารเลี้ยงศาลที่อยู่หน้าบ้าน น้ำแดง ของหวาน ผลไม้ เยอะ....
เสร็จแล้วก็ไปนา ไปแก้นา หญ้าแมร่งก็เยอะ เพราะไม่ได้เตรียมตัวแก้ตั้งแต่แรก (เหมือนแม่บีบกระป๋องน้ำอัดลมให้ยุบให้บุ แล้วเอามาให้เราซ่อมให้มันเหมือนเดิมเลย) และหลังจากกลับนา18:00 ก็รีบมาทำกับข้าว อาบน้ำ กินข้าวถ้าไม่โทรสับ ก็พักผ่อนนอนๆ
นี่แหละชีวิตซ้ำไปซำมา
ตื่นมา นึ่งข้าว>>ล้างถ้วยชาม (กลางคืนไม่ล้างยุงเยอะ)
แล้วทำกับข้าวให้ยาย หลาน (ลุง) กิน ถ้าวันไหนวันพระก็หนักขึ้นมาหน่อย ทำอาหารเลี้ยงศาลที่อยู่หน้าบ้าน น้ำแดง ของหวาน ผลไม้ เยอะ....
เสร็จแล้วก็ไปนา ไปแก้นา หญ้าแมร่งก็เยอะ เพราะไม่ได้เตรียมตัวแก้ตั้งแต่แรก (เหมือนแม่บีบกระป๋องน้ำอัดลมให้ยุบให้บุ แล้วเอามาให้เราซ่อมให้มันเหมือนเดิมเลย) และหลังจากกลับนา18:00 ก็รีบมาทำกับข้าว อาบน้ำ กินข้าวถ้าไม่โทรสับ ก็พักผ่อนนอนๆ
นี่แหละชีวิตซ้ำไปซำมา
อัพเดตเมื่อ ก.ค. 13, 2013 11:50:00am
อัพเดตเมื่อ ก.ค. 13, 2013 11:53:23am
อัพเดตเมื่อ ก.ค. 13, 2013 12:07:39pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คณะรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาออกมาบอกว่า เรื่องฟุตบอลไทยน๋ะ จะไปบอลโลกได้2วิธี คือ
1 เป็นเจ้าภาพจัดแมร่งเองเลย (แต่เขาคงไม่มาเตะหรอก 55+)
2 รอให้เขาไปบอลจักวาลกันหมดก่อน เราค่อยกระดึ๊บๆไปบอลโลก เอิ๊กๆๆๆๆๆ เจ๋ง##
1 เป็นเจ้าภาพจัดแมร่งเองเลย (แต่เขาคงไม่มาเตะหรอก 55+)
2 รอให้เขาไปบอลจักวาลกันหมดก่อน เราค่อยกระดึ๊บๆไปบอลโลก เอิ๊กๆๆๆๆๆ เจ๋ง##
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ พัชรี ภูนารี
คุณได้แท็ก พัชรี ภูนารี
วันนี้ได้ลองขับแท๊กซี่(ไปตัดผม) ขับครั้งแรกเลย หลบหลุม รถเกือบค่วม แมะ เอิ๊กๆๆๆ รถอ้ายเจา จังแมนแฮงคัก ^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ เบียร์บี้ เบียร์บี้
คุณได้แท็ก เบียร์บี้ เบียร์บี้
^ พี่ รู้ ไหม ฉัน ออก ไป รอ พี่ ที่ ท่า น้ำ นี้ ทุก วัน เลย น่ะ
แปล ( เอื้อย ฮู้ บอ ข่อย ออก ไป ถ่า เอื้อย ยุ ท่าน้ำ นี่ ซู มื้อ เลย เด๊ะ ) 5555 คิดถืงๆๆๆๆๆๆ พี่สาวข้างบ้านอย่างแรง ฝันดีนะ จุ๊ฟๆ cr: (รักเธอ ระยะไกล พระขะโหนง) อิอิ ๆๆ
แปล ( เอื้อย ฮู้ บอ ข่อย ออก ไป ถ่า เอื้อย ยุ ท่าน้ำ นี่ ซู มื้อ เลย เด๊ะ ) 5555 คิดถืงๆๆๆๆๆๆ พี่สาวข้างบ้านอย่างแรง ฝันดีนะ จุ๊ฟๆ cr: (รักเธอ ระยะไกล พระขะโหนง) อิอิ ๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ พัชรินทร์ เกษมสัตย์
คุณได้แท็ก พัชรินทร์ เกษมสัตย์
วันนี้เปิดแซตคุยทั้งวัน แมร่งโอ้ย อิจฉา พวกมี Computer /Notebook/Smart phone/BB/Android/I phone/ ว่ะ ส่งสติ๊กเกอร์ หยามใส่หน้ากันเลย อิอิ ซื้อใหม่กันไหมเรา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
เพราะชีวิตจริง มันโหดร้้าย คนฉลาดไม่จริง จึงเลือกพึงโลกออนไลน์เป็นทางออก จะยอมรับความเป็นจิง มันก็แสจะนทรมาณ แต่สุดก็หนีความเป็นจริงไม่ได้อยู่ดี : (
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
สงสาร แม่ มากเลยวะ รับอะไรๆ ต่างๆ ปัญหามากมาย ความกดดันจากพวก..... ไม่มีวันหมดไป มึงคิดว่าทำถูก มึงก็ฝืนทำไปเถอะ กูไม่เข้าใจ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โว้ย........... โว้ย........... โว้ย........... โว้ย........... โว้ย........... โว้ย........... โว้ย........... โว้ย........... โว้ย........... โว้ย........... โว้ย........... โว้ย...........
กู สับ สน ชีวิต กู อยากร้องไห้.....
กู สับ สน ชีวิต กู อยากร้องไห้.....
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพื่อนๆที่ออนอยู่ตอนนี้ มีใครรู้วิธีทำให้ตัวเอง นอนไม่หลับบ้าง(ตอนนี้จะรับช่วงเฝ้าคนป่วยจน เช้าาาา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Rungsun Kiayasuan
คุณได้แท็ก Rungsun Kiayasuan
เออๆๆ กุเข้าใจๆ มึง มึงก็มีหน้าที่ของมึง แต่ละคนมันตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ไม่เหมือนกัน มึงก็ตั้งใจหาเงินๆ จะได้รวยยยยยย >> แล้วก็เป็น เสดธี 555นะเพื่อน (เด๋วกุไปยืมตั้งแต่งเมีย อิอิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่ ง่วง ๆ แต่ หลับใน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตี 3: 20 สุดยอดของความง่วง และเงียบ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สรุป dtac สัญญาณเต่าคลาน ไม่ยอมคืนเงินให้ อ้างเหตุผลผลนุ้นนี่ (คุณไม่ละอายเลยเนาะ)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ โรงพยาบาลอำนาจเจริญ
สถานที่: โรงพยาบาลอำนาจเจริญ (15.864344456972, 104.6238674359)
ที่อยู่: เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ 37000
สถานที่: โรงพยาบาลอำนาจเจริญ (15.864344456972, 104.6238674359)
ที่อยู่: เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ 37000
พี่พยาบาล คนหนึ่งใจดี้ดี...แถมยังน่ารักอีก คุยกับเรา กันเอ้งกันเอง ปลื้มๆๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โอ๊ะ..โอ้..!!! วันนี้ได้เข้าลิฟ กับกับ "คุณ บุรุษพยาบาล( ชายครึ่งหนึ่ง) สายตาสุดยอด ้รู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ ยาวนานมากๆเลย อยากจะงัดลิฟออกไปให้พ้น ห้าาาาาๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
ถึงบ้าน6โมงเกือบ1ทุ่ม ทำกับข้าว+กินข้าวเสร็จหมด ยายก็นอนแล้ว เออ พรุ่งนี้คงไม่ได้ไปนะ กูจะไปตัดหญ้านา บอกแม่ด้วย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไปนอนเฝ้าพ่ออยู่ รพบ อำนาจ-อุบล เป็นอาทิตย์ วันนี้แม่ให้กลับไปดูบ้านดูนา ถึงบ้าน..ก็อาบน้ำ อาบไปๆรู้สึกว่าน้ำมันไม่กัดเลย 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ พัชรี ภูนารี และคนอื่นๆ อีก 2 คน
คุณได้แท็ก พัชรี ภูนารี, พัชรินทร์ เกษมสัตย์ และ เบียร์บี้ เบียร์บี้
ทำไงดีวะเจ้ๆ เหมือนกำลังมีความรักอีกครั้งขึ้นมาอีก 555 ปรึกษาหน่อยดิ ^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ฝนก็ตก ตัดหญ้า ต่อม่ะได้เลยกู เฮ้อ..!! (ตอนนี้นั่งดูเม็ดฝนที่กำลังไหลลงจากหลังคา เป็นสายๆ ละนึกถึงเพลง 14อีกครั้งวู้ยๆๆ ^^ วันที่ฝนตก ไหลลงหน้าต่าง เธอคิดถึงฉันบ้าง ไหมน้อเธอ 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ พัชรินทร์ เกษมสัตย์
คุณได้แท็ก พัชรินทร์ เกษมสัตย์
วันนี้ เดือนแรม เธอน่า ^รัก^ มากๆๆๆๆ มึงกับมาวันแรก รู้เลยทันทีว่ามึงเปลี่ยนไป.. มีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมามากเลย (ไม่เหมือนกับบางคนเลย 55 ไม่ได้เรื่องเลย 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เชื่อเรื่องนี้แบบมากๆๆ มีเพื่อน20กว่าคน ส่งข้อความมรณะนี้มาทางแชต เชื่อมากก ๆ
[ขอโทดนะที่สงมา ถูกสงมาเหมือนกัน สวัสดีฉันชื่อ teresa fidlgo
วันนี้ฉันเสืยชิวิตครบ26ปีถาคุนไม่สงต่อไปอีก20คน เขาจะมาเอาคุณไปอยู่ด้วย]
มาวิเคราะห์ดู
คนที่ชื้อ teresa fidlgo เสียชีวิต และครบรอบ26ปีของการตาย
มันเกี่ยวกับข้อความส่งต่อยังไง
*เขาตายแล้ว เขาพิมพ์ และส่งข้อความนี้ต่อๆเผยแผร ทางเฟสเอง? (เพื่ออยากให้คนรู้เยอะๆว่าเขาตายแล้ว)
บ้าแล้ว ผีพิมพ์ได้มีที่ไหนกัน อยากให้คนรู้เยอะๆว่าตัวเองตายครบ26ปีแล้ว ทำไมไม่ไปเข้าสิงนักข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆเลยละ ง่ายกว่าเยอะ เป็นข่าวแปลก น่าจะดังดี แต่นี่มึงหายตัวไปหาคนที่ได้รับข้อความทุกคนเลยหรอ มึงไม่เหนื่อยหรอ??
ถ้าไม่ส่งให้ครบ20คนจะมาเอาไปอยู่ด้วย
* ตอนกูส่งมึงหายตัวมาแอบนับหรอ ว่ากูส่งกี่ครั้งแล้ว มึงดูโทรสับกูตลอดเลยหรอ คนส่งต่อคงจะเยอะนะ มึงก็ตามไปดูทุกเครื่องเลยใช่ปะ มือถือ โน๊ตบุ๊ก คอม ไอแพด bb ไอโฟน ตามไปแอบนับอยู่ข้างหลังเขา เสียมารยาทมากเลย ถ้าไม่ครบมึงก็จะหักคอเขาเลยใช่ปะ ตายแล้วยังจะสร้างกรรมอีกนะมึง กุว่ามึงคงเป็นผีที่เหนื่อยมากๆๆเลยว่ะ ไปหาคนนั้นคนนี้ เร่ร่อนซิฟหาย 555 ใครเชื่อเหมือนผมบ้าง 555
[ขอโทดนะที่สงมา ถูกสงมาเหมือนกัน สวัสดีฉันชื่อ teresa fidlgo
วันนี้ฉันเสืยชิวิตครบ26ปีถาคุนไม่สงต่อไปอีก20คน เขาจะมาเอาคุณไปอยู่ด้วย]
มาวิเคราะห์ดู
คนที่ชื้อ teresa fidlgo เสียชีวิต และครบรอบ26ปีของการตาย
มันเกี่ยวกับข้อความส่งต่อยังไง
*เขาตายแล้ว เขาพิมพ์ และส่งข้อความนี้ต่อๆเผยแผร ทางเฟสเอง? (เพื่ออยากให้คนรู้เยอะๆว่าเขาตายแล้ว)
บ้าแล้ว ผีพิมพ์ได้มีที่ไหนกัน อยากให้คนรู้เยอะๆว่าตัวเองตายครบ26ปีแล้ว ทำไมไม่ไปเข้าสิงนักข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆเลยละ ง่ายกว่าเยอะ เป็นข่าวแปลก น่าจะดังดี แต่นี่มึงหายตัวไปหาคนที่ได้รับข้อความทุกคนเลยหรอ มึงไม่เหนื่อยหรอ??
ถ้าไม่ส่งให้ครบ20คนจะมาเอาไปอยู่ด้วย
* ตอนกูส่งมึงหายตัวมาแอบนับหรอ ว่ากูส่งกี่ครั้งแล้ว มึงดูโทรสับกูตลอดเลยหรอ คนส่งต่อคงจะเยอะนะ มึงก็ตามไปดูทุกเครื่องเลยใช่ปะ มือถือ โน๊ตบุ๊ก คอม ไอแพด bb ไอโฟน ตามไปแอบนับอยู่ข้างหลังเขา เสียมารยาทมากเลย ถ้าไม่ครบมึงก็จะหักคอเขาเลยใช่ปะ ตายแล้วยังจะสร้างกรรมอีกนะมึง กุว่ามึงคงเป็นผีที่เหนื่อยมากๆๆเลยว่ะ ไปหาคนนั้นคนนี้ เร่ร่อนซิฟหาย 555 ใครเชื่อเหมือนผมบ้าง 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เชื่อเรื่องนี้แบบมากๆๆ มีเพื่อน20กว่าคน ส่งข้อความมรณะนี้มาทางแชต เชื่อมากก ๆ
[ขอโทดนะที่สงมา ถูกสงมาเหมือนกัน สวัสดีฉันชื่อ teresa fidlgo
วันนี้ฉันเสืยชิวิตครบ26ปีถาคุนไม่สงต่อไปอีก20คน เขาจะมาเอาคุณไปอยู่ด้วย]
มาวิเคราะห์ดู
คนที่ชื้อ teresa fidlgo เสียชีวิต และครบรอบ26ปีของการตาย
มันเกี่ยวกับข้อความส่งต่อยังไง
*เขาตายแล้ว เขาพิมพ์ และส่งข้อความนี้ต่อๆเผยแผร ทางเฟสเอง? (เพื่ออยากให้คนรู้เยอะๆว่าเขาตายแล้ว)
บ้าแล้ว ผีพิมพ์ได้มีที่ไหนกัน อยากให้คนรู้เยอะๆว่าตัวเองตายครบ26ปีแล้ว ทำไมไม่ไปเข้าสิงนักข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆเลยละ ง่ายกว่าเยอะ เป็นข่าวแปลก น่าจะดังดี แต่นี่มึงหายตัวไปหาคนที่ได้รับข้อความทุกคนเลยหรอ มึงไม่เหนื่อยหรอ??
ถ้าไม่ส่งให้ครบ20คนจะมาเอาไปอยู่ด้วย
* ตอนกูส่งมึงหายตัวมาแอบนับหรอ ว่ากูส่งกี่ครั้งแล้ว มึงดูโทรสับกูตลอดเลยหรอ คนส่งต่อคงจะเยอะนะ มึงก็ตามไปดูทุกเครื่องเลยใช่ปะ มือถือ โน๊ตบุ๊ก คอม ไอแพด bb ไอโฟน ตามไปแอบนับอยู่ข้างหลังเขา เสียมารยาทมากเลย ถ้าไม่ครบมึงก็จะหักคอเขาเลยใช่ปะ ตายแล้วยังจะสร้างกรรมอีกนะมึง กุว่ามึงคงเป็นผีที่เหนื่อยมากๆๆเลยว่ะ ไปหาคนนั้นคนนี้ เร่ร่อนซิฟหาย 555 ใครเชื่อเหมือนผมบ้าง 555
[ขอโทดนะที่สงมา ถูกสงมาเหมือนกัน สวัสดีฉันชื่อ teresa fidlgo
วันนี้ฉันเสืยชิวิตครบ26ปีถาคุนไม่สงต่อไปอีก20คน เขาจะมาเอาคุณไปอยู่ด้วย]
มาวิเคราะห์ดู
คนที่ชื้อ teresa fidlgo เสียชีวิต และครบรอบ26ปีของการตาย
มันเกี่ยวกับข้อความส่งต่อยังไง
*เขาตายแล้ว เขาพิมพ์ และส่งข้อความนี้ต่อๆเผยแผร ทางเฟสเอง? (เพื่ออยากให้คนรู้เยอะๆว่าเขาตายแล้ว)
บ้าแล้ว ผีพิมพ์ได้มีที่ไหนกัน อยากให้คนรู้เยอะๆว่าตัวเองตายครบ26ปีแล้ว ทำไมไม่ไปเข้าสิงนักข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆเลยละ ง่ายกว่าเยอะ เป็นข่าวแปลก น่าจะดังดี แต่นี่มึงหายตัวไปหาคนที่ได้รับข้อความทุกคนเลยหรอ มึงไม่เหนื่อยหรอ??
ถ้าไม่ส่งให้ครบ20คนจะมาเอาไปอยู่ด้วย
* ตอนกูส่งมึงหายตัวมาแอบนับหรอ ว่ากูส่งกี่ครั้งแล้ว มึงดูโทรสับกูตลอดเลยหรอ คนส่งต่อคงจะเยอะนะ มึงก็ตามไปดูทุกเครื่องเลยใช่ปะ มือถือ โน๊ตบุ๊ก คอม ไอแพด bb ไอโฟน ตามไปแอบนับอยู่ข้างหลังเขา เสียมารยาทมากเลย ถ้าไม่ครบมึงก็จะหักคอเขาเลยใช่ปะ ตายแล้วยังจะสร้างกรรมอีกนะมึง กุว่ามึงคงเป็นผีที่เหนื่อยมากๆๆเลยว่ะ ไปหาคนนั้นคนนี้ เร่ร่อนซิฟหาย 555 ใครเชื่อเหมือนผมบ้าง 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
Status: ของผม
ความรัก : Diesabled
ความโสด : Enable
ความรัก : Diesabled
ความโสด : Enable
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ เบียร์บี้ เบียร์บี้ ใน อุบลราชธานี
คุณได้แท็ก เบียร์บี้ เบียร์บี้
สถานที่: อุบลราชธานี (15.2281, 104.859)
ที่อยู่: เทศบาลนครอุบลราชธานี 35000
สถานที่: อุบลราชธานี (15.2281, 104.859)
ที่อยู่: เทศบาลนครอุบลราชธานี 35000
อุบลนี่ก็ร้อนเนาะ ไม่เหมือนอำนาจเลยวะ แอร์มีทุกตรง!!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่มีเวลา ตอบแซต จนเสียเพื่อนคนหนึ่งในเฟสไป เธอชื่อ จิ๊บ : ขอโทษจริงๆที่ลืมปิดแซต จนเธอเข้าใจผิดว่า เราหยิ่ง..
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
พ่อเสียแล้ว ต่อไปก็เป็นตากูกับมึงที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง แทนพ่อ ช่วยแม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เธอ เรียนจบพยาบาลมาตั้ง4ปี เธอเข้าทำงานเป็นพยาบาลวิชาชีพ ในโรงพยาบาลมาแล้ว2ปี
กะไอ้แค่เรื่องเจาะเลือดยังเจาะไม่เป็น
คือประมาณตี2เรานั้งเฝ้าพ่ออยู่ แล้วก็มีพยาบาลมาเจาะเลือด รู้ไหมครับว่าทำไมผมถึงว่าเจาะไม่เป็น
ตอนเจาะอะ พี่เขา ไม่ใช้มือบีบเส้นเลือดหาเลือดก่อนเลย ว่ามีเลือดไหม (เป็นคนมั่นใจเกิน) มาถึงปุ้บเอายางมารัดแล้วก็เจาะเอาเลือดเลย
ตรงที่เจาะมันไม่ค่อยมีเลือดเยอะได้เลือดแค่1ซีซี แล้วก็ถอดเข็มออก เอาทิ้งทั้งเข็มทั้งเลือดเลย เรามองดูเห็นแล้วโคตรไม่พอใจเลย (แอบสงสัยว่า ถ้าเจาะเลือดแล้ว แล้วมันได้น้อย ถ้าได้ถอดออกมาแล้วแทงเข้าไปเจาะใหม่ไม่ได้ ต้องเปลี่ยนเข็ม
กะไอ้แค่เรื่องเจาะเลือดยังเจาะไม่เป็น
คือประมาณตี2เรานั้งเฝ้าพ่ออยู่ แล้วก็มีพยาบาลมาเจาะเลือด รู้ไหมครับว่าทำไมผมถึงว่าเจาะไม่เป็น
ตอนเจาะอะ พี่เขา ไม่ใช้มือบีบเส้นเลือดหาเลือดก่อนเลย ว่ามีเลือดไหม (เป็นคนมั่นใจเกิน) มาถึงปุ้บเอายางมารัดแล้วก็เจาะเอาเลือดเลย
ตรงที่เจาะมันไม่ค่อยมีเลือดเยอะได้เลือดแค่1ซีซี แล้วก็ถอดเข็มออก เอาทิ้งทั้งเข็มทั้งเลือดเลย เรามองดูเห็นแล้วโคตรไม่พอใจเลย (แอบสงสัยว่า ถ้าเจาะเลือดแล้ว แล้วมันได้น้อย ถ้าได้ถอดออกมาแล้วแทงเข้าไปเจาะใหม่ไม่ได้ ต้องเปลี่ยนเข็ม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เหมือนชีวิตขาดต้นเสาไป 1 ต้น เหนื่อยวู้ย......คิดถึงคุณพ่อ ^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนนี้คือใครน่ะ ^^ ไลค์โหดดีจัง แต๊ง like you (+_^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Sa Na
คุณได้แท็ก Sa Na
จุ๊ฟๆ >> หน้าผาาก+บวก+แก้ม เบาๆ เข้านอนฝันดีนะลูก * *
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ วัดบ้านหนองยอ
สถานที่: วัดบ้านหนองยอ
ที่อยู่: วัดบ้านหนองยอ
มาซ่อม Computer ให้หลวงพี่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
Stetus:^โสด^^...100%
เหตุ: อยู่แต่บ้านไปแต่นาไม่ค่อยได้ ออกไปไหนเล้ย (ไม่ชอบเที่ยว) มันเลยไม่ค่อยได้มีโอกาสเจอผู้หญิงสักกะคน
ผล: ก็ทำให้ยังไม่มีแฟนสิ และยังไม่มีใครให้รัก
วิธีแก้ไข: คุณต้องมีแฟน ? จบ
โอ้ยๆๆ(อยากมีแฟน กั้บอยากแต่งงาน อยากเอามาเป็นแม่บ้านเลย 55 มาม๊ะๆ อยู่ไหนๆ ^/^ ฉันจะตามหาเธอ คุณแม่บ้าน 55
cr:อยากได้เมีย ???
เหตุ: อยู่แต่บ้านไปแต่นาไม่ค่อยได้ ออกไปไหนเล้ย (ไม่ชอบเที่ยว) มันเลยไม่ค่อยได้มีโอกาสเจอผู้หญิงสักกะคน
ผล: ก็ทำให้ยังไม่มีแฟนสิ และยังไม่มีใครให้รัก
วิธีแก้ไข: คุณต้องมีแฟน ? จบ
โอ้ยๆๆ(อยากมีแฟน กั้บอยากแต่งงาน อยากเอามาเป็นแม่บ้านเลย 55 มาม๊ะๆ อยู่ไหนๆ ^/^ ฉันจะตามหาเธอ คุณแม่บ้าน 55
cr:อยากได้เมีย ???
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แม่พี่ทำกับข้าว อร่อย มากๆๆๆๆ ลูกสาวก็ สวยย ด้วย 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ขออาญาไม่พ้นกล้าว ข้าพระเจ้าโสดพระเจ้าค่ะ 5555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คุณคิดว่า ผมจะเลิกเล่นเฟสได้ไหม
เรา: แม่วันแม่อยากได้อะไรหรอ
แม่: อะไรก็ได้
เรา: อะไรก็ได้คือ พวกดอกมะลิ นั่นหรอ
แม่: แม่อยากให้โต เซาเล่นเซสบุ๊ก
เรา: โอ๋ย เกี่ยวหยังกัน
แม่: ได้ บ่ ละ
เรา: กะเท่ากับว่า ปิดประตูความรู้ถิ่ม พยากรณ์อากาศกะข่อยเป็นคนบอกเด๊ะ
แม่: เออ ซันเล่นต่อโล้ด
มันจะเลิกได้ยังไง ทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งพี่พยาบาลคอยปรึกษาเรื่องพ่อ ทั้งคนรู้จักอื่นๆอีก รวมกันอยู่ในเฟส
เรา: แม่วันแม่อยากได้อะไรหรอ
แม่: อะไรก็ได้
เรา: อะไรก็ได้คือ พวกดอกมะลิ นั่นหรอ
แม่: แม่อยากให้โต เซาเล่นเซสบุ๊ก
เรา: โอ๋ย เกี่ยวหยังกัน
แม่: ได้ บ่ ละ
เรา: กะเท่ากับว่า ปิดประตูความรู้ถิ่ม พยากรณ์อากาศกะข่อยเป็นคนบอกเด๊ะ
แม่: เออ ซันเล่นต่อโล้ด
มันจะเลิกได้ยังไง ทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งพี่พยาบาลคอยปรึกษาเรื่องพ่อ ทั้งคนรู้จักอื่นๆอีก รวมกันอยู่ในเฟส
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
วันแม่: จะไปวิ่งมาลาธอน ว่านปุ๋ยตรากระต่ายให้หมด5กระสอบ ภายใน1วัน หุหุๆ
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 14, 2013 5:09:18pm
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
รวมปัญหาที่เกิดจาก Printer
งานพิมพ์มีรอยขีดเล็กๆ เป็นระยะๆ
หาก คุณสั่งพิมพ์เอกสารออกมา
แล้วพบว่ามีรอยขีดเส้นเล็กๆ
อยู่ที่ขอบกระดาษด้านใดด้านหนึ่งเป็นระยะๆ
ละก็ ให้สันนิษฐานก่อนว่าสาเหตุมาจาก
Roller หลักที่
อยู่บนเส้นทางเดินกระดาษมีคราบสกปรก
ถ้าตรวจแล้วไม่พบ
ให้ลองตรวจสอบที่ตลับโทนเนอร์ว่ามีการชำรุด
หรือไม่? บ่อยครั้งที่พื้นผิวของดรัม
ในโทนเนอร์มีรอยเล็กๆ ทำ
ให้เวลาพิมพ์เอกสารร่องรอยตำหนินั้น
จึงติดลงบนกระดาษด้วย
อย่าลืมตรวจสอบชนิดของกระดาษที่คุณใช้
ด้วยเช่นกัน
ตัวหนังสือที่หายไปบนผืนกระดาษ
ปัญหา นี้พบได้บ่อยๆ ครับ
งานพิมพ์ที่มีตัวหนังสือหายไปเป็นช่วงๆ
หรือฟอนต์ช่วงล่างขาดหายไปเป็นระยะๆ
ข้อสันนิษฐานแรกให้มุ่งเป้าไปที่ผงหมึก
ในตลับอาจกำลังจะหมด
หน้าสัมผัสของชุดลำเรียงกระดาษอาจมีคราบสกปรก
รวมทั้งตลับโทนเนอร์เองอาจมีเศษผงหมึก
เป็นคราบเลอะอยู่ อย่าลืมเช็กดูที่ Printer
Properties ว่าคุณไม่ได้อยู่
ในโหมดการพิมพ์แบบ Eco Mode ด้วย
สั่งพิมพ์ได้แต่ดันกลายเป็นเส้นๆ
เคย เห็นงานพิมพ์ที่มีแต่เส้นยาวๆ เป็นระยะๆ
บนหน้ากระดาษบ้างไหมครับ ถ้าเคยละก็
ตลับหมึกของคุณใกล้หมดแล้ว นอก
จากนี้สาเหตุอาจมา
จากองค์ประกอบทางฮาร์ดแวร์ด้วย เช่น
พื้นผิวของดรัมชำรุดหรือมีสิ่งสกปรก ชุด
Fuser Film มีคราบหรือมีอะไรไปติดอยู่
รวมไปถึงมีสิ่งบดบังกระจกสะท้อนแสง
ในชุด Scanner ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องการทำ
ความสะอาดโดยด่วนครับ
มีจุดไข่ปลาที่ขอบกระดาษด้านบนและล่าง
งาน พิมพ์โอเค ตัวหนังสือไม่หลุด กระดาษ
ไม่เลอะเศษหมึก แต่บริเวณด้านบน
และด้านล่างดันมีจุดไข่ปลาเกิดขึ้นซะนี่
สาเหตุของปัญหาที่ว่านี้มา
จากองค์ประกอบของฮาร์ดแวร์เป็นหลัก
ไม่ว่าจะเป็นตัว Transfer Roller ขัดข้อง
หรือชำรุด แผงวงจร Formatter PCA เกิด
ความบกพร่อง ซึ่งอาจรวมไป
ถึงแผงควบคุมการจ่ายไฟ DC
มีปัญหาเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ตรงนี้คง
ต้องส่งศูนย์ซ่อมอย่างเดียวแล้วละครับ
มีเส้นทับตัวหนังสือตลอดทั้งแนว
ปัญหา นี้เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอมารบ้าง
นั่นคืองานพิมพ์มีเส้นยาวๆ
ทับตัวหนังสือตลอดทั้งแนว
และบางทีก็ทับตัวหนังสือทุกบรรทัดด้วย
สาเหตุให้มุ่งเป้าไปที่ความสกปรก
เป็นหลักครับ ตรวจสอบ Roller หลักที่
เป็นตัวป้อนกระดาษและตัวที่อยู่
ในเส้นทางเดินกระดาษว่ามีคราบสกปรก อยู่
หรือไม่? หรือมีรอยขีดข่วนบนพื้นผิวด้วย
หรือไม่ และอย่าลืมสำรวจตลับโทนเนอร์
ด้วยว่าถูกติดตั้งอย่างถูกต้องหรือลงล็อกดี
แล้ว หรือยัง?
งานพิมพ์สีซีดจางผิดปกติ
ถ้า บังเอิญคุณสั่งพิมพ์เอกสารออกมา
แล้วเห็นว่าสีซีดจากผิดปกติละก็
อันดับแรกตรวจสอบดูว่าคุณตั้งค่าการพิมพ์
ในโหมดประหยัดหรือไม่
บางทีอาจมีใครไปปรับเล่น
อย่างที่สองตลับหมึกใกล้หมดแล้วหรือยัง
ตรงนี้อาจจะเป็นสาเหตุหลักก็ได้ครับ
และอย่างที่สามตรวจสอบดรัมว่ามีอะไรไปติดขัด
หรือไม่ เพราะถ้าระบบไม่ดูดผงหมึกออก
จากดรัมหรือดูดอกไม่ได้ ก็ทำ
ให้งานพิมพ์ออกมามีสีซีดจางแน่ๆ
งานพิมพ์ออกมาเบลอสีผิดเพี้ยน
อาการ แบบนี้มีหลายสาเหตุเช่นกัน
ถ้าวิเคราะห์ง่ายๆ
ก็ตั้งแต่กระดาษผิดประเภท หรือมี
ความชื้นที่กระดาษมากเกินไป
ชุดฟีดกระดาษออกหลังพิมพ์กินเนื้อหมึก
เข้าไปในลูกกลิ้ง ตรงนี้อุปกรณ์อาจ
จะเสื่อมสภาพก็ได้ครับ
ส่วนที่ลึกกว่านี้ก็มีชุดควบคุมเลเซอร์ขัดข้อง
รวมทั้งตัวขับเคลื่อนหรือมอเตอร์
และฟันเฟืองต่างๆ ทำงานสะดุด ซึ่งจะส่งผล
ให้กระดาษที่กำลังฟีดเข้าไปอาจ
อยู่ผิดตำแหน่งหรือเลื่อนออกจาก
ตัวป้อนกระดาษได้เช่นกัน
งานพิมพ์ขาวสะอาดแต่ด้านหลังกระดาษสกปรก
อย่า
เพิ่งรีบร้อนเอางานพิมพ์สำคัญของคุณส่ง
ให้หัวหน้าหรือลูกค้าดู ถ้าคุณยังไม่
ได้พลิกกระดาษกลับไปดูดด้านหลัง
เพราะมันอาจเปรอะเปื้อนไปด้วย
เศษผงหมึกก็เป็นได้ ปัญหาแบบนี้มัก
ไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็นกันครับ ให้คุณทำ
ความสะอาดตั้งแต่ถาดรองกระดาษ
ตัวฟีดกระดาษเข้าออก หรือตามลูกกลิ้งต่างๆ
ที่อาจมีผงหมึกติดเป็นคราบฝังตัวอยู่
งานพิมพ์มีสีเข้มเกินกว่าเหตุ
พอ เจอปัญหาหมึกจางไปแล้ว
คราวนี้ก็มาลองเจอ
กับงานพิมพ์ที่มีเส้นเข้มเกินไปดูบ้างครับ
สาเหตุหลักๆ ของปัญหานี้มาจาก
ส่วนที่สัมผัสกับกระดาษเกินไป
ต้องเช็กดูที่ดรัมว่ามีอะไรขัดข้องอยู่หรือไม่
รวมทั้งองค์ประกอบสำคัญอย่างแผงควบคุม
Laser Scanner ที่อาจมีปัญหา
ในระหว่างสั่งพิมพ์ ซึ่ง
ถ้ามีการอ่านค่าผิดเพี้ยนก็อาจมีปริมาณผงหมึกที่มากเกิน
ความจำเป็นถูก ส่งออกไปยังแผ่นกระดาษ
ตัวหนังสือบิดๆ เบี้ยวๆ
งาน พิมพ์ที่มีตัวหนังสือบิดๆ เบี้ยวๆ
หรือแม้แต่กระดาษม้วนงอตอนเครื่องฟีดกระดาษออกมา
ให้ตรวจสอบดูว่าคุณป้อนกระดาษถูกชนิดที่เครื่องพิมพ์รองรับ
หรือไม่? โดยเฉพาะห้ามนำกระดาษโฟโต้
หรือกระดาษมันวาวต่างๆ ที่ใช้
กับเครื่องอิงค์เจ็ตมาใส่โดยเด็ดขาด นอก
จากนี้ถ้าอากาศรอบหรือ
ในห้องที่วางเครื่องพิมพ์มีความชื้น
หรือร้อนจนเกิน ไป ก็อาจส่งผล
ให้ระบบพิมพ์ต่างๆ ทำงานผิดเพี้ยนได้เช่น
กัน ให้ลองไล่เช็กทีละจุดดูนะครับ
ภาพบนหน้ากระดาษเป็นรอยเหลื่อมกัน
ปัญหา นี้นอกจากภาพก็อาจรวมไป
ถึงตัวหนังสือที่ปรากฏอยู่บนงานพิมพ์
ด้วยนะครับ อย่างแรกเลยก็คือ
หากตอนวางกระดาษมีการบีบอัดหรือเฉียง
ไม่ตรงช่อง ตอนที่ระบบฟีดกระดาษ
เข้ามาพิมพ์นั้น แน่นอนว่ากระดาษย่อมอยู่
ในตำแหน่งที่เหลื่อมหรือไม่ตรงร่องด้วย ทำ
ให้ภาพหรือตัวหนังสือเหลื่อมทับกัน
หรือเส้นต่างๆ ที่ปรากฏก็จะไม่ตรงด้วย
โดยเฉพาะตารางจะเห็นได้อย่างชัดเจน ดัง
นั้น เวลาป้อนกระดาษเข้าให้ตรวจสอบด้วย
ช่องว่างที่หายไปบนหน้ากระดาษ
บาง ครั้งคุณอาจเจอกับช่องว่างเล็กๆ
ที่หายไปบนภาพ ตัวหนังสือ หรือเส้นต่างๆ
ซึ่งบริเวณที่หายไปจะไม่มีหมึกติดอยู่เลย
การตรวจสอบแรกให้ดูว่ากระดาษแผ่นนั้นมี
ความเรียบเสมอกันหรือไม่ หรือ
เป็นกระดาษพิเศษที่เครื่องพิมพ์ไม่รู้จัก
หรือเปล่า? ลองสั่งพิมพ์ใหม่
ด้วยกระดาษแผ่นใหม่ ถ้ายังไม่หายละก็ ชุด
Transfer Roller อาจเกิดขัดข้อง
หรือมีปัญหาในระหว่างที่สั่งพิมพ์ ตรงนี้อาจ
จะร้องเรียกช่างมาดูให้ครับ
สั่งพิมพ์เอกสารแต่ได้หน้ากระดาษเปล่า
หาก คุณสั่งพิมพ์เอกสารแต่
ได้หน้ากระดาษเปล่าๆ ออกมา อันดับแรก
ให้ตรวจสอบดูว่าเครื่องพิมพ์มีการฟีดกระดาษออกมาหลายแผ่น
หรือไม่ เพราะหากกระดาษติด
กันออกมาเยอะๆ แผ่นที่ติดตัวหนังสืออาจจะ
ไม่ใช่แผ่นกระดาษเปล่าแรกที่หลุดออกมา
นอกจากนี้ถ้าคุณซื้อเครื่องใหม่
อย่าลืมดึงแผ่นพลาสติกที่ปิดโทนเนอร์ออก
ด้วยไม่อย่างนั้นเวลาพิมพ์ระบบจะดูด
หมึกออกมาจากดรัมไม่ได้แน่ แต่
ถ้าอาการรุนแรงกว่านั้นก็เป็นไป
ได้ว่าแผงควบคุมการจ่ายหมึกอาจเสียหาย
งานพิมพ์เป็นสีดำทั้งแผ่นอะไรเป็นสาเหตุ
อาการ แบบนี้น้อยนักที่จะเกิดขึ้นยิ่ง
เป็นเครื่องใหม่ด้วยแล้วเปอร์เซ็นต์ต่ำมาก
แต่ถ้ามันเกิดขั้นมาจริงๆ
ก็แสดงว่าแผงควบคุมการปล่อยหมึกขัดข้อง
จึงไม่สามารถคอนโทรลหมึกได้อย่างถูก
ต้อง ซึ่งตรงนี้จะไปเกี่ยวข้องกับส่วนควบคุม
Laser Scanner ด้วย
อย่าลืมดึงตลับโทนเนอร์ออกมาดู
ความผิดปกติ ซึ่งตัวตลับอาจเสียหายก็
เป็นไปได้เช่นกัน
มีเส้นเหมือนบาร์โค้ดทับตัวหนังสือ
เป็น อีกหนึ่งอาการที่เจอกันได้บ่อยๆ
สั่งพิมพ์เอกสารแต่ดันมีเส้นเหมือนแถบบาร์โค้ดยาว
เป็นแนวจากขอบบนถึงขอบล่าง ติดมาด้วย
ตรงนี้ถ้าเครื่องพิมพ์ของคุณใช้มานานแต่ยัง
ไม่เคยเปลี่ยนดรัมหรือโทนเนอร์ เลย
แนะนำให้เปลี่ยนได้แล้วเพราะ
เป็นต้นเหตุหลักของอาการที่ว่านี้เลยเชียว
นอกจากนี้ก็อาจจะ
เป็นเรื่องของเศษผงหมึกที่ไปติดตาม
ส่วนสำคัญเช่น เลนส์สแกนเลเซอร์
ลูกกลิ้งที่ฟีดกระดาษก่อนพิมพ์
ตัวหนังสือเล็กผิดปกติ
เครื่อง พิมพ์ส่วนใหญ่
จะมียูทิลิตีสำหรับบริหารจัดการระบบพิมพ์มา
ให้ และมักจะดูแลเรื่องต่างๆ ของการพิมพ์
ให้เกือบหมด ถ้าคุณสั่งพิมพ์แต่ฟอนต์เกิดตัว
เล็กผิดปกติทั้งๆ ที่ไม่ได้ปรับขนาด
ในเวิร์ดเลย ให้ลองตรวจสอบดูที่ Print
Preference
หรือตัวยูทิลิตีดูว่ามีการปรับโหมดพิเศษอะไร
หรือไม่ หรือมีการย่อฟอนต์แบบอัตโนมัติเอง
หรือไม่? ให้ปรับเป็นค่าที่สามารถพิมพ์
ได้ตามปกติ
สั่งพิมพ์แต่ตัวหนังสือขาดหายแสดงไม่ครบ
ปัญหา นี้เกิดขึ้นได้ทั้งที่
เป็นตัวหนังสือเพรียวๆ
และการสั่งพิมพ์ภาพครับ สาเหตุก็มา
จากการตั้งค่าการพิมพ์ไม่ถูกต้องนั่นเอง เช่น
มีฟอนต์บางตัว หรือข้องความในบรรทัดบน
กับบรรทัดสุดท้ายตกขอบไป แบบนี้หมาย
ความว่ามีการตั้งค่าไม่ตรงนั่นเอง
การแก้ปัญหาสามารถทำได้
จากตัวโปรแกรมที่คุณใช้งานอยู่ขณะนั้น
เช่น Acrobat, Word, Excel
และโปรแกรมอื่นๆ เมื่อตั้งค่าการพิมพ์
และตั้งค่าหน้ากระดาษแล้ว
ให้ลองพิมพ์ทดสอบดู
เอกสารที่สั่งพิมพ์ชัดเจนแต่แบ็กกราวนด์
เป็นสีเทา
โดยปกติแล้ว
งานพิมพ์เอกสารที่สมบูรณ์นอก
จากตัวหนังสือหรือเส้นตารางๆ ต่างๆ
จะชัดเจนแล้ว แบ็ก
กราวนด์ ของกระดาษก็ไม่ควรเป็นสีอื่นใด
นอกเสียจากสีขาวของเนื้อกระดาษ แต่
ถ้ามันกลายเป็นสีออกเทาๆ
เหมือนโหมดเกรย์สเกลแล้วละก็
ตรวจสอบกระดาษก่อนเลยว่าถูกประเภท
หรือเปล่า? และลองเข้าไปดู
ในยูทิลิตีการพิมพ์ว่ามีการเซตแบ็กกราวนด์
ให้เป็นสีใดไว้หรือ ไม่?
ถ้าทุกอย่างที่บอกไปอยู่ดีเป็นปกติด
ให้สันนิษฐานว่าตลับโทนเนอร์หรือดรัมอาจ
จะชำรุดเสียหายได้
ภาพพิมพ์หรือฟอนต์มีจุดว่างๆ อยู่ข้างใน
งาน พิมพ์ภาพถ่ายด้วยเครื่องพิมพ์เลเซอร์
ทั้งสีและขาวดำจะออกมาสวยสุดยอด
หรือน่า ประทับใจได้นั้น นอก
จากภาพต้นแบบต้องดีแล้ว
ระบบการทำงานของเครื่องยังต้อง
ไม่ขัดข้องหรือทำงานเป็นปกติด้วย
สำหรับอาการที่เกิดขึ้นบนภาพและฟอนต์
ในลักษณะนี้ ส่วนใหญ่มา
จากการตั้งค่าการพิมพ์ไม่ตรงกับกระดาษที่
ใช้ หรือทางกลับกันนั้นกระดาษที่ใช้ก็
ไม่ตรงกับค่าการพิมพ์ที่ได้เลือกไว้นั่น เอง
งานพิมพ์เอียงโย้เย้ไปมาไม่ตรง
ตัว หนังสือเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง
หรือภาพที่สั่งพิมพ์โย้เย้ไม่ตรงหรือพอดี
กับที่เราตั้งค่าหน้ากระดาษเอาไว้ ละก็
การวินิจฉัยอาการที่เกิดขึ้นให้มุ่งเป้าที่ถาด
ใส่กระดาษก่อนเลยครับ
ถ้าคุณวางปึกกระดาษแน่นหรือ
ไม่ตรงรางป้อนกระดาษ
เวลาที่ลูกกลิ้งฟีดกระดาษเข้าไปมันย่อม
เข้าไปไม่ตรงด้วย ทำ
ให้เสียเวลาสั่งพิมพ์ตำแหน่งบนกระดาษจึง
ไม่ถูกต้อง เพราะกระดาษมันไม่ตรงนั่นเอง
ใส่กระดาษค้างไว้ในถาดนานๆ ไม่ดี
เครื่อง พิมพ์ที่ไม่ได้พิมพ์บ่อยๆ
อาจมีปัญหาหลายอย่างเวลากลับมา
ใช้งานอีกครั้ง หนึ่งใน
นั้นก็คือคุณภาพของกระดาษที่อาจเสียไป
เช่น ถ้าคุณใส่กระดาษไว้ในถาด
เป็นเวลานานๆ แถมยังใส่เต็มความจุดด้วย
การปล่อยเอาไว้โดยไม่มีการพิมพ์เลย
กระดาษพวกนี้จะติดกันด้วยความชื้นในห้อง
หรือหากเครื่องวางอยู่
ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงกระดาษก็
จะกรอบเอาง่ายๆ
เวลาพิมพ์ออกมาคุณภาพของงานจึงไม่
ได้อย่างที่ต้องการ
เส้นขาวในแนวตั้งเกิดขึ้นได้อย่างไร
เคย เจอกับงานพิมพ์ที่มีเส้นขาวเล็กพาก
เป็นแนวยาวของหน้ากระดาษบ้างไหมครับ
อันที่จริงไม่ใช่เป็นหมึกสีขาว แต่เป็นช่องว่าง
เล็กๆ ที่หมึกพิมพ์ลงไปไม่ได้นั่นเอง
และอาการที่ว่านี้มีสาเหตุมากกว่าหนึ่งอย่าง
ด้วย ตั้งแต่โทนเนอร์และดรัมมีคราบสกปรก
กระดาษผิดประเภท เช่น กระดาษมันที่ใช้
กับเครื่องเลเซอร์ไม่ได้
หากพิมพ์ออกมาก็อาจให้ผลลัพธ์แบบนี้ได้
นอกจากนี้ภาย
ในอาจมีอะไรไปบดบังกระจกสะท้อนแสดงเลเซอร์
ในลักษณะแนวยาวได้ ทำให้อาการออกมา
ในลักษณะนี้
Credit : Computer Today
รวมปัญหาที่เกิดจาก Harddisk
• การทำงานของฮาร์ดไดรฟ์ช้าลง
สาเหตุ : ไฟล์ข้อมูลที่เก็บอยู่บนฮาร์ดดิสก์
อาจอยู่กระจัดกระจาย
การแก้ปัญหา : ตรวจสอบ
ส่วนของข้อมูลที่หายไป
โดยการรันโปรแกรม Disk
Defragmenter เพื่อที่จะรันโปรแกรม
Disk Defragmenter
จากเดสก์ทอปของวินโดวส์ ให้ คลิกที่ปุ่ม
Startแล้วชี้ไปที่ Programs จากนั้นชี้ไปที่
Accessories และชี้ไปที่ System Tools
ท้ายสุดให้คลิกที่ Disk Defragmenter
• เจอไดร์ฟของฮาร์ดดิสก์แต่เข้าไม่ได้
สาเหตุที่ 1
เป็นพาร์ทิชั่นชนิดที่ระบบปฏิบัติการไม่รู้จัก
การแก้ปัญหา : เราต้อง Copy ข้อมูลที่เรา
ต้องการมาไว้ที่อีกพาร์ทิชั่นที่ใช้ได้
หรือลบพาร์ทิชั่นทิ้งแล้วสร้างใหม่
สาเหตุที่ 2 ยังไม่ได้ฟอร์แมต
การแก้ปัญหา : ถ้าคุณ
ใช้โปรแกรมแบ่งพาร์ทิชั่นบางโปรแกรม
เช่น Fdisk หลังจากแบ่งพาริทิชั่นเสร็จแล้ว
จะยังไม่สามารถใช้งานได้ในทันที แต่จะ
ต้องใช้คำสั่งฟอร์แมตอีกครั้งหนึ่ง
สาเหตุที่ 3 พาริทิชั่นเสีย
การแก้ปัญหา :
บางครั้งเครื่องเราอาจติดไวรัส เครื่องแฮงก์
หรือโปรแกรมต่าง ๆ ทำงานผิดพลาด ทำ
ให้ข้อมูลใน
ส่วนที่สำคัญของพาริทิชั่นถูกแก้ไข
และข้อมูลเสียไปด้วย การกู้ข้อมูลอาจ
ใช้โปรแกรมDisk Utility ต่าง ๆ
ที่มีโปรแกรมช่วยกู้ข้อมูล
และทางที่ดีเราควรลงโปรแกรมที่จะ
ช่วยแบ็คอัพข้อมูลเช่น โปรแกรม Norton
Ghost ซึ่งโปรแกรม
จะรวบรวมข้อมูลที่สำคัญต่าง ๆ
ในฮาร์ดดิสก์แล้วสำรองไว้
เวลาที่พาร์ทิชั่นมีปัญหาสามารถใช้แผ่น
กู้ฉุกเฉินของโปรแกรมนี้กู้ข้อมูลกลับมาได้
แต่ถ้ากู้ไม่ได้ คงต้องยอมสูญเสียข้อมูลไป
แบ่งพาร์ทิชั่นแล้วลงโปรแกรมกันใหม่
• หลอดไฟ ไดร์ฟฮาร์ดดิสก์สว่างตลอดเวลา
สาเหตุที่ 1 เกิด Bad Sector
การแก้ปัญหา : เมื่อ
ฮาร์ดดิสก์กำลังพยายามอ่านพื้นที่ที่ไม่
สามารถใช้เก็บข้อมูลได้ (Bad Sector) จะ
ใช้เวลาในการอ่านนาน
ในขณะที่เครื่องกำลังการตอบสนอง
จากฮาร์ดดิสก์นั้น ไฟฮาร์ดดิสก์ก็
จะสว่างตลอด ซึ่งเราสามารถตรวจสอบว่ามี
Bad Sector หรือเปล่าโดย
ใช้โปรแกรมประเภท Disk Utility ซ่อม
เช่น Norton Utility เป็นต้น
สาเหตุที่ 2 ต่อหลอด LED สลับขั้ว
การแก้ปัญหา : บาง เมนบอร์ด
ถ้าหากเสียบสายต่อไฟ LED สลับขั้วแล้ว
จะทำให้ LED สว่างขณะที่ฮาร์ดดิสก์ไม่
ได้ทำงาน แต่ดับขณะที่ฮาร์ดดิสก์ทำงานทำ
ให้ในขณะที่ฮาร์ดดิสก์ไม่ทำงานไฟ LED
จะติดค้างอยู่ สามารถแก้ได้
โดยการเปิดฝาเครื่องแล้วเสียบสาย LED
ฮาร์ดดิสก์เสียใหม่ให้ถูกทาง
• เครื่องคอมพ์มองเห็นฮาร์ดดิสก์บ้าง
บางครั้งก็มองไม่เห็น
สาเหตุ สายไฟที่เข้าไปเลี้ยงฮาร์ดดิสก์หลวม
การแก้ปัญหา : สาย
ไฟเลี้ยงฮาร์ดดิสก์อาจหลวมบางขั้วต่อ
ถึงแม้วาเราจะเสียบแน่นก็ตาม อาจลองแก้
โดยการนำคีมบีบหน้าสัมผัสของสายจ่ายไฟเลี้ยง
ให้แคบเข้า เพื่อให้ทุกขั้วสัมผัสดี
• ฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ไม่ได้
สาเหตุ ยังไม่ได้แบ่งพาร์ทิชั่น
การแก้ปัญหา : ถ้าหากว่าคุณกำลัง
จะฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ แต่กลับหาไดร์ฟ
ไม่เจอ เช่น เปลี่ยนไปที่ไดร์ฟ C
แล้วขึ้นคำว่า Invalid drive specified
สันนิษฐานได้ว่า ฮาร์ดดิสก์ของคุณนั้นยังไม่
ได้แบ่งพาร์ทิชั่นให้ลอง
ใช้โปรแกรมแบ่งพาร์ติ ชั่น
ตรวจสอบดูว่ามีการแบ่งพาร์ทิชั่นแล้วหรือ
ยังภายในฮาร์ดดิสก์
Credit Liberta
รวมปัญหาที่เกิดจาก RAM
มีเสียงร้องหลังจากเปิดเครื่องและไม่มีภาพ
มีสาเหตุดังนี้
1. เสียบ RAM ไม่แน่น
วิธีแก้ไข : ให้ลองเปิดฝาเครื่องแล้วขยับ
RAM ให้แน่น
2. เกิดจากหน้าสัมผัสของ RAM ไม่สะอาด
วิธีแก้ไข : เปิดฝาเครื่องออกมาแล้ว
ให้ลองขยับ RAM ให้แน่น ถ้ายังไม่หาย
ให้ลองถอด RAM ออกมาทำ
ความสะอาดหน้าสัมผัส โดย
ใช้ยางลบดินสอหรือน้ำยา
3. เกิดจากการเสียบ RAM ผิดแถว
วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดบางรุ่นต้องเสียบ RAM
ไล่จากแถวที่ 1 ขึ้นไป ให้ลองนำ RAM
มาเสียบที่ Slot ที่ 1 และไล่ลงไป
ในกรณีที่มี RAM หลายแถว
4. RAM ที่ใส่ไปไม่ตรง
กับชนิดที่เมนบอร์ดรับได้
วิธีแก้ไข : ตรวจสอบกับคู่มือเมนบอร์ดว่า
เป็นชนิดที่ถูกต้องและขนาดที่ไม่เกินที่เมน
บอร์ดกำหนดในแต่ละแถว ถ้าไม่ถูกให้นำ
RAM ชนิดที่ถูกต้องมาใส่
5. เกิดจาก
ความผิดผลาดของกระบวนการเช็คตอนเปิดเครื่อง
( POST) ของไบออส
วิธีแก้ไข: ในบางครั้ง
จะจดจำการติดตั้งฮาร์ดแวร์ในตำแหน่งต่าง
ไว้และทำการตรวจเช็คทุก
ครั้งที่เปิดเครื่องดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง
หรือสลับตำแหน่งของสล็อตที่เสียบอุปกรณ์ต่างๆ
เครื่องอาจจะเช็คว่าเกิดความผิดผลาดได้
โดยที่จริง ๆ แล้วไม่ได้มีอุปกรณ์ใด
ๆเสียเลยแต่เพราะเครื่อง
ได้จดจำข้อมูลตำแหน่งของสล็อต ที่เสียบ
ฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ไว้ แต่ยังไม่
ได้ทำการอัพเดทหรือ รีเฟรช (Refresh )
ทำให้เมื่อเปิดเครื่องแล้ว
ถึงขั้นตอนการตรวจสอบ เครื่อง
จะฟ้องว่าฮาร์ดแวร์
ผิด ผลาด วิธีแก้คือ ให้ลองสบับแถวของ
RAM แล้วลองเปิดเครื่องใหม่ เพื่อ
ให้เครื่องจดจำตำแหน่ง หรือ Reset ไบออส
โดยการถอด
ถ่านของไบออสบนเมนบอร์ดออกสักครู่หนึง
แล้วกลับเข้าไปใหม่ จากนั้นลองเปิดเครื่อง
ใหม่อีกครั้ง
6. RAM เสีย
วิธีแก้ไข : ให้ลองนำ RAM ตัวอื่นที่ใช้
ได้มาเสียบแทนในช่องเดียวกัน ถ้าหากใช้
ได้แสดงว่า RAM เสีย ถ้า RAM เสียก็
ต้องซื้อมา เปลี่ยนสถานเดียว
เปิดเครื่องแล้ว แต่ Test Memory
(RAM) ไม่ผ่านมีสาเหตุดังนี้
1. สล็อตเสียบ RAM เสีย
หรือเสียมคุณภาพ
วิธีแก้ไข : เป็นไปได้ที่เมื่อใช้ไปแล้ว
สล็อตเสียบ RAM เสื่อมคุณภาพ
ให้ลองย้าย RAM ไปใส่ในสล็อตอื่น
แล้วลองบู๊ตเครื่องใหม่
2. RAM เสียหรือเสียมคุณภาพ
วิธีแก้ไข : ให้ลองนำ RAM ตัวอื่นที่ใช้
ได้มาเสียบแทนในช่องเดียวกัน
ถ้าผ่านแสดงว่า RAM เสีย ก็
ต้องซื้อมาเปลี่ยนใหม่
ใช้แล้วเครื่องแฮงก์ง่ายมีสาเหตุดังนี้
1. อาจเกิดจากการตั้งค่าความถี่ที่ใช้กับ
RAM ไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : ดูที่สเปค (Spec) ของ RAM
สามารถทำงานที่ความถี่เท่าไร และให้ตั้ง
ให้ถูกต้อง โดยเซ็ทที่ BIOS หรือเมนบอร์ด
บางรุ่นต้องเซ็ทที่ Jumper บนเมนบอร์ด
โดยสามารถดูรายละเอียด
จากคู่มือของเมนบอร์ดนั้นๆ ได้
2. อาจเกิดจากการตั้งค่าการหน่วงเวลา
(Wait state) ไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : กลับไปตั้งค่าให้ถูก
ต้องเหมือนเดิม หรือตั้งค่าเป็นแบบ by SPD
จะสะดวกที่สุด
3. อาจเกิดจากการเลือกคุณสมบัติพิเศษ
เช่น Fast page , EDO ไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : ควรศกษาคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ
ให้เข้าใจอย่างละเอียดก่อนที่จะเลือก
ใช้คุณสมบัตินั้น ๆ ถ้าไม่แน่ใจ
ให้แก้กลับมาที่ Load Detault Setup หรือ
Disable เพราะถ้าเลือกใช้คุณสมบัติพิเศษ
โดยที่ RAM ตัวนั้นไม่รองรับ ก็จะทำให้เกิด
ความผิดพลาดในการทำงานได้
4. อาจเกิดจาก Clip RAM ร้อนเกินไป
วิธีแก้ไข : ในกรณีทีบางครั้ง RAM
ทำงานหนักและเกิดอาการร้อนเกินไปจะทำ
ให้เกิดการทำงานผิดพลาดได้ ดังนั้นถ้า
ต้องการเสถียรภาพ ในการทำงานมากขึ้น
เราควรปรับปรุงระบบระบายความร้อนภาย
ในเครื่องคอมพ์ให้ดีขึ้น เช่น
เพิ่มพัดลมระบายความร้อนภายในเครื่อง
วางคอมพ์ไว้ในที่ที่มี อากาศถ่ายเท
ได้สะดวกหรือห้องแอร์ก็จะยิ่งดี
5. อาจเกิดจาก RAM เสื่อม
วิธีแก้ไข : RAM บางตัวที่ใช้งานไปนาน ๆ
Clip บางตัวบน RAM อาจเสื่อมได้
โดยที่เครื่องยังสามารถทำงานได้ตามปกติ
แต่เมื่อเครื่อง ได้ใช้งานมา
ถึงตำแหน่งที่เสื่อมบนแรมตัวนั้น จะทำ
ให้เกิดการทำงานผิดพลาดได้ วิธีแก้คือ
ลองถอด RAM ตัวที่คิดว่าเสื่อมออก และนำ
RAM ตัวอื่นที่ดีมาใส่แทน และลองใช้งานดู
ถ้าทำงานได้ตามปกติแสดงว่า RAM ตัว
นั้นเสีย ให้ซื้อตัวใหม่มาเปลี่ยน หรือถ้าอยู่
ในระยะประกันให้ลองเปลี่ยนตัวใหม่
แต่อาการแบบนี้ขอบอกว่าพิสูจน์ยากนิดนึง
บางครั้งเราต้องรอจังหวะ
ขนาดของ RAM เมื่อ
ใช้งานน้อยกว่าขนาดที่แท้จริงมีสาเหตุดังนี้
1. เสียบ RAM
ที่มีขนาดเกินกว่าที่ช่องเสียบ RAM นั้นรับ
ได้
วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดบางตัว
จะกำหนดขนาดของ RAM
สูงสุดต่อแถวที่เสียบได้ในแต่ละช่องสล็อต
ดัง
นั้นควรอ่านคู่มือของเมนบอร์ดดูก่อนว่าสล็อต
ใดเสียบ RAM ที่มีขนาดสูงสุดได้เท่าไร
เช่น เมนบอร์ดบางรุ่น ช่องเสียบ RAM
แถวที่ 1ใส่ RAM ได้สูงสุดไม่เกินแถวละ
128 MB ถ้าเรานำ RAM ขนาด แถวละ
256 MB มาใส่เครื่องจะไม่สามารถรับได้
หรือมองเห็นแค่เพียง 128 MB เท่านั้น
2. ขนาดของ RAM รวม
ทั้งหมดเกินกว่าที่เมนบอร์ดจะรับได้
วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดทุกอัน
จะมีขนาดรวมของ RAM
สูงสุดที่เมนบอร์ดรับได้ไม่ใช่ว่าจะ
สามารถซื้อ RAM มาใส่เท่าไรก็ได้
ควรอ่านคู่มือ ของเมนบอร์ดรุ่นนั้นด้วย
3. RAM บางส่วนถูกนำไปใช้ในด้านอื่น
วิธีแก้ไข : เหตุการณ์นี้
จะเกิดขึ้นเมนบอร์ดบางรุ่น
ที่มีอุปกรณ์บางประเภท Onboard ซึ่งจะ
ใช้หน่วยความจำร่วมกับ RAM ทำ
ให้เมื่อเปิด ใช้งานเนื้อที่ของ RAM บางส่วน
จะถูกจองไว้สำหรับใช้งานของอุปกรณ์ตัว
นั้นโดยเฉพาะ จึงทำ
ให้เวลาระบบปฏิบัติการแสดงผลขนาดของ
RAM จะเหลือไม่เท่ากับ ขนาดที่แท้จริงของ
RAM เช่น เมนบอร์ดบางรุ่นที่มี VGA Card
Onboard และแจ้งว่ามี RAM ของ VGA
Card ขนาด 16 MB แต่เมื่อใช้งานจะ
ใช้เนื้อที่ของ RAM
ที่เสียบลงไปบนเมนบอร์ด ดังนั้น
ถ้าเราเสียบ RAM ขนาด 128 MB
ลงไปบนเมนาบอร์ดจะเหลือ RAM ที่ใช้งาน
กับระบบจริงเพียง 128 MB คือ 112 MB
4. อาจเกิดจาก RAM เสื่อม
วิธีแก้ไข : เรา
สามารถดูตามอาการเสียของแรมที่
ได้กล่าวมา ข้างต้น
RAM ที่มีความเร็วสูงแต่ทำงานที่ความ
เร็วต่ำ
1. เมนบอร์ดไม่สามารถรองรับ RAM ที่มี
ความเร็วสูงกว่าที่กำหนดได้
วิธีแก้ไข : ไม่สามารถแก้ได้ ถ้าต้องการให้
RAM ทำงานที่ความเร็วสูง
ต้องซื้อเมนบอร์ดรุ่นที่รองรับได้ เช่น RAM
ที่มีความเร็ว 133 MHz เมื่อนำมา
ใส่เมนบอร์ดที่รองรับ RAM ที่มีความ
เร็วสูงสุดที่ 100 MHz RAM ตัวนั้น
จะทำงานได้ที่ความเร็วแค่ 100 MHz
2. ไม่ได้ตั้งค่าที่ BIOS ให้ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : ที่ BIOS จะมีเมนูสำหรับตั้งค่า
ความเร็วของ RAM ที่เราต้องการ
ให้เราไปปรับค่าให้ถูกต้องหรือให้เลือกเป็น
Auto
3. ไม่ได้เซ็ทค่าจั๊มเปอร์บนเมนบอร์ด
วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดบางรุ่นจะมีการเซ็ท
ความถี่ของ RAM ที่จั๊มเปอร์บนเมนบอร์ด
ด้วย ให้ศึกษาด้วย ให้ศึกษา
และเซ็ทตามคู่มือเมนบอร์ด
Credit Liberta
รวมปัญหาที่เกิดจาก Mouse &
Keyboard
Mouse
ปัญหา : เมาส์
ไม่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว
สาเหตุ : สายเมาส์เสียบไม่แน่นหนา
ในช่องเสียบที่ถูกต้อง ซึ่ง
อยู่ด้านหลังของคอมพิวเตอร์
การแก้ปัญหา : ตรวจสอบ
และเสียบสายเมาส์ให้แน่น
ปัญหา : เมาส์
ไม่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว
สาเหตุ : ไม่ได้ติดตั้งไดรเวอร์ของเมาส์ หรือ
ติดตั้งไดรเวอร์ที่ไม่ถูกต้อง
การ แก้ปัญหา : ตรวจดูให้แน่ใจว่า
ได้ติดตั้งไดรเวอร์ของเมาส์ที่ถูกต้อง
จากเดสก์ทอปของวินโดวส์ให้คลิกที่ปุ่ม
Start จากนั้น ชี้ไปที่ Settings แล้วคลิกที่
Control Panel เมื่อเห็นหน้าต่าง Control
Panel ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Mouse
แล้วคลิกที่แท็บ General
ปัญหาเกี่ยวกับ Keyboard
โดย ปกติแล้วคีย์บอร์ดจะเป็นอุปกรณ์ที่
ไม่ค่อยมีปัญหาเวลาใช้งานมากนัก แต่ถ้า
ใช้งานไปเป็นเวลานานก็อาจจะเกิด
เป็นปัญหาขึ้นได้เหมือนกัน เช่น
ปุ่มคีย์บอรด์แข็ง กดแป้นพิมพ์ไม่ค่อยได้
บางทีกดปุ่มใช้งานคีย์บอร์ดไม่ได้เลย
ทั้งที่ซื้อมาใหม่
ปัญหา เหล่านี้ บางคนก็แก้
ด้วยวิธีการซื้อมาเปลี่ยนใหม่เพราะราคาถูก
ทั้ง ๆ ที่เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ง่ายนิดเดียว
ซึ่งมักเกิดกับคีย์บอร์ดมีดังนี้
-คีย์บอรด์แข็ง บางปุ่มกดไม่ลง
คีย์บอร์ดเป็นอุปกรณ์ที่เราต้องทำงาน
ด้วยมากที่สุดพอกับใช้เม้าส์ โดยเมื่อ
ใช้ไปนาน ๆ เข้าก็จะมีฝุ่นผงคราบสกปรก
เข้าไปเกาะติดอยู่
พอ สะสมมากเข้าจะเป็นเหตุ
ให้ปุ่มบนคีย์บอร์ดแข็ง กด
ไม่ค่อยลงเกิดปัญหาเวลาใช้งานคีย์บอร์ด
เช่น พิมพ์งานเอกสาร
หรือโปรแกรมสเปรดชีตต่าง ๆ
สำหรับวิธีแก้ไขคือ ให้ใช้แปรงปัดฝุ่น
และคราบสกปรกตามซอกปุ่มต่าง ๆ
บนตัวคีย์บอร์ด แต่ถ้าปุ่มแข็งมากให้
ใช้วิธีถอดปุ่มมาทำความสะอาด
ดังนี้
1. ให้ใช้แปรงขนอ่อนขนาด 1 นิ้ว
มาปัดฝุ่นตามซอกปุ่ม จนเห็นว่าสะอาดดีแล้ว
ให้ลองกดปุ่มดุด้วยว่ากดได้งายขึ้นหรือไม่
2. หากยังไม่หาย มีปุ่มกดบางปุ่มยังแข็ง
อยู่กดปุ่มไม่ค่อยได้ ก็ให้
ใช้ไขควงปากแบนค่อย ๆ
งัดปุ่มออกม่ทีละปุ่ม เพื่อให้มีพื้นที่ว่างมากขึ้น
และใช้แปรงขนอ่อนปัดฝุ่นผงที่เกาะติดอยู่
ตามซอกต่าง ๆ จนหมด หลังจากนั้นให้
ใส่ปุ่มกลับเข้าที่เดิม ( แกะและทำ
ความสะอาดทีละปุ่มจะได้ไม่งงเวลาที่
ใส่กลับที่เดิม )
-เครื่องแจ้งว่า " KEYBOARD ERROR
NO KEYBOARD PRESENT "
เมื่อ เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์มาทำงาน
บางครั้งจะพบกับข้อ
ความหน้าจอไบออสแจ้งว่า " KEYBOARD
ERROR NO KEYBOARD PRESENT "
หมายถึง ตรวจไม่พบคีย์?บอร์โที่ติดตั้งอยู่
สาเหตุอาจเป็นเพราะคีย์บอร์ดและเม้าส์
มีลักษณะเป็นขั้วต่อแบบ PS/2 เหมือนกัน
ดังนั้นจึงอาจเสียบผิดก็ได้
การ แก้ไข
ให้ตรวจสอบการเสียบบอร์ดที่ท้ายเคสว่าถูก
ต้องหรือไม่ ซึ่งขั้วต่อคีย์บอร์ดจะมีสีม่วง
ส่วนขั้วต่อของเม้าส์จะมีสีเขียว
ให้ถอดออกมาเสียบให้ถูกต้อง
หากยังมีข้อความดังกล่าวปรากฏ
อยู่อีกแสดงว่าคีย์บอรด์เสีย
ให้หาซื้อมาเปลี่ยนใหม่ในราคาตัวละ
150-300 บาท
-เครื่องแจ้งว่า " KEYBOARD
CONTROLLER FAILURE "
อาการ ดังกล่าวอาจมีสาเหตุมา
จากคีย์บอร์ดเสีย ให้ลองหาคีย์บอร์ด
อื่นมาลองติดตั้งใช้งานแทน
หากพบว่าคีย์บอร์ดเสียจริง
ให้หาซื้อมาเปลี่ยนใหม่
ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งมักเกิด
จากชิปคอนโทรลคีย์บอร์ดที่
อยู่บนเมนบอร์ดเสีย
หรือลายวงจรควบคุมคีย์บอร์ดแตก
หรือหลุดเนื่องจากการถอดเข้า-ออกขั้วต่อ
คีย์บอร์ดบ่อยเกินไป
เมื่อคีย์บอร์ดใช้งานม่ได้ ผู้ใช้หลายคนจำ
เป็นต้องให้ช่างหาซื้อเมนบอร์ดมาเปลี่ยน
ใหม่ เนื่อง
จากการซ่อมเมนบอร์ดค่อนข้างยาก
จะร้านรับซ่อมไม่ค่อยได้
แต่ถ้าเป็นร้านที่มีความชำนาญ
ในการรับซ่อมเมนบอร์ดโดยเฉพาะก็อาจ
จะซ่อมได้
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Mouse
-เลื่อนเมาส์ไม่ค่อยได้
ปัญหา ยอดฮิตของการใช้เมาส์ แต่เนื่อง
จากเมาส์มีราคาถูกเพียงตัวละ 80-200 บาท
เท่านั้น ผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงไม่ใส่ใจต่อปัญหานี้
และคิดในใจว่าเป็นเพราะเมาส์ราคาถูก
จึงเสียง่าย ความจริงแล้วเมาส์ไม่
ได้เสียง่ายขนาดนั้นแต่เป็นเพราะเมาส์มี
ส่วนที่ต้อง เคลื่อนไหวมาก
โดยการเลื่อนลูกบอลยางไปกับพื้น
หรือแผ่นรองเมาส์
จึงมักดูดเอาฝุ่นผงสกปรกต่าง ๆ เข้ากับติด
อยู่กับแกนหมุน ทำให้แกนหมุนไม่ทำงานจึง
ไม่สามารถที่
จะตรวจจับตำแหน่งที่เมาส์เคลื่อนที่ไป ได้
สำหรับวิธีการแก้ไขก็คือ
ให้ถอดเมาส์ออกมาทำ
ความสะอาดเอาฝุ่นผงออกไป
จากลูกบอลยางและแกนหมุนเท่านั้นเมาส์ก็
จะใช้ได้ต่อไป
โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. เปิดฝาครอบลูกบอลออก
โดยหมุนบิดไปตามทิศทางของลูกศรที่แสดงบนฝาครอบ
ใช้นำยาสเปรย์ฉีดทำความสะอาดลูกบอล
และเช็ดให้แห้ง
2.
ใช้นำยาสเปรย์ฉีดล้อหมุนแกนหมุนแนวตั้ง
และแกนหมุนแนวนอน และ
ใช้ไม้สำลีเช็ดจนไม่มีฝุ่นผงติดอยู่ที่แกนหมุน
ทั้งสาม
3. เมื่อเห็นว่าแกนหมุนทั้งหมดสะอาดดีแล้ว
ให้ใส่ลูกบอลพร้อมปิดฝาครอบกลับ
เข้าที่เดิม ซึ่งเมาส์ก็จะกลับมาใช้งาน
ได้เหมือนเดิม
- คลิกเมาส์ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
ภาย ในเมาส์จะมีสวิทช์ชนิดหนึ่งมีขนาดเล็ก
ซึ่งเรียกว่า ไมโครสวิทช์สำหรับรับคำสั่ง
จากการคลิกเมาส์ เมื่อใช้เมาส์ไปนาน ๆ ก็
จะมีเศษฝุ่น
เข้าไปเกาะติดหน้าสัมผัสของวงจรภาย
ในไมโครสวิทช์ ทำให้เกิดอาการคลิกเมาส์
ไม่ค่อยได้จึงมีวิธีการแก้ไขดังนี้คือ
1. หงายท้องเมาส์ พร้อมกับ
ใช้ไขควงคลายน็อตที่ยึดเมาส์ออกให้หมด
2. เปิดฝาครอบตัวเมาส์ออกมาแล้วจึง
ใช้นำยาสเปรย์ฉีดพ่นทำ
ความสะอาดไมโครสวิทช์ หลาย ๆ ครั้ง เพื่อ
ให้นำยาสเปรย์ ได้แทรก
เข้าไปละลายสิ่งสกปรกบนหน้าสัมผัสภาย
ในสวิทช์ จนกว่าจะกดสวิทช์ได้อย่างสะดวก
ซึ่งคงทำให้อาการดังกล่าวหายได้
Credit Liberta
รวมปัญหาที่เกิดจาก Display Card
ปัญหา เคลื่อนย้ายเครื่องแล้วเปิดเครื่อง
ได้ยินเสียงทำงาน แต่หน้าจอไม่มีภาพ
- -> สาเหตุ
การ์ดจอแบบ AGP จะมีสล็อตสำหรับ
ใส่ที่พอดีหรือตึงมากเราติดตั้งการ์ดเข้า
กับสล็อตจะต้องดันให้สุด
และขันน็อตเข้ากับตัวเคส ซึ่งในช่วงนี้
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ให้เปิดฝาเครื่องออกมาตรวจดูหากพบว่าตัวการ์ดหลวมหลุด
ให้ดันการ์ดกลับเข้าไปในสล็อตให้แน่น
เหมือนเดิม โดยไม่ต้องคลายน็อต (เพราะ
จะกระดกหลุดออกมาอีก)
หากพบว่าลายวงจรที่ขาการ์ดสกปรก
ให้ถอด
ออกมา แล้วใช้ยางลบดินสอทำ
ความสะอาดแล้งจึงใส่กลับเข้าไปใหม่ ก็คง
จะใช้การได้เหมือนเดิม
ปัญหา เล่นเกมบางทีภาพกระตุก แฮงค์ค้าง
- -> สาเหตุ
ปัญหานี้เกิดได้หลายสาเหตุเช่น อาจเป็น
เพราะการ์ดจอที่ใช้อยู่มีประสิทธิภาพ
ไม่ดีพอ ไม่สามารถ
เล่นเกมที่ใช้กำลังเครื่องมากได้
บางครั้งอาจเกิดจากพัดลมระบาย
ความร้อนบนชิปกราฟิคสกปรกทำให้
หมุนช้าลง หรือไม่หมุนเลย
ส่วนสาเหตุที่แย่ที่สุดคือ ชิปกราฟิคมีปัญหา
หรือเสียซึ่งคงต้องเปลี่ยนการ์ดจอ
ใหม่เลย
- -> วิธีการแก้ปัญหา
1. เปิดฝาเครื่องออก
และลองเปิดเครื่องตรวจดูว่าพัดลมระบาย
ความร้อนของชิปกราฟิค หมุนหรือไม่ หาก
ไม่หมุน
ต้องดูว่าพัดลมสกปรกมีคราบฝุ่นละอองเกาะติด
อยู่หรือไม่ ให้ใช้ยาสเปรย์ฉีดพร้อมกับใช้
ไม้สำลีเช็ดให้สะอาด
2.หากพบว่าพัดลมระบาย
ความร้อนชิปกราฟิคเสีย ให้ซื้อมาเปลี่ยน
ใหม่ หลังจากเปลี่ยนพัดลมตัวใหม่
ก็คงเล่นเกมได้มันสะใจขึ้น
ปัญหา การ์ดจอ Onpoard เสีย
ปัญหานี้จะแสดงอาการออกมา
ในลักษณะเปิดเครื่องได้เห็นไฟ
เข้าเครื่องทำงานปกติแต่หน้าจอจะไม่มี
ภาพอะไรเลย ผู้
ใช้หลายคนนึกว่าเมนบอร์ดเสีย
จึงไปหาซื้อเมนบอร์ดมาเปลี่ยนใหม่ทำ
ให้เสียเงินไปโดย
ใช่เหตุ
- -> สาเหตุ
ปัญหานี้สาเหตุเป็น
เพราะระบบแสดงผลของชิปเซ็ตบนเมนบอร์ดเสีย
ทำให้ไม่มีภาพปรากฎบนหน้าจอ
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ในการแก้ไขปัญหาก็
ให้ทำการจัมเปอร์บนเมนบอร์ดเป็น Disable
หรือกำหนดค่าในไบออสให้เป็น
Disable ขึ้นอยู่กับรุ่นของเมนบอร์ด
แล้วนำการ์ดจอมาติดตั้งลงในสล็อต AGP
แทน หากเป็นรุ่นไม่มี
สล็อต AGP ก็คงต้องหาซื้อการ์ด PCI
มาติดตั้งแทน
เมนบอร์ดบางรุ่นอาจจะพบและทำงาน
กับการ์ดจอที่ติดตั้งเข้าไปโดยไม่ต้อง
Disable ในจัมเปอร์
หรือไบออสแต่อย่างใด
สำหรับขั้นตอนการยกเลิกใช้งานการ์ดจอ
Onboard โดยการกำหนดจัมเปอร์
มีขั้นตอนดังนี้
1. เปิดฝาเครื่องออก
ให้สังเกตจัมเปอร์บนเมนบอร์ดที่มีตัวอักษรกำ
กับว่า VGA หรือให้ดูจากคู่มือ
เมนบอร์ด
2. เมื่อพบแล้วให้เปลี่ยนจัมเปอร์ ซึ่งอาจ
เป็นการถอดออกหรือเปลี่ยนขา จากขา 1,2
เป็น 2,3
อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้
3. ให้ติดตั้งการ์ดจอใหม่ลงเครื่อง ปิดฝา
และเปิดเครื่อง หลังจากนั้นให้ลงไดรเวอร์
ให้เรียบร้อย
ก็ใช้งานได้
Credit Liberta
รวมปัญหาที่เกิดจาก Sound Card
ปัญหา Windows กับเครื่องที่มีการ์ดเสียง
แต่กลับไม่มีเสียง
- -> สาเหตุ
หลังการติดตั้ง Windows ลงเครื่องและ
ได้ติดตั้งไดรเวอร์การ์ดเสียง
แล้วตามปกติเครื่องจะต้อง
มีเสียงดัง แต่ในบางครั้งอาจมีการกำหนดไม่
ให้แสดงเสียง
ไว้หริอมีคนไปเปลี่ยนแปลงการปรับแต่ง
เกี่ยวกับเสียงจึงทำให้ไม่มีเสียง
- -> วิธีการแก้ปัญหา
1.สำหรับ Windows XP เปิดเครื่อง
Control Panel เลือก Switch to Classic
View
แล้วดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Sound and
Audio Drvices
2.ที่แท็ป Volume ให้คลิกปุ่ม Advaced
3. ที่หัวข้อ Volume Control
ให้สังเกตดูว่ามีเครื่องหมายถูกเลือก
ในกรอบหน้าช่อง Mute all เพื่อไม่
ให้มีเสียงหรือไม่
ให้คลิกเอาเครื่องหมายถูกออก เพื่อ
ให้แสดงเสียงได้เมื่อกลับมาที่หน้าต่างเดิม
ให้คลิกปุ่ม OK
ปัญหา Sound Card ไม่มีเสียงออก
- -> สาเหตุที่ 1 ไม่ได้ติดตั้งไดรเวอร์
(Driver) ของ Sound Card
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ให้นำแผ่นไดรเวอร์ที่แถมมาพร้อมกับ
Sound Card มาติดตั้ง
- -> สาเหตุที่ 2 ไดรเวอร์ Sound Card
ที่ติดตั้งไม่สมบูรณ์หรือผิด
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ปกติเมื่อเราติดตั้งอุปกรณ์ให้
กับเครื่องคอมพิวเตอร์
ถ้าอุปกรณ์สนับสนุนระบบ Plug and Play
เครื่อง
จะพบอุปกรณ์โดยอัตโนมัติทันทีหลัง
จากเปิดเครื่องครั้งต่อไป และถ้า
ในระบบปฎิบัติการไม่มีไดรเวอร์
ที่ เหมาะสมสำหรับอุปกรณ์ตัวนั้น เครื่อง
จะถามหาแผ่นไดรเวอร์ ถ้า
ไม่มีแผ่นไดรเวอร์ สุดท้ายไฟล์ไดรเวอร์
ไม่ครบเครื่องก็จะสรุปว่าเป็น Unknown
Device ซึ่งวิธีแก้คือ
ให้เราหาไดร์เวอร์มาติดตั้ง
- -> สาเหตุที่ 3 ไดร์เวอร์ที่เราติดตั้ง
ไม่ตรงรุ่นหรือยี่ห้อของ Sound Card
- -> วิธีการแก้ปัญหา
เป็นไปได้ที่บางครั้งเครื่องจะลงไดร์เวอร์
ให้อัตโนมัติผิดรุ่น หรือเราลงผิดเอง ซึ่งอาจ
จะลงได้สำเร็จ
แต่ซาวน์การ์ดไม่ทำงาน อาการนี้เราแก้ได้
โดยลงไดร์เวอร์ใหม่ให้ตรงกับรุ่นของ
Sound Card
- -> สาเหตุที่ 4 เกิดความคอนฟิคท์
(Conflict) หรือขัดแย้งกับอุปกรณ์ตัวอื่น
- -> วิธีการแก้ปัญหา
เรา สามารถตรวจสอบได้ว่าเกิดการขัดแย้ง
กับอุกรณ์ตัวอื่น โดยเข้าไปที่ Device
Manager สังเกตดูที่ Sound Card
จะมีเครื่องหมายอัศเจรีย์ ให้ดับเบิ้ลคลิก จะ
เข้าสู่ Properties ของ Sound Card
ให้ดูว่ามีการขัดแย้งกันที่ใด แล้ว
เข้าไปเซ็ทค่าใหม่ไม่ให้ซ้ำกับอุปกรณ์ตัว
อื่นๆ
- -> สาเหตุที่ 5 ที่ Volume Control ถูก
Mute ไว้
- -> วิธีการแก้ปัญหา
บาง ทีการที่เสียงไม่ดังเป็นเพราะว่า เราไม่
ได้เข้าไปปรับทางด้านซอฟต์แวร์ ไม่ได้
เป็นฮาร์ดแวร์เลย เช่น ที่ Volume
Control (เฉพาะในระบบปฎิบัติการ
Windows) เพื่อตั้งค่าความดังของเสียง
ในระบบ วิธีเข้าโดยคลิกที่ Start >
Programes>Accessories
>Entertainment >Volume Control
เพื่อติดตั้งความดังของเสียง หรือบางครั้ง
จะมีรูปลำโพงสีเหลืองอยู่ที่ Taskbar
สามารถดับเบิ้ลคลิก
เพื่อเปิด Volume Control ได้อย่างรวดเร็ว
หากหา volume Control ไม่พบอาจเป็น
เพราะไม่ได้
ติดตั้งส่วนประกอบนี้ไว้ก็ได้
ให้ลองไปตรวจสอบโดยคลิกที่ Start >
Setting > Control Panel
> Add / RemoveProgrames >
Windows Setup ในหมวดของ
Multimedia จะมี Volume Control อยู่
ใส่เครื่องหมายถูกเพื่อเพิ่มส่วนประกอบนี้
เข้าไป
- -> สาเหตุที่ 6 Sound Card หลวม
- -> วิธีการแก้ปัญหา
เป็นไปได้ที่ Sound Card ที่เสียบอยู่
ในสล็อตอาจหลวม ให้เราปิดเครื่อง
แล้วเปิดฝาเครื่องขยับ
Sound Card ให้แน่นแล้วลองเปิดเครื่อง
ใหม่ครับ
- -> สาเหตุที่ 7 ต่อสายผิดช่อง
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ปกติ ที่ Sound Card นั้น
จะมีช่องเสียบอย่างน้อย 3 ช่อง คือ Line-
out Speaker out, Mic in และ Line in
ซึ่งลักษณะ Jack เป็นลักษณะเดียวกัน
สามารถเสียบด้วยกันได้ ซึ่ง
ถ้าเราเสียบผิดทำให้ไม่มี
เสียงออก ให้เสียบลำโพงที่ช่องสีเขียว
- -> สาเหตุที่ 8 ไม่
ได้เสียบปลั๊กไฟของลำโพงหรือไม่
ได้เปิดสวิทซ์ลำโพง
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ลองตรวจสอบไฟแสดงการทำงานที่ลำโพงว่าไฟ
เข้าลำโพงหรือเปล่า ถ้าไม่มีไฟเข้า อาจเป็น
เพราะ
ไม่ได้เสียบปลั๊กลำโพง หรือไม่
ได้เปิดสวิทซ์ลำโพงก็เป็นได้
ลองตรวจสอบดู
- -> สาเหตุที่ 9 ลืมเร่ง Volume
ที่โปรแกรม
ถ้าเราเร่งเสียง Volume ของลำโพง
แล้วแต่เสียงยังไม่ดังอาจเป็นเพราะว่าไม่
ได้เร่งเสียงที่Volume
Control ว่าเราได้เร่งเสียงเท่าไร
ลองเร่งเสียงทั้งทที่ช่องMaster Volume (
ด้านซ้ายสุด)และช่องเสียง
ที่เราใช้อยู่
หรืออาจลองเร่งเสียงดูทุกช่องเลยก็ได้
- -> สาเหตุที่ 10 ระบบปฎิบัติการไม่รองรับ
ปัญหานี้มักจะเกิดขึ้นกับ Sound Card
รุ่นเก่า ที่
ไม่มีไดรเวอร์สำหรับระบบปฏิบัติการรุ่น
ใหม่ๆ
ให้ลองค้นหาไดรเวอร์จากอินเตอร์เน็ต
หรือดาวน์โหลดไดรเวอร์จากเว็บไซต์ของ
ผู้ผลิต
- -> สาเหตุที่ 11 Sound Card เสีย
ถ้า ทำทุกวิธีแล้วเป็นไปได้ที่ Sound Card
อาจเสียให้ลองเอา Sound Card ไปลองใส่
ในเครื่องอื่นดู ถ้ายังใช้ไม่ได้เหมือน
กันแสดงว่าเสีย
ปัญหา Sound Card เสียงเบา
- -> สาเหตุที่ 1 ไม่ได้ปรับปุ่มปรับเสียงที่
Sound Card ด้านหลังเครื่อง
- -> วิธีการแก้ปัญหา
Sound Card ที่มีวงจรขยายสัญญาณเสียง
ในตัวจะมีปุ่มปรับเสียงอยู่บนตัว Sound
Card ด้วย เพื่อ
ตั้งระดบสัญญาณเวียงให้เหมาะสม
กับอุปกรณ์ที่ต่ออยู่ ให้เราปรับ
ให้ดังจขึ้นตามความเหมาะสม
- -> สาเหตุที่ 2 ลำโพงที่ใช้
ไม่มีวงจรขยายเสียงในตัว
- -> วิธีการแก้ปัญหา
เมื่อเราซื้อ Sound Card จะ
ต้องมีการตรวจสอบดูว่า Sound Card
ที่กำลังจะซ้อนั้นมีแอมป์ในตัว
หรือ เปล่าและมีกำลัง Watts เท่าไร เพื่อที่
จะสามารถซื้ลำโพงได้ถูก เช่น Sound
Card บางตัวนั้น
ไม่มีวงจรขยายสัญญาณเสียงในตัว
จึงไมมีกำลังขับ เราจึง
ต้องหาลำโพงที่มีวงจรขยายเสียง
ในตัว เราสามารถซ้อลำโพงได้
ทั้งแบบมีแอมป์และไม่มีแอป์ในตัวมาใส่ได้
- -> สาเหตุที่ 3 ไม่ได้ปรับ Balance ให้
อยู่ตรงกลาง
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ที Volume Controlจะมีปุ่มปรับ Balance
ให้เลือกว่าจะดังที่ลำโพงข้างซ้าย
หรือข้างขวามากกว่ากัน
ถ้าเราเลื่อนไปทางด้านซ้ายหรือด้านขวาสุด
ลำโพงจะดังเพียงข้างเดียว ให้ปรับปุ่ม
Balance มาที่ตรงกลาง
ปัญหา Sound Card เสียงแตก
- -> สาเหตุที่ 1 แจ๊คเสียบไม่สะอาด
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ในกรณีไม่สะอาดเป็น
เพราะหน้าสัมผัสทำปฎิกิริยา
กับอากาสเกิดอ๊อกไซด์ (สนิม) วิธีแก้ให้ทำ
ความสะอาดแจ๊คลำโพง
- -> สาเหตุที่ 2 แจ๊คเสียบหลวม
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ให้ขยับแจ๊คของลำโพงให้แน่น
Credit Liberta
รวมปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจาก CD-ROM
Drive
ก่อนที่จะทำการลงมือจัดการกับอาการหนึ่ง
ๆ ขอให้เช็คลิสต์ต่อไปนี้ เพื่อค้นหาสาเหตุ
เสียก่อน ดังนี้
- ตรวจตราแผ่นดิสก์ที่ใช้ ดู
ความสะอาดของแผ่น รวมถึงร่องรอย
ความเสียหาย ลองใช้ดิสก์นี้กับเครื่อง
อื่นดูบ้าง เพื่อดูว่าอ่านได้หรือไม่
ถ้ากำลังทำการเขียน ให้ดูว่า สื่อ ดิสก์ที่ใช้
ได้การรับรองว่ารันได้ตามความ
เร็วการเขียนที่ใช้อยู่หรือไม่ มิฉะนั้นแล้ว ก็
ให้ ลดความเร็วการเขียนลง และลองเขียน
ใหม่อีกครั้ง
- ตรวจดูโค้ดแจ้งข้อผิดพลาดของไดรฟ์
ไดรฟ์บางชนิด ใช้เฟิร์มแวร์ที่มีการ
แสดงผลกระพริบ LED เป็นตัวบอก
ถึงสาเหตุปัญหาภายในตัว ดูเอกสารจาก
ผู้ผลิตเพื่อดูโค้ดนั้นบอกถึงอาการใด ส่วน
ใหญ่ แล้ว โค้ด LED ก็จะบอก
ถึงข้อบกพร่องของไดรฟ์
ซึ่งควรเปลี่ยนไดรฟ์ใหม่ทันที
- ตรวจการจ่ายไฟเข้าไดรฟ์
ไดรฟ์ซีดีรับไฟผ่านเข้าหัวต่อมาตรฐานแบบ
4 พิน ถ้าไฟ LED ของไดรฟ์ไม่ติด ให้ตรวจ
สายจ่ายไฟว่าเสียบแน่นหรือไม่ อย่าให้สาย
Y หรือสายต่อแยกที่ต่อแยกไดรฟ์อีกตัว
อาจเป็นผลให้ไดรฟ์ทำงานผิดพลาดได้
- ตรวจสายสัญญาณ
ตรวจดูว่าการติดตั้งไดรฟ์
ใหม่มักพบว่าต่อสายไว้ไม่แน่น หรือ
ไม่ก็เสียบสายผิดด้าน ส่วนไดรฟ์ที่ ติด ตั้ง
ไว้อยู่แล้วก็ยังพบว่ามีอุบัติเหตุสายหลุด
ได้เหมือนกัน ให้ตรวจสอบปลายทั้งสองด้าน
หากพบว่าสายมีรอยหัก ถลอกหรือเสีย
หายแบบใด ๆ ก็ต้องเปลี่ยนใหม่
- ตรวจสายออดิโอ ตรวจดูว่าสายนี้ติดตั้ง
ไว้ถูกต้องทั้งสองปลาย ปัญหาส่วนใหญ่ใน
ส่วนนี้มักมาจากเสียบสายออดิโอ ไว้
ผิดขั้วบนการ์ดเสียง สาเหตุอื่น ๆ ก็อาจ
เป็นกรณีที่เสียบสายไม่ถูกต้อง
ใช้พินผิดตำแหน่งระหว่างไดรฟ์ซีดีและ
ส่วนการ์ดเสียง ให้ลองเปลี่ยนใหม่
- ตรวจดูจั๊มเปอร์ กำหนด ID ของไดรฟ์
ATAPI IDE CD ต้องถูกคอนฟิกเป็น
"Master " หรือ "Slave"และไดรฟ์ SCSI
CD ต้องใช้ SCSI ID ที่ไม่ซ้ำค่ากัน
ตรวจสอบซ้ำ
ในตำแหน่งจั๊มเปอร์บนไดรฟ์ว่ากำหนด ID
ไว้ถูกต้อง แล้วและ ไม่ ขัดแย้งกันไดรฟ์
อื่นที่อยู่บน controller channel เดียวกัน
ตัวอย่างเช่น
การกำหนดไดรฟ์สองตัวบนแชนเนลเดียวว
กันเป็น "Master" ทั้งคู่ก็จะมีปัญหากับ
ในระบบ ให้หลีกเลี่ยงการใช้แบบ "cable
select " กับไดรฟ์ ATAPI IDE เนื่องจาก
จะต้องใช้สายชนิดพิเศษที่ไม่ค่อยมีพร้อมมา
กับไดรฟ์ส่วนใหญ่
- ตรวจดูว่าในไบออสรู้จักกับไดรฟ์หรือไม่
ถ้าไดรฟ์ซีดีไม่มีการตอบสนอง ให้ดู
ในไบออส ในตอนสตาร์ท ครั้งถัดไป
ไดรฟ์สมัยใหม ่จะแจ้งหมายเลขรุ่น
และข้อมูลผู้ผลิตในไบออสตอนบูต
ด้วยพร้อม ๆ กับข้อความแจ้ง
ส่วนฮาร์ดดิสก์ และ ไดรฟ์ชนิดต่าง ๆ
คุณอาจสตาร์ท cmos setup
และตรวจสอบว่าได้กำหนดเป็นแบบ
"autodelect" หรือ "auto-configure"
ถ้ากำหนดไว้เป็น "none" หรือ"not
installed" ไบออสก็จะไม่ตรวจจับไดรฟ์
ในตำแหน่งนี้ หากเป็นกรณีที่ เคยใช้ไดรฟ์
ได้อย่างปกติมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่พบก็
ให้ตรวจสายจ่ายไฟและสายสัญญาณ
หรือก็อาจเป็นไปได้ว่าไดรฟ์เสียแล้ว
- ตรวจดูว่า Windows จำไดรฟ์ได้หรือไม่
windows ควรที่จะจำไดรฟ์ซีดีได้
หากติดตั้งไว้อย่างถูกต้อง และแสดง
รายการไว้อย่างถูกต้องใน Drvice
Managerให้ตรวจดูในDrvice Manager
และดูว่าแสดงรายชื่อถูกต้องหรือไม่
ถ้าแสดงรายการไว้เลย ก็แสดงว่า
windows จะยังใช้ไดรฟ์ไม่ได้อีก
ข้อบกพร่องก็น่าจะอยู่ที่สายจ่ายไฟ
สายสัญญาณ หรือ ตัวไดรฟ์
หากแสดงรายการของไดรฟ์ แต่ชื่อไม่ถูก
ต้องให้ลองลบหรือ remove รายการ
นั้นออกจาก Drvice Manager
แล้วรีบูตเพื่อให้ windows ตรวจจับไดรฟ์
ใหม่อีกครั้ง
- ตรวจการอัปเดตไดรเวอร์ windows
เวอร์ชันปัจจุบัน
มีไลบรารีของไดรเวอร์ของไดรฟ์ซีดีชนิดต่าง
ๆ ค่อนข้าง ครอบคลุมมาก อย่างไรก็ตาม
ปัญหาไดรฟ์และข้อผิดพลาดต่าง ๆ ก็
ยังอาจเกิดขึ้นได้อยู่จึงควรที่ตรวจสอบ
การอัปเดตจากผู้ ผลิต เมื่อ
ได้ดาวน์โหลดไดรเวอร์ที่ถูกต้องมาแล้วให้
ใช้แท็บdriverในไดอะล็อก Properties
ของไดรฟ์ซีดีนั้น ๆ เพื่อเริ่ม
ต้นกระบวนการอัปเดต
- ตรวจการอัปเดตเฟิร์มแวร์ เป็นโปรแกรมที่
เป็นตัวดำเนินการต่อไดรฟ์ซีดี และปกติ
จะถูกบันทึกอยู่บน ชิปที่อยู่ในส่วน ชุดอิ
เล็กทรอนิกส์
มีบางกรณีที่เฟิร์มแวร์อาจมีข้อบกพร่องจน
เป็นผลให้ไดรฟ์เกิดปัญหาได้ปกติมัก
จะเกิดเมื่อจับคู่ฮาร์ดแวร์กับ os เวอร์ชันหนึ่ง
ๆขณะหสไดรเวอร์อัปเดต ก็ควรที่
จะดูการอัปเดตเฟริร์แวร์ด้วย
- เปลี่ยนไดรฟ์ใหม่ ถ้าขั้นตอนต่าง ๆ
ที่กล่าวในข้างต้นนี้ยังไม่
ช่วยแก้ปัญหาของไดรฟ์ซีดีได้เลย ก็อาจต้ง
ถึงขั้นเปลี่ยน ไดรฟ์ตัวใหม่ที่ใช้ยี่ห้อและรุ้น
อื่น วิธีนี้อาจช่วยแก้ไขได้ในเรื่องของ
คอมแพทิเบิล
หรือปัญหาด้านสมรรถนะที่อาจเกิดขึ้นได้
ในบางครั้ง
ปัญหาที่เกิดจาก CD-ROM Drive
ได้รับแจ้งข้อความว่า "Buffer underrun
at sector"
คำ ว่า "Buffer underrun"
เป็นตัวแจ้งบอกว่ามีการขัดจังหวะ
ในการไหลของ ข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์
เข้าสู่เครื่องบันทึกซีดี เป็นเวลานาน
พอจนทำให้บัฟเฟอร์ของซีดีว่างเปล่าลง
และมีผลทำให้กระบวนการเขียนนี้ยุติลง
ถ้าเกิดสิ่งนี้ขึ้นระหว่าง ดำเนิน การเขียนจริง
แผ่นซีดีนั้นก็อาจจะเสียหายไปเสียแล้ว
เพื่อหลีกเลียงปัญหา Buffer underrun
คุณควรจะลดโหลดภาระ ต่าง ๆ
ของระบบลงให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น
ให้แน่ใจว่าสกรีนเซฟเวอร์
หรือโปรแกรมแบบฝังตัวในหน่วยความจำ
ให้ ปิดวินโดวส์ใด ๆ ที่เปิดอยุ่ลง
ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ดูว่าฮาร์ดดิสก์ขณะนั้น
ไม่ควรทำงานผ่านเน็ตเวิร์ก
ข้อผิดพลาดบ่งชี้ว่าดิสก์ปลายทางมีขนาด
เล็กกว่าดิสก์ต้นทาง
ข้อ
ผิดพลาดนี้มักเกิดขึ้นเมื่อคุณพยายามจำทำซีดีที่มี
อยู่แล้วไปยัง CD-R ไม่มีพื้นที่เพียงพอ
ในแผ่น CD-R ที่จะคัดลอก จาก ซีดีต้นทาง
ให้ลองใช้แผ่นเปล่า CD-R ใช้แผ่นขนาด 74
นาทีแทนที่จะใช้แผ่นขนาด 60 นาที
ได้รับแจ้งข้อความว่า "No write data
(buffer empty)"
การ ไหลของข้อมูลเข้าไดรฟ์ CD-R ต้องมี
ความน่าเชื่อถือ ( reliable ) อย่างยิ่งเพื่อ
ให้บัฟเฟอร์ที่กำลังใช้งาน ที่ตคอยจัด
เตรียมข้อมูลให้พร้อมในการเขียนลงดิสก์
อยู่นั้ไม่ว่างลง
คำาแจ้งนี้บ่งบอกว่าการไหลข้อมูล
จากฮาร์ดดิสก์เข้า เครื่องบันทึก
ซีดีถูกขัดจังหวะ ( คล้ายกับข้อผิดพลาด "
Buffer Undrrun ) ให้แน่ใจว่า
ในขณะทำการเขียนดิสก์ไม้ได้
ใช้สกรีนเซฟเวอร์ ยูทีลิตี้ TSR ใด ๆ
หรือเปิดวินโดว์ใด ๆ
ที่อาจส่วผลขัดจังหวะการทำงานเขียนดิสก์
ได้ และฮาร์ดดิสก์ที่นำมา ใช้งาน นี้ไม่ ควร
จะทำงานผ่านเน็ตเวิร์ก เรื่อง
ต้องสงสัยต่อมาก็คือการเซ็ตอัป SCSI
ตำแหน่งของเครื่องบันทึกซีดีแบบ SCSI ใน
SCSI chain หรือความยาวของสาย SCSI
ระหว่างอัปเต็ทเตอร์ SCSI
และเครื่องบันทึกซีดี ซึ่งอาจเป็น ตัวการทำ
ให้ส่ง ข้อมูลช้าลงด้วย
ให้พยายามต่อเครื่องบันทึกซีดีไว้
เป็นอุปกรณ์ตัวแรกของ SCSI chain
( คุณอาจจำเป็นต้องทำ ส่วนปลาย จบของ
SCSI chain ใหม่อีกครั้ง ) และทำให้สาย
SCSI สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ได้รับแจ้งว่า " Read file error "
ไฟล์ ตามที่อ้างอิงาจาก Vitrual image
database ( เมื่อเขียนแบบ on the fly )
ไม่สามารถหาตำแหน่งได้พบหรือเข้าถึงได้
จากไดรฟ์ต้นทาง ให้แน่ใจว่าไฟล์
ต้องสงสัยนี้ไม่ได้ถูกใช้อยู่ทั้งจากคุณ
และคนอื่นบนเน็ต เวิร์ก ไฟล์นี้
ยังอาจเสียหายก็ได้ให้ออก
จากแอปพลิเคชั่น CD-R และรัน ScanDisk
และ Defrag เพื่อตรวจสอบระบบไฟล์เพื่อ
ค้นหาปัญหา คุณอาจจำเป็น
ต้องโหลดไฟล์ต่าง ๆ ทีเสียหาย
จากที่ทำสำรองเข้ามาใหม่
ได้รับแจ้งข้อความว่า " Write
emergency "
ข้อ ผิดพลาดนี้เกิดขึ้น
ถ้าไดรฟ์ถูกขัดจังหวะระหว่างทำการเขียน
มักพบในกรณีเขียน Red Book audio
แต่ก็ยังเกิดขึ้น ได้กับการบันทึกข้อมูลด้วย
ตัวอย่างเช่น อาจมีอนุภาคฝุ่นอยู่ทำ
ให้เลเซอร์กระโดดข้ามไปบางแทร็ก ส่วน
ใหญ่แล้วก็จะทำให้ CD-R เสีย และ
ต้องกระทำการเขียนบันทึกใหม่
ด้วยแผ่นซีดีคุณภาพดี
ไม่สามารถเพิ่มข้อมูลเข้าในดิสก์ CD-RW
ได้อีก
มี อยู่หลายสาเหตุที่มีผลป้องกันไม่
ให้เพิ่มไฟล์เข้าไปในดิสก์ที่เคยเขียนไป แล้ว
อย่างแรก ตรวจสอบพื้นที่ว่าง บนดิสก์คุณ
ไม่ สามารถเพิ่มไฟล์ขนาด 100MB
เข้าบนดิสก์ที่เหลือพื้นที่ว่างเพียง 50MB
ต่อมาให้ดูที่ความแตกต่าง ระหว่างไดรฟ์
และ ซอฟท์แวร์
คุณอาจพบปัญหาการเปลี่ยนเวอร์ชันของซอฟท์แวร์
หรือนำไปเขียนบนพีซีอีกตัวที่ใช้ไดรฟ์
และซอฟท์แวร์ต่างไป
ไดรฟ์ CD-ROM ไม่อ่านดิสก์ CD-RW
เป็น ปัญหาที่มักพบในเรื่อของไดรฟ์รุ่นเก่า
CD-ROM เองที่เป็นรุ่นเก่าเกินไป ในไดรฟ์
CD-ROM รุ่นเก่าปกติ จะไม่ คอมแพทิเบิล
กับ Multi-Read/UDF และไม่
สามารถอ่านดิสก์ UDF formated ได้
เครื่องเล่น CD audio ก็ไม่
สามารถอ่านดิสก์ UDF ได้ ถ้า CD-ROM
ของคุณไม่เป็น Multi-Read-complaint
คุณก็จำเป็นต้องอัปเกรดเป็นรุ่นที่ Multi-
Read-complaint หรือบันทึกดิสก์ของคุณ
ในรูปแบบของ ISO9660 ที่ใช้ไดรฟ์ CD-
RW หรือ CD-R ได้รับ แจ้งข้อผิดพลาดว่า
"CD-RW isnot under Direct CD
control"โดยทั่วไปจะพบปัญหานี้เฉพาะใน
Windows 9x/Me เมื่อคุณพยายามจะลบ
ฟอร์เมต หรือคัดลอกข้อมูลไปยัง CD-RW (
แต่จะไม่พบปัญหาเช่นนี้ใน Windows XP)
ปัญหาชนิดนี้มักพบเมื่อใช้ไดรฟ์ Ricoh CD-
RW กับซอฟต์แวร์ Roxio (Adaptec)
Direct CD ปัญหานี้สามารถ เกิด
ได้เมื่อไดรฟ์ CD-RW ใช้เฟิร์มแวร์รุ่นเก่า (
ตัวอย่างเช่น ไดรฟ์ Ricoh CD-RW
ที่มีเฟิร์มแวร์ v.2.03 หรือก่อนหน้า) หรือ
ถ้าคุณใช้ Roxio (Adaptec) DirectCD
2.0 หรือก่อนหน้า ให้ลองอัปเดตเฟิร์มแวร์
ของไดรฟ์และ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ เขียนซีดี
สื่อ CD-RW ไม่สามารถนำมาใช้ได้เมื่อ
UDF format ถูกขัดจังหวะ
ถ้า ไฟดับในขณะฟอร์แมตดิสก์ CD-RW
ดิสก์นี้ก็จะนำไปใช้กับแอปพลิเคชั่นใด ๆ อีก
ไม่ได้ และจะทำการฟอร์แมต อีกครั้ง ไม่ได้
ด้วย การแก้ปัญหานี้ ให้ใช้ความสามารถ
DirectCD Full Erase เพื่อลบ (wrip)
ดิสก์ แล้วลองพยายามฟอร์แมตอีก ครั้ง ถ้า
ยังไม่ได้อีก ก็คงต้องทิ้งแผ่นนี้
ไดรฟ์ CD-RW ไม่สามารถแสดงใน My
Computer หรือ Windows Explorer
เป็น ผลจากไดรฟ์ถูกปลดออกจากระบบ มี
ได้หลายสาเหตุ ถ้าไดรฟ์ไม่แสดงใน
Explorer ให้คลิก View จากเมนูแล้วคลิก
Refresh อาจจะต้องรีบูตคอมพิวเตอร์ (จาก
cold start) เพื่อให้ PnP BIOS จำไดรฟ์
CD-RW ได้ใหม่ ลำดับต่อมา
ให้ตรวจสายของไดรฟ์
ให้แน่ใจว่าสายเพาเวอร์เสียบไว้ถูกต้อง
และแน่นดีแล้ว ทดสอบไฟจ่ายเข้า
โดยกดเปิด และปิดถาดโดย ใช้ปุ่ม Eject
และให้แน่ใจว่าสายสัญญาณ SCSI หรือ
IDE ของไดรฟ์เสียบไว้ถูกด้าน
ในระหว่างตัวไดรฟ์กับ คอนโทรล
เลอร์ของไดรฟ์ อาจเป็นไปได้ว่าคุณ
ได้ติดตั้ง CD-RW ไว้เป็นอุปกรณ์
"Master" IDE ตรวจ
ให้แน่ใจว่าจั๊มเปอร์ของ ไดรฟ์กำหนด ไว้ถูก
ต้องแล้ว และดูว่าอุปกรณ์ตัว
อื่นบนแชนเนลเดียวกันได้กำหนดจั๊มเปอร์ไว้
เป็นแบบ "Slave" ถ้าใช้ไดรฟ์ SCSI CD-
RW ให้ดูที่ SCSI ID ของ CD-RW ว่าไม่ซ้ำ
กับอุปกรณ์ตัวอื่น และต่อใน SCSI chain
ไว้ถูกต้องรวมถึงส่วนปลายจบด้วยให้แน่ใจ
ได้วาได้ใช้ไดรเวอร์ CD-RW
และซอฟต์แวร์ยูทิลิตี้รุ่นใหม่ล่าสุด ถ้ายัง
ไม่หาย ให้ลองไดรฟ์ CD-RW ตัวอื่น
หรือคอนฟิกไดรฟ์นี้ใหม่หมด
ให้มีเพียงตัวเดียวบนแชนเนลของคอนโทรลเลอร์
ได้รับแจ้งข้อผิดพลาดเมื่อดับเบิลคลิกไอคอน
CD-RW
เป็นไปได้หลายสาเหตุ โดยทั่วไปก็มีสาเหตุ
จากไดรฟ์ไม่สามารถอ่านดิสก์ได้
ให้ตรวจสอบด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- ไม่มีซีดีในไดรฟ์ CD-RW ให้
ใส่ซีดีคุณภาพดี และลองทำการอ่านอีกครั้ง
- หลังจากใส่แผ่นซีดี อาจ
ต้องรอสักพักไดรฟ์ CD-RW จึง
จะอ่านข้อมูลของดิสก์ เมื่อไฟ LED
ที่แผงหน้าหยุดกะพริบ และค้างเป็นสีเขียว
ให้คลิกไอคอนของไดรฟ์ CD-RW อีกครั้ง
- เป็นไปได้ว่าซีดีอาจใส่ในไดรฟ์ไว้กลับด้าน
หรือวางเยื้องศูนย์กลางไปเล็กน้อย ให้
ใส่แผ่นซีดีใหม่อีกครั้ง วาง
ให้ด้านฉลากหงายขึ้น
- คุณอาจกำลังอ่านแผ่นเปล่าของ
recordable CD อยู่
ให้คัดลอกข้อมูลบางอย่างเข้าในดิสก์
และลองอ่านอีกครั้ง
ได้รับแจ้งข้อผิดพลาดว่า "invalid
mewdia" เมื่อพยายามจะบูตจาก CD-RW
เกือบ ทุกแพล็ตฟอร์มในปัจจุบัน เป็นไป
ได้ว่าจะบูตจากไดรฟ์ CD-RW
แทนฟลอบปี้ดิสก์และฮาร์ดดิสก์
ข้อผิดพลาด "invalid mewdia"
จากไดรฟ์ CD-RW โดยทั่วไปหมาย
ถึงว่าดิสก์ไม่มีไฟล์บูตสแตรปที่จำเป็น
ต้องการเริ่มต้นกระบวน การบูต
และโหลดระบบปฏิบัติการ หรือก็
เป็นที่ตัวดิสก์เองที่ไม่ได้สร้างไว้เป็นแบบบูต
ได้ ให้ลองใช้แผ่นที่บูตได้
การแก้ปัญหานี้ ให้นำดิสก์นี้ออกจาก CD-
RW ระหว่างบูต ไบออสจะข้าม CD-RW
และไปยังไดรฟ์ตัวถัดไปที่กำหนดไว้ใน
Boot order
อ่านแผ่นดิสก์ไม่ได้
ระบบ ปฏิบัติการแจ้งว่า "secter not
found" . "drive not ready"
หรือข้อผิดพลาดอื่นๆ ที่
เป็นเรื่องของการอ่าน (read) แผ่น
ให้ตรวจที่แผ่นดิสก์ว่าใช้ถูกฟอร์แมตหรือไม่
วางแผ่นให้ถูกต้อง และ
เป็นแผ่นที่สะอาดอีกอย่างหนึ่งคือ
ให้ตรวจสอบสายจ่ายไฟ
และสายสัญญาณระหว่างไดรฟ์
และการ์ดคอนโทรลเลอร์ ให้แน่ใจว่าเสียบ
ไว้ถูกต้องและแน่นดีแล้ว ถ้ายังไม่หายก็
เป็นไปได้ว่าหัวอ่านแสงหรือส่วนอี
เล็กทรอนิกส์ของไดรฟ์น่าจะ บกพร่อง
ทางออกที่ดีที่สุดคือเปลี่ยนไดรฟ์ตัวใหม่
พบกับคำแจ้งข้อความผิดพลาดว่า "not
ready reading from drive D: "
ถ้า ไบออสจำไดรฟ์ได้อย่างถูกต้อง
และแสดงเป็นรายการใน Device
Manager ถูกต้องด้วย ปัญหานี้น่าจะ
อยู่ที่ตัวสื่อ หรือกลไกอื่น ให้แน่ในว่า
ใช้ดิสก์ถูกชนิดและใส่ไว้อย่างถูกต้องดีแล้ว
ในไดรฟ์ ควรตรวจสอบกิจกรรมอื่นๆ
ที่เกิดขึ้นในไดรฟ์
และเสียงมอเตอร์หมุนแผ่นดิสก์ด้วย ถ้า
ไม่มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเลย ไดรฟ์อาจจะเสีย
แล้วก็ได้
Windows XP อ่านดิสก์ข้อมูลได้ แต่ไม่
สามารถเล่น CD audio ได้
เกือบ จะทุกกรณีจากการที่ Windows XP
ไม่ได้ติดตั้ง audio codecs ที่ถูก
ต้องสำหรับการชฃซับพอร์ต CD audio
playback ให้เปิด Control Panel เลือก
Sounds , Speech and Audio Devices
เลือก Sounds And Audio Devices
แล้วคลิกแท็บ Hardware กับ Audio
Codecs ถ้าไม่มีอยู่ในรายการนี้ คุณก็จำ
เป็นต้องเพิ่มมันเข้า ไปด้วย Add New
Hardware Wizard
Windows XP ไม่แสดงไดรฟ์ซีดี
พบ ว่าใน Device Manager หรือ My
Computer ไม่แสดงรายการของไดรฟ์ซีดี
ไว้เลย คุณยังอาจพบว่ามีรายการของ DVD/
CD- ROM ใน Device Manager
แต่มีเครื่องหมายคำถามกำกับอยู่ด้วย สิ่งนี้
เป็นปัญหาจาก ซอฟต์แวร์ ที่มาจากการ
ใช้ไดรเวอร์ผิด ให้เปิดไดอะล็อกบ็อกซ์
Properties ของรายการนั้น และเลือกแท็บ
Drive แล้วคลิก Uninstall
ถ้ามีมากกว่าหนึ่งรายการที่มีเครื่องหมายคำถามกำ
กับอยู่ ก็ให้ถอนออกไปทุกตัวที่เป็นเช่นนี้
ในตอนนี้ให้ใช้เมนู Action เลือก Scan for
hardware changes ซึ่งให้ผลทำให้
Windows XP ตรวจจับฮาร์ดแวร์
ใหม่อีกครั้ง และติดตั้งใหม่โดย
ใช้ไดรเวอร์ที่เหมาะสมให้ ถ้าไม่พบไดรเวอร์
XP สำหรับไดรฟ์ซีดีที่ใช้งาน อยู่ให้ติดต่อ
กับผู้ผลิต ไดรฟ์ เพื่อหาไดรเวอร์ที่เหมาะสม
ใหม่อีกครั้ง
ได้รับแจ้งข้อความว่า "CD-ROM can
run , but results may not be as
expected"
พบ ใน Windows 9x/Me ที่
ใช้ไดรเวอร์แบบเรียลโหมด ซึ่งหมาย
ถึงว่าไดรฟ์รันใน MS- Dos
Compatibility Mode
ถ้าไดรเวอร์โปรเท็กซ์โหมดพร้อมใช้งานได้
อยู่ ก็จะใช้ไดรเวอร์เหล่านั้นแทน
ทางออกคือคุณควรจะ ดาวน์โหลดและ
ติดตั้งไดรเวอร์แบบโปรเท็กซ์โหมด
จากเว็บไซต์ของผู้ผลิต
เมื่อพยายามจะเข้าดูลิสต์ของไดเรกทอรี
กลับพบคำแจ้งข้อความว่า "Not reading
drive [ตัวอักษรระบุชื่อไดรฟ์]:"
สิ่ง นี้เป็นปัญหาของการสื่อสารระหว่าง
SCSI host controller และ CD-
ROM ,CD-RW เป็นเหตุให้ได้ SCSI ID
ไม่ตรงกับที่ไดรฟ์ต้องการ ขั้นตอนแรก
ให้ปิดเครื่อง และตรวจดูไดรฟ์ว่าถูกเชื่อมต่อ
ไว้ ถูกต้องกับ SCSI host controller และ
ต้องแน่ใจว่าใส่แผ่นซีดีในไดรฟ์ไว้ถูกด้าน
ด้วย ถ้ายังไม่หาย
ให้เปลี่ยนค่ากำหนดสวิตช์ของไดรฟ์
เพื่อเลือกหมายเลข ให้อุปกรณ์ SCSI ใหม่
รีบูตเครื่องและพยายาม
เข้าดูลิสต์ของไดเรกทอรีใหม่อีกครั้ง ถ้า
ยังมีคำแจ้งข้อผิดพลาดเดิมอีก คุณอาจ
ต้องลองหมายเลข SCSI device ID
ใหม่หลาย ๆ เลข และคุณยังอาจ
ต้องอัปเกรด SCSI controller ด้วย
อะแด็ปเตอร์แบบ PnP
ที่ออกแบบมาสำหรับบัส PCI
คุณไม่สามารถเข้า
ถึงตัวอักษรระบุไดรฟ์ซีดีรอมใน DOS
ได้เลย
บาง ทีไดรฟ์ยังคงทำงานได้อย่างปกติใน
Windows 9x/Me/XP
แต่คุณก็อาจพบคำแจ้งข้อผิดพลาดเช่น "
Invalid drive specification"
เมื่อพยายามจะเข้าใช้ไดรฟ์ใน DOS
ค่อนข้างชัดเจนทีเดียว ในเมื่อไดรฟ์
ยังทำงานได้ดี แต่เกิดปัญหากับการ
ใช้ไดรเวอร์เรียลโหมดของซีดีรอม ก็น่าจะ
เป็นไปได้ว่าไม่ได้มีการโหลดไดรเวอร์ low-
level หรือ MSCDEX ตรวจไฟล์
CONFIG.SYS และดูว่าส่วนไดรเวอร์ low-
level ของไดรฟ์ซีดีกำหนดรายการไว้ถูก
ต้องหรือไม่ แล้วตรวจสอบที่ไฟล์
AUTOEXEC.BAT ในบรรทัด MSCDEX
และตรวจสอบ
ถึงสวิตซ์ของแต่ละบรรทัดคำสั่งด้วย
พบคำชี้แจ้งข้อผิดพลาดว่า cd-rom drive
is not found
ปัญหา เช่นนี้อาจเกิดการโหลด ไดรเวอร์
ด้วย เป็นไปได้หลายสาเหตุ ที่ไม่พบ
ฮาร์ดแวร์ไดรฟ์ ปัญหา จากไฟจ่าย
และสัญญาณก็เป็นไปได้
ให้แน่ใจว่าเสียบสายไฟ แบบ4พินไว้ถูกต้อง
และแน่นดีแล้ว ถ้าไดร์ต่อ
ด้วยสายแยกแบบสาย Y ก็ให้เปลี่ยนไป
ใช้แบบสายต่อตรงจากเพาเวอร์ซัพพลาย
ใช้โวลต์มิเตอร์วัดแรงดัน+5 โวลด์ (พิน4)
และ +12 โวลด์(พิน 1) ถ้าแรงดันตัว
ใดตัวหนึ่ง (โดยเฉพาะค่า+12โวลด์) ต่ำมาก
หรือไม่มี่ค่าเลย ให้เปลี่ยนเพาเวอร์ซัพพลาย
ใหม่ ต่อมาให้ดูที่สายสัญญาณของไดรฟ์ว่า
เสียบสายไว้ถูกต้อง แล้วที่ ตั้งตัวไดรฟ์และ
ส่วนคอนโทรลเลอร์ ถ้าสายหัก
หรือเสียหายก็ให้เปลี่ยนสายใหม่ ตรวจสอบ
ให้แน่ใจว่าค่ากำหนด Master/ Slave
drive ID บนไดรฟ์ไม่ได้ขัดแย้งกับไดรฟ์
อื่นที่อยู่บนแชนแนลเดียวกัน (ซึ่ง
เป็นสิ่งที่มักหลงลืมกัน ในการติดตั้งใหม่
หรืออัปเกรด) ถ้าซีดีรอมใช้อินเตอร์เฟรช
SCSI ให้แน่ใจว่าสาย SCSI bus ต่อปลาย
ทั้งสองไว้ถูกต้องแล้ว ถ้ายังไม่หายให้
เปลี่ยนไดรฟ์คอนโทรลเลอร์เป็นอันดับแรก
ต่อมาถ้าจำเป็นก็ให้เปลี่ยนไดรฟ์ซีดีรอมใหม่
ถ้ายังไม่หายอีก ให้เปลี่ยนยี่ห้อใหม่ด้วย
พบกับคำแจ้งข้อผิดพลาดว่า "Unable to
detect ATPAPI CD-ROM
drive,device drive not loaded"
แสดง ว่าคุณมีปัญหา
กับการคอนฟิกส์ฮาร์ดแวร์คอนโทรลเลอร์ไดรฟ์
IDE/EIDE/UDMA
ให้ตรวจสอบสายสัญญาณ ก่อน
เป็นอย่างแรก ให้แน่ใจว่าสายสัญญาณ 40
พินเสียบไว้ถูกต้องระหว่างไดรฟ์
และคอนโทลเลอร์ไดรฟ์ ATAPI IDE CD-
ROM โดยทั่วไปจะติดตั้งบนพอร์ต
secondary 40-pin IDE ให้แน่ใจว่า
ไม่มีอุปสรรคใด ๆ ในระบบที่ใช้ IRQ หรือ
I/O address ค่าเดียวกับพอร์ต
secondary IDE ที่ใช้นี้ (แต่ก็ไม่พบัญหานี้
เท่าใดในะบบ PnP ในปัจจุบัน) และ
ให้แน่ใจว่าค่ากำหนด Master/Slave
ของไดรฟ์ถูกต้องแล้ว ถ้าใช้ไดรฟ์เวอร์ใน
DOS ให้แน่ใจว่า สวิชต์ของคำสั่ง
ในไดรฟ์เวอร์ low-level ใน CONFIG.SYS
กำหนดไว้ถูกต้องแล้ว หรือลองบูต
จากดิสเกตต์สตาร์ตอัปของ Window 98/
ME/XP แบบให้ซัพพอร์ตไดรฟ์ซีดี
ถาดไม่เปิด
หากเป็น กรณีที่จ่ายไฟ
และระบบรู้จักไดรฟ์นี้แล้ว มีเพียงสองสิ่งที่
จะล็อคถาดของดิสก์ไว้ได้ อย่างแรก
ให้ปิดทุกแอปพลิเคชั่น ซึ่งอาจ
เป็นตัวการล็อคถาดอยู่ เมือปิดซอฟแวร์ใด
ๆ ที่รันในฉากหลังแล้ว ให้ลองรีบูตพีซี
ดูว่าถาดเปิดได้หรือยัง ถ้าไม่มี
ซอฟแวร์ล็อคใด ๆ ล็อคถาดอยู่เลย
แผ่นซีดีก็อาจติดคาอยู่ก็ได้ ในกรณี
ให้ปิดเครื่องพีซี และใช้ลวดแยงเข้าไป
ในรูฉุกเฉิน เพื่อ ให้ถาดเปิดออก
แล้วหยิบแผ่นออกไป
พบว่าไฟ LED ของซีดีรอมติด
อยู่ตลอดเวลา
สิ่ง นี้ไม่ใช่ปัญหาเสมอไป
ไดรฟ์ซีดีรอมบางรุ่นใช้ไฟLED
เป็นตัวบอกว่าพร้อมทำงานแล้ว แทนที่จะ
เป็นตัวบอกว่า กำลัง ทำงานอยู่
เมื่อมีแผ่นซีดีโหลดเข้าไปในไดรฟ์ ไฟ LED
จะติดและคงติดอยู่อย่างนั้น แม้ว่าจะยัง
ไม่มีการเข้าใช้แผ่นเลย บางรุ่นก็อาจ
จะแสดงไฟ LED ติดแต่จะกระพริบเมื่อมีเข้า
ใช้แผ่น หรือบางรุ่นก็จะมีจั๊มเปอร์ฝ
ให้เลือกวิธีแสดงไฟ LED จาก Ready
Mode เป็น Busy Mode อย่างไรก็ตาม
มันคงไม่ใช้เรื่องจำเป็นนักที่
ต้องมาเปลี่ยนพฤติกรรมของไดรฟ์หนึ่งๆ
Credit liberta
รวมปัญหาปัญหาที่เกิดจาก Mainboard
เมนบอร์ด (Mainboard)
เป็นแผงวงจรหลักในคอมพิวเตอร์มีลักษณะ
เป็นแผ่นเซอร์กิต PCB (Print Circuit
Board) ใช้สำหรับติดตั้งอุปกรณ์อิ
เล็กโทรนิคต่าง ๆ รวมทั้ง ซีพียู, หน่วย
ความจำหรือ RAM และแคช (Cache)
ซึ่งหน่วยความจำความ
เร็วสูงสำหรับพักข้อมูลระหว่างซีพียูและแรม
อุปกรณ์ ที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งซึ่ง
อยู่บนเมนบอร์ดได้แก่ ชิปเซ็ต (Chipset)
ภายในประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ขนาด
เล็กจำนวนหลายล้านตัว ผลิต
ด้วยเทคโนโลยีการทำงานระหว่างอุปกรณ์ชนิดต่าง
ๆ เป็นส่วนสำคัญที่ทำ
ให้เมนบอร์ดแต่ละยีห้อ
และแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติต่างกัน นอก
จากนี้บนเมนบอร์ด
ยังมีช่องสำหรับเสียบการ์ดเพิ่มเติมที่เรียกว่า
สล็อต (Slot) ซึ่งการ์ดจอ, การ์ดเสียง ฯลฯ
ต่างก็เสียบอยู่บนสล็อต นอก
จากนี้เมนบอร์ดในปัจจุบัน ยังได้รวมเอา
ส่วนควบคุมการทำงานต่าง ๆ
ไว้บนตัวเมนบอร์ดอีกด้วย ได้แก่
ส่วนควบคุมฮาร์ดดิสก์ (Harddisk
Controller), พอร์ตอนุกรม (Serial Port),
พอร์ตขนานหรือพอร์ตเครื่องพิมพ์ (Printer
Port), พอร์ต PS/2, USB(Universal
Serial Bus) รวมทั้ง Keyboard
Controller สำหรับอุปกรณ์
อื่นที่มีมาตั้งแต่เริ่มกำเนิดเมนบอร์ดได้แก่
ROM BIOS และ Real-Time Clock
เป็นต้น
อาการเสียที่เกิดจากเมนบอร์ด
เมน บอร์ด
เป็นที่รวมอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ติดตั้งภาย
ในคอมพิวเตอร์จึงมีปัญหาต่อ เนื่องเกี่ยวพัน
กับอุปกรณ์อื่นเช่น ซีพียู แรม
หรือการ์ดติดตั้งต่าง ๆ สำหรับปัญหาที่ผู้
ใช้มักพบเห็นที่เกี่ยวกับเมนบอร์ดดังนี้
? ปัญหาที่ 1 รู้ได้อย่างไรว่าเมนบอร์ดที่ใช้
อยู่ รองรับอุปกรณ์ Onboard อะไรบ้าง
วิธี แก้ หากอยากรู้ว่าคอมพิวเตอร์
หรือเมนบอร์ดที่ใช้อยู่มีอุปกรณ์ Onboard
อะไรแถมมาด้วยก็ไม่ยาก โดย
ให้ดูที่ด้านท้ายเคสซึ่ง
จะมีพอร์ตสำหรับต่อเมาส์ และย์บอร์ด
ถ้าหากเมนบอร์ดมีอุปกรณ์ Onboard อื่น
ให้มาด้วยก็จะมีพอร์ตสำหรับอุปกรณ์นั้นเช่น
พอร์ต Modem, Lan, VGA, Sound คือ
ถ้าพบมีพอร์ตดังกล่าวอยู่ท้ายเคสก็ให้เสียบ
ใช้งานได้ทันที
? ปัญหาที่ 2 การ์ดจอ Onboard เสีย
จะทำอย่างไร
ปัญหา นี้จะแสดงอาการออกมา
ในลักษณะเปิดเครื่องได้เห็นไฟ
เข้าเครื่องทำงานปกติแต่ หน้าจอจะ
ไม่มีภาพอะไรเลย ผู้
ใช้หลายคนนึกว่าเมนบอร์ดเสีย
จึงไปหาซื้อเมนบอร์ดมาเปลี่ยนใหม่ทำ
ให้สูญเสียเงินไปโดยใช่เหตุ
สาเหตุ เป็น
เพราะระบบแสดงผลของชิปเซ็ตบนเมนบอร์ดเสีย
ทำให้ไม่มีภาพปรากฏบนหน้าจอ
วิธี แก้ ให้ทำการจัมเปอร์บนเมนบอร์ดเป็น
Disable หรือกำหนดค่าในไบออสให้เป็น
Disable ขึ้นอยู่กับรุ่นของเมนบอร์ด
แล้วนำการ์ดจอมาติดตั้งลงในสล็อต AGP
แทน หากเป็นรุ่นที่ไม่มีสล็อต AGP ก็คง
ต้องหาซื้อการ์ด PCI มาติดตั้งแทน
? ปัญหาที่ 3 เมนบอร์ดมีการ์ดเสียง
Onboard ไม่ทำงาน
ปัญหานี้มีลักษณะคล้ายกับปัญหาการ์ดจอ
Onboard แต่ส่วนใหญ่การ์ดเสียง
Onboard ที่มีปัญหาใช้งานไม่ได้
- สาเหตุ
1. ยังไม่ได้กำหนดให้ใช้งานวงจรเสียงได้
จากไบออส
2. ยัง
ไม่ติดตั้งไดรเวอร์สำหรับวงจรเสียงดังกล่าว
3. อาจเป็นส่วนของวงจรเสียงในชิปเซ็ตเสีย
- วิธีแก้
1. กำหนดค่าในไบออสโดยเลือกหัวข้อ
Integrated Peripherals
2. เลือกหัวข้อ Onboard Hardware
Audio และกำหนดค่าเป็น Enabled
3. Save ค่าไว้และออกจากไบออสบู๊ตเครื่อง
ใหม่
4.
ใช้แผ่นไดรเวอร์เมนบอร์ดติดตั้งไดรเวอร์เสียงลง
ใน Windows
5. หากติดตั้งแล้วใช้การไม่ได้แสดงว่า
ส่วนวงจรเสียงเสีย ให้ Disabled
ยกเลิกการใช้งานในไบออส
แล้วหาซื้อการ์ดเสียงมาติดตั้งใหม่
? ปัญหาที่ 4 จะติดตั้งพอร์ต USB
ของตัวเครื่องเข้ากับเมนบอร์ดได้อย่างไร
สาเหตุ เมนบอร์ดทั้วไปมักจะมีพอร์ต USB
ติดตั้งมาให้จำนวน 2 พอร์ต โดย
จะมีขั้วพอร์ต USB ให้อีก 1
ช่องสำหรับต่อพอร์ต USB ได้อีก 2 พอร์ต
ซึ่งพอร์ตต่อเพิ่มพอร์ต USB มักเป็น
Options เสริมที่ต้องซื้อเพิ่มเอาเองแต่
ในตัวเคสรุ่นใหม่ที่ด้านหน้าหรือด้านข้างมัก
จะมีพอร์ตเสริม USB มาให้อีก 2 พอร์ต
วิธีแก้ การติดตั้งพอร์ตเสริม USB
ของตัวเคสจำนวน 2 พอร์ต เพื่อให้ใช้งาน
ได้จะต้องนำสายสัญญาณ
และสายจ่ายไฟจำนวน 8 เส้นมาเสียบต่อ
เข้ากับช่องต่อพอร์ต USB บนเมนบอร์ดโดย
จะ
ต้องดูคู่มือเมนบอร์ดประกอบด้ยอย่าเสียบผิดสายเพระสาย
USB จะมีไฟเลี้ยงอยู่ด้วย จะทำ
ให้อุปกรณ์ต่อพ่วงเสียหายได้
สำหรับขั้นตอนการติดตั้งพอร์ต USB
ตัวเครื่องเข้ากับเมนบอร์ดดังนี้
1. เปิดฝาเครื่องออกมา
และหาตำแหน่งขั้วต่อพอร์ต USB
บนเมนบอร์ด โดยที่ขา 1
จะมีเส้นทึบสีขาวขีดคร่อมอยู่
2. นำสายสัญญาณและสายจ่ายไฟพอร์ต
USB จากเมนบอร์ดมาเรียงไว้ โดยสายจะมี
2 ชุด ๆ ละ 4 เส้น
3. นำสายทั้ง 2 ชุดเสียบเข้ากับขั้วต่อพอร์ต
USB บนเมนบอร์ดโดยดู
จากคู่มือเมนบอร์ดประกอบกัน
ด้วยอย่าสลับสายกันเป็นอันขาด
? ปัญหาที่ 5 ใช้งานพอร์ต USB 2.0
ผ่านเครื่องพิมพ์ ไม่เห็นความเร็วเพิ่มขึ้น
สาเหตุ พอร์ต USB 2.0
เป็นพอร์ตมาตรฐานเพิ่งออกมาใหม่ รองรับ
ความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลได้สูงถึง 480
Mbps หรือเร็วกว่าพอร์ต USB 1.1 ถึง 40
เท่าแต่ใช่ว่าเมื่อเมนบอร์ดรองรับพอร์ต USB
2.0 แล้วจะสามารถใช้งานได้เลย
ต้องทำการติดตั้งไดรเวอร์ของ USB 2.0
ให้ถูกต้องเสียก่อน
วิธีแก้
สำหรับวิธีการตรวจดูว่าคอมพิวเตอร์ของเรา
ได้ติดตั้งและใช้ความสามารถของพอร์ต
USB 2.0 แล้วหรือยังมีดังนี้
1. ใน Windows XP ให้คลิกปุ่ม
Start>Control Panel>Switch to
classic view
2. ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน system
3. คลิกแท็ป Hardware
4. คลิกปุ่ม Device Manager
5. คลิกเครื่องหมาย + หน้า Universal
Serial Bus controllers
จะพบว่ามีแต่ไดรเวอร์ของ USB 1.1 ติดตั้ง
ไว้เท่านั้น สำหรับ USB 2.0 ยังไม่ได้ติดตั้ง
(มีเครื่องหมายตกใจสีเหลืองหน้าตัว
Universal Serial Bus (USB)
Controller
6. ให้ติดตั้งไดรเวอร์ USB 2.0
โดยการคลิกเมาส์ขวาที่ตัว Universal
Serial Bus (USB) Controller และเลือก
Update Driver?
7. เมื่อปรากฏหน้าจอให้ Update Driver
ให้ใส่แผ่นซีดีรอมไดรเวอร์ของเมนบอร์ด
เข้าเครื่องและคลิกเลือกหัวข้อ Install the
software automatically
และดำเนินการตามขั้นตอนที่ปรากฏหน้าจอต่อไป
8. ในขั้นตอนที่ 6 หาก
ต้องการติดตั้งไดรเวอร์ USB
จากแผ่นไดรเวอร์เมนบอร์ดโดยตรงก็
สามารถทำได้โดยใส่แผ่นไดรเวอร์เข้าไปใน
เครื่องเพื่อให้รันโดยอัตโนมัติ ซึ่ง
จะปรากฏหน้าจอให้เลือกข้อ VIA USB 2.0
Driver
และดำเนินการไปตามข้นตอนที่ปรากฏบนหน้าจอไปจนเสร็จสิ้น
หลังจากนั้นจะบู๊ตเครื่องขึ้นมาใหม่
9. ให้เข้าไปตรวจสอบสถานะของไดรเวอร์
USB 2.0 ว่าได้รับการติดตั้งแล้วหรือไม่โดย
เข้าไปที่ Control Panel ซึ่ง
จะพบว่ามีไดรเวอร์ของ USB 2.0
ได้รับการติดตั้งแล้วคือ USB 2.0 Root
Hub และ VIA USB 2.0 Enchanced
Host Controller เพียงเท่านี้เมื่อมีการ
ใช้งานพอร์ต USB 2.0 เช่น
สั่งพิมพ์งานเอกสาร
ด้วยเครื่องพิมพ์งานเอกสาร
ด้วยเครื่องพิมพ์ผ่านพอร์ต USB 2.0
งานพิมพ์แทบจะวิ่งออกมาทีเดียว
? ปัญหาที่ 6 เปิดสวิทซ์แล้วเครื่องไม่ทำงาน
ใด ๆ เลยไฟก็ไม่ติด ไม่มีเสียงร้อง
- สาเหตุที่ 1 ปลั๊ก Power Supply หลวม
วิธีแก้ ให้ลองขยับปลั๊ก Power Supply
ทั้งทางด้านหลังเครื่องคอมพิวเตอร์
และที่เต้าเสียบให้แน่น
- สาเหตุที่ 2 อาจเป็นที่ Power Supply
เสีย
วิธี แก้ ให้ลองตรวจเช็คว่ามีไฟฟ้าออกจาก
Power Supply ถูกต้องหรือไม่วิธีสังเกต
ถ้าเป็นสายไฟสีแดงจะมีค่า +5 Volt ถ้า
เป็นสายสีเหลืองจะมีค่า +12 Volt
หรืออาจสังเกตง่าย ๆ
ขั้นต้นว่าเมื่อเปิดสวิทซ์นั้นพัดลมที่ติดอยู่กับ
Power Supply หมุนหรือไม่ และเป็นไป
ได้ที่บางครั้ง Power Supply อาจ
จะเสียแต่พัดลมยังหมุนอยู่ เราอาจ
จะลองนำ Power Supply ตัวอื่นที่
ไม่เสียมาลองเปลี่ยนดูก็ได้ ถ้าเสียก็ซื้ออัน
ใหม่มาเปลี่ยน เอาแบบวัตต์สูง ๆ ก็จะดี
- สาเหตุที่ 3 เป็นที่เมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ถ้า Power Supply ไม่เสียมีไฟเลี้ยง
เข้าเมนบอร์ดตามปกติ ให้ลองเช็ค
โดยการถอดการ์ดต่าง ๆ และ RAM
ออกหมด ถ้าเปิดเครื่องแล้ว
ไม่มีเสียงร้องแสดงว่าเมนบอร์ดหรือ CPU
เสีย แต่
ถ้ามีเสียงร้องแสดงว่าอุปกรณ์บางตัวที่ถอดออกไปเสีย
และถ้าหากเมนบอร์ดเสียให้ส่งที่ร้านซ่อม
หรือซื้อเมนบอร์ดใหม่
- สาเหตุที่ 4 CPU หลวม
วิธี แก้ ส่วนใหญ่เหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้น
กับซีพียูประเภทซ็อคเก็ตสล็อตวัน (Slot 1)
และซ็อคเก็ตสล็อตทู (Slot 2) เช่น
เพนเทียมทู เป็นต้น ให้เราปิดฝาเครื่อง
และลองขยับซีพียูที่ดูเหมือนแน่นอยู่แล้ว
ให้แน่นขึ้นไป อีก
- สาเหตุที่ 5 CPU เสีย
วิธีแก้ ลองหา CPU ตัว
ใหม่มาลองเปลี่ยนแทน ถ้าใช้
ได้ละก็แสดงว่าตัวเก่าเสียแน่นอน
- สาเหตุที่ 6 เป็นที่อุปกรณ์บางตัวเสียทำ
ให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร
วิธีแก้ ให้ลองใส่ตรวจเช็คทีละตัว
? ปัญหาที่7 เปิดเครื่องแล้วมีเสียงร้องแต่
ไม่ยอมทำงานใด ๆ
- สาเหตุที่ 1 อุปกรณ์บางตัวที่ต่อ
กับเมนบอร์ดหลวม
วิธี แก้ ถ้าอุปกรณ์บางตัวที่ต่อ
กับเมนบอร์ดหลวม จะทำ
ให้กระบวนการเช็คค่าเริ่มต้น (POST) ของ
BIOS ฟ้องค่าผิดพลาด
ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code
จากคู่มือเมนบอร์ด
- สาเหตุที่ 2 อุปกรณ์บางตัวที่
อยู่บนเมนบอร์ดต่อไม่ถูกต้อง
วิธี แก้ ส่วนใหญ่มักเกิดกับ RAM
ปกติเมื่อเราเปิดเครื่องแล้วมีปัญหาไม่
สามารถแสดงภาพออกทางหน้าจอ
ในตอนเริ่ม ต้นได้ Bios
จะพยายามแจ้งอาการเสียผ่านทางเสียงร้องออกทางลำโพงที่อยูภาย
ในเครื่องคอมพ์
ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code
จากคู่มือเมนบอร์ด
- สาเหตุที่ 3 อุปกรณ์บางตัวที่ต่อ
กับเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ให้เราลองเปรียบเทียบค่าสัญญาณ
Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ดดู
- สาเหตุที่ 4 Chip บนเมนบอร์ดบางตัวเสีย
วิธี แก้ ให้ลองไปดูเครื่อง Beep Code และ
ถ้าสาเหตุมาจาก Chip บนเมนบอร์ด
ให้ไปส่งร้านซ่อมเพื่อเปลี่ยน Chip หรือ
ต้องซื้อเมนบอร์ดตัวใหม่ถ้าไม่มีอะไหล่
? ปัญหาที่ 8 เครื่องทำงานพื้นฐานตามปกติ
ได้แต่ไม่สามารถใช้อุปกรณ์บางตัวได้
โดยที่อุปกรณ์ตัวนั้นไม่ได้เสีย
- สาเหตุที่ 1 Chip บางตัวบนเมนบอร์ดเสีย
วิธี แก้ ให้ลองไปดูเรื่อง Beep code และ
ถ้าสาเหตุมาจาก Chip บนเมนบอร์ด
ให้ไปส่งร้านซ่อมเพื่อเปลี่ยน Chip หรือ
ต้องซื้อเมนบอร์ดตัวใหม่ถ้าไม่มีอะไหล่
- สาเหตุที่ 2 สล็อต
หรือพอร์ตบางพอร์ตบนเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ลองเปลี่ยนการ์ดตัวนั้นไปเสียบสล็อต
อื่นที่เหลือแทน แล้วลองทดสอบตามปกติ
ถ้าเหมือนเดิมส่งร้านซ่อมหรือซื้อเมนบอร์ด
ใหม่
- สาเหตุที่ 3 เกิดการ Conflict
กับอุปกรณ์ตัวอื่น
วิธี แก้ เข้าไปที่ Device Manager
ให้สังเกตว่ามีเครื่องหมายอัศเจรีย์ (!)
แสดงว่าที่อุปกรณ์ตัวนั้นมีปัญหา
ได้ดับเบิ้ลคลิกที่อุปกรณ์ตัวนั้นเพื่อเข้าสู่
Properties จากนั้นลองแก้ไขค่า
Resources ต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ซ้ำ
กับอุปกรณ์ตัวอื่นครับ
- สาเหตุที่ 4 ไม่ได้ลงไดรเวอร์
วิธี แก้ ให้ทำการติดตั้งไดรเวอร์ลงไป
โดยไดรเวอร์มักจะแถมมากับอุปกรณ์ตัวนั้น
ๆ หรือถ้าหาไม่ได้
ให้ลองดาวน์โหลดไดรเวอร์จากเว็บไซต์
ผู้ผลิตดู
- สาเหตุที่ 5 ลงไดรเวอร์ผิดรุ่น
วิธี แก้ ในบางครั้งที่ระบบปฏิบัติการ
จะตรวจสอบชนิดและรุ่นของอุปกรณ์ตัวนั้น
ๆ โดยอัตโนมัติ ซึ่งมีความเป็นไป
ได้ที่ผลของการตรวจสอบจะคลาดเคลื่อน
ทางที่ดีควรตรวจเช็ค
ให้แน่ว่ารุ่นของอุปกรณ์ตรงกับไดรเวอร์ที่ลง
หรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจให้ลงไดรเวอร์
จากแผ่นโปรแกรมที่มาพร้อมกับเครื่อง
? ปัญหาที่ 9 คอมพิวเตอร์แฮงก์บ่อย ๆ
โดยหาสาเหตุไม่ได้
- สาเหตุที่ 1 อาจเกิดจากไวรัสคอมพิวเตอร์
วิธีแก้ ลองใช้โปรแกรม Antivirus
เวอร์ชั่นอัพเดทตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ทั้งหมด
- สาเหตุที่ 2 คุณภาพเมนบอร์ดไม่
ถึงมาตรฐาน
วิธีแก้ อาจเป็นเพราะคุณภาพของเมนบอร์ด
ไม่ถึงมาตรฐานของโรงงาน ซึ่ง
โดยมากมักเกิดกับเมนบอร์ดที่เพิ่งซื้อมาใหม่
ให้เอาไปเปลี่ยน
- สาเหตุที่ 3 ไฟล์ระบบปฏิบัติการชำรุด
วิธี แก้ ถ้ามั่นใจแล้วว่าไม่ได้เกิดจากไวรัส
และสาเหตุอื่น ๆ ให้เรา Backup ข้อมูล
ฟอร์แมต แล้วลงระบบปฏิบัติการ
และโปรแกรมใหม่ทั้งหมด
? ปัญหาที่ 10 เวลาบู๊ตเครื่องต้องกด
ทุกครั้ง
สาเหตุ พบ
ความผิดพลาดขณะทำการตรวจสอบระบบเรียกว่า
Post (Power On Self Test)
วิธี แก้ เมื่อขณะเปิดเครื่อง Bios
จะทำการตรวจสอบระบบเรียกว่า Post
(Power On Self Test) ถ้าพบผิดพลาด
จะมีข้อความแจ้งให้ผู้ใช้ทราบและหยุดรอผู้
ใช้กด เพื่อทำงานต่อ ซึ่งข้อผิดพลาดส่วน
ใหญ่มักเกิดจากการที่เราตั้งค่าใน Bios
ว่ามีอุปกรณ์บางอย่างอยู่ในเครื่องซึ่งไม่มี
อยู่จริง เมื่อ Bios ว่ามีอุปกรณ์บางอย่างอยู่
ในเครื่องซึ่งไม่มีอยู่จริง เมื่อ Bios
ค้นหาอุปกรณ์ต่าง ๆ แล้วไม่พบ
อุปกรณ์ดังกล่าวจึงแจ้งความผิดพลาด
ให้เราทราบ ซึ่งเราอาจเข้าไปแก้ค่าต่าง ๆ
ใน Bios ให้ตรงกับความจริง ปัญหาที่ Bios
ก็จะหายไปเอง
? ปัญหา 11 หลังจากที่เปิดเครื่อง
แล้วมีแต่เสียงปี๊บ ยาวๆ เกิดขึ้นและเครื่องก็
ไม่สามารถทำงานต่อไปได้
วิธี แก้ ตามปกติเมื่อเปิดเครื่องแล้วคุณจะ
ได้ยินเสียงดังปี๊บสั้นๆ หนึ่งครั้ง ซึ่งเสียงนี้สื่อ
ให้คุณรู้ว่าระบบทุกอย่างอยู่ในสภาพปกติ
ไม่มีอะไรผิดพลาด ขึ้นกับอุปกรณ์ตัวหนึ่งตัว
ใดในเครื่องแล้ว ซึ่งกรณีนี้ส่วนใหญ่ มักเกิด
จากการลืมติดตั้งการ์ดแสดงผล หน่วย
ความจำติดตั้งไม่แน่นหรือไม่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม
เสียงที่เกิดขึ้นนี้มีหลากหลายรูปแบบคุณจะ
ต้องแยกให้ออก ว่าเสียงนั้นดังอย่างไร
จากตัวอย่างเช่น สั้นสลับยาวหรือดังยาวๆ
เพียงครั้งเดียว นอกจากนี้เมนบอร์ดที่
ใช้ไบออสต่างยี่ห้อกันเสียงที่เกิดขึ้นก็
จะบ่งบอก สาเหตุของปัญหาที่แตกต่าง
กันไปอีกด้วย
Credit liberta
ที่มาโดยhttp://smf.ruk-com.in.th/
topic/16369-รวมการแก้ไขปัญหาทางด้าน-
Hardware-[full].html
งานพิมพ์มีรอยขีดเล็กๆ เป็นระยะๆ
หาก คุณสั่งพิมพ์เอกสารออกมา
แล้วพบว่ามีรอยขีดเส้นเล็กๆ
อยู่ที่ขอบกระดาษด้านใดด้านหนึ่งเป็นระยะๆ
ละก็ ให้สันนิษฐานก่อนว่าสาเหตุมาจาก
Roller หลักที่
อยู่บนเส้นทางเดินกระดาษมีคราบสกปรก
ถ้าตรวจแล้วไม่พบ
ให้ลองตรวจสอบที่ตลับโทนเนอร์ว่ามีการชำรุด
หรือไม่? บ่อยครั้งที่พื้นผิวของดรัม
ในโทนเนอร์มีรอยเล็กๆ ทำ
ให้เวลาพิมพ์เอกสารร่องรอยตำหนินั้น
จึงติดลงบนกระดาษด้วย
อย่าลืมตรวจสอบชนิดของกระดาษที่คุณใช้
ด้วยเช่นกัน
ตัวหนังสือที่หายไปบนผืนกระดาษ
ปัญหา นี้พบได้บ่อยๆ ครับ
งานพิมพ์ที่มีตัวหนังสือหายไปเป็นช่วงๆ
หรือฟอนต์ช่วงล่างขาดหายไปเป็นระยะๆ
ข้อสันนิษฐานแรกให้มุ่งเป้าไปที่ผงหมึก
ในตลับอาจกำลังจะหมด
หน้าสัมผัสของชุดลำเรียงกระดาษอาจมีคราบสกปรก
รวมทั้งตลับโทนเนอร์เองอาจมีเศษผงหมึก
เป็นคราบเลอะอยู่ อย่าลืมเช็กดูที่ Printer
Properties ว่าคุณไม่ได้อยู่
ในโหมดการพิมพ์แบบ Eco Mode ด้วย
สั่งพิมพ์ได้แต่ดันกลายเป็นเส้นๆ
เคย เห็นงานพิมพ์ที่มีแต่เส้นยาวๆ เป็นระยะๆ
บนหน้ากระดาษบ้างไหมครับ ถ้าเคยละก็
ตลับหมึกของคุณใกล้หมดแล้ว นอก
จากนี้สาเหตุอาจมา
จากองค์ประกอบทางฮาร์ดแวร์ด้วย เช่น
พื้นผิวของดรัมชำรุดหรือมีสิ่งสกปรก ชุด
Fuser Film มีคราบหรือมีอะไรไปติดอยู่
รวมไปถึงมีสิ่งบดบังกระจกสะท้อนแสง
ในชุด Scanner ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องการทำ
ความสะอาดโดยด่วนครับ
มีจุดไข่ปลาที่ขอบกระดาษด้านบนและล่าง
งาน พิมพ์โอเค ตัวหนังสือไม่หลุด กระดาษ
ไม่เลอะเศษหมึก แต่บริเวณด้านบน
และด้านล่างดันมีจุดไข่ปลาเกิดขึ้นซะนี่
สาเหตุของปัญหาที่ว่านี้มา
จากองค์ประกอบของฮาร์ดแวร์เป็นหลัก
ไม่ว่าจะเป็นตัว Transfer Roller ขัดข้อง
หรือชำรุด แผงวงจร Formatter PCA เกิด
ความบกพร่อง ซึ่งอาจรวมไป
ถึงแผงควบคุมการจ่ายไฟ DC
มีปัญหาเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ตรงนี้คง
ต้องส่งศูนย์ซ่อมอย่างเดียวแล้วละครับ
มีเส้นทับตัวหนังสือตลอดทั้งแนว
ปัญหา นี้เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอมารบ้าง
นั่นคืองานพิมพ์มีเส้นยาวๆ
ทับตัวหนังสือตลอดทั้งแนว
และบางทีก็ทับตัวหนังสือทุกบรรทัดด้วย
สาเหตุให้มุ่งเป้าไปที่ความสกปรก
เป็นหลักครับ ตรวจสอบ Roller หลักที่
เป็นตัวป้อนกระดาษและตัวที่อยู่
ในเส้นทางเดินกระดาษว่ามีคราบสกปรก อยู่
หรือไม่? หรือมีรอยขีดข่วนบนพื้นผิวด้วย
หรือไม่ และอย่าลืมสำรวจตลับโทนเนอร์
ด้วยว่าถูกติดตั้งอย่างถูกต้องหรือลงล็อกดี
แล้ว หรือยัง?
งานพิมพ์สีซีดจางผิดปกติ
ถ้า บังเอิญคุณสั่งพิมพ์เอกสารออกมา
แล้วเห็นว่าสีซีดจากผิดปกติละก็
อันดับแรกตรวจสอบดูว่าคุณตั้งค่าการพิมพ์
ในโหมดประหยัดหรือไม่
บางทีอาจมีใครไปปรับเล่น
อย่างที่สองตลับหมึกใกล้หมดแล้วหรือยัง
ตรงนี้อาจจะเป็นสาเหตุหลักก็ได้ครับ
และอย่างที่สามตรวจสอบดรัมว่ามีอะไรไปติดขัด
หรือไม่ เพราะถ้าระบบไม่ดูดผงหมึกออก
จากดรัมหรือดูดอกไม่ได้ ก็ทำ
ให้งานพิมพ์ออกมามีสีซีดจางแน่ๆ
งานพิมพ์ออกมาเบลอสีผิดเพี้ยน
อาการ แบบนี้มีหลายสาเหตุเช่นกัน
ถ้าวิเคราะห์ง่ายๆ
ก็ตั้งแต่กระดาษผิดประเภท หรือมี
ความชื้นที่กระดาษมากเกินไป
ชุดฟีดกระดาษออกหลังพิมพ์กินเนื้อหมึก
เข้าไปในลูกกลิ้ง ตรงนี้อุปกรณ์อาจ
จะเสื่อมสภาพก็ได้ครับ
ส่วนที่ลึกกว่านี้ก็มีชุดควบคุมเลเซอร์ขัดข้อง
รวมทั้งตัวขับเคลื่อนหรือมอเตอร์
และฟันเฟืองต่างๆ ทำงานสะดุด ซึ่งจะส่งผล
ให้กระดาษที่กำลังฟีดเข้าไปอาจ
อยู่ผิดตำแหน่งหรือเลื่อนออกจาก
ตัวป้อนกระดาษได้เช่นกัน
งานพิมพ์ขาวสะอาดแต่ด้านหลังกระดาษสกปรก
อย่า
เพิ่งรีบร้อนเอางานพิมพ์สำคัญของคุณส่ง
ให้หัวหน้าหรือลูกค้าดู ถ้าคุณยังไม่
ได้พลิกกระดาษกลับไปดูดด้านหลัง
เพราะมันอาจเปรอะเปื้อนไปด้วย
เศษผงหมึกก็เป็นได้ ปัญหาแบบนี้มัก
ไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็นกันครับ ให้คุณทำ
ความสะอาดตั้งแต่ถาดรองกระดาษ
ตัวฟีดกระดาษเข้าออก หรือตามลูกกลิ้งต่างๆ
ที่อาจมีผงหมึกติดเป็นคราบฝังตัวอยู่
งานพิมพ์มีสีเข้มเกินกว่าเหตุ
พอ เจอปัญหาหมึกจางไปแล้ว
คราวนี้ก็มาลองเจอ
กับงานพิมพ์ที่มีเส้นเข้มเกินไปดูบ้างครับ
สาเหตุหลักๆ ของปัญหานี้มาจาก
ส่วนที่สัมผัสกับกระดาษเกินไป
ต้องเช็กดูที่ดรัมว่ามีอะไรขัดข้องอยู่หรือไม่
รวมทั้งองค์ประกอบสำคัญอย่างแผงควบคุม
Laser Scanner ที่อาจมีปัญหา
ในระหว่างสั่งพิมพ์ ซึ่ง
ถ้ามีการอ่านค่าผิดเพี้ยนก็อาจมีปริมาณผงหมึกที่มากเกิน
ความจำเป็นถูก ส่งออกไปยังแผ่นกระดาษ
ตัวหนังสือบิดๆ เบี้ยวๆ
งาน พิมพ์ที่มีตัวหนังสือบิดๆ เบี้ยวๆ
หรือแม้แต่กระดาษม้วนงอตอนเครื่องฟีดกระดาษออกมา
ให้ตรวจสอบดูว่าคุณป้อนกระดาษถูกชนิดที่เครื่องพิมพ์รองรับ
หรือไม่? โดยเฉพาะห้ามนำกระดาษโฟโต้
หรือกระดาษมันวาวต่างๆ ที่ใช้
กับเครื่องอิงค์เจ็ตมาใส่โดยเด็ดขาด นอก
จากนี้ถ้าอากาศรอบหรือ
ในห้องที่วางเครื่องพิมพ์มีความชื้น
หรือร้อนจนเกิน ไป ก็อาจส่งผล
ให้ระบบพิมพ์ต่างๆ ทำงานผิดเพี้ยนได้เช่น
กัน ให้ลองไล่เช็กทีละจุดดูนะครับ
ภาพบนหน้ากระดาษเป็นรอยเหลื่อมกัน
ปัญหา นี้นอกจากภาพก็อาจรวมไป
ถึงตัวหนังสือที่ปรากฏอยู่บนงานพิมพ์
ด้วยนะครับ อย่างแรกเลยก็คือ
หากตอนวางกระดาษมีการบีบอัดหรือเฉียง
ไม่ตรงช่อง ตอนที่ระบบฟีดกระดาษ
เข้ามาพิมพ์นั้น แน่นอนว่ากระดาษย่อมอยู่
ในตำแหน่งที่เหลื่อมหรือไม่ตรงร่องด้วย ทำ
ให้ภาพหรือตัวหนังสือเหลื่อมทับกัน
หรือเส้นต่างๆ ที่ปรากฏก็จะไม่ตรงด้วย
โดยเฉพาะตารางจะเห็นได้อย่างชัดเจน ดัง
นั้น เวลาป้อนกระดาษเข้าให้ตรวจสอบด้วย
ช่องว่างที่หายไปบนหน้ากระดาษ
บาง ครั้งคุณอาจเจอกับช่องว่างเล็กๆ
ที่หายไปบนภาพ ตัวหนังสือ หรือเส้นต่างๆ
ซึ่งบริเวณที่หายไปจะไม่มีหมึกติดอยู่เลย
การตรวจสอบแรกให้ดูว่ากระดาษแผ่นนั้นมี
ความเรียบเสมอกันหรือไม่ หรือ
เป็นกระดาษพิเศษที่เครื่องพิมพ์ไม่รู้จัก
หรือเปล่า? ลองสั่งพิมพ์ใหม่
ด้วยกระดาษแผ่นใหม่ ถ้ายังไม่หายละก็ ชุด
Transfer Roller อาจเกิดขัดข้อง
หรือมีปัญหาในระหว่างที่สั่งพิมพ์ ตรงนี้อาจ
จะร้องเรียกช่างมาดูให้ครับ
สั่งพิมพ์เอกสารแต่ได้หน้ากระดาษเปล่า
หาก คุณสั่งพิมพ์เอกสารแต่
ได้หน้ากระดาษเปล่าๆ ออกมา อันดับแรก
ให้ตรวจสอบดูว่าเครื่องพิมพ์มีการฟีดกระดาษออกมาหลายแผ่น
หรือไม่ เพราะหากกระดาษติด
กันออกมาเยอะๆ แผ่นที่ติดตัวหนังสืออาจจะ
ไม่ใช่แผ่นกระดาษเปล่าแรกที่หลุดออกมา
นอกจากนี้ถ้าคุณซื้อเครื่องใหม่
อย่าลืมดึงแผ่นพลาสติกที่ปิดโทนเนอร์ออก
ด้วยไม่อย่างนั้นเวลาพิมพ์ระบบจะดูด
หมึกออกมาจากดรัมไม่ได้แน่ แต่
ถ้าอาการรุนแรงกว่านั้นก็เป็นไป
ได้ว่าแผงควบคุมการจ่ายหมึกอาจเสียหาย
งานพิมพ์เป็นสีดำทั้งแผ่นอะไรเป็นสาเหตุ
อาการ แบบนี้น้อยนักที่จะเกิดขึ้นยิ่ง
เป็นเครื่องใหม่ด้วยแล้วเปอร์เซ็นต์ต่ำมาก
แต่ถ้ามันเกิดขั้นมาจริงๆ
ก็แสดงว่าแผงควบคุมการปล่อยหมึกขัดข้อง
จึงไม่สามารถคอนโทรลหมึกได้อย่างถูก
ต้อง ซึ่งตรงนี้จะไปเกี่ยวข้องกับส่วนควบคุม
Laser Scanner ด้วย
อย่าลืมดึงตลับโทนเนอร์ออกมาดู
ความผิดปกติ ซึ่งตัวตลับอาจเสียหายก็
เป็นไปได้เช่นกัน
มีเส้นเหมือนบาร์โค้ดทับตัวหนังสือ
เป็น อีกหนึ่งอาการที่เจอกันได้บ่อยๆ
สั่งพิมพ์เอกสารแต่ดันมีเส้นเหมือนแถบบาร์โค้ดยาว
เป็นแนวจากขอบบนถึงขอบล่าง ติดมาด้วย
ตรงนี้ถ้าเครื่องพิมพ์ของคุณใช้มานานแต่ยัง
ไม่เคยเปลี่ยนดรัมหรือโทนเนอร์ เลย
แนะนำให้เปลี่ยนได้แล้วเพราะ
เป็นต้นเหตุหลักของอาการที่ว่านี้เลยเชียว
นอกจากนี้ก็อาจจะ
เป็นเรื่องของเศษผงหมึกที่ไปติดตาม
ส่วนสำคัญเช่น เลนส์สแกนเลเซอร์
ลูกกลิ้งที่ฟีดกระดาษก่อนพิมพ์
ตัวหนังสือเล็กผิดปกติ
เครื่อง พิมพ์ส่วนใหญ่
จะมียูทิลิตีสำหรับบริหารจัดการระบบพิมพ์มา
ให้ และมักจะดูแลเรื่องต่างๆ ของการพิมพ์
ให้เกือบหมด ถ้าคุณสั่งพิมพ์แต่ฟอนต์เกิดตัว
เล็กผิดปกติทั้งๆ ที่ไม่ได้ปรับขนาด
ในเวิร์ดเลย ให้ลองตรวจสอบดูที่ Print
Preference
หรือตัวยูทิลิตีดูว่ามีการปรับโหมดพิเศษอะไร
หรือไม่ หรือมีการย่อฟอนต์แบบอัตโนมัติเอง
หรือไม่? ให้ปรับเป็นค่าที่สามารถพิมพ์
ได้ตามปกติ
สั่งพิมพ์แต่ตัวหนังสือขาดหายแสดงไม่ครบ
ปัญหา นี้เกิดขึ้นได้ทั้งที่
เป็นตัวหนังสือเพรียวๆ
และการสั่งพิมพ์ภาพครับ สาเหตุก็มา
จากการตั้งค่าการพิมพ์ไม่ถูกต้องนั่นเอง เช่น
มีฟอนต์บางตัว หรือข้องความในบรรทัดบน
กับบรรทัดสุดท้ายตกขอบไป แบบนี้หมาย
ความว่ามีการตั้งค่าไม่ตรงนั่นเอง
การแก้ปัญหาสามารถทำได้
จากตัวโปรแกรมที่คุณใช้งานอยู่ขณะนั้น
เช่น Acrobat, Word, Excel
และโปรแกรมอื่นๆ เมื่อตั้งค่าการพิมพ์
และตั้งค่าหน้ากระดาษแล้ว
ให้ลองพิมพ์ทดสอบดู
เอกสารที่สั่งพิมพ์ชัดเจนแต่แบ็กกราวนด์
เป็นสีเทา
โดยปกติแล้ว
งานพิมพ์เอกสารที่สมบูรณ์นอก
จากตัวหนังสือหรือเส้นตารางๆ ต่างๆ
จะชัดเจนแล้ว แบ็ก
กราวนด์ ของกระดาษก็ไม่ควรเป็นสีอื่นใด
นอกเสียจากสีขาวของเนื้อกระดาษ แต่
ถ้ามันกลายเป็นสีออกเทาๆ
เหมือนโหมดเกรย์สเกลแล้วละก็
ตรวจสอบกระดาษก่อนเลยว่าถูกประเภท
หรือเปล่า? และลองเข้าไปดู
ในยูทิลิตีการพิมพ์ว่ามีการเซตแบ็กกราวนด์
ให้เป็นสีใดไว้หรือ ไม่?
ถ้าทุกอย่างที่บอกไปอยู่ดีเป็นปกติด
ให้สันนิษฐานว่าตลับโทนเนอร์หรือดรัมอาจ
จะชำรุดเสียหายได้
ภาพพิมพ์หรือฟอนต์มีจุดว่างๆ อยู่ข้างใน
งาน พิมพ์ภาพถ่ายด้วยเครื่องพิมพ์เลเซอร์
ทั้งสีและขาวดำจะออกมาสวยสุดยอด
หรือน่า ประทับใจได้นั้น นอก
จากภาพต้นแบบต้องดีแล้ว
ระบบการทำงานของเครื่องยังต้อง
ไม่ขัดข้องหรือทำงานเป็นปกติด้วย
สำหรับอาการที่เกิดขึ้นบนภาพและฟอนต์
ในลักษณะนี้ ส่วนใหญ่มา
จากการตั้งค่าการพิมพ์ไม่ตรงกับกระดาษที่
ใช้ หรือทางกลับกันนั้นกระดาษที่ใช้ก็
ไม่ตรงกับค่าการพิมพ์ที่ได้เลือกไว้นั่น เอง
งานพิมพ์เอียงโย้เย้ไปมาไม่ตรง
ตัว หนังสือเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง
หรือภาพที่สั่งพิมพ์โย้เย้ไม่ตรงหรือพอดี
กับที่เราตั้งค่าหน้ากระดาษเอาไว้ ละก็
การวินิจฉัยอาการที่เกิดขึ้นให้มุ่งเป้าที่ถาด
ใส่กระดาษก่อนเลยครับ
ถ้าคุณวางปึกกระดาษแน่นหรือ
ไม่ตรงรางป้อนกระดาษ
เวลาที่ลูกกลิ้งฟีดกระดาษเข้าไปมันย่อม
เข้าไปไม่ตรงด้วย ทำ
ให้เสียเวลาสั่งพิมพ์ตำแหน่งบนกระดาษจึง
ไม่ถูกต้อง เพราะกระดาษมันไม่ตรงนั่นเอง
ใส่กระดาษค้างไว้ในถาดนานๆ ไม่ดี
เครื่อง พิมพ์ที่ไม่ได้พิมพ์บ่อยๆ
อาจมีปัญหาหลายอย่างเวลากลับมา
ใช้งานอีกครั้ง หนึ่งใน
นั้นก็คือคุณภาพของกระดาษที่อาจเสียไป
เช่น ถ้าคุณใส่กระดาษไว้ในถาด
เป็นเวลานานๆ แถมยังใส่เต็มความจุดด้วย
การปล่อยเอาไว้โดยไม่มีการพิมพ์เลย
กระดาษพวกนี้จะติดกันด้วยความชื้นในห้อง
หรือหากเครื่องวางอยู่
ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงกระดาษก็
จะกรอบเอาง่ายๆ
เวลาพิมพ์ออกมาคุณภาพของงานจึงไม่
ได้อย่างที่ต้องการ
เส้นขาวในแนวตั้งเกิดขึ้นได้อย่างไร
เคย เจอกับงานพิมพ์ที่มีเส้นขาวเล็กพาก
เป็นแนวยาวของหน้ากระดาษบ้างไหมครับ
อันที่จริงไม่ใช่เป็นหมึกสีขาว แต่เป็นช่องว่าง
เล็กๆ ที่หมึกพิมพ์ลงไปไม่ได้นั่นเอง
และอาการที่ว่านี้มีสาเหตุมากกว่าหนึ่งอย่าง
ด้วย ตั้งแต่โทนเนอร์และดรัมมีคราบสกปรก
กระดาษผิดประเภท เช่น กระดาษมันที่ใช้
กับเครื่องเลเซอร์ไม่ได้
หากพิมพ์ออกมาก็อาจให้ผลลัพธ์แบบนี้ได้
นอกจากนี้ภาย
ในอาจมีอะไรไปบดบังกระจกสะท้อนแสดงเลเซอร์
ในลักษณะแนวยาวได้ ทำให้อาการออกมา
ในลักษณะนี้
Credit : Computer Today
รวมปัญหาที่เกิดจาก Harddisk
• การทำงานของฮาร์ดไดรฟ์ช้าลง
สาเหตุ : ไฟล์ข้อมูลที่เก็บอยู่บนฮาร์ดดิสก์
อาจอยู่กระจัดกระจาย
การแก้ปัญหา : ตรวจสอบ
ส่วนของข้อมูลที่หายไป
โดยการรันโปรแกรม Disk
Defragmenter เพื่อที่จะรันโปรแกรม
Disk Defragmenter
จากเดสก์ทอปของวินโดวส์ ให้ คลิกที่ปุ่ม
Startแล้วชี้ไปที่ Programs จากนั้นชี้ไปที่
Accessories และชี้ไปที่ System Tools
ท้ายสุดให้คลิกที่ Disk Defragmenter
• เจอไดร์ฟของฮาร์ดดิสก์แต่เข้าไม่ได้
สาเหตุที่ 1
เป็นพาร์ทิชั่นชนิดที่ระบบปฏิบัติการไม่รู้จัก
การแก้ปัญหา : เราต้อง Copy ข้อมูลที่เรา
ต้องการมาไว้ที่อีกพาร์ทิชั่นที่ใช้ได้
หรือลบพาร์ทิชั่นทิ้งแล้วสร้างใหม่
สาเหตุที่ 2 ยังไม่ได้ฟอร์แมต
การแก้ปัญหา : ถ้าคุณ
ใช้โปรแกรมแบ่งพาร์ทิชั่นบางโปรแกรม
เช่น Fdisk หลังจากแบ่งพาริทิชั่นเสร็จแล้ว
จะยังไม่สามารถใช้งานได้ในทันที แต่จะ
ต้องใช้คำสั่งฟอร์แมตอีกครั้งหนึ่ง
สาเหตุที่ 3 พาริทิชั่นเสีย
การแก้ปัญหา :
บางครั้งเครื่องเราอาจติดไวรัส เครื่องแฮงก์
หรือโปรแกรมต่าง ๆ ทำงานผิดพลาด ทำ
ให้ข้อมูลใน
ส่วนที่สำคัญของพาริทิชั่นถูกแก้ไข
และข้อมูลเสียไปด้วย การกู้ข้อมูลอาจ
ใช้โปรแกรมDisk Utility ต่าง ๆ
ที่มีโปรแกรมช่วยกู้ข้อมูล
และทางที่ดีเราควรลงโปรแกรมที่จะ
ช่วยแบ็คอัพข้อมูลเช่น โปรแกรม Norton
Ghost ซึ่งโปรแกรม
จะรวบรวมข้อมูลที่สำคัญต่าง ๆ
ในฮาร์ดดิสก์แล้วสำรองไว้
เวลาที่พาร์ทิชั่นมีปัญหาสามารถใช้แผ่น
กู้ฉุกเฉินของโปรแกรมนี้กู้ข้อมูลกลับมาได้
แต่ถ้ากู้ไม่ได้ คงต้องยอมสูญเสียข้อมูลไป
แบ่งพาร์ทิชั่นแล้วลงโปรแกรมกันใหม่
• หลอดไฟ ไดร์ฟฮาร์ดดิสก์สว่างตลอดเวลา
สาเหตุที่ 1 เกิด Bad Sector
การแก้ปัญหา : เมื่อ
ฮาร์ดดิสก์กำลังพยายามอ่านพื้นที่ที่ไม่
สามารถใช้เก็บข้อมูลได้ (Bad Sector) จะ
ใช้เวลาในการอ่านนาน
ในขณะที่เครื่องกำลังการตอบสนอง
จากฮาร์ดดิสก์นั้น ไฟฮาร์ดดิสก์ก็
จะสว่างตลอด ซึ่งเราสามารถตรวจสอบว่ามี
Bad Sector หรือเปล่าโดย
ใช้โปรแกรมประเภท Disk Utility ซ่อม
เช่น Norton Utility เป็นต้น
สาเหตุที่ 2 ต่อหลอด LED สลับขั้ว
การแก้ปัญหา : บาง เมนบอร์ด
ถ้าหากเสียบสายต่อไฟ LED สลับขั้วแล้ว
จะทำให้ LED สว่างขณะที่ฮาร์ดดิสก์ไม่
ได้ทำงาน แต่ดับขณะที่ฮาร์ดดิสก์ทำงานทำ
ให้ในขณะที่ฮาร์ดดิสก์ไม่ทำงานไฟ LED
จะติดค้างอยู่ สามารถแก้ได้
โดยการเปิดฝาเครื่องแล้วเสียบสาย LED
ฮาร์ดดิสก์เสียใหม่ให้ถูกทาง
• เครื่องคอมพ์มองเห็นฮาร์ดดิสก์บ้าง
บางครั้งก็มองไม่เห็น
สาเหตุ สายไฟที่เข้าไปเลี้ยงฮาร์ดดิสก์หลวม
การแก้ปัญหา : สาย
ไฟเลี้ยงฮาร์ดดิสก์อาจหลวมบางขั้วต่อ
ถึงแม้วาเราจะเสียบแน่นก็ตาม อาจลองแก้
โดยการนำคีมบีบหน้าสัมผัสของสายจ่ายไฟเลี้ยง
ให้แคบเข้า เพื่อให้ทุกขั้วสัมผัสดี
• ฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ไม่ได้
สาเหตุ ยังไม่ได้แบ่งพาร์ทิชั่น
การแก้ปัญหา : ถ้าหากว่าคุณกำลัง
จะฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ แต่กลับหาไดร์ฟ
ไม่เจอ เช่น เปลี่ยนไปที่ไดร์ฟ C
แล้วขึ้นคำว่า Invalid drive specified
สันนิษฐานได้ว่า ฮาร์ดดิสก์ของคุณนั้นยังไม่
ได้แบ่งพาร์ทิชั่นให้ลอง
ใช้โปรแกรมแบ่งพาร์ติ ชั่น
ตรวจสอบดูว่ามีการแบ่งพาร์ทิชั่นแล้วหรือ
ยังภายในฮาร์ดดิสก์
Credit Liberta
รวมปัญหาที่เกิดจาก RAM
มีเสียงร้องหลังจากเปิดเครื่องและไม่มีภาพ
มีสาเหตุดังนี้
1. เสียบ RAM ไม่แน่น
วิธีแก้ไข : ให้ลองเปิดฝาเครื่องแล้วขยับ
RAM ให้แน่น
2. เกิดจากหน้าสัมผัสของ RAM ไม่สะอาด
วิธีแก้ไข : เปิดฝาเครื่องออกมาแล้ว
ให้ลองขยับ RAM ให้แน่น ถ้ายังไม่หาย
ให้ลองถอด RAM ออกมาทำ
ความสะอาดหน้าสัมผัส โดย
ใช้ยางลบดินสอหรือน้ำยา
3. เกิดจากการเสียบ RAM ผิดแถว
วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดบางรุ่นต้องเสียบ RAM
ไล่จากแถวที่ 1 ขึ้นไป ให้ลองนำ RAM
มาเสียบที่ Slot ที่ 1 และไล่ลงไป
ในกรณีที่มี RAM หลายแถว
4. RAM ที่ใส่ไปไม่ตรง
กับชนิดที่เมนบอร์ดรับได้
วิธีแก้ไข : ตรวจสอบกับคู่มือเมนบอร์ดว่า
เป็นชนิดที่ถูกต้องและขนาดที่ไม่เกินที่เมน
บอร์ดกำหนดในแต่ละแถว ถ้าไม่ถูกให้นำ
RAM ชนิดที่ถูกต้องมาใส่
5. เกิดจาก
ความผิดผลาดของกระบวนการเช็คตอนเปิดเครื่อง
( POST) ของไบออส
วิธีแก้ไข: ในบางครั้ง
จะจดจำการติดตั้งฮาร์ดแวร์ในตำแหน่งต่าง
ไว้และทำการตรวจเช็คทุก
ครั้งที่เปิดเครื่องดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง
หรือสลับตำแหน่งของสล็อตที่เสียบอุปกรณ์ต่างๆ
เครื่องอาจจะเช็คว่าเกิดความผิดผลาดได้
โดยที่จริง ๆ แล้วไม่ได้มีอุปกรณ์ใด
ๆเสียเลยแต่เพราะเครื่อง
ได้จดจำข้อมูลตำแหน่งของสล็อต ที่เสียบ
ฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ไว้ แต่ยังไม่
ได้ทำการอัพเดทหรือ รีเฟรช (Refresh )
ทำให้เมื่อเปิดเครื่องแล้ว
ถึงขั้นตอนการตรวจสอบ เครื่อง
จะฟ้องว่าฮาร์ดแวร์
ผิด ผลาด วิธีแก้คือ ให้ลองสบับแถวของ
RAM แล้วลองเปิดเครื่องใหม่ เพื่อ
ให้เครื่องจดจำตำแหน่ง หรือ Reset ไบออส
โดยการถอด
ถ่านของไบออสบนเมนบอร์ดออกสักครู่หนึง
แล้วกลับเข้าไปใหม่ จากนั้นลองเปิดเครื่อง
ใหม่อีกครั้ง
6. RAM เสีย
วิธีแก้ไข : ให้ลองนำ RAM ตัวอื่นที่ใช้
ได้มาเสียบแทนในช่องเดียวกัน ถ้าหากใช้
ได้แสดงว่า RAM เสีย ถ้า RAM เสียก็
ต้องซื้อมา เปลี่ยนสถานเดียว
เปิดเครื่องแล้ว แต่ Test Memory
(RAM) ไม่ผ่านมีสาเหตุดังนี้
1. สล็อตเสียบ RAM เสีย
หรือเสียมคุณภาพ
วิธีแก้ไข : เป็นไปได้ที่เมื่อใช้ไปแล้ว
สล็อตเสียบ RAM เสื่อมคุณภาพ
ให้ลองย้าย RAM ไปใส่ในสล็อตอื่น
แล้วลองบู๊ตเครื่องใหม่
2. RAM เสียหรือเสียมคุณภาพ
วิธีแก้ไข : ให้ลองนำ RAM ตัวอื่นที่ใช้
ได้มาเสียบแทนในช่องเดียวกัน
ถ้าผ่านแสดงว่า RAM เสีย ก็
ต้องซื้อมาเปลี่ยนใหม่
ใช้แล้วเครื่องแฮงก์ง่ายมีสาเหตุดังนี้
1. อาจเกิดจากการตั้งค่าความถี่ที่ใช้กับ
RAM ไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : ดูที่สเปค (Spec) ของ RAM
สามารถทำงานที่ความถี่เท่าไร และให้ตั้ง
ให้ถูกต้อง โดยเซ็ทที่ BIOS หรือเมนบอร์ด
บางรุ่นต้องเซ็ทที่ Jumper บนเมนบอร์ด
โดยสามารถดูรายละเอียด
จากคู่มือของเมนบอร์ดนั้นๆ ได้
2. อาจเกิดจากการตั้งค่าการหน่วงเวลา
(Wait state) ไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : กลับไปตั้งค่าให้ถูก
ต้องเหมือนเดิม หรือตั้งค่าเป็นแบบ by SPD
จะสะดวกที่สุด
3. อาจเกิดจากการเลือกคุณสมบัติพิเศษ
เช่น Fast page , EDO ไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : ควรศกษาคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ
ให้เข้าใจอย่างละเอียดก่อนที่จะเลือก
ใช้คุณสมบัตินั้น ๆ ถ้าไม่แน่ใจ
ให้แก้กลับมาที่ Load Detault Setup หรือ
Disable เพราะถ้าเลือกใช้คุณสมบัติพิเศษ
โดยที่ RAM ตัวนั้นไม่รองรับ ก็จะทำให้เกิด
ความผิดพลาดในการทำงานได้
4. อาจเกิดจาก Clip RAM ร้อนเกินไป
วิธีแก้ไข : ในกรณีทีบางครั้ง RAM
ทำงานหนักและเกิดอาการร้อนเกินไปจะทำ
ให้เกิดการทำงานผิดพลาดได้ ดังนั้นถ้า
ต้องการเสถียรภาพ ในการทำงานมากขึ้น
เราควรปรับปรุงระบบระบายความร้อนภาย
ในเครื่องคอมพ์ให้ดีขึ้น เช่น
เพิ่มพัดลมระบายความร้อนภายในเครื่อง
วางคอมพ์ไว้ในที่ที่มี อากาศถ่ายเท
ได้สะดวกหรือห้องแอร์ก็จะยิ่งดี
5. อาจเกิดจาก RAM เสื่อม
วิธีแก้ไข : RAM บางตัวที่ใช้งานไปนาน ๆ
Clip บางตัวบน RAM อาจเสื่อมได้
โดยที่เครื่องยังสามารถทำงานได้ตามปกติ
แต่เมื่อเครื่อง ได้ใช้งานมา
ถึงตำแหน่งที่เสื่อมบนแรมตัวนั้น จะทำ
ให้เกิดการทำงานผิดพลาดได้ วิธีแก้คือ
ลองถอด RAM ตัวที่คิดว่าเสื่อมออก และนำ
RAM ตัวอื่นที่ดีมาใส่แทน และลองใช้งานดู
ถ้าทำงานได้ตามปกติแสดงว่า RAM ตัว
นั้นเสีย ให้ซื้อตัวใหม่มาเปลี่ยน หรือถ้าอยู่
ในระยะประกันให้ลองเปลี่ยนตัวใหม่
แต่อาการแบบนี้ขอบอกว่าพิสูจน์ยากนิดนึง
บางครั้งเราต้องรอจังหวะ
ขนาดของ RAM เมื่อ
ใช้งานน้อยกว่าขนาดที่แท้จริงมีสาเหตุดังนี้
1. เสียบ RAM
ที่มีขนาดเกินกว่าที่ช่องเสียบ RAM นั้นรับ
ได้
วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดบางตัว
จะกำหนดขนาดของ RAM
สูงสุดต่อแถวที่เสียบได้ในแต่ละช่องสล็อต
ดัง
นั้นควรอ่านคู่มือของเมนบอร์ดดูก่อนว่าสล็อต
ใดเสียบ RAM ที่มีขนาดสูงสุดได้เท่าไร
เช่น เมนบอร์ดบางรุ่น ช่องเสียบ RAM
แถวที่ 1ใส่ RAM ได้สูงสุดไม่เกินแถวละ
128 MB ถ้าเรานำ RAM ขนาด แถวละ
256 MB มาใส่เครื่องจะไม่สามารถรับได้
หรือมองเห็นแค่เพียง 128 MB เท่านั้น
2. ขนาดของ RAM รวม
ทั้งหมดเกินกว่าที่เมนบอร์ดจะรับได้
วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดทุกอัน
จะมีขนาดรวมของ RAM
สูงสุดที่เมนบอร์ดรับได้ไม่ใช่ว่าจะ
สามารถซื้อ RAM มาใส่เท่าไรก็ได้
ควรอ่านคู่มือ ของเมนบอร์ดรุ่นนั้นด้วย
3. RAM บางส่วนถูกนำไปใช้ในด้านอื่น
วิธีแก้ไข : เหตุการณ์นี้
จะเกิดขึ้นเมนบอร์ดบางรุ่น
ที่มีอุปกรณ์บางประเภท Onboard ซึ่งจะ
ใช้หน่วยความจำร่วมกับ RAM ทำ
ให้เมื่อเปิด ใช้งานเนื้อที่ของ RAM บางส่วน
จะถูกจองไว้สำหรับใช้งานของอุปกรณ์ตัว
นั้นโดยเฉพาะ จึงทำ
ให้เวลาระบบปฏิบัติการแสดงผลขนาดของ
RAM จะเหลือไม่เท่ากับ ขนาดที่แท้จริงของ
RAM เช่น เมนบอร์ดบางรุ่นที่มี VGA Card
Onboard และแจ้งว่ามี RAM ของ VGA
Card ขนาด 16 MB แต่เมื่อใช้งานจะ
ใช้เนื้อที่ของ RAM
ที่เสียบลงไปบนเมนบอร์ด ดังนั้น
ถ้าเราเสียบ RAM ขนาด 128 MB
ลงไปบนเมนาบอร์ดจะเหลือ RAM ที่ใช้งาน
กับระบบจริงเพียง 128 MB คือ 112 MB
4. อาจเกิดจาก RAM เสื่อม
วิธีแก้ไข : เรา
สามารถดูตามอาการเสียของแรมที่
ได้กล่าวมา ข้างต้น
RAM ที่มีความเร็วสูงแต่ทำงานที่ความ
เร็วต่ำ
1. เมนบอร์ดไม่สามารถรองรับ RAM ที่มี
ความเร็วสูงกว่าที่กำหนดได้
วิธีแก้ไข : ไม่สามารถแก้ได้ ถ้าต้องการให้
RAM ทำงานที่ความเร็วสูง
ต้องซื้อเมนบอร์ดรุ่นที่รองรับได้ เช่น RAM
ที่มีความเร็ว 133 MHz เมื่อนำมา
ใส่เมนบอร์ดที่รองรับ RAM ที่มีความ
เร็วสูงสุดที่ 100 MHz RAM ตัวนั้น
จะทำงานได้ที่ความเร็วแค่ 100 MHz
2. ไม่ได้ตั้งค่าที่ BIOS ให้ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : ที่ BIOS จะมีเมนูสำหรับตั้งค่า
ความเร็วของ RAM ที่เราต้องการ
ให้เราไปปรับค่าให้ถูกต้องหรือให้เลือกเป็น
Auto
3. ไม่ได้เซ็ทค่าจั๊มเปอร์บนเมนบอร์ด
วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดบางรุ่นจะมีการเซ็ท
ความถี่ของ RAM ที่จั๊มเปอร์บนเมนบอร์ด
ด้วย ให้ศึกษาด้วย ให้ศึกษา
และเซ็ทตามคู่มือเมนบอร์ด
Credit Liberta
รวมปัญหาที่เกิดจาก Mouse &
Keyboard
Mouse
ปัญหา : เมาส์
ไม่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว
สาเหตุ : สายเมาส์เสียบไม่แน่นหนา
ในช่องเสียบที่ถูกต้อง ซึ่ง
อยู่ด้านหลังของคอมพิวเตอร์
การแก้ปัญหา : ตรวจสอบ
และเสียบสายเมาส์ให้แน่น
ปัญหา : เมาส์
ไม่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว
สาเหตุ : ไม่ได้ติดตั้งไดรเวอร์ของเมาส์ หรือ
ติดตั้งไดรเวอร์ที่ไม่ถูกต้อง
การ แก้ปัญหา : ตรวจดูให้แน่ใจว่า
ได้ติดตั้งไดรเวอร์ของเมาส์ที่ถูกต้อง
จากเดสก์ทอปของวินโดวส์ให้คลิกที่ปุ่ม
Start จากนั้น ชี้ไปที่ Settings แล้วคลิกที่
Control Panel เมื่อเห็นหน้าต่าง Control
Panel ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Mouse
แล้วคลิกที่แท็บ General
ปัญหาเกี่ยวกับ Keyboard
โดย ปกติแล้วคีย์บอร์ดจะเป็นอุปกรณ์ที่
ไม่ค่อยมีปัญหาเวลาใช้งานมากนัก แต่ถ้า
ใช้งานไปเป็นเวลานานก็อาจจะเกิด
เป็นปัญหาขึ้นได้เหมือนกัน เช่น
ปุ่มคีย์บอรด์แข็ง กดแป้นพิมพ์ไม่ค่อยได้
บางทีกดปุ่มใช้งานคีย์บอร์ดไม่ได้เลย
ทั้งที่ซื้อมาใหม่
ปัญหา เหล่านี้ บางคนก็แก้
ด้วยวิธีการซื้อมาเปลี่ยนใหม่เพราะราคาถูก
ทั้ง ๆ ที่เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ง่ายนิดเดียว
ซึ่งมักเกิดกับคีย์บอร์ดมีดังนี้
-คีย์บอรด์แข็ง บางปุ่มกดไม่ลง
คีย์บอร์ดเป็นอุปกรณ์ที่เราต้องทำงาน
ด้วยมากที่สุดพอกับใช้เม้าส์ โดยเมื่อ
ใช้ไปนาน ๆ เข้าก็จะมีฝุ่นผงคราบสกปรก
เข้าไปเกาะติดอยู่
พอ สะสมมากเข้าจะเป็นเหตุ
ให้ปุ่มบนคีย์บอร์ดแข็ง กด
ไม่ค่อยลงเกิดปัญหาเวลาใช้งานคีย์บอร์ด
เช่น พิมพ์งานเอกสาร
หรือโปรแกรมสเปรดชีตต่าง ๆ
สำหรับวิธีแก้ไขคือ ให้ใช้แปรงปัดฝุ่น
และคราบสกปรกตามซอกปุ่มต่าง ๆ
บนตัวคีย์บอร์ด แต่ถ้าปุ่มแข็งมากให้
ใช้วิธีถอดปุ่มมาทำความสะอาด
ดังนี้
1. ให้ใช้แปรงขนอ่อนขนาด 1 นิ้ว
มาปัดฝุ่นตามซอกปุ่ม จนเห็นว่าสะอาดดีแล้ว
ให้ลองกดปุ่มดุด้วยว่ากดได้งายขึ้นหรือไม่
2. หากยังไม่หาย มีปุ่มกดบางปุ่มยังแข็ง
อยู่กดปุ่มไม่ค่อยได้ ก็ให้
ใช้ไขควงปากแบนค่อย ๆ
งัดปุ่มออกม่ทีละปุ่ม เพื่อให้มีพื้นที่ว่างมากขึ้น
และใช้แปรงขนอ่อนปัดฝุ่นผงที่เกาะติดอยู่
ตามซอกต่าง ๆ จนหมด หลังจากนั้นให้
ใส่ปุ่มกลับเข้าที่เดิม ( แกะและทำ
ความสะอาดทีละปุ่มจะได้ไม่งงเวลาที่
ใส่กลับที่เดิม )
-เครื่องแจ้งว่า " KEYBOARD ERROR
NO KEYBOARD PRESENT "
เมื่อ เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์มาทำงาน
บางครั้งจะพบกับข้อ
ความหน้าจอไบออสแจ้งว่า " KEYBOARD
ERROR NO KEYBOARD PRESENT "
หมายถึง ตรวจไม่พบคีย์?บอร์โที่ติดตั้งอยู่
สาเหตุอาจเป็นเพราะคีย์บอร์ดและเม้าส์
มีลักษณะเป็นขั้วต่อแบบ PS/2 เหมือนกัน
ดังนั้นจึงอาจเสียบผิดก็ได้
การ แก้ไข
ให้ตรวจสอบการเสียบบอร์ดที่ท้ายเคสว่าถูก
ต้องหรือไม่ ซึ่งขั้วต่อคีย์บอร์ดจะมีสีม่วง
ส่วนขั้วต่อของเม้าส์จะมีสีเขียว
ให้ถอดออกมาเสียบให้ถูกต้อง
หากยังมีข้อความดังกล่าวปรากฏ
อยู่อีกแสดงว่าคีย์บอรด์เสีย
ให้หาซื้อมาเปลี่ยนใหม่ในราคาตัวละ
150-300 บาท
-เครื่องแจ้งว่า " KEYBOARD
CONTROLLER FAILURE "
อาการ ดังกล่าวอาจมีสาเหตุมา
จากคีย์บอร์ดเสีย ให้ลองหาคีย์บอร์ด
อื่นมาลองติดตั้งใช้งานแทน
หากพบว่าคีย์บอร์ดเสียจริง
ให้หาซื้อมาเปลี่ยนใหม่
ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งมักเกิด
จากชิปคอนโทรลคีย์บอร์ดที่
อยู่บนเมนบอร์ดเสีย
หรือลายวงจรควบคุมคีย์บอร์ดแตก
หรือหลุดเนื่องจากการถอดเข้า-ออกขั้วต่อ
คีย์บอร์ดบ่อยเกินไป
เมื่อคีย์บอร์ดใช้งานม่ได้ ผู้ใช้หลายคนจำ
เป็นต้องให้ช่างหาซื้อเมนบอร์ดมาเปลี่ยน
ใหม่ เนื่อง
จากการซ่อมเมนบอร์ดค่อนข้างยาก
จะร้านรับซ่อมไม่ค่อยได้
แต่ถ้าเป็นร้านที่มีความชำนาญ
ในการรับซ่อมเมนบอร์ดโดยเฉพาะก็อาจ
จะซ่อมได้
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Mouse
-เลื่อนเมาส์ไม่ค่อยได้
ปัญหา ยอดฮิตของการใช้เมาส์ แต่เนื่อง
จากเมาส์มีราคาถูกเพียงตัวละ 80-200 บาท
เท่านั้น ผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงไม่ใส่ใจต่อปัญหานี้
และคิดในใจว่าเป็นเพราะเมาส์ราคาถูก
จึงเสียง่าย ความจริงแล้วเมาส์ไม่
ได้เสียง่ายขนาดนั้นแต่เป็นเพราะเมาส์มี
ส่วนที่ต้อง เคลื่อนไหวมาก
โดยการเลื่อนลูกบอลยางไปกับพื้น
หรือแผ่นรองเมาส์
จึงมักดูดเอาฝุ่นผงสกปรกต่าง ๆ เข้ากับติด
อยู่กับแกนหมุน ทำให้แกนหมุนไม่ทำงานจึง
ไม่สามารถที่
จะตรวจจับตำแหน่งที่เมาส์เคลื่อนที่ไป ได้
สำหรับวิธีการแก้ไขก็คือ
ให้ถอดเมาส์ออกมาทำ
ความสะอาดเอาฝุ่นผงออกไป
จากลูกบอลยางและแกนหมุนเท่านั้นเมาส์ก็
จะใช้ได้ต่อไป
โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. เปิดฝาครอบลูกบอลออก
โดยหมุนบิดไปตามทิศทางของลูกศรที่แสดงบนฝาครอบ
ใช้นำยาสเปรย์ฉีดทำความสะอาดลูกบอล
และเช็ดให้แห้ง
2.
ใช้นำยาสเปรย์ฉีดล้อหมุนแกนหมุนแนวตั้ง
และแกนหมุนแนวนอน และ
ใช้ไม้สำลีเช็ดจนไม่มีฝุ่นผงติดอยู่ที่แกนหมุน
ทั้งสาม
3. เมื่อเห็นว่าแกนหมุนทั้งหมดสะอาดดีแล้ว
ให้ใส่ลูกบอลพร้อมปิดฝาครอบกลับ
เข้าที่เดิม ซึ่งเมาส์ก็จะกลับมาใช้งาน
ได้เหมือนเดิม
- คลิกเมาส์ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
ภาย ในเมาส์จะมีสวิทช์ชนิดหนึ่งมีขนาดเล็ก
ซึ่งเรียกว่า ไมโครสวิทช์สำหรับรับคำสั่ง
จากการคลิกเมาส์ เมื่อใช้เมาส์ไปนาน ๆ ก็
จะมีเศษฝุ่น
เข้าไปเกาะติดหน้าสัมผัสของวงจรภาย
ในไมโครสวิทช์ ทำให้เกิดอาการคลิกเมาส์
ไม่ค่อยได้จึงมีวิธีการแก้ไขดังนี้คือ
1. หงายท้องเมาส์ พร้อมกับ
ใช้ไขควงคลายน็อตที่ยึดเมาส์ออกให้หมด
2. เปิดฝาครอบตัวเมาส์ออกมาแล้วจึง
ใช้นำยาสเปรย์ฉีดพ่นทำ
ความสะอาดไมโครสวิทช์ หลาย ๆ ครั้ง เพื่อ
ให้นำยาสเปรย์ ได้แทรก
เข้าไปละลายสิ่งสกปรกบนหน้าสัมผัสภาย
ในสวิทช์ จนกว่าจะกดสวิทช์ได้อย่างสะดวก
ซึ่งคงทำให้อาการดังกล่าวหายได้
Credit Liberta
รวมปัญหาที่เกิดจาก Display Card
ปัญหา เคลื่อนย้ายเครื่องแล้วเปิดเครื่อง
ได้ยินเสียงทำงาน แต่หน้าจอไม่มีภาพ
- -> สาเหตุ
การ์ดจอแบบ AGP จะมีสล็อตสำหรับ
ใส่ที่พอดีหรือตึงมากเราติดตั้งการ์ดเข้า
กับสล็อตจะต้องดันให้สุด
และขันน็อตเข้ากับตัวเคส ซึ่งในช่วงนี้
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ให้เปิดฝาเครื่องออกมาตรวจดูหากพบว่าตัวการ์ดหลวมหลุด
ให้ดันการ์ดกลับเข้าไปในสล็อตให้แน่น
เหมือนเดิม โดยไม่ต้องคลายน็อต (เพราะ
จะกระดกหลุดออกมาอีก)
หากพบว่าลายวงจรที่ขาการ์ดสกปรก
ให้ถอด
ออกมา แล้วใช้ยางลบดินสอทำ
ความสะอาดแล้งจึงใส่กลับเข้าไปใหม่ ก็คง
จะใช้การได้เหมือนเดิม
ปัญหา เล่นเกมบางทีภาพกระตุก แฮงค์ค้าง
- -> สาเหตุ
ปัญหานี้เกิดได้หลายสาเหตุเช่น อาจเป็น
เพราะการ์ดจอที่ใช้อยู่มีประสิทธิภาพ
ไม่ดีพอ ไม่สามารถ
เล่นเกมที่ใช้กำลังเครื่องมากได้
บางครั้งอาจเกิดจากพัดลมระบาย
ความร้อนบนชิปกราฟิคสกปรกทำให้
หมุนช้าลง หรือไม่หมุนเลย
ส่วนสาเหตุที่แย่ที่สุดคือ ชิปกราฟิคมีปัญหา
หรือเสียซึ่งคงต้องเปลี่ยนการ์ดจอ
ใหม่เลย
- -> วิธีการแก้ปัญหา
1. เปิดฝาเครื่องออก
และลองเปิดเครื่องตรวจดูว่าพัดลมระบาย
ความร้อนของชิปกราฟิค หมุนหรือไม่ หาก
ไม่หมุน
ต้องดูว่าพัดลมสกปรกมีคราบฝุ่นละอองเกาะติด
อยู่หรือไม่ ให้ใช้ยาสเปรย์ฉีดพร้อมกับใช้
ไม้สำลีเช็ดให้สะอาด
2.หากพบว่าพัดลมระบาย
ความร้อนชิปกราฟิคเสีย ให้ซื้อมาเปลี่ยน
ใหม่ หลังจากเปลี่ยนพัดลมตัวใหม่
ก็คงเล่นเกมได้มันสะใจขึ้น
ปัญหา การ์ดจอ Onpoard เสีย
ปัญหานี้จะแสดงอาการออกมา
ในลักษณะเปิดเครื่องได้เห็นไฟ
เข้าเครื่องทำงานปกติแต่หน้าจอจะไม่มี
ภาพอะไรเลย ผู้
ใช้หลายคนนึกว่าเมนบอร์ดเสีย
จึงไปหาซื้อเมนบอร์ดมาเปลี่ยนใหม่ทำ
ให้เสียเงินไปโดย
ใช่เหตุ
- -> สาเหตุ
ปัญหานี้สาเหตุเป็น
เพราะระบบแสดงผลของชิปเซ็ตบนเมนบอร์ดเสีย
ทำให้ไม่มีภาพปรากฎบนหน้าจอ
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ในการแก้ไขปัญหาก็
ให้ทำการจัมเปอร์บนเมนบอร์ดเป็น Disable
หรือกำหนดค่าในไบออสให้เป็น
Disable ขึ้นอยู่กับรุ่นของเมนบอร์ด
แล้วนำการ์ดจอมาติดตั้งลงในสล็อต AGP
แทน หากเป็นรุ่นไม่มี
สล็อต AGP ก็คงต้องหาซื้อการ์ด PCI
มาติดตั้งแทน
เมนบอร์ดบางรุ่นอาจจะพบและทำงาน
กับการ์ดจอที่ติดตั้งเข้าไปโดยไม่ต้อง
Disable ในจัมเปอร์
หรือไบออสแต่อย่างใด
สำหรับขั้นตอนการยกเลิกใช้งานการ์ดจอ
Onboard โดยการกำหนดจัมเปอร์
มีขั้นตอนดังนี้
1. เปิดฝาเครื่องออก
ให้สังเกตจัมเปอร์บนเมนบอร์ดที่มีตัวอักษรกำ
กับว่า VGA หรือให้ดูจากคู่มือ
เมนบอร์ด
2. เมื่อพบแล้วให้เปลี่ยนจัมเปอร์ ซึ่งอาจ
เป็นการถอดออกหรือเปลี่ยนขา จากขา 1,2
เป็น 2,3
อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้
3. ให้ติดตั้งการ์ดจอใหม่ลงเครื่อง ปิดฝา
และเปิดเครื่อง หลังจากนั้นให้ลงไดรเวอร์
ให้เรียบร้อย
ก็ใช้งานได้
Credit Liberta
รวมปัญหาที่เกิดจาก Sound Card
ปัญหา Windows กับเครื่องที่มีการ์ดเสียง
แต่กลับไม่มีเสียง
- -> สาเหตุ
หลังการติดตั้ง Windows ลงเครื่องและ
ได้ติดตั้งไดรเวอร์การ์ดเสียง
แล้วตามปกติเครื่องจะต้อง
มีเสียงดัง แต่ในบางครั้งอาจมีการกำหนดไม่
ให้แสดงเสียง
ไว้หริอมีคนไปเปลี่ยนแปลงการปรับแต่ง
เกี่ยวกับเสียงจึงทำให้ไม่มีเสียง
- -> วิธีการแก้ปัญหา
1.สำหรับ Windows XP เปิดเครื่อง
Control Panel เลือก Switch to Classic
View
แล้วดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Sound and
Audio Drvices
2.ที่แท็ป Volume ให้คลิกปุ่ม Advaced
3. ที่หัวข้อ Volume Control
ให้สังเกตดูว่ามีเครื่องหมายถูกเลือก
ในกรอบหน้าช่อง Mute all เพื่อไม่
ให้มีเสียงหรือไม่
ให้คลิกเอาเครื่องหมายถูกออก เพื่อ
ให้แสดงเสียงได้เมื่อกลับมาที่หน้าต่างเดิม
ให้คลิกปุ่ม OK
ปัญหา Sound Card ไม่มีเสียงออก
- -> สาเหตุที่ 1 ไม่ได้ติดตั้งไดรเวอร์
(Driver) ของ Sound Card
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ให้นำแผ่นไดรเวอร์ที่แถมมาพร้อมกับ
Sound Card มาติดตั้ง
- -> สาเหตุที่ 2 ไดรเวอร์ Sound Card
ที่ติดตั้งไม่สมบูรณ์หรือผิด
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ปกติเมื่อเราติดตั้งอุปกรณ์ให้
กับเครื่องคอมพิวเตอร์
ถ้าอุปกรณ์สนับสนุนระบบ Plug and Play
เครื่อง
จะพบอุปกรณ์โดยอัตโนมัติทันทีหลัง
จากเปิดเครื่องครั้งต่อไป และถ้า
ในระบบปฎิบัติการไม่มีไดรเวอร์
ที่ เหมาะสมสำหรับอุปกรณ์ตัวนั้น เครื่อง
จะถามหาแผ่นไดรเวอร์ ถ้า
ไม่มีแผ่นไดรเวอร์ สุดท้ายไฟล์ไดรเวอร์
ไม่ครบเครื่องก็จะสรุปว่าเป็น Unknown
Device ซึ่งวิธีแก้คือ
ให้เราหาไดร์เวอร์มาติดตั้ง
- -> สาเหตุที่ 3 ไดร์เวอร์ที่เราติดตั้ง
ไม่ตรงรุ่นหรือยี่ห้อของ Sound Card
- -> วิธีการแก้ปัญหา
เป็นไปได้ที่บางครั้งเครื่องจะลงไดร์เวอร์
ให้อัตโนมัติผิดรุ่น หรือเราลงผิดเอง ซึ่งอาจ
จะลงได้สำเร็จ
แต่ซาวน์การ์ดไม่ทำงาน อาการนี้เราแก้ได้
โดยลงไดร์เวอร์ใหม่ให้ตรงกับรุ่นของ
Sound Card
- -> สาเหตุที่ 4 เกิดความคอนฟิคท์
(Conflict) หรือขัดแย้งกับอุปกรณ์ตัวอื่น
- -> วิธีการแก้ปัญหา
เรา สามารถตรวจสอบได้ว่าเกิดการขัดแย้ง
กับอุกรณ์ตัวอื่น โดยเข้าไปที่ Device
Manager สังเกตดูที่ Sound Card
จะมีเครื่องหมายอัศเจรีย์ ให้ดับเบิ้ลคลิก จะ
เข้าสู่ Properties ของ Sound Card
ให้ดูว่ามีการขัดแย้งกันที่ใด แล้ว
เข้าไปเซ็ทค่าใหม่ไม่ให้ซ้ำกับอุปกรณ์ตัว
อื่นๆ
- -> สาเหตุที่ 5 ที่ Volume Control ถูก
Mute ไว้
- -> วิธีการแก้ปัญหา
บาง ทีการที่เสียงไม่ดังเป็นเพราะว่า เราไม่
ได้เข้าไปปรับทางด้านซอฟต์แวร์ ไม่ได้
เป็นฮาร์ดแวร์เลย เช่น ที่ Volume
Control (เฉพาะในระบบปฎิบัติการ
Windows) เพื่อตั้งค่าความดังของเสียง
ในระบบ วิธีเข้าโดยคลิกที่ Start >
Programes>Accessories
>Entertainment >Volume Control
เพื่อติดตั้งความดังของเสียง หรือบางครั้ง
จะมีรูปลำโพงสีเหลืองอยู่ที่ Taskbar
สามารถดับเบิ้ลคลิก
เพื่อเปิด Volume Control ได้อย่างรวดเร็ว
หากหา volume Control ไม่พบอาจเป็น
เพราะไม่ได้
ติดตั้งส่วนประกอบนี้ไว้ก็ได้
ให้ลองไปตรวจสอบโดยคลิกที่ Start >
Setting > Control Panel
> Add / RemoveProgrames >
Windows Setup ในหมวดของ
Multimedia จะมี Volume Control อยู่
ใส่เครื่องหมายถูกเพื่อเพิ่มส่วนประกอบนี้
เข้าไป
- -> สาเหตุที่ 6 Sound Card หลวม
- -> วิธีการแก้ปัญหา
เป็นไปได้ที่ Sound Card ที่เสียบอยู่
ในสล็อตอาจหลวม ให้เราปิดเครื่อง
แล้วเปิดฝาเครื่องขยับ
Sound Card ให้แน่นแล้วลองเปิดเครื่อง
ใหม่ครับ
- -> สาเหตุที่ 7 ต่อสายผิดช่อง
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ปกติ ที่ Sound Card นั้น
จะมีช่องเสียบอย่างน้อย 3 ช่อง คือ Line-
out Speaker out, Mic in และ Line in
ซึ่งลักษณะ Jack เป็นลักษณะเดียวกัน
สามารถเสียบด้วยกันได้ ซึ่ง
ถ้าเราเสียบผิดทำให้ไม่มี
เสียงออก ให้เสียบลำโพงที่ช่องสีเขียว
- -> สาเหตุที่ 8 ไม่
ได้เสียบปลั๊กไฟของลำโพงหรือไม่
ได้เปิดสวิทซ์ลำโพง
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ลองตรวจสอบไฟแสดงการทำงานที่ลำโพงว่าไฟ
เข้าลำโพงหรือเปล่า ถ้าไม่มีไฟเข้า อาจเป็น
เพราะ
ไม่ได้เสียบปลั๊กลำโพง หรือไม่
ได้เปิดสวิทซ์ลำโพงก็เป็นได้
ลองตรวจสอบดู
- -> สาเหตุที่ 9 ลืมเร่ง Volume
ที่โปรแกรม
ถ้าเราเร่งเสียง Volume ของลำโพง
แล้วแต่เสียงยังไม่ดังอาจเป็นเพราะว่าไม่
ได้เร่งเสียงที่Volume
Control ว่าเราได้เร่งเสียงเท่าไร
ลองเร่งเสียงทั้งทที่ช่องMaster Volume (
ด้านซ้ายสุด)และช่องเสียง
ที่เราใช้อยู่
หรืออาจลองเร่งเสียงดูทุกช่องเลยก็ได้
- -> สาเหตุที่ 10 ระบบปฎิบัติการไม่รองรับ
ปัญหานี้มักจะเกิดขึ้นกับ Sound Card
รุ่นเก่า ที่
ไม่มีไดรเวอร์สำหรับระบบปฏิบัติการรุ่น
ใหม่ๆ
ให้ลองค้นหาไดรเวอร์จากอินเตอร์เน็ต
หรือดาวน์โหลดไดรเวอร์จากเว็บไซต์ของ
ผู้ผลิต
- -> สาเหตุที่ 11 Sound Card เสีย
ถ้า ทำทุกวิธีแล้วเป็นไปได้ที่ Sound Card
อาจเสียให้ลองเอา Sound Card ไปลองใส่
ในเครื่องอื่นดู ถ้ายังใช้ไม่ได้เหมือน
กันแสดงว่าเสีย
ปัญหา Sound Card เสียงเบา
- -> สาเหตุที่ 1 ไม่ได้ปรับปุ่มปรับเสียงที่
Sound Card ด้านหลังเครื่อง
- -> วิธีการแก้ปัญหา
Sound Card ที่มีวงจรขยายสัญญาณเสียง
ในตัวจะมีปุ่มปรับเสียงอยู่บนตัว Sound
Card ด้วย เพื่อ
ตั้งระดบสัญญาณเวียงให้เหมาะสม
กับอุปกรณ์ที่ต่ออยู่ ให้เราปรับ
ให้ดังจขึ้นตามความเหมาะสม
- -> สาเหตุที่ 2 ลำโพงที่ใช้
ไม่มีวงจรขยายเสียงในตัว
- -> วิธีการแก้ปัญหา
เมื่อเราซื้อ Sound Card จะ
ต้องมีการตรวจสอบดูว่า Sound Card
ที่กำลังจะซ้อนั้นมีแอมป์ในตัว
หรือ เปล่าและมีกำลัง Watts เท่าไร เพื่อที่
จะสามารถซื้ลำโพงได้ถูก เช่น Sound
Card บางตัวนั้น
ไม่มีวงจรขยายสัญญาณเสียงในตัว
จึงไมมีกำลังขับ เราจึง
ต้องหาลำโพงที่มีวงจรขยายเสียง
ในตัว เราสามารถซ้อลำโพงได้
ทั้งแบบมีแอมป์และไม่มีแอป์ในตัวมาใส่ได้
- -> สาเหตุที่ 3 ไม่ได้ปรับ Balance ให้
อยู่ตรงกลาง
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ที Volume Controlจะมีปุ่มปรับ Balance
ให้เลือกว่าจะดังที่ลำโพงข้างซ้าย
หรือข้างขวามากกว่ากัน
ถ้าเราเลื่อนไปทางด้านซ้ายหรือด้านขวาสุด
ลำโพงจะดังเพียงข้างเดียว ให้ปรับปุ่ม
Balance มาที่ตรงกลาง
ปัญหา Sound Card เสียงแตก
- -> สาเหตุที่ 1 แจ๊คเสียบไม่สะอาด
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ในกรณีไม่สะอาดเป็น
เพราะหน้าสัมผัสทำปฎิกิริยา
กับอากาสเกิดอ๊อกไซด์ (สนิม) วิธีแก้ให้ทำ
ความสะอาดแจ๊คลำโพง
- -> สาเหตุที่ 2 แจ๊คเสียบหลวม
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ให้ขยับแจ๊คของลำโพงให้แน่น
Credit Liberta
รวมปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจาก CD-ROM
Drive
ก่อนที่จะทำการลงมือจัดการกับอาการหนึ่ง
ๆ ขอให้เช็คลิสต์ต่อไปนี้ เพื่อค้นหาสาเหตุ
เสียก่อน ดังนี้
- ตรวจตราแผ่นดิสก์ที่ใช้ ดู
ความสะอาดของแผ่น รวมถึงร่องรอย
ความเสียหาย ลองใช้ดิสก์นี้กับเครื่อง
อื่นดูบ้าง เพื่อดูว่าอ่านได้หรือไม่
ถ้ากำลังทำการเขียน ให้ดูว่า สื่อ ดิสก์ที่ใช้
ได้การรับรองว่ารันได้ตามความ
เร็วการเขียนที่ใช้อยู่หรือไม่ มิฉะนั้นแล้ว ก็
ให้ ลดความเร็วการเขียนลง และลองเขียน
ใหม่อีกครั้ง
- ตรวจดูโค้ดแจ้งข้อผิดพลาดของไดรฟ์
ไดรฟ์บางชนิด ใช้เฟิร์มแวร์ที่มีการ
แสดงผลกระพริบ LED เป็นตัวบอก
ถึงสาเหตุปัญหาภายในตัว ดูเอกสารจาก
ผู้ผลิตเพื่อดูโค้ดนั้นบอกถึงอาการใด ส่วน
ใหญ่ แล้ว โค้ด LED ก็จะบอก
ถึงข้อบกพร่องของไดรฟ์
ซึ่งควรเปลี่ยนไดรฟ์ใหม่ทันที
- ตรวจการจ่ายไฟเข้าไดรฟ์
ไดรฟ์ซีดีรับไฟผ่านเข้าหัวต่อมาตรฐานแบบ
4 พิน ถ้าไฟ LED ของไดรฟ์ไม่ติด ให้ตรวจ
สายจ่ายไฟว่าเสียบแน่นหรือไม่ อย่าให้สาย
Y หรือสายต่อแยกที่ต่อแยกไดรฟ์อีกตัว
อาจเป็นผลให้ไดรฟ์ทำงานผิดพลาดได้
- ตรวจสายสัญญาณ
ตรวจดูว่าการติดตั้งไดรฟ์
ใหม่มักพบว่าต่อสายไว้ไม่แน่น หรือ
ไม่ก็เสียบสายผิดด้าน ส่วนไดรฟ์ที่ ติด ตั้ง
ไว้อยู่แล้วก็ยังพบว่ามีอุบัติเหตุสายหลุด
ได้เหมือนกัน ให้ตรวจสอบปลายทั้งสองด้าน
หากพบว่าสายมีรอยหัก ถลอกหรือเสีย
หายแบบใด ๆ ก็ต้องเปลี่ยนใหม่
- ตรวจสายออดิโอ ตรวจดูว่าสายนี้ติดตั้ง
ไว้ถูกต้องทั้งสองปลาย ปัญหาส่วนใหญ่ใน
ส่วนนี้มักมาจากเสียบสายออดิโอ ไว้
ผิดขั้วบนการ์ดเสียง สาเหตุอื่น ๆ ก็อาจ
เป็นกรณีที่เสียบสายไม่ถูกต้อง
ใช้พินผิดตำแหน่งระหว่างไดรฟ์ซีดีและ
ส่วนการ์ดเสียง ให้ลองเปลี่ยนใหม่
- ตรวจดูจั๊มเปอร์ กำหนด ID ของไดรฟ์
ATAPI IDE CD ต้องถูกคอนฟิกเป็น
"Master " หรือ "Slave"และไดรฟ์ SCSI
CD ต้องใช้ SCSI ID ที่ไม่ซ้ำค่ากัน
ตรวจสอบซ้ำ
ในตำแหน่งจั๊มเปอร์บนไดรฟ์ว่ากำหนด ID
ไว้ถูกต้อง แล้วและ ไม่ ขัดแย้งกันไดรฟ์
อื่นที่อยู่บน controller channel เดียวกัน
ตัวอย่างเช่น
การกำหนดไดรฟ์สองตัวบนแชนเนลเดียวว
กันเป็น "Master" ทั้งคู่ก็จะมีปัญหากับ
ในระบบ ให้หลีกเลี่ยงการใช้แบบ "cable
select " กับไดรฟ์ ATAPI IDE เนื่องจาก
จะต้องใช้สายชนิดพิเศษที่ไม่ค่อยมีพร้อมมา
กับไดรฟ์ส่วนใหญ่
- ตรวจดูว่าในไบออสรู้จักกับไดรฟ์หรือไม่
ถ้าไดรฟ์ซีดีไม่มีการตอบสนอง ให้ดู
ในไบออส ในตอนสตาร์ท ครั้งถัดไป
ไดรฟ์สมัยใหม ่จะแจ้งหมายเลขรุ่น
และข้อมูลผู้ผลิตในไบออสตอนบูต
ด้วยพร้อม ๆ กับข้อความแจ้ง
ส่วนฮาร์ดดิสก์ และ ไดรฟ์ชนิดต่าง ๆ
คุณอาจสตาร์ท cmos setup
และตรวจสอบว่าได้กำหนดเป็นแบบ
"autodelect" หรือ "auto-configure"
ถ้ากำหนดไว้เป็น "none" หรือ"not
installed" ไบออสก็จะไม่ตรวจจับไดรฟ์
ในตำแหน่งนี้ หากเป็นกรณีที่ เคยใช้ไดรฟ์
ได้อย่างปกติมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่พบก็
ให้ตรวจสายจ่ายไฟและสายสัญญาณ
หรือก็อาจเป็นไปได้ว่าไดรฟ์เสียแล้ว
- ตรวจดูว่า Windows จำไดรฟ์ได้หรือไม่
windows ควรที่จะจำไดรฟ์ซีดีได้
หากติดตั้งไว้อย่างถูกต้อง และแสดง
รายการไว้อย่างถูกต้องใน Drvice
Managerให้ตรวจดูในDrvice Manager
และดูว่าแสดงรายชื่อถูกต้องหรือไม่
ถ้าแสดงรายการไว้เลย ก็แสดงว่า
windows จะยังใช้ไดรฟ์ไม่ได้อีก
ข้อบกพร่องก็น่าจะอยู่ที่สายจ่ายไฟ
สายสัญญาณ หรือ ตัวไดรฟ์
หากแสดงรายการของไดรฟ์ แต่ชื่อไม่ถูก
ต้องให้ลองลบหรือ remove รายการ
นั้นออกจาก Drvice Manager
แล้วรีบูตเพื่อให้ windows ตรวจจับไดรฟ์
ใหม่อีกครั้ง
- ตรวจการอัปเดตไดรเวอร์ windows
เวอร์ชันปัจจุบัน
มีไลบรารีของไดรเวอร์ของไดรฟ์ซีดีชนิดต่าง
ๆ ค่อนข้าง ครอบคลุมมาก อย่างไรก็ตาม
ปัญหาไดรฟ์และข้อผิดพลาดต่าง ๆ ก็
ยังอาจเกิดขึ้นได้อยู่จึงควรที่ตรวจสอบ
การอัปเดตจากผู้ ผลิต เมื่อ
ได้ดาวน์โหลดไดรเวอร์ที่ถูกต้องมาแล้วให้
ใช้แท็บdriverในไดอะล็อก Properties
ของไดรฟ์ซีดีนั้น ๆ เพื่อเริ่ม
ต้นกระบวนการอัปเดต
- ตรวจการอัปเดตเฟิร์มแวร์ เป็นโปรแกรมที่
เป็นตัวดำเนินการต่อไดรฟ์ซีดี และปกติ
จะถูกบันทึกอยู่บน ชิปที่อยู่ในส่วน ชุดอิ
เล็กทรอนิกส์
มีบางกรณีที่เฟิร์มแวร์อาจมีข้อบกพร่องจน
เป็นผลให้ไดรฟ์เกิดปัญหาได้ปกติมัก
จะเกิดเมื่อจับคู่ฮาร์ดแวร์กับ os เวอร์ชันหนึ่ง
ๆขณะหสไดรเวอร์อัปเดต ก็ควรที่
จะดูการอัปเดตเฟริร์แวร์ด้วย
- เปลี่ยนไดรฟ์ใหม่ ถ้าขั้นตอนต่าง ๆ
ที่กล่าวในข้างต้นนี้ยังไม่
ช่วยแก้ปัญหาของไดรฟ์ซีดีได้เลย ก็อาจต้ง
ถึงขั้นเปลี่ยน ไดรฟ์ตัวใหม่ที่ใช้ยี่ห้อและรุ้น
อื่น วิธีนี้อาจช่วยแก้ไขได้ในเรื่องของ
คอมแพทิเบิล
หรือปัญหาด้านสมรรถนะที่อาจเกิดขึ้นได้
ในบางครั้ง
ปัญหาที่เกิดจาก CD-ROM Drive
ได้รับแจ้งข้อความว่า "Buffer underrun
at sector"
คำ ว่า "Buffer underrun"
เป็นตัวแจ้งบอกว่ามีการขัดจังหวะ
ในการไหลของ ข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์
เข้าสู่เครื่องบันทึกซีดี เป็นเวลานาน
พอจนทำให้บัฟเฟอร์ของซีดีว่างเปล่าลง
และมีผลทำให้กระบวนการเขียนนี้ยุติลง
ถ้าเกิดสิ่งนี้ขึ้นระหว่าง ดำเนิน การเขียนจริง
แผ่นซีดีนั้นก็อาจจะเสียหายไปเสียแล้ว
เพื่อหลีกเลียงปัญหา Buffer underrun
คุณควรจะลดโหลดภาระ ต่าง ๆ
ของระบบลงให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น
ให้แน่ใจว่าสกรีนเซฟเวอร์
หรือโปรแกรมแบบฝังตัวในหน่วยความจำ
ให้ ปิดวินโดวส์ใด ๆ ที่เปิดอยุ่ลง
ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ดูว่าฮาร์ดดิสก์ขณะนั้น
ไม่ควรทำงานผ่านเน็ตเวิร์ก
ข้อผิดพลาดบ่งชี้ว่าดิสก์ปลายทางมีขนาด
เล็กกว่าดิสก์ต้นทาง
ข้อ
ผิดพลาดนี้มักเกิดขึ้นเมื่อคุณพยายามจำทำซีดีที่มี
อยู่แล้วไปยัง CD-R ไม่มีพื้นที่เพียงพอ
ในแผ่น CD-R ที่จะคัดลอก จาก ซีดีต้นทาง
ให้ลองใช้แผ่นเปล่า CD-R ใช้แผ่นขนาด 74
นาทีแทนที่จะใช้แผ่นขนาด 60 นาที
ได้รับแจ้งข้อความว่า "No write data
(buffer empty)"
การ ไหลของข้อมูลเข้าไดรฟ์ CD-R ต้องมี
ความน่าเชื่อถือ ( reliable ) อย่างยิ่งเพื่อ
ให้บัฟเฟอร์ที่กำลังใช้งาน ที่ตคอยจัด
เตรียมข้อมูลให้พร้อมในการเขียนลงดิสก์
อยู่นั้ไม่ว่างลง
คำาแจ้งนี้บ่งบอกว่าการไหลข้อมูล
จากฮาร์ดดิสก์เข้า เครื่องบันทึก
ซีดีถูกขัดจังหวะ ( คล้ายกับข้อผิดพลาด "
Buffer Undrrun ) ให้แน่ใจว่า
ในขณะทำการเขียนดิสก์ไม้ได้
ใช้สกรีนเซฟเวอร์ ยูทีลิตี้ TSR ใด ๆ
หรือเปิดวินโดว์ใด ๆ
ที่อาจส่วผลขัดจังหวะการทำงานเขียนดิสก์
ได้ และฮาร์ดดิสก์ที่นำมา ใช้งาน นี้ไม่ ควร
จะทำงานผ่านเน็ตเวิร์ก เรื่อง
ต้องสงสัยต่อมาก็คือการเซ็ตอัป SCSI
ตำแหน่งของเครื่องบันทึกซีดีแบบ SCSI ใน
SCSI chain หรือความยาวของสาย SCSI
ระหว่างอัปเต็ทเตอร์ SCSI
และเครื่องบันทึกซีดี ซึ่งอาจเป็น ตัวการทำ
ให้ส่ง ข้อมูลช้าลงด้วย
ให้พยายามต่อเครื่องบันทึกซีดีไว้
เป็นอุปกรณ์ตัวแรกของ SCSI chain
( คุณอาจจำเป็นต้องทำ ส่วนปลาย จบของ
SCSI chain ใหม่อีกครั้ง ) และทำให้สาย
SCSI สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ได้รับแจ้งว่า " Read file error "
ไฟล์ ตามที่อ้างอิงาจาก Vitrual image
database ( เมื่อเขียนแบบ on the fly )
ไม่สามารถหาตำแหน่งได้พบหรือเข้าถึงได้
จากไดรฟ์ต้นทาง ให้แน่ใจว่าไฟล์
ต้องสงสัยนี้ไม่ได้ถูกใช้อยู่ทั้งจากคุณ
และคนอื่นบนเน็ต เวิร์ก ไฟล์นี้
ยังอาจเสียหายก็ได้ให้ออก
จากแอปพลิเคชั่น CD-R และรัน ScanDisk
และ Defrag เพื่อตรวจสอบระบบไฟล์เพื่อ
ค้นหาปัญหา คุณอาจจำเป็น
ต้องโหลดไฟล์ต่าง ๆ ทีเสียหาย
จากที่ทำสำรองเข้ามาใหม่
ได้รับแจ้งข้อความว่า " Write
emergency "
ข้อ ผิดพลาดนี้เกิดขึ้น
ถ้าไดรฟ์ถูกขัดจังหวะระหว่างทำการเขียน
มักพบในกรณีเขียน Red Book audio
แต่ก็ยังเกิดขึ้น ได้กับการบันทึกข้อมูลด้วย
ตัวอย่างเช่น อาจมีอนุภาคฝุ่นอยู่ทำ
ให้เลเซอร์กระโดดข้ามไปบางแทร็ก ส่วน
ใหญ่แล้วก็จะทำให้ CD-R เสีย และ
ต้องกระทำการเขียนบันทึกใหม่
ด้วยแผ่นซีดีคุณภาพดี
ไม่สามารถเพิ่มข้อมูลเข้าในดิสก์ CD-RW
ได้อีก
มี อยู่หลายสาเหตุที่มีผลป้องกันไม่
ให้เพิ่มไฟล์เข้าไปในดิสก์ที่เคยเขียนไป แล้ว
อย่างแรก ตรวจสอบพื้นที่ว่าง บนดิสก์คุณ
ไม่ สามารถเพิ่มไฟล์ขนาด 100MB
เข้าบนดิสก์ที่เหลือพื้นที่ว่างเพียง 50MB
ต่อมาให้ดูที่ความแตกต่าง ระหว่างไดรฟ์
และ ซอฟท์แวร์
คุณอาจพบปัญหาการเปลี่ยนเวอร์ชันของซอฟท์แวร์
หรือนำไปเขียนบนพีซีอีกตัวที่ใช้ไดรฟ์
และซอฟท์แวร์ต่างไป
ไดรฟ์ CD-ROM ไม่อ่านดิสก์ CD-RW
เป็น ปัญหาที่มักพบในเรื่อของไดรฟ์รุ่นเก่า
CD-ROM เองที่เป็นรุ่นเก่าเกินไป ในไดรฟ์
CD-ROM รุ่นเก่าปกติ จะไม่ คอมแพทิเบิล
กับ Multi-Read/UDF และไม่
สามารถอ่านดิสก์ UDF formated ได้
เครื่องเล่น CD audio ก็ไม่
สามารถอ่านดิสก์ UDF ได้ ถ้า CD-ROM
ของคุณไม่เป็น Multi-Read-complaint
คุณก็จำเป็นต้องอัปเกรดเป็นรุ่นที่ Multi-
Read-complaint หรือบันทึกดิสก์ของคุณ
ในรูปแบบของ ISO9660 ที่ใช้ไดรฟ์ CD-
RW หรือ CD-R ได้รับ แจ้งข้อผิดพลาดว่า
"CD-RW isnot under Direct CD
control"โดยทั่วไปจะพบปัญหานี้เฉพาะใน
Windows 9x/Me เมื่อคุณพยายามจะลบ
ฟอร์เมต หรือคัดลอกข้อมูลไปยัง CD-RW (
แต่จะไม่พบปัญหาเช่นนี้ใน Windows XP)
ปัญหาชนิดนี้มักพบเมื่อใช้ไดรฟ์ Ricoh CD-
RW กับซอฟต์แวร์ Roxio (Adaptec)
Direct CD ปัญหานี้สามารถ เกิด
ได้เมื่อไดรฟ์ CD-RW ใช้เฟิร์มแวร์รุ่นเก่า (
ตัวอย่างเช่น ไดรฟ์ Ricoh CD-RW
ที่มีเฟิร์มแวร์ v.2.03 หรือก่อนหน้า) หรือ
ถ้าคุณใช้ Roxio (Adaptec) DirectCD
2.0 หรือก่อนหน้า ให้ลองอัปเดตเฟิร์มแวร์
ของไดรฟ์และ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ เขียนซีดี
สื่อ CD-RW ไม่สามารถนำมาใช้ได้เมื่อ
UDF format ถูกขัดจังหวะ
ถ้า ไฟดับในขณะฟอร์แมตดิสก์ CD-RW
ดิสก์นี้ก็จะนำไปใช้กับแอปพลิเคชั่นใด ๆ อีก
ไม่ได้ และจะทำการฟอร์แมต อีกครั้ง ไม่ได้
ด้วย การแก้ปัญหานี้ ให้ใช้ความสามารถ
DirectCD Full Erase เพื่อลบ (wrip)
ดิสก์ แล้วลองพยายามฟอร์แมตอีก ครั้ง ถ้า
ยังไม่ได้อีก ก็คงต้องทิ้งแผ่นนี้
ไดรฟ์ CD-RW ไม่สามารถแสดงใน My
Computer หรือ Windows Explorer
เป็น ผลจากไดรฟ์ถูกปลดออกจากระบบ มี
ได้หลายสาเหตุ ถ้าไดรฟ์ไม่แสดงใน
Explorer ให้คลิก View จากเมนูแล้วคลิก
Refresh อาจจะต้องรีบูตคอมพิวเตอร์ (จาก
cold start) เพื่อให้ PnP BIOS จำไดรฟ์
CD-RW ได้ใหม่ ลำดับต่อมา
ให้ตรวจสายของไดรฟ์
ให้แน่ใจว่าสายเพาเวอร์เสียบไว้ถูกต้อง
และแน่นดีแล้ว ทดสอบไฟจ่ายเข้า
โดยกดเปิด และปิดถาดโดย ใช้ปุ่ม Eject
และให้แน่ใจว่าสายสัญญาณ SCSI หรือ
IDE ของไดรฟ์เสียบไว้ถูกด้าน
ในระหว่างตัวไดรฟ์กับ คอนโทรล
เลอร์ของไดรฟ์ อาจเป็นไปได้ว่าคุณ
ได้ติดตั้ง CD-RW ไว้เป็นอุปกรณ์
"Master" IDE ตรวจ
ให้แน่ใจว่าจั๊มเปอร์ของ ไดรฟ์กำหนด ไว้ถูก
ต้องแล้ว และดูว่าอุปกรณ์ตัว
อื่นบนแชนเนลเดียวกันได้กำหนดจั๊มเปอร์ไว้
เป็นแบบ "Slave" ถ้าใช้ไดรฟ์ SCSI CD-
RW ให้ดูที่ SCSI ID ของ CD-RW ว่าไม่ซ้ำ
กับอุปกรณ์ตัวอื่น และต่อใน SCSI chain
ไว้ถูกต้องรวมถึงส่วนปลายจบด้วยให้แน่ใจ
ได้วาได้ใช้ไดรเวอร์ CD-RW
และซอฟต์แวร์ยูทิลิตี้รุ่นใหม่ล่าสุด ถ้ายัง
ไม่หาย ให้ลองไดรฟ์ CD-RW ตัวอื่น
หรือคอนฟิกไดรฟ์นี้ใหม่หมด
ให้มีเพียงตัวเดียวบนแชนเนลของคอนโทรลเลอร์
ได้รับแจ้งข้อผิดพลาดเมื่อดับเบิลคลิกไอคอน
CD-RW
เป็นไปได้หลายสาเหตุ โดยทั่วไปก็มีสาเหตุ
จากไดรฟ์ไม่สามารถอ่านดิสก์ได้
ให้ตรวจสอบด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- ไม่มีซีดีในไดรฟ์ CD-RW ให้
ใส่ซีดีคุณภาพดี และลองทำการอ่านอีกครั้ง
- หลังจากใส่แผ่นซีดี อาจ
ต้องรอสักพักไดรฟ์ CD-RW จึง
จะอ่านข้อมูลของดิสก์ เมื่อไฟ LED
ที่แผงหน้าหยุดกะพริบ และค้างเป็นสีเขียว
ให้คลิกไอคอนของไดรฟ์ CD-RW อีกครั้ง
- เป็นไปได้ว่าซีดีอาจใส่ในไดรฟ์ไว้กลับด้าน
หรือวางเยื้องศูนย์กลางไปเล็กน้อย ให้
ใส่แผ่นซีดีใหม่อีกครั้ง วาง
ให้ด้านฉลากหงายขึ้น
- คุณอาจกำลังอ่านแผ่นเปล่าของ
recordable CD อยู่
ให้คัดลอกข้อมูลบางอย่างเข้าในดิสก์
และลองอ่านอีกครั้ง
ได้รับแจ้งข้อผิดพลาดว่า "invalid
mewdia" เมื่อพยายามจะบูตจาก CD-RW
เกือบ ทุกแพล็ตฟอร์มในปัจจุบัน เป็นไป
ได้ว่าจะบูตจากไดรฟ์ CD-RW
แทนฟลอบปี้ดิสก์และฮาร์ดดิสก์
ข้อผิดพลาด "invalid mewdia"
จากไดรฟ์ CD-RW โดยทั่วไปหมาย
ถึงว่าดิสก์ไม่มีไฟล์บูตสแตรปที่จำเป็น
ต้องการเริ่มต้นกระบวน การบูต
และโหลดระบบปฏิบัติการ หรือก็
เป็นที่ตัวดิสก์เองที่ไม่ได้สร้างไว้เป็นแบบบูต
ได้ ให้ลองใช้แผ่นที่บูตได้
การแก้ปัญหานี้ ให้นำดิสก์นี้ออกจาก CD-
RW ระหว่างบูต ไบออสจะข้าม CD-RW
และไปยังไดรฟ์ตัวถัดไปที่กำหนดไว้ใน
Boot order
อ่านแผ่นดิสก์ไม่ได้
ระบบ ปฏิบัติการแจ้งว่า "secter not
found" . "drive not ready"
หรือข้อผิดพลาดอื่นๆ ที่
เป็นเรื่องของการอ่าน (read) แผ่น
ให้ตรวจที่แผ่นดิสก์ว่าใช้ถูกฟอร์แมตหรือไม่
วางแผ่นให้ถูกต้อง และ
เป็นแผ่นที่สะอาดอีกอย่างหนึ่งคือ
ให้ตรวจสอบสายจ่ายไฟ
และสายสัญญาณระหว่างไดรฟ์
และการ์ดคอนโทรลเลอร์ ให้แน่ใจว่าเสียบ
ไว้ถูกต้องและแน่นดีแล้ว ถ้ายังไม่หายก็
เป็นไปได้ว่าหัวอ่านแสงหรือส่วนอี
เล็กทรอนิกส์ของไดรฟ์น่าจะ บกพร่อง
ทางออกที่ดีที่สุดคือเปลี่ยนไดรฟ์ตัวใหม่
พบกับคำแจ้งข้อความผิดพลาดว่า "not
ready reading from drive D: "
ถ้า ไบออสจำไดรฟ์ได้อย่างถูกต้อง
และแสดงเป็นรายการใน Device
Manager ถูกต้องด้วย ปัญหานี้น่าจะ
อยู่ที่ตัวสื่อ หรือกลไกอื่น ให้แน่ในว่า
ใช้ดิสก์ถูกชนิดและใส่ไว้อย่างถูกต้องดีแล้ว
ในไดรฟ์ ควรตรวจสอบกิจกรรมอื่นๆ
ที่เกิดขึ้นในไดรฟ์
และเสียงมอเตอร์หมุนแผ่นดิสก์ด้วย ถ้า
ไม่มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเลย ไดรฟ์อาจจะเสีย
แล้วก็ได้
Windows XP อ่านดิสก์ข้อมูลได้ แต่ไม่
สามารถเล่น CD audio ได้
เกือบ จะทุกกรณีจากการที่ Windows XP
ไม่ได้ติดตั้ง audio codecs ที่ถูก
ต้องสำหรับการชฃซับพอร์ต CD audio
playback ให้เปิด Control Panel เลือก
Sounds , Speech and Audio Devices
เลือก Sounds And Audio Devices
แล้วคลิกแท็บ Hardware กับ Audio
Codecs ถ้าไม่มีอยู่ในรายการนี้ คุณก็จำ
เป็นต้องเพิ่มมันเข้า ไปด้วย Add New
Hardware Wizard
Windows XP ไม่แสดงไดรฟ์ซีดี
พบ ว่าใน Device Manager หรือ My
Computer ไม่แสดงรายการของไดรฟ์ซีดี
ไว้เลย คุณยังอาจพบว่ามีรายการของ DVD/
CD- ROM ใน Device Manager
แต่มีเครื่องหมายคำถามกำกับอยู่ด้วย สิ่งนี้
เป็นปัญหาจาก ซอฟต์แวร์ ที่มาจากการ
ใช้ไดรเวอร์ผิด ให้เปิดไดอะล็อกบ็อกซ์
Properties ของรายการนั้น และเลือกแท็บ
Drive แล้วคลิก Uninstall
ถ้ามีมากกว่าหนึ่งรายการที่มีเครื่องหมายคำถามกำ
กับอยู่ ก็ให้ถอนออกไปทุกตัวที่เป็นเช่นนี้
ในตอนนี้ให้ใช้เมนู Action เลือก Scan for
hardware changes ซึ่งให้ผลทำให้
Windows XP ตรวจจับฮาร์ดแวร์
ใหม่อีกครั้ง และติดตั้งใหม่โดย
ใช้ไดรเวอร์ที่เหมาะสมให้ ถ้าไม่พบไดรเวอร์
XP สำหรับไดรฟ์ซีดีที่ใช้งาน อยู่ให้ติดต่อ
กับผู้ผลิต ไดรฟ์ เพื่อหาไดรเวอร์ที่เหมาะสม
ใหม่อีกครั้ง
ได้รับแจ้งข้อความว่า "CD-ROM can
run , but results may not be as
expected"
พบ ใน Windows 9x/Me ที่
ใช้ไดรเวอร์แบบเรียลโหมด ซึ่งหมาย
ถึงว่าไดรฟ์รันใน MS- Dos
Compatibility Mode
ถ้าไดรเวอร์โปรเท็กซ์โหมดพร้อมใช้งานได้
อยู่ ก็จะใช้ไดรเวอร์เหล่านั้นแทน
ทางออกคือคุณควรจะ ดาวน์โหลดและ
ติดตั้งไดรเวอร์แบบโปรเท็กซ์โหมด
จากเว็บไซต์ของผู้ผลิต
เมื่อพยายามจะเข้าดูลิสต์ของไดเรกทอรี
กลับพบคำแจ้งข้อความว่า "Not reading
drive [ตัวอักษรระบุชื่อไดรฟ์]:"
สิ่ง นี้เป็นปัญหาของการสื่อสารระหว่าง
SCSI host controller และ CD-
ROM ,CD-RW เป็นเหตุให้ได้ SCSI ID
ไม่ตรงกับที่ไดรฟ์ต้องการ ขั้นตอนแรก
ให้ปิดเครื่อง และตรวจดูไดรฟ์ว่าถูกเชื่อมต่อ
ไว้ ถูกต้องกับ SCSI host controller และ
ต้องแน่ใจว่าใส่แผ่นซีดีในไดรฟ์ไว้ถูกด้าน
ด้วย ถ้ายังไม่หาย
ให้เปลี่ยนค่ากำหนดสวิตช์ของไดรฟ์
เพื่อเลือกหมายเลข ให้อุปกรณ์ SCSI ใหม่
รีบูตเครื่องและพยายาม
เข้าดูลิสต์ของไดเรกทอรีใหม่อีกครั้ง ถ้า
ยังมีคำแจ้งข้อผิดพลาดเดิมอีก คุณอาจ
ต้องลองหมายเลข SCSI device ID
ใหม่หลาย ๆ เลข และคุณยังอาจ
ต้องอัปเกรด SCSI controller ด้วย
อะแด็ปเตอร์แบบ PnP
ที่ออกแบบมาสำหรับบัส PCI
คุณไม่สามารถเข้า
ถึงตัวอักษรระบุไดรฟ์ซีดีรอมใน DOS
ได้เลย
บาง ทีไดรฟ์ยังคงทำงานได้อย่างปกติใน
Windows 9x/Me/XP
แต่คุณก็อาจพบคำแจ้งข้อผิดพลาดเช่น "
Invalid drive specification"
เมื่อพยายามจะเข้าใช้ไดรฟ์ใน DOS
ค่อนข้างชัดเจนทีเดียว ในเมื่อไดรฟ์
ยังทำงานได้ดี แต่เกิดปัญหากับการ
ใช้ไดรเวอร์เรียลโหมดของซีดีรอม ก็น่าจะ
เป็นไปได้ว่าไม่ได้มีการโหลดไดรเวอร์ low-
level หรือ MSCDEX ตรวจไฟล์
CONFIG.SYS และดูว่าส่วนไดรเวอร์ low-
level ของไดรฟ์ซีดีกำหนดรายการไว้ถูก
ต้องหรือไม่ แล้วตรวจสอบที่ไฟล์
AUTOEXEC.BAT ในบรรทัด MSCDEX
และตรวจสอบ
ถึงสวิตซ์ของแต่ละบรรทัดคำสั่งด้วย
พบคำชี้แจ้งข้อผิดพลาดว่า cd-rom drive
is not found
ปัญหา เช่นนี้อาจเกิดการโหลด ไดรเวอร์
ด้วย เป็นไปได้หลายสาเหตุ ที่ไม่พบ
ฮาร์ดแวร์ไดรฟ์ ปัญหา จากไฟจ่าย
และสัญญาณก็เป็นไปได้
ให้แน่ใจว่าเสียบสายไฟ แบบ4พินไว้ถูกต้อง
และแน่นดีแล้ว ถ้าไดร์ต่อ
ด้วยสายแยกแบบสาย Y ก็ให้เปลี่ยนไป
ใช้แบบสายต่อตรงจากเพาเวอร์ซัพพลาย
ใช้โวลต์มิเตอร์วัดแรงดัน+5 โวลด์ (พิน4)
และ +12 โวลด์(พิน 1) ถ้าแรงดันตัว
ใดตัวหนึ่ง (โดยเฉพาะค่า+12โวลด์) ต่ำมาก
หรือไม่มี่ค่าเลย ให้เปลี่ยนเพาเวอร์ซัพพลาย
ใหม่ ต่อมาให้ดูที่สายสัญญาณของไดรฟ์ว่า
เสียบสายไว้ถูกต้อง แล้วที่ ตั้งตัวไดรฟ์และ
ส่วนคอนโทรลเลอร์ ถ้าสายหัก
หรือเสียหายก็ให้เปลี่ยนสายใหม่ ตรวจสอบ
ให้แน่ใจว่าค่ากำหนด Master/ Slave
drive ID บนไดรฟ์ไม่ได้ขัดแย้งกับไดรฟ์
อื่นที่อยู่บนแชนแนลเดียวกัน (ซึ่ง
เป็นสิ่งที่มักหลงลืมกัน ในการติดตั้งใหม่
หรืออัปเกรด) ถ้าซีดีรอมใช้อินเตอร์เฟรช
SCSI ให้แน่ใจว่าสาย SCSI bus ต่อปลาย
ทั้งสองไว้ถูกต้องแล้ว ถ้ายังไม่หายให้
เปลี่ยนไดรฟ์คอนโทรลเลอร์เป็นอันดับแรก
ต่อมาถ้าจำเป็นก็ให้เปลี่ยนไดรฟ์ซีดีรอมใหม่
ถ้ายังไม่หายอีก ให้เปลี่ยนยี่ห้อใหม่ด้วย
พบกับคำแจ้งข้อผิดพลาดว่า "Unable to
detect ATPAPI CD-ROM
drive,device drive not loaded"
แสดง ว่าคุณมีปัญหา
กับการคอนฟิกส์ฮาร์ดแวร์คอนโทรลเลอร์ไดรฟ์
IDE/EIDE/UDMA
ให้ตรวจสอบสายสัญญาณ ก่อน
เป็นอย่างแรก ให้แน่ใจว่าสายสัญญาณ 40
พินเสียบไว้ถูกต้องระหว่างไดรฟ์
และคอนโทลเลอร์ไดรฟ์ ATAPI IDE CD-
ROM โดยทั่วไปจะติดตั้งบนพอร์ต
secondary 40-pin IDE ให้แน่ใจว่า
ไม่มีอุปสรรคใด ๆ ในระบบที่ใช้ IRQ หรือ
I/O address ค่าเดียวกับพอร์ต
secondary IDE ที่ใช้นี้ (แต่ก็ไม่พบัญหานี้
เท่าใดในะบบ PnP ในปัจจุบัน) และ
ให้แน่ใจว่าค่ากำหนด Master/Slave
ของไดรฟ์ถูกต้องแล้ว ถ้าใช้ไดรฟ์เวอร์ใน
DOS ให้แน่ใจว่า สวิชต์ของคำสั่ง
ในไดรฟ์เวอร์ low-level ใน CONFIG.SYS
กำหนดไว้ถูกต้องแล้ว หรือลองบูต
จากดิสเกตต์สตาร์ตอัปของ Window 98/
ME/XP แบบให้ซัพพอร์ตไดรฟ์ซีดี
ถาดไม่เปิด
หากเป็น กรณีที่จ่ายไฟ
และระบบรู้จักไดรฟ์นี้แล้ว มีเพียงสองสิ่งที่
จะล็อคถาดของดิสก์ไว้ได้ อย่างแรก
ให้ปิดทุกแอปพลิเคชั่น ซึ่งอาจ
เป็นตัวการล็อคถาดอยู่ เมือปิดซอฟแวร์ใด
ๆ ที่รันในฉากหลังแล้ว ให้ลองรีบูตพีซี
ดูว่าถาดเปิดได้หรือยัง ถ้าไม่มี
ซอฟแวร์ล็อคใด ๆ ล็อคถาดอยู่เลย
แผ่นซีดีก็อาจติดคาอยู่ก็ได้ ในกรณี
ให้ปิดเครื่องพีซี และใช้ลวดแยงเข้าไป
ในรูฉุกเฉิน เพื่อ ให้ถาดเปิดออก
แล้วหยิบแผ่นออกไป
พบว่าไฟ LED ของซีดีรอมติด
อยู่ตลอดเวลา
สิ่ง นี้ไม่ใช่ปัญหาเสมอไป
ไดรฟ์ซีดีรอมบางรุ่นใช้ไฟLED
เป็นตัวบอกว่าพร้อมทำงานแล้ว แทนที่จะ
เป็นตัวบอกว่า กำลัง ทำงานอยู่
เมื่อมีแผ่นซีดีโหลดเข้าไปในไดรฟ์ ไฟ LED
จะติดและคงติดอยู่อย่างนั้น แม้ว่าจะยัง
ไม่มีการเข้าใช้แผ่นเลย บางรุ่นก็อาจ
จะแสดงไฟ LED ติดแต่จะกระพริบเมื่อมีเข้า
ใช้แผ่น หรือบางรุ่นก็จะมีจั๊มเปอร์ฝ
ให้เลือกวิธีแสดงไฟ LED จาก Ready
Mode เป็น Busy Mode อย่างไรก็ตาม
มันคงไม่ใช้เรื่องจำเป็นนักที่
ต้องมาเปลี่ยนพฤติกรรมของไดรฟ์หนึ่งๆ
Credit liberta
รวมปัญหาปัญหาที่เกิดจาก Mainboard
เมนบอร์ด (Mainboard)
เป็นแผงวงจรหลักในคอมพิวเตอร์มีลักษณะ
เป็นแผ่นเซอร์กิต PCB (Print Circuit
Board) ใช้สำหรับติดตั้งอุปกรณ์อิ
เล็กโทรนิคต่าง ๆ รวมทั้ง ซีพียู, หน่วย
ความจำหรือ RAM และแคช (Cache)
ซึ่งหน่วยความจำความ
เร็วสูงสำหรับพักข้อมูลระหว่างซีพียูและแรม
อุปกรณ์ ที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งซึ่ง
อยู่บนเมนบอร์ดได้แก่ ชิปเซ็ต (Chipset)
ภายในประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ขนาด
เล็กจำนวนหลายล้านตัว ผลิต
ด้วยเทคโนโลยีการทำงานระหว่างอุปกรณ์ชนิดต่าง
ๆ เป็นส่วนสำคัญที่ทำ
ให้เมนบอร์ดแต่ละยีห้อ
และแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติต่างกัน นอก
จากนี้บนเมนบอร์ด
ยังมีช่องสำหรับเสียบการ์ดเพิ่มเติมที่เรียกว่า
สล็อต (Slot) ซึ่งการ์ดจอ, การ์ดเสียง ฯลฯ
ต่างก็เสียบอยู่บนสล็อต นอก
จากนี้เมนบอร์ดในปัจจุบัน ยังได้รวมเอา
ส่วนควบคุมการทำงานต่าง ๆ
ไว้บนตัวเมนบอร์ดอีกด้วย ได้แก่
ส่วนควบคุมฮาร์ดดิสก์ (Harddisk
Controller), พอร์ตอนุกรม (Serial Port),
พอร์ตขนานหรือพอร์ตเครื่องพิมพ์ (Printer
Port), พอร์ต PS/2, USB(Universal
Serial Bus) รวมทั้ง Keyboard
Controller สำหรับอุปกรณ์
อื่นที่มีมาตั้งแต่เริ่มกำเนิดเมนบอร์ดได้แก่
ROM BIOS และ Real-Time Clock
เป็นต้น
อาการเสียที่เกิดจากเมนบอร์ด
เมน บอร์ด
เป็นที่รวมอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ติดตั้งภาย
ในคอมพิวเตอร์จึงมีปัญหาต่อ เนื่องเกี่ยวพัน
กับอุปกรณ์อื่นเช่น ซีพียู แรม
หรือการ์ดติดตั้งต่าง ๆ สำหรับปัญหาที่ผู้
ใช้มักพบเห็นที่เกี่ยวกับเมนบอร์ดดังนี้
? ปัญหาที่ 1 รู้ได้อย่างไรว่าเมนบอร์ดที่ใช้
อยู่ รองรับอุปกรณ์ Onboard อะไรบ้าง
วิธี แก้ หากอยากรู้ว่าคอมพิวเตอร์
หรือเมนบอร์ดที่ใช้อยู่มีอุปกรณ์ Onboard
อะไรแถมมาด้วยก็ไม่ยาก โดย
ให้ดูที่ด้านท้ายเคสซึ่ง
จะมีพอร์ตสำหรับต่อเมาส์ และย์บอร์ด
ถ้าหากเมนบอร์ดมีอุปกรณ์ Onboard อื่น
ให้มาด้วยก็จะมีพอร์ตสำหรับอุปกรณ์นั้นเช่น
พอร์ต Modem, Lan, VGA, Sound คือ
ถ้าพบมีพอร์ตดังกล่าวอยู่ท้ายเคสก็ให้เสียบ
ใช้งานได้ทันที
? ปัญหาที่ 2 การ์ดจอ Onboard เสีย
จะทำอย่างไร
ปัญหา นี้จะแสดงอาการออกมา
ในลักษณะเปิดเครื่องได้เห็นไฟ
เข้าเครื่องทำงานปกติแต่ หน้าจอจะ
ไม่มีภาพอะไรเลย ผู้
ใช้หลายคนนึกว่าเมนบอร์ดเสีย
จึงไปหาซื้อเมนบอร์ดมาเปลี่ยนใหม่ทำ
ให้สูญเสียเงินไปโดยใช่เหตุ
สาเหตุ เป็น
เพราะระบบแสดงผลของชิปเซ็ตบนเมนบอร์ดเสีย
ทำให้ไม่มีภาพปรากฏบนหน้าจอ
วิธี แก้ ให้ทำการจัมเปอร์บนเมนบอร์ดเป็น
Disable หรือกำหนดค่าในไบออสให้เป็น
Disable ขึ้นอยู่กับรุ่นของเมนบอร์ด
แล้วนำการ์ดจอมาติดตั้งลงในสล็อต AGP
แทน หากเป็นรุ่นที่ไม่มีสล็อต AGP ก็คง
ต้องหาซื้อการ์ด PCI มาติดตั้งแทน
? ปัญหาที่ 3 เมนบอร์ดมีการ์ดเสียง
Onboard ไม่ทำงาน
ปัญหานี้มีลักษณะคล้ายกับปัญหาการ์ดจอ
Onboard แต่ส่วนใหญ่การ์ดเสียง
Onboard ที่มีปัญหาใช้งานไม่ได้
- สาเหตุ
1. ยังไม่ได้กำหนดให้ใช้งานวงจรเสียงได้
จากไบออส
2. ยัง
ไม่ติดตั้งไดรเวอร์สำหรับวงจรเสียงดังกล่าว
3. อาจเป็นส่วนของวงจรเสียงในชิปเซ็ตเสีย
- วิธีแก้
1. กำหนดค่าในไบออสโดยเลือกหัวข้อ
Integrated Peripherals
2. เลือกหัวข้อ Onboard Hardware
Audio และกำหนดค่าเป็น Enabled
3. Save ค่าไว้และออกจากไบออสบู๊ตเครื่อง
ใหม่
4.
ใช้แผ่นไดรเวอร์เมนบอร์ดติดตั้งไดรเวอร์เสียงลง
ใน Windows
5. หากติดตั้งแล้วใช้การไม่ได้แสดงว่า
ส่วนวงจรเสียงเสีย ให้ Disabled
ยกเลิกการใช้งานในไบออส
แล้วหาซื้อการ์ดเสียงมาติดตั้งใหม่
? ปัญหาที่ 4 จะติดตั้งพอร์ต USB
ของตัวเครื่องเข้ากับเมนบอร์ดได้อย่างไร
สาเหตุ เมนบอร์ดทั้วไปมักจะมีพอร์ต USB
ติดตั้งมาให้จำนวน 2 พอร์ต โดย
จะมีขั้วพอร์ต USB ให้อีก 1
ช่องสำหรับต่อพอร์ต USB ได้อีก 2 พอร์ต
ซึ่งพอร์ตต่อเพิ่มพอร์ต USB มักเป็น
Options เสริมที่ต้องซื้อเพิ่มเอาเองแต่
ในตัวเคสรุ่นใหม่ที่ด้านหน้าหรือด้านข้างมัก
จะมีพอร์ตเสริม USB มาให้อีก 2 พอร์ต
วิธีแก้ การติดตั้งพอร์ตเสริม USB
ของตัวเคสจำนวน 2 พอร์ต เพื่อให้ใช้งาน
ได้จะต้องนำสายสัญญาณ
และสายจ่ายไฟจำนวน 8 เส้นมาเสียบต่อ
เข้ากับช่องต่อพอร์ต USB บนเมนบอร์ดโดย
จะ
ต้องดูคู่มือเมนบอร์ดประกอบด้ยอย่าเสียบผิดสายเพระสาย
USB จะมีไฟเลี้ยงอยู่ด้วย จะทำ
ให้อุปกรณ์ต่อพ่วงเสียหายได้
สำหรับขั้นตอนการติดตั้งพอร์ต USB
ตัวเครื่องเข้ากับเมนบอร์ดดังนี้
1. เปิดฝาเครื่องออกมา
และหาตำแหน่งขั้วต่อพอร์ต USB
บนเมนบอร์ด โดยที่ขา 1
จะมีเส้นทึบสีขาวขีดคร่อมอยู่
2. นำสายสัญญาณและสายจ่ายไฟพอร์ต
USB จากเมนบอร์ดมาเรียงไว้ โดยสายจะมี
2 ชุด ๆ ละ 4 เส้น
3. นำสายทั้ง 2 ชุดเสียบเข้ากับขั้วต่อพอร์ต
USB บนเมนบอร์ดโดยดู
จากคู่มือเมนบอร์ดประกอบกัน
ด้วยอย่าสลับสายกันเป็นอันขาด
? ปัญหาที่ 5 ใช้งานพอร์ต USB 2.0
ผ่านเครื่องพิมพ์ ไม่เห็นความเร็วเพิ่มขึ้น
สาเหตุ พอร์ต USB 2.0
เป็นพอร์ตมาตรฐานเพิ่งออกมาใหม่ รองรับ
ความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลได้สูงถึง 480
Mbps หรือเร็วกว่าพอร์ต USB 1.1 ถึง 40
เท่าแต่ใช่ว่าเมื่อเมนบอร์ดรองรับพอร์ต USB
2.0 แล้วจะสามารถใช้งานได้เลย
ต้องทำการติดตั้งไดรเวอร์ของ USB 2.0
ให้ถูกต้องเสียก่อน
วิธีแก้
สำหรับวิธีการตรวจดูว่าคอมพิวเตอร์ของเรา
ได้ติดตั้งและใช้ความสามารถของพอร์ต
USB 2.0 แล้วหรือยังมีดังนี้
1. ใน Windows XP ให้คลิกปุ่ม
Start>Control Panel>Switch to
classic view
2. ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน system
3. คลิกแท็ป Hardware
4. คลิกปุ่ม Device Manager
5. คลิกเครื่องหมาย + หน้า Universal
Serial Bus controllers
จะพบว่ามีแต่ไดรเวอร์ของ USB 1.1 ติดตั้ง
ไว้เท่านั้น สำหรับ USB 2.0 ยังไม่ได้ติดตั้ง
(มีเครื่องหมายตกใจสีเหลืองหน้าตัว
Universal Serial Bus (USB)
Controller
6. ให้ติดตั้งไดรเวอร์ USB 2.0
โดยการคลิกเมาส์ขวาที่ตัว Universal
Serial Bus (USB) Controller และเลือก
Update Driver?
7. เมื่อปรากฏหน้าจอให้ Update Driver
ให้ใส่แผ่นซีดีรอมไดรเวอร์ของเมนบอร์ด
เข้าเครื่องและคลิกเลือกหัวข้อ Install the
software automatically
และดำเนินการตามขั้นตอนที่ปรากฏหน้าจอต่อไป
8. ในขั้นตอนที่ 6 หาก
ต้องการติดตั้งไดรเวอร์ USB
จากแผ่นไดรเวอร์เมนบอร์ดโดยตรงก็
สามารถทำได้โดยใส่แผ่นไดรเวอร์เข้าไปใน
เครื่องเพื่อให้รันโดยอัตโนมัติ ซึ่ง
จะปรากฏหน้าจอให้เลือกข้อ VIA USB 2.0
Driver
และดำเนินการไปตามข้นตอนที่ปรากฏบนหน้าจอไปจนเสร็จสิ้น
หลังจากนั้นจะบู๊ตเครื่องขึ้นมาใหม่
9. ให้เข้าไปตรวจสอบสถานะของไดรเวอร์
USB 2.0 ว่าได้รับการติดตั้งแล้วหรือไม่โดย
เข้าไปที่ Control Panel ซึ่ง
จะพบว่ามีไดรเวอร์ของ USB 2.0
ได้รับการติดตั้งแล้วคือ USB 2.0 Root
Hub และ VIA USB 2.0 Enchanced
Host Controller เพียงเท่านี้เมื่อมีการ
ใช้งานพอร์ต USB 2.0 เช่น
สั่งพิมพ์งานเอกสาร
ด้วยเครื่องพิมพ์งานเอกสาร
ด้วยเครื่องพิมพ์ผ่านพอร์ต USB 2.0
งานพิมพ์แทบจะวิ่งออกมาทีเดียว
? ปัญหาที่ 6 เปิดสวิทซ์แล้วเครื่องไม่ทำงาน
ใด ๆ เลยไฟก็ไม่ติด ไม่มีเสียงร้อง
- สาเหตุที่ 1 ปลั๊ก Power Supply หลวม
วิธีแก้ ให้ลองขยับปลั๊ก Power Supply
ทั้งทางด้านหลังเครื่องคอมพิวเตอร์
และที่เต้าเสียบให้แน่น
- สาเหตุที่ 2 อาจเป็นที่ Power Supply
เสีย
วิธี แก้ ให้ลองตรวจเช็คว่ามีไฟฟ้าออกจาก
Power Supply ถูกต้องหรือไม่วิธีสังเกต
ถ้าเป็นสายไฟสีแดงจะมีค่า +5 Volt ถ้า
เป็นสายสีเหลืองจะมีค่า +12 Volt
หรืออาจสังเกตง่าย ๆ
ขั้นต้นว่าเมื่อเปิดสวิทซ์นั้นพัดลมที่ติดอยู่กับ
Power Supply หมุนหรือไม่ และเป็นไป
ได้ที่บางครั้ง Power Supply อาจ
จะเสียแต่พัดลมยังหมุนอยู่ เราอาจ
จะลองนำ Power Supply ตัวอื่นที่
ไม่เสียมาลองเปลี่ยนดูก็ได้ ถ้าเสียก็ซื้ออัน
ใหม่มาเปลี่ยน เอาแบบวัตต์สูง ๆ ก็จะดี
- สาเหตุที่ 3 เป็นที่เมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ถ้า Power Supply ไม่เสียมีไฟเลี้ยง
เข้าเมนบอร์ดตามปกติ ให้ลองเช็ค
โดยการถอดการ์ดต่าง ๆ และ RAM
ออกหมด ถ้าเปิดเครื่องแล้ว
ไม่มีเสียงร้องแสดงว่าเมนบอร์ดหรือ CPU
เสีย แต่
ถ้ามีเสียงร้องแสดงว่าอุปกรณ์บางตัวที่ถอดออกไปเสีย
และถ้าหากเมนบอร์ดเสียให้ส่งที่ร้านซ่อม
หรือซื้อเมนบอร์ดใหม่
- สาเหตุที่ 4 CPU หลวม
วิธี แก้ ส่วนใหญ่เหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้น
กับซีพียูประเภทซ็อคเก็ตสล็อตวัน (Slot 1)
และซ็อคเก็ตสล็อตทู (Slot 2) เช่น
เพนเทียมทู เป็นต้น ให้เราปิดฝาเครื่อง
และลองขยับซีพียูที่ดูเหมือนแน่นอยู่แล้ว
ให้แน่นขึ้นไป อีก
- สาเหตุที่ 5 CPU เสีย
วิธีแก้ ลองหา CPU ตัว
ใหม่มาลองเปลี่ยนแทน ถ้าใช้
ได้ละก็แสดงว่าตัวเก่าเสียแน่นอน
- สาเหตุที่ 6 เป็นที่อุปกรณ์บางตัวเสียทำ
ให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร
วิธีแก้ ให้ลองใส่ตรวจเช็คทีละตัว
? ปัญหาที่7 เปิดเครื่องแล้วมีเสียงร้องแต่
ไม่ยอมทำงานใด ๆ
- สาเหตุที่ 1 อุปกรณ์บางตัวที่ต่อ
กับเมนบอร์ดหลวม
วิธี แก้ ถ้าอุปกรณ์บางตัวที่ต่อ
กับเมนบอร์ดหลวม จะทำ
ให้กระบวนการเช็คค่าเริ่มต้น (POST) ของ
BIOS ฟ้องค่าผิดพลาด
ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code
จากคู่มือเมนบอร์ด
- สาเหตุที่ 2 อุปกรณ์บางตัวที่
อยู่บนเมนบอร์ดต่อไม่ถูกต้อง
วิธี แก้ ส่วนใหญ่มักเกิดกับ RAM
ปกติเมื่อเราเปิดเครื่องแล้วมีปัญหาไม่
สามารถแสดงภาพออกทางหน้าจอ
ในตอนเริ่ม ต้นได้ Bios
จะพยายามแจ้งอาการเสียผ่านทางเสียงร้องออกทางลำโพงที่อยูภาย
ในเครื่องคอมพ์
ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code
จากคู่มือเมนบอร์ด
- สาเหตุที่ 3 อุปกรณ์บางตัวที่ต่อ
กับเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ให้เราลองเปรียบเทียบค่าสัญญาณ
Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ดดู
- สาเหตุที่ 4 Chip บนเมนบอร์ดบางตัวเสีย
วิธี แก้ ให้ลองไปดูเครื่อง Beep Code และ
ถ้าสาเหตุมาจาก Chip บนเมนบอร์ด
ให้ไปส่งร้านซ่อมเพื่อเปลี่ยน Chip หรือ
ต้องซื้อเมนบอร์ดตัวใหม่ถ้าไม่มีอะไหล่
? ปัญหาที่ 8 เครื่องทำงานพื้นฐานตามปกติ
ได้แต่ไม่สามารถใช้อุปกรณ์บางตัวได้
โดยที่อุปกรณ์ตัวนั้นไม่ได้เสีย
- สาเหตุที่ 1 Chip บางตัวบนเมนบอร์ดเสีย
วิธี แก้ ให้ลองไปดูเรื่อง Beep code และ
ถ้าสาเหตุมาจาก Chip บนเมนบอร์ด
ให้ไปส่งร้านซ่อมเพื่อเปลี่ยน Chip หรือ
ต้องซื้อเมนบอร์ดตัวใหม่ถ้าไม่มีอะไหล่
- สาเหตุที่ 2 สล็อต
หรือพอร์ตบางพอร์ตบนเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ลองเปลี่ยนการ์ดตัวนั้นไปเสียบสล็อต
อื่นที่เหลือแทน แล้วลองทดสอบตามปกติ
ถ้าเหมือนเดิมส่งร้านซ่อมหรือซื้อเมนบอร์ด
ใหม่
- สาเหตุที่ 3 เกิดการ Conflict
กับอุปกรณ์ตัวอื่น
วิธี แก้ เข้าไปที่ Device Manager
ให้สังเกตว่ามีเครื่องหมายอัศเจรีย์ (!)
แสดงว่าที่อุปกรณ์ตัวนั้นมีปัญหา
ได้ดับเบิ้ลคลิกที่อุปกรณ์ตัวนั้นเพื่อเข้าสู่
Properties จากนั้นลองแก้ไขค่า
Resources ต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ซ้ำ
กับอุปกรณ์ตัวอื่นครับ
- สาเหตุที่ 4 ไม่ได้ลงไดรเวอร์
วิธี แก้ ให้ทำการติดตั้งไดรเวอร์ลงไป
โดยไดรเวอร์มักจะแถมมากับอุปกรณ์ตัวนั้น
ๆ หรือถ้าหาไม่ได้
ให้ลองดาวน์โหลดไดรเวอร์จากเว็บไซต์
ผู้ผลิตดู
- สาเหตุที่ 5 ลงไดรเวอร์ผิดรุ่น
วิธี แก้ ในบางครั้งที่ระบบปฏิบัติการ
จะตรวจสอบชนิดและรุ่นของอุปกรณ์ตัวนั้น
ๆ โดยอัตโนมัติ ซึ่งมีความเป็นไป
ได้ที่ผลของการตรวจสอบจะคลาดเคลื่อน
ทางที่ดีควรตรวจเช็ค
ให้แน่ว่ารุ่นของอุปกรณ์ตรงกับไดรเวอร์ที่ลง
หรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจให้ลงไดรเวอร์
จากแผ่นโปรแกรมที่มาพร้อมกับเครื่อง
? ปัญหาที่ 9 คอมพิวเตอร์แฮงก์บ่อย ๆ
โดยหาสาเหตุไม่ได้
- สาเหตุที่ 1 อาจเกิดจากไวรัสคอมพิวเตอร์
วิธีแก้ ลองใช้โปรแกรม Antivirus
เวอร์ชั่นอัพเดทตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ทั้งหมด
- สาเหตุที่ 2 คุณภาพเมนบอร์ดไม่
ถึงมาตรฐาน
วิธีแก้ อาจเป็นเพราะคุณภาพของเมนบอร์ด
ไม่ถึงมาตรฐานของโรงงาน ซึ่ง
โดยมากมักเกิดกับเมนบอร์ดที่เพิ่งซื้อมาใหม่
ให้เอาไปเปลี่ยน
- สาเหตุที่ 3 ไฟล์ระบบปฏิบัติการชำรุด
วิธี แก้ ถ้ามั่นใจแล้วว่าไม่ได้เกิดจากไวรัส
และสาเหตุอื่น ๆ ให้เรา Backup ข้อมูล
ฟอร์แมต แล้วลงระบบปฏิบัติการ
และโปรแกรมใหม่ทั้งหมด
? ปัญหาที่ 10 เวลาบู๊ตเครื่องต้องกด
ทุกครั้ง
สาเหตุ พบ
ความผิดพลาดขณะทำการตรวจสอบระบบเรียกว่า
Post (Power On Self Test)
วิธี แก้ เมื่อขณะเปิดเครื่อง Bios
จะทำการตรวจสอบระบบเรียกว่า Post
(Power On Self Test) ถ้าพบผิดพลาด
จะมีข้อความแจ้งให้ผู้ใช้ทราบและหยุดรอผู้
ใช้กด เพื่อทำงานต่อ ซึ่งข้อผิดพลาดส่วน
ใหญ่มักเกิดจากการที่เราตั้งค่าใน Bios
ว่ามีอุปกรณ์บางอย่างอยู่ในเครื่องซึ่งไม่มี
อยู่จริง เมื่อ Bios ว่ามีอุปกรณ์บางอย่างอยู่
ในเครื่องซึ่งไม่มีอยู่จริง เมื่อ Bios
ค้นหาอุปกรณ์ต่าง ๆ แล้วไม่พบ
อุปกรณ์ดังกล่าวจึงแจ้งความผิดพลาด
ให้เราทราบ ซึ่งเราอาจเข้าไปแก้ค่าต่าง ๆ
ใน Bios ให้ตรงกับความจริง ปัญหาที่ Bios
ก็จะหายไปเอง
? ปัญหา 11 หลังจากที่เปิดเครื่อง
แล้วมีแต่เสียงปี๊บ ยาวๆ เกิดขึ้นและเครื่องก็
ไม่สามารถทำงานต่อไปได้
วิธี แก้ ตามปกติเมื่อเปิดเครื่องแล้วคุณจะ
ได้ยินเสียงดังปี๊บสั้นๆ หนึ่งครั้ง ซึ่งเสียงนี้สื่อ
ให้คุณรู้ว่าระบบทุกอย่างอยู่ในสภาพปกติ
ไม่มีอะไรผิดพลาด ขึ้นกับอุปกรณ์ตัวหนึ่งตัว
ใดในเครื่องแล้ว ซึ่งกรณีนี้ส่วนใหญ่ มักเกิด
จากการลืมติดตั้งการ์ดแสดงผล หน่วย
ความจำติดตั้งไม่แน่นหรือไม่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม
เสียงที่เกิดขึ้นนี้มีหลากหลายรูปแบบคุณจะ
ต้องแยกให้ออก ว่าเสียงนั้นดังอย่างไร
จากตัวอย่างเช่น สั้นสลับยาวหรือดังยาวๆ
เพียงครั้งเดียว นอกจากนี้เมนบอร์ดที่
ใช้ไบออสต่างยี่ห้อกันเสียงที่เกิดขึ้นก็
จะบ่งบอก สาเหตุของปัญหาที่แตกต่าง
กันไปอีกด้วย
Credit liberta
ที่มาโดยhttp://smf.ruk-com.in.th/
topic/16369-รวมการแก้ไขปัญหาทางด้าน-
Hardware-[full].html
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 15, 2013 7:44:37am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนเก่งเขาไม่โชว กูไปโชวทีเดียว แมร่งไม่มีใครเข้าใจเรื่องที่กูพูดสักคน กำเอ๋ยกำกู..!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เราพยายามอธิบาย และ พยามยามพูดให้เธอเข้าใจแล้ว แต่เธอไม่มีพื้นฐานการฟังเลย งั้นก็อ่านเอานะ
เธอ งอล และ ทำตัวเหมือนกับเด็กน้อย ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ปี2แล้วคงคิดได้แล้วว่ามันไม่สมควร
เราถามจริงๆเถอะ ถ้าเธอไม่มีพ่อแม่คอยหนุนหลังเรื่องเงินเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ เธอจะไม่คิดออกไปทำอะไรเลยเหรอ หรือต้องรอให้ท่านเสียก่อนแล้วค่อยคิดแล้วก็ค่อยทำ หรอ กว่าจะเป็นนู้น......ๆแหละ...นาน
จะมาเอาเปลียบแบบ
เธอพูด เราฟัง
เธอสั่ง เราทำ
พอเรารู้ว่ามันไม่ถูก ก็งอลใช่กัน
St: จะไปต่อด้วยกันได้หรือ
เธอ งอล และ ทำตัวเหมือนกับเด็กน้อย ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ปี2แล้วคงคิดได้แล้วว่ามันไม่สมควร
เราถามจริงๆเถอะ ถ้าเธอไม่มีพ่อแม่คอยหนุนหลังเรื่องเงินเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ เธอจะไม่คิดออกไปทำอะไรเลยเหรอ หรือต้องรอให้ท่านเสียก่อนแล้วค่อยคิดแล้วก็ค่อยทำ หรอ กว่าจะเป็นนู้น......ๆแหละ...นาน
จะมาเอาเปลียบแบบ
เธอพูด เราฟัง
เธอสั่ง เราทำ
พอเรารู้ว่ามันไม่ถูก ก็งอลใช่กัน
St: จะไปต่อด้วยกันได้หรือ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Peerapol Treeraksa
คุณได้แท็ก Peerapol Treeraksa
เฮ้ย...ชื่อ มึงน่่ากินวะ กูขอกินได้ไหมวะ 555
นอนหลับ กินอิ่ม ฝันดีนะ เพื่อนกู
นอนหลับ กินอิ่ม ฝันดีนะ เพื่อนกู
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โอ้ย..กับข้าว พัดกระเพา มานั้งมองๆดูแล้วคิดว่า คนทำลืมใส่เนื้อหมู เปล่าวะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถึงคุนน้องคนนี้ แต๊งไลค์ งร๊าฟๆๆ โผ๋ม : )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
! ทำไมเวลาจะอัพสถานะfacebook มันถึงบอกว่า
"คุณกำลังคิดอะไรอยู่?
มันน่าจะเปลี่ยนเป็นแบบว่า "เล่นนานๆระวังตอนแก สายตาจะไม่ดีนะ
เล่นมากคุณยิ่งจะห่างไกลจากความเป็นจริง คุยมากๆคุณระวังติดจนไม่ไปทำห่าอะไรเลยนะ" ให้ความหมายมันสะท้อนเหมือนกับ รูปคนที่อยู่ข้างซองบุรี่อะ เจาะคอ เจาะปอด บางทีก็แอบสงสัยว่า พวกที่สูบบุรี่มัน อยากดังเหมือน รูปคนที่อยู่ข้างซองบุรี่ หรอวะ
"คุณกำลังคิดอะไรอยู่?
มันน่าจะเปลี่ยนเป็นแบบว่า "เล่นนานๆระวังตอนแก สายตาจะไม่ดีนะ
เล่นมากคุณยิ่งจะห่างไกลจากความเป็นจริง คุยมากๆคุณระวังติดจนไม่ไปทำห่าอะไรเลยนะ" ให้ความหมายมันสะท้อนเหมือนกับ รูปคนที่อยู่ข้างซองบุรี่อะ เจาะคอ เจาะปอด บางทีก็แอบสงสัยว่า พวกที่สูบบุรี่มัน อยากดังเหมือน รูปคนที่อยู่ข้างซองบุรี่ หรอวะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ วรัญญา แสงย้อย และ ณิชาภัทร แสงย้อย
คุณได้แท็ก วรัญญา แสงย้อย และ ณิชาภัทร แสงย้อย
ค่ำแล้ววๆ ไม่รู้ว่า3สาว กลับถึงบ้านกันยังง (เป็นห่วงพวกเธอน่ะ อิอิ ^_^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ พัชรินทร์ เกษมสัตย์
คุณได้แท็ก พัชรินทร์ เกษมสัตย์
(เมื่อเวลา 18:11 มีผู้หญิงคนหนึ่งมาหา มึงจำได้ไหม ผู้หญิงคนนี้ร้ายมากๆมี่แต่เห็นแก่ได้ ไม่คิดเลยว่ามันจะมีผลกระทบต่อคนอื่นไหม
ผู้ชายก็ดีเกิ้น ตามใจ ง่ายซะทุกเรื่อง โดยไม่คิดเลยว่ากูทำถูกไหม การตัดสินใจ ห่วยแตกมากๆ (เลยทำให้เรื่องที่วางแผนไว้พรุ่งนี้พังหมดเลย)
ผู้ชายก็ดีเกิ้น ตามใจ ง่ายซะทุกเรื่อง โดยไม่คิดเลยว่ากูทำถูกไหม การตัดสินใจ ห่วยแตกมากๆ (เลยทำให้เรื่องที่วางแผนไว้พรุ่งนี้พังหมดเลย)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
(สถานะ = อารมเสีย + กดดัน + เลือดขึ้นหน้า+ คิดไรไม่ออก + มึนงง+ อยากละบาย + อยากสบายใจ+ อยากลืมเรื่องที่ทำให้ปวดหัว +อยากให้มันผ่านความรู้สึกแบบนี้ไปเร็ว..
คุณได้แท็ก พัชรินทร์ เกษมสัตย์
ดูแล้ว...มันทำให้ มีกำลังใจน่ะ..><
ดูแล้ว...มันทำให้ มีกำลังใจน่ะ..><
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
บางครั้งบางเวลา ใจมันก็มักจะเพ้อว่า "พ่ออยู่ไหน" พ่อกูไปไหนวะ"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพื่อนในเฟสนี้ มีใครบ้างที่เอาตังตัวเองออกจ่ายไปก่อน เวลาที่มีคนมาเก็บค่าไฟ+ค่าน้ำ ในตอนที่พ่อแม่ไม่อยู่...โดยที่ไม่ให้เงินเราไว้
และไม่ไปถามเอาเงินคืนที่เราจ่ายไป กับแม่บ้าง ?? มันมีคนแบบนี้ไหม
และไม่ไปถามเอาเงินคืนที่เราจ่ายไป กับแม่บ้าง ?? มันมีคนแบบนี้ไหม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คิดถึงจึงทัก ถึงจะสวยและน่ารักมากแค่ไหนไม่คิดถึง ไม่มี ทอทะหารสระอัก นะเธอ 5555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สามีเป็นเกย์ฟ้องหย่าได้มั้ย..?? อ่านหัวข้อกฏหมายนี้แล้ว แมร่งขำวะ 555
แต่งหัวข้อดึงดูดได้ดีมากๆๆ 555 สรุปคือ ก่อนแต่งถ้ารู้ว่าเป็น ยังแต่ง ฟ้องไม่ได้
แต่ถ้าแต่งแล้ว เพิ่งจะรู้เพิ่งจะเห็นอาการโดยชายมองชาย และไม่กินตับคุณ ฟ้องได้ ^^
แต่งหัวข้อดึงดูดได้ดีมากๆๆ 555 สรุปคือ ก่อนแต่งถ้ารู้ว่าเป็น ยังแต่ง ฟ้องไม่ได้
แต่ถ้าแต่งแล้ว เพิ่งจะรู้เพิ่งจะเห็นอาการโดยชายมองชาย และไม่กินตับคุณ ฟ้องได้ ^^
เขาบอกว่า แอดมิน เพจมีด่านบอกด้วยอุบล เป็นคนปล้นร้านทอง มีใครเชื่อบ้างอะ
http://www.posttoday.com/อาชญากรรม/243351/รวบแอดมินเพจมีด่านบอกด้วยปล้นร้านทอง
http://www.posttoday.com/อาชญากรรม/243351/รวบแอดมินเพจมีด่านบอกด้วยปล้นร้านทอง
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 29, 2013 2:35:10pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กูรู้ว่ามึงจะเข้ามาอ่าน **อันนี้ก็ไม่ได้เข้าข้างใคร และไม่ได้เลือกเอาข้างใดข้างหนึ่งเป็นฝ่ายถูก แต่ถ้าให้กูคิดวิเคราะห์ กูว่าพี่ส่าวกูมันเป็นฝ่ายผิด ผิดมาตตรา1234xx (คือไม่สมควรพูด)
ส่วนคู่กรณี ก็ผิดเช่นกัน แต่ผิดน้อยกว่า (ที่ตัวตัวเอง)
ถ้าอยากรู้แนวคิดการตัดสินใจ เม้นแล้วกูจะอธิบายให้ฟัง
ส่วนคู่กรณี ก็ผิดเช่นกัน แต่ผิดน้อยกว่า (ที่ตัวตัวเอง)
ถ้าอยากรู้แนวคิดการตัดสินใจ เม้นแล้วกูจะอธิบายให้ฟัง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อคืนฝันว่า โดนฟ้าผ่า แต่ไม่ตาย เข้าดูคำทำนายจากหลายเว็บ บอกว่า ทายว่า การงานที่กำลังริเริ่มจะทำนั้น
จะมีอุปสรรคขัดขวาง แต่จะได้รับผลสำเร็จ
ถ้าไม่ด่วนท้อถอยกลางคันเสียก่อน หรืองาน
ในหน้าที่จะมีศัตรูคอยแกล้ง ความฝันนี้ อาจ
จะมีผลต่อผู้หลักผู้ใหญ (เลขนำโชค 59) เวรเลยทีนี้
จะมีอุปสรรคขัดขวาง แต่จะได้รับผลสำเร็จ
ถ้าไม่ด่วนท้อถอยกลางคันเสียก่อน หรืองาน
ในหน้าที่จะมีศัตรูคอยแกล้ง ความฝันนี้ อาจ
จะมีผลต่อผู้หลักผู้ใหญ (เลขนำโชค 59) เวรเลยทีนี้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
1. สิ่งแรกควรทำจิตใจให้สงบ
ด้วยการทำสมาธิ หยุดนิ่งทุกอย่างก่อน
2. ตั้งสติ เมื่อจิตสงบก็คิดทบทวน
ถึงสิ่งที่ผ่านมาที่เป็นต้นเหตุทำ
ให้ชีวิตวุ่นวาย มี ความคิดสับสน
3.
คิดหาหนทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตามสาเ
หตุในข้อ 2
4. ไปเที่ยว ไปสมาคมกับเพื่อนฝูง ทำ
ในสิ่งที่ตนเองชอบ หรือคิดฝันไว้ จะ
ช่วยเยียวยา รักษาจิตใจที่กำลังสับสนได้
5. ปรึกษาเพื่อนสนิท จิตแพทย์ ผู้
ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ ซึ่งพอ
จะแนะนำแนวทางการดำเนินชีวิตให้กับเรา
5. ให้รางวัลกับชีวิต เพื่อเพิ่มกำลังใจให้
กับตนเอง
6. ทำบุญ บริจาคทาน จะทำ
ให้เรารู้สึกอิ่มเอิบ ใจพองโต มี
ความสุขเพิ่มขึ้น
ด้วยการทำสมาธิ หยุดนิ่งทุกอย่างก่อน
2. ตั้งสติ เมื่อจิตสงบก็คิดทบทวน
ถึงสิ่งที่ผ่านมาที่เป็นต้นเหตุทำ
ให้ชีวิตวุ่นวาย มี ความคิดสับสน
3.
คิดหาหนทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตามสาเ
หตุในข้อ 2
4. ไปเที่ยว ไปสมาคมกับเพื่อนฝูง ทำ
ในสิ่งที่ตนเองชอบ หรือคิดฝันไว้ จะ
ช่วยเยียวยา รักษาจิตใจที่กำลังสับสนได้
5. ปรึกษาเพื่อนสนิท จิตแพทย์ ผู้
ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ ซึ่งพอ
จะแนะนำแนวทางการดำเนินชีวิตให้กับเรา
5. ให้รางวัลกับชีวิต เพื่อเพิ่มกำลังใจให้
กับตนเอง
6. ทำบุญ บริจาคทาน จะทำ
ให้เรารู้สึกอิ่มเอิบ ใจพองโต มี
ความสุขเพิ่มขึ้น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ชื่อผู้ใช้ NeoX TEAM
RgCode 994953428BE69394602D1
RgCode 994953428BE69394602D1
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
1.ไปหาคุณหมอ ปรึกษาซะ หมอนะ ไม่ใช่คลีนิค
ความงามที่จ่ายยาโดยใครก้ไม่รู้ ฉีดสิว กดสิว กินยา
อยู่อย่างนั้น ไม่มีวันหาย และการซื้อยามาใช้เองมั่ว ๆ
แต้มๆสิวอยู่อย่างนั้นมันปลายเหตุค่ะ
ต้องรักษาตั้งแต่ภายใน ไม่อย่าง
นั้นมันก็ยุบตรงนี้ไปโผล่ตรงนั้นไม่มีวันจบ
คนเราถูกยาไม่เหมือนกัน
2.ใช้เจลล้างหน้า ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน
ไม่มีน้ำหอมยิ่งดี
3.ไม่แต่งหน้า * เข้าใจค่ะบางคนต้องทำงาน เจอ
ผู้คนมันเลี่ยงไม่ได้ แต่ขอให้พยายามเท่าที่จะทำได้
ปล่อยให้หน้าเค้าได้พักผ่อน
ไม่เติมอะไรไปอุดตันมันอีก ใต้ผิวหนังเค้ากำลังป่วย
หลังจากไม่แต่งหน้าเลย 95%
รู้สึกเลยว่าผิวอ่อนเยาว์ขึ้น ใสขึ้นจริงๆนะ
เวลาแต่งหน้าก็ไม่ต้องโบกหนาๆอีกแล้ว
4..ดื่มน้ำมาก ๆ อย่านอนดึก ออกกำลังกาย (
ข้อนี้เราทำได้แค่ดื่มน้ำ แต่อยากบอกถ้าทำได้
เริ่ดมาก!!)
5..รักษาสิวไปก่อน อย่าเพิ่งไปโปะครีมบำรุงขาวใส
ลบริ้วรอยอะไรเลย ตัดใจปล่อยไปก่อน
6. อย่าบีบ แกะ แคะ สะกิดสิวเด็ดขาด รู้นะทำยาก
เรานี่ตัวดีเลย กด กด กด มันทำให้แย่ขึ้นถ้ากดไม่
เป็น แถมทิ้งรอยไว้นานกว่าเก่าอีก 3
เดือนที่ผ่านมาเราเลิกนิสัยกดสิว
พระเจ้าสิวหลังๆหายไปแล้ว รอยดำที่ยัง
อยู่คืออารยธรรมกด บีบตั้งแต่ยุคสำริด
7..."อดทน"*********ดอกจันไปเลยแปดแสนดอก
อดทนๆๆท่องไว้ เข้มแข็ง ให้กำลังใจตัวเอง ขอ
ให้เชื่อว่าจะผ่านมันไปได้ เราจะ
ต้องกลับไปเหมือนเดิม
ความงามที่จ่ายยาโดยใครก้ไม่รู้ ฉีดสิว กดสิว กินยา
อยู่อย่างนั้น ไม่มีวันหาย และการซื้อยามาใช้เองมั่ว ๆ
แต้มๆสิวอยู่อย่างนั้นมันปลายเหตุค่ะ
ต้องรักษาตั้งแต่ภายใน ไม่อย่าง
นั้นมันก็ยุบตรงนี้ไปโผล่ตรงนั้นไม่มีวันจบ
คนเราถูกยาไม่เหมือนกัน
2.ใช้เจลล้างหน้า ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน
ไม่มีน้ำหอมยิ่งดี
3.ไม่แต่งหน้า * เข้าใจค่ะบางคนต้องทำงาน เจอ
ผู้คนมันเลี่ยงไม่ได้ แต่ขอให้พยายามเท่าที่จะทำได้
ปล่อยให้หน้าเค้าได้พักผ่อน
ไม่เติมอะไรไปอุดตันมันอีก ใต้ผิวหนังเค้ากำลังป่วย
หลังจากไม่แต่งหน้าเลย 95%
รู้สึกเลยว่าผิวอ่อนเยาว์ขึ้น ใสขึ้นจริงๆนะ
เวลาแต่งหน้าก็ไม่ต้องโบกหนาๆอีกแล้ว
4..ดื่มน้ำมาก ๆ อย่านอนดึก ออกกำลังกาย (
ข้อนี้เราทำได้แค่ดื่มน้ำ แต่อยากบอกถ้าทำได้
เริ่ดมาก!!)
5..รักษาสิวไปก่อน อย่าเพิ่งไปโปะครีมบำรุงขาวใส
ลบริ้วรอยอะไรเลย ตัดใจปล่อยไปก่อน
6. อย่าบีบ แกะ แคะ สะกิดสิวเด็ดขาด รู้นะทำยาก
เรานี่ตัวดีเลย กด กด กด มันทำให้แย่ขึ้นถ้ากดไม่
เป็น แถมทิ้งรอยไว้นานกว่าเก่าอีก 3
เดือนที่ผ่านมาเราเลิกนิสัยกดสิว
พระเจ้าสิวหลังๆหายไปแล้ว รอยดำที่ยัง
อยู่คืออารยธรรมกด บีบตั้งแต่ยุคสำริด
7..."อดทน"*********ดอกจันไปเลยแปดแสนดอก
อดทนๆๆท่องไว้ เข้มแข็ง ให้กำลังใจตัวเอง ขอ
ให้เชื่อว่าจะผ่านมันไปได้ เราจะ
ต้องกลับไปเหมือนเดิม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ยิ่งอ่าน ยิ่งรู้..
ยิ่งรู้ ยิ่งทำให้เซลล์ความคิดกระดึบขึ้น กระตึบขึ้น (กว่าความคิดเมื่อวานซืน)
ยิ่งรู้ ยิ่งทำให้เซลล์ความคิดกระดึบขึ้น กระตึบขึ้น (กว่าความคิดเมื่อวานซืน)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"วัยรุ่นยุคใหม่ อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ อย่าด่วนสรุป ว่ามันเป็นความจริง จนกว่าเราจะรู้เอง ที่ผ่านการคิด วิเคราะห์ ด้วยมันสมองของเราเอง^^
ถึงแม้จะเป็นคำพูดที่ออกจากปาก คนที่เรารักก็ตาม
บ้างครั้งคนที่เรารักนิแหละจะหลอกเราโดยที่เราไม่รู้ตัว
cr:ูอยากให้มึงคิดหาความจริงเอง อย่าไปเชื่อมากผู้ใหญ่ บางครั้งเห็นเราไม่รู้อะไร ก็เลยพูดออกมาแบบนั้น"
ถึงแม้จะเป็นคำพูดที่ออกจากปาก คนที่เรารักก็ตาม
บ้างครั้งคนที่เรารักนิแหละจะหลอกเราโดยที่เราไม่รู้ตัว
cr:ูอยากให้มึงคิดหาความจริงเอง อย่าไปเชื่อมากผู้ใหญ่ บางครั้งเห็นเราไม่รู้อะไร ก็เลยพูดออกมาแบบนั้น"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลาตอบแซต หรือคอมเม้น แล้วตามด้วย555 มันดูเหมือนคนบ้าตรงไหน
สมมุติไปตลาด "ป้าครับๆกี่บาท555" แล้วมันผิดใครอะ
คิดว่าเอา555ใส่ท้ายคำไหน คำนั้นจะดูไปทางบวกเลยนะ
cr:ผิดโตงไหน
สมมุติไปตลาด "ป้าครับๆกี่บาท555" แล้วมันผิดใครอะ
คิดว่าเอา555ใส่ท้ายคำไหน คำนั้นจะดูไปทางบวกเลยนะ
cr:ผิดโตงไหน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
รู้สึกว่าเช้านี้ ตื่นขึ้นมาเหมือนของจะขึ้นอะคือ..โดยคาดว่าราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น
7-8% อาทิ เบียร์ช้าง ขนาด 330 ม.ล. ราคา 25 บาท เพิ่มขึ้น
เป็น 27.96 บาท ขนาด 640 ม.ล. ราคา 42 บาท เป็น 46.19
บาท เบียร์สิงห์ ขนาด 640 ม.ล. ราคา 56 บาท เป็น 56.06
บาท เบียร์ไฮเนเก้น ขนาด 330 ม.ล. ราคา 40 บาท เป็น
42.07 บาท
สุราปรุงพิเศษ แม่โขง ขวดละ 100 บาท เป็น 101 บาท รีเจนซี่
ขนาด 175 ม.ล. ราคา 145 บาท เป็น 155 บาท ขนาด 350 ม.
ล. ราคา 245 บาท เป็น 255 บาท ขนาด 700 ม.ล. ราคา 500
บาท เป็น 525 บาท จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ก เลเบิล ราคา
1,199 บาท เป็น 1,230 บาท เรด เลเบิล ราคา 779 บาท เป็น
860 บาท ฮันเดรดไพเพอร์ส ราคา 365 บาท เป็น 390 บาท
สุราขาว 28 ดีกรี ขวดละ 75 บาท เป็น 77.45 บาท, 30 ดีกรี
ขวดละ 80 บาท เป็น 82.70 บาท, 35 ดีกรี ขวดละ 85 บาท
เป็น 86.81 บาท, 40 ดีกรี ขวดละ 90 บาท เป็น 90.92 บาท
เป็นต้น
ที่มา นสพไทยรัฐ
7-8% อาทิ เบียร์ช้าง ขนาด 330 ม.ล. ราคา 25 บาท เพิ่มขึ้น
เป็น 27.96 บาท ขนาด 640 ม.ล. ราคา 42 บาท เป็น 46.19
บาท เบียร์สิงห์ ขนาด 640 ม.ล. ราคา 56 บาท เป็น 56.06
บาท เบียร์ไฮเนเก้น ขนาด 330 ม.ล. ราคา 40 บาท เป็น
42.07 บาท
สุราปรุงพิเศษ แม่โขง ขวดละ 100 บาท เป็น 101 บาท รีเจนซี่
ขนาด 175 ม.ล. ราคา 145 บาท เป็น 155 บาท ขนาด 350 ม.
ล. ราคา 245 บาท เป็น 255 บาท ขนาด 700 ม.ล. ราคา 500
บาท เป็น 525 บาท จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ก เลเบิล ราคา
1,199 บาท เป็น 1,230 บาท เรด เลเบิล ราคา 779 บาท เป็น
860 บาท ฮันเดรดไพเพอร์ส ราคา 365 บาท เป็น 390 บาท
สุราขาว 28 ดีกรี ขวดละ 75 บาท เป็น 77.45 บาท, 30 ดีกรี
ขวดละ 80 บาท เป็น 82.70 บาท, 35 ดีกรี ขวดละ 85 บาท
เป็น 86.81 บาท, 40 ดีกรี ขวดละ 90 บาท เป็น 90.92 บาท
เป็นต้น
ที่มา นสพไทยรัฐ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ส่งคำขอ เป็นเพื่อนไปเยอะ แบบว่า(เลือกส่งหาแต่คนงามๆแต่ ขเจ้า ไม่รับ@เลย) เลยโดนบลอกเข้าเฟสไม่ได้ยุ48ชัวโมง ฮ่าาา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ถูกใจภาพยนตร์บน IMDb
IMDbHancock (2008) - IMDbhttp://www.imdb.com/title/tt0448157/
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
จะซื้อTablet Android เพื่อการเรียนให้หลานราคาไม่เกิน3,000-4,000บาท เพื่อนๆคนไหนพอแนะนำได้บ้างครับ ยี่ห้อไหนมันดี วันนี้หาข้อมูลอยู่2ชัวโมง อ่านตามหนังสือก็แล้ว งงไม่เข้าใจเลย
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 21, 2013 8:12:10am
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 21, 2013 8:26:38am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
บรรยากาศ หนาวๆแบบนี้ เราต้องลุกขึ้นแล้วไปกินข้าว แล้วก็กลับไปนอนเหมือนเดิม 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
ฮิตกันจัง ครีมหมอยันฮี..!! วันนี้ ( 16 ต.ค. ) นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการ อย. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผบก. ปคบ. และ พ.ต.อ.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผกก.4 บก.ปคบ. ร่วมกันแถลงข่าวการบุกทลายแหล่งขายยาโบราณเถื่อนและเครื่องสำอางผิดกฎหมาย
นพ.บุญชัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา บก.ปคบ. พร้อมเจ้าหน้าที่ อย. ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดตลิ่งชัน เข้าตรวจสอบคลินิกสายใต้ใหม่แพทย์แผนไทย เลขที่ 147/169 ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอัมรินทร์ เขต บางกอกน้อย กรุงเทพฯ พบยาสมุนไพรที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาที่บรรจุขวดพลาสติกและบรรจุซองใสหลากหลายชนิด ฉลากแสดงสรรพคุณรักษาสารพัดโรคต่างๆ 12 รายการ นอกจากนี้ ยังตรวจพบวัตถุดิบ และฉลากยาจำนวนมาก มูลค่าของกลางกว่า 6 แสนบาท ส่วนการดำเนินคดี ในเบื้องต้นได้แจ้ง 2 ข้อหา คือ ขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 5,000 บาท ขายยาโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
เลขาธิการ อย. กล่าวต่อว่า ในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ อย. ได้เข้าตรวจสอบแหล่งผลิตเพื่อจำหน่ายเครื่องสำอางผิดกฎหมาย เลขที่ 45/110 หมู่ 5 ซ.อุเทน 17 ถ.สุขาภิบาล 1 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ ตามที่ผู้บริโภคร้องเรียนว่ามีการลักลอบผลิตเครื่องสำอางระบุยี่ห้อหมอยันฮี ซึ่งเป็นการแอบอ้างชื่อโรงพยาบาล โดยทางโรงพยาบาลไม่ทราบเรื่อง จึงจัดเป็นเครื่องสำอางปลอม และ อย. เคยตรวจวิเคราะห์พบว่ามีสารปรอท ซึ่งของกลางที่ยึดได้มี 6 รายการ อาทิ สบู่หมอยันฮี ครีมหมอยันฮี ลดสิว เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เนื่องจากสงสัยว่ามีส่วนผสมของวัตถุที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอาง เช่น สารปรอท ไฮโดรควิโนน กรดวิตามินเอ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค มูลค่าของกลางที่ยึด ประมาณ 1 ล้านบาท ส่วนการดำเนินคดี ในเบื้องต้นได้แจ้งข้อหา ผลิตเครื่องสำอางปลอม มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากตรวจพบสารห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางดังกล่าว จะถือว่าเป็นเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 6หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และผลิตยาโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นพ.บุญชัย กล่าวด้วยว่า ขอเตือนประชาชน อย่าได้หลงซื้อยาแผนโบราณที่ไม่มีเลขทะเบียนตำรับยา ฉลากแสดงสรรพคุณโอ้อวดเกินจริง หรือซื้อยาจากแหล่งจำหน่ายที่ไม่น่าเชื่อถือ เช่น ตามแผงลอย ตลาดนัด ร้านค้าย่อย เพราะอาจได้รับยาที่มีการผลิตโดยไม่ถูกสุขลักษณะ ยาไม่มีคุณภาพมาตรฐาน ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว อาจทำให้เกิดการแพ้ยาและเสียโอกาสในการได้รับการรักษาที่ถูกต้อง เพราะที่ผ่านมาจากการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่า ยาสมุนไพรส่วนใหญ่จะมีการผสมสารสเตียรอยด์ ซึ่งกินนาน ๆ จะกดการทำงานของต่อมหมวกไต ทำให้หน้าบวม ไตมีปัญหา ไตวาย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคไต นอกจากนี้ยาสมุนไพรอาจผสมยารักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (อีดี) หากรับประทานมาก ๆ อาจเป็นอันตรายได้ ดังนั้น ขอให้ผู้บริโภคซื้อยาแผนโบราณที่ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยสังเกตฉลากต้องมีเลขทะเบียนตำรับยาบนฉลาก.
เครดิต: http://pantip.com/topic/30288279
ฮิตกันจัง ครีมหมอยันฮี..!! วันนี้ ( 16 ต.ค. ) นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการ อย. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผบก. ปคบ. และ พ.ต.อ.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผกก.4 บก.ปคบ. ร่วมกันแถลงข่าวการบุกทลายแหล่งขายยาโบราณเถื่อนและเครื่องสำอางผิดกฎหมาย
นพ.บุญชัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา บก.ปคบ. พร้อมเจ้าหน้าที่ อย. ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดตลิ่งชัน เข้าตรวจสอบคลินิกสายใต้ใหม่แพทย์แผนไทย เลขที่ 147/169 ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอัมรินทร์ เขต บางกอกน้อย กรุงเทพฯ พบยาสมุนไพรที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาที่บรรจุขวดพลาสติกและบรรจุซองใสหลากหลายชนิด ฉลากแสดงสรรพคุณรักษาสารพัดโรคต่างๆ 12 รายการ นอกจากนี้ ยังตรวจพบวัตถุดิบ และฉลากยาจำนวนมาก มูลค่าของกลางกว่า 6 แสนบาท ส่วนการดำเนินคดี ในเบื้องต้นได้แจ้ง 2 ข้อหา คือ ขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 5,000 บาท ขายยาโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
เลขาธิการ อย. กล่าวต่อว่า ในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ อย. ได้เข้าตรวจสอบแหล่งผลิตเพื่อจำหน่ายเครื่องสำอางผิดกฎหมาย เลขที่ 45/110 หมู่ 5 ซ.อุเทน 17 ถ.สุขาภิบาล 1 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ ตามที่ผู้บริโภคร้องเรียนว่ามีการลักลอบผลิตเครื่องสำอางระบุยี่ห้อหมอยันฮี ซึ่งเป็นการแอบอ้างชื่อโรงพยาบาล โดยทางโรงพยาบาลไม่ทราบเรื่อง จึงจัดเป็นเครื่องสำอางปลอม และ อย. เคยตรวจวิเคราะห์พบว่ามีสารปรอท ซึ่งของกลางที่ยึดได้มี 6 รายการ อาทิ สบู่หมอยันฮี ครีมหมอยันฮี ลดสิว เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เนื่องจากสงสัยว่ามีส่วนผสมของวัตถุที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอาง เช่น สารปรอท ไฮโดรควิโนน กรดวิตามินเอ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค มูลค่าของกลางที่ยึด ประมาณ 1 ล้านบาท ส่วนการดำเนินคดี ในเบื้องต้นได้แจ้งข้อหา ผลิตเครื่องสำอางปลอม มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากตรวจพบสารห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางดังกล่าว จะถือว่าเป็นเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 6หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และผลิตยาโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นพ.บุญชัย กล่าวด้วยว่า ขอเตือนประชาชน อย่าได้หลงซื้อยาแผนโบราณที่ไม่มีเลขทะเบียนตำรับยา ฉลากแสดงสรรพคุณโอ้อวดเกินจริง หรือซื้อยาจากแหล่งจำหน่ายที่ไม่น่าเชื่อถือ เช่น ตามแผงลอย ตลาดนัด ร้านค้าย่อย เพราะอาจได้รับยาที่มีการผลิตโดยไม่ถูกสุขลักษณะ ยาไม่มีคุณภาพมาตรฐาน ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว อาจทำให้เกิดการแพ้ยาและเสียโอกาสในการได้รับการรักษาที่ถูกต้อง เพราะที่ผ่านมาจากการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่า ยาสมุนไพรส่วนใหญ่จะมีการผสมสารสเตียรอยด์ ซึ่งกินนาน ๆ จะกดการทำงานของต่อมหมวกไต ทำให้หน้าบวม ไตมีปัญหา ไตวาย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคไต นอกจากนี้ยาสมุนไพรอาจผสมยารักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (อีดี) หากรับประทานมาก ๆ อาจเป็นอันตรายได้ ดังนั้น ขอให้ผู้บริโภคซื้อยาแผนโบราณที่ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยสังเกตฉลากต้องมีเลขทะเบียนตำรับยาบนฉลาก.
เครดิต: http://pantip.com/topic/30288279
นพ.บุญชัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา บก.ปคบ. พร้อมเจ้าหน้าที่ อย. ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดตลิ่งชัน เข้าตรวจสอบคลินิกสายใต้ใหม่แพทย์แผนไทย เลขที่ 147/169 ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอัมรินทร์ เขต บางกอกน้อย กรุงเทพฯ พบยาสมุนไพรที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาที่บรรจุขวดพลาสติกและบรรจุซองใสหลากหลายชนิด ฉลากแสดงสรรพคุณรักษาสารพัดโรคต่างๆ 12 รายการ นอกจากนี้ ยังตรวจพบวัตถุดิบ และฉลากยาจำนวนมาก มูลค่าของกลางกว่า 6 แสนบาท ส่วนการดำเนินคดี ในเบื้องต้นได้แจ้ง 2 ข้อหา คือ ขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 5,000 บาท ขายยาโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
เลขาธิการ อย. กล่าวต่อว่า ในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ อย. ได้เข้าตรวจสอบแหล่งผลิตเพื่อจำหน่ายเครื่องสำอางผิดกฎหมาย เลขที่ 45/110 หมู่ 5 ซ.อุเทน 17 ถ.สุขาภิบาล 1 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ ตามที่ผู้บริโภคร้องเรียนว่ามีการลักลอบผลิตเครื่องสำอางระบุยี่ห้อหมอยันฮี ซึ่งเป็นการแอบอ้างชื่อโรงพยาบาล โดยทางโรงพยาบาลไม่ทราบเรื่อง จึงจัดเป็นเครื่องสำอางปลอม และ อย. เคยตรวจวิเคราะห์พบว่ามีสารปรอท ซึ่งของกลางที่ยึดได้มี 6 รายการ อาทิ สบู่หมอยันฮี ครีมหมอยันฮี ลดสิว เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เนื่องจากสงสัยว่ามีส่วนผสมของวัตถุที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอาง เช่น สารปรอท ไฮโดรควิโนน กรดวิตามินเอ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค มูลค่าของกลางที่ยึด ประมาณ 1 ล้านบาท ส่วนการดำเนินคดี ในเบื้องต้นได้แจ้งข้อหา ผลิตเครื่องสำอางปลอม มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากตรวจพบสารห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางดังกล่าว จะถือว่าเป็นเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 6หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และผลิตยาโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นพ.บุญชัย กล่าวด้วยว่า ขอเตือนประชาชน อย่าได้หลงซื้อยาแผนโบราณที่ไม่มีเลขทะเบียนตำรับยา ฉลากแสดงสรรพคุณโอ้อวดเกินจริง หรือซื้อยาจากแหล่งจำหน่ายที่ไม่น่าเชื่อถือ เช่น ตามแผงลอย ตลาดนัด ร้านค้าย่อย เพราะอาจได้รับยาที่มีการผลิตโดยไม่ถูกสุขลักษณะ ยาไม่มีคุณภาพมาตรฐาน ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว อาจทำให้เกิดการแพ้ยาและเสียโอกาสในการได้รับการรักษาที่ถูกต้อง เพราะที่ผ่านมาจากการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่า ยาสมุนไพรส่วนใหญ่จะมีการผสมสารสเตียรอยด์ ซึ่งกินนาน ๆ จะกดการทำงานของต่อมหมวกไต ทำให้หน้าบวม ไตมีปัญหา ไตวาย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคไต นอกจากนี้ยาสมุนไพรอาจผสมยารักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (อีดี) หากรับประทานมาก ๆ อาจเป็นอันตรายได้ ดังนั้น ขอให้ผู้บริโภคซื้อยาแผนโบราณที่ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยสังเกตฉลากต้องมีเลขทะเบียนตำรับยาบนฉลาก.
เครดิต: http://pantip.com/topic/30288279
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ง่วงqqนอนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องไปหาจีบสาวใน big c อุบล เอิ๊กๆๆๆๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โดนคนที่คิดว่า คงไม่ทำให้เราผิดหวัง ทำร้ายเจ็บใจสุดจะบรรยาย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับเรา ไม่เคยคิดว่ามันจะใกล้ขนาดนี้ โอ้ย กูมึน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ต้นเหตุ มันมาจากไหนกัน???? กูอยากรู้
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 24, 2013 4:47:06pm
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 25, 2013 3:03:05pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทำไมสาวๆยุคใหม่ไม่แค่แอร์ ค๊ะ แต่งตัวให้เข้ากับสถานะการณ์แบบนี้
>>ไปบิ๊กซี เครื่องปรับอากาศมันธรรมดาๆ+มีแต่ผู้ใหญ่และคนแก่
โชวสั้นแค่เลยเข่าขึ่นมาก็พอ
>>ไปเซนทรัน เครื่องปรับอากาศค่อนขางเย็นมาก+มีวัยรุ่นเยอะ โชวแค่โคนขาก็กำลังดูดี ว้ายย..
>>ไปพาราก้อน เครื่องปรับอาวกาศมันแรงเว้อ คือเย็นจนเสียวอะ +เป็นศูนย์รวมวัยรุ่น ไม่ใส่แมร่งเลย
จะเห็นได้ว่าสาวๆไม่แคร่แอร์
>>ไปบิ๊กซี เครื่องปรับอากาศมันธรรมดาๆ+มีแต่ผู้ใหญ่และคนแก่
โชวสั้นแค่เลยเข่าขึ่นมาก็พอ
>>ไปเซนทรัน เครื่องปรับอากาศค่อนขางเย็นมาก+มีวัยรุ่นเยอะ โชวแค่โคนขาก็กำลังดูดี ว้ายย..
>>ไปพาราก้อน เครื่องปรับอาวกาศมันแรงเว้อ คือเย็นจนเสียวอะ +เป็นศูนย์รวมวัยรุ่น ไม่ใส่แมร่งเลย
จะเห็นได้ว่าสาวๆไม่แคร่แอร์
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เคยคิดอยู่ในใจเสมอว่า ถ้าไม่อยากให้ใครมาบอกมาบังคับ ก็ต้องทำให้เป็น ให้เก่ง ให้ดีด้วย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เชื่อ..และไม่เคยคิดร้าย กับคนนี้ มึงจะเป็นเพื่อนกูตลอดไป จนถึงรุ่นลูกเรา อิอิDuanram Patcharin..
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
@กิ๊กคนที่1 เหตุผลเราพี่มีเพียบ แต่ถ้าจะให้อธิบาย มันยาว เดี่ยวหาว่าเราโกหกแก้ตัว จบไหม 5555555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วิธีให้คนอื่นมาไลค์ ให้เยอะๆ
1อย่าอัพสถานะ บ่อย
2ถ้าได้เล่นเฟสแค่1ชัวโมง สนใจเพื่อนสัก50นาที 10นาทีของเรา
3 คิดยังไม่ออก 55
1อย่าอัพสถานะ บ่อย
2ถ้าได้เล่นเฟสแค่1ชัวโมง สนใจเพื่อนสัก50นาที 10นาทีของเรา
3 คิดยังไม่ออก 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เคยสังเกตไหม เวลาผุสาวทั้งหลายไปเดินห่าง..!
>>ไปบิ๊กซี เครื่องปรับอากาศมันธรรมดาๆ+มีแต่ผู้ใหญ่และคนแก่
จะโชวสั้นแค่เลยเข่าขึ่นมาก็พอ
>>ไปเซ็นทรัล เครื่องปรับอากาศค่อนขางเย็นมาก+มีวัยรุ่นชายเยอะ โชวแค่โคนขาก็กำลังดูดี ว้ายย..
>>ไปพาราก้อน เครื่องปรับอาวกาศมันแรงเว้อ คือเย็นจนเสียวอะ +เป็นศูนย์รวมวัยรุ่น ไม่ใส่แมร่งเลย
จะเห็นได้ว่าสาวๆไม่แคร่แอร์เลย 555
>>ไปบิ๊กซี เครื่องปรับอากาศมันธรรมดาๆ+มีแต่ผู้ใหญ่และคนแก่
จะโชวสั้นแค่เลยเข่าขึ่นมาก็พอ
>>ไปเซ็นทรัล เครื่องปรับอากาศค่อนขางเย็นมาก+มีวัยรุ่นชายเยอะ โชวแค่โคนขาก็กำลังดูดี ว้ายย..
>>ไปพาราก้อน เครื่องปรับอาวกาศมันแรงเว้อ คือเย็นจนเสียวอะ +เป็นศูนย์รวมวัยรุ่น ไม่ใส่แมร่งเลย
จะเห็นได้ว่าสาวๆไม่แคร่แอร์เลย 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ใครที่มีปัญหาต่างๆรุมเร้าไม่มีทางออก เหนื่อยเคลียด ลองอ่านกระทู้นี้แล้วจะรู้สึกดีขึ้นนะครับ
เห็นกระทู้คนที่ผิดหวังและมีปัญหาชีวิต ก็เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ชีวิตตัวเอง บางทีอาจช่วยให้คนที่กำลังมีความทุกข์คิดหาทางออกได้บ้างนะคะ
ตัวเองนี่ตั้งแต่เกิดมาแทบไม่รู้เลยว่าความสุขคืออะไร คือเจอแต่ปัญหามาตลอด ไม่ว่าปัญหาพ่อขี้เมาเจ้าชู้ พ่อตบตีแม่ตบตีเรา ปัญหาไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน หรือแม้แต่ถุงเท้ารองเท้านักเรียนก็ไม่มีเงินซื้อ พรุ่งนี้จะเอาอะไรกินบางทียังไม่รู้ด้วยซ้ำไป ก็เป็นเด็กที่มีปมด้อย รู้สึกต่ำต้อยน้อยหน้ามาตลอด ก็เลยเจียมตัวว่างั้นเถอะ
ทุกวันก็มองฟ้า ถามว่าทำไมชีวิตเราต้องเป็นแบบนี้ ทำไมเราไม่มีอะไรๆดีๆอย่างคนอื่นเขาบ้าง ในที่สุดก็คิดได้ว่า ไม่เป็นไร เราเลือกเกิดในที่ดีๆไม่ได้นี่นา แต่เราเลือกทำดีได้ใช่ไหม เราก็เลยตั้งหน้าตั้งตาทำแต่ความดี
เราขยันเรียนหนังสือมากๆ แล้วก็ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย มีเพื่อนสวยๆรวยๆเยอะแยะ แต่เราเข้ากับเพื่อนไม่ได้ เพราะเราเจียมตัวว่าเราด้อยกว่าเขา ได้แต่แอบชื่นชมความสุขของเพื่อนๆ เรามักเก็บตัว ชอบคิดอะไรเงียบๆ เพื่อนๆชอบดูถูกเราเรียกเราว่าไ้อ้บ้านนอก เราก็ได้แต่ยิ้มและไม่โกรธ เพราะเรามันก็ไอ้บ้านนอกจริงๆ
เราคงจะเป็นคนหน้าตาดีมากๆ รูปร่างดี เพราะไม่มีอะไรจะกินก็เลยสะโอดสะอง มีผู้ชายมาจีบเยอะแยะ แต่เราก็เจียมตัว และกลัวว่าเขาไม่ได้รักเราจริง พอมีแฟน ฐานะแฟนก็รวยมาก พ่อแม่เขาก็ดูถูกผู้หญิงจนๆอย่างเรา เราก็เสียใจมาก และต้องตัดใจเพราะไม่อยากให้เขามีปัญหากับพ่อแม่เขา
เราก็เลยขยันทำงาน ประหยัดสุดขีด เรายอมรับความจริงที่ว่า เพราะเรามันด้อย ไม่มีใครเขาอยากได้เรา เราก็ไม่ยื้อ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ทำเพื่อตัวเอง หาเงินมาได้ ก็ไม่เอาไปใช้ฟุ่มเฟือย เก็บฝากธนาคารเป็นส่วนมาก แต่ถ้าใครเดือดร้อนมา เราก็ช่วยเขา เราก็อยู่แบบประหยัด ทั้งๆที่เราเงินเดือนเป็นแสน
ก็เจอปัญหาชีวิตอีก เพราะความใจดีและใจอ่อนของตัวเอง ทำตัวเป็น "ชาวนาช่วยงูเห่า" จนโดนงูเห่ากัดเกือบตาย เราหมดตัวเพราะช่วยเขา ตอนนั้นก็เสียใจมาก และคิดว่า ทำไมเราทำดีแล้วไม่ได้ดี ทำไม ทำคุณบูชาโทษ หรือเราไม่ควรทำดีกับใครอีกแล้ว ไม่ควรช่วยเหลือใครอีกแล้ว
ตอนที่เราตกอับมากๆ ก็มีคนมาช่วยเราหลายคน ทำให้เราต้องคิดใหม่ว่า สิ่งที่เราทำกับคนอื่นไว้ มันย้อนกลับมาหาเรา การที่เราทำดีกับใคร เป็นสิ่งที่ดีเสมอ แต่การที่ใครทำไม่ดีกับเรา ก็เป็นสิงที่ไม่ดีที่เขาทำเอง ไม่เกี่ยวกับเรา เราก็เลยยึดหลักว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะไม่ร้ายกับใคร เพราะทุกสิ่งที่เราทำไว้กับคนอื่น มันจะย้อนกลับมาหาเราเสมอ
เราเริ่มใหม่จากศูนย์ เคยทำงานตำแหน่งสูงๆ เราก็มาเริ่มตำแหน่งเล็กๆใหม่โดยไม่สนใจว่าจะเสียเกียรติ หรือเสียศักดิ์ศรีอะไร ชีวิตมันก็แค่นี้ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เราจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เราก็ทำแค่วันนี้เท่าที่เราจะทำได้ เคยอกหักอย่างแรง เสียใจมากๆ แต่เราก็ได้แต่มุ่งมั่นทำงาน ไม่คิดเรื่องอกหักมากนัก ตราบใดที่ชีวิตยังอยู่ ก็คือโอกาสในการใช้ชีวิต สุขทุกข์อยู่ที่ใจ ถ้าเราไม่คิดว่าเจ็บ ใจเราก็ไม่เจ็บ เราก็สะกดจิตตัวเอง ให้ไม่เศร้า ไม่เหงา ทั้งๆที่ต้องอยู่คนเดียว ทำงานมั่ง อ่านหนังสือมั่ง มองธรรมชาติ ดูนกบิน ดูต้นไม้ ดูหญ้า ดูก้อนเมฆ แล้วก็คิดว่า ธรรมชาติสวยงามนัก ทำไมเราต้องเศร้าด้วย เพราะเรายังมีดวงตาให้มองเห็นอะไร เราต้องทำใจให้มีตาด้วย มีความสว่าง มีความเบิกบาน เราจะไม่ยอมเศร้า หดหู่ หรือคิดฆ่าตัวตาย เพียงเพราะปัญหามารุมเร้า ก็แค่รับมือกับปัญหา ยอมรับมัน ถ้าแก้ไขอะไรไม่ได้ แล้วก็ใช้ชีวิตต่อไปในแต่ละวัน โดยไม่คิดให้ตัวเองเกิดทุกข์
ทุกวันนี้ เรามีชีวิตที่แตกต่างจากแต่ก่อนมาก แต่เป็นเพราะเราสร้างด้วยตัวเราเอง เราเป็นคนที่มุ่งแต่มองข้างหน้า ไม่จมปลักกับความทุกข์ เงินที่เราหามา เราก็ใช้ไปส่วนหนึ่ง ประหยัดไว้ส่วนหนึ่ง และให้ทานอีกส่วนหนึ่ง
ถ้าเพื่อนๆมีความทุกข์ มีปัญหารุมเร้า หรือผิดหวัง อกหัก นึกถึงเรื่องของเราสิคะ เรากล้าเผชิญปัญหา กล้ายอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ถ้าแก้ไขได้ ก็แก้ไขไป ถ้าแก้ไม่ได้ ก็ต้องยอมรับว่ามันต้องเป็นไปแบบนั้น แล้วเราจะทำอะไรต่อไปในวันข้างหน้าได้บ้าง ก็ทำไป ส่วนเรื่องอกหัก ผิดหวัง เราก็บอกตัวเองว่า ไม่เป็นไร ขอให้เขาไปดีมีความสุข เราก็ไปตามทางของเรา ก็ทำงานให้หนักขึ้น มองแต่ข้างหน้าอย่างเดียว อะไรที่คิดแล้วเศร้า คิดแล้วทุกข์ ก็ต้องสะกดจิตตัวเองว่า อย่าไปคิด อย่าไปนึก ไม่มีประโยชน์ จงดีใจที่เรายังไม่ตาบอด ไม่ขาด้วน ขอให้ชื่นชมในสิ่งที่เรายังมีเหลืออยู่นะคะ อย่าไปคิดเสียดายในสิ่งที่เราสูญเสียไปแล้วค่ะ
ชีวิตนี้สั้นนัก ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าต่อตัวเราเองและต่อผู้อื่นค่ะ แล้วคุณจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด มีความพึงพอใจที่สุด สวรรค์ก็อยู่ในใจเรานี่เองค่ะ
ด้วยรักและปรารถนาดี cR:pantip.com/lumpini/topicstock/2007/05/L5431473/L5431473.html
เห็นกระทู้คนที่ผิดหวังและมีปัญหาชีวิต ก็เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ชีวิตตัวเอง บางทีอาจช่วยให้คนที่กำลังมีความทุกข์คิดหาทางออกได้บ้างนะคะ
ตัวเองนี่ตั้งแต่เกิดมาแทบไม่รู้เลยว่าความสุขคืออะไร คือเจอแต่ปัญหามาตลอด ไม่ว่าปัญหาพ่อขี้เมาเจ้าชู้ พ่อตบตีแม่ตบตีเรา ปัญหาไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน หรือแม้แต่ถุงเท้ารองเท้านักเรียนก็ไม่มีเงินซื้อ พรุ่งนี้จะเอาอะไรกินบางทียังไม่รู้ด้วยซ้ำไป ก็เป็นเด็กที่มีปมด้อย รู้สึกต่ำต้อยน้อยหน้ามาตลอด ก็เลยเจียมตัวว่างั้นเถอะ
ทุกวันก็มองฟ้า ถามว่าทำไมชีวิตเราต้องเป็นแบบนี้ ทำไมเราไม่มีอะไรๆดีๆอย่างคนอื่นเขาบ้าง ในที่สุดก็คิดได้ว่า ไม่เป็นไร เราเลือกเกิดในที่ดีๆไม่ได้นี่นา แต่เราเลือกทำดีได้ใช่ไหม เราก็เลยตั้งหน้าตั้งตาทำแต่ความดี
เราขยันเรียนหนังสือมากๆ แล้วก็ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย มีเพื่อนสวยๆรวยๆเยอะแยะ แต่เราเข้ากับเพื่อนไม่ได้ เพราะเราเจียมตัวว่าเราด้อยกว่าเขา ได้แต่แอบชื่นชมความสุขของเพื่อนๆ เรามักเก็บตัว ชอบคิดอะไรเงียบๆ เพื่อนๆชอบดูถูกเราเรียกเราว่าไ้อ้บ้านนอก เราก็ได้แต่ยิ้มและไม่โกรธ เพราะเรามันก็ไอ้บ้านนอกจริงๆ
เราคงจะเป็นคนหน้าตาดีมากๆ รูปร่างดี เพราะไม่มีอะไรจะกินก็เลยสะโอดสะอง มีผู้ชายมาจีบเยอะแยะ แต่เราก็เจียมตัว และกลัวว่าเขาไม่ได้รักเราจริง พอมีแฟน ฐานะแฟนก็รวยมาก พ่อแม่เขาก็ดูถูกผู้หญิงจนๆอย่างเรา เราก็เสียใจมาก และต้องตัดใจเพราะไม่อยากให้เขามีปัญหากับพ่อแม่เขา
เราก็เลยขยันทำงาน ประหยัดสุดขีด เรายอมรับความจริงที่ว่า เพราะเรามันด้อย ไม่มีใครเขาอยากได้เรา เราก็ไม่ยื้อ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ทำเพื่อตัวเอง หาเงินมาได้ ก็ไม่เอาไปใช้ฟุ่มเฟือย เก็บฝากธนาคารเป็นส่วนมาก แต่ถ้าใครเดือดร้อนมา เราก็ช่วยเขา เราก็อยู่แบบประหยัด ทั้งๆที่เราเงินเดือนเป็นแสน
ก็เจอปัญหาชีวิตอีก เพราะความใจดีและใจอ่อนของตัวเอง ทำตัวเป็น "ชาวนาช่วยงูเห่า" จนโดนงูเห่ากัดเกือบตาย เราหมดตัวเพราะช่วยเขา ตอนนั้นก็เสียใจมาก และคิดว่า ทำไมเราทำดีแล้วไม่ได้ดี ทำไม ทำคุณบูชาโทษ หรือเราไม่ควรทำดีกับใครอีกแล้ว ไม่ควรช่วยเหลือใครอีกแล้ว
ตอนที่เราตกอับมากๆ ก็มีคนมาช่วยเราหลายคน ทำให้เราต้องคิดใหม่ว่า สิ่งที่เราทำกับคนอื่นไว้ มันย้อนกลับมาหาเรา การที่เราทำดีกับใคร เป็นสิ่งที่ดีเสมอ แต่การที่ใครทำไม่ดีกับเรา ก็เป็นสิงที่ไม่ดีที่เขาทำเอง ไม่เกี่ยวกับเรา เราก็เลยยึดหลักว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะไม่ร้ายกับใคร เพราะทุกสิ่งที่เราทำไว้กับคนอื่น มันจะย้อนกลับมาหาเราเสมอ
เราเริ่มใหม่จากศูนย์ เคยทำงานตำแหน่งสูงๆ เราก็มาเริ่มตำแหน่งเล็กๆใหม่โดยไม่สนใจว่าจะเสียเกียรติ หรือเสียศักดิ์ศรีอะไร ชีวิตมันก็แค่นี้ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เราจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เราก็ทำแค่วันนี้เท่าที่เราจะทำได้ เคยอกหักอย่างแรง เสียใจมากๆ แต่เราก็ได้แต่มุ่งมั่นทำงาน ไม่คิดเรื่องอกหักมากนัก ตราบใดที่ชีวิตยังอยู่ ก็คือโอกาสในการใช้ชีวิต สุขทุกข์อยู่ที่ใจ ถ้าเราไม่คิดว่าเจ็บ ใจเราก็ไม่เจ็บ เราก็สะกดจิตตัวเอง ให้ไม่เศร้า ไม่เหงา ทั้งๆที่ต้องอยู่คนเดียว ทำงานมั่ง อ่านหนังสือมั่ง มองธรรมชาติ ดูนกบิน ดูต้นไม้ ดูหญ้า ดูก้อนเมฆ แล้วก็คิดว่า ธรรมชาติสวยงามนัก ทำไมเราต้องเศร้าด้วย เพราะเรายังมีดวงตาให้มองเห็นอะไร เราต้องทำใจให้มีตาด้วย มีความสว่าง มีความเบิกบาน เราจะไม่ยอมเศร้า หดหู่ หรือคิดฆ่าตัวตาย เพียงเพราะปัญหามารุมเร้า ก็แค่รับมือกับปัญหา ยอมรับมัน ถ้าแก้ไขอะไรไม่ได้ แล้วก็ใช้ชีวิตต่อไปในแต่ละวัน โดยไม่คิดให้ตัวเองเกิดทุกข์
ทุกวันนี้ เรามีชีวิตที่แตกต่างจากแต่ก่อนมาก แต่เป็นเพราะเราสร้างด้วยตัวเราเอง เราเป็นคนที่มุ่งแต่มองข้างหน้า ไม่จมปลักกับความทุกข์ เงินที่เราหามา เราก็ใช้ไปส่วนหนึ่ง ประหยัดไว้ส่วนหนึ่ง และให้ทานอีกส่วนหนึ่ง
ถ้าเพื่อนๆมีความทุกข์ มีปัญหารุมเร้า หรือผิดหวัง อกหัก นึกถึงเรื่องของเราสิคะ เรากล้าเผชิญปัญหา กล้ายอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ถ้าแก้ไขได้ ก็แก้ไขไป ถ้าแก้ไม่ได้ ก็ต้องยอมรับว่ามันต้องเป็นไปแบบนั้น แล้วเราจะทำอะไรต่อไปในวันข้างหน้าได้บ้าง ก็ทำไป ส่วนเรื่องอกหัก ผิดหวัง เราก็บอกตัวเองว่า ไม่เป็นไร ขอให้เขาไปดีมีความสุข เราก็ไปตามทางของเรา ก็ทำงานให้หนักขึ้น มองแต่ข้างหน้าอย่างเดียว อะไรที่คิดแล้วเศร้า คิดแล้วทุกข์ ก็ต้องสะกดจิตตัวเองว่า อย่าไปคิด อย่าไปนึก ไม่มีประโยชน์ จงดีใจที่เรายังไม่ตาบอด ไม่ขาด้วน ขอให้ชื่นชมในสิ่งที่เรายังมีเหลืออยู่นะคะ อย่าไปคิดเสียดายในสิ่งที่เราสูญเสียไปแล้วค่ะ
ชีวิตนี้สั้นนัก ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าต่อตัวเราเองและต่อผู้อื่นค่ะ แล้วคุณจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด มีความพึงพอใจที่สุด สวรรค์ก็อยู่ในใจเรานี่เองค่ะ
ด้วยรักและปรารถนาดี cR:pantip.com/lumpini/topicstock/2007/05/L5431473/L5431473.html
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ใครที่มีปัญหาต่างๆรุมเร้าไม่มีทางออก เหนื่อยเคลียด ลองอ่านกระทู้นี้แล้วจะรู้สึกดีขึ้นนะครับ
เห็นกระทู้คนที่ผิดหวังและมีปัญหาชีวิต ก็เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ชีวิตตัวเอง บางทีอาจช่วยให้คนที่กำลังมีความทุกข์คิดหาทางออกได้บ้างนะคะ
ตัวเองนี่ตั้งแต่เกิดมาแทบไม่รู้เลยว่าความสุขคืออะไร คือเจอแต่ปัญหามาตลอด ไม่ว่าปัญหาพ่อขี้เมาเจ้าชู้ พ่อตบตีแม่ตบตีเรา ปัญหาไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน หรือแม้แต่ถุงเท้ารองเท้านักเรียนก็ไม่มีเงินซื้อ พรุ่งนี้จะเอาอะไรกินบางทียังไม่รู้ด้วยซ้ำไป ก็เป็นเด็กที่มีปมด้อย รู้สึกต่ำต้อยน้อยหน้ามาตลอด ก็เลยเจียมตัวว่างั้นเถอะ
ทุกวันก็มองฟ้า ถามว่าทำไมชีวิตเราต้องเป็นแบบนี้ ทำไมเราไม่มีอะไรๆดีๆอย่างคนอื่นเขาบ้าง ในที่สุดก็คิดได้ว่า ไม่เป็นไร เราเลือกเกิดในที่ดีๆไม่ได้นี่นา แต่เราเลือกทำดีได้ใช่ไหม เราก็เลยตั้งหน้าตั้งตาทำแต่ความดี
เราขยันเรียนหนังสือมากๆ แล้วก็ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย มีเพื่อนสวยๆรวยๆเยอะแยะ แต่เราเข้ากับเพื่อนไม่ได้ เพราะเราเจียมตัวว่าเราด้อยกว่าเขา ได้แต่แอบชื่นชมความสุขของเพื่อนๆ เรามักเก็บตัว ชอบคิดอะไรเงียบๆ เพื่อนๆชอบดูถูกเราเรียกเราว่าไ้อ้บ้านนอก เราก็ได้แต่ยิ้มและไม่โกรธ เพราะเรามันก็ไอ้บ้านนอกจริงๆ
เราคงจะเป็นคนหน้าตาดีมากๆ รูปร่างดี เพราะไม่มีอะไรจะกินก็เลยสะโอดสะอง มีผู้ชายมาจีบเยอะแยะ แต่เราก็เจียมตัว และกลัวว่าเขาไม่ได้รักเราจริง พอมีแฟน ฐานะแฟนก็รวยมาก พ่อแม่เขาก็ดูถูกผู้หญิงจนๆอย่างเรา เราก็เสียใจมาก และต้องตัดใจเพราะไม่อยากให้เขามีปัญหากับพ่อแม่เขา
เราก็เลยขยันทำงาน ประหยัดสุดขีด เรายอมรับความจริงที่ว่า เพราะเรามันด้อย ไม่มีใครเขาอยากได้เรา เราก็ไม่ยื้อ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ทำเพื่อตัวเอง หาเงินมาได้ ก็ไม่เอาไปใช้ฟุ่มเฟือย เก็บฝากธนาคารเป็นส่วนมาก แต่ถ้าใครเดือดร้อนมา เราก็ช่วยเขา เราก็อยู่แบบประหยัด ทั้งๆที่เราเงินเดือนเป็นแสน
ก็เจอปัญหาชีวิตอีก เพราะความใจดีและใจอ่อนของตัวเอง ทำตัวเป็น "ชาวนาช่วยงูเห่า" จนโดนงูเห่ากัดเกือบตาย เราหมดตัวเพราะช่วยเขา ตอนนั้นก็เสียใจมาก และคิดว่า ทำไมเราทำดีแล้วไม่ได้ดี ทำไม ทำคุณบูชาโทษ หรือเราไม่ควรทำดีกับใครอีกแล้ว ไม่ควรช่วยเหลือใครอีกแล้ว
ตอนที่เราตกอับมากๆ ก็มีคนมาช่วยเราหลายคน ทำให้เราต้องคิดใหม่ว่า สิ่งที่เราทำกับคนอื่นไว้ มันย้อนกลับมาหาเรา การที่เราทำดีกับใคร เป็นสิ่งที่ดีเสมอ แต่การที่ใครทำไม่ดีกับเรา ก็เป็นสิงที่ไม่ดีที่เขาทำเอง ไม่เกี่ยวกับเรา เราก็เลยยึดหลักว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะไม่ร้ายกับใคร เพราะทุกสิ่งที่เราทำไว้กับคนอื่น มันจะย้อนกลับมาหาเราเสมอ
เราเริ่มใหม่จากศูนย์ เคยทำงานตำแหน่งสูงๆ เราก็มาเริ่มตำแหน่งเล็กๆใหม่โดยไม่สนใจว่าจะเสียเกียรติ หรือเสียศักดิ์ศรีอะไร ชีวิตมันก็แค่นี้ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เราจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เราก็ทำแค่วันนี้เท่าที่เราจะทำได้ เคยอกหักอย่างแรง เสียใจมากๆ แต่เราก็ได้แต่มุ่งมั่นทำงาน ไม่คิดเรื่องอกหักมากนัก ตราบใดที่ชีวิตยังอยู่ ก็คือโอกาสในการใช้ชีวิต สุขทุกข์อยู่ที่ใจ ถ้าเราไม่คิดว่าเจ็บ ใจเราก็ไม่เจ็บ เราก็สะกดจิตตัวเอง ให้ไม่เศร้า ไม่เหงา ทั้งๆที่ต้องอยู่คนเดียว ทำงานมั่ง อ่านหนังสือมั่ง มองธรรมชาติ ดูนกบิน ดูต้นไม้ ดูหญ้า ดูก้อนเมฆ แล้วก็คิดว่า ธรรมชาติสวยงามนัก ทำไมเราต้องเศร้าด้วย เพราะเรายังมีดวงตาให้มองเห็นอะไร เราต้องทำใจให้มีตาด้วย มีความสว่าง มีความเบิกบาน เราจะไม่ยอมเศร้า หดหู่ หรือคิดฆ่าตัวตาย เพียงเพราะปัญหามารุมเร้า ก็แค่รับมือกับปัญหา ยอมรับมัน ถ้าแก้ไขอะไรไม่ได้ แล้วก็ใช้ชีวิตต่อไปในแต่ละวัน โดยไม่คิดให้ตัวเองเกิดทุกข์
ทุกวันนี้ เรามีชีวิตที่แตกต่างจากแต่ก่อนมาก แต่เป็นเพราะเราสร้างด้วยตัวเราเอง เราเป็นคนที่มุ่งแต่มองข้างหน้า ไม่จมปลักกับความทุกข์ เงินที่เราหามา เราก็ใช้ไปส่วนหนึ่ง ประหยัดไว้ส่วนหนึ่ง และให้ทานอีกส่วนหนึ่ง
ถ้าเพื่อนๆมีความทุกข์ มีปัญหารุมเร้า หรือผิดหวัง อกหัก นึกถึงเรื่องของเราสิคะ เรากล้าเผชิญปัญหา กล้ายอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ถ้าแก้ไขได้ ก็แก้ไขไป ถ้าแก้ไม่ได้ ก็ต้องยอมรับว่ามันต้องเป็นไปแบบนั้น แล้วเราจะทำอะไรต่อไปในวันข้างหน้าได้บ้าง ก็ทำไป ส่วนเรื่องอกหัก ผิดหวัง เราก็บอกตัวเองว่า ไม่เป็นไร ขอให้เขาไปดีมีความสุข เราก็ไปตามทางของเรา ก็ทำงานให้หนักขึ้น มองแต่ข้างหน้าอย่างเดียว อะไรที่คิดแล้วเศร้า คิดแล้วทุกข์ ก็ต้องสะกดจิตตัวเองว่า อย่าไปคิด อย่าไปนึก ไม่มีประโยชน์ จงดีใจที่เรายังไม่ตาบอด ไม่ขาด้วน ขอให้ชื่นชมในสิ่งที่เรายังมีเหลืออยู่นะคะ อย่าไปคิดเสียดายในสิ่งที่เราสูญเสียไปแล้วค่ะ
ชีวิตนี้สั้นนัก ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าต่อตัวเราเองและต่อผู้อื่นค่ะ แล้วคุณจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด มีความพึงพอใจที่สุด สวรรค์ก็อยู่ในใจเรานี่เองค่ะ
ด้วยรักและปรารถนาดี cR:pantip.com/lumpini/topicstock/2007/05/L5431473/L5431473.html
เห็นกระทู้คนที่ผิดหวังและมีปัญหาชีวิต ก็เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ชีวิตตัวเอง บางทีอาจช่วยให้คนที่กำลังมีความทุกข์คิดหาทางออกได้บ้างนะคะ
ตัวเองนี่ตั้งแต่เกิดมาแทบไม่รู้เลยว่าความสุขคืออะไร คือเจอแต่ปัญหามาตลอด ไม่ว่าปัญหาพ่อขี้เมาเจ้าชู้ พ่อตบตีแม่ตบตีเรา ปัญหาไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน หรือแม้แต่ถุงเท้ารองเท้านักเรียนก็ไม่มีเงินซื้อ พรุ่งนี้จะเอาอะไรกินบางทียังไม่รู้ด้วยซ้ำไป ก็เป็นเด็กที่มีปมด้อย รู้สึกต่ำต้อยน้อยหน้ามาตลอด ก็เลยเจียมตัวว่างั้นเถอะ
ทุกวันก็มองฟ้า ถามว่าทำไมชีวิตเราต้องเป็นแบบนี้ ทำไมเราไม่มีอะไรๆดีๆอย่างคนอื่นเขาบ้าง ในที่สุดก็คิดได้ว่า ไม่เป็นไร เราเลือกเกิดในที่ดีๆไม่ได้นี่นา แต่เราเลือกทำดีได้ใช่ไหม เราก็เลยตั้งหน้าตั้งตาทำแต่ความดี
เราขยันเรียนหนังสือมากๆ แล้วก็ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย มีเพื่อนสวยๆรวยๆเยอะแยะ แต่เราเข้ากับเพื่อนไม่ได้ เพราะเราเจียมตัวว่าเราด้อยกว่าเขา ได้แต่แอบชื่นชมความสุขของเพื่อนๆ เรามักเก็บตัว ชอบคิดอะไรเงียบๆ เพื่อนๆชอบดูถูกเราเรียกเราว่าไ้อ้บ้านนอก เราก็ได้แต่ยิ้มและไม่โกรธ เพราะเรามันก็ไอ้บ้านนอกจริงๆ
เราคงจะเป็นคนหน้าตาดีมากๆ รูปร่างดี เพราะไม่มีอะไรจะกินก็เลยสะโอดสะอง มีผู้ชายมาจีบเยอะแยะ แต่เราก็เจียมตัว และกลัวว่าเขาไม่ได้รักเราจริง พอมีแฟน ฐานะแฟนก็รวยมาก พ่อแม่เขาก็ดูถูกผู้หญิงจนๆอย่างเรา เราก็เสียใจมาก และต้องตัดใจเพราะไม่อยากให้เขามีปัญหากับพ่อแม่เขา
เราก็เลยขยันทำงาน ประหยัดสุดขีด เรายอมรับความจริงที่ว่า เพราะเรามันด้อย ไม่มีใครเขาอยากได้เรา เราก็ไม่ยื้อ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ทำเพื่อตัวเอง หาเงินมาได้ ก็ไม่เอาไปใช้ฟุ่มเฟือย เก็บฝากธนาคารเป็นส่วนมาก แต่ถ้าใครเดือดร้อนมา เราก็ช่วยเขา เราก็อยู่แบบประหยัด ทั้งๆที่เราเงินเดือนเป็นแสน
ก็เจอปัญหาชีวิตอีก เพราะความใจดีและใจอ่อนของตัวเอง ทำตัวเป็น "ชาวนาช่วยงูเห่า" จนโดนงูเห่ากัดเกือบตาย เราหมดตัวเพราะช่วยเขา ตอนนั้นก็เสียใจมาก และคิดว่า ทำไมเราทำดีแล้วไม่ได้ดี ทำไม ทำคุณบูชาโทษ หรือเราไม่ควรทำดีกับใครอีกแล้ว ไม่ควรช่วยเหลือใครอีกแล้ว
ตอนที่เราตกอับมากๆ ก็มีคนมาช่วยเราหลายคน ทำให้เราต้องคิดใหม่ว่า สิ่งที่เราทำกับคนอื่นไว้ มันย้อนกลับมาหาเรา การที่เราทำดีกับใคร เป็นสิ่งที่ดีเสมอ แต่การที่ใครทำไม่ดีกับเรา ก็เป็นสิงที่ไม่ดีที่เขาทำเอง ไม่เกี่ยวกับเรา เราก็เลยยึดหลักว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะไม่ร้ายกับใคร เพราะทุกสิ่งที่เราทำไว้กับคนอื่น มันจะย้อนกลับมาหาเราเสมอ
เราเริ่มใหม่จากศูนย์ เคยทำงานตำแหน่งสูงๆ เราก็มาเริ่มตำแหน่งเล็กๆใหม่โดยไม่สนใจว่าจะเสียเกียรติ หรือเสียศักดิ์ศรีอะไร ชีวิตมันก็แค่นี้ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เราจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เราก็ทำแค่วันนี้เท่าที่เราจะทำได้ เคยอกหักอย่างแรง เสียใจมากๆ แต่เราก็ได้แต่มุ่งมั่นทำงาน ไม่คิดเรื่องอกหักมากนัก ตราบใดที่ชีวิตยังอยู่ ก็คือโอกาสในการใช้ชีวิต สุขทุกข์อยู่ที่ใจ ถ้าเราไม่คิดว่าเจ็บ ใจเราก็ไม่เจ็บ เราก็สะกดจิตตัวเอง ให้ไม่เศร้า ไม่เหงา ทั้งๆที่ต้องอยู่คนเดียว ทำงานมั่ง อ่านหนังสือมั่ง มองธรรมชาติ ดูนกบิน ดูต้นไม้ ดูหญ้า ดูก้อนเมฆ แล้วก็คิดว่า ธรรมชาติสวยงามนัก ทำไมเราต้องเศร้าด้วย เพราะเรายังมีดวงตาให้มองเห็นอะไร เราต้องทำใจให้มีตาด้วย มีความสว่าง มีความเบิกบาน เราจะไม่ยอมเศร้า หดหู่ หรือคิดฆ่าตัวตาย เพียงเพราะปัญหามารุมเร้า ก็แค่รับมือกับปัญหา ยอมรับมัน ถ้าแก้ไขอะไรไม่ได้ แล้วก็ใช้ชีวิตต่อไปในแต่ละวัน โดยไม่คิดให้ตัวเองเกิดทุกข์
ทุกวันนี้ เรามีชีวิตที่แตกต่างจากแต่ก่อนมาก แต่เป็นเพราะเราสร้างด้วยตัวเราเอง เราเป็นคนที่มุ่งแต่มองข้างหน้า ไม่จมปลักกับความทุกข์ เงินที่เราหามา เราก็ใช้ไปส่วนหนึ่ง ประหยัดไว้ส่วนหนึ่ง และให้ทานอีกส่วนหนึ่ง
ถ้าเพื่อนๆมีความทุกข์ มีปัญหารุมเร้า หรือผิดหวัง อกหัก นึกถึงเรื่องของเราสิคะ เรากล้าเผชิญปัญหา กล้ายอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ถ้าแก้ไขได้ ก็แก้ไขไป ถ้าแก้ไม่ได้ ก็ต้องยอมรับว่ามันต้องเป็นไปแบบนั้น แล้วเราจะทำอะไรต่อไปในวันข้างหน้าได้บ้าง ก็ทำไป ส่วนเรื่องอกหัก ผิดหวัง เราก็บอกตัวเองว่า ไม่เป็นไร ขอให้เขาไปดีมีความสุข เราก็ไปตามทางของเรา ก็ทำงานให้หนักขึ้น มองแต่ข้างหน้าอย่างเดียว อะไรที่คิดแล้วเศร้า คิดแล้วทุกข์ ก็ต้องสะกดจิตตัวเองว่า อย่าไปคิด อย่าไปนึก ไม่มีประโยชน์ จงดีใจที่เรายังไม่ตาบอด ไม่ขาด้วน ขอให้ชื่นชมในสิ่งที่เรายังมีเหลืออยู่นะคะ อย่าไปคิดเสียดายในสิ่งที่เราสูญเสียไปแล้วค่ะ
ชีวิตนี้สั้นนัก ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าต่อตัวเราเองและต่อผู้อื่นค่ะ แล้วคุณจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด มีความพึงพอใจที่สุด สวรรค์ก็อยู่ในใจเรานี่เองค่ะ
ด้วยรักและปรารถนาดี cR:pantip.com/lumpini/topicstock/2007/05/L5431473/L5431473.html
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เซงเป็ด>>เว็บPantip เข้าไม่ได้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผู้หญิงที่ดูหยิ่ง กะเจตกะจาด บอกตรงๆผู้ชายไม่กล้าเข้าหาหรอก เข้าไปแล้วคิว่าจะผิดหวังกลับมา และยังต้องสึกอึดอัด
ต้องการผู้หญิงแบบว่ามีความเป็นกันเอง
cr:ช่อง111
ต้องการผู้หญิงแบบว่ามีความเป็นกันเอง
cr:ช่อง111
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ BaiFern Lyy
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ได้เวลาทำ และเอาจริงแล้ว......"" แต่เอาไว้ก่อนดีกว่า.. (สรุปไม่ได้ทำ)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
รู้สึกเหงาๆๆ อยากมีคนคุยโทรสับด้วยทุกๆวัน ^____^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่ได้เล่นเฟสหลายวัน รู้สึกมันเปลี่ยนๆไปจัง หน้าฟิดข่าว เจอแต่เด็กๆ เพื่อนคนแก่ๆไม่มีเลย 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อก่อนเวลาที่เรามีปัญหารุมเร้าเข้ามา จะมีเพื่อนคอยยื่นมือเข้ามาช่วยเราเสมอทุกๆครั้งเลย แต่วันนี้มีปัญหาหนักเข้ามา "คือน้ำท่วมมันมาอีกแล้วอะ" จะมองไปทางไหนก็ไม่เห็นจะมีใครเข้ามาช่วยเลย จะมีใครใครไหม... ทั้งภาครัฐ/และเอกชนก็จุ้ยอย่างเดียว ไม่สน 55555" แต่...แต่..(เสียงดนตรีแนวให้กำลังใจดังขึ้น.ดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังดีที่มีเพือนๆดีๆที่คอยช่วยเหลือและคอยเป็นกำลังใจให ้อยู่ข้างๆเสมอ ๆ
""บอกตรงๆตอนนี้โคตรคิดถึงเพื่อนทุกคนเลยวะ แมรงเหงาจริงๆวะ ไม่รู้แต่ละคนไปอยู่ไหนกันบ้าง
cr: iคิดถึง allเพื่อน
""บอกตรงๆตอนนี้โคตรคิดถึงเพื่อนทุกคนเลยวะ แมรงเหงาจริงๆวะ ไม่รู้แต่ละคนไปอยู่ไหนกันบ้าง
cr: iคิดถึง allเพื่อน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้ามันมีประโยชน์ต่อเรา" แต่คนอื่นกลับมองว่า "มันเป็นเรื่องไร้สาระ
คุฯจะทำยังไง
คุฯจะทำยังไง
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 08, 2013 11:32:49am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้เอารถยนต์ไปตรวจเช็คสภาพ ที่ศูนย์TOYOTA เราถามเจ้าหน้าที่ว่า ""
เรา: ถ้ารถไม่ค่อยได้ใช้ ไม่ค่อยได้ขับเท่าไร่เลย อะไรที่ยังดีไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ได้ไหมครับ (เปลือง..!!
เจ้าหน้าที่: "" ต้องดูก่อนครับ (จนท พูดยั่งกะกินส้มตำเผ็ดๆมาพร้อมกับทำเสียงใช้อารมณ์)
เรา: อ๋อ...ครับ (เหมือน จนท มันไม่พอใจเรา)
เจ้าหน้าที่: น้อง..รถบางคันนะพี่ว่า บางทีช่วงบนยังพอได้นะ แต่ช่วงล่างอะ"เจ้งไปแล้วอะ (พร้อมกับมองไปทางพนักงาน ญ คนหนึ่ง)
เรา: อ๋อๆครับ งั้นดูให้ผมหน่อยนะครับ (งง..?? นิดๆ)
หลังจากนั้น จนขับรถกลับมาถึงบ้าน ย้อนนึกกลับไป นึกถึงคำพูดพี่คนนั้น??
[[คิดๆว่ามันหมายถึงว่าให้ผู้ ญ คนนั้นป่าววะ รถกูนี่นะอาการจะขนาดนั้น ??
เรา: ถ้ารถไม่ค่อยได้ใช้ ไม่ค่อยได้ขับเท่าไร่เลย อะไรที่ยังดีไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ได้ไหมครับ (เปลือง..!!
เจ้าหน้าที่: "" ต้องดูก่อนครับ (จนท พูดยั่งกะกินส้มตำเผ็ดๆมาพร้อมกับทำเสียงใช้อารมณ์)
เรา: อ๋อ...ครับ (เหมือน จนท มันไม่พอใจเรา)
เจ้าหน้าที่: น้อง..รถบางคันนะพี่ว่า บางทีช่วงบนยังพอได้นะ แต่ช่วงล่างอะ"เจ้งไปแล้วอะ (พร้อมกับมองไปทางพนักงาน ญ คนหนึ่ง)
เรา: อ๋อๆครับ งั้นดูให้ผมหน่อยนะครับ (งง..?? นิดๆ)
หลังจากนั้น จนขับรถกลับมาถึงบ้าน ย้อนนึกกลับไป นึกถึงคำพูดพี่คนนั้น??
[[คิดๆว่ามันหมายถึงว่าให้ผู้ ญ คนนั้นป่าววะ รถกูนี่นะอาการจะขนาดนั้น ??
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แม่พูดให้เราเสียความรู้สึกสุดๆเลย ตอนนี้แทบไม่อยจะอยู่บ้าน ถ้าไม่ติดว่าอยู่คนเดียว กูไม่อยู่บ้านแล้ว
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
[สเตตัส 18+] @ดูแหยมยโสธร แบบ [Zoom] พึงจบ ดูมาทุกภาคทั้งเรื่อง กูรู้เรื่องแค่..??
อีเจ้ย: ปลาดุ๊กๆ !!
บักแหยม: ปลาดุ๊ก"พอง''
อีเจ้ย: อ้ายแหยมๆ..เจ้ยอยากใด้ ดอกบัว
บักแหยม: อยากได้กะเด็ดเอา : )
ภาค3
อีเจ้ย: อ้ายมาหยัง??
บักแหยม: อ้ า ย..... ม า ......4 ......ค น
พะน๊า.... 10.1
อีเจ้ย: ปลาดุ๊กๆ !!
บักแหยม: ปลาดุ๊ก"พอง''
อีเจ้ย: อ้ายแหยมๆ..เจ้ยอยากใด้ ดอกบัว
บักแหยม: อยากได้กะเด็ดเอา : )
ภาค3
อีเจ้ย: อ้ายมาหยัง??
บักแหยม: อ้ า ย..... ม า ......4 ......ค น
พะน๊า.... 10.1
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โอ้ย..กลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ ^_^ รู้สึกดี"หวัดแดก
555555555[
555555555[
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 15, 2013 6:38:32am
ใช่ๆ ต้องทำยังไง ถึงจะมีแฟน
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 16, 2013 9:48:56am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ถูกใจภาพยนตร์บน IMDb
IMDbHeroween (2011)http://www.imdb.com/title/tt2073155/
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ เบียร์บี้ เบียร์บี้
คุณได้แท็ก เบียร์บี้ เบียร์บี้
เอามาให้อ่านๆ สำหรับพวกที่ไม่รู้จัก เวล่ำเวลานอน เวลาตื๋นเวลาตื่น ฮ่าาาา
01.00 น. - 03.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"ตับ"
ข้อควรปฏิบัติ : นอนหลับพักผ่อนให้สนิท
อาหารบำรุง : อาหารที่ช่วยล้างพิษ เช่น งา น้ำผลไม้และน้ำสะอาด
03.00 น. - 05.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"ปอด"
ข้อควรปฏิบัติ : ตื่นนอน สูดอากาศสดชื่น
อาหารบำรุง : อาหารจำพวกเบต้าแคโรทีนและวิตามินเอสูง เช่น ส้ม ผักใบ เขียว น้ำผึ้ง หอมใหญ่
05.00 น. - 07.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"ลำไส้ใหญ่"
ข้อควรปฏิบัติ : ขับถ่ายอุจจาระ
อาหารบำรุง : อาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช
07.00 น. - 09.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"กระเพาะอาหาร"
ข้อควรปฏิบัติ : กินอาหารเช้า
อาหารบำรุง : ควรมีพลังงานและสารอาหารอย่างน้อย 1 ใน 4 หรือร้อยละ 25 ของปริมาณที่ควรได้รับตลอดวัน
09.00 น. - 11.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"ม้าม"
ข้อควรปฏิบัติ : พูดน้อย กินน้อย ไม่นอนหลับ
อาหารบำรุง : มันเทศสีแดง หรือเหลือง อาหารที่ทำจากบุก
Image
11.00 น. - 13.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"หัวใจ"
ข้อควรปฏิบัติ : หลีกเลี่ยงความเครียดทั้งปวง
อาหารบำรุง : อาหารที่มีสีแดงตามธรรมชาติ เช่น ถั่วแดงและผลไม้สีแดง น้ำมันปลา วิตามินบีต่างๆ
13.00 น. - 15.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"ลำไส้เล็ก"
ข้อควรปฏิบัติ : งดกินอาหารทุกประเภท
อาหารบำรุง : อาหารไขมันต่ำ น้ำสะอาด
15.00 น. - 17.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"กระเพาะปัสสาวะ"
ข้อควรปฏิบัติ : ทำให้เหงื่อออก (ออกกำลังกาย หรือ อบตัว)
อาหารบำรุง : ผลไม้เช่น บิลเบอร์รี่ และทานน้ำสะอาดมากๆ
17.00 น. - 19.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"ไต"
ข้อควรปฏิบัติ : ทำตัวให้สดชื่น ไม่ง่วงหงาวหาวนอน
อาหารบำรุง : อาหารที่มีเกลือต่ำ รวมถึงสมุนไพรจีน เช่น ถั่งเฉ้า
17.00 น. - 21.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"เยื่อหุ้มหัวใจ"
ข้อควรปฏิบัติ : ทำสมาธิ หรือสวดมนต์
อาหารบำรุง : อาหารจำพวกโปรตีนที่มีไขมันต่ำ รวมถึงวิตามินบีต่างๆ
21.00 น. - 23.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"ระบบความร้อนของร่างกาย"
ข้อควรปฏิบัติ : ห้ามอาบน้ำเย็น ห้ามตากลม ทำร่างกายให้อบอุ่น
อาหารบำรุง : อาหารที่มีรสเผ็ดร้อน เช่น ขิง โสม
23.00 น. - 01.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"ถุงน้ำดี"
ข้อควรปฏิบัติ : ดื่มน้ำก่อนเข้านอน
อาหารบำรุง : อาหารที่มีไขมันต่ำ และไม่ทานอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ
ขอบคุณเว็บไซด์ Pantown.com
01.00 น. - 03.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"ตับ"
ข้อควรปฏิบัติ : นอนหลับพักผ่อนให้สนิท
อาหารบำรุง : อาหารที่ช่วยล้างพิษ เช่น งา น้ำผลไม้และน้ำสะอาด
03.00 น. - 05.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"ปอด"
ข้อควรปฏิบัติ : ตื่นนอน สูดอากาศสดชื่น
อาหารบำรุง : อาหารจำพวกเบต้าแคโรทีนและวิตามินเอสูง เช่น ส้ม ผักใบ เขียว น้ำผึ้ง หอมใหญ่
05.00 น. - 07.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"ลำไส้ใหญ่"
ข้อควรปฏิบัติ : ขับถ่ายอุจจาระ
อาหารบำรุง : อาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช
07.00 น. - 09.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"กระเพาะอาหาร"
ข้อควรปฏิบัติ : กินอาหารเช้า
อาหารบำรุง : ควรมีพลังงานและสารอาหารอย่างน้อย 1 ใน 4 หรือร้อยละ 25 ของปริมาณที่ควรได้รับตลอดวัน
09.00 น. - 11.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"ม้าม"
ข้อควรปฏิบัติ : พูดน้อย กินน้อย ไม่นอนหลับ
อาหารบำรุง : มันเทศสีแดง หรือเหลือง อาหารที่ทำจากบุก
Image
11.00 น. - 13.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"หัวใจ"
ข้อควรปฏิบัติ : หลีกเลี่ยงความเครียดทั้งปวง
อาหารบำรุง : อาหารที่มีสีแดงตามธรรมชาติ เช่น ถั่วแดงและผลไม้สีแดง น้ำมันปลา วิตามินบีต่างๆ
13.00 น. - 15.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"ลำไส้เล็ก"
ข้อควรปฏิบัติ : งดกินอาหารทุกประเภท
อาหารบำรุง : อาหารไขมันต่ำ น้ำสะอาด
15.00 น. - 17.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"กระเพาะปัสสาวะ"
ข้อควรปฏิบัติ : ทำให้เหงื่อออก (ออกกำลังกาย หรือ อบตัว)
อาหารบำรุง : ผลไม้เช่น บิลเบอร์รี่ และทานน้ำสะอาดมากๆ
17.00 น. - 19.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"ไต"
ข้อควรปฏิบัติ : ทำตัวให้สดชื่น ไม่ง่วงหงาวหาวนอน
อาหารบำรุง : อาหารที่มีเกลือต่ำ รวมถึงสมุนไพรจีน เช่น ถั่งเฉ้า
17.00 น. - 21.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"เยื่อหุ้มหัวใจ"
ข้อควรปฏิบัติ : ทำสมาธิ หรือสวดมนต์
อาหารบำรุง : อาหารจำพวกโปรตีนที่มีไขมันต่ำ รวมถึงวิตามินบีต่างๆ
21.00 น. - 23.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"ระบบความร้อนของร่างกาย"
ข้อควรปฏิบัติ : ห้ามอาบน้ำเย็น ห้ามตากลม ทำร่างกายให้อบอุ่น
อาหารบำรุง : อาหารที่มีรสเผ็ดร้อน เช่น ขิง โสม
23.00 น. - 01.00 น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของ"ถุงน้ำดี"
ข้อควรปฏิบัติ : ดื่มน้ำก่อนเข้านอน
อาหารบำรุง : อาหารที่มีไขมันต่ำ และไม่ทานอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ
ขอบคุณเว็บไซด์ Pantown.com
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ช่วงนี้ เป็นหวัด!! โอ้ย..เซง ย่าน บ่ได้เต้นหน้าฮ้านบุญกระฐินคักๆ 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เผลอแป๊บเดียว ไก่จะขันซะแล้ว กูจะนอนหลับไมเนี๊ยะ (เพราะเธอคนเดียวที่ พิมมาให้อ่าน) !!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
[สาระ] ลบเพื่อนเสร็จแล้ว วู้ยยยยย..!!
เคยสงสัยเพื่อนคนหนึ่งที่โพสโชว์ว่า "วันนี้ จะลบเพื่อน"
ทำไมต้องโพสบอกก่อนด้วย ถ้าผมกลัวว่าจะมีเปอรเซน โดนเพื่อนคนที่โพสลบ
ก็แค่ รีบเข้าไปตั้งค่า>>ปิดบัญชีผู้ใช้ไว้ก่อน (ช่วงนี้คนที่โพส เข้าหาดูรายชื่อเพื่อนทั้งหมดเพื่อที่จะทำการลบ ก็ไม่มีทางเห็นเราในรายชื่อเพื่อนหรอก (เพราะปิดบัญชีผู้ใช้ไว้ชัวคราว ค่อยเปิดทีหลังตอนไหนก็ได้ เปิดมาก็ยังเป็นเพื่อนเหมือนเดิม!!
cr:ใครกลัวโดนลบก็จัดไป
เคยสงสัยเพื่อนคนหนึ่งที่โพสโชว์ว่า "วันนี้ จะลบเพื่อน"
ทำไมต้องโพสบอกก่อนด้วย ถ้าผมกลัวว่าจะมีเปอรเซน โดนเพื่อนคนที่โพสลบ
ก็แค่ รีบเข้าไปตั้งค่า>>ปิดบัญชีผู้ใช้ไว้ก่อน (ช่วงนี้คนที่โพส เข้าหาดูรายชื่อเพื่อนทั้งหมดเพื่อที่จะทำการลบ ก็ไม่มีทางเห็นเราในรายชื่อเพื่อนหรอก (เพราะปิดบัญชีผู้ใช้ไว้ชัวคราว ค่อยเปิดทีหลังตอนไหนก็ได้ เปิดมาก็ยังเป็นเพื่อนเหมือนเดิม!!
cr:ใครกลัวโดนลบก็จัดไป
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เธอ ไม่ใช่อย่างที่เราคิดไว้เลย ละนึกว่าเธอจะเข้าใจ
(อาจเพราะเธอไม่เหมือนเรา ที่เชื่อตัวเอง)
i อยู่ในช่วงเลข 0 ถึง เลข 75 และ u อยู่ในช่วง เลข 50 ถึง เลข 75 จงหาว่า
ในช่วงของหมายเลข i หรือ u ที่มากกว่ากัน
(อาจเพราะเธอไม่เหมือนเรา ที่เชื่อตัวเอง)
i อยู่ในช่วงเลข 0 ถึง เลข 75 และ u อยู่ในช่วง เลข 50 ถึง เลข 75 จงหาว่า
ในช่วงของหมายเลข i หรือ u ที่มากกว่ากัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ออกข่าวอะไร ให้มันใหม่ๆน่าสนใจกว่านี้ได้ไหม มีแต่ข่าวเดิมๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เช้านี้..อากาศดี..มาก เฮ็ดว่าวปล่อย ซะ บ้อ คึสิเป็นตะขึ้นดี 5555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สอยๆพี่น้องฟังสอย " สักกะวา หน้าหนาวพุสาวขาแตก..!!
เป็นรอยแยก รอยแหงตามพื้นผิว.....
cr: จบส่ำ
เป็นรอยแยก รอยแหงตามพื้นผิว.....
cr: จบส่ำ
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 21, 2013 4:33:32pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เผลอแป๊ฟเดียว...เพื่อนที่เคยเรียนรุ่นเดียวกัน จะแต่งงานอีกคู่แล้ว
cr: เปนตะมีแฮงกัน เนาะสู
cr: เปนตะมีแฮงกัน เนาะสู
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วัยรุ่นที่อายุ19ปีตอนนี้เขากำลังทำอะไร คิดอะไรอยู่น่ะ ??
คนที่เรียนก็คง อยู่ในรั่วมหาลัย อ่านแต่หนังสือ ทำแต่รายงาน
คนที่ไม่เรียน ก็คงกำลังทำงาน เก็บเอง หรือส่งให้ทางบ้าน
แล้วคนแบบนี้จะมีไหมน่ะ "เริ่มทำธุระกิจ"
คนที่เรียนก็คง อยู่ในรั่วมหาลัย อ่านแต่หนังสือ ทำแต่รายงาน
คนที่ไม่เรียน ก็คงกำลังทำงาน เก็บเอง หรือส่งให้ทางบ้าน
แล้วคนแบบนี้จะมีไหมน่ะ "เริ่มทำธุระกิจ"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ จันทราพร เกษมสัตย์ และ พัชรินทร์ เกษมสัตย์ ที่ โรงพยาบาลอำนาจเจริญ
คุณได้แท็ก จันทราพร เกษมสัตย์ และ พัชรินทร์ เกษมสัตย์
สถานที่: โรงพยาบาลอำนาจเจริญ (15.864344456972, 104.6238674359)
ที่อยู่: เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ 37000
สถานที่: โรงพยาบาลอำนาจเจริญ (15.864344456972, 104.6238674359)
ที่อยู่: เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ 37000
เพิ่งกลับจาก..โรงพยาบาลอำนาจ พาหลานไปออกลูก อิอิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เริ่ม : "ไม่มีเวลา" แล้ว
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Praiwapa May
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หน้าหนาวมา" คนโสด"มันจะเริ่มเหงา..เหงา แล้ว ณ คัฟ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มีเด็ก2คนเดินมาสมัคงานพร้อมกันและตำแหน่งเดียวกัน
คนแรก จบราดพัด
คนที่สอง จบราม
คุณคิดว่าใครจะได้งาน.....???
................................
................................
...............................
...............................
...............................
...............................
...............................
................................
................................
.............................
...............................
...............................
...............................
..........................
....................
.....................
.....................
คำตอบคือ เด็กที่จบจากราม เพราะ........
เพราะรามเขาถึ๋กดี สู้แดด สู้ฝน ทนลมหนาว 5555 เว็บพันทิพเขาบอกมา
cr: ปวดหัว..!
คนแรก จบราดพัด
คนที่สอง จบราม
คุณคิดว่าใครจะได้งาน.....???
................................
................................
...............................
...............................
...............................
...............................
...............................
................................
................................
.............................
...............................
...............................
...............................
..........................
....................
.....................
.....................
คำตอบคือ เด็กที่จบจากราม เพราะ........
เพราะรามเขาถึ๋กดี สู้แดด สู้ฝน ทนลมหนาว 5555 เว็บพันทิพเขาบอกมา
cr: ปวดหัว..!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
{ครูให้การบ้าน} - - - - - - {ไปเล่น ปล แบบกังวน} - - - - - - {รีบทำแบบสุดๆ} - {วันส่ง}
{ครูให้การบ้าน} - {เริ่มทำ ปล จนเสร็จ} - - - - - - - ไปเล่นแบบอิสระ - - - - - - - {วันส่ง}
{ครูให้การบ้าน} - {เริ่มทำ ปล จนเสร็จ} - - - - - - - ไปเล่นแบบอิสระ - - - - - - - {วันส่ง}
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
[วันที่1ครูให้การบ้านนัดส่งวันที่9} - [วันที่2ไปเล่น ปล เล่นแบบกังวน -3 -4 -5 -6 - 7- } วันที่8[รีบทำแบบสุดๆ} -วันที่9วันส่ง]
[วันที่1ครูให้การบ้าน} - [วันที่2เริ่มทำ ปล จนเสร็จ} - วันที่3ไปเล่นแบบอิสระ -4 -5 -6 - 7- 8-} วันที่9ส่ง]
[วันที่1ครูให้การบ้าน} - [วันที่2เริ่มทำ ปล จนเสร็จ} - วันที่3ไปเล่นแบบอิสระ -4 -5 -6 - 7- 8-} วันที่9ส่ง]
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
[วันที่1ครูให้การบ้านนัดส่งวันที่9} - [วันที่2ไปเล่น ปล เล่นแบบกังวน -3 -4 -5 -6 - 7- }
วันที่8[รีบทำแบบสุดๆ} -วันที่9วันส่ง]
[วันที่1ครูให้การบ้าน} - [วันที่2เริ่มทำ ปล จนเสร็จ} - วันที่3ไปเล่นแบบอิสระ -4 -5 -6 - 7- 8-}
วันที่9ส่ง]
วันที่8[รีบทำแบบสุดๆ} -วันที่9วันส่ง]
[วันที่1ครูให้การบ้าน} - [วันที่2เริ่มทำ ปล จนเสร็จ} - วันที่3ไปเล่นแบบอิสระ -4 -5 -6 - 7- 8-}
วันที่9ส่ง]
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
[วันที่1ครูให้การบ้านนัดส่งวันที่9} - [วันที่2ไปเล่น ปล เล่นแบบกังวนใจ -3 -4 -5 -6 - 7- }
วันที่8[รีบทำแบบสุดๆ} -วันที่9ส่ง]
กับ
[วันที่1ครูให้การบ้าน} - [วันที่2เริ่มทำ ปล จนเสร็จ} - วันที่3ไปเล่นแบบอิสระ -4 -5 -6 - 7- 8-}
วันที่9ส่ง]
จะเลือกแบบไหน
คิดถึงน้องสาวจังเลย อิอิ กลับบ้านวันไหน มาสอนพี่พูดเขมร หน่อยน่ะ 55
ได้คำเดียว กระเดาๆ แปลว่าร้อนๆ อิอิ
วันที่8[รีบทำแบบสุดๆ} -วันที่9ส่ง]
กับ
[วันที่1ครูให้การบ้าน} - [วันที่2เริ่มทำ ปล จนเสร็จ} - วันที่3ไปเล่นแบบอิสระ -4 -5 -6 - 7- 8-}
วันที่9ส่ง]
จะเลือกแบบไหน
คิดถึงน้องสาวจังเลย อิอิ กลับบ้านวันไหน มาสอนพี่พูดเขมร หน่อยน่ะ 55
ได้คำเดียว กระเดาๆ แปลว่าร้อนๆ อิอิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เหมือนในโลกนี้"มีฉันอยู่คนเดียว'
แม่ก็ไม่เข้าใจ พี่สาวก็อารม์ไปคนละทิศละทางกับเรา ทั้งแม่และพี่สาวทำไม
ความคิดไม่เหมือนเรา เราพูดเรื่องอะไรขึ้นมาก็แอนตี้ไม่เข้าใจเราเล้ย ถ้าเป็นไปได้ต่อไปนี้
ไม่ต้องมาสนทนา ถาม ปรึกษา หรืออะไรเลยยิ่งดี ถามแล้วไม่เอาความจะถามทำไมสถานะ: เบื่อครอบครัว อยากออกไปหาอะไรทำด้วยตัวเอง
แม่ก็ไม่เข้าใจ พี่สาวก็อารม์ไปคนละทิศละทางกับเรา ทั้งแม่และพี่สาวทำไม
ความคิดไม่เหมือนเรา เราพูดเรื่องอะไรขึ้นมาก็แอนตี้ไม่เข้าใจเราเล้ย ถ้าเป็นไปได้ต่อไปนี้
ไม่ต้องมาสนทนา ถาม ปรึกษา หรืออะไรเลยยิ่งดี ถามแล้วไม่เอาความจะถามทำไมสถานะ: เบื่อครอบครัว อยากออกไปหาอะไรทำด้วยตัวเอง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
(ขอโทษน่ะคับที่ไม่ได้ตอบแชท)
คือไม่รู้จะคุยจะพูดเรื่องอะไรดี
ไม่ได้เกลียด
ไม่ได้โกรธ
ไม่ได้งอล
ไม่ได้อะไรทั้งนั้น
ความรู้สึกที่มีให้ยังดีเหมือนเดิม
(คือช่วงนี้มันสบโสน)
:ลบบรรทัดแรกและบรรทัดสุดท้ายออก
คือไม่รู้จะคุยจะพูดเรื่องอะไรดี
ไม่ได้เกลียด
ไม่ได้โกรธ
ไม่ได้งอล
ไม่ได้อะไรทั้งนั้น
ความรู้สึกที่มีให้ยังดีเหมือนเดิม
(คือช่วงนี้มันสบโสน)
:ลบบรรทัดแรกและบรรทัดสุดท้ายออก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่ม Diary of a Wimpy Kid ในหนังสือที่เขาอ่าน
Diary of a Wimpy Kid
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
@มานอนเฝ้าข้าวคนเดียว ข้างถนน ทั้งมืดทั้งเปี่ยวทั้งยุงแบบเยอะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ใครมี คาถา ป้องกันตัวดีๆบ้างครับ55
คือว่านอนเฝ้าข้าวอยู่นอกบ้านคนเดียว แบบว่ากลัวคนมาทำร้ายอะ..!
คือว่านอนเฝ้าข้าวอยู่นอกบ้านคนเดียว แบบว่ากลัวคนมาทำร้ายอะ..!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ปลื้มผู้หญิงคนหนึ่งในเฟสอะ เธอมีขี้แมลงวันตรงริมฝีปาก และตาเธอคมมากๆ เธอต้องพูดเก่งแน่ๆ ปลื้มๆๆเธอ อิอิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึกโดดเดี่ยว
หน้าหนาว ข่อย บ่ "มีสาวกอด" อิอิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ขอไลค์คนที่เกิดวัน พุธ หน่อยครับ คือผมมีอะไรจะบอก" .........?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อยากหน้าขาว>เท่าตัว :]
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สถานะM150ขี้น♥ นอนไม่หลับเว้ย...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้ฟัง หมอดูมาหลอกเอาเงินที่บ้าน
คนเกิดวันจันทร์ คู่กับ คนเกิดวันศุกร์ อยู่ในเกณฑ์ "ดี" อยู่ร่วมกัน จะมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย 55555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ช่วง4วันที่ผ่านมา งานแต่งพี่สาว บอกตรงๆเหนื่อยมากๆ ทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย แทบไม่ได้นอนเลย ทุกคนแบบว่าต่อคิวใช้แต่เราๆ นิดๆหน่อยๆใช้หมด เดินกลับไปกลับมาในบ้าน ถ้าวัดเป็นระยะทาง 4กิโลแน่ๆฮ่าๆ
เป็นลูกเจ้าภาพมันเหนื่อยจริงๆครับพี่น้อง
ถ้าป็นงานแต่งผมนะ ผมจะโอนเงินไปให้ทางแม่เจ้าสาว แล้วนัดไปผูกแขนรับตัวมา จบ' งายดี
เป็นลูกเจ้าภาพมันเหนื่อยจริงๆครับพี่น้อง
ถ้าป็นงานแต่งผมนะ ผมจะโอนเงินไปให้ทางแม่เจ้าสาว แล้วนัดไปผูกแขนรับตัวมา จบ' งายดี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนโสดใครยังไม่มีคู่ ไปลอยกระทง ครับ ขอเสียงหน่อย..ฮิ้วๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ระว่างคนไลค์ กับคนมาคอมเม้น คุณอยากได้แบบไหน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กลัวคำตอบจะ ออกมาไม่ใช่อย่างที่เราคิด มันเลยทำให้เรายังไม่กล้าบอกเธอ ว่าเราปลื้มเธอน่ะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตื่นเช้าได้เวี้ยกหลาย ตื่นสายได้เวี้ยกหน่อย....
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
บอกตัวเองว่า กดLike ให้แล้วอยู่เฉยๆดีกว่า เดี๋ยวแฟนคนที่เธอซ่อนไว้จะออกมากระทืมมึง 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึกดีมาก
แม่เป็นหวัด !
@มาเอายาให้แม่ที่สถานีอนามัย แต่หมอไม่อยู่
@วัดความสูง ได้ 176 เซนติเมตร อิอิ มันเพิ่มขึ้นฮ่าๆ
@มาเอายาให้แม่ที่สถานีอนามัย แต่หมอไม่อยู่
@วัดความสูง ได้ 176 เซนติเมตร อิอิ มันเพิ่มขึ้นฮ่าๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การรู้มากมันไม่ได้ทำให้เราได้เปรียบเสมอไปหรอกน่ะ บางทีมันก็เป็นภาระ ><
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ยังไม่ได้เป็นอะไรกันเลยแต่ทำไมรู้สึกเหมือนอกหัก
เวลาที่เราชอบใครมากๆ รู้สึกดีๆกับเขา แต่เราไม่กล้าบอก ก็แย่แล้ว อึดอัด
แต่วันไหน ดูเธอมีแฟนแล้ว มันก็เหมือนหมดหนทางแล้วทุกอย่าง
มันเป็น ความป๊อดล้วนๆ +++ ทั้งหมดนี้ผมแค่ระบายเฉยๆไม่ได้อะไร เลย
เก็บไว้คนเดี่ยวไม่ไหวจริงๆ 555+
cr:C M
เวลาที่เราชอบใครมากๆ รู้สึกดีๆกับเขา แต่เราไม่กล้าบอก ก็แย่แล้ว อึดอัด
แต่วันไหน ดูเธอมีแฟนแล้ว มันก็เหมือนหมดหนทางแล้วทุกอย่าง
มันเป็น ความป๊อดล้วนๆ +++ ทั้งหมดนี้ผมแค่ระบายเฉยๆไม่ได้อะไร เลย
เก็บไว้คนเดี่ยวไม่ไหวจริงๆ 555+
cr:C M
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทำไมหลายคนถึงอกหัก??
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไลน์ๆๆๆๆๆๆ อยากมีเพื่อนๆ tum_noza ใคร ยังไม่เต็มช่วยแอดหน่อยครับ55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าเรายื่นมือให้เขา" แล้วเขาไม่รับจับมือเราไว้" เราควรจะออกไปใช่ไหม..
หรือว่าเราจะตบหัวมันแทนดี >TT<
หรือว่าเราจะตบหัวมันแทนดี >TT<
เว็บนี้เจ๋งว่ะ แปลงข้อความเป็นเสียง ใครออกเสียงภาษาอังกฤษไม่ค่อยถูก ช่วยได้เลย
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 25, 2013 1:51:18pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มีผู้ชายคนหนึ่งสนใจอยากคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งมาก
แต่ผู้หญิงคนนั้นทำท่าทีไม่สนใจเขาเลย
เขาเลยนำเรื่องนี้ไปปรึกษาพ่อ
พ่อ: ถ้าเขาไม่สนใจเรา เราก็ควรจะเลิกคิดและเลิกตามเขา เพราะมันเสียเวลาของลูก
ลูก: แต่ผมรักเขาไปแล้ว
พ่อ: แล้วรักแบบนี้มันมีความสุขกับตัวเองไหม ถ้ามีความสุขลูกก็ทำและรอผู้หญิงคนนั้นต่อไปเถอะ
เพราะนี้มันคือการตัดสินใจลูกเอง
ลูก: ไม่เลยพ่อ มันเหนื่อยใจมากๆเลย
พ่อ: งั้นแสดงว่า ลูกแค่หลง ลูกไม่ได้รักเขาจริงๆอย่างที่ลูกคิด
พ่อ: ถ้าลูกรักเขาจริงๆ ลูกต้องรอเขาได้
ลูก: ขอบคุณครับพ่อ ที่ทำให้ตาสว่างขึ้น
cr: ผมรักพ่อ
แต่ผู้หญิงคนนั้นทำท่าทีไม่สนใจเขาเลย
เขาเลยนำเรื่องนี้ไปปรึกษาพ่อ
พ่อ: ถ้าเขาไม่สนใจเรา เราก็ควรจะเลิกคิดและเลิกตามเขา เพราะมันเสียเวลาของลูก
ลูก: แต่ผมรักเขาไปแล้ว
พ่อ: แล้วรักแบบนี้มันมีความสุขกับตัวเองไหม ถ้ามีความสุขลูกก็ทำและรอผู้หญิงคนนั้นต่อไปเถอะ
เพราะนี้มันคือการตัดสินใจลูกเอง
ลูก: ไม่เลยพ่อ มันเหนื่อยใจมากๆเลย
พ่อ: งั้นแสดงว่า ลูกแค่หลง ลูกไม่ได้รักเขาจริงๆอย่างที่ลูกคิด
พ่อ: ถ้าลูกรักเขาจริงๆ ลูกต้องรอเขาได้
ลูก: ขอบคุณครับพ่อ ที่ทำให้ตาสว่างขึ้น
cr: ผมรักพ่อ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
คิดถึงพ่อว่ะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึกน่าจะดีขึ้นน่ะ
ปลด>>การแจงเตือนเธอ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Praiwapa May
คุณได้แท็ก Praiwapa May
รูปงานแต่งงาน พี่สาวพี่ จะฝากมาตอนไหนคร๊าฟ >__<
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มีใครรู้บ้างว่าคำในช่องว่าง คืออะไร...?
1 พูดให้อีกฝ่าย รู้สึกดีด้วย ใช้ในเวลา [........]
2 พูดให้อีกฝ่าย รู้สึกอึดอัด เบื่อหน่ายน่าลำคาญเรา ใช้ในเวลา [........]
1 พูดให้อีกฝ่าย รู้สึกดีด้วย ใช้ในเวลา [........]
2 พูดให้อีกฝ่าย รู้สึกอึดอัด เบื่อหน่ายน่าลำคาญเรา ใช้ในเวลา [........]
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"พรุุ่ง ----> นี้ เตรียมตัวร้อง..---->ไห้ "_"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลามีปัญหาอยากถาม อยากขอคนที่รู้ทั้งโลก ให้มาช่วย
เวลาแก้ไขได้ด้วยตัวเอง อยากจะเก็บไว้คนเดียว ไม่อยากจะบอกใคร
cr: คนเรารึนี่
เวลาแก้ไขได้ด้วยตัวเอง อยากจะเก็บไว้คนเดียว ไม่อยากจะบอกใคร
cr: คนเรารึนี่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันพ่อปีนี้เวียนมาอีกแล้วครับพ่อ
วันนี้มีแต่คน พูดเรื่องพ่อ ถามถึงพ่อ และยังได้ยินแม่บ่นๆ ว่าคิดถึง ถ้าตอนนี้พ่อยังอยู่จะใช้ให้ไปไถนาปลูกแตงโมให้
วันนี้ผมไปวัด ไปทำบุญให้พ่อและครอบครัว และได้มีโอกาสทำบุญเพื่อส่วนรวมโดยไม่ได้ตั้งใจด้วยครับพ่อ
ตอนนี้รู้สึกผิดมากๆครับพ่อ แทนที่ตอนเย็นจะไปกวดไปทำความสะอาจธาตุพ่อ ไปจุดเทียน แต่ตอนนี้21:43 แล้ว ถ้าไปมันยังไงไม่รู้ ไม่เข้าใจตัวเอง
เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ผมจะทำหน้าที่แทนพ่อเต็มๆเลยน่ะครับ แต่เช้าเลย เพื่อชดเชยความรู้สึกผิดในเวลาตอนนี้ และจะดูแลแม่ดีๆและยายด้วยน่ะครับพ่อ
พรุ่งนี้จะเอาข้าวไปสี แล้วกินข้าว แล้วไปคอนฟืนให้เสร็จ แล้วจะเอาไม้ที่ตัดลงแล้วขึ้นใส่รถไถมาไว้ และก็เอาหัวหมูไปไถ่นาด้วย รอบๆสา แม่จะปลูกสวนอะพ่อ
แล้วถ้าเสร็จก็คงจะเอาไม้เข้าเตาถ่าน
พ่อครับผมมีอะไรจะบอก ผมคิดถึงพ่อ
วันนี้มีแต่คน พูดเรื่องพ่อ ถามถึงพ่อ และยังได้ยินแม่บ่นๆ ว่าคิดถึง ถ้าตอนนี้พ่อยังอยู่จะใช้ให้ไปไถนาปลูกแตงโมให้
วันนี้ผมไปวัด ไปทำบุญให้พ่อและครอบครัว และได้มีโอกาสทำบุญเพื่อส่วนรวมโดยไม่ได้ตั้งใจด้วยครับพ่อ
ตอนนี้รู้สึกผิดมากๆครับพ่อ แทนที่ตอนเย็นจะไปกวดไปทำความสะอาจธาตุพ่อ ไปจุดเทียน แต่ตอนนี้21:43 แล้ว ถ้าไปมันยังไงไม่รู้ ไม่เข้าใจตัวเอง
เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ผมจะทำหน้าที่แทนพ่อเต็มๆเลยน่ะครับ แต่เช้าเลย เพื่อชดเชยความรู้สึกผิดในเวลาตอนนี้ และจะดูแลแม่ดีๆและยายด้วยน่ะครับพ่อ
พรุ่งนี้จะเอาข้าวไปสี แล้วกินข้าว แล้วไปคอนฟืนให้เสร็จ แล้วจะเอาไม้ที่ตัดลงแล้วขึ้นใส่รถไถมาไว้ และก็เอาหัวหมูไปไถ่นาด้วย รอบๆสา แม่จะปลูกสวนอะพ่อ
แล้วถ้าเสร็จก็คงจะเอาไม้เข้าเตาถ่าน
พ่อครับผมมีอะไรจะบอก ผมคิดถึงพ่อ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กลอนวันพ่อ ไม่มี
มีแต่คำถาม
ตอนนี้พ่อสบายดีไหม ตอนนี้ทางบ้าน ทุกคนถามหาพ่อถามถึงพ่ออยู่ครับ
พ่อจาม ไมครับวันนี้ ตอนนี้ทุกคนคิดถึงพ่อมากๆครับ โดยเฉพาะผม
มีแต่คำถาม
ตอนนี้พ่อสบายดีไหม ตอนนี้ทางบ้าน ทุกคนถามหาพ่อถามถึงพ่ออยู่ครับ
พ่อจาม ไมครับวันนี้ ตอนนี้ทุกคนคิดถึงพ่อมากๆครับ โดยเฉพาะผม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อยากได้โปรแกรม ถอดเอพเฟค Camera 360 จะได้ดูหนังหน้าเธอจริงๆ 5555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สถานะ : กำลัง Flf
คุนลองพิมเป็นภาษาไทยดู :)
คุนลองพิมเป็นภาษาไทยดู :)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แบต อย่าเพิ่งหมดได้ไหมมมมมมมม ขอเถอะะะะะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
จีบคนโสด..ศัตรูเป็นแสน จีบคนมีแฟน..ศัตรูเพียงหนึ่งเดียว 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผู้หญิงคนหนึ่งเราคุยด้วย เราหาเราทำแต่สิ่งดีๆให้ อะไรที่จะได้เปรียบคนอื่นเราบอกหมดเกี่ยวกับfacebook เรายอมเสียเวลาให้เขาคนเดียว ทั้งที่มีเพื่อนหลายคนทักเราเข้ามา แต่เราเลือกทีจะไม่ตอบ เธอ เธอหยิ่งมาก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อคืนใครไปดู เสกโลโซ บ้างครับ มันขึ้นเพลงบัวลอย แล้วตีกันไหมคับคับ..??
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้านายก " ยุบสภา หรือลาออก" ต่อไป พวกเสื้อแดง เสื้อเหลืองที่ไปชุมนุม มันคงหมดรายกันพอดี :) 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Sa Na
คุณได้แท็ก Sa Na
เมื่่อกี้ลูกสาวกดไลค์ให้ แบบๆชื่นใจป๊าเลย ฮ่าๆๆๆ เจอกันอาทิตย์หน้าน่ะ :)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึกสัญญาณTureMoveเพิ่งเข้าถึง
รู้สึกว่าบ้านหนองยอ เน็ตTureMove จะเร็วกว่า DTAC และ 123call อะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เขาบอกว่า พี่น้องตัดกันไม่ขาด กูจะตัดให้พวกมึงดู
แบ่งนามึงทำกับครอบครัวกูสุดยอดเลยวะ แม่กูเป็นคนเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ เช็ดขี้เช็ดเยี่ยว อะไรๆก็อยู่นี่ มึงก็ยังทำกันลงคอ เวลามึงมีปัญหาอะไร เงินขาด ก็ส่งไปให้ ใบนาก็ยอมเอาให้มึงไปหมุนเอาเงินออกมา มึงจำได้ไหมวันที่ึพากุุถ่ายรูปทำใบขับขี่ มึงซื้อต้นไม้ มึงขอเปลี่ยนมาถือเอกสารสมัคสอบใบขับขี่จากกู แล้วให้กูถือต้นไม้ กูจำได้ กูจะไม่ลืมว่ามึงเอาเปปรียบแม้กระทั้งเด็ก วันนี้มึงยังไปใส่ความพี่สาวกูอีก ว่าหวงนั้นหวงนี้ ไม่ให้เข้าในบ้าน มึงนิสุดยอด กูจะจำไว้
ไอ้ทอง
วันกูจะจำไว้ ลูกเขยมึงมาขอยืมเงินไปค้าขายทางบ้านกูก็ยอมให้มึง และแล้วลูกเขยมึงก็โกงเงินทางบ้านกูไป5แสน จนลูกสาวมึงตาย แล้วลูกเขยมึงเมียตายแล้ว ก็หนี้ไปเอาเมียใหม่ แล้ววันนี้แบ่งนา มึงขึ้นสุดขีดเลย โอ้โห... ทำให้กูไม่นับถือมึงตลอกชีวิต
ลุงอ้อด ลุงนี้ก็สุดยอดเหมือนกัน ไม่มีจริยธรรมไม่มีความถูกต้อง กูเกลียดมึงวะ บางเวลากูก็สงสารมึงวะหถ้าถึงเวลากูจะเอาคืน
แบ่งนามึงทำกับครอบครัวกูสุดยอดเลยวะ แม่กูเป็นคนเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ เช็ดขี้เช็ดเยี่ยว อะไรๆก็อยู่นี่ มึงก็ยังทำกันลงคอ เวลามึงมีปัญหาอะไร เงินขาด ก็ส่งไปให้ ใบนาก็ยอมเอาให้มึงไปหมุนเอาเงินออกมา มึงจำได้ไหมวันที่ึพากุุถ่ายรูปทำใบขับขี่ มึงซื้อต้นไม้ มึงขอเปลี่ยนมาถือเอกสารสมัคสอบใบขับขี่จากกู แล้วให้กูถือต้นไม้ กูจำได้ กูจะไม่ลืมว่ามึงเอาเปปรียบแม้กระทั้งเด็ก วันนี้มึงยังไปใส่ความพี่สาวกูอีก ว่าหวงนั้นหวงนี้ ไม่ให้เข้าในบ้าน มึงนิสุดยอด กูจะจำไว้
ไอ้ทอง
วันกูจะจำไว้ ลูกเขยมึงมาขอยืมเงินไปค้าขายทางบ้านกูก็ยอมให้มึง และแล้วลูกเขยมึงก็โกงเงินทางบ้านกูไป5แสน จนลูกสาวมึงตาย แล้วลูกเขยมึงเมียตายแล้ว ก็หนี้ไปเอาเมียใหม่ แล้ววันนี้แบ่งนา มึงขึ้นสุดขีดเลย โอ้โห... ทำให้กูไม่นับถือมึงตลอกชีวิต
ลุงอ้อด ลุงนี้ก็สุดยอดเหมือนกัน ไม่มีจริยธรรมไม่มีความถูกต้อง กูเกลียดมึงวะ บางเวลากูก็สงสารมึงวะหถ้าถึงเวลากูจะเอาคืน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สถานะ: เครียด บ่พอใจ เก็บกรด ที่พวกผู้ใหญ่แบ่งนาแบบนี้ บักควยเอ้ย เวลามึงเฒ่ากู บ่ เบิ่งมึงแท้
cr:เอนดูเขา เอนเราขาด
cr:เอนดูเขา เอนเราขาด
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ ศักดิ์จรูญ เกษมสัตย์
คุณได้แท็ก ศักดิ์จรูญ เกษมสัตย์
พรุ่งนี้มาเอาใบแบบทดสอบ ปวส น่ะ กุไม่มีเวลาว่างทำให้ ช่วงนี้เวียกหลาย เข้าใจกุน่ะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อะไรก็ตามที่เราได้มันมาย้ากๆ "มันมักจะมีค่ากับเรา"> < ^_^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้อยู่บ้านทั้งวันนั้งแก้งาน ปวส วิชาคณิตให้เพื่อน ไปเจอข้อหนึ่งมันถามว่า เซตของพยัชนะภาษาอังกฤษในคำว่ารัก"
งงข้อสอบวะ เลยตอบว่า { l,o,v,e } มันจะถูกไหมคับ
งงข้อสอบวะ เลยตอบว่า { l,o,v,e } มันจะถูกไหมคับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพื่อนในเฟสใครใช้123call บ้างคับ ช่วยหน่อยๆครับ เวลาโทรออกเบอร์ไหนก็ตามมันจะมีเสียงตอบรับอัตโนมัติทางเครื่อข่าย บอกว่า"คุณได้โทรระงับการโทรออกไว้ชัวคราวค่ะ" ใครเคยเป็นบ้างครับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ สถานีขนส่งอำนาจเจริญ
สถานที่: สถานีขนส่งอำนาจเจริญ (15.88635792231, 104.62236723531)
ที่อยู่: บ้านนาเยีย ต.นายม อ.เมือง, เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ 37000
สถานที่: สถานีขนส่งอำนาจเจริญ (15.88635792231, 104.62236723531)
ที่อยู่: บ้านนาเยีย ต.นายม อ.เมือง, เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ 37000
ไปส่งพี่สาวกับพี่อ้าย.. ไปเมืองร้อยเอ็ด ที่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
5555 เข้าBig c อำนาจ" เจอกระเทย ร.ด เข้ามาทัก พุบ่าว.....
เลยไม่ตอบ แต่อยากจะบอกว่า มึงทำให้กูขนลุกมาก 5555
cr: กุไม่ชอบไม้เดียวกัน"
เลยไม่ตอบ แต่อยากจะบอกว่า มึงทำให้กูขนลุกมาก 5555
cr: กุไม่ชอบไม้เดียวกัน"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ช่วงนี้กูต้องร่าเริงๆๆ เดี๋ยวน้ำตาแมรงมันจะไหล...5555 โอ้ยๆ...ตั๋วกันวั่นๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้ฟัง เพลง ขออนุญาต..ห่วงใย - โดม The Star6
เธอฟังเพลงนี้ เธอจะได้เข้าใจความรู้สึกเราตอนนี้ว่ามันเป็นยังไง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้ฟัง เพลง ขออนุญาต..ห่วงใย - โดม The Star 6
อยากให้เธอฟังเพลงนี้ เธอจะได้เข้าใจความรู้สึกเราว่าเรามันมันเป็นยังไง
: (
: (
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้ฟัง เพลง ขออนุญาต..ห่วงใย - โดม The Star 6
อยากให้เธอฟังเพลงนี้ พี่จะได้เข้าใจความรู้สึกผม ว่ามันเป็นยังไง
: (
: (
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#นางพยาบาล :อย่าไปจีบ นะครับร้ายมากๆ ระวังเขาจะเอาเข็มฉีดยาแทงข้างหลังคุณ เจ็บมากๆๆ แก้ไข*(ไม่ได้ว่าพยาบาลทุกนะครัช อิอิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ช: เรารัก หญิง น่ะ
ญ: เราก็รัก ชาย เหมือนกัน ♥
เวลาผ่านไป....
ญ: เราไม่รัก ชาย แล้ว
ช: ต้องรัก ไม่งั้นกูเกลียดมึง !
รู้สึกว่าไอ้ชาย มันทำไม่ถูกวะ ผู้หญิงเขาหมดรักแล้วไปเกลียดเขา ฮ่าๆๆๆ
ญ: เราก็รัก ชาย เหมือนกัน ♥
เวลาผ่านไป....
ญ: เราไม่รัก ชาย แล้ว
ช: ต้องรัก ไม่งั้นกูเกลียดมึง !
รู้สึกว่าไอ้ชาย มันทำไม่ถูกวะ ผู้หญิงเขาหมดรักแล้วไปเกลียดเขา ฮ่าๆๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การทำใจสำหรับคนอื่นมันอาจจะนาน แต่สำหรับผม จะไม่ให้มันนานเด็ดขาด
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การทำใจสำหรับคนอื่นมันอาจจะนาน
แต่สำหรับผม
จะไม่ให้มันนาน เพราะชีวิตผมยังมีเรื่องอะไรให้คิดให้ทำอีกเยอะแยะ
แต่สำหรับผม
จะไม่ให้มันนาน เพราะชีวิตผมยังมีเรื่องอะไรให้คิดให้ทำอีกเยอะแยะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึกเริ่มงงตัวเอง 55
เวลามีโทรสับมือถือ กลับไม่ชอบการถ่ายรูปตัวเอง
พอเวลาโทรศัพท์มือถือไม่ได้อยู่แล้ว กลับอยากจะถ่ายรูปขึ้นมา
พอเวลาโทรศัพท์มือถือไม่ได้อยู่แล้ว กลับอยากจะถ่ายรูปขึ้นมา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึกรู้สึกเหมือนเดินไปอาบน้ำที่เชียงใหม่มา
โอ้ย...หนาวๆ ! อาบน้ำเพิ่งเสร็จ หนาวมากๆครับ ><
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้ฟัง เพลง คำอวยพร - SPF
หนาว +ง่วง +นอน น่าจะ = ฝันดี "
ฝันดีน่ะคับเพื่อนๆทุกคน
ฝันดีน่ะคับเพื่อนๆทุกคน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Preaw
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แต่เก่าแต่ก่อนกะคือจังดีนำกันยุ พี่น้อง เดี๋ยวนี้ มันคึเป็นไปทัวไปทีบแถาะวะ โอ้ยกุมึ๋นบักห่านิหลายเด้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 18, 2013 6:50:39am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ประเทศไทย น่าจะไม่มีการเก็บภาษี ลำพังงินก็หาย้ากอยู่แล้ว
cr: คนที่ยังขอตังพ่อแม่อยู่คงไม่เข้าใจ
cr: คนที่ยังขอตังพ่อแม่อยู่คงไม่เข้าใจ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
Everplex Dark Black Minimalist Facebook Theme
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้ฟัง เพลง ยิ้มเข้าไว้ - Clash แคลช
" ชีวิตยังไง : ) ก้ต้องดำเนินต่อไป
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พ่อแม่คือผู้ให้ชีวิต...
แล้วคุณเป็นใคร...
จะมาลิขิตชีวิตเรา...
I Don't Care.
แล้วคุณเป็นใคร...
จะมาลิขิตชีวิตเรา...
I Don't Care.
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Sa Na
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การจะเป็นนายคนอื่นได้....เราต้องเป็นนายตัวให้ได้ก่อน ""
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มีผู้ชายคนหนึ่งทักเรา
ชาย : ทักคร้าฟ
เรา : คับผม
ชาย : เข้าไปดูรูปปรจำตัวแล้ว สวยจังเลยคับ
เรา : แล้วดูหมดทุกรูปไหมค่ะ
ชาย : ดูทุกรูปเลยคับ สวยทุกรูปเลย
เรา : ฮ่าๆๆ จิงหรอค่ะ แต่ผมเป็นผู้ชายนะคับ
:แล้วคุนชายก็หายไปเลยยยย... 55555
ชาย : ทักคร้าฟ
เรา : คับผม
ชาย : เข้าไปดูรูปปรจำตัวแล้ว สวยจังเลยคับ
เรา : แล้วดูหมดทุกรูปไหมค่ะ
ชาย : ดูทุกรูปเลยคับ สวยทุกรูปเลย
เรา : ฮ่าๆๆ จิงหรอค่ะ แต่ผมเป็นผู้ชายนะคับ
:แล้วคุนชายก็หายไปเลยยยย... 55555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้ฟัง เพลง เหงาเหมือนกันไหมในคืนนี้ - กบ Taxi
ฟังเพลงนี้แล้ว คิดถึงมึงวะเพื่อน เพลงนี้กุจำได้กุได้ยินจากมึงเป็นคนแรก ฮื้อๆๆๆคิดถึงเพื่อน กระสุน นัดสุดท้าย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่ม Diary of a Wimpy Kid: Dog Days (book) ในหนังสือที่เขาอ่าน
Diary of a Wimpy Kid: Dog Days (book)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่ม Harry Potter and the Chamber of Secrets ในหนังสือที่เขาอ่าน
Harry Potter and the Chamber of Secrets
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ บ้านหนองยอ อำเภอหัวตะพาน
สถานที่: บ้านหนองยอ อำเภอหัวตะพาน (15.261940671857, 104.84643154688)
ที่อยู่: เทศบาลนครอุบลราชธานี 37240
สถานที่: บ้านหนองยอ อำเภอหัวตะพาน (15.261940671857, 104.84643154688)
ที่อยู่: เทศบาลนครอุบลราชธานี 37240
ไปดูหมอลำเพิ่งมา.. #ห่างเครื่องคนหนึ่งอ่ะน่ารักมากกกกก สาธุขอให้กูได้แฟนอย่างนี้ 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ก็อยากจะทักอีกอ่ะน่ะ แต่เราพิมพ์ไปเยอะมาก และเธอก็อ่านแล้วไม่ตอบ ไม่รู้เหมือนกันว่า
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แค่เป็นแฟน กำมะลอให้เพื่อน เธอก็เข้าใจผิด : ( :(
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
ใครเกิดปีจอปีหมา เหมือนผมบ้างคคับ ปี57นี้เราจะครองโลก 55
ในปีนี้ ผู้ที่เกิดปีจอคือคนที่จะครองโลกเลยล่ะครับ เป็นปีที่เต็มไปด้วยโอกาสที่จะประสบความสำเร็จและก้าวหน้าทางการเงิน ถ้าหากคุณเป็นผู้ที่ทำงานในแวดวงที่เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์และการศึกษาละก็ ปีนี้คุณจะได้รับการเลื่อนขั้น และจะเกิดความก้าวหน้าที่สำคัญอย่างแน่นอนครับ
ปี 2557 นี้ ดาวแห่งความผ่อนคลายโลก (ตี้เจี้ย) และดาวดาวตราประทับอันงามสง่า (หัวไก้) จะเคลื่อนเข้ามาในเรือนชะตาทำให้ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับความรู้ สติปัญญาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ซึ่งทำให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆที่เข้ามา และยังเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้อย่างง่ายดายครับ หากคุณกำลังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียนหรือทำงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ดาวตราประทับอันงามสง่า(หัวไก้) ที่เป็นดาวแห่งศิลปะและวรรณคดีจะช่วยจุดประกายแรงบันดาลใจใหม่ๆและกระตุ้นการเรียนรู้ของคุณ หรือแม้ว่าคุณไม่ได้ทำงานทางความคิดสร้างสรรค์ก็ตาม ไม่เป็นไรครับ การปรากฎของดาวดวงนี้ในเรือนชะตาจะช่วยให้คุณแสดงความสามารถพิเศษและส่งเสริมความเป็นมืออาชีพของคุณครับ
นอกจากนี้ ปี 2557 ยังจะพบดาวสามเวที (ซังไถ) เข้ามาในเรือนชะตาของผู้ที่เกิดปีจออีกด้วย ดาวดวงนี้เป็นดาวมงคลอย่างยิ่งครับ มักจะเกี่ยวข้องกับการทำงานและความก้าวหน้า ซึ่งจะส่งเสริมให้คุณประสบความสำเร็จทางอาชีพอย่างแน่นอน แม้ว่าจะเป็นปีที่มีงานและความรับผิดชอบล้นมือก็ตาม แต่นี่แหละครับคือโอกาสให้คุณแสดงความสามารถในการฝ่าฟันอุปสรรคได้เป็นอย่างดี ด้วยดาวมงคลที่จะส่องแสงนำทางให้คุณนี้ คุณจะสามารถก้าวข้ามขวากหนามต่างๆได้อย่างง่ายดาย รวมถึงความสามารถนี้ของคุณก็จะเป็นที่ประจักษ์ชัดแก่คนรอบข้างด้วย ถึงขั้นอาจจะได้โบนัสหรือการเลื่อนตำแหน่งเลยทีเดียวครับ สำหรับผู้ที่ทำงานอิสระ ปีนี้คุณก็จะค้นพบข้อดีของการเพิ่มพูนความสามารถของคุณเอง ซึ่งดาวขุมทรัพย์ชาติ (โกว๊ยิ่น)จะช่วยส่งเสริมโอกาสของคุณให้มากยิ่งขึ้นในที่ทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเจ้านายเป็นผู้ชาย
ขอแนะนำให้คุณใส่ใจกับทักษะด้านการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณต้องทำงานอย่างอิสระ เน้นความสุภาพและใส่ใจผู้คนรอบข้างเสมอเมื่อต้องพูดคุยหรือออกความเห็นใดๆ ความกระตือรือร้นของคุณเป็นสิ่งดีครับ แต่อย่าลืมว่าคุณต้องจัดการงานที่อาจจะตามมาอย่างท่วมท้นตามลำดับให้ดี และระวังอย่ารับงานจนล้นมือเกินไปนะครับ ทางที่ดีค่อยๆทำดีกว่าครับ คุณจะได้ทุ่มเทความสามารถลงไปได้เต็มที่ ผลงานที่ออกมานั้นจะยอดเยี่ยมและมีคุณภาพแน่นอน
ดาวดอกท้อผลิ (ท้าวฮัว) กำลังเปล่งประกายสำหรับชาวปีจอในปีนี้ครับ คนที่กำลังโสดจะมีโชคในการพบเจอคนพิเศษ แต่ต้องบอกกับตัวเองไว้นะครับว่า การอยู่เฉยๆและรอคอยอย่างเรื่อยเปื่อยจะไม่ทำให้คุณก้าวหน้าไปไหน ดังนั้น ลองออกไปพบปะผู้คนและเปิดโอกาสให้ตัวเองดูครับ! การจะทำให้ใครต่อใครสนใจในตัวคุณนั้นไม่ยากเลย คุณเพียงแค่ต้องสร้างความประทับใจที่ดีเท่านั้นเอง ถ้าหากคุณวางไพ่ได้ถูกละก็ โอกาสที่จะได้พบคนที่ใช่คนนั้นก็ไม่ไกลเลยครับ สำหรับคนที่มีแฟนหรือแต่งงานแล้วจะพบว่าปี 2557 นี้เป็นปีแห่งความโรแมนติก ความรักจะหวานชื่นก้าวหน้าไปด้วยดีโดยแทบไม่มีอะไรมากีดขวางครับ
ปีนี้จัดเป็นปีแห่งความสำเร็จของคุณเลยครับ ดาวมงคลต่างๆจะนำข้อเสนอดีๆมากมายเข้ามาให้คุณ เตรียมตัวเปิดรับไว้นะครับ ใช้ทักษะและความรู้ต่างๆเพื่อความสามารถของคุณให้มากที่สุด แนะนำว่าค่อยๆย่างก้าวสู่ความสำเร็จอย่างแช่มช้าและใจเย็นครับ แล้วอย่าลืมแบ่งปันความสำเร็จของคุณให้กับคนที่คุณรักด้วยนะครับ!
ปีนักสัตว์ อื่นๆ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.351710708309028.1073741828.351683068311792&type=1
ใครเกิดปีจอปีหมา เหมือนผมบ้างคคับ ปี57นี้เราจะครองโลก 55
ในปีนี้ ผู้ที่เกิดปีจอคือคนที่จะครองโลกเลยล่ะครับ เป็นปีที่เต็มไปด้วยโอกาสที่จะประสบความสำเร็จและก้าวหน้าทางการเงิน ถ้าหากคุณเป็นผู้ที่ทำงานในแวดวงที่เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์และการศึกษาละก็ ปีนี้คุณจะได้รับการเลื่อนขั้น และจะเกิดความก้าวหน้าที่สำคัญอย่างแน่นอนครับ
ปี 2557 นี้ ดาวแห่งความผ่อนคลายโลก (ตี้เจี้ย) และดาวดาวตราประทับอันงามสง่า (หัวไก้) จะเคลื่อนเข้ามาในเรือนชะตาทำให้ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับความรู้ สติปัญญาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ซึ่งทำให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆที่เข้ามา และยังเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้อย่างง่ายดายครับ หากคุณกำลังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียนหรือทำงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ดาวตราประทับอันงามสง่า(หัวไก้) ที่เป็นดาวแห่งศิลปะและวรรณคดีจะช่วยจุดประกายแรงบันดาลใจใหม่ๆและกระตุ้นการเรียนรู้ของคุณ หรือแม้ว่าคุณไม่ได้ทำงานทางความคิดสร้างสรรค์ก็ตาม ไม่เป็นไรครับ การปรากฎของดาวดวงนี้ในเรือนชะตาจะช่วยให้คุณแสดงความสามารถพิเศษและส่งเสริมความเป็นมืออาชีพของคุณครับ
นอกจากนี้ ปี 2557 ยังจะพบดาวสามเวที (ซังไถ) เข้ามาในเรือนชะตาของผู้ที่เกิดปีจออีกด้วย ดาวดวงนี้เป็นดาวมงคลอย่างยิ่งครับ มักจะเกี่ยวข้องกับการทำงานและความก้าวหน้า ซึ่งจะส่งเสริมให้คุณประสบความสำเร็จทางอาชีพอย่างแน่นอน แม้ว่าจะเป็นปีที่มีงานและความรับผิดชอบล้นมือก็ตาม แต่นี่แหละครับคือโอกาสให้คุณแสดงความสามารถในการฝ่าฟันอุปสรรคได้เป็นอย่างดี ด้วยดาวมงคลที่จะส่องแสงนำทางให้คุณนี้ คุณจะสามารถก้าวข้ามขวากหนามต่างๆได้อย่างง่ายดาย รวมถึงความสามารถนี้ของคุณก็จะเป็นที่ประจักษ์ชัดแก่คนรอบข้างด้วย ถึงขั้นอาจจะได้โบนัสหรือการเลื่อนตำแหน่งเลยทีเดียวครับ สำหรับผู้ที่ทำงานอิสระ ปีนี้คุณก็จะค้นพบข้อดีของการเพิ่มพูนความสามารถของคุณเอง ซึ่งดาวขุมทรัพย์ชาติ (โกว๊ยิ่น)จะช่วยส่งเสริมโอกาสของคุณให้มากยิ่งขึ้นในที่ทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเจ้านายเป็นผู้ชาย
ขอแนะนำให้คุณใส่ใจกับทักษะด้านการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณต้องทำงานอย่างอิสระ เน้นความสุภาพและใส่ใจผู้คนรอบข้างเสมอเมื่อต้องพูดคุยหรือออกความเห็นใดๆ ความกระตือรือร้นของคุณเป็นสิ่งดีครับ แต่อย่าลืมว่าคุณต้องจัดการงานที่อาจจะตามมาอย่างท่วมท้นตามลำดับให้ดี และระวังอย่ารับงานจนล้นมือเกินไปนะครับ ทางที่ดีค่อยๆทำดีกว่าครับ คุณจะได้ทุ่มเทความสามารถลงไปได้เต็มที่ ผลงานที่ออกมานั้นจะยอดเยี่ยมและมีคุณภาพแน่นอน
ดาวดอกท้อผลิ (ท้าวฮัว) กำลังเปล่งประกายสำหรับชาวปีจอในปีนี้ครับ คนที่กำลังโสดจะมีโชคในการพบเจอคนพิเศษ แต่ต้องบอกกับตัวเองไว้นะครับว่า การอยู่เฉยๆและรอคอยอย่างเรื่อยเปื่อยจะไม่ทำให้คุณก้าวหน้าไปไหน ดังนั้น ลองออกไปพบปะผู้คนและเปิดโอกาสให้ตัวเองดูครับ! การจะทำให้ใครต่อใครสนใจในตัวคุณนั้นไม่ยากเลย คุณเพียงแค่ต้องสร้างความประทับใจที่ดีเท่านั้นเอง ถ้าหากคุณวางไพ่ได้ถูกละก็ โอกาสที่จะได้พบคนที่ใช่คนนั้นก็ไม่ไกลเลยครับ สำหรับคนที่มีแฟนหรือแต่งงานแล้วจะพบว่าปี 2557 นี้เป็นปีแห่งความโรแมนติก ความรักจะหวานชื่นก้าวหน้าไปด้วยดีโดยแทบไม่มีอะไรมากีดขวางครับ
ปีนี้จัดเป็นปีแห่งความสำเร็จของคุณเลยครับ ดาวมงคลต่างๆจะนำข้อเสนอดีๆมากมายเข้ามาให้คุณ เตรียมตัวเปิดรับไว้นะครับ ใช้ทักษะและความรู้ต่างๆเพื่อความสามารถของคุณให้มากที่สุด แนะนำว่าค่อยๆย่างก้าวสู่ความสำเร็จอย่างแช่มช้าและใจเย็นครับ แล้วอย่าลืมแบ่งปันความสำเร็จของคุณให้กับคนที่คุณรักด้วยนะครับ!
ปีนักสัตว์ อื่นๆ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.351710708309028.1073741828.351683068311792&type=1
ในปีนี้ ผู้ที่เกิดปีจอคือคนที่จะครองโลกเลยล่ะครับ เป็นปีที่เต็มไปด้วยโอกาสที่จะประสบความสำเร็จและก้าวหน้าทางการเงิน ถ้าหากคุณเป็นผู้ที่ทำงานในแวดวงที่เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์และการศึกษาละก็ ปีนี้คุณจะได้รับการเลื่อนขั้น และจะเกิดความก้าวหน้าที่สำคัญอย่างแน่นอนครับ
ปี 2557 นี้ ดาวแห่งความผ่อนคลายโลก (ตี้เจี้ย) และดาวดาวตราประทับอันงามสง่า (หัวไก้) จะเคลื่อนเข้ามาในเรือนชะตาทำให้ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับความรู้ สติปัญญาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ซึ่งทำให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆที่เข้ามา และยังเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้อย่างง่ายดายครับ หากคุณกำลังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียนหรือทำงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ดาวตราประทับอันงามสง่า(หัวไก้) ที่เป็นดาวแห่งศิลปะและวรรณคดีจะช่วยจุดประกายแรงบันดาลใจใหม่ๆและกระตุ้นการเรียนรู้ของคุณ หรือแม้ว่าคุณไม่ได้ทำงานทางความคิดสร้างสรรค์ก็ตาม ไม่เป็นไรครับ การปรากฎของดาวดวงนี้ในเรือนชะตาจะช่วยให้คุณแสดงความสามารถพิเศษและส่งเสริมความเป็นมืออาชีพของคุณครับ
นอกจากนี้ ปี 2557 ยังจะพบดาวสามเวที (ซังไถ) เข้ามาในเรือนชะตาของผู้ที่เกิดปีจออีกด้วย ดาวดวงนี้เป็นดาวมงคลอย่างยิ่งครับ มักจะเกี่ยวข้องกับการทำงานและความก้าวหน้า ซึ่งจะส่งเสริมให้คุณประสบความสำเร็จทางอาชีพอย่างแน่นอน แม้ว่าจะเป็นปีที่มีงานและความรับผิดชอบล้นมือก็ตาม แต่นี่แหละครับคือโอกาสให้คุณแสดงความสามารถในการฝ่าฟันอุปสรรคได้เป็นอย่างดี ด้วยดาวมงคลที่จะส่องแสงนำทางให้คุณนี้ คุณจะสามารถก้าวข้ามขวากหนามต่างๆได้อย่างง่ายดาย รวมถึงความสามารถนี้ของคุณก็จะเป็นที่ประจักษ์ชัดแก่คนรอบข้างด้วย ถึงขั้นอาจจะได้โบนัสหรือการเลื่อนตำแหน่งเลยทีเดียวครับ สำหรับผู้ที่ทำงานอิสระ ปีนี้คุณก็จะค้นพบข้อดีของการเพิ่มพูนความสามารถของคุณเอง ซึ่งดาวขุมทรัพย์ชาติ (โกว๊ยิ่น)จะช่วยส่งเสริมโอกาสของคุณให้มากยิ่งขึ้นในที่ทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเจ้านายเป็นผู้ชาย
ขอแนะนำให้คุณใส่ใจกับทักษะด้านการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณต้องทำงานอย่างอิสระ เน้นความสุภาพและใส่ใจผู้คนรอบข้างเสมอเมื่อต้องพูดคุยหรือออกความเห็นใดๆ ความกระตือรือร้นของคุณเป็นสิ่งดีครับ แต่อย่าลืมว่าคุณต้องจัดการงานที่อาจจะตามมาอย่างท่วมท้นตามลำดับให้ดี และระวังอย่ารับงานจนล้นมือเกินไปนะครับ ทางที่ดีค่อยๆทำดีกว่าครับ คุณจะได้ทุ่มเทความสามารถลงไปได้เต็มที่ ผลงานที่ออกมานั้นจะยอดเยี่ยมและมีคุณภาพแน่นอน
ดาวดอกท้อผลิ (ท้าวฮัว) กำลังเปล่งประกายสำหรับชาวปีจอในปีนี้ครับ คนที่กำลังโสดจะมีโชคในการพบเจอคนพิเศษ แต่ต้องบอกกับตัวเองไว้นะครับว่า การอยู่เฉยๆและรอคอยอย่างเรื่อยเปื่อยจะไม่ทำให้คุณก้าวหน้าไปไหน ดังนั้น ลองออกไปพบปะผู้คนและเปิดโอกาสให้ตัวเองดูครับ! การจะทำให้ใครต่อใครสนใจในตัวคุณนั้นไม่ยากเลย คุณเพียงแค่ต้องสร้างความประทับใจที่ดีเท่านั้นเอง ถ้าหากคุณวางไพ่ได้ถูกละก็ โอกาสที่จะได้พบคนที่ใช่คนนั้นก็ไม่ไกลเลยครับ สำหรับคนที่มีแฟนหรือแต่งงานแล้วจะพบว่าปี 2557 นี้เป็นปีแห่งความโรแมนติก ความรักจะหวานชื่นก้าวหน้าไปด้วยดีโดยแทบไม่มีอะไรมากีดขวางครับ
ปีนี้จัดเป็นปีแห่งความสำเร็จของคุณเลยครับ ดาวมงคลต่างๆจะนำข้อเสนอดีๆมากมายเข้ามาให้คุณ เตรียมตัวเปิดรับไว้นะครับ ใช้ทักษะและความรู้ต่างๆเพื่อความสามารถของคุณให้มากที่สุด แนะนำว่าค่อยๆย่างก้าวสู่ความสำเร็จอย่างแช่มช้าและใจเย็นครับ แล้วอย่าลืมแบ่งปันความสำเร็จของคุณให้กับคนที่คุณรักด้วยนะครับ!
ปีนักสัตว์ อื่นๆ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.351710708309028.1073741828.351683068311792&type=1
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ปีจอ57 คนที่กำลังโสดจะมีโชคในการพบเจอคนพิเศษ แต่ต้องบอกกับตัวเองไว้นะครับว่า การอยู่เฉยๆและรอคอยอย่างเรื่อยเปื่อยจะไม่ทำให้คุณก้าวหน้าไปไหน ดังนั้น ลองออกไปพบปะผู้คนและเปิดโอกาสให้ตัวเองดูครับ! การจะทำให้ใครต่อใครสนใจในตัวคุณนั้นไม่ยากเลย
สาธุๆ
สาธุๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เล่นfacebook มาตังนาน ไม่เคยมีอะไรไม่เข้าใจ
แต่เมื่อกี่อัพวิดีโอผิดไฟล์ไป2รอบ ทั้งๆที่เลือกไฟล์ถูก 555
แต่เมื่อกี่อัพวิดีโอผิดไฟล์ไป2รอบ ทั้งๆที่เลือกไฟล์ถูก 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โสดปีนี้ ^^ตอนรับคนใหม่ในปีหน้า โสดๆๆๆๆๆ ฟรอมเยอะเกินนิแม่งก็ไม่ดีวะ 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Supachai Arm Sumpaoyon
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
รุ่นพี่คับ ผมชอบคุณได้ไหม
ผมเจ็บกับรุ่นน้องมาเยอะแล้ว
#มุขคลาสสิก
ผมเจ็บกับรุ่นน้องมาเยอะแล้ว
#มุขคลาสสิก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เธอ ไลค์ ให้เราแบบนี้ เธอชอบเราป่าวะ..! ♥
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าเราจะเอาใจใส่ ผู้หญิงคนหนึ่ง .....
เขา จะหาว่าเรา "มอ ป่าวะ"
เขา จะหาว่าเรา "มอ ป่าวะ"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
" ไอ้.." คนที่มันมีแฟนแล้ว แม่งเอ้ย...อิจฉาวะ..!
#เพจอิจฉา
#เพจอิจฉา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึกกลัวการคิดถึง
เวลาที่ต้องไปอยู่ที่อื่น ที่ไม่ใช่บ้านเรา แรกๆมันก็ดีได้เจออะไรใหม่ๆ
แต่มันไม่เหมือนบ้านเรา อะ
แต่มันไม่เหมือนบ้านเรา อะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อีก 4 วันจะปีใหม่ แล้วเว้ยเฮ้ย ! รวดเร็วทันใจ วัยรุ่นจริงๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ปีใหม่ปีนี้ จะไปฉลองที่สุรินทร์....เพราะเมืองสุริทร์เขาไม่กินสุรา ฮ่าๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ประวัติศาสตร์ เจอช่องโหว่ facebook 555 รายงานมันดีไหมวะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อ่อนน้อม ถ่อมตน ก้มหน้าก้มตา รู้สึกว่าปัจจุบันมีแต่จะโดนคนเหยียบ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Peerapol Treeraksa
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
คุณได้แท็ก Peerapol Treeraksa
สถานที่: โรงเรียนพนาศึกษา :) (15.688113935009, 104.83961844508)
ที่อยู่: อำเภอพนา 37180
นี่ไปฝึก หรือไป แอพ กันวะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โปรเฟส หมด ค้าดว่าจะพักเฟสยาว : เลยทีนี้กู
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พี่อยู่ใน สถานะ ไหนคับตอนนี้ >? มันสมควรไหมคับ ..>?
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 28, 2013 8:12:22pm
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 28, 2013 8:12:50pm
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 28, 2013 8:13:30pm
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 28, 2013 8:14:06pm
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 28, 2013 8:38:52pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ " ซักเสื้อผ้า ซักกางเกง และ ซักตัวเอง 55 บ้าาาแว้ววว...
>>
เตรียมตัวย้ายที่ซุกหัวนอนใหม่ ไปที่ไหนสักแห่ง to #เทศบาล #อำเภอจอมพระ #จังหวัดสุรินทร์
>>
เตรียมตัวย้ายที่ซุกหัวนอนใหม่ ไปที่ไหนสักแห่ง to #เทศบาล #อำเภอจอมพระ #จังหวัดสุรินทร์
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การเผาถ่าน โดยวิธีการทำเตาจากดินเหนียว เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้าน การเผาถ่านวิธีนี้มีข้อดี คือได้ถ่านไม้ที่มีคุณภาพดีแต่ข้อเสีย คือ มีควันมาก การทำเตาถ่านที่คงทนเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความชำนาญ ไม่เช่นั้นเตาเผาอาจจะพังได้ จึงถือว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน
ขั้นตอนการทำเตาเผาถ่านไม้ คือ ขุดหลุมลึกประมาณ ๑ เมตร นำไม้ที่จะทำถ่านมาวางเรียงกันให้เต็มหลุม สูงจากปากหลุมประมาณ ๕๐ เซนติดเมตร นำฟางมาคลุมกองไม้ จากนั้น นำดินเหนียวคุณภาพดี มีความเหนียวมาก ถูกความร้อนแล้วไม่แตกร้าวง่ายผสมคลุเคล้ากับฟางนำไปปิด (โป๊ะ) บนฟาง คุณสมบัติของฟางคือ ไม่้ทำให้ดินเหนียวไหลลงบนกองไม้ จากนั้นทำ ปล่องควัน ๒ ปล่อง บริเวณด้านข้าง ๑ ปล่อง และด้านก้นเตาอีก ๑ ปล่อง โดยการใช้ไม้ไผ่ตัดเป็นปล้องยาวพอประมาณ โดยให้ไม้ไผ่โผล่เหนือหลุมประมาณ 1 ฟุต ส่วนด้านที่ไม่ได้ทำปล่องควันให้เจาะพื้นบริเวณข้างๆ ให้ทะลุถึงหลุมเพื่อใช้เป็นช่องสำหรับใส่ไฟ ใช้เวลาการเผาประมาณ ๒ คืน ให้สังเกตควันจากหลุมถ้าควันเป็นสีขาวขุ่น แสดงว่ายังไหม้ไม่หมด แต่ถ้าเป็นสีเขียวแสดงว่าไหม้หมดแล้ว เมื่อไม้ไหม้หมดแล้วให้อุดปล่องควันทุกปล่อง รวมทั้งปากเตาด้วย ทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้ถ่านไม้เย็นตัว จากนั้นจึงนำถ่านออกมาใช้ได้
ขั้นตอนการทำเตาเผาถ่านไม้ คือ ขุดหลุมลึกประมาณ ๑ เมตร นำไม้ที่จะทำถ่านมาวางเรียงกันให้เต็มหลุม สูงจากปากหลุมประมาณ ๕๐ เซนติดเมตร นำฟางมาคลุมกองไม้ จากนั้น นำดินเหนียวคุณภาพดี มีความเหนียวมาก ถูกความร้อนแล้วไม่แตกร้าวง่ายผสมคลุเคล้ากับฟางนำไปปิด (โป๊ะ) บนฟาง คุณสมบัติของฟางคือ ไม่้ทำให้ดินเหนียวไหลลงบนกองไม้ จากนั้นทำ ปล่องควัน ๒ ปล่อง บริเวณด้านข้าง ๑ ปล่อง และด้านก้นเตาอีก ๑ ปล่อง โดยการใช้ไม้ไผ่ตัดเป็นปล้องยาวพอประมาณ โดยให้ไม้ไผ่โผล่เหนือหลุมประมาณ 1 ฟุต ส่วนด้านที่ไม่ได้ทำปล่องควันให้เจาะพื้นบริเวณข้างๆ ให้ทะลุถึงหลุมเพื่อใช้เป็นช่องสำหรับใส่ไฟ ใช้เวลาการเผาประมาณ ๒ คืน ให้สังเกตควันจากหลุมถ้าควันเป็นสีขาวขุ่น แสดงว่ายังไหม้ไม่หมด แต่ถ้าเป็นสีเขียวแสดงว่าไหม้หมดแล้ว เมื่อไม้ไหม้หมดแล้วให้อุดปล่องควันทุกปล่อง รวมทั้งปากเตาด้วย ทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้ถ่านไม้เย็นตัว จากนั้นจึงนำถ่านออกมาใช้ได้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลา ไม่อาจย้อนกลับไปหาความหลังที่ผ่านมาได้...
เพราะฉะนั้นเราอย่าไปคิดถลำลึกอยากจะกลับไปแก้ไขมัน...
:
เราควรเดินหน้า 1,2,3,4 ทำสิ่งใหม่ๆ ^^ ให้เป็นผลกับเราในภายภาคหน้าดีกว่า
#ไม่มีใครให้ที่พึ่งเราได้ตลอด
เพราะฉะนั้นเราอย่าไปคิดถลำลึกอยากจะกลับไปแก้ไขมัน...
:
เราควรเดินหน้า 1,2,3,4 ทำสิ่งใหม่ๆ ^^ ให้เป็นผลกับเราในภายภาคหน้าดีกว่า
#ไม่มีใครให้ที่พึ่งเราได้ตลอด
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพื่อน คนสุรินทร์ ช่วยรับ Add หน่อยค๊าพ ผมจะไปอยู่นุ้นแล้ว... ทางเทิงยังไม่รู้จักเลย สถานที่เที่ยว ยังไม่รู้จักเลย แฮๆๆๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ชาวโสด ๆ เคาว์ดาว : แปลว่าอะไร..? มีใครไม่รู้บ้าง 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สถานะ : เมา80% ร้องคาราโอเก๊ะแม่งไม่ทันท่อนเพลง #555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ รู้สึกอิ่มเอมใจกับ Bowpari Phiankla และคนอื่นๆ อีก 13 คน
คุณได้แท็ก Bowpari Phiankla, วรัญญา แสงย้อย, Aphichat Norkaew, Rungsun Kiayasuan, Supattra Sawatphan, Supachai Arm Sumpaoyon, ดอย ดรีม, Surasuk Siriwan, P'Pukky Benchawan, เบียร์บี้ เบียร์บี้, Nantiya Singka, Sujepat Intrabut, Ketnipa Fernnie Srw'k และ Aunnicha Theerasiriwat
ใครเห็นแล้วLikeโพสนี้ ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
ใครที่ยังโสด พรุ่งนี้ขอให้ได้เจอเนื้อคู่จริงๆ ในเร็ววันนี้
ส่วนใครที่รักแฟนมีแฟนอยู่แล้ว ขอให้คนที่รักอยู่ตอนนี้ใช่เนื้อคู่จริงๆ
.และใครที่คิดจะสร้างตัว จะค้าจะขายอะไรปีใหม่นี้ ขอให้ประสบผลสำเร็จดังที่หวัง สาธุๆๆ
ใครที่ยังโสด พรุ่งนี้ขอให้ได้เจอเนื้อคู่จริงๆ ในเร็ววันนี้
ส่วนใครที่รักแฟนมีแฟนอยู่แล้ว ขอให้คนที่รักอยู่ตอนนี้ใช่เนื้อคู่จริงๆ
.และใครที่คิดจะสร้างตัว จะค้าจะขายอะไรปีใหม่นี้ ขอให้ประสบผลสำเร็จดังที่หวัง สาธุๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ปีใหม่ สิ่งที่มาใหม่ วันแรกคือ สิวกู 1 เม็ด 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้ฟัง BIG ASS LOVE - ฝุ่น.mp3
บางทีการฟังเพลงเก่าๆ มันก็ทำให้นึกถึง เรื่องราวหลายๆเรื่องที่ผ่านมาในช่วงนั้น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าเราคุยกับใครน้อยลงไปเรื่อยๆ ทุกๆอย่างมันจะเปลี่ยนไปไหม
แล้วถ้าเริ่มคุยน้อยลงๆ มันจะทำให้เราไม่ได้คุยกันอีกในที่สุด จริงหรอ
พอกลับมาคุยกันใหม่อีก
กลายเป็นว่า ไม่รู้จักกันซะแล้วหรอ ต้องเริ่มทำความรู้จักกันใหม่หรอ?
แล้วถ้าเริ่มคุยน้อยลงๆ มันจะทำให้เราไม่ได้คุยกันอีกในที่สุด จริงหรอ
พอกลับมาคุยกันใหม่อีก
กลายเป็นว่า ไม่รู้จักกันซะแล้วหรอ ต้องเริ่มทำความรู้จักกันใหม่หรอ?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
รู้สึก : เหมือนโดนใส่ร้าย : (
ความคิดคน จะห้ามกัน มันคงห้ามกันย้ากเนาะ แต่อยากฝากไว้ จะเชื่อใครให้รู้เรื่องนั้นจริงๆก่อน ให้ดูคนที่พูดก่อน ว่ามันมีเรื่องที่ขัดคอกันกับคนที่โดนป้ายสีรึเปล่า มันจึงทำเช่นนั้น
ความคิดคน จะห้ามกัน มันคงห้ามกันย้ากเนาะ แต่อยากฝากไว้ จะเชื่อใครให้รู้เรื่องนั้นจริงๆก่อน ให้ดูคนที่พูดก่อน ว่ามันมีเรื่องที่ขัดคอกันกับคนที่โดนป้ายสีรึเปล่า มันจึงทำเช่นนั้น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มาอยู่สุรินทร์ได้3วัน
สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยคือ
นักมวยแม่งเยอะมาก
: สาวสุรินทร์ก็น่ารักสุดๆ ขาวมากๆ55 (ส่วนน้อย)
สู้หน้าไม่มีอายเลย ไม่เหมือนสาวอำนาจ แต่ติดที่ว่าคนสวยๆน่ารักๆส่วนมากมีแฟนเป็นนักมวย #ชอบอีดๆหรอ
สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยคือ
นักมวยแม่งเยอะมาก
: สาวสุรินทร์ก็น่ารักสุดๆ ขาวมากๆ55 (ส่วนน้อย)
สู้หน้าไม่มีอายเลย ไม่เหมือนสาวอำนาจ แต่ติดที่ว่าคนสวยๆน่ารักๆส่วนมากมีแฟนเป็นนักมวย #ชอบอีดๆหรอ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ likes a product on Priceza.com.
Priceza.comPanasonic Lumix DMC-SZ1http://www.priceza.com/p/ราคา/Panasonic-Lumix-DMC-SZ1/1325680
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มาอยู่สุรินทร์ : สถานะ กุดำจนเขียวเลย.... 55^_^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ขับรถ ไปเจอยายคนหนึ่ง(คนสุรินทร์)
นั่งใช้นิ้วแปรงฟัน แทนแปลงสีฟันอะ
#ยายเจ้าเฮ็ดหยัง
นั่งใช้นิ้วแปรงฟัน แทนแปลงสีฟันอะ
#ยายเจ้าเฮ็ดหยัง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เหงาเด้...บ่มีหมู่เล่น สิไปเล่นกับไผ๋แถวนี้กะบ่คือ #เพราะแถวนี้เขมรเล่นของกันหมดเลย : (
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ในหัวเคยกันไหม เวลาคิดเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้เลย : มันโครตสนุกเป็นบ้าเลยวะ55 #เพ้อ
แต่บางที : ก็ทุกข์ เว้ยเฮ้ย :-(
แต่บางที : ก็ทุกข์ เว้ยเฮ้ย :-(
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
รับเฟน มาเป็นแฟน ไม่น่าจะดีวะ :O
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พรุ่งนี้กลับอำนาจเจริญ กลับไปขอตังแม่ วันเด็ก55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อวานไปตลาด คลองถมจอมพระ (ไปหาจีบสาวตามประสาคนโสด55)
เรากำลังเลือกเสื้อกันหนาวอยู่อะ และมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมากับน้อง มายืนเลือกข้างๆเราเลยอะ แบบสวย..♥
เลยยิ้มให้และมองหน้าทักไปว่า.......
เรา: ผุสาวมาซื้อหยังคับ
เธอ: มาซื้อเสื้อผ้าจ้า รึเห็นเป็นร้านขายขนมเบาะจ้า
เรา: 55เห็น
เรากำลังเลือกเสื้อกันหนาวอยู่อะ และมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมากับน้อง มายืนเลือกข้างๆเราเลยอะ แบบสวย..♥
เลยยิ้มให้และมองหน้าทักไปว่า.......
เรา: ผุสาวมาซื้อหยังคับ
เธอ: มาซื้อเสื้อผ้าจ้า รึเห็นเป็นร้านขายขนมเบาะจ้า
เรา: 55เห็น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ก่อนจะขอยืมเงินคนอื่น ทำตัวเหมือน เทวดานางฟ้า จังมึง
พอเวลาเขาทวงเงินคืน จิตใจเป็นซาตานเลยมึง ทำเป็นว่าเหมือนไม่รู้จักกันเลย
#เริ่มคิดหยุดการแบ่งปัน หยุดการช่วยเหลือผู้อื่น อยู่แบบตัวใครตัวมันแล้วกัน เข็ดๆ
พอเวลาเขาทวงเงินคืน จิตใจเป็นซาตานเลยมึง ทำเป็นว่าเหมือนไม่รู้จักกันเลย
#เริ่มคิดหยุดการแบ่งปัน หยุดการช่วยเหลือผู้อื่น อยู่แบบตัวใครตัวมันแล้วกัน เข็ดๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
A: "ณ เวลานี้ " ช่องทางหาเงิน โดยไม่ขอพ่อแม่ เท่าที่หัวสมองพวกมึงและความสามารถมึงมีคือ......?
คำตอบที่ได้คือ
B: คือกูเรียนอยู่อะ มึงเข้าใจปะ แต่ถ้ากุเรียนจบ ได้งานดีๆกุจะรีบหาเงินคืนแม่ทันที จบปะ
A: มึงลองกลับไปอ่านสี่พยางค์แรกดูดิ๊
คำตอบที่ได้คือ
B: คือกูเรียนอยู่อะ มึงเข้าใจปะ แต่ถ้ากุเรียนจบ ได้งานดีๆกุจะรีบหาเงินคืนแม่ทันที จบปะ
A: มึงลองกลับไปอ่านสี่พยางค์แรกดูดิ๊
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
A: "ณ เวลานี้ " ช่องทางหาเงิน โดยไม่ขอพ่อแม่ เท่าที่หัวสมองมึงและความสามารถมึงมีคือ......?
คำตอบที่ได้คือ
B: คือกูเรียนอยู่อะ มึงเข้าใจปะ แต่ถ้ากุเรียนจบเมื่อไร ได้งานดีๆทำ กุจะรีบหาเงินคืนให้แม่ทันที จบปะ
A: มึงลองกลับไปอ่านสี่พยางค์แรกดิ๊
B: กูเรียนจบมึงค่อยมาถามกูใหม่แล้วกัน มึงจบปะ
cr:#นี่คุนไปเรียนใช่ไหมคับ
คำตอบที่ได้คือ
B: คือกูเรียนอยู่อะ มึงเข้าใจปะ แต่ถ้ากุเรียนจบเมื่อไร ได้งานดีๆทำ กุจะรีบหาเงินคืนให้แม่ทันที จบปะ
A: มึงลองกลับไปอ่านสี่พยางค์แรกดิ๊
B: กูเรียนจบมึงค่อยมาถามกูใหม่แล้วกัน มึงจบปะ
cr:#นี่คุนไปเรียนใช่ไหมคับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คุยแบบเห็นหน้ากันไหม ?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พงสิดชุดใหม่
คาราบาว ชุดบัวลอย
ซูๆ ชุดประการัง
มาลีฮวนน่าชุด ล่าชุด
คนด่างแตน
คาราบาว ชุดบัวลอย
ซูๆ ชุดประการัง
มาลีฮวนน่าชุด ล่าชุด
คนด่างแตน
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 18, 2014 2:21:53pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
1.เข้าทามไลน์ของเรานะครับ
2.แล้วคลิกขวา แล้วเลือก "ดูรหัสต้นฉบับ"
3.มันจะขึ้นอะไรมาไม่ต้องไปสนใจมันครับ ให้กด "Ctrl+F"
4.ให้พิม {"LIST
5.มันจะมีตัวเลขขึ้นมา หลัง {"LIST เยอะมาก
6.ให้เราก๊อปตัวเลขมา 1 ชุด เช่น "100001376550429-2" ให้ก๊อปเฉพาะ ตัวเลขหน้า (-) ไม่ต้องก๊อป "" มานะครับ
7.เข้าไปที่ทามไลน์ของเรา แล้วลบชื่อเราออก เช่น www.Facebook.com/แล้ววางตัวเลขที่เราก๊อปมาวาง
แล้วกด Enter ครับผม
2.แล้วคลิกขวา แล้วเลือก "ดูรหัสต้นฉบับ"
3.มันจะขึ้นอะไรมาไม่ต้องไปสนใจมันครับ ให้กด "Ctrl+F"
4.ให้พิม {"LIST
5.มันจะมีตัวเลขขึ้นมา หลัง {"LIST เยอะมาก
6.ให้เราก๊อปตัวเลขมา 1 ชุด เช่น "100001376550429-2" ให้ก๊อปเฉพาะ ตัวเลขหน้า (-) ไม่ต้องก๊อป "" มานะครับ
7.เข้าไปที่ทามไลน์ของเรา แล้วลบชื่อเราออก เช่น www.Facebook.com/แล้ววางตัวเลขที่เราก๊อปมาวาง
แล้วกด Enter ครับผม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
test พี่สาวคนสวย 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลาไปอยู่บ้านคนอื่น ที่ไม่ใช่บ้านตัวเอง : มันรู้สึกอึดอัด เกรงใจวะ โอ้ยคิดถึงแม่.....
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ ตลาดคลองถมจอมพระ
สถานที่: ตลาดคลองถมจอมพระ (15.115916568842, 103.60242819899)
ที่อยู่: Chom Phra, Surin 32180
สถานที่: ตลาดคลองถมจอมพระ (15.115916568842, 103.60242819899)
ที่อยู่: Chom Phra, Surin 32180
นั้ง...รอ..น้า : ซื้อของอยู่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ ตลาดคลองถมจอมพระ
สถานที่: ตลาดคลองถมจอมพระ (15.115916568842, 103.60242819899)
ที่อยู่: Chom Phra, Surin 32180
สถานที่: ตลาดคลองถมจอมพระ (15.115916568842, 103.60242819899)
ที่อยู่: Chom Phra, Surin 32180
นั้ง...รอ..น้า : ซื้อของอยู่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้ไปที่ อำเภอจอมพระ
สถานที่: อำเภอจอมพระ (15.1147, 103.614)
ที่อยู่: อำเภอจอมพระ, จังหวัดสุรินทร์
สถานที่: อำเภอจอมพระ (15.1147, 103.614)
ที่อยู่: อำเภอจอมพระ, จังหวัดสุรินทร์
นั้ง...รอ..น้า : ซื้อของอยู่ ตลาดคลองงถม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อึดอัดโว้ย อยากอัพสถานะ ระบายออกมาๆ ให้หมด
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คิดว่านะ เวลามีเรื่องไม่สบายใจ จะคุยกับใครส่วนมากเขาไม่อยากจะมารับฟังอะไรเราหรอก เกี่ยวไรด้วยอะ เออๆอือๆไป 555 รู้ทันหมดแหละ แต่ซึ่งน้ำใจอะที่ทักแซต มาถามว่าเป็นอะไร
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้เจอของดีเธอเข้า : ปลื้มอะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่ทราบว่า เรา : จะคุยกันได้ยัง?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
12มีนา 57 บ้านโคกหินกอง ต หนองสูงใต้ อ หนองสูง มุขดาหาร
อ.
อ.
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทำไมพิมพ์ไปไม่ตอบ : เธอเก๋าหรอ? 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ก็ไม่ได้อยากโหดหรอก โหดไม่เป็นด้วย : แต่สถานะการณ์มันบังคับให้โหด อิอิ ^^
ไปเก็บเงินนัดกับป้าคนหนึ่ง แกไม่มีเงินให้ เราเลยโหดไปว่า..
ถ้าไม่มีเงินให้ ผมจะยึดลูกสาวป้า! และผัวป้า! 555 โหดป่าว..!!
ไปเก็บเงินนัดกับป้าคนหนึ่ง แกไม่มีเงินให้ เราเลยโหดไปว่า..
ถ้าไม่มีเงินให้ ผมจะยึดลูกสาวป้า! และผัวป้า! 555 โหดป่าว..!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สถานะ โสด : และกำลัง random หาคนขึ้นสถานะด้วย นะครัชๆๆ 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อวานใครไปร่วมชุมเสื้อแดง ที่อำเภอหัวตะพานบ้าง คิดเหมือนกันไหม
..เมื่อไร จะแจกเงินกูวะ 555 :p :p
..เมื่อไร จะแจกเงินกูวะ 555 :p :p
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สมัยนี้คน<<จริงใจ>>หายาก!!!!!!!!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ไปบ้าน ส.ส สมหญิง ไปอัพเดทข่าวการเมือง
มีคนถามเรื่องเงินประทวนข้าวรอบที่2 สส บอกว่า ("หลังเลือกตั้งจะได้แน่นอน มีเงินอยู่ในคลัง แต่เอาออกมายังไม่ได้ กกต") กวนตีน
ขณะที่นั้งฟัง มีคนถามขึ้นมาอีกว่า มีพระมหากษั..#ดูเพิ่มเติม
มีคนถามเรื่องเงินประทวนข้าวรอบที่2 สส บอกว่า ("หลังเลือกตั้งจะได้แน่นอน มีเงินอยู่ในคลัง แต่เอาออกมายังไม่ได้ กกต") กวนตีน
ขณะที่นั้งฟัง มีคนถามขึ้นมาอีกว่า มีพระมหากษั..#ดูเพิ่มเติม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Supawadee Norkaew
คุณได้แท็ก Supawadee Norkaew
.😭
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ แนะนำ ตึกผู้ป่วยอายุรกรรม รพ.สรรพสิทธิประสงค์
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ รู้สึกเจอพี่น้องทางไกลกับ Natchareeya Jomhong และ ຮຸ່ງວຶໄລ ສາຍແວວ
คุณได้แท็ก Natchareeya Jomhong และ ຮຸ່ງວຶໄລ ສາຍແວວ
พี่สาวกับน้องสาวคู่นี้ ไม่มีน้ำใจเลย... : ( : {
ตอนลงจากรถไม่ปูพรมและกางร่มมารับยังไม่ว่า.. :(
แต่เดินเข้าไปบ้านแล้ว ยังไม่รีบเอาน้ำมาเสริฟให้กินนี่สิ น่างอลฟุ๊สๆ 555 :p :p ล้อเล่นๆ 55
(I : )
ตอนลงจากรถไม่ปูพรมและกางร่มมารับยังไม่ว่า.. :(
แต่เดินเข้าไปบ้านแล้ว ยังไม่รีบเอาน้ำมาเสริฟให้กินนี่สิ น่างอลฟุ๊สๆ 555 :p :p ล้อเล่นๆ 55
(I : )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ มากับเขา แร้วเหงายังไง
คุณได้แท็ก มากับเขา แร้วเหงายังไง
อ๊ะ เสื้อคีมๆๆๆๆ อ้ายคิม ผุ้หล่อใหญ่ ผมมีเรื่องสิแจ้งให้ทราบ
ตอนนี้ทาง รร จะทำผ้าป่า 5555 พอรู้นะ 55
ตอนนี้ทาง รร จะทำผ้าป่า 5555 พอรู้นะ 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าเด็กดื้อ : ต้องตีก้น ต้องสั่งสอนก่อน แล้วค่อยกอดเธอไว้ ^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
น่ากลัวมาก ลองอ่านดู!!
ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ มีคนไข้ตาย บนเตียงเดียวกันซ้ำ ๆ หลายคน ที่น่าแปลกคือ........
ทุกศพตายตอน11โมงเช้า ของวันอาทิตย์(ไม่เชื่ออย่าลบหลู่)
บรรดาหมอจึงตัดสินใจลงไปที่ห้องผู้ป่วยเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุในวันอาทิตย์ก่อน11โมงเช้าสัก 2-3 นาที
ทั้งหมอและพยาบาลยืนรอคอยอย่างลุ้นระทึกในห้องผู้ป่วย
ทุกคนต่างกำหลวงพ่อประจำตัวปากสวดมนต์อยู่ตลอดเวลาด้วยความหวาดกลัวและลุ้นว่าจะเห็นวิญญาณเฮี้ยนหรือไม่
จนเข็มนาฬิกาเดินมาที่เลข11
บรรยากาศเย็นเฉียบขึ้นโดยฉับพลัน ไร้เสียงรบกวนใด ๆ แม้เสียงลมหายใจก็แทบไม่ได้ยิน
และแล้ว !!!
.
.
.
.
.
.
.
ทันใดนั้นพนักงานทำความสะอาดคนใหม่ที่มาทำงานเฉพาะวันอาทิตย์วันเดียวก็เดินเข้ามาในห้องผู้ป่วย
และได้ถอดปลั๊กเครื่องช่วยหายใจออกแล้วเสียบปลั๊กเครื่องดูดฝุ่น แทน..........
และเริ่มทำความสะอาดด้วยความสบายใจ........(= =")!!!!!
ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ มีคนไข้ตาย บนเตียงเดียวกันซ้ำ ๆ หลายคน ที่น่าแปลกคือ........
ทุกศพตายตอน11โมงเช้า ของวันอาทิตย์(ไม่เชื่ออย่าลบหลู่)
บรรดาหมอจึงตัดสินใจลงไปที่ห้องผู้ป่วยเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุในวันอาทิตย์ก่อน11โมงเช้าสัก 2-3 นาที
ทั้งหมอและพยาบาลยืนรอคอยอย่างลุ้นระทึกในห้องผู้ป่วย
ทุกคนต่างกำหลวงพ่อประจำตัวปากสวดมนต์อยู่ตลอดเวลาด้วยความหวาดกลัวและลุ้นว่าจะเห็นวิญญาณเฮี้ยนหรือไม่
จนเข็มนาฬิกาเดินมาที่เลข11
บรรยากาศเย็นเฉียบขึ้นโดยฉับพลัน ไร้เสียงรบกวนใด ๆ แม้เสียงลมหายใจก็แทบไม่ได้ยิน
และแล้ว !!!
.
.
.
.
.
.
.
ทันใดนั้นพนักงานทำความสะอาดคนใหม่ที่มาทำงานเฉพาะวันอาทิตย์วันเดียวก็เดินเข้ามาในห้องผู้ป่วย
และได้ถอดปลั๊กเครื่องช่วยหายใจออกแล้วเสียบปลั๊กเครื่องดูดฝุ่น แทน..........
และเริ่มทำความสะอาดด้วยความสบายใจ........(= =")!!!!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ เบียร์บี้ เบียร์บี้
คุณได้แท็ก เบียร์บี้ เบียร์บี้
เฮ้ยเจ้..เจ้จะแซทแบบเห็นหน้ามาทำไม มันมืดไฟห้องเสีย
คุยกันไม่รู้หรอก
หรือจะให้ใต้ไฟหมอแบตส่องหน้าคุยเบาะ 55555
คุยกันไม่รู้หรอก
หรือจะให้ใต้ไฟหมอแบตส่องหน้าคุยเบาะ 55555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึกอีก10นาทีนอนน
ตั้งใจว่า ถ้าคบกับใคร จะคุยแบบเปืดเผยให้เธอสบายใจ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ขอโทษนะที่เย็นชา : คือโทรไป3วันเธอไม่รับสายสักวันเลย
.
.
ลองคิดกลับบ้างดิ ว่าตอนนั้นเค้าเป็นยังไง อยากได้ยินเสียงมากๆๆๆๆๆ
.
.
แต่ตอนนี้คิดว่า มันคงไม่ได้อะไร ถ้าจะมางอนกันแบบนี้ มีแต่จะแย่ลงๆ
.
.
มาเริ่มคุยกันดีๆเถอะ ♥
.
.
ลองคิดกลับบ้างดิ ว่าตอนนั้นเค้าเป็นยังไง อยากได้ยินเสียงมากๆๆๆๆๆ
.
.
แต่ตอนนี้คิดว่า มันคงไม่ได้อะไร ถ้าจะมางอนกันแบบนี้ มีแต่จะแย่ลงๆ
.
.
มาเริ่มคุยกันดีๆเถอะ ♥
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ แค่ได้รักเธอ แห่งอินเตอร์พาร์ก
คุณได้แท็ก แค่ได้รักเธอ แห่งอินเตอร์พาร์ก
เค้าขอโทษน๊า เค้าไม่รู้เค้าทำอะไรผิดอะ แต่ขอโทษไว้ก่อน คิดว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอไม่สบายใจ
ฝันดีนะ
ฝันดีนะ
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 29, 2014 11:57:10pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ รู้สึกเจ็บคออะป้ากับ แค่ได้รักเธอ แห่งอินเตอร์พาร์ก ใน เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ
คุณได้แท็ก แค่ได้รักเธอ แห่งอินเตอร์พาร์ก
สถานที่: เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ (15.858108, 104.629824)
ที่อยู่: เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ
สถานที่: เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ (15.858108, 104.629824)
ที่อยู่: เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ
คุณหมอช่วยรักษาหน่อย....555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ แค่ได้รักเธอ แห่งอินเตอร์พาร์ก
คุณได้แท็ก แค่ได้รักเธอ แห่งอินเตอร์พาร์ก
คนโสดรีบๆนอนนะคับ เขาบอกว่านอนเร็วๆจะทำให้คนเรา มีโอกาสฝันเห็นงู สูงถึง90% เลยนะ 55
.
.
แต่คืนนี้ อยากฝันเห็นหน้าคนนี้อะ ^^ อิอิ
.
.
แต่คืนนี้ อยากฝันเห็นหน้าคนนี้อะ ^^ อิอิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สวัสดีครับผมจะมาให้เกรดความรู้..
ผู้หญิง : เป็นเพศที่ เข้าใจง่ายที่สุด คับ
หมอลักษณ์ เรขานิเทศ ฟันธง!
ผู้หญิง : เป็นเพศที่ เข้าใจง่ายที่สุด คับ
หมอลักษณ์ เรขานิเทศ ฟันธง!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ แค่ได้รักเธอ แห่งอินเตอร์พาร์ก
คุณได้แท็ก แค่ได้รักเธอ แห่งอินเตอร์พาร์ก
สวัสดีครับผมจะมาให้เกรดความรู้...
ผู้หญิง : เป็นเพศที่ เข้าใจ
ง่ายที่สุด คับ ^6^
หรือจะเถียง 555
#หมอลักษณ์ เรขานิเทศ ฟันธง!
ผู้หญิง : เป็นเพศที่ เข้าใจ
ง่ายที่สุด คับ ^6^
หรือจะเถียง 555
#หมอลักษณ์ เรขานิเทศ ฟันธง!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึกอยากได้ชีวิตในแบบง่ายๆ
เวรกรรม เวรกรรม แท้ๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
ช่วงนี้ครอบครัวกำลังมีปัญหา ได้โปรดอย่ามางอลกันได้ไหมช่วงนี้
กุไม่รู้จะคิดอะไรบ้าง
กุไม่รู้จะคิดอะไรบ้าง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ขอบคุน เพื่อนๆที่มาอวยพรวันเกิด ให้ผมนะครับ
ขอให้คำอวยพรนั้นย้อนกลับไปหา ให้เจอแต่สิ่งดีๆ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความสุขกายใจ รวยๆ เฮงๆๆ ครับ สาธุๆๆๆ
ขอให้คำอวยพรนั้นย้อนกลับไปหา ให้เจอแต่สิ่งดีๆ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความสุขกายใจ รวยๆ เฮงๆๆ ครับ สาธุๆๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เรื่องผู้ใหญ่ช่างแม่ง...... คิดแล้ว ปวดหัว โว้ย
รุ่นเด็ก:ไม่ได้อยากเป็นลูกโซ่ พวกมึงนะเว้ย
รุ่นเด็ก:ไม่ได้อยากเป็นลูกโซ่ พวกมึงนะเว้ย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนน่ารักมักนมเล็ก : )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ลอยกระทงเสร็จก็ไปเย็ดกันต่อ//อุ๊ย โทษๆ กุพิมพ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตอนเด็กๆนะอยากไว้ยาว พอโตมาไว้ยาวได้สบายแต่ก็
ไม่คิดจะไว้กัน 5 5 5
ไม่คิดจะไว้กัน 5 5 5
อัพเดตเมื่อ ก.พ. 11, 2014 1:26:07pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลาได้คุยกับคนที่เราชอบ
จะรู้สึกกลัวว่า....เขาจะไม่ชอบเรา / เป็นปะ
จะรู้สึกกลัวว่า....เขาจะไม่ชอบเรา / เป็นปะ
อัพเดตเมื่อ ก.พ. 11, 2014 4:13:21pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หนูมาลีเป็นเด็กสาว
เริ่มมีกลิ่นคาวที่xี
ล่อแก่ล่อหนุ่มมากมี
หนูมาลีจึงรู้จักป้องกัน
ในกระเป๋านักเรียน
นอกจากเครื่องเขียนหลากสีสัน
หนูมาลีพกถุงยางทุกวัน
เอาไว้ป้องกันน้ำกาม
อยู่มาวันหนึ่งเรื่องใหญ่
เมื่อเจอคุณครูไถ่ถาม
"นี่มาลีอีบ้ากาม
เธอพกถุงยางทำไม ?"
เรื่องราวถึงพ่อแม่
"อายจะแย่อิหน้าใส
อีลูกเวรพกถุงยางทำไม
รู้หรือไม่มันน่าอับอาย"
หนูมาลีถึงบางอ้อ
ขอโทษแม่พ่อที่ทำเรื่องเสียหาย
จากนั้นหนูมาลีเย็ดกับผู้ชาย
จึงไม่ใช้ถุงยางป้องกัน
เก้าเดือนผ่านไปไวสัดสัด
ผลการกอดรัดเหมือนฝัน
อีหนูมาลีไม่มีถุงยางป้องกัน
จึงตั้งครรภ์แบบที่พ่อแม่ไม่ต้องอับอาย
พูดแล้วแม่งก็น่าเศร้า
เด็กจะเด้าใช้ถุงยางผิดตรงไหน
พอเข้าเซเว่นซื้อทีไร
ใครใครก็มองต้องหลบตา
พ่อแม่ถ้าเจอถุงยางในกระเป๋า
แม่งหน้าเศร้ามากนักหนา
รอให้ลูกแม่งท้องป่องออกมา
แล้วค่อยสบายอุรากันหรือไร ?
เริ่มมีกลิ่นคาวที่xี
ล่อแก่ล่อหนุ่มมากมี
หนูมาลีจึงรู้จักป้องกัน
ในกระเป๋านักเรียน
นอกจากเครื่องเขียนหลากสีสัน
หนูมาลีพกถุงยางทุกวัน
เอาไว้ป้องกันน้ำกาม
อยู่มาวันหนึ่งเรื่องใหญ่
เมื่อเจอคุณครูไถ่ถาม
"นี่มาลีอีบ้ากาม
เธอพกถุงยางทำไม ?"
เรื่องราวถึงพ่อแม่
"อายจะแย่อิหน้าใส
อีลูกเวรพกถุงยางทำไม
รู้หรือไม่มันน่าอับอาย"
หนูมาลีถึงบางอ้อ
ขอโทษแม่พ่อที่ทำเรื่องเสียหาย
จากนั้นหนูมาลีเย็ดกับผู้ชาย
จึงไม่ใช้ถุงยางป้องกัน
เก้าเดือนผ่านไปไวสัดสัด
ผลการกอดรัดเหมือนฝัน
อีหนูมาลีไม่มีถุงยางป้องกัน
จึงตั้งครรภ์แบบที่พ่อแม่ไม่ต้องอับอาย
พูดแล้วแม่งก็น่าเศร้า
เด็กจะเด้าใช้ถุงยางผิดตรงไหน
พอเข้าเซเว่นซื้อทีไร
ใครใครก็มองต้องหลบตา
พ่อแม่ถ้าเจอถุงยางในกระเป๋า
แม่งหน้าเศร้ามากนักหนา
รอให้ลูกแม่งท้องป่องออกมา
แล้วค่อยสบายอุรากันหรือไร ?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เหตุผลของการโกหกมี 2 ข้อคือ โกหกเพื่อให้คนอ
ื่นสบายใจ และ โกหกเพื่อให้ตัวเองสบายใจ ...!!!
ื่นสบายใจ และ โกหกเพื่อให้ตัวเองสบายใจ ...!!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ขับรถกลับอำนาจเจริญ แต่เจอด่านคำรวจที่ศรีสะเกษก่อน
ทีแรกนึกว่าจะขอตรวจใบขับขี่ ที่ไหนได้ 55: ( เจ็บเบยยย..
คำรวจ:น้องๆ
เรา:ครัชผม
คำรวจ:น้องอยู่สีอ่ะไร (พูดเสียงสูงๆ)
เรา:พี่ถามผมว่ายุสีอะไรงั้นหรอครัช
คำรวจ:ใช่แล้ว
เรา:ศรีสะเกษ!! ครัช
คำรวจ:น้องกวนตีนหรอ
เรา:ป่าวผมยุศรีสะเกษจิงๆ
(โดนต่อยเลยT^T)
555555+
ทีแรกนึกว่าจะขอตรวจใบขับขี่ ที่ไหนได้ 55: ( เจ็บเบยยย..
คำรวจ:น้องๆ
เรา:ครัชผม
คำรวจ:น้องอยู่สีอ่ะไร (พูดเสียงสูงๆ)
เรา:พี่ถามผมว่ายุสีอะไรงั้นหรอครัช
คำรวจ:ใช่แล้ว
เรา:ศรีสะเกษ!! ครัช
คำรวจ:น้องกวนตีนหรอ
เรา:ป่าวผมยุศรีสะเกษจิงๆ
(โดนต่อยเลยT^T)
555555+
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
A : เฮ้ย! นั่นคนบ้า
B : ห่ะ! ใครตัดหญ้า!
C : ไหน, ! ควายรีดผ้า
D : นั่นไง! ถ้วยมาม่า
E : เห็นแระ! นมอาม่า
F : อ๋อ! ร้อยแปดท่า
G : จริงๆ ด้วย! ฮานาก้า
H : ฮ่วย! ยามาฮ่า
I : แฮะๆ! คนอ่านบ้า
B : ห่ะ! ใครตัดหญ้า!
C : ไหน, ! ควายรีดผ้า
D : นั่นไง! ถ้วยมาม่า
E : เห็นแระ! นมอาม่า
F : อ๋อ! ร้อยแปดท่า
G : จริงๆ ด้วย! ฮานาก้า
H : ฮ่วย! ยามาฮ่า
I : แฮะๆ! คนอ่านบ้า
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนน่ารัก : มักนมเล็ก : ) 5555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึกเห็นโลกความเป็นจริงมากขึ้น
เฟซบุ๊ก จากผมไป เป็นเวลาเกือบครึ่งเดือน 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึกจะได้อุ่มเด็กน้อย 555
ท้อง.......หรอ......? โอ้ยไม่รู้ควรดีใจหรือเสียใจดีนะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ รู้สึก 55 กับ แค่ได้รักเธอ แห่งอินเตอร์พาร์ก
คุณได้แท็ก แค่ได้รักเธอ แห่งอินเตอร์พาร์ก
มีแต่คนถามว่า เราคบกันจริงๆหรือป่าว
ผมตอบได้คำเดียวเลยว่า : 55 ^^
ผมตอบได้คำเดียวเลยว่า : 55 ^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Aphichat Norkaew
คุณได้แท็ก Aphichat Norkaew
เปลี่ยนแผนๆ เปลี่ยนแผนนิดหน่อย 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไหนนะ ไหนนะ คลิบวิดีโอ 555 พี่ฝ้างลืมหรอ?! 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เคยไหมครับ วางแผนสิ่งที่จะทำไว้แล้ว? แต่กลับจะไม่ได้ทำซะงั้น มันรู้สึกช๊อคนะ..!
อืม..คิดมาตั้งนาน... ว่าต่อไปต้องไปทาคงนี้ที่เราถนัด ที่เราชอบ จะทำอันนี้ให้มันสุดๆให้สำเร็จ
ได้กำไรกับมาหาเราหลายเท่า!
แต่กลับถูกตัดทางกันแบบนี้
โอ้ยแทบช๊อค
ถ้าเป็นนักธุระกิจ ก็คือเจ้านายสั่งให้คุณไปทำโปรเจคมา พอคุณทำเสร็จ กลับไม่รับโปรเจกที่คุณคิดมาเป็นปี
ถ้าเป็นครูกับนักเรียนก็คือ ครูสั่งให้ทำรายงาน1000หน้าไม่กำหนดวันส่ง คุณใช้เวลาเขียนเป็นครึ่งปีเสร็จพอจะส่งเพื่อนยืมไปดูเป็นตัวอย่างแล้วทำหาย!!
ถ้าเป็นเด็กแว๊นก็คือ แม่บอกจะแต่งรถก็ตามใจ เด็กแว๊นก็ขี่รถไปหาอ่านหนังสือแต่งรถตามซีเอสบุ๊กห้างต่างๆอยู่เป็นเดือน จนคิดไอเดียได้ ว่าจะแต่งออกมาแบบไหน
แต่พอเดินออกมารถแม่งหาย..!?
ถ้าเป็นชายกับหญิงที่คบกันมา60กว่าปี จะแต่งงานกัน คือเป็นรักแรกของกันและกันเลย
พอถึงวันแต่งเจ้าสาวโดนโจรลักพาตัว..?!
ใจมันหาย 0_0 "
อืม..คิดมาตั้งนาน... ว่าต่อไปต้องไปทาคงนี้ที่เราถนัด ที่เราชอบ จะทำอันนี้ให้มันสุดๆให้สำเร็จ
ได้กำไรกับมาหาเราหลายเท่า!
แต่กลับถูกตัดทางกันแบบนี้
โอ้ยแทบช๊อค
ถ้าเป็นนักธุระกิจ ก็คือเจ้านายสั่งให้คุณไปทำโปรเจคมา พอคุณทำเสร็จ กลับไม่รับโปรเจกที่คุณคิดมาเป็นปี
ถ้าเป็นครูกับนักเรียนก็คือ ครูสั่งให้ทำรายงาน1000หน้าไม่กำหนดวันส่ง คุณใช้เวลาเขียนเป็นครึ่งปีเสร็จพอจะส่งเพื่อนยืมไปดูเป็นตัวอย่างแล้วทำหาย!!
ถ้าเป็นเด็กแว๊นก็คือ แม่บอกจะแต่งรถก็ตามใจ เด็กแว๊นก็ขี่รถไปหาอ่านหนังสือแต่งรถตามซีเอสบุ๊กห้างต่างๆอยู่เป็นเดือน จนคิดไอเดียได้ ว่าจะแต่งออกมาแบบไหน
แต่พอเดินออกมารถแม่งหาย..!?
ถ้าเป็นชายกับหญิงที่คบกันมา60กว่าปี จะแต่งงานกัน คือเป็นรักแรกของกันและกันเลย
พอถึงวันแต่งเจ้าสาวโดนโจรลักพาตัว..?!
ใจมันหาย 0_0 "
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กุ้มใจ...ไม่บอกใคร T_T โอยปวดกระบาน ( : o
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
จะมีใครเข้าใจความรู้สึกเราไหม เฮ้อๆ เคลียดๆๆ
ถ้าเป็นครูกับนักเรียนก็คือ ครูสั่งให้ทำรายงาน1,000หน้าไม่กำหนดวันส่ง
............................
...สองเดือนผ่านไป..ไวเหมือนโกหก..
คุณเพิ่งทำรายงานและเข้าเล่มเสร็จ..
ว่าจะส่งพรุ่งนี้แล้ว แต่ยายเอาไปอ่อยไฟนึ่งข้าว
ถ้าเป็นเด็กแว๊นก็คือ แม่บอกจะแต่งรถก็ตามใจ แล้วเด็กแว๊นก็ขี่รถไปหาอ่านหนังสือแต่งรถตามซีเอสบุ๊กห้างต่างๆ อยู่เป็นเดือน จนคิดไอเดียได้ว่าจะแต่งออกมาแบบไหนแนวไหน แต่พอเดินออกมารถแม่งหาย..!?
ถ้าเป็นชายกับหญิงที่คบกันมา70กว่าปี จะแต่งงานกัน คือเป็นรักแรกของกันและกันเลย พอถึงวันแต่งเจ้าสาวโดนโจรลักพาตัว..?!
ใจมันหาย 0_0 " นะ
ถ้าเป็นครูกับนักเรียนก็คือ ครูสั่งให้ทำรายงาน1,000หน้าไม่กำหนดวันส่ง
............................
...สองเดือนผ่านไป..ไวเหมือนโกหก..
คุณเพิ่งทำรายงานและเข้าเล่มเสร็จ..
ว่าจะส่งพรุ่งนี้แล้ว แต่ยายเอาไปอ่อยไฟนึ่งข้าว
ถ้าเป็นเด็กแว๊นก็คือ แม่บอกจะแต่งรถก็ตามใจ แล้วเด็กแว๊นก็ขี่รถไปหาอ่านหนังสือแต่งรถตามซีเอสบุ๊กห้างต่างๆ อยู่เป็นเดือน จนคิดไอเดียได้ว่าจะแต่งออกมาแบบไหนแนวไหน แต่พอเดินออกมารถแม่งหาย..!?
ถ้าเป็นชายกับหญิงที่คบกันมา70กว่าปี จะแต่งงานกัน คือเป็นรักแรกของกันและกันเลย พอถึงวันแต่งเจ้าสาวโดนโจรลักพาตัว..?!
ใจมันหาย 0_0 " นะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึกเสียสละ
ครอบครัวสำคัญที่สุด.... : )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ BaiFern Lyy
คุณได้แท็ก BaiFern Lyy
ไลคซะน่ารักเลย.. พี่โดนล๊อก Like 5555 ^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พี่ๆทนายความครับทั้งหลายครับ ช่วยรับ Add ผมหน่อย
ผมมีเรื่องเดือดร้อนอยากจะปรึกษา ขอบคุณมากๆครับ
ผมมีเรื่องเดือดร้อนอยากจะปรึกษา ขอบคุณมากๆครับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คือว่าตอนนี้ เรื่องครอบครัวที่บ้านผมร้อนมากๆ
คือว่าตอนนี้พวกพี่ชายทั้งหลายกำลังรวมหัวกันในๆจะเอาเปรียบผู้หญิงซึ่งเป็นแม่ของผม
(ตอนนี้ คุณยายยังอยู่ครับ เป็นเจ้าของที่ดินนา) ส่วนคุณตาเสียชีวิตนานแล้วครับ
คุณตากับคุณยายผม
ท่านมีลูกอยู่7คน (ชาย6คน แต่งงานหมดแล้วค้าขายมีฐานะดีกันทุกคนผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมยังจะเอา) (และหญิง1ซึ่งเป็นแม่ของผมเองครับ
แม่ผมเป็นคนเลี้ยงคุณตาคุณยายมาตลอด เจ็บป่วย ขี้เยี่ยวอะไรก็แม่ผมดู
พี่ชายแม่ผมคนโตคนที่1 มีลูกเขยชื่อนุ มายืมเงิน4แสนไปแล้ว โกงไม่คืน(หลายปีแล้วครับ) ก็ยังจะเอาอีกหรอ
พี่ชายแม่ผมคนโตคนที่2
เคยเอาใบนาไปหมุ่นเอาเงิน มาค้าขาย อยู่6ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันก็ยังเอาไปหมุ่นที่ ธกส เอาเงินออกมา) ก็ยังจะเอาอีกหรอ
พี่ชายแม่ผมคนที่3
คนนี้(เป็นช่างก่อสร้างรับเหมาก่อสร้าง)
ไปแอบไปเอาเมียอยู่หนองคาย ไม่บอกใครหลายปีแล้วครับตอนผมเด็กๆ คือแมาเล่าให้ฟัง
แล้วทีนี้ไม่มีเงินทำบ้าน ไม่มีรถไถนา ไม่มีทุนทำมาหากิน
ก็มาขอทางบ้าน ก็ส่งเงินขายข้าวไปให้ 2ปี เงินในสมัยนั้นถ้าเอามาเปรียบกับตอนนี้ไม่ใช่น้อยๆเลยครับ คุณตาผมต้องเอาเงินขายข้าวส่งไปให้หลายครั้งเลยครับ)
ชายคนที่4 อยู่อุบล เป็นคนดีค่อนข้างมีฐานะดีได้เมียรวยครับ คนนี้ผมคิดว่าเขาไม่อยากเอาหรอกเพราะว่าเขามีของเมียเยอะอยู่แล้ว แต่ว่าโดนพวกพี่ชายคนที่1คนที่2โทรไปบอก"มึงต้องเอา ถ้ามึงไม่เอากุเสียหน้า มึงไม่เอาแต่กุจะเอามึงเข้าใจไหม")
ก็เลยต้องเอาเพราะกลัวพวดพี่ชาย แม่ผมเข้าใจว่าอย่างงั้น
ชายคนที่5อยู่ กทม กับเมียครับ ทำธุระกิจส่วนตัว ร้านขายกับข้าวขายของ(ฐานะดี)
ก็คงไม่เอาเหมือนกันครับ เพราะไม่มีเวลาทำนา และมีอยู่แล้ว แต่ถูกโทรไปหาเหมือนที่4
คนที่6เป็นพ่อค้าขายตู้ขายทุกอย่าง (รวยมากๆตกถังข้าวสาร)
พี่ชายคนโตโทรไปหาเหมือนกันครับ
แต่แกบอกไม่เอาสงสารน้อง กลัวไม่เจริญ ตอนนี้ผิดกันทะเลาะกันกับพี่ชายใหญ่เลยมองหน้ากันไม่ติดเลย
คนที่7แม่ผมเองครับ(โสด คือพ่อผมเพิ่งเสียครับ) แม่ผมเป็นคนซื่อ มากๆๆมากๆเลย มักจะโดนเอาเปรียบตลอด คือแม่ผมดีกับทุกคน
อาชีพทำนาครับส่งผมและพี่สาวเรียน พี่สาวจบ ม.6 และทำงานอยู่ กทม ครับ ส่วนผมช่วงปิดเทอมก็ว่าจะไปหาเงินให้แม่เหมือนกันครับ
เข้าเรื่องเลยนะครับ พวกพี่ชายผม รวมมือกันแบ่งนา 37ไร่ คือจะแบ่งให้แม่ผม10ไร่
แม่ผมเลยพูดว่า แบ่งเท่ากันมันเกินไปไหมมันน้อยเกินไปไหม
พวกพี่ไม่ได้เลี้ยงดูพ่อแม่เลยมีแต่มาเอาๆ อะไรก็มาเอาตรงจากทางนี้
แล้วพี่ใหญ่มันก็พูดส่วนขึ้นมาเลย มึงเถียงกูหรอมึงเป็นน้องกูนะมึงเคารพกูหน่อยๆกูเป็นพี่ใหญ่นะเว้ย หรือจะแบ่งเท่ากันหมดเลย
ส่วนของพ่อกับแม่ก็แบ่งเท่ากันหมด มึงจะเอาไหม
(ลูกทั้ง7คนเถียงกันอยู่อย่างนี้แบบนานครับแม่ผมเล่าให้ฟัง คือผมไป รร) พอชาวบ้านเพื่อนข้างๆบ้านรู้ ต่างพากันไม่เห็นด้วยเลย ทำกันเกินไป ฆ่าน้องสาวทางอ้อมเลย มีแต่คนมองไอ้พี่ใหญ่ในแง้ลบหมดทั้งหมู่บ้าน
ตอนนี้มันเกลียดแม่ของผมมาก
มันบอกว่าเกลียดกูแล้วกูยิ่งขัทำให้เกลียดกว่านี้อีก
ผมละสงสารแม่มากๆเลยครับ
คือผมไม่รู้จะช่วยแม่ยังไงดี ก็เลยค้นหา กลุ่มทนายความ ในเฟซบุ๊ก ก็เลยแอดไปหลายคนเลยครับ
ุถ้าแบบนี้ให้ยายเขียนพินัยกรรม ได้ไหมครับ ผมคิดว่าให้แม่ผม20ไรก็พอ เพราะมันจะทำได้ทั่วถึงพอดีกับเวลา (เมียผู้ใหญ่บ้านและผู้ใหญ่บ้านก็ว่าแบบนี้ถ้าจะให้น้องอย่างน้อย น่าจะ20ไร่นะ 17ไร่ก็เอาไปแบ่งกันเอง(พูดลับหลัง) ผมก็ว่าอย่างงั้นครับคือได้20ผมว่ามันพอดีแล้ว ถ้าแบบว่าลูกทุกคนไม่มีอันจะกินกันหมดเลยผมว่าถ้าแบ่ง20ไร่ ผมไม่เห็นด้วย ต้องเท่าๆกันดีที่สุด
แต่นี้มันไม่ใช่อย่างนั้นสิ
1**ยายผมเป็นคนหลงๆลืม ถ้าให้ยายทำพินัยกรรมได้ไหมครับ(น่าเชื่อถือไหมครับ)
2**ถ้ายายทำได้ และทำแล้ว พวกพี่ใหญ่รู้มันฟ้องอะไรได้ไหมครับ
มันเอาเรื่องข้อ2ไปขึ้นศาลได้ไหมครับ
3** ถ้าถึงวันนั้นวันที่ตายเสียเปิดพินัยกรรมออกมา แล้วไอ้พี่ใหญ่มันฟ้องเป็นโมฆะ มันทำได้ไหมครับ
**เอ่อมีเรื่องจริงอีกหนึ่งเรื่องครับ สงสัยมากๆ
คือมีปู่คนหนึ่งมีลูก2คน ก ข ปู่ทำพินัยกรรมไว้ว่าให้มรดกแก่นาย ก เพียงคนเดียว ช่วงนั้นปู่ทะเลาะกับนาง ข ซึ่งเป็นคนเลี้ยงดู คือเป็นคนเลี้ยงดูอยู่กับปู่ครับ
และนาย ก ซึ่งได้เมียอยู่ต่างจังหวัดครับนานๆทีจะมาบ้าน)
และพอปูตายเปิดพินัยกรรมออกมา
"ปู่ให้มรดกทุกกับนาย ก
แล้วหลังจากนั้นนาง ข ก็ไปฟ่อง เอาว่ามันไม่ถูกจนได้มรดกของพ่อคืนมา (ผมเลยงง ขนาดเขียนพินัยกรรมแล้ว ยังเปลี่ยนแปลงได้หรอ ผมแค่สงสัยเฉยๆครับ
คือว่าตอนนี้พวกพี่ชายทั้งหลายกำลังรวมหัวกันในๆจะเอาเปรียบผู้หญิงซึ่งเป็นแม่ของผม
(ตอนนี้ คุณยายยังอยู่ครับ เป็นเจ้าของที่ดินนา) ส่วนคุณตาเสียชีวิตนานแล้วครับ
คุณตากับคุณยายผม
ท่านมีลูกอยู่7คน (ชาย6คน แต่งงานหมดแล้วค้าขายมีฐานะดีกันทุกคนผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมยังจะเอา) (และหญิง1ซึ่งเป็นแม่ของผมเองครับ
แม่ผมเป็นคนเลี้ยงคุณตาคุณยายมาตลอด เจ็บป่วย ขี้เยี่ยวอะไรก็แม่ผมดู
พี่ชายแม่ผมคนโตคนที่1 มีลูกเขยชื่อนุ มายืมเงิน4แสนไปแล้ว โกงไม่คืน(หลายปีแล้วครับ) ก็ยังจะเอาอีกหรอ
พี่ชายแม่ผมคนโตคนที่2
เคยเอาใบนาไปหมุ่นเอาเงิน มาค้าขาย อยู่6ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันก็ยังเอาไปหมุ่นที่ ธกส เอาเงินออกมา) ก็ยังจะเอาอีกหรอ
พี่ชายแม่ผมคนที่3
คนนี้(เป็นช่างก่อสร้างรับเหมาก่อสร้าง)
ไปแอบไปเอาเมียอยู่หนองคาย ไม่บอกใครหลายปีแล้วครับตอนผมเด็กๆ คือแมาเล่าให้ฟัง
แล้วทีนี้ไม่มีเงินทำบ้าน ไม่มีรถไถนา ไม่มีทุนทำมาหากิน
ก็มาขอทางบ้าน ก็ส่งเงินขายข้าวไปให้ 2ปี เงินในสมัยนั้นถ้าเอามาเปรียบกับตอนนี้ไม่ใช่น้อยๆเลยครับ คุณตาผมต้องเอาเงินขายข้าวส่งไปให้หลายครั้งเลยครับ)
ชายคนที่4 อยู่อุบล เป็นคนดีค่อนข้างมีฐานะดีได้เมียรวยครับ คนนี้ผมคิดว่าเขาไม่อยากเอาหรอกเพราะว่าเขามีของเมียเยอะอยู่แล้ว แต่ว่าโดนพวกพี่ชายคนที่1คนที่2โทรไปบอก"มึงต้องเอา ถ้ามึงไม่เอากุเสียหน้า มึงไม่เอาแต่กุจะเอามึงเข้าใจไหม")
ก็เลยต้องเอาเพราะกลัวพวดพี่ชาย แม่ผมเข้าใจว่าอย่างงั้น
ชายคนที่5อยู่ กทม กับเมียครับ ทำธุระกิจส่วนตัว ร้านขายกับข้าวขายของ(ฐานะดี)
ก็คงไม่เอาเหมือนกันครับ เพราะไม่มีเวลาทำนา และมีอยู่แล้ว แต่ถูกโทรไปหาเหมือนที่4
คนที่6เป็นพ่อค้าขายตู้ขายทุกอย่าง (รวยมากๆตกถังข้าวสาร)
พี่ชายคนโตโทรไปหาเหมือนกันครับ
แต่แกบอกไม่เอาสงสารน้อง กลัวไม่เจริญ ตอนนี้ผิดกันทะเลาะกันกับพี่ชายใหญ่เลยมองหน้ากันไม่ติดเลย
คนที่7แม่ผมเองครับ(โสด คือพ่อผมเพิ่งเสียครับ) แม่ผมเป็นคนซื่อ มากๆๆมากๆเลย มักจะโดนเอาเปรียบตลอด คือแม่ผมดีกับทุกคน
อาชีพทำนาครับส่งผมและพี่สาวเรียน พี่สาวจบ ม.6 และทำงานอยู่ กทม ครับ ส่วนผมช่วงปิดเทอมก็ว่าจะไปหาเงินให้แม่เหมือนกันครับ
เข้าเรื่องเลยนะครับ พวกพี่ชายผม รวมมือกันแบ่งนา 37ไร่ คือจะแบ่งให้แม่ผม10ไร่
แม่ผมเลยพูดว่า แบ่งเท่ากันมันเกินไปไหมมันน้อยเกินไปไหม
พวกพี่ไม่ได้เลี้ยงดูพ่อแม่เลยมีแต่มาเอาๆ อะไรก็มาเอาตรงจากทางนี้
แล้วพี่ใหญ่มันก็พูดส่วนขึ้นมาเลย มึงเถียงกูหรอมึงเป็นน้องกูนะมึงเคารพกูหน่อยๆกูเป็นพี่ใหญ่นะเว้ย หรือจะแบ่งเท่ากันหมดเลย
ส่วนของพ่อกับแม่ก็แบ่งเท่ากันหมด มึงจะเอาไหม
(ลูกทั้ง7คนเถียงกันอยู่อย่างนี้แบบนานครับแม่ผมเล่าให้ฟัง คือผมไป รร) พอชาวบ้านเพื่อนข้างๆบ้านรู้ ต่างพากันไม่เห็นด้วยเลย ทำกันเกินไป ฆ่าน้องสาวทางอ้อมเลย มีแต่คนมองไอ้พี่ใหญ่ในแง้ลบหมดทั้งหมู่บ้าน
ตอนนี้มันเกลียดแม่ของผมมาก
มันบอกว่าเกลียดกูแล้วกูยิ่งขัทำให้เกลียดกว่านี้อีก
ผมละสงสารแม่มากๆเลยครับ
คือผมไม่รู้จะช่วยแม่ยังไงดี ก็เลยค้นหา กลุ่มทนายความ ในเฟซบุ๊ก ก็เลยแอดไปหลายคนเลยครับ
ุถ้าแบบนี้ให้ยายเขียนพินัยกรรม ได้ไหมครับ ผมคิดว่าให้แม่ผม20ไรก็พอ เพราะมันจะทำได้ทั่วถึงพอดีกับเวลา (เมียผู้ใหญ่บ้านและผู้ใหญ่บ้านก็ว่าแบบนี้ถ้าจะให้น้องอย่างน้อย น่าจะ20ไร่นะ 17ไร่ก็เอาไปแบ่งกันเอง(พูดลับหลัง) ผมก็ว่าอย่างงั้นครับคือได้20ผมว่ามันพอดีแล้ว ถ้าแบบว่าลูกทุกคนไม่มีอันจะกินกันหมดเลยผมว่าถ้าแบ่ง20ไร่ ผมไม่เห็นด้วย ต้องเท่าๆกันดีที่สุด
แต่นี้มันไม่ใช่อย่างนั้นสิ
1**ยายผมเป็นคนหลงๆลืม ถ้าให้ยายทำพินัยกรรมได้ไหมครับ(น่าเชื่อถือไหมครับ)
2**ถ้ายายทำได้ และทำแล้ว พวกพี่ใหญ่รู้มันฟ้องอะไรได้ไหมครับ
มันเอาเรื่องข้อ2ไปขึ้นศาลได้ไหมครับ
3** ถ้าถึงวันนั้นวันที่ตายเสียเปิดพินัยกรรมออกมา แล้วไอ้พี่ใหญ่มันฟ้องเป็นโมฆะ มันทำได้ไหมครับ
**เอ่อมีเรื่องจริงอีกหนึ่งเรื่องครับ สงสัยมากๆ
คือมีปู่คนหนึ่งมีลูก2คน ก ข ปู่ทำพินัยกรรมไว้ว่าให้มรดกแก่นาย ก เพียงคนเดียว ช่วงนั้นปู่ทะเลาะกับนาง ข ซึ่งเป็นคนเลี้ยงดู คือเป็นคนเลี้ยงดูอยู่กับปู่ครับ
และนาย ก ซึ่งได้เมียอยู่ต่างจังหวัดครับนานๆทีจะมาบ้าน)
และพอปูตายเปิดพินัยกรรมออกมา
"ปู่ให้มรดกทุกกับนาย ก
แล้วหลังจากนั้นนาง ข ก็ไปฟ่อง เอาว่ามันไม่ถูกจนได้มรดกของพ่อคืนมา (ผมเลยงง ขนาดเขียนพินัยกรรมแล้ว ยังเปลี่ยนแปลงได้หรอ ผมแค่สงสัยเฉยๆครับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คือว่าตอนนี้ เรื่องครอบครัวที่บ้านผมร้อนมากๆ
คือว่าตอนนี้พวกพี่ชายทั้งหลายกำลังรวมหัวกันในๆจะเอาเปรียบผู้หญิงซึ่งเป็นแม่ของผม
(ตอนนี้ คุณยายยังอยู่ครับ เป็นเจ้าของที่ดินนา) ส่วนคุณตาเสียชีวิตนานแล้วครับ
คุณตากับคุณยายผม
ท่านมีลูกอยู่7คน
(ชาย6คน แต่งงานไปอยู่กับเมียกันหมดแล้ว ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมยังจะเอา)
(และคนที่7ซึ่งเป็นแม่ของผมเองครับ
แม่ผมเป็นคนเลี้ยงคุณตาคุณยายมาตลอด เจ็บป่วย ขี้เยี่ยวอะไรก็แม่ผมดูหมด
แต่ละคนเป็นอย่างนี้ครับ
พี่ชายแม่ผมคนโตคนที่1 มีลูกเขยชื่อนุ มายืมเงิน4แสนไปแล้ว โกงไม่คืน(เรื่องหลายปีแล้วครับ) ก็ยังจะเอานาอีกหรอ
พี่ชายแม่ผมคนโตคนที่2
เคยเอาใบนาไปหมุ่นเอาเงิน มาค้าขายอยู่6ปี และจนถึงปัจจุบันก็ยังเอาไปหมุ่นที่ ธกส เอาเงินออกมา
และล่าสุดมีคนถามแม่ผมว่า ใบนาอยู่ไหน แม่ผมก็ตอบความจริง ว่าอยู่กับพี่ชายคนที่2 พี่ชายคนที่2อายมาก ตอนนี้เกลียดแม่ผมสุดๆ ผมคิดว่าสงสัยไปโม้ที่อื่นเยอะว่ารวยไม่มีหนี้ ) ใช้ปรโยชน์จากตรงนี้แล้วก็ยังจะเอาอีกหรอ
พี่ชายแม่ผมคนที่3
คนนี้(เป็นช่างก่อสร้างรับเหมาก่อสร้าง)
ไปแอบเอาเมียอยู่หนองคาย โดยไม่บอกใครหลายปีแล้วครับตอนผมเด็กๆ นุ้นแหละคือแม่ผมเล่าให้ฟัง
แล้วทีนี้ไม่มีเงินทำบ้าน ไม่มีเงินซื้อรถไถนา ไม่มีทุนทำมาหากิน เมียก็เล่นการพนันเก่ง บอกผัวมาขอทางบ้าน
ก็มาขอทางบ้าน คุณตาผมก็ส่งเงินขายข้าวไปให้ 2ปี เงินในสมัยนั้นถ้าเอามาเปรียบกับตอนนี้ไม่ใช่น้อยๆเลยครับ คุณตาผมต้องเอาเงินขายข้าวส่งไปให้หลายครั้งเลยครับ) ก็ยังจะเอาอีกหรอ
พี่ชายแม่ผมคนที่4 อยู่อุบล เป็นคนดีค่อนข้างมีฐานะดีได้เมียรวยครับ คนนี้ผมคิดว่าเขาไม่เอาหรอกครับเพราะว่าเขามีของเมียเยอะอยู่แล้ว และเขาดีกับแม่ผมมากๆคือมีคนนี้ที่เป็นลูกผู้ชายตัวจริง แต่ว่าโดนพวกพี่ชายคนที่1คนที่2โทรไปบอก"มึงต้องเอา ถ้ามึงไม่เอากุเสียหน้า ผู้ชายเราต้องเอาหมด มึงไม่เอาแต่กุจะเอามึงเข้าใจไหม"ช่วยกุหน่อย)
ก็เลยต้องเอาตามทั้งๆที่ไม่อยากได้ เพราะกลัวมีปัญหากันกับพวกพี่ชาย แม่ผมเข้าใจว่าอย่างงั้น
พี่ชายแม่ผมคนที่5อยู่ กทม กับเมียครับ ทำธุระกิจส่วนตัว ร้านขายกับข้าวแกงขายของ(ฐานะดี)
ก็ไม่เอาเหมือนกันครับ เพราะไม่มีเวลาทำนา และมีกินอยู่แล้ว แต่ถูกโทรไปหาเหมือนที่4 ก็เลยต้องเอา แม่ผมบอกว่าอย่างงั้น
พี่ชายแม่ผมคนที่6เป็นพ่อค้าขายตู้ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างเลยครับ อยู่สุรินทร์ (รวยมากๆตกถังข้าวสารจากบ้านเมีย)
ถูกพี่ชายคนโตโทรไปหาเหมือนกันครับ
แต่แกบอกไม่เอาสงสารน้อง กลัวค้าขายไม่ขึ้นไม่เจริญ กลัวพ่อที่เสียไปไม่สบายใจ สรุปไม่เอา ตอนนี้ผิดกันทะเลาะกันกับพี่ชายใหญ่ถ้าเจอกันมองหน้ากันไม่ติดเลยครับ
คนที่7แม่ผมเองครับ(โสด คือพ่อผมเพิ่งเสียปีที่แล้วครับ)
แม่ผมเป็นคนซื่อ มากๆๆมากๆเลย มักจะโดนเอาเปรียบตลอด
คือแม่ผมดีกับทุกคน
อาชีพทำนาครับส่งผมและพี่สาวเรียน พี่สาวจบ ม.6 และทำงานอยู่ กทม ครับ ส่วนผมช่วงปิดเทอมก็ว่าจะไปหาเงินให้แม่เหมือนกันครับ
เข้าเรื่องเลยนะครับ พวกพี่ชายผม รวมมือกันแบ่งนา 37ไร่ คือจะแบ่งให้แม่ผม10ไร่
แม่ผมเลยพูดว่า แบ่งเท่ากันมันเกินไปไหมพี่มันน้อยเกินไปไหม
พวกพี่ไม่ได้เลี้ยงดูพ่อแม่เลยมีแต่มาเอาๆ อะไรก็มาเอาตรงจากทางนี้
แล้วพี่ใหญ่มันก็พูดส่วนขึ้นมาเลย มึงเถียงกูหรอมึงเป็นน้องกูนะมึงเคารพกูหน่อยๆกูเป็นพี่ใหญ่นะเว้ย กูมีสิทธ์หรือจะแบ่งเท่ากันหมดเลย
ส่วนของพ่อกับแม่ก็แบ่งเท่ากันหมด มึงจะเอาไหม
(ลูกทั้ง7คนเถียงกันอยู่อย่างนี้30กว่านาที จนมีคนไปเรียกผู้ใหญ่บ้านมาดู
) พอชาวบ้านเพื่อนข้างๆบ้านรู้ ต่างพากันไม่เห็นด้วยเลย เขาพูดว่าทำกันเกินไป ฆ่าน้องสาวทางอ้อมเลย มีแต่คนเกลียดคนมองไอ้พี่ใหญ่ในแง้ลบทั้งหมู่บ้าน
ตอนนี้มันเกลียดแม่ของผมมาก
มันบอกว่าเกลียดกูแล้วกูยิ่งจะทำให้เกลียดๆกว่านี้อีก
แม่ผมไม่สบายใจเลยที่ถูกเอาเปรียบอย่างนี้ ผมละสงสารแม่มากๆเลยครับ
คือผมไม่รู้จะช่วยแม่ยังไงดี ก็เลยค้นหา กลุ่มทนายความ ในเฟซบุ๊ก ก็เลยแอดไปหลายคนเลยครับ
ถ้าแบบนี้ให้ยายเขียนพินัยกรรม ได้ไหมครับ ผมคิดว่าให้แม่ผม20ไรก็พอ เพราะเวลาทำนามันจะทำได้ทั่วถึงพอดีครับ (เมียผู้ใหญ่บ้านและผู้ใหญ่บ้านก็ว่าแบบนี้ถ้าจะให้น้องอย่างน้อย น่าจะ20ไร่นะ 17ไร่ก็เอาไปแบ่งกันเอง(พูดลับหลัง ตอนที่พวกพี่ใหญ่กับแล้ว) ผมก็ว่าอย่างงั้นครับคือได้20ผมว่ามันพอดีแล้ว ถ้าแบบว่าลูกทุกคนไม่มีอันจะกินกันหมดเลย
ผมว่าถ้าแบ่ง20ไร่ใหม่แม่ผม มันดูเกินไปผมไม่เห็นด้วย ต้องเท่าๆกันดีที่สุด
แต่นี้มันไม่ใช่อย่างนั้นสิ
1**ยายผมเป็นคนหลงๆลืม บางวันเอาโทรสับผมไปแช่ตู้เย็น แต่ว่าพูดคุยกันรู้เรื่องครับ ถามอะไรตอบได้หมด
กินข้าวยัง กินแล้ว
อาบน้ำยัง อาบแล้ว
ใครมาหา จำไม่ได้ไม่รู้ใคร
แล้วอย่างงี้ถ้าให้ยายทำพินัยกรรมได้ไหมครับ(น่าเชื่อถือไหมครับ)
2**ถ้ายายทำได้ และทำแล้ว พวกพี่ใหญ่รู้มันฟ้องอะไรได้ไหมครับ
มันเอาเรื่องข้อไปขึ้นศาลได้ไหมครับ
3** ถ้าถึงวันนั้นวันที่ยายเสียเปิดพินัยกรรมออกมา แล้วไอ้พี่ใหญ่มันฟ้องเป็นโมฆะ มันทำได้ไหมครับ
**เอ่อมีเรื่องจริงอีกหนึ่งเรื่องครับ สงสัยมากๆ
คือมีปู่คนหนึ่งมีลูก2คน นาย ก นาง ข ปู่ทำพินัยกรรมไว้ว่าให้มรดกแก่นาย ก เพียงคนเดียว ช่วงนั้นปู่ทะเลาะกับนาง ข ซึ่งเป็นคนเลี้ยงดูอยู่ คือเป็นคนเลี้ยงดูอยู่กับปู่ครับ
และนาย ก ซึ่งได้เมียอยู่ต่างจังหวัดครับนานๆทีจะเดินทางมาเยี่ยมบ้าน)
และพอปูตายเปิดพินัยกรรมออกมา
"ปู่ให้มรดกกับนาย ก
แล้วหลังจากนั้นนาง ข ก็ไปฟ่อง เอาว่ามันไม่ถูกต้ง จนได้มรดกของพ่อคืนมา
(ผมเลยงง ขนาดเขียนพินัยกรรมแล้ว ยังเปลี่ยนแปลงได้หรอ ผมแค่สงสัยเฉยๆครับ มันจริงไหมครับ
คือว่าตอนนี้พวกพี่ชายทั้งหลายกำลังรวมหัวกันในๆจะเอาเปรียบผู้หญิงซึ่งเป็นแม่ของผม
(ตอนนี้ คุณยายยังอยู่ครับ เป็นเจ้าของที่ดินนา) ส่วนคุณตาเสียชีวิตนานแล้วครับ
คุณตากับคุณยายผม
ท่านมีลูกอยู่7คน
(ชาย6คน แต่งงานไปอยู่กับเมียกันหมดแล้ว ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมยังจะเอา)
(และคนที่7ซึ่งเป็นแม่ของผมเองครับ
แม่ผมเป็นคนเลี้ยงคุณตาคุณยายมาตลอด เจ็บป่วย ขี้เยี่ยวอะไรก็แม่ผมดูหมด
แต่ละคนเป็นอย่างนี้ครับ
พี่ชายแม่ผมคนโตคนที่1 มีลูกเขยชื่อนุ มายืมเงิน4แสนไปแล้ว โกงไม่คืน(เรื่องหลายปีแล้วครับ) ก็ยังจะเอานาอีกหรอ
พี่ชายแม่ผมคนโตคนที่2
เคยเอาใบนาไปหมุ่นเอาเงิน มาค้าขายอยู่6ปี และจนถึงปัจจุบันก็ยังเอาไปหมุ่นที่ ธกส เอาเงินออกมา
และล่าสุดมีคนถามแม่ผมว่า ใบนาอยู่ไหน แม่ผมก็ตอบความจริง ว่าอยู่กับพี่ชายคนที่2 พี่ชายคนที่2อายมาก ตอนนี้เกลียดแม่ผมสุดๆ ผมคิดว่าสงสัยไปโม้ที่อื่นเยอะว่ารวยไม่มีหนี้ ) ใช้ปรโยชน์จากตรงนี้แล้วก็ยังจะเอาอีกหรอ
พี่ชายแม่ผมคนที่3
คนนี้(เป็นช่างก่อสร้างรับเหมาก่อสร้าง)
ไปแอบเอาเมียอยู่หนองคาย โดยไม่บอกใครหลายปีแล้วครับตอนผมเด็กๆ นุ้นแหละคือแม่ผมเล่าให้ฟัง
แล้วทีนี้ไม่มีเงินทำบ้าน ไม่มีเงินซื้อรถไถนา ไม่มีทุนทำมาหากิน เมียก็เล่นการพนันเก่ง บอกผัวมาขอทางบ้าน
ก็มาขอทางบ้าน คุณตาผมก็ส่งเงินขายข้าวไปให้ 2ปี เงินในสมัยนั้นถ้าเอามาเปรียบกับตอนนี้ไม่ใช่น้อยๆเลยครับ คุณตาผมต้องเอาเงินขายข้าวส่งไปให้หลายครั้งเลยครับ) ก็ยังจะเอาอีกหรอ
พี่ชายแม่ผมคนที่4 อยู่อุบล เป็นคนดีค่อนข้างมีฐานะดีได้เมียรวยครับ คนนี้ผมคิดว่าเขาไม่เอาหรอกครับเพราะว่าเขามีของเมียเยอะอยู่แล้ว และเขาดีกับแม่ผมมากๆคือมีคนนี้ที่เป็นลูกผู้ชายตัวจริง แต่ว่าโดนพวกพี่ชายคนที่1คนที่2โทรไปบอก"มึงต้องเอา ถ้ามึงไม่เอากุเสียหน้า ผู้ชายเราต้องเอาหมด มึงไม่เอาแต่กุจะเอามึงเข้าใจไหม"ช่วยกุหน่อย)
ก็เลยต้องเอาตามทั้งๆที่ไม่อยากได้ เพราะกลัวมีปัญหากันกับพวกพี่ชาย แม่ผมเข้าใจว่าอย่างงั้น
พี่ชายแม่ผมคนที่5อยู่ กทม กับเมียครับ ทำธุระกิจส่วนตัว ร้านขายกับข้าวแกงขายของ(ฐานะดี)
ก็ไม่เอาเหมือนกันครับ เพราะไม่มีเวลาทำนา และมีกินอยู่แล้ว แต่ถูกโทรไปหาเหมือนที่4 ก็เลยต้องเอา แม่ผมบอกว่าอย่างงั้น
พี่ชายแม่ผมคนที่6เป็นพ่อค้าขายตู้ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างเลยครับ อยู่สุรินทร์ (รวยมากๆตกถังข้าวสารจากบ้านเมีย)
ถูกพี่ชายคนโตโทรไปหาเหมือนกันครับ
แต่แกบอกไม่เอาสงสารน้อง กลัวค้าขายไม่ขึ้นไม่เจริญ กลัวพ่อที่เสียไปไม่สบายใจ สรุปไม่เอา ตอนนี้ผิดกันทะเลาะกันกับพี่ชายใหญ่ถ้าเจอกันมองหน้ากันไม่ติดเลยครับ
คนที่7แม่ผมเองครับ(โสด คือพ่อผมเพิ่งเสียปีที่แล้วครับ)
แม่ผมเป็นคนซื่อ มากๆๆมากๆเลย มักจะโดนเอาเปรียบตลอด
คือแม่ผมดีกับทุกคน
อาชีพทำนาครับส่งผมและพี่สาวเรียน พี่สาวจบ ม.6 และทำงานอยู่ กทม ครับ ส่วนผมช่วงปิดเทอมก็ว่าจะไปหาเงินให้แม่เหมือนกันครับ
เข้าเรื่องเลยนะครับ พวกพี่ชายผม รวมมือกันแบ่งนา 37ไร่ คือจะแบ่งให้แม่ผม10ไร่
แม่ผมเลยพูดว่า แบ่งเท่ากันมันเกินไปไหมพี่มันน้อยเกินไปไหม
พวกพี่ไม่ได้เลี้ยงดูพ่อแม่เลยมีแต่มาเอาๆ อะไรก็มาเอาตรงจากทางนี้
แล้วพี่ใหญ่มันก็พูดส่วนขึ้นมาเลย มึงเถียงกูหรอมึงเป็นน้องกูนะมึงเคารพกูหน่อยๆกูเป็นพี่ใหญ่นะเว้ย กูมีสิทธ์หรือจะแบ่งเท่ากันหมดเลย
ส่วนของพ่อกับแม่ก็แบ่งเท่ากันหมด มึงจะเอาไหม
(ลูกทั้ง7คนเถียงกันอยู่อย่างนี้30กว่านาที จนมีคนไปเรียกผู้ใหญ่บ้านมาดู
) พอชาวบ้านเพื่อนข้างๆบ้านรู้ ต่างพากันไม่เห็นด้วยเลย เขาพูดว่าทำกันเกินไป ฆ่าน้องสาวทางอ้อมเลย มีแต่คนเกลียดคนมองไอ้พี่ใหญ่ในแง้ลบทั้งหมู่บ้าน
ตอนนี้มันเกลียดแม่ของผมมาก
มันบอกว่าเกลียดกูแล้วกูยิ่งจะทำให้เกลียดๆกว่านี้อีก
แม่ผมไม่สบายใจเลยที่ถูกเอาเปรียบอย่างนี้ ผมละสงสารแม่มากๆเลยครับ
คือผมไม่รู้จะช่วยแม่ยังไงดี ก็เลยค้นหา กลุ่มทนายความ ในเฟซบุ๊ก ก็เลยแอดไปหลายคนเลยครับ
ถ้าแบบนี้ให้ยายเขียนพินัยกรรม ได้ไหมครับ ผมคิดว่าให้แม่ผม20ไรก็พอ เพราะเวลาทำนามันจะทำได้ทั่วถึงพอดีครับ (เมียผู้ใหญ่บ้านและผู้ใหญ่บ้านก็ว่าแบบนี้ถ้าจะให้น้องอย่างน้อย น่าจะ20ไร่นะ 17ไร่ก็เอาไปแบ่งกันเอง(พูดลับหลัง ตอนที่พวกพี่ใหญ่กับแล้ว) ผมก็ว่าอย่างงั้นครับคือได้20ผมว่ามันพอดีแล้ว ถ้าแบบว่าลูกทุกคนไม่มีอันจะกินกันหมดเลย
ผมว่าถ้าแบ่ง20ไร่ใหม่แม่ผม มันดูเกินไปผมไม่เห็นด้วย ต้องเท่าๆกันดีที่สุด
แต่นี้มันไม่ใช่อย่างนั้นสิ
1**ยายผมเป็นคนหลงๆลืม บางวันเอาโทรสับผมไปแช่ตู้เย็น แต่ว่าพูดคุยกันรู้เรื่องครับ ถามอะไรตอบได้หมด
กินข้าวยัง กินแล้ว
อาบน้ำยัง อาบแล้ว
ใครมาหา จำไม่ได้ไม่รู้ใคร
แล้วอย่างงี้ถ้าให้ยายทำพินัยกรรมได้ไหมครับ(น่าเชื่อถือไหมครับ)
2**ถ้ายายทำได้ และทำแล้ว พวกพี่ใหญ่รู้มันฟ้องอะไรได้ไหมครับ
มันเอาเรื่องข้อไปขึ้นศาลได้ไหมครับ
3** ถ้าถึงวันนั้นวันที่ยายเสียเปิดพินัยกรรมออกมา แล้วไอ้พี่ใหญ่มันฟ้องเป็นโมฆะ มันทำได้ไหมครับ
**เอ่อมีเรื่องจริงอีกหนึ่งเรื่องครับ สงสัยมากๆ
คือมีปู่คนหนึ่งมีลูก2คน นาย ก นาง ข ปู่ทำพินัยกรรมไว้ว่าให้มรดกแก่นาย ก เพียงคนเดียว ช่วงนั้นปู่ทะเลาะกับนาง ข ซึ่งเป็นคนเลี้ยงดูอยู่ คือเป็นคนเลี้ยงดูอยู่กับปู่ครับ
และนาย ก ซึ่งได้เมียอยู่ต่างจังหวัดครับนานๆทีจะเดินทางมาเยี่ยมบ้าน)
และพอปูตายเปิดพินัยกรรมออกมา
"ปู่ให้มรดกกับนาย ก
แล้วหลังจากนั้นนาง ข ก็ไปฟ่อง เอาว่ามันไม่ถูกต้ง จนได้มรดกของพ่อคืนมา
(ผมเลยงง ขนาดเขียนพินัยกรรมแล้ว ยังเปลี่ยนแปลงได้หรอ ผมแค่สงสัยเฉยๆครับ มันจริงไหมครับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
16 ตุลาคม 2540 พฤ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เคยไหมครับ วางแผนสิ่งที่จะทำไว้แล้ว แต่กลับจะไม่ได้ทำซะงั้น
มันรู้สึกช๊อคนะ
เอ่อก็คิดมาตั้งนาน..คือตั้งใจไว้แล้ว ว่าต่อไปต้องไปทางนี้ที่เราถนัด ที่เราชอบ จะทำอันนี้ให้มันสุดๆให้มันสำเร็จแล้วอยู่ๆ แล้วอยู่ๆก็มีปัญหาโผ่ขึ้นมาขัดเรา และดึงเราลงไปด้วย โอ้ยทำไมมันไม่เกิดตั้งแต่ตอนที่กูยังไม่คิดวะ
กุจะได้ปรับตัวไว้ เฮ้อกุรู้ว่ามันจะป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรกก็คงไม่ทุ่มเทขนาดนี้หรอก โอ้ยกูแทบช๊อค รู้สึกสิ้นหวังจังโว้ย คิดไว้ตั้งนาน เคลียดๆเด้ เคลียดเด้ๆ
มันรู้สึกช๊อคนะ
เอ่อก็คิดมาตั้งนาน..คือตั้งใจไว้แล้ว ว่าต่อไปต้องไปทางนี้ที่เราถนัด ที่เราชอบ จะทำอันนี้ให้มันสุดๆให้มันสำเร็จแล้วอยู่ๆ แล้วอยู่ๆก็มีปัญหาโผ่ขึ้นมาขัดเรา และดึงเราลงไปด้วย โอ้ยทำไมมันไม่เกิดตั้งแต่ตอนที่กูยังไม่คิดวะ
กุจะได้ปรับตัวไว้ เฮ้อกุรู้ว่ามันจะป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรกก็คงไม่ทุ่มเทขนาดนี้หรอก โอ้ยกูแทบช๊อค รู้สึกสิ้นหวังจังโว้ย คิดไว้ตั้งนาน เคลียดๆเด้ เคลียดเด้ๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ มากับเขา แร้วเหงายังไง
คุณได้แท็ก มากับเขา แร้วเหงายังไง
ครู..ไว....ๆๆ 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ก็เราไม่ได้คบกันเลย เธอจะให้เรารู้สึกอะไรด้วยหรอ
ตั้งแต่เริ่มต้นเลย เราไม่เคยได้คุยโทรศัพท์กันสักครั้ง จริงๆอะ
วันนั้นอะเราโทรหาเธอครั้งแรก ไม่รู้กี่สายจำไมได้ เธอไม่รับสายไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่หรือไม่ได้อยู่กับโทรศัพท์ก็เป็นได้คิดว่าอย่างงั้น
แล้วพอวันต่อมาเราก็โทรหาอีก เธอก็ไม่รับอีกเหมือนเดิมเธอต้งการสื่ออะไรถึงเรา
ตั้งแต่เริ่มต้นเลย เราไม่เคยได้คุยโทรศัพท์กันสักครั้ง จริงๆอะ
วันนั้นอะเราโทรหาเธอครั้งแรก ไม่รู้กี่สายจำไมได้ เธอไม่รับสายไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่หรือไม่ได้อยู่กับโทรศัพท์ก็เป็นได้คิดว่าอย่างงั้น
แล้วพอวันต่อมาเราก็โทรหาอีก เธอก็ไม่รับอีกเหมือนเดิมเธอต้งการสื่ออะไรถึงเรา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่ได้ออลแบบนาน รู้สึกเป็นคนกว่าเดิม 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Aphichat Norkaew
คุณได้แท็ก Aphichat Norkaew
กำลัง: ซ้อม Samsung เปิดไม่ขึ้นให้ลูกค้า555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Kittichai Rerkyai
คุณได้แท็ก Kittichai Rerkyai
Kittichai Rerkyaiอ้ายหนึ่งร้านเน็ต4แยก ตลาดวันอาทิตย์
น้องไม่ได้เป็นคนอย่างงั้นเด้อ น้องไม่ได้โกง คือเงินมันไม่เข้าจริงๆพี่ ก็เลยแซทไปถามพี่ เงินผมไม่เข้าเลยพี่เช็คดูให้หน่อยพี่ และพี่ก็บอกว่าเงินมันหักไปยุนะตอนที่เติมให้
ได้ยินอย่างนี้ผมเชื่อจริงๆ100%เชื่อว่าพี่เติมให้แล้ว แต่นี่พี่หาวาผมโกง เงินแค่150 พี่จะเติมแทนให้ แล้วไม่ต้องมายุ่งวุนวายกับพี่อีก จะเติมก็ไปเติมที่อื่น และก็อีกยาว.. ผมคิดว่าพี่มองผมแบบนี้ ทำการเติมเงินให้ซับซ้อน สั่งเติมเป็นเวลา ให้งง แล้วได้โอกาศก็โกง" ผมบอกตรงๆนะ ผมจะทำอย่างงั้นไปเพื่ออะไร เน็ตผมก็มีที่ให้ไปเล่นที่ใกล้ที่สุดก็ร้านพี่ ผมจะทำอย่างงั้นไปทำไม ก็พี่เติมแล้วก็คือพี่เติมแล้ว ก็เงินมันไม่เข้าก็คือไม่เข้า ก็เหลืออยู่อย่างเดียวคือเครื่อข่ายTrue move มีปัญหา ก็แค่นั้น พี่ใช้เงินพี่มาเติมแทนให้ผม150บาททำไมก็พี่เติมแล้ว ผมไม่เอานะพี่แบบนี้ พรุ่งนี้ผมจะไปเคลีย ให้เข้าใจ ไม่อยากมีปัญหากับใคร ไม่อยากให้ใครเกลียดขี้หน้า มองและเข้าใจในสิ่งที่ไม่ได้เป็น ถ้าพรุ่งนี้พี่ไม่ออกมาผมจะคุยกับอาจารย์ก็คือคุณพ่อพี่และก็คุณแม่พี่ (และอีกอย่างคุณแม่พี่กับพ่อผมก็เป็นเพื่อนกัน ถ้าไม่เชื่อก็ดู แล้วผมจะโกงทำไมเงิน150บาท พรุ่งนี้ผมจะเอาไปคืนพี่ ผมไม่ได้ประมาทเงินนะ) คือก็ในเมื่อพี่เติมแล้วก็คือเติมแล้ว และเงินก็หักแล้ว ไม่เอาผมจะเอาไปคืนพรุ่งนี้ และผมก็จะไปเล่นเกมร้านเน็ตพี่เหมือนเดิม คือผมบริสุทธใจมากๆๆๆๆๆ
เติมให้แล้ว เงินหักแล้ว แต่มันไม่เข้าsimผม
ผมว่าเป็นที่เครื่อข่ายTrue move H หักเงินย้อนหลัง
คือก่อนหน้านั้นเติมเงินผมจะเติมแค่ครั้งละ10บาท
แล้วก็สมัคเน็ต10MB 9บาท แล้วที่นี้ก็ต่อเน็ตเล่นให้มันหมด9MB คือเล่นจนเงินหมด หลือเงินอยู่ศูนย์บาท แล้วความเร็วเน็ตจาก3Gเร็วๆจะถูกลดลงมาต่ำสุดๆ64KB แล้วหลังจากนั้นจะเล่นต่อไปได้อีก7ชัวโมง (แต่ห้ามตัดสัญญาณเน็ตแอร์การด์) คือถึงรู้ว่ามันหมดก็เล่นต่อไปอะ
ผมทำแบบนี้ยุหลายครั้ง (คิดว่าสาเหตุที่ทำได้คือ Trure move เพิ่งมาตั้งเสา มันก็เลยมีข้อผิดพลาดบางอย่าง หรืออาจจะเป็นที่SIMผมคือSIMผมอาจจะเป็น1ในล้านSIMที่เป็นแบบนี้ คือเล่นเน็ตได้ถึงโปรจะหมด)
อ้ายหนึ่ง อย่าเอาเงินเจ้าของมาเติมให้คนอื่นแบบนี้ อ้ายอย่ามาแสดงความรับผิดชอบแบบนี้ คนเราทำธุระกิจเติมเงินแบบนี้ ถ้าจะเอาเงินมาเจ้าของมาออกเติมมดแทน ทั้งที่เจ้าของเติมไปแล้ว อย่าเฮ็ดแนวนี้อย่าโยนบาบมาให้น้อง เข้าใจแนววนี้เลยเด้ออ้ายTrue move มันหักเงินน้องย้อนหลัง
มื้ออื่นสิไปหาเด้ออ้าย
น้องไม่ได้เป็นคนอย่างงั้นเด้อ น้องไม่ได้โกง คือเงินมันไม่เข้าจริงๆพี่ ก็เลยแซทไปถามพี่ เงินผมไม่เข้าเลยพี่เช็คดูให้หน่อยพี่ และพี่ก็บอกว่าเงินมันหักไปยุนะตอนที่เติมให้
ได้ยินอย่างนี้ผมเชื่อจริงๆ100%เชื่อว่าพี่เติมให้แล้ว แต่นี่พี่หาวาผมโกง เงินแค่150 พี่จะเติมแทนให้ แล้วไม่ต้องมายุ่งวุนวายกับพี่อีก จะเติมก็ไปเติมที่อื่น และก็อีกยาว.. ผมคิดว่าพี่มองผมแบบนี้ ทำการเติมเงินให้ซับซ้อน สั่งเติมเป็นเวลา ให้งง แล้วได้โอกาศก็โกง" ผมบอกตรงๆนะ ผมจะทำอย่างงั้นไปเพื่ออะไร เน็ตผมก็มีที่ให้ไปเล่นที่ใกล้ที่สุดก็ร้านพี่ ผมจะทำอย่างงั้นไปทำไม ก็พี่เติมแล้วก็คือพี่เติมแล้ว ก็เงินมันไม่เข้าก็คือไม่เข้า ก็เหลืออยู่อย่างเดียวคือเครื่อข่ายTrue move มีปัญหา ก็แค่นั้น พี่ใช้เงินพี่มาเติมแทนให้ผม150บาททำไมก็พี่เติมแล้ว ผมไม่เอานะพี่แบบนี้ พรุ่งนี้ผมจะไปเคลีย ให้เข้าใจ ไม่อยากมีปัญหากับใคร ไม่อยากให้ใครเกลียดขี้หน้า มองและเข้าใจในสิ่งที่ไม่ได้เป็น ถ้าพรุ่งนี้พี่ไม่ออกมาผมจะคุยกับอาจารย์ก็คือคุณพ่อพี่และก็คุณแม่พี่ (และอีกอย่างคุณแม่พี่กับพ่อผมก็เป็นเพื่อนกัน ถ้าไม่เชื่อก็ดู แล้วผมจะโกงทำไมเงิน150บาท พรุ่งนี้ผมจะเอาไปคืนพี่ ผมไม่ได้ประมาทเงินนะ) คือก็ในเมื่อพี่เติมแล้วก็คือเติมแล้ว และเงินก็หักแล้ว ไม่เอาผมจะเอาไปคืนพรุ่งนี้ และผมก็จะไปเล่นเกมร้านเน็ตพี่เหมือนเดิม คือผมบริสุทธใจมากๆๆๆๆๆ
เติมให้แล้ว เงินหักแล้ว แต่มันไม่เข้าsimผม
ผมว่าเป็นที่เครื่อข่ายTrue move H หักเงินย้อนหลัง
คือก่อนหน้านั้นเติมเงินผมจะเติมแค่ครั้งละ10บาท
แล้วก็สมัคเน็ต10MB 9บาท แล้วที่นี้ก็ต่อเน็ตเล่นให้มันหมด9MB คือเล่นจนเงินหมด หลือเงินอยู่ศูนย์บาท แล้วความเร็วเน็ตจาก3Gเร็วๆจะถูกลดลงมาต่ำสุดๆ64KB แล้วหลังจากนั้นจะเล่นต่อไปได้อีก7ชัวโมง (แต่ห้ามตัดสัญญาณเน็ตแอร์การด์) คือถึงรู้ว่ามันหมดก็เล่นต่อไปอะ
ผมทำแบบนี้ยุหลายครั้ง (คิดว่าสาเหตุที่ทำได้คือ Trure move เพิ่งมาตั้งเสา มันก็เลยมีข้อผิดพลาดบางอย่าง หรืออาจจะเป็นที่SIMผมคือSIMผมอาจจะเป็น1ในล้านSIMที่เป็นแบบนี้ คือเล่นเน็ตได้ถึงโปรจะหมด)
อ้ายหนึ่ง อย่าเอาเงินเจ้าของมาเติมให้คนอื่นแบบนี้ อ้ายอย่ามาแสดงความรับผิดชอบแบบนี้ คนเราทำธุระกิจเติมเงินแบบนี้ ถ้าจะเอาเงินมาเจ้าของมาออกเติมมดแทน ทั้งที่เจ้าของเติมไปแล้ว อย่าเฮ็ดแนวนี้อย่าโยนบาบมาให้น้อง เข้าใจแนววนี้เลยเด้ออ้ายTrue move มันหักเงินน้องย้อนหลัง
มื้ออื่นสิไปหาเด้ออ้าย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มีพรสวรรค์แต่ถ้าไม่ขยัน... เราก็จะเป็นเหมือนคนธรรมดาๆ... จริงไหม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ เบียร์บี้ เบียร์บี้
คุณได้แท็ก เบียร์บี้ เบียร์บี้
วันนี้ทำงาน อสม ให้แม่.. 555
..
ช่วงที่เล่นเฟซบุ๊ก.. พิมพ์/คุย/อ่าน/แต่ภาษาเฟซ.. แล้วพอเวลาที่ต้องมาเขียนภาษาไทยจริงๆ รู้สึกว่าจะลืม ตกหล่นไปเลยบางคำ แก้ยังงัยดีคัพคุนครู 555 T T
..
ช่วงที่เล่นเฟซบุ๊ก.. พิมพ์/คุย/อ่าน/แต่ภาษาเฟซ.. แล้วพอเวลาที่ต้องมาเขียนภาษาไทยจริงๆ รู้สึกว่าจะลืม ตกหล่นไปเลยบางคำ แก้ยังงัยดีคัพคุนครู 555 T T
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
้เห็นเพื่อนๆอัพสถานะว่ารูปโปรไฟลตัวเองหาย..?
ความคิดส่วนตัวคิดว่านะครับ files:รูปโปรไฟล์ ไม่ได้อยู่ในServer. เว็บ facebook. แล้ว แสดงว่ามันหาย "ถูกลบ"
สาเหตุคิดว่า มีคนจำนวนมาก Report รายงานว่ารูปคุณเป็น แสปม /ไม่เหมาะสม
หรือที่อดคิดไม่ได้เลยคือ เปลี่ยนรูปประจำตัวรูปเดิมบ่อย
เวลาที่เราเปลี่ยน รูปเราจะถูกอัพขึ้นไปฝากที่Server โดยเรียงตามเวลา ความใหม่ ช่วงนั้นก็จะอยู่หน้าแรก แล้วทีนี้ไม่ได้มีแค่เราคนเดียวที่เปลี่ยนรูปโปรในเวลานั้น รูปเราก็จะถูกดันออกจากหน้าแรก เพื่อให้รูปที่ถูกอัพขึ้นไปใหม่แทนที่ แล้วที่เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ เราเปลี่ยนรูปโปรเรารูปเดิม รูปนั้นก็จะถูกดึงไปที่หน้าแรก คิดว่าไฟล์เกิดการกระชาก ทำให้ไฟล์เสียหาย!
ความคิดส่วนตัวคิดว่านะครับ files:รูปโปรไฟล์ ไม่ได้อยู่ในServer. เว็บ facebook. แล้ว แสดงว่ามันหาย "ถูกลบ"
สาเหตุคิดว่า มีคนจำนวนมาก Report รายงานว่ารูปคุณเป็น แสปม /ไม่เหมาะสม
หรือที่อดคิดไม่ได้เลยคือ เปลี่ยนรูปประจำตัวรูปเดิมบ่อย
เวลาที่เราเปลี่ยน รูปเราจะถูกอัพขึ้นไปฝากที่Server โดยเรียงตามเวลา ความใหม่ ช่วงนั้นก็จะอยู่หน้าแรก แล้วทีนี้ไม่ได้มีแค่เราคนเดียวที่เปลี่ยนรูปโปรในเวลานั้น รูปเราก็จะถูกดันออกจากหน้าแรก เพื่อให้รูปที่ถูกอัพขึ้นไปใหม่แทนที่ แล้วที่เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ เราเปลี่ยนรูปโปรเรารูปเดิม รูปนั้นก็จะถูกดึงไปที่หน้าแรก คิดว่าไฟล์เกิดการกระชาก ทำให้ไฟล์เสียหาย!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อาบน้ำ ทาครีม ปะแป้ง หลอกผี 555 นอนดีกว่า ^___^ พรุ่งนี้ไปต่อใบขับขี่...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
(18+ )เมื่อกี้ดูหนังช่อง7 ตอนที่นางเอกตาย แล้วหมอใช้เครื่องปั้มหัวใจ.. ถ้าเป็นเรื่องจริงหมอเขาปั้มตรงจุดไหนอะ
สงสัย ป่าวหื่นนะ555
สงสัย ป่าวหื่นนะ555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พี่ทนายความครับ ผมมีเรื่องปรึกษาครับ..ช่วยตอบหน่อย
ทนาย: เรื่องอะไรหรอ?
เรา: เรื่องเกี่ยวกับการทำป้าย และก็เรื่องลิขสิทธ์ครับ
ทนาย: น้องอยู่ในหรอ ทำไมไม่ใช้ชื่อจริงในเฟซ.
เรา: อยู่อำนาจครับ เดี๋ยวผมก็ว่าจะเปลี่ยนอยู่ครับพรุ่งนี้ ตอนนี้ช่วยตอบก่อนได้ไมครับ
ทนาย: (อ่านแล้ว..เงียบไป10นาทีแล้ว)
" Okครับเปลี่ยนก็เปลี่ยนครับ :) ????
ทนาย: เรื่องอะไรหรอ?
เรา: เรื่องเกี่ยวกับการทำป้าย และก็เรื่องลิขสิทธ์ครับ
ทนาย: น้องอยู่ในหรอ ทำไมไม่ใช้ชื่อจริงในเฟซ.
เรา: อยู่อำนาจครับ เดี๋ยวผมก็ว่าจะเปลี่ยนอยู่ครับพรุ่งนี้ ตอนนี้ช่วยตอบก่อนได้ไมครับ
ทนาย: (อ่านแล้ว..เงียบไป10นาทีแล้ว)
" Okครับเปลี่ยนก็เปลี่ยนครับ :) ????
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เห็นเพื่อนๆอัพสถานะว่ารูปโปรไฟลตัวเองหาย..?
ความคิดส่วนตัวคิดว่านะครับ files:รูปโปรไฟล์ ไม่ได้อยู่ในServer. เว็บ facebook. แล้ว แสดงว่ามันหาย "ถูกลบ"
สาเหตุคิดว่า มีคนจำนวนมาก Report รายงานว่ารูปคุณเป็น แสปม /ไม่เหมาะสม facebook.เลยลบ
หรือที่อดคิดไม่ได้เลยคือ เปลี่ยนรูปประจำตัวรูปเดิมบ่อย
เวลาที่เปลี่ยน รูปเราจะถูกอัพขึ้นไปฝากที่Server โดยเรียงตามเวลาหรือเหตุการณที่ใหม่ที่สุด ช่วงนั้นก็จะอยู่หน้าแรก แล้วทีนี้ไม่ได้มีแค่เราคนเดียวที่เปลี่ยนรูปโปรในเวลานั้น รูปเราก็จะถูกดันออกจากหน้านั้น หน้าที่ใหม่ที่สุดไปเป็นหน้าเก่า เพื่อให้รูปที่ถูกอัพขึ้นไปใหม่แทนที่ แล้วที่นี้เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ เราเปลี่ยนรูปโปรโดยเอาจากรูปเดิมที่เคยเปลี่ยนนานมาแล้ว รูปนั้นก็จะถูกดึงย้ายตำแหน่งไปที่หน้าแรก
คิดว่าไฟล์เกิดการกระชาก ทำให้ไฟล์เสียหาย!
จะไม่เมือนการเปลียนแบบอัพโหลดขึ้นไปใหม่ (ความคิดส่วนตัว:p :p )
ความคิดส่วนตัวคิดว่านะครับ files:รูปโปรไฟล์ ไม่ได้อยู่ในServer. เว็บ facebook. แล้ว แสดงว่ามันหาย "ถูกลบ"
สาเหตุคิดว่า มีคนจำนวนมาก Report รายงานว่ารูปคุณเป็น แสปม /ไม่เหมาะสม facebook.เลยลบ
หรือที่อดคิดไม่ได้เลยคือ เปลี่ยนรูปประจำตัวรูปเดิมบ่อย
เวลาที่เปลี่ยน รูปเราจะถูกอัพขึ้นไปฝากที่Server โดยเรียงตามเวลาหรือเหตุการณที่ใหม่ที่สุด ช่วงนั้นก็จะอยู่หน้าแรก แล้วทีนี้ไม่ได้มีแค่เราคนเดียวที่เปลี่ยนรูปโปรในเวลานั้น รูปเราก็จะถูกดันออกจากหน้านั้น หน้าที่ใหม่ที่สุดไปเป็นหน้าเก่า เพื่อให้รูปที่ถูกอัพขึ้นไปใหม่แทนที่ แล้วที่นี้เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ เราเปลี่ยนรูปโปรโดยเอาจากรูปเดิมที่เคยเปลี่ยนนานมาแล้ว รูปนั้นก็จะถูกดึงย้ายตำแหน่งไปที่หน้าแรก
คิดว่าไฟล์เกิดการกระชาก ทำให้ไฟล์เสียหาย!
จะไม่เมือนการเปลียนแบบอัพโหลดขึ้นไปใหม่ (ความคิดส่วนตัว:p :p )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ว้าว... โชคดีจังเลย ถูกหวยๆ 79 ข้างล่าง ^^^
10บาท ! ทำไมกุซื้อน้อยจังวะ..
10บาท ! ทำไมกุซื้อน้อยจังวะ..
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ปิด TV นอนดีกว่า พรุ่งนี้ใส่บาตถูกหวย 10บาท ให้...ที่มาบอก?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ภาษาลาวขำๆ ฮาๆ
ท = ไทย ล =ລາວ
ท : สวัสดี ล : สะบายดี
ท : วันนี้ ล : มื้อนี้
ท : ทำอะไร ล : เฮ็ดหยัง
ท : ผม ล : ข่อย
ท : ดู ล : เบิ่ง
ท : โทรทัศน์ ล: โทรภาพ
ท : ชอบ ล : มัก
ท : แอรโฮสเตท ล : สาวโอเตท
ท : เครื่องบิน ล : เฮือบิน
ท : Speed ล : เบรกบ่อยู่
ท : รัก ล : ฮัก
ท : อย่างไร ล : แนวใด
ท : พูด ล : เว้า
ท : วันนั้น ล : มื้อนั้น
ท : วันพฤหัสบดี ล : วันพะหัด
ท : มกราคม ล : มังกอน
ท : ร้านถ่ายรูป ล : ร้านแหกตา (- -'')
ท : อู่ซ่อมรถ ล : ร้านแปงลด
ท : โรงพยาบาล ล : โฮงหมอ (โรงหมอ)
ท : ห้องคลอด ล : ห้องประสูติ
ท : ห้องไอซียู ล : ห้อง มรสุม
ท : ห้องผ่าตัด ล : ห้องปาด
ท : ยาสีฟัน ล : ยาถูแข้ว
ท : แปรงสีฟัน ล : แปงถูแข้ว
ท : ทันตแพทย์ ล : หมอปัวแข้ว
ท : อะไร ล : แม่นหยัง
ท : แบตเตอรี ล : หม้อไฟ
ท : หลอดไฟ ล : ข้าวหลาม แจ้ง
ท : จักรยาน ล : รถถีบ
ท : ไฟ แดง ล : ไฟ อำนาจ
ท : ไฟเขียว ล : ไฟ อิสระ
ท : รถไฟ ล : ห้องแถว ไหล
ท : แพะ ล : แบ้
ท : จรเข้ ล : แข้
ท : ตุ๊กแก ล : กับแก้
ท : แมงป่อง ล : แมงงอด
ท : จิงจก ล : ขี้เกี้ยม
ท : กางเกง ล : โส้ง
ท : รองเท้าแตะ ล : เกิบอีแตะ
ท : จมูก ล : ดัง
ท : เท้า ล : ตีน
ท : ไอศครีม ล : ไอติม
ท : ร่ม ล : คันฮ่ม
ท : สองสิงห์ชิง บัลลังก์ ล : สอง สิงห์ชิงตั่งนั่ง
ท : ผ้าเย็น ล : ผ้า อนามัย *
ท : หนูน้อย พเนจร ล :**นางน้อย ตุหรั่ดตุเหร่
ท : รักจริงๆ ให้ดิ้นตาย ล : ฮักคักคัก ชักแงก แงก
ปล่อยตัวนักวิ่ง 100 เมตร
ท : เข้า ที่ ล : เข้า ซ่อง
ท : ระวัง ล : โก่ง ดาก
ท : ไป ล : แล่น
ຖາສາລາວແບບຊຳ
ท = ไทย ล =ລາວ
ท : สวัสดี ล : สะบายดี
ท : วันนี้ ล : มื้อนี้
ท : ทำอะไร ล : เฮ็ดหยัง
ท : ผม ล : ข่อย
ท : ดู ล : เบิ่ง
ท : โทรทัศน์ ล: โทรภาพ
ท : ชอบ ล : มัก
ท : แอรโฮสเตท ล : สาวโอเตท
ท : เครื่องบิน ล : เฮือบิน
ท : Speed ล : เบรกบ่อยู่
ท : รัก ล : ฮัก
ท : อย่างไร ล : แนวใด
ท : พูด ล : เว้า
ท : วันนั้น ล : มื้อนั้น
ท : วันพฤหัสบดี ล : วันพะหัด
ท : มกราคม ล : มังกอน
ท : ร้านถ่ายรูป ล : ร้านแหกตา (- -'')
ท : อู่ซ่อมรถ ล : ร้านแปงลด
ท : โรงพยาบาล ล : โฮงหมอ (โรงหมอ)
ท : ห้องคลอด ล : ห้องประสูติ
ท : ห้องไอซียู ล : ห้อง มรสุม
ท : ห้องผ่าตัด ล : ห้องปาด
ท : ยาสีฟัน ล : ยาถูแข้ว
ท : แปรงสีฟัน ล : แปงถูแข้ว
ท : ทันตแพทย์ ล : หมอปัวแข้ว
ท : อะไร ล : แม่นหยัง
ท : แบตเตอรี ล : หม้อไฟ
ท : หลอดไฟ ล : ข้าวหลาม แจ้ง
ท : จักรยาน ล : รถถีบ
ท : ไฟ แดง ล : ไฟ อำนาจ
ท : ไฟเขียว ล : ไฟ อิสระ
ท : รถไฟ ล : ห้องแถว ไหล
ท : แพะ ล : แบ้
ท : จรเข้ ล : แข้
ท : ตุ๊กแก ล : กับแก้
ท : แมงป่อง ล : แมงงอด
ท : จิงจก ล : ขี้เกี้ยม
ท : กางเกง ล : โส้ง
ท : รองเท้าแตะ ล : เกิบอีแตะ
ท : จมูก ล : ดัง
ท : เท้า ล : ตีน
ท : ไอศครีม ล : ไอติม
ท : ร่ม ล : คันฮ่ม
ท : สองสิงห์ชิง บัลลังก์ ล : สอง สิงห์ชิงตั่งนั่ง
ท : ผ้าเย็น ล : ผ้า อนามัย *
ท : หนูน้อย พเนจร ล :**นางน้อย ตุหรั่ดตุเหร่
ท : รักจริงๆ ให้ดิ้นตาย ล : ฮักคักคัก ชักแงก แงก
ปล่อยตัวนักวิ่ง 100 เมตร
ท : เข้า ที่ ล : เข้า ซ่อง
ท : ระวัง ล : โก่ง ดาก
ท : ไป ล : แล่น
ຖາສາລາວແບບຊຳ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไทยกับลาวปล่อยตัวนักวิ่ง 100 เมตร
ท : เข้า ที่ }.......{ ລ : เข้า ซ่อง
ท : ระวัง }.......{ ລ : โก่ง ดาก
ท : ไป }.......{ ລ : แล่น
"
#ລາວccທ້ๆ
ท : เข้า ที่ }.......{ ລ : เข้า ซ่อง
ท : ระวัง }.......{ ລ : โก่ง ดาก
ท : ไป }.......{ ລ : แล่น
"
#ລາວccທ້ๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เรื่องของความโสด มันเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใครออกใคร
สวยแค่ไหน.. หล่อแค่ไหน..
...ก็โสดได้...
รักกันแพงกันอยู่ดีๆ.. ก็โสดได้
"ลูก2แล้วก็ยังโสดได้ อิอิ ^^
:
#feelingsod
สวยแค่ไหน.. หล่อแค่ไหน..
...ก็โสดได้...
รักกันแพงกันอยู่ดีๆ.. ก็โสดได้
"ลูก2แล้วก็ยังโสดได้ อิอิ ^^
:
#feelingsod
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เรื่องของความโสด มันเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
หล่ออย่าง ณเดช ก็ยังโสดได้เลย..
สวยๆน่ารักอย่าง..พี่ตุ๊กกี้ ก็โสดได้ 55 ^^
รักกันแพงกันอยู่ดีๆ บ๋อม&โฟกัส.. ก็แยกกันโสด
"ป้าหน้าปากซอย ลูก2แล้วก็ยังโสดได้ อิอิ ^^
:
#feelingsod
หล่ออย่าง ณเดช ก็ยังโสดได้เลย..
สวยๆน่ารักอย่าง..พี่ตุ๊กกี้ ก็โสดได้ 55 ^^
รักกันแพงกันอยู่ดีๆ บ๋อม&โฟกัส.. ก็แยกกันโสด
"ป้าหน้าปากซอย ลูก2แล้วก็ยังโสดได้ อิอิ ^^
:
#feelingsod
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนประเทศลาว อ่านภาษาไทยเราออก
แต่เราคนไทย อ่านภาษาลาวไม่ออก "
แต่ลาวกับคนอีสานคุยกันออก 55 อิอิ ^^
:
#feelingLaos
แต่เราคนไทย อ่านภาษาลาวไม่ออก "
แต่ลาวกับคนอีสานคุยกันออก 55 อิอิ ^^
:
#feelingLaos
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระพุทธองค์ตรัสถึงกฎแห่งกรรมว่า
อดีตชาติได้แต่ประกอบแต่กรรมดี
จึงได้เกิดมามียศสูงศักดิ์และร่ำรวยในโภคทรัพย์ ผู้ใดบำเพ็ญธรรมมาตลอดจะได้บุญวาสนาไปทุกภพทุกชาติ มนุษย์จงฟังให้ดี
ฟังตถาคตกล่าวผลกรรมของไตรภพผลกรรมของไตรภพเป็นเรื่องใหญ่
จงอย่าดูหมิ่นพุทธพจน์ จงฟังผลกรรมดังต่อไปนี้
*ปัจจุบันเป็นขุนนางเพราะเหตุใด
ชาติก่อนนำทองคำสร้างพระพุทธรูป
*สิ่งที่ได้รับในชาตินี้เพราะชาติก่อนทำไว้
ถวายเครื่องทรงสักการะพระพุทธองค์
*ทองคำสร้างองค์ดั่งสร้างตนเอง
เครื่องทรงสักการะคืออาภรณ์ประดับกาย
*ดังนั้นอย่าคิดว่าขุนนางนั้นเป็นง่าย
หากไม่ได้สร้างบุญก่อกุศลแต่ปางก่อนไว้ ไฉนเลยจะได้รับ
*มีรถนั่งมีเรื่อขี่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสร้างถนนทำสะพาน
*มีเสื้อผ้าแพรพรรณประดับกายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคเสื้อผ้าให้ผู้ยากจน
*มีอาหารอิ่มสมบูรณ์เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มให้ผู้ยากจน
*ที่ไม่มีจะกินจะใส่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนไม่เคยบริจาคทานเลยแม้แต่น้อย
*มีตึกรามบ้านบ้านช่องเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวสารช่วยผู้ยากไร้
*มีบุญมีวาสนาเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสร้างวัดสร้างศาลา
*มีหน้าตามีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบูชาพระพุทธรูปดอกไม้เครื่องหอม
*มีปัญญา มีความปราดเปรื่องเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสวดมนต์สรรเสริญพระนามพระพุทธเจ้า
*มีภรรยาดีมีมรรยาทพร้อมเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนได้สร้างสมบุญกุศลมาร่วมกัน
*สามีภรรยามีอายุยืนยาวเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนได้แต่งริ้วธงประดับหน้าพระพุทธรูป
*มีพ่อแม่อยู่ครบเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเห็นอกเห็นใจผู้กำพร้า
*ไม่มีพ่อแม่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบยิงนกตกปลา
*เลี้ยงลูกไม่รู้จักโตเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบเจ็บแค้นผู้อื่น
*ชาตินี้ไม่มีลูกเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนข่มเหงรังแกลูกชาวบ้าน
*ชาตินี้อายุยืนเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบซื้อสัตว์ปลดปล่อยชีวิต
*ชาตินี้อายุสั้นเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
*ชาตินี้ไม่มีภรรยาเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบผิดประเวณี ข่มขื่นลูกเมียเขา
*ชาตินี้เป็นม่ายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบดูหมิ่นดูแคลนสามี
*ชาตินี้เป็นทาสเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนไม่รู้จักบุญคุณผู้อื่น
*ชาตินี้มีตาดีเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนซื้อน้ำมันเติมตะเกียงบูชาพระ
*ชาตินี้ตาบอดเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบอ่านหนังสือลามก
*ชาตินี้ปากแหว่งเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนกล่าวร้ายใส่ความผู้อื่น
*ชาตินี้หูหนวกเป็นใบ้เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนปากร้ายด่าว่าพ่อแม่
*ชาตินี้หลังค่อมเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนหัวเราะคนที่ไหว้พระ
*ชาตินี้มืองอแขนคดเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเคยตีพ่อแม่
*ชาตินี้ขาเป๋ตีนเป๋เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนทำลายถนนและสะพาน
*ชาตินี้เป็นวัวเป็นควายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเป็นหนีเขาแล้วไม่ใช้คืน
*ชาตินี้เป็นหมูเป็นหมาเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนมีใจคิดหลอกลวงเขา
*ชาตินี้มีสุขภาพแข็งแรงเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคยารักษาโรค
*ชาตินี้ติดคุกติดตะรางเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเห็นคนตกทุกข์ได้ยากแล้วไม่ช่วยเหลือ
*ชาตินี้อดอาหารตายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนหัวเราะขอทาน
*ชาตินี้ต้องถูกเขาเบื่อยาตายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเบื่อปลาในคลอง
*ชาตินี่โดดเดี่ยวทุกข์ทรมานเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนใจบาปคิดแต่จะทำร้ายผู้อื่น
*ชาตินี้แคระแกรนเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบเหยียดหยาบดูแคลนคนรับใช้
*ชาตินี้อาเจียนเป็นโลหิตเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนปลุกปั้นยุแหย่คนอื่นให้แตกแยกกัน
*ชาตินี้ถูกฟ้าผ่าตายเพราะอะไร
เพราะชาติก่อนพูดจาเสียดสีผู้ออกบวช
*ชาตินี้ถูกสัตว์ร้ายกัดตายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนก่อศัตรูคู่อาฆาต
*สรรพกรรมที่ก่อไว้กรรมตามสนอง
ต้องตกนรกทุกข์ทรมานจะโทษใครเล่า
อย่าพูดว่ากฏแห่งกรรมไม่มีใครเห็น
กรรมสนองเร็วก็ตกที่ตัวเอง กรรมสนองช้าก็ตกที่ลูกหลาน
*ถ้าไม่ศรัทธาในพระรัตนตรัย ไม่รีบทำทาน
ก็จงดูบุคคลที่มีบุญวาสนาสิเพราะเขาทำบุญไว้แต่ชาติก่อน ชาตินี้บุญจึงตอบสนอง
แม้ปัจจุบันสั่งสมบุญกุศล บุญนั้นก็จะคุ้มครองถึงบุตรหลาน
*หากใครกล่าวร้ายเรื่องกฎแห่งกรรม
ชาติหน้าก็ไม่ได้เกิดเป็นคนอีก(เกิดอยู่ในอบายภูมิ)
*หากเชื่อถือยึดมั่นในกฎแห่งกรรม
ความเจริญมั่งมีศรีสุข ก็จะมาเยือนถึงบ้าน
*หากใครค่อยแนะนำเผยแพร่เรื่องกฎแห่งกรรม
ก็จะเจริญยิ่งๆขึ้นชั่วลูกชั่วหลาน
*หากใครยึดมั่นในกฎแห่งกรรม
ฆาตเคราะห์ภัยพิบัติจะอยู่ห่างไกลตัว
*หากใครเที่ยวบรรยายเรื่องกฎแห่งกรรม
ทุกๆชาติจะเป็นผู้มีปัญญาเลิศ
*หากใครหมั่นสวดมนต์ในเรื่องกฎแห่งกรรม
ชาติหน้าไปถึงไหนถึงไหนก็มีแต่คนนับหน้าถือตา
*หากใครพิมพ์หนังสือเรื่องกฎแห่งกรรมแจก
ชาติหน้าก็จะมีกายมงคลรุ่งโรจน์
*หากใครถามเรื่องกฎแห่งกรรมเมื่อชาติก่อน
ควรศึกษาเรื่องราวของพระกัสสปพระพุทธเจ้าที่มีรัศมีแวววาว
*หากถามเหตุผลของชาติหน้า
ก็ให้ดูพวกที่กล่าวร้ายพระธรรมในเมืองนรก
*หากใครก็ตามยึดมั่นในกฎแห่งกรรม
ก็จะได้ไปเกิดในสุขาวดีแดนพุทธเกษตร
*เรื่องกฎแห่งกรรมในสามโลกนี้พูดกันไม่จบ
สวรรค์ไม่เคยขาดคนจิตกุศลในพระรัตนตรัยเป็นแก้ววิเศษ
รู้จักสละบ้างผลได้รับเหลือคณานับเหมือนดั่งสะสมอริยทรัพย์ไว้ในเซฟที่มั่นคง
จะได้รับผลประโยชน์ทุกๆชาติไป
*หากถามเรื่องชาติปางก่อน
ก็ให้ดูผลที่ได้รับในปัจจุบัน
*หากจะถามเรื่องชาติหน้า
ก็ให้ดูในสิ่งที่เราทำในปัจจุบัน
คัดลอกมาจาก ธรรมจักร
อดีตชาติได้แต่ประกอบแต่กรรมดี
จึงได้เกิดมามียศสูงศักดิ์และร่ำรวยในโภคทรัพย์ ผู้ใดบำเพ็ญธรรมมาตลอดจะได้บุญวาสนาไปทุกภพทุกชาติ มนุษย์จงฟังให้ดี
ฟังตถาคตกล่าวผลกรรมของไตรภพผลกรรมของไตรภพเป็นเรื่องใหญ่
จงอย่าดูหมิ่นพุทธพจน์ จงฟังผลกรรมดังต่อไปนี้
*ปัจจุบันเป็นขุนนางเพราะเหตุใด
ชาติก่อนนำทองคำสร้างพระพุทธรูป
*สิ่งที่ได้รับในชาตินี้เพราะชาติก่อนทำไว้
ถวายเครื่องทรงสักการะพระพุทธองค์
*ทองคำสร้างองค์ดั่งสร้างตนเอง
เครื่องทรงสักการะคืออาภรณ์ประดับกาย
*ดังนั้นอย่าคิดว่าขุนนางนั้นเป็นง่าย
หากไม่ได้สร้างบุญก่อกุศลแต่ปางก่อนไว้ ไฉนเลยจะได้รับ
*มีรถนั่งมีเรื่อขี่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสร้างถนนทำสะพาน
*มีเสื้อผ้าแพรพรรณประดับกายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคเสื้อผ้าให้ผู้ยากจน
*มีอาหารอิ่มสมบูรณ์เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มให้ผู้ยากจน
*ที่ไม่มีจะกินจะใส่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนไม่เคยบริจาคทานเลยแม้แต่น้อย
*มีตึกรามบ้านบ้านช่องเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวสารช่วยผู้ยากไร้
*มีบุญมีวาสนาเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสร้างวัดสร้างศาลา
*มีหน้าตามีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบูชาพระพุทธรูปดอกไม้เครื่องหอม
*มีปัญญา มีความปราดเปรื่องเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสวดมนต์สรรเสริญพระนามพระพุทธเจ้า
*มีภรรยาดีมีมรรยาทพร้อมเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนได้สร้างสมบุญกุศลมาร่วมกัน
*สามีภรรยามีอายุยืนยาวเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนได้แต่งริ้วธงประดับหน้าพระพุทธรูป
*มีพ่อแม่อยู่ครบเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเห็นอกเห็นใจผู้กำพร้า
*ไม่มีพ่อแม่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบยิงนกตกปลา
*เลี้ยงลูกไม่รู้จักโตเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบเจ็บแค้นผู้อื่น
*ชาตินี้ไม่มีลูกเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนข่มเหงรังแกลูกชาวบ้าน
*ชาตินี้อายุยืนเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบซื้อสัตว์ปลดปล่อยชีวิต
*ชาตินี้อายุสั้นเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
*ชาตินี้ไม่มีภรรยาเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบผิดประเวณี ข่มขื่นลูกเมียเขา
*ชาตินี้เป็นม่ายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบดูหมิ่นดูแคลนสามี
*ชาตินี้เป็นทาสเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนไม่รู้จักบุญคุณผู้อื่น
*ชาตินี้มีตาดีเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนซื้อน้ำมันเติมตะเกียงบูชาพระ
*ชาตินี้ตาบอดเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบอ่านหนังสือลามก
*ชาตินี้ปากแหว่งเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนกล่าวร้ายใส่ความผู้อื่น
*ชาตินี้หูหนวกเป็นใบ้เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนปากร้ายด่าว่าพ่อแม่
*ชาตินี้หลังค่อมเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนหัวเราะคนที่ไหว้พระ
*ชาตินี้มืองอแขนคดเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเคยตีพ่อแม่
*ชาตินี้ขาเป๋ตีนเป๋เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนทำลายถนนและสะพาน
*ชาตินี้เป็นวัวเป็นควายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเป็นหนีเขาแล้วไม่ใช้คืน
*ชาตินี้เป็นหมูเป็นหมาเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนมีใจคิดหลอกลวงเขา
*ชาตินี้มีสุขภาพแข็งแรงเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคยารักษาโรค
*ชาตินี้ติดคุกติดตะรางเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเห็นคนตกทุกข์ได้ยากแล้วไม่ช่วยเหลือ
*ชาตินี้อดอาหารตายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนหัวเราะขอทาน
*ชาตินี้ต้องถูกเขาเบื่อยาตายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเบื่อปลาในคลอง
*ชาตินี่โดดเดี่ยวทุกข์ทรมานเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนใจบาปคิดแต่จะทำร้ายผู้อื่น
*ชาตินี้แคระแกรนเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบเหยียดหยาบดูแคลนคนรับใช้
*ชาตินี้อาเจียนเป็นโลหิตเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนปลุกปั้นยุแหย่คนอื่นให้แตกแยกกัน
*ชาตินี้ถูกฟ้าผ่าตายเพราะอะไร
เพราะชาติก่อนพูดจาเสียดสีผู้ออกบวช
*ชาตินี้ถูกสัตว์ร้ายกัดตายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนก่อศัตรูคู่อาฆาต
*สรรพกรรมที่ก่อไว้กรรมตามสนอง
ต้องตกนรกทุกข์ทรมานจะโทษใครเล่า
อย่าพูดว่ากฏแห่งกรรมไม่มีใครเห็น
กรรมสนองเร็วก็ตกที่ตัวเอง กรรมสนองช้าก็ตกที่ลูกหลาน
*ถ้าไม่ศรัทธาในพระรัตนตรัย ไม่รีบทำทาน
ก็จงดูบุคคลที่มีบุญวาสนาสิเพราะเขาทำบุญไว้แต่ชาติก่อน ชาตินี้บุญจึงตอบสนอง
แม้ปัจจุบันสั่งสมบุญกุศล บุญนั้นก็จะคุ้มครองถึงบุตรหลาน
*หากใครกล่าวร้ายเรื่องกฎแห่งกรรม
ชาติหน้าก็ไม่ได้เกิดเป็นคนอีก(เกิดอยู่ในอบายภูมิ)
*หากเชื่อถือยึดมั่นในกฎแห่งกรรม
ความเจริญมั่งมีศรีสุข ก็จะมาเยือนถึงบ้าน
*หากใครค่อยแนะนำเผยแพร่เรื่องกฎแห่งกรรม
ก็จะเจริญยิ่งๆขึ้นชั่วลูกชั่วหลาน
*หากใครยึดมั่นในกฎแห่งกรรม
ฆาตเคราะห์ภัยพิบัติจะอยู่ห่างไกลตัว
*หากใครเที่ยวบรรยายเรื่องกฎแห่งกรรม
ทุกๆชาติจะเป็นผู้มีปัญญาเลิศ
*หากใครหมั่นสวดมนต์ในเรื่องกฎแห่งกรรม
ชาติหน้าไปถึงไหนถึงไหนก็มีแต่คนนับหน้าถือตา
*หากใครพิมพ์หนังสือเรื่องกฎแห่งกรรมแจก
ชาติหน้าก็จะมีกายมงคลรุ่งโรจน์
*หากใครถามเรื่องกฎแห่งกรรมเมื่อชาติก่อน
ควรศึกษาเรื่องราวของพระกัสสปพระพุทธเจ้าที่มีรัศมีแวววาว
*หากถามเหตุผลของชาติหน้า
ก็ให้ดูพวกที่กล่าวร้ายพระธรรมในเมืองนรก
*หากใครก็ตามยึดมั่นในกฎแห่งกรรม
ก็จะได้ไปเกิดในสุขาวดีแดนพุทธเกษตร
*เรื่องกฎแห่งกรรมในสามโลกนี้พูดกันไม่จบ
สวรรค์ไม่เคยขาดคนจิตกุศลในพระรัตนตรัยเป็นแก้ววิเศษ
รู้จักสละบ้างผลได้รับเหลือคณานับเหมือนดั่งสะสมอริยทรัพย์ไว้ในเซฟที่มั่นคง
จะได้รับผลประโยชน์ทุกๆชาติไป
*หากถามเรื่องชาติปางก่อน
ก็ให้ดูผลที่ได้รับในปัจจุบัน
*หากจะถามเรื่องชาติหน้า
ก็ให้ดูในสิ่งที่เราทำในปัจจุบัน
คัดลอกมาจาก ธรรมจักร
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ จันทราพร เกษมสัตย์
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เรื่องของความโสด มันเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใครออกใคร
หล่ออย่าง ณเดช ก็ยังโสดได้เลย..
สวยๆน่ารักอย่าง..พี่ตุ๊กกี้ ก็โสดได้นะ 55 ^^
รักกันแพงกันอยู่ดีๆ บ๋อม&โฟกัส.. ก็แยกกันโสดแล้ว
"ป้าหน้าปากซอย ลูก2แล้วก็ยังโสดได้ อิอิ ^^
:
#feelingsod
หล่ออย่าง ณเดช ก็ยังโสดได้เลย..
สวยๆน่ารักอย่าง..พี่ตุ๊กกี้ ก็โสดได้นะ 55 ^^
รักกันแพงกันอยู่ดีๆ บ๋อม&โฟกัส.. ก็แยกกันโสดแล้ว
"ป้าหน้าปากซอย ลูก2แล้วก็ยังโสดได้ อิอิ ^^
:
#feelingsod
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ สมพงษ์ รากวงค์
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เห็นพี่สาวคนหนึ่งใน facebook อกหัก เราเลยเกิดความสงสัย
โตขนาดนี้แล้วยังอกหกเป็นอีกหรอวะ
โตขนาดนี้แล้วยังอกหกเป็นอีกหรอวะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ฝันว่า ฟันกลามล้างขวาหลุด ค้นเน็ตดู ''คุณจะเสียของรัก (ความฝันนี้อาจมีผลต่อตัวคุณหรือญาติ )
อะไรน้อจะหาย...?!
#รู้สึกเชื่อ (T_T)
อะไรน้อจะหาย...?!
#รู้สึกเชื่อ (T_T)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มีผู้หญิงโสดอยู่บนโลกนี้หลายคน และมีผู้ชายโสดอยู่บนโลกนี้หลายคน ที่เขาอยากมีความรัก.. เหมือนคนที่เขารักกัน (กระเทยก็ยังอยากมีเลย)
แต่ไม่มีโอกาศนั้น โอกาสที่จะได้มีความรักให้ ซึ่งกันและกันเหมือนคนที่เขารักกันเป็นแฟนกัน
แต่ทำไมนะ คู่รักบ้างคู่ ที่เห็นรักกันอยู่ดีๆคบกันอยู่ดีๆ พอมีปัญหารุมเร้าเข้ามา ก็เหนื่อย ก็สบสน ก็ท้อแท้ ก็จิตตก ก็ถึงกลับตัดสินจะทำให้ตัวเองและอีกฝ่ายเสียใจเลยเหรอ
ทั้งที่ ที่ผ่านมาก็มีแต่เรื่องราวดีๆไม่ดีบาง ที่ทำด้วยกันมา เคยหัวเราะ เคยร้องให้ เคยยิ้มให้กัน เคยหน้าบูตใส่กัน เคยแกล้งกัน เคยหอมแก้มกัน เคยตีกันบนเตียงเคยสนุกเฮฮาอาปาเช้ๆด้วยกันมา55
(นี่กุเคลียดอยู่นะเว้ยจะขำทำไม55) เคยไปเที่ยวด้วยกัน..เคยรู้สึกดีด้วยกันมา..ไม่เสียดายเวลาเหรอ ให้มันพังง่ายๆเลยเหรอ
แค่เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำที่ไม่ใช่พฤติกรรมที่เขาได้ทำ ถึงกับตัดสินว่าจะต้องเลิกกัน
เชื่อเถอะถ้าเขารู้ว่า พูดออกมาแล้วมันจะทำให้เธอไม่สบายใจเขาคงไม่พูดแบบนั้นหรอก...
#กูรูน่ารู้
แต่ไม่มีโอกาศนั้น โอกาสที่จะได้มีความรักให้ ซึ่งกันและกันเหมือนคนที่เขารักกันเป็นแฟนกัน
แต่ทำไมนะ คู่รักบ้างคู่ ที่เห็นรักกันอยู่ดีๆคบกันอยู่ดีๆ พอมีปัญหารุมเร้าเข้ามา ก็เหนื่อย ก็สบสน ก็ท้อแท้ ก็จิตตก ก็ถึงกลับตัดสินจะทำให้ตัวเองและอีกฝ่ายเสียใจเลยเหรอ
ทั้งที่ ที่ผ่านมาก็มีแต่เรื่องราวดีๆไม่ดีบาง ที่ทำด้วยกันมา เคยหัวเราะ เคยร้องให้ เคยยิ้มให้กัน เคยหน้าบูตใส่กัน เคยแกล้งกัน เคยหอมแก้มกัน เคยตีกันบนเตียงเคยสนุกเฮฮาอาปาเช้ๆด้วยกันมา55
(นี่กุเคลียดอยู่นะเว้ยจะขำทำไม55) เคยไปเที่ยวด้วยกัน..เคยรู้สึกดีด้วยกันมา..ไม่เสียดายเวลาเหรอ ให้มันพังง่ายๆเลยเหรอ
แค่เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำที่ไม่ใช่พฤติกรรมที่เขาได้ทำ ถึงกับตัดสินว่าจะต้องเลิกกัน
เชื่อเถอะถ้าเขารู้ว่า พูดออกมาแล้วมันจะทำให้เธอไม่สบายใจเขาคงไม่พูดแบบนั้นหรอก...
#กูรูน่ารู้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มีผู้หญิงโสดอยู่บนโลกนี้หลายคน และมีผู้ชายโสดอยู่บนโลกนี้หลายคน ที่เขาอยากมีความรัก.. เหมือนคนที่เขารักกัน (กระเทยก็ยังอยากมีเลย)
แต่ไม่มีโอกาศนั้น โอกาสที่จะได้มีความรักให้ ซึ่งกันและกันเหมือนคนที่เขารักกันเป็นแฟนกัน
แต่ทำไมนะ คู่รักบ้างคู่ ที่ผมเห็นรักกันอยู่ดีๆคบกันอยู่ดีๆ พอมีปัญหารุมเร้าเข้ามา ก็เหนื่อย ก็สบสน ก็ท้อแท้ ก็จิตตก ก็ถึงกลับตัดสินใจว่าจะทำให้ตัวเองและอีกฝ่ายเสียใจไปเลย
ทั้งที่ ที่ผ่านมาก็มีแต่เรื่องราวดีๆไม่ดีบาง ที่ทำด้วยกันมา เคยหัวเราะ เคยร้องให้ เคยยิ้มให้กัน เคยหน้าบูตใส่กัน เคยแกล้งกัน เคยหอมแก้มกัน เคยตีกันบนเตียงนอนเคยสนุกเฮฮาอาปาเช้ๆด้วยกันมา55
(นี่กุเคลียดอยู่นะเว้ยจะขำทำไม55) เคยไปเที่ยวด้วยกัน..เคยรู้สึกดีด้วยกันมา..ไม่เสียดายเวลาเหรอ ให้มันพังง่ายๆเลยเหรอ
แค่เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำที่ไม่ใช่พฤติกรรมที่เขาได้ทำ ถึงกับตัดสินว่าจะต้องเลิกกัน
เชื่อเถอะถ้าเขารู้ว่า พูดออกมาแล้วมันจะทำให้เธอไม่สบายใจเขาคงไม่พูดแบบนั้นหรอก...
#กูรูน่ารู้
แต่ไม่มีโอกาศนั้น โอกาสที่จะได้มีความรักให้ ซึ่งกันและกันเหมือนคนที่เขารักกันเป็นแฟนกัน
แต่ทำไมนะ คู่รักบ้างคู่ ที่ผมเห็นรักกันอยู่ดีๆคบกันอยู่ดีๆ พอมีปัญหารุมเร้าเข้ามา ก็เหนื่อย ก็สบสน ก็ท้อแท้ ก็จิตตก ก็ถึงกลับตัดสินใจว่าจะทำให้ตัวเองและอีกฝ่ายเสียใจไปเลย
ทั้งที่ ที่ผ่านมาก็มีแต่เรื่องราวดีๆไม่ดีบาง ที่ทำด้วยกันมา เคยหัวเราะ เคยร้องให้ เคยยิ้มให้กัน เคยหน้าบูตใส่กัน เคยแกล้งกัน เคยหอมแก้มกัน เคยตีกันบนเตียงนอนเคยสนุกเฮฮาอาปาเช้ๆด้วยกันมา55
(นี่กุเคลียดอยู่นะเว้ยจะขำทำไม55) เคยไปเที่ยวด้วยกัน..เคยรู้สึกดีด้วยกันมา..ไม่เสียดายเวลาเหรอ ให้มันพังง่ายๆเลยเหรอ
แค่เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำที่ไม่ใช่พฤติกรรมที่เขาได้ทำ ถึงกับตัดสินว่าจะต้องเลิกกัน
เชื่อเถอะถ้าเขารู้ว่า พูดออกมาแล้วมันจะทำให้เธอไม่สบายใจเขาคงไม่พูดแบบนั้นหรอก...
#กูรูน่ารู้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กำลังนอนดีๆ
พี่สาวมาปลุก ลุกๆทึ่ม ไปเลื่อนรถใหญ่เข้าบ้านแนเร็ว ฝันสิตกของในรถกุสิเปียก เร็วๆๆๆ
หน้ามึงทาแป้งกุตกใจหมด
#หงุดหงิดนอนกำลังดี(T_T)
พี่สาวมาปลุก ลุกๆทึ่ม ไปเลื่อนรถใหญ่เข้าบ้านแนเร็ว ฝันสิตกของในรถกุสิเปียก เร็วๆๆๆ
หน้ามึงทาแป้งกุตกใจหมด
#หงุดหงิดนอนกำลังดี(T_T)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตอนนี้ลมแรงมาก ๆๆ ฟ้าเริ่มฮ้อง เหมือนฝนจะตกแล้ว โอ้ยเป็นห่วงเตาถ่านยุนาเด้...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เดี๋ยวไฟดับๆ เดียวไฟมา แสดงว่า ยโสเริ่มตกแรงแล้ว โอ้ยอย่าตกเด้อๆ สาธุ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
จากเหตุการณ์เมื่อคืน เดี๋ยวไฟดับเดี๋ยวไฟมา ลมก็แรงๆ ฟ้าก็เริ่มร้อง.... เหมือนฝนจะตก ผมเป็นห่วงเตาเผาถ่านยุนามากๆ เมื่อคืนเกือบตี1ผมเลยขับรถลงไปนาคนเดียว ระหว่างขับไป ลมแรงมากๆ ผมขับผ่านกอไผ๋ ผมได้ยินเสียงลมพัดกอไผ่ เสียงดังโว่..ๆ ตอนนั้นผมกลัวและเสียวหลังมากๆ ผมกลัวมากจริงๆ ผมเลยเลี้ยวรถกลับว่าจะไม่ไปแล้ว พอเลี้ยวรถเสร็จปุ๊บ บิดเท่าไร่ก็ไม่ไป ผมรู้สึกว่ามีคนดึงรถผมไว้!!
ตอนผมคิดว่าผมโดนแล้วแหละ
ผมเลยพูดคนเดียวไปว่า ลมมันแรงฝนจะตกแล้วกลัว
แล้วหูผมก็อื้อไม่ได้ยินเสียงลมเลยในช่วงนั้น
ผมเลยมองดูบริเวณรอบๆข้างทำไมไม่ได้ยินเสียงลมนะ ระหว่างมองนั้นผมเหลือบไปเห็นซ้อนท้ายผมอยู่มได้เห็นนามองดูแต่ถนนอย่างเดียวเลยมองทางเสียวมาก เอาผ้าเตนไปปกเตาถ่าน
ตอนผมคิดว่าผมโดนแล้วแหละ
ผมเลยพูดคนเดียวไปว่า ลมมันแรงฝนจะตกแล้วกลัว
แล้วหูผมก็อื้อไม่ได้ยินเสียงลมเลยในช่วงนั้น
ผมเลยมองดูบริเวณรอบๆข้างทำไมไม่ได้ยินเสียงลมนะ ระหว่างมองนั้นผมเหลือบไปเห็นซ้อนท้ายผมอยู่มได้เห็นนามองดูแต่ถนนอย่างเดียวเลยมองทางเสียวมาก เอาผ้าเตนไปปกเตาถ่าน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึกแก่
คุณกำลังคิดอะไร่อยู่..?
ฉันกำลังคิดว่า: ฉันอยากจะบวชเร็วๆ ก่อนที่ฉันจะไม่บริสุทธ์ >< "55
ฉันกำลังคิดว่า: ฉันอยากจะบวชเร็วๆ ก่อนที่ฉันจะไม่บริสุทธ์ >< "55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ขอชมตัวเองว่า หล่อมากๆ ไม่คิดว่าจะเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Praiwapa May ที่ บ้านโพนขวาว
คุณได้แท็ก Praiwapa May
สถานที่: บ้านโพนขวาว (15.606079564002, 104.5652630411)
ที่อยู่: Ban Du Thung, Yasothon 37240
สถานที่: บ้านโพนขวาว (15.606079564002, 104.5652630411)
ที่อยู่: Ban Du Thung, Yasothon 37240
@มาเจิมรถใหม่ ต่อด้วยกินข้าว แล้วก็ต่อด้วยล้างจานช่วยหลานเมย์^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ดับไฟ ใจเกือบขาด...เกือบตายจริงๆ
ถ้าไฟ้ไหม้ในห้องหรือที่ไหน ควันไฟมันลอยอยู่เยอะทำให้เราหายใจไม่ออก ให้ใช้ผ้าเปียกปิดปากปิดจมูก(เป็นเสื้อตัวเองก็ได้ ถ้าหาน้ำไม่ได้ ใช้น้ำลายตัวเองแทนได้)
ก็คือควันมันไม่สามารถผ่านผ้าที่มีน้ำอยู่เข้าไปในปากในรูจมูกเราได้
เราก็จะหายใจได้
ควันมันจะลอยขึ้น เราก็คานต่ำออกไป
#การเอาตัวรอดหนี้ไฟ
ถ้าไฟ้ไหม้ในห้องหรือที่ไหน ควันไฟมันลอยอยู่เยอะทำให้เราหายใจไม่ออก ให้ใช้ผ้าเปียกปิดปากปิดจมูก(เป็นเสื้อตัวเองก็ได้ ถ้าหาน้ำไม่ได้ ใช้น้ำลายตัวเองแทนได้)
ก็คือควันมันไม่สามารถผ่านผ้าที่มีน้ำอยู่เข้าไปในปากในรูจมูกเราได้
เราก็จะหายใจได้
ควันมันจะลอยขึ้น เราก็คานต่ำออกไป
#การเอาตัวรอดหนี้ไฟ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้ รู้สึก เหนื่อย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึกทรมาน
โอ้ย...โอ้ย....แมงงอดตอดข้อศอก ห่ามึงเอ้ยมื้อกุมะสิขับรถได้บาดนิ ปวดๆๆๆๆ นอนบ่อหลับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กำลัง: ลงระบบ Samsung .... ใหม่..
ถ้าคนรู้จักกัน ผมทำให้(ฟรีฟรี
ถ้าเอาไปให้ที่ศูนย์ทำ800บาท
ถ้าคนรู้จักกัน ผมทำให้(ฟรีฟรี
ถ้าเอาไปให้ที่ศูนย์ทำ800บาท
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อคืน ตี 2 ก็ยังไม่หลับ พิษตะขาบแรงมาก
ปวดยุ มึบ.มึบ.มึบ.ๆ แล้วก็หลับตอนไหนไม่รู้
ตื่นมาอีกที แม่ปลุกจะไปช่วยงานผ้าป่าโรงเรียนไหม? ไม่ไปแม่จะใช้รถ
สถานะตอนนี้ ข้อศอก ตึงมาก บวม ไข่ ปวด .. เซง
ปวดยุ มึบ.มึบ.มึบ.ๆ แล้วก็หลับตอนไหนไม่รู้
ตื่นมาอีกที แม่ปลุกจะไปช่วยงานผ้าป่าโรงเรียนไหม? ไม่ไปแม่จะใช้รถ
สถานะตอนนี้ ข้อศอก ตึงมาก บวม ไข่ ปวด .. เซง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพิ่งกลับจากโรงเรียน...ไปร่วมโต๊ะจีนเพิ่งมา ได้เห็นหน้าอาจารย์หลายท่านเลย ผมละรู้สึกทำตัวไม่ถูก อายสุดๆครับ :)
อาจารย์ทุกคนยังหล่อและยังสวยเหมือนเดิมเลยครับ ^^-^^
ละมันนึกถึงภาพเหตุการณ์ต่างๆตอนสมัยเรียน ม.ปลาย
มันเป็นความทรงจำเก่าๆที่ผ่านมาแล้ว รู้สึกว่าตัวเองจะใช้เวลาทำในสิ่งไร้สาระไม่มีประโยชน์เอาซะเลยๆ ฮ่าาาากับเพื่อน
แม้มันจะไม่มีวันหวนคืนกลับมาได้ แต่นึกแล้วก็ฮาสุดๆ
วันนั้นวันศุกร์ หลบประชุม หนีขึ้นไปแอบบนชั้นสาม
ก็ไม่มีใครเห็นแล้วแหละ แต่อยู่ๆได้เสียง วู...วู่...วู้....
ยังไม่ทันรู้ว่าเสียงอไร ตกใจต่างพากันวิ่งหนี (เสาร์อาทิตย์หยุด)
วันจันทร์ต่อมา :พิสูจน์ที่แท้เสียงลมพัดช่องระบายอากาศ...5555
#ไม่มีวันลืมเลือน
อาจารย์ทุกคนยังหล่อและยังสวยเหมือนเดิมเลยครับ ^^-^^
ละมันนึกถึงภาพเหตุการณ์ต่างๆตอนสมัยเรียน ม.ปลาย
มันเป็นความทรงจำเก่าๆที่ผ่านมาแล้ว รู้สึกว่าตัวเองจะใช้เวลาทำในสิ่งไร้สาระไม่มีประโยชน์เอาซะเลยๆ ฮ่าาาากับเพื่อน
แม้มันจะไม่มีวันหวนคืนกลับมาได้ แต่นึกแล้วก็ฮาสุดๆ
วันนั้นวันศุกร์ หลบประชุม หนีขึ้นไปแอบบนชั้นสาม
ก็ไม่มีใครเห็นแล้วแหละ แต่อยู่ๆได้เสียง วู...วู่...วู้....
ยังไม่ทันรู้ว่าเสียงอไร ตกใจต่างพากันวิ่งหนี (เสาร์อาทิตย์หยุด)
วันจันทร์ต่อมา :พิสูจน์ที่แท้เสียงลมพัดช่องระบายอากาศ...5555
#ไม่มีวันลืมเลือน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มื้อนี้ ข่อยบ่อได้อยู่บ้านเด้อ... ข่อยสิพาอิแม่ไปเอาบุญร้อยเอ็ด Goto. One Zero One.
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ขับรถกลับ ร้อยเอ็ด to อำนาจ
เพิ่งถึงบ้าน.. โอ้ย..ดากชา 55
สังเกตดูรถ ป้ายกรุงเทพ" นี่ขับกวนตีนมากครับ 55
และก็ถ้ารู้ว่าผู้หญิงขับ อย่าไปใกล้นะครับ
มีโอกาสแซงก็แซงหนีไปเลย ถ้าไม่มีก็อยู่ห่างๆไว้ #เพราะเธอขับเก่งมากอิอิ
เพิ่งถึงบ้าน.. โอ้ย..ดากชา 55
สังเกตดูรถ ป้ายกรุงเทพ" นี่ขับกวนตีนมากครับ 55
และก็ถ้ารู้ว่าผู้หญิงขับ อย่าไปใกล้นะครับ
มีโอกาสแซงก็แซงหนีไปเลย ถ้าไม่มีก็อยู่ห่างๆไว้ #เพราะเธอขับเก่งมากอิอิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อุบลราชธานี อีกแล้ว
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ จังหวัดอุบลราชธานี
สถานที่: จังหวัดอุบลราชธานี (13.764010645161, 100.56089677419)
มารับ คุณลุง กับคุณป้า ....
(เฮ้อ..ทำไมต้องมาเวลานี้ คือวาข่อยหนาวder ^_^
(เฮ้อ..ทำไมต้องมาเวลานี้ คือวาข่อยหนาวder ^_^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
3150 - 3171-4747-62
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ปัจจุบัน ฉัน ขี้เล่ ...... เธอชอบฉันไหม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
3.รักฉันไหม ฉันหื่น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
7.ฉันกำลังถูกข่มขืนเรยยอม.
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึก : )
บางครั้งก็ต้อง "รอ จังหวะ " ช่วงที่เหมาะ...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึกไปแล้วกลัวไม่เจอ..
ใครมีเบอร์โทร คลีนิคหมอกรรณิกา จ.อำนาจเจริญบ้างครับ ช่วยบอกหน่อย...ครับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ขณะนี้เวลา ตี4 กำลัง: ลุกมาจด หวย 555 เดี๋ยวลืม
คือฝันว่ามีคนมาบอกหวย บนล่างเลย....
#งวดหน้าขอมาอีกนะ ♥
คือฝันว่ามีคนมาบอกหวย บนล่างเลย....
#งวดหน้าขอมาอีกนะ ♥
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
1 เหตุ: แต่งงานไปอยู่บ้าน คนรวย.. :> ไม่มีวันหยุดพัก ต้องคิด
ต้องทำงานตลอด เดี๋ยวตัวเลขเม็ดเงินตก เดี๋ยวคู่แข่งจะนำไปหนึ่งก้าว เหนื่อย.!!
นอนก็ไม่อิ่ม !!
2 เหตุ: แต่งงานไปอยู่บ้าน คนจน... :> จะพักตอนไหนก็ได้ เงินไม่หาก็ได้ นอนเวนก็ได้ 55
สบายๆ สบายใจดี... 55 :)
: #รู้นะว่าอยากนอนเวน55
ต้องทำงานตลอด เดี๋ยวตัวเลขเม็ดเงินตก เดี๋ยวคู่แข่งจะนำไปหนึ่งก้าว เหนื่อย.!!
นอนก็ไม่อิ่ม !!
2 เหตุ: แต่งงานไปอยู่บ้าน คนจน... :> จะพักตอนไหนก็ได้ เงินไม่หาก็ได้ นอนเวนก็ได้ 55
สบายๆ สบายใจดี... 55 :)
: #รู้นะว่าอยากนอนเวน55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ เบียร์บี้ เบียร์บี้
คุณได้แท็ก เบียร์บี้ เบียร์บี้
พ่อใหญ่ๆ เจ้าคึหล่อแถะ ข่อยขอถ่ายฮูปแน เฒ่าบ่อเปนเลยเนาะเจ้า
พ่อใหญ่มึง: หึย...หาเว้าหลาย กุเขิล... มึงสิมายืมหยังกูอีกละนิ
ฉัน: ฮ่าๆๆ เจ้าคึรู้ 555+ ^^
พ่อใหญ่มึง: หึย...หาเว้าหลาย กุเขิล... มึงสิมายืมหยังกูอีกละนิ
ฉัน: ฮ่าๆๆ เจ้าคึรู้ 555+ ^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
สถานที่: วัดบ้านหนองยอ (15.58738929794, 104.57177900647)
ที่อยู่: Amnat, Amnat Charoen
ท่าถ่ายรูป แนวใหม่... น่ารักเวอร 55 #เราต้องชมตัวเอง^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตรูขับรถไปอุบล เจอด่านตรวจ..
ตำรวจ : น้องจะไปไหน
ตรู : อ้าว..ก็ๆข้างหน้ามันเป็นทางไปอุบล จะให้ผมไปไหนละครับ
ก็ไปอุบลสิครับท่านพี่
ตำรวจ : น้องกวนตีนหรอ..
ตรู : คือผมจะไปฝากๆเงินครับ พอดีส่งฝาๆชาเขียว ได้เป็นผู้โชคดี
คุณๆตันเลยให้12ล้าน ดีใจมากๆเลยครับ 55 : ) ^_^ "!
.
.
และทันใดนั้นตำรวจก็ยิ้มหวาน..และตรวจค้นรถในทันที...
1 .s
2 .s
3 .s แอบเอาลูกปืนใส่รถ
4 .s
5วินาทีผ่านไป..
ตำรวจ : หึ..อะไรเนี๊ยะ
ตรู : เอ่อๆเจอๆอะไรหรอๆครับ
ตำรวจ : "คุณมีลูกปืนอยู่ในรถได้ยังไงครับ ตั้ง12ลูก!!
ตรู : มีได้ยังไงกันครับ รถผมไม่เคยมีนะครับ คุณยัดใส่รถผมไว้เมื่อกี้ใช่ไหมครับ
ตำรวจ : คุณไม่ต้องมาพูดเลย ไปโรงพักไหม หรือเอาเงินมา11ล้าน แล้วไปไกลๆ
ตรู : ซวยแล้วตรู เกือบหมดตูด ฿ เกือบโดนจับTT
รถคันต่อมา.....
ตำรวจ : ยายจะไปไหน
ยาย : คือยายจะไปฝากเงิน พอดียายประกวดMissThailand ได้อันดับ1
ยายได้ตั้ง50ล้าน ยายดีมากๆเลย : ) ^_^ "!
และทันใดนั้นตำรวจก็ยิ้มหวาน..และตรวจค้นรถในทันที...
1 .s
2 .s
3 .s แอบเอายาบ้าใส่รถยาย
4 .s
5วินาทีผ่านไป..
ตำรวจ : หึ..อะไรเนี๊ยะ
ยาย : เจออะไรเหรอคุณตำรวจ
ตำรวจ : "ยายมียาบ้าอยู่ในรถได้ยังไงครับ!!
ยาย : จริงหรอสัส งั้นก็จับยายไปงั้นไปโรงพักเลยสิ
ตรูตำรวจคุยกัน : ยายคนนี้แปลกวะมึง เอาไงดีวะ จะเอาเงินหรือเอาไปโรงพักดีวะผมสามารถเอาโทรศัพท์ Smart Phone หรือกล้องบันทึกวิดีโอ
มาบักทึกขณะที่ตำรวจตรวจค้นรถได้ไหมครับ
ทนาย : ได้สิ ไม่มีข้อกฏหมายข้อไหนห้ามบันทึกวิดีโอ ขณะตำรวจ(เราไม่ไว้ใจตำรวจ กลัวว่าจะเอาอะไรมายัดใส่รถเรา)
ตำรวจ : น้องจะไปไหน
ตรู : อ้าว..ก็ๆข้างหน้ามันเป็นทางไปอุบล จะให้ผมไปไหนละครับ
ก็ไปอุบลสิครับท่านพี่
ตำรวจ : น้องกวนตีนหรอ..
ตรู : คือผมจะไปฝากๆเงินครับ พอดีส่งฝาๆชาเขียว ได้เป็นผู้โชคดี
คุณๆตันเลยให้12ล้าน ดีใจมากๆเลยครับ 55 : ) ^_^ "!
.
.
และทันใดนั้นตำรวจก็ยิ้มหวาน..และตรวจค้นรถในทันที...
1 .s
2 .s
3 .s แอบเอาลูกปืนใส่รถ
4 .s
5วินาทีผ่านไป..
ตำรวจ : หึ..อะไรเนี๊ยะ
ตรู : เอ่อๆเจอๆอะไรหรอๆครับ
ตำรวจ : "คุณมีลูกปืนอยู่ในรถได้ยังไงครับ ตั้ง12ลูก!!
ตรู : มีได้ยังไงกันครับ รถผมไม่เคยมีนะครับ คุณยัดใส่รถผมไว้เมื่อกี้ใช่ไหมครับ
ตำรวจ : คุณไม่ต้องมาพูดเลย ไปโรงพักไหม หรือเอาเงินมา11ล้าน แล้วไปไกลๆ
ตรู : ซวยแล้วตรู เกือบหมดตูด ฿ เกือบโดนจับTT
รถคันต่อมา.....
ตำรวจ : ยายจะไปไหน
ยาย : คือยายจะไปฝากเงิน พอดียายประกวดMissThailand ได้อันดับ1
ยายได้ตั้ง50ล้าน ยายดีมากๆเลย : ) ^_^ "!
และทันใดนั้นตำรวจก็ยิ้มหวาน..และตรวจค้นรถในทันที...
1 .s
2 .s
3 .s แอบเอายาบ้าใส่รถยาย
4 .s
5วินาทีผ่านไป..
ตำรวจ : หึ..อะไรเนี๊ยะ
ยาย : เจออะไรเหรอคุณตำรวจ
ตำรวจ : "ยายมียาบ้าอยู่ในรถได้ยังไงครับ!!
ยาย : จริงหรอสัส งั้นก็จับยายไปงั้นไปโรงพักเลยสิ
ตรูตำรวจคุยกัน : ยายคนนี้แปลกวะมึง เอาไงดีวะ จะเอาเงินหรือเอาไปโรงพักดีวะผมสามารถเอาโทรศัพท์ Smart Phone หรือกล้องบันทึกวิดีโอ
มาบักทึกขณะที่ตำรวจตรวจค้นรถได้ไหมครับ
ทนาย : ได้สิ ไม่มีข้อกฏหมายข้อไหนห้ามบันทึกวิดีโอ ขณะตำรวจ(เราไม่ไว้ใจตำรวจ กลัวว่าจะเอาอะไรมายัดใส่รถเรา)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อคืนก็นอนดึก คืนนี้ก็ดึกตามเคยอีกแหละตรู..
#ต้องอดหลับอดนอน_หาเงินไม่กี่บาท TT ลำบากจริงๆ55
สงสัย อะ?????
1US = ประมาณ 30บาทไทย
แล้ว 0.9 USฺ เทียบเป็นเงินไทยมันกี่บาทกันอะ
..ไม่เข้าใจหน่วยมันอะ ง ง ??
หรือว่า 0.9 แล้วก็มาเป็น 1 US.
หรือว่า 0.99 แล้วก็มาเป็น 1 US.
#ใครรู้บ้างอะผมโง่55^^
#ต้องอดหลับอดนอน_หาเงินไม่กี่บาท TT ลำบากจริงๆ55
สงสัย อะ?????
1US = ประมาณ 30บาทไทย
แล้ว 0.9 USฺ เทียบเป็นเงินไทยมันกี่บาทกันอะ
..ไม่เข้าใจหน่วยมันอะ ง ง ??
หรือว่า 0.9 แล้วก็มาเป็น 1 US.
หรือว่า 0.99 แล้วก็มาเป็น 1 US.
#ใครรู้บ้างอะผมโง่55^^
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 01, 2014 5:56:00pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตอนกลางวัน นอกบ้านร้อนมากๆ แต่ในบ้านเสือกเย็น 55*ปูน*
พอตกกลางคินมา นอกบ้านละเย็นดี้ดี..กูละน้าวหนาว (+++) แอ๊ะแอ๋..
#Addกระท่อมคนโสดใต้ต้นมะยม3ฤดูข้างบ้านผมเอง ^^ แอ๊ะแอ๋ 555 :p
พอตกกลางคินมา นอกบ้านละเย็นดี้ดี..กูละน้าวหนาว (+++) แอ๊ะแอ๋..
#Addกระท่อมคนโสดใต้ต้นมะยม3ฤดูข้างบ้านผมเอง ^^ แอ๊ะแอ๋ 555 :p
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เล่นแต่เน็ตทั้งวัน สม๋งสมอง ไปหมดแล้วตรู ในหัวมีแต่ งาน งาน งานๆ ^^
ต้องบุกป่าฝ่าดง หลบไวรัส คลิกเว็บโฆษณา
หาเงินกับอากาศ วันนี้ได้65บาท....
เสียค่าเน็ต10 ชม 10 บาท
ค่าไฟประมาณ10บาท 300/30
เสียค่าเช่า นิ้วและสายตาตัวเอง 20 บาทพอ
นอกนั้นเหลือ35บาท กำไร #แอ๊แอ๋ :p
ต้องบุกป่าฝ่าดง หลบไวรัส คลิกเว็บโฆษณา
หาเงินกับอากาศ วันนี้ได้65บาท....
เสียค่าเน็ต10 ชม 10 บาท
ค่าไฟประมาณ10บาท 300/30
เสียค่าเช่า นิ้วและสายตาตัวเอง 20 บาทพอ
นอกนั้นเหลือ35บาท กำไร #แอ๊แอ๋ :p
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
กำลังกินข้าว ณ บ้านหลังนึ่ง... (เวอรชั่น อีสาน)
น้อง : อุ๊ตะ.. ผัดอิหยังนิมึงคึเฮ็ดมันโพ้ดแถะ เฮ็ดกับข้าวอย่าเฮ็ดมันแม้
คนในเฮียน บ่อมีไผ๋มักกินมันๆเด๊ะ
พี่สาว : ถ้าบ่อใส่น้ำมันหลาย กะทะ/หมู กะไหมท่อนเลา..
น้อง : อ๋อ.. ซั่นเทียวลุนพอหมูสุกปุ๊บ มึงกะเอียงกะทะ หมุนกะทะถอยหลัง
ให้น้ำมันมันไหลออก ละกะเอาผักลง ละใส่น้ำ แค่นี้บ่อไหม้ละตั๊ว..
พี่สาว : เที่ยวลุนมึงกะเฮ็ตเองโล้ดเด้อซั้น กุสิบ่อเฮ็ดแล้ว..แค่มันสำนี้หนึ่ง
น้อง : เอ้อ..ถ้ากุเฮ็ดมึงอย่าอยากอายกุเด้อละ
แม่ : โอ้ย..บอเป็นหยังดอกลูก แม่กินได้หมดแหละ
น้อง : แม่ตัดสิน ไผ๋ผิด
แม่: ถูกสูคน : )
#famaryStory
น้อง : อุ๊ตะ.. ผัดอิหยังนิมึงคึเฮ็ดมันโพ้ดแถะ เฮ็ดกับข้าวอย่าเฮ็ดมันแม้
คนในเฮียน บ่อมีไผ๋มักกินมันๆเด๊ะ
พี่สาว : ถ้าบ่อใส่น้ำมันหลาย กะทะ/หมู กะไหมท่อนเลา..
น้อง : อ๋อ.. ซั่นเทียวลุนพอหมูสุกปุ๊บ มึงกะเอียงกะทะ หมุนกะทะถอยหลัง
ให้น้ำมันมันไหลออก ละกะเอาผักลง ละใส่น้ำ แค่นี้บ่อไหม้ละตั๊ว..
พี่สาว : เที่ยวลุนมึงกะเฮ็ตเองโล้ดเด้อซั้น กุสิบ่อเฮ็ดแล้ว..แค่มันสำนี้หนึ่ง
น้อง : เอ้อ..ถ้ากุเฮ็ดมึงอย่าอยากอายกุเด้อละ
แม่ : โอ้ย..บอเป็นหยังดอกลูก แม่กินได้หมดแหละ
น้อง : แม่ตัดสิน ไผ๋ผิด
แม่: ถูกสูคน : )
#famaryStory
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แฉๆๆๆๆๆๆๆ งานผ่านเน็ต ถ้าอยากรู้มันเป็นยังไง
**งานผ่านเน็ตที่เขาประกาศตามเฟส มันได้จริงๆหรือหลอกเรา
>ได้จริงคับ ตอนนี้ทำอยู่70กว่าเว็บ (เลยไม่ค่อยได้ตอบแชทเพื่อน)
มันจะประมาณว่า ให้เราคลิกป้ายโฆษณาในเว็บมัน แล้วมันจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารอินเตอร์เน็ตเรา เราต้องสร้างก่อน(PayPal ก็ได้) แล้วเราค่อยเชื่อมกับธนาคารในประเทศไทยอีกที เช่นของผมกรุงไทย เราก็โอนใส่บัญชีเราเลย ได้เงินง่ายๆอย่างงี้เลย
**แล้วถ้ามันได้จริงๆทำไมเขาถึงแทกไปหาคนนั้นคนนี้ในเฟสละ"
>ผมเคยคิดว่า ถ้ามันได้จริงทำไมมึงไม่ให้พ่อให้แม่ให้ญาติมึงทำละ จะมาบอกกูทำส้นตีนอะไร สัส
ก็คือถ้าเราแนะนำบอกต่อให้คนอื่นสมัคตามเราได้ เราก็จะได้เงินส่วนแบ่งรายได้เขา50%มาโดยที่ไม่ต้องทำห่าอะไร มันก็เลยมีการการแทกเฟสช่วน (แต่ผมมีวิธีไม่ต่อใคร)
**ทำใน โทรสับ ได้จริงๆหรอ?
>ได้จริงๆครับ มันก็แค่เข้าไปในเว็บแล้วไปคลิกโฆษณา แค่นั้น
แต่มันจะช้าถ้าไม่ใช้3G ทำในคอมเหมาะที่สุดเปิดหลายๆหน้า ทำเสร็จเร็วดี
ใครลำคานโพสนี้บ้างเม้นเลย555
**งานผ่านเน็ตที่เขาประกาศตามเฟส มันได้จริงๆหรือหลอกเรา
>ได้จริงคับ ตอนนี้ทำอยู่70กว่าเว็บ (เลยไม่ค่อยได้ตอบแชทเพื่อน)
มันจะประมาณว่า ให้เราคลิกป้ายโฆษณาในเว็บมัน แล้วมันจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารอินเตอร์เน็ตเรา เราต้องสร้างก่อน(PayPal ก็ได้) แล้วเราค่อยเชื่อมกับธนาคารในประเทศไทยอีกที เช่นของผมกรุงไทย เราก็โอนใส่บัญชีเราเลย ได้เงินง่ายๆอย่างงี้เลย
**แล้วถ้ามันได้จริงๆทำไมเขาถึงแทกไปหาคนนั้นคนนี้ในเฟสละ"
>ผมเคยคิดว่า ถ้ามันได้จริงทำไมมึงไม่ให้พ่อให้แม่ให้ญาติมึงทำละ จะมาบอกกูทำส้นตีนอะไร สัส
ก็คือถ้าเราแนะนำบอกต่อให้คนอื่นสมัคตามเราได้ เราก็จะได้เงินส่วนแบ่งรายได้เขา50%มาโดยที่ไม่ต้องทำห่าอะไร มันก็เลยมีการการแทกเฟสช่วน (แต่ผมมีวิธีไม่ต่อใคร)
**ทำใน โทรสับ ได้จริงๆหรอ?
>ได้จริงๆครับ มันก็แค่เข้าไปในเว็บแล้วไปคลิกโฆษณา แค่นั้น
แต่มันจะช้าถ้าไม่ใช้3G ทำในคอมเหมาะที่สุดเปิดหลายๆหน้า ทำเสร็จเร็วดี
ใครลำคานโพสนี้บ้างเม้นเลย555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คุยกับพี่สาวคนหนึ่งที่ทำงานในเน็ตเหมือนกัน มีคำนึ่งโดนมาก
พี่คนนี้บ่นว่าเหนื่อย.....................................................
เรา : แล้ว ทำไม
พี่ไม่ชวนแฟนพี่ทำละครับถ้าเหนื่อย..
พี่ : ทำอะไรหรอ 55
เรา :ทำงานคลิกโฆษณาอ่าคับ
ขำอะไรอย่าคิดไปอย่างอื่นดิ555
พี่ : ป่าวคิดนะ55
โอ้ยพี่ยังไม่มีแฟนหรอกจร้า คงอีกนานแหละ
ช่วงนี้โสดๆรอเนื้อคู่ไปก่อน
เรา : อ๋อๆคับๆ
เลือกว่างั้น55
พี่ : ป่าวเลือกนะ
แต่ก็มีคนมาจีบพี่อยู่เหมือนกัน
แต่พี่ไม่สวยกลัวคนเขาจะไม่รักจริงอะ
เรา : โหย..ช่างพูดเป็น 55
พี่ : ก็มันจริง พี่เป็นคนไม่สวยนิ
เรา : พี่ดู พี่โอปอกับหมอโอ๊คสิ และก็เคนธิรเดชด้วย
ไม่เกี่ยวกับความสวยเลย
พี่ : หรอๆๆๆ ^_^
เรา : เผลอๆ พี่อาจจะได้โดมก็ได้นะ55
พี่ : 555 เว้อแหละ
#พี่ไม่สวยกลัวคนจะไม่รักจริง
พี่คนนี้บ่นว่าเหนื่อย.....................................................
เรา : แล้ว ทำไม
พี่ไม่ชวนแฟนพี่ทำละครับถ้าเหนื่อย..
พี่ : ทำอะไรหรอ 55
เรา :ทำงานคลิกโฆษณาอ่าคับ
ขำอะไรอย่าคิดไปอย่างอื่นดิ555
พี่ : ป่าวคิดนะ55
โอ้ยพี่ยังไม่มีแฟนหรอกจร้า คงอีกนานแหละ
ช่วงนี้โสดๆรอเนื้อคู่ไปก่อน
เรา : อ๋อๆคับๆ
เลือกว่างั้น55
พี่ : ป่าวเลือกนะ
แต่ก็มีคนมาจีบพี่อยู่เหมือนกัน
แต่พี่ไม่สวยกลัวคนเขาจะไม่รักจริงอะ
เรา : โหย..ช่างพูดเป็น 55
พี่ : ก็มันจริง พี่เป็นคนไม่สวยนิ
เรา : พี่ดู พี่โอปอกับหมอโอ๊คสิ และก็เคนธิรเดชด้วย
ไม่เกี่ยวกับความสวยเลย
พี่ : หรอๆๆๆ ^_^
เรา : เผลอๆ พี่อาจจะได้โดมก็ได้นะ55
พี่ : 555 เว้อแหละ
#พี่ไม่สวยกลัวคนจะไม่รักจริง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ รู้สึกแหล่มเลยกับ Chonlachai Duangkaeo
คุณได้แท็ก Chonlachai Duangkaeo
(คนนี้แหละ) พี่เอๆ เหมือนผมหาคนได้แล้ว1คน เป็นพญาบาลอะ ตอนนี้พี่คนนี้เขาก็ขายครีมยุ เขาสนใจงานอยู่พี่ เขาบอกว่าอยากขายของทั้ง2อย่างพร้อมกัน แต่เขาอยากรู้ลายละเอียดเยอะมากๆ ต้องสั่งของอย่างต่ำเท่าไร มีส่วนรถกี่เปอร์เซน โอ้ยถามแบบเยอะเลย ผมแทบตอบไม่เป็น
ผมว่าจะเอาเบอร์พี่ให้อยู่ แต่ในเครื่องไม่มี ล้างเครื่องเมื่อวานนี้เอง เลยยังไม่ซิงค์เอารายชื่อจากGmail
ผมว่าจะเอาเบอร์พี่ให้อยู่ แต่ในเครื่องไม่มี ล้างเครื่องเมื่อวานนี้เอง เลยยังไม่ซิงค์เอารายชื่อจากGmail
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึกเริ่มมั่นใจขึ้นนะ
รู้สึกเหมือนพรุ่งนี้ ตัวเองจะป่วย..
แต่ดีเหมือนกัน
จะได้พักผ่อน และกินคลอลาเจนของพี่ Chonlachai Duangkaeo
หน้าจะได้หล่อๆ อิอิ ฝันดีครับทุกคน จุ๊พ
แต่ดีเหมือนกัน
จะได้พักผ่อน และกินคลอลาเจนของพี่ Chonlachai Duangkaeo
หน้าจะได้หล่อๆ อิอิ ฝันดีครับทุกคน จุ๊พ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เธอไม่รู้จักฉัน.... และฉันก็ไม่รู้จักเธอ.....
สรุปคือเราไม่รู้จักกัน
แล้วเธอกับฉันตอนนี้มารักกันได้ยังไง
สรุปคือเราไม่รู้จักกัน
แล้วเธอกับฉันตอนนี้มารักกันได้ยังไง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ ธกส.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ
สถานที่: ธกส.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ (15.697722, 104.49449)
ที่อยู่: Amnat, Amnat Charoen
สถานที่: ธกส.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ (15.697722, 104.49449)
ที่อยู่: Amnat, Amnat Charoen
@พาแม่มาเบิกเงิน..
คนจนเต็ม ธ.ก.ส เลย ฮ่าๆ ไปกดบัตรคิวให้แม่ทิ้งไว้ ได้คิวที่206 รอไม่ไหวๆๆ
ต่อด้วยพาหลาน
มาฉีดยา ถูกหมากัด!
ณ ที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลหัวตะพาน
พยาบาลแบบน่ารักอะกิ้วๆ .. ^^
คนจนเต็ม ธ.ก.ส เลย ฮ่าๆ ไปกดบัตรคิวให้แม่ทิ้งไว้ ได้คิวที่206 รอไม่ไหวๆๆ
ต่อด้วยพาหลาน
มาฉีดยา ถูกหมากัด!
ณ ที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลหัวตะพาน
พยาบาลแบบน่ารักอะกิ้วๆ .. ^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึก HORMONES วัยว้าวุ่นโกอินเตอร
เมื่อคืนดูข่าว ช่องThai PBS เขาเสนอข่าวประมาณว่า..
มีวัยรุ่นคนหนึ่ง พูดได้ทั้งไทยและเวียดนาม เขาเอาซีรี่ HORMONES วัยว้าวุ่น
ไปดัดแปลงให้ประเทศเขาดู โดยใส่ตัวหนังสือคำบรรยายภาษาเวียดนามเข้าไป(Sub.Vietnam)
แล้วอัพลงYouTube มียอดวิวหลักแสน จนรายการโทรทัศน์ในประเทศเวียดนามขอซื้อลิขสิทธิในไทย นำไปออกอากาศตามช่องฟรีทีวีในประเทศเขา
แล้วถ้ากูเอามาทำใหม่ละ ใส่ภาษาลาวบ้านๆเข้าไป ฮ่าๆ น่าจะดังนะ55
สไปร์ : ไปดูหนังกันไหม ถ้า OK ให้ทำปากจู๋..
สไปร์ : ไปเบิ่งโทรภาพยักษ์บอ ถะOKให้เฮ้ดปากคึหมู..
มีวัยรุ่นคนหนึ่ง พูดได้ทั้งไทยและเวียดนาม เขาเอาซีรี่ HORMONES วัยว้าวุ่น
ไปดัดแปลงให้ประเทศเขาดู โดยใส่ตัวหนังสือคำบรรยายภาษาเวียดนามเข้าไป(Sub.Vietnam)
แล้วอัพลงYouTube มียอดวิวหลักแสน จนรายการโทรทัศน์ในประเทศเวียดนามขอซื้อลิขสิทธิในไทย นำไปออกอากาศตามช่องฟรีทีวีในประเทศเขา
แล้วถ้ากูเอามาทำใหม่ละ ใส่ภาษาลาวบ้านๆเข้าไป ฮ่าๆ น่าจะดังนะ55
สไปร์ : ไปดูหนังกันไหม ถ้า OK ให้ทำปากจู๋..
สไปร์ : ไปเบิ่งโทรภาพยักษ์บอ ถะOKให้เฮ้ดปากคึหมู..
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เธอไม่รู้จักฉัน.... และฉันก็ไม่รู้จักเธอ.....
.
.
สรุปคือเราไม่รู้จักกัน..
.
.
แล้วเธอกับฉันตอนนี้มารักกันได้ยังไง เอ๊ะยังไงกันแน่ ^^
#กูก๊อปเค้ามา
.
.
สรุปคือเราไม่รู้จักกัน..
.
.
แล้วเธอกับฉันตอนนี้มารักกันได้ยังไง เอ๊ะยังไงกันแน่ ^^
#กูก๊อปเค้ามา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อ๋อๆกูเข้าใจแล้ว .... กุกะฮ่องกะสิฮู้ กุกะฮ่องกะสิเข้าใจมึง... มึงมันกะคือสิซัมนี่ละเนาะ..
หมูไปคอมเม้นหยอกๆเล่นสื่อๆ แต่ถือเอาคำที่หมูคอมเม้นนั้น ขึ้นมาเป็นเรื่องจริง
.
กุเฮ็ดให้เสียหน้าเบาะนำมึงมันกะซำนี่ละเนาะ กะหย๋อน มันซำนี่เนาะ...
หมูไปคอมเม้นหยอกๆเล่นสื่อๆ แต่ถือเอาคำที่หมูคอมเม้นนั้น ขึ้นมาเป็นเรื่องจริง
.
กุเฮ็ดให้เสียหน้าเบาะนำมึงมันกะซำนี่ละเนาะ กะหย๋อน มันซำนี่เนาะ...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนรุ่นใหม่ที่มีพลัง มีความหวัง
ใช้เหตุผล มีหลักการ ไม่มีอคติ ลดความเกลียดชัง
เรียนรู้จากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นแล้วช่วยก
ันหาทางแก้ไขปัญหาบ้านเมืองต่อไป
ใช้เหตุผล มีหลักการ ไม่มีอคติ ลดความเกลียดชัง
เรียนรู้จากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นแล้วช่วยก
ันหาทางแก้ไขปัญหาบ้านเมืองต่อไป
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 06, 2014 7:49:29am
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 06, 2014 8:34:51am
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 06, 2014 9:15:04pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
@ล้างรถใหม่..ให้ใหม่ๆ ให้สะอาด สะอาด... แล้วพรุ่งนี้ขี่ไปเสียตังที่ TOYOTA (T_T)
#ผมก็ไม่เข้าใจ สุขภาพรถก็ดีอยู่แล้วไม่มีปัญหาไร แต่พอขี่เข้าไปศูนย์ปุ๊บ มีปัญหาเลย...
และเยอะมาก.... 5555
by#ครูไวโตโยต้า
#ผมก็ไม่เข้าใจ สุขภาพรถก็ดีอยู่แล้วไม่มีปัญหาไร แต่พอขี่เข้าไปศูนย์ปุ๊บ มีปัญหาเลย...
และเยอะมาก.... 5555
by#ครูไวโตโยต้า
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ พัชรินทร์ เกษมสัตย์
คุณได้แท็ก พัชรินทร์ เกษมสัตย์
คิดถึง.....แบบมากๆๆๆๆๆๆ มากๆๆๆๆๆ เลย อะ ^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
นังใหม่ออกมาแล้วไปดูยัง?
เตี้ย: เรื่องอะไร ?
เรา: กรรมอะไรเอ่ย...??
เตี้ย: เรื่องอะไร ไม่รู้จิงๆ
เรา: คนที่ถูกโรงเรียน สตรีวิทยา2 ขอเงินอะ..ใครถูกขอเงินๆ
เตี้ย: ใคร ตอบๆ
เรา: เตี้ยได้ดูข่าวกับเขาไหมเนี๊ยะ55
เตี้ย: ไม่ใด้ดู 55555
เรา: อะไรอยู่ใต้ ฮ นกฮูบ แล้วบวกสระ" ะ
เตี้ย: อะไร? บอกมาเลยๆ
เรา: ตอบก่อนๆ " เ m " อ่านว่าอะไร
เตี้ย: แอม
เรา : ri อ่านว่า
เตี้ย: ริ
เรา: ka
เตี้ย: กา
#สรุปแล้วมันคือเรื่อง กรรม คุณตัน อะ เม ริ กา ไง 555
เตี้ย: เรื่องอะไร ?
เรา: กรรมอะไรเอ่ย...??
เตี้ย: เรื่องอะไร ไม่รู้จิงๆ
เรา: คนที่ถูกโรงเรียน สตรีวิทยา2 ขอเงินอะ..ใครถูกขอเงินๆ
เตี้ย: ใคร ตอบๆ
เรา: เตี้ยได้ดูข่าวกับเขาไหมเนี๊ยะ55
เตี้ย: ไม่ใด้ดู 55555
เรา: อะไรอยู่ใต้ ฮ นกฮูบ แล้วบวกสระ" ะ
เตี้ย: อะไร? บอกมาเลยๆ
เรา: ตอบก่อนๆ " เ m " อ่านว่าอะไร
เตี้ย: แอม
เรา : ri อ่านว่า
เตี้ย: ริ
เรา: ka
เตี้ย: กา
#สรุปแล้วมันคือเรื่อง กรรม คุณตัน อะ เม ริ กา ไง 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Noochnapa Keawkanan
คุณได้แท็ก Noochnapa Keawkanan
นังใหม่ออกมาแล้วไปดูยัง?
เตี้ย: เรื่องอะไร ?
เรา: กรรมอะไรเอ่ย...??
เตี้ย: เรื่องอะไร ไม่รู้จิงๆ
เรา: คนที่ถูกโรงเรียน สตรีวิทยา2 ขอเงินอะ..ใครถูกขอเงินๆ
เตี้ย: ใคร ตอบๆ
เรา: เตี้ยได้ดูข่าวกับเขาไหมเนี๊ยะ55
เตี้ย: ไม่ใด้ดู 55555
เรา: อะไรอยู่ใต้ ฮ นกฮูบ แล้วบวกสระ" ะ
เตี้ย: อะไร? บอกมาเลยๆ
เรา: ตอบก่อนๆ " เ m " อ่านว่าอะไร
เตี้ย: แอม
เรา : ri อ่านว่า
เตี้ย: ริ
เรา: ka
เตี้ย: กา
#สรุปแล้วมันคือเรื่อง กรรม คุณตัน อะ เม ริ กา ไงเตี้ย ฮ่าๆๆ
"ก็เขาไม่ได้เป็นเรา เขาไม่เข้าใจก็ไม่แปลก.."
เตี้ย: เรื่องอะไร ?
เรา: กรรมอะไรเอ่ย...??
เตี้ย: เรื่องอะไร ไม่รู้จิงๆ
เรา: คนที่ถูกโรงเรียน สตรีวิทยา2 ขอเงินอะ..ใครถูกขอเงินๆ
เตี้ย: ใคร ตอบๆ
เรา: เตี้ยได้ดูข่าวกับเขาไหมเนี๊ยะ55
เตี้ย: ไม่ใด้ดู 55555
เรา: อะไรอยู่ใต้ ฮ นกฮูบ แล้วบวกสระ" ะ
เตี้ย: อะไร? บอกมาเลยๆ
เรา: ตอบก่อนๆ " เ m " อ่านว่าอะไร
เตี้ย: แอม
เรา : ri อ่านว่า
เตี้ย: ริ
เรา: ka
เตี้ย: กา
#สรุปแล้วมันคือเรื่อง กรรม คุณตัน อะ เม ริ กา ไงเตี้ย ฮ่าๆๆ
"ก็เขาไม่ได้เป็นเรา เขาไม่เข้าใจก็ไม่แปลก.."
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แนวข้อสอบ วิชาความรู้ความสามารถทั่วไป
1. 6 7 11 20 36...
ก. 60
ข. 61**
ค. 62
ง. 67
2. 1 93 5 110 9 127 13...
ก. 132
ข. 139
ค. 142
ง. 144 **
3. กบ : จรเข้ :: ?:?
ก. วาฬ : นกกระจอกเทศ
ข. มด : เต่า
ค. นกเอี้ยง : ฮูก **
ง. คน : เพนกวิน
4. พัทย : กรุงเทพ :: ?:?
ก. เทศบาล : สุขาภิบาล**
ข. กรม : กอง
ค. กงสุล : สถานีอนามัย
ง. ทหาร : สถานทูต
5. ตำรวจ : อัยการ :: ?:?
ก. วิศวกร : นักร้อง
ข. ทนาย : ผู้พิพากษา**
ค. นักมวย : นักดนตรี
ง. ครู : พยาบาล
6. 3 + 7 x 10 / 5 - 2 = ?
ก. 13
ข. 14
ค. 15**
ง. 18
7. ถ้า a^3 = 27 และ abc = 12 และ (ab)^2 = 36 อยากทราบว่า c เท่ากับเท่าไร
ก. 2**
ข. 3
ค. 4
ง. 6
8. ปริมาตรของรูปทรงปิรามิดฐานสี่เหลียมจัตุรัสยาวด้านละ 3 นิ้ว สูง 4 นิ้ว เมื่อนำไปรวมกับปริมาตรของปรึซึมฐานสามเหลี่ยมด้านเท่า ซึ่งยาวด้านละ 4 นิ้ว และปริซึมสูง 4 นิ้ว จะได้ปริมาตรรวมเท่ากับเท่าไร
ก. 39
ข. 40**
ค. 41
ง. 42
9. อัตราส่วนของผู้เข้าสอบกับผู้สอบได้เท่ากับ 200 : 3 ในการสอบครั้งนี้มีผู้สอบได้จำนวน 330 คน อยากทราบว่ามีผู้เข้าสอบทั้งหมดกี่คน
ก. 2,500
ข. 23,000
ค. 22,000 **
ง. 20,000
10. มุมภายในของรูป 7 เหลี่ยมเท่ากับเท่าไร
ก. 720
ข. 840
ค. 900 **
ง. 1,100
11. แจ๋วมาถึงป้ายรถเมล์ไม่ก่อนเวลา 08.00 น. จั่นมาถึงป้ายรถเมล์หลังแจ๋ว แต่ไม่ก่อนดำ ดำมาถึงป้ายรถเมล์ก่อนเวลา 08.00 น. จงเรียงลำดับการมาถึงป้ายรถเมล์
ก. แจ๋ว-ดำ-จั่น
ข. แจ๋ว-จั่น-ดำ
ค. ดำ-แจ๋ว-จั่น **
ง. ดำ-จั่น-แจ๋ว
12.ข้อใดใช้ภาษากระชับที่สุด
ก. เขาเป็นหวัดในทุกครั้งที่ฝนตก
ข. ท่านจะได้ซื้อสินค้าซึ่งมีราคา ถูก
ค. เขามีความจำเป็นต้องรีบเดินทาง
ง. นายแพทย์ตรวจร่างกายคนไข้ทุกวัน **
13. สองคนนี้เขารู้จุดอ่อนและเล่ห์เหลี่ยมของกันและกัน เหมือน ... นั่นแหละ
ก. เพชรตัดเพชร
ข. คอหอยกับลูกกระเดือก
ค. ขนมผสมนำยา
ง. ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ **
14. ถ้าท่านจะถวายรถยนต์แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสัก 1 คน คำพูดที่ถูกต้องในการถวายรถยนต์ดังกล่วคือ
ก. ทูลเกล้าทูนกระหม่อม
ข. ทูนเกล้าเหนือกระหม่อมถวาย
ค. น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย**
ง. น้อมเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมถวาย
15. "กิ่ง ถ้าออกไปข้างนอก ซื้อข้าวมาด้วยได้ไหม" คำพูดของกิ่งในข้อใดที่แสดงเจตนาถามให้ตอบ
ก. ใครจะซื้อให้
ข. จะให้ใครซื้อ **
ค. ทำไมจะไม่ได้
ง. ไม่ได้จะทำไม
1. 6 7 11 20 36...
ก. 60
ข. 61**
ค. 62
ง. 67
2. 1 93 5 110 9 127 13...
ก. 132
ข. 139
ค. 142
ง. 144 **
3. กบ : จรเข้ :: ?:?
ก. วาฬ : นกกระจอกเทศ
ข. มด : เต่า
ค. นกเอี้ยง : ฮูก **
ง. คน : เพนกวิน
4. พัทย : กรุงเทพ :: ?:?
ก. เทศบาล : สุขาภิบาล**
ข. กรม : กอง
ค. กงสุล : สถานีอนามัย
ง. ทหาร : สถานทูต
5. ตำรวจ : อัยการ :: ?:?
ก. วิศวกร : นักร้อง
ข. ทนาย : ผู้พิพากษา**
ค. นักมวย : นักดนตรี
ง. ครู : พยาบาล
6. 3 + 7 x 10 / 5 - 2 = ?
ก. 13
ข. 14
ค. 15**
ง. 18
7. ถ้า a^3 = 27 และ abc = 12 และ (ab)^2 = 36 อยากทราบว่า c เท่ากับเท่าไร
ก. 2**
ข. 3
ค. 4
ง. 6
8. ปริมาตรของรูปทรงปิรามิดฐานสี่เหลียมจัตุรัสยาวด้านละ 3 นิ้ว สูง 4 นิ้ว เมื่อนำไปรวมกับปริมาตรของปรึซึมฐานสามเหลี่ยมด้านเท่า ซึ่งยาวด้านละ 4 นิ้ว และปริซึมสูง 4 นิ้ว จะได้ปริมาตรรวมเท่ากับเท่าไร
ก. 39
ข. 40**
ค. 41
ง. 42
9. อัตราส่วนของผู้เข้าสอบกับผู้สอบได้เท่ากับ 200 : 3 ในการสอบครั้งนี้มีผู้สอบได้จำนวน 330 คน อยากทราบว่ามีผู้เข้าสอบทั้งหมดกี่คน
ก. 2,500
ข. 23,000
ค. 22,000 **
ง. 20,000
10. มุมภายในของรูป 7 เหลี่ยมเท่ากับเท่าไร
ก. 720
ข. 840
ค. 900 **
ง. 1,100
11. แจ๋วมาถึงป้ายรถเมล์ไม่ก่อนเวลา 08.00 น. จั่นมาถึงป้ายรถเมล์หลังแจ๋ว แต่ไม่ก่อนดำ ดำมาถึงป้ายรถเมล์ก่อนเวลา 08.00 น. จงเรียงลำดับการมาถึงป้ายรถเมล์
ก. แจ๋ว-ดำ-จั่น
ข. แจ๋ว-จั่น-ดำ
ค. ดำ-แจ๋ว-จั่น **
ง. ดำ-จั่น-แจ๋ว
12.ข้อใดใช้ภาษากระชับที่สุด
ก. เขาเป็นหวัดในทุกครั้งที่ฝนตก
ข. ท่านจะได้ซื้อสินค้าซึ่งมีราคา ถูก
ค. เขามีความจำเป็นต้องรีบเดินทาง
ง. นายแพทย์ตรวจร่างกายคนไข้ทุกวัน **
13. สองคนนี้เขารู้จุดอ่อนและเล่ห์เหลี่ยมของกันและกัน เหมือน ... นั่นแหละ
ก. เพชรตัดเพชร
ข. คอหอยกับลูกกระเดือก
ค. ขนมผสมนำยา
ง. ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ **
14. ถ้าท่านจะถวายรถยนต์แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสัก 1 คน คำพูดที่ถูกต้องในการถวายรถยนต์ดังกล่วคือ
ก. ทูลเกล้าทูนกระหม่อม
ข. ทูนเกล้าเหนือกระหม่อมถวาย
ค. น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย**
ง. น้อมเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมถวาย
15. "กิ่ง ถ้าออกไปข้างนอก ซื้อข้าวมาด้วยได้ไหม" คำพูดของกิ่งในข้อใดที่แสดงเจตนาถามให้ตอบ
ก. ใครจะซื้อให้
ข. จะให้ใครซื้อ **
ค. ทำไมจะไม่ได้
ง. ไม่ได้จะทำไม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
Load ฟรี 100 คนแรก แนวข้อสอบตํารวจ 57 รอช้าได้ไง แนวข้อสอบตํารวจ สายปราบปราม และ สายอํานวยการ แนวข้อสอบตํารวจ วุฒิ ม.6
Posted by bananacool01 on October 29, 2013 in รายได้เสริม, แนวข้อสอบตำรวจ, แนวข้อสอบเก่า |
( อย่าลืมกด like ด้วยนะคะ )
Load ฟรี 100 คนแรก แนวข้อสอบตํารวจ 57 รอช้าได้ไง ทั้ง สายปราบปราม และ สายอํานวยการ วุฒิ ม.6
มาแล้ว ด่วนเลยคะ Load ฟรี 100 คนแรก แนวข้อสอบตํารวจ 57 รอช้าได้ไง แนวข้อสอบตํารวจ สายปราบปราม และ สายอํานวยการ ชุดนี้ ประกอบไปด้วยรายวิชาที่ออกสอบ และสำคัญทั้งนั้น เช่น แนวข้อสอบเทคโนโลยีสารสนเทศเบื้องต้น สำหรับสอบตำรวจ ม.6 ปี2557 แนวข้อสอบพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 สำหรับสอบตำรวจ ปี57 แนวข้อสอบกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2547 โหลดเลย แนวข้อสอบตํารวจ วุฒิ ม.6
Load ฟรี 100 คนแรก แนวข้อสอบตํารวจ 57 รอช้าได้ไง แนวข้อสอบตํารวจ สายปราบปราม และ สายอํานวยการ แนวข้อสอบตํารวจ วุฒิ ม.6
แนวข้อสอบเทคโนโลยีสารสนเทศเบื้องต้น สำหรับสอบตำรวจ ม.6 ปี2557
1. ข้อใดเป็นคุณสมบัติของเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Ink-Jet Printer)
ก. พ่นหมึกหยดเล็ก ๆ ไปที่กระดาษ หยดหมึกจะมีขนาดเล็กมาก
ข. มีหน่วยวัดความเร็วเป็นในการ พิมพ์เป็น PPM ซึ่งช้ากว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์มาก
ค. พิมพ์ได้ทั้งแนวนอนที่เรียกว่า “พอร์ทเทรต” และแนวตั้งที่เรียกว่า “แลนด์สเคป”
ง. ถูกทุกข้อ
2. ข้อใดมิใช่องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
ก. ฮาร์ดแวร์ ข. ซอฟต์แวร์
ค. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน ง. กระดาษ
3. ข้อใดคือตัวอย่างของซอฟต์แวร์ระบบ
ก. ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์
ข. ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน
ค. ซอฟต์แวร์นำเสนอข้อมูล
ง. ซอฟต์แวร์กราฟิก
4. ข้อใดให้ความหมายของระบบสารสนเทศได้ถูกต้อง ชัดเจนที่สุด
ก. เป็นการทำงานร่วมกันเพื่อกำหนด รวบรวม จัดเก็บข้อมูล ประมวลผลข้อมูลเพื่อสร้างสารสนเทศ
ข. ชุดขององค์ประกอบที่ทำหน้าที่รวบรวม ประมวลผล จัดเก็บ และแจกจ่ายสารสนเทศ
ค. ระบบคอมพิวเตอร์ที่จัดเก็บข้อมูล และประมวลผลเป็นสารสนเทศ ที่ต้องอาศัยฐานข้อมูล
ง. ชุดของกระบวนการ บุคคล และเครื่องมือ ที่จะเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ
5. สมุดบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ (Spreadsheet ) จัดเป็นระบบสารสนเทศประเภทใด
ก. Office Automatic System หรือ OAS
ข. Transaction Processing System หรือ TPS
ค. Executive Informaion Systyem หรือ EIS
ง. Decision Support System หรือ DSS
6. หากต้องการใบสั่งซื้อ สั่งจอง ต้องใช้ระบบสารสนเทศประเภทใด
ก. Executive Informaion Systyem หรือ EIS
ข. Transaction Processing System หรือ TPS
ค. Management Information System หรือ MIS
ง. Decision Support System หรือ DSS
7. บริษัท A ต้องการวิเคราะห์ต้นทุน การผลิตสินค้า B จะต้องใช้ระบบสารสนเทศประเภทใด
ก. Office Automatic System หรือ OAS
ข. Transaction Processing System หรือ TPS
ค. Management Information System หรือ MIS
ง. Decision Support System หรือ DSS
8. ข้อใดคือส่วนประกอบของระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
ก. การจัดการข้อมูล (Data Management)
ข. การจัดการตัวแบบ (Model Management)
ค. การจัดการความรู้ (Knowledge Management)
ง. ถูกทุกข้อ
9. ข้อมูลจากแหล่งใด จำเป็นสำหรับระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง
ก. ข้อมูลที่ได้จากการประมวลผลรายการประจำวัน
ข. งบประมาณ
ค. ตลาดหุ้น
ง. ถูกทุกข้อ
10. ข้อใดแสดงถึงคุณสมบัติของระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง
ก. มีความสามารถในการคำนวณภาพกว้าง ( Broad -based Computing Capabilities)
ข. ง่ายต่อการเรียนรู้และใช้งาน (Exceptional Ease of learning and use)
ค. เชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมภายนอก (External Environment Focus)
ง. ถูกทุกข้อ
11. ข้อใดแสดงถึงประโยชน์ของระบบสารสนเทศ
ก. ช่วยในการจัดเก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นมีความรวดเร็ว
ข. ช่วยลดต้นทุน
ค. ช่วยทำให้การประสานงานระหว่างฝ่ายต่างๆ เป็นไปได้ด้วยดี
ง. ถูกทุกข้อ
แนวข้อสอบพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 สำหรับสอบตำรวจ ปี57
1. ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา ๖ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีอำนาจหน้าที่ใดบ้าง
ก. ดูแลควบคุมและกำกับการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจซึ่งปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ข. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของข้าราชการตำรวจหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ค. รักษาความปลอดภัยสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะ
ง. ถูกทุกข้อ
2. ตามมาตรา ๑๑ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีใครเป็นหัวหน้าส่วนราชการ
ก. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ข. นายกรัฐมนตรี
ค. ผู้กำกับการตำรวจแห่งชาติ
ง. องคมนตรี
3. ตามมาตรา ๑๒ ให้มีบุคคลใดทำหน้าที่ป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการตำรวจและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการรองจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนดหรือมอบหมาย
ก. จเรตำรวจแห่งชาติ
ข. รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ค. องคมนตรี
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
4. ตามมาตรา ๑๖ คณะ “ก.ต.ช.” คือ
ก. คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ
ข. คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ
ค. คณะอนุกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ
ง. คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ
5. ตามมาตราที่ ๒๕ ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร คือ
ก. ข้าราชการตำรวจผู้มียศสิบตำรวจตรี สิบตำรวจโท สิบตำรวจเอก จ่าสิบตำรวจ และดาบตำรวจ
ข. ข้าราชการตำรวจผู้มียศตั้งแต่ร้อยตำรวจตรีขึ้นไป
ค. ผู้ที่เป็นพนักงานจ้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
6. ตามมาตราที่ ๓๐ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจมีชื่อย่อว่าอะไร
ก. มีชื่อย่อว่าอะไร “ก.ต.ร.”
ข. มีชื่อย่อว่าอะไร “กต.ร.”
ค. มีชื่อย่อว่าอะไร “กตร.”
ง. มีชื่อย่อว่าอะไร “ก.ตร.”
7. ตามมาตราที่ ๓๐ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจประกอบไปด้วยบุคคลใดบ้าง
ก. จเรตำรวจแห่งชาติ
ข. เลขาธิการ ก.พ.
ค. นายกรัฐมนตรี
ง. ถูกทุกข้อ
8. ตามมาตรา ๓๘ กรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี
ข. มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 5ปี
ค. มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 6ปี
ง. มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 7ปี
9. ตามมาตรา ๕๑ ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถูกแต่งตั้งโดยผู้ใด
ก. จเรตำรวจแห่งชาติ
ข. นายกรัฐมนตรี
ค. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนก่อนหน้า
ง. ผิดทุกข้อ
10. ตามมาตรา ๖๑ บุคคลใดสามารถสั่งให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ได้
ก. นายกรัฐมนตรี
ข. จเรตำรวจแห่งชาติ
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
แนวข้อสอบกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2547
1. กฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ๒๕๔๗ มีทั้งหมดกี่ข้อ
ก. 12 ข้อ
ข. 18 ข้อ
ค. 28 ข้อ
ง. 108 ข้อ
2. ข้อใดคือการประเมินผลงานให้พิจารณาจากองค์ประกอบ ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ๒๕๔๗
ก. คุณภาพของผลงาน
ข. การประหยัดทรัพยากรหรือความคุ้มค่าของผลงาน
ค. ความคิดริเริ่ม การสร้างสรรค์ และงานเชิงรุก
ง. ปริมาณงาน
3. จากกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาการประเมินผลฯ ข้อที่ ๖ ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจปีละกี่ครั้ง
ก. ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจปีละ1 ครั้ง
ข. ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจปีละ2 ครั้ง
ค. ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจปีละ3 ครั้ง
ง. ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจปีละ4 ครั้ง
4. จากกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาการประเมินผลฯ ให้มีคณะกรรมการพิจารณาผลการประเมิน เพื่อทำหน้าที่ใด
ก. ติดตามผลการประเมิน
ข. พิจารณาคำร้องทุกข์ของผู้รับการประเมินที่เห็นว่า ผลการประเมินของตนไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง
ค. พิจารณาผลการประเมิน
ง. พิจารณาผลการประเมิน พร้อมทั้งตัดสินผลการประเมิน
5. กฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้ไว้ ณ วันที่เท่าไหร่
ก. ให้ไว้ ณ วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2547
ข. ให้ไว้ ณ วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2547
ค. ให้ไว้ ณ วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2547
ง. ให้ไว้ ณ วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2547
Posted by bananacool01 on October 29, 2013 in รายได้เสริม, แนวข้อสอบตำรวจ, แนวข้อสอบเก่า |
( อย่าลืมกด like ด้วยนะคะ )
Load ฟรี 100 คนแรก แนวข้อสอบตํารวจ 57 รอช้าได้ไง ทั้ง สายปราบปราม และ สายอํานวยการ วุฒิ ม.6
มาแล้ว ด่วนเลยคะ Load ฟรี 100 คนแรก แนวข้อสอบตํารวจ 57 รอช้าได้ไง แนวข้อสอบตํารวจ สายปราบปราม และ สายอํานวยการ ชุดนี้ ประกอบไปด้วยรายวิชาที่ออกสอบ และสำคัญทั้งนั้น เช่น แนวข้อสอบเทคโนโลยีสารสนเทศเบื้องต้น สำหรับสอบตำรวจ ม.6 ปี2557 แนวข้อสอบพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 สำหรับสอบตำรวจ ปี57 แนวข้อสอบกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2547 โหลดเลย แนวข้อสอบตํารวจ วุฒิ ม.6
Load ฟรี 100 คนแรก แนวข้อสอบตํารวจ 57 รอช้าได้ไง แนวข้อสอบตํารวจ สายปราบปราม และ สายอํานวยการ แนวข้อสอบตํารวจ วุฒิ ม.6
แนวข้อสอบเทคโนโลยีสารสนเทศเบื้องต้น สำหรับสอบตำรวจ ม.6 ปี2557
1. ข้อใดเป็นคุณสมบัติของเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Ink-Jet Printer)
ก. พ่นหมึกหยดเล็ก ๆ ไปที่กระดาษ หยดหมึกจะมีขนาดเล็กมาก
ข. มีหน่วยวัดความเร็วเป็นในการ พิมพ์เป็น PPM ซึ่งช้ากว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์มาก
ค. พิมพ์ได้ทั้งแนวนอนที่เรียกว่า “พอร์ทเทรต” และแนวตั้งที่เรียกว่า “แลนด์สเคป”
ง. ถูกทุกข้อ
2. ข้อใดมิใช่องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
ก. ฮาร์ดแวร์ ข. ซอฟต์แวร์
ค. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน ง. กระดาษ
3. ข้อใดคือตัวอย่างของซอฟต์แวร์ระบบ
ก. ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์
ข. ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน
ค. ซอฟต์แวร์นำเสนอข้อมูล
ง. ซอฟต์แวร์กราฟิก
4. ข้อใดให้ความหมายของระบบสารสนเทศได้ถูกต้อง ชัดเจนที่สุด
ก. เป็นการทำงานร่วมกันเพื่อกำหนด รวบรวม จัดเก็บข้อมูล ประมวลผลข้อมูลเพื่อสร้างสารสนเทศ
ข. ชุดขององค์ประกอบที่ทำหน้าที่รวบรวม ประมวลผล จัดเก็บ และแจกจ่ายสารสนเทศ
ค. ระบบคอมพิวเตอร์ที่จัดเก็บข้อมูล และประมวลผลเป็นสารสนเทศ ที่ต้องอาศัยฐานข้อมูล
ง. ชุดของกระบวนการ บุคคล และเครื่องมือ ที่จะเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ
5. สมุดบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ (Spreadsheet ) จัดเป็นระบบสารสนเทศประเภทใด
ก. Office Automatic System หรือ OAS
ข. Transaction Processing System หรือ TPS
ค. Executive Informaion Systyem หรือ EIS
ง. Decision Support System หรือ DSS
6. หากต้องการใบสั่งซื้อ สั่งจอง ต้องใช้ระบบสารสนเทศประเภทใด
ก. Executive Informaion Systyem หรือ EIS
ข. Transaction Processing System หรือ TPS
ค. Management Information System หรือ MIS
ง. Decision Support System หรือ DSS
7. บริษัท A ต้องการวิเคราะห์ต้นทุน การผลิตสินค้า B จะต้องใช้ระบบสารสนเทศประเภทใด
ก. Office Automatic System หรือ OAS
ข. Transaction Processing System หรือ TPS
ค. Management Information System หรือ MIS
ง. Decision Support System หรือ DSS
8. ข้อใดคือส่วนประกอบของระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
ก. การจัดการข้อมูล (Data Management)
ข. การจัดการตัวแบบ (Model Management)
ค. การจัดการความรู้ (Knowledge Management)
ง. ถูกทุกข้อ
9. ข้อมูลจากแหล่งใด จำเป็นสำหรับระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง
ก. ข้อมูลที่ได้จากการประมวลผลรายการประจำวัน
ข. งบประมาณ
ค. ตลาดหุ้น
ง. ถูกทุกข้อ
10. ข้อใดแสดงถึงคุณสมบัติของระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง
ก. มีความสามารถในการคำนวณภาพกว้าง ( Broad -based Computing Capabilities)
ข. ง่ายต่อการเรียนรู้และใช้งาน (Exceptional Ease of learning and use)
ค. เชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมภายนอก (External Environment Focus)
ง. ถูกทุกข้อ
11. ข้อใดแสดงถึงประโยชน์ของระบบสารสนเทศ
ก. ช่วยในการจัดเก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นมีความรวดเร็ว
ข. ช่วยลดต้นทุน
ค. ช่วยทำให้การประสานงานระหว่างฝ่ายต่างๆ เป็นไปได้ด้วยดี
ง. ถูกทุกข้อ
แนวข้อสอบพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 สำหรับสอบตำรวจ ปี57
1. ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา ๖ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีอำนาจหน้าที่ใดบ้าง
ก. ดูแลควบคุมและกำกับการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจซึ่งปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ข. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของข้าราชการตำรวจหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ค. รักษาความปลอดภัยสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะ
ง. ถูกทุกข้อ
2. ตามมาตรา ๑๑ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีใครเป็นหัวหน้าส่วนราชการ
ก. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ข. นายกรัฐมนตรี
ค. ผู้กำกับการตำรวจแห่งชาติ
ง. องคมนตรี
3. ตามมาตรา ๑๒ ให้มีบุคคลใดทำหน้าที่ป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการตำรวจและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการรองจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนดหรือมอบหมาย
ก. จเรตำรวจแห่งชาติ
ข. รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ค. องคมนตรี
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
4. ตามมาตรา ๑๖ คณะ “ก.ต.ช.” คือ
ก. คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ
ข. คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ
ค. คณะอนุกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ
ง. คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ
5. ตามมาตราที่ ๒๕ ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร คือ
ก. ข้าราชการตำรวจผู้มียศสิบตำรวจตรี สิบตำรวจโท สิบตำรวจเอก จ่าสิบตำรวจ และดาบตำรวจ
ข. ข้าราชการตำรวจผู้มียศตั้งแต่ร้อยตำรวจตรีขึ้นไป
ค. ผู้ที่เป็นพนักงานจ้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
6. ตามมาตราที่ ๓๐ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจมีชื่อย่อว่าอะไร
ก. มีชื่อย่อว่าอะไร “ก.ต.ร.”
ข. มีชื่อย่อว่าอะไร “กต.ร.”
ค. มีชื่อย่อว่าอะไร “กตร.”
ง. มีชื่อย่อว่าอะไร “ก.ตร.”
7. ตามมาตราที่ ๓๐ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจประกอบไปด้วยบุคคลใดบ้าง
ก. จเรตำรวจแห่งชาติ
ข. เลขาธิการ ก.พ.
ค. นายกรัฐมนตรี
ง. ถูกทุกข้อ
8. ตามมาตรา ๓๘ กรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี
ข. มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 5ปี
ค. มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 6ปี
ง. มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 7ปี
9. ตามมาตรา ๕๑ ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถูกแต่งตั้งโดยผู้ใด
ก. จเรตำรวจแห่งชาติ
ข. นายกรัฐมนตรี
ค. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนก่อนหน้า
ง. ผิดทุกข้อ
10. ตามมาตรา ๖๑ บุคคลใดสามารถสั่งให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ได้
ก. นายกรัฐมนตรี
ข. จเรตำรวจแห่งชาติ
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
แนวข้อสอบกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2547
1. กฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ๒๕๔๗ มีทั้งหมดกี่ข้อ
ก. 12 ข้อ
ข. 18 ข้อ
ค. 28 ข้อ
ง. 108 ข้อ
2. ข้อใดคือการประเมินผลงานให้พิจารณาจากองค์ประกอบ ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ๒๕๔๗
ก. คุณภาพของผลงาน
ข. การประหยัดทรัพยากรหรือความคุ้มค่าของผลงาน
ค. ความคิดริเริ่ม การสร้างสรรค์ และงานเชิงรุก
ง. ปริมาณงาน
3. จากกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาการประเมินผลฯ ข้อที่ ๖ ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจปีละกี่ครั้ง
ก. ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจปีละ1 ครั้ง
ข. ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจปีละ2 ครั้ง
ค. ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจปีละ3 ครั้ง
ง. ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจปีละ4 ครั้ง
4. จากกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาการประเมินผลฯ ให้มีคณะกรรมการพิจารณาผลการประเมิน เพื่อทำหน้าที่ใด
ก. ติดตามผลการประเมิน
ข. พิจารณาคำร้องทุกข์ของผู้รับการประเมินที่เห็นว่า ผลการประเมินของตนไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง
ค. พิจารณาผลการประเมิน
ง. พิจารณาผลการประเมิน พร้อมทั้งตัดสินผลการประเมิน
5. กฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้ไว้ ณ วันที่เท่าไหร่
ก. ให้ไว้ ณ วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2547
ข. ให้ไว้ ณ วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2547
ค. ให้ไว้ ณ วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2547
ง. ให้ไว้ ณ วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2547
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 08, 2014 3:51:50pm
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 08, 2014 3:52:49pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
@มาหดสวน...ยุนา ให้อิแม่...
หดแล้วๆ ๆ เปิดเพลงฟัง เล่นเฟ๊ซ
เบิ่งสัญญาณโทรศัพท์เจ้าของ ขึ้น 3G กับขึ้นโต H เสยอ๊ะ บ่อคิดว่านาสิเจริญปานนี้เลย 55
เห็นสัญญาณแล้ว...ข่อยกะตกใจ...!!
ปกติยุบ้านDTAC จะขึ้นโต E 2ขีด
พอมานาบัดเดียว 3G ขึ้นโล1 เลย ฮ่าๆๆๆ
555
.
.
#byซิงชั่งน้ำหนักตราสิงโต
หดแล้วๆ ๆ เปิดเพลงฟัง เล่นเฟ๊ซ
เบิ่งสัญญาณโทรศัพท์เจ้าของ ขึ้น 3G กับขึ้นโต H เสยอ๊ะ บ่อคิดว่านาสิเจริญปานนี้เลย 55
เห็นสัญญาณแล้ว...ข่อยกะตกใจ...!!
ปกติยุบ้านDTAC จะขึ้นโต E 2ขีด
พอมานาบัดเดียว 3G ขึ้นโล1 เลย ฮ่าๆๆๆ
555
.
.
#byซิงชั่งน้ำหนักตราสิงโต
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
บางที่ผู้หญิง สวย น่ารัก รวย ก็อาจไม่ใช่ เป้าหมายที่ผู้ชายจะเข้าไปจีบเสมอไปนะ
แต่อาจเป็นผู้หญิงที่หน้าตาบ้านๆ ลาวๆ ปานกลาง ๆ
ฉลาด แก่รง และ เก่ง"
5555
แต่อาจเป็นผู้หญิงที่หน้าตาบ้านๆ ลาวๆ ปานกลาง ๆ
ฉลาด แก่รง และ เก่ง"
5555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มีถั่วไหมคืออะไร?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
["100001957650557-2","100006553813370-2","100002835566416-2","100004732264565-2","100006062100515-2","100004239374432-2","100004248877895-2","100002199609349-2","100001081285662-2","100004588772782-2","100001990694137-2","100003469311685-2","100005985369153-2","100005023693889-2","100002958674103-2","100003551117052-2","100007257550138-2","100003999898400-2","100003983107165-2","100001662635936-2","100004097466113-2","100003244059717-2","100001284258910-2","100001866638172-2","100004691972640-2","100003881696457-2","100002426494800-2","100001256421917-2","100007726962857-2","100002461102712-2","100000536114091-2","100007266759571-2","100004192301341-2","100005845441487-2","100002081913575-2","100003789294891-2","100003854180715-2","100006047291672-2","100007255930315-2","100006902681731-2","100007748131421-2","100002752442164-2","100001666894562-2","100006006395567-2","100001217712730-2","100003913689020-2","100006272499958-2","100004714622468-2","100004154831287-2","100004011986843-2","100004032361079-2","100000285457348-2","1035920145-2","100008065271199-2","100004043025277-2","100003464266141-2","100001700523446-2","100002789341401-2","100007194941431-2","100006513164406-2","100006040896819-2","100002607047213-2","100005227752996-2","1571847367-2","100003158937724-2","100007731035762-2","100004009853333-2","100003253483713-2","100003736984386-2","100007544528987-2","100003092781413-2","100006422580673-2","100007067643630-2","100002820680537-2","100002740651566-2","100004091224368-2","100003524161232-2","100002851883766-2","100002621251635-2","100007027961832-2","100004237926932-2","100003327935539-2","100002873940245-2","100002525169136-2","100004765777814-2","100003909794782-2","501985356-2","100002452907790-2","100002529457564-2","100002825025567-2","100002577248547-2","100003224026253-2","100001330070457-2","100001214307612-2","100008087586158-2","100006220087659-2","100003997607107-2","100003521071432-2","100006248310135-2","100002504029228-2","100005179209096-2","100005539507578-2","100004853739354-2","100004618206461-2","100005971112910-2","100001485109463-2","100003653632001-2","100007205676079-2","100005914356054-2","100001957650557-3","100001957650557-0","100004110038247-2","100002994930471-2","100004987274393-2","100004631893211-2","100001151597735-2","100007415473636-2","100006460450311-2","100004078073653-2","100006553813370-0","100006553813370-3","100007448944602-2","100003587701039-2","100003473363885-2","100007953553903-2","100001247293792-2","100006454909344-2","100004044223155-2","100002792084645-2","100007435771066-2","100002865591578-2","100007143011052-2","100002529992938-2","100001237494297-2","100002414563192-2","100004019148023-2","100006185259053-2","100003701893268-2","100007321233911-2","100003144178618-2","100006539588151-2","100002497925869-2","100003473907660-2","100003780746893-2","100007348650454-2","100008142904582-2","100001835608883-2","100002446681564-2","100002835566416-0","100002835566416-3","100001868224140-2","100001462012818-2","100002566277579-2","100003220322479-2","100002157928460-2","100004732264565-0","100004732264565-3","100003958786957-2","100007096148453-2","100004281430963-2","100006206431756-2","100004533813394-2","100001130589132-2","100002659173183-2","100001437094040-2","100002621707729-2","100001360588365-2","100005318223021-2","100005484276925-2","100003928885181-2","100001562813746-2","100004945419296-2","100004715288142-2","100001406861231-2","100002613980391-2","100004555415960-2","100001344751463-2","100004629181616-2","100002488971297-2","100002343117073-2","100006733363033-2","100005352093242-2","100001921581903-2","100007900591906-2","100003069393432-2","100001773732883-2","100004975063616-2","100006062100515-0","100006062100515-3","100004432331459-2","100002596412501-2","100005634391665-2","100003897305354-2","100007441001102-2","100005761390705-2","100004045103121-2","100002690155281-2","100007398640569-2","100006972576368-2","100006855522986-2","100000914118074-2","100001675226785-2","100003696654868-2","100002112471465-2","100004239374432-3","100004239374432-0","100002530754604-2","100002613009306-2","100004248877895-3","100004248877895-0","100002974814282-2","100006338084075-2","100004243352626-2","100003202414391-2","100002942052291-2","100006911440402-2","100003354401737-2","100003925894437-2","100001932995323-2","100006055052927-2","100005224000845-2","100001635511150-2","100004408003850-2","100002430937087-2","100001532545118-2","100006396132310-2","100003625538347-2","100005744644643-2","100007119874314-2","100007859700066-2","100002024061598-2","1367564207-2","100003276216245-2","100005178848283-2","100004781384631-2","100004106681623-2","100006776583352-2","100004008009939-2","100003544303163-2","100003996009708-2","100001577543538-2","100003972960233-2","100001433775481-2","100002251811156-2","100003950145200-2","100004127281499-2","100002199609349-0","100002199609349-3","100003765222877-2","100004393689952-2","100006516021228-2","100003664401894-2","100001146675602-2","100004102095156-2","100000286490964-2","100004370772577-2","100004124046153-2","100004432664436-2","100002649182842-2","100003144110039-2","100001081285662-3","100001081285662-0","100002107077403-2","100002466326401-2","100000698159248-2","100002888360556-2","100003289697613-2","100004403916868-2","100001168235605-2","100004174020379-2","100003948498818-2","100004824464049-2","100004620483166-2","100000732665622-2","100001262659924-2","100006609900311-2","100007616792702-2","100001093203588-2","100002648870636-2","100005424249644-2","100003222686329-2","100004105038388-2","100007095251571-2","100002417154105-2","100002436733086-2","100007737993380-2","100003679508284-2","100004492391738-2","100004588772782-0","100004588772782-3","100003847412660-2","100002502026050-2","100002602147635-2","100004692793928-2","100003937030936-2","100001563071800-2","100004614541408-2","100005010280665-2","100007730133864-2","100002603870007-2","100004072237478-2","100002154621150-2","100006605584917-2","100002843985069-2","100004986575332-2","100001990694137-3","100001990694137-0","100007477689221-2","100002970541516-2","1739243794-2","100004942561441-2","100001125219493-2","100002678448761-2","100005848746259-2","100003686751607-2","100004341121492-2","100004000579126-2","100003469311685-3","100003469311685-0","100002624371153-2","100004937589099-2","100002053167088-2","100007578433592-2","100004194273988-2","100002441106973-2","100002199827878-2","100001754987645-2","100002288876347-2","100001301305582-2","100003324497121-2","100005775342797-2","100006411812442-2","100000296093966-2","100005919122898-2","100003572477854-2","100002546591959-2","100002443778590-2","100004168026379-2","100001208750052-2","100003532138089-2","100004769472633-2","100003229297873-2","100002153345710-2","100005060672426-2","100002205612057-2","100001912041507-2","100006348064011-2","100002461534847-2","100001431514159-2","100002477221568-2","100004757772507-2","100005432198696-2","100004400201226-2","100002540956903-2","100006191889141-2","100006306334486-2","100007290911924-2","100002403819630-2","100002903309195-2","100005985369153-3","100005985369153-0","100006537720576-2","100003764877137-2","100007606689169-2","100004596004512-2","100003700044427-2","100007145312576-2","100007014780804-2","100004639123147-2","100003105966094-2","100004278185766-2","100005023693889-3","100005023693889-0","100007488824772-2","100002399369199-2","100001557788862-2","100005785240151-2","100007927323090-2","100007402802639-2","100007103221902-2","100001906876658-2","100004619051648-2","100004747064277-2","100005582262533-2","100001946231557-2","100004058464316-2","100007403430885-2","100001175095722-2","100001972165613-2","100007644489187-2","100007058760904-2","100003421915994-2","100004878401646-2","100002425316582-2","100006305713657-2","100001878792938-2","100002371304297-2","100004720152672-2","100005005836218-2","100002985437168-2","100002958674103-0","100002958674103-3","100005733242071-2","100003569160222-2","100003218839423-2","100005645379192-2","100001135469159-2","100003920456068-2","100003551117052-3","100003551117052-0","100002935551281-2","100007471330013-2","100004479063888-2","100002385721497-2","100004739858201-2","100001934598074-2","100004100321720-2","100002764453748-2","100007619345409-2","100006807061006-2","100002387447876-2","100004609413954-2","100003110448801-2","100003327554782-2","100001441759442-2","100004205405347-2","100002937336006-2","100006474108881-2","100004689967097-2","100004858747710-2","100006591704545-2","100007257550138-3","100007257550138-0","100002598313839-2","100003999898400-0","100003999898400-3","100003983107165-3","100003983107165-0","100001662635936-0","100001662635936-3","100004097466113-3","100004097466113-0","100003244059717-3","100003244059717-0","100001284258910-0","100001284258910-3","100001866638172-0","100001866638172-3","100004691972640-3","100004691972640-0","100003881696457-3","100003881696457-0","100002426494800-0","100002426494800-3","100001256421917-3","100001256421917-0","100007726962857-3","100007726962857-0","100002461102712-0","100002461102712-3","100000536114091-0","100000536114091-3","100007266759571-0","100007266759571-3","100004192301341-0","100004192301341-3","100005845441487-0","100005845441487-3","100002081913575-0","100002081913575-3","100003789294891-0","100003789294891-3","100003854180715-0","100003854180715-3","100006047291672-0","100006047291672-3","100007255930315-0","100007255930315-3","100006902681731-0","100006902681731-3","100007748131421-0","100007748131421-3","100002752442164-0","100002752442164-3","100001666894562-3","100001666894562-0","100006006395567-0","100006006395567-3","100001217712730-3","100001217712730-0","100003913689020-0","100003913689020-3","100006272499958-0","100006272499958-3","100004714622468-3","100004714622468-0","100004154831287-3","100004154831287-0","100004011986843-3","100004011986843-0","100004032361079-0","100004032361079-3","100000285457348-0","100000285457348-3","1035920145-0","1035920145-3","100008065271199-0","100008065271199-3","100004043025277-3","100004043025277-0","100003464266141-0","100003464266141-3","100001700523446-0","100001700523446-3","100002789341401-3","100002789341401-0","100007194941431-3","100007194941431-0","100006513164406-0","100006513164406-3","100006040896819-0","100006040896819-3","100002607047213-3","100002607047213-0","100005227752996-0","100005227752996-3","1571847367-3","1571847367-0","100003158937724-0","100003158937724-3","100007731035762-3","100007731035762-0","100004009853333-0","100004009853333-3","100003253483713-0","100003253483713-3","100003736984386-0","100003736984386-3","100007544528987-3","100007544528987-0","100003092781413-3","100003092781413-0","100006422580673-3","100006422580673-0","100007067643630-3","100007067643630-0","100002820680537-3","100002820680537-0","100002740651566-3","100002740651566-0","100004091224368-3","100004091224368-0","100003524161232-3","100003524161232-0","100002851883766-3","100002851883766-0","100002621251635-0","100002621251635-3","100007027961832-0","100007027961832-3","100004237926932-3","100004237926932-0","100003327935539-0","100003327935539-3","100002873940245-3","100002873940245-0","100002525169136-3","100002525169136-0","100004765777814-3","100004765777814-0","100003909794782-3","100003909794782-0","501985356-3","501985356-0","100002452907790-3","100002452907790-0","100002529457564-0","100002529457564-3","100002825025567-0","100002825025567-3","100002577248547-3","100002577248547-0","100003224026253-3","100003224026253-0","100001330070457-3","100001330070457-0","100001214307612-3","100001214307612-0","100008087586158-3","100008087586158-0","100006220087659-3","100006220087659-0","100003997607107-3","100003997607107-0","100003521071432-0","100003521071432-3","100006248310135-0","100006248310135-3","100002504029228-0","100002504029228-3","100005179209096-0","100005179209096-3","100005539507578-0","100005539507578-3","100004853739354-0","100004853739354-3","100004618206461-0","100004618206461-3","100005971112910-3","100005971112910-0","100001485109463-3","100001485109463-0","100003653632001-3","100003653632001-0","100007205676079-3","100007205676079-0","100005914356054-0","100005914356054-3","100004110038247-3","100004110038247-0","100002994930471-3","100002994930471-0","100004987274393-3","100004987274393-0","100004631893211-3","100004631893211-0","100001151597735-0","100001151597735-3","100007415473636-0","100007415473636-3","100006460450311-3","100006460450311-0","100004078073653-3","100004078073653-0","100007448944602-0","100007448944602-3","100003587701039-0","100003587701039-3","100003473363885-3","100003473363885-0","100007953553903-3","100007953553903-0","100001247293792-0","100001247293792-3","100006454909344-0","100006454909344-3","100004044223155-3","100004044223155-0","100002792084645-3","100002792084645-0","100007435771066-3","100007435771066-0","100002865591578-0","100002865591578-3","100007143011052-3","100007143011052-0","100002529992938-3","100002529992938-0","100001237494297-3","100001237494297-0","100002414563192-3","100002414563192-0","100004019148023-0","100004019148023-3","100006185259053-0","100006185259053-3","100003701893268-3","100003701893268-0","100007321233911-3","100007321233911-0","100003144178618-3","100003144178618-0","100006539588151-3","100006539588151-0","100002497925869-3","100002497925869-0","100003473907660-3","100003473907660-0","100003780746893-0","100003780746893-3","100007348650454-3","100007348650454-0","100008142904582-3","100008142904582-0","100001835608883-3","100001835608883-0","100002446681564-3","100002446681564-0","100001868224140-3","100001868224140-0","100001462012818-0","100001462012818-3","100002566277579-3","100002566277579-0","100003220322479-3","100003220322479-0","100002157928460-3","100002157928460-0","100003958786957-3","100003958786957-0","100007096148453-0","100007096148453-3","100004281430963-0","100004281430963-3","100006206431756-3","100006206431756-0","100004533813394-3","100004533813394-0","100001130589132-3","100001130589132-0","100002659173183-0","100002659173183-3","100001437094040-0","100001437094040-3","100002621707729-0","100002621707729-3","100001360588365-0","100001360588365-3","100005318223021-0","100005318223021-3","100005484276925-0","100005484276925-3","100003928885181-3","100003928885181-0","100001562813746-0","100001562813746-3","100004945419296-3","100004945419296-0","100004715288142-3","100004715288142-0","100001406861231-3","100001406861231-0","100002613980391-3","100002613980391-0","100004555415960-0","100004555415960-3","100001344751463-3","100001344751463-0","100004629181616-0","100004629181616-3","100002488971297-0","100002488971297-3","100002343117073-3","100002343117073-0","100006733363033-0","100006733363033-3","100005352093242-3","100005352093242-0","100001921581903-3","100001921581903-0","100007900591906-3","100007900591906-0","100003069393432-0","100003069393432-3","100001773732883-0","100001773732883-3","100004975063616-3","100004975063616-0","100004432331459-0","100004432331459-3","100002596412501-0","100002596412501-3","100005634391665-0","100005634391665-3","100003897305354-3","100003897305354-0","100007441001102-3","100007441001102-0","100005761390705-3","100005761390705-0","100004045103121-3","100004045103121-0","100002690155281-0","100002690155281-3","100007398640569-0","100007398640569-3","100006972576368-3","100006972576368-0","100006855522986-3","100006855522986-0","100000914118074-3","100000914118074-0","100001675226785-3","100001675226785-0","100003696654868-0","100003696654868-3","100002112471465-3","100002112471465-0","100002530754604-0","100002530754604-3","100002613009306-3","100002613009306-0","100002974814282-3","100002974814282-0","100006338084075-3","100006338084075-0","100004243352626-0","100004243352626-3","100003202414391-0","100003202414391-3","100002942052291-3","100002942052291-0","100006911440402-3","100006911440402-0","100003354401737-3","100003354401737-0","100003925894437-3","100003925894437-0","100001932995323-3","100001932995323-0","100006055052927-3","100006055052927-0","100005224000845-3","100005224000845-0","100001635511150-0","100001635511150-3","100004408003850-3","100004408003850-0","100002430937087-3","100002430937087-0","100001532545118-3","100001532545118-0","100006396132310-3","100006396132310-0","100003625538347-0","100003625538347-3","100005744644643-3","100005744644643-0","100007119874314-3","100007119874314-0","100007859700066-3","100007859700066-0","100002024061598-3","100002024061598-0","1367564207-3","1367564207-0","100003276216245-3","100003276216245-0","100005178848283-0","100005178848283-3","100004781384631-3","100004781384631-0","100004106681623-3","100004106681623-0","100006776583352-3","100006776583352-0","100004008009939-3","100004008009939-0","100003544303163-3","100003544303163-0","100003996009708-3","100003996009708-0","100001577543538-0","100001577543538-3","100003972960233-3","100003972960233-0","100001433775481-3","100001433775481-0","100002251811156-3","100002251811156-0","100003950145200-0","100003950145200-3","100004127281499-3","100004127281499-0","100003765222877-0","100003765222877-3","100004393689952-3","100004393689952-0","100006516021228-0","100006516021228-3","100003664401894-0","100003664401894-3","100001146675602-3","100001146675602-0","100004102095156-3","100004102095156-0","100000286490964-3","100000286490964-0","100004370772577-0","100004370772577-3","100004124046153-0","100004124046153-3","100004432664436-3","100004432664436-0","100002649182842-0","100002649182842-3","100003144110039-3","100003144110039-0","100002107077403-3","100002107077403-0","100002466326401-3","100002466326401-0","100000698159248-3","100000698159248-0","100002888360556-0","100002888360556-3","100003289697613-0","100003289697613-3","100004403916868-3","100004403916868-0","100001168235605-3","100001168235605-0","100004174020379-3","100004174020379-0","100003948498818-0","100003948498818-3","100004824464049-3","100004824464049-0","100004620483166-3","100004620483166-0","100000732665622-0","100000732665622-3","100001262659924-0","100001262659924-3","100006609900311-3","100006609900311-0","100007616792702-0","100007616792702-3","100001093203588-3","100001093203588-0","100002648870636-3","100002648870636-0","100005424249644-3","100005424249644-0","100003222686329-3","100003222686329-0","100004105038388-0","100004105038388-3","100007095251571-3","100007095251571-0","100002417154105-3","100002417154105-0","100002436733086-3","100002436733086-0","100007737993380-0","100007737993380-3","100003679508284-3","100003679508284-0","100004492391738-3","100004492391738-0","100003847412660-3","100003847412660-0","100002502026050-0","100002502026050-3","100002602147635-3","100002602147635-0","100004692793928-0","100004692793928-3","100003937030936-3","100003937030936-0","100001563071800-0","100001563071800-3","100004614541408-0","100004614541408-3","100005010280665-3","100005010280665-0","100007730133864-0","100007730133864-3","100002603870007-3","100002603870007-0","100004072237478-0","100004072237478-3","100002154621150-0","100002154621150-3","100006605584917-0","100006605584917-3","100002843985069-0","100002843985069-3","100004986575332-0","100004986575332-3","100007477689221-0","100007477689221-3","100002970541516-0","100002970541516-3","1739243794-0","1739243794-3","100004942561441-0","100004942561441-3","100001125219493-3","100001125219493-0","100002678448761-0","100002678448761-3","100005848746259-3","100005848746259-0","100003686751607-3","100003686751607-0","100004341121492-3","100004341121492-0","100004000579126-0","100004000579126-3","100002624371153-3","100002624371153-0","100004937589099-3","100004937589099-0","100002053167088-0","100002053167088-3","100007578433592-0","100007578433592-3","100004194273988-0","100004194273988-3","100002441106973-0","100002441106973-3","100002199827878-3","100002199827878-0","100001754987645-0","100001754987645-3","100002288876347-3","100002288876347-0","100001301305582-0","100001301305582-3","100003324497121-3","100003324497121-0","100005775342797-3","100005775342797-0","100006411812442-0","100006411812442-3","100000296093966-0","100000296093966-3","100005919122898-0","100005919122898-3","100003572477854-3","100003572477854-0","100002546591959-3","100002546591959-0","100002443778590-0","100002443778590-3","100004168026379-3","100004168026379-0","100001208750052-0","100001208750052-3","100003532138089-0","100003532138089-3","100004769472633-3","100004769472633-0","100003229297873-3","100003229297873-0","100002153345710-3","100002153345710-0","100005060672426-3","100005060672426-0","100002205612057-0","100002205612057-3","100001912041507-0","100001912041507-3","100006348064011-3","100006348064011-0","100002461534847-3","100002461534847-0","100001431514159-0","100001431514159-3","100002477221568-0","100002477221568-3","100004757772507-0","100004757772507-3","100005432198696-0","100005432198696-3","100004400201226-3","100004400201226-0","100002540956903-3","100002540956903-0","100006191889141-3","100006191889141-0","100006306334486-3","100006306334486-0","100007290911924-3","100007290911924-0","100002403819630-0","100002403819630-3","100002903309195-3","100002903309195-0","100006537720576-3","100006537720576-0","100003764877137-0","100003764877137-3","100007606689169-3","100007606689169-0","100004596004512-3","100004596004512-0","100003700044427-0","100003700044427-3","100007145312576-3","100007145312576-0","100007014780804-3","100007014780804-0","100004639123147-3","100004639123147-0","100003105966094-3","100003105966094-0","100004278185766-3","100004278185766-0","100007488824772-0","100007488824772-3","100002399369199-3","100002399369199-0","100001557788862-3","100001557788862-0","100005785240151-0","100005785240151-3","100007927323090-0","100007927323090-3","100007402802639-0","100007402802639-3","100007103221902-0","100007103221902-3","100001906876658-0","100001906876658-3","100004619051648-3","100004619051648-0","100004747064277-3","100004747064277-0","100005582262533-3","100005582262533-0","100001946231557-0","100001946231557-3","100004058464316-0","100004058464316-3","100007403430885-3","100007403430885-0","100001175095722-3","100001175095722-0","100001972165613-3","100001972165613-0","100007644489187-3","100007644489187-0","100007058760904-0","100007058760904-3","100003421915994-0","100003421915994-3","100004878401646-3","100004878401646-0","100002425316582-3","100002425316582-0","100006305713657-0","100006305713657-3","100001878792938-0","100001878792938-3","100002371304297-0","100002371304297-3","100004720152672-3","100004720152672-0","100005005836218-3","100005005836218-0","100002985437168-3","100002985437168-0","100005733242071-0","100005733242071-3","100003569160222-0","100003569160222-3","100003218839423-3","100003218839423-0","100005645379192-3","100005645379192-0","100001135469159-3","100001135469159-0","100003920456068-3","100003920456068-0","100002935551281-3","100002935551281-0","100007471330013-3","100007471330013-0","100004479063888-0","100004479063888-3","100002385721497-0","100002385721497-3","100004739858201-0","100004739858201-3","100001934598074-0","100001934598074-3","100004100321720-3","100004100321720-0","100002764453748-0","100002764453748-3","100007619345409-0","100007619345409-3","100006807061006-0","100006807061006-3","100002387447876-0","100002387447876-3","100004609413954-0","100004609413954-3","100003110448801-0","100003110448801-3","100003327554782-0","100003327554782-3","100001441759442-3","100001441759442-0","100004205405347-3","100004205405347-0","100002937336006-3","100002937336006-0","100006474108881-0","100006474108881-3","100004689967097-0","100004689967097-3","100004858747710-3","100004858747710-0","100006591704545-3","100006591704545-0","100002598313839-3","100002598313839
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลาป่วยอยู่กับใครบางคน.. ก็ยังดีกว่าไปให้หมอรักษา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
รวมกฏแห่งกรรม
Posted on มีนาคม 7, 2011
- ดูหมิ่นคนด้อยกว่า ผลกรรม— ได้รับการดูเเคน
จากคนด้อยกว่าเช่นกัน
—ซ้ำเติมคนดีแต่ถูกใส่ความ —ต่อไปตนเองจะ
ได้รับกรรมตามที่ตนกระทำไว้ทำอะไรได้อันนั้น
—เกิดในสกุลทราม ต่ำต้อย–สาเหตุ
จากการเหยียดหยามคนสกุลดี ครอบครัวอบอุ่น และ
เป็นบุตรที่ดี สามีภรรยารักใคร่ให้เกียรติกัน ช่วย
กันสร้างครอบครัว
–ดูหมิ่นคนระลึกชาติได้ ผลกรรม จะนึกอะไร
ไม่ออกไหลไปตามเวรกรรม
–ใส่ยาเบื่อแอ่งน้ำ หมามุ้ยในแหล่งน้ำพลเมือง —
ผลกรรมเป็นโรคเรื้อน กลากเกลื้ยน
กลิ่นตัวเหม็นสาป สังคมรังเกียด โดนคนไล่ที่ อยู่ไม่
เป็นสุข…(หน้าโดนกากบาทไว้)
—มีพ่อแม่ติดการพนันไม่สนใจครอบครัว
เป็นสตรีก็โดนพ่อแม่ขายกิน มีเสี่ยเลี้ยง
ผลกรรมจากเคยทำกรรมกับกลุ่มคนพวกนี้มาก่อน
วิธีแก้คือไปให้ห่างไกลจากคนกลุ่มนี้ ใช้ชีวิต
ให้ดีขึ้นมีการศึกษาไม่ขายตัวกิน เสี่ยเลี้ยง
แต่ไปวัดทำบุญ สวดมนต์ที่บ้าน
คบคนดีครูแนะนำทางดีๆๆ มีงานเงิน
แล้วส่งเงินทางไปรษณีย์มาให้ครอบครัวแทน แต่
ไม่ยินยอมขายตัวทดแทนคุณแบบสาวดอกคำใต้
สร้างครอบครัวตนเองไปทางที่ดี ตอบแทนสังคม
รู้ตนเองมีปมด้อยก็อย่าออกหน้าสังคมเด่นดัง
ทำตนเงียบๆๆ สงสารสังคม สมณะชี โดยไม่คลุกคลี
ให้ท่านเสื่อมเสีย รักษาเกียรติยศของบุคคลดี
ศรีสังคมยิ่งกว่าชีวิตตนเอง.
— ชอบทำบุญแบบต้องการมีชื่อเสียง ผลกรรม
ชื่อเสียงได้รับตามอาชีพ หากเป้นทหารจะเด่นฆ่าคน
รัฐประหาร และรับใช้มาเฟีย จึงสงวน
ให้คนดีๆๆทำมากกว่า จะได้
ช่วยสังคมมากกว่าคนอาชีพทุจริตทำเช่น สวมาร
ขิงแก่ และข้าราชการ ที่โดยตำแหน่งทำไปงั้นๆๆ
สังคมก็ได้คนงั้นๆๆ เพราะไม่สกีนคนทางศาสนาพุทธ
จึงต้องเสี่ยมจากทำโดยไม่สกีนคน…
— เคารพเจ้าแม่กวนอิม —จะ
เป็นลูกกตัญญูตามแบบที่ถูกต้อง
ไม่ยอมทำผิดแม้พ่อแม่จะบังคับ ยอมถูกขังบนเขา
และตายจากการฆ่าของพระราชบิดา และ
ให้ธรรมที่ถูกแก่วงศาคณายาท แต่ก็ช่วยพ่อ เมื่อตาย
และตกนรกอเวจี และพี่ชายบริวารพ่อที่เกิดเป็นวัว
ยอมตายดีกว่าเป็นทาสพ่อแม่ที่ไม่มีคุณธรรม ซึ่งต่าง
จากแนวพระศาสดา
ที่ทำตามพ่อแม่ทุกประการจนตรัสรู้
แนวกวนอิมจึงแบบลูกมีธรรมมาก(ชาตุบุตร)
กว่าพ่อแม่แต่ก็พยายามดึงพ่อแม่เข้าสู่ธรรมมะ นำส่ง
เข้าพุทธวงค์และหลักธรรมที่มั่นคง การทำบุญ
จึงมีหลากหลายเพื่อช่วยพ่อแม่และพี่ชายทั้งหลาย
ทีีมีในแบบมหายาน ตรุษจีน สารทจีนและพีธีกงเต็ก
วันพระจีนและวันต่างๆๆ เพื่อมีบารมีช่วยบริวาร
ในโลกนี้จึงร่ำรวยทรัพย์ อยู่ดีมีสุข เป็นอุบาสิกาธรรม
ตามแนวพระศาสดาหลังพุทธกาล รูปแบบจึง
ต้องรักษ์ธรรมตามกาลสมัย รูปปัญหาที่เกิด และเเก้
ให้ตรงจุด เป็นปิยมิตรกับทุกศาสนา เพราะไม่ใช้ศัตรู
กันล้วนเกิดมาในยุคสมัยมหาเทพ และศาสดา
ในศาสนาต่างๆๆ เคยเกิดร่วมสมัยมาก่อน
การดูหมิ่นพระโพธิสัตว์จึง
ได้รับกรรมตามแบบยุคพระศาสดา
ในศาสนาพุทธทุกประการ ธรณีสูบ แผ่นดินถล่ม
โลกธรรม8เสื่อม ดังนั้นทุกคนจึง
ต้องศึกษาพระไตรปิฏก และพุทธชาดก เพื่อ
ให้พ้นกรรม ไม่ทำตามสิ่งผิด
เมื่อรู้กรรมตามแนวองค์พระศาสดาได้ทรงเล่าไว้
ในอดีตกาล จะรู้วิธีแก้ไขและมีความสุขในการใช้ชีวิต
…
—สิ่งที่ได้รับในชาตินี้เพราะชาติก่อนทำไว้ –
เพราะถวายสังฆทาน และทำทานสิ่งที่ได้รับนี้มาก่อน
—ปิดทองพระ–มีอาภรณ์มงคลธรรมประดับกาย
—เป็นขุนนาง–สร้างบุญก่อกุศลแต่ปางก่อนไว้ จึง
ได้รับชาตินี้
—มีรถนั่งมีเรือขี่ –
เพราะชาติก่อนสร้างถนนทำสะพาน
— มีเสื้อผ้าแพรพรรณประดับกาย–
เพราะชาติก่อนบริจาคเสื้อผ้าให้ผู้ยากจน
— มีอาหารกินอิ่มสมบูรณ์–
เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มให้
ผู้ยากจน
— ที่ไม่มีจะกินจะใส่ –เพราะชาติก่อน
ไม่เคยบริจาคทานเลยแม้แต่น้อย
— มีบ้าน –
เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวสารช่วยผู้ยากไร้
—มีบ้านโอฬาร —เพราะถวายข้าวสารเข้าวัดทุกปี
— มีบุญบารมีวาสนา –
เพราะชาติก่อนสร้างวัดสร้างศาลา
—ชาตินี้ยากจน —เพราะไม่เคยให้ทาน
รักษาธรรมแม้พ่อแม้ให้ทำผิดก็ยอมโดนถูกฆ่า
จากครอบครัวดีกว่าทำผิดศีลธรรม.
พุทธวงค์ย่อมรักษ์สิ่งดีงามอยู่ใต้ร่มธรรม ดีกว่ามีสุข
ในทะเลโคลนตรมที่ไม่จีรัง สะเปะสะปะเกิด โดย
ไม่มีทรัพย์(บารมีบุญ)ต่อรอง.
— มีหน้าตาสวยงาม –
เพราะชาติก่อนบูชาพระพุทธรูปด้วยดอกไม้ของหอม
— มีปัญญา มีความปราดเปรื่อง–
เพราะชาติก่อนหมั่นภาวนาสวดมนต์
—สามีภรรยาครองคู่กันอยู่ –
เพราะชาติก่อนถวายผ้าไตรคู่ เทียนคู่
จุดเทียนถวายพระ2เล่ม
— มีภรรยาดีมีมารยาทพร้อม –เพราะชาติก่อน
ได้สร้างบุญสร้างกุศลร่วมกัน
— สามีภรรยามีอายุยืนยาว –เพราะชาติก่อน
ได้แต่งริ้วธงประดับหน้าพระพุทธรูป
—แม่หวงลูกชายทำร้ายสตรีที่มาเกี่ยวข้องกับบุตรตน
–เพราะชาติก่อนลูกชายเคยเป็นสามีเธอมาก่อน
—ภรรยาหวงสามี เจ้าชู้
เพราะชาติก่อนสามีเธอเจ้าชู้หลายเมีย ไม่ตัดกรรมเก่า
ฝึกซื่อสัตย์ สัจจะ นิยมมีสนม ฮาเล็ม และ
เข้าแหล่งนางโลม ซ่อง อาบ อบ นวด ริเคย
เป็นนางโลม โสเภณีมาก่อนสลับมาเป็นชาย
จึงวนเวียนไปในที่ๆๆเคยไป ไปไหนไม่พ้น.
—เป็นตุ๊ดเกย์ทอม ชาติก่อนส่ำส่อน สลับชาย
เป็นหญิงๆๆเป็นชายมาหลายชาติจากกามราคะ
ไม่มั่นคงในสัจจะ.
— มีพ่อแม่อยู่ครบ –
เพราะชาติก่อนเห็นอกเห็นใจผู้กำพร้า
ไม่ดูแคลนคนไร้ญาติ
— ไม่มีพ่อมีแม่ –
เพราะชาติก่อนชอบยิงนกตกปลา พรากพ่อแม่ลูกเขา
— มีลูกหลานแยะ –
เพราะชาติก่อนชอบปล่อยนกปล่อยปลา
– เลี้ยงลูกไม่รู้จักโต –เพราะชาติก่อนชอบเจ็บแ
ค้นผู้อื่น
– ชาตินี้ไม่มีลูก –
เพราะชาติก่อนข่มเหงรังแกลูกหลานชาวบ้าน
— ชาตินี้อายุยืน –
เพราะชาติก่อนชอบซื้อสัตว์ปลดปล่อยชีวิต
เหตุ:
ชอบบอกเล่ากฎแห่งกรรม . ผล: บุญกุศล
จากธรรมทานมากมาย
— ชาตินี้อายุสั้น –
เพราะชาติก่อนชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
— ชาตินี้ไม่มีภรรยา –
เพราะชาติก่อนชอบผิดประเวณี ข่มขืนลูกเมียเขา
— ชาตินี้เป็นหม้าย –
เพราะชาติก่อนชอบดูหมิ่นดูแคลนสามี ใจร้าย
ไม่รักลูกเมีย
— ชาตินี้เป็นทาส บ่ว ไพร่ –เพราะชาติก่อน
ไม่รู้จักบุญคุณคน เนรคุณไม่ช่วยเหลือใคร
— ชาตินี้มีตาดี –
เพราะชาติก่อนซื้อน้ำมันเติมตะเกียงบูชาพระ
—ชาตินี้ดวงตาสวย —เพราะจุดเทียน
ถวายน้ำมันจุดโคมไฟ
— ชาตินี้มีตาบอด –
เพราะชาติก่อนชอบอ่านหนังสือลามก
— ชาตินี้มีปากแหว่ง –เพราะชาติก่อนกล่าวร้ายใส่
ความผู้อื่น
—- ชาตินี้หูหนวกเป็นใบ้ –
เพราะชาติก่อนปากร้ายชอบด่าพ่อแม่
— ชาตินี้หลังค่อมเพราะ –
เพราะชาติก่อนหัวเราะคนที่ไว้พระ
— ชาตินี้มืองอแขนคด –
เพราะชาติก่อนเคยตีพ่อแม่
เหตุ:
อนุโมทนาร่วมทำบุญทั่วไป. ผล: จะ
ได้ภรรยาสวยสะใภ้ดีเป็นศรีศักดิ์
— ชาตินี้ขาเป๋ตีนแป –
เพราะชาติก่อนทำลายถนนและสะพาน
— ชาตินี้เป็นวัวเป็นควาย –เพราะชาติก่อนเป็นหนี้
เขาแล้วไม่ใช้คืน
— ชาตินี้เป็นหมูเป็นหมา –
เพราะชาติก่อนมีใจคิดหลอกลวงเขา
— ชาตินี้มีโรคมาก –เพราะชาติก่อนดีใจที่เห็นผู้
อื่นเคราะห์ร้าย
— ชาตินี้สุขภาพดี –
เพราะชาติก่อนบริจาคยารักษาโรคผู้อื่น
— ชาตินี้ถูกจองจำ –
เพราะชาติก่อนเห็นใครอันตรายไม่คิดช่วย
- ชาตินี้ต้องอดอาหารตาย –
เพราะชาติก่อนหัวเราะขอทาน
— ชาตินี้ต้องถูกเขาวางยาเบื่อตาย –
เพราะชาติก่อนเบื่อปลาในคลอง
— ชาตินี้โดดเดี่ยวทุกข์ทรมาน –
เพราะชาติก่อนใจบาปคิดแต่จะทำลายผู้อื่น
— ชาตินี้แคระแกรน –
เพราะชาติก่อนชอบเหยียดหยามดูแคลนคนรับใช้
—- ชาตินี้อาเจียนเป็นโลหิต –
เพราะชาติก่อนคอยปลุกปั่นยุแหย่คนอื่นให้แตกแยก
กัน
— ชาตินี้หูหนวก –เพราะชาติก่อนฟังธรรม
แล้วไม่เชื่อถือ
— ชาตินี้เป็นผีหนอง –
เพราะชาติก่อนทารุณสัตว์
— ชาตินี้ตัวมีกลิ่นเหม็น –
เพราะชาติก่อนชอบอิจฉาริษยาผู้อื่น
— ชาตินี้ต้องแขวนคอตาย –
เพราะชาติก่อนทำลายเขาเพื่อประโยชน์ตน
— ชาตินี้เป็นหม้ายหรือโดดเดี่ยว –เพราะชาติก่อน
ไม่รักลูกรักภรรยา
— ชาตินี้ถูกฟ้าผ่าตาย –
เพราะชาติก่อนพูดจาเสียดสีผู้ออกบวช
— ชาตินี้ถูกสัตว์ร้ายกัดตาย –
เพราะชาติก่อนชอบก่อภับสร้างศัตรู
—เคารพปราญ์ บัญฑิต(คนดี) คนชรา —มีวาสนา
ปัญญา อายุยืน
—ชอบบอกทางให้คนไม่รู้ —
เป็นที่ชื่นชอบแก่คนพบเห็น
—เป็นสุนัขเฝ้าบ้าน —ชาติก่อนคิดร้ายกับ
ผู้มีพระคุณ
—เกิดเป็น หมู กา ไก่ วัว ควาย —ชาติก่อน
โกงกินเงินคนทำบุญ
—สร้างข่าวลือทำร้ายใครต่อใคร —ผลกรรมจะ
ต้องตายคนวางยา
— ด่าทอคนไม่เลือกหน้า —มะเร้งถามหา
จากดรคลมปากกำเริบ
—ใช้ตีนเหยียบคนตนไม่ชอบ —หากเทำคนดี
เป็นโรคเท้าช้างในอนาคต
—เหตุ:สำส่อนมากชู้ เปลี่ยนคู่นอน —กรุ๊ปเลือด
ไม่ผสานกัน เป็นโรคเกี่ยวกับเลือด..
–ล่วงเกินลูกเมียเขา —
ขาดคู่ครอง ไม่นิยมแต่งงานมีคุ่ครอง
เสพกามไปเรื่อยๆๆไปเรื่อยๆๆ
— สรรพกรรมที่ก่อไว้กรรมตามสนอง –ต้องตกนรก
ได้รับทุกข์ทรมานจะโทษใครเล่า
— อย่าพูดว่ากฎแห่งกรรมไม่มีใครเห็น –
กรรมสนองเร็วก็ตกที่ตัวเอง กรรมสนองช้าก็ตก
กับลูกหลาน
— ถ้าไม่ศรัทธาพระรัตนตรัย ไม่รีบทำทาน –
ก็จงดูบุคคลที่มีบุญวาสนาซิ
—- เพราะเขาทำบุญไว้ตั้งแต่ชาติก่อน ชาตินี้บุญ
จึงตอบสนอง–แม้ปัจจุบันสั่งสมบุญกุศล บุญนั้นก็
จะคุ้มครองถึงบุตรหลาน
— หากใครกล่าวร้ายเรื่องกฎแห่งกรรม–ชาติหน้าก็ไม่
ได้เกิดเป็นคนอีก (เกิดอยู่ในอบายภูมิ)
— หากเชื่อถือยึดมั่นในกฎแห่งกรรม–
ความเจริญมั่งมีศรีสุข ก็จะมาเยือนถึงบ้าน
— หากใครคอยแนะนำเผยแพร่เรื่องกฎแห่งกรรม–ก็
จะเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นชั่วลูกชั่วหลาน
— หากใครยึดมั่นในกฎแห่งกรรม–
ฆาตเคราะห์ภัยพิบัติจะอยู่ห่างไกลตัว
— หากใครเที่ยวบรรยายเรื่องกฎแห่งกรรม–ทุก ๆ
ชาติจะเป็นบุคคลมีปัญญาเลิศ
— หากใครหมั่นสวดมนต์ในเรื่องกฎแห่งกรรม–
ชาติหน้าไปถึงไหนก็มีแต่คนนับถือ
— หากใครพิมพ์หนังสือเรื่องกฎแห่งกรรมแจก–
ชาติหน้าจะมีกายมงคลรุ่งโรจน์
— หากจะถามเรื่องกฎแห่งกรรมของชาติก่อน–
ควรศึกษาเรื่องราวของพระกัสสปพุทธเจ้าที่มีรัศมีแวววาว
— หากจะถามถึงเหตุผลของชาติหน้า–ก็
ให้ดูพวกที่กล่าวร้ายพระธรรมในเมืองนรก
— หากว่าเหตุแห่งกรรมไม่มีการตอบสนอง–ก็
ให้อ่านเรื่องพระโมคคัลลาน์ช่วยมารดาในเมืองนรก
— หากบุคคลใดก็ตามที่ยึดมั่นในกฎแห่งกรรม–ก็จะ
ได้ไปเกิดในสุขาวดีแดนพุทธเกษตร
— เรื่องกฎแห่งกรรมในสามโลกนี้พูดกันไม่จบ–
สวรรค์ไม่เคยขาดคนจิตกุศล
— ในพระรัตนตรัยเป็นแก้ววิเศษ–รู้จักสละบ้างผล
ได้รับเหลือคณานับ
เหมือนดั่งสะสมอริยทรัพย์ไว้ในเซฟที่มั่นคง–จะ
ได้รับผลประโยชน์ทุก ๆ ชาติไป
— หากถามเรื่องชาติปางก่อน–ก็ให้ดูผลที่ได้รับ
ในปัจจุบัน
— หากจะถามเรื่องชาติหน้า–ก็ให้ดูสิ่งที่กระทำ
Posted on มีนาคม 7, 2011
- ดูหมิ่นคนด้อยกว่า ผลกรรม— ได้รับการดูเเคน
จากคนด้อยกว่าเช่นกัน
—ซ้ำเติมคนดีแต่ถูกใส่ความ —ต่อไปตนเองจะ
ได้รับกรรมตามที่ตนกระทำไว้ทำอะไรได้อันนั้น
—เกิดในสกุลทราม ต่ำต้อย–สาเหตุ
จากการเหยียดหยามคนสกุลดี ครอบครัวอบอุ่น และ
เป็นบุตรที่ดี สามีภรรยารักใคร่ให้เกียรติกัน ช่วย
กันสร้างครอบครัว
–ดูหมิ่นคนระลึกชาติได้ ผลกรรม จะนึกอะไร
ไม่ออกไหลไปตามเวรกรรม
–ใส่ยาเบื่อแอ่งน้ำ หมามุ้ยในแหล่งน้ำพลเมือง —
ผลกรรมเป็นโรคเรื้อน กลากเกลื้ยน
กลิ่นตัวเหม็นสาป สังคมรังเกียด โดนคนไล่ที่ อยู่ไม่
เป็นสุข…(หน้าโดนกากบาทไว้)
—มีพ่อแม่ติดการพนันไม่สนใจครอบครัว
เป็นสตรีก็โดนพ่อแม่ขายกิน มีเสี่ยเลี้ยง
ผลกรรมจากเคยทำกรรมกับกลุ่มคนพวกนี้มาก่อน
วิธีแก้คือไปให้ห่างไกลจากคนกลุ่มนี้ ใช้ชีวิต
ให้ดีขึ้นมีการศึกษาไม่ขายตัวกิน เสี่ยเลี้ยง
แต่ไปวัดทำบุญ สวดมนต์ที่บ้าน
คบคนดีครูแนะนำทางดีๆๆ มีงานเงิน
แล้วส่งเงินทางไปรษณีย์มาให้ครอบครัวแทน แต่
ไม่ยินยอมขายตัวทดแทนคุณแบบสาวดอกคำใต้
สร้างครอบครัวตนเองไปทางที่ดี ตอบแทนสังคม
รู้ตนเองมีปมด้อยก็อย่าออกหน้าสังคมเด่นดัง
ทำตนเงียบๆๆ สงสารสังคม สมณะชี โดยไม่คลุกคลี
ให้ท่านเสื่อมเสีย รักษาเกียรติยศของบุคคลดี
ศรีสังคมยิ่งกว่าชีวิตตนเอง.
— ชอบทำบุญแบบต้องการมีชื่อเสียง ผลกรรม
ชื่อเสียงได้รับตามอาชีพ หากเป้นทหารจะเด่นฆ่าคน
รัฐประหาร และรับใช้มาเฟีย จึงสงวน
ให้คนดีๆๆทำมากกว่า จะได้
ช่วยสังคมมากกว่าคนอาชีพทุจริตทำเช่น สวมาร
ขิงแก่ และข้าราชการ ที่โดยตำแหน่งทำไปงั้นๆๆ
สังคมก็ได้คนงั้นๆๆ เพราะไม่สกีนคนทางศาสนาพุทธ
จึงต้องเสี่ยมจากทำโดยไม่สกีนคน…
— เคารพเจ้าแม่กวนอิม —จะ
เป็นลูกกตัญญูตามแบบที่ถูกต้อง
ไม่ยอมทำผิดแม้พ่อแม่จะบังคับ ยอมถูกขังบนเขา
และตายจากการฆ่าของพระราชบิดา และ
ให้ธรรมที่ถูกแก่วงศาคณายาท แต่ก็ช่วยพ่อ เมื่อตาย
และตกนรกอเวจี และพี่ชายบริวารพ่อที่เกิดเป็นวัว
ยอมตายดีกว่าเป็นทาสพ่อแม่ที่ไม่มีคุณธรรม ซึ่งต่าง
จากแนวพระศาสดา
ที่ทำตามพ่อแม่ทุกประการจนตรัสรู้
แนวกวนอิมจึงแบบลูกมีธรรมมาก(ชาตุบุตร)
กว่าพ่อแม่แต่ก็พยายามดึงพ่อแม่เข้าสู่ธรรมมะ นำส่ง
เข้าพุทธวงค์และหลักธรรมที่มั่นคง การทำบุญ
จึงมีหลากหลายเพื่อช่วยพ่อแม่และพี่ชายทั้งหลาย
ทีีมีในแบบมหายาน ตรุษจีน สารทจีนและพีธีกงเต็ก
วันพระจีนและวันต่างๆๆ เพื่อมีบารมีช่วยบริวาร
ในโลกนี้จึงร่ำรวยทรัพย์ อยู่ดีมีสุข เป็นอุบาสิกาธรรม
ตามแนวพระศาสดาหลังพุทธกาล รูปแบบจึง
ต้องรักษ์ธรรมตามกาลสมัย รูปปัญหาที่เกิด และเเก้
ให้ตรงจุด เป็นปิยมิตรกับทุกศาสนา เพราะไม่ใช้ศัตรู
กันล้วนเกิดมาในยุคสมัยมหาเทพ และศาสดา
ในศาสนาต่างๆๆ เคยเกิดร่วมสมัยมาก่อน
การดูหมิ่นพระโพธิสัตว์จึง
ได้รับกรรมตามแบบยุคพระศาสดา
ในศาสนาพุทธทุกประการ ธรณีสูบ แผ่นดินถล่ม
โลกธรรม8เสื่อม ดังนั้นทุกคนจึง
ต้องศึกษาพระไตรปิฏก และพุทธชาดก เพื่อ
ให้พ้นกรรม ไม่ทำตามสิ่งผิด
เมื่อรู้กรรมตามแนวองค์พระศาสดาได้ทรงเล่าไว้
ในอดีตกาล จะรู้วิธีแก้ไขและมีความสุขในการใช้ชีวิต
…
—สิ่งที่ได้รับในชาตินี้เพราะชาติก่อนทำไว้ –
เพราะถวายสังฆทาน และทำทานสิ่งที่ได้รับนี้มาก่อน
—ปิดทองพระ–มีอาภรณ์มงคลธรรมประดับกาย
—เป็นขุนนาง–สร้างบุญก่อกุศลแต่ปางก่อนไว้ จึง
ได้รับชาตินี้
—มีรถนั่งมีเรือขี่ –
เพราะชาติก่อนสร้างถนนทำสะพาน
— มีเสื้อผ้าแพรพรรณประดับกาย–
เพราะชาติก่อนบริจาคเสื้อผ้าให้ผู้ยากจน
— มีอาหารกินอิ่มสมบูรณ์–
เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มให้
ผู้ยากจน
— ที่ไม่มีจะกินจะใส่ –เพราะชาติก่อน
ไม่เคยบริจาคทานเลยแม้แต่น้อย
— มีบ้าน –
เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวสารช่วยผู้ยากไร้
—มีบ้านโอฬาร —เพราะถวายข้าวสารเข้าวัดทุกปี
— มีบุญบารมีวาสนา –
เพราะชาติก่อนสร้างวัดสร้างศาลา
—ชาตินี้ยากจน —เพราะไม่เคยให้ทาน
รักษาธรรมแม้พ่อแม้ให้ทำผิดก็ยอมโดนถูกฆ่า
จากครอบครัวดีกว่าทำผิดศีลธรรม.
พุทธวงค์ย่อมรักษ์สิ่งดีงามอยู่ใต้ร่มธรรม ดีกว่ามีสุข
ในทะเลโคลนตรมที่ไม่จีรัง สะเปะสะปะเกิด โดย
ไม่มีทรัพย์(บารมีบุญ)ต่อรอง.
— มีหน้าตาสวยงาม –
เพราะชาติก่อนบูชาพระพุทธรูปด้วยดอกไม้ของหอม
— มีปัญญา มีความปราดเปรื่อง–
เพราะชาติก่อนหมั่นภาวนาสวดมนต์
—สามีภรรยาครองคู่กันอยู่ –
เพราะชาติก่อนถวายผ้าไตรคู่ เทียนคู่
จุดเทียนถวายพระ2เล่ม
— มีภรรยาดีมีมารยาทพร้อม –เพราะชาติก่อน
ได้สร้างบุญสร้างกุศลร่วมกัน
— สามีภรรยามีอายุยืนยาว –เพราะชาติก่อน
ได้แต่งริ้วธงประดับหน้าพระพุทธรูป
—แม่หวงลูกชายทำร้ายสตรีที่มาเกี่ยวข้องกับบุตรตน
–เพราะชาติก่อนลูกชายเคยเป็นสามีเธอมาก่อน
—ภรรยาหวงสามี เจ้าชู้
เพราะชาติก่อนสามีเธอเจ้าชู้หลายเมีย ไม่ตัดกรรมเก่า
ฝึกซื่อสัตย์ สัจจะ นิยมมีสนม ฮาเล็ม และ
เข้าแหล่งนางโลม ซ่อง อาบ อบ นวด ริเคย
เป็นนางโลม โสเภณีมาก่อนสลับมาเป็นชาย
จึงวนเวียนไปในที่ๆๆเคยไป ไปไหนไม่พ้น.
—เป็นตุ๊ดเกย์ทอม ชาติก่อนส่ำส่อน สลับชาย
เป็นหญิงๆๆเป็นชายมาหลายชาติจากกามราคะ
ไม่มั่นคงในสัจจะ.
— มีพ่อแม่อยู่ครบ –
เพราะชาติก่อนเห็นอกเห็นใจผู้กำพร้า
ไม่ดูแคลนคนไร้ญาติ
— ไม่มีพ่อมีแม่ –
เพราะชาติก่อนชอบยิงนกตกปลา พรากพ่อแม่ลูกเขา
— มีลูกหลานแยะ –
เพราะชาติก่อนชอบปล่อยนกปล่อยปลา
– เลี้ยงลูกไม่รู้จักโต –เพราะชาติก่อนชอบเจ็บแ
ค้นผู้อื่น
– ชาตินี้ไม่มีลูก –
เพราะชาติก่อนข่มเหงรังแกลูกหลานชาวบ้าน
— ชาตินี้อายุยืน –
เพราะชาติก่อนชอบซื้อสัตว์ปลดปล่อยชีวิต
เหตุ:
ชอบบอกเล่ากฎแห่งกรรม . ผล: บุญกุศล
จากธรรมทานมากมาย
— ชาตินี้อายุสั้น –
เพราะชาติก่อนชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
— ชาตินี้ไม่มีภรรยา –
เพราะชาติก่อนชอบผิดประเวณี ข่มขืนลูกเมียเขา
— ชาตินี้เป็นหม้าย –
เพราะชาติก่อนชอบดูหมิ่นดูแคลนสามี ใจร้าย
ไม่รักลูกเมีย
— ชาตินี้เป็นทาส บ่ว ไพร่ –เพราะชาติก่อน
ไม่รู้จักบุญคุณคน เนรคุณไม่ช่วยเหลือใคร
— ชาตินี้มีตาดี –
เพราะชาติก่อนซื้อน้ำมันเติมตะเกียงบูชาพระ
—ชาตินี้ดวงตาสวย —เพราะจุดเทียน
ถวายน้ำมันจุดโคมไฟ
— ชาตินี้มีตาบอด –
เพราะชาติก่อนชอบอ่านหนังสือลามก
— ชาตินี้มีปากแหว่ง –เพราะชาติก่อนกล่าวร้ายใส่
ความผู้อื่น
—- ชาตินี้หูหนวกเป็นใบ้ –
เพราะชาติก่อนปากร้ายชอบด่าพ่อแม่
— ชาตินี้หลังค่อมเพราะ –
เพราะชาติก่อนหัวเราะคนที่ไว้พระ
— ชาตินี้มืองอแขนคด –
เพราะชาติก่อนเคยตีพ่อแม่
เหตุ:
อนุโมทนาร่วมทำบุญทั่วไป. ผล: จะ
ได้ภรรยาสวยสะใภ้ดีเป็นศรีศักดิ์
— ชาตินี้ขาเป๋ตีนแป –
เพราะชาติก่อนทำลายถนนและสะพาน
— ชาตินี้เป็นวัวเป็นควาย –เพราะชาติก่อนเป็นหนี้
เขาแล้วไม่ใช้คืน
— ชาตินี้เป็นหมูเป็นหมา –
เพราะชาติก่อนมีใจคิดหลอกลวงเขา
— ชาตินี้มีโรคมาก –เพราะชาติก่อนดีใจที่เห็นผู้
อื่นเคราะห์ร้าย
— ชาตินี้สุขภาพดี –
เพราะชาติก่อนบริจาคยารักษาโรคผู้อื่น
— ชาตินี้ถูกจองจำ –
เพราะชาติก่อนเห็นใครอันตรายไม่คิดช่วย
- ชาตินี้ต้องอดอาหารตาย –
เพราะชาติก่อนหัวเราะขอทาน
— ชาตินี้ต้องถูกเขาวางยาเบื่อตาย –
เพราะชาติก่อนเบื่อปลาในคลอง
— ชาตินี้โดดเดี่ยวทุกข์ทรมาน –
เพราะชาติก่อนใจบาปคิดแต่จะทำลายผู้อื่น
— ชาตินี้แคระแกรน –
เพราะชาติก่อนชอบเหยียดหยามดูแคลนคนรับใช้
—- ชาตินี้อาเจียนเป็นโลหิต –
เพราะชาติก่อนคอยปลุกปั่นยุแหย่คนอื่นให้แตกแยก
กัน
— ชาตินี้หูหนวก –เพราะชาติก่อนฟังธรรม
แล้วไม่เชื่อถือ
— ชาตินี้เป็นผีหนอง –
เพราะชาติก่อนทารุณสัตว์
— ชาตินี้ตัวมีกลิ่นเหม็น –
เพราะชาติก่อนชอบอิจฉาริษยาผู้อื่น
— ชาตินี้ต้องแขวนคอตาย –
เพราะชาติก่อนทำลายเขาเพื่อประโยชน์ตน
— ชาตินี้เป็นหม้ายหรือโดดเดี่ยว –เพราะชาติก่อน
ไม่รักลูกรักภรรยา
— ชาตินี้ถูกฟ้าผ่าตาย –
เพราะชาติก่อนพูดจาเสียดสีผู้ออกบวช
— ชาตินี้ถูกสัตว์ร้ายกัดตาย –
เพราะชาติก่อนชอบก่อภับสร้างศัตรู
—เคารพปราญ์ บัญฑิต(คนดี) คนชรา —มีวาสนา
ปัญญา อายุยืน
—ชอบบอกทางให้คนไม่รู้ —
เป็นที่ชื่นชอบแก่คนพบเห็น
—เป็นสุนัขเฝ้าบ้าน —ชาติก่อนคิดร้ายกับ
ผู้มีพระคุณ
—เกิดเป็น หมู กา ไก่ วัว ควาย —ชาติก่อน
โกงกินเงินคนทำบุญ
—สร้างข่าวลือทำร้ายใครต่อใคร —ผลกรรมจะ
ต้องตายคนวางยา
— ด่าทอคนไม่เลือกหน้า —มะเร้งถามหา
จากดรคลมปากกำเริบ
—ใช้ตีนเหยียบคนตนไม่ชอบ —หากเทำคนดี
เป็นโรคเท้าช้างในอนาคต
—เหตุ:สำส่อนมากชู้ เปลี่ยนคู่นอน —กรุ๊ปเลือด
ไม่ผสานกัน เป็นโรคเกี่ยวกับเลือด..
–ล่วงเกินลูกเมียเขา —
ขาดคู่ครอง ไม่นิยมแต่งงานมีคุ่ครอง
เสพกามไปเรื่อยๆๆไปเรื่อยๆๆ
— สรรพกรรมที่ก่อไว้กรรมตามสนอง –ต้องตกนรก
ได้รับทุกข์ทรมานจะโทษใครเล่า
— อย่าพูดว่ากฎแห่งกรรมไม่มีใครเห็น –
กรรมสนองเร็วก็ตกที่ตัวเอง กรรมสนองช้าก็ตก
กับลูกหลาน
— ถ้าไม่ศรัทธาพระรัตนตรัย ไม่รีบทำทาน –
ก็จงดูบุคคลที่มีบุญวาสนาซิ
—- เพราะเขาทำบุญไว้ตั้งแต่ชาติก่อน ชาตินี้บุญ
จึงตอบสนอง–แม้ปัจจุบันสั่งสมบุญกุศล บุญนั้นก็
จะคุ้มครองถึงบุตรหลาน
— หากใครกล่าวร้ายเรื่องกฎแห่งกรรม–ชาติหน้าก็ไม่
ได้เกิดเป็นคนอีก (เกิดอยู่ในอบายภูมิ)
— หากเชื่อถือยึดมั่นในกฎแห่งกรรม–
ความเจริญมั่งมีศรีสุข ก็จะมาเยือนถึงบ้าน
— หากใครคอยแนะนำเผยแพร่เรื่องกฎแห่งกรรม–ก็
จะเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นชั่วลูกชั่วหลาน
— หากใครยึดมั่นในกฎแห่งกรรม–
ฆาตเคราะห์ภัยพิบัติจะอยู่ห่างไกลตัว
— หากใครเที่ยวบรรยายเรื่องกฎแห่งกรรม–ทุก ๆ
ชาติจะเป็นบุคคลมีปัญญาเลิศ
— หากใครหมั่นสวดมนต์ในเรื่องกฎแห่งกรรม–
ชาติหน้าไปถึงไหนก็มีแต่คนนับถือ
— หากใครพิมพ์หนังสือเรื่องกฎแห่งกรรมแจก–
ชาติหน้าจะมีกายมงคลรุ่งโรจน์
— หากจะถามเรื่องกฎแห่งกรรมของชาติก่อน–
ควรศึกษาเรื่องราวของพระกัสสปพุทธเจ้าที่มีรัศมีแวววาว
— หากจะถามถึงเหตุผลของชาติหน้า–ก็
ให้ดูพวกที่กล่าวร้ายพระธรรมในเมืองนรก
— หากว่าเหตุแห่งกรรมไม่มีการตอบสนอง–ก็
ให้อ่านเรื่องพระโมคคัลลาน์ช่วยมารดาในเมืองนรก
— หากบุคคลใดก็ตามที่ยึดมั่นในกฎแห่งกรรม–ก็จะ
ได้ไปเกิดในสุขาวดีแดนพุทธเกษตร
— เรื่องกฎแห่งกรรมในสามโลกนี้พูดกันไม่จบ–
สวรรค์ไม่เคยขาดคนจิตกุศล
— ในพระรัตนตรัยเป็นแก้ววิเศษ–รู้จักสละบ้างผล
ได้รับเหลือคณานับ
เหมือนดั่งสะสมอริยทรัพย์ไว้ในเซฟที่มั่นคง–จะ
ได้รับผลประโยชน์ทุก ๆ ชาติไป
— หากถามเรื่องชาติปางก่อน–ก็ให้ดูผลที่ได้รับ
ในปัจจุบัน
— หากจะถามเรื่องชาติหน้า–ก็ให้ดูสิ่งที่กระทำ
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 12, 2014 1:53:46pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพราะอากาศมันร้อน ผมเลยทำได้แค่นิ่ง..
นิ่ง..และก็...นิ่ง
นิ่งๆ นิ่งๆ..นิ่งๆ นิ่งๆๆ
ผมบอกกับตัวเองว่า..
"ยังนิ่งอีกนะมึง
เพื่อนก็เอาแต่ว่าผม ผู้หญิงคนนั้น เขามองเขายิ้มให้มึงนานแล้วนะ.. รออะไรอยู่ละมึง ผู้หญิงเขาสนใจขนาดนี้
จีบเขาเลยๆ กล้าๆหน่อยสิ ผมก็เชียร์ตัวเองอยู่ในใจ เอาวะ!!
* แค่ สวัดดีครัช
* ชื่ออะไรครัช
* อยากรู้จักครัช
* จีบละนะครัช
*
แล้วผมก็เดินไปอยู่ตรงหน้าผู้หญิงคนนั้น..ผมมองหน้าเธอ เธอมองหน้าผม
ผมสบตาเธอ..เธอสบตาผม
เธอเขิลหน้าแดง น่ารักมากๆ สงสัยเธอจะชอบผมเข้าแล้วเหมือนกัน
** #แต่ว่า_ถ้ายกแขนขึ้นตอนนี้_จะมีกลิ่นไหมนะ_ดมดูก่อนดีกว่าเรา
#
ดม..เฮ้อหอมจัง..รู้สึกมั่นใจ..^^
กล้าจีบละ ^^
หญิงเห็นแล้ว : อี๋..ดมลักแล้ตัวเอง..ไอ้โรคจิต แล้วตบหน้า
ชาย : อ่าว..ไปไหนแล้ว ( T__T ) "
#by:Resona: )
นิ่ง..และก็...นิ่ง
นิ่งๆ นิ่งๆ..นิ่งๆ นิ่งๆๆ
ผมบอกกับตัวเองว่า..
"ยังนิ่งอีกนะมึง
เพื่อนก็เอาแต่ว่าผม ผู้หญิงคนนั้น เขามองเขายิ้มให้มึงนานแล้วนะ.. รออะไรอยู่ละมึง ผู้หญิงเขาสนใจขนาดนี้
จีบเขาเลยๆ กล้าๆหน่อยสิ ผมก็เชียร์ตัวเองอยู่ในใจ เอาวะ!!
* แค่ สวัดดีครัช
* ชื่ออะไรครัช
* อยากรู้จักครัช
* จีบละนะครัช
*
แล้วผมก็เดินไปอยู่ตรงหน้าผู้หญิงคนนั้น..ผมมองหน้าเธอ เธอมองหน้าผม
ผมสบตาเธอ..เธอสบตาผม
เธอเขิลหน้าแดง น่ารักมากๆ สงสัยเธอจะชอบผมเข้าแล้วเหมือนกัน
** #แต่ว่า_ถ้ายกแขนขึ้นตอนนี้_จะมีกลิ่นไหมนะ_ดมดูก่อนดีกว่าเรา
#
ดม..เฮ้อหอมจัง..รู้สึกมั่นใจ..^^
กล้าจีบละ ^^
หญิงเห็นแล้ว : อี๋..ดมลักแล้ตัวเอง..ไอ้โรคจิต แล้วตบหน้า
ชาย : อ่าว..ไปไหนแล้ว ( T__T ) "
#by:Resona: )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ เบียร์บี้ เบียร์บี้
คุณได้แท็ก เบียร์บี้ เบียร์บี้
#สายน้ำผึ่ง สงกรานต์นี่กลับมาเล่นยุบ้านเฮาเด้อ..
ยุในเมืองมันบ่อปลอดภัยดอก"
#นี่คุณพิศุทธิ์ หรือโป๊บ " กำลังชวนเธออยู่นะ ฮ่าๆๆ
ยุในเมืองมันบ่อปลอดภัยดอก"
#นี่คุณพิศุทธิ์ หรือโป๊บ " กำลังชวนเธออยู่นะ ฮ่าๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
น้องชาย: สงกรานต์นี้ จะทำยังไงไม่ให้แฟนเปียก แล้วคนอื่นต้องมาเห็นสายเสื้อในด้วย
พี่ชาย: #กูไม่รู้..คึกูไม่มีแฟน ^T^
พี่ชาย: #กูไม่รู้..คึกูไม่มีแฟน ^T^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ใครอยากทำงาน บ้างครับตอนนี้...
ชัวโมงละ50บาท มีใครสนใจไหมครับ ^^
ชัวโมงละ50บาท มีใครสนใจไหมครับ ^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ฉันโสด นะ เตี้ย.... หาว่าฉันมีเมียได้ยังไงฮะ (เสียงสูงๆนะ)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อกหักในวัน สงกรานต์ 14 เมษา เธอทิ้งกัน
คนเขาสาดน้ำกัน ฉันต้องสาดน้ำตา....
.
.
#ฮ่าๆๆวันนี้ใครผ่านหน้าบ้านเปียก!
คนเขาสาดน้ำกัน ฉันต้องสาดน้ำตา....
.
.
#ฮ่าๆๆวันนี้ใครผ่านหน้าบ้านเปียก!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
At " พาแม่ กับ ป้า มาขายของตลาดบ้านไผ่ใหญ่
.มาเด้อๆ มาซื้อซอย 555
.มาเด้อๆ มาซื้อซอย 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนโสดคือคนมีบุญ เพราะว่าไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนมาทิ้ง
# พะนะฟังวิทยุมา^^ 555
# พะนะฟังวิทยุมา^^ 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนที่สนใจแต่เฟ๊ซตัวเอง ไม่สนใจคนอื่น ไม่สนใจสังคม
รู้สึกว่าเขาจะเรียก : กบในกะลานะ เพื่อนเขาไปถึงไหนแล้ว..ก็ไม่รู้?
#ระวังเถอะสังคมจะฆ่า
รู้สึกว่าเขาจะเรียก : กบในกะลานะ เพื่อนเขาไปถึงไหนแล้ว..ก็ไม่รู้?
#ระวังเถอะสังคมจะฆ่า
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โง่ แกม หยิ่ง = ปรึกคักๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มื้อคืนนี่ฝันว่า ได้กินกุ่งเน่า เป็นไปใด้บ่อเลขมันสิออก 91 ฮ่าาๆๆ
นี่เด้อ..ไผ๋อยากได้เงินหน่อย ไผ๋บ่ออยากเสียงินหลาย ฮ่าๆๆ
289 10 บาท
98 5 บาท
59 5 บาท
95 5 บาท
61 5 บาท
16 5 บาท
54 5 บาท
45 5 บาท
#ถ้าถูกจะทำบุญครึ่ง1
นี่เด้อ..ไผ๋อยากได้เงินหน่อย ไผ๋บ่ออยากเสียงินหลาย ฮ่าๆๆ
289 10 บาท
98 5 บาท
59 5 บาท
95 5 บาท
61 5 บาท
16 5 บาท
54 5 บาท
45 5 บาท
#ถ้าถูกจะทำบุญครึ่ง1
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 17, 2014 7:48:24am
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 17, 2014 7:48:59am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
รถกะรถกูตั๊ว น้องกูสิขี้100รอบ พันรอบ ส่ำไปซื้อของร้านยุแป๋ดากกะสิเป็นอิหยัง น้ำมันกะบ่อได้ขอมึงเติมตั๊ว บัดบัก @รักเธอ ระยะไกล มันเล่นคอมเปลืองไฟคึบ่อไปบอกมัน
ให้กูสวนคืนจักบาดแนกุอึดอัดมาดนละ สินะความคิดคุณ..
**ชีแจง**
กูเล่นก็จะประมาณนี้ ตอนเช้า 2ชัวโมง
ตอนเที่ยงเล่นในโทรสับ 1ชัวโมงหมายถึงเฟ๊ซ
ตอนค่ำ3ชัวโมง /ไม่ทุกวัน
......
Photoshop แต่งตัดต่อรูป
Sony Vegas Pro ตัดต่อวิดีโอ
Office 2013 ไปทำงานเผื่อได้ใช้
Calcutore Game เกมส์ฝึกสมอง
Facebook หาสิ่งที่ยังไม่รู้
......
เวลามีงานกูก็ไปทำงานปกตินะ หุงข้าว ล้างถ้วย ทำกับข้าว ไปนา เฮ็ดเวียก
กู ไม่ได้เล่นทั้งวันหรอก ถ้าเล่นทั้งวันโน๊ตบุ๊กระเบิดแน
#กูรู้ว่ามึงอึดอัด ที่แม่กุว่าให้ "ไปที่ใกล้ๆ ปั่นจักรยานไปก็ได้ ขี่มอไซค์มันเปลืองน้ำมัน"
แต่ควรจะคิดก่อนว่าสิ่งที่คนอื่นพูด..เขามีจุดประสงค์อะไร เจตนาเขาดีไหม
ให้กูสวนคืนจักบาดแนกุอึดอัดมาดนละ สินะความคิดคุณ..
**ชีแจง**
กูเล่นก็จะประมาณนี้ ตอนเช้า 2ชัวโมง
ตอนเที่ยงเล่นในโทรสับ 1ชัวโมงหมายถึงเฟ๊ซ
ตอนค่ำ3ชัวโมง /ไม่ทุกวัน
......
Photoshop แต่งตัดต่อรูป
Sony Vegas Pro ตัดต่อวิดีโอ
Office 2013 ไปทำงานเผื่อได้ใช้
Calcutore Game เกมส์ฝึกสมอง
Facebook หาสิ่งที่ยังไม่รู้
......
เวลามีงานกูก็ไปทำงานปกตินะ หุงข้าว ล้างถ้วย ทำกับข้าว ไปนา เฮ็ดเวียก
กู ไม่ได้เล่นทั้งวันหรอก ถ้าเล่นทั้งวันโน๊ตบุ๊กระเบิดแน
#กูรู้ว่ามึงอึดอัด ที่แม่กุว่าให้ "ไปที่ใกล้ๆ ปั่นจักรยานไปก็ได้ ขี่มอไซค์มันเปลืองน้ำมัน"
แต่ควรจะคิดก่อนว่าสิ่งที่คนอื่นพูด..เขามีจุดประสงค์อะไร เจตนาเขาดีไหม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แม่คับ ผมอยากมีแฟน...
แม่ : บวชก่อนลูก แม่กลัวลูกจะเบียดก่อนบวช
แม่ครับ ผมอยากเรียนขึ้นไปอีกๆ
แม่ : บวชก่อนลูก เดี๋ยวติดสาวแล้วจะลืมบวช
แม่ครับ ผมอยากไปทำงาน
แม่ : บวชก่อนลูก แม่กลัวลูกไปทำแล้วจะส่งแค่เงินมาให้ แต่ไม่กลับมาบ้าน
แม่ครับผมติดทหาร เขาเรียกตัวให้ไปพรุ่งนี้ ผมไม่อยากไปเลยครับ
แม่ : ไปเลยลูก ทำเพื่อชาติ สู้ตาย..
#ไงเป็นงี้
แม่ : บวชก่อนลูก แม่กลัวลูกจะเบียดก่อนบวช
แม่ครับ ผมอยากเรียนขึ้นไปอีกๆ
แม่ : บวชก่อนลูก เดี๋ยวติดสาวแล้วจะลืมบวช
แม่ครับ ผมอยากไปทำงาน
แม่ : บวชก่อนลูก แม่กลัวลูกไปทำแล้วจะส่งแค่เงินมาให้ แต่ไม่กลับมาบ้าน
แม่ครับผมติดทหาร เขาเรียกตัวให้ไปพรุ่งนี้ ผมไม่อยากไปเลยครับ
แม่ : ไปเลยลูก ทำเพื่อชาติ สู้ตาย..
#ไงเป็นงี้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ชอบคนแก่..... นะ (หมายถึง คุณยาย ) ห้าาาาาาาา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ใครเล่น Bee talk บ้างอะ สอนหน่อย เล่นไม่เป็น ฮ่าๆๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กำลังอบผิวยุ บ่อว่าง .. 555
โอ้ย...ฮ้อน.. ฮ้อนๆ ฮ้อนคูน2เลย สิเฮ็ดเวียกม่มมื่อบ่อน้อกู
้#กำลังขนไม้เขาเตาเผาถ่าน
โอ้ย...ฮ้อน.. ฮ้อนๆ ฮ้อนคูน2เลย สิเฮ็ดเวียกม่มมื่อบ่อน้อกู
้#กำลังขนไม้เขาเตาเผาถ่าน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
at. กำลังอบผิวยุ บ่อว่าง .. 555
โอ้ย...ฮ้อน.. ฮ้อนๆ ฮ้อนคูน2เลย
สิเฮ็ดเวียกม่มมื่อบ่อน้อกู
้#กำลังขนไม้เขาเตาเผาถ่าน
โอ้ย...ฮ้อน.. ฮ้อนๆ ฮ้อนคูน2เลย
สิเฮ็ดเวียกม่มมื่อบ่อน้อกู
้#กำลังขนไม้เขาเตาเผาถ่าน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
บ่อเอาหมู่ บ่อเอาพวก บอเอาไผ๋ บ่อฟังผุใด๋ เอาแต่ความเจ้าของเป็นใหญ่ ไปแต่ฮูเจ้าของอย่างเดียว
ละพี่น้องทางใด๋ละมันสิอยากซอย
เสือกเขาไป กะบ่อเอาความอยู่แล้ว
ละพี่น้องทางใด๋ละมันสิอยากซอย
เสือกเขาไป กะบ่อเอาความอยู่แล้ว
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไปออนไลน์ 4แยกตลาด เพิ่งมา
จากเหตุการณ์ ลมแรงๆ ตอนค่ำๆ
ทำให้ป้าย ส.ภ หัวตะพาน / ป้ายใวนิลเชิญทำบุญ / เตียง วางขายของ วางขายผักที่ตลาด ล้มระเนระนาดเลย
#ถ้าพ่อแม่ใคร ขายยุตลาด พรุ่งนี้ไปดูด้วยครับ
จากเหตุการณ์ ลมแรงๆ ตอนค่ำๆ
ทำให้ป้าย ส.ภ หัวตะพาน / ป้ายใวนิลเชิญทำบุญ / เตียง วางขายของ วางขายผักที่ตลาด ล้มระเนระนาดเลย
#ถ้าพ่อแม่ใคร ขายยุตลาด พรุ่งนี้ไปดูด้วยครับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Pongsak Yuensuk และ Aphichat Norkaew
คุณได้แท็ก Pongsak Yuensuk และ Aphichat Norkaew
มื้ออื่นไปใส่มองบ่อ ยุเนาเซ กายกินข้าวป่าพร้อม ละเบิ่งหมอลำต่อ ไปบ่อๆๆ
เขามาเก็บค่าไฟฟ้าบ้านผม เมื่อเช้า 480 บาท
ใครว่าเยอะบ้าง ^^
"แม่เลยได้บ่น มึงเซาเล่นคอมเลย เปลืองไฟกู!
**ขอชีแจง**
ผมไม่ได้เล่นคอม แต่ผมเล่นโน๊ตบุ๊กคับแม่
(อย่าเข้าใจว่าคอมกับโน๊ตบุ๊กมันคืออันเดียวกัน55)
โน๊ตบุ๊กผมAcer Aspire 4738 เป้นจอ LED มันคือจอประหยัดไฟคับ
ถ้าเปิดทิ้งไว้โดยไม่เล่นเลย
1 ชม. มันกินไฟได้แค่ 0.26 บาท ก็คือ26สตางค์เอง
เล่นทุกวัน วันละ1ชม.ใน1เดือนก็กินเงินไปแค่ 7.8 บาท/เดือน
ใน1เดือน คำนวนออกมาแล้ว
เปิดทิ้งไว้ 2ชม ทุกวัน.ใน 1เดือน = 15.6 บาท
เปิดทิ้งไว้ 4ชม ทุกวัน.ใน 1เดือน = 31.2 บาท
เปิดทิ้งไว้ 6ชม ทุกวัน.ใน 1เดือน = 46.8 บาท
เปิดทิ้งไว้ 8ชม ทุกวัน. ใน 1เดือน = 62.4 บาท
เปิดทิ้งไว้ 10ชม ทุกวัน.ใน 1เดือน = 78 บาท
เปิดทิ้งไว้ 12ชม ทุกวัน. ใน 1เดือน = 93.6 บาท
#ใครอยากรู้ว่าโน๊ตบุ๊กตัวเองกินไฟเท่าไรก็ดูรูป
ใครว่าเยอะบ้าง ^^
"แม่เลยได้บ่น มึงเซาเล่นคอมเลย เปลืองไฟกู!
**ขอชีแจง**
ผมไม่ได้เล่นคอม แต่ผมเล่นโน๊ตบุ๊กคับแม่
(อย่าเข้าใจว่าคอมกับโน๊ตบุ๊กมันคืออันเดียวกัน55)
โน๊ตบุ๊กผมAcer Aspire 4738 เป้นจอ LED มันคือจอประหยัดไฟคับ
ถ้าเปิดทิ้งไว้โดยไม่เล่นเลย
1 ชม. มันกินไฟได้แค่ 0.26 บาท ก็คือ26สตางค์เอง
เล่นทุกวัน วันละ1ชม.ใน1เดือนก็กินเงินไปแค่ 7.8 บาท/เดือน
ใน1เดือน คำนวนออกมาแล้ว
เปิดทิ้งไว้ 2ชม ทุกวัน.ใน 1เดือน = 15.6 บาท
เปิดทิ้งไว้ 4ชม ทุกวัน.ใน 1เดือน = 31.2 บาท
เปิดทิ้งไว้ 6ชม ทุกวัน.ใน 1เดือน = 46.8 บาท
เปิดทิ้งไว้ 8ชม ทุกวัน. ใน 1เดือน = 62.4 บาท
เปิดทิ้งไว้ 10ชม ทุกวัน.ใน 1เดือน = 78 บาท
เปิดทิ้งไว้ 12ชม ทุกวัน. ใน 1เดือน = 93.6 บาท
#ใครอยากรู้ว่าโน๊ตบุ๊กตัวเองกินไฟเท่าไรก็ดูรูป
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ไปนา.. เจอ อภิชาติ กับลัง ก้นแง้ ยุข้างคันแทนา 55
ผมเห็นจังซั่นแล้ว ผมกะเลยถามว่า บ่อย่านดำเบาะ....?
อภิชาติ ตอบว่า ก็ไม่กลัวนะ ทาครีมเดี๋ยวก็ขาวแร้ว 55
ผม : อ๋อ แล้วมึงไม่ร้อนหรอวะ
เธอ: แค่นี้จิ๊บๆไม่เปนไร เมืองนอกร้อนกว่านี้อีก
ผม : อ่าว ไม่ใช่ประเทศไทยหรอที่ร้อนที่สุด
เธอ : ไม่ใช่ไทยนะ ประเทศที่ร้อนที่สุด คือลาวต่างหาก
ผม : อ๋อ.. เมืองนอกของมึง คือลาว! 55
ผมเห็นจังซั่นแล้ว ผมกะเลยถามว่า บ่อย่านดำเบาะ....?
อภิชาติ ตอบว่า ก็ไม่กลัวนะ ทาครีมเดี๋ยวก็ขาวแร้ว 55
ผม : อ๋อ แล้วมึงไม่ร้อนหรอวะ
เธอ: แค่นี้จิ๊บๆไม่เปนไร เมืองนอกร้อนกว่านี้อีก
ผม : อ่าว ไม่ใช่ประเทศไทยหรอที่ร้อนที่สุด
เธอ : ไม่ใช่ไทยนะ ประเทศที่ร้อนที่สุด คือลาวต่างหาก
ผม : อ๋อ.. เมืองนอกของมึง คือลาว! 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ใครไลค์ ขอให้มีแฟน ♥
.
.
ใครไม่ไลค์ ขอให้แฟนทิ้ง ><
.
.
Cd: YouLike (คลิปเด็ด) มึงโหดเกินไปป่าววะ
.
.
ใครไม่ไลค์ ขอให้แฟนทิ้ง ><
.
.
Cd: YouLike (คลิปเด็ด) มึงโหดเกินไปป่าววะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ใครไลค์ ขอให้มีแฟน ♥
.
.
ใครไม่ไลค์ ขอให้แฟนหนีไปมีกิ๊ก :P 5555
.
.
ใครโสด และไม่อยากมีแฟน
แต่ไม่ไลค์ ขอให้ ดำ ดำๆ
#หลบตรีนแป๊บ ฮ่าๆๆๆ
.
.
ใครไม่ไลค์ ขอให้แฟนหนีไปมีกิ๊ก :P 5555
.
.
ใครโสด และไม่อยากมีแฟน
แต่ไม่ไลค์ ขอให้ ดำ ดำๆ
#หลบตรีนแป๊บ ฮ่าๆๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ใครไลค์ ขอให้มีแฟน ♥
.
.
ใครไม่ไลค์ ขอให้แฟนหนีไปมีกิ๊ก :P 5555
.
.
ใครโสด
ไม่อยากมีแฟน
ไม่ไลค์ ขอให้ > ดำ <
#หลบตรีนปะแลบ ฮ่าๆๆๆ
.
.
ใครไม่ไลค์ ขอให้แฟนหนีไปมีกิ๊ก :P 5555
.
.
ใครโสด
ไม่อยากมีแฟน
ไม่ไลค์ ขอให้ > ดำ <
#หลบตรีนปะแลบ ฮ่าๆๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เขาบอกว่าถ้าอยากรู้ว่าผู้หญิง ขาวจริงไหม ให้ดูหัวเข่ากับข้อศอก..
#ห้ามดูหน้าเด็ดขาด) 55
#ห้ามดูหน้าเด็ดขาด) 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น ที่ โรงพยาบาลหัวตะพาน
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
สถานที่: โรงพยาบาลหัวตะพาน (15.69572707725, 104.49253207872)
ที่อยู่: 176 ม.7 ต.รัตนวารี อำเภอ.หัวตะพาน, Amnat, Amnat Charoen
สถานที่: โรงพยาบาลหัวตะพาน (15.69572707725, 104.49253207872)
ที่อยู่: 176 ม.7 ต.รัตนวารี อำเภอ.หัวตะพาน, Amnat, Amnat Charoen
at. พาพี่สาว มาฉีดยา ถูกหมากัด
อีกแล้ว 555
ฮ้อมเป็นว้อละ ฮ่าๆๆ
อีกแล้ว 555
ฮ้อมเป็นว้อละ ฮ่าๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ชีวิตคู่ มันจะมีกฏกติกา หน้าที่ ความรับผิดชอบ อยู่ในตัวของมัน
#คนทนไม่ไหวก็จะบอกลา ""
#คนทนไม่ไหวก็จะบอกลา ""
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พรุ่งนี้ผมไปอำนาจ มีเพื่อนๆจะฝากซื้อ SIM TOT บ้างไหม (เพื่อเล่นเน็ตโดยเฉพาะ)
ณ ปัจจุบันตอนนี้ ที่หน้า รร หนองยอดู่ในวิทยา ทางเครื่อข่าย TOT ได้มาทำการติดตั้งเสาส่งสัญญาณแล้ว
ฉะนั้น บ้านหนองยอ และบ้านดู่ใน ถ้าเล่นเน็ต SIM ด้วยสัญญาณ TOT แล้วจะเร็วกว่าเครื่อข่ายอื่นๆ
True Move
AIS
DTAC
ณ ปัจจุบันตอนนี้ ที่หน้า รร หนองยอดู่ในวิทยา ทางเครื่อข่าย TOT ได้มาทำการติดตั้งเสาส่งสัญญาณแล้ว
ฉะนั้น บ้านหนองยอ และบ้านดู่ใน ถ้าเล่นเน็ต SIM ด้วยสัญญาณ TOT แล้วจะเร็วกว่าเครื่อข่ายอื่นๆ
True Move
AIS
DTAC
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ โรงพยาบาลอำนาจเจริญ
สถานที่: โรงพยาบาลอำนาจเจริญ (15.864344456972, 104.6238674359)
ที่อยู่: เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ 37000
สถานที่: โรงพยาบาลอำนาจเจริญ (15.864344456972, 104.6238674359)
ที่อยู่: เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ 37000
: (
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ likes a presentation on SlideShare.
SlideShareการใช้โปรแกรม Microsoft Excel 2007http://www.slideshare.net/OrasaDeethung1/microsoft-excel-2007-10146226
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แม่ทำงานหนัก เพราะอยากเห็นลูกพักผ่อน :)
แต่ปัจจุบันนี้
: ส่งเงินมาให้แม่หน่อยลูก [ : )
แต่ปัจจุบันนี้
: ส่งเงินมาให้แม่หน่อยลูก [ : )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น ที่ ตลาดลืออำนาจ
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
สถานที่: ตลาดลืออำนาจ (15.685834880899, 104.65213834333)
ที่อยู่: Amnat, Amnat Charoen 37000
สถานที่: ตลาดลืออำนาจ (15.685834880899, 104.65213834333)
ที่อยู่: Amnat, Amnat Charoen 37000
จอดซื้อ กับข้าว ตลาด ลืออำนาจ : )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลา ทำงานหนื่อยๆ และ เวลาทำงานได้เงินเยอะๆ
คนเรามักจะคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่
คนเรามักจะคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ที่จริงแล้วผมสูงกว่าพี่นะ..
ผมแค่ย่อเข่าไว้..เฉยๆ
ก็ตั้งใจจะให้โอกาสพี่ ดูสูงเด่น ทำอะไร ก็จะมีความมั่นใจ และจะได้ไม่รู้สึกว่าถูกรุ่นน้องปีนเกียว
"ถ้าพี่ทำไม่ดีทำไม่เด่น ผมจะไม่ย่อเข่าให้แล้วนะแต่จะเขย่งเท้าให้สูงๆกว่าเดิมอีก
#ปวดหัวจังวุ้ย
ผมแค่ย่อเข่าไว้..เฉยๆ
ก็ตั้งใจจะให้โอกาสพี่ ดูสูงเด่น ทำอะไร ก็จะมีความมั่นใจ และจะได้ไม่รู้สึกว่าถูกรุ่นน้องปีนเกียว
"ถ้าพี่ทำไม่ดีทำไม่เด่น ผมจะไม่ย่อเข่าให้แล้วนะแต่จะเขย่งเท้าให้สูงๆกว่าเดิมอีก
#ปวดหัวจังวุ้ย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โสด... ณ เอ่อ....!!
คือว่า.. 5555 +
ก็ไม่อยากจีบใครมั่วซัว
คือว่า.. 5555 +
ก็ไม่อยากจีบใครมั่วซัว
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คุณมี หลักการ หรือ วิธีการลบ เพื่อนอย่างไงหรอครับ
เช่น ไม่รู้จักกัน /โพสไม่มีประโยชน์ / ไม่ไลค์ ไม่ทัก ไม่เม้น
หรือยังไงหรอครับ
เช่น ไม่รู้จักกัน /โพสไม่มีประโยชน์ / ไม่ไลค์ ไม่ทัก ไม่เม้น
หรือยังไงหรอครับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อยากไปนอนนา อยู่เงียบๆ
มืดๆ คนเดียว
(เล่นเฟซ)
แต่ไม่มีไฟฟ้า ให้ชาร์จแบต เซงเบย ><
มืดๆ คนเดียว
(เล่นเฟซ)
แต่ไม่มีไฟฟ้า ให้ชาร์จแบต เซงเบย ><
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เอาวะ.. วันนี้วันสุดท้ายแล้ว ไถนาค้าดนา.. ไม่ได้พักอาทิตย์1แล้ว เจ็บคีงไปทั้งตัว : (
ถ้าแขนขา กระดูกซี่โครง มันจะหัก ก็หักไปเลย
#สู้เพื่อแม่ 555
ถ้าแขนขา กระดูกซี่โครง มันจะหัก ก็หักไปเลย
#สู้เพื่อแม่ 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไลค์หน่อยคับ ^^ ผมจะบวช "_"!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
รู้สึก : ชอบ....สันโดด... 555 สบายใจดีไม่มีไรให้ปวดหัว คิคิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ศาลตัดสิน ให้ยิ่งลักษณ์ พ้นสภาพ นายกรักษาการณ์แล้ว..!!
แต่พรรคเพื่อไทย คัดค้านคำวินิจฉัยของศาล !!
คำถามคือ : เพื่อนในเฟซ 2-3 พันคน ไม่ใครอัพเรื่อง การเมืองให้ผมอ่านเลยหรอครับ #แฮๆๆ
แต่พรรคเพื่อไทย คัดค้านคำวินิจฉัยของศาล !!
คำถามคือ : เพื่อนในเฟซ 2-3 พันคน ไม่ใครอัพเรื่อง การเมืองให้ผมอ่านเลยหรอครับ #แฮๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มื้อนี้บุญบั้งไฟบ้านหนองยอ
ไปเต้นหน้าฮ้าน ละเป็นซิเมาๆขาขาวหมอลำซิ่ง 5555
@เมาฮ่องกะซวง
ไปเต้นหน้าฮ้าน ละเป็นซิเมาๆขาขาวหมอลำซิ่ง 5555
@เมาฮ่องกะซวง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อยากทำงาน ออพฟิค >< 5555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ Ubonratchatani
สถานที่: Ubonratchatani (15.273699780109, 104.83930884798)
ที่อยู่: อำเภอเมืองอุบล, เทศบาลนครอุบลราชธานี 34000
สถานที่: Ubonratchatani (15.273699780109, 104.83930884798)
ที่อยู่: อำเภอเมืองอุบล, เทศบาลนครอุบลราชธานี 34000
เดือนนี้คนแต่งงานกันเยอะมากๆ
ซองงานแต่งจะ 2พันแล้ว !!
at แล้วพาแม่ไปงานแต่ง อุบล ><
ซองงานแต่งจะ 2พันแล้ว !!
at แล้วพาแม่ไปงานแต่ง อุบล ><
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ ปตท.ม่วงสามสิบ
สถานที่: ปตท.ม่วงสามสิบ (15.520743030118, 104.71842328001)
ที่อยู่: Chayangkun Road, Muang Sam Sip, Ubon Ratchathani 34140
สถานที่: ปตท.ม่วงสามสิบ (15.520743030118, 104.71842328001)
ที่อยู่: Chayangkun Road, Muang Sam Sip, Ubon Ratchathani 34140
แวะ ๆ เติมน้ำมัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ป็นต้นไป จะเล่นเฟซ ถึง2ทุ่ม ทุกวัน !!
หลังจากนั้น จะเริ่มหัดท้องบทสวดมนตร์ต่างๆ เตรียมการ รอ บวช ไว้
เมื่อบวชเข้าไปแล้ว ไม่ต้องเปิดดูหนังสือเวลาสวด ให้อายโยมๆไปเลย อิอิ
#รู้สึกว่ากูเริ่มคุย O_O
หลังจากนั้น จะเริ่มหัดท้องบทสวดมนตร์ต่างๆ เตรียมการ รอ บวช ไว้
เมื่อบวชเข้าไปแล้ว ไม่ต้องเปิดดูหนังสือเวลาสวด ให้อายโยมๆไปเลย อิอิ
#รู้สึกว่ากูเริ่มคุย O_O
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Aphichat Norkaew
คุณได้แท็ก Aphichat Norkaew
ว่างๆๆไปหาขับ แท็กซี่ Taxi อุบล กันดีไหมวะ 555 ?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อึดอัดวะ #
เป็นเกย์หรอ เป็นเกย์หรอ เป็นเกย์หรอ"
เป็นกระเทยหรอ เป็นกระเทยหรอ เป็นกระเทยหรอ
กูไม่ใช่เกย์ คับ
กูไม่ใช่กระเทย คับ
กูเป็นผู้ชาย คับ
มึงต่อยกับกูปะ ส่วนผู้หญิงนอนกับกูไหม
คือกูไม่ไหวจริงๆกับเรื่องนี้
กูขี้เกลียดตอบคำถามงี้เง่าซ้ำๆซากๆแบบนี้มากๆเลยวะ
กูเคยคิดว่า ปล่อยๆไปเดี๋ยวเรื่องก็จะเงียบไปเอง
แต่มันก็ยังมีคนเอามาพูดอยู่ได้ แม่ง
เรื่องมันก็นานแล้ว คือตอนยุ ม.6 กีฬาสีโรงเรียน อาจารย์ให้เป็นดำมะเย้อโรงเรียน
ไม่รู้อาจารย์คิดไงเอาผู้ชายมาเป็น (ผมก็เลยรับปากไปเพราะว่าจะเป็น ชุดนายร้อยสีขาว น่าจะเท่)
และแล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ใส่ชุดนายร้อยอย่างที่ว่า TT
เป็นเกย์หรอ เป็นเกย์หรอ เป็นเกย์หรอ"
เป็นกระเทยหรอ เป็นกระเทยหรอ เป็นกระเทยหรอ
กูไม่ใช่เกย์ คับ
กูไม่ใช่กระเทย คับ
กูเป็นผู้ชาย คับ
มึงต่อยกับกูปะ ส่วนผู้หญิงนอนกับกูไหม
คือกูไม่ไหวจริงๆกับเรื่องนี้
กูขี้เกลียดตอบคำถามงี้เง่าซ้ำๆซากๆแบบนี้มากๆเลยวะ
กูเคยคิดว่า ปล่อยๆไปเดี๋ยวเรื่องก็จะเงียบไปเอง
แต่มันก็ยังมีคนเอามาพูดอยู่ได้ แม่ง
เรื่องมันก็นานแล้ว คือตอนยุ ม.6 กีฬาสีโรงเรียน อาจารย์ให้เป็นดำมะเย้อโรงเรียน
ไม่รู้อาจารย์คิดไงเอาผู้ชายมาเป็น (ผมก็เลยรับปากไปเพราะว่าจะเป็น ชุดนายร้อยสีขาว น่าจะเท่)
และแล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ใส่ชุดนายร้อยอย่างที่ว่า TT
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
อึดอัดวะ #
เป็นเกย์หรอ เป็นเกย์หรอ เป็นเกย์หรอ"
เป็นกระเทยหรอ เป็นกระเทยหรอ เป็นกระเทยหรอ
กูไม่ใช่เกย์ คับ
กูไม่ใช่กระเทย คับ
กูเป็นผู้ชาย คับ
มึงต่อยกับกูปะ ส่วนผู้หญิงนอนกับกูไหม
คือกูไม่ไหวจริงๆกับเรื่องนี้
กูขี้เกลียดตอบคำถามงี้เง่าซ้ำๆซากๆแบบนี้มากๆเลยวะ
กูเคยคิดว่า ปล่อยๆไปเดี๋ยวเรื่องก็จะเงียบไปเอง
แต่มันก็ยังมีคนเอามาพูดอยู่ได้ แม่ง
เรื่องมันก็นานแล้ว คือตอนยุ ม.6 กีฬาสีโรงเรียน อาจารย์ให้เป็นดำมะเย้อโรงเรียน
ไม่รู้อาจารย์คิดไงเอาผู้ชายมาเป็น (ผมก็เลยรับปากไปเพราะว่า ผมก็เป็นกรรมการด้วย
และอีกอย่างชุดดำมะเย้อ จะเป็นชุดนายร้อยสีขาว ใส่แล้วน่าจะเท่มากๆ)
และแล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ใส่แบบที่คิดไว้แบบนั้น ไม่ใช่ชุดนายร้อยอย่างที่ว่าเลย
รับปากอาจารย์แล้วจะให้ถอนคำพูดก็ดู จะมีปัญหาตามมาอีก เราซ้อมเดินซ้อมควงซ้อมโยนแล้ว ถ้าให้คนอื่นมาเป็นแทนก็ต้องให้เขามาเริ่มหัดซ้อมใหม่อีก คงไม่มีเวลาแล้ว
ถ้าเราถอนตัวตอนนี้กะแค่ไอ้เรื่องชุด มันไม่ใช่ลูกผู้ชายมากๆเลย
แต่สิ่งที่ผมทำในวันนั้น คิดว่าลูกผู้ชายมากๆ
แต่ตอนนี้เอากลับมาคิดใหม่ ตอนนั้นเหมือนผม ไปทำให้คน2หมู่ที่มาดูขบวนพาเลดผ่านบ้าน เข้าใจว่าผมเป็นกรเทย ผมเป็นเกย์
เรื่องงานบ้าน งานนา ผมทำเป็นหมด แดดดำช่างมัน ผมคิดว่าเรื่องบ้างเรื่องผมเก่งกว่าผูใหญ่บางคนอีก
ผมเป็นคนขาวยุแล้ว ใช้ครีมทาผิวทาหน้าก็ธรรมดาๆ
ผมเป็นคนสะอาด ก้อเข้าใจว่าผมเป็นกระเทยหรอ
ไม่กินเหล้า
ไม่สูบยา ก็เข้าใจว่าผมเป้นกระเทยหรอ
เลิกเข้าใจผิดสักทีเถอะ ผมอึดอัด TT
อึดอัดวะ #
เป็นเกย์หรอ เป็นเกย์หรอ เป็นเกย์หรอ"
เป็นกระเทยหรอ เป็นกระเทยหรอ เป็นกระเทยหรอ
กูไม่ใช่เกย์ คับ
กูไม่ใช่กระเทย คับ
กูเป็นผู้ชาย คับ
มึงต่อยกับกูปะ ส่วนผู้หญิงนอนกับกูไหม
คือกูไม่ไหวจริงๆกับเรื่องนี้
กูขี้เกลียดตอบคำถามงี้เง่าซ้ำๆซากๆแบบนี้มากๆเลยวะ
กูเคยคิดว่า ปล่อยๆไปเดี๋ยวเรื่องก็จะเงียบไปเอง
แต่มันก็ยังมีคนเอามาพูดอยู่ได้ แม่ง
เรื่องมันก็นานแล้ว คือตอนยุ ม.6 กีฬาสีโรงเรียน อาจารย์ให้เป็นดำมะเย้อโรงเรียน
ไม่รู้อาจารย์คิดไงเอาผู้ชายมาเป็น (ผมก็เลยรับปากไปเพราะว่า ผมก็เป็นกรรมการด้วย
และอีกอย่างชุดดำมะเย้อ จะเป็นชุดนายร้อยสีขาว ใส่แล้วน่าจะเท่มากๆ)
และแล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ใส่แบบที่คิดไว้แบบนั้น ไม่ใช่ชุดนายร้อยอย่างที่ว่าเลย
รับปากอาจารย์แล้วจะให้ถอนคำพูดก็ดู จะมีปัญหาตามมาอีก เราซ้อมเดินซ้อมควงซ้อมโยนแล้ว ถ้าให้คนอื่นมาเป็นแทนก็ต้องให้เขามาเริ่มหัดซ้อมใหม่อีก คงไม่มีเวลาแล้ว
ถ้าเราถอนตัวตอนนี้กะแค่ไอ้เรื่องชุด มันไม่ใช่ลูกผู้ชายมากๆเลย
แต่สิ่งที่ผมทำในวันนั้น คิดว่าลูกผู้ชายมากๆ
แต่ตอนนี้เอากลับมาคิดใหม่ ตอนนั้นเหมือนผม ไปทำให้คน2หมู่ที่มาดูขบวนพาเลดผ่านบ้าน เข้าใจว่าผมเป็นกรเทย ผมเป็นเกย์
เรื่องงานบ้าน งานนา ผมทำเป็นหมด แดดดำช่างมัน ผมคิดว่าเรื่องบ้างเรื่องผมเก่งกว่าผูใหญ่บางคนอีก
ผมเป็นคนขาวยุแล้ว ใช้ครีมทาผิวทาหน้าก็ธรรมดาๆ
ผมเป็นคนสะอาด ก้อเข้าใจว่าผมเป็นกระเทยหรอ
ไม่กินเหล้า
ไม่สูบยา ก็เข้าใจว่าผมเป้นกระเทยหรอ
เลิกเข้าใจผิดสักทีเถอะ ผมอึดอัด TT
เป็นเกย์หรอ เป็นเกย์หรอ เป็นเกย์หรอ"
เป็นกระเทยหรอ เป็นกระเทยหรอ เป็นกระเทยหรอ
กูไม่ใช่เกย์ คับ
กูไม่ใช่กระเทย คับ
กูเป็นผู้ชาย คับ
มึงต่อยกับกูปะ ส่วนผู้หญิงนอนกับกูไหม
คือกูไม่ไหวจริงๆกับเรื่องนี้
กูขี้เกลียดตอบคำถามงี้เง่าซ้ำๆซากๆแบบนี้มากๆเลยวะ
กูเคยคิดว่า ปล่อยๆไปเดี๋ยวเรื่องก็จะเงียบไปเอง
แต่มันก็ยังมีคนเอามาพูดอยู่ได้ แม่ง
เรื่องมันก็นานแล้ว คือตอนยุ ม.6 กีฬาสีโรงเรียน อาจารย์ให้เป็นดำมะเย้อโรงเรียน
ไม่รู้อาจารย์คิดไงเอาผู้ชายมาเป็น (ผมก็เลยรับปากไปเพราะว่า ผมก็เป็นกรรมการด้วย
และอีกอย่างชุดดำมะเย้อ จะเป็นชุดนายร้อยสีขาว ใส่แล้วน่าจะเท่มากๆ)
และแล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ใส่แบบที่คิดไว้แบบนั้น ไม่ใช่ชุดนายร้อยอย่างที่ว่าเลย
รับปากอาจารย์แล้วจะให้ถอนคำพูดก็ดู จะมีปัญหาตามมาอีก เราซ้อมเดินซ้อมควงซ้อมโยนแล้ว ถ้าให้คนอื่นมาเป็นแทนก็ต้องให้เขามาเริ่มหัดซ้อมใหม่อีก คงไม่มีเวลาแล้ว
ถ้าเราถอนตัวตอนนี้กะแค่ไอ้เรื่องชุด มันไม่ใช่ลูกผู้ชายมากๆเลย
แต่สิ่งที่ผมทำในวันนั้น คิดว่าลูกผู้ชายมากๆ
แต่ตอนนี้เอากลับมาคิดใหม่ ตอนนั้นเหมือนผม ไปทำให้คน2หมู่ที่มาดูขบวนพาเลดผ่านบ้าน เข้าใจว่าผมเป็นกรเทย ผมเป็นเกย์
เรื่องงานบ้าน งานนา ผมทำเป็นหมด แดดดำช่างมัน ผมคิดว่าเรื่องบ้างเรื่องผมเก่งกว่าผูใหญ่บางคนอีก
ผมเป็นคนขาวยุแล้ว ใช้ครีมทาผิวทาหน้าก็ธรรมดาๆ
ผมเป็นคนสะอาด ก้อเข้าใจว่าผมเป็นกระเทยหรอ
ไม่กินเหล้า
ไม่สูบยา ก็เข้าใจว่าผมเป้นกระเทยหรอ
เลิกเข้าใจผิดสักทีเถอะ ผมอึดอัด TT
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่รู้บางเลยหรอว่าผมรออยู่ >เจ้าความรัก<
#ฮ่าๆโสดเพ้อ
#ฮ่าๆโสดเพ้อ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทุกๆคน คำพูดเบื้องหน้า และเบื้องหลัง
ย่อมไม่เหมือนกัน
ย่อมไม่เหมือนกัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถึงกูจะอายุยังเท่านี้
กูก็พอรู้ว่า การไถนา ตอนกลางคืน
ไอ้รถไถมันจะไถให้ไม่ดี (ไถฮาม ภาษาบ้านเฮา)
เพราะมันเป็นเวลากลางคืน
มันจึงมีโอกาสจะทำอย่างนั้น
ถ้ามันมืออาชีพจริงๆและไถให้แบบใจเย็นๆ ก็ดีไป
แต่คิดหรอว่า มันจะทำให้แบบใจเย็นๆ
คิวไถที่อื่นต่อมันก็มี มันก็อยากเสร็จๆของมันเร็ว
(ถ้าเป็นรถเกี่ยวตอนกลางคืนก็คือ เยียบแม่งเลย)
เมื่อวานกูไปนา หดสวน
กุหดเสร็จ เกือบทุ่ม1 ตั้งใจจะกลับบ้านแล้วแหละ
แต่พอดีมองไปเห็นรถไถ มันพักอยู่กูเลยเดินลงไปดู
กูเดินยังไม่ถึงมันเห็นกู มันรีบสตารตรถลงไถเลย
กูก็แปลกใจ นิถ้ากูไม่เดินลงมาพวกมึงคงพักนานกว่านี้สินะ คนไปคุมก็ไม่มี(เจ้าของนา)
พอเดินไปถึงก็มองดู กูพูดในใจไถให้ไม่ค่อยดีเลยวะ
กูเลยทักเขา
เรา : ไถแล้วละเบาะคับ
รถ: ยังยุ ๆ มันไถย้าก
เรา : นาดินดาก ไถอยากอิหลีละครับ
รถ : กะจังวะนาดินแนวนี่มันเฮ็ดย้าก กับมันไฮน้อยนำ พวกรถไถเขาบ่อมักเลยแบบนี้
เรา : แล้วไฮนี่แล้ว สิขึนกินข้าวเบาะคับบาด
รถ : บ่อเด๊ะ สิเอามันแล้วเลย
เรา : ตะวามันค่ำละเด๊ะคับ มันสิเห็นหุ่งบอละคับ
รถ : เห็นยู.. มีไฟยุ
เรา : นาแฮงดินดาก ไถย้าก คอยไถแนเด้อคับ เหลือจักไฮนิคับประมาณจักทุ่มไถแล้วคับ
รถ : เหลือ4 ไฮ พุ่นละ 2 สาม ทุ่มกว่า
เรา : อ่อๆๆ สิเอามันแล้วเลยแมนบอคับ
รถ : แมน..
เรา : ไสละ เจ้าของนา เพิ้ลขึ้นไปเอาเครื่องดื่มเบาะคับ
รถ : จักคึกัน เมายุก่อไผ่คือ
เรา : แล้วบ่อหิวข้าวเบาะคับ
รถ : ว่าสิไถ+ค้าดมันแล้ว จังสิขึ้นไปกินบ้านละคือ
เรา : อ่อๆ ซั่นข่อยเมียก่อนเด้อค่ำแล้ว
รถ : เอ้อๆ เมียซะ
เรา : ระวังแนเด้อละ เถียงนี้แฮงมีคนผูกคอตาย ยุไกล้นิ
รถ : เถียงได๋ ตะดนละเบาะ
เรา : 2ปีกว่าได้แล้วมั่ง ตะว่าเพิ้ลย้ายเถียงละๆ
รถ : ห้วยแมนอิหลี เบาะ
(กุก็รีบเดินอย่างเร็วมาที่รถ พวกรถไถรีบถือกระติกน้ำเดินตามขึ้นมาเลย ปล่อยให้รถไถมันไถต่อคนเดียว และก็เดินถึงรถขี่กลับบ้านเลย)
เจตนากูคือ ต้องการให้รถไถมันพัก แล้วค่อยมาไถพรุ่งนี้ต่อ
เพราะไถตอนกลางคืนก็อย่างที่บอกตอนต้นแหละ มันไม่เหมือนไถกลางวัน
กูก็พอรู้ว่า การไถนา ตอนกลางคืน
ไอ้รถไถมันจะไถให้ไม่ดี (ไถฮาม ภาษาบ้านเฮา)
เพราะมันเป็นเวลากลางคืน
มันจึงมีโอกาสจะทำอย่างนั้น
ถ้ามันมืออาชีพจริงๆและไถให้แบบใจเย็นๆ ก็ดีไป
แต่คิดหรอว่า มันจะทำให้แบบใจเย็นๆ
คิวไถที่อื่นต่อมันก็มี มันก็อยากเสร็จๆของมันเร็ว
(ถ้าเป็นรถเกี่ยวตอนกลางคืนก็คือ เยียบแม่งเลย)
เมื่อวานกูไปนา หดสวน
กุหดเสร็จ เกือบทุ่ม1 ตั้งใจจะกลับบ้านแล้วแหละ
แต่พอดีมองไปเห็นรถไถ มันพักอยู่กูเลยเดินลงไปดู
กูเดินยังไม่ถึงมันเห็นกู มันรีบสตารตรถลงไถเลย
กูก็แปลกใจ นิถ้ากูไม่เดินลงมาพวกมึงคงพักนานกว่านี้สินะ คนไปคุมก็ไม่มี(เจ้าของนา)
พอเดินไปถึงก็มองดู กูพูดในใจไถให้ไม่ค่อยดีเลยวะ
กูเลยทักเขา
เรา : ไถแล้วละเบาะคับ
รถ: ยังยุ ๆ มันไถย้าก
เรา : นาดินดาก ไถอยากอิหลีละครับ
รถ : กะจังวะนาดินแนวนี่มันเฮ็ดย้าก กับมันไฮน้อยนำ พวกรถไถเขาบ่อมักเลยแบบนี้
เรา : แล้วไฮนี่แล้ว สิขึนกินข้าวเบาะคับบาด
รถ : บ่อเด๊ะ สิเอามันแล้วเลย
เรา : ตะวามันค่ำละเด๊ะคับ มันสิเห็นหุ่งบอละคับ
รถ : เห็นยู.. มีไฟยุ
เรา : นาแฮงดินดาก ไถย้าก คอยไถแนเด้อคับ เหลือจักไฮนิคับประมาณจักทุ่มไถแล้วคับ
รถ : เหลือ4 ไฮ พุ่นละ 2 สาม ทุ่มกว่า
เรา : อ่อๆๆ สิเอามันแล้วเลยแมนบอคับ
รถ : แมน..
เรา : ไสละ เจ้าของนา เพิ้ลขึ้นไปเอาเครื่องดื่มเบาะคับ
รถ : จักคึกัน เมายุก่อไผ่คือ
เรา : แล้วบ่อหิวข้าวเบาะคับ
รถ : ว่าสิไถ+ค้าดมันแล้ว จังสิขึ้นไปกินบ้านละคือ
เรา : อ่อๆ ซั่นข่อยเมียก่อนเด้อค่ำแล้ว
รถ : เอ้อๆ เมียซะ
เรา : ระวังแนเด้อละ เถียงนี้แฮงมีคนผูกคอตาย ยุไกล้นิ
รถ : เถียงได๋ ตะดนละเบาะ
เรา : 2ปีกว่าได้แล้วมั่ง ตะว่าเพิ้ลย้ายเถียงละๆ
รถ : ห้วยแมนอิหลี เบาะ
(กุก็รีบเดินอย่างเร็วมาที่รถ พวกรถไถรีบถือกระติกน้ำเดินตามขึ้นมาเลย ปล่อยให้รถไถมันไถต่อคนเดียว และก็เดินถึงรถขี่กลับบ้านเลย)
เจตนากูคือ ต้องการให้รถไถมันพัก แล้วค่อยมาไถพรุ่งนี้ต่อ
เพราะไถตอนกลางคืนก็อย่างที่บอกตอนต้นแหละ มันไม่เหมือนไถกลางวัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถึงกูจะอายุยังเท่านี้
กูก็พอรู้ว่า การไถนา ตอนกลางคืน
ไอ้รถไถมันจะไถให้ไม่ดี (ไถฮาม ภาษาบ้านเฮา)
เพราะมันเป็นเวลากลางคืน
มันจึงมีโอกาสจะทำอย่างนั้น
ถ้ามันมืออาชีพจริงๆและไถให้แบบใจเย็นๆ ก็ดีไป
แต่คิดหรอว่า มันจะทำให้แบบใจเย็นๆ
คิวไถที่อื่นต่อมันก็มี มันก็อยากเสร็จๆของมันเร็ว
(ถ้าเป็นรถเกี่ยวตอนกลางคืนก็คือ เยียบแม่งเลย)
เมื่อวานกูไปนา หดสวน
กุหดเสร็จ เกือบทุ่ม1 ตั้งใจจะกลับบ้านแล้วแหละ
แต่พอดีมองไปเห็นรถไถ มันพักอยู่กูเลยเดินลงไปดู
กูเดินยังไม่ถึงมันเห็นกู มันรีบสตารตรถลงไถเลย
กูก็แปลกใจ นิถ้ากูไม่เดินลงมาพวกมึงคงพักนานกว่านี้สินะ คนไปคุมก็ไม่มี(เจ้าของนา)
พอเดินไปถึงก็มองดู กูพูดในใจไถให้ไม่ค่อยดีเลยวะ
กูเลยทักเขา
เรา : ไถแล้วละเบาะคับ
รถ: ยังยุ ๆ มันไถย้าก
เรา : นาดินดาก ไถอยากอิหลีละครับ
รถ : กะจังวะนาดินแนวนี่มันเฮ็ดย้าก กับมันไฮน้อยนำ พวกรถไถเขาบ่อมักเลยแบบนี้
เรา : แล้วไฮนี่แล้ว สิขึนกินข้าวเบาะคับบาด
รถ : บ่อเด๊ะ สิเอามันแล้วเลย
เรา : ตะวามันค่ำละเด๊ะคับ มันสิเห็นหุ่งบอละคับ
รถ : เห็นยู.. มีไฟยุ
เรา : นาแฮงดินดาก ไถย้าก คอยไถแนเด้อคับ เหลือจักไฮนิคับประมาณจักทุ่มไถแล้วคับ
รถ : เหลือ4 ไฮ พุ่นละ 2 สาม ทุ่มกว่า
เรา : อ่อๆๆ สิเอามันแล้วเลยแมนบอคับ
รถ : แมน..
เรา : ไสละ เจ้าของนา เพิ้ลขึ้นไปเอาเครื่องดื่มเบาะคับ
รถ : จักคึกัน เมายุก่อไผ่คือ
เรา : แล้วบ่อหิวข้าวเบาะคับ
รถ : ว่าสิไถ+ค้าดมันแล้ว จังสิขึ้นไปกินบ้านละคือ
เรา : อ่อๆ ซั่นข่อยเมียก่อนเด้อค่ำแล้ว
รถ : เอ้อๆ เมียซะ
เรา : ระวังแนเด้อละ เถียงนี้แฮงมีคนผูกคอตาย ยุไกล้นิ
รถ : เถียงได๋ ตะดนละเบาะ
เรา : 2ปีกว่าได้แล้วมั่ง ตะว่าเพิ้ลย้ายเถียงละๆ
รถ : ห้วยแมนอิหลี เบาะ
(กุก็รีบเดินอย่างเร็วมาที่รถ พวกรถไถรีบถือกระติกน้ำเดินตามขึ้นมาเลย ปล่อยให้รถไถมันไถต่อคนเดียว และก็เดินถึงรถขี่กลับบ้านเลย)
เจตนากูคือ ต้องการให้รถไถมันพัก แล้วค่อยมาไถพรุ่งนี้ต่อ
เพราะไถตอนกลางคืนก็อย่างที่บอกตอนต้นแหละ มันไม่เหมือนไถกลางวัน
#กูไม่ได้แกล้ง
กูก็พอรู้ว่า การไถนา ตอนกลางคืน
ไอ้รถไถมันจะไถให้ไม่ดี (ไถฮาม ภาษาบ้านเฮา)
เพราะมันเป็นเวลากลางคืน
มันจึงมีโอกาสจะทำอย่างนั้น
ถ้ามันมืออาชีพจริงๆและไถให้แบบใจเย็นๆ ก็ดีไป
แต่คิดหรอว่า มันจะทำให้แบบใจเย็นๆ
คิวไถที่อื่นต่อมันก็มี มันก็อยากเสร็จๆของมันเร็ว
(ถ้าเป็นรถเกี่ยวตอนกลางคืนก็คือ เยียบแม่งเลย)
เมื่อวานกูไปนา หดสวน
กุหดเสร็จ เกือบทุ่ม1 ตั้งใจจะกลับบ้านแล้วแหละ
แต่พอดีมองไปเห็นรถไถ มันพักอยู่กูเลยเดินลงไปดู
กูเดินยังไม่ถึงมันเห็นกู มันรีบสตารตรถลงไถเลย
กูก็แปลกใจ นิถ้ากูไม่เดินลงมาพวกมึงคงพักนานกว่านี้สินะ คนไปคุมก็ไม่มี(เจ้าของนา)
พอเดินไปถึงก็มองดู กูพูดในใจไถให้ไม่ค่อยดีเลยวะ
กูเลยทักเขา
เรา : ไถแล้วละเบาะคับ
รถ: ยังยุ ๆ มันไถย้าก
เรา : นาดินดาก ไถอยากอิหลีละครับ
รถ : กะจังวะนาดินแนวนี่มันเฮ็ดย้าก กับมันไฮน้อยนำ พวกรถไถเขาบ่อมักเลยแบบนี้
เรา : แล้วไฮนี่แล้ว สิขึนกินข้าวเบาะคับบาด
รถ : บ่อเด๊ะ สิเอามันแล้วเลย
เรา : ตะวามันค่ำละเด๊ะคับ มันสิเห็นหุ่งบอละคับ
รถ : เห็นยู.. มีไฟยุ
เรา : นาแฮงดินดาก ไถย้าก คอยไถแนเด้อคับ เหลือจักไฮนิคับประมาณจักทุ่มไถแล้วคับ
รถ : เหลือ4 ไฮ พุ่นละ 2 สาม ทุ่มกว่า
เรา : อ่อๆๆ สิเอามันแล้วเลยแมนบอคับ
รถ : แมน..
เรา : ไสละ เจ้าของนา เพิ้ลขึ้นไปเอาเครื่องดื่มเบาะคับ
รถ : จักคึกัน เมายุก่อไผ่คือ
เรา : แล้วบ่อหิวข้าวเบาะคับ
รถ : ว่าสิไถ+ค้าดมันแล้ว จังสิขึ้นไปกินบ้านละคือ
เรา : อ่อๆ ซั่นข่อยเมียก่อนเด้อค่ำแล้ว
รถ : เอ้อๆ เมียซะ
เรา : ระวังแนเด้อละ เถียงนี้แฮงมีคนผูกคอตาย ยุไกล้นิ
รถ : เถียงได๋ ตะดนละเบาะ
เรา : 2ปีกว่าได้แล้วมั่ง ตะว่าเพิ้ลย้ายเถียงละๆ
รถ : ห้วยแมนอิหลี เบาะ
(กุก็รีบเดินอย่างเร็วมาที่รถ พวกรถไถรีบถือกระติกน้ำเดินตามขึ้นมาเลย ปล่อยให้รถไถมันไถต่อคนเดียว และก็เดินถึงรถขี่กลับบ้านเลย)
เจตนากูคือ ต้องการให้รถไถมันพัก แล้วค่อยมาไถพรุ่งนี้ต่อ
เพราะไถตอนกลางคืนก็อย่างที่บอกตอนต้นแหละ มันไม่เหมือนไถกลางวัน
#กูไม่ได้แกล้ง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ขายข้าวเปลือก ไปโรงสีไหนดี ให้เยอะ ตอนนี้ยุ ตำบลจิกดู่ อ.หัวตะพาน
ใครรู้ช่วยบอกหน่อยคับป
ใครรู้ช่วยบอกหน่อยคับป
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หนังบางเรื่อง ดูแล้ว ทำให้กูแทบหลับฝันดีเลย
และ
หนังบางเรื่องดูแล้วทำให้กูไม่หลับไม่นอนเลยเมื่อคืน 5555
เรื่องนั้นก็คือ "ไอริส"
ดูต่อดีกว่า Ep14 แหละ
และ
หนังบางเรื่องดูแล้วทำให้กูไม่หลับไม่นอนเลยเมื่อคืน 5555
เรื่องนั้นก็คือ "ไอริส"
ดูต่อดีกว่า Ep14 แหละ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โอ้ย.. กุ้มใจ ๆๆ
นาข้าวกะเบาะเกิด
ฝนก็บ่อตก
ถ้าอีก20วัน ฝนไม่มา ข้าวที่ว่านไปแล้ว แห้งตายหมดแน่ๆ ""
เชื่อว่าตอนนี้หลายคนในหมู่บ้านเจอปัญหานี้อยู่
#อยากได้รถดับเพลิงล้อตะขาบสักคัน ลงไปฉีดน้ำไฮนาเด้ 555
นาข้าวกะเบาะเกิด
ฝนก็บ่อตก
ถ้าอีก20วัน ฝนไม่มา ข้าวที่ว่านไปแล้ว แห้งตายหมดแน่ๆ ""
เชื่อว่าตอนนี้หลายคนในหมู่บ้านเจอปัญหานี้อยู่
#อยากได้รถดับเพลิงล้อตะขาบสักคัน ลงไปฉีดน้ำไฮนาเด้ 555
อัพเดตเมื่อ พ.ค. 16, 2014 9:31:07am
อัพเดตเมื่อ พ.ค. 16, 2014 9:44:09am
อัพเดตเมื่อ พ.ค. 16, 2014 3:41:01pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ซื้อหวยไม่ถูก!
เราควร.....
โทษเจ้าหน้าที่ ที่จับลูกบอล งิงิ 55
เราควร.....
โทษเจ้าหน้าที่ ที่จับลูกบอล งิงิ 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มันไม่มีประโยชน์ ที่จะเสียเวลาไปกับการเสียใจ และรู้สึกผิดในเรื่องที่มันผ่านมาแล้ว
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อยากกกกกกกกก บอกว่ารักก .... รักเธอ
เธอคือคนที่ฉันตามหามาแสนนาน
#เพลงไรวะ
เธอคือคนที่ฉันตามหามาแสนนาน
#เพลงไรวะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
รู้สึกว่ามึงจะใช้สิทธิ์ (ความเป็นแม่มาน) ใช้กูเยอะๆเกินไปแล้วนะๆ
#พี่สาวท้องแก่
#พี่สาวท้องแก่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
รู้สึกว่าดูหนังหนังไทยแล้ว รู้ทันมัน! >>>?<<<
โดยเฉพาะเวลาพระเอกกับนางเอก ล้มทับกัน!
1(ถ้าเสียงดนตรีประกอบคลาสสิกๆโรแมนติก) ได้กันชัวร์
2 นางเอกไม่เอาด้วย หรือมีคนมาขัดจังหวะ (เสียงดนตรีแนว ไม่สมหวัง (T_T) 555
โดยเฉพาะเวลาพระเอกกับนางเอก ล้มทับกัน!
1(ถ้าเสียงดนตรีประกอบคลาสสิกๆโรแมนติก) ได้กันชัวร์
2 นางเอกไม่เอาด้วย หรือมีคนมาขัดจังหวะ (เสียงดนตรีแนว ไม่สมหวัง (T_T) 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ โรงเรียนสองแคววิทยาคม
สถานที่: โรงเรียนสองแคววิทยาคม (18.460710116839, 98.782088632045)
ที่อยู่: ดอยหล่อ, เทศบาลนครเชียงใหม่, จังหวัดเชียงใหม่
สถานที่: โรงเรียนสองแคววิทยาคม (18.460710116839, 98.782088632045)
ที่อยู่: ดอยหล่อ, เทศบาลนครเชียงใหม่, จังหวัดเชียงใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กูไม่ได้อ่านกฏหมายสักตัว พอไปสอบโดนข้อสอบแนวกฏหมายมาให้ทำเพียบเลย ตายๆๆๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ไปต่อใบขับขี่ รถจักรยานยนต์ จาก1ปีไป5ปี
หลังจากที่หมดอายุไปแล้ว2ปี ฮ่าๆๆ โดนเจ้าหน้าที่ด่าเป็นชุดเลยกู ^_^
กูนึกว่าจะได้ขับใหม่ แต่ที่ไหนได้แค่สอบคอม30ข้อให้ผ่าน ก็ถ่ายรูปและเสียค่าปรับ100บาท กลับบ้าน
หลังจากที่หมดอายุไปแล้ว2ปี ฮ่าๆๆ โดนเจ้าหน้าที่ด่าเป็นชุดเลยกู ^_^
กูนึกว่าจะได้ขับใหม่ แต่ที่ไหนได้แค่สอบคอม30ข้อให้ผ่าน ก็ถ่ายรูปและเสียค่าปรับ100บาท กลับบ้าน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กูต้องไปปิดเตาถ่านยุนาคนเดียว เหรอวะเนี๊ยะ โหยน่ากลัวฮิพหายเฮย
ถ้ารอพรุ่งนี้ เป็นเถ่าหมดกันพอดี
#สวดมนต์แป๊บ
ถ้ารอพรุ่งนี้ เป็นเถ่าหมดกันพอดี
#สวดมนต์แป๊บ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพิ่งมาอยู่ใหม่..! เมื่อวานขี่รถไปเติมเงินที่ตัวอำเภอปราสาท กำลังจะเลี้ยวรถกลับรีเทิร์นตรงหน้าโรงเรียน อยู่ๆรถก็ดับ เมื่อรถดับแล้วผมนึกว่ารถคันหลังเขาจะตะโกนด่าและบีบแตรไล้
แต่เขากลับไม่ทำอย่างนั้น เขาถามรถเป็นอะไรหรอคับ?
(และขณะนั้นตำรวจก็มองมา คงคิดว่าไอ้นี่นี่เองที่ทำให้รถติด 555
คือสภาพผมตอนนั้นหมวกกันน๊อคก็ไม่มี ใบขับขี่ก็ไม่ได้เอาไปด้วย
แล้วตำรวจแกก็เดินเข้ามาพร้อมสมุดใบสั่ง เวรละกู!!!
ตำรวจ: รถเป็นอะไรน้อง
เรา: รถดับครัฐ
ตำรวจ: รีบจูงออกไปก่อนไป
เรา: ครัช
(หลังจากที่จูงออกมาแล้ว)
เรา: ปรับเท่าไร่คับ
ตำรวจ ไม่ได้ปรับคับน้อง....
มาจากทางอื่นใช่ไหมนิ?
เรา: คับ ขอบคุณคับ
(แล้วตำรวจก็หัวเราะ)
แล้วตอนนี้ก็เพิ่งรู้ว่าที่เขาไม่ปรับเพราะ เขามาปล่อยรถตอนที่โรงเรียนเลิกให้รถมันเดินสะดวก
#กูนึกว่าตำ
แต่เขากลับไม่ทำอย่างนั้น เขาถามรถเป็นอะไรหรอคับ?
(และขณะนั้นตำรวจก็มองมา คงคิดว่าไอ้นี่นี่เองที่ทำให้รถติด 555
คือสภาพผมตอนนั้นหมวกกันน๊อคก็ไม่มี ใบขับขี่ก็ไม่ได้เอาไปด้วย
แล้วตำรวจแกก็เดินเข้ามาพร้อมสมุดใบสั่ง เวรละกู!!!
ตำรวจ: รถเป็นอะไรน้อง
เรา: รถดับครัฐ
ตำรวจ: รีบจูงออกไปก่อนไป
เรา: ครัช
(หลังจากที่จูงออกมาแล้ว)
เรา: ปรับเท่าไร่คับ
ตำรวจ ไม่ได้ปรับคับน้อง....
มาจากทางอื่นใช่ไหมนิ?
เรา: คับ ขอบคุณคับ
(แล้วตำรวจก็หัวเราะ)
แล้วตอนนี้ก็เพิ่งรู้ว่าที่เขาไม่ปรับเพราะ เขามาปล่อยรถตอนที่โรงเรียนเลิกให้รถมันเดินสะดวก
#กูนึกว่าตำ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพิ่งมาอยู่ใหม่..! เมื่อวานขี่รถไปเติมเงินที่ตัวอำเภอปราสาท กำลังจะเลี้ยวรถกลับรีเทิร์นตรงหน้าโรงเรียน อยู่ๆรถก็ดับ เมื่อรถดับแล้วผมนึกว่ารถคันหลังเขาจะตะโกนด่าและบีบแตรไล้
แต่เขากลับไม่ทำอย่างนั้น เขาถามรถเป็นอะไรหรอคับ?
(และขณะนั้นตำรวจก็มองมา คงคิดว่าไอ้นี่นี่เองที่ทำให้รถติด 555
คือสภาพผมตอนนั้นหมวกกันน๊อคก็ไม่มี ใบขับขี่ก็ไม่ได้เอาไปด้วย
แล้วตำรวจแกก็เดินเข้ามาพร้อมสมุดใบสั่ง เวรละกู!!!
ตำรวจ: รถเป็นอะไรน้อง
เรา: รถดับครัฐ
ตำรวจ: รีบจูงออกไปก่อนไป
เรา: ครัช
(หลังจากที่จูงออกมาแล้ว)
เรา: ปรับเท่าไร่คับ
ตำรวจ ไม่ได้ปรับคับน้อง....
มาจากทางอื่นใช่ไหมนิ?
เรา: คับ ขอบคุณคับ
(แล้วตำรวจก็หัวเราะ)
แล้วตอนนี้ก็เพิ่งรู้ว่าที่เขาไม่ปรับเพราะ เขามาปล่อยรถตอนที่โรงเรียนเลิกให้รถมันเดินสะดวกแค่นั้น
#กูนึกว่าตำรวจปราสาทใจดี 555
แต่เขากลับไม่ทำอย่างนั้น เขาถามรถเป็นอะไรหรอคับ?
(และขณะนั้นตำรวจก็มองมา คงคิดว่าไอ้นี่นี่เองที่ทำให้รถติด 555
คือสภาพผมตอนนั้นหมวกกันน๊อคก็ไม่มี ใบขับขี่ก็ไม่ได้เอาไปด้วย
แล้วตำรวจแกก็เดินเข้ามาพร้อมสมุดใบสั่ง เวรละกู!!!
ตำรวจ: รถเป็นอะไรน้อง
เรา: รถดับครัฐ
ตำรวจ: รีบจูงออกไปก่อนไป
เรา: ครัช
(หลังจากที่จูงออกมาแล้ว)
เรา: ปรับเท่าไร่คับ
ตำรวจ ไม่ได้ปรับคับน้อง....
มาจากทางอื่นใช่ไหมนิ?
เรา: คับ ขอบคุณคับ
(แล้วตำรวจก็หัวเราะ)
แล้วตอนนี้ก็เพิ่งรู้ว่าที่เขาไม่ปรับเพราะ เขามาปล่อยรถตอนที่โรงเรียนเลิกให้รถมันเดินสะดวกแค่นั้น
#กูนึกว่าตำรวจปราสาทใจดี 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ ตลาดปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์
สถานที่: ตลาดปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ (14.630771722493, 103.40838415314)
ที่อยู่: Prasat, Surin 32140
สถานที่: ตลาดปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ (14.630771722493, 103.40838415314)
ที่อยู่: Prasat, Surin 32140
หวัดดี "เฟซบุ๊ก" ไม่มีไรมากกก... แค่จะบอกว่าา เดินมาจ่ายตลาดด.. โจบบ..
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ประกาศ..!! เฟซบุ๊ก อนุญาติให้คนที่ถูกบล๊อกการเปลี่ยนชื่อ (คือพวกที่เปลี่ยน4-5ครั้งจนมันไม่ให้เปลี่ยนแล้ว) ณ ปัจจุบันตอนนี้ กลับมาเปลี่ยนได้แล้ว :
ป.ล #การเปลี่ยนชื่ออาจมีผลทำให้คนที่ เคยไลคให้คุณในชื่อเก่านั้น ไม่รู้ชื่อใหม่ว่าเป็นคุณ
ป.ล #การเปลี่ยนชื่ออาจมีผลทำให้คนที่ เคยไลคให้คุณในชื่อเก่านั้น ไม่รู้ชื่อใหม่ว่าเป็นคุณ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตอนผมเป็นเด็ก ผมร้องไห้อยู่ 2ชัวโมง.
#เพื่อที่จะให้คนเอาเงินมาจ้างหยุดร้องไห้
(รายได้เสริม 555)
#เพื่อที่จะให้คนเอาเงินมาจ้างหยุดร้องไห้
(รายได้เสริม 555)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนที่ใช่.. มักจะมาในเวลาที่ใช่ ><
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เอาไงดีว้า...หลังบวชเสร็จ?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เอา2เฟซ Like โหดจริงๆ ไลค์โหดแบบนี้ เอาใจพี่ไปเลย 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อำเภอ ปราสาท มีด่าน คับตอนนี้ โดนไป100บาท เมื่อกี้ 55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
Keyboard thai no good. I'm reset system phone android
= no chat
= no chat
อัพเดตเมื่อ พ.ค. 27, 2014 5:39:13pm
อัพเดตเมื่อ พ.ค. 27, 2014 5:41:00pm
อัพเดตเมื่อ พ.ค. 27, 2014 5:43:39pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
นานๆที จะรักใคร ขอคนจิงๆ ที่ใช่ๆ จะได้ไหม..
: ) รออยู่นะความรัก ♥
: ) รออยู่นะความรัก ♥
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ก็แล้วแต่คนจะมอง จะคิด
#กูละบินลิฟจริงๆ
#กูละบินลิฟจริงๆ
อัพเดตเมื่อ มิ.ย. 01, 2014 7:22:54pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
12 call ดูเบอร์ตัวเอง กดอะไรครับ
(คือไม่รู้จริงๆ)
(คือไม่รู้จริงๆ)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผู้หญิงเมื่ออายุถึง 20ปี
ส่วนสูงตามมาตรฐานคือ165 เซนติเมตร
ที่เหลือเตี้ย)
ผู้ชายเมื่ออายุถึง 20ปี
ส่วนสูงตามมาตรฐานคือ181 เซนติเมตร
ที่เหลือเตี้ย)
#สูง177เซนติเมตร นี่เรายังเตี้ยอีกเหรอเนี้ยย... 555 ^^
#เตี้ยๆๆ เตี้ยๆๆ แล้วไง
ส่วนสูงตามมาตรฐานคือ165 เซนติเมตร
ที่เหลือเตี้ย)
ผู้ชายเมื่ออายุถึง 20ปี
ส่วนสูงตามมาตรฐานคือ181 เซนติเมตร
ที่เหลือเตี้ย)
#สูง177เซนติเมตร นี่เรายังเตี้ยอีกเหรอเนี้ยย... 555 ^^
#เตี้ยๆๆ เตี้ยๆๆ แล้วไง
อัพเดตเมื่อ มิ.ย. 03, 2014 3:03:59pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อคืน ฝันว่าตัวเองหัวขาด.. (คอขาด)
เข้าเน็ตดู
ทายว่า.. จะหมดเคราะห์
#สาธุๆ หมดจริงๆด้วยเถิด มีเรื่องให้ทุกข์ใจมาตั้งนาน : )
เข้าเน็ตดู
ทายว่า.. จะหมดเคราะห์
#สาธุๆ หมดจริงๆด้วยเถิด มีเรื่องให้ทุกข์ใจมาตั้งนาน : )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กูอยากเป็น ลม !! โอ้ย..ๆ เพราะกูแท้ๆเพราะกูแท้ๆ กูนี่แหละๆ
โน๊ตบุ๊ก Partition หายหมด!
หาใน Diskpart
> select disk 0
> lis partition
> list volume
ไม่เจออๆๆๆๆ ฮื้อๆๆๆๆ ข้อมูลทุกอย่างเก็บในคอมตั้งแต่เริ่มต้นหายหมด !!
โน๊ตบุ๊ก Partition หายหมด!
หาใน Diskpart
> select disk 0
> lis partition
> list volume
ไม่เจออๆๆๆๆ ฮื้อๆๆๆๆ ข้อมูลทุกอย่างเก็บในคอมตั้งแต่เริ่มต้นหายหมด !!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
อยากไป โรงพยาบาล อำนาจเจริญ!!
#พี่สาวคลอดลูกสาว 0_0
ผมเคยคิดว่า ลูกคนแรก
ถ้าเป็นลูกสาว มันจะอ่อนโยน แล้วพอเวลามีน้องชายหรือน้องสาวออกมา มันจะสอนน้องแบบอ่อนโยน (ใหญ่ขึ้นคนฮู้)
.
.
ถ้าเป็นลูกชาย มันโตขึ้นมาพอมีน้องออกมา ญ หรือ ช มันจะสอนน้องแบบรุนแรง (ใหญ่มาขี้ดื้อ)
# 55555 คิดเล่นๆ
#พี่สาวคลอดลูกสาว 0_0
ผมเคยคิดว่า ลูกคนแรก
ถ้าเป็นลูกสาว มันจะอ่อนโยน แล้วพอเวลามีน้องชายหรือน้องสาวออกมา มันจะสอนน้องแบบอ่อนโยน (ใหญ่ขึ้นคนฮู้)
.
.
ถ้าเป็นลูกชาย มันโตขึ้นมาพอมีน้องออกมา ญ หรือ ช มันจะสอนน้องแบบรุนแรง (ใหญ่มาขี้ดื้อ)
# 55555 คิดเล่นๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
(ค.ส.ช.) เรียกใครให้มารายงานตัวก็ตาม
ทำไมมาง่าย มาหมดทุกคนเลยวะ สงสัยๆ
#ที่แท้กลัวได้ขึ้นศาลทหารที่อยู่หน้าค่ายนี่เอง 555
(ค.ส.ช.) เรียกใครให้มารายงานตัวก็ตาม
ทำไมมาง่าย มาหมดทุกคนเลยวะ สงสัยๆ
#ที่แท้กลัวได้ขึ้นศาลทหารที่อยู่หน้าค่ายนี่เอง 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อคืน Scan หาไฟล์ที่ถูกลบ ทิ้งไว้
ตื่นเช้ามาดู เพิ่งได้ 52%
โอ้..โห ขนาดแสกน ยังไม่ได้กู้นะเนี้ยะ
เวลากู้มันจะไม่ 5 วันเหรอวะ
#เซงงตัวเอง
ตื่นเช้ามาดู เพิ่งได้ 52%
โอ้..โห ขนาดแสกน ยังไม่ได้กู้นะเนี้ยะ
เวลากู้มันจะไม่ 5 วันเหรอวะ
#เซงงตัวเอง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คับก็ไม่รู้ จะตอบแทน ท่านที่มากดไลค์ ยังไงนะคับ
#เดี่ยว9 ฮ่าๆ
#เดี่ยว9 ฮ่าๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
น.ส หนูเพียร หอมแสง
ผู้หญิงคนนี้ คือใคร ทำไมๆ ทำไมๆ
#ทำไมสงสัย
ผู้หญิงคนนี้ คือใคร ทำไมๆ ทำไมๆ
#ทำไมสงสัย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คุยโทรศัพท์กับแม่ ปรึกษาปัญหาเรื่องต่างๆ
ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายสื่อสารให้แม่ไม่เข้าใจ
หรือว่า แม่เองที่ไม่เข้าใจ ?
#แม่ช่วยเข้าใจผมหน่อยค๊าฟๆๆ :
ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายสื่อสารให้แม่ไม่เข้าใจ
หรือว่า แม่เองที่ไม่เข้าใจ ?
#แม่ช่วยเข้าใจผมหน่อยค๊าฟๆๆ :
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึกบ้า
ตอนเรียนอยู่มัธยม เคยปะ !
ใส่ชุดไปเรียนผิดวัน^^ 555
#วันพฤหัสบดีใส่ชุดนักเรียน 555
น่าอายมากกกก คริคริ (0_0)
ใส่ชุดไปเรียนผิดวัน^^ 555
#วันพฤหัสบดีใส่ชุดนักเรียน 555
น่าอายมากกกก คริคริ (0_0)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทุกเช้าๆ ต้องเจอด่านทหาร "
บางทีก็สงสัยว่า
ทหารมีสิทธิออกใบสั่งได้หรือไม่ครับ
"
#เข้าอยู่ว่าประเทศไม่สงบ
บางทีก็สงสัยว่า
ทหารมีสิทธิออกใบสั่งได้หรือไม่ครับ
"
#เข้าอยู่ว่าประเทศไม่สงบ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เงินมีเท่าไร่ ให้แม่หมดๆ
ช่วงที่อยู่กับแม่ เราควรตอบแทนบุญคุณเท่าที่จะทำได้ทุกอย่าง
#แต่งงานไปอยู่ที่อื่นแล้วจะได้ไม่เสียใจภายหลัง
ช่วงที่อยู่กับแม่ เราควรตอบแทนบุญคุณเท่าที่จะทำได้ทุกอย่าง
#แต่งงานไปอยู่ที่อื่นแล้วจะได้ไม่เสียใจภายหลัง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เงินมีเท่าไร ให้แม่หมดๆ
ซื้อของใช้ส่วนรวม สบู่ ยาสีฟัน ไม่ต้องขอคืน
เสียค่าไฟออกก่อน ไม่ต้องขอคืน
ช่วงที่อยู่กับท่าน เราควรตอบแทนบุญคุณเท่าที่จะทำได้ ทุกอย่าง
#แต่งงานไปอยู่ที่อื่นแล้วจะได้ไม่เสียใจภายหลัง
cr:ความคิด ณ ตอนนี้
ซื้อของใช้ส่วนรวม สบู่ ยาสีฟัน ไม่ต้องขอคืน
เสียค่าไฟออกก่อน ไม่ต้องขอคืน
ช่วงที่อยู่กับท่าน เราควรตอบแทนบุญคุณเท่าที่จะทำได้ ทุกอย่าง
#แต่งงานไปอยู่ที่อื่นแล้วจะได้ไม่เสียใจภายหลัง
cr:ความคิด ณ ตอนนี้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เดือนหน้า ผมจะบวช! คำถามคือ??
1ทาครีมได้ไหม (ครีมที่ไม่ผสมน้ำหอมนะครับ หรือพวกน้ำมันมะกอก คือเป็นคนผิวแห้ง)
2 เวลาว่างเล่นเน็ตได้ปะ (คือชอบติดตามข่าวสารบ้านเมือง)
3ถ้าเห็นผีวิ่งได้ไหม (คือกลัวว่าจะไม่สำรวม 555
1ทาครีมได้ไหม (ครีมที่ไม่ผสมน้ำหอมนะครับ หรือพวกน้ำมันมะกอก คือเป็นคนผิวแห้ง)
2 เวลาว่างเล่นเน็ตได้ปะ (คือชอบติดตามข่าวสารบ้านเมือง)
3ถ้าเห็นผีวิ่งได้ไหม (คือกลัวว่าจะไม่สำรวม 555
อัพเดตเมื่อ มิ.ย. 12, 2014 5:32:16pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อย่ายึดติดกับ วัตถุมากเกินไป"
เด็กโตเข้าใจว่า : เป็นพวกโทรศัพท์มือถือ และการเล่นแซทต่างๆ
ผู้ใหญ่เข้าใจว่า : เป็นเงิน และรถรุ่นใหม่ๆ
เด็กโตเข้าใจว่า : เป็นพวกโทรศัพท์มือถือ และการเล่นแซทต่างๆ
ผู้ใหญ่เข้าใจว่า : เป็นเงิน และรถรุ่นใหม่ๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โอ้ยไม่ต้อง เอาขาขาวๆ มาล่อกะได้!!
รู้แล้วว่าเซ็กซี่ไม่ธรรมดา
อยู่เฉยๆเถอะคับ ผมจะดูนิสัยพี่เอง
#ว่าจะคบกันได้ไหม
รู้แล้วว่าเซ็กซี่ไม่ธรรมดา
อยู่เฉยๆเถอะคับ ผมจะดูนิสัยพี่เอง
#ว่าจะคบกันได้ไหม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ความน่ารักของเธอ มันทำให้ฉันเวียนหัว^^
T & P #รักหมุนติ้ว
T & P #รักหมุนติ้ว
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนที่ใจแคบ ไม่ฟังเหตุผล ตัดสินอะไรไปแต่รูตัวเอง
#รู้สึกว่ามันเด็กชัดๆ
#รู้สึกว่ามันเด็กชัดๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Pongsak Yuensuk
คุณได้แท็ก Pongsak Yuensuk
เหล่าทัพสภากลาโหม
มีการพิจารณาเปลี่ยนเครื่องแบบนักศึกษาวิชาทหารของหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (รด.) โดยพิจารณาให้ใช้ชุดเวสต์ มอแลนด์ หรือชุดฝึกทหารปกติทั่วไปที่ใช้กันอยู่ในกองทัพบก โดยให้นักศึกษา รด.ระดับชั้นปีที่ 1 และปี 4 สามารถนำมาใช้ได้
ส่วนนักศึกษา รด.ปีที่ 2 ปี 3 และปี 5 ยังคงใช้เครื่องแบบเดิม
จบข่าวด่วน!!
มีการพิจารณาเปลี่ยนเครื่องแบบนักศึกษาวิชาทหารของหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (รด.) โดยพิจารณาให้ใช้ชุดเวสต์ มอแลนด์ หรือชุดฝึกทหารปกติทั่วไปที่ใช้กันอยู่ในกองทัพบก โดยให้นักศึกษา รด.ระดับชั้นปีที่ 1 และปี 4 สามารถนำมาใช้ได้
ส่วนนักศึกษา รด.ปีที่ 2 ปี 3 และปี 5 ยังคงใช้เครื่องแบบเดิม
จบข่าวด่วน!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คิดถึง..คนที่เคย..เบื่อ ""
กิจวัตรประจำวันของพระสงฆ์ (วัดป่าศรีถาวร นครนายก)
4 .00 ทำความสอาดศาลา
4.30 นั่งสมาธิ/เดินจงกลม
6.00 บิณทบาต
7.00 ทำความสะอาดลานวัด
8.00 ทำวัตรเช้า
8.30 ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์
15.30 ทำความสะอาดลานวัด/ศาลา
17.00 นั่งสมาธิ/เดินจงกลม
17.30 ทำวัตรเย็น
19.30 ฉันน้ำปานะและรับฟังโอวาสจากเจ้าอาวาส
ที่มาค่ะ http://www.watpa.info/menu2.html
เราเคยไปถือศีลที่นี่ 2 เดือน (เดือนที่แล้วกับเดือนนี้ จริงๆแล้วเดือนกว่าๆ) เท่าที่จำได้ พระน่าจะมานั่งที่ศาลาตั้งแต่ตีสามกว่าๆแล้วค่ะ พระที่นี่จะค่อนข้างเคร่ง จำไม่ได้ว่าตอนนั้นวันวิสาขบูชาหรืออาสาฬหบูชา มีโยมไปนั่งสมาธิที่เจดีย์เยอะ นั่งแบบทั้งคืน พระก็ใจดีเกรงโยมจะกลัว เลยมาเดินจงกลมรอบเจดีย์จนสว่าง แต่โยมๆทั้งหลายมารวมตัวกันด้วยเหตุผลของการกลัวผีร่วมด้วย ดังนั้นพอดึกแล้วโยมหลับทั้งเจดีย์ มีแต่พระเดิน
เราเคยได้ยินพระที่นี่บางรูปเร่งความเพียร นอนน้อยมากๆๆค่ะ
อันนี้คือกิจของวัดป่าที่เคร่งค่ะ
4 .00 ทำความสอาดศาลา
4.30 นั่งสมาธิ/เดินจงกลม
6.00 บิณทบาต
7.00 ทำความสะอาดลานวัด
8.00 ทำวัตรเช้า
8.30 ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์
15.30 ทำความสะอาดลานวัด/ศาลา
17.00 นั่งสมาธิ/เดินจงกลม
17.30 ทำวัตรเย็น
19.30 ฉันน้ำปานะและรับฟังโอวาสจากเจ้าอาวาส
ที่มาค่ะ http://www.watpa.info/menu2.html
เราเคยไปถือศีลที่นี่ 2 เดือน (เดือนที่แล้วกับเดือนนี้ จริงๆแล้วเดือนกว่าๆ) เท่าที่จำได้ พระน่าจะมานั่งที่ศาลาตั้งแต่ตีสามกว่าๆแล้วค่ะ พระที่นี่จะค่อนข้างเคร่ง จำไม่ได้ว่าตอนนั้นวันวิสาขบูชาหรืออาสาฬหบูชา มีโยมไปนั่งสมาธิที่เจดีย์เยอะ นั่งแบบทั้งคืน พระก็ใจดีเกรงโยมจะกลัว เลยมาเดินจงกลมรอบเจดีย์จนสว่าง แต่โยมๆทั้งหลายมารวมตัวกันด้วยเหตุผลของการกลัวผีร่วมด้วย ดังนั้นพอดึกแล้วโยมหลับทั้งเจดีย์ มีแต่พระเดิน
เราเคยได้ยินพระที่นี่บางรูปเร่งความเพียร นอนน้อยมากๆๆค่ะ
อันนี้คือกิจของวัดป่าที่เคร่งค่ะ
อัพเดตเมื่อ มิ.ย. 21, 2014 6:35:59pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เดินไปตลาดได้เงิน 200 บาท
>มองหาเจ้าของ ก็ดูจะมีเยอะเกินไปนะ
เลยตัดปัญหา ใส่กระเป๋าตัวเองไว้! ^__* หรือคุณไม่ใส่ 5555
แต่สุดท้ายเสียให้ตำรวจ ฮ่าๆๆๆ
#สรุปนิกูก็ไม่ได้ได้เงิน
>มองหาเจ้าของ ก็ดูจะมีเยอะเกินไปนะ
เลยตัดปัญหา ใส่กระเป๋าตัวเองไว้! ^__* หรือคุณไม่ใส่ 5555
แต่สุดท้ายเสียให้ตำรวจ ฮ่าๆๆๆ
#สรุปนิกูก็ไม่ได้ได้เงิน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่ดูแลสุขภาพตัวเอง สูบบุรี กินเหล้า นอนดึก และอื่นๆ )
เขาบอกว่า อายุ 30 จะเหมือน 40 ปี (ส่วนมากเป็นผู้ชาย)
และถ้าดูแลตัวเองดี อายุ 40 ปี จะเหมือน 30 ปี (ส่วนมากเป็นผู้หญิง)
#ผมอยากได้หน้าผู้ใหญ่
เขาบอกว่า อายุ 30 จะเหมือน 40 ปี (ส่วนมากเป็นผู้ชาย)
และถ้าดูแลตัวเองดี อายุ 40 ปี จะเหมือน 30 ปี (ส่วนมากเป็นผู้หญิง)
#ผมอยากได้หน้าผู้ใหญ่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มีพี่คนหนึ่งในร้านขายครีม บอกผมว่า ถ้าผมอายุ 40 ปี หน้าผมจะยังเหมือนคน อายุ 30 ปี
(ผมเลยตอบไปว่า
และถ้าดูแลตัวเองดี อายุ 40 ปี จะเหมือน 30 ปี (ส่วนมากเป็นผู้หญิง)
#ผมอยากได้หน้าผู้ใหญ่
(ผมเลยตอบไปว่า
และถ้าดูแลตัวเองดี อายุ 40 ปี จะเหมือน 30 ปี (ส่วนมากเป็นผู้หญิง)
#ผมอยากได้หน้าผู้ใหญ่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มีพี่คนหนึ่งในร้านขายครีม บอกผมว่า "ถ้าน้องอายุ 40 ปี หน้าน้องจะยังเหมือนเด็กอายุ 30 ปี"
(ผมเลยถามต่อไปว่า "ยังไงคับ ดูยังไง"
พนักงาน : น้องคงไ่ม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุรี่นะหน้าอย่างงี้พี่ดูออกเลย
และถ้าน้องใช้ครีมตัวนี้ด้วยจะเหมาะม๊าก!
นี่ๆๆๆๆๆๆๆๆเลยๆๆๆๆๆๆ
#ผมอยากได้หน้าผู้ใหญ่จบปะ ว่าจะพูด 5555555
(ผมเลยถามต่อไปว่า "ยังไงคับ ดูยังไง"
พนักงาน : น้องคงไ่ม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุรี่นะหน้าอย่างงี้พี่ดูออกเลย
และถ้าน้องใช้ครีมตัวนี้ด้วยจะเหมาะม๊าก!
นี่ๆๆๆๆๆๆๆๆเลยๆๆๆๆๆๆ
#ผมอยากได้หน้าผู้ใหญ่จบปะ ว่าจะพูด 5555555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เคยปะ ไม่มีแฟน แต่ทำเป็นว่ามีแฟน
และเคยปะ มีแฟนยุแล้ว แต่ทำเป็น >> โสด 555 อันนี้เห็นหลายคนเลยย :P :P
และเคยปะ มีแฟนยุแล้ว แต่ทำเป็น >> โสด 555 อันนี้เห็นหลายคนเลยย :P :P
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อยากมีเวลา มากกว่านี้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผมชอบ...แอบมองผู้หญิง
เวลาที่เธอไม่รู้ตัว^^
#มันน่ารักดีอะ :P :P
เวลาที่เธอไม่รู้ตัว^^
#มันน่ารักดีอะ :P :P
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คิดถึงบ้าน..... คิดถึงแม่..
อยากไปช่วยแม่ ซ่ามข้าวยุนาเด้... : )
#ลูกชาวนาฮะ :P :P
อยากไปช่วยแม่ ซ่ามข้าวยุนาเด้... : )
#ลูกชาวนาฮะ :P :P
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เหมือนจะเป็นหวัด ว่าจะกินยาพาลาแล้วแหละ สัก3เม็ด
แต่เคยได้ยินมาว่า กินแล้วมันจะไปแพ้ไต พวกหมอนี่เวลาเป็นหวัดจะไม่กินเลย
#กูสับสน55
แต่เคยได้ยินมาว่า กินแล้วมันจะไปแพ้ไต พวกหมอนี่เวลาเป็นหวัดจะไม่กินเลย
#กูสับสน55
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผู้ใหญ่ในPantip บอกมาว่า ถ้าเป็นตำรวจ ยศที่ต่ำที่สุดคือ จ่า
และยังบอกอีกว่า ถ้าเป็นในวงการแพทย์ พยาบาลคือชนชั้นต่ำที่สุด
แต่ผมคิดว่า
เขาทั้งสองคนทำหน้าที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากๆ
และยังบอกอีกว่า ถ้าเป็นในวงการแพทย์ พยาบาลคือชนชั้นต่ำที่สุด
แต่ผมคิดว่า
เขาทั้งสองคนทำหน้าที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทำธุรกิจอะไรดี ถึงจะรุ่ง ถึงจะมั่นคง? ต่อไป
ขายน้ำดีปะ
#555คิดเล่นๆ
ขายน้ำดีปะ
#555คิดเล่นๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การที่มีคนค้าดหวังในตัวเรามาก มันรู้สึกกดดันตัวเอง มากกว่าหลายเท่าเลยนะ
#อย่าค้าดหวังมากได้ไหมค๊าพ
#อย่าค้าดหวังมากได้ไหมค๊าพ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อคืนขึ้นรถตี 4 กลับบ้าน พอถึงบ้าน...
เจอหน้าหลานครั้งแรก
รู้สึกในความคิดตัวเองว่า "นี่กูจะทำตัวอยู่บ้านเคยแบบชิวๆไม่ได้แล้วสินะ เว้ยๆ มึงมีหลานแล้ว"
มึงต้องเป็นพ่อคนที่สองให้พี่สาว 555
เจอหน้าหลานครั้งแรก
รู้สึกในความคิดตัวเองว่า "นี่กูจะทำตัวอยู่บ้านเคยแบบชิวๆไม่ได้แล้วสินะ เว้ยๆ มึงมีหลานแล้ว"
มึงต้องเป็นพ่อคนที่สองให้พี่สาว 555
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไปเอาใบรับรองแพทย์เพื่อขอบรรพชาอุปสมบท ที่โรงพยาบาล
หมอถาม เอดส์ติดต่อกันได้ทางไหนบ้าง
ผม: ทางเลือดครับ และการมีเพศสัมพันธุ์ครับ และก็แม่สู่ลูกครับ
หมอ: แล้วมีทางไหนอีก?
ผม: และก็น้ำลายครับไม่แน่ใจ และก็การจูบปากกันครับ
หมอ: หะ..อิหยังเกาะ
ผม: เคยได้ยินเพื่อนมันว่ามาคับ ถูกไหมครับ
หมอ: หมอไม่เคยได้ยินข่าวคนติดเอดส์จากการจูบปากคนเป็นเอดส์เลยนะ มั่วละเธอ
ผม: 5555
หมอ : มีเพศสัมพันธุ์ ครั้งล่าสุดนานรึยัง
ผม: โอ้ย...หมอ ทำไมถามอย่างงี้ละครับ ฮ่าๆๆ
หมอ: ตอบมาอย่าโกหกด้วย เร็วๆ
ผม: ผม ยัง โสด และ ซิง ครับไม่เคยผ่านมือหญฺิงใดมาก่อน
หมอถาม เอดส์ติดต่อกันได้ทางไหนบ้าง
ผม: ทางเลือดครับ และการมีเพศสัมพันธุ์ครับ และก็แม่สู่ลูกครับ
หมอ: แล้วมีทางไหนอีก?
ผม: และก็น้ำลายครับไม่แน่ใจ และก็การจูบปากกันครับ
หมอ: หะ..อิหยังเกาะ
ผม: เคยได้ยินเพื่อนมันว่ามาคับ ถูกไหมครับ
หมอ: หมอไม่เคยได้ยินข่าวคนติดเอดส์จากการจูบปากคนเป็นเอดส์เลยนะ มั่วละเธอ
ผม: 5555
หมอ : มีเพศสัมพันธุ์ ครั้งล่าสุดนานรึยัง
ผม: โอ้ย...หมอ ทำไมถามอย่างงี้ละครับ ฮ่าๆๆ
หมอ: ตอบมาอย่าโกหกด้วย เร็วๆ
ผม: ผม ยัง โสด และ ซิง ครับไม่เคยผ่านมือหญฺิงใดมาก่อน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวาลาทำบาป บาปก็จะไปรวมอยู่ในกองบาป
เวลาทำบุญ บุญก็จะไปรวมอยู่ในกองบุญ
#จะทำบุญเพื่อล้างบาปเป็นไปไม่ได้ ^^
เวลาทำบุญ บุญก็จะไปรวมอยู่ในกองบุญ
#จะทำบุญเพื่อล้างบาปเป็นไปไม่ได้ ^^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผมติดเงินใครบ้างครับ ผมจะใช้คืนให้หมดเลย..
#คือว่าถ้ายืมเงินใครแล้วไม่ใช้คืน ไปบวชบาปมาก
#คือว่าถ้ายืมเงินใครแล้วไม่ใช้คืน ไปบวชบาปมาก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
คุณได้แท็ก On-iriya Siriwan, Bowpari Phiankla, Jirapan Wongklang, วรัญญา แสงย้อย, Bowling Sunisa Kengnok, Rungsun Kiayasuan, Aom Wannasri, กรวิชญ์ กิ่งแก้ว, Watcharaporn Norkaew, Supawadee Norkaew, Supattra Sawatphan, Sakcharoon Khasemsat, Supachai Arm Sumpaoyon, มากับเขา แร้วเหงายังไง, Santi-Wanna Loveforever, พัชรินทร์ เกษมสัตย์ และ P'Pukky Benchawan
บุญบวชผม มาถึงแล้วครัช. เพื่อนๆ ^^
#ไม่เคยคิดเลยว่า..จะได้บวชก่อนเพื่อนรุ่นเดียวกัน 555^^
เราเคยยืมตังใคร กรุณาบอกเราด้วย
เพราะเราจะต้องใช้คืน ก่อนบวชจริง
อะไรที่เราทำไม่ดีกับเพื่อนๆเริ่มตั้งแต่ต้นจนถึง ณ ปัจจุบัน ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ
ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจหรือไม่รู้เลย
เพื่อนๆทุกคน อโหสิกรรม ให้เราด้วยนะ
บุญบวชผม มาถึงแล้วครัช. เพื่อนๆ ^^
#ไม่เคยคิดเลยว่า..จะได้บวชก่อนเพื่อนรุ่นเดียวกัน 555^^
เราเคยยืมตังใคร กรุณาบอกเราด้วย
เพราะเราจะต้องใช้คืน ก่อนบวชจริง
อะไรที่เราทำไม่ดีกับเพื่อนๆเริ่มตั้งแต่ต้นจนถึง ณ ปัจจุบัน ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ
ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจหรือไม่รู้เลย
เพื่อนๆทุกคน อโหสิกรรม ให้เราด้วยนะ
#ไม่เคยคิดเลยว่า..จะได้บวชก่อนเพื่อนรุ่นเดียวกัน 555^^
เราเคยยืมตังใคร กรุณาบอกเราด้วย
เพราะเราจะต้องใช้คืน ก่อนบวชจริง
อะไรที่เราทำไม่ดีกับเพื่อนๆเริ่มตั้งแต่ต้นจนถึง ณ ปัจจุบัน ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ
ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจหรือไม่รู้เลย
เพื่อนๆทุกคน อโหสิกรรม ให้เราด้วยนะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตื่นมา ตี4 เก็บที่นอน
ล้างหน้าแปลงฟัน
เอาหนังสือมาอ่านเปิดเทียบพร้อมกับพระ"ทำวัดเช้า"
"ดูกล่องข้าวใหญ่ มีข้าวเอามาตาก"
"มารอรับบาต หน้าประตูโขง"
เดินตามปู่ ขึ้นศาลา เอาบาตไปไว้ตรงที่รองบาติ แล้วมองหาพวกปิ่นโต ถุงพวกผลไม้ แล้วยกเคนให้มือพระให้หมด
แล้ว
ล้างหน้าแปลงฟัน
เอาหนังสือมาอ่านเปิดเทียบพร้อมกับพระ"ทำวัดเช้า"
"ดูกล่องข้าวใหญ่ มีข้าวเอามาตาก"
"มารอรับบาต หน้าประตูโขง"
เดินตามปู่ ขึ้นศาลา เอาบาตไปไว้ตรงที่รองบาติ แล้วมองหาพวกปิ่นโต ถุงพวกผลไม้ แล้วยกเคนให้มือพระให้หมด
แล้ว
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนเราทุกคน ล้วนแล้วแต่มีเรื่องมากมายของตนเองที่จะต้องจัดการกันทุกวัน(จริงๆ)
แต่จะมีใครไหม ที่เสียสละเวลาตัวเองนิดหน่อย แล้วไปเมตตาช่วยเหลือคนอื่นก่อน
คนที่ฉุกเฉินจริงๆ
แต่จะมีใครไหม ที่เสียสละเวลาตัวเองนิดหน่อย แล้วไปเมตตาช่วยเหลือคนอื่นก่อน
คนที่ฉุกเฉินจริงๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ที่ไม่โทรหา ไม่ค่อยได้โทรหา ต้องเข้าใจนะ ช่วงนี้เป็นแบบนี้ดีแล้ว)
แต่รู้ไว้เลยว่า คิดถึงมาก..ๆๆๆ... โยมแม่<<
ตอนที่อยู่ด้วยกันเลี้ยงใจท่านได้ แต่ไม่ค่อยทำเลย..
#ละอายใจ
แต่รู้ไว้เลยว่า คิดถึงมาก..ๆๆๆ... โยมแม่<<
ตอนที่อยู่ด้วยกันเลี้ยงใจท่านได้ แต่ไม่ค่อยทำเลย..
#ละอายใจ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนที่โสด ไม่มีคู่เลย.... และคิดว่า จะไม่มีแน่ๆเลยชาตินี้
มีคนบอกว่า "เนื้อคู่เมื่อถึงเวลามันก็จะมาเอง" ใช่ถ้าชาตินี้มี เมื่อถึงเวลามันก็จะมาเองในชาตินี้
แต่ถ้าหากว่า ชาติก่อน ชาติก่อนๆ หรือชาติก่อนๆของชาติก่อนไปอีก ไม่ไม่รู้ตายๆเกิดๆ
ผ่านมาแล้วกี่ชาติแล้ว
เคยสาบานอะไรไว้ ประมาณว่า "จะไม่ขอมีผัวมีเมียอีกตลอดไป"
มาจากเหตุการณ์นี้ มีสามีภรรยาคู่หนึ่งครองเรือนอยู่เรือน อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขรักกันมาก ๆ
ภรรยาชื่อ มาลี เป็นผู้หญิงที่งดงามมากๆในหมู่บ้านแห่งนั้น
และได้แต่งงานกับ นาย วิสุวรรณ เป็นเทวดาที่แปลงกายมาเป็นมนุษย์
ทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขมาโดยตลอด1หมื่นปี
แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีบรรชาจากสวรรค์เรียกตัวเทวดาทุกองค์ขึ้นไป
นาย วิสุวรรณ จึงมีความกุ้มใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
นายวิสุวรรณจึงไปขอคำปรึกษาจากฤษี
ว่าควรจะทำยังไงดี
ฤษีเลยแนะนำ คิดจะหาวิธีแก้ปัญหานี้แล้วต่อมาก็
มีคนบอกว่า "เนื้อคู่เมื่อถึงเวลามันก็จะมาเอง" ใช่ถ้าชาตินี้มี เมื่อถึงเวลามันก็จะมาเองในชาตินี้
แต่ถ้าหากว่า ชาติก่อน ชาติก่อนๆ หรือชาติก่อนๆของชาติก่อนไปอีก ไม่ไม่รู้ตายๆเกิดๆ
ผ่านมาแล้วกี่ชาติแล้ว
เคยสาบานอะไรไว้ ประมาณว่า "จะไม่ขอมีผัวมีเมียอีกตลอดไป"
มาจากเหตุการณ์นี้ มีสามีภรรยาคู่หนึ่งครองเรือนอยู่เรือน อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขรักกันมาก ๆ
ภรรยาชื่อ มาลี เป็นผู้หญิงที่งดงามมากๆในหมู่บ้านแห่งนั้น
และได้แต่งงานกับ นาย วิสุวรรณ เป็นเทวดาที่แปลงกายมาเป็นมนุษย์
ทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขมาโดยตลอด1หมื่นปี
แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีบรรชาจากสวรรค์เรียกตัวเทวดาทุกองค์ขึ้นไป
นาย วิสุวรรณ จึงมีความกุ้มใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
นายวิสุวรรณจึงไปขอคำปรึกษาจากฤษี
ว่าควรจะทำยังไงดี
ฤษีเลยแนะนำ คิดจะหาวิธีแก้ปัญหานี้แล้วต่อมาก็
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระมหาธีรนาถ อคฺคธีโร
http://www.youtube.com/watch?v=ik48iohGykM
http://www.youtube.com/watch?v=k_CJYnQn_4A
http://www.youtube.com/watch?v=zc7Y6ims9lg
http://www.youtube.com/watch?v=3Z0ON7IXdlQ
http://www.youtube.com/watch?v=QY-w1QaBBlM
http://www.youtube.com/watch?v=7m7PX9IgAJ8
http://www.youtube.com/watch?v=w87sTMEa_c4
http://www.youtube.com/watch?v=NyEQGi3bChs
http://www.youtube.com/watch?v=WUln9pXZgyc
http://www.youtube.com/watch?v=3cZQ9nt2KJU
http://www.youtube.com/watch?v=8Q52MGdaB6Y
http://www.youtube.com/watch?v=3cZQ9nt2KJU
http://www.youtube.com/watch?v=zc7Y6ims9lg
http://www.youtube.com/watch?v=ik48iohGykM
http://www.youtube.com/watch?v=k_CJYnQn_4A
http://www.youtube.com/watch?v=zc7Y6ims9lg
http://www.youtube.com/watch?v=3Z0ON7IXdlQ
http://www.youtube.com/watch?v=QY-w1QaBBlM
http://www.youtube.com/watch?v=7m7PX9IgAJ8
http://www.youtube.com/watch?v=w87sTMEa_c4
http://www.youtube.com/watch?v=NyEQGi3bChs
http://www.youtube.com/watch?v=WUln9pXZgyc
http://www.youtube.com/watch?v=3cZQ9nt2KJU
http://www.youtube.com/watch?v=8Q52MGdaB6Y
http://www.youtube.com/watch?v=3cZQ9nt2KJU
http://www.youtube.com/watch?v=zc7Y6ims9lg
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ซ่อม โน๊ตบุ๊ก ฟรี (ค่าแรงไม่คิด คิดแต่ค่าไฟฟ้าวัด)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
15 ก.ย. 2014
คนเราเกิดมาต้องตายกันทุกคน ที่ผ่านมามีคนตายให้ดูเป็นตัวอย
่างเยอะแยะ สักวันก็ถึงวันที่เราต้องตาย เหมือนกัน การตายมันก็เป็น
เรื่องธรรมดามากร่างกายสังขารกับคืนสูุ่สภาวะเดิมธรรมชาติ
มนุษย์กินหมูกินไก่กินปลาเป็นอาหาร หมูกินรำข้าวกินน้ำเป็นอาหาร
รำข้าวมาจากไหน มาจากแร่ธาตุต่างๆคือทุกอย่างมันเป็นของๆโลก
มาแต่งแต่แรกอยู่แล้ว
มีแค่ดวงจิต ที่เป็นของเราไม่มีวันตาย
คนเราเกิดมาต้องตายกันทุกคน ที่ผ่านมามีคนตายให้ดูเป็นตัวอย
่างเยอะแยะ สักวันก็ถึงวันที่เราต้องตาย เหมือนกัน การตายมันก็เป็น
เรื่องธรรมดามากร่างกายสังขารกับคืนสูุ่สภาวะเดิมธรรมชาติ
มนุษย์กินหมูกินไก่กินปลาเป็นอาหาร หมูกินรำข้าวกินน้ำเป็นอาหาร
รำข้าวมาจากไหน มาจากแร่ธาตุต่างๆคือทุกอย่างมันเป็นของๆโลก
มาแต่งแต่แรกอยู่แล้ว
มีแค่ดวงจิต ที่เป็นของเราไม่มีวันตาย
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 16, 2014 12:44:08pm
แค่แชร์ก็เกิดบุญใช่หรือไม่
การบอกบุุญต่อก็เกิดบุญใช่หรือไม่
แค่พูดบอกต่อ แต่ไม่ทำก็เกิดบุญใช่หรือไม่
คำตอบ ใช่ แต่ถ้าสำเร็จด้วยการกระทำแล้วจะได้มากกว่า
การบอกบุุญต่อก็เกิดบุญใช่หรือไม่
แค่พูดบอกต่อ แต่ไม่ทำก็เกิดบุญใช่หรือไม่
คำตอบ ใช่ แต่ถ้าสำเร็จด้วยการกระทำแล้วจะได้มากกว่า
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 19, 2014 12:15:22am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สิ่งไรที่ลูกหลานเห็นว่าอยู่สบายแล้ว มีมากพอแล้ว สิ่งนั้นลูกหลานจะไม่รู้คุณค่าของๆ ที่ใช้ แต่คนหามานี่ซิ เลือดตาไหล ไหลเป็นสายเลือด จริงไหม ดังเช่นเราไม่มีกิน สร้างฐานะมาจนเป็นเศรษฐี เมื่อบุตรเกิดมาบนกองเงินกองทอง จะไม่รู้จักค่าของเงินทองเหล่านั้นว่าได้มากยากเพียงใด รู้จักแต่จะใช้ให้หมดไป
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เราควร จะโพส ธรรมะ ชี้ทางขึ้นสวรรค์
ตามกำลังจิต
ตามกำลังจิต
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เทวดาบอก ใส่บาติทุกวัน กับ พระที่สวดอิติปิโสไปด้วย
คนใส่นี่จะตกนรกไม่ได้เลย
หลวงพี่แนะนำโยมแม่ให้ใส่แบบนี้
ใส่อย่างนี้ก็ได้
1 น้ำ,
2 กับข้าว , ข้าว
3 ปัจจัย
4 ดอกไม้ (เพื่อที่ว่าพระจะนำไปบูชาพระพุทธเจ้า)
ถ้าไม่ครบก็ไม่เป็นไร
ก็คือเราใส่อะไรเราก็ได้อย่างนั้นล่ะ
คนใส่นี่จะตกนรกไม่ได้เลย
หลวงพี่แนะนำโยมแม่ให้ใส่แบบนี้
ใส่อย่างนี้ก็ได้
1 น้ำ,
2 กับข้าว , ข้าว
3 ปัจจัย
4 ดอกไม้ (เพื่อที่ว่าพระจะนำไปบูชาพระพุทธเจ้า)
ถ้าไม่ครบก็ไม่เป็นไร
ก็คือเราใส่อะไรเราก็ได้อย่างนั้นล่ะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ธ.ค. 2014
เพราะคนมันเป็นอย่างนี่ไง มันถึงได้เวียนว่ายตายเกิด ไม่มีหยุด
มันหลงหนัง มันหลงวัตถุธาต4 มันถึงต้องวนเวียนว่าย ตายๆเกิดๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
อย่างนี้
เคยพิจารณาไม่ว่า ทำไมชายเห็นหญิงแล้วต้องมีความรู้สึกแบบนั้น
หญิงเห็นชายแล้วต้องมีความรู้สึกแบบนั้น
เพราะความสวยหล่อ เหรอ ถ้าเพราะความ สวยหล่อ
มองมันเข้าไปอีกในความสวยหล่อนั่น มันมีอะไร
มีหนัง ในหนังมันมีอะไร
มีเนื้อ ในเนื้อมันมีอะไร
มีอวัยวะภายใน มีกระดก
ล้วนแล้วเป็นธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม
เป็นสิ่งที่ไม่มีเจ้าของเลย
ไอ้ร่างกายนี่ เราก็ไม่ใช่เจ้าของๆมัน มันเป็นของโลกมาตั้งแต่เดิมแล้ว
สัตว์ อะไรต่างๆ อาหาร ล้วนแล้วเป็นของโลกมาตั้งแต่แรกเริ่ม
มันไม่ใช่ของเราพระท่านก็บอกไว้แล้ว และเราก็รู้อยู่แก่ใจเราแล้ว ทำไม
ยังหลงมันอีก.....
เพราะคนมันเป็นอย่างนี่ไง มันถึงได้เวียนว่ายตายเกิด ไม่มีหยุด
มันหลงหนัง มันหลงวัตถุธาต4 มันถึงต้องวนเวียนว่าย ตายๆเกิดๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
อย่างนี้
เคยพิจารณาไม่ว่า ทำไมชายเห็นหญิงแล้วต้องมีความรู้สึกแบบนั้น
หญิงเห็นชายแล้วต้องมีความรู้สึกแบบนั้น
เพราะความสวยหล่อ เหรอ ถ้าเพราะความ สวยหล่อ
มองมันเข้าไปอีกในความสวยหล่อนั่น มันมีอะไร
มีหนัง ในหนังมันมีอะไร
มีเนื้อ ในเนื้อมันมีอะไร
มีอวัยวะภายใน มีกระดก
ล้วนแล้วเป็นธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม
เป็นสิ่งที่ไม่มีเจ้าของเลย
ไอ้ร่างกายนี่ เราก็ไม่ใช่เจ้าของๆมัน มันเป็นของโลกมาตั้งแต่เดิมแล้ว
สัตว์ อะไรต่างๆ อาหาร ล้วนแล้วเป็นของโลกมาตั้งแต่แรกเริ่ม
มันไม่ใช่ของเราพระท่านก็บอกไว้แล้ว และเราก็รู้อยู่แก่ใจเราแล้ว ทำไม
ยังหลงมันอีก.....
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
บางคนทำบุญนะ หวังรวย หวังเป็นนางฟ้า หวังเป็นเทวดาบ้าง เป็นเทพบ้าง พรมบ้าง
ถึงได้เป็นแล้ว ก็ยังเสี่ยงตกนรก เพราะถึงได้เป็นแล้วก็หมดอายุไขได้เหมือนกัน
สู้ไปนิพพานตามพระพุทธเจ้า ไม่ได้
ถึงได้เป็นแล้ว ก็ยังเสี่ยงตกนรก เพราะถึงได้เป็นแล้วก็หมดอายุไขได้เหมือนกัน
สู้ไปนิพพานตามพระพุทธเจ้า ไม่ได้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
9 ธ.ค. 2014
จิต ดวง นี่ ดวงนี่แหละที่มันอาศัยอยู่ในร่างกายที่เป็นเนื้อเป็นหนังที่เป็นธาตุ4
ดินน้ำไฟลม มาประปนเป็นร่างกายขึ้น
จิตนี้มันไม่เคยตาย
มันตกนรกมาแล้วผ่านมาไม่รู้กี่ครั้ง
มันเคยเกิดเป็นสัตว์ เป็นหมา เป็นหมู เป็นวัวควาย สัตว์เดรฉานเป็นเปตร มา
แล้วนับไม่ได้
มันเคยเป็นเทวดา ผ่านมาแล้วนับไม่ได้
มันเคยเป็นนางฟ้า
ผ่านมาแล้วนับไม่ได้
มันเคยเกิดเป็นผู้ชาย
มันเคยเกิดเป็นผู้หญิงมาแล้วนับไม่ได้
มันไม่มีเพศ มันแล้วแต่แรงกรรม
จิตดวงนี้มันเคยเกิดตายมาแล้วนับไม่ได้เลย
ลองหลับตา
แล้วฟังนึกความจริงนี้
>เราตายแล้ว นอนตายอยู่กลางพื้นดิน คิดดูถ้าปล่อยไว้มันจะเป็นยังไง มัน
จะเป็นยังไงไอ้ร่างกายที่สำคัญว่ามันเป็นของเรานั้น ดูแลมันดีนัก มันเป็น
ยังไงตอนนี้
เราเน่าละ ธาตุ4เริ่มแยกออกจากกันละ
ธาตุลมดับ มันไม่หายใจแล้ว
เมื่อไม่มีธาตลมแล้วธาตุไฟอยู่ไม่ได้ละ ตัวมีแต่จะเย็นๆ
เมื่อไม่มีธาตุไฟแล้วธาตุน้ำอยู่ไม่ได้เหมือนกันละ ร่างเละอย่างเดียวจน
ในที่สุดคือไม่มีเนื้อเหลือเลย มันสลายไปหมด
ธาตุดิน ก็คือกระดูกปล่อยไว้สั้ก100ๆล้านๆๆๆๆๆปี และที่สุดมันก็ไ
ม่มีอะไรเหลือเลย
สรุปก็คือไอ้ที่ว่าร่างกายเรานี่มันไม่มีตัวตน
นี่ละคือจิต
จิต ดวง นี่ ดวงนี่แหละที่มันอาศัยอยู่ในร่างกายที่เป็นเนื้อเป็นหนังที่เป็นธาตุ4
ดินน้ำไฟลม มาประปนเป็นร่างกายขึ้น
จิตนี้มันไม่เคยตาย
มันตกนรกมาแล้วผ่านมาไม่รู้กี่ครั้ง
มันเคยเกิดเป็นสัตว์ เป็นหมา เป็นหมู เป็นวัวควาย สัตว์เดรฉานเป็นเปตร มา
แล้วนับไม่ได้
มันเคยเป็นเทวดา ผ่านมาแล้วนับไม่ได้
มันเคยเป็นนางฟ้า
ผ่านมาแล้วนับไม่ได้
มันเคยเกิดเป็นผู้ชาย
มันเคยเกิดเป็นผู้หญิงมาแล้วนับไม่ได้
มันไม่มีเพศ มันแล้วแต่แรงกรรม
จิตดวงนี้มันเคยเกิดตายมาแล้วนับไม่ได้เลย
ลองหลับตา
แล้วฟังนึกความจริงนี้
>เราตายแล้ว นอนตายอยู่กลางพื้นดิน คิดดูถ้าปล่อยไว้มันจะเป็นยังไง มัน
จะเป็นยังไงไอ้ร่างกายที่สำคัญว่ามันเป็นของเรานั้น ดูแลมันดีนัก มันเป็น
ยังไงตอนนี้
เราเน่าละ ธาตุ4เริ่มแยกออกจากกันละ
ธาตุลมดับ มันไม่หายใจแล้ว
เมื่อไม่มีธาตลมแล้วธาตุไฟอยู่ไม่ได้ละ ตัวมีแต่จะเย็นๆ
เมื่อไม่มีธาตุไฟแล้วธาตุน้ำอยู่ไม่ได้เหมือนกันละ ร่างเละอย่างเดียวจน
ในที่สุดคือไม่มีเนื้อเหลือเลย มันสลายไปหมด
ธาตุดิน ก็คือกระดูกปล่อยไว้สั้ก100ๆล้านๆๆๆๆๆปี และที่สุดมันก็ไ
ม่มีอะไรเหลือเลย
สรุปก็คือไอ้ที่ว่าร่างกายเรานี่มันไม่มีตัวตน
นี่ละคือจิต
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.9 ธ.ค. 2014
เวลาพระอรหันต์ ท่านไปเทศไปแสดงธรรมที่ไหนนะ ไม่ว่าอยู่บนสวรรค์
หรือโลกมนุษย์นะ
เทวดานางฟ้านี่ตรึมเลยแน่น ทุกชั้นๆมาแน่นเรียงกันฟังเป็นชั้นๆ
ขนาดเทวดา ยังอยากฟังธรรมขนาดนี้
แล้วทำไมพวกมนุษย์ขี้เหม็นมันมีชีวิตอยู่ มันยังอยู่กับ พระไตรปิฎก
คำสอนของพระพุทธเจ้าเราแท้ๆ มันไม่สนใจ ในYou Tube ก็มีคำสอนของพระ
พุทธเจ้าที่พระอริสงฆ์ทั้งหลายนำมาอธิบายให้ฟัง ก็มี ทำไมไม่ไปค้นมาฟัง
ตายไปแล้วไม่ได้ไปไหนละเคารพพระจังเลย
ช่วยบอกคนนั้นคนนี้ทำบุญให้หน่อย
ละตอนอยู่ไม่ทำเอง ทำง่ายนิดเดียวไม่ทำ
พอตายแล้วละหันมาอยากได้บุญ พอตอนอยู่ไม่ทำ
นี่แหละผี
เวลาพระอรหันต์ ท่านไปเทศไปแสดงธรรมที่ไหนนะ ไม่ว่าอยู่บนสวรรค์
หรือโลกมนุษย์นะ
เทวดานางฟ้านี่ตรึมเลยแน่น ทุกชั้นๆมาแน่นเรียงกันฟังเป็นชั้นๆ
ขนาดเทวดา ยังอยากฟังธรรมขนาดนี้
แล้วทำไมพวกมนุษย์ขี้เหม็นมันมีชีวิตอยู่ มันยังอยู่กับ พระไตรปิฎก
คำสอนของพระพุทธเจ้าเราแท้ๆ มันไม่สนใจ ในYou Tube ก็มีคำสอนของพระ
พุทธเจ้าที่พระอริสงฆ์ทั้งหลายนำมาอธิบายให้ฟัง ก็มี ทำไมไม่ไปค้นมาฟัง
ตายไปแล้วไม่ได้ไปไหนละเคารพพระจังเลย
ช่วยบอกคนนั้นคนนี้ทำบุญให้หน่อย
ละตอนอยู่ไม่ทำเอง ทำง่ายนิดเดียวไม่ทำ
พอตายแล้วละหันมาอยากได้บุญ พอตอนอยู่ไม่ทำ
นี่แหละผี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มีคนถาม หลวงพี่ไม่เอาเมียหรอครับ?
อยากตอบแบบนี้นี้
ถ้าสึกไปเอาเมียเท่ากับว่าสึกไปหากิเลส สึกไปหาเรื่องโลก เรื่องมาร
ตัวสังขารหลวงพี่ก็ขัน5แล้ว
มีเมียก็ขัน10
มีลูก1คนก็ขัน15 สองคนก็ขัน 20 ไหนจะพอเฒ่าแม่เฒ่าเป็นขัน 30
นี่แหละเขาเรียกว่า วัฏฏะสงสาร ตัวสร้างภพสร้างชาติดึงไม่ให้ไปไหน ต้องเกิดๆตายๆ ต้องวนเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีที่สิ้นสุด
ห่วงนั่นห่วงนี่ ชาติหน้าถ้าได้เกิดก็ไปเป็น ลูกเขยบ้านหลังนั้นหลังนี้อีก และแล้วก็ลืมว่าตั้งใจบวชจะพ้นทุกข์
ถ้าคนเรามันฝึกนึกอดีตชาติได้กันทุกคน มันเห็นแล้ว มันเห็นแล้วมันบวชหมดโลก มันจะไม่กล้าคิดแม้แต่จะทำกรรมบาบ
อยากตอบแบบนี้นี้
ถ้าสึกไปเอาเมียเท่ากับว่าสึกไปหากิเลส สึกไปหาเรื่องโลก เรื่องมาร
ตัวสังขารหลวงพี่ก็ขัน5แล้ว
มีเมียก็ขัน10
มีลูก1คนก็ขัน15 สองคนก็ขัน 20 ไหนจะพอเฒ่าแม่เฒ่าเป็นขัน 30
นี่แหละเขาเรียกว่า วัฏฏะสงสาร ตัวสร้างภพสร้างชาติดึงไม่ให้ไปไหน ต้องเกิดๆตายๆ ต้องวนเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีที่สิ้นสุด
ห่วงนั่นห่วงนี่ ชาติหน้าถ้าได้เกิดก็ไปเป็น ลูกเขยบ้านหลังนั้นหลังนี้อีก และแล้วก็ลืมว่าตั้งใจบวชจะพ้นทุกข์
ถ้าคนเรามันฝึกนึกอดีตชาติได้กันทุกคน มันเห็นแล้ว มันเห็นแล้วมันบวชหมดโลก มันจะไม่กล้าคิดแม้แต่จะทำกรรมบาบ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
9 ธ.ค. 2014
เอาให้ดี เวลา จะตาย นั่นมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มีคนตายให้ดูเป็นตัวอย่าง
แล้วก็เยอะแล้วนะ ถ้ามาถึงปุ๊บละเป็นยังไง เราเป็นยังไงตอนนั้น
เหมือนเวลาจะสอบแต่เป็นการสอบ (จุติ) ของชีวิต มีแค่ครั้งเดียวเท่านั่น
ไม่มีรอบสอง
ถ้าจิตขุ่นมัว ถึงแม้จะทำบุญมาเยอะแค่ไหนก็ตาม มีทุคติเป็นที่ไป คือ นรก
เดรฉาน เปตร
ถ้าหวังว่าญาติจากทางโลกจะทำบุญอุทิศไปให้ไปให้
ถ้าจิตที่มัวหมองตอนสุดท้ายที่จะตาย ถ้าไปทุคติภูมิที่ ไม่เข้ากับบุญได้
ถึงญาติจะทำบุญให้มากแค่ไหน ก็ไม่ได้รับ
แล้วคิดหรือไม่ว่า เวลาจะตาย จะทำจิตให้ผ่องใส่ๆ ปริ้งๆ นึกถึงบุญ
จนจิตมันซึมมันลึกซึงเข้ากันดี เหมือนที่เขาพากันว่า
เวลาคนจะตายนะ มันจะมีทุกข์เวทนาเข้ามาหนักเหลือเกิน ทรมาน จิต
จะผ่องใสไหมตอนนั้น คือจิตมันจะออกจากร่าง เจ้ากรรมนายเวรเขา
จะมาเล่นงานตอนนั้นแหละ เยอะ
หลวงพี่อดีตชาติ เคยเกิดเป็นคนนักฆ่าหมู แบ่งพู้ด ภาษาอีสาน ตีหัวหมู เยอะ
ด้วยหลายตัวด้วย
ขณะนั้นหลวงพี่กำลังทำวัตรอยู่ปกติ เขามา
หลวงพี่นี่จากคนร่างกายสติดีๆเต็มร้อย เหลือไม่รู้เท่าไรแต่ขาดสติมาก
ตัวนี่ไหวเอน ดิ้นไป ส่ายมา ยังกับว่ามีคนเอาน้ำร้อนๆหรือน้ำกรด
หรืออะไรดีละ มาสาดใส่
ผ้าจีวรนี่จะหลุดหมดเหลือแต่ตัวเปล่า ละ จะเป็นบ้าเป็นอะไร ไม่รู้ขาดสติ
ตัวนี้ร้อนยังกะไฟ ปวดหัวรุ่นแรงมาก เหมือนมันจะระเบิด หน้ามืดสุดๆๆๆๆ
เป็นวิญญาณหมูหลายตัวมาก เขามา
คืนนั้นนอนไม่ได้เลย ทรมานสุดๆ
ถ้าตอนนั้นไม่มีครูบาอาจารย์ช่วยไว้ ตายไม่รู้จะไป สุคติ หรือ ทุคติ
นี่แหละตอนจะตายเจ้ากรรมนายเวรมันรวมกันมา แล้วจิตมันจะพ่องใส ปิ๊งๆ
บริสุทธได้หรือไม่
ฉ นั้นหลวงพี่ถึงได้บอกว่า มันเหมือนกับการสอบครั้งเดียวครั้งสุดท้ายตั้งแ
ต่เกิดมา
ชะนั้นเอาดีๆ ตอนมีชีวิตอยู่ ฝึกนั้งสมาธิเจริญกรรมฐาน
ทุกๆวันๆ วันละ10 15 20 นาทีก็ได้ วิธีก็ไปค้นดูจริตตัวเองมันเหมาะกับ
กรรมฐานแบบไหน
เวลาจะตายจิตมันไม่เป็นหย่างนี้นะโยมที่อ่านอยู่นี่
เอาให้ดี เวลา จะตาย นั่นมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มีคนตายให้ดูเป็นตัวอย่าง
แล้วก็เยอะแล้วนะ ถ้ามาถึงปุ๊บละเป็นยังไง เราเป็นยังไงตอนนั้น
เหมือนเวลาจะสอบแต่เป็นการสอบ (จุติ) ของชีวิต มีแค่ครั้งเดียวเท่านั่น
ไม่มีรอบสอง
ถ้าจิตขุ่นมัว ถึงแม้จะทำบุญมาเยอะแค่ไหนก็ตาม มีทุคติเป็นที่ไป คือ นรก
เดรฉาน เปตร
ถ้าหวังว่าญาติจากทางโลกจะทำบุญอุทิศไปให้ไปให้
ถ้าจิตที่มัวหมองตอนสุดท้ายที่จะตาย ถ้าไปทุคติภูมิที่ ไม่เข้ากับบุญได้
ถึงญาติจะทำบุญให้มากแค่ไหน ก็ไม่ได้รับ
แล้วคิดหรือไม่ว่า เวลาจะตาย จะทำจิตให้ผ่องใส่ๆ ปริ้งๆ นึกถึงบุญ
จนจิตมันซึมมันลึกซึงเข้ากันดี เหมือนที่เขาพากันว่า
เวลาคนจะตายนะ มันจะมีทุกข์เวทนาเข้ามาหนักเหลือเกิน ทรมาน จิต
จะผ่องใสไหมตอนนั้น คือจิตมันจะออกจากร่าง เจ้ากรรมนายเวรเขา
จะมาเล่นงานตอนนั้นแหละ เยอะ
หลวงพี่อดีตชาติ เคยเกิดเป็นคนนักฆ่าหมู แบ่งพู้ด ภาษาอีสาน ตีหัวหมู เยอะ
ด้วยหลายตัวด้วย
ขณะนั้นหลวงพี่กำลังทำวัตรอยู่ปกติ เขามา
หลวงพี่นี่จากคนร่างกายสติดีๆเต็มร้อย เหลือไม่รู้เท่าไรแต่ขาดสติมาก
ตัวนี่ไหวเอน ดิ้นไป ส่ายมา ยังกับว่ามีคนเอาน้ำร้อนๆหรือน้ำกรด
หรืออะไรดีละ มาสาดใส่
ผ้าจีวรนี่จะหลุดหมดเหลือแต่ตัวเปล่า ละ จะเป็นบ้าเป็นอะไร ไม่รู้ขาดสติ
ตัวนี้ร้อนยังกะไฟ ปวดหัวรุ่นแรงมาก เหมือนมันจะระเบิด หน้ามืดสุดๆๆๆๆ
เป็นวิญญาณหมูหลายตัวมาก เขามา
คืนนั้นนอนไม่ได้เลย ทรมานสุดๆ
ถ้าตอนนั้นไม่มีครูบาอาจารย์ช่วยไว้ ตายไม่รู้จะไป สุคติ หรือ ทุคติ
นี่แหละตอนจะตายเจ้ากรรมนายเวรมันรวมกันมา แล้วจิตมันจะพ่องใส ปิ๊งๆ
บริสุทธได้หรือไม่
ฉ นั้นหลวงพี่ถึงได้บอกว่า มันเหมือนกับการสอบครั้งเดียวครั้งสุดท้ายตั้งแ
ต่เกิดมา
ชะนั้นเอาดีๆ ตอนมีชีวิตอยู่ ฝึกนั้งสมาธิเจริญกรรมฐาน
ทุกๆวันๆ วันละ10 15 20 นาทีก็ได้ วิธีก็ไปค้นดูจริตตัวเองมันเหมาะกับ
กรรมฐานแบบไหน
เวลาจะตายจิตมันไม่เป็นหย่างนี้นะโยมที่อ่านอยู่นี่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
2014
วันเกิดตัวเอง แต่แม่เกือบจะตาย ก่อน (อายุไข)
ในวันเกิดเรา ควรชวนแม่ไปทำบุญด้วยกัน หรือทั้งครอบครัว
วันนั้นควรทำกาย วาจา ใจ ให้เป็นบุญ
ที่ว่าควรทำกายวาจาให้เป็นบุญนั้น
อย่าใช้ไอ้ร่างกายธาตุ4 ไปทำบาปในวันนั้น หรือทุกวันได้ยิ่งดี
อย่าใช้ปาก พูดให้เป็นบาป
อย่าใช้จิตใจ คิดไปในทางบาป
ก็คือความคิดนี่แหละ แม้แต่คิดก็บาปแรงแล้วน่ะ
เหมือนสมัยนั้นพระพุทธเจ้าเสด็จไป แล้วไปเจอผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ศรัทธา
ในพระพุทธเจ้า
ผู้ชายคนนั้นพอเห็นพระพุทธเจ้าก็ด่าๆๆพระพุทธเจ้า จนเหนื่อยจนหมดค
ำจะด่าแล้ว
พระพุทธเจ้าเลยถามว่า
ถ้ามีแขกมีญาติมาเยื่อมท่านที่บ้าน
แล้วท่านเตรียม น้ำ อาหาร ขนม หวานคราว ตอนรับ
แล้วญาติคนนั้นกลับ
อาหารพวกนั้นจะเป็นของใคร
ผู้ชายคนนั้นตอบว่า ก็ต้องเป็นของเรานะสิ
พระพุทธเจ้าเลยตอบว่า คำด่านั้นก็เหมือนกัน เราไม่รับ
แล้วผู้ชายคนนั้นก็กราบ
ขอขมาพระพุทธเจ้า
นี่แหละระวังดีๆไปด่าใครๆมันจะเข้าตัวเอง
วันเกิดตัวเอง แต่แม่เกือบจะตาย ก่อน (อายุไข)
ในวันเกิดเรา ควรชวนแม่ไปทำบุญด้วยกัน หรือทั้งครอบครัว
วันนั้นควรทำกาย วาจา ใจ ให้เป็นบุญ
ที่ว่าควรทำกายวาจาให้เป็นบุญนั้น
อย่าใช้ไอ้ร่างกายธาตุ4 ไปทำบาปในวันนั้น หรือทุกวันได้ยิ่งดี
อย่าใช้ปาก พูดให้เป็นบาป
อย่าใช้จิตใจ คิดไปในทางบาป
ก็คือความคิดนี่แหละ แม้แต่คิดก็บาปแรงแล้วน่ะ
เหมือนสมัยนั้นพระพุทธเจ้าเสด็จไป แล้วไปเจอผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ศรัทธา
ในพระพุทธเจ้า
ผู้ชายคนนั้นพอเห็นพระพุทธเจ้าก็ด่าๆๆพระพุทธเจ้า จนเหนื่อยจนหมดค
ำจะด่าแล้ว
พระพุทธเจ้าเลยถามว่า
ถ้ามีแขกมีญาติมาเยื่อมท่านที่บ้าน
แล้วท่านเตรียม น้ำ อาหาร ขนม หวานคราว ตอนรับ
แล้วญาติคนนั้นกลับ
อาหารพวกนั้นจะเป็นของใคร
ผู้ชายคนนั้นตอบว่า ก็ต้องเป็นของเรานะสิ
พระพุทธเจ้าเลยตอบว่า คำด่านั้นก็เหมือนกัน เราไม่รับ
แล้วผู้ชายคนนั้นก็กราบ
ขอขมาพระพุทธเจ้า
นี่แหละระวังดีๆไปด่าใครๆมันจะเข้าตัวเอง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ
15 ธ.ค. 2014
ทำบุญทุกวัน ก่อนนอน ด้วยการ ไว้พระสวดมนต์ นั้งสมาธิ 10 นาทีรู้ลม
เข้าลมออก ไม่ต้องไปคิดอะไร นอกจาก รู้ลมเข้าออก เข้าใจน่ะ
ได้บุญเยอะแล้วนะ
นั้งทุกวันๆเดี๋ยวมันจะอยากนั้งมากกว่า10นาทีเอง ^__^
ถ้าจิตสงบรวมลงแล้ว ก็รู้ว่ามันสงบ ทำนาที่ผู้รู้อยู่เฉยๆ
พอนั้งทุกๆวัน จนสงบจนชินแล้ว
อยากดูนรก หรืออยากดูสวรรค์ ที่เขามีแต่พูดๆๆ ไม่รู้จริงไม่จริงที่เขาพูดพิสู
จน์เองสิว่ามันเห็นได้จริงๆ
ไอ้ตาเนื้อ ใช้งานมันดูมันมองอะไรมากมายตั้งแต่เล็กจนโต
แต่ไอ้ตาใน ไม่เคยฝึกใช้มันเล้ย (ตาทิพย์) ถ้าฝึกมันมีได้ทุกคน
15 ธ.ค. 2014
ทำบุญทุกวัน ก่อนนอน ด้วยการ ไว้พระสวดมนต์ นั้งสมาธิ 10 นาทีรู้ลม
เข้าลมออก ไม่ต้องไปคิดอะไร นอกจาก รู้ลมเข้าออก เข้าใจน่ะ
ได้บุญเยอะแล้วนะ
นั้งทุกวันๆเดี๋ยวมันจะอยากนั้งมากกว่า10นาทีเอง ^__^
ถ้าจิตสงบรวมลงแล้ว ก็รู้ว่ามันสงบ ทำนาที่ผู้รู้อยู่เฉยๆ
พอนั้งทุกๆวัน จนสงบจนชินแล้ว
อยากดูนรก หรืออยากดูสวรรค์ ที่เขามีแต่พูดๆๆ ไม่รู้จริงไม่จริงที่เขาพูดพิสู
จน์เองสิว่ามันเห็นได้จริงๆ
ไอ้ตาเนื้อ ใช้งานมันดูมันมองอะไรมากมายตั้งแต่เล็กจนโต
แต่ไอ้ตาใน ไม่เคยฝึกใช้มันเล้ย (ตาทิพย์) ถ้าฝึกมันมีได้ทุกคน
คุณสมบัติของผู้ที่ไม่ต้อง ตกนรก หลังจากตายในชาตินี้แล้ว และทุกชาติไม่ได้ตกอีกเลย
คือ โสดาบัน " โสดาบันนี้โยมก็เป็นได้ แต่โยมไม่ค่อยเข้าใจ
สาเหตุอาจเพราะไม่ค่อยมีใครรู้ว่าพระโสดาบันคือใคร บางคนเข้าใจผิดคิดว่าพระโสดาบันต้องเป็นภิกษุเท่านั้น ชาวบ้านเป็นพระโสดาบันไม่ได้ ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดอย่างยิ่ง ความจริงแล้วชาวบ้านธรรมดาๆก็เป็นได้
>โสดาบัน ไม่ตกนรก
โสดาบัน ไม่ต้องเกิดเป็น สัตว์ อีกแล้ว
โสดาบัน ไม่ต้องเกิดเป็น เปรต
โสดาบัน ไม่ต้องเกิดเป็น อสุรกาย
แนวทางการเป็นโสดาบัน
>> คุณสมบัติของพระโสดาบัน
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
พระโสดาบันที่แท้จริง อารมณ์ที่ทรงได้ก็คือ มีความเคารพในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์ มีศีล ๕ บริสุทธิ์ มีจิตจับพระนิพพานเป็นอารมณ์ ฉะนั้นท่านทั้งหลายที่อ่านอยู่ที่นี้ อันดับแรก ให้วัดกำลังจิตของท่านว่าความดีขั้นพระโสดาบันแล้วหรือยัง ถ้าเวลานี้ทำไม่ได้ เมื่อไรเราจะทำได้
คุณสมบัติของพระโสดาบัน
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
บรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ต่อไปก็เป็นวาระที่บรรดาท่านพุทธบริษัทจะศึกษาในขั้นอริยผล แต่ความจริงเรื่องของพระโสดาบัน เราก็แนะนำกันมาแล้ว ทั้งระดับเข้มข้นและทั้งระดับอ่อนที่สุด
คำว่า เข้มข้น ก็ได้แก่ เอกพีชี คำว่า เอกพีชี ก็หมายความว่า ถ้าชาตินี้เป็นพระโสดาบัน ชาติหน้าเกิดเป็นมนุษย์อีกชาติเดียวเป็นอรหันตผล
ก็จงอย่าลืมว่าคนเป็นพระโสดาบันแล้ว บางทีก็ไม่ต้องรอเวลามากนัก ขณะที่นั่งทรงจิตอยู่ในขั้นโสดาบันนั้นเอง ท่านกล่าวว่า ถ้ามีอารมณ์ไม่ท้อถอย ก็ทำให้จิตให้เข้าถึงอรหัตผลในขณะเดียวกัน เรียกว่าในที่นั่งเดียวกัน
คำว่า ที่นั่งเดียวกัน ก็หมายถึงว่าในขณะที่นั่งนั่นแหละ ยังไม่ลุกจากที่ ทำจิตให้เข้าถึงความเป็นอรหัตผลเลยทีเดียว แต่เรื่องนี้ยังไม่ขอพูด เพราะเป็นกำลังใจของบุคคล คือ ไม่จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำเรื่องกำลังใจ แนะนำกันไม่ได้ เว้นไว้แต่คนที่มีกำลังใจเข้มแข็ง
วันนี้ก็ขอย้อนต้นอีกนิดหนึ่ง เพื่อทวนผลแห่งการปฏิบัติของบรรดาท่านพุทธบริษัท
อันดับแรก พระโสดาบัน พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นผู้มีปัญญาเล็กน้อย เป็นผู้มีสมาธิเล็กน้อย มีศีล ๕ บริสุทธิ์ เคารพพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์
เป็นอันว่าพระโสดาบันไม่มีอะไรมาก เคยพูดไว้ในหลายสถาน พระโสดาบันก็คือชาวบ้านชั้นดีนั้นเอง แต่ที่เรียกว่า พระโสดาบัน ก็คือว่า เป็นผู้มีกระแสหรืออารมณ์จิตเข้าถึงพระนิพพาน เป็นบุคคลที่ไม่ถอยหลัง เดินก้าวไปตามลำดับ
จากพระโสดาบันไปเป็นพระสกิทาคามี ไปอนาคามี และอรหันต์ นี่พูดถึงเดินช้า ๆ ถ้าคนที่เดินเร็ว ๆ จากพระโสดาบันแล้วก็ถึงพระอรหันต์เลย เรื่องจะถอยหลังลงมากลับเป็นปุถุชนคนธรรมดาอีกไม่มี สำหรับพระอริยเจ้า
พระโสดาบันที่แท้จริง อารมณ์ที่ทรงได้ ก็คือ
๑.มีความเคารพในพระพุทธเจ้า
มีความเคารพในพระธรรม
มีความเคารพในพระสงฆ์
๒.มีศีล ๕ บริสุทธิ์
๓.มีจิตจับพระนิพพานเป็นอารมณ์
สำหรับอารมณ์จิตท่านที่เข้าถึง เอกพีชี มีความเข้มแข็ง แนะนำเพียงเท่านี้ก็ได้ เป็นของไม่ยาก เว้นไว้แต่ว่าท่านที่มีอารมณ์จิตอ่อนหรือพวกปทปรมะ พวกปทปรมะนี่พระพุทธเจ้าไม่สอน เพราะว่าถ้าขืนสอนก็เหนื่อยเปล่า ซึ่งไม่มีประโยชน์
ฉะนั้นท่านทั้งหลายที่อ่านอยู่ที่นี้ อันดับแรก ให้วัดกำลังจิตของท่านว่า ความดีขั้นพระโสดาบันแล้วหรือยัง ถ้าเวลานี้ทำไม่ได้ เมื่อไรเราจะทำได้ กำหนดเวลาไว้ให้สั้นที่สุด เพราะว่ามันของปกติธรรมดา ซึ่งไม่มีอะไรเป็นของยาก ไม่มีอะไรเป็นของหนัก
ถ้าอยากทราบว่า เรามีความเคารพในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือไม่ ก็ดูกำลังใจของเรา เพราะว่า พระโสดาบัน ไม่ใช่เป็นบุคคลผู้ถือมงคลตื่นข่าว เขาว่าดีไหนก็ไปนั้น เขาเฮไหนไปนั้น วิเศษที่ไหนก็ไปที่นั้น แต่ความจริงต้องการให้ท่านมีกำลังใจแน่วแน่ แม้แต่ท่านจะอยู่บ้านของท่านเอง ไม่จำเป็นต้องมาที่วัด
คำว่า ไป หมายความว่าฮือตามข่าวลือกัน เขาลือว่าดีที่ไหนก็ไปที่นั้น ไปแล้วก็ยังไม่พอใจ เขาลือต่อว่าที่โน่นดีกว่าไปที่โน่นอีก
ก็เป็นอันว่าเป็นคนที่มีกำลังไม่แน่นอนอย่างนี้ ยังถือว่าไม่ได้มีความเคารพในองค์พระชินวรสัมมาสัมพุทธเจ้าจริง ถ้ามีความเคารพพระพุทธเจ้า ถ้ามีความเคารพในพระธรรม มีความเคารพในพระสงฆ์ เราต้องไปศึกษาที่ไหนกัน แล้วการที่จะทรงศีล ๕ ให้บริสุทธิ์มันยากนักรึ ศีล ๕ ที่เราพึงทำมันก็เป็นของที่เราจำได้ขึ้นใจ เมื่อมีอารมณ์เราปฏิบัติอย่างนี้เพื่อพระนิพพาน
นี่เนื้อแท้จริงๆ พระโสดาบันมีเท่านี้ ใม่ใช่ของยาก ถ้าท่านสดับ บอกว่ายาก ทำยาก ก็รู้สึกสลดใจ เพราะ
ท่านเกิดมาได้ เพราะท่านมีศีล ท่านมีทรัพย์สินได้ เพราะอาศัยบริจาคทาน ท่านมีสติปัญญามาได้ เพราะอาศัยการเคารพในพระรัตนตรัย แต่มาชาตินี้กลับว่าสิ่งทั้ง ๓ ประการนี้ยาก ทำไม่ได้ ท่านต้องกลับไปอบายภูมิใหม่
เป็นอันว่าคุณธรรมของพระโสดาบันเพียงเท่านี้ เรียกว่าย้อนกัน ต่อไปก็จะพูดถึงเครื่องประดับใจของพระโสดาบัน
เครื่องประดับใจของพระโสดาบัน นั้นก็คือ
๑.ไม่ลืมความตาย คิดถึงความตายเป็นปกติ มีความรู้สึกอยู่เสมอว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่มีความตายเป็นของเที่ยง อย่างไรเราตายแน่
และความตายนี่ไม่ได้บอกว่าจะตายเช้า ตายสาย ตายบ่าย ตายกลางคืน ท่านกำหนดไว้เพียงแค่นี้ ไม่ใช่คิดว่าอีก ๒ ปี ๓ ปี ๔ ปี ๕ ปี จะพึงตาย ถ้าคิดอย่างนั้นจัดว่าเป็นไกลจากความเจริญของจิต เป็นอันว่าอารมณ์เข้าเขตอบายภูมิเสียแล้ว เพราะประมาทในชีวิต
พระโสดาบันท่านคิดแต่เพียงว่าวันนี้น่ะอาจจะตาย แต่ว่าตายเวลาไหนยังไม่รู้ นี่เราคุยกันเวลานี้พูดไม่ทันจบ ตายเสียก็ตายไปก็ได้ ถ้าเวลาอ้าปากจะพูด ไม่ทันจะพูดตายเสียก็ได้ เขาคิดเฉพาะวันนั้นว่าวันนี้จะต้องตาย
ในเมื่อเราจะต้องตายแล้ว เราจะยอมรึ ตายไปลำบากเราจะเอารึ เพราะเวลานี้เราได้แสงสว่างจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อารมณ์จิตจับมั่น
บุคคลใดเคารพในคุณพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ บุคคลนั้นจะไม่ลงอบายภูมิ นี่อันดับแรกยึดเข้าไว้ก่อนเป็นทุนประจำใจ
ประการที่ ๒ ยอมรับนับถือคุณรัตนตรัยทั้ง ๓ ประการ ก็คือ เคารพในศีล ๕ ไม่ละเมิดศีล ๕
ถ้าเรายังละเมิดในศีล ๕ อยู่ จะบอกว่าเคารพในพระพุทธเจ้า เคารพในพระธรรม เคารพในพระสงฆ์ ยังไม่ได้ ยังฝ่าฝืนคำแนะนำสั่งสอนกันอยู่ เขาเรียกว่าเป็นคนหัวดื้อรั้น ไม่เชื่อกัน
ถ้าเคารพจริง รักกันจริง เชื่อกันจริง ก็ต้องปฏิบัติไม่ฝ่าฝืน ต้องทรงศีลให้บริสุทธิ์ นี่จัดว่าเป็นทุน ถ้าเราตายเวลานี้เราจะไม่ไปอบายภูมิ
เป็นอันว่านี่เป็นเครื่องประดับอันแท้จริง ๆ ก็คือ การเคารพในพระพุทธเจ้า เคารพในพระธรรม เคารพในพระสงฆ์ และก็ มีศีล ๕ บริสุทธิ์ นี่เนื้อแท้ของ พระโสดาบัน เป็นตัวแก่น หรือว่าเป็นเสา หรือว่าตัวอาคาร
ทีนี้เครื่องประดับของพระโสดาบันต้องมี ไม่ว่าอะไรทั้งหมดถ้าไม่มีเครื่องประดับมันก็ไม่สวย คนเราถ้ารูปร่างหน้าตาจะสวย ทรวดทรงจะดีอย่างไรก็ตาม ถ้าเดินแก้ผ้าโทงๆ มันก็แลดูไม่น่ารัก มันต้องมีเครื่องประดับ อย่างน้อยก็ต้องมีผ้าหุ้มกาย จะสีสดหรือสีไม่สดก็ตาม นี่ประการหนึ่ง ก็มีเครื่องประดับอย่างอื่นเข้ามาพอกเข้ามาด้วย เพิ่มเติมเข้ามาอย่างนี้ก็จะแลดูงามสง่า น่ารัก น่าชม น่านิยม น่าทัศนา
ข้อนี้อุปมาฉันใด แม้อารมณ์พระโสดาบันก็เหมือนกัน ถ้ามีความรู้สึกแต่เพียงว่า เคารพในพระพุทธเจ้า เคารพในพระธรรม เคารพในพระสงฆ์ มีศีล ๕ บริสุทธิ์ รู้สึกว่าอารมณ์จิตมันแห้งแล้งเต็มที แต่ถ้าเป็นคน ประเภทแก้ผ้าเดิน
อันนี้เราก็มีอารมณ์ประดับอีกอันหนึ่ง ก็คือ มรณานุสสติกรรมฐาน นึกถึงความตายเป็นอารมณ์ ไม่ประมาทในชีวิต
จงอย่าคิดว่าเราจะมีชีวิตถึงวันพรุ่งนี้ ถ้าเรามีความรู้สึกว่าเรามีชีวิตถึงวันพรุ่งนี้ ก็รู้สึกว่าประมาทมากเกินไป จงคิดว่าวันนี้แหละเราอาจจะตาย แต่ว่าเวลาไหนยังไม่แน่ จิตจะได้ยึดอารมณ์ความดีเข้าไว้ อันนี้เป็น มรณานุสสติกรรมฐาน
เครื่องประดับอันดับที่ ๒ ที่มีความสำคัญ พระโสดาบันท่านกล่าวว่า มีสมาธิพอสมควรเล็กน้อย และมีปัญญาไม่มากนัก องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เครื่องประดับอันดับต่อไปก็คือ จาคานุสสติกรรมฐาน
คำว่า จาคานุสสติกรรมฐาน ก็ดี มรณานุสสติกรรมฐาน ก็ดี สีลานุสสติกรรรมฐาน คือระลึกถึงศีลเป็นอารมณ์ก็ดี พุทธานุสสติ นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ก็ดี ธัมมานุสสติ นึกถึงพระธรรมเป็นอารมณ์ก็ดี
จงอย่าลืมว่าเป็นอารมณ์คิดทั้งหมด ไม่ใช่อารมณ์ทรงตัว คือไม่ใช่ปักหลักหลับตากันอย่างเดียว ต้องใช้ทั้งเวลาหลับตา ทั้งเวลาลืมตา เวลาอยู่สงัด เวลาอยู่ในฝูงชน เวลายามว่าง เวลาการงานเข้ามาถึง ต้องใช้อารมณ์นี้ทั้งหมด เรียกว่า ไม่ยอมลืมพระพุทธเจ้า ไม่ยอมลืมพระธรรม ไม่ยอมลืมพระสงฆ์ ไม่ยอมลืมศีล ไม่ยอมลืมความตาย
เครื่องประดับอีกชิ้นหนึ่งนั้นก็คือ จาคานุสสติ เราจะเห็นตามประวัติว่า ท่านที่เป็นพระโสดาบัน ท่านพวกนั้นไม่มีความหวงแหน
คำว่า ไม่หวง หมายความว่า มีกำลังใจดี ไม่ใช่ว่ามีอะไรให้หมด แต่ว่าให้ในเขตที่ควรแก่การเคารพ
ถ้าหากว่าเขตใดก็ตามเป็นเขต อุดมเขต หรือบุคคลใดก็ตามเป็น ปูชนียบุคคล
อุดมเขต หมายถึง เขตที่ทรงความสุขสูงสุด ได้แก่ เขตของพระรัตนตรัยก็ดี
ปูชนียบุคคล บุคคลที่ควรแก่การบูชาก็ดี หรือว่าเป็นบุคคลผู้ควรแก่การสงเคราะห์ เช่น คนที่ได้รับความยากลำบาก
อันนี้พระโสดาบันไม่หวงทรัพย์สินของตน แต่ว่าจะไม่ใช่ทุ่มเทจนหมดตัว ท่านเป็นคนที่ปัญญา ไม่ใช่มีบาทให้บาท มี ๑๐ บาทให้ ๑๐ บาท มี ๑๐๐ บาทให้ ๑๐๐ บาท อย่างนี้ใช้ไม่ได้ ถ้าให้อย่างนั้นแล้วเดือดร้อนภายหลังด้วย อย่างนี้ไม่ใช่อารมณ์ของพระโสดาบัน เป็นอารมณ์ของคนโง่ เพราะว่าพระโสดาบันท่านไม่โง่ เพราะว่าพระโสดาไม่โง่ เป็นคนฉลาด
ทีนี้ จาคานุสสติกรรมฐาน มีการนึกถึงทานการบริจาคอยู่เป็นปกติ นึกถึงทานการบริจาคอยู่เป็นปกติ นึกถึงการให้ทาน มีกำลังใจเสมอว่า เราจะสงเคราะห์บุคคลอื่นให้มีความสุขตามกำลังที่เราจะพึงทำได้
ถ้าเรามีทรัพย์ เราจะให้ทรัพย์ เราไม่มีทรัพย์เราสามารถให้กำลังได้ เราจะให้กำลังช่วยงาน ถ้ากำลังไม่มี ทรัพย์ไม่มี เราก็จะแนะนำให้ท่านผู้นั้นมีความสุข ตามที่เราสามารถจะพึงแนะนำได้ กำลังของพระโสดาบันจดจ่ออยู่ในเรื่องของ จาคานุสติกรรมฐาน อย่างนี้
และอย่าคิดว่า จาคานุสสติกรรมฐาน นี่จะต้องไปทำเวลาสงัด มานั่งนึกว่าเราจะให้คนนั้น เราจะให้คนนี้ เราจะให้คนโน้น อย่างนี้ไม่ใช่ อย่างนี้เขาเรียกว่าเปลือกของจาคานุสสติกรรมฐาน
เนื้อแท้จริงๆของ จาคานุสสติกรรมฐาน นี้ไม่ต้องนั่งหลับตาก็ได้ ให้อารมณ์จิตมันทรงตัวว่า เราพร้อมในการที่จะสงเคราะห์บุคคลและสัตว์ให้มีความสุข ขณะใดได้มีการสงเคราะห์ ขณะนั้นมีการชื่นบานของจิตปรากฏ อย่างนี้ท่านเรียกว่า พระโสดาบัน แน่
ถ้าเราจะพูดกันไปว่า การนั่งนึกมันจะมีผลหรือ ถ้าว่านั่งนึกมันมีผลเพราะว่าตั้งใจจะทำ ตัวอย่างนางวิสาขา มหาอุบาสิกาเป็นพระโสดาบัน ท่านให้ทานไม่อั้น แต่ว่าทานของท่านต้องอยู่ในเขตดี คือในเขตของพระรัตนตรัย
ถ้าพระสงฆ์มีความลำบากเพียงใด นางวิสาขาไม่ยอม เรียกว่าอดใจไม่ได้ ต้องให้ ต้องสงเคราะห์ เช่น ภิกษุชาวเมืองปาฐา ๓๐ รูป เดินทางมาเฝ้าพระพุทธเจ้า มาตอนออกพรรษามันเปียกจัด ผ้าจีวรเปียกหมด สมัยนั้นเขาให้กัน ๓ ตัว คือ จีวร สบง สังฆาฏิ ไม่มีผ้าผลัด นางวิสาขาก็ขอพระพุทธเจ้าถวายผ้าวัสสิกสาฎก พระพุทธเจ้าก็ทรงอนุญาต อย่างนี้เป็นต้น
เป็นอันว่าทนไม่ไหว เห็นคนดีมีทุกข์ ท่านทนไม่ได้ แต่ต้องระวัง พระก็พระเถิด ถ้าเป็นพระชั่ว ท่านก็ไม่สงเคราะห์เหมือนกัน ตัวอย่างเราจะเห็นได้ว่า สำนักของนางวิสาขาก็ดี ของอนาถบิณฑิกเศรษฐีก็ดี ไม่สงเคราะห์พระชั่ว
ตัวอย่าง ในสมัยหนึ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปเยี่ยมพระเรวตะ น้องชายพระสารีบุตร พระเรวตะอยู่ในป่า เป็นเด็กอายุแค่ ๗ ขวบ ได้อรหัตผลเป็นปฏิสัมภิทาญาณ
ก่อนที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารจะเสด็จไปถึง พระเรวตะก็เนรมิตป่าให้เป็นเมือง เป็นเมืองแก้ว แพรวพราวด้วยเครื่องประดับ อาคารทั้งหมดเป็นแก้วทั้งหมด เป็นสถานที่มีความสุขสบาย
พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ทั้งหลายประมาณ ๒๐,๐๐๐ รูป เทวดาทั้งหลายก็แปลงกายเป็นคนมาบำเพ็ญกุศล เป็นเหตุให้พระแก่ ๒ องค์นินทาพระพุทธเจ้า เวลานั้นพระพุทธเจ้าเสด็จกลับ พระก็กลับหมด (จะขอลัดตัดเฉพาะตอนปลาย)
ต่อมาบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายก็นั่งสนทนาพรรณนาความดีของพระเรวตะ ว่าเป็นผู้มีบุญญาธิการ เข้าไปอยู่ในป่าก็สามารถมีเมืองแก้วเป็นที่อยู่ แต่ภิกษุแก่ ๒ องค์ กลับนินทาสมเด็จพระบรมครู คือ นินทาพระพุทธเจ้า หาว่าท่านพระพุทธเจ้าเห็นแก่หน้าบุคคล เพราะว่า
๑.พระเรวตะเป็นน้องชายพระสารีบุตร จึงได้ไปเยี่ยม
๒.พระเรวตะอยู่ในเมืองแก้วแพรวพราวไปด้วยเครื่องประดับ มีความงามในตัวเมือง มีคนก็สวย มีอาหารก็ดี มีคนบำเพ็ญกุศลทำบุญทำทานมาก สงเคราะห์มาก จึงได้ไป
ไม่ได้รู้ว่าที่นั้นความจริงเป็นป่าชัฏ พระเรวตะเนรมิตขึ้นด้วยอำนาจของฤทธิ์
บรรดาพระทั้งหลายมีความเห็นไม่ตรงกัน เวลาที่ไปบ้านของนางวิสาขา พระพวกเพื่อนก็พรรณาความดีของพระเรวตะให้นางวิสาขาฟัง นางวิสาขาก็ทำบุญด้วย ทำกุศลสงเคราะห์ด้วยประการทั้งปวง
พระพวกหลังไปนั่งนินทาพระพุทธเจ้าให้นางวิสาขาฟัง ในที่สุดวันนั้นนางวิสาขาเขาไม่ใส่บาตรให้กิน อารมณ์ของพระโสดาบันไม่บูชาชั่ว บูชาดี
บรรดาท่านพุทธบริษัทที่มาวัดวันนี้ มากันทำไม จิตของท่านเคยคิดไหมว่าที่มาคราวนี้จะมารับจ้างวัด ทำงานทุกอย่างต้องการค่าจ้าง ต้องการรางวัลเท่านั้นเท่านี้ มีหรือเปล่า ทุกคนที่มาไม่เคยมีใครบอกว่า มาคราวนี้ต้องการค่าจ้าง ต้องการรางวัล เป็นอันว่าทุกท่านมาด้วยจาคานุสสติกรรมฐานด้วยกันทั้งหมด
อันดับแรก กำหนดจิตว่าเราจะช่วยงานวัดให้เป็นไปด้วยดี การมาคราวนี้ ทุนวัดให้เป็นไปด้วยดี การมาคราวนี้ ทุนวัดให้เป็นค่ารถค่าเรือก็ไม่มี ค่าจ้างแรงงานก็ไม่มี และยังไม่เคยกำหนดรางวัลอะไรให้สักนิดหนึ่งว่า ทำงานเสร็จจะให้รางวัลอะไร อย่างนี้ก็ไม่เคยปรารภ แล้วท่านมาทำไม นึกถึงกำลังจิตของเราว่า เรามาทำไมกัน
ที่มาจริงๆ คือเครื่องประดับใจ จาคานุสสติกรรมฐาน อันนี้เป็นตัวแท้ ไอ้ตัวนั่งนึกน่ะมันไม่แท้ ตัวทำนี่แหละเป็นตัวจริงๆ ไอ้ตัวนั่งนึก ฝึกให้จิตมันทรงอารมณ์ ให้อยากทำ และเต็มใจทำ ถึงเวลาจะทำก็ทำจริงๆ แต่ว่าเวลานี้ท่านทำจริงใจในด้าน จาคานุสติกรรมฐาน จาคะ เขาแปลว่า สละ หรือว่า ละ
ประการที่สอง ท่านต้องละทรัพย์สินในบ้านของท่าน บุคคลในบ้านของท่าน อันเป็นที่รัก ที่ห่วงใย ที่หวงแหน ตัวออกจากบ้านมา ถ้ากำลังใจไม่เข้มแข็งมันมาไม่ได้ บ้านที่รัก ทรัพย์สินที่หาได้ยาก ข้างหลังมันจะเป็นอย่างไร ก็ไม่รู้เสียแล้ว เมื่อก้าวออกจากบ้าน
ก่อนจะออกจากบ้านน่ะ จ่ายก่อนไปวัด คราวนี้ควรจะมีอะไรไปบ้าง นี่ควรจะมีอะไรบ้าง นี่ละอีกแล้ว สละอีกแล้ว ทรัพย์สินเป็นที่รัก จ่ายโน่น จ่ายนี่ จ่ายนั้น ถึงแม้ว่าจะมาเพื่อตัวเรา แต่ว่ามาเพื่อกิจอื่น ไม่ใช่กิจของส่วนตัว ต้องถือนั้นเป็น จาคะ
ประการที่สาม เมื่อจะมาเสียค่าพาหนะ นี่มันเสียเงินอีกแล้ว ละอีก เงินตัวนั้นเราไม่ได้เสียดายเลย เป็นตัวละเด็ดขาด เมื่อมาถึงวัด ทั้งเงินก็ดี ทั้งของก็ดี แรงกายก็ดี แรงปัญญาก็ได้ดี ทุกคนทำงานไม่ย่อท้อ หวังจะสนับสนุนพระพุทธศาสนา
จิตไปจับอะไร จับพระพุทธเจ้า จับพระธรรม จับพระสงฆ์ จับศีล จับทาน เพราะเราไม่ประมาทในชีวิต คิดว่าเราจะตายเมื่อไรก็ได้ อันนี้เป็น จาคานุสสติกรรมฐานแท้ ที่บรรดาท่านพุทธบริษัทปฏิบัติ
เป็นอันว่าเครื่องประดับของพระโสดาบันในด้านมรณานุสสติกรรมฐานที่เราทำนี่ กลัวจะตายไปจน ต้องการตายแล้วเป็นคนรวย การให้ทานตายแล้วรวย ถ้าไม่รวยทรัพย์เรารวยวาสนาบารมี ดีไม่ดีก็รวยพระนิพพาน อย่างเลวที่สุดเราก็เป็นเทวดา อย่างกลางเราก็ไปพรหม อย่างสูงสุดก็ไปนิพพาน
ถ้า ละ ตัวเดียวแท้ๆ ปรากฏในใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างทำเพื่อตัดกิเลส คือโลภะที่มีอยู่ในจิตใจ ไม่ให้มันสถิตอยู่ในใจ ตัวนี้หวังได้พระนิพพาน
เป็นอันว่าอารมณ์ของท่านพุทธบริษัททุกท่านวันนี้ ขณะที่เรามาทำรวมกัน ตั้งใจว่าจะทำไปตลอดงาน เป็นตัว ละ ใน จาคะ ตัวสูงสุดในเขตพระพุทธศาสนา จัดว่าเป็น ปรมัตถบารมี
www.buddhasattha.com/2010/04/คุณสมบัติของพระโสดาบัน/
คือ โสดาบัน " โสดาบันนี้โยมก็เป็นได้ แต่โยมไม่ค่อยเข้าใจ
สาเหตุอาจเพราะไม่ค่อยมีใครรู้ว่าพระโสดาบันคือใคร บางคนเข้าใจผิดคิดว่าพระโสดาบันต้องเป็นภิกษุเท่านั้น ชาวบ้านเป็นพระโสดาบันไม่ได้ ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดอย่างยิ่ง ความจริงแล้วชาวบ้านธรรมดาๆก็เป็นได้
>โสดาบัน ไม่ตกนรก
โสดาบัน ไม่ต้องเกิดเป็น สัตว์ อีกแล้ว
โสดาบัน ไม่ต้องเกิดเป็น เปรต
โสดาบัน ไม่ต้องเกิดเป็น อสุรกาย
แนวทางการเป็นโสดาบัน
>> คุณสมบัติของพระโสดาบัน
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
พระโสดาบันที่แท้จริง อารมณ์ที่ทรงได้ก็คือ มีความเคารพในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์ มีศีล ๕ บริสุทธิ์ มีจิตจับพระนิพพานเป็นอารมณ์ ฉะนั้นท่านทั้งหลายที่อ่านอยู่ที่นี้ อันดับแรก ให้วัดกำลังจิตของท่านว่าความดีขั้นพระโสดาบันแล้วหรือยัง ถ้าเวลานี้ทำไม่ได้ เมื่อไรเราจะทำได้
คุณสมบัติของพระโสดาบัน
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
บรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ต่อไปก็เป็นวาระที่บรรดาท่านพุทธบริษัทจะศึกษาในขั้นอริยผล แต่ความจริงเรื่องของพระโสดาบัน เราก็แนะนำกันมาแล้ว ทั้งระดับเข้มข้นและทั้งระดับอ่อนที่สุด
คำว่า เข้มข้น ก็ได้แก่ เอกพีชี คำว่า เอกพีชี ก็หมายความว่า ถ้าชาตินี้เป็นพระโสดาบัน ชาติหน้าเกิดเป็นมนุษย์อีกชาติเดียวเป็นอรหันตผล
ก็จงอย่าลืมว่าคนเป็นพระโสดาบันแล้ว บางทีก็ไม่ต้องรอเวลามากนัก ขณะที่นั่งทรงจิตอยู่ในขั้นโสดาบันนั้นเอง ท่านกล่าวว่า ถ้ามีอารมณ์ไม่ท้อถอย ก็ทำให้จิตให้เข้าถึงอรหัตผลในขณะเดียวกัน เรียกว่าในที่นั่งเดียวกัน
คำว่า ที่นั่งเดียวกัน ก็หมายถึงว่าในขณะที่นั่งนั่นแหละ ยังไม่ลุกจากที่ ทำจิตให้เข้าถึงความเป็นอรหัตผลเลยทีเดียว แต่เรื่องนี้ยังไม่ขอพูด เพราะเป็นกำลังใจของบุคคล คือ ไม่จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำเรื่องกำลังใจ แนะนำกันไม่ได้ เว้นไว้แต่คนที่มีกำลังใจเข้มแข็ง
วันนี้ก็ขอย้อนต้นอีกนิดหนึ่ง เพื่อทวนผลแห่งการปฏิบัติของบรรดาท่านพุทธบริษัท
อันดับแรก พระโสดาบัน พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นผู้มีปัญญาเล็กน้อย เป็นผู้มีสมาธิเล็กน้อย มีศีล ๕ บริสุทธิ์ เคารพพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์
เป็นอันว่าพระโสดาบันไม่มีอะไรมาก เคยพูดไว้ในหลายสถาน พระโสดาบันก็คือชาวบ้านชั้นดีนั้นเอง แต่ที่เรียกว่า พระโสดาบัน ก็คือว่า เป็นผู้มีกระแสหรืออารมณ์จิตเข้าถึงพระนิพพาน เป็นบุคคลที่ไม่ถอยหลัง เดินก้าวไปตามลำดับ
จากพระโสดาบันไปเป็นพระสกิทาคามี ไปอนาคามี และอรหันต์ นี่พูดถึงเดินช้า ๆ ถ้าคนที่เดินเร็ว ๆ จากพระโสดาบันแล้วก็ถึงพระอรหันต์เลย เรื่องจะถอยหลังลงมากลับเป็นปุถุชนคนธรรมดาอีกไม่มี สำหรับพระอริยเจ้า
พระโสดาบันที่แท้จริง อารมณ์ที่ทรงได้ ก็คือ
๑.มีความเคารพในพระพุทธเจ้า
มีความเคารพในพระธรรม
มีความเคารพในพระสงฆ์
๒.มีศีล ๕ บริสุทธิ์
๓.มีจิตจับพระนิพพานเป็นอารมณ์
สำหรับอารมณ์จิตท่านที่เข้าถึง เอกพีชี มีความเข้มแข็ง แนะนำเพียงเท่านี้ก็ได้ เป็นของไม่ยาก เว้นไว้แต่ว่าท่านที่มีอารมณ์จิตอ่อนหรือพวกปทปรมะ พวกปทปรมะนี่พระพุทธเจ้าไม่สอน เพราะว่าถ้าขืนสอนก็เหนื่อยเปล่า ซึ่งไม่มีประโยชน์
ฉะนั้นท่านทั้งหลายที่อ่านอยู่ที่นี้ อันดับแรก ให้วัดกำลังจิตของท่านว่า ความดีขั้นพระโสดาบันแล้วหรือยัง ถ้าเวลานี้ทำไม่ได้ เมื่อไรเราจะทำได้ กำหนดเวลาไว้ให้สั้นที่สุด เพราะว่ามันของปกติธรรมดา ซึ่งไม่มีอะไรเป็นของยาก ไม่มีอะไรเป็นของหนัก
ถ้าอยากทราบว่า เรามีความเคารพในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือไม่ ก็ดูกำลังใจของเรา เพราะว่า พระโสดาบัน ไม่ใช่เป็นบุคคลผู้ถือมงคลตื่นข่าว เขาว่าดีไหนก็ไปนั้น เขาเฮไหนไปนั้น วิเศษที่ไหนก็ไปที่นั้น แต่ความจริงต้องการให้ท่านมีกำลังใจแน่วแน่ แม้แต่ท่านจะอยู่บ้านของท่านเอง ไม่จำเป็นต้องมาที่วัด
คำว่า ไป หมายความว่าฮือตามข่าวลือกัน เขาลือว่าดีที่ไหนก็ไปที่นั้น ไปแล้วก็ยังไม่พอใจ เขาลือต่อว่าที่โน่นดีกว่าไปที่โน่นอีก
ก็เป็นอันว่าเป็นคนที่มีกำลังไม่แน่นอนอย่างนี้ ยังถือว่าไม่ได้มีความเคารพในองค์พระชินวรสัมมาสัมพุทธเจ้าจริง ถ้ามีความเคารพพระพุทธเจ้า ถ้ามีความเคารพในพระธรรม มีความเคารพในพระสงฆ์ เราต้องไปศึกษาที่ไหนกัน แล้วการที่จะทรงศีล ๕ ให้บริสุทธิ์มันยากนักรึ ศีล ๕ ที่เราพึงทำมันก็เป็นของที่เราจำได้ขึ้นใจ เมื่อมีอารมณ์เราปฏิบัติอย่างนี้เพื่อพระนิพพาน
นี่เนื้อแท้จริงๆ พระโสดาบันมีเท่านี้ ใม่ใช่ของยาก ถ้าท่านสดับ บอกว่ายาก ทำยาก ก็รู้สึกสลดใจ เพราะ
ท่านเกิดมาได้ เพราะท่านมีศีล ท่านมีทรัพย์สินได้ เพราะอาศัยบริจาคทาน ท่านมีสติปัญญามาได้ เพราะอาศัยการเคารพในพระรัตนตรัย แต่มาชาตินี้กลับว่าสิ่งทั้ง ๓ ประการนี้ยาก ทำไม่ได้ ท่านต้องกลับไปอบายภูมิใหม่
เป็นอันว่าคุณธรรมของพระโสดาบันเพียงเท่านี้ เรียกว่าย้อนกัน ต่อไปก็จะพูดถึงเครื่องประดับใจของพระโสดาบัน
เครื่องประดับใจของพระโสดาบัน นั้นก็คือ
๑.ไม่ลืมความตาย คิดถึงความตายเป็นปกติ มีความรู้สึกอยู่เสมอว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่มีความตายเป็นของเที่ยง อย่างไรเราตายแน่
และความตายนี่ไม่ได้บอกว่าจะตายเช้า ตายสาย ตายบ่าย ตายกลางคืน ท่านกำหนดไว้เพียงแค่นี้ ไม่ใช่คิดว่าอีก ๒ ปี ๓ ปี ๔ ปี ๕ ปี จะพึงตาย ถ้าคิดอย่างนั้นจัดว่าเป็นไกลจากความเจริญของจิต เป็นอันว่าอารมณ์เข้าเขตอบายภูมิเสียแล้ว เพราะประมาทในชีวิต
พระโสดาบันท่านคิดแต่เพียงว่าวันนี้น่ะอาจจะตาย แต่ว่าตายเวลาไหนยังไม่รู้ นี่เราคุยกันเวลานี้พูดไม่ทันจบ ตายเสียก็ตายไปก็ได้ ถ้าเวลาอ้าปากจะพูด ไม่ทันจะพูดตายเสียก็ได้ เขาคิดเฉพาะวันนั้นว่าวันนี้จะต้องตาย
ในเมื่อเราจะต้องตายแล้ว เราจะยอมรึ ตายไปลำบากเราจะเอารึ เพราะเวลานี้เราได้แสงสว่างจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อารมณ์จิตจับมั่น
บุคคลใดเคารพในคุณพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ บุคคลนั้นจะไม่ลงอบายภูมิ นี่อันดับแรกยึดเข้าไว้ก่อนเป็นทุนประจำใจ
ประการที่ ๒ ยอมรับนับถือคุณรัตนตรัยทั้ง ๓ ประการ ก็คือ เคารพในศีล ๕ ไม่ละเมิดศีล ๕
ถ้าเรายังละเมิดในศีล ๕ อยู่ จะบอกว่าเคารพในพระพุทธเจ้า เคารพในพระธรรม เคารพในพระสงฆ์ ยังไม่ได้ ยังฝ่าฝืนคำแนะนำสั่งสอนกันอยู่ เขาเรียกว่าเป็นคนหัวดื้อรั้น ไม่เชื่อกัน
ถ้าเคารพจริง รักกันจริง เชื่อกันจริง ก็ต้องปฏิบัติไม่ฝ่าฝืน ต้องทรงศีลให้บริสุทธิ์ นี่จัดว่าเป็นทุน ถ้าเราตายเวลานี้เราจะไม่ไปอบายภูมิ
เป็นอันว่านี่เป็นเครื่องประดับอันแท้จริง ๆ ก็คือ การเคารพในพระพุทธเจ้า เคารพในพระธรรม เคารพในพระสงฆ์ และก็ มีศีล ๕ บริสุทธิ์ นี่เนื้อแท้ของ พระโสดาบัน เป็นตัวแก่น หรือว่าเป็นเสา หรือว่าตัวอาคาร
ทีนี้เครื่องประดับของพระโสดาบันต้องมี ไม่ว่าอะไรทั้งหมดถ้าไม่มีเครื่องประดับมันก็ไม่สวย คนเราถ้ารูปร่างหน้าตาจะสวย ทรวดทรงจะดีอย่างไรก็ตาม ถ้าเดินแก้ผ้าโทงๆ มันก็แลดูไม่น่ารัก มันต้องมีเครื่องประดับ อย่างน้อยก็ต้องมีผ้าหุ้มกาย จะสีสดหรือสีไม่สดก็ตาม นี่ประการหนึ่ง ก็มีเครื่องประดับอย่างอื่นเข้ามาพอกเข้ามาด้วย เพิ่มเติมเข้ามาอย่างนี้ก็จะแลดูงามสง่า น่ารัก น่าชม น่านิยม น่าทัศนา
ข้อนี้อุปมาฉันใด แม้อารมณ์พระโสดาบันก็เหมือนกัน ถ้ามีความรู้สึกแต่เพียงว่า เคารพในพระพุทธเจ้า เคารพในพระธรรม เคารพในพระสงฆ์ มีศีล ๕ บริสุทธิ์ รู้สึกว่าอารมณ์จิตมันแห้งแล้งเต็มที แต่ถ้าเป็นคน ประเภทแก้ผ้าเดิน
อันนี้เราก็มีอารมณ์ประดับอีกอันหนึ่ง ก็คือ มรณานุสสติกรรมฐาน นึกถึงความตายเป็นอารมณ์ ไม่ประมาทในชีวิต
จงอย่าคิดว่าเราจะมีชีวิตถึงวันพรุ่งนี้ ถ้าเรามีความรู้สึกว่าเรามีชีวิตถึงวันพรุ่งนี้ ก็รู้สึกว่าประมาทมากเกินไป จงคิดว่าวันนี้แหละเราอาจจะตาย แต่ว่าเวลาไหนยังไม่แน่ จิตจะได้ยึดอารมณ์ความดีเข้าไว้ อันนี้เป็น มรณานุสสติกรรมฐาน
เครื่องประดับอันดับที่ ๒ ที่มีความสำคัญ พระโสดาบันท่านกล่าวว่า มีสมาธิพอสมควรเล็กน้อย และมีปัญญาไม่มากนัก องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เครื่องประดับอันดับต่อไปก็คือ จาคานุสสติกรรมฐาน
คำว่า จาคานุสสติกรรมฐาน ก็ดี มรณานุสสติกรรมฐาน ก็ดี สีลานุสสติกรรรมฐาน คือระลึกถึงศีลเป็นอารมณ์ก็ดี พุทธานุสสติ นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ก็ดี ธัมมานุสสติ นึกถึงพระธรรมเป็นอารมณ์ก็ดี
จงอย่าลืมว่าเป็นอารมณ์คิดทั้งหมด ไม่ใช่อารมณ์ทรงตัว คือไม่ใช่ปักหลักหลับตากันอย่างเดียว ต้องใช้ทั้งเวลาหลับตา ทั้งเวลาลืมตา เวลาอยู่สงัด เวลาอยู่ในฝูงชน เวลายามว่าง เวลาการงานเข้ามาถึง ต้องใช้อารมณ์นี้ทั้งหมด เรียกว่า ไม่ยอมลืมพระพุทธเจ้า ไม่ยอมลืมพระธรรม ไม่ยอมลืมพระสงฆ์ ไม่ยอมลืมศีล ไม่ยอมลืมความตาย
เครื่องประดับอีกชิ้นหนึ่งนั้นก็คือ จาคานุสสติ เราจะเห็นตามประวัติว่า ท่านที่เป็นพระโสดาบัน ท่านพวกนั้นไม่มีความหวงแหน
คำว่า ไม่หวง หมายความว่า มีกำลังใจดี ไม่ใช่ว่ามีอะไรให้หมด แต่ว่าให้ในเขตที่ควรแก่การเคารพ
ถ้าหากว่าเขตใดก็ตามเป็นเขต อุดมเขต หรือบุคคลใดก็ตามเป็น ปูชนียบุคคล
อุดมเขต หมายถึง เขตที่ทรงความสุขสูงสุด ได้แก่ เขตของพระรัตนตรัยก็ดี
ปูชนียบุคคล บุคคลที่ควรแก่การบูชาก็ดี หรือว่าเป็นบุคคลผู้ควรแก่การสงเคราะห์ เช่น คนที่ได้รับความยากลำบาก
อันนี้พระโสดาบันไม่หวงทรัพย์สินของตน แต่ว่าจะไม่ใช่ทุ่มเทจนหมดตัว ท่านเป็นคนที่ปัญญา ไม่ใช่มีบาทให้บาท มี ๑๐ บาทให้ ๑๐ บาท มี ๑๐๐ บาทให้ ๑๐๐ บาท อย่างนี้ใช้ไม่ได้ ถ้าให้อย่างนั้นแล้วเดือดร้อนภายหลังด้วย อย่างนี้ไม่ใช่อารมณ์ของพระโสดาบัน เป็นอารมณ์ของคนโง่ เพราะว่าพระโสดาบันท่านไม่โง่ เพราะว่าพระโสดาไม่โง่ เป็นคนฉลาด
ทีนี้ จาคานุสสติกรรมฐาน มีการนึกถึงทานการบริจาคอยู่เป็นปกติ นึกถึงทานการบริจาคอยู่เป็นปกติ นึกถึงการให้ทาน มีกำลังใจเสมอว่า เราจะสงเคราะห์บุคคลอื่นให้มีความสุขตามกำลังที่เราจะพึงทำได้
ถ้าเรามีทรัพย์ เราจะให้ทรัพย์ เราไม่มีทรัพย์เราสามารถให้กำลังได้ เราจะให้กำลังช่วยงาน ถ้ากำลังไม่มี ทรัพย์ไม่มี เราก็จะแนะนำให้ท่านผู้นั้นมีความสุข ตามที่เราสามารถจะพึงแนะนำได้ กำลังของพระโสดาบันจดจ่ออยู่ในเรื่องของ จาคานุสติกรรมฐาน อย่างนี้
และอย่าคิดว่า จาคานุสสติกรรมฐาน นี่จะต้องไปทำเวลาสงัด มานั่งนึกว่าเราจะให้คนนั้น เราจะให้คนนี้ เราจะให้คนโน้น อย่างนี้ไม่ใช่ อย่างนี้เขาเรียกว่าเปลือกของจาคานุสสติกรรมฐาน
เนื้อแท้จริงๆของ จาคานุสสติกรรมฐาน นี้ไม่ต้องนั่งหลับตาก็ได้ ให้อารมณ์จิตมันทรงตัวว่า เราพร้อมในการที่จะสงเคราะห์บุคคลและสัตว์ให้มีความสุข ขณะใดได้มีการสงเคราะห์ ขณะนั้นมีการชื่นบานของจิตปรากฏ อย่างนี้ท่านเรียกว่า พระโสดาบัน แน่
ถ้าเราจะพูดกันไปว่า การนั่งนึกมันจะมีผลหรือ ถ้าว่านั่งนึกมันมีผลเพราะว่าตั้งใจจะทำ ตัวอย่างนางวิสาขา มหาอุบาสิกาเป็นพระโสดาบัน ท่านให้ทานไม่อั้น แต่ว่าทานของท่านต้องอยู่ในเขตดี คือในเขตของพระรัตนตรัย
ถ้าพระสงฆ์มีความลำบากเพียงใด นางวิสาขาไม่ยอม เรียกว่าอดใจไม่ได้ ต้องให้ ต้องสงเคราะห์ เช่น ภิกษุชาวเมืองปาฐา ๓๐ รูป เดินทางมาเฝ้าพระพุทธเจ้า มาตอนออกพรรษามันเปียกจัด ผ้าจีวรเปียกหมด สมัยนั้นเขาให้กัน ๓ ตัว คือ จีวร สบง สังฆาฏิ ไม่มีผ้าผลัด นางวิสาขาก็ขอพระพุทธเจ้าถวายผ้าวัสสิกสาฎก พระพุทธเจ้าก็ทรงอนุญาต อย่างนี้เป็นต้น
เป็นอันว่าทนไม่ไหว เห็นคนดีมีทุกข์ ท่านทนไม่ได้ แต่ต้องระวัง พระก็พระเถิด ถ้าเป็นพระชั่ว ท่านก็ไม่สงเคราะห์เหมือนกัน ตัวอย่างเราจะเห็นได้ว่า สำนักของนางวิสาขาก็ดี ของอนาถบิณฑิกเศรษฐีก็ดี ไม่สงเคราะห์พระชั่ว
ตัวอย่าง ในสมัยหนึ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปเยี่ยมพระเรวตะ น้องชายพระสารีบุตร พระเรวตะอยู่ในป่า เป็นเด็กอายุแค่ ๗ ขวบ ได้อรหัตผลเป็นปฏิสัมภิทาญาณ
ก่อนที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารจะเสด็จไปถึง พระเรวตะก็เนรมิตป่าให้เป็นเมือง เป็นเมืองแก้ว แพรวพราวด้วยเครื่องประดับ อาคารทั้งหมดเป็นแก้วทั้งหมด เป็นสถานที่มีความสุขสบาย
พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ทั้งหลายประมาณ ๒๐,๐๐๐ รูป เทวดาทั้งหลายก็แปลงกายเป็นคนมาบำเพ็ญกุศล เป็นเหตุให้พระแก่ ๒ องค์นินทาพระพุทธเจ้า เวลานั้นพระพุทธเจ้าเสด็จกลับ พระก็กลับหมด (จะขอลัดตัดเฉพาะตอนปลาย)
ต่อมาบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายก็นั่งสนทนาพรรณนาความดีของพระเรวตะ ว่าเป็นผู้มีบุญญาธิการ เข้าไปอยู่ในป่าก็สามารถมีเมืองแก้วเป็นที่อยู่ แต่ภิกษุแก่ ๒ องค์ กลับนินทาสมเด็จพระบรมครู คือ นินทาพระพุทธเจ้า หาว่าท่านพระพุทธเจ้าเห็นแก่หน้าบุคคล เพราะว่า
๑.พระเรวตะเป็นน้องชายพระสารีบุตร จึงได้ไปเยี่ยม
๒.พระเรวตะอยู่ในเมืองแก้วแพรวพราวไปด้วยเครื่องประดับ มีความงามในตัวเมือง มีคนก็สวย มีอาหารก็ดี มีคนบำเพ็ญกุศลทำบุญทำทานมาก สงเคราะห์มาก จึงได้ไป
ไม่ได้รู้ว่าที่นั้นความจริงเป็นป่าชัฏ พระเรวตะเนรมิตขึ้นด้วยอำนาจของฤทธิ์
บรรดาพระทั้งหลายมีความเห็นไม่ตรงกัน เวลาที่ไปบ้านของนางวิสาขา พระพวกเพื่อนก็พรรณาความดีของพระเรวตะให้นางวิสาขาฟัง นางวิสาขาก็ทำบุญด้วย ทำกุศลสงเคราะห์ด้วยประการทั้งปวง
พระพวกหลังไปนั่งนินทาพระพุทธเจ้าให้นางวิสาขาฟัง ในที่สุดวันนั้นนางวิสาขาเขาไม่ใส่บาตรให้กิน อารมณ์ของพระโสดาบันไม่บูชาชั่ว บูชาดี
บรรดาท่านพุทธบริษัทที่มาวัดวันนี้ มากันทำไม จิตของท่านเคยคิดไหมว่าที่มาคราวนี้จะมารับจ้างวัด ทำงานทุกอย่างต้องการค่าจ้าง ต้องการรางวัลเท่านั้นเท่านี้ มีหรือเปล่า ทุกคนที่มาไม่เคยมีใครบอกว่า มาคราวนี้ต้องการค่าจ้าง ต้องการรางวัล เป็นอันว่าทุกท่านมาด้วยจาคานุสสติกรรมฐานด้วยกันทั้งหมด
อันดับแรก กำหนดจิตว่าเราจะช่วยงานวัดให้เป็นไปด้วยดี การมาคราวนี้ ทุนวัดให้เป็นไปด้วยดี การมาคราวนี้ ทุนวัดให้เป็นค่ารถค่าเรือก็ไม่มี ค่าจ้างแรงงานก็ไม่มี และยังไม่เคยกำหนดรางวัลอะไรให้สักนิดหนึ่งว่า ทำงานเสร็จจะให้รางวัลอะไร อย่างนี้ก็ไม่เคยปรารภ แล้วท่านมาทำไม นึกถึงกำลังจิตของเราว่า เรามาทำไมกัน
ที่มาจริงๆ คือเครื่องประดับใจ จาคานุสสติกรรมฐาน อันนี้เป็นตัวแท้ ไอ้ตัวนั่งนึกน่ะมันไม่แท้ ตัวทำนี่แหละเป็นตัวจริงๆ ไอ้ตัวนั่งนึก ฝึกให้จิตมันทรงอารมณ์ ให้อยากทำ และเต็มใจทำ ถึงเวลาจะทำก็ทำจริงๆ แต่ว่าเวลานี้ท่านทำจริงใจในด้าน จาคานุสติกรรมฐาน จาคะ เขาแปลว่า สละ หรือว่า ละ
ประการที่สอง ท่านต้องละทรัพย์สินในบ้านของท่าน บุคคลในบ้านของท่าน อันเป็นที่รัก ที่ห่วงใย ที่หวงแหน ตัวออกจากบ้านมา ถ้ากำลังใจไม่เข้มแข็งมันมาไม่ได้ บ้านที่รัก ทรัพย์สินที่หาได้ยาก ข้างหลังมันจะเป็นอย่างไร ก็ไม่รู้เสียแล้ว เมื่อก้าวออกจากบ้าน
ก่อนจะออกจากบ้านน่ะ จ่ายก่อนไปวัด คราวนี้ควรจะมีอะไรไปบ้าง นี่ควรจะมีอะไรบ้าง นี่ละอีกแล้ว สละอีกแล้ว ทรัพย์สินเป็นที่รัก จ่ายโน่น จ่ายนี่ จ่ายนั้น ถึงแม้ว่าจะมาเพื่อตัวเรา แต่ว่ามาเพื่อกิจอื่น ไม่ใช่กิจของส่วนตัว ต้องถือนั้นเป็น จาคะ
ประการที่สาม เมื่อจะมาเสียค่าพาหนะ นี่มันเสียเงินอีกแล้ว ละอีก เงินตัวนั้นเราไม่ได้เสียดายเลย เป็นตัวละเด็ดขาด เมื่อมาถึงวัด ทั้งเงินก็ดี ทั้งของก็ดี แรงกายก็ดี แรงปัญญาก็ได้ดี ทุกคนทำงานไม่ย่อท้อ หวังจะสนับสนุนพระพุทธศาสนา
จิตไปจับอะไร จับพระพุทธเจ้า จับพระธรรม จับพระสงฆ์ จับศีล จับทาน เพราะเราไม่ประมาทในชีวิต คิดว่าเราจะตายเมื่อไรก็ได้ อันนี้เป็น จาคานุสสติกรรมฐานแท้ ที่บรรดาท่านพุทธบริษัทปฏิบัติ
เป็นอันว่าเครื่องประดับของพระโสดาบันในด้านมรณานุสสติกรรมฐานที่เราทำนี่ กลัวจะตายไปจน ต้องการตายแล้วเป็นคนรวย การให้ทานตายแล้วรวย ถ้าไม่รวยทรัพย์เรารวยวาสนาบารมี ดีไม่ดีก็รวยพระนิพพาน อย่างเลวที่สุดเราก็เป็นเทวดา อย่างกลางเราก็ไปพรหม อย่างสูงสุดก็ไปนิพพาน
ถ้า ละ ตัวเดียวแท้ๆ ปรากฏในใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างทำเพื่อตัดกิเลส คือโลภะที่มีอยู่ในจิตใจ ไม่ให้มันสถิตอยู่ในใจ ตัวนี้หวังได้พระนิพพาน
เป็นอันว่าอารมณ์ของท่านพุทธบริษัททุกท่านวันนี้ ขณะที่เรามาทำรวมกัน ตั้งใจว่าจะทำไปตลอดงาน เป็นตัว ละ ใน จาคะ ตัวสูงสุดในเขตพระพุทธศาสนา จัดว่าเป็น ปรมัตถบารมี
www.buddhasattha.com/2010/04/คุณสมบัติของพระโสดาบัน/
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 20, 2014 9:02:43pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.2015
การสวดมนต์ ข้ามปี เป็นการสร้างบารมีให้ดวงจิตตัวเองอย่างมีคุณค่า
มากๆๆเลยขอบอก แม้จะกายแตกไปแล้วก็ยังติดไปกับภพใหม่ชาติใหม่ท
ี่จะไปเกิด คนที่เกิดมาในตระกูลรวยๆเพราะชาติก่อนเขาเคยสร้
างทานบารมีมาทั้งนั้น
ถ้าชาตินีเขาหยุดสร้างต่อ ก็คือเขากำลังใช้บารมีเก่าตัวเอง
และการสร้างบารมีสิบ เป็นสิ่งที่มนุษย์ควรทำให้ครบ
คนที่มาสวดมนต์ข้ามปี บารมีจะควรได้คือ
ศิลบารมี (รักษาศีล)
เนกขัมมะบารมี (ถือบวช)
ปัญญาบารมี (สวดมนต์นี้เอง)
วิริยะบารมี (ความมุ่งมั่น)
ขันติบารมี (ความอดทน)
สัจจะบารมี (ถ้าไม่มีสัจจะก็กลับบ้านแล้วมั้ง)
อธิฐานบารมี ( ก็คืออธิฐานนี่แหละ)
เมตตาบารมี (แผ่เมตตา)
อุเบกขาบารมี (วางเฉยต่อสิ่งต่างๆ)
สมาธิบารมี
เวลาทุกคนแผ่เมตตามันจะมีแสงพลังงานพลังพลังความดีพลังความเมตตา
ออกจากกายไปหาคนที่แผ่ให้โดยที่เราไม่รู้ตัว
ขอให้สัพสัตทั้งหลายทั้งปวงทั้งสามแดนโลกธาตุ ที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด
ไม่ว่าจะเป็นเทวดา เทพ พรม ยักษ์ นาค อมนุษย์
ขอให้ประสบความดีอย่ามีความทุกข์ และได้เห็นธรรม ปฏิบัติและได้บรรลุธรรม
ทั่วหน้ากันเถิด...
การสวดมนต์ ข้ามปี เป็นการสร้างบารมีให้ดวงจิตตัวเองอย่างมีคุณค่า
มากๆๆเลยขอบอก แม้จะกายแตกไปแล้วก็ยังติดไปกับภพใหม่ชาติใหม่ท
ี่จะไปเกิด คนที่เกิดมาในตระกูลรวยๆเพราะชาติก่อนเขาเคยสร้
างทานบารมีมาทั้งนั้น
ถ้าชาตินีเขาหยุดสร้างต่อ ก็คือเขากำลังใช้บารมีเก่าตัวเอง
และการสร้างบารมีสิบ เป็นสิ่งที่มนุษย์ควรทำให้ครบ
คนที่มาสวดมนต์ข้ามปี บารมีจะควรได้คือ
ศิลบารมี (รักษาศีล)
เนกขัมมะบารมี (ถือบวช)
ปัญญาบารมี (สวดมนต์นี้เอง)
วิริยะบารมี (ความมุ่งมั่น)
ขันติบารมี (ความอดทน)
สัจจะบารมี (ถ้าไม่มีสัจจะก็กลับบ้านแล้วมั้ง)
อธิฐานบารมี ( ก็คืออธิฐานนี่แหละ)
เมตตาบารมี (แผ่เมตตา)
อุเบกขาบารมี (วางเฉยต่อสิ่งต่างๆ)
สมาธิบารมี
เวลาทุกคนแผ่เมตตามันจะมีแสงพลังงานพลังพลังความดีพลังความเมตตา
ออกจากกายไปหาคนที่แผ่ให้โดยที่เราไม่รู้ตัว
ขอให้สัพสัตทั้งหลายทั้งปวงทั้งสามแดนโลกธาตุ ที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด
ไม่ว่าจะเป็นเทวดา เทพ พรม ยักษ์ นาค อมนุษย์
ขอให้ประสบความดีอย่ามีความทุกข์ และได้เห็นธรรม ปฏิบัติและได้บรรลุธรรม
ทั่วหน้ากันเถิด...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
14 ม.ค. 2015
เราเป็นคนดีอยู่แล้ว"ถึงแม้จะมีคนอื่นมาบอกเราว่า "ไม่ดี"
เขาพูดใช่ความจริงไหม
เราเป็นคนไม่ดีอยู่แล้ว"ถึงแม้จะมีคนอื่นมาบอกเราว่า"ดี"
เขาพูดใช่ความจริงไหม
ฉะนั้นคนที่เป็นคนดีอยู่แล้ว ดีต่อๆไปนะ สาธุๆ ^_^
พวกที่มันไม่ดีมันจะห่างเราไป ตามเราไม่ทันเองเพราะบุญเพราะคว
ามดีเรา มันจะเป็นแรงส่งเราออกมาจากตรงนั้นเอง
เราเป็นคนดีอยู่แล้ว"ถึงแม้จะมีคนอื่นมาบอกเราว่า "ไม่ดี"
เขาพูดใช่ความจริงไหม
เราเป็นคนไม่ดีอยู่แล้ว"ถึงแม้จะมีคนอื่นมาบอกเราว่า"ดี"
เขาพูดใช่ความจริงไหม
ฉะนั้นคนที่เป็นคนดีอยู่แล้ว ดีต่อๆไปนะ สาธุๆ ^_^
พวกที่มันไม่ดีมันจะห่างเราไป ตามเราไม่ทันเองเพราะบุญเพราะคว
ามดีเรา มันจะเป็นแรงส่งเราออกมาจากตรงนั้นเอง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ม.ค. 2015
แม้จะทำบุญมาก ตายไปแล้ว
เกิดเป็นเทวดานางฟ้าหรือพรหม
แม้นจะมีรัศมีงดงามปานใด
รัศมีนั้นก็ค่อยๆดับลงๆทีละนิดๆ เหมือนกับชีวิตมนุษย์ที่เกิดมาเดินไปหา
ความตายทีละวิๆ นั่นแหละ
"ไม่มีภพไหนเที่ยง เท่าเข้าสู้นิพพา"
แม้จะทำบุญมาก ตายไปแล้ว
เกิดเป็นเทวดานางฟ้าหรือพรหม
แม้นจะมีรัศมีงดงามปานใด
รัศมีนั้นก็ค่อยๆดับลงๆทีละนิดๆ เหมือนกับชีวิตมนุษย์ที่เกิดมาเดินไปหา
ความตายทีละวิๆ นั่นแหละ
"ไม่มีภพไหนเที่ยง เท่าเข้าสู้นิพพา"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อยากเรียนหนังสืออย่างเดียว อยากทำงานอย่างเดียว
ยังไม่อยากมีความรักมากวนใจ หรือคนนั้นก็ไม่รักเรา มีแต่ทำให้เสียใจทำให้เจ็บแล้วเจ็บอีก หรือคนที่เบื่อในความรัก
"ลองเพ่งอสุภะสิ ก็คือมองคนให้เห็นเป็นโครงกระดูก ไม่ใช่เห็นด้วยตาเปล่านะ แต่เป็นการจินตนาการมองทะลุเห็นเป็นโครงกระดูกเดิไปเดินไปเดินมา
แล้วมันจะรู้เองว่าผู้หญิงกับผู้ชายไม่ต่างกันเลย
แล้วถ้าปล่อยโครงกระดูกนั้นทิ้งไว้1หมื่นปี มันจะสลายหายไปไม่เหลือเลย
ลองทำดูนะ สาธุๆ พระไม่ตั๋วหรอก
ยังไม่อยากมีความรักมากวนใจ หรือคนนั้นก็ไม่รักเรา มีแต่ทำให้เสียใจทำให้เจ็บแล้วเจ็บอีก หรือคนที่เบื่อในความรัก
"ลองเพ่งอสุภะสิ ก็คือมองคนให้เห็นเป็นโครงกระดูก ไม่ใช่เห็นด้วยตาเปล่านะ แต่เป็นการจินตนาการมองทะลุเห็นเป็นโครงกระดูกเดิไปเดินไปเดินมา
แล้วมันจะรู้เองว่าผู้หญิงกับผู้ชายไม่ต่างกันเลย
แล้วถ้าปล่อยโครงกระดูกนั้นทิ้งไว้1หมื่นปี มันจะสลายหายไปไม่เหลือเลย
ลองทำดูนะ สาธุๆ พระไม่ตั๋วหรอก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
2015
โยมควรจะรู้ไว้ การจะว่าอะไรให้พระที่ดีนั่นระวังบาปกรรม
โดยเฉพาะถ้าท่านเป็น พระอริยะบุคคล ยิ่งบาบหนัก
พระอริยะบุคคลนั้นมีอยู่4ประเภท
1พระโสดาบัน
2พระสกทาคามี
3พระอนาคามี
4พระอรหันต์
บุคคลทั้ง4นี้ท่านจะเข้านิพพาน
ถ้าใครไปขัดขวางท่านนี่บาบหนักที่สุดของที่สุดเลย
แต่ถ้าใครส่งเสริมท่านน่ะ นี่ได้บุญมหาศาลนับไม่ได้
ท่านเหล่านี้จิตเป็นอย่างไร
จิตพระโสดาบันเป็นอย่างนี้
1.1 ท่านจะเคารพพระพุทธเจ้ามากไม่มีอะไรที่จะสามารถ
มาเปลี่ยนแปลงใจท่านให้ถอนจากพระพุทธเจ้าได้เลย
1.2 ท่านจะเคารพพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามากไม่มีอะไรที่จะสา
มารถมาเปลี่ยนแปลงใจท่านให้ถอนจากพระธรรมได้เลย
1.3 ท่านจะเคารพพระสงฆมากเพราะเป็นผู้นำพระธรรมคำสั
่งสอนของพระพุทธเจ้ามาสอนอธิบายเรื่องที่จะให้หลุดพ้น ออกจากการเวี่ยน
ว่ายตายเกิด ตั้งแต่การเริ่มต้น-จนถึงเข้าพระนิพพานเลย
2 ท่านจะมีความรู้สึกว่า ร่างกายนี้มันไม่ใช่ของเรา มันเป็นแต่เพียง ไฟ ลม
ดิน น้ำ เท่านั้น ถ้าท่านตายหรือใครตายท่านจะไม่เสียใจแม้แต่นิดเ
ดียวเลย แม้แต่ของหายท่านก็ไม่เสียใจเลย
3 ท่านจะรักษาศีล227ข้อยิ่งกว่าชีวิตเลย
ส่วนโยมก็เป็นโสดาบันได้เหมือนกัน คือนำศีล5มารักษาตัวเอง ไม่ให้ทำบาป
ไม่ฆ่าสัตว์เลย แม้จะเป็นแม่บ้านต้องทำอาหารเช้า เลี้ยงคนในครอบค
รัวก็ตาม ท่านจะมีปัญญา ไม่ฆ่าสัตว์ แต่ยังได้ กินเนื้อปลา เนื้อหมู
ก็คือซื้อเอาไม่ต้องลงมือฆ่า
บุคคลที่เป็นอย่างที่กล่าวมาแล้วนี้ พ้นแล้วจาก นรก เปรต อสูรกาย
ตลอดกาล
# ส่วนพระสกทาคามี ต้องสวนทางโลกมากกว่นี้
อยากให้คนอ่านพ้น จากโลกนรกหนา
โลกนรกนี่มันเป็นโลกที่ไร้ซึ้งความเมตตา ปราณีไม่มีการกลัวบาปเลย
ไมกลัวกฏหมายเลยไม่รู้ว่านรกมีกฏหมายรึเปล่านะ แม้แต่คนที่เคยบวช
เป็นพระตอนอยู่โลกมนุษย์ มาเกิดในนรกก็ฆ่าพระนั่นอย่างกับว่า
พระไปทำอะไรให้นานิรยบาลนั้นต้องเดือนร้อนแสนสาหัส หรือ ไปทำอะไรให้
กับพญายมที่เป็นหัวหน้า
เห็นแล้วเปรียบเทียบ มันเหมือนกับว่า เรานอนอยู่ดีๆเอาเราไปทิ้ง
ในสนามรบสงคราม แล้วทุกคนหันมาเล่นงานเราคนเดียว โดยที่ราไม่มีอา
วุธ
หรือจะอุปมาว่า จับเรามัดมือมัดเท้าแล้วเอาไม้เสียบตูดไปย้างไฟเป็นหมูหัน
ให้สุกทีละนิดๆทีละน้อยๆจากคนเป็นๆนี่แหละ
พอใกล้จะตาย เอาน้ำกรดลาดๆ ใหเป็นแผล แล้วเอา พริกผงใส่ทั้งตัว
แล้วเอาไปย้างไฟอีกที พอใกล้จะตายจริงๆโยนลงบ่จระเข้ ประมาณนี้แหละ
เหตุที่ขาต้องไปเกิดในที่ไม่รู้จักบาบจักบุญ ก็เพราะเขาไม่รู้จักบาปจักบุญมา
แต่โลกมนุษย์แล้ว อารมณ์ นรก ระวังดีๆคืควมโกรธ พวกที่ตก มันจะทำสวนกับศี
ลห้า
"ถ้ามีคนบอกว่า ถ้าไม่ฆ่าสัว์ พระจะได้กินหรอ จะให้ทำยังไงละพระ ถ้า
ไม่ฆ่าท่านก็ไม่ได้กินนะ
พระตอบ พระเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย ข้าวปั้นเดียว ก็อยู่ได้แล้ว
ไม่ต้งไปฆ่าปลาฆ่ากบเขียดให้มัเป็นาบสิ่
โยมเลือกเองเอาบุญแฝงด้วยบาป
บุญไม่ล้วนเลย จบการสทนา
โยมควรจะรู้ไว้ การจะว่าอะไรให้พระที่ดีนั่นระวังบาปกรรม
โดยเฉพาะถ้าท่านเป็น พระอริยะบุคคล ยิ่งบาบหนัก
พระอริยะบุคคลนั้นมีอยู่4ประเภท
1พระโสดาบัน
2พระสกทาคามี
3พระอนาคามี
4พระอรหันต์
บุคคลทั้ง4นี้ท่านจะเข้านิพพาน
ถ้าใครไปขัดขวางท่านนี่บาบหนักที่สุดของที่สุดเลย
แต่ถ้าใครส่งเสริมท่านน่ะ นี่ได้บุญมหาศาลนับไม่ได้
ท่านเหล่านี้จิตเป็นอย่างไร
จิตพระโสดาบันเป็นอย่างนี้
1.1 ท่านจะเคารพพระพุทธเจ้ามากไม่มีอะไรที่จะสามารถ
มาเปลี่ยนแปลงใจท่านให้ถอนจากพระพุทธเจ้าได้เลย
1.2 ท่านจะเคารพพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามากไม่มีอะไรที่จะสา
มารถมาเปลี่ยนแปลงใจท่านให้ถอนจากพระธรรมได้เลย
1.3 ท่านจะเคารพพระสงฆมากเพราะเป็นผู้นำพระธรรมคำสั
่งสอนของพระพุทธเจ้ามาสอนอธิบายเรื่องที่จะให้หลุดพ้น ออกจากการเวี่ยน
ว่ายตายเกิด ตั้งแต่การเริ่มต้น-จนถึงเข้าพระนิพพานเลย
2 ท่านจะมีความรู้สึกว่า ร่างกายนี้มันไม่ใช่ของเรา มันเป็นแต่เพียง ไฟ ลม
ดิน น้ำ เท่านั้น ถ้าท่านตายหรือใครตายท่านจะไม่เสียใจแม้แต่นิดเ
ดียวเลย แม้แต่ของหายท่านก็ไม่เสียใจเลย
3 ท่านจะรักษาศีล227ข้อยิ่งกว่าชีวิตเลย
ส่วนโยมก็เป็นโสดาบันได้เหมือนกัน คือนำศีล5มารักษาตัวเอง ไม่ให้ทำบาป
ไม่ฆ่าสัตว์เลย แม้จะเป็นแม่บ้านต้องทำอาหารเช้า เลี้ยงคนในครอบค
รัวก็ตาม ท่านจะมีปัญญา ไม่ฆ่าสัตว์ แต่ยังได้ กินเนื้อปลา เนื้อหมู
ก็คือซื้อเอาไม่ต้องลงมือฆ่า
บุคคลที่เป็นอย่างที่กล่าวมาแล้วนี้ พ้นแล้วจาก นรก เปรต อสูรกาย
ตลอดกาล
# ส่วนพระสกทาคามี ต้องสวนทางโลกมากกว่นี้
อยากให้คนอ่านพ้น จากโลกนรกหนา
โลกนรกนี่มันเป็นโลกที่ไร้ซึ้งความเมตตา ปราณีไม่มีการกลัวบาปเลย
ไมกลัวกฏหมายเลยไม่รู้ว่านรกมีกฏหมายรึเปล่านะ แม้แต่คนที่เคยบวช
เป็นพระตอนอยู่โลกมนุษย์ มาเกิดในนรกก็ฆ่าพระนั่นอย่างกับว่า
พระไปทำอะไรให้นานิรยบาลนั้นต้องเดือนร้อนแสนสาหัส หรือ ไปทำอะไรให้
กับพญายมที่เป็นหัวหน้า
เห็นแล้วเปรียบเทียบ มันเหมือนกับว่า เรานอนอยู่ดีๆเอาเราไปทิ้ง
ในสนามรบสงคราม แล้วทุกคนหันมาเล่นงานเราคนเดียว โดยที่ราไม่มีอา
วุธ
หรือจะอุปมาว่า จับเรามัดมือมัดเท้าแล้วเอาไม้เสียบตูดไปย้างไฟเป็นหมูหัน
ให้สุกทีละนิดๆทีละน้อยๆจากคนเป็นๆนี่แหละ
พอใกล้จะตาย เอาน้ำกรดลาดๆ ใหเป็นแผล แล้วเอา พริกผงใส่ทั้งตัว
แล้วเอาไปย้างไฟอีกที พอใกล้จะตายจริงๆโยนลงบ่จระเข้ ประมาณนี้แหละ
เหตุที่ขาต้องไปเกิดในที่ไม่รู้จักบาบจักบุญ ก็เพราะเขาไม่รู้จักบาปจักบุญมา
แต่โลกมนุษย์แล้ว อารมณ์ นรก ระวังดีๆคืควมโกรธ พวกที่ตก มันจะทำสวนกับศี
ลห้า
"ถ้ามีคนบอกว่า ถ้าไม่ฆ่าสัว์ พระจะได้กินหรอ จะให้ทำยังไงละพระ ถ้า
ไม่ฆ่าท่านก็ไม่ได้กินนะ
พระตอบ พระเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย ข้าวปั้นเดียว ก็อยู่ได้แล้ว
ไม่ต้งไปฆ่าปลาฆ่ากบเขียดให้มัเป็นาบสิ่
โยมเลือกเองเอาบุญแฝงด้วยบาป
บุญไม่ล้วนเลย จบการสทนา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อก่อนนะ ตอนที่ยังไม่บวช
หลวงพี่นี่เป็นคน หลงความหล่อ หลงความงาม หลงความน่ารักของผู้หญิงมาก หลงรูป เสียง กลิ่น รส
อย่างเช่น facebook แชตนี่แทบไม่นอนก็ได้ การโพสนี่ก็หวังคนมาlike ทุกข์ใจสุดๆ ทักแล้วเขาไม่ตอบก็น้อยใจสุดๆ
เรื่องการดูหนังนี่ยิ่งหนัก ดูหมด บ้าหนัง โหลดมาดูหมดทุกรูปแบบ อื่นๆอีกมากมาย คือกิเลสหนามากๆ
ตอนนี้ สวนทาง หมด
และรู้แล้วว่าควรทำอะไร
ถ้าใครรู้ก็คงคิดเหมือนเราแน่นอน
แต่คนที่ไม่รู้นี่สิไปหาว่าเขาเป็นบ้า คนจะไปนิพพาน ถูกคนอื่นมองว่าเป็นบ้า
ไอ้พวกนี้แหละถ้ามันตายแล้วโชคดีถ้าได้เกิดบนสวรรค์ มันจะไปกราบมับๆๆๆ สอนผมหน่อยสอนหนูหน่อย ต้องปฏิบัติยังไง
หลวงพี่นี่เป็นคน หลงความหล่อ หลงความงาม หลงความน่ารักของผู้หญิงมาก หลงรูป เสียง กลิ่น รส
อย่างเช่น facebook แชตนี่แทบไม่นอนก็ได้ การโพสนี่ก็หวังคนมาlike ทุกข์ใจสุดๆ ทักแล้วเขาไม่ตอบก็น้อยใจสุดๆ
เรื่องการดูหนังนี่ยิ่งหนัก ดูหมด บ้าหนัง โหลดมาดูหมดทุกรูปแบบ อื่นๆอีกมากมาย คือกิเลสหนามากๆ
ตอนนี้ สวนทาง หมด
และรู้แล้วว่าควรทำอะไร
ถ้าใครรู้ก็คงคิดเหมือนเราแน่นอน
แต่คนที่ไม่รู้นี่สิไปหาว่าเขาเป็นบ้า คนจะไปนิพพาน ถูกคนอื่นมองว่าเป็นบ้า
ไอ้พวกนี้แหละถ้ามันตายแล้วโชคดีถ้าได้เกิดบนสวรรค์ มันจะไปกราบมับๆๆๆ สอนผมหน่อยสอนหนูหน่อย ต้องปฏิบัติยังไง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระเข้าร้านเน็ต ผิดไหม?
หลวงพี่มีความคิดว่า มันอยู่ที่เจตนาของพระรูปนั้นมากกว่า
ถ้าพระรูปนั้น เข้าไปเล่นเกมส์ เล่นเว็บโป้ หรืออะไรที่ไม่เกี่ยวกับธรรมะเลย ถือว่าผิดน่ะ
เจ้าของร้านติเตียนพระรูปนั้นได้เลย ว่าไม่เหมาะสมเลยครับ พระที่บวชเข้าให้ทำพระนิพพานให้แจ้งไม่ใช่เหรอครับ นิมนต์ออกจากร้านได้เลย โยมไม่บาปน่ะแต่กลับจะได้บุญที่ช่วยให้พระหยุดการกระทำที่ไม่เหมาะไม่สมควรลงไว้
แต่ถ้าอีกกรณี คือพระเขาตั้งใจจะไปใช้บริการกี่ยวกับธรรมะ หรือ ตรวจดูที่สอบ หมายเลขสอบ ประโยค 1 2 3 ธรรมเอก ธรรมโท หรือที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา หลวงพี่ว่าไม่ผิดนะ
หลวงพี่มีความคิดว่า มันอยู่ที่เจตนาของพระรูปนั้นมากกว่า
ถ้าพระรูปนั้น เข้าไปเล่นเกมส์ เล่นเว็บโป้ หรืออะไรที่ไม่เกี่ยวกับธรรมะเลย ถือว่าผิดน่ะ
เจ้าของร้านติเตียนพระรูปนั้นได้เลย ว่าไม่เหมาะสมเลยครับ พระที่บวชเข้าให้ทำพระนิพพานให้แจ้งไม่ใช่เหรอครับ นิมนต์ออกจากร้านได้เลย โยมไม่บาปน่ะแต่กลับจะได้บุญที่ช่วยให้พระหยุดการกระทำที่ไม่เหมาะไม่สมควรลงไว้
แต่ถ้าอีกกรณี คือพระเขาตั้งใจจะไปใช้บริการกี่ยวกับธรรมะ หรือ ตรวจดูที่สอบ หมายเลขสอบ ประโยค 1 2 3 ธรรมเอก ธรรมโท หรือที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา หลวงพี่ว่าไม่ผิดนะ
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 24, 2015 8:56:23pm
เรียนมาตั้งแต่เด็กจนปริญญา
แต่ความรู้ที่จะใช้กับตัวเอง
เวลา"ใกล้จะตายต้องทำยังไงไม่มี"
เขาเรียกว่าเสียชาติชาติเกิด
นั้งรถไปเรียนทุกวันไปทำงานทุกวัน ไปไหนมาไหนก็รถ
นั้งจนเบื่อตูด เมื่อยตูด
แล้วเคยคิดไว้ไหมว่า "ถ้ารถที่เรานั้งอยู่นั้น มันเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาฉับพลัน
(และรู้ตัวด้วยว่าเราจะไม่รอด) ตอนนั้นเราจะทำยังไง ไอ้ตอนที่ใกล้จะตายนั่น" คิดไว้ยัง"
ถ้าเรารู้ไว้จะเป็นประโยชน์ต่อ
ตัวเรามาก
ต่อครอบครัวมาก
ยายจะตาย
ปู่จะตาย
ญาติจะตาย
"เวลาท่านจะตาย ท่านทำอย่างที่เราบอก ท่านไปสวรรค์)
www.jozho.net/index.php?mo=3&art=42209680
แต่ความรู้ที่จะใช้กับตัวเอง
เวลา"ใกล้จะตายต้องทำยังไงไม่มี"
เขาเรียกว่าเสียชาติชาติเกิด
นั้งรถไปเรียนทุกวันไปทำงานทุกวัน ไปไหนมาไหนก็รถ
นั้งจนเบื่อตูด เมื่อยตูด
แล้วเคยคิดไว้ไหมว่า "ถ้ารถที่เรานั้งอยู่นั้น มันเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาฉับพลัน
(และรู้ตัวด้วยว่าเราจะไม่รอด) ตอนนั้นเราจะทำยังไง ไอ้ตอนที่ใกล้จะตายนั่น" คิดไว้ยัง"
ถ้าเรารู้ไว้จะเป็นประโยชน์ต่อ
ตัวเรามาก
ต่อครอบครัวมาก
ยายจะตาย
ปู่จะตาย
ญาติจะตาย
"เวลาท่านจะตาย ท่านทำอย่างที่เราบอก ท่านไปสวรรค์)
www.jozho.net/index.php?mo=3&art=42209680
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 26, 2015 7:48:03pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การเจริญ "สติ" หรือการ ฝึกสติปัฏฐานสี่ นอกจากจะดับทุกข์ทุกอย่างได้แล้ว ( ในขณะที่เราเจริญนั่นน่ะ )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าคนดีเข้าใจผิดเรา เราควรต้องทำให้เขาเข้าใจเราถูกไหม
ผู้รู้ธรรม: ไม่ต้องเลย แค่อธิฐานจิตว่าขอให้เขาเข้าใจเราถูกก็พอ
(และก็ขอให้เขาอย่ามีบาปมีกรรมจากการเข้าใจเราผิดนี้)
เพราะจิตกับจิตมันสื่อกันรู้เรื่องของมัน
ผู้รู้ธรรม: ไม่ต้องเลย แค่อธิฐานจิตว่าขอให้เขาเข้าใจเราถูกก็พอ
(และก็ขอให้เขาอย่ามีบาปมีกรรมจากการเข้าใจเราผิดนี้)
เพราะจิตกับจิตมันสื่อกันรู้เรื่องของมัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หมาบางตัว ใจเป็นพรหมน่ะ
เพราะอะไร?
บ้างตัวจิตมันสูงกว่าคนอีก ข้าวเที่ยงมันก็ไม่กิน ข้าวแลงมันก็ไม่กิน ถ้าเจ้านายไม่อนุญาติมันก็ไม่ลักกินเลยนะ หมามันมีสัจจะน่ะ มันรักเจ้านายมันแบบแท้ๆเลย เพียงแต่ว่าเขาเกิดมาใช้ชาติเขา "แต่คนนี่สิรักหมาไม่ถูกวิธี จิตไปพัวพันกับหมา ตายไปเป็นหมาเลย....
เพราะอะไร?
บ้างตัวจิตมันสูงกว่าคนอีก ข้าวเที่ยงมันก็ไม่กิน ข้าวแลงมันก็ไม่กิน ถ้าเจ้านายไม่อนุญาติมันก็ไม่ลักกินเลยนะ หมามันมีสัจจะน่ะ มันรักเจ้านายมันแบบแท้ๆเลย เพียงแต่ว่าเขาเกิดมาใช้ชาติเขา "แต่คนนี่สิรักหมาไม่ถูกวิธี จิตไปพัวพันกับหมา ตายไปเป็นหมาเลย....
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
27 ม.ค. 2015
ผลการปฏิบัติ ธรรม
ก็เพราะไม่รู้ ก็เลยต้องเชื่อฟัง ผู้ที่รู้
ท่านบอก อะเอาหนังสืออสุภะไป ไปเพ่งอสุภะ
เราก็เอามาอ่านๆแล้วก็ทำตาม ตอนแรกก็เพ่ง สัตว์ เพ่งคน สุดท้ายมาเพ่งตั
วเอง เพ่งจนแบบว่า เกิดความเบื่อหน่ายตัวเองเบื่อหน่ายคนทั้งหญิงทั้งชาย
ทั้งโลกเลยก็ว่าได้
เหมือนกับว่าเราหยุด" คือมันว่าง....ไปหมด และมันเข้าใจเรื่องการเวียนว่าย
ตายเกิดที่ได้ยินคนพูดมาตั้งแต่เด็กทันที
หลังจากนั้นพอรู้แล้วว่า เราไม่มีตัวตนเลย มันปึ้บขึ้นมาว่า นี่หรอนิพพาน
มันช่างเบาใจ สบายใจเหลือเกิน ที่ผ่านมาเอาใจไปยึดกับสิ่งที่ไม่มีตัวตน
อยู่นั้นเองมันถึงเป็นแบบนั้น
(แล้วมันก็ปึ้บขึ้นมาอีกว่า ในเมื่อรู้แบบนี้แล้ว แล้วเราจะทำอะไรต่อ )
ปึ้บครั้งที่3ขึ้นมานี่ คล้อยตามมันเกือบจะเห็นด้วยกับมัน คือมันจะฆ่าตัวตาย
ครั้งแรก
หลังจากนั้นก็ จิตเบาว่าง...ใครด่ามันก็เฉย ใครจะว่าอะไรมันก็เฉยไปหมด
มันทุรนทุรายเป็นระยะ แล้วจะทำอะไรอีกต่อจากนี้ มีสติอยู่นะตอนนั้น
แล้วมันก็เป็นอยู่อย่านี้ 3อาทิตย์กว่าๆ แล้วมันก็ถอยอารมณ์ลงมาจนถงตอนนี้
อรมณ์เบา มันไม่อยากจะเอาจิตไปยึดกับอะไรๆใหเป็นทุกข์เลย ประมาณว่า
ไม่ต้งกำหนดสติมันก็ไม่ทุกข์
(หลังจากนั้นก็ไปเข้าปริวาสกรรม คืออยากไปปฏิบัติธรรม)
ก็ปฏิบัติไปๆ จนครบวันกำหนดงาน มันไม่อยากจะกลับวัดเลย
มันสงบไม่วุ่นวาย รู้สึกว่าเหมาะกับจริตเรามากๆ อยู่ป่า
ก่อนจะกลับวัดก็ไปสอบอารมณ์กับหลวงตา ก็เล่าๆให้หลวงตาฟังจนจบ
หลวงตาก็บอกว่า นั่นมันไม่ใช่นิพพาน นี่ก็ไม่ใช่นิพพาน ไม่ได้น่ะๆ มัน
จะฆ่าตัวเอง
หลวงตาก็เคยมันจะทุรนทุรายในช่วงนี้ ให้มีสติน่ะ เดินก็รู้ว่าเดิน นั้งก็รู้ว่านั้ง
ทุกอริยาบทต้องกำหนดรู้
เราได้ฟังดังนั้นแล้ว เอ้าานี่มันยังไม่ใช่นิพานหรอ โอ่ยโง่เกือบฆ่าตัวตาย
หลังจากนั้นมาก็มา เจริญสติ เจริญได้ช่วงๆหนึ่ง มันก็มีแต่อยากจะเปลี่นไป
ดูแต่จิต ดูว่ามันคิดก็รู้ว่ามันคิด มันรู้เด่นเลย ว่ามันเรากับควาคิดมันคนละอัน
และบ้างครั้งมันก็เปลี่ยนไปดู อริยบท เดินก็รู้ นั้ก็รู้ บ้างครั้งมันก็มาดูจิต ดู
ความคิด คือมันกลับไปกับมา ดูจิต บ้าง ดูอริยบท บ้าง กลับไปกับมา แต่มัน
จะเน้นไปทางดูจิตตัวเอง
สุดแล้วต้องทำอะไรยังไงต่ออีก
หลังจากนั้นก็ไปหาผู้รู้ บอกว่า ราคะมันมุดลงแล้ว มีแต่ความเมตตา กรุณา
สงสารคนอื่นอยกให้คนอื่นรู้ตาม ให้อุเบกขานะปล่อวาง พอราคะมันมุดลงแ
ล้ว ให้เอาจิตซุกเข้าในตัวน่ะ
จะนั้งสมาธิก็เหมือนกัน อย่าหาควาสุข มันเย็นมันอิ่มมันแจมใสก็รื่องของมัน มัน
เข้าฌาน เราก็เลยอ๋อนี่หรอที่เขเรียกว่าฌาน
แล้วก็พูดต่อว่า ใหเอาจิตซุกไว้ในตัว ถ้าอยากดูก็ดูให้ทั่วตัว ตัไตไส้พุง อไรๆ
อย่าเอาจิตออกนอก
ผลการปฏิบัติ ธรรม
ก็เพราะไม่รู้ ก็เลยต้องเชื่อฟัง ผู้ที่รู้
ท่านบอก อะเอาหนังสืออสุภะไป ไปเพ่งอสุภะ
เราก็เอามาอ่านๆแล้วก็ทำตาม ตอนแรกก็เพ่ง สัตว์ เพ่งคน สุดท้ายมาเพ่งตั
วเอง เพ่งจนแบบว่า เกิดความเบื่อหน่ายตัวเองเบื่อหน่ายคนทั้งหญิงทั้งชาย
ทั้งโลกเลยก็ว่าได้
เหมือนกับว่าเราหยุด" คือมันว่าง....ไปหมด และมันเข้าใจเรื่องการเวียนว่าย
ตายเกิดที่ได้ยินคนพูดมาตั้งแต่เด็กทันที
หลังจากนั้นพอรู้แล้วว่า เราไม่มีตัวตนเลย มันปึ้บขึ้นมาว่า นี่หรอนิพพาน
มันช่างเบาใจ สบายใจเหลือเกิน ที่ผ่านมาเอาใจไปยึดกับสิ่งที่ไม่มีตัวตน
อยู่นั้นเองมันถึงเป็นแบบนั้น
(แล้วมันก็ปึ้บขึ้นมาอีกว่า ในเมื่อรู้แบบนี้แล้ว แล้วเราจะทำอะไรต่อ )
ปึ้บครั้งที่3ขึ้นมานี่ คล้อยตามมันเกือบจะเห็นด้วยกับมัน คือมันจะฆ่าตัวตาย
ครั้งแรก
หลังจากนั้นก็ จิตเบาว่าง...ใครด่ามันก็เฉย ใครจะว่าอะไรมันก็เฉยไปหมด
มันทุรนทุรายเป็นระยะ แล้วจะทำอะไรอีกต่อจากนี้ มีสติอยู่นะตอนนั้น
แล้วมันก็เป็นอยู่อย่านี้ 3อาทิตย์กว่าๆ แล้วมันก็ถอยอารมณ์ลงมาจนถงตอนนี้
อรมณ์เบา มันไม่อยากจะเอาจิตไปยึดกับอะไรๆใหเป็นทุกข์เลย ประมาณว่า
ไม่ต้งกำหนดสติมันก็ไม่ทุกข์
(หลังจากนั้นก็ไปเข้าปริวาสกรรม คืออยากไปปฏิบัติธรรม)
ก็ปฏิบัติไปๆ จนครบวันกำหนดงาน มันไม่อยากจะกลับวัดเลย
มันสงบไม่วุ่นวาย รู้สึกว่าเหมาะกับจริตเรามากๆ อยู่ป่า
ก่อนจะกลับวัดก็ไปสอบอารมณ์กับหลวงตา ก็เล่าๆให้หลวงตาฟังจนจบ
หลวงตาก็บอกว่า นั่นมันไม่ใช่นิพพาน นี่ก็ไม่ใช่นิพพาน ไม่ได้น่ะๆ มัน
จะฆ่าตัวเอง
หลวงตาก็เคยมันจะทุรนทุรายในช่วงนี้ ให้มีสติน่ะ เดินก็รู้ว่าเดิน นั้งก็รู้ว่านั้ง
ทุกอริยาบทต้องกำหนดรู้
เราได้ฟังดังนั้นแล้ว เอ้าานี่มันยังไม่ใช่นิพานหรอ โอ่ยโง่เกือบฆ่าตัวตาย
หลังจากนั้นมาก็มา เจริญสติ เจริญได้ช่วงๆหนึ่ง มันก็มีแต่อยากจะเปลี่นไป
ดูแต่จิต ดูว่ามันคิดก็รู้ว่ามันคิด มันรู้เด่นเลย ว่ามันเรากับควาคิดมันคนละอัน
และบ้างครั้งมันก็เปลี่ยนไปดู อริยบท เดินก็รู้ นั้ก็รู้ บ้างครั้งมันก็มาดูจิต ดู
ความคิด คือมันกลับไปกับมา ดูจิต บ้าง ดูอริยบท บ้าง กลับไปกับมา แต่มัน
จะเน้นไปทางดูจิตตัวเอง
สุดแล้วต้องทำอะไรยังไงต่ออีก
หลังจากนั้นก็ไปหาผู้รู้ บอกว่า ราคะมันมุดลงแล้ว มีแต่ความเมตตา กรุณา
สงสารคนอื่นอยกให้คนอื่นรู้ตาม ให้อุเบกขานะปล่อวาง พอราคะมันมุดลงแ
ล้ว ให้เอาจิตซุกเข้าในตัวน่ะ
จะนั้งสมาธิก็เหมือนกัน อย่าหาควาสุข มันเย็นมันอิ่มมันแจมใสก็รื่องของมัน มัน
เข้าฌาน เราก็เลยอ๋อนี่หรอที่เขเรียกว่าฌาน
แล้วก็พูดต่อว่า ใหเอาจิตซุกไว้ในตัว ถ้าอยากดูก็ดูให้ทั่วตัว ตัไตไส้พุง อไรๆ
อย่าเอาจิตออกนอก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
. 2015
การเจริญสติ ก็เพื่อ ให้เห็นการเกิดกับ ขัน5
การเข้าฌาน คือการมุดหัวเข้าไปหลบอยู่ในความสุข
อารมณ์ที่อยู่ในฌาน ก็ยังมีขัน5อยู่
รับรู้อารมณ์สุข เย็นมีความสุข คือเวทนา
ส่วนสังขาร สุขเหลือเกิน
สัญญา สุขกว่าเมือกี้อีก สุขเหมือนเมื่อกี้เลย
วิญญาณ เป็นตัวรับรู้ดังที่กล่าวมา
ส่วนรูป มันเกิดตอนไหน
(เขาเรียกเข้าฌานหรือเปล่าไม่รู้ แต่มันเป็นดังที่กล่าวมา ผู้รู้อธิบายด้วย
เพราะมันเกิดขึ้นกับตัวเองปุ๊บปับขณะกำลังเดิน )
การเจริญสติ ก็เพื่อ ให้เห็นการเกิดกับ ขัน5
การเข้าฌาน คือการมุดหัวเข้าไปหลบอยู่ในความสุข
อารมณ์ที่อยู่ในฌาน ก็ยังมีขัน5อยู่
รับรู้อารมณ์สุข เย็นมีความสุข คือเวทนา
ส่วนสังขาร สุขเหลือเกิน
สัญญา สุขกว่าเมือกี้อีก สุขเหมือนเมื่อกี้เลย
วิญญาณ เป็นตัวรับรู้ดังที่กล่าวมา
ส่วนรูป มันเกิดตอนไหน
(เขาเรียกเข้าฌานหรือเปล่าไม่รู้ แต่มันเป็นดังที่กล่าวมา ผู้รู้อธิบายด้วย
เพราะมันเกิดขึ้นกับตัวเองปุ๊บปับขณะกำลังเดิน )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ
4 ก.พ. 2015
วางขันธ 5 ลง ก็หมดทุกข์
พระ : โยมร่างกาย นี่มันไม่ใช่ของเรานะ มันเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
พระ : ความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นกับเรา อารมณ์ต่างๆ มันก็เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงน่ะ
หลอกเราตลอดเวลา
พระ : ความจำ ไม่ว่าเรื่องราวอะไรต่างๆที่เกิดขึ้น ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง จำ
ได้แล้วก็ลืม เกิดแล้วดับๆตลอดเวลา
พระ : ความคิดสร้างเรื่องราวอะไรต่างๆขึ้นมา คิดไปเองทั้งนั้น มันไม่เกิดขึ้นจ
ริง อยากให้เป็นอย่างนั้นอยากให้เป็นอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา
พระ : เบื่อไหมที่ต้องไปรับรู้อะไรต่างๆ เดี๋ยวรับรู้นั่นรับรู้นี่ ไม่จบไม่สิ้น
ถ้ายังติดตรงนี้อยู่ บุญเยอะแค่ไหน ก็ต้อง เที่ยวในวัฏฏ
นิพพานไปไม่อยากแค่วางขันธ์ 5 ได้ ก็จะถึงแน่นอน
คนที่ตัดทางไปนิพานของคนอื่นนี่ ไม่น่าให้อภัยจริงๆ ถ้าพระพุทธเจ้าอยู่คงไม่
เป็นอย่างนี้
4 ก.พ. 2015
วางขันธ 5 ลง ก็หมดทุกข์
พระ : โยมร่างกาย นี่มันไม่ใช่ของเรานะ มันเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
พระ : ความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นกับเรา อารมณ์ต่างๆ มันก็เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงน่ะ
หลอกเราตลอดเวลา
พระ : ความจำ ไม่ว่าเรื่องราวอะไรต่างๆที่เกิดขึ้น ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง จำ
ได้แล้วก็ลืม เกิดแล้วดับๆตลอดเวลา
พระ : ความคิดสร้างเรื่องราวอะไรต่างๆขึ้นมา คิดไปเองทั้งนั้น มันไม่เกิดขึ้นจ
ริง อยากให้เป็นอย่างนั้นอยากให้เป็นอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา
พระ : เบื่อไหมที่ต้องไปรับรู้อะไรต่างๆ เดี๋ยวรับรู้นั่นรับรู้นี่ ไม่จบไม่สิ้น
ถ้ายังติดตรงนี้อยู่ บุญเยอะแค่ไหน ก็ต้อง เที่ยวในวัฏฏ
นิพพานไปไม่อยากแค่วางขันธ์ 5 ได้ ก็จะถึงแน่นอน
คนที่ตัดทางไปนิพานของคนอื่นนี่ ไม่น่าให้อภัยจริงๆ ถ้าพระพุทธเจ้าอยู่คงไม่
เป็นอย่างนี้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
2015
สนุกสนาน เล่นการ เวียนว่ายตายเกิด ไปภพน้อยภพใหญ่
ไม่เบื่อหรอ ที่ต้องเกิดๆตายๆ ไม่จบไม่สิ้นอยู่แบบนี้ เปลี่ยนรูปร่างห
น้าตาไปเรื่อย เปลี่ยนคนรักคนรู้จักไปเรื่อย เปลี่ยนพ่อเปลี่ยนแม่ไปเรื่อยทุ
กๆการเกิด เปลี่ยนหมด เกิดแล้วก็ลืม
เกิด ---> โต ---> เป็นผู้ใหญ่ ----> แก่ ---> ตาย
พวกนี่ เขาเรียกว่าสัตว์ผู้มืดบอด
ส่วนพวกที่เริ่มจะสว่าง คือพวกที่ปฏิบัติธรรม พวกนี้เขาไม่อยา
กมาเวียนว่ายตายเกิดอีกแล้ว เขาไม่อยากมาเกิดให้เสี่ยตกนรก เขา
ไม่สนพ่อแม่แล้วเขารู้ว่าพ่อแม่ก็เป็นสัตว์ที่ต้องท่องเที่ยวไปภพน้อยภพใหญ่
เหมือนกันกับเขา เป็นสัตว์ประเภทเดียวกันที่ต้องแยกย่ายกัน ไปท่องเที่ยวภพน
้อยภพใหญ่
แต่ทีต้องตอบแทนบุญคุณก็คือค่าอบรมสั่งสอน
เลือดเนื้อที่ได้มาตั้งแต่เด็ก คือต้องดึงแม่ดึงพ่อมาปฏิบัติธรรม ชวนกันออกจาก
ทั้ง3ภพนี้ ไปฝั่งที่ปลอดภัยคือนิพพาน
อย่างนี่สิเขาถึงจะเรียกว่า รักกันจริง
แต่คนเรานี่มันก็แปลกเนาะทำบุญเยอะๆ หวังรวย สวยหล่อ อยากเกิดเป็นเทว
ดานางฟ้า หวังแค่นี่ ยังหวังการต้องมาเวียนว่ายตายเกิด คือหวังแบบนี้ยัง
ไม่พ้นนรกนะ ถ้าจะพ้นจริงๆต้องปฏิบัติตัวไปนิพพาน
มนุษย์ผู้ไม่ฉลาดมักจะหวังแบบนี้แหละอยากไปเกิดบนสวรรค์
เป็นเทวดา นางฟ้าบ้าง พรหมบ้าง
แต่เทวดากลับอยากมาเกิดในโลกมนุษย์ อยากฟังธรรม(ธรรมจริงๆน่ะไม่ใช่
ธรรมปลอม) อยากปฏิบัติให้ตัวเองหลุดออกจาก3ภพ แล้วไปอยู่ฝั่งนิพพาน
พระพุทธเจ้าบอกว่า สัตว์ที่ขึ้นไปบนสรรค์แล้ว ส่วนมากจะไหลลงนรก ตาย
จากเทวดาเกิดเป็นเทวดาต่อก็มี แต่ตายจากเทวดาไปเกิดเป็นมนุษย์
นี่มีน้อยมาก
#######################################
:: สวรรค์ <-------- ขึ้นมาชมบุญตัวเอง ชมเสร็จหมดเวลาก็ต้องลงไป
แค่นี่แหละสวรร์
####################################
:: มนุษย์ <------- ตอนนี้เราอยู่ตรงนี้ วันคืนร่วงๆไปบัดนี้เราทำอะไรกันอยู่
เรายังพอใจที่จะต้องท่องเที่ยวไป3ภพนี่อีกหรอ
น่าจะพอแล้วมั้ง เพราะเที่ยวไปอยู่แบบนี้มานานแล้วน่ะ
ถ้าพอแล้ว ฝึกสติปัฐาน4 ซะ ไม่ต้องไปเอามากพวกวิชาทางโลก
เรียนไปก็ตายเกิดแล้วก็เรียนใหม่ ไม่จบไม่สิ้น
มีครูคนหนึ่งพอได้รู้เรื่องแบบนี้แล้ว เขาลาออกเลย ลาออกมาปฏิบัติธรรมคือ
เขาเห็น
หมอก็เหมือนกันลาออกมาปฏิบัติธรรม คือเขาเห็นภัยในวัฏฏะ
(การเวียนว่าตายเกิด)
##################################
::อบายภูมิ <-------- พระพุทธเจ้าบอกว่า! เราไม่มองเห็นการจองจำอื่นใดที่
ทารุณอย่างนี้ เจ็บปวดอย่างนี้ เป็นอันตราย
อย่างนี้เหมือนการถูกจองจำในนรกหรือในกำเนิดเดรัจฉานอย่างนี้เลย.
สัตว์นรก____เปรต___อสูรกาย____เดรัจฉาน___
#######################################
ถ้าคุณอยากขึ้นสวรรค์ นั่นแสดงว่าคุณ ยังอยากเกี่ยวข้องกับ3ภพนี้อยู่ ใน3
ภพนี้มีนรกอยู่ด้วยนะ
ถ้าคุณไม่อยากลง นรก คุณก็ต้องทำแบบนี้
อยากแรกต้องทำตัวให้เป็นโสดาบันก่อน
1 ศีล5บริสุทธ์
2 เคารพพระพุธ พระธรรม พระสงฆ
3 ให้รู้จริงๆว่าร่างกาย มันไม่ใช่ของเรา มันไม่มีอยู่จริง หลอกราให้คิดว่ามี
อยู่ได้ แต่ที่เลี้ยงมันเพราะใช้มันทำบุญหนีนรกชาติ2ชาติแค่ั้นั้นแหละ
ทำได้3ข้อนี้ เป็นโสดาบันเลย เกิดอย่างมากอีก7ชาติ เที่ยวเกิดแต่ในมนุษย์
และสรรค์นะ หรือเกิดแต่ในสรรค์อย่างเดียว
แล้วจะเข้าสู่นิพพานเลย บรมสุขที่แท้จริง
(สุขในสวรรค์มันของปลอม)
ส่วนที่เห็นพระท่านปฏิบัติเคร่งครัดๆนั้น ท่านจะเอาให้เข้านิพพานชาติปัจจ
ุบันเลย แต่จะถึงหรือไม่ถึงมันก็ใกล้นิพพานกว่าโสดาบัน
สนุกสนาน เล่นการ เวียนว่ายตายเกิด ไปภพน้อยภพใหญ่
ไม่เบื่อหรอ ที่ต้องเกิดๆตายๆ ไม่จบไม่สิ้นอยู่แบบนี้ เปลี่ยนรูปร่างห
น้าตาไปเรื่อย เปลี่ยนคนรักคนรู้จักไปเรื่อย เปลี่ยนพ่อเปลี่ยนแม่ไปเรื่อยทุ
กๆการเกิด เปลี่ยนหมด เกิดแล้วก็ลืม
เกิด ---> โต ---> เป็นผู้ใหญ่ ----> แก่ ---> ตาย
พวกนี่ เขาเรียกว่าสัตว์ผู้มืดบอด
ส่วนพวกที่เริ่มจะสว่าง คือพวกที่ปฏิบัติธรรม พวกนี้เขาไม่อยา
กมาเวียนว่ายตายเกิดอีกแล้ว เขาไม่อยากมาเกิดให้เสี่ยตกนรก เขา
ไม่สนพ่อแม่แล้วเขารู้ว่าพ่อแม่ก็เป็นสัตว์ที่ต้องท่องเที่ยวไปภพน้อยภพใหญ่
เหมือนกันกับเขา เป็นสัตว์ประเภทเดียวกันที่ต้องแยกย่ายกัน ไปท่องเที่ยวภพน
้อยภพใหญ่
แต่ทีต้องตอบแทนบุญคุณก็คือค่าอบรมสั่งสอน
เลือดเนื้อที่ได้มาตั้งแต่เด็ก คือต้องดึงแม่ดึงพ่อมาปฏิบัติธรรม ชวนกันออกจาก
ทั้ง3ภพนี้ ไปฝั่งที่ปลอดภัยคือนิพพาน
อย่างนี่สิเขาถึงจะเรียกว่า รักกันจริง
แต่คนเรานี่มันก็แปลกเนาะทำบุญเยอะๆ หวังรวย สวยหล่อ อยากเกิดเป็นเทว
ดานางฟ้า หวังแค่นี่ ยังหวังการต้องมาเวียนว่ายตายเกิด คือหวังแบบนี้ยัง
ไม่พ้นนรกนะ ถ้าจะพ้นจริงๆต้องปฏิบัติตัวไปนิพพาน
มนุษย์ผู้ไม่ฉลาดมักจะหวังแบบนี้แหละอยากไปเกิดบนสวรรค์
เป็นเทวดา นางฟ้าบ้าง พรหมบ้าง
แต่เทวดากลับอยากมาเกิดในโลกมนุษย์ อยากฟังธรรม(ธรรมจริงๆน่ะไม่ใช่
ธรรมปลอม) อยากปฏิบัติให้ตัวเองหลุดออกจาก3ภพ แล้วไปอยู่ฝั่งนิพพาน
พระพุทธเจ้าบอกว่า สัตว์ที่ขึ้นไปบนสรรค์แล้ว ส่วนมากจะไหลลงนรก ตาย
จากเทวดาเกิดเป็นเทวดาต่อก็มี แต่ตายจากเทวดาไปเกิดเป็นมนุษย์
นี่มีน้อยมาก
#######################################
:: สวรรค์ <-------- ขึ้นมาชมบุญตัวเอง ชมเสร็จหมดเวลาก็ต้องลงไป
แค่นี่แหละสวรร์
####################################
:: มนุษย์ <------- ตอนนี้เราอยู่ตรงนี้ วันคืนร่วงๆไปบัดนี้เราทำอะไรกันอยู่
เรายังพอใจที่จะต้องท่องเที่ยวไป3ภพนี่อีกหรอ
น่าจะพอแล้วมั้ง เพราะเที่ยวไปอยู่แบบนี้มานานแล้วน่ะ
ถ้าพอแล้ว ฝึกสติปัฐาน4 ซะ ไม่ต้องไปเอามากพวกวิชาทางโลก
เรียนไปก็ตายเกิดแล้วก็เรียนใหม่ ไม่จบไม่สิ้น
มีครูคนหนึ่งพอได้รู้เรื่องแบบนี้แล้ว เขาลาออกเลย ลาออกมาปฏิบัติธรรมคือ
เขาเห็น
หมอก็เหมือนกันลาออกมาปฏิบัติธรรม คือเขาเห็นภัยในวัฏฏะ
(การเวียนว่าตายเกิด)
##################################
::อบายภูมิ <-------- พระพุทธเจ้าบอกว่า! เราไม่มองเห็นการจองจำอื่นใดที่
ทารุณอย่างนี้ เจ็บปวดอย่างนี้ เป็นอันตราย
อย่างนี้เหมือนการถูกจองจำในนรกหรือในกำเนิดเดรัจฉานอย่างนี้เลย.
สัตว์นรก____เปรต___อสูรกาย____เดรัจฉาน___
#######################################
ถ้าคุณอยากขึ้นสวรรค์ นั่นแสดงว่าคุณ ยังอยากเกี่ยวข้องกับ3ภพนี้อยู่ ใน3
ภพนี้มีนรกอยู่ด้วยนะ
ถ้าคุณไม่อยากลง นรก คุณก็ต้องทำแบบนี้
อยากแรกต้องทำตัวให้เป็นโสดาบันก่อน
1 ศีล5บริสุทธ์
2 เคารพพระพุธ พระธรรม พระสงฆ
3 ให้รู้จริงๆว่าร่างกาย มันไม่ใช่ของเรา มันไม่มีอยู่จริง หลอกราให้คิดว่ามี
อยู่ได้ แต่ที่เลี้ยงมันเพราะใช้มันทำบุญหนีนรกชาติ2ชาติแค่ั้นั้นแหละ
ทำได้3ข้อนี้ เป็นโสดาบันเลย เกิดอย่างมากอีก7ชาติ เที่ยวเกิดแต่ในมนุษย์
และสรรค์นะ หรือเกิดแต่ในสรรค์อย่างเดียว
แล้วจะเข้าสู่นิพพานเลย บรมสุขที่แท้จริง
(สุขในสวรรค์มันของปลอม)
ส่วนที่เห็นพระท่านปฏิบัติเคร่งครัดๆนั้น ท่านจะเอาให้เข้านิพพานชาติปัจจ
ุบันเลย แต่จะถึงหรือไม่ถึงมันก็ใกล้นิพพานกว่าโสดาบัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ก.พ. 2015
ในบางครั้งจิตใจเรามันกลายเป็นอะไร
มันโหดร้ายโหดเหี้ยมด้วยอำนาจ
ความโกรธความโลภความหลง
กล้าคิดกล้าทำอะไรที่ผิดศีลผิดธรรมผิดกฏหมายบ้านเมื่อง
นี่มันสัตว์เดรัจฉานนี่วา
บ้างครั้งมันมีความเกรงกลัวต่อบาปต่อกรรม ไม่กล้าทำบาป
นี่มันจิตเทวดานี่ว่า
บ้างครั้งมันขี้เกลียจขี้คร้าน เห็นแก่ตัว
จิตแบบนี้เปตรนี่วา
บ้างครั้งมันมีเมตตาเอื่อเฝือเผื่อแผ่ในเพื่อนมนุษย์และสัตว์เดรัจฉานด้วยกัน
นี่มันจิตมนุษย์นี่วา
ลองตรวจสอบดูตัวเองจิตเราเป็นยังไง
# # หลวงพ่อพุธ##
ในบางครั้งจิตใจเรามันกลายเป็นอะไร
มันโหดร้ายโหดเหี้ยมด้วยอำนาจ
ความโกรธความโลภความหลง
กล้าคิดกล้าทำอะไรที่ผิดศีลผิดธรรมผิดกฏหมายบ้านเมื่อง
นี่มันสัตว์เดรัจฉานนี่วา
บ้างครั้งมันมีความเกรงกลัวต่อบาปต่อกรรม ไม่กล้าทำบาป
นี่มันจิตเทวดานี่ว่า
บ้างครั้งมันขี้เกลียจขี้คร้าน เห็นแก่ตัว
จิตแบบนี้เปตรนี่วา
บ้างครั้งมันมีเมตตาเอื่อเฝือเผื่อแผ่ในเพื่อนมนุษย์และสัตว์เดรัจฉานด้วยกัน
นี่มันจิตมนุษย์นี่วา
ลองตรวจสอบดูตัวเองจิตเราเป็นยังไง
# # หลวงพ่อพุธ##
ตั้งใจอัพลงมากๆ อยากให้คนที่มาอวยพรวันเกิดในเฟส ได้ดู ดูให้หน่อยนะ
ตั้งใจอัพลงมากๆ อยากให้คนที่มาอวยพรวันเกิดในเฟส ได้ดู ดูให้หน่อยนะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตั้งแต่เห็นภัย "ในสังสารวัฏ" ตัวผอม ใจเบา สงสารผู้คน
ญาติโยมอุปฐาก "หลวงพี่ ผอมจังเลย นอนผักผ่อนเยอะๆหน่อย และฉันอาหารเยอะๆหน่อยน่ะค่ะ"
คิดในใจ# เวลาว่างมันหมดไปแล้ว เมื่อรู้ว่ากายแตกแล้วจะไปเกิดเป็นเทพบุตร นั่นมันแสดงว่ายังแค่นี้อยู่ ยังไม่ถึงนิพพาน
เราจะเอาพระอริยะบุคคล โสดา สกทาคามี อนาคามี อรหันต์
เราจะออกจากทุกข์
ญาติโยมอุปฐาก "หลวงพี่ ผอมจังเลย นอนผักผ่อนเยอะๆหน่อย และฉันอาหารเยอะๆหน่อยน่ะค่ะ"
คิดในใจ# เวลาว่างมันหมดไปแล้ว เมื่อรู้ว่ากายแตกแล้วจะไปเกิดเป็นเทพบุตร นั่นมันแสดงว่ายังแค่นี้อยู่ ยังไม่ถึงนิพพาน
เราจะเอาพระอริยะบุคคล โสดา สกทาคามี อนาคามี อรหันต์
เราจะออกจากทุกข์
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
2015
เวลาใส่บาต เงียบๆกันได้ไหมน้อ
เขาให้วางจิตดีๆ
คือประมาณว่าคิดในใจว่า ที่เราใส่บาติไปนี่ เพื่อละความตระหนี่ (ขี้ที) มัน
ไม่อยากทานนัก มันยึดติดกับสิ่งในวัตถุธาติในโลกนี้นัก มันขี้ทีคัก วันนี้แหละ
จะทาน ถ้าทานแล้วมันจะตายก็ตายเลย
ให้อยู่อารมณ์ประมาณนี้
นี่คือไม่ได้จะเอา แต่มีแต่ฆ่าจิตใจความตระหนี่ของใจเรา
พวกที่ใช้ไม่ได้
ใส่บาติ ขอให้ถูกหวย ขอให้รวย ถูกฉลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่1ที 2 ที่ 3
เวลาใส่บาต เงียบๆกันได้ไหมน้อ
เขาให้วางจิตดีๆ
คือประมาณว่าคิดในใจว่า ที่เราใส่บาติไปนี่ เพื่อละความตระหนี่ (ขี้ที) มัน
ไม่อยากทานนัก มันยึดติดกับสิ่งในวัตถุธาติในโลกนี้นัก มันขี้ทีคัก วันนี้แหละ
จะทาน ถ้าทานแล้วมันจะตายก็ตายเลย
ให้อยู่อารมณ์ประมาณนี้
นี่คือไม่ได้จะเอา แต่มีแต่ฆ่าจิตใจความตระหนี่ของใจเรา
พวกที่ใช้ไม่ได้
ใส่บาติ ขอให้ถูกหวย ขอให้รวย ถูกฉลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่1ที 2 ที่ 3
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อเห็นการเกิดดับของขันธ์ 5 แล้วมันรู้สึก ไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่เฉยๆ คือว่ามันจะอยู่อารมณ์ไหนมันจะไม่เชื่อเลย ไม่เกาะอารมณ์นั้น พอรู้ว่าปรุงแต่งปุ๊บ มันจะวางเลย พอรู้ว่าคิดไปอดีตมันจะวางเลย พอรู้ว่าเฉยๆ มันจะวางเลย
อย่างนี้หรือเปล่าที่เรียกว่า เห็นการเกิดดับ
ปัจจุบันเบาจิตเบาใจมาก ต่อมา อุปาทานหรือเปล่า สังขารๆ
นี่มันจะเป็นแบบนี้ คือว่ามันไม่เชื่อารมณ์ตัวเองสักอารมณ์
ผู้รู้ชี้แนะหน่อยควรปฏิบัติอย่างไรต่อ
อย่างนี้หรือเปล่าที่เรียกว่า เห็นการเกิดดับ
ปัจจุบันเบาจิตเบาใจมาก ต่อมา อุปาทานหรือเปล่า สังขารๆ
นี่มันจะเป็นแบบนี้ คือว่ามันไม่เชื่อารมณ์ตัวเองสักอารมณ์
ผู้รู้ชี้แนะหน่อยควรปฏิบัติอย่างไรต่อ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
3 ก.พ. 2015
เราแสดงธรรมขั้นสูงให้เขาฟังว่า ถ้าขับรถเกิดอุบัติเหตุกับตัวเอง คิดว่าจะ
ไม่รอดแล้ว ตอนนั้นจะทำยังไง?
@ : ไมล้มหรอก... โชคดีๆปลอดภัยอยู่แล้ว
เรา : อืม...(อยากจะคิดในใจตอนนั้น) คนเรานี่มันประมาทจริงๆ มิน่าละมัน
ถึงล่นไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นเปรต เป็นสัตว์นรกได้
เรา: ถ้าไม่ล้มก็แล้วไป แต่ถ้าล้ม เวลาจะตาย ดูลมหายใจรู้ลมหายใจน่ะ
แค่นี้ก็พ้นอบายได้1ชาติแล้วแหละ
(ถ้าอยากพ้นถาวร ต้อง โสดาบัน )
ไม่ใช่พระก็เป็นโสดาบันได้น่ะ
1 เคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
2 รู้ว่าร่างกายและจิตใจนี่มันไม่เที่ยง
3 ศีล 5 ต้องบริสุทธ
เราแสดงธรรมขั้นสูงให้เขาฟังว่า ถ้าขับรถเกิดอุบัติเหตุกับตัวเอง คิดว่าจะ
ไม่รอดแล้ว ตอนนั้นจะทำยังไง?
@ : ไมล้มหรอก... โชคดีๆปลอดภัยอยู่แล้ว
เรา : อืม...(อยากจะคิดในใจตอนนั้น) คนเรานี่มันประมาทจริงๆ มิน่าละมัน
ถึงล่นไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นเปรต เป็นสัตว์นรกได้
เรา: ถ้าไม่ล้มก็แล้วไป แต่ถ้าล้ม เวลาจะตาย ดูลมหายใจรู้ลมหายใจน่ะ
แค่นี้ก็พ้นอบายได้1ชาติแล้วแหละ
(ถ้าอยากพ้นถาวร ต้อง โสดาบัน )
ไม่ใช่พระก็เป็นโสดาบันได้น่ะ
1 เคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
2 รู้ว่าร่างกายและจิตใจนี่มันไม่เที่ยง
3 ศีล 5 ต้องบริสุทธ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ระหว่าง เปรต กับ สัตว์เดรัจฉาน ถ้าตายไป
จะเลือกอะไรโยม
สัตว์เดรัจฉาน นี่สูงกว่าเปตร ก็คือพวกหมาพวกแมวพวกสัตว์ที่เห็นๆกันอยู่นี่แหละ ลองคิดดูถ้าเราได้อัภาพเป็นแบบนั้มันจะเป็นยังไง
เปรตนี่จะต่ำกว่า เดรัจฉาน แต่สามารถโมธนาบุญได้ ที่ญาติพี่น้องทำบุญอุทิศไปให้ และเป็นเทวดาได้
เปตรอีกแบบหนึ่งคือ ญาติพี่น้องทำบุญอุทิศไปให้ แต่ไม่สามารถโมธนาได้ เพราะกิเลสบาปมันห่อหุ้มใจไว้ บุญก็เลยไม่มีประโยชน์เลยตอนนั้น ก็ต้องรอใช้กรรมให้หมดก่อน
ส่วนอีกแบบหนึ่ง คืออยู่
จะเลือกอะไรโยม
สัตว์เดรัจฉาน นี่สูงกว่าเปตร ก็คือพวกหมาพวกแมวพวกสัตว์ที่เห็นๆกันอยู่นี่แหละ ลองคิดดูถ้าเราได้อัภาพเป็นแบบนั้มันจะเป็นยังไง
เปรตนี่จะต่ำกว่า เดรัจฉาน แต่สามารถโมธนาบุญได้ ที่ญาติพี่น้องทำบุญอุทิศไปให้ และเป็นเทวดาได้
เปตรอีกแบบหนึ่งคือ ญาติพี่น้องทำบุญอุทิศไปให้ แต่ไม่สามารถโมธนาได้ เพราะกิเลสบาปมันห่อหุ้มใจไว้ บุญก็เลยไม่มีประโยชน์เลยตอนนั้น ก็ต้องรอใช้กรรมให้หมดก่อน
ส่วนอีกแบบหนึ่ง คืออยู่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.พ. 2015
จิตใจ กับ ร่างกาย มันคุยกันได้?
จิตใจพูดกับร่างกายว่า?
จิตใจ: โอ้ยทำไมฉันไม่สวยไม่เด่น ไม่หล่อไม่เท่เนี๊ยะ ไม่ไดดั่งใจเลย
ร่างกายตอบ: ก็เธอนั่นแหละอยากสวย อยากเด่น อยากหล่อ อยากเท่ เอง
ไม่ใช่หรือ ถ้าเธอไม่อยากสวยมันก็ไม่ทุกข์หรอก
คนที่เขาไม่สวยก็เยอะแยะเขาไม่เห็นต้องมาทุกข์ใจเลย
จิตใจ: โอ้ยวันนี้ไปตากแดด ร้อนๆผิวเสียดำหมดๆ ??
ร่างกาย: มันจะไม่ดำได้ยังไง ก็สั่งให้ฉันเดินไปตากแดดเองนิ
จิตใจ : โอ้ยทำไม สิวมันต้องมาขึ้นตรงใบ้หน้าเนียะ
ที่อื่นมีไม่ไปขึ้น ??
ร่างกาย : มันจะไม่ขึ้นได้อย่างไร ก็พาฉันอยู่กับมลพิษ ความสกปรก
เคร่งเครียด การนอนก็ผิดธรรมชาติไม่รู้ทำอะไร
จิตใจ: โอยทำไมบ้านมันถึงสกปกอย่างนี้เนี๊ยะ
ร่างกาย: ก็เธอนั้นแหละเป็นเหตุให้บ้านสกปก ขี้เกลียจไม่ทำความสะอาด
จิตใจ: โอยทำไมห้อง มันถึงได้รกขนาดนี้เนี๊ยะ
ร่างกาย: ก็เธอนั่นแหละขนอะไรๆ
เขามาๆ จะไม่รกได้อย่างไรเล่า
จิตใจ : โอ้ยทำไม หุ่นฉันไม่ดีเนี๊ยะ มันจะอ้วนขึ้นๆไปไหนเนี๊ยะ
ร่างกาย : แหม..ก็เธอสั่งให้ฉัน กินนู้นนี่นั้น เข้าปากนับไม่ถ้วนเลย
จิตใจ : โอ้ย..ทำไมถึงได้ทุกข์ใจ ขนาดนี้เนี๊ยะ
ร่างกาย : ก็เธอเองนั้นแหละ เป็นต้นเหตุของความทุกข์ ทุกเรื่อง ทุกข์อย่าง
จิตใจ : โอ้ยทำไม ถึงได้ทุกข์เรื่องแฟนขนาดนี้เนี๊ยะ
ร่างกาย: ก็เธอนั่นแหละ อยากมีแฟน ไปเอาเขามาเป็นแฟนเองนี่
จิตใจ: โอยทำไมอกหก ถึงได้ทุกข์ทรมานใจขนาดนี้เนี๊ยะ
ร่างกาย: ก็เธอไปรักเขาเองนี่
# ทุกข์แค่นี่มันยังเทียบไม่ได้หรอก
กับที่ต้องตายกลายไปเป็นผีที่ไม่สะสมความดีบุญไว้ตอนมีชีวิตอยู่
จิตใจ: โอยทำไม ถึงได้ทุกข์กับ เมีย อย่างนี่วะ
รางกาย: ก็มึงนั่นแหละ ไปเอาเขามาเป็นเมีย ไม่เอาก็สิ้นเรื่อง
จิตใจ: โอยทำไม ถึงได้ทุกข์กับผัวอย่างนี้เนี๊ยะ
ร่างกาย : ก็เธอนั้นแหละ ไปเอาเขามาเป็นผัว ไม่เอาแล้วก็หมดเรื่อง
จิตใจ: ทุกข์ใจโว้ยๆ อยากได้รถใหม่สักคัน อยากได้โทรศัพท์ใหม่ๆ อิทเทรนๆ
ไม่ตกยุค ไม่ตกสมัย เหมือนเต่าล้านปี
ร่างกายตอบ: เธอทุกข์เพราะ" ความอยาก" อยากมี อยากได้ใช่หรือไม่
แค่เธอ"วางความอยากล" แล้วใช้เหตุผลพิจารณา
ดีๆจะมีทางออก เธอจะไม่ทุกข์
จิตใจ : โอยเป็นครูทำไมมันถึงได้ทุกข์ อย่างนี้เนี๊ยะ
ร่างกาย : ก็อยากเป็นอาจารย์ไปสอนเขา อยากสอนเขาเองไม่ใช่หรอ
จิตใจ : ทำไมต้องไปตามจับผู้ร้าย ด้วยเนี๊ยะ วุนวาย
ร่างกาย: ก็เธออยากไปเป็นตำรวจเองไม่ใช่หรือ
จิตใจ: โอ้ยทำไม ถึงได้ทุกข์กับลูก อย่างนี้เนี๊ยะ มันได้ไหลออกมาแล้วจะจับยัด
เข้าที่เดิมก็ไม่ได้ ต้องมาเลี้ยงดู
เปลี่ยนผ้าออม เช็ดขี้เช็ดเยี่ยว ป้อนข้าวป้อนน้ำ อุ้มมันไปเล่นที่นู้นที่นี่ กว่า
จะโต ต้องมาสั่งสอนให้มันเป็นคนดี ให้มันได้เรียน ต้องส่งเงินให้ ให้มัน
ได้ทำงาน
ให้เป็นคนดีให้รู้จักศีลธรรม เคารพกฏหมายบ้านเมือง
ไม่รู้ลูกมันโตมาจะให้อะไรตอบแทน โตมาจะเป็นคุณหรือเป็นโทษก็ไม่รู้อะไร
ยังไงก็ไม่รู้ แต่ก็จะหวังให้มันเป็นคนดี
ร่างกายตอบ: ก็เธอนั่นแหละ มีเพศสัมพันธุ์ และเป็นต้นเหตุปัจจัย!
ให้มีจิตวิญญาน จากภพอื่น มาปฏิสนธิในครรณ์(มาเกิด)
จิตวิญญานมาจากไหน
สวรรค์
แม่จะรู้สึกประมาณว่า เย็นใจจิตใจเบิกบาน ไม่ค่อยโกรธ อยาก
จะไปทำบุญใส่บาติ อะไรที่เป็นบุญนั้นแหละ
ส่วนพวกมาจากภพภูมิต่ำ
พวกนี้แม่รู้สึกกะวนกะวาย เดือดเนื้อร้อนใจ โมโหง่าย
อยากกินเลือดลาบแดง อยากกินอาหารที่ตัวเองตอนปกติไม่กิน
ทำอะไรพิกลๆ หลบๆซ่อนๆกลัวว่าจะมีใครมาทำร้าย วาดละแวงอย่างแป
ลกทั้งที่ตอนปกติธรรมๆก็ไม่เป็นอย่างนี้
พวกนี้ออกมาเกิดเป็นคนแล้ว มันจะแตกต่างจากคนดี
แตกต่างจากคนกลางๆ
นิสัยมันจะทำอะไรต่ำๆ ต่ำทรามไม่สนผิดถูกอะไรยังไง ไม่สน
จนถึงสร้างความเดือดร้อนให้พ่อแม่อยู่เป็นประจำสร้างความเดือนร้อนให้คน
อื่นอยู่เป็นประจำสร้างความเดือนร้อนให้ตัวเองอยู่เป็นประจำ ชอบเผาคนอื่น
ให้เดือดร้อนใจ
พวกนี่จะมี หิริโอตัปะ คือความเกรงกลัวต่อบาปต่อกรรมน้อยมาก
จะกล้าทำบาปทั้งที่ลับและที่แจ้ง
ไม่สนอะไร เลวๆทรามๆต่ำๆทำได้หมดไม่รู้จักบุญคุณคนบุญคุณ
จนถึงจะฆ่าพ่อแม่ตัวเองก็ได้
พวกนี้ถ้าไม่ปรับปรุงจิตตัวเอง ให้เป็นคนดี รู้จักศีลธรรม มันจะลงที่เดิม
กลับมาร่างกายต่อน่ะ
ร่างกายตอบ: ถ้าลูกเธอฉลาดน่ะ
เขาจะเปลี่ยนเป็นคนดี
หรือดีกว่าเดิม เขาจะสร้างเหตุปัจจัยให้ตัวเอง
และพ่อแม่ไปสู่ภพภูิที่ดีหลังจากตาย
แยกย้ายจากกันไปคนละภพ เพราะบุญ ทาน ศีล สมาธิ ไม่เท่ากัน
และลูกจะให้ธรรมะพ่อแม่
ลูกจะหาวิธี เปิดธรรมะ เช่นบทอานาปานสติ ให้พ่อแม่ฟังก่อนนอนตอนมีชีวิตอ
ยู่ดีๆนี่แหละ ท่านจะได้ตายไปไม่ไป สู่นรก สัตว์เดรัจฉาน เปตร
จิตใจ: โอ้ยทำไม ผิวมันเริ่มหยาบเหมือนผิวคนแก่ ลงไปทุกทีเนี๊ยะ ครีมก็โป๊ะๆ!!
ร่างกายตอบ : ก็ไปเปิดปฏิทินดู วัน/เดือน/ปี สิ มันผ่านมากี่วันแล้ว
จะให้เป็นเด็กเป๊ะๆ มันก็ไม่ได้ หัดยอมรับความจริงบ้างเถอะ
ก็เดินไปหาความแก่และความตายทุกวันวินาทีนี่ แต่ก่อนจะถึงความตายมัน
จะมีเจ็บทรมาณก่อน ถ้าฝึกจะไม่เจ็บ
จิตใจ: ทำไม่ต้องเจอแต่เรื่องไม่ดีๆ มีแต่เรื่องซวยๆกับคนนั้น ทำให้กลุ้มใจ
บ่อยๆเนี๊ยะ
ร่างกายตอบ: จะไม่กลุ้มใจได้อย่างไร ก็เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรเธอ
เธอไปทำเขาก่อน
จิตใจ: ทำไมถึงไม่มีเงินใช้เนี๊ยะ จะจนไปไหน
ร่างกาย: ชาติก่อนเธอให้ทานไม่มากเองนี่
จิตใจ: โอ้ยมีเงินเยอะรวยๆๆกลัวโจรมาปล้นมาจี้ กลัวโจรขึ้นบ้าน รู้สึก
ไม่ปลอดภัยเว้ย
ร่ากายตอบ: $_$ !!! ??????
จิตใจ: ทำไมฉันถึงไม่สวยหล่อ เหมือนคนนั้นคนนี่เนี๊ยะ
ร่างกาย : ก็ชาติก่อนไม่เคยรักษาศีลทำใจให้ผ่องใสเองนี่ มันเลยออกมาได้เ
ท่านี่แหละ
จิตใจ : ทำไมฉันถึงได้โง่ เข้าใจอะไรย้าก อย่างนี้เนี๊ยะ เรียนอะไรก็ไม่เข้าใจ
ปัญหาเข้ามาๆก็ไม่รู้จะแก้ยังไง
ร่างกาย: ฉันจะบอกวิธีแก้นะ
ถ้าอยากเรียนเก่งให้ทำสมาธิ
มันจะรู้แจ้งขึ้นมา จนต้องแปลกใจ
นักเรียนบางคน จ้องมองอาจารย์ ให้จิตไปรวมอยู่ในตัวอาจารย์
แล้วอาจารย์จะพูดอะไรออกมานี่ รู้ความคิดอาจารย์ด้วย
เวลาสอบนี่ง่ายเลยอย่างนี่
จิตใจ: ความสงบเย็นใจๆ ธรรมชาติ เหมือนพระอยู่ที่ไหน
ร่างกายตอบ: อยู่ในใจเธอนี่แหละ ก็มีเหมือนกัน เพียงแต่เธอไม่สนใจ
จิตใจตัวเอง ชอบให้มันร้อน กะวนกะวาย อัดแหน่น เกิดทุกข์ขึ้นก็ไม่หาวิธีดับที่
แท้จริง
วิธีดับทุกข์ เวลามีเสียงที่ไม่ดี ที่ไม่น่าพอใจ ผ่านเข้ามา แล้วมันร้อนๆแหน่นๆ
ในอก ให้รู้เลยว่า ตอนนี้มันเป็นจิตสัตว์นรก
ต้องเอาออกๆมันมาแทรกใจเรา มันโกหก
มันเวียนว่ายอยู่3อารมณ์นี่แหละ /สุข /ทุกข์ /เฉยๆ/
ใจนี่มันไม่เที่ยง ไม่ควรอย่ายิ่งจะไปยินดียินร้ายกับมัน
และ
อยากให้ทำบำเพ็ญสมาธิก่อนนอน
คือท่านอนก็ปฏิปัติได้ หลับตาก็ได้/ไม่หลับก็ได้
" ลมหายใจเขา ก็รู้ว่าลมมันเข้า
" ลมหายใจออก ก็รู้ว่าลมมันออก
รู้ไปอย่างนี้สัก 3 - 5 นาที
(เป็นบุญใหญ่กว่าการใส่บาติ
(เป็นบุญใหญ่กว่าการรักษาศีล
มันเป็นการภาวนา ถามว่าเอาอะไรมาวัด
เอานิพพานมาวัด รู้ลมเข้าออกใกล้นิพพานมากๆ
ฟังเพลง 1 ก็เสียเวลาไป 5 นาที
รู้ลมหายใจเข้าออกแค่นี้ ก็น่าจะลองน่ะ
ไม่เสียหาย แถมได้ภาวนาได้บุญอีก
ถ้ายังไม่ไปนอน ทำตอนนี้ก็ได้
ขณะตอนนี้นี่แหละ
ทำแล้วแผ่เมตตาให้ตัวเราเอง
"ขอให้ข้าเจ้าจงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่มีภัย ไม่มีความอาฆาตพยาบาท
และเบียดเบียน และอย่าได้มีโอกาศทำบาปสำเร็จ
และขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง
เบื้องบนตั้งแต่ชั้นพรหม
เบื้องล่างไปจนถึงอเวจีมหานรก
จงประสบความดี อย่ามีความทุกข์
มีโอกาสได้รู้ธรรมพระพุทธเจ้า
แล้วหลุดออกจาก การเวียนว่ายตายเกิด
# หล่วงพี่ขออนุโมธนาบุญกับท่าน
จิตใจ กับ ร่างกาย มันคุยกันได้?
จิตใจพูดกับร่างกายว่า?
จิตใจ: โอ้ยทำไมฉันไม่สวยไม่เด่น ไม่หล่อไม่เท่เนี๊ยะ ไม่ไดดั่งใจเลย
ร่างกายตอบ: ก็เธอนั่นแหละอยากสวย อยากเด่น อยากหล่อ อยากเท่ เอง
ไม่ใช่หรือ ถ้าเธอไม่อยากสวยมันก็ไม่ทุกข์หรอก
คนที่เขาไม่สวยก็เยอะแยะเขาไม่เห็นต้องมาทุกข์ใจเลย
จิตใจ: โอ้ยวันนี้ไปตากแดด ร้อนๆผิวเสียดำหมดๆ ??
ร่างกาย: มันจะไม่ดำได้ยังไง ก็สั่งให้ฉันเดินไปตากแดดเองนิ
จิตใจ : โอ้ยทำไม สิวมันต้องมาขึ้นตรงใบ้หน้าเนียะ
ที่อื่นมีไม่ไปขึ้น ??
ร่างกาย : มันจะไม่ขึ้นได้อย่างไร ก็พาฉันอยู่กับมลพิษ ความสกปรก
เคร่งเครียด การนอนก็ผิดธรรมชาติไม่รู้ทำอะไร
จิตใจ: โอยทำไมบ้านมันถึงสกปกอย่างนี้เนี๊ยะ
ร่างกาย: ก็เธอนั้นแหละเป็นเหตุให้บ้านสกปก ขี้เกลียจไม่ทำความสะอาด
จิตใจ: โอยทำไมห้อง มันถึงได้รกขนาดนี้เนี๊ยะ
ร่างกาย: ก็เธอนั่นแหละขนอะไรๆ
เขามาๆ จะไม่รกได้อย่างไรเล่า
จิตใจ : โอ้ยทำไม หุ่นฉันไม่ดีเนี๊ยะ มันจะอ้วนขึ้นๆไปไหนเนี๊ยะ
ร่างกาย : แหม..ก็เธอสั่งให้ฉัน กินนู้นนี่นั้น เข้าปากนับไม่ถ้วนเลย
จิตใจ : โอ้ย..ทำไมถึงได้ทุกข์ใจ ขนาดนี้เนี๊ยะ
ร่างกาย : ก็เธอเองนั้นแหละ เป็นต้นเหตุของความทุกข์ ทุกเรื่อง ทุกข์อย่าง
จิตใจ : โอ้ยทำไม ถึงได้ทุกข์เรื่องแฟนขนาดนี้เนี๊ยะ
ร่างกาย: ก็เธอนั่นแหละ อยากมีแฟน ไปเอาเขามาเป็นแฟนเองนี่
จิตใจ: โอยทำไมอกหก ถึงได้ทุกข์ทรมานใจขนาดนี้เนี๊ยะ
ร่างกาย: ก็เธอไปรักเขาเองนี่
# ทุกข์แค่นี่มันยังเทียบไม่ได้หรอก
กับที่ต้องตายกลายไปเป็นผีที่ไม่สะสมความดีบุญไว้ตอนมีชีวิตอยู่
จิตใจ: โอยทำไม ถึงได้ทุกข์กับ เมีย อย่างนี่วะ
รางกาย: ก็มึงนั่นแหละ ไปเอาเขามาเป็นเมีย ไม่เอาก็สิ้นเรื่อง
จิตใจ: โอยทำไม ถึงได้ทุกข์กับผัวอย่างนี้เนี๊ยะ
ร่างกาย : ก็เธอนั้นแหละ ไปเอาเขามาเป็นผัว ไม่เอาแล้วก็หมดเรื่อง
จิตใจ: ทุกข์ใจโว้ยๆ อยากได้รถใหม่สักคัน อยากได้โทรศัพท์ใหม่ๆ อิทเทรนๆ
ไม่ตกยุค ไม่ตกสมัย เหมือนเต่าล้านปี
ร่างกายตอบ: เธอทุกข์เพราะ" ความอยาก" อยากมี อยากได้ใช่หรือไม่
แค่เธอ"วางความอยากล" แล้วใช้เหตุผลพิจารณา
ดีๆจะมีทางออก เธอจะไม่ทุกข์
จิตใจ : โอยเป็นครูทำไมมันถึงได้ทุกข์ อย่างนี้เนี๊ยะ
ร่างกาย : ก็อยากเป็นอาจารย์ไปสอนเขา อยากสอนเขาเองไม่ใช่หรอ
จิตใจ : ทำไมต้องไปตามจับผู้ร้าย ด้วยเนี๊ยะ วุนวาย
ร่างกาย: ก็เธออยากไปเป็นตำรวจเองไม่ใช่หรือ
จิตใจ: โอ้ยทำไม ถึงได้ทุกข์กับลูก อย่างนี้เนี๊ยะ มันได้ไหลออกมาแล้วจะจับยัด
เข้าที่เดิมก็ไม่ได้ ต้องมาเลี้ยงดู
เปลี่ยนผ้าออม เช็ดขี้เช็ดเยี่ยว ป้อนข้าวป้อนน้ำ อุ้มมันไปเล่นที่นู้นที่นี่ กว่า
จะโต ต้องมาสั่งสอนให้มันเป็นคนดี ให้มันได้เรียน ต้องส่งเงินให้ ให้มัน
ได้ทำงาน
ให้เป็นคนดีให้รู้จักศีลธรรม เคารพกฏหมายบ้านเมือง
ไม่รู้ลูกมันโตมาจะให้อะไรตอบแทน โตมาจะเป็นคุณหรือเป็นโทษก็ไม่รู้อะไร
ยังไงก็ไม่รู้ แต่ก็จะหวังให้มันเป็นคนดี
ร่างกายตอบ: ก็เธอนั่นแหละ มีเพศสัมพันธุ์ และเป็นต้นเหตุปัจจัย!
ให้มีจิตวิญญาน จากภพอื่น มาปฏิสนธิในครรณ์(มาเกิด)
จิตวิญญานมาจากไหน
สวรรค์
แม่จะรู้สึกประมาณว่า เย็นใจจิตใจเบิกบาน ไม่ค่อยโกรธ อยาก
จะไปทำบุญใส่บาติ อะไรที่เป็นบุญนั้นแหละ
ส่วนพวกมาจากภพภูมิต่ำ
พวกนี้แม่รู้สึกกะวนกะวาย เดือดเนื้อร้อนใจ โมโหง่าย
อยากกินเลือดลาบแดง อยากกินอาหารที่ตัวเองตอนปกติไม่กิน
ทำอะไรพิกลๆ หลบๆซ่อนๆกลัวว่าจะมีใครมาทำร้าย วาดละแวงอย่างแป
ลกทั้งที่ตอนปกติธรรมๆก็ไม่เป็นอย่างนี้
พวกนี้ออกมาเกิดเป็นคนแล้ว มันจะแตกต่างจากคนดี
แตกต่างจากคนกลางๆ
นิสัยมันจะทำอะไรต่ำๆ ต่ำทรามไม่สนผิดถูกอะไรยังไง ไม่สน
จนถึงสร้างความเดือดร้อนให้พ่อแม่อยู่เป็นประจำสร้างความเดือนร้อนให้คน
อื่นอยู่เป็นประจำสร้างความเดือนร้อนให้ตัวเองอยู่เป็นประจำ ชอบเผาคนอื่น
ให้เดือดร้อนใจ
พวกนี่จะมี หิริโอตัปะ คือความเกรงกลัวต่อบาปต่อกรรมน้อยมาก
จะกล้าทำบาปทั้งที่ลับและที่แจ้ง
ไม่สนอะไร เลวๆทรามๆต่ำๆทำได้หมดไม่รู้จักบุญคุณคนบุญคุณ
จนถึงจะฆ่าพ่อแม่ตัวเองก็ได้
พวกนี้ถ้าไม่ปรับปรุงจิตตัวเอง ให้เป็นคนดี รู้จักศีลธรรม มันจะลงที่เดิม
กลับมาร่างกายต่อน่ะ
ร่างกายตอบ: ถ้าลูกเธอฉลาดน่ะ
เขาจะเปลี่ยนเป็นคนดี
หรือดีกว่าเดิม เขาจะสร้างเหตุปัจจัยให้ตัวเอง
และพ่อแม่ไปสู่ภพภูิที่ดีหลังจากตาย
แยกย้ายจากกันไปคนละภพ เพราะบุญ ทาน ศีล สมาธิ ไม่เท่ากัน
และลูกจะให้ธรรมะพ่อแม่
ลูกจะหาวิธี เปิดธรรมะ เช่นบทอานาปานสติ ให้พ่อแม่ฟังก่อนนอนตอนมีชีวิตอ
ยู่ดีๆนี่แหละ ท่านจะได้ตายไปไม่ไป สู่นรก สัตว์เดรัจฉาน เปตร
จิตใจ: โอ้ยทำไม ผิวมันเริ่มหยาบเหมือนผิวคนแก่ ลงไปทุกทีเนี๊ยะ ครีมก็โป๊ะๆ!!
ร่างกายตอบ : ก็ไปเปิดปฏิทินดู วัน/เดือน/ปี สิ มันผ่านมากี่วันแล้ว
จะให้เป็นเด็กเป๊ะๆ มันก็ไม่ได้ หัดยอมรับความจริงบ้างเถอะ
ก็เดินไปหาความแก่และความตายทุกวันวินาทีนี่ แต่ก่อนจะถึงความตายมัน
จะมีเจ็บทรมาณก่อน ถ้าฝึกจะไม่เจ็บ
จิตใจ: ทำไม่ต้องเจอแต่เรื่องไม่ดีๆ มีแต่เรื่องซวยๆกับคนนั้น ทำให้กลุ้มใจ
บ่อยๆเนี๊ยะ
ร่างกายตอบ: จะไม่กลุ้มใจได้อย่างไร ก็เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรเธอ
เธอไปทำเขาก่อน
จิตใจ: ทำไมถึงไม่มีเงินใช้เนี๊ยะ จะจนไปไหน
ร่างกาย: ชาติก่อนเธอให้ทานไม่มากเองนี่
จิตใจ: โอ้ยมีเงินเยอะรวยๆๆกลัวโจรมาปล้นมาจี้ กลัวโจรขึ้นบ้าน รู้สึก
ไม่ปลอดภัยเว้ย
ร่ากายตอบ: $_$ !!! ??????
จิตใจ: ทำไมฉันถึงไม่สวยหล่อ เหมือนคนนั้นคนนี่เนี๊ยะ
ร่างกาย : ก็ชาติก่อนไม่เคยรักษาศีลทำใจให้ผ่องใสเองนี่ มันเลยออกมาได้เ
ท่านี่แหละ
จิตใจ : ทำไมฉันถึงได้โง่ เข้าใจอะไรย้าก อย่างนี้เนี๊ยะ เรียนอะไรก็ไม่เข้าใจ
ปัญหาเข้ามาๆก็ไม่รู้จะแก้ยังไง
ร่างกาย: ฉันจะบอกวิธีแก้นะ
ถ้าอยากเรียนเก่งให้ทำสมาธิ
มันจะรู้แจ้งขึ้นมา จนต้องแปลกใจ
นักเรียนบางคน จ้องมองอาจารย์ ให้จิตไปรวมอยู่ในตัวอาจารย์
แล้วอาจารย์จะพูดอะไรออกมานี่ รู้ความคิดอาจารย์ด้วย
เวลาสอบนี่ง่ายเลยอย่างนี่
จิตใจ: ความสงบเย็นใจๆ ธรรมชาติ เหมือนพระอยู่ที่ไหน
ร่างกายตอบ: อยู่ในใจเธอนี่แหละ ก็มีเหมือนกัน เพียงแต่เธอไม่สนใจ
จิตใจตัวเอง ชอบให้มันร้อน กะวนกะวาย อัดแหน่น เกิดทุกข์ขึ้นก็ไม่หาวิธีดับที่
แท้จริง
วิธีดับทุกข์ เวลามีเสียงที่ไม่ดี ที่ไม่น่าพอใจ ผ่านเข้ามา แล้วมันร้อนๆแหน่นๆ
ในอก ให้รู้เลยว่า ตอนนี้มันเป็นจิตสัตว์นรก
ต้องเอาออกๆมันมาแทรกใจเรา มันโกหก
มันเวียนว่ายอยู่3อารมณ์นี่แหละ /สุข /ทุกข์ /เฉยๆ/
ใจนี่มันไม่เที่ยง ไม่ควรอย่ายิ่งจะไปยินดียินร้ายกับมัน
และ
อยากให้ทำบำเพ็ญสมาธิก่อนนอน
คือท่านอนก็ปฏิปัติได้ หลับตาก็ได้/ไม่หลับก็ได้
" ลมหายใจเขา ก็รู้ว่าลมมันเข้า
" ลมหายใจออก ก็รู้ว่าลมมันออก
รู้ไปอย่างนี้สัก 3 - 5 นาที
(เป็นบุญใหญ่กว่าการใส่บาติ
(เป็นบุญใหญ่กว่าการรักษาศีล
มันเป็นการภาวนา ถามว่าเอาอะไรมาวัด
เอานิพพานมาวัด รู้ลมเข้าออกใกล้นิพพานมากๆ
ฟังเพลง 1 ก็เสียเวลาไป 5 นาที
รู้ลมหายใจเข้าออกแค่นี้ ก็น่าจะลองน่ะ
ไม่เสียหาย แถมได้ภาวนาได้บุญอีก
ถ้ายังไม่ไปนอน ทำตอนนี้ก็ได้
ขณะตอนนี้นี่แหละ
ทำแล้วแผ่เมตตาให้ตัวเราเอง
"ขอให้ข้าเจ้าจงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่มีภัย ไม่มีความอาฆาตพยาบาท
และเบียดเบียน และอย่าได้มีโอกาศทำบาปสำเร็จ
และขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง
เบื้องบนตั้งแต่ชั้นพรหม
เบื้องล่างไปจนถึงอเวจีมหานรก
จงประสบความดี อย่ามีความทุกข์
มีโอกาสได้รู้ธรรมพระพุทธเจ้า
แล้วหลุดออกจาก การเวียนว่ายตายเกิด
# หล่วงพี่ขออนุโมธนาบุญกับท่าน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
18 ก.พ. 2015
นักเรียนโรงเรียนจิกดู่วิทยาที่จะบวช ใครน้อโชคดีมีบุญ ถึงขั้นได้บวชให
้กับลูกพระโพธิสัตว์
เป็นมงคลอย่างยิ่งน่ะ แน่นอนชาติๆต่อไป จะได้เกี่ยวพันกันกับท่านอีก
ดีอย่างยิ่งได้เกี่ยวพันกับคนดีๆมีบุญ
ฉะนั้นควรเป็นคนดี ทาน ศีล สมาธิ อยู่เป็นประจำ แล้วแผ่เมตตาให้
เหล่าพระโพธิสัตว์ทั้งหลายที่กำลังบำเพ็ญบารมีอยู่
เพื่อที่ว่าจะได้มีโอกาศเจอศาสนาที่สอนออกจากทุกข์ อย่างถาวร
ออกจากโลกจอมปลอม เดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวเสียใจ เดี๋ยวเฉยๆ วนเวียนอยู่3ควา
มรู้สึกนี่ไม่จบสิ้น
นักเรียนโรงเรียนจิกดู่วิทยาที่จะบวช ใครน้อโชคดีมีบุญ ถึงขั้นได้บวชให
้กับลูกพระโพธิสัตว์
เป็นมงคลอย่างยิ่งน่ะ แน่นอนชาติๆต่อไป จะได้เกี่ยวพันกันกับท่านอีก
ดีอย่างยิ่งได้เกี่ยวพันกับคนดีๆมีบุญ
ฉะนั้นควรเป็นคนดี ทาน ศีล สมาธิ อยู่เป็นประจำ แล้วแผ่เมตตาให้
เหล่าพระโพธิสัตว์ทั้งหลายที่กำลังบำเพ็ญบารมีอยู่
เพื่อที่ว่าจะได้มีโอกาศเจอศาสนาที่สอนออกจากทุกข์ อย่างถาวร
ออกจากโลกจอมปลอม เดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวเสียใจ เดี๋ยวเฉยๆ วนเวียนอยู่3ควา
มรู้สึกนี่ไม่จบสิ้น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
จุดเปลี่ยนชีวิต มันพลิกชีวิต จากหลังมือเป็นหน้ามือ
โอ้โห่... ได้เห็นได้เจอ
ได้เห็นเปรต ตัวเป็นๆ
ได้เห็น นายนิรยะบาล (เข้าว่าเป็นทหารในโลกนรก)
โอ้โห่... ได้เห็นได้เจอ
ได้เห็นเปรต ตัวเป็นๆ
ได้เห็น นายนิรยะบาล (เข้าว่าเป็นทหารในโลกนรก)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
3 มี.ค. 2015
ผู้ถาม : การอโหสิกรรม " ให้ใครก็ตามที่เขาทำร้ายเรา มันลบกรรมได้ไหม
ค่ะ
ตอบ: ไม่ได้เลย อโหสิกรรมนั้นเขาไม่หวังจองเวร
ถ้าสมมุติว่าเราไปดูหมอลำซิ่งนะเราเห็น "ผู้ชายคนที่1ไปตี
ไปฆ่าผู้ชายคนที่ 2 สาหัสเกือบเสียชีวิต พิการ แขนขาหัก
กระโหลกเบี้ยว คือไม่ปกติทางร่างกายแล้ว
แล้วชายคนที 2 นั้น อโหสิกรรมให้ คือไม่ต้องการจองเวร
ไม่ต้องการผูกพยาบาตกับผู้ชายคนที่ 1 เลย
ก็คือไม่อยากเป็นเจ้ากรรมนายเวรกัน
แล้วจากนั้นชายคนที่ 2 ก็ตายอย่างสงบในที่ตรงนั้นเลย
ถามต่อ: อ้าว..ชายคนที่2 ที่ถูกตีหัว อโหสิกรรมไม่เอาโทษเอาภัยแล้ว
แล้วชายคนที่1 ที่ไปตีเขาล่ะค้ะ
ตอบ : เขาจะโดนกฏหมายบ้านเมืองลงโทษก่อน
และชื่อเขาจะดังออกไป
พ่อแม่เขาจะรู้สึกผิดในใจ ที่เลี้ยงลูก
มาตั้งแต่ตอนเด็ก จนโต เขายังไม่สามารถฝึกลูกเป็นคนดีได้
แต่การแสดงออกให้ลูกเห็นต่างจากใจภายในที่รู้สึกผิด
ถึงแม้ว่าชายคนที่2 จะ อโหสิกรรมให้แล้วไม่ประสงค์จะเอาคืนแล้ว แต่...
ทั้งวิบาก ทั้งกรรม ที่เขาทำนั้น จะมีธรรมชาติกรรม มาให้ผลกับเขาใน
ลักษณะคล้ายๆแบบนั้นหลายเท่า หลายชาติ
ผู้ถาม : แล้วคนที่ 2 ละค่ะ ??
ผู้ตอบ: คนที่2หรอ... โชคดีได้ไปเกิดเป็นเทวดา อยู่สวรรค์นู้น
เข้าใจเรื่องอโหสิกรรมรึยัง ???
ผู้ถาม : การอโหสิกรรม " ให้ใครก็ตามที่เขาทำร้ายเรา มันลบกรรมได้ไหม
ค่ะ
ตอบ: ไม่ได้เลย อโหสิกรรมนั้นเขาไม่หวังจองเวร
ถ้าสมมุติว่าเราไปดูหมอลำซิ่งนะเราเห็น "ผู้ชายคนที่1ไปตี
ไปฆ่าผู้ชายคนที่ 2 สาหัสเกือบเสียชีวิต พิการ แขนขาหัก
กระโหลกเบี้ยว คือไม่ปกติทางร่างกายแล้ว
แล้วชายคนที 2 นั้น อโหสิกรรมให้ คือไม่ต้องการจองเวร
ไม่ต้องการผูกพยาบาตกับผู้ชายคนที่ 1 เลย
ก็คือไม่อยากเป็นเจ้ากรรมนายเวรกัน
แล้วจากนั้นชายคนที่ 2 ก็ตายอย่างสงบในที่ตรงนั้นเลย
ถามต่อ: อ้าว..ชายคนที่2 ที่ถูกตีหัว อโหสิกรรมไม่เอาโทษเอาภัยแล้ว
แล้วชายคนที่1 ที่ไปตีเขาล่ะค้ะ
ตอบ : เขาจะโดนกฏหมายบ้านเมืองลงโทษก่อน
และชื่อเขาจะดังออกไป
พ่อแม่เขาจะรู้สึกผิดในใจ ที่เลี้ยงลูก
มาตั้งแต่ตอนเด็ก จนโต เขายังไม่สามารถฝึกลูกเป็นคนดีได้
แต่การแสดงออกให้ลูกเห็นต่างจากใจภายในที่รู้สึกผิด
ถึงแม้ว่าชายคนที่2 จะ อโหสิกรรมให้แล้วไม่ประสงค์จะเอาคืนแล้ว แต่...
ทั้งวิบาก ทั้งกรรม ที่เขาทำนั้น จะมีธรรมชาติกรรม มาให้ผลกับเขาใน
ลักษณะคล้ายๆแบบนั้นหลายเท่า หลายชาติ
ผู้ถาม : แล้วคนที่ 2 ละค่ะ ??
ผู้ตอบ: คนที่2หรอ... โชคดีได้ไปเกิดเป็นเทวดา อยู่สวรรค์นู้น
เข้าใจเรื่องอโหสิกรรมรึยัง ???
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
9 มี.ค. 2015
พระพุทธเจ้า พูดว่า...?
พระปัจเจกพุทธเจ้า พูดว่า...?
พระอรหันต์ พูดว่า...?
พระอนาคามี พูดว่า...?
พระสกิทคามี พูดว่า....?
พระโสดาบัน พูดว่า....?
---- เอ้าช่วยกันๆดึงขึ้นมาๆ ดึงมนุษย์และเทวดาขึ้นมานิพพาน จะได้พ้นนรก
ลับดับการดึง
มนุษย์ ผู้มีสัมมาทิฏฐิ ดึงง่าย
มนุษย์ ผู้ไม่มีมีสัมมาทิฏฐิ ดึงย้าก
มนุษย์ ผู้มีมิจฉาทิฏฐิ ดึงไม่ได้
พวกดึงไม่ได้ก็ ไปตามกรรมตามเวร ไม่จบสิ้น
หลงทางอยู่ หาทางออกจาก สังสารวัฏ ไม่เจอ
เทียวไปเกิดในนรก เที่ยวไปเกิดในสวรรค์ เที่ยวไปเป็นสัตว์ วนอยู่อย่านี้ไม่จบสิ้น
พระพุทธเจ้า พูดว่า...?
พระปัจเจกพุทธเจ้า พูดว่า...?
พระอรหันต์ พูดว่า...?
พระอนาคามี พูดว่า...?
พระสกิทคามี พูดว่า....?
พระโสดาบัน พูดว่า....?
---- เอ้าช่วยกันๆดึงขึ้นมาๆ ดึงมนุษย์และเทวดาขึ้นมานิพพาน จะได้พ้นนรก
ลับดับการดึง
มนุษย์ ผู้มีสัมมาทิฏฐิ ดึงง่าย
มนุษย์ ผู้ไม่มีมีสัมมาทิฏฐิ ดึงย้าก
มนุษย์ ผู้มีมิจฉาทิฏฐิ ดึงไม่ได้
พวกดึงไม่ได้ก็ ไปตามกรรมตามเวร ไม่จบสิ้น
หลงทางอยู่ หาทางออกจาก สังสารวัฏ ไม่เจอ
เทียวไปเกิดในนรก เที่ยวไปเกิดในสวรรค์ เที่ยวไปเป็นสัตว์ วนอยู่อย่านี้ไม่จบสิ้น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เราจะรู้ได้อย่างไรว่า คนเราเกิดมาเหมาะกับอาชีพอะไร
ตอบ : สมมุติว่า คุณเรียนหนังสืออยู่นิ
คุณชอบทำงานอดิเรกอะไร ? ที่ทำแล้วมันไม่ขัดใจตัวเอง
ชอบให้เวลากับมัน ใส่ใจกับมันโดยที่เสียเวลากับมันแล้วรู้สึกดี อันนั้นแหละ น่าจะเป็นทางไป
อย่างเช่นในในสมัยพุทธกาล มีหญิงคนหนึ่ง ชอบทำขนมหวาน
ปรับสูตรนั้น สูตรนี้ (คือจิตผัวพันอยู่แต่กับขนม)
แล้วหลังจากนั้นก็เอาไป ถวายพระ ทานให้คนทั่วไปบ้าง
โชคดี้ดี ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ เกิดในสมัยที่โลกเจริญก้าวหน้าแล้ว พ่อแม่ื่าาาี
ตอบ : สมมุติว่า คุณเรียนหนังสืออยู่นิ
คุณชอบทำงานอดิเรกอะไร ? ที่ทำแล้วมันไม่ขัดใจตัวเอง
ชอบให้เวลากับมัน ใส่ใจกับมันโดยที่เสียเวลากับมันแล้วรู้สึกดี อันนั้นแหละ น่าจะเป็นทางไป
อย่างเช่นในในสมัยพุทธกาล มีหญิงคนหนึ่ง ชอบทำขนมหวาน
ปรับสูตรนั้น สูตรนี้ (คือจิตผัวพันอยู่แต่กับขนม)
แล้วหลังจากนั้นก็เอาไป ถวายพระ ทานให้คนทั่วไปบ้าง
โชคดี้ดี ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ เกิดในสมัยที่โลกเจริญก้าวหน้าแล้ว พ่อแม่ื่าาาี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
9 มี.ค. 2015
🔊 คนรัก ♥ ไม่ใช่ของแน่นอน หาก ศีลและบุญไม่เท่ากัน
เกิดชาติใหม่ ก็ต้องแยกย้ายกลายเป็นคู่ของคนอื่น
เกิดอย่างไรสมบูรณ์แบบ ?
1 รักษาศีล >จะทำให้ได้ความเป็นมนุษย์ และมีผิวพรรณดี
และมีพื้นจิตใจสูงกว่าคนธรรมดา
2 ทานมาก+ก่อนทานวางจิตถูก > ทำให้มีโภคทรัพย์ เงิน ทอง มาก
(แต่ถ้าศีลไม่ดี ไม่ค่อยรักษาศีลเขาด้วยกันกับทานเลย
หรือนานๆทีจะมีโอกาสรักษาศีล ก็คือบุญที่เกิดจากตัวศีลนี่มีน้อย
ก็จะทำให้ได้ทรัพย์ของสัตว์เดรัจฉาน ก็คือเช่น ไปเกิดเป็นหมา
อยู่บ้านคนรวย เขาให้อาหาร เขาอาบน้ำให้ คือเขาเลี้ยงดี
ไม่เหมือนหมาขี้เลื่อนจรจัด ที่อยู่ข้างถนน )
3 สมาธิ หรือ(สมถะ วิปัสนา) ทำให้ใจสงบจากทุกข์ และเป็นไปเพือเก
ิดปัญญาที่จะรู้วิธีออกจาก วงเวียนกรรม สังสารวัฏหรือวัฏฏะสงสารนี้ที่ไ
ม่จบสิ้น
สมถะคือ จิตใจสงบ เช่น จ่องอะไรสักอย่างที่อยู่รอบตัวเร
ให้มองอยู่นั้นแหละห้ามหลับตา
วิปัสนาคือ การเจริญปัญญา พยายามรู้ว่า กายใจนี้ ไม่ใช่เรา
(อันนี้เป็นบุญใหญ่ที่สุดในการทำบุญทั้งหลาย
บุญจากการเจริญปัญญานี้แรง อุทิศให้คนฆ่าตัวตายนี้ถึงเลย
🔊 คนรัก ♥ ไม่ใช่ของแน่นอน หาก ศีลและบุญไม่เท่ากัน
เกิดชาติใหม่ ก็ต้องแยกย้ายกลายเป็นคู่ของคนอื่น
เกิดอย่างไรสมบูรณ์แบบ ?
1 รักษาศีล >จะทำให้ได้ความเป็นมนุษย์ และมีผิวพรรณดี
และมีพื้นจิตใจสูงกว่าคนธรรมดา
2 ทานมาก+ก่อนทานวางจิตถูก > ทำให้มีโภคทรัพย์ เงิน ทอง มาก
(แต่ถ้าศีลไม่ดี ไม่ค่อยรักษาศีลเขาด้วยกันกับทานเลย
หรือนานๆทีจะมีโอกาสรักษาศีล ก็คือบุญที่เกิดจากตัวศีลนี่มีน้อย
ก็จะทำให้ได้ทรัพย์ของสัตว์เดรัจฉาน ก็คือเช่น ไปเกิดเป็นหมา
อยู่บ้านคนรวย เขาให้อาหาร เขาอาบน้ำให้ คือเขาเลี้ยงดี
ไม่เหมือนหมาขี้เลื่อนจรจัด ที่อยู่ข้างถนน )
3 สมาธิ หรือ(สมถะ วิปัสนา) ทำให้ใจสงบจากทุกข์ และเป็นไปเพือเก
ิดปัญญาที่จะรู้วิธีออกจาก วงเวียนกรรม สังสารวัฏหรือวัฏฏะสงสารนี้ที่ไ
ม่จบสิ้น
สมถะคือ จิตใจสงบ เช่น จ่องอะไรสักอย่างที่อยู่รอบตัวเร
ให้มองอยู่นั้นแหละห้ามหลับตา
วิปัสนาคือ การเจริญปัญญา พยายามรู้ว่า กายใจนี้ ไม่ใช่เรา
(อันนี้เป็นบุญใหญ่ที่สุดในการทำบุญทั้งหลาย
บุญจากการเจริญปัญญานี้แรง อุทิศให้คนฆ่าตัวตายนี้ถึงเลย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนส่วนมาก มีแต่จะให้ตนเองมีความสุขในชาติปัจจุบัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วิบากเด้อ
17 มี.ค. 2015
คนส่วนมาก มีแต่จะให้ตนเองมีความสุขในชาติปัจจุบัน
จะต้องรวยให้ได้ในชาติปัจจุบัน
จะต้องมีคู่ครองที่ตนเองชอบให้ได้
จะต้องมีนั่นมีนี่ สารพัดให้ได้ "เมื่อไรจะพอน้อ"
มีแต่เอาเข้าๆ ไม่มีเอาออก ถ้าบอกว่าทานทำบุญก็จะ"เอาบุญ"
เอาบุญเข้าตัวอีกแล้ว "
เฮ้อ...ทำบุญเขาให้เอาออกแล้วเมื่อไร่จะปล่อยวางลงได้
คนที่ไม่หัดมองการไกล เขาเรียกคนโง่รึเปล่าก็ไม่รู้
พระพุทธเจ้าบอกว่า มนุษย์ที่จะได้ความเป็นมนุษย์อีก
มีแค่เศษดินปลายเล็บ เทียบกับดินทั้งโลก
พระพุทธเจ้าบอกว่า เทวดาที่จะได้ความเป็นเทวดาอีก
มีแค่เศษดินปลายเล็บ เทียบกับดินทั้งโลก
เทวดาส่วนใหญ่ตายแล้วจะวนเกิดอยู่ใน นรก เปตร สัตว์เดรัจฉาน
ต่อจนกรรมเบาบาง พอที่จะมาเป็นเปตร และเกิดเป็นสัตว์
17 มี.ค. 2015
คนส่วนมาก มีแต่จะให้ตนเองมีความสุขในชาติปัจจุบัน
จะต้องรวยให้ได้ในชาติปัจจุบัน
จะต้องมีคู่ครองที่ตนเองชอบให้ได้
จะต้องมีนั่นมีนี่ สารพัดให้ได้ "เมื่อไรจะพอน้อ"
มีแต่เอาเข้าๆ ไม่มีเอาออก ถ้าบอกว่าทานทำบุญก็จะ"เอาบุญ"
เอาบุญเข้าตัวอีกแล้ว "
เฮ้อ...ทำบุญเขาให้เอาออกแล้วเมื่อไร่จะปล่อยวางลงได้
คนที่ไม่หัดมองการไกล เขาเรียกคนโง่รึเปล่าก็ไม่รู้
พระพุทธเจ้าบอกว่า มนุษย์ที่จะได้ความเป็นมนุษย์อีก
มีแค่เศษดินปลายเล็บ เทียบกับดินทั้งโลก
พระพุทธเจ้าบอกว่า เทวดาที่จะได้ความเป็นเทวดาอีก
มีแค่เศษดินปลายเล็บ เทียบกับดินทั้งโลก
เทวดาส่วนใหญ่ตายแล้วจะวนเกิดอยู่ใน นรก เปตร สัตว์เดรัจฉาน
ต่อจนกรรมเบาบาง พอที่จะมาเป็นเปตร และเกิดเป็นสัตว์
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
"หญิงทีแต่งตัวไม่สำรวมเข้าวัด ผลกรรมเป็นอย่างไร
ถาม : ผู้หญิงที่เข้าวัดแต่แต่งตัวไม่สำรวม อวดเนื้อหนังให้พระหวั่นไหว ต่อไปจะได้รับผลกรรมอย่างไร?
ตอบ : ขอบเขตของคำถามที่ว่า ‘แต่งกายไม่สำรวม’ เข้าวัดนั้น อาจทำให้เพ่งโทษคับแคบ ต้องค่อยๆมองให้คลุมข้อเท็จจริงตามลำดับครับ
โดยความเป็นเพศหญิง มีธรรมชาติดึงดูดใจ หรือล่อตาอยู่ในตัวเอง เดินๆไปถ้าเป็นที่สนใจได้ก็ถือว่ามีรูปสมบัติอันพึงมีสมเพศตน ถ้าวันไหนแต่งองค์ทรงเครื่องได้ถึงขนาดชายหญิงมองเหลียวหลังกันทั่วทุกหัวระแหง ก็จะยิ่งภาคภูมิเต็มอิ่ม ประมาณเดียวกับที่นักวิ่งเข้าเส้นชัยได้เป็นคนแรก
ทีเดียว
ฉะนั้นผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาดีเกือบทุกคนจึงอดไม่ได้กับการอยากทดสอบเสน่ห์ของตน แล้วอะไรจะเป็นเครื่องทดสอบได้ดีไปกว่าผู้ประกาศตนว่าสละเรื่องทางเพศแล้ว ไม่สนใจเพศหญิงอีกแล้ว
สมัยนี้พระทั่วไปไม่ใช่เครื่องทดสอบที่น่าท้าทายอะไรนัก เนื่องจากข่าวฉาวที่ประดังเข้าหูผ่านหน้าหนังสือพิมพ์แทบไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้ผู้หญิงยุคใหม่มองพระไม่ต่างจากชายนุ่งกางเกงนอกวัดทั้งหลาย หากทำให้สนใจได้ยังไม่ถือว่าแน่อะไรนัก เท่าที่ทราบจากคำให้การของสาวๆ
ส่วนใหญ่ จะรู้สึกสมเพชและนึกดูถูกพระที่ไม่สำรวม เพ่งเล็งตนด้วยสายตากรุ้มกริ่มตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งกว่าสมเพชและดูถูกผู้ชายทั่วไปมาก เนื่องจากใส่เครื่องแบบที่ควรจะมีสง่าราศีเยี่ยงภิกษุผู้อิ่มแล้ว แต่กลับทำตัวกระจอกไม่ต่างจากนักโทษที่หิวโซ
แต่หากกลับเป็นตรงข้าม ถ้าเป็นพระชื่อดัง ที่มีคนร่ำลือว่าเป็นผู้สงบ เป็นผู้สำรวม การทำให้ท่านสนใจได้ นับว่าน่าภาคภูมิใจเป็นพิเศษ ระดับความอยากให้สนใจก็ต่างๆกันไปตามพื้นความคิดความอ่านของผู้หญิงแต่ละคน
เท่าที่ได้ทราบจากปากของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งตั้งใจสละโลก และเข้าประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่ เธอยอมรับว่ารู้สึกผิดและละอาย คือพออยู่ๆในวัดไปแล้วอดไม่ได้ เห็นชายที่เคร่งๆแล้วอยากลองเสียหน่อยว่าเขาจะทนเสน่ห์เธอไหวไหม
ในระดับของเธอ ก็จัดได้ว่ามีสติดีและยอมรับตามจริงมากพอที่จะเห็น แม้อาการตั้งใจเล็กๆน้อยๆของตน เช่นชม้ายตา หรือไม่มีอะไรเลยก็เดินด้วยความรู้สึกเป็นเป้าล่อความสนใจของผู้เคร่งในธรรม
ธรรมดาผู้หญิงที่เคยถูกจับจ้องมามาก จะสำเหนียกรู้ได้ว่ากำลังมีผู้ชายสนใจตนอยู่หรือเปล่าและเป็นการแอบชำเลืองหรือเพ่งเล็งเขม็ง เป็นความสนใจด้วยความชื่นชมหรือเจืออยู่ด้วยราคะ และราคะนั้นถึงขั้นหื่นกระหายหมดรูปหรือว่าเป็นเพียงความวาบหวามแบบอ่อนๆ
หากทำได้ครั้งหนึ่งก็นึกยินดี หรือนึกภูมิใจว่าตนแน่ ยิ่งพระที่ขึ้นชื่อว่าปลอดกิเลสเท่าไร ยิ่งอยากทำให้สนใจตนมากขึ้นเท่านั้น แต่หากปลูกฝังจิตสำนึกในทางละอายเอาไว้ก่อน ก็จะรู้สึกผิดรุนแรงที่ทำเรื่องไม่งาม ไม่สมควร หรือบางคนยั่วให้สนใจสำเร็จ เห็นพระทำตาหวานใส่ ก็พาน
เกลียดชัง พานสาปส่ง หมดความนับถือไปเลย ไม่เหลือเกียรติให้ต้องเคารพกันอีก และไม่คิดหวนกลับไปทำบุญที่วัดนั้นตลอดชีวิต นี่นับเป็นความขัดแย้งในตัวเองที่น่าปวดหัว
ที่กล่าวมาคือหญิงผู้มีสำนึกในธรรมแล้วนะครับ ตั้งใจจะเดินบนเส้นทางสีขาวแน่นอนแล้ว ยังเจอเรื่องมิติมืดภายในตนเล่นงานให้ย่ำแย่เข้าได้ แล้วผู้หญิงธรรมดา โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับการรับรู้ข่าวคาวๆฉาวๆของพระล่ะ?
เท่าที่ทราบแนวโน้มของสาวรุ่นใหม่ จะไม่มีความรู้สึกเกี่ยวกับเครื่องแบบที่เหมาะหรือไม่เหมาะกับเขตวัด ถ้าเพิ่งเข้าวัดใหม่ๆหรือนานๆเข้าวัดที จะนึกไม่ถึงว่าเสื้อยืดและกางเกงรัดรูปที่‘แต่งกันเป็นปกติ’ นั้น อาจมีความยั่วตายวนใจ และรบกวนตบะของพระสงฆ์ได้ง่ายๆ
แต่จะมีสาวอีกกลุ่มหนึ่ง ที่จงใจแต่งตัวหวือหวาขัดกับสถานที่ ให้เป็นที่สนใจของคนอื่น ไม่ว่าจะพระเณรหรือฆราวาสด้วยกัน เข้าหลักถ้าอยากเด่นต้องทำตัวให้ไม่มีใครเหมือน เขาหลิ่วตาเราอย่าหลิ่วตาม เขาแต่งขาวเราต้องแต่งดำ ผู้หญิงอื่นปกปิดเราต้องเปิดโปง
เอาเฉพาะเจตนาอันหนักแน่นข้อนี้นะครับ ถ้าแต่งตัวโป๊เพื่อล่อตาล่อใจเพศตรงข้ามในวัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งทำด้วยความภาคภูมิใจและไม่สำนึกผิดภายหลัง หญิงนั้นได้ชื่อว่าเพาะเชื้อแห่งความเป็นธิดาพญามารไว้ในตนแล้ว
การทำบุญสร้างความเป็นธิดาพญามารมีหลายระดับ ถ้าแจกแจงละเอียดยิบคงเป็นปึก ในที่นี้ขอแยกเป็นคร่าวๆให้เห็นภาพง่ายสุดคือ
๑) เมื่อถึงเวลาทำบุญ ก็ทำด้วยน้ำจิตเลื่อมใส ของที่นำมาถวายเป็นการจัดหาของตน หรือตั้งใจร่วมสวดหรือฟังเทศนาธรรมด้วยอาการสำรวม ก็เป็นบุญที่มีกำลังมาก หากเสน่ห์ที่นำมาโปรยในวัดมีกำลังอ่อน แค่ในระดับล่อตาล่อใจ ไม่ถึงขั้นรู้สึกว่าถ้าสึกพระได้ถือว่าเจ๋ง อย่างนี้มีวิบากเป็นกระแสดึงดูดใจ แต่เจือด้วยปัญหาร้อนใจในการคบเพื่อนต่างเพศ เพราะใครๆก็จ้องตาเป็นมัน และมักเข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ทางเพศเป็นหลัก แต่กว่าจะกอบโกยประโยชน์จากเนื้อหนังไปได้เต็มอิ่ม กว่าจะรู้สึกจืดชืด ก็เนิ่นนานแรมปี
เมื่อตายไป กำลังของบุญอาจเป็นแรงฉุดขึ้นสวรรค์ ถ้าจิตไม่ผูกพันกับการยั่วยวนคนในวัด ก็จะอยู่ในหมู่เทวดาที่เสวยบุญ รื่นเริงเช้าค่ำตามปกติ แต่หากจิตผูกพันกับการยั่วยวนคนในวัด ก็จะไปอยู่ในหมู่เทวดาฝ่ายมาร มีใจขวางผู้ปรารถนาความหลุดพ้น เห็นใครประพฤติพรหมจรรย์เก่งๆก็
อาจทุรนทุรายอยากลองของ เช่นลองมาเข้าฝันแสดงภาพงามวิจิตรล่อใจเสียหน่อย ดูซิว่าจะเผลอหลุดฟอร์มไหม พร่ำละเมอเพ้อพกถึงนางในฝันได้ไหม
๒) เมื่อถึงเวลาทำบุญ ใจก็ยังวอกแวก คอยสังเกตว่ามีใครมองตนไหม เมื่อร่วมสวดมนต์กับคนอื่นก็ไม่ตั้งใจ เมื่อฟังเทศนาธรรมก็ฟุ้งซ่านเรื่องแฟน อย่างนี้เป็นบุญที่มีกำลังอ่อน และเจืออยู่ด้วยราคะ หากเสน่ห์ที่นำมาโปรยในวัดมีกำลังกล้าแข็ง ถึงขั้นเห็นว่าถ้าสึกพระได้นับเป็นยอดหญิง อย่างนี้มีวิบากเป็นกระแสน่ารังเกียจ ไม่น่าเข้าใกล้ ไม่น่าจับต้อง ตัวไม่เหม็นแต่ก็เหมือนเหม็นอย่างไรบอกไม่ถูก ผู้ชายเข้ามาด้วยความหน้ามืดสถานเดียว และมักเป็นประเภทที่เสพสมครั้งเดียวแล้วเบื่อ
ทันที อยากทิ้งขว้างเหมือนกระดาษชำระที่ใช้แล้วทันที แทบไม่มีแก่ใจอยากแตะต้องต่อ เว้นแต่รอให้หน้ามืดอีกทีคราวหลัง
เมื่อตายไป กำลังของบาปมักรั้งลงต่ำถึงอบายภูมิ อาจไปเป็นเปรตจำพวกอสูร ยิ่งถ้าจิตผูกพันกับการยั่วยวนคนในวัด ก็จะอยู่ในเขตอสุรกายใจทราม ชอบเข้าฝันพระหรือชายดีๆ แสดงเป็นแต่ภาพลามกจกเปรต ล่อให้คิดถึงกามารมณ์ และมักเป็นกามารมณ์ที่ผิด หรือสถานเบาถ้ามี
วาสนาได้กลับมาเป็นมนุษย์ ก็อาจมีความต้องการทางเพศสูง อย่างที่เรียกกัน (แบบผิดความหมายเดิม) ว่าเป็นฮิสทีเรีย อยากมีอะไรกับผู้ชายไม่เลือกหน้า เป็นต้น
สิ่งที่ค่อนข้างแน่นอนคือถ้าผู้หญิงเข้าวัดโดยมีใจเจืออยู่ด้วยเรื่องทางเพศ หรือเรื่องเกี่ยวกับการดึงดูดใจชาย เกิดใหม่มักจะเป็นหญิงอีก และห่วงเรื่องความดึงดูดใจของตนเป็นที่หนึ่ง จะกระวนกระวายมากถ้ารู้สึกว่าตนเองขาดความดึงดูดใจ ไม่น่าชม ได้เงินเดือนมามักถมลงไปกับเรื่องความสวยความงามเป็นหลัก
ทางที่ดีที่สุด ถ้าเริ่มเข้าวัดด้วยใจที่สะอาด ไม่มีเจตนาให้พระมาเพ่งพิศตน จะปลอดภัยที่สุดครับ การแต่งกายปกปิดมิดชิดก็เป็นการสะท้อนถึงเจตนาอันดี ผมทราบว่าสุภาพสตรีหลายท่านมี‘ชุดปกติ’ รัดรูป ตอนเข้าวัดยากจะหา ‘ชุดปกปิด’ ได้เจอ อันนี้ขอแนะนำว่าหากทราบแน่ว่าต้องตามที่บ้านไปเข้าวัดประจำ ก็ควรหาซื้อ ‘ชุดพิเศษ’ มาเพื่อแสดงเจตนารมณ์อันดีในการเข้าวัดโดยเฉพาะครับ
ที่มา : เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ดังตฤณ
"หญิงทีแต่งตัวไม่สำรวมเข้าวัด ผลกรรมเป็นอย่างไร
ถาม : ผู้หญิงที่เข้าวัดแต่แต่งตัวไม่สำรวม อวดเนื้อหนังให้พระหวั่นไหว ต่อไปจะได้รับผลกรรมอย่างไร?
ตอบ : ขอบเขตของคำถามที่ว่า ‘แต่งกายไม่สำรวม’ เข้าวัดนั้น อาจทำให้เพ่งโทษคับแคบ ต้องค่อยๆมองให้คลุมข้อเท็จจริงตามลำดับครับ
โดยความเป็นเพศหญิง มีธรรมชาติดึงดูดใจ หรือล่อตาอยู่ในตัวเอง เดินๆไปถ้าเป็นที่สนใจได้ก็ถือว่ามีรูปสมบัติอันพึงมีสมเพศตน ถ้าวันไหนแต่งองค์ทรงเครื่องได้ถึงขนาดชายหญิงมองเหลียวหลังกันทั่วทุกหัวระแหง ก็จะยิ่งภาคภูมิเต็มอิ่ม ประมาณเดียวกับที่นักวิ่งเข้าเส้นชัยได้เป็นคนแรก
ทีเดียว
ฉะนั้นผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาดีเกือบทุกคนจึงอดไม่ได้กับการอยากทดสอบเสน่ห์ของตน แล้วอะไรจะเป็นเครื่องทดสอบได้ดีไปกว่าผู้ประกาศตนว่าสละเรื่องทางเพศแล้ว ไม่สนใจเพศหญิงอีกแล้ว
สมัยนี้พระทั่วไปไม่ใช่เครื่องทดสอบที่น่าท้าทายอะไรนัก เนื่องจากข่าวฉาวที่ประดังเข้าหูผ่านหน้าหนังสือพิมพ์แทบไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้ผู้หญิงยุคใหม่มองพระไม่ต่างจากชายนุ่งกางเกงนอกวัดทั้งหลาย หากทำให้สนใจได้ยังไม่ถือว่าแน่อะไรนัก เท่าที่ทราบจากคำให้การของสาวๆ
ส่วนใหญ่ จะรู้สึกสมเพชและนึกดูถูกพระที่ไม่สำรวม เพ่งเล็งตนด้วยสายตากรุ้มกริ่มตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งกว่าสมเพชและดูถูกผู้ชายทั่วไปมาก เนื่องจากใส่เครื่องแบบที่ควรจะมีสง่าราศีเยี่ยงภิกษุผู้อิ่มแล้ว แต่กลับทำตัวกระจอกไม่ต่างจากนักโทษที่หิวโซ
แต่หากกลับเป็นตรงข้าม ถ้าเป็นพระชื่อดัง ที่มีคนร่ำลือว่าเป็นผู้สงบ เป็นผู้สำรวม การทำให้ท่านสนใจได้ นับว่าน่าภาคภูมิใจเป็นพิเศษ ระดับความอยากให้สนใจก็ต่างๆกันไปตามพื้นความคิดความอ่านของผู้หญิงแต่ละคน
เท่าที่ได้ทราบจากปากของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งตั้งใจสละโลก และเข้าประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่ เธอยอมรับว่ารู้สึกผิดและละอาย คือพออยู่ๆในวัดไปแล้วอดไม่ได้ เห็นชายที่เคร่งๆแล้วอยากลองเสียหน่อยว่าเขาจะทนเสน่ห์เธอไหวไหม
ในระดับของเธอ ก็จัดได้ว่ามีสติดีและยอมรับตามจริงมากพอที่จะเห็น แม้อาการตั้งใจเล็กๆน้อยๆของตน เช่นชม้ายตา หรือไม่มีอะไรเลยก็เดินด้วยความรู้สึกเป็นเป้าล่อความสนใจของผู้เคร่งในธรรม
ธรรมดาผู้หญิงที่เคยถูกจับจ้องมามาก จะสำเหนียกรู้ได้ว่ากำลังมีผู้ชายสนใจตนอยู่หรือเปล่าและเป็นการแอบชำเลืองหรือเพ่งเล็งเขม็ง เป็นความสนใจด้วยความชื่นชมหรือเจืออยู่ด้วยราคะ และราคะนั้นถึงขั้นหื่นกระหายหมดรูปหรือว่าเป็นเพียงความวาบหวามแบบอ่อนๆ
หากทำได้ครั้งหนึ่งก็นึกยินดี หรือนึกภูมิใจว่าตนแน่ ยิ่งพระที่ขึ้นชื่อว่าปลอดกิเลสเท่าไร ยิ่งอยากทำให้สนใจตนมากขึ้นเท่านั้น แต่หากปลูกฝังจิตสำนึกในทางละอายเอาไว้ก่อน ก็จะรู้สึกผิดรุนแรงที่ทำเรื่องไม่งาม ไม่สมควร หรือบางคนยั่วให้สนใจสำเร็จ เห็นพระทำตาหวานใส่ ก็พาน
เกลียดชัง พานสาปส่ง หมดความนับถือไปเลย ไม่เหลือเกียรติให้ต้องเคารพกันอีก และไม่คิดหวนกลับไปทำบุญที่วัดนั้นตลอดชีวิต นี่นับเป็นความขัดแย้งในตัวเองที่น่าปวดหัว
ที่กล่าวมาคือหญิงผู้มีสำนึกในธรรมแล้วนะครับ ตั้งใจจะเดินบนเส้นทางสีขาวแน่นอนแล้ว ยังเจอเรื่องมิติมืดภายในตนเล่นงานให้ย่ำแย่เข้าได้ แล้วผู้หญิงธรรมดา โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับการรับรู้ข่าวคาวๆฉาวๆของพระล่ะ?
เท่าที่ทราบแนวโน้มของสาวรุ่นใหม่ จะไม่มีความรู้สึกเกี่ยวกับเครื่องแบบที่เหมาะหรือไม่เหมาะกับเขตวัด ถ้าเพิ่งเข้าวัดใหม่ๆหรือนานๆเข้าวัดที จะนึกไม่ถึงว่าเสื้อยืดและกางเกงรัดรูปที่‘แต่งกันเป็นปกติ’ นั้น อาจมีความยั่วตายวนใจ และรบกวนตบะของพระสงฆ์ได้ง่ายๆ
แต่จะมีสาวอีกกลุ่มหนึ่ง ที่จงใจแต่งตัวหวือหวาขัดกับสถานที่ ให้เป็นที่สนใจของคนอื่น ไม่ว่าจะพระเณรหรือฆราวาสด้วยกัน เข้าหลักถ้าอยากเด่นต้องทำตัวให้ไม่มีใครเหมือน เขาหลิ่วตาเราอย่าหลิ่วตาม เขาแต่งขาวเราต้องแต่งดำ ผู้หญิงอื่นปกปิดเราต้องเปิดโปง
เอาเฉพาะเจตนาอันหนักแน่นข้อนี้นะครับ ถ้าแต่งตัวโป๊เพื่อล่อตาล่อใจเพศตรงข้ามในวัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งทำด้วยความภาคภูมิใจและไม่สำนึกผิดภายหลัง หญิงนั้นได้ชื่อว่าเพาะเชื้อแห่งความเป็นธิดาพญามารไว้ในตนแล้ว
การทำบุญสร้างความเป็นธิดาพญามารมีหลายระดับ ถ้าแจกแจงละเอียดยิบคงเป็นปึก ในที่นี้ขอแยกเป็นคร่าวๆให้เห็นภาพง่ายสุดคือ
๑) เมื่อถึงเวลาทำบุญ ก็ทำด้วยน้ำจิตเลื่อมใส ของที่นำมาถวายเป็นการจัดหาของตน หรือตั้งใจร่วมสวดหรือฟังเทศนาธรรมด้วยอาการสำรวม ก็เป็นบุญที่มีกำลังมาก หากเสน่ห์ที่นำมาโปรยในวัดมีกำลังอ่อน แค่ในระดับล่อตาล่อใจ ไม่ถึงขั้นรู้สึกว่าถ้าสึกพระได้ถือว่าเจ๋ง อย่างนี้มีวิบากเป็นกระแสดึงดูดใจ แต่เจือด้วยปัญหาร้อนใจในการคบเพื่อนต่างเพศ เพราะใครๆก็จ้องตาเป็นมัน และมักเข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ทางเพศเป็นหลัก แต่กว่าจะกอบโกยประโยชน์จากเนื้อหนังไปได้เต็มอิ่ม กว่าจะรู้สึกจืดชืด ก็เนิ่นนานแรมปี
เมื่อตายไป กำลังของบุญอาจเป็นแรงฉุดขึ้นสวรรค์ ถ้าจิตไม่ผูกพันกับการยั่วยวนคนในวัด ก็จะอยู่ในหมู่เทวดาที่เสวยบุญ รื่นเริงเช้าค่ำตามปกติ แต่หากจิตผูกพันกับการยั่วยวนคนในวัด ก็จะไปอยู่ในหมู่เทวดาฝ่ายมาร มีใจขวางผู้ปรารถนาความหลุดพ้น เห็นใครประพฤติพรหมจรรย์เก่งๆก็
อาจทุรนทุรายอยากลองของ เช่นลองมาเข้าฝันแสดงภาพงามวิจิตรล่อใจเสียหน่อย ดูซิว่าจะเผลอหลุดฟอร์มไหม พร่ำละเมอเพ้อพกถึงนางในฝันได้ไหม
๒) เมื่อถึงเวลาทำบุญ ใจก็ยังวอกแวก คอยสังเกตว่ามีใครมองตนไหม เมื่อร่วมสวดมนต์กับคนอื่นก็ไม่ตั้งใจ เมื่อฟังเทศนาธรรมก็ฟุ้งซ่านเรื่องแฟน อย่างนี้เป็นบุญที่มีกำลังอ่อน และเจืออยู่ด้วยราคะ หากเสน่ห์ที่นำมาโปรยในวัดมีกำลังกล้าแข็ง ถึงขั้นเห็นว่าถ้าสึกพระได้นับเป็นยอดหญิง อย่างนี้มีวิบากเป็นกระแสน่ารังเกียจ ไม่น่าเข้าใกล้ ไม่น่าจับต้อง ตัวไม่เหม็นแต่ก็เหมือนเหม็นอย่างไรบอกไม่ถูก ผู้ชายเข้ามาด้วยความหน้ามืดสถานเดียว และมักเป็นประเภทที่เสพสมครั้งเดียวแล้วเบื่อ
ทันที อยากทิ้งขว้างเหมือนกระดาษชำระที่ใช้แล้วทันที แทบไม่มีแก่ใจอยากแตะต้องต่อ เว้นแต่รอให้หน้ามืดอีกทีคราวหลัง
เมื่อตายไป กำลังของบาปมักรั้งลงต่ำถึงอบายภูมิ อาจไปเป็นเปรตจำพวกอสูร ยิ่งถ้าจิตผูกพันกับการยั่วยวนคนในวัด ก็จะอยู่ในเขตอสุรกายใจทราม ชอบเข้าฝันพระหรือชายดีๆ แสดงเป็นแต่ภาพลามกจกเปรต ล่อให้คิดถึงกามารมณ์ และมักเป็นกามารมณ์ที่ผิด หรือสถานเบาถ้ามี
วาสนาได้กลับมาเป็นมนุษย์ ก็อาจมีความต้องการทางเพศสูง อย่างที่เรียกกัน (แบบผิดความหมายเดิม) ว่าเป็นฮิสทีเรีย อยากมีอะไรกับผู้ชายไม่เลือกหน้า เป็นต้น
สิ่งที่ค่อนข้างแน่นอนคือถ้าผู้หญิงเข้าวัดโดยมีใจเจืออยู่ด้วยเรื่องทางเพศ หรือเรื่องเกี่ยวกับการดึงดูดใจชาย เกิดใหม่มักจะเป็นหญิงอีก และห่วงเรื่องความดึงดูดใจของตนเป็นที่หนึ่ง จะกระวนกระวายมากถ้ารู้สึกว่าตนเองขาดความดึงดูดใจ ไม่น่าชม ได้เงินเดือนมามักถมลงไปกับเรื่องความสวยความงามเป็นหลัก
ทางที่ดีที่สุด ถ้าเริ่มเข้าวัดด้วยใจที่สะอาด ไม่มีเจตนาให้พระมาเพ่งพิศตน จะปลอดภัยที่สุดครับ การแต่งกายปกปิดมิดชิดก็เป็นการสะท้อนถึงเจตนาอันดี ผมทราบว่าสุภาพสตรีหลายท่านมี‘ชุดปกติ’ รัดรูป ตอนเข้าวัดยากจะหา ‘ชุดปกปิด’ ได้เจอ อันนี้ขอแนะนำว่าหากทราบแน่ว่าต้องตามที่บ้านไปเข้าวัดประจำ ก็ควรหาซื้อ ‘ชุดพิเศษ’ มาเพื่อแสดงเจตนารมณ์อันดีในการเข้าวัดโดยเฉพาะครับ
ที่มา : เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ดังตฤณ
ถาม : ผู้หญิงที่เข้าวัดแต่แต่งตัวไม่สำรวม อวดเนื้อหนังให้พระหวั่นไหว ต่อไปจะได้รับผลกรรมอย่างไร?
ตอบ : ขอบเขตของคำถามที่ว่า ‘แต่งกายไม่สำรวม’ เข้าวัดนั้น อาจทำให้เพ่งโทษคับแคบ ต้องค่อยๆมองให้คลุมข้อเท็จจริงตามลำดับครับ
โดยความเป็นเพศหญิง มีธรรมชาติดึงดูดใจ หรือล่อตาอยู่ในตัวเอง เดินๆไปถ้าเป็นที่สนใจได้ก็ถือว่ามีรูปสมบัติอันพึงมีสมเพศตน ถ้าวันไหนแต่งองค์ทรงเครื่องได้ถึงขนาดชายหญิงมองเหลียวหลังกันทั่วทุกหัวระแหง ก็จะยิ่งภาคภูมิเต็มอิ่ม ประมาณเดียวกับที่นักวิ่งเข้าเส้นชัยได้เป็นคนแรก
ทีเดียว
ฉะนั้นผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาดีเกือบทุกคนจึงอดไม่ได้กับการอยากทดสอบเสน่ห์ของตน แล้วอะไรจะเป็นเครื่องทดสอบได้ดีไปกว่าผู้ประกาศตนว่าสละเรื่องทางเพศแล้ว ไม่สนใจเพศหญิงอีกแล้ว
สมัยนี้พระทั่วไปไม่ใช่เครื่องทดสอบที่น่าท้าทายอะไรนัก เนื่องจากข่าวฉาวที่ประดังเข้าหูผ่านหน้าหนังสือพิมพ์แทบไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้ผู้หญิงยุคใหม่มองพระไม่ต่างจากชายนุ่งกางเกงนอกวัดทั้งหลาย หากทำให้สนใจได้ยังไม่ถือว่าแน่อะไรนัก เท่าที่ทราบจากคำให้การของสาวๆ
ส่วนใหญ่ จะรู้สึกสมเพชและนึกดูถูกพระที่ไม่สำรวม เพ่งเล็งตนด้วยสายตากรุ้มกริ่มตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งกว่าสมเพชและดูถูกผู้ชายทั่วไปมาก เนื่องจากใส่เครื่องแบบที่ควรจะมีสง่าราศีเยี่ยงภิกษุผู้อิ่มแล้ว แต่กลับทำตัวกระจอกไม่ต่างจากนักโทษที่หิวโซ
แต่หากกลับเป็นตรงข้าม ถ้าเป็นพระชื่อดัง ที่มีคนร่ำลือว่าเป็นผู้สงบ เป็นผู้สำรวม การทำให้ท่านสนใจได้ นับว่าน่าภาคภูมิใจเป็นพิเศษ ระดับความอยากให้สนใจก็ต่างๆกันไปตามพื้นความคิดความอ่านของผู้หญิงแต่ละคน
เท่าที่ได้ทราบจากปากของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งตั้งใจสละโลก และเข้าประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่ เธอยอมรับว่ารู้สึกผิดและละอาย คือพออยู่ๆในวัดไปแล้วอดไม่ได้ เห็นชายที่เคร่งๆแล้วอยากลองเสียหน่อยว่าเขาจะทนเสน่ห์เธอไหวไหม
ในระดับของเธอ ก็จัดได้ว่ามีสติดีและยอมรับตามจริงมากพอที่จะเห็น แม้อาการตั้งใจเล็กๆน้อยๆของตน เช่นชม้ายตา หรือไม่มีอะไรเลยก็เดินด้วยความรู้สึกเป็นเป้าล่อความสนใจของผู้เคร่งในธรรม
ธรรมดาผู้หญิงที่เคยถูกจับจ้องมามาก จะสำเหนียกรู้ได้ว่ากำลังมีผู้ชายสนใจตนอยู่หรือเปล่าและเป็นการแอบชำเลืองหรือเพ่งเล็งเขม็ง เป็นความสนใจด้วยความชื่นชมหรือเจืออยู่ด้วยราคะ และราคะนั้นถึงขั้นหื่นกระหายหมดรูปหรือว่าเป็นเพียงความวาบหวามแบบอ่อนๆ
หากทำได้ครั้งหนึ่งก็นึกยินดี หรือนึกภูมิใจว่าตนแน่ ยิ่งพระที่ขึ้นชื่อว่าปลอดกิเลสเท่าไร ยิ่งอยากทำให้สนใจตนมากขึ้นเท่านั้น แต่หากปลูกฝังจิตสำนึกในทางละอายเอาไว้ก่อน ก็จะรู้สึกผิดรุนแรงที่ทำเรื่องไม่งาม ไม่สมควร หรือบางคนยั่วให้สนใจสำเร็จ เห็นพระทำตาหวานใส่ ก็พาน
เกลียดชัง พานสาปส่ง หมดความนับถือไปเลย ไม่เหลือเกียรติให้ต้องเคารพกันอีก และไม่คิดหวนกลับไปทำบุญที่วัดนั้นตลอดชีวิต นี่นับเป็นความขัดแย้งในตัวเองที่น่าปวดหัว
ที่กล่าวมาคือหญิงผู้มีสำนึกในธรรมแล้วนะครับ ตั้งใจจะเดินบนเส้นทางสีขาวแน่นอนแล้ว ยังเจอเรื่องมิติมืดภายในตนเล่นงานให้ย่ำแย่เข้าได้ แล้วผู้หญิงธรรมดา โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับการรับรู้ข่าวคาวๆฉาวๆของพระล่ะ?
เท่าที่ทราบแนวโน้มของสาวรุ่นใหม่ จะไม่มีความรู้สึกเกี่ยวกับเครื่องแบบที่เหมาะหรือไม่เหมาะกับเขตวัด ถ้าเพิ่งเข้าวัดใหม่ๆหรือนานๆเข้าวัดที จะนึกไม่ถึงว่าเสื้อยืดและกางเกงรัดรูปที่‘แต่งกันเป็นปกติ’ นั้น อาจมีความยั่วตายวนใจ และรบกวนตบะของพระสงฆ์ได้ง่ายๆ
แต่จะมีสาวอีกกลุ่มหนึ่ง ที่จงใจแต่งตัวหวือหวาขัดกับสถานที่ ให้เป็นที่สนใจของคนอื่น ไม่ว่าจะพระเณรหรือฆราวาสด้วยกัน เข้าหลักถ้าอยากเด่นต้องทำตัวให้ไม่มีใครเหมือน เขาหลิ่วตาเราอย่าหลิ่วตาม เขาแต่งขาวเราต้องแต่งดำ ผู้หญิงอื่นปกปิดเราต้องเปิดโปง
เอาเฉพาะเจตนาอันหนักแน่นข้อนี้นะครับ ถ้าแต่งตัวโป๊เพื่อล่อตาล่อใจเพศตรงข้ามในวัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งทำด้วยความภาคภูมิใจและไม่สำนึกผิดภายหลัง หญิงนั้นได้ชื่อว่าเพาะเชื้อแห่งความเป็นธิดาพญามารไว้ในตนแล้ว
การทำบุญสร้างความเป็นธิดาพญามารมีหลายระดับ ถ้าแจกแจงละเอียดยิบคงเป็นปึก ในที่นี้ขอแยกเป็นคร่าวๆให้เห็นภาพง่ายสุดคือ
๑) เมื่อถึงเวลาทำบุญ ก็ทำด้วยน้ำจิตเลื่อมใส ของที่นำมาถวายเป็นการจัดหาของตน หรือตั้งใจร่วมสวดหรือฟังเทศนาธรรมด้วยอาการสำรวม ก็เป็นบุญที่มีกำลังมาก หากเสน่ห์ที่นำมาโปรยในวัดมีกำลังอ่อน แค่ในระดับล่อตาล่อใจ ไม่ถึงขั้นรู้สึกว่าถ้าสึกพระได้ถือว่าเจ๋ง อย่างนี้มีวิบากเป็นกระแสดึงดูดใจ แต่เจือด้วยปัญหาร้อนใจในการคบเพื่อนต่างเพศ เพราะใครๆก็จ้องตาเป็นมัน และมักเข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ทางเพศเป็นหลัก แต่กว่าจะกอบโกยประโยชน์จากเนื้อหนังไปได้เต็มอิ่ม กว่าจะรู้สึกจืดชืด ก็เนิ่นนานแรมปี
เมื่อตายไป กำลังของบุญอาจเป็นแรงฉุดขึ้นสวรรค์ ถ้าจิตไม่ผูกพันกับการยั่วยวนคนในวัด ก็จะอยู่ในหมู่เทวดาที่เสวยบุญ รื่นเริงเช้าค่ำตามปกติ แต่หากจิตผูกพันกับการยั่วยวนคนในวัด ก็จะไปอยู่ในหมู่เทวดาฝ่ายมาร มีใจขวางผู้ปรารถนาความหลุดพ้น เห็นใครประพฤติพรหมจรรย์เก่งๆก็
อาจทุรนทุรายอยากลองของ เช่นลองมาเข้าฝันแสดงภาพงามวิจิตรล่อใจเสียหน่อย ดูซิว่าจะเผลอหลุดฟอร์มไหม พร่ำละเมอเพ้อพกถึงนางในฝันได้ไหม
๒) เมื่อถึงเวลาทำบุญ ใจก็ยังวอกแวก คอยสังเกตว่ามีใครมองตนไหม เมื่อร่วมสวดมนต์กับคนอื่นก็ไม่ตั้งใจ เมื่อฟังเทศนาธรรมก็ฟุ้งซ่านเรื่องแฟน อย่างนี้เป็นบุญที่มีกำลังอ่อน และเจืออยู่ด้วยราคะ หากเสน่ห์ที่นำมาโปรยในวัดมีกำลังกล้าแข็ง ถึงขั้นเห็นว่าถ้าสึกพระได้นับเป็นยอดหญิง อย่างนี้มีวิบากเป็นกระแสน่ารังเกียจ ไม่น่าเข้าใกล้ ไม่น่าจับต้อง ตัวไม่เหม็นแต่ก็เหมือนเหม็นอย่างไรบอกไม่ถูก ผู้ชายเข้ามาด้วยความหน้ามืดสถานเดียว และมักเป็นประเภทที่เสพสมครั้งเดียวแล้วเบื่อ
ทันที อยากทิ้งขว้างเหมือนกระดาษชำระที่ใช้แล้วทันที แทบไม่มีแก่ใจอยากแตะต้องต่อ เว้นแต่รอให้หน้ามืดอีกทีคราวหลัง
เมื่อตายไป กำลังของบาปมักรั้งลงต่ำถึงอบายภูมิ อาจไปเป็นเปรตจำพวกอสูร ยิ่งถ้าจิตผูกพันกับการยั่วยวนคนในวัด ก็จะอยู่ในเขตอสุรกายใจทราม ชอบเข้าฝันพระหรือชายดีๆ แสดงเป็นแต่ภาพลามกจกเปรต ล่อให้คิดถึงกามารมณ์ และมักเป็นกามารมณ์ที่ผิด หรือสถานเบาถ้ามี
วาสนาได้กลับมาเป็นมนุษย์ ก็อาจมีความต้องการทางเพศสูง อย่างที่เรียกกัน (แบบผิดความหมายเดิม) ว่าเป็นฮิสทีเรีย อยากมีอะไรกับผู้ชายไม่เลือกหน้า เป็นต้น
สิ่งที่ค่อนข้างแน่นอนคือถ้าผู้หญิงเข้าวัดโดยมีใจเจืออยู่ด้วยเรื่องทางเพศ หรือเรื่องเกี่ยวกับการดึงดูดใจชาย เกิดใหม่มักจะเป็นหญิงอีก และห่วงเรื่องความดึงดูดใจของตนเป็นที่หนึ่ง จะกระวนกระวายมากถ้ารู้สึกว่าตนเองขาดความดึงดูดใจ ไม่น่าชม ได้เงินเดือนมามักถมลงไปกับเรื่องความสวยความงามเป็นหลัก
ทางที่ดีที่สุด ถ้าเริ่มเข้าวัดด้วยใจที่สะอาด ไม่มีเจตนาให้พระมาเพ่งพิศตน จะปลอดภัยที่สุดครับ การแต่งกายปกปิดมิดชิดก็เป็นการสะท้อนถึงเจตนาอันดี ผมทราบว่าสุภาพสตรีหลายท่านมี‘ชุดปกติ’ รัดรูป ตอนเข้าวัดยากจะหา ‘ชุดปกปิด’ ได้เจอ อันนี้ขอแนะนำว่าหากทราบแน่ว่าต้องตามที่บ้านไปเข้าวัดประจำ ก็ควรหาซื้อ ‘ชุดพิเศษ’ มาเพื่อแสดงเจตนารมณ์อันดีในการเข้าวัดโดยเฉพาะครับ
ที่มา : เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ดังตฤณ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมือคืนนั้งสมาธิ อธิฐานจิตสมาธิว่า ขอให้บรรลุวิชาที่รู้ล่วงหน้าว่า สัตว์จะตายเมื่อใด
(ชาวบ้านคนไหนจะตายจะได้รู้ จะได้ไปโปรด)
แล้วนั้งไปๆได้ยินเสียง " ซันกะสึกซะ"
"ก็เลยย้อนกลับมาว่าตัวเอง "อยากเข้านิพพานไม่ใช่หรอ ทำไม่ถึงหาแต่เรืองต้องทำ ตัวเองรอดแล้วหรอจะไปช่วยคนอื่น
(ชาวบ้านคนไหนจะตายจะได้รู้ จะได้ไปโปรด)
แล้วนั้งไปๆได้ยินเสียง " ซันกะสึกซะ"
"ก็เลยย้อนกลับมาว่าตัวเอง "อยากเข้านิพพานไม่ใช่หรอ ทำไม่ถึงหาแต่เรืองต้องทำ ตัวเองรอดแล้วหรอจะไปช่วยคนอื่น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ฟังธรรมะของ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
ที่มีแต่คำพระพุทธเจ้าพูด ฟังแล้วเจ้าใจง่าย
นี่เป็นเพราะอะไรหนอ ?
จิตอีกดวง 1 ตอบว่า : เพราะเคยฟัง ธรรมะของครูบารอาจารย์ หลายท่านมาก่อน ก็คือเคยผ่านอรรถกถา มาก่อน
พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ ก็เหมือนกัน เคยผ่านอรรถกถามาก่อน ถึงเข้าใจหนังสือท่านพุทธทาส ที่คัดแยกเอาแต่คำพระพุทธเจ้าออกมา
# ขอบคุณ อรรถกถา คุณพ่อแม่ครูบารอาจารย์ทุกท่าน
ทุกคนที่คอยช่วยเหลือ ทั้งที่มองเห็นหรือไม่เห็น
ทำให้ฟังคำ พระพุทธเจ้าเข้าใจ
#โดยเฉพาะ โจโฉ ผู้เปิดตาคนแรก
ที่มีแต่คำพระพุทธเจ้าพูด ฟังแล้วเจ้าใจง่าย
นี่เป็นเพราะอะไรหนอ ?
จิตอีกดวง 1 ตอบว่า : เพราะเคยฟัง ธรรมะของครูบารอาจารย์ หลายท่านมาก่อน ก็คือเคยผ่านอรรถกถา มาก่อน
พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ ก็เหมือนกัน เคยผ่านอรรถกถามาก่อน ถึงเข้าใจหนังสือท่านพุทธทาส ที่คัดแยกเอาแต่คำพระพุทธเจ้าออกมา
# ขอบคุณ อรรถกถา คุณพ่อแม่ครูบารอาจารย์ทุกท่าน
ทุกคนที่คอยช่วยเหลือ ทั้งที่มองเห็นหรือไม่เห็น
ทำให้ฟังคำ พระพุทธเจ้าเข้าใจ
#โดยเฉพาะ โจโฉ ผู้เปิดตาคนแรก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
. มี.ค. 2015
[ส่วนตัว] บางทีมันเป็นเรื่องลึกลับๆ หลายครั้งที่มันเกิดขึ้นตอนทำสมาธิ ก็
ไม่อยากจะพูด เพราะคนเขาไม่เชื่อ เขาจะหาว่าบ้า..คิดไปเอง
เมื่อคืนวันก่อน นั้งสมาธิไป และอธิฐานจิตว่า ขอให้รู้ว่าใครจะตายเวลาไหน
จะได้ช่วยเขา ช่วงก่อนเขาจะหลุดไปภพอื่นช่วงจะเปลี่ยนภพภูมิ
แล้วก็นั้งไปๆ 5 ทุ่มกว่าละมั้งตอนนั้น แล้วมีเสียงแทรกเข้ามาทางมโนในจิตว่า
"ซันกะสึกซะซัน" (งั้นก็สึกซะเถอะ)
ได้ยินแล้วก็เลย ถอนสมาธิออกมา พิจารณาดู ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ?
คำตอบมันก็ปุ๊บขึ้นมาในหัวเลย ว่า..
*มาบวช บวชมา จะมาเอาวิชานั่นวิชานี่เอาฤทธิ์เอาเดชหรอ มัน
ใช่ทางไหมเนี่ยะ
*อ๋อ.... ถ้าอยากจะช่วยคนนัก ก็สึกไปซิ ไปเป็นฆราวาสจะได้คล่องแคล้ว ไม่
ต้องสำรวมอะไรเหมือนพระ
แล้วรู้เข้าใจธรรมะแค่ไหนแล้วจะไปสอน คนอื่น โดยเฉพาะผู้ใหญ่ หัวแข็ง
พวกที่มีมานะถือตัวถือตนคิดไปเองว่า ไม่ควรจะฟังคนที่ตำกว่า รู้น้อยกว่า
ที่เกิดมาทีหลังมันจะไปรู้อะไรมากว่ากู
**********************************
ก็เลยสรุปได้ว่า เป็นสียงครูบารอาจารย์ ที่ยังไม่เข้านิพพาน ที่คอย
ช่วยเฝ้าดูตลอด ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง ที่จะไปทางเสื่อม
มีน่ะ คนที่พอจะเข้านิพพานได้แล้ว แต่ยังไม่เข้า เพราะยังติดสัญญาสัจจะ
ต้องคอยช่วยโปรดคนที่พอจะช่วยได้ต่อ
จนหมดสัจจะสัญญา
[ส่วนตัว] บางทีมันเป็นเรื่องลึกลับๆ หลายครั้งที่มันเกิดขึ้นตอนทำสมาธิ ก็
ไม่อยากจะพูด เพราะคนเขาไม่เชื่อ เขาจะหาว่าบ้า..คิดไปเอง
เมื่อคืนวันก่อน นั้งสมาธิไป และอธิฐานจิตว่า ขอให้รู้ว่าใครจะตายเวลาไหน
จะได้ช่วยเขา ช่วงก่อนเขาจะหลุดไปภพอื่นช่วงจะเปลี่ยนภพภูมิ
แล้วก็นั้งไปๆ 5 ทุ่มกว่าละมั้งตอนนั้น แล้วมีเสียงแทรกเข้ามาทางมโนในจิตว่า
"ซันกะสึกซะซัน" (งั้นก็สึกซะเถอะ)
ได้ยินแล้วก็เลย ถอนสมาธิออกมา พิจารณาดู ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ?
คำตอบมันก็ปุ๊บขึ้นมาในหัวเลย ว่า..
*มาบวช บวชมา จะมาเอาวิชานั่นวิชานี่เอาฤทธิ์เอาเดชหรอ มัน
ใช่ทางไหมเนี่ยะ
*อ๋อ.... ถ้าอยากจะช่วยคนนัก ก็สึกไปซิ ไปเป็นฆราวาสจะได้คล่องแคล้ว ไม่
ต้องสำรวมอะไรเหมือนพระ
แล้วรู้เข้าใจธรรมะแค่ไหนแล้วจะไปสอน คนอื่น โดยเฉพาะผู้ใหญ่ หัวแข็ง
พวกที่มีมานะถือตัวถือตนคิดไปเองว่า ไม่ควรจะฟังคนที่ตำกว่า รู้น้อยกว่า
ที่เกิดมาทีหลังมันจะไปรู้อะไรมากว่ากู
**********************************
ก็เลยสรุปได้ว่า เป็นสียงครูบารอาจารย์ ที่ยังไม่เข้านิพพาน ที่คอย
ช่วยเฝ้าดูตลอด ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง ที่จะไปทางเสื่อม
มีน่ะ คนที่พอจะเข้านิพพานได้แล้ว แต่ยังไม่เข้า เพราะยังติดสัญญาสัจจะ
ต้องคอยช่วยโปรดคนที่พอจะช่วยได้ต่อ
จนหมดสัจจะสัญญา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
21 มี.ค. 2015
เรื่องสอนพ่อ สอนแม่
ทำอย่างไรให้พ่อเลิกเหล้าเลิกบุรี่ ให้แม่เลิกอบายมุข
"คือไม่ว่าเราจะออกแอ๊กชั่นยังไง จะซึ่งแค่ไหน หรือว่าจะดุเดือดแค่ไหน
คือผู้ใหญ่นะ (บางคน) ก็เห็นเราแค่เป็นเด็กที่เกิดมาทีหลังตัวเอง
และก็ไหลออกมาจากตัวเอง
ไม่ใช่ระดับเดียวกัน มันจะไปรู้อะไร มันไม่ใช่คนที่เกิดมาไล่เลี่ยกัน
ท่านไม่ทางให้เรามาบอกหรอก
ว่าท่านผิดอะไรยังไง ควรทำไม่ควรทำ
ฟังอยู่แต่ก็ไม่สนใจหรอก
มันต้องให้คนที่ท่านนับถือ มาบอก เช่น อาจจะเป็นพระที่ท่านนับถือ
ไปบอกไปสอนมันถึงจะมีผล
อันก็ลองพิจารณาดูน่ะ
จาก #Dungtrin
เรื่องสอนพ่อ สอนแม่
ทำอย่างไรให้พ่อเลิกเหล้าเลิกบุรี่ ให้แม่เลิกอบายมุข
"คือไม่ว่าเราจะออกแอ๊กชั่นยังไง จะซึ่งแค่ไหน หรือว่าจะดุเดือดแค่ไหน
คือผู้ใหญ่นะ (บางคน) ก็เห็นเราแค่เป็นเด็กที่เกิดมาทีหลังตัวเอง
และก็ไหลออกมาจากตัวเอง
ไม่ใช่ระดับเดียวกัน มันจะไปรู้อะไร มันไม่ใช่คนที่เกิดมาไล่เลี่ยกัน
ท่านไม่ทางให้เรามาบอกหรอก
ว่าท่านผิดอะไรยังไง ควรทำไม่ควรทำ
ฟังอยู่แต่ก็ไม่สนใจหรอก
มันต้องให้คนที่ท่านนับถือ มาบอก เช่น อาจจะเป็นพระที่ท่านนับถือ
ไปบอกไปสอนมันถึงจะมีผล
อันก็ลองพิจารณาดูน่ะ
จาก #Dungtrin
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
21 มี.ค. 2015
แม่คิดไม่ดี ! ลูกที่อยู่ในท้อง..รู้ไหม ?
ตอบ : รู้สิ เพราะ จิตลูกที่อยู่ในท้อง กับจิตของแม่ มันก็อยู่ในธาตุ ๔
ดินน้ำไฟลมก้อนเดียวกัน
ดินน้ำไฟลม ก็คือร่างกายของแม่ รวมทั้งทารกที่อยู่ในท้องด้วย จึงยังต้องเป็นก
้อนเดียวกันอยู่
ถ้าแม่คลอดแล้ว ก็จะเป็นธาตุ ๔ ดินน้ำไฟลมคนละก้อน เป็น 2 ก้อน
*แม่ก้อน 1 *ลูกก้อน 1
ไม่ว่าแม่จะคิดอะไร ลูกที่อยู่ในท้องรู้หมด
เพียงแต่พูดยังไม่ได้ คุณแม่ควรอ่านหนังสือธรรมะและ
คิดแต่เรื่องดีๆเพราะเป็นการสอนจิตลูกไปด้วยต้อนนั้น และพยายามทำจิตใจ
ให้พ่องใส
ไม่เคร่งเครียดมาก
เด็กโตมาจากการที่แม่สอนมาตั้งแต่ในท้อง
มันจะออกมา D หรือ ออกมา เลว ???
อันนี้ลองพิจารณาดู
# dungtrin
แม่คิดไม่ดี ! ลูกที่อยู่ในท้อง..รู้ไหม ?
ตอบ : รู้สิ เพราะ จิตลูกที่อยู่ในท้อง กับจิตของแม่ มันก็อยู่ในธาตุ ๔
ดินน้ำไฟลมก้อนเดียวกัน
ดินน้ำไฟลม ก็คือร่างกายของแม่ รวมทั้งทารกที่อยู่ในท้องด้วย จึงยังต้องเป็นก
้อนเดียวกันอยู่
ถ้าแม่คลอดแล้ว ก็จะเป็นธาตุ ๔ ดินน้ำไฟลมคนละก้อน เป็น 2 ก้อน
*แม่ก้อน 1 *ลูกก้อน 1
ไม่ว่าแม่จะคิดอะไร ลูกที่อยู่ในท้องรู้หมด
เพียงแต่พูดยังไม่ได้ คุณแม่ควรอ่านหนังสือธรรมะและ
คิดแต่เรื่องดีๆเพราะเป็นการสอนจิตลูกไปด้วยต้อนนั้น และพยายามทำจิตใจ
ให้พ่องใส
ไม่เคร่งเครียดมาก
เด็กโตมาจากการที่แม่สอนมาตั้งแต่ในท้อง
มันจะออกมา D หรือ ออกมา เลว ???
อันนี้ลองพิจารณาดู
# dungtrin
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไขปัญหาธรรม กับ โยมพ่อ
ถาม : โยมพ่อ ถ้าจิตใจคนมันดีอยู่แล้ว มันเป็นคนดีอยู่แล้ว ชอบเข้าวัดทำบุญ เป็นคนที่จิตใจดีบริสุทธิ์
ขอพูดรวบลัดน่ะโยมพ่อ
ที่นี้ถ้าตายไป..... ตายไปแล้วไปเกิดบนเทวาโลก
แล้วที่นี้ตายจากเทวาโลก มาเกิดบนโลกมนุษย์ เขาจะกล้าทำบาป มีความกล้าที่จะทำปาบได้ไหม
โยมพ่อตอบ : ได้... เพราะอะไรรู้ไหมลูกพระ
เพราะเขาเข้ามาอาศัย ธาตุ ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม ของพญามาร
โลกทั้งโลกเป็นของพญามารหมด ความใคร่ในกามคุณ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวะตัณหา ความใคร่ในเพศ ในอุปาทาน
ทั้งหมดทั้งมวลกิเลสมากกว่านี้อีก
ถ้าใครก็ตามมาเกิดบนโลกใบนี้ หรือมาอาศัยในโลกนี้ รวมทั้งสัตว์ ทั้งอสูร เปตร ผี เทวดาชั้นต่ำ เจ้าแม่นั่น เจ้าพ่อนี่ ล้วนมีโอกาศทำบาปหมด
แต่ไม่ใช่แค่มีโอกาสทำแต่บาปอย่างเดียว โอกาสทำบุญก็มี คนอยู่ที่ต่ำจะขึ้นภูเขาสูงก็ได้ คนอยู่สูงจะลงต่ำก็ได้ จะอยู่ตรงกลางก็ได้
คือไม่เดินลงไม่เดินขึ้น
(ไม่นับพระอรหันต์น่ะเพราะท่านพ้นแล้ว)
อย่างเช่นน่ะ
ถาม : โยมพ่อ ถ้าจิตใจคนมันดีอยู่แล้ว มันเป็นคนดีอยู่แล้ว ชอบเข้าวัดทำบุญ เป็นคนที่จิตใจดีบริสุทธิ์
ขอพูดรวบลัดน่ะโยมพ่อ
ที่นี้ถ้าตายไป..... ตายไปแล้วไปเกิดบนเทวาโลก
แล้วที่นี้ตายจากเทวาโลก มาเกิดบนโลกมนุษย์ เขาจะกล้าทำบาป มีความกล้าที่จะทำปาบได้ไหม
โยมพ่อตอบ : ได้... เพราะอะไรรู้ไหมลูกพระ
เพราะเขาเข้ามาอาศัย ธาตุ ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม ของพญามาร
โลกทั้งโลกเป็นของพญามารหมด ความใคร่ในกามคุณ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวะตัณหา ความใคร่ในเพศ ในอุปาทาน
ทั้งหมดทั้งมวลกิเลสมากกว่านี้อีก
ถ้าใครก็ตามมาเกิดบนโลกใบนี้ หรือมาอาศัยในโลกนี้ รวมทั้งสัตว์ ทั้งอสูร เปตร ผี เทวดาชั้นต่ำ เจ้าแม่นั่น เจ้าพ่อนี่ ล้วนมีโอกาศทำบาปหมด
แต่ไม่ใช่แค่มีโอกาสทำแต่บาปอย่างเดียว โอกาสทำบุญก็มี คนอยู่ที่ต่ำจะขึ้นภูเขาสูงก็ได้ คนอยู่สูงจะลงต่ำก็ได้ จะอยู่ตรงกลางก็ได้
คือไม่เดินลงไม่เดินขึ้น
(ไม่นับพระอรหันต์น่ะเพราะท่านพ้นแล้ว)
อย่างเช่นน่ะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ปัญหาธรรม กับโยมพ่อ
ถาม : โยมพ่อ ถ้าคนดีอยู่แล้ว เป็นคนที่จิตใจดีอยู่แล้ว ไม่ชอบทำบาปเลย เป็นคนที่จิตใจบริสุทธิ์ชอบเขาวัดทำบุญ
ถามรวบลัดน่ะโยมพ่อ
แล้วที่นี่ตาย ตายไปแล้วไปเกิดบนเทวาโลก
ตายจากเทวาโลกมาเกิดเป็นมนุษย์
เขาจะมีความคิดที่จะทำอกุศลบาปได้ไหม หรือไม่กล้าทำบาป หรือกล้าครึ่งไม่กล้าครึ่ง
โยมพ่อ : ทำบาปได้ เพราะอะไรรู้ไหมลูกพระ
เพราะโลกใบนี้เป็น ธาตุ ๔ ดินน้ำไฟลม
เป็นของพญามารหมด ความใคร่ในกามตัณหา ภวะตัณหา วิภวะตัณหา ใคร่ในเพศ ยึดอุปาทาน
ทั้งหมดทั้งมวลของกิเลสมากกว่านี้อีก
ไม่ว่าใครจะเคลื่อนมาจากภพไหน
มาเกิดในโลกใบนี้
จะเป็นพรหม เทวดา สัตว์เดรัจฉาน เปตร อสูร สัตว์นรก เจ้าแม่นั่น เจ้าพ่อนี้ ปู่นั่นปู่นี่
ล้วนมีโอกาสทำบาปได้หมด ไม่ใช่แค่บาปนะบุญก็มีโอกาสทำ
เพราะเป็นสถานที่เก็บกรรมขาวบุญได้ดี
เพราะเป็นสถานที่เก็บกรรมดำบาปได้ดี
และเป็นสถานที่เอากรรมดำกรรมขาว ออกจากตัว เบาเข้านิพพานไปเลย
อยู่ต่ำจะเดินขึ้นภูเขาสูงก็ได้
อยู่สูงจะเดินลงต่ำก็ได้
อยู่ตรงกลางไม่เดินขึ้นไม่เดินลงก็ได้
(ไม่นับพระอรหันต์ เพราะท่านพ้นแล้ว)
ถ้าเราเป็นคนอยู่ เหมือนเป็นอยู่ตอนนี่
ตายไป ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็น งู เป็น ไก่ เป็น หมา เป็น เสือ
ก็ต้องเป็นแบบเขาตามสัญชาติญาณ เป็นงูก็ต้องกัด เป็นไก่ก็ต้องเขี่ยหากินสัตว์ เป็นหมาก็ต้องเห่าต้องหร กัดกัน เป็นเสื่อก็ต้องล่าเหยื่อ
เราได้อัตภาพใด จิตก็จะพยายามหัดใช้อัตภาพนั้น
กลายเป็นว่าไปยึดถือ
ไม่เหมือนมนุษย์ปล่อยวางได้
แต่จิตที่ครองขันธ์ มันจะเป็นไปตามเหตุเก่าอุปนิสัยเก่าของมัน
แต่ไม่เป็นไปแบบนั้น 100% น่ะ
เพราะส่วนหนึ่ง ธาตุ ๔ มันจะดึงจิตไป
เช่นเทวดา เมื่อก่อนได้อัตภาพร่างทิพย์ อยากกินอะไรก็กินได้ มีฤทธิ์
พอตายมาเกิดเป็นคน หิ้วข้าว หิ้วน้ำ
อะไรเป็นตัวหิว ? ธาตุ ๔ เป็นตัวพาหิว
ก็เลยไปดึงไปฟ้องบอกจิตใจ
ที่นี้ก็เลยจะมีการทำวิบากกรรมขึ้นมา
ไปหาสัตว์สิ่งมีชีวิต หาปลา หากิ่งกา หากบ
มาฆ่าเป็นอาหารเลี้ยง ธาตุ ๔
ไอ้เราไม่ได้เป็นคนกินเลย
แต่ธาตุ ๔ มันเป็นคนได้รับเต็มๆเลยอาหาร
ที่กินเขาไป
และมันยังแถมบาปทิ้งไว้ให้เราด้วย
คิดดู ธาตุ ๔ มันทำกับเรา หรือเราทำกับมัน
ใครก็เหมือนกันเกิดมา ใช้มันทำบาปหมด
แต่ก็มีคนใช้ ธาตุ ๔ เป็น ใช้มันทำบุญ
ไม่ว่าใครก็ตามเกิดมาในโลกใบนี้
ต้องทำทั้งบุญและบาป แม้แต่พระองค์ ช่วงก่อนจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ถาม : โยมพ่อ ถ้าคนดีอยู่แล้ว เป็นคนที่จิตใจดีอยู่แล้ว ไม่ชอบทำบาปเลย เป็นคนที่จิตใจบริสุทธิ์ชอบเขาวัดทำบุญ
ถามรวบลัดน่ะโยมพ่อ
แล้วที่นี่ตาย ตายไปแล้วไปเกิดบนเทวาโลก
ตายจากเทวาโลกมาเกิดเป็นมนุษย์
เขาจะมีความคิดที่จะทำอกุศลบาปได้ไหม หรือไม่กล้าทำบาป หรือกล้าครึ่งไม่กล้าครึ่ง
โยมพ่อ : ทำบาปได้ เพราะอะไรรู้ไหมลูกพระ
เพราะโลกใบนี้เป็น ธาตุ ๔ ดินน้ำไฟลม
เป็นของพญามารหมด ความใคร่ในกามตัณหา ภวะตัณหา วิภวะตัณหา ใคร่ในเพศ ยึดอุปาทาน
ทั้งหมดทั้งมวลของกิเลสมากกว่านี้อีก
ไม่ว่าใครจะเคลื่อนมาจากภพไหน
มาเกิดในโลกใบนี้
จะเป็นพรหม เทวดา สัตว์เดรัจฉาน เปตร อสูร สัตว์นรก เจ้าแม่นั่น เจ้าพ่อนี้ ปู่นั่นปู่นี่
ล้วนมีโอกาสทำบาปได้หมด ไม่ใช่แค่บาปนะบุญก็มีโอกาสทำ
เพราะเป็นสถานที่เก็บกรรมขาวบุญได้ดี
เพราะเป็นสถานที่เก็บกรรมดำบาปได้ดี
และเป็นสถานที่เอากรรมดำกรรมขาว ออกจากตัว เบาเข้านิพพานไปเลย
อยู่ต่ำจะเดินขึ้นภูเขาสูงก็ได้
อยู่สูงจะเดินลงต่ำก็ได้
อยู่ตรงกลางไม่เดินขึ้นไม่เดินลงก็ได้
(ไม่นับพระอรหันต์ เพราะท่านพ้นแล้ว)
ถ้าเราเป็นคนอยู่ เหมือนเป็นอยู่ตอนนี่
ตายไป ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็น งู เป็น ไก่ เป็น หมา เป็น เสือ
ก็ต้องเป็นแบบเขาตามสัญชาติญาณ เป็นงูก็ต้องกัด เป็นไก่ก็ต้องเขี่ยหากินสัตว์ เป็นหมาก็ต้องเห่าต้องหร กัดกัน เป็นเสื่อก็ต้องล่าเหยื่อ
เราได้อัตภาพใด จิตก็จะพยายามหัดใช้อัตภาพนั้น
กลายเป็นว่าไปยึดถือ
ไม่เหมือนมนุษย์ปล่อยวางได้
แต่จิตที่ครองขันธ์ มันจะเป็นไปตามเหตุเก่าอุปนิสัยเก่าของมัน
แต่ไม่เป็นไปแบบนั้น 100% น่ะ
เพราะส่วนหนึ่ง ธาตุ ๔ มันจะดึงจิตไป
เช่นเทวดา เมื่อก่อนได้อัตภาพร่างทิพย์ อยากกินอะไรก็กินได้ มีฤทธิ์
พอตายมาเกิดเป็นคน หิ้วข้าว หิ้วน้ำ
อะไรเป็นตัวหิว ? ธาตุ ๔ เป็นตัวพาหิว
ก็เลยไปดึงไปฟ้องบอกจิตใจ
ที่นี้ก็เลยจะมีการทำวิบากกรรมขึ้นมา
ไปหาสัตว์สิ่งมีชีวิต หาปลา หากิ่งกา หากบ
มาฆ่าเป็นอาหารเลี้ยง ธาตุ ๔
ไอ้เราไม่ได้เป็นคนกินเลย
แต่ธาตุ ๔ มันเป็นคนได้รับเต็มๆเลยอาหาร
ที่กินเขาไป
และมันยังแถมบาปทิ้งไว้ให้เราด้วย
คิดดู ธาตุ ๔ มันทำกับเรา หรือเราทำกับมัน
ใครก็เหมือนกันเกิดมา ใช้มันทำบาปหมด
แต่ก็มีคนใช้ ธาตุ ๔ เป็น ใช้มันทำบุญ
ไม่ว่าใครก็ตามเกิดมาในโลกใบนี้
ต้องทำทั้งบุญและบาป แม้แต่พระองค์ ช่วงก่อนจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพื่อนสมัยเรียนที่ ชื่อ " รังสรรค์ " เมื่อไร่จะตามมาหน่อ
ไอ้แฟนเฟินอะไรนั่น อย่าไปฝืนอย่าไปรักกับมัน มันผิดทางเดิมของจิตใจตัวเอง
จะรักใครก็ตามถ้ารักแบบนี้ ไม่มีทางสมหวังมันไม่ใช่อุปนิสัยเก่าตัวเอง
จิตมันจะค่อยต่อต้านเป็นระยะตลอด มันจะลำคาญเรื่อผู้หญิง
ก็คือคนแบบนี้เคยฝึกมาแล้วแต่ชาติหนหลัง
ไอ้แฟนเฟินอะไรนั่น อย่าไปฝืนอย่าไปรักกับมัน มันผิดทางเดิมของจิตใจตัวเอง
จะรักใครก็ตามถ้ารักแบบนี้ ไม่มีทางสมหวังมันไม่ใช่อุปนิสัยเก่าตัวเอง
จิตมันจะค่อยต่อต้านเป็นระยะตลอด มันจะลำคาญเรื่อผู้หญิง
ก็คือคนแบบนี้เคยฝึกมาแล้วแต่ชาติหนหลัง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กำลังเดินทางกลับวัด สถานะ : คนครบ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึกสงสาร
7 เม.ย. 2015
ทำไมต้องปฏิบัติธรรม ชีวิตก็ดีอยู่แล้ว มีเงินมีทอง มีรถมีบ้าน มีครบหมดล่ะ
ไปเป็นเทวดาหรือพรหม ก็ตายเรียบหมด
เทวดาที่ตายจะได้เกิดเป็นเทวดาต่ออีก
หรือได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ มีเท่ากับเศษดินปลายเล็บเทียบกับดินทั้งโลก นอก
นั้นไหลลง อบายภูมิ หรือทุคติภูมิหมด ประกอบไปด้วย ๔ ภพภูมิย่อย คือ
๑. นรกภูมิ
๒. เปรตภูมิ
๓. อสุรกายภูมิ
๔. ดิรัจฉานภูมิ
(แล้วเราคิดว่า "เรา"
จะได้อยู่ในกลุ่มเศษดินปลายเล็บหรือไม่)?
ทำไมต้องปฏิบัติธรรม ชีวิตก็ดีอยู่แล้ว มีเงินมีทอง มีรถมีบ้าน มีครบหมดล่ะ
ไปเป็นเทวดาหรือพรหม ก็ตายเรียบหมด
เทวดาที่ตายจะได้เกิดเป็นเทวดาต่ออีก
หรือได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ มีเท่ากับเศษดินปลายเล็บเทียบกับดินทั้งโลก นอก
นั้นไหลลง อบายภูมิ หรือทุคติภูมิหมด ประกอบไปด้วย ๔ ภพภูมิย่อย คือ
๑. นรกภูมิ
๒. เปรตภูมิ
๓. อสุรกายภูมิ
๔. ดิรัจฉานภูมิ
(แล้วเราคิดว่า "เรา"
จะได้อยู่ในกลุ่มเศษดินปลายเล็บหรือไม่)?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เราเคยเลี้ยงหมา หรือ เลี้ยงแมว ไหม?
เราเคยไหม เลี้ยงไปเลี้ยงมา แล้วรู้สึกผูกพันธ์กับสัตว์เลี้ยง
แล้วเคยคิดไหม ว่าจะช่วยสงเคราะห์เขาให้ไปเกิดภพภูมิที่ด
ี
แล้วเราจะช่วยสัตว์เลี้ยงเราให้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีได้อย่างไร
มีใครรู้บ้าง ? มีใครรู้บ้างไหมเอ่ย???
เราเคยไหม เลี้ยงไปเลี้ยงมา แล้วรู้สึกผูกพันธ์กับสัตว์เลี้ยง
แล้วเคยคิดไหม ว่าจะช่วยสงเคราะห์เขาให้ไปเกิดภพภูมิที่ด
ี
แล้วเราจะช่วยสัตว์เลี้ยงเราให้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีได้อย่างไร
มีใครรู้บ้าง ? มีใครรู้บ้างไหมเอ่ย???
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.เม.ย. 2015
ชีวิตมาถูกทางแล้วหนอๆๆ
สว่างแล้วหนอๆๆ
ไอ้เราก็โง่เอามือปิดตาไว้ตั้งนาน..
กว่าจะคลายนิ้วมือทีละนิ้วๆ
เปิดตาออกมาได้
ต้องผ่านกิเลสหลายด่านเหมือนกัน
ขันธ์ ๕ อวิชาไม่ใช่เราน่ะ
มันจะชอบขุดเอาเรื่องที่เป็นทุกข์ขึ้นมา หลอกเรา เผาใจเรา ทำให้รู้สึกร้อน
ใจ
เมื่อรู้ว่าจิตใจร้อนขึ้นๆวางมันทันที ก็คือให้กลับมารู้ลมหายใจ้เขาออกน่ะ
หรือ
"ให้ดูมัน โดยอยู่คนละฝั่งกับเราน่ะ"
# ธรรมะขั้นปัญญาดับทุกข
ชีวิตมาถูกทางแล้วหนอๆๆ
สว่างแล้วหนอๆๆ
ไอ้เราก็โง่เอามือปิดตาไว้ตั้งนาน..
กว่าจะคลายนิ้วมือทีละนิ้วๆ
เปิดตาออกมาได้
ต้องผ่านกิเลสหลายด่านเหมือนกัน
ขันธ์ ๕ อวิชาไม่ใช่เราน่ะ
มันจะชอบขุดเอาเรื่องที่เป็นทุกข์ขึ้นมา หลอกเรา เผาใจเรา ทำให้รู้สึกร้อน
ใจ
เมื่อรู้ว่าจิตใจร้อนขึ้นๆวางมันทันที ก็คือให้กลับมารู้ลมหายใจ้เขาออกน่ะ
หรือ
"ให้ดูมัน โดยอยู่คนละฝั่งกับเราน่ะ"
# ธรรมะขั้นปัญญาดับทุกข
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ด้อ
8 เม.ย. 2015
วันนี้ไปธุระ อำนาจเจริญ แต่มีเหตุบังเอิญให้ต้องเข้าไป ในโรงพญาบาล
ก็เลยเกิดความสงสารผู้ป่วยขึ้นมา
อ๊ะมาทั้งทีครูบารอาจารย์ก็สั่งงานแล้ว
คือไปแสดงธรรมให้ผู้ป่วยฟัง..
เรื่อง ทาน ศีล สมาธิ = ปัญญา
และก็สอนให้เขา ปฏิบัติธรรมบนเตียง
สอนเรื่องเวียนว่ายตายเกิด
เรื่องก่อนตายวางจิตยังไง
เรื่องกายละเอียดกายทิพย์ที่มันซ้อนอยู่ในร่างกายเนื้อนี้ ต้องทำอย่างไรกั
บมันดี
หลังจากแสดงธรรมแล้ว
จากที่ดูแววตาเศร้าๆเหมือนหมดหวัง
คงจะไม่หายแล้ว ตายแน่ๆ
กลับมีแววตาเบิกบานเปลี่ยนมาทาง
อยากจะปฏิบัติธรรมบนเตียง
ในขณะที่ป่วยอยู่อย่างนี้
เราก็อืม..อนุโมทนาสาธุนำ
และเดินขึ้นไปชั้น2ต่อ แต่ประตูล๊อค เลยไม่ได้เข้า มีกลุ่มญาติผู้ป่วยหลายคน
อยู่หน้าลิฟ และถามเรา คงจะรู้ว่าพระมาเยี่ยมผู้ป่วยต้องมีความรู้อะไรดีๆแน่
ก็ถามเรา ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว คือแม่โต้ตอบอะไรไม่ได้ไม่รู้อะไรเลย พูดไม่ได้
ขยับไม่ได้ ลืมตาไม่ได้ จะทำยังไงดีค่ะ คงจะอยู่ได้ไม่นาน
เราก็บอกเขา ฟังน่ะ
คนเราถึงจะป่วย แต่ก็ป่วยแต่ร่างกายน่ะ
ที่โยมบอกว่าไม่รู้สึกตัวก็เป็นส่วนกาย
เนื้อ ส่วนจิตมันตื่นน่ะ พูดอะไรให้ฟังรู้หมดเขาหมด
และคนที่ยังไม่ตายนั้นยังต้อง
เกี่ยวพันธ์กับร่างกายอยู่
ถึงจิตจะไปเที่ยวที่อื่นแล้วก็ตาม จะไปเที่ยวเห็นเพื่อนวิญญาณพวกที่
ตายไปก่อนแล้วก็ตาม
ให้เราก็พยายามดึงเขามาร่างบ่อยๆ ให้เขามาตายในร่างกายพอ
เขาใจไหม
เขาก็ฟังอย่างตั้งใจ
ทำอย่างงี้น่ะ ให้พูดใส่หูเขาเลยบอกเขา เรียกชื่อเขา เรียกหลายๆที
แม่จะเปลี่ยนภพภูมิแล้วน่ะ
ให้มาอยู่ในร่างกายก่อน ทนก่อน อย่าเพิ่งออกไป
แล้วบอกเขามีสติรู้ลมหายใจ เข้าออก ของกาย
รู้เหตุการณ์ปัจจุบันในจิตตัวเอง
พอเข้าใจไหม
บางคนจิตออกจากร่างไปแล้ว
แต่กลับมาเข้าร่างได้ เพราะเข็มฉีดยาเข็มเดียวก็มี
ร่างกายธาต4ที่ยังไม่พัง100%มันเหมือนเป็นแม่เหล็กคอยดูดจิตให้เข้าร่าง
แต่มีแรงดูดไม่มาก
พอเข้าใจไหม
เขาก็รีบเข้าไปอย่างรีบสุดๆ
ี
แล้วประตูก็เปิดเราก็ไปที่อื่นต่อ
( ส่วนอานิสงค์นั้น ไม่ได้บอกเขา
เขาเห็นศพแล้วเขาจะรู้เอง
ถึงกับต้องแปลกใจแน่ๆ
การตายเพราะถ้าตายในร่าง ผิวพรรณจะผ่องใส่
เหมือนเป็นหนุ่มเป็นสาว)
เป็นโอกาสทองมากเลย ของคนตาย ที่จะได้รู้ความจริง.
8 เม.ย. 2015
วันนี้ไปธุระ อำนาจเจริญ แต่มีเหตุบังเอิญให้ต้องเข้าไป ในโรงพญาบาล
ก็เลยเกิดความสงสารผู้ป่วยขึ้นมา
อ๊ะมาทั้งทีครูบารอาจารย์ก็สั่งงานแล้ว
คือไปแสดงธรรมให้ผู้ป่วยฟัง..
เรื่อง ทาน ศีล สมาธิ = ปัญญา
และก็สอนให้เขา ปฏิบัติธรรมบนเตียง
สอนเรื่องเวียนว่ายตายเกิด
เรื่องก่อนตายวางจิตยังไง
เรื่องกายละเอียดกายทิพย์ที่มันซ้อนอยู่ในร่างกายเนื้อนี้ ต้องทำอย่างไรกั
บมันดี
หลังจากแสดงธรรมแล้ว
จากที่ดูแววตาเศร้าๆเหมือนหมดหวัง
คงจะไม่หายแล้ว ตายแน่ๆ
กลับมีแววตาเบิกบานเปลี่ยนมาทาง
อยากจะปฏิบัติธรรมบนเตียง
ในขณะที่ป่วยอยู่อย่างนี้
เราก็อืม..อนุโมทนาสาธุนำ
และเดินขึ้นไปชั้น2ต่อ แต่ประตูล๊อค เลยไม่ได้เข้า มีกลุ่มญาติผู้ป่วยหลายคน
อยู่หน้าลิฟ และถามเรา คงจะรู้ว่าพระมาเยี่ยมผู้ป่วยต้องมีความรู้อะไรดีๆแน่
ก็ถามเรา ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว คือแม่โต้ตอบอะไรไม่ได้ไม่รู้อะไรเลย พูดไม่ได้
ขยับไม่ได้ ลืมตาไม่ได้ จะทำยังไงดีค่ะ คงจะอยู่ได้ไม่นาน
เราก็บอกเขา ฟังน่ะ
คนเราถึงจะป่วย แต่ก็ป่วยแต่ร่างกายน่ะ
ที่โยมบอกว่าไม่รู้สึกตัวก็เป็นส่วนกาย
เนื้อ ส่วนจิตมันตื่นน่ะ พูดอะไรให้ฟังรู้หมดเขาหมด
และคนที่ยังไม่ตายนั้นยังต้อง
เกี่ยวพันธ์กับร่างกายอยู่
ถึงจิตจะไปเที่ยวที่อื่นแล้วก็ตาม จะไปเที่ยวเห็นเพื่อนวิญญาณพวกที่
ตายไปก่อนแล้วก็ตาม
ให้เราก็พยายามดึงเขามาร่างบ่อยๆ ให้เขามาตายในร่างกายพอ
เขาใจไหม
เขาก็ฟังอย่างตั้งใจ
ทำอย่างงี้น่ะ ให้พูดใส่หูเขาเลยบอกเขา เรียกชื่อเขา เรียกหลายๆที
แม่จะเปลี่ยนภพภูมิแล้วน่ะ
ให้มาอยู่ในร่างกายก่อน ทนก่อน อย่าเพิ่งออกไป
แล้วบอกเขามีสติรู้ลมหายใจ เข้าออก ของกาย
รู้เหตุการณ์ปัจจุบันในจิตตัวเอง
พอเข้าใจไหม
บางคนจิตออกจากร่างไปแล้ว
แต่กลับมาเข้าร่างได้ เพราะเข็มฉีดยาเข็มเดียวก็มี
ร่างกายธาต4ที่ยังไม่พัง100%มันเหมือนเป็นแม่เหล็กคอยดูดจิตให้เข้าร่าง
แต่มีแรงดูดไม่มาก
พอเข้าใจไหม
เขาก็รีบเข้าไปอย่างรีบสุดๆ
ี
แล้วประตูก็เปิดเราก็ไปที่อื่นต่อ
( ส่วนอานิสงค์นั้น ไม่ได้บอกเขา
เขาเห็นศพแล้วเขาจะรู้เอง
ถึงกับต้องแปลกใจแน่ๆ
การตายเพราะถ้าตายในร่าง ผิวพรรณจะผ่องใส่
เหมือนเป็นหนุ่มเป็นสาว)
เป็นโอกาสทองมากเลย ของคนตาย ที่จะได้รู้ความจริง.
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เรายืนอยู่หรือนั้งอยู่ตอนนี้
มันเป็นสถานที่เดียวกัน
กับสิ่งที่คุณมองไม่เห็นอยู่มากมาย อยู่ตรงนี้เหมือนกัน แต่เป็นต่างมิติกัน ทำ
ให้ชนกันไม่เป็นไร
บางทีจิตเรามันว่าง เป็นสมาธิโดยไม่ได้ตั้งตัวตั้งใจไม่รู้ตัว มันจะเป็นหูทิพย
์แวบหนึ่งจะเป็นบางคน
ได้ยินเสียง จากมิติอื่น
จนนึกว่าผีมาหลอกอยู่ข้างๆหู
ถ้าจะให้ว่าผีมาหลอก เขาหลอกเราอยู่ตลอดเวลาน่ะ
แต่เราไปเลือกกลัว ตอนกลางคืน
กลางวันนี่ไม่กลัวเลย
พวกนี้เป็นกายละเอียดๆ เขาเห็นเราหมด เราจะทำกิจวัตรป
ระจำวันอะไรต่างๆ
เขามองเห็นนะ
ในวัดนี่ยิ่งเยอะ และในป่าช้าก็เยอะ เทวดาก็เยอะ
มนุษย์เป็น (กายเนื้อหรือกายหยาบ)
สัตว์เดรัจฉาน หมา (เป็นกายหยาบ)
ผี หรือเปรต (เป็นกลายละเอียด)
เทวดา (กายละเอียดมาก จนให้ชื่อว่ากายทิพย์)
กายที่อยู่ใน(วงเล็บ) มีอยู่ในตัวเราทั้งหมด
ฉะนั้นพวกที่ทำบาปแล้วคิดว่า
คงไม่มีใครเห็นแน่นอน. ก็คิดผิด
และคนทำดีคิดว่าคงไม่มีใครเห็นก็คิดผิด
ไม่ว่าเราทำดีทำชัว มีกายละเอียดต่างมิติรับรู้การกระทำ แม้แต่
ความคิดก็รู้
# ความลับไม่มีในโลก...
มันเป็นสถานที่เดียวกัน
กับสิ่งที่คุณมองไม่เห็นอยู่มากมาย อยู่ตรงนี้เหมือนกัน แต่เป็นต่างมิติกัน ทำ
ให้ชนกันไม่เป็นไร
บางทีจิตเรามันว่าง เป็นสมาธิโดยไม่ได้ตั้งตัวตั้งใจไม่รู้ตัว มันจะเป็นหูทิพย
์แวบหนึ่งจะเป็นบางคน
ได้ยินเสียง จากมิติอื่น
จนนึกว่าผีมาหลอกอยู่ข้างๆหู
ถ้าจะให้ว่าผีมาหลอก เขาหลอกเราอยู่ตลอดเวลาน่ะ
แต่เราไปเลือกกลัว ตอนกลางคืน
กลางวันนี่ไม่กลัวเลย
พวกนี้เป็นกายละเอียดๆ เขาเห็นเราหมด เราจะทำกิจวัตรป
ระจำวันอะไรต่างๆ
เขามองเห็นนะ
ในวัดนี่ยิ่งเยอะ และในป่าช้าก็เยอะ เทวดาก็เยอะ
มนุษย์เป็น (กายเนื้อหรือกายหยาบ)
สัตว์เดรัจฉาน หมา (เป็นกายหยาบ)
ผี หรือเปรต (เป็นกลายละเอียด)
เทวดา (กายละเอียดมาก จนให้ชื่อว่ากายทิพย์)
กายที่อยู่ใน(วงเล็บ) มีอยู่ในตัวเราทั้งหมด
ฉะนั้นพวกที่ทำบาปแล้วคิดว่า
คงไม่มีใครเห็นแน่นอน. ก็คิดผิด
และคนทำดีคิดว่าคงไม่มีใครเห็นก็คิดผิด
ไม่ว่าเราทำดีทำชัว มีกายละเอียดต่างมิติรับรู้การกระทำ แม้แต่
ความคิดก็รู้
# ความลับไม่มีในโลก...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทานอะไรได้บุญเยอะที่สุด
อุเบกขาญาณ....อภัยทาน.....
ได้บุญเยอะกว่าเอาเงินไปสร้างวัด จองต้นเสา จองพระประธาน จองกำแพง
จองหลังคา จองพื้น จองกุฏิ จองซาลา
อุเบกขาญาณ คือ การวางเฉยต่ออารมณ์ต่างๆที่มากระทบ
ทางหู ทางตา ทางลิ้น ทางจมูก ทางกาย ทางใจ
อภัยทาน คือ การให้อภัยไม่ถือโทษถือโกรธไม่อาฆาตแค้น
ไม่ตามไปเอาคืน และให้สงสารเขาที่เขาแทน ที่กำลังสะสมอกุศล(อบุญ)
อุเบกขาญาณ....อภัยทาน.....
ได้บุญเยอะกว่าเอาเงินไปสร้างวัด จองต้นเสา จองพระประธาน จองกำแพง
จองหลังคา จองพื้น จองกุฏิ จองซาลา
อุเบกขาญาณ คือ การวางเฉยต่ออารมณ์ต่างๆที่มากระทบ
ทางหู ทางตา ทางลิ้น ทางจมูก ทางกาย ทางใจ
อภัยทาน คือ การให้อภัยไม่ถือโทษถือโกรธไม่อาฆาตแค้น
ไม่ตามไปเอาคืน และให้สงสารเขาที่เขาแทน ที่กำลังสะสมอกุศล(อบุญ)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนที่ไป"นิพพาน" ไม่ได้ ติดอะไรบ้าง
ติด มนุษย์ ห่ว
ติด มนุษย์ ห่ว
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ พัชรินทร์ เกษมสัตย์
คุณได้แท็ก พัชรินทร์ เกษมสัตย์
24 เม.ย. 2015
ปฏิบัติธรรมน่ะ โยมเดือน " พวกที่ไม่ปฏิบัติคือพวกเสียชาติเกิดมาก มากจริงๆ
ปฏิบัติน่ะ ! ตามนี้
เวลาวิบากให้ผล = ความทุกข์จะเข้ามาเผาใจร้อนใจโกรธไม่สบายใจ มี
ความคับแค้นใจ ใจเศร้าหมอง
ถ้าตายในอารมณ์พวกนี้ เราจะไปอบายภูมินรกทันที
เวลาวิบากให้ผล ให้ดูความทุกข์ใจที่เกิดขึ้น ดูแบบไม่บังคับมันน่ะ
ดูเหมือนดูละคร ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับมัน
แล้วมันจะหายไปเอง แต่อย่าบังคับให้มันหายน่ะ ให้ดูเฉยๆ
มันจะเป็นอาการเหมือนว่า "ความทุกข์กำลังเล่นละครให้เราดู"
# คนรักไม่ใช่ของแน่นอน หากศีลและบุญไม่เสมอกัน
เกิดชาติใหม่ก็ต้องแยกย้ายกลายเป็คู่ของคนอื่น
พ่อแม่ญาติพี่น้องทั้งหลายตายไปแล้วก็แยกย้ายกันไปเกิดคนละภพละภูมิ
ฉะนั้นอย่าไปยึดอย่าไปรับวิบากมาเผาใจเราเพิ่ม ลำพังเราก็มีวิบ
ากกรรมคอยให้ผลตลอดเวลา
อะเอา โสดาบัน ให้ได้น่ะ ประโยชน์โสดาบันคือมั่นคงในภพที่ต้องไปเกิด เกิดใน
2ภพ คือสวรรค์กับมนุษย์
ส่วนพวกที่ต่ำว่าโสดาบัน คือปุถชน ชาวบ้านที่ทำบุญก็ตาม
มีที่เกิดไม่แน่นอน
ไปเกิดในอบายภูมิส่วนมาก
สาธุขอให้มีบุญได้ปฏิบัติธรรม
ปฏิบัติธรรมน่ะ โยมเดือน " พวกที่ไม่ปฏิบัติคือพวกเสียชาติเกิดมาก มากจริงๆ
ปฏิบัติน่ะ ! ตามนี้
เวลาวิบากให้ผล = ความทุกข์จะเข้ามาเผาใจร้อนใจโกรธไม่สบายใจ มี
ความคับแค้นใจ ใจเศร้าหมอง
ถ้าตายในอารมณ์พวกนี้ เราจะไปอบายภูมินรกทันที
เวลาวิบากให้ผล ให้ดูความทุกข์ใจที่เกิดขึ้น ดูแบบไม่บังคับมันน่ะ
ดูเหมือนดูละคร ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับมัน
แล้วมันจะหายไปเอง แต่อย่าบังคับให้มันหายน่ะ ให้ดูเฉยๆ
มันจะเป็นอาการเหมือนว่า "ความทุกข์กำลังเล่นละครให้เราดู"
# คนรักไม่ใช่ของแน่นอน หากศีลและบุญไม่เสมอกัน
เกิดชาติใหม่ก็ต้องแยกย้ายกลายเป็คู่ของคนอื่น
พ่อแม่ญาติพี่น้องทั้งหลายตายไปแล้วก็แยกย้ายกันไปเกิดคนละภพละภูมิ
ฉะนั้นอย่าไปยึดอย่าไปรับวิบากมาเผาใจเราเพิ่ม ลำพังเราก็มีวิบ
ากกรรมคอยให้ผลตลอดเวลา
อะเอา โสดาบัน ให้ได้น่ะ ประโยชน์โสดาบันคือมั่นคงในภพที่ต้องไปเกิด เกิดใน
2ภพ คือสวรรค์กับมนุษย์
ส่วนพวกที่ต่ำว่าโสดาบัน คือปุถชน ชาวบ้านที่ทำบุญก็ตาม
มีที่เกิดไม่แน่นอน
ไปเกิดในอบายภูมิส่วนมาก
สาธุขอให้มีบุญได้ปฏิบัติธรรม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หลวงพี่ก็ได้แต่แนะนำ เขาบอกว่าจะปฏิบัติตาม แต่ลึกๆแล้วเขาจะปฏิบัติตามหรือไม่ปฏิบัติตามนั้น
หลวงพี่ก็ไม่ทุกข์ใจอะไร
ครอบครัว ก็ไม่มีจริง
มีแต่ตัวกรรมตัวเวร มารวมกันทั้งนั้น
เมื่อก่อนมีแต่อยากหนี ไม่ยากเอาใจไปเข้าไปยุ้ง
เหมือนยื่นมือไปจับก้อนถ่านไฟแดงๆ มันก็ร้อน
แต่ตอนนี้ได้มือวิเศษแล้ว จับอะไรก็ไม่ทุกข์ใจร้อนใจ
เพียงแต่ระบบเวลายังไม่หมุ่นให้ต้องไปช่วยเขา
หลวงพี่ก็ไม่ทุกข์ใจอะไร
ครอบครัว ก็ไม่มีจริง
มีแต่ตัวกรรมตัวเวร มารวมกันทั้งนั้น
เมื่อก่อนมีแต่อยากหนี ไม่ยากเอาใจไปเข้าไปยุ้ง
เหมือนยื่นมือไปจับก้อนถ่านไฟแดงๆ มันก็ร้อน
แต่ตอนนี้ได้มือวิเศษแล้ว จับอะไรก็ไม่ทุกข์ใจร้อนใจ
เพียงแต่ระบบเวลายังไม่หมุ่นให้ต้องไปช่วยเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้ามีคนว่าให้เราว่า " ขอให้ ( มึงตายอย่าได้ผุดได้เกิดอีก"
เราจะตอบเขาว่าอย่างไร ?
อาตมาจะตอบว่า " สาธุ " เป็นคำอวยพรที่ดีมากๆ
ไม่ได้ผุดได้เกิดอีก ก็คือนิพพานนั่นเอง
แต่บางคน โมโห โกรธเลย ก็มี
เราจะตอบเขาว่าอย่างไร ?
อาตมาจะตอบว่า " สาธุ " เป็นคำอวยพรที่ดีมากๆ
ไม่ได้ผุดได้เกิดอีก ก็คือนิพพานนั่นเอง
แต่บางคน โมโห โกรธเลย ก็มี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วิบากกรรมนี่มันเก่งจริงๆ
สามารถรวมเอาธาตุที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ดินน้ำลมไฟ
มาปั้นปรุงแต่งขึ้น ให้รูปร่างออกมาเป็นแบบสัตว์ หรือ
ออกมาเป็นแบบลักษณะร่างกายแบบคน
สวยบ้าง ไม่สวยบ้าง หล่อบ้าง ไม่หล่อบ้าง
แล้วให้จิตมาโง่เข้ามาหลงยึดว่าเป็นตัวเอง ?
ฉันมีอวัยวะเพศแบบชายฉันคือผู้ชาย โง่
ฉันมีอวัยวะเพศแบบหญิงฉันคือผู้หญิง โง่
แต่แท้ที่จริงแล้ว ไอ้ที่ว่าเป็นชายไอ้ที่ว่าเป็นหญิงนั้น
มันหลอกลวงหมดเลย มันไม่มีชายไม่มีหญิงหรอก !
มันมีแต่หลงกับหลง กับความไม่รู้
ถ้านาย ชายฉลาด รู้ว่าสิ่งที่กำลังรัก มันไม่ใช่ผู้หญิงจริง
ต้องตาสว่างๆ
สามารถรวมเอาธาตุที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ดินน้ำลมไฟ
มาปั้นปรุงแต่งขึ้น ให้รูปร่างออกมาเป็นแบบสัตว์ หรือ
ออกมาเป็นแบบลักษณะร่างกายแบบคน
สวยบ้าง ไม่สวยบ้าง หล่อบ้าง ไม่หล่อบ้าง
แล้วให้จิตมาโง่เข้ามาหลงยึดว่าเป็นตัวเอง ?
ฉันมีอวัยวะเพศแบบชายฉันคือผู้ชาย โง่
ฉันมีอวัยวะเพศแบบหญิงฉันคือผู้หญิง โง่
แต่แท้ที่จริงแล้ว ไอ้ที่ว่าเป็นชายไอ้ที่ว่าเป็นหญิงนั้น
มันหลอกลวงหมดเลย มันไม่มีชายไม่มีหญิงหรอก !
มันมีแต่หลงกับหลง กับความไม่รู้
ถ้านาย ชายฉลาด รู้ว่าสิ่งที่กำลังรัก มันไม่ใช่ผู้หญิงจริง
ต้องตาสว่างๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
รงแค้นเมียหลวงกับเมียน้อย !!
เศษฐีคนหนึ่งอยู่กินกับภรรยามานานหลายปีแต่ไม่มีลูกสักที
เหตุเพราะเมียเป็นหมั่น
และเศษฐีก็เลยนำหญิงอื่นมาเป็นเมียเพื่อจะได้มีลูกสืบสกุล
อยู่มาไม่ไม่นานเมียใหม่ก็ตั้งท้อง
และเมียหลวงรู้ว่าเมียน้อยมันตั้งท้องกลัวว่าเศษฐีจะยกสมบัติให้เมียน้อยหมด จึงลอบวางยาจนเมียน้อยแท้ง
พอเมียน้อยตั้งท้องอีกก็วางยาอีก
พอครั้งที่3ลอบวางยตอนเมียน้อยท้องแก่แล้ว
ส่งผลให้ตายทั้งแม่และลูก และก่อนตายเมียน้อยรู้ว่า
ที่เป็นอย่างนี้เพราะ เมียหลวงลอบวางยา
จึงได้ผูกอาฆาตเอาไว้ว่า
"เกิดชาติหน้า กูจักขอฆ่ามึงกับลูก ของมึงบ้าง อีนางชั่ว"
หลังจากเมียน้อยตายก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน แมว ในบ้านหลังหนึ่ง และเมื่อเศษฐีรู้ว่าที่เมียน้อยต้องแท้งลูกตายเพราะเมียหลวงเป็นคนลอบวางยา ก็ได้ทุบตีเมียหลวงจนตาย
และเมียหลวงตายแล้วก็ได้ไปเกิดเป็นแม่ไก่ในบ้านหลังเดียวกันกับแมว(เมียน้อย) และทุกครั้งที่แม่ไก่(เมียหลวง)
ตกไข่และฟักลูกออกมา แมว(เมียน้อย)ก็จะมาจับกินอยู่เป็นประจำ จนครั้งที่3แมว(เมียน้อยตะครุบแม่ไก่และขย้ำจนตาย
ฝ่ายแม่ไก่(เมียหลวง)ก็ได้ผูกอาฆาตแค้นไว้
ทำให้ไปเกิดเป็นเสือ ส่วนแมว(เมียน้อย)ตายไปเกิดเป็นกวาง
ให้เสือ(เมียหลวง) ไล่ล่าจับกินมาเป็นอาหาร
และก่อนตายกวาง(เมียน้อย) ก่อนตายอาฆาตแค้นไว้อีก
ทำให้ไปเกิดเป็นนางยักษิณี
และเสือ(เมียหลวง)ไปเกิดเป็นหญิงมนุษย์
เมื่อหญิงมนุษย์(เมียหลวง)คลอดลูกออกมา นางยักษิณี(เมียน้อย) ก็มาจับกินลูก(เมียหลวง) และครั้งที่3 หญิงมนุษย์ได้อุ้มลูกหนีเข้าไปในวัด และขอให้พระพุทธเจ้าช่วย
พระพุทธเจ้าก็เลยทรงแสดงผลแห่งความอาฆาตที่ทั้งสองได้ผูกอาฆาตจองเวรกันไว้ ทำให้ประสบทุกข์ต่างๆ มากมาย
จากนั้นได้ทรงแสดงโทษของการจองเวร แสดงคุณของการให้อภัย เมื่อแสดงธรรมจทังสองก็ยอมให้อภัยกัน ทำให้เวรกรรมระหว่างทั้งสองสิ้นสุดลง
ทานอะไรได้บุญเยอะ?
อภัยทาน รองจากธรรมทาน เพราะธรรมทานได้เยอะสุด
ใครจะจองเวรก็เรื่องของเขา แต่เราอย่าไปจองกับเขา
ที่กล่าวมานี้ ถือว่าพวกนี้ยังโชคดีที่ได้เจอพระพุทธเจ้า
ไม่งั้นจองกันไม่จบ มีแต่จะไหลลงต่ำ
(ถ้าไม่อยากเจอคนที่เกลียดในภพหน้า ให้พยยามทำสิ่ที่ตรงกันข้ามกับเขา เขาโกรธเาจะไมโกรธ เขาทำบาปเราจะทำบุญ)
เศษฐีคนหนึ่งอยู่กินกับภรรยามานานหลายปีแต่ไม่มีลูกสักที
เหตุเพราะเมียเป็นหมั่น
และเศษฐีก็เลยนำหญิงอื่นมาเป็นเมียเพื่อจะได้มีลูกสืบสกุล
อยู่มาไม่ไม่นานเมียใหม่ก็ตั้งท้อง
และเมียหลวงรู้ว่าเมียน้อยมันตั้งท้องกลัวว่าเศษฐีจะยกสมบัติให้เมียน้อยหมด จึงลอบวางยาจนเมียน้อยแท้ง
พอเมียน้อยตั้งท้องอีกก็วางยาอีก
พอครั้งที่3ลอบวางยตอนเมียน้อยท้องแก่แล้ว
ส่งผลให้ตายทั้งแม่และลูก และก่อนตายเมียน้อยรู้ว่า
ที่เป็นอย่างนี้เพราะ เมียหลวงลอบวางยา
จึงได้ผูกอาฆาตเอาไว้ว่า
"เกิดชาติหน้า กูจักขอฆ่ามึงกับลูก ของมึงบ้าง อีนางชั่ว"
หลังจากเมียน้อยตายก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน แมว ในบ้านหลังหนึ่ง และเมื่อเศษฐีรู้ว่าที่เมียน้อยต้องแท้งลูกตายเพราะเมียหลวงเป็นคนลอบวางยา ก็ได้ทุบตีเมียหลวงจนตาย
และเมียหลวงตายแล้วก็ได้ไปเกิดเป็นแม่ไก่ในบ้านหลังเดียวกันกับแมว(เมียน้อย) และทุกครั้งที่แม่ไก่(เมียหลวง)
ตกไข่และฟักลูกออกมา แมว(เมียน้อย)ก็จะมาจับกินอยู่เป็นประจำ จนครั้งที่3แมว(เมียน้อยตะครุบแม่ไก่และขย้ำจนตาย
ฝ่ายแม่ไก่(เมียหลวง)ก็ได้ผูกอาฆาตแค้นไว้
ทำให้ไปเกิดเป็นเสือ ส่วนแมว(เมียน้อย)ตายไปเกิดเป็นกวาง
ให้เสือ(เมียหลวง) ไล่ล่าจับกินมาเป็นอาหาร
และก่อนตายกวาง(เมียน้อย) ก่อนตายอาฆาตแค้นไว้อีก
ทำให้ไปเกิดเป็นนางยักษิณี
และเสือ(เมียหลวง)ไปเกิดเป็นหญิงมนุษย์
เมื่อหญิงมนุษย์(เมียหลวง)คลอดลูกออกมา นางยักษิณี(เมียน้อย) ก็มาจับกินลูก(เมียหลวง) และครั้งที่3 หญิงมนุษย์ได้อุ้มลูกหนีเข้าไปในวัด และขอให้พระพุทธเจ้าช่วย
พระพุทธเจ้าก็เลยทรงแสดงผลแห่งความอาฆาตที่ทั้งสองได้ผูกอาฆาตจองเวรกันไว้ ทำให้ประสบทุกข์ต่างๆ มากมาย
จากนั้นได้ทรงแสดงโทษของการจองเวร แสดงคุณของการให้อภัย เมื่อแสดงธรรมจทังสองก็ยอมให้อภัยกัน ทำให้เวรกรรมระหว่างทั้งสองสิ้นสุดลง
ทานอะไรได้บุญเยอะ?
อภัยทาน รองจากธรรมทาน เพราะธรรมทานได้เยอะสุด
ใครจะจองเวรก็เรื่องของเขา แต่เราอย่าไปจองกับเขา
ที่กล่าวมานี้ ถือว่าพวกนี้ยังโชคดีที่ได้เจอพระพุทธเจ้า
ไม่งั้นจองกันไม่จบ มีแต่จะไหลลงต่ำ
(ถ้าไม่อยากเจอคนที่เกลียดในภพหน้า ให้พยยามทำสิ่ที่ตรงกันข้ามกับเขา เขาโกรธเาจะไมโกรธ เขาทำบาปเราจะทำบุญ)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พรุ่งนี้ 7 พฤษภาคม เวลา 16:00 ที่วัดหนองยอ
ณ จุดลงทะเบียน มีซีดีCD ธรรมทานแจกฟรี (เกือบสองพันแผ่น)
เนื้อหาในแผ่นเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำบุญก่อนทานวางจิตยังไงจึงจะถูกต้องตามที่พระพุทธเจ้าบอกไว้
และคนที่ชอบให้ทานแต่ไม่ค่อยถือศีลผลจะเป็นยังไง (มีคนแบบนี้เยอะเลย)
>เวลาคนจะตายเราจะช่วยเขายังไงให้ไปภพภูมูมิที่ไม่ลำบาก
(สำคัญมากช่วงเปลี่ยนภพภูมิ เราเองก็ต้องตายควรทราบไว้)
>การเจริญสติ ดับทุกข์ทางใจ (จากพระทรงอภิญญา)
>หนีสินเยอะ แก้แบบพระพุทธเจ้ายังไง
>หลักการแบ่งการใช้จ่ายทรัพย์แบบพระพุทธเจ้า
>"รู้จักรัก" เป็นเรื่องที่เหมาะกับวัยรุ่นมาก(แนะนำ)
เนื้อคู่มีจริงหรือไม่ คู่เวรเป็นยังไง จะหนีไม่ขอเจอกันอีกในภพหน้าทำยังไง ทำยังไงถึงจะเจอคนดีๆ และอื่นๆอีก
ณ จุดลงทะเบียน มีซีดีCD ธรรมทานแจกฟรี (เกือบสองพันแผ่น)
เนื้อหาในแผ่นเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำบุญก่อนทานวางจิตยังไงจึงจะถูกต้องตามที่พระพุทธเจ้าบอกไว้
และคนที่ชอบให้ทานแต่ไม่ค่อยถือศีลผลจะเป็นยังไง (มีคนแบบนี้เยอะเลย)
>เวลาคนจะตายเราจะช่วยเขายังไงให้ไปภพภูมูมิที่ไม่ลำบาก
(สำคัญมากช่วงเปลี่ยนภพภูมิ เราเองก็ต้องตายควรทราบไว้)
>การเจริญสติ ดับทุกข์ทางใจ (จากพระทรงอภิญญา)
>หนีสินเยอะ แก้แบบพระพุทธเจ้ายังไง
>หลักการแบ่งการใช้จ่ายทรัพย์แบบพระพุทธเจ้า
>"รู้จักรัก" เป็นเรื่องที่เหมาะกับวัยรุ่นมาก(แนะนำ)
เนื้อคู่มีจริงหรือไม่ คู่เวรเป็นยังไง จะหนีไม่ขอเจอกันอีกในภพหน้าทำยังไง ทำยังไงถึงจะเจอคนดีๆ และอื่นๆอีก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
(แนะนำเวลาพระท่านพาสวด อิติปิโส )
ตอนพระนำสวด อิติปิโส โยมสวดตาม
ให้รู้อย่างเดียว)
ให้ใช้ใจดูว่าอะไรเป็นผู้ได้ยินเสียงสวด
อะไรเป็นผู้กำลังสวด
(ก็ในเมื่อพระพุทธเจ้าบอกว่านั่นไม่ใช่เรา)
#ตอนเย็นฝนไม่ตกหรอก
ตอนพระนำสวด อิติปิโส โยมสวดตาม
ให้รู้อย่างเดียว)
ให้ใช้ใจดูว่าอะไรเป็นผู้ได้ยินเสียงสวด
อะไรเป็นผู้กำลังสวด
(ก็ในเมื่อพระพุทธเจ้าบอกว่านั่นไม่ใช่เรา)
#ตอนเย็นฝนไม่ตกหรอก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ทำบุญอย่างไร ให้ได้อายุ
ต้อง
ปล่อยสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่า
คือถึงฆาตที่จะต้องโดนฆ่าตายแน่ๆ
เช่นสัตว์เดรัจฉาน ช้าง วัว หมู ไล่ลำดับมาเรื่อยๆ กำลังจะต้องตายจริงๆ
ยิ่งสัตว์ใหญ่พลังชีวิตยิ่งมาก
# Dungtrin
ต้อง
ปล่อยสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่า
คือถึงฆาตที่จะต้องโดนฆ่าตายแน่ๆ
เช่นสัตว์เดรัจฉาน ช้าง วัว หมู ไล่ลำดับมาเรื่อยๆ กำลังจะต้องตายจริงๆ
ยิ่งสัตว์ใหญ่พลังชีวิตยิ่งมาก
# Dungtrin
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทำยังไงถึงจะสวย ผิวพรรณดี น่ารัก
ต้อง
เป็นผู้ไม่มักโกรธ ไม่กระฟัดกะเฟียด ไม่กระด่างกระเดียง ไม่มีความขัดเคืองใจ ถึงจะถูกว่านั่นว่านี่ก็ตาม
ต้อง
เป็นผู้ไม่มักโกรธ ไม่กระฟัดกะเฟียด ไม่กระด่างกระเดียง ไม่มีความขัดเคืองใจ ถึงจะถูกว่านั่นว่านี่ก็ตาม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทำยังไง ถึงจะมีดวงตาที่สวย....
ต้อง
เวลามองคนอื่นให้มองด้วยสาย
ที่เต็มไปด้วยมีเมตตา ไม่แอบจ้องมอง
เวลามองด้วยซึ่งๆหน้าไม่แอบมองลับหลัง
#ชาติหน้าได้ตางามแน่นอน
ต้อง
เวลามองคนอื่นให้มองด้วยสาย
ที่เต็มไปด้วยมีเมตตา ไม่แอบจ้องมอง
เวลามองด้วยซึ่งๆหน้าไม่แอบมองลับหลัง
#ชาติหน้าได้ตางามแน่นอน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Supannee Ragvong และคนอื่นๆ อีก 36 คน
คุณได้แท็ก Supannee Ragvong, Supawadee Norkaew, Sakcharoon Khasemsat, Rewadee Phangkum, Unchalee Siriwal, Wilairat Sattarupinat, Tidarat Aunsa, SO DA, Tippawan Wongkaew, Poom Pim, Wanchaloem Ragwong, Yuri Koae Paveenuch, Ploy-ploy Sarunya-boonprawong, ยุ้ย ยุ้ย เสาวนีย์, Praphaporn Boottasan, Siriwan Chaicherdchu, Witchuda Inthabut, Sutee Prompang, Thanyasiri Thumphon, Pongpatchara Patcharapong, ศิวิภา ตุยรัมป์, ป๊อกกี้' ป๊อกกี้, Preeter Moss, Wipha Jantowong, สมชาย น้อยถึง, Urai Kingkaew, Wipada Dawong, Supattra Siriwan, Uraiwan Daungkaew, ลมหายใจ เดียวกัน, Thai Time, ครึ่งหนึ่ง ของ ชีวิต, Nathchya Khonthiang, Wrorakarn Lnkhao, Somboon Montong, คุนพ่อน้องครีม กะ น้องแป้งค่ะ และ Wichitra Sattayakool
12 พ.ค. 2015
1)หากมีเหตุให้ต้องเสียชีวิตในตอนนี้เรา..
พร้อมจะทิ้งภพนี้ไปสู่ภพหน้าแล้วหรือยัง?
[✅] พร้อมแล้ว
[❌] ยังไม่พร้อม
2)ตลอดชีวิตเราทำบุญหรือทำบาปมากกว่ากัน
[✅] บุญ
[❌] บาป
3)เราเคยสังสมบุญข้อไหนไว้บ้าง และสังสมไว้มากน้อยเพียงใด
(ทาน )
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
(เจริญภาวนา รักษาศีล)
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
3)อ้อนน้อมถ่อมตน
(นานๆครั้ง)
(ค่อนข้างบ่อย)
(เป็นประจำทุกวัน)
4)ช่วยเหลือผู้อื่น
(นานๆครั้ง)
(ค่อนข้างบ่อย)
(เป็นประจำทุกวัน)
5)แบ่งความดีให้ผู้อื่นด้วยการอุทิศบุญกุศล หรือชักชวนผู้อื่นให้ร่วมบุญด้วย
(นานๆครั้ง)
(ค่อนข้างบ่อย)
(เป็นประจำทุกวัน)
6)ฟังธรรม
(นานๆครั้ง)
(ค่อนข้างบ่อย)
(เป็นประจำทุกวัน)
7)แสดงธรรมพูดธรรมให้คนอื่นฟัง เช่น เฮ้ย..นี่มันบาปน่ะถ้าทำอย่างนั้น
(นานๆครั้ง)
(ค่อนข้างบ่อย)
(เป็นประจำทุกวัน)
8)เราเคยสั่งสมบาปข้อไหนไว้บ้าง
[ทำร้าย ทำลายชีวิตสัตว์]
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[ลักโขมย ละเมิดต่อทรัพย์สินของผู้อื่น]
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[ประพฤผิดในกาม รวมถึงแย่งแฟนคนอื่นบ้าง]
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[พูดส่อเสีย เช่นฟังจากข้างนี้แล้วไปบอกข้านั้น
ฟังจากข้างนั้นแล้วมาบอกข้างนี้ เป็นเหตุทำให้เขาทะเลาะกัน]
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[เจตนาพูดเท็จโกหก เช่นมีคนโทรมาหาเจ้านาย แต่เจ้านายสั่งเรา
ให้ตอบว่า "ไม่อยู่"
และเรารับสายแล้ว พูดในใจค่อยๆว่า"เจ้านายสั่งให้ตอบว่า"แล้วพูดเต็มเสียง
"เจ้านายไม่อยู่"
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[พูดคำหยาบ]
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[โลภอยากได้ของผู้อื่น]
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[คิดร้ายต่อผู้อื่น]
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[เมื่อไม่นานมานี้เราได้ทำบุญบ้างหรือไม่]
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[เมื่อไม่นานมานี้เราได้ทำบาปบ้างหรือไม่]
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[เราพอใจกับระดับของบุญและบาปที่ได้สั่งสมไว้ในชีวิตนี้แล้วหรือยัง]
[✅] พอใจ
[❌] ไม่พอใจ
{รวม เราคิดว่าเราทำบุญข้อไหนได้ดีที่สุด}
ทาน = วิสัยเทวดา (เสร็จจากเทวดา
ศีล = วิสัยมนุษย์
ภาวนา = วิสัยพรหม
ถ้าเราคิดว่าเราทำบาปมากกว่า มีแนวโน้มไปสู่ทุคติ(อบาย นรก เปตร )
1)หากมีเหตุให้ต้องเสียชีวิตในตอนนี้เรา..
พร้อมจะทิ้งภพนี้ไปสู่ภพหน้าแล้วหรือยัง?
[✅] พร้อมแล้ว
[❌] ยังไม่พร้อม
2)ตลอดชีวิตเราทำบุญหรือทำบาปมากกว่ากัน
[✅] บุญ
[❌] บาป
3)เราเคยสังสมบุญข้อไหนไว้บ้าง และสังสมไว้มากน้อยเพียงใด
(ทาน )
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
(เจริญภาวนา รักษาศีล)
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
3)อ้อนน้อมถ่อมตน
(นานๆครั้ง)
(ค่อนข้างบ่อย)
(เป็นประจำทุกวัน)
4)ช่วยเหลือผู้อื่น
(นานๆครั้ง)
(ค่อนข้างบ่อย)
(เป็นประจำทุกวัน)
5)แบ่งความดีให้ผู้อื่นด้วยการอุทิศบุญกุศล หรือชักชวนผู้อื่นให้ร่วมบุญด้วย
(นานๆครั้ง)
(ค่อนข้างบ่อย)
(เป็นประจำทุกวัน)
6)ฟังธรรม
(นานๆครั้ง)
(ค่อนข้างบ่อย)
(เป็นประจำทุกวัน)
7)แสดงธรรมพูดธรรมให้คนอื่นฟัง เช่น เฮ้ย..นี่มันบาปน่ะถ้าทำอย่างนั้น
(นานๆครั้ง)
(ค่อนข้างบ่อย)
(เป็นประจำทุกวัน)
8)เราเคยสั่งสมบาปข้อไหนไว้บ้าง
[ทำร้าย ทำลายชีวิตสัตว์]
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[ลักโขมย ละเมิดต่อทรัพย์สินของผู้อื่น]
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[ประพฤผิดในกาม รวมถึงแย่งแฟนคนอื่นบ้าง]
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[พูดส่อเสีย เช่นฟังจากข้างนี้แล้วไปบอกข้านั้น
ฟังจากข้างนั้นแล้วมาบอกข้างนี้ เป็นเหตุทำให้เขาทะเลาะกัน]
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[เจตนาพูดเท็จโกหก เช่นมีคนโทรมาหาเจ้านาย แต่เจ้านายสั่งเรา
ให้ตอบว่า "ไม่อยู่"
และเรารับสายแล้ว พูดในใจค่อยๆว่า"เจ้านายสั่งให้ตอบว่า"แล้วพูดเต็มเสียง
"เจ้านายไม่อยู่"
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[พูดคำหยาบ]
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[โลภอยากได้ของผู้อื่น]
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[คิดร้ายต่อผู้อื่น]
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[เมื่อไม่นานมานี้เราได้ทำบุญบ้างหรือไม่]
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[เมื่อไม่นานมานี้เราได้ทำบาปบ้างหรือไม่]
นานๆครั้ง /ค่อนข้างบ่อย /เป็นประจำทุกวัน
[เราพอใจกับระดับของบุญและบาปที่ได้สั่งสมไว้ในชีวิตนี้แล้วหรือยัง]
[✅] พอใจ
[❌] ไม่พอใจ
{รวม เราคิดว่าเราทำบุญข้อไหนได้ดีที่สุด}
ทาน = วิสัยเทวดา (เสร็จจากเทวดา
ศีล = วิสัยมนุษย์
ภาวนา = วิสัยพรหม
ถ้าเราคิดว่าเราทำบาปมากกว่า มีแนวโน้มไปสู่ทุคติ(อบาย นรก เปตร )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
12 พ.ค. 2015
อาทิตย์ก่อน รู้สึกว่าจะมีคนตายน่ะ แต่ไม่รู้อยู่บ้านไหนน่าจะเป็นคน
อยู่เขตแถวนี้
คืนนั้นหลวงพี่จิตเข้าสมาธิเห็นยมทูตเดินมาแต่ทางทิศเหนือ เดินทะลุกำแพง
ลากเอาวิญญาณใครมาด้วยก็ไม่รู้ เป็นผู้ชายลักษณะสูงไม่อ้วน
ไม่แก่มากนัก อายุประมาณ 60ขึ้น
หลวงพี่เห็นโยมทูตแล้ว รู้เลยว่านี่เป็นยมทูตโดยไม่ต้องไปรู้จากที่ไหน
จิตมันรู้เอง
ลักษณะเหมือนคนนี่แหละ คือมีแขนมีขามีหัวมีหูมีปากมีจมูกมีตา
แต่ตัวใหญ่สูงตาแดง ผมไม่เหมือนผมคน แต่งตัวเหมือนทหารโบราญ
นุ่งโจงกระเบนสีเลือด มือถือโซ่ล่ามวิญญาณพ่อใหญ่นั่นที่ตายด้วย
แล้วโยมทูตก็เดินเลยเราไป
โดยไม่สนใจเรา เหมือนกับว่าท่านทำแต่หน้าที่ของท่าน
ท่านไม่สนสิ่งรอบข้าง คือขึ้นตรงต่อพยายมราชอย่างเดียว
เราเลยเดินไปดักท่านไว้ แล้วบอกท่านทางจิตให้หยุดก่อน
มีเรื่องจะถาม
โยมทูต: เรื่องอะไร เรื่องเกี่ยวกับพวกวิบากกรรมหรอ
อาตมา: อาตามาเลยพูดว่า..........
โยมทูตเมื่องฟังอย่างนั้นแล้ว ท่านคงตอบไม่ได้ แล้วก็พูดคำถามที่เราถาม
ให้เราฟังแล้วก็เดินหายไป
(ถ้ามีสติ เขาเรียกว่านิมิต)
(ถ้าขาดสติ เขาเรียกฝัน)
ฉะนั้นไอ้ความฝันอย่าไปเชื่อมันมาก
อาทิตย์ก่อน รู้สึกว่าจะมีคนตายน่ะ แต่ไม่รู้อยู่บ้านไหนน่าจะเป็นคน
อยู่เขตแถวนี้
คืนนั้นหลวงพี่จิตเข้าสมาธิเห็นยมทูตเดินมาแต่ทางทิศเหนือ เดินทะลุกำแพง
ลากเอาวิญญาณใครมาด้วยก็ไม่รู้ เป็นผู้ชายลักษณะสูงไม่อ้วน
ไม่แก่มากนัก อายุประมาณ 60ขึ้น
หลวงพี่เห็นโยมทูตแล้ว รู้เลยว่านี่เป็นยมทูตโดยไม่ต้องไปรู้จากที่ไหน
จิตมันรู้เอง
ลักษณะเหมือนคนนี่แหละ คือมีแขนมีขามีหัวมีหูมีปากมีจมูกมีตา
แต่ตัวใหญ่สูงตาแดง ผมไม่เหมือนผมคน แต่งตัวเหมือนทหารโบราญ
นุ่งโจงกระเบนสีเลือด มือถือโซ่ล่ามวิญญาณพ่อใหญ่นั่นที่ตายด้วย
แล้วโยมทูตก็เดินเลยเราไป
โดยไม่สนใจเรา เหมือนกับว่าท่านทำแต่หน้าที่ของท่าน
ท่านไม่สนสิ่งรอบข้าง คือขึ้นตรงต่อพยายมราชอย่างเดียว
เราเลยเดินไปดักท่านไว้ แล้วบอกท่านทางจิตให้หยุดก่อน
มีเรื่องจะถาม
โยมทูต: เรื่องอะไร เรื่องเกี่ยวกับพวกวิบากกรรมหรอ
อาตมา: อาตามาเลยพูดว่า..........
โยมทูตเมื่องฟังอย่างนั้นแล้ว ท่านคงตอบไม่ได้ แล้วก็พูดคำถามที่เราถาม
ให้เราฟังแล้วก็เดินหายไป
(ถ้ามีสติ เขาเรียกว่านิมิต)
(ถ้าขาดสติ เขาเรียกฝัน)
ฉะนั้นไอ้ความฝันอย่าไปเชื่อมันมาก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าปฏิบัติถึงขั้นเกิด "สติ" แล้ว
ทุกข์ทุกหลายทั้งมวลปัญหาทั้งหลาย
ที่ปุถุชนกำลังประสบอยู่
ผู้มีสติ "สติ"จะกลั้นไว้ไม่ให้ความทุกข์ร้อน
เข้ามาครอบเผาใจได้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่ถ้าเผลอมันจะเผาทันที ฝึกสติให้เกิดอัตโนมัติ
(จิตจะเข้าถึงภูมิโสดาบันอัตโนมัติเอง)
แต่การมีสติยังไม่พอ ยังหลุดพ้นไม่ได้
มันยังหมายเอาว่า"สติ"ตัวผู้รู้ นี้ ว่าเป็นมันตัวของมันอยู่
ต้องถอยวางสติผู้รู้ที่ว่าเป็นเราทิ้ง เพราะนั้นมันก็ไม่ใช่เรา ที่มันรู้ได้ก็เพราะมีเหตุให้มันต้องรู้แค่นั้นเอง
ถ้ายังวางไม่ได้.. มันจะพาช้าจะไปสร้างภพสร้างชาติอีกเกิดเป็นพรหม
(จิตจะเข้าภูมิอนาคามี)
ต้องวางมัน
จากนี้ ตัวจะเบา กายเบา ใจเบา
ความที่เคยเข้าใจว่ามีเรา มันจะหายไปอัตโนมัติ
( ถือว่าเข้ากระแสนิพพานแล้ว )
ทุกข์ทุกหลายทั้งมวลปัญหาทั้งหลาย
ที่ปุถุชนกำลังประสบอยู่
ผู้มีสติ "สติ"จะกลั้นไว้ไม่ให้ความทุกข์ร้อน
เข้ามาครอบเผาใจได้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่ถ้าเผลอมันจะเผาทันที ฝึกสติให้เกิดอัตโนมัติ
(จิตจะเข้าถึงภูมิโสดาบันอัตโนมัติเอง)
แต่การมีสติยังไม่พอ ยังหลุดพ้นไม่ได้
มันยังหมายเอาว่า"สติ"ตัวผู้รู้ นี้ ว่าเป็นมันตัวของมันอยู่
ต้องถอยวางสติผู้รู้ที่ว่าเป็นเราทิ้ง เพราะนั้นมันก็ไม่ใช่เรา ที่มันรู้ได้ก็เพราะมีเหตุให้มันต้องรู้แค่นั้นเอง
ถ้ายังวางไม่ได้.. มันจะพาช้าจะไปสร้างภพสร้างชาติอีกเกิดเป็นพรหม
(จิตจะเข้าภูมิอนาคามี)
ต้องวางมัน
จากนี้ ตัวจะเบา กายเบา ใจเบา
ความที่เคยเข้าใจว่ามีเรา มันจะหายไปอัตโนมัติ
( ถือว่าเข้ากระแสนิพพานแล้ว )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ใครมีอะไรจะถามไหมเช่น เรื่อง
หลังตายแล้วเป็นยังไง
เรื่องการทำบุญใน
ระดับต้นคือทาน
ระดับกลางคือศีล
ระดับสูงภาวนา
หรือเรื่องกรรม
ถ้าพอตอบได้ก็จะตอบ
หลังตายแล้วเป็นยังไง
เรื่องการทำบุญใน
ระดับต้นคือทาน
ระดับกลางคือศีล
ระดับสูงภาวนา
หรือเรื่องกรรม
ถ้าพอตอบได้ก็จะตอบ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ธรรมะ ปู่หนู ภูหินต่าง
"ถ้าเรามองขี้ดินที่ใกล้ๆเท้าที่เหยียบ สายตาเราก็จะเห็นดินสุดเพียงเท่านี้
แต่ถ้าเรายิ่งมองระยะไกลออกไปเท่าไร่
เราจะเห็นสิ่งต่างๆเยอะแยะเลย"
(สิ่งต่างๆนั้นก็คือ กิเลส ที่ล่อให้ใจออกห่างนิพพานออกไปอีก)
"ถ้าเรามองขี้ดินที่ใกล้ๆเท้าที่เหยียบ สายตาเราก็จะเห็นดินสุดเพียงเท่านี้
แต่ถ้าเรายิ่งมองระยะไกลออกไปเท่าไร่
เราจะเห็นสิ่งต่างๆเยอะแยะเลย"
(สิ่งต่างๆนั้นก็คือ กิเลส ที่ล่อให้ใจออกห่างนิพพานออกไปอีก)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
13 พ.ค. 2015
คนที่บอกคนอื่นว่า นี่อย่าปฏิบัติธรรมน่ะ
ปฏิบัติแล้ว เป็นบ้า เสียสติ ฆ่าตัวตายเลยน่ะ ตัวอย่างก็เห็นเยอะแล้ว
(ขอบอกเลยว่า บาปกรรมเข้าคนที่พูดเข้าเต็มๆเลย)
ส่วนคนที่ปฏิบัติแล้วที่บอกว่าเป็นบ้า ไปหลงภาพมายาที่จอมปลอมที่จิตสร
้างขึ้นมาหลอก ถ้าเชื่อแล้วโอ้ยๆแย่
เห็นนั้นเห็นนี้ไปหมดคิดว่าจริง ถ้ายังไม่ได้ตาทิพย์ ก็ให้รู้เลยว่า มัน
เป็นภาพปลอมที่จิตสร้างขึ้นมาหลอก
ส่วนคนที่ฆ่าตัวตาย เขาเห็นว่าร่างกายนี้มันเป็นปฏิกูลไม่มีอะไร มีแต่ธาตุ
วางไปหมดทั้ง3โลก สำคัญตนคิดว่าบรรลุธรรมแล้ว
ก็เลยจะอยู่ไปทำไม
แหละอีกข้อหนึ่ง ภูมิจิตใครจะขึ้นสูง จะมีพวกไม่ดีไม่ให้ขึ้น คือขวางไว้
ไม่อยากให้ลุดพ้นโดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวร และพวกเทวดาฝ่ายไม่ดี
ขวางไว้
แก้โดยการมีสติอยู่กับกาย แล้วมันจะทำอะไรไม่ได
คนที่บอกคนอื่นว่า นี่อย่าปฏิบัติธรรมน่ะ
ปฏิบัติแล้ว เป็นบ้า เสียสติ ฆ่าตัวตายเลยน่ะ ตัวอย่างก็เห็นเยอะแล้ว
(ขอบอกเลยว่า บาปกรรมเข้าคนที่พูดเข้าเต็มๆเลย)
ส่วนคนที่ปฏิบัติแล้วที่บอกว่าเป็นบ้า ไปหลงภาพมายาที่จอมปลอมที่จิตสร
้างขึ้นมาหลอก ถ้าเชื่อแล้วโอ้ยๆแย่
เห็นนั้นเห็นนี้ไปหมดคิดว่าจริง ถ้ายังไม่ได้ตาทิพย์ ก็ให้รู้เลยว่า มัน
เป็นภาพปลอมที่จิตสร้างขึ้นมาหลอก
ส่วนคนที่ฆ่าตัวตาย เขาเห็นว่าร่างกายนี้มันเป็นปฏิกูลไม่มีอะไร มีแต่ธาตุ
วางไปหมดทั้ง3โลก สำคัญตนคิดว่าบรรลุธรรมแล้ว
ก็เลยจะอยู่ไปทำไม
แหละอีกข้อหนึ่ง ภูมิจิตใครจะขึ้นสูง จะมีพวกไม่ดีไม่ให้ขึ้น คือขวางไว้
ไม่อยากให้ลุดพ้นโดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวร และพวกเทวดาฝ่ายไม่ดี
ขวางไว้
แก้โดยการมีสติอยู่กับกาย แล้วมันจะทำอะไรไม่ได
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
นั้งสมาธิให้เห็นผีเปตรเห็นเทวดาทำยังไง
หรืออยากขอเลข
ให้ปฏิบัติตามนี้
นั้งรู้ลมหายใจ ที่เข้าออกๆ ไปเรื่อยๆ
จนลมขาดหายไป จะเห็นแสงสว่าง
แล้วให้น้อมจิตน้อมเอาแสงสว่างเข้ามาในใจ
แล้วใช้จิตบังคับให้แสงสว่างนั้น สว่างไปทั่วทุกทิศทุกทาง
แค่นี้ก็เห็นแล้ว
แต่อย่าให้มี ความอยากเห็นเกิดขึ้นเด็ดขาด มันจะเป็นตัวขวางกลั้นไว้
ให้คิดว่าจะปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้าะระธรรมเจ้าพระสงฆ์
ลองดูน่ะใครมีบารมีด้านนี้เยอะ
ส่วนใหญ่พวกที่จะทำได้ง่าย พวกชอบสงบๆ ไม่ชอบทำอะไรให้ใจวุ่นว่าย
สันโดด เงียบๆขึมๆ ไม่ค่อยชอบสังคมพาให้วุ่นวาย
# ลองดูน่ะ
หรืออยากขอเลข
ให้ปฏิบัติตามนี้
นั้งรู้ลมหายใจ ที่เข้าออกๆ ไปเรื่อยๆ
จนลมขาดหายไป จะเห็นแสงสว่าง
แล้วให้น้อมจิตน้อมเอาแสงสว่างเข้ามาในใจ
แล้วใช้จิตบังคับให้แสงสว่างนั้น สว่างไปทั่วทุกทิศทุกทาง
แค่นี้ก็เห็นแล้ว
แต่อย่าให้มี ความอยากเห็นเกิดขึ้นเด็ดขาด มันจะเป็นตัวขวางกลั้นไว้
ให้คิดว่าจะปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้าะระธรรมเจ้าพระสงฆ์
ลองดูน่ะใครมีบารมีด้านนี้เยอะ
ส่วนใหญ่พวกที่จะทำได้ง่าย พวกชอบสงบๆ ไม่ชอบทำอะไรให้ใจวุ่นว่าย
สันโดด เงียบๆขึมๆ ไม่ค่อยชอบสังคมพาให้วุ่นวาย
# ลองดูน่ะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
26 พ.ค. 2015
อาตมาเป็นพระ ก็สำนึกบุญคุณพ่อแม่เหมือนกัน"
ไม่ใช่ว่าบวชแล้วทิ้งท่านไม่ดูท่านเลย แต่ดูคนละแบบ"
จริงอยู่ที่ ปล่อยให้ท่านทำนา ทำงานเหนื่อย ต่างๆนาๆ อันนี้เรื่องจริง
ถ้าอาตมาเป็นโยมปุถุชนชาวบ้านก็คงต้องทำนา แต่นี่เป็นพระ
บุญคุณพ่อแม่นั้นต้องตอบแทน รู้...
จะเล่าเรื่องโยมพ่อของอาตมาให้ฟังน่ะ
แกตายแล้วแกไปเกิดเป็นเปตรโอปปาติกะ เป็นเปตรจำพวกปรทัตตูปชีวีเปตร
กรรมคงยังไม่หนักเท่าไร
มันเลยส่งให้ไปเป็นเปตรจำพวกที่รับบุญกุศลจากการอุทิศให้ได้ แต่ถ้าลงนรก
แล้วถึงจะอุทิศให้ก็ไม่ช่วยอะไรได้
โยมพ่อของอาตมานะตอนช่วงที่แกยังไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่ แกไม่ค่อยได้ทำบ
ุญอะไรเลย
ทานก็ไม่ค่อยได้ทำมัวแต่หาเงิน
ศีลก็ไม่เคยไปรักษา ปล่อยเวลาไปกับอย่างอื่น
เพราะแกไม่ใช้เวลามาสนใจเรื่องบุญเลย แต่ปล่อยเวลาไปก
ับการหาเงินงาน ภาวนานี่ยิ่งแล้วใหญ่ไม่เคยทำ
แต่ข้อดีเป็นคนไม่เบียดเบียนใคร
ยกเว้นสัตว์ สัตว์ใหญ่แกไม่ฆ่าเลย
ว่ากันตรงๆก็คือ ตอนมีชีวิตไม่สนใจบุญแต่ทำบาปก็น้อย
พอตายปุ๊บเป็นผีเปรตเลย
(แต่เปตรมีตั้ง31จำพวก
มีแค่จำพวกเดียวรับบุญได้
นอกนั้น30จำพวก จะทำบุญอุทิศให้ยังไงก็ไม่ได้)
และหลังจากนั้นไม่นานอาตมาก็ได้บวช บวชเพราะบ่นบวชว่าขอให้พ่อหาย
(แต่ไม่หาย..ก็ยังต้องบวช)
บวชได้ไม่นาน แกก็ตายจากภพเปตร ไปเกิดบนเทวโลก
เพราะบุญใหญ่มันถึง
(ตอนนี้ก็เลยพลาดโอกาสรู้ธรรม ไปเป็นเทวดาปุถุชน หลงกามคุณทิพย์)
เรื่องโยมแม่ โยมแม่ก็ทุกข์ร้อนใจแบบว่าทุกข์หนักมาก
เพราะวิบากเก่าให้ผลแก จิตเป็นทุกข์ร้อนทั้งกลางคืนกลางวัน
อย่างไม่มีทางออกสีหน้าหมองเศร้า ร้องไห้
เพราะแกไม่ยอมใช้หนี้เก่า วิบากเก่าๆ
ที่มันตามมาให้ผล
แต่ตอนนี้ก็เปลี่ยนไปแล้ว
ก็สอนโยมแม่ก็หัดเจริญสติดูทุกข์
ล่าสุดแกบอกว่า "ความทุกข์กับความสุขมันเหมือนละคร ผ่านมาผ่านไป"
อาตมาก็ สาธุ เห็นอย่างนี้แหละดีแล้ว
เห็นไปเรื่อยๆดูเรื่อยๆน่ะโยมแม่
สิ่งที่เห็นนั้นแหละวิบากที่เคยไปทำกับคนอื่น และก็สวดมนต์นั้งสมาธิก่อนนอนทุ
กวัน
นั้งทุกวันนั้งไม่ได้นานก็ต้องนั้งอย่าให้ขาด
แกก็ทำตามที่เราบอก
สิ่งที่อาตมากำลังตอบแทนโยมแม่อยู่ มันอยู่เหนือความกตัญญู
มันสูงกว่าการกตัญญูแบบโลกเขาทำ
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วสูงสุดแล้วที่ใครจะตอบแทนผู้มีพระคุณ
โยมแม่อาตมาถ้าแกเห็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เห็นจิตเห็นอารมณ์มันเปลี่ยนแปล
งจนรู้ว่าอารมณ์ต่างๆที่เห็นมันไม่ใช่เรา จิตไม่ใช่เรา
ก่อนแกจะหมดเวลาดู ก่อนแกตาย อย่างน้อยจิตแกต้องถึงโสดาบัน
ข้ามจากจิตปุถุชนชาวบ้านไปเป็นแบบอริยะชน
ถ้าตายก็เป็นเทพธิดาที่เป็นฝ่ายอริยะ
พ่อแม่เป็นผู้มีพระคุณมาก"นัก
"กว่าจะคลอด
กว่าจะคลาน
กว่าจะผ่า
กว่าจะโตมา คิดดู#
"เราควร ตอบแทนบุญคุณท่าน อย่างสูงสุดของแท้น่ะ"
จิตใจของพ่อและแม่ ยังติดในภูมิปุถุชนอยู่
ท่านไม่เข้าใจหรอกว่า อริยะชนภูมิ มันเป็นยังไงมันดียังไง
ลูกต้องศึกษาและสอนท่าน
เงินทองก็ตอบแทนได้แค่ร่างกาย
ส่วนจิตใจก็ไม่แท้จริง
# มนุษย์แบบไหนหรือว่าเทวดาแบบไหนตายแล้ว
ไม่สามารถตกนรกได้
ไม่สามารถไปเป็นเปตรได้
ไม่สามารถไปเป็นสัตว์เดรัจฉานได้
ไม่สามารถไปเป็นอสูรกายได้
1มนุษย์>ที่ เห็นว่าจิตไม่ใช่เรา
ผู้เห็นได้ก็ต้องเป็นคนมีคุณสมบัติ"โสดาบัน"ถึงจะเห็นได้
โสดาบันก็มาจากปุถุชนชาวบ้านคนธรรมดาๆนี่แหละ แต่ดูจิตใจตัวเอ
งจนเห็นว่า มันไม่คงที่เปลี่ยนตลอดไม่ใช่เรา แต่ยังวางไม่ได้
2มนุษย์>สกิทาคามีคือมนุษย์ผู้ที่พัฒนาจิตใจตัวเองจากขั้นโสดาบันขึ้นมา
เป็นสกิทาคามี
3>อนาคามีคือมนุษย์ผู้ที่พัฒนาจิตใจจากขั้นสกิทาคามีปีนขึ้นมาเ
ป็นอนาคามี
4>อรหันต์คือมนุษย์ผู้ที่มาจากภูมิจิตอนาคามี อรหันต์นี่คือผู้ ปล่อยวางจิตตัวเ
องได้แล้ว ตายแล้วเข้านิพพาน
ปุถุชนภูมิกับอริยะภูมิเป็นอย่างไร
ปุถุชนภูมิ คือ พวกระดับจิตที่ยังต่ำอยู่ยังอ่อนแออยู่
เป็นระดับจิตที่ยังไม่พ้นนรกเปตรเดรัจฉาอสูรอย่างถาวรได้เลย ยังมีความเสี่ยง
อริยะภูมิ คือ พวกระดับจิตสูงจนไม่สามารถลงนรกเป็นเปตรเดรัจฉานได้เลย
อย่างถาวร
มีอยู่4ระดับ
1โสดาบัน
2สกิทาคามี
3อนาคามี
4อรหันต์
พวกอยู่บนสวรรค์ก็มี2ฝ่าย
เทวดาฝ่ายปุถุชน กับ เทวดาฝ่ายอริยะชน
ฝ่ายปุถุชนจุติ(ตาย)แล้ว ไปนรก เดรัจฉาน เปตร อสูร ส่วนมาก
เหลือแค่ส่วนน้อยที่รอด
ถ้าอ่านแล้วก็คงจะเข้าใจแล้วเนาะ
(ถ้าใครอยากปฏิบัติ แชทมา)
อาตมาเป็นพระ ก็สำนึกบุญคุณพ่อแม่เหมือนกัน"
ไม่ใช่ว่าบวชแล้วทิ้งท่านไม่ดูท่านเลย แต่ดูคนละแบบ"
จริงอยู่ที่ ปล่อยให้ท่านทำนา ทำงานเหนื่อย ต่างๆนาๆ อันนี้เรื่องจริง
ถ้าอาตมาเป็นโยมปุถุชนชาวบ้านก็คงต้องทำนา แต่นี่เป็นพระ
บุญคุณพ่อแม่นั้นต้องตอบแทน รู้...
จะเล่าเรื่องโยมพ่อของอาตมาให้ฟังน่ะ
แกตายแล้วแกไปเกิดเป็นเปตรโอปปาติกะ เป็นเปตรจำพวกปรทัตตูปชีวีเปตร
กรรมคงยังไม่หนักเท่าไร
มันเลยส่งให้ไปเป็นเปตรจำพวกที่รับบุญกุศลจากการอุทิศให้ได้ แต่ถ้าลงนรก
แล้วถึงจะอุทิศให้ก็ไม่ช่วยอะไรได้
โยมพ่อของอาตมานะตอนช่วงที่แกยังไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่ แกไม่ค่อยได้ทำบ
ุญอะไรเลย
ทานก็ไม่ค่อยได้ทำมัวแต่หาเงิน
ศีลก็ไม่เคยไปรักษา ปล่อยเวลาไปกับอย่างอื่น
เพราะแกไม่ใช้เวลามาสนใจเรื่องบุญเลย แต่ปล่อยเวลาไปก
ับการหาเงินงาน ภาวนานี่ยิ่งแล้วใหญ่ไม่เคยทำ
แต่ข้อดีเป็นคนไม่เบียดเบียนใคร
ยกเว้นสัตว์ สัตว์ใหญ่แกไม่ฆ่าเลย
ว่ากันตรงๆก็คือ ตอนมีชีวิตไม่สนใจบุญแต่ทำบาปก็น้อย
พอตายปุ๊บเป็นผีเปรตเลย
(แต่เปตรมีตั้ง31จำพวก
มีแค่จำพวกเดียวรับบุญได้
นอกนั้น30จำพวก จะทำบุญอุทิศให้ยังไงก็ไม่ได้)
และหลังจากนั้นไม่นานอาตมาก็ได้บวช บวชเพราะบ่นบวชว่าขอให้พ่อหาย
(แต่ไม่หาย..ก็ยังต้องบวช)
บวชได้ไม่นาน แกก็ตายจากภพเปตร ไปเกิดบนเทวโลก
เพราะบุญใหญ่มันถึง
(ตอนนี้ก็เลยพลาดโอกาสรู้ธรรม ไปเป็นเทวดาปุถุชน หลงกามคุณทิพย์)
เรื่องโยมแม่ โยมแม่ก็ทุกข์ร้อนใจแบบว่าทุกข์หนักมาก
เพราะวิบากเก่าให้ผลแก จิตเป็นทุกข์ร้อนทั้งกลางคืนกลางวัน
อย่างไม่มีทางออกสีหน้าหมองเศร้า ร้องไห้
เพราะแกไม่ยอมใช้หนี้เก่า วิบากเก่าๆ
ที่มันตามมาให้ผล
แต่ตอนนี้ก็เปลี่ยนไปแล้ว
ก็สอนโยมแม่ก็หัดเจริญสติดูทุกข์
ล่าสุดแกบอกว่า "ความทุกข์กับความสุขมันเหมือนละคร ผ่านมาผ่านไป"
อาตมาก็ สาธุ เห็นอย่างนี้แหละดีแล้ว
เห็นไปเรื่อยๆดูเรื่อยๆน่ะโยมแม่
สิ่งที่เห็นนั้นแหละวิบากที่เคยไปทำกับคนอื่น และก็สวดมนต์นั้งสมาธิก่อนนอนทุ
กวัน
นั้งทุกวันนั้งไม่ได้นานก็ต้องนั้งอย่าให้ขาด
แกก็ทำตามที่เราบอก
สิ่งที่อาตมากำลังตอบแทนโยมแม่อยู่ มันอยู่เหนือความกตัญญู
มันสูงกว่าการกตัญญูแบบโลกเขาทำ
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วสูงสุดแล้วที่ใครจะตอบแทนผู้มีพระคุณ
โยมแม่อาตมาถ้าแกเห็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เห็นจิตเห็นอารมณ์มันเปลี่ยนแปล
งจนรู้ว่าอารมณ์ต่างๆที่เห็นมันไม่ใช่เรา จิตไม่ใช่เรา
ก่อนแกจะหมดเวลาดู ก่อนแกตาย อย่างน้อยจิตแกต้องถึงโสดาบัน
ข้ามจากจิตปุถุชนชาวบ้านไปเป็นแบบอริยะชน
ถ้าตายก็เป็นเทพธิดาที่เป็นฝ่ายอริยะ
พ่อแม่เป็นผู้มีพระคุณมาก"นัก
"กว่าจะคลอด
กว่าจะคลาน
กว่าจะผ่า
กว่าจะโตมา คิดดู#
"เราควร ตอบแทนบุญคุณท่าน อย่างสูงสุดของแท้น่ะ"
จิตใจของพ่อและแม่ ยังติดในภูมิปุถุชนอยู่
ท่านไม่เข้าใจหรอกว่า อริยะชนภูมิ มันเป็นยังไงมันดียังไง
ลูกต้องศึกษาและสอนท่าน
เงินทองก็ตอบแทนได้แค่ร่างกาย
ส่วนจิตใจก็ไม่แท้จริง
# มนุษย์แบบไหนหรือว่าเทวดาแบบไหนตายแล้ว
ไม่สามารถตกนรกได้
ไม่สามารถไปเป็นเปตรได้
ไม่สามารถไปเป็นสัตว์เดรัจฉานได้
ไม่สามารถไปเป็นอสูรกายได้
1มนุษย์>ที่ เห็นว่าจิตไม่ใช่เรา
ผู้เห็นได้ก็ต้องเป็นคนมีคุณสมบัติ"โสดาบัน"ถึงจะเห็นได้
โสดาบันก็มาจากปุถุชนชาวบ้านคนธรรมดาๆนี่แหละ แต่ดูจิตใจตัวเอ
งจนเห็นว่า มันไม่คงที่เปลี่ยนตลอดไม่ใช่เรา แต่ยังวางไม่ได้
2มนุษย์>สกิทาคามีคือมนุษย์ผู้ที่พัฒนาจิตใจตัวเองจากขั้นโสดาบันขึ้นมา
เป็นสกิทาคามี
3>อนาคามีคือมนุษย์ผู้ที่พัฒนาจิตใจจากขั้นสกิทาคามีปีนขึ้นมาเ
ป็นอนาคามี
4>อรหันต์คือมนุษย์ผู้ที่มาจากภูมิจิตอนาคามี อรหันต์นี่คือผู้ ปล่อยวางจิตตัวเ
องได้แล้ว ตายแล้วเข้านิพพาน
ปุถุชนภูมิกับอริยะภูมิเป็นอย่างไร
ปุถุชนภูมิ คือ พวกระดับจิตที่ยังต่ำอยู่ยังอ่อนแออยู่
เป็นระดับจิตที่ยังไม่พ้นนรกเปตรเดรัจฉาอสูรอย่างถาวรได้เลย ยังมีความเสี่ยง
อริยะภูมิ คือ พวกระดับจิตสูงจนไม่สามารถลงนรกเป็นเปตรเดรัจฉานได้เลย
อย่างถาวร
มีอยู่4ระดับ
1โสดาบัน
2สกิทาคามี
3อนาคามี
4อรหันต์
พวกอยู่บนสวรรค์ก็มี2ฝ่าย
เทวดาฝ่ายปุถุชน กับ เทวดาฝ่ายอริยะชน
ฝ่ายปุถุชนจุติ(ตาย)แล้ว ไปนรก เดรัจฉาน เปตร อสูร ส่วนมาก
เหลือแค่ส่วนน้อยที่รอด
ถ้าอ่านแล้วก็คงจะเข้าใจแล้วเนาะ
(ถ้าใครอยากปฏิบัติ แชทมา)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
>กายทิพย์
>จิต
# มีใครตอบคำถามธรรมะได้บ้าง
(1)คำถามคือ :ผี สามารถ มองเห็นเทวดาได้ไหม?
(2)คำถามคือ :เทวดามองเห็นพรหม ได้ไหม?
>จิต
# มีใครตอบคำถามธรรมะได้บ้าง
(1)คำถามคือ :ผี สามารถ มองเห็นเทวดาได้ไหม?
(2)คำถามคือ :เทวดามองเห็นพรหม ได้ไหม?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ไปทำธุระในเมืองอุบล ไปไม่ให้เสียเที่ยว ถือโอกาสแจกซีดีธรรมะเลย^^
วันนี้
ก่อนกลับแวะเข้าบิ๊กซี แจกCD "รู้จักรัก" ให้พวกนักเรียนนักศึกษาในห้าง !!
แล้วกลับออกมาที่ขนส่ง
แจกอีก จนหมด..!!
แผ่นหมดเร็วจริงๆ
[มันเป็นของฟรี]
แผ่นธรรมะที่นำไปแจกวันนี้ 2 แผ่น
[1 วางจิตก่อนตาย] อันนี้แจกให้โยมที่เป็นผู้ใหญโดยเฉพาะ
่
[2 รู้จักรัก ]
อันนี้แจกให้วัยรุ่นพวกที่เรียนโดยเฉพาะ
#แผ่นที่สองวัยรุ่นน่าจะลองฟังน่ะ
เพราะเนื้อหาในแผ่น เป็นเรื่องเกี่ยว ความรัก จีบไม่ติด อกหัก แย่งแฟน ปฏิเสธไม่รับรัก ไม่สมหวัง หึงหวงฆ่ากันตาย และก็มีเรื่องกฏแห่งกรรม วิบากกรรมแทรกอธิบายด้วย
ว่าถ้าทำอย่างนั้นจะเป็นยังไง
เช่น แย่งแฟนคนอื่น วิบากกรรมมันจะเป็นยังไง
เช่น เพราะเคยสาบานไว้ชาติก่อน
หรือเปล่า ทำให้ติดขัดเรื่องคู่
หรือผู้ที่มีชีวิตคู่แล้วก็สามารถฟังได้เหมือนกัน
เพราะเนื้อหา
ระดับต้น สำหรับวัยรุ่น
ขึ้นมาระดับกลาง สำหรับผู้ที่จะแต่งงาน
ระดับสูงผู้แต่งงานแล้ว
มีปัญหาจะแก้ยังไงไม่เป็นกรรม
ถ้าใครสนใจอยากจะลองฟัง..
ก็โหลดไปฟังได้
>เป็นไฟล์เสียง mp3 เข้าไปโหลดมาลองฟังน่ะ
www.jozho.net/index.php?mo=3&art=128296
หรือฟังใน www.jozho.net/index.php?mo=3&art=361180
วันนี้
ก่อนกลับแวะเข้าบิ๊กซี แจกCD "รู้จักรัก" ให้พวกนักเรียนนักศึกษาในห้าง !!
แล้วกลับออกมาที่ขนส่ง
แจกอีก จนหมด..!!
แผ่นหมดเร็วจริงๆ
[มันเป็นของฟรี]
แผ่นธรรมะที่นำไปแจกวันนี้ 2 แผ่น
[1 วางจิตก่อนตาย] อันนี้แจกให้โยมที่เป็นผู้ใหญโดยเฉพาะ
่
[2 รู้จักรัก ]
อันนี้แจกให้วัยรุ่นพวกที่เรียนโดยเฉพาะ
#แผ่นที่สองวัยรุ่นน่าจะลองฟังน่ะ
เพราะเนื้อหาในแผ่น เป็นเรื่องเกี่ยว ความรัก จีบไม่ติด อกหัก แย่งแฟน ปฏิเสธไม่รับรัก ไม่สมหวัง หึงหวงฆ่ากันตาย และก็มีเรื่องกฏแห่งกรรม วิบากกรรมแทรกอธิบายด้วย
ว่าถ้าทำอย่างนั้นจะเป็นยังไง
เช่น แย่งแฟนคนอื่น วิบากกรรมมันจะเป็นยังไง
เช่น เพราะเคยสาบานไว้ชาติก่อน
หรือเปล่า ทำให้ติดขัดเรื่องคู่
หรือผู้ที่มีชีวิตคู่แล้วก็สามารถฟังได้เหมือนกัน
เพราะเนื้อหา
ระดับต้น สำหรับวัยรุ่น
ขึ้นมาระดับกลาง สำหรับผู้ที่จะแต่งงาน
ระดับสูงผู้แต่งงานแล้ว
มีปัญหาจะแก้ยังไงไม่เป็นกรรม
ถ้าใครสนใจอยากจะลองฟัง..
ก็โหลดไปฟังได้
>เป็นไฟล์เสียง mp3 เข้าไปโหลดมาลองฟังน่ะ
www.jozho.net/index.php?mo=3&art=128296
หรือฟังใน www.jozho.net/index.php?mo=3&art=361180
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระใหม่ถาม: หลวงพี่คือผอมแท้ครับ?
#ถึงจะผอมกว่านี้จนเห็นแต่กระดูกติดเนื้อหนังก็เอา
ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ร้อยปีในสังสารวัฏนั้น เหมือนฟ้าผ่าครั้งหนึ่ง แล้วก็จางหายไป
จะมามัวหลงเมาหมกไม่ได้เลย
มีร่างกายแล้วต้องใช้ให้คุ้ม
ใช้ในทางปฏิบัติธรรมยิ่งคุ้ม
คุ้มที่สุด สุดๆ ขั้นสูงสุดในการใช้แล้ว
#เราลองใช้ใจมองดูร่างกายเรามันเป็นยังไงตอนนี้
1:มันรู้สึกทึบๆ ตันๆ หนักๆอยู่หรือเปล่า
2:หรือรู้สึกว่า เป็นโล่งๆ โปร่งๆ เบาๆ ใสๆ วางๆ
ถ้ายังอยู่ข้อ1 อยู่ โอ้ย..ต้องพยายามน่ะ ใช้ใจมองบ่อยๆ เดี๋ยวมันจะข้ามไปข้อ2เอง
(แค่นี้ก็เรียกปฏิบัติธรรมแล้ว
ทำได้ทุกเวลาเลย)
ที่อาตมาโพส
(อาตมาศึกษาธรรมะกับพระสอง2องค์นี้ รู้สึกเข้าใจเร็ว
1พระอาจารย์ปราโมท (รู้สึกว่าจริตเข้ากับท่านมาก ท่านสอนหมวด จิตตา,เวทนา เพราะปฏิบัติตามเห็นผลดับทุกข์จริ)
2พระอาจารย์คึกฤทธิ์
(สอนอานาปา
และได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ในเรื่องๆเหตุการณต่างๆความเป็นมา คำสอนต่างๆดังเดิมถือเป็นแนวครูสอนที่เอาความจริงขู่เลยก็ว่าได้ เรื่องในพุทธกาล เรื่องนั้นเรื่องนี้ )
ก็เอาความรู้ที่ได้นี่แหละมาโพส
และจากการปฏิบัติ
และจากหนังสือบ้าง
(ถ้าไม่ติดขั้นเมตตา ตัดเข้าอุเบกขาคงไม่ได้โพส
คงไม่ได้เล่นเฟส
แต่จะศึกษาปฏิบัติเงียบไม่บอกใคร ปล่อยไปตามกรรมเขา
ถ้าเขาสนใจเขาจะดิ้นหาธรรมะเอง เราอยู่เฉยๆอุเบกขาไม่ต้องเหนื่อยกายเลย
#ถึงจะผอมกว่านี้จนเห็นแต่กระดูกติดเนื้อหนังก็เอา
ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ร้อยปีในสังสารวัฏนั้น เหมือนฟ้าผ่าครั้งหนึ่ง แล้วก็จางหายไป
จะมามัวหลงเมาหมกไม่ได้เลย
มีร่างกายแล้วต้องใช้ให้คุ้ม
ใช้ในทางปฏิบัติธรรมยิ่งคุ้ม
คุ้มที่สุด สุดๆ ขั้นสูงสุดในการใช้แล้ว
#เราลองใช้ใจมองดูร่างกายเรามันเป็นยังไงตอนนี้
1:มันรู้สึกทึบๆ ตันๆ หนักๆอยู่หรือเปล่า
2:หรือรู้สึกว่า เป็นโล่งๆ โปร่งๆ เบาๆ ใสๆ วางๆ
ถ้ายังอยู่ข้อ1 อยู่ โอ้ย..ต้องพยายามน่ะ ใช้ใจมองบ่อยๆ เดี๋ยวมันจะข้ามไปข้อ2เอง
(แค่นี้ก็เรียกปฏิบัติธรรมแล้ว
ทำได้ทุกเวลาเลย)
ที่อาตมาโพส
(อาตมาศึกษาธรรมะกับพระสอง2องค์นี้ รู้สึกเข้าใจเร็ว
1พระอาจารย์ปราโมท (รู้สึกว่าจริตเข้ากับท่านมาก ท่านสอนหมวด จิตตา,เวทนา เพราะปฏิบัติตามเห็นผลดับทุกข์จริ)
2พระอาจารย์คึกฤทธิ์
(สอนอานาปา
และได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ในเรื่องๆเหตุการณต่างๆความเป็นมา คำสอนต่างๆดังเดิมถือเป็นแนวครูสอนที่เอาความจริงขู่เลยก็ว่าได้ เรื่องในพุทธกาล เรื่องนั้นเรื่องนี้ )
ก็เอาความรู้ที่ได้นี่แหละมาโพส
และจากการปฏิบัติ
และจากหนังสือบ้าง
(ถ้าไม่ติดขั้นเมตตา ตัดเข้าอุเบกขาคงไม่ได้โพส
คงไม่ได้เล่นเฟส
แต่จะศึกษาปฏิบัติเงียบไม่บอกใคร ปล่อยไปตามกรรมเขา
ถ้าเขาสนใจเขาจะดิ้นหาธรรมะเอง เราอยู่เฉยๆอุเบกขาไม่ต้องเหนื่อยกายเลย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
30 พ.ค. 2015
พระใหม่ถาม: หลวงพี่คือผอมแท้ครับ?
# ถึงจะผอมกว่านี้จนเห็นแต่กระดูกติดเนื้อหนังก็ยอมแลก
ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ทั้งที โบราณบอกว่า: ร้อยปีในสังสารวัฏนั้น
เหมือนฟ้าผ่าครั้งหนึ่ง แล้วก็จางหายไป
มันสั้นไหมแป๋บเดียวเองที่มันให้เวลาเราได้เห็นสายฟ้า
เราจะมามัวหลงเมาหมกกับเรื่องไร้สาระไม่ได้เลย
มีร่างกายแล้วต้องใช้ให้คุ้ม
ใช้ในทางปฏิบัติธรรมยิ่งคุ้ม
คุ้มที่สุด สุดๆ ขั้นสูงสุดในการใช้แล้ว
# เราลองใช้ใจมองดูร่างกายเรา
มันเป็นรู้สึกยังไงตอนนี้
1:มันรู้สึกทึบๆ ตันๆ หนักๆ อยู่หรือไม่
2:หรือรู้สึกว่า เป็นโล่งๆ โปร่งๆ เบาๆ ใสๆ ว่างๆ
ถ้ายังอยู่ข้อ1 อยู่ โอ้ย..ต้องพยายามน่ะ ใช้ใจมองบ่อยๆ ปัญญาเกิดเดี๋ยวมัน
จะข้ามไปข้อ2เอง
(แค่นี้ก็เรียกปฏิบัติธรรมแล้วน่ะ
ทำได้ทุกเวลาเลย)
ที่อาตมาโพส
(อาตมาศึกษาธรรมะกับพระสอง2องค์นี้ รู้สึกเข้าใจได้เร็ว
1พระอาจารย์ปราโมทย์ (รู้สึกว่าจริตเข้ากับท่านมาก ท่านสอนหมวด
จิตตา,เวทนา เพราะปฏิบัติตามเห็นผลดับทุกข์จริง)
2พระอาจารย์คึกฤทธิ์
(สอนอานาปา
และได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ในเรื่องเหตุการณต่างๆความเป็นมา คำสอนต่างๆ
ที่ดังเดิมถือเป็นแนวครูสอนที่เอาความจริงประกาศเลยก็ว่าได้ เรื่อง
ในพุทธกาล เรื่องนั้นเรื่องนี้ )
ก็เอาความรู้ที่ได้ศึกษานี่แหละมาโพส
และจากการปฏิบัติ
จากหนังสือบ้าง
(ถ้าไม่ติดขั้นเมตตา คงตัดเข้าอุเบกขาคงไม่ได้โพส
คงไม่ได้เล่นเฟส
แต่จะศึกษาปฏิบัติเงียบๆสงบ
ปล่อยไปตามกรรมเขา
ถ้าเขาสนใจเขาจะดิ้นหาธรรมะเอง เราอยู่เฉยๆอุเบกขาไม่ต้องเหนื่
อยกายเลย
พระใหม่ถาม: หลวงพี่คือผอมแท้ครับ?
# ถึงจะผอมกว่านี้จนเห็นแต่กระดูกติดเนื้อหนังก็ยอมแลก
ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ทั้งที โบราณบอกว่า: ร้อยปีในสังสารวัฏนั้น
เหมือนฟ้าผ่าครั้งหนึ่ง แล้วก็จางหายไป
มันสั้นไหมแป๋บเดียวเองที่มันให้เวลาเราได้เห็นสายฟ้า
เราจะมามัวหลงเมาหมกกับเรื่องไร้สาระไม่ได้เลย
มีร่างกายแล้วต้องใช้ให้คุ้ม
ใช้ในทางปฏิบัติธรรมยิ่งคุ้ม
คุ้มที่สุด สุดๆ ขั้นสูงสุดในการใช้แล้ว
# เราลองใช้ใจมองดูร่างกายเรา
มันเป็นรู้สึกยังไงตอนนี้
1:มันรู้สึกทึบๆ ตันๆ หนักๆ อยู่หรือไม่
2:หรือรู้สึกว่า เป็นโล่งๆ โปร่งๆ เบาๆ ใสๆ ว่างๆ
ถ้ายังอยู่ข้อ1 อยู่ โอ้ย..ต้องพยายามน่ะ ใช้ใจมองบ่อยๆ ปัญญาเกิดเดี๋ยวมัน
จะข้ามไปข้อ2เอง
(แค่นี้ก็เรียกปฏิบัติธรรมแล้วน่ะ
ทำได้ทุกเวลาเลย)
ที่อาตมาโพส
(อาตมาศึกษาธรรมะกับพระสอง2องค์นี้ รู้สึกเข้าใจได้เร็ว
1พระอาจารย์ปราโมทย์ (รู้สึกว่าจริตเข้ากับท่านมาก ท่านสอนหมวด
จิตตา,เวทนา เพราะปฏิบัติตามเห็นผลดับทุกข์จริง)
2พระอาจารย์คึกฤทธิ์
(สอนอานาปา
และได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ในเรื่องเหตุการณต่างๆความเป็นมา คำสอนต่างๆ
ที่ดังเดิมถือเป็นแนวครูสอนที่เอาความจริงประกาศเลยก็ว่าได้ เรื่อง
ในพุทธกาล เรื่องนั้นเรื่องนี้ )
ก็เอาความรู้ที่ได้ศึกษานี่แหละมาโพส
และจากการปฏิบัติ
จากหนังสือบ้าง
(ถ้าไม่ติดขั้นเมตตา คงตัดเข้าอุเบกขาคงไม่ได้โพส
คงไม่ได้เล่นเฟส
แต่จะศึกษาปฏิบัติเงียบๆสงบ
ปล่อยไปตามกรรมเขา
ถ้าเขาสนใจเขาจะดิ้นหาธรรมะเอง เราอยู่เฉยๆอุเบกขาไม่ต้องเหนื่
อยกายเลย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
30 พ.ค. 2015
เราเคยอยู่บนสวรรค์หรือเปล่า
บางทีความเคยชินที่อยู่แต่กับสุขที่เป็นทิพย์ด้วยบุญกุศลที่เคยทำไว้ตอนเป็นคน
พอตัวเป็นทิพย์แล้วมันสามารถเนรมิตอะไรตามที่ต้องการของใจได้
ใจที่มีตัณหาความอยาก ก็เนรมิตได้สารพัดทุกอย่างที่ไม่เกินอิทธิฤทิ์ต
ัวเองบารมีตัวเอง
เพราะเคยชินอยู่กับอัตภาพที่เคยได้เป็นผู้มีความงดงาม
(เทวดา,เทพธิดา พวกกายทิพย์หนะ) หลังจากนั้นพอหมดเวลาแล้วก็จุติ
จากวิมาน
ลงมาปฏิสนธิเกิดในโลกมนุษย์
(หมดเวลา คือหมดบารมีที่จะได้อยู่
หมดอายุขัยพอดี
มีกรรมแทรกขึ้นมาให้ผลจิตร้อนเป็นอกุศล)
มาเกิดเป็นคน แล้วเป็นยังไง
ถ้าพวกทานเยอะๆ มันก็ไปอยู่ที่รวยๆ
ถ้าพวกทานพอดี
มันก็ไปอยู่ที่พอมีคือฐานะปานกลาง
ส่วนพวกทานน้อยก็คิดดูเอาแล้วกัน
และก็อนุสัยความเคยชินที่เคยอยู่แบบสบายมันจะตามมา
ถ้าเป็นราคะจริต คือคนที่รักสวยรักงาม ชอบสบาย สะอาด ชอบตกแต่งให้หน้
าน่าดูน่าชอบใจ และพอใจกับรูปที่น่าดูที่เห็น มองไม่เห็นข้อเสียของรูปนั้นเลย
และใจไม่เป็นอิสระเพราะได้เห็นสิ่งนั้นแล้ว
เห็น สิ่งของที่น่ารักน่าชอบใจ น่าเอามาครอบครอง
หรือผู้หญิง เห็นผู้ชายหล่อๆ ทั้งที่ยังไม่รู้น่ะว่าเขาเป็นยังไง รวย,จน,เป็นมะเร็ง,
เป็นหอบ เป็นใบ้ หรือเป็นคนนิสัยยังไง
หรือผู้ชายเห็นผู้หญิงสวยๆน่ารักๆแล้ว (ทั้งที่ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นยังไง
ด่าเก่ง ขี้วีน เอาแต่ใจ รวยจน เป็นปอบ เป็นไม่เกรน หรืออื่นๆ )
แล้ว
จิตใจเหมือนตกอยู่ในอำนาจในสิ่งที่เห็นนั้น แบบไม่เป็นอิสระเหมือนตอนที่ยัง
ไม่เห็นเลย
และถอนคืนได้ยาก
คนแบบนี้คือคนกิเลสราคะ
ถ้าจะปฏิบัติ ต้องให้รู้เห็นความจริงของร่างกาย แบบของจริงความจริง
ในทางธรรมน่ะ)
ถ้าแบบทางวิทยาศาสตร์ ปลาบไม่ได้น่ะยังโง่อยู่
พยายามขัดมันบ้างอย่าปล่อยมันเป็นไปในสิ่งที่น่าชอบใจน่าหลงน่ายินดี
มองให้เห็นโทษ (ถ้าปล่อย เกิดมาชาติใหม่มันยิ่งหนักกว่าเดิม) ทำไม่ต้องแก้?
ไอ้นี่หละจะพาตกนรกต่อไป
โดยที่ตอนนี้ยังพอคุมได้ ต่อไปจะคุมมันไม่ได้
และห้ามแผ่เมตตาแบบปรุงแต่ง
คือแผ่แบบว่าจิตนาการ ปรุ่งชั้นพรหม ว่าสวยงดงาม
ลงมาสวรรค์6ชั้น เทพ เทวดา นางฟ้า กินนรี คงจะสวยงดงาม
สถานที่วิมาน ห้ามแผ่แบบนั้นมันจะมีภาพที่จิตสร้างขึ้นงดงาม
(มันจะเป็นอาหารของราคะ)
แต่ให้แผ่แบบ เอาตัวเราเป็นศูนย์กลางความเมตตา แผ่ออกไปทุกทิศทุกทาง
(เหมือนหินตกลงน้ำ แล้วมีวงรอบขยายออก แบบนั้นแหละ)
# คนทั้งโลกมี 3 จริต
1ราคะจริต แก้ง่ายสุด
2โทสะจริต แก้ได้ง่ายปลานกลาง
(ครั้งหน้าอาจจะได้โพส)
3โมหะจริต แก้ยาก
เราเคยอยู่บนสวรรค์หรือเปล่า
บางทีความเคยชินที่อยู่แต่กับสุขที่เป็นทิพย์ด้วยบุญกุศลที่เคยทำไว้ตอนเป็นคน
พอตัวเป็นทิพย์แล้วมันสามารถเนรมิตอะไรตามที่ต้องการของใจได้
ใจที่มีตัณหาความอยาก ก็เนรมิตได้สารพัดทุกอย่างที่ไม่เกินอิทธิฤทิ์ต
ัวเองบารมีตัวเอง
เพราะเคยชินอยู่กับอัตภาพที่เคยได้เป็นผู้มีความงดงาม
(เทวดา,เทพธิดา พวกกายทิพย์หนะ) หลังจากนั้นพอหมดเวลาแล้วก็จุติ
จากวิมาน
ลงมาปฏิสนธิเกิดในโลกมนุษย์
(หมดเวลา คือหมดบารมีที่จะได้อยู่
หมดอายุขัยพอดี
มีกรรมแทรกขึ้นมาให้ผลจิตร้อนเป็นอกุศล)
มาเกิดเป็นคน แล้วเป็นยังไง
ถ้าพวกทานเยอะๆ มันก็ไปอยู่ที่รวยๆ
ถ้าพวกทานพอดี
มันก็ไปอยู่ที่พอมีคือฐานะปานกลาง
ส่วนพวกทานน้อยก็คิดดูเอาแล้วกัน
และก็อนุสัยความเคยชินที่เคยอยู่แบบสบายมันจะตามมา
ถ้าเป็นราคะจริต คือคนที่รักสวยรักงาม ชอบสบาย สะอาด ชอบตกแต่งให้หน้
าน่าดูน่าชอบใจ และพอใจกับรูปที่น่าดูที่เห็น มองไม่เห็นข้อเสียของรูปนั้นเลย
และใจไม่เป็นอิสระเพราะได้เห็นสิ่งนั้นแล้ว
เห็น สิ่งของที่น่ารักน่าชอบใจ น่าเอามาครอบครอง
หรือผู้หญิง เห็นผู้ชายหล่อๆ ทั้งที่ยังไม่รู้น่ะว่าเขาเป็นยังไง รวย,จน,เป็นมะเร็ง,
เป็นหอบ เป็นใบ้ หรือเป็นคนนิสัยยังไง
หรือผู้ชายเห็นผู้หญิงสวยๆน่ารักๆแล้ว (ทั้งที่ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นยังไง
ด่าเก่ง ขี้วีน เอาแต่ใจ รวยจน เป็นปอบ เป็นไม่เกรน หรืออื่นๆ )
แล้ว
จิตใจเหมือนตกอยู่ในอำนาจในสิ่งที่เห็นนั้น แบบไม่เป็นอิสระเหมือนตอนที่ยัง
ไม่เห็นเลย
และถอนคืนได้ยาก
คนแบบนี้คือคนกิเลสราคะ
ถ้าจะปฏิบัติ ต้องให้รู้เห็นความจริงของร่างกาย แบบของจริงความจริง
ในทางธรรมน่ะ)
ถ้าแบบทางวิทยาศาสตร์ ปลาบไม่ได้น่ะยังโง่อยู่
พยายามขัดมันบ้างอย่าปล่อยมันเป็นไปในสิ่งที่น่าชอบใจน่าหลงน่ายินดี
มองให้เห็นโทษ (ถ้าปล่อย เกิดมาชาติใหม่มันยิ่งหนักกว่าเดิม) ทำไม่ต้องแก้?
ไอ้นี่หละจะพาตกนรกต่อไป
โดยที่ตอนนี้ยังพอคุมได้ ต่อไปจะคุมมันไม่ได้
และห้ามแผ่เมตตาแบบปรุงแต่ง
คือแผ่แบบว่าจิตนาการ ปรุ่งชั้นพรหม ว่าสวยงดงาม
ลงมาสวรรค์6ชั้น เทพ เทวดา นางฟ้า กินนรี คงจะสวยงดงาม
สถานที่วิมาน ห้ามแผ่แบบนั้นมันจะมีภาพที่จิตสร้างขึ้นงดงาม
(มันจะเป็นอาหารของราคะ)
แต่ให้แผ่แบบ เอาตัวเราเป็นศูนย์กลางความเมตตา แผ่ออกไปทุกทิศทุกทาง
(เหมือนหินตกลงน้ำ แล้วมีวงรอบขยายออก แบบนั้นแหละ)
# คนทั้งโลกมี 3 จริต
1ราคะจริต แก้ง่ายสุด
2โทสะจริต แก้ได้ง่ายปลานกลาง
(ครั้งหน้าอาจจะได้โพส)
3โมหะจริต แก้ยาก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
30 พ.ค. 2015
วิธีแก้ "ความกลัวผี" พวกโยมเพื่อนในfacebook ทำยังไงแก้ยังไง เมื่อมี
ความกลัวผีเกิดขึ้น จะขจัดความกลัวออกไปได้ยังไง?
:ตอบกล้าแสดงออกหน่อย:
1 ให้ลองพิจารณาดูสัตว์แถวนั้น มด แมลง ต่างๆ
มันไม่เห็นมีความกลัวครอบงำเลย
เราเป็นคนแท้ๆมีคุณธรรมสูงกว่าสัตว์อีก เราควรต้องกลัวไหม เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว
2 ไอ้"ผีๆ"นั้น ที่ทำให้เรามีความกลัวเกิดขึ้น ผีมันก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน มันก็ตาย
จากอัตภาพผี ได้เหมือนกันถ้าจิตมันเป็นกุศลขึ้นมา ก็ไปเป็นเทวดา
หรือมนุษย์
หรือถ้าอกุศโทสะเกิดขึ้น มันก็หลุดจากอัตภาพผี ไปเกิดในนรกได้เหมือนกัน
ลองพิจณาดูน่ะ แต่ละคนมีวิธีแก้จิต ตัวเองให้หายกลัวผีได้ต่างกัน
วิธีแก้ "ความกลัวผี" พวกโยมเพื่อนในfacebook ทำยังไงแก้ยังไง เมื่อมี
ความกลัวผีเกิดขึ้น จะขจัดความกลัวออกไปได้ยังไง?
:ตอบกล้าแสดงออกหน่อย:
1 ให้ลองพิจารณาดูสัตว์แถวนั้น มด แมลง ต่างๆ
มันไม่เห็นมีความกลัวครอบงำเลย
เราเป็นคนแท้ๆมีคุณธรรมสูงกว่าสัตว์อีก เราควรต้องกลัวไหม เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว
2 ไอ้"ผีๆ"นั้น ที่ทำให้เรามีความกลัวเกิดขึ้น ผีมันก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน มันก็ตาย
จากอัตภาพผี ได้เหมือนกันถ้าจิตมันเป็นกุศลขึ้นมา ก็ไปเป็นเทวดา
หรือมนุษย์
หรือถ้าอกุศโทสะเกิดขึ้น มันก็หลุดจากอัตภาพผี ไปเกิดในนรกได้เหมือนกัน
ลองพิจณาดูน่ะ แต่ละคนมีวิธีแก้จิต ตัวเองให้หายกลัวผีได้ต่างกัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
9 มิ.ย. 2015
อันว่า..ศาสตร์ทางโลกนั้น สำคัญนัก.. ยิ่งในการเลี้ยงดูชีวีกายใจ
ที่มืดมัวที่มัวหมองที่สับสน..
แต่ทว่ากันว่า..ทางธรรมนั้นมีศาสตร์หนึ่ง..
ซึ่งยิ่งนักศาสตร์นี้..
สำคัญยิ่งกว่าอื่น..ศาตร์อื่นนั้นยังมัวไปด้วยหมอง..
เรียนแล้วเจริญไม่มีปัญญาพาขาเดิน..เดินออกจากภพนั้นที่เน่าเหม็น
อันว่าภพนี้ ผู้ตาดีเห็นเขาแล้ว
ว่าตนเองถูกครอบไว้เหมือนกะลาเน่าคุมหัวกบ..
แม้นนั้นย่อมอยากหลุดออกจากกะลาเน่าที่เหม็นๆ.. เปรียบเหมือนกบท
ี่ดิ้นรนอยากหลุดออกเหมือนอยู่ในปากงู
โอ้..น๋อ มองออกไปเห็นปลาติดน้ำวนปลานั้นดูไม่ออก ว่ากันแล้วมนุษย์นั้นพา
กันเล่นตลก ทั้งทวยเทพเทวา พรม ตลกจริงน๋อ..
ไม่เหมือนกบ แต่เหมือนปลาติดน้ำในวังวน
แต่ไม่วายกลับมามองตัวเราเองอายเหมือนกัน"จ้องดูเรา จ้องดูแล้ว"
เห็นแล้วยิ่งตลกขำนักหนา..
"เห็นๆอยู่ สุขทุกข์ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขาไม่ใช่ของใคร"
แต่ไม่วาย รู้แล้วยังลืมเก่ง
โอ้..น๋อ สติเอ๋ย..ๆ ๆ
#
สัตว์นรกหลงไฟ
สัตว์เดรัจฉานหลงกิน
เปตรหลงทุกข์
มนุษย์หลงวัตถุ
เทวดาหลงทิพย์
พรหมหลงปิติ,สัญญา
สัตว์ทั้งหลายหลง"อวิชา"
อันว่า..ศาสตร์ทางโลกนั้น สำคัญนัก.. ยิ่งในการเลี้ยงดูชีวีกายใจ
ที่มืดมัวที่มัวหมองที่สับสน..
แต่ทว่ากันว่า..ทางธรรมนั้นมีศาสตร์หนึ่ง..
ซึ่งยิ่งนักศาสตร์นี้..
สำคัญยิ่งกว่าอื่น..ศาตร์อื่นนั้นยังมัวไปด้วยหมอง..
เรียนแล้วเจริญไม่มีปัญญาพาขาเดิน..เดินออกจากภพนั้นที่เน่าเหม็น
อันว่าภพนี้ ผู้ตาดีเห็นเขาแล้ว
ว่าตนเองถูกครอบไว้เหมือนกะลาเน่าคุมหัวกบ..
แม้นนั้นย่อมอยากหลุดออกจากกะลาเน่าที่เหม็นๆ.. เปรียบเหมือนกบท
ี่ดิ้นรนอยากหลุดออกเหมือนอยู่ในปากงู
โอ้..น๋อ มองออกไปเห็นปลาติดน้ำวนปลานั้นดูไม่ออก ว่ากันแล้วมนุษย์นั้นพา
กันเล่นตลก ทั้งทวยเทพเทวา พรม ตลกจริงน๋อ..
ไม่เหมือนกบ แต่เหมือนปลาติดน้ำในวังวน
แต่ไม่วายกลับมามองตัวเราเองอายเหมือนกัน"จ้องดูเรา จ้องดูแล้ว"
เห็นแล้วยิ่งตลกขำนักหนา..
"เห็นๆอยู่ สุขทุกข์ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขาไม่ใช่ของใคร"
แต่ไม่วาย รู้แล้วยังลืมเก่ง
โอ้..น๋อ สติเอ๋ย..ๆ ๆ
#
สัตว์นรกหลงไฟ
สัตว์เดรัจฉานหลงกิน
เปตรหลงทุกข์
มนุษย์หลงวัตถุ
เทวดาหลงทิพย์
พรหมหลงปิติ,สัญญา
สัตว์ทั้งหลายหลง"อวิชา"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ จำเนียร สมหมั่น
คุณได้แท็ก จำเนียร สมหมั่น
ลงวิบากเด้อ
11 มิ.ย. 2015
โยมอา : บอกเลขโยมอาแหน่ขะน้อย
*****************************************
โยมอา การซื้อหวยไม่ผิดศีล ๕ ก็จริง แต่มันจะไปเข้า (อบายมุข ๖) ข้อ 4 มัน
เป็นทางเสือมแห่งทรัพย์และทางเสื่อมแห่งตนเอง
1 การชอบเที่ยวกลางคืน
2 การชอบเที่ยวดูการละเล่น
3 การเป็นนักเลงสุรา
4 การเป็นนักเลงการพนัน
5 การเกลียดคร้านทำงาน
6 การคบคนชัวเป็นมิตร
ถ้าเล่นมากๆแล้ว ต่อไปทรัพย์จะเสื่อม และจะมีการพูดท็จโกหก ลักทรัพย์
ผิดศีลตามมา เป็นทางเสื่อมเป็นไปเพื่อ นรก กำเนิด เดรัจฉาน
ส่วนทางเจริญ ให้ทำเหตุปัจจัยแบบนี้
1 มีศีล ๕
2 ทำสมาธิ รู้ลมเข้าออก บ่อยๆ (อานาปานสติ)
3 พิจารณาธรรมบ่อยๆ
4 อยู่วิเวกคนเดียวบ้าง พิจารณาร่างกายเราว่าที่สุดแล้วมันเป็นยังไง
๔ เหตุนี้พระพุทธเจ้าบอกว่าถ้าเธอปรารถนาสิ่งใด ย่อมได้สิ่งนั้น
การนั้งสมาธินั้นเป็นกรรมหนักฝ่ายดี ให้ผลทันที ให้ผลทันทีที่ปฏิบัติ
นั้งแล้วโยมอาปรารถนาสิ่งใด ก็ตั้งจิตปรารถนาเอา
11 มิ.ย. 2015
โยมอา : บอกเลขโยมอาแหน่ขะน้อย
*****************************************
โยมอา การซื้อหวยไม่ผิดศีล ๕ ก็จริง แต่มันจะไปเข้า (อบายมุข ๖) ข้อ 4 มัน
เป็นทางเสือมแห่งทรัพย์และทางเสื่อมแห่งตนเอง
1 การชอบเที่ยวกลางคืน
2 การชอบเที่ยวดูการละเล่น
3 การเป็นนักเลงสุรา
4 การเป็นนักเลงการพนัน
5 การเกลียดคร้านทำงาน
6 การคบคนชัวเป็นมิตร
ถ้าเล่นมากๆแล้ว ต่อไปทรัพย์จะเสื่อม และจะมีการพูดท็จโกหก ลักทรัพย์
ผิดศีลตามมา เป็นทางเสื่อมเป็นไปเพื่อ นรก กำเนิด เดรัจฉาน
ส่วนทางเจริญ ให้ทำเหตุปัจจัยแบบนี้
1 มีศีล ๕
2 ทำสมาธิ รู้ลมเข้าออก บ่อยๆ (อานาปานสติ)
3 พิจารณาธรรมบ่อยๆ
4 อยู่วิเวกคนเดียวบ้าง พิจารณาร่างกายเราว่าที่สุดแล้วมันเป็นยังไง
๔ เหตุนี้พระพุทธเจ้าบอกว่าถ้าเธอปรารถนาสิ่งใด ย่อมได้สิ่งนั้น
การนั้งสมาธินั้นเป็นกรรมหนักฝ่ายดี ให้ผลทันที ให้ผลทันทีที่ปฏิบัติ
นั้งแล้วโยมอาปรารถนาสิ่งใด ก็ตั้งจิตปรารถนาเอา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
11 มิ.ย. 2015
คนที่ธาตุเหมือนกันย่อมเข้ากันได้ ด้วยความเป็นธาตุ
คนที่มีนิสัย อัธยาศัยเหมือนกัน ย่อมเข้ากันโดยด้วยความเป็นธาตุ
พระพุทธเจ้าถามภิกษุทั้งหลายว่า เธอเห็นพระสารีบุครเดินจงกลมกับ
ภิกษุกลุ่มนั้นไหม
สาวก: เห็นพระเจ้าข้า
พ: ภิกษุทั้งหมดนี้ ล้วนมีปัญญามาก
พ: เธอเห็นมหาโมคคัลลานะเดินจงกลมกับภิกษุกลุ่มนั้นไหม
สาวก: เห็นพระเจ้าข้า
พ: ภิกษุทั้งหมดนี้ ล้วนมีฤทธิ์มาก
พ: เธอเห็นเทวทัตต์เดินจงกลมกับภิกษุกลุ่มนั้นไหม
สาวก: เห็นพระเจ้าข้า
พ: ภิกษุทั้งหมดนี้ ล้วนมีความปรารถนาหยาบช้า ต่ำทราม,อันเป็น
ที่น่ารังเกียจของคนดีมีศีลธรรม
เราจะเห็นในปัจจุบันว่า คนที่เป็นกลุ่มนักเลงสุรา ย่อมคบหาสมาคมกันด้วย
ความเป็นธาตุที่เข้ากัน ตรงกันข้ามคนที่ไม่ชอบกินเหล้าก็จะคบหาสมาคม
กันโดยความเป็นธาตุ
แต่บางครั้งเราจะเห็นว่าก็ยังมีคนดีเข้าไปคบปะปนกับคนไม่ดีอยู่นี่
(แต่ส่วนลึกที่เป็นจิตใจแล้ว จะเข้ากันไม่ได้)
เห็นไหมผัวเมียทะเลาะกัน เหตุส่วมมากเพราะไม่เข้าใจกัน
จิตใจลงลอยไปทางเดียวกันไม่ได้ ไม่เห็นด้วยไปในทางเดียวกัน เลย
ต้องทะเลาะกันมีปัญหาตามมา
แต่ที่แต่งงานกันเพราะหลงรูป (ร่างกาย) เสียง การกระทำ
คำสอนของอรหันต์ะสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงที่สุด
คนที่ธาตุเหมือนกันย่อมเข้ากันได้ ด้วยความเป็นธาตุ
คนที่มีนิสัย อัธยาศัยเหมือนกัน ย่อมเข้ากันโดยด้วยความเป็นธาตุ
พระพุทธเจ้าถามภิกษุทั้งหลายว่า เธอเห็นพระสารีบุครเดินจงกลมกับ
ภิกษุกลุ่มนั้นไหม
สาวก: เห็นพระเจ้าข้า
พ: ภิกษุทั้งหมดนี้ ล้วนมีปัญญามาก
พ: เธอเห็นมหาโมคคัลลานะเดินจงกลมกับภิกษุกลุ่มนั้นไหม
สาวก: เห็นพระเจ้าข้า
พ: ภิกษุทั้งหมดนี้ ล้วนมีฤทธิ์มาก
พ: เธอเห็นเทวทัตต์เดินจงกลมกับภิกษุกลุ่มนั้นไหม
สาวก: เห็นพระเจ้าข้า
พ: ภิกษุทั้งหมดนี้ ล้วนมีความปรารถนาหยาบช้า ต่ำทราม,อันเป็น
ที่น่ารังเกียจของคนดีมีศีลธรรม
เราจะเห็นในปัจจุบันว่า คนที่เป็นกลุ่มนักเลงสุรา ย่อมคบหาสมาคมกันด้วย
ความเป็นธาตุที่เข้ากัน ตรงกันข้ามคนที่ไม่ชอบกินเหล้าก็จะคบหาสมาคม
กันโดยความเป็นธาตุ
แต่บางครั้งเราจะเห็นว่าก็ยังมีคนดีเข้าไปคบปะปนกับคนไม่ดีอยู่นี่
(แต่ส่วนลึกที่เป็นจิตใจแล้ว จะเข้ากันไม่ได้)
เห็นไหมผัวเมียทะเลาะกัน เหตุส่วมมากเพราะไม่เข้าใจกัน
จิตใจลงลอยไปทางเดียวกันไม่ได้ ไม่เห็นด้วยไปในทางเดียวกัน เลย
ต้องทะเลาะกันมีปัญหาตามมา
แต่ที่แต่งงานกันเพราะหลงรูป (ร่างกาย) เสียง การกระทำ
คำสอนของอรหันต์ะสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงที่สุด
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระอาจารย์คึกฤทธิ์-สนทนาธรรมเช้าวันอาทิตย์_2015-06-14
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
นิทาน..
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีเด็กหนุ่ม3คน เป็นเพื่อนกัน
วันหนึ่งมารดาใช้ให้เด็กคนนั้นไปหาเก็บผลไม้ในป่าเพื่อนำมาประกอบอาหารเย็นมื้อแรกและเพื่อมื้อที่สองตอนเช้า
เด็กคนที่หนึ่งนั้นมีความคิดว่า"เราควรจะชวนเพื่อนไปเก็บด้วยกันดีกว่า" จึงเดินไปเรือนของเพื่อน
แต่เพื่อนไม่อยู่ เขาจึงเดินไปเรือนของเพื่อนคนที่2 แต่เพื่อนคนที่2ก็ไม่อยู่อีก
เขาจึงมีความคิดว่า"เพื่อนเราไปไหนน่ะ ไม่อยู่ตั้ง2คนเลย"
เขาจึงไปเก็บผลไม้ตามที่มารดาสั่งไว้
และในขณะที่เก็บผลไม้อยู่ เขาเห็นพระเหาะลงมาจากท้องฟ้า และลงเดินตรงมาหาเขา เหมือนมาขออาหาร
เด็กคนนั้นไม่รู้จะทำยังไง
เลยยื่นผลไม้ที่เก็บนั้นใส่ในบาตให้
และทันใดนั้นพระปัจเจกก็เหาะขึ้นเหนือยอดไม้และหายไป
และเด็กคนนั้นครั้นให้ทานไปแล้วเขาก็เริ่มหาเก็บผลไม้อีกครั้ง จิตใจก็เกิดความเสียดาย หลังจากนั้นเขาก็นำผลไม้ที่เก็บได้ไปให้มารดาประกอบอาหาร
ผ่านไป7วัน เด็กคนนั้นนำผลไม้ไปขาย
ขายได้เงินเยอะมากจนไม่น่าเชื่อว่าผลไม้น้อยนิดเดียวขายได้เงินมากกว่าทรัพย์ในหวังหลวงทั้งหมด
เขาเกิดแปลกใจ ว่าทำไมได้เงินเยอะจัง
เขาจึงไปถามมารดา มารดาก็ไม่รู้สาเหตุ
มารดาก็เลยย้อนถามว่า ช่วงไม่นานมานี้ลูกได้ให้อาหารกับใครไหม
เด็กคนนั้นก็ตอบว่าได้ให้อาหารกับคนหัวโล้นเหาะลงมาขอในป่าตอนเก็บผลไม้
มารดาจึงตอบว่า
ที่ขายผลไม้ได้เงินเยอะนั้น
เพราะทานกับพระปัจเจกพุทธเจ้าลูก
มารดาถามต่ออีกว่า ท่านจะมาโปรดอีกวันไหน
ลูกตอบว่าไม่ได้คุยกันจ่ะ
หลังจากผ่านวันนั้นไปเด็กคนนั้นรวยมีทรัพย์มากมายนับไม่ได้
เขาจึงเรียกเพื่อนๆมาเล่นที่บ้านมากินอาหารให้อิ่มหนำแล้วค่อยไปเล่น
หลังจากนั้นพวกเพื่อนๆก็ถามเขาว่ามีโภคทรัพย์เยอะได้อย่างไร
เขาจึงตอบว่า ทานผลไม้กับพระเหาะได้
เพื่อนถามเขาต่ออีกว่า ทานที่ไหน เขาตอบว่า ที่ป่า
เพื่อนถามเขาต่ออีกว่า ตรงไหน เขาตอบว่า
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปดู
หลังจากนั้นวันต่อมาเขาได้พาเพื่อนไปดูตรงจุดที่พระปัจเจกเดินมาและเหาะทะลุขึ้นบนยอดไม้แล้วหายไป
เพื่อนของเขา2คนนั้น อยากเห็นพระปัจเจกจึงอธฐานในใจ ขอให้พระปัจเจกเหาะลงมาโปรดด้วยเถิด
หลังจากนั้นเขาจึงนัดแนะกันว่าจะมารอที่นี่ทุกวันหลังเก็บผลไม้แล้ว
ไม่นานผ่านไป3เดือนมีพระปัจเจกเหาะลงมาและเดินมาขออาหารตามที่เขาตั้งจิตอธิฐานไว้
เขาจึงชวนเพื่อนๆถวายผลไม้และถามท่านว่า ท่านชื่ออะไรเหาะได้ยังไง
และวันนั้นเอง มีคนตายชาวบ้านเอา
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีเด็กหนุ่ม3คน เป็นเพื่อนกัน
วันหนึ่งมารดาใช้ให้เด็กคนนั้นไปหาเก็บผลไม้ในป่าเพื่อนำมาประกอบอาหารเย็นมื้อแรกและเพื่อมื้อที่สองตอนเช้า
เด็กคนที่หนึ่งนั้นมีความคิดว่า"เราควรจะชวนเพื่อนไปเก็บด้วยกันดีกว่า" จึงเดินไปเรือนของเพื่อน
แต่เพื่อนไม่อยู่ เขาจึงเดินไปเรือนของเพื่อนคนที่2 แต่เพื่อนคนที่2ก็ไม่อยู่อีก
เขาจึงมีความคิดว่า"เพื่อนเราไปไหนน่ะ ไม่อยู่ตั้ง2คนเลย"
เขาจึงไปเก็บผลไม้ตามที่มารดาสั่งไว้
และในขณะที่เก็บผลไม้อยู่ เขาเห็นพระเหาะลงมาจากท้องฟ้า และลงเดินตรงมาหาเขา เหมือนมาขออาหาร
เด็กคนนั้นไม่รู้จะทำยังไง
เลยยื่นผลไม้ที่เก็บนั้นใส่ในบาตให้
และทันใดนั้นพระปัจเจกก็เหาะขึ้นเหนือยอดไม้และหายไป
และเด็กคนนั้นครั้นให้ทานไปแล้วเขาก็เริ่มหาเก็บผลไม้อีกครั้ง จิตใจก็เกิดความเสียดาย หลังจากนั้นเขาก็นำผลไม้ที่เก็บได้ไปให้มารดาประกอบอาหาร
ผ่านไป7วัน เด็กคนนั้นนำผลไม้ไปขาย
ขายได้เงินเยอะมากจนไม่น่าเชื่อว่าผลไม้น้อยนิดเดียวขายได้เงินมากกว่าทรัพย์ในหวังหลวงทั้งหมด
เขาเกิดแปลกใจ ว่าทำไมได้เงินเยอะจัง
เขาจึงไปถามมารดา มารดาก็ไม่รู้สาเหตุ
มารดาก็เลยย้อนถามว่า ช่วงไม่นานมานี้ลูกได้ให้อาหารกับใครไหม
เด็กคนนั้นก็ตอบว่าได้ให้อาหารกับคนหัวโล้นเหาะลงมาขอในป่าตอนเก็บผลไม้
มารดาจึงตอบว่า
ที่ขายผลไม้ได้เงินเยอะนั้น
เพราะทานกับพระปัจเจกพุทธเจ้าลูก
มารดาถามต่ออีกว่า ท่านจะมาโปรดอีกวันไหน
ลูกตอบว่าไม่ได้คุยกันจ่ะ
หลังจากผ่านวันนั้นไปเด็กคนนั้นรวยมีทรัพย์มากมายนับไม่ได้
เขาจึงเรียกเพื่อนๆมาเล่นที่บ้านมากินอาหารให้อิ่มหนำแล้วค่อยไปเล่น
หลังจากนั้นพวกเพื่อนๆก็ถามเขาว่ามีโภคทรัพย์เยอะได้อย่างไร
เขาจึงตอบว่า ทานผลไม้กับพระเหาะได้
เพื่อนถามเขาต่ออีกว่า ทานที่ไหน เขาตอบว่า ที่ป่า
เพื่อนถามเขาต่ออีกว่า ตรงไหน เขาตอบว่า
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปดู
หลังจากนั้นวันต่อมาเขาได้พาเพื่อนไปดูตรงจุดที่พระปัจเจกเดินมาและเหาะทะลุขึ้นบนยอดไม้แล้วหายไป
เพื่อนของเขา2คนนั้น อยากเห็นพระปัจเจกจึงอธฐานในใจ ขอให้พระปัจเจกเหาะลงมาโปรดด้วยเถิด
หลังจากนั้นเขาจึงนัดแนะกันว่าจะมารอที่นี่ทุกวันหลังเก็บผลไม้แล้ว
ไม่นานผ่านไป3เดือนมีพระปัจเจกเหาะลงมาและเดินมาขออาหารตามที่เขาตั้งจิตอธิฐานไว้
เขาจึงชวนเพื่อนๆถวายผลไม้และถามท่านว่า ท่านชื่ออะไรเหาะได้ยังไง
และวันนั้นเอง มีคนตายชาวบ้านเอา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ได้แต่มองดูอย่างสงสาร
อย่าฝืนใจตัวเองเลยนะ
ใจเขาถูกฝึกมาทางนี้ตั้งแต่อดีตชาติแล้วและไม่ใช่ชาติเดียว สั่งสมมาหลายชาติด้วย
ลองพิจารณาดูดีๆ
ว่าทำไมอดีตชาติ
ถึงทุ่มเททั้งกายทั้งใจปฏิบัติธรรม ไม่ใช่ธรรมดาน่ะ
และคนที่จะทุ่มเทปฏิบัติธรรมได้น่ะ เขาคนนั้นต้องรู้ความจริงอะไรสักอย่างหนึ่ง
ที่ทำให้ถึงกับมีความคิด อยากจะออกจากทางโลกมาทางธรรม
#Noom ถ้ามาทางนี้จะบรรลุเป็นอริยะบุคล
อย่าฝืนใจตัวเองเลยนะ
ใจเขาถูกฝึกมาทางนี้ตั้งแต่อดีตชาติแล้วและไม่ใช่ชาติเดียว สั่งสมมาหลายชาติด้วย
ลองพิจารณาดูดีๆ
ว่าทำไมอดีตชาติ
ถึงทุ่มเททั้งกายทั้งใจปฏิบัติธรรม ไม่ใช่ธรรมดาน่ะ
และคนที่จะทุ่มเทปฏิบัติธรรมได้น่ะ เขาคนนั้นต้องรู้ความจริงอะไรสักอย่างหนึ่ง
ที่ทำให้ถึงกับมีความคิด อยากจะออกจากทางโลกมาทางธรรม
#Noom ถ้ามาทางนี้จะบรรลุเป็นอริยะบุคล
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
23 มิ.ย. 2015
คนที่สั่งสมบุญญาบารมีปลูกฝังอุปนิสัยของตนมาอย่างไร นิสัยนั้นๆย่อมติดต่อ
เนื่องกันมาหลายชาต
เพราะตนเคยสั่งสมอุปนิสัยเคยสั่งสมบารมีมาแล้วในทางนั้น อย่าทำ
ให้ตัวเองช้าเลย
เวลามันยิ่งเหลือน้อยลงไปทุกที อีก50กว่าปีก็หมดแล้วนะ
อยู่ในเพศฆราวาส กำลังมันอ่อน พวกเทวดาไม่ดีเขาหาทางขวางสารพัด
ไว้
ออกบวช กำลังมันจะกล้าแข็งขึ้น
พวกเทวดาไม่ดีเขาจะขวางเราไม่ง่ายเหมือนตอนที่ยังไม่บวช
จะขอเล่าเรื่องในพระไตรปีฏก
เรื่อง ภิกษุ2รูป เคยบวชเป็นเพื่อนกันในศาสนาพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ
ภิกษุ2รูปนี้เป็นเพื่อนกันดีมาก ประพฤธรรมด้วยกัน และให้สัญญากันว่า
ถ้าตายจากชาตินี้แล้ว "คนที่ได้ดีต้องช่วยคนที่เป็นทุกข์"
หลังจากนั้น ภิกษุรูปที่1ก็มรณภาพ ไปเกิดเป็นเทวดา
ส่วนภิกษุรูปที่2มรณภาพเพราะก่อนตายจิตเศร้าหมองไปเกิดเป็นสัตว์เดรัฉาน
เป็นหนอนอาศัยอยู่กินกับกองขี้วัวกองใหญ่
กินขี้ควายเป็นอาหาร นอนบนกองขี้ควาย
ครั้นภิกษุที่ไปเกิดเป็นเทวดา ระลึกถึงสัญญาที่เคยให้ไว้ว่า"ถ้าใครได้ดีต้องช
่วยคนที่ไม่ได้ดี" นึกขึ้นมาว่าเพื่อนภิกษุนั้นไปเกิดที่ไหน ตรวจดูด้วยตาทิพ
ย์ไปเห็นอยู่บนกองขี้ควายและกำลังกินขี้ควายเป็นอาหาร
ครั้งแล้วภิกษุที่ไปเกิดเป็นเทวดาเห็นเพื่อนได้อัตภาพเดรัจฉานเป็นหนอนแล้ว
จึงแปลงกายเป็นนกบินลงไปหา
หนอน: ไอ้นกขโมย อย่ามาแย้งอาหารเราน่ะ อย่ามาทำร้ายเราน่ะ"
นก:ชาติก่อนเราเคยเป็นเพื่อนกัน บวชเป็นภิกษุในพระศาสนาของพระพุ
ทธเจ้า เราเคยสัญญากันว่า ถ้าใครได้ดีต้องช่วยคนที่ไม่ได้ดี
สมัยท่านเป็นคนท่านรังเกียจขี้วัวมาก แต่มาบัดนี้ท่านมาอยู่กินบนกองข
ี้วัวแบบมัวเมา
เราจะช่วยให้ท่านไปเป็นเทวดาด้วยกุศลที่ท่านเคยทำไว้ตอนบวช
หนอน: อย่ามารังแกเราเลย เราไม่ลำบากหรอก อาหารก็มีอยู่กับที่
ที่นอนที่อยู่อาศัยก็อยู่กับที่แถมยังนุ่มนิ่มดี
และไม่ต้องทำงานเหมือนพวกมนุษย์ให้วุ่นวาย
**หลังจากนั้นนกเทวดาตัวนั้นก็บินหนี้ขึ้นไปบนฟ้า เพราะไม่มีปัญญาจะช่วย
ได้
# คนที่รู้ว่าตนเองจะประสบกับสิ่งที่ดี ก็คงไม่นั้งรอนอนรอนานจนตูดงอก แต่
จะมุ่งมั่นไปให้ถึงให้เร็วกว่าเดิม
น้อยคนนักที่จะมีวาสนาบารมีบรรลุเป็นอริยะได้
# N
คนที่สั่งสมบุญญาบารมีปลูกฝังอุปนิสัยของตนมาอย่างไร นิสัยนั้นๆย่อมติดต่อ
เนื่องกันมาหลายชาต
เพราะตนเคยสั่งสมอุปนิสัยเคยสั่งสมบารมีมาแล้วในทางนั้น อย่าทำ
ให้ตัวเองช้าเลย
เวลามันยิ่งเหลือน้อยลงไปทุกที อีก50กว่าปีก็หมดแล้วนะ
อยู่ในเพศฆราวาส กำลังมันอ่อน พวกเทวดาไม่ดีเขาหาทางขวางสารพัด
ไว้
ออกบวช กำลังมันจะกล้าแข็งขึ้น
พวกเทวดาไม่ดีเขาจะขวางเราไม่ง่ายเหมือนตอนที่ยังไม่บวช
จะขอเล่าเรื่องในพระไตรปีฏก
เรื่อง ภิกษุ2รูป เคยบวชเป็นเพื่อนกันในศาสนาพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ
ภิกษุ2รูปนี้เป็นเพื่อนกันดีมาก ประพฤธรรมด้วยกัน และให้สัญญากันว่า
ถ้าตายจากชาตินี้แล้ว "คนที่ได้ดีต้องช่วยคนที่เป็นทุกข์"
หลังจากนั้น ภิกษุรูปที่1ก็มรณภาพ ไปเกิดเป็นเทวดา
ส่วนภิกษุรูปที่2มรณภาพเพราะก่อนตายจิตเศร้าหมองไปเกิดเป็นสัตว์เดรัฉาน
เป็นหนอนอาศัยอยู่กินกับกองขี้วัวกองใหญ่
กินขี้ควายเป็นอาหาร นอนบนกองขี้ควาย
ครั้นภิกษุที่ไปเกิดเป็นเทวดา ระลึกถึงสัญญาที่เคยให้ไว้ว่า"ถ้าใครได้ดีต้องช
่วยคนที่ไม่ได้ดี" นึกขึ้นมาว่าเพื่อนภิกษุนั้นไปเกิดที่ไหน ตรวจดูด้วยตาทิพ
ย์ไปเห็นอยู่บนกองขี้ควายและกำลังกินขี้ควายเป็นอาหาร
ครั้งแล้วภิกษุที่ไปเกิดเป็นเทวดาเห็นเพื่อนได้อัตภาพเดรัจฉานเป็นหนอนแล้ว
จึงแปลงกายเป็นนกบินลงไปหา
หนอน: ไอ้นกขโมย อย่ามาแย้งอาหารเราน่ะ อย่ามาทำร้ายเราน่ะ"
นก:ชาติก่อนเราเคยเป็นเพื่อนกัน บวชเป็นภิกษุในพระศาสนาของพระพุ
ทธเจ้า เราเคยสัญญากันว่า ถ้าใครได้ดีต้องช่วยคนที่ไม่ได้ดี
สมัยท่านเป็นคนท่านรังเกียจขี้วัวมาก แต่มาบัดนี้ท่านมาอยู่กินบนกองข
ี้วัวแบบมัวเมา
เราจะช่วยให้ท่านไปเป็นเทวดาด้วยกุศลที่ท่านเคยทำไว้ตอนบวช
หนอน: อย่ามารังแกเราเลย เราไม่ลำบากหรอก อาหารก็มีอยู่กับที่
ที่นอนที่อยู่อาศัยก็อยู่กับที่แถมยังนุ่มนิ่มดี
และไม่ต้องทำงานเหมือนพวกมนุษย์ให้วุ่นวาย
**หลังจากนั้นนกเทวดาตัวนั้นก็บินหนี้ขึ้นไปบนฟ้า เพราะไม่มีปัญญาจะช่วย
ได้
# คนที่รู้ว่าตนเองจะประสบกับสิ่งที่ดี ก็คงไม่นั้งรอนอนรอนานจนตูดงอก แต่
จะมุ่งมั่นไปให้ถึงให้เร็วกว่าเดิม
น้อยคนนักที่จะมีวาสนาบารมีบรรลุเป็นอริยะได้
# N
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
23 มิ.ย. 2015
พระเปรียบเสมือน"กระจก"
ทาน(แปลว่าการให้)
ถ้าทาน โทสะ ย่อมได้ความเผ็ดร้อนเจ็บแสบทุกข์ทรมาณมาในภายหลัง
ให้ความ เมตตา กรุณา ย่อมได้กุศลจิต จิตเกิดเป็นบุญกุศลขึ้นมาทันที
"ระดับกระจกสะท้อนคืน"
1 โสดาบัน สะท้อนแรงมาก
2 สกิทาคามี สะท้อนแรงกว่า
3อนาคามี สะท้อนแรงกว่าอีก
4 อรหันต์ สะท้อนแรงกว่าอีก
เนื้อนาบุญในพุทธศาสนาก็คือ อริยะบุคคล4ประเภทนี้แล
เป็นของจริง ทานแล้วมีผลมีอานิสงค์
"เราได้รู้ธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว เราควรจะบอกสอนคนอื่นด้วย"
พระเปรียบเสมือน"กระจก"
ทาน(แปลว่าการให้)
ถ้าทาน โทสะ ย่อมได้ความเผ็ดร้อนเจ็บแสบทุกข์ทรมาณมาในภายหลัง
ให้ความ เมตตา กรุณา ย่อมได้กุศลจิต จิตเกิดเป็นบุญกุศลขึ้นมาทันที
"ระดับกระจกสะท้อนคืน"
1 โสดาบัน สะท้อนแรงมาก
2 สกิทาคามี สะท้อนแรงกว่า
3อนาคามี สะท้อนแรงกว่าอีก
4 อรหันต์ สะท้อนแรงกว่าอีก
เนื้อนาบุญในพุทธศาสนาก็คือ อริยะบุคคล4ประเภทนี้แล
เป็นของจริง ทานแล้วมีผลมีอานิสงค์
"เราได้รู้ธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว เราควรจะบอกสอนคนอื่นด้วย"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
23 มิ.ย. 2015
โยมแม่"เจริญสติเป็นแล้ว
หน้าตาผิวพรรณผ่องใสขึ้นมามาก แตกต่างจากเดิมที่คล้ำมัวหมองมาก
เพราะจิตเริ่มฉลาด เริ่มรู้แล้วว่า ตัวทุกข์ที่มันทำให้ไม่สบายใจ ไม่ใช่เรา
ในสภาวะขั้นต่อไป ของคนที่เจริญสติเป็นแล้ว
"จะรักพระพุทธเจ้ามากผู้เป็นหลักผู้สอนวิชานี้"
มันดับทุกข์ได้จริงๆ วิเศษสุดๆ
"มารดาถึง โสดาบัน คงไม่ยาก" ถ้าเจริญสติเป็นแล้ว
แต่คนที่จะสอนยาก คือคนที่เขาไม่น้อมจิตมาทางเรา
" บิดามารดานั้น รักบุตร รักธิดามาก แม้แต่จะพิกลพิการอย่างไรก็ตาม
ก็เห็นว่าลูกเป็นประดุจทองคําอันลํ้าค่า"
เพราะลูกออกมาจากไส้ตัวเอง มารดาจึงมีอุปาทานโน้มเอียงไปทา
งลูกมาก
ถ้าลูกหาอุบายสอนธรรมในตอนที่แม่เป็นทุกข์
เอาธรรมใส่เข้าไปจะเข้าใจได้
และใช้ความทุกข์เป็น
้ประโยชน์มหาศาลมาก
โยมแม่"เจริญสติเป็นแล้ว
หน้าตาผิวพรรณผ่องใสขึ้นมามาก แตกต่างจากเดิมที่คล้ำมัวหมองมาก
เพราะจิตเริ่มฉลาด เริ่มรู้แล้วว่า ตัวทุกข์ที่มันทำให้ไม่สบายใจ ไม่ใช่เรา
ในสภาวะขั้นต่อไป ของคนที่เจริญสติเป็นแล้ว
"จะรักพระพุทธเจ้ามากผู้เป็นหลักผู้สอนวิชานี้"
มันดับทุกข์ได้จริงๆ วิเศษสุดๆ
"มารดาถึง โสดาบัน คงไม่ยาก" ถ้าเจริญสติเป็นแล้ว
แต่คนที่จะสอนยาก คือคนที่เขาไม่น้อมจิตมาทางเรา
" บิดามารดานั้น รักบุตร รักธิดามาก แม้แต่จะพิกลพิการอย่างไรก็ตาม
ก็เห็นว่าลูกเป็นประดุจทองคําอันลํ้าค่า"
เพราะลูกออกมาจากไส้ตัวเอง มารดาจึงมีอุปาทานโน้มเอียงไปทา
งลูกมาก
ถ้าลูกหาอุบายสอนธรรมในตอนที่แม่เป็นทุกข์
เอาธรรมใส่เข้าไปจะเข้าใจได้
และใช้ความทุกข์เป็น
้ประโยชน์มหาศาลมาก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Rungsun Kiayasuan และ ฤิทธิพร ทองมี
คุณได้แท็ก Rungsun Kiayasuan และ ฤิทธิพร ทองมี
มิตรแท้ (เพื่อนกันจริงๆ) ไม่ใช่เพื่อนปลอม?

Chaleeporn Inrod BN. No. 312
แชร์กับสาธารณะ • Yesterday 09:05
มิตรเทียม & มิตรแท้
https://www.youtube.com/watch?v=3PIudN5KkRY
**มิตรเทียม**
[๑๘๖] ดูกรคฤหบดีบุตร คน ๔ จำพวกเหล่านี้ คือ
-
คนนำสิ่งของๆ เพื่อนไปถ่ายเดียว [คนปอกลอก] ๑
คนดีแต่พูด ๑
คนหัวประจบ ๑
คนชักชวนในทางฉิบหาย ๑
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร ฯ
-
[๑๘๗] ดูกรคฤหบดีบุตร คนปอกลอก
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียม
มิตรโดยสถาน ๔ คือ
-
เป็นคนคิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ๑
เสียให้น้อยคิดเอาให้ได้มาก ๑
ไม่รับทำกิจของเพื่อนในคราวมีภัย ๑
คบเพื่อนเพราะเห็นแก่ประโยชน์ของตัว ๑
ดูกรคฤหบดีบุตรคนปอกลอก
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตรเป็นแต่คนเทียมมิตร
โดยสถาน ๔ เหล่านี้แล ฯ
-
[๑๘๘] ดูกรคฤหบดีบุตร คนดีแต่พูด
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร
โดยสถาน ๔ คือ
เก็บเอาของล่วงแล้วมาปราศรัย ๑
อ้างเอาของที่ยังไม่มาถึงมาปราศรัย ๑
สงเคราะห์ด้วยสิ่งหาประโยชน์มิได้ ๑
เมื่อกิจเกิดขึ้นแสดงความขัดข้อง [ออกปากพึ่งมิได้] ๑
ดูกรคฤหบดีบุตร คนดีแต่พูด
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร
โดยสถาน ๔ เหล่านี้แล ฯ
-
[๑๘๙] ดูกรคฤหบดีบุตร คนหัวประจบ
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียม
มิตรโดยสถาน ๔ คือ
ตามใจเพื่อนให้ทำความชั่ว [จะทำชั่วก็คล้อยตาม] ๑
ตามใจเพื่อนให้ทำความดี [จะทำดีก็คล้อยตาม] ๑
ต่อหน้าสรรเสริญ ๑
ลับหลังนินทา ๑
ดูกรคฤหบดีบุตรคนหัวประจบ
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร
โดยสถาน ๔ เหล่านี้แล ฯ
-
[๑๙๐] ดูกรคฤหบดีบุตร คนชักชวนในทางฉิบหาย
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร
โดยสถาน ๔ คือ
ชักชวนให้ดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย
อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๑
ชักชวนให้เที่ยวตามตรอกต่างๆ ในเวลากลางคืน ๑
ชักชวนให้เที่ยวดูการมหรสพ๑
ชักชวนให้เล่นการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๑
ดูกรคฤหบดีบุตร คนชักชวนในทางฉิบหาย
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตรเป็นแต่คนเทียมมิตร
โดยสถาน ๔ เหล่านี้แล ฯ
-
พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา
ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว
จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์
ต่อไปอีกว่า
[๑๙๑] บัณฑิตรู้แจ้งมิตร ๔ จำพวกเหล่านี้ คือ
มิตรปอกลอก ๑
มิตรดีแต่พูด ๑
มิตรหัวประจบ ๑
มิตรชักชวนในทางฉิบหาย ๑
ว่าไม่ใช่มิตรแท้ ดังนี้แล้ว
เว้นเสีย

Chaleeporn Inrod BN. No. 312
แชร์กับสาธารณะ • Yesterday 09:05
มิตรเทียม & มิตรแท้
https://www.youtube.com/watch?v=3PIudN5KkRY
**มิตรเทียม**
[๑๘๖] ดูกรคฤหบดีบุตร คน ๔ จำพวกเหล่านี้ คือ
-
คนนำสิ่งของๆ เพื่อนไปถ่ายเดียว [คนปอกลอก] ๑
คนดีแต่พูด ๑
คนหัวประจบ ๑
คนชักชวนในทางฉิบหาย ๑
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร ฯ
-
[๑๘๗] ดูกรคฤหบดีบุตร คนปอกลอก
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียม
มิตรโดยสถาน ๔ คือ
-
เป็นคนคิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ๑
เสียให้น้อยคิดเอาให้ได้มาก ๑
ไม่รับทำกิจของเพื่อนในคราวมีภัย ๑
คบเพื่อนเพราะเห็นแก่ประโยชน์ของตัว ๑
ดูกรคฤหบดีบุตรคนปอกลอก
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตรเป็นแต่คนเทียมมิตร
โดยสถาน ๔ เหล่านี้แล ฯ
-
[๑๘๘] ดูกรคฤหบดีบุตร คนดีแต่พูด
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร
โดยสถาน ๔ คือ
เก็บเอาของล่วงแล้วมาปราศรัย ๑
อ้างเอาของที่ยังไม่มาถึงมาปราศรัย ๑
สงเคราะห์ด้วยสิ่งหาประโยชน์มิได้ ๑
เมื่อกิจเกิดขึ้นแสดงความขัดข้อง [ออกปากพึ่งมิได้] ๑
ดูกรคฤหบดีบุตร คนดีแต่พูด
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร
โดยสถาน ๔ เหล่านี้แล ฯ
-
[๑๘๙] ดูกรคฤหบดีบุตร คนหัวประจบ
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียม
มิตรโดยสถาน ๔ คือ
ตามใจเพื่อนให้ทำความชั่ว [จะทำชั่วก็คล้อยตาม] ๑
ตามใจเพื่อนให้ทำความดี [จะทำดีก็คล้อยตาม] ๑
ต่อหน้าสรรเสริญ ๑
ลับหลังนินทา ๑
ดูกรคฤหบดีบุตรคนหัวประจบ
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร
โดยสถาน ๔ เหล่านี้แล ฯ
-
[๑๙๐] ดูกรคฤหบดีบุตร คนชักชวนในทางฉิบหาย
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร
โดยสถาน ๔ คือ
ชักชวนให้ดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย
อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๑
ชักชวนให้เที่ยวตามตรอกต่างๆ ในเวลากลางคืน ๑
ชักชวนให้เที่ยวดูการมหรสพ๑
ชักชวนให้เล่นการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๑
ดูกรคฤหบดีบุตร คนชักชวนในทางฉิบหาย
ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตรเป็นแต่คนเทียมมิตร
โดยสถาน ๔ เหล่านี้แล ฯ
-
พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา
ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว
จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์
ต่อไปอีกว่า
[๑๙๑] บัณฑิตรู้แจ้งมิตร ๔ จำพวกเหล่านี้ คือ
มิตรปอกลอก ๑
มิตรดีแต่พูด ๑
มิตรหัวประจบ ๑
มิตรชักชวนในทางฉิบหาย ๑
ว่าไม่ใช่มิตรแท้ ดังนี้แล้ว
เว้นเสีย
อัพเดตเมื่อ ก.ค. 03, 2015 5:14:10am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ก่อนจะมี "โลก"ดาวอังคาร"ดาวพุธ"ดาวพฤหัสบอดี"
ดาวศุกร์"ดาวเสาร์"ดวงอาทิตย์"ดวงจันทร์"
ร่วมทั้งดาวอื่นๆด้วย
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"เดิมทีทั่วทั้งจักวาร มีแต่น้ำและความมืด" ไม่มีแสงใดๆเลย
ดวงอาทิตย์ยังไม่มี ดวงจันทร์ยังไม่มี ดาวอื่นๆทั้งหมดยังไม่ปรากฏ
แล้วหลังจากนั้นเวลาผ่านไปหลายกัป
น จักรวาลที่มีแต่น้ำและความมืดทั้งหมดนั้น
มีการเปลี่ยนแปลงก่อตัวสร้าง"โลก"
พอสร้างโลกเสร็จแล้ว มีพวกพรหมที่มีรัสมีกายงดงามมาก ลงมากินง้วนดิน พอกินแล้วก็ติดใจ รัสมีกายก็เริ่มหายไป พอหายไปแล้ว ดวงอาทิตย์ก็ปรากฏขึ้นมา ดวงจันทร์ก็ปรากฏขึ้นมา ดวงดาวอื่นๆก็ปรากฏขึ้นเต็มจักวาล
หลังจากนั้นพวกพรมก็หมดแสงรัสมี เหาะไม่ได้ เพราะเป็นกายหยาบแบบมนุษย์
หลังจากนั้นเวลาผ่านไปนานๆๆๆๆ
พวกพรหม ก็มีอวัยวะเพศปรากฏ
1เป็นแบบชายและ2เป็นแบบหญิง
และหลังจากนั้นพอเห็นกันแบบนั้นแล้ว ต่างก็อยากมีเพศสัมพันธ์
ไม่นานก็มีเพศสัมพันธ์กัน
พวกที่มีเพศสัมพันธ์ ต่างถูกพวกที่ไม่มีเพศสัมพันธ์ ด่า และขว้างก้อนหิน ท่อนไม้ ใส่บ้าง
พวกที่มีเพศสัมพันธ์ุจึงออกไปอยู่ป่าสร้างที่มุงบังเพื่อเสพกาม
และจากนั้นก็พากันทำแบบนั้นจนถึงปัจจุบัน (ปัจจุบันยิ่งบ้าเมาเพศเมากามถอนกันจะไม่ขึ้น โอ้ยน่าสงสาร)
มีเพศสัมพันธุ์มันไม่ดียังไง : มันเหมือนปลากินเบ็ดที่นายพรานเอาเหยื่อล่อให้มากินไง
บรรลุโสดาบันสักทีเถอะจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร หายโง่สักที
ตัวตนร่างกายนี้ มันเป็นส่วนเกิน มันเป็นของโลก และโลกก็ไม่มีจริง ในคราวที่จักวานมีแต่น้ำและความมืดนั้น โลกเป็นความว่างเปล่า
ที่เรามีตัวตนอยู่นี้ มันของปลอมหลอกเรามาไม่รู้กี่ชาติแล้ว
จะให้คนเข้าใจความจริงเหนื่อยใจเหมือนกันนะ
ี
#ง้วนดิน คือดินลักษณะที่มีรสชาติหอมหวานเหมือนน้ำผึ้งอร่อยมากสุดๆ
#กัป คือการเรียกระยะเวลาในพุทธศาสนา
เช่น เวลา1กัป = ภูเขาหินสูง16กิโลเมตร กว้าง16กิโลเมตร 100 ปีผ่านไป มีเทวดา เอาผ้าบางๆเล็กๆ ไปลูบที่ยอดภูเขาหินครั้งหนึ่ง ผ่านไป100 ปีอีก ก็ขึ้นไปลูบอีก ทำเช่นนี้จนภูเขา16กิโลเมตร ราบเสมอพื้น
ดาวศุกร์"ดาวเสาร์"ดวงอาทิตย์"ดวงจันทร์"
ร่วมทั้งดาวอื่นๆด้วย
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"เดิมทีทั่วทั้งจักวาร มีแต่น้ำและความมืด" ไม่มีแสงใดๆเลย
ดวงอาทิตย์ยังไม่มี ดวงจันทร์ยังไม่มี ดาวอื่นๆทั้งหมดยังไม่ปรากฏ
แล้วหลังจากนั้นเวลาผ่านไปหลายกัป
น จักรวาลที่มีแต่น้ำและความมืดทั้งหมดนั้น
มีการเปลี่ยนแปลงก่อตัวสร้าง"โลก"
พอสร้างโลกเสร็จแล้ว มีพวกพรหมที่มีรัสมีกายงดงามมาก ลงมากินง้วนดิน พอกินแล้วก็ติดใจ รัสมีกายก็เริ่มหายไป พอหายไปแล้ว ดวงอาทิตย์ก็ปรากฏขึ้นมา ดวงจันทร์ก็ปรากฏขึ้นมา ดวงดาวอื่นๆก็ปรากฏขึ้นเต็มจักวาล
หลังจากนั้นพวกพรมก็หมดแสงรัสมี เหาะไม่ได้ เพราะเป็นกายหยาบแบบมนุษย์
หลังจากนั้นเวลาผ่านไปนานๆๆๆๆ
พวกพรหม ก็มีอวัยวะเพศปรากฏ
1เป็นแบบชายและ2เป็นแบบหญิง
และหลังจากนั้นพอเห็นกันแบบนั้นแล้ว ต่างก็อยากมีเพศสัมพันธ์
ไม่นานก็มีเพศสัมพันธ์กัน
พวกที่มีเพศสัมพันธ์ ต่างถูกพวกที่ไม่มีเพศสัมพันธ์ ด่า และขว้างก้อนหิน ท่อนไม้ ใส่บ้าง
พวกที่มีเพศสัมพันธ์ุจึงออกไปอยู่ป่าสร้างที่มุงบังเพื่อเสพกาม
และจากนั้นก็พากันทำแบบนั้นจนถึงปัจจุบัน (ปัจจุบันยิ่งบ้าเมาเพศเมากามถอนกันจะไม่ขึ้น โอ้ยน่าสงสาร)
มีเพศสัมพันธุ์มันไม่ดียังไง : มันเหมือนปลากินเบ็ดที่นายพรานเอาเหยื่อล่อให้มากินไง
บรรลุโสดาบันสักทีเถอะจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร หายโง่สักที
ตัวตนร่างกายนี้ มันเป็นส่วนเกิน มันเป็นของโลก และโลกก็ไม่มีจริง ในคราวที่จักวานมีแต่น้ำและความมืดนั้น โลกเป็นความว่างเปล่า
ที่เรามีตัวตนอยู่นี้ มันของปลอมหลอกเรามาไม่รู้กี่ชาติแล้ว
จะให้คนเข้าใจความจริงเหนื่อยใจเหมือนกันนะ
ี
#ง้วนดิน คือดินลักษณะที่มีรสชาติหอมหวานเหมือนน้ำผึ้งอร่อยมากสุดๆ
#กัป คือการเรียกระยะเวลาในพุทธศาสนา
เช่น เวลา1กัป = ภูเขาหินสูง16กิโลเมตร กว้าง16กิโลเมตร 100 ปีผ่านไป มีเทวดา เอาผ้าบางๆเล็กๆ ไปลูบที่ยอดภูเขาหินครั้งหนึ่ง ผ่านไป100 ปีอีก ก็ขึ้นไปลูบอีก ทำเช่นนี้จนภูเขา16กิโลเมตร ราบเสมอพื้น
อัพเดตเมื่อ ก.ค. 03, 2015 5:44:58pm
อัพเดตเมื่อ ก.ค. 03, 2015 5:46:26pm
อัพเดตเมื่อ ก.ค. 04, 2015 4:20:10pm
อัพเดตเมื่อ ก.ค. 04, 2015 4:20:33pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
6 ก.ค. 2015
คนที่เกิดมารวย สวยหล่อ/ ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนมีบุญมากมีบารมีมากเสมอไป"
คนที่เขารวยนั้นเขาเคยให้ทานมาก่อนทั้งสิ้น
ส่วนคนที่มีบารมี มีบุญมาก เขาจะมาเกิดในรูปแบบคนจนก็ได้
มาเกิดแบบคนปานกลางก็ได้ รวยก็ได้
แต่เขาจะเดินทางถูก
เขาจะพยายามเดินเข้าหาสัจความจริงเป็นลำดับๆ จากปุถุชนเขาจะมุ้ง
เป็นอริยะชน ไปตามลำดับ
# ปุถุชนคือใคร ?
คือมนุษย์ธรรมดาๆ
คือเทวดาธรรมดาๆ
คือพรหมธรรมดาๆ
# อริยะชนคือใคร?
คือมนุษย์ที่ระดับภูมิจิตถึงโสดาบันขึ้นไป
คือเทวดาที่ระดับจิตถึงโสดาบันขึ้นไป
คือพรหมระดับจิตถึงอนาคาม
ี
ปุถุชนกับอริยะแตกต่างกันยังไง
>ปุถุชนตายแล้วยังไม่พ้นนรกเปตร เดรัจฉานถาวร
>อริยะชนตายแล้วพ้นนรกเปตร เดรัจฉาน ถาวร
ตอนนี้เราอาชีพอะไรก็ตาม จะเรียนอยู่ หรือทำงาน ก็สามารถเป็นผู้พ้นนรก
ในนาคตได้ถาวรได้
โสดาบันน่าเป็นนะ วิธีปฏิบัติก็ง่ายๆ
คนที่เกิดมารวย สวยหล่อ/ ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนมีบุญมากมีบารมีมากเสมอไป"
คนที่เขารวยนั้นเขาเคยให้ทานมาก่อนทั้งสิ้น
ส่วนคนที่มีบารมี มีบุญมาก เขาจะมาเกิดในรูปแบบคนจนก็ได้
มาเกิดแบบคนปานกลางก็ได้ รวยก็ได้
แต่เขาจะเดินทางถูก
เขาจะพยายามเดินเข้าหาสัจความจริงเป็นลำดับๆ จากปุถุชนเขาจะมุ้ง
เป็นอริยะชน ไปตามลำดับ
# ปุถุชนคือใคร ?
คือมนุษย์ธรรมดาๆ
คือเทวดาธรรมดาๆ
คือพรหมธรรมดาๆ
# อริยะชนคือใคร?
คือมนุษย์ที่ระดับภูมิจิตถึงโสดาบันขึ้นไป
คือเทวดาที่ระดับจิตถึงโสดาบันขึ้นไป
คือพรหมระดับจิตถึงอนาคาม
ี
ปุถุชนกับอริยะแตกต่างกันยังไง
>ปุถุชนตายแล้วยังไม่พ้นนรกเปตร เดรัจฉานถาวร
>อริยะชนตายแล้วพ้นนรกเปตร เดรัจฉาน ถาวร
ตอนนี้เราอาชีพอะไรก็ตาม จะเรียนอยู่ หรือทำงาน ก็สามารถเป็นผู้พ้นนรก
ในนาคตได้ถาวรได้
โสดาบันน่าเป็นนะ วิธีปฏิบัติก็ง่ายๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Rungsun Kiayasuan
คุณได้แท็ก Rungsun Kiayasuan
เพื่อนสหายเอ๋ย.. อย่าลงไปเล่นทะเลโลกีย์มนุษย์เลย....
ลงไปแล้วมันขึ้นยาก ยิ่งนับไม่ได้เลยว่าอีกกี่ชาติจะหลุดขึ้นมาได้
และก็ไม่แน่ว่าจะเจอคนยื่นมือให้ความช่วยเหลืออีกไหม
# ขอให้บวช และอดทนเจริญสมาธิ สงสัยอะไรจะรู้เองด้วยปุพเพนิวา
สานุสติญาณ ว่าเคยทำอะไรมา
ลงไปแล้วมันขึ้นยาก ยิ่งนับไม่ได้เลยว่าอีกกี่ชาติจะหลุดขึ้นมาได้
และก็ไม่แน่ว่าจะเจอคนยื่นมือให้ความช่วยเหลืออีกไหม
# ขอให้บวช และอดทนเจริญสมาธิ สงสัยอะไรจะรู้เองด้วยปุพเพนิวา
สานุสติญาณ ว่าเคยทำอะไรมา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
6 ก.ค. 2015
เขาคงคิดว่าจิตเรา เป็นแบบที่จิตเขาคิด
แต่แท้ที่จริงจิตเรา
ไม่ใช่แบบที่จิตเขาคิด
##
เขาคงคิดว่าจิตเรา เป็นแบบที่จิตเขาคิด
แต่แท้ที่จริงจิตเรา
ไม่ใช่แบบที่จิตเขาคิด
##
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่คิดไม่ฝันน่ะ ว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้
ไม่เคยคิดเลย
อุปมาเปรียบเสมือน คนตกตึก แต่มีเชือกมาจากไหนไม่รู้ให้จับไว้
ไม่เคยคิดเลย
อุปมาเปรียบเสมือน คนตกตึก แต่มีเชือกมาจากไหนไม่รู้ให้จับไว้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Rungsun Kiayasuan และคนอื่นๆ อีก 7 คน
คุณได้แท็ก Rungsun Kiayasuan, Pu Pratthana, Chonlachai Duangkaeo, Pui Chutima, Preeter Moss, Auwa Sekhunthod, ฤิทธิพร ทองมี และ พัชรินทร์ เกษมสัตย์
9 ก.ค. 2015
เมื่อมนุษย์นั้นไม่คิดไปหาอดีต ไม่นำเรื่องในอดีตที่เป็นทุกข์ เอาขึ้นมาคิด
ทุกข์ใจจะมาจากไหน
และเมื่อมนุษย์นั้นไม่คิดไปหาอนาคต ไม่นึกคิดสร้างเรื่องที่เป็นทุก
ข์ขึ้นมาเผาใจ...
ทุกข์ใจมันจะมาจากไหน
ถ้างานไม่สำเร็จ และเราไม่คิดทุกข์ขึ้นมาเติม ความทุกข์ใจจะมาจากไหน
ต่างจาก
ผู้ที่งานไม่สำเร็จ แล้วคิดทุกข์ขึ้นมาเติมแต่งเผาใจอีก
ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ จึงสำแลงฤทธิ
์
(ทางธรรมเขาบอกว่า โง่!!
เมื่อมนุษย์นั้นไม่คิดไปหาอดีต ไม่นำเรื่องในอดีตที่เป็นทุกข์ เอาขึ้นมาคิด
ทุกข์ใจจะมาจากไหน
และเมื่อมนุษย์นั้นไม่คิดไปหาอนาคต ไม่นึกคิดสร้างเรื่องที่เป็นทุก
ข์ขึ้นมาเผาใจ...
ทุกข์ใจมันจะมาจากไหน
ถ้างานไม่สำเร็จ และเราไม่คิดทุกข์ขึ้นมาเติม ความทุกข์ใจจะมาจากไหน
ต่างจาก
ผู้ที่งานไม่สำเร็จ แล้วคิดทุกข์ขึ้นมาเติมแต่งเผาใจอีก
ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ จึงสำแลงฤทธิ
์
(ทางธรรมเขาบอกว่า โง่!!
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไอเสียก่อนเนาะ
ไกลปานใด๋ก็ได้มาบ้านพีบ้านน้อง
ครอบลูก ครอบหลาน ฮ้อดหลวงปู่ผู้อยู่วัดนี่หละ
กะของกะว่ายุนิมนต์มาใกล้คึยังนิ
เว้าแล้วกะสิแล้ว
อาตมาแฮงเว่าบ่คือเพิล
มะหน่องมะแหนงฟังฮู้เรื่องบ่อบูแล้ว ฟังบ่อได้กะฟังเด้อ
ความตายนั้นแขวนคอสู่บัดอยาง
ความตายนั้น มีกะตาย ทุกกะตาย จนกะตาย มียศสาบัดดาศักกะตาย ตายเมิดฮ้อดพระฮ้อดเณรฮ้อดแม่ชีอยู่วัด
ผู้ทีตายแล้วเพิ้ลกะบอได้มาหัวนำเฮาบ่อได้ด๊อก ก่อนเพิ้ลสิตายเพิลกะสร้างความดีความงามเป็นผู้นำของพีของน้องอยู่ในวัดในวา พาสวดมนต์ไหว้พระ
อะระหังสัมมา สวาขาโต สุปฏิปันโณ พุธโทธัมโมสังโฆ
เพิ้ลกะพาเว้าพาว่าพาหมูตักบาติ จังหัน พาทาน พาลูกพาหลาน
สอนลูกสอนหลานไปในทางที่ถูก
ทางที่ดี ไปทำมาค้าขาย อย่าไปโกงเพิ่ลเด้อลูก
นี่แหละความเกิดแก่เจ็บตายทั้งหลายทั้งปวงเป็นของธรรมดา
ฟังให้เป็นเด้อ ธรรมทั้งเมิ๊ด
วันเกิดของลูกเปรียมเสมือนวันตายของแม่
แม่คือพระอรหันต์ของลูก
ไกลปานใด๋ก็ได้มาบ้านพีบ้านน้อง
ครอบลูก ครอบหลาน ฮ้อดหลวงปู่ผู้อยู่วัดนี่หละ
กะของกะว่ายุนิมนต์มาใกล้คึยังนิ
เว้าแล้วกะสิแล้ว
อาตมาแฮงเว่าบ่คือเพิล
มะหน่องมะแหนงฟังฮู้เรื่องบ่อบูแล้ว ฟังบ่อได้กะฟังเด้อ
ความตายนั้นแขวนคอสู่บัดอยาง
ความตายนั้น มีกะตาย ทุกกะตาย จนกะตาย มียศสาบัดดาศักกะตาย ตายเมิดฮ้อดพระฮ้อดเณรฮ้อดแม่ชีอยู่วัด
ผู้ทีตายแล้วเพิ้ลกะบอได้มาหัวนำเฮาบ่อได้ด๊อก ก่อนเพิ้ลสิตายเพิลกะสร้างความดีความงามเป็นผู้นำของพีของน้องอยู่ในวัดในวา พาสวดมนต์ไหว้พระ
อะระหังสัมมา สวาขาโต สุปฏิปันโณ พุธโทธัมโมสังโฆ
เพิ้ลกะพาเว้าพาว่าพาหมูตักบาติ จังหัน พาทาน พาลูกพาหลาน
สอนลูกสอนหลานไปในทางที่ถูก
ทางที่ดี ไปทำมาค้าขาย อย่าไปโกงเพิ่ลเด้อลูก
นี่แหละความเกิดแก่เจ็บตายทั้งหลายทั้งปวงเป็นของธรรมดา
ฟังให้เป็นเด้อ ธรรมทั้งเมิ๊ด
วันเกิดของลูกเปรียมเสมือนวันตายของแม่
แม่คือพระอรหันต์ของลูก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระอรหันของลูกกะคือแม่
ถ้าจิตคิดไม่ดี คิดแต่เรื่องที่เป็นบาป
ต่อให้เอานวดมาสีจนปากแหลกะบอมีผู้ซื้อ
ถ้าลูกหลานคิดฮ้อดเล่าให้ทำบุญทำทาน
ทำจังใด๋ทำบุญ"
"เอาข้าวมาให้หลวงปู่ถานกับแนวกินกับเงินเบาะจังสิได้บุญ
บ่อ บ่อ อันใด๋มันดีกะเฮ็ดเอา
คือจังแนวกิน เสื้อผ้า เอามาให้หลวงพ่อถานเบาะ จั่งสิได้ใส่
ทำความดีเพื่อพ่อเพื่อแม่วันสุดท้ายของแม่พวกเธอแล้วน่ะ
ถ้าจะทำบุญกุศลไปให้พระเก่าสององค์นั้นไปถวายบุญลงไปเด้อ
ถ้าจิตคิดไม่ดี คิดแต่เรื่องที่เป็นบาป
ต่อให้เอานวดมาสีจนปากแหลกะบอมีผู้ซื้อ
ถ้าลูกหลานคิดฮ้อดเล่าให้ทำบุญทำทาน
ทำจังใด๋ทำบุญ"
"เอาข้าวมาให้หลวงปู่ถานกับแนวกินกับเงินเบาะจังสิได้บุญ
บ่อ บ่อ อันใด๋มันดีกะเฮ็ดเอา
คือจังแนวกิน เสื้อผ้า เอามาให้หลวงพ่อถานเบาะ จั่งสิได้ใส่
ทำความดีเพื่อพ่อเพื่อแม่วันสุดท้ายของแม่พวกเธอแล้วน่ะ
ถ้าจะทำบุญกุศลไปให้พระเก่าสององค์นั้นไปถวายบุญลงไปเด้อ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
บาปบุญคุณโทษมีจริง
ดีชัวอยู่ที่ตัวใครตัวมัน บาปบุญทำด้วยการกระทำของไผ๋ของมัน
ถ้าพ่อแม่ทำผิด ลูกก็มีสิทธิ์ติเตียนได้
้
ถ้าพระทำไม่ถูกชาวบ้านก็ติเตียนได้
้
ถ้าชาวบ้านทำไม่ถูก พระติเตียนก็อย่าทิดถิก็แล้วกัน
ดีชัวอยู่ที่ตัวใครตัวมัน บาปบุญทำด้วยการกระทำของไผ๋ของมัน
ถ้าพ่อแม่ทำผิด ลูกก็มีสิทธิ์ติเตียนได้
้
ถ้าพระทำไม่ถูกชาวบ้านก็ติเตียนได้
้
ถ้าชาวบ้านทำไม่ถูก พระติเตียนก็อย่าทิดถิก็แล้วกัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
17 ก.ค. 2015
มีเพียง2สิ่งเท่านั้นที่หาจุดสิ้นสุดไม่ได้
คือจักรวาล กับ ความโง่ของมนุษย์
์
แต่ข้าพระเจ้าไม่มั่นใจกับสิ่งแรกนัก
cr: ไอสไตน
อาตมาอ่านแล้ว ก็รู้เลยว่าข้อสอง
มนุษย์โง่เพราะกิเลส 3 ตัวนี้
ราคะ โทสะ โมหะ
เมื่อยังพอมีโอกาสรู้แนวทางที่จะปฏิบัติ
เพื่อละ
ราคะ โทสะ โมหะ ได้
ให้ตนเองหายโง่
แต่กลับไม่ทำ ไปทำอะไรโง่ๆซ้ำเติมลงไปอีก
อะไรที่ทำให้ตนเองปลอดภัย ไม่ต้องไปแสบเผ็ดร้อนในภายหลัง
แต่การตายเพราะกายแตก
ต้องหมกไหม้ในหลุมถ่านเพลิงในนรก
มีนายนิรยะบาลผู้ไม่ปราณีใครเลยอยู่คอยอยู่ตรงนั้น
อะไรที่ทำให้ตนเองปลอดภัย จากนรก เปตร
กลับไม่รีบทำ
แต่ยังทำเหตุให้ตนเองไปนรกอีก
โง่ซ้ำสองเลย มนุษย์แบบนี้
# คราวใดมนุษย์กิเลสเยอะ อายุมนุษย์จะลดลง
คราวใดมนุษย์กิเลสเบาบางเพราะมีศีลธรรม อายุมนุษย์จะเพิ่มขึ้นทั้งโลก
มีเพียง2สิ่งเท่านั้นที่หาจุดสิ้นสุดไม่ได้
คือจักรวาล กับ ความโง่ของมนุษย์
์
แต่ข้าพระเจ้าไม่มั่นใจกับสิ่งแรกนัก
cr: ไอสไตน
อาตมาอ่านแล้ว ก็รู้เลยว่าข้อสอง
มนุษย์โง่เพราะกิเลส 3 ตัวนี้
ราคะ โทสะ โมหะ
เมื่อยังพอมีโอกาสรู้แนวทางที่จะปฏิบัติ
เพื่อละ
ราคะ โทสะ โมหะ ได้
ให้ตนเองหายโง่
แต่กลับไม่ทำ ไปทำอะไรโง่ๆซ้ำเติมลงไปอีก
อะไรที่ทำให้ตนเองปลอดภัย ไม่ต้องไปแสบเผ็ดร้อนในภายหลัง
แต่การตายเพราะกายแตก
ต้องหมกไหม้ในหลุมถ่านเพลิงในนรก
มีนายนิรยะบาลผู้ไม่ปราณีใครเลยอยู่คอยอยู่ตรงนั้น
อะไรที่ทำให้ตนเองปลอดภัย จากนรก เปตร
กลับไม่รีบทำ
แต่ยังทำเหตุให้ตนเองไปนรกอีก
โง่ซ้ำสองเลย มนุษย์แบบนี้
# คราวใดมนุษย์กิเลสเยอะ อายุมนุษย์จะลดลง
คราวใดมนุษย์กิเลสเบาบางเพราะมีศีลธรรม อายุมนุษย์จะเพิ่มขึ้นทั้งโลก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
19 ก.ค. 2015
พูดถึงการดำเนินทางสมาธิจิตอย่างพระพุทธเจ้า พระองค์สอนให้ทำได้ถึง
๔ อิริยาบถ เช่น อาจจะเดินจงกรมทำสมาธิก็ได้อาจจะนั่งสมาธิหรือน
อนทำสมาธิก็ได้ คือทั้ง ๔ อย่าง วิธีนั่งสมาธิตามที่โบราณาจารย์กล่าว
ไว้มีดังนี้ คือ เอาขาซ้ายวางด้านล่าง เอาขาขวาทับข้างบน
มือขวาซ้อนทับลงบนมือซ้ายที่วางบนตัก อย่างพระพุทธรูปปางสมาธิ
ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติให้มั่น ในท่าที่รู้สึกสบาย ๆ แล้วกำ
หนดบริกรรมภาวนาต่อไป
ถ้าเผื่อว่านั่งขัดสมาธิแล้วเกิดไม่สบาย เพราะผู้หญิงบางคนที่ฝึกนั่งพับ
เพียบจนชินนั่งขัดสมาธิไม่ได้ เราก็จะนั่งพับเพียบเอาก็ได้แต่
บางคนนั่งขัดสมาธิก็ดีนั่งพับเพียบก็ดีไม่สะดวก เพราะขาแข้งพิการอาจ
จะนั่งเก้าอี้ก็ได้เพราะจุดมุ่งหมายต้องการจะสร้างอำนาจตัวส่งหรือตัวคุ้มค
รอง ได้แก่ สติ ดังที่จะได้อธิบายให้ฟังต่อไป
ที่นี้พูดถึงวิธีนั่ง ถ้าเรานั่งขัดสมาธิรู้สึกว่าปกติดีแล้วเราพยายามแต่ง
หาที่สบายที่สุดลองๆ กำหนดลมหายใจ เข้า -ออก ถ้ารู้สึกสบายดี
แล้วหายใจเข้ากำหนดว่า พุท หายใจ ออกกำหนดว่า โธ แต่ไม่ออกเสียง
พุทโธ ๆ ให้พูดอยู่ในใจ นึกพุทโธไปเรื่อยๆ ถ้ามันสบายเราก็กำหนดอย่างนั้น
ถ้าเผลอไปคิดเรื่องอะไร พอรู้ตัวก็ รีบนึกถึงลมหายใจเข้าออกทันที
ถ้าเผลอไปคิดอีกพอระลึกได้ก็รีบกำหนด พุทโธๆ จนว่าสติของเราจ
ะแก่กล้าสมควรการงาน คือ การบริหารจิตต่อไป
ถ้ากำหนดที่ปลายจมูกมันเกิดไม่สบาย ก็เปลี่ยนที่ใหม่เอาตรงคอหอย ถ้า
ไม่สบายก็เปลี่ยนมาตรงหน้าอกยังไม่สบายก็เลื่อนต่ำลงไปคือเหนือสะดือ
มาสักน้อย ที่ทำอย่างนี้เพราะเหตุใด บางทีหรือบางวันเรากำหนดต่ำก็รู
้สึกว่า ร่างกายมันน้อมลงประคองไว้ไม่ค่อยจะอยู่ บางทีมันสูงเกินไป
เช่นที่ปลาย จมูก คล้ายกับว่าหลังมันแอ่นลงๆ คล้ายจะหงายไปข้
างหลังก็มีอันนี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง
หรืออีกสาเหตุหนึ่ง ซึ่งเราผู้ทำสมาธิอำนาจตัวคุ้มครอง ตัวบังคับมันแก่กล้า
แล้ว แต่เราไม่รู้ เราอาจจะเพ่งหรือสะกดตัวเองเช่น กำหนดที่ปลายจมูก
มันทื่อขาไปหมดในทางเบื้องต้นนั้นแสดงให้เห็นว่า อำนาจของสติมันแ
รงแก่กล้า แต่เราจะสะกดหรือเพ่งตัวเองก็ให้เปลี่ยนจากจมูกเสีย ลองๆ เปลี่ยน
มาตรงซอกคอ ถ้าเห็นว่าจะไอ คอแห้ง หรือน้ำลายไหล ก็ให้เปลี่ยนมาท
่ามกลางอก เมื่อกำหนดที่ท่ามกลางอก ก็ยังรู้สึกว่ามันบีบคล้ายหัวใจ
เต้นผิดจังหวะ หรืออาจจะไม่เต้นเลย ลมหายใจเข้าออกหมดไปเราก็เปลี่ยน
เป็นเหนือสะดือ ถ้ามันอึดอัดก็ให้เปลี่ยนหาเวียนไปเวียนมา ถ้าเวียนไปเวียน
มาตรงจุดไหนก็ ไม่ได้ เราก็หาวิธีผ่อนเอาเองเช่น เรากำหนดไหนที่ป
ลายจมูก เรากำหนดรับรู้แบบไหน ทำจิตอย่างไรจึงจะสบาย
เราก็ลองคลำๆหา พอทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันสบายเราก็เอา
ถ้าทำอย่างไรและกำหนดตรงไหนก็ไม่ได้ ต่อไปเราไม่ต้องกำหนดจุด
เป็นเพียงรับรู้ หรือปรากฏว่ามีลมหายใจเข้าออกเท่านั้น จะอยู่ตรง ไหนก็
แล้วแต่ แล้วก็กำหนด พุทโๆ ที่ลมหายใจเข้าออก เมื่อสบายแล้วก็
ให้กำหนดแบบนั้น
ถ้ากำหนดแล้วมันไม่สบายเราก็ยังฝืนกำหนดอยู่ เช่น กำหนดที่ปลายจมูก
ศรีษะมันทื่อชา มึนงง มันอาจสามารถที่จะทำให้ ประสาทพิการเป็น
บ้าไปก็ได้ เพราะสะกดตัวเองอย่างการดำเนินทางจิตวิทยา เมื่อ
เขาสร้างกำลังตัวบังคับหรือตัวสั่ง ตัวสะกดให้พอกับความต้อง การ
แล้วเอาไปทดสอบทดลองกับสัตว์ จนกระทั่งเอามาสะกดคนทำการผ่าตัดได้
เราลองคิดดูความแรงของจิต ของคนละคนกันนะไม่ใช่สะกดเรา สะกด คนอื่น
ให้นอนหลับได้ และทำการผ่าตัดได้ มันจะแรงสักแค่ไหน บางคนที่ทำได้ดีๆ
ยังสามารถใช้อำนาจตัวนี้ ไปบังคับเลือดตรงที่จะทำการผ่าตัด
ให้เลือดขยาย ออก ผ่าตัดแล้วไม่มีเลือดหรืออาจจะน้อยที่สุด หรืออาจ
ไม่มีเลยก็ได้ คนที่ทำได้ดีเขาสามารถทำได้ถึงขนาดนั้น
ทีนี้เมื่อหากเรากำหนดที่ปลายจมูก เรายัง ไม่รู้อำนาจที่เ
รากำหนดที่เราสร้างขึ้นมาได้นี้ได้ดีสักแค่ไหน แรงแค่ไหน เผื่อเราสะกดเรา
เข้า อาจจะบังคับให้เลือดออกจากสมองส่วนข้างบน เลือดขึ้นมาไม่ได้ มัน
จะงงทื่อไปหมดเลย นี้อีกอันหนึ่ง และอีกอันหนึ่งมันอาจจะบังคับเลือด
ให้มารวมตรงจุดที่เรากำหนด หรือสร้างขึ้นข้างบนไปเสียหมด มันจะทื่อ ชา
เหมือนกัน เพราะฉะนั้นหากในเมื่อผิดสังเกตแล้ว ให้หยุด ถ้าขืนจะเป็นอัน
ตราย ขอให้เข้าใจเอาไว้ส่วนอื่นก็เหมือนกัน เมื่อเรากำหนดแล้ว
ถ้าผิดสังเกตก็ให้หยุด หาวิธี แก้ไขจนกว่าจะดีได้ ทีนี้เราก็กำหนดปเรื่อยๆ คือ
พุทโธๆ อยู่นั่นแหละ
เมื่อจิตของเราจมดิ่งเข้าสู่สมาธิ จะเป็นไปเพื่อภวังคตาจิต(ภวังจิต)เราก็
ไม่เอา เพราะโดยจุดมุ่งหมายเราต้องการจะสร้างกำลัง ตัวบังคับ หรือ
อำนาจตัวอริยมัคคุเทศก์นำเราไปสู่ความเป็นอริยะ นี้เป็นจุดประสงค์เบื้องต้น
เราต้องสร้างอำนาจด้วยการกำหนด จนสามารถบังคับค
วามรู้สึกของเราให้รับรู้ อยู่ที่ปลายจมูก หรือจุดใดจุดหนึ่งที่เรากำหนดเป
็นจุดที่ตั้ง มีบริกรรมภาวนา จะเป็น พุทโธ ธัมโม สังโฆ ซึ่งเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวอีก
เป็นกำลังที่สอง เมื่อกำหนด พุทโธ ๆ ให้อยู่ในอำนาจตัวนี้โดยสมบูรณ์แล้ว
เมื่อกำลังตัวสั่งอำนาจตัวนำพา หรืออำนาจตัวอริยมัคคุเทศก์
มันมีอำนาจเหนือจิตแล้ว ความรู้สึกที่จะไปคิดใน เรื่องอื่น นอกเหนือไปจากตั
วคุ้มครองไม่ได้ คือหมายความว่า จิตของเราไม่มีทางที่จะหนีหน้าก
ำลังตัวบังคับไปคิดทางอื่นได้ นอกจากเราจะบังคับให้คิด เท่านั้น มัน
จะกำหนดได้ พุทโๆ อยู่ตลอดเวลา เมื่อเราสามารถกกำหนดอยู่ได้อย่
างนี้เต็มที่แล้ว ก็แสดงให้เห็นว่าการนั่งทำสมาธิของเราดีสมบูรณ์
ถ้าเราเหนื่อยจากวิธีนี้เราจะเปลี่ยนอิริยาบถใหม่เราก็เดินการเดินนั้น
ก็แบบที่ท่านเรียกว่าเดินจงกรม การเดินจงกรมนั้นก็แล้วแต่สถานท
ี่ถ้าสถานที่ยาวเราก็เอายาว ถ้าสั้นเราก็เอาสั้น แต่ถ้ายาวก็ประมาณ
25 ก้าว ดูเหมือนดี เพราะบางคนยาวนักไม่ค่อยดีก็เอาสั้นเข้าหน่อยแต
่บางคนสั้นนักไม่ค่อยดีเวียนหัว ก็หาเอาให้พอดีๆ พอเราไปถึงทางเด
ินจงกรมเราก็หันหน้าไปทางเดิน จงกรมที่เราจะเดินไปอย่ามองไกลเกินไป
อย่ามองใกล้เกินไป มองทอดสายตาดูประมาณ 4 ศอก ถ้าเผื่อหากว่ามัน
ไม่ดีเราก็เอาเข้ามาใกล้หน่อย ถ้าเห็น ว่าพอดีแล้วก็ พูดว่า พุทโธ ไปเรื่อยๆ
แต่ไม่หลับตาให้ลืมตา แล้วก็นึกกำหนด พุทโธ ที่ก้าวขาไป กำหนด
ก้าวขาขวาว่า พุท ก้าวขาซ้ายว่า โธ เรากำหนด สัมผัสของเท้าที
่ก้าวเหยียบลงพื้น พุทโธๆ พอถึงทางโน้นยืนแล้วก็หันขวาเวียนขวา
พอเวียนขวาเสร็จแล้วก็ยืนตรงเดินก้าวไปอีก บริกรรม พุทโธๆ จนมาถึงทางนี้
อย่าเร็วเกินไปอย่าช้าเกินไป ให้กำหนดจนจิตของเราไม่วอกแวก
เข้าไปต่ออารมณ์ได้เลย รู้สึกว่ามันรับรู้ที่บริกรรมภาวนาและขาที่เราก้าว
อยู่ตลอดเวลาไม่มีวอกแวกไปทางไหนเลยแสดงให้เห็นว่าตัว "ตปธรรม"
ที่เราสวร้างขึ้นมานี้มีอำนาจเหนื่อจิตพอกับความต้องการ แล้วก็เอาไปแต่ง
จิต คุ้มครองจิต และปฏิบัติธรรมชาติของจิตในลำดับต่อไป นี้เป็นวิธีเดิน
ทำสมาธิ ถ้าเราเดินเหนื่อย เราก็ยืน ท่าทางแบบเดินจงกรม เช่น
เอามือขวาทับมือซ้ายวางลงที่ท้องน้อย ยืนให้ตรง กำหนดลมหายใจเข้
าออกที่ปลายจมูก บริกรรม พุทโธๆ ถ้าหลับตามันโยกเยกเราก็ลืมตา
ทอดสายตา ประมาณ 4 ศอก ก็กำหนดพุทโธๆ เหมือนกันกับนั่งทำสมาธิ
ถ้าเราสามารถบังคับให้จิตอยู่ในจุดที่ตั้งเอาไว้ หรือบริกรรมภาวน
าที่เรายึด พุทโธ ๆ อยู่ ตลอดเวลาจนจิตไม่หนีหน้าของสติไ
ปสู่อารมณ์ตามธรรมชาติได้เลย ก็เป็นอันว่าการสร้างอำนาจตัวคุ
้มครองของเราพอกับความต้องการเหมือนกัน
ถ้าเหนื่อยอยากจะนอนเราก็นอนตะแคงขวา เอามือซ้อนไว้ที่แก้ม
ข้างขวาเอามือซ้ายวางราบไปตามตัว ขาก็เหยียดให้ตรง
ถ้าเหยียดตรงแล้วมันไม่สบาย ก็คู้เข้ามานิดๆ ให้สบายแล้วก็กำ
หนดลมหายใจเข้าออกที่ปลาย จมูก เช่นกัน
จากนั้น บริกรรมว่า พุทโธๆ จนจิตของเราไม่มีทางที่จะวอกแวกไปต่ออารมณ์
ได้แล้ว ปกติดีแล้ว เรียบร้อยดีแล้ว ก็เป็นอันว่า อำนาจที่เราสร้า
งขึ้นมาเพื่อต้องการที่จะนำพาจิตของเราไปสู่ความเป็นอริยบุคคล ก็สมบูรณ์
แล้ว
ทีนี้เราก็มาฝึกการลุกนั่ง การลุกขึ้น นั่งลง เราจะทำแบบไหนจึงจะเหมาะสม
กับเพศ วัย ฐานะ เช่น ชาย หญิง สมณเพศ พระภิกษุ สามเรณ แม่ชี วัยเรา
เป็นเด็กหรือคนโต กลางคนหรือคนแก่ รุ่นคุณพ่อ หรือคุณแม่ คุณตา
หรือคุณยาย อาม้า อาก๋ง อะไรเหล่านี้เป็นต้น แล้วก็นึกถึงฐาน
ะของเราว่ามีอย่างไร เราเป็นพ่อหรือเป็นแม่ เป็นศิษย์หรืออาจารย์ เป็นต้น
การแสดงออกทางกายและวาจาเหมาะสมกับเพศ วัย ฐานะ แล้วหรือยัง
เราต้องนึกถึงเพศ วัย ฐานะ อยู่เสมอ ว่าการแสดงออกทั้งหมดประกอบไปด้
วยคุณหรือโทษจะเป็นไปเพื่อมลทินหรือเป็นหมดจด เราต้องกำ หนดรู้เสียก่อน
ถ้าเป็นไปเพื่อมลทินโทษ บังคับทันที ไม่ยอมเป็นอันขาด ถ้าเป็นไปเพื่อคุณ
ถึงแม้จะขัดกับอัธยาศัยของจิตก็ไม่ยอม เราจะหาอุบายให้จิตพอใจ จนได้
การดำเนินทางภายนอกเกี่ยวกับกายและวาจา ก็สบายทำอย่างนี้
ต่อจากนั้นไป เหตุการณ์ที่เราได้ประสบเช่น เขาด่าเราก็ดี เขาชมเราก็ดี
หรือเห็นสิ่งที่น่าเกลียด น่ากลัว น่าชอบก็ดี ความรู้สึกของจิตมันเป็นอย่างไร
เราก็เอาอำนาจส่วนนั้นเข้าไปประคองเอาไว้ แล้วก็พยายามหาเ
หตุผลมาแก้ต่อไป ความรู้สึกของเราก็ไวขึ้นสามารถทันเหตุการณ์ ที่มัน
จะวอกแวกไปต่ออารมณ์ หรือมะนจะวูบวาบไปตามเหตุการณ์ก็ดี เป็นไปไม่ได้
กำลังตัวยับยั้งประคอบไม่ได้เลย พอเราสามารถประคองจิตให้อยู่ในอำนาจ
ได้แล้ว มันจะมีความรู้ชนิด หนึ่งขึ้นมาแก้ไขทันที บางทีอาจจะเอาตั
วอย่างมาจากพระพุทธเจ้าและพระอริยเจ้า เช่น เหตุการณ์อันนี้
พระพุทธเจ้าเคยประสบมาแล้วหรือยัง และพระ อริยเจ้าที่เป็นผู้พี่ของเราได้
ประสบมาแล้วหรือยัง ประสบแล้วท่านทั้งหลายเหล่านั้นทำอย่างไร เรา
จะมีความรู้สึกไปน้อมเอาเหตุการณ์และเหตุผลทั้งหลาย ของท่านผู้เป็นอ
ริยบุคคลเหล่านั้นมาเป็นตัวอย่างเตือนเรา แล้วความรู้สึกของเราก็ไม่มีทาง
ที่จะเป็นไปตามเหตุการณ์ เราพยายามฝึกของเราอยู่อย่างนี้
พูดถึงการเดินจงกรมและการนั่งสมาธิเราก็พยายามทำอยู่ตลอดเหมือนกัน
เราก็ฝึกของเราไปเรื่อยๆ ทั้งภายนอกและภายใน ดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น
ต่อจากนั้นไปจะเกิดความอัศจรรย์หลายอย่าง มีผลพลอยได้ภายนอกบ้าง
และผลที่จริงทางด้านสมาธิบ้าง ส่วนผลที่แท้จริงนั้นได้แก่ ความฉุนเฉียวของ
จิต และความรุนแรงของจิตจะเบาบางลงหรืออาจจะหมดไป ทีนี้เราจะเห็นไ
ด้ภายในของเราเอง เช่น บางทีเราอาจจะเข้าข้างกิเลสหรือลุอำนาจ
เป็นไปตามกิเลส ให้ประกอบในทางที่ผิดก็ดี หากในเมื่อมีอำนาจตปธรรม
ส่วนนี้เข้าไปยับยั้งและประคองเอาไว้แล้ว มันจะไม่เป็นไปตามอำนาจส่วนนั้น
เราจะมองเห็นได้ชัดภายใน ของเราเอง
ส่วนผลพลอยได้อย่างอื่นๆนั้น เราก็พอจะมองเห็นได้ ความสุขที่เรียกว่า "
บรมสุข" ซึ่งเป็นสุขที่แท้จริงนั้นประจักษ์ขึ้นมา หรือความรู้ อย่างอื่น เช่น
อภิญญาณสมาบัติ เราไม่ต้องไปขอร้อง ไม่ต้องไปฝึกมันเป็นเอง หาก
ในเมื่อเรามีวาสนาเป็นไปในทาง "จตุปฏิสัมภิทา" แล้วมันรู้ มันแตกฉาน
ขึ้นมาเอง มันสามารถเกิดขึ้นมาให้เห็นเป็นอานิสงส์เรียกว่าผลพลอยได้
มันยั สามารถหยั่งรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างอัศจรรย์ อันนี้ประจักษ์มาก
ที่เล่ามานี้เป็นสายทาง "โลกุตตระ" โดยสังเขป
ยังมีสมาธิอีกประการหนึ่ง ที่ผู้ปฏิบัติโดยส่วนมากไปติดหรือหลงกัน
ที่ท่านเรียกว่าภวังค์ หรือภพภายในของจิต ถ้าใครไปตกภวังค์พวกนี้แล้ว มีหวัง
ไปยากเต็มที ไม่เก่งจริงๆมีหวังจมตายอยู่เพียงแค่นั้น เพราะผลของสมาธิ
ดึงดูดจิตใจมาก ถ้าไปหลงติดอยู่แค่นี้ก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปเพื่อ
ความหลุดพ้นได้ ฉะนั้น จึงสมควรนำมาเล่าสู่กันฟังพอเป็นข้อสังเกตดังนี้คือ :--
เมื่อเราสร้างอำนาจตัวคุ้มครองขึ้นมาได้แล้ว เราเอาคุ้มครองจ
ิตของเราจริงๆ เมื่อจิตของเราจำนนต่ออำนาจตัวบังคับ คือสติได้แล้ว จิตของ
ไม่มีโอกาส ไปต่ออารมณ์สัญญาโดยลำพังของมันได้ มีหวังว่าจิตของเรา
จะจมดิ่งเข้าสู่สมาธิ พอจิตตกกระแสหรือรวมเข้าสู่สมาธิแล้ว เรา
จะเห็นผลหลายอย่างเกิดขึ้น เช่น ความอิ่ม ความเบา ความเย็น ซาบซ่าน
ความสว่างไสว เป็นต้น แต่ผลในที่นี้หมายถึง ผลเกิดขึ้นจากความสงบของจิต
คือ จิตสงบ ฐานมี 3 ฐานด้วยกัน ได้แก่ ขณิกะ อุปจาระ อัปปนา
แต่ละฐานแบ่งออกเป็น 2 ระยะ มีตอนต้นกับตอนปลายรวม 3 ฐาน จึงเป็น 6
ระยะ แต่ลักษณะของมันในเบื้องต้นฐานที่ 1 เรียกว่า ขณิกะ ภวังค์ของมันมีอยู่ 2
ฐาน คือ ฐานต้นกับฐานปลาย ฐานต้นได้แก่ ความอิ่มนี่เอง มันรู้สึกมีความ
อิ่มจริงๆ อิ่มจนไม่อยากหลับไม่อยากนอน ไม่อยากพูดจากับใคร มันเพลิน
อยู่คนเดียว แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเราอยู่ในฐานไหน แท้ที่จริงก็นี่แหละคือ ฐานต้น
ฐานปลายมีความเบาเข้ามาแทรกกับความอิ่ม แต่ไม่มาก ถ้าเลย
เข้าไปฐานที่ 2 ได้แก่ อุปจาระ ภวังค์ของมัน ฐานต้นจะมีความเบาเหมือน
จะเหาะจะลอย เหมือนไม่ได้นั่งอยู่กับพื้น คล้ายๆกับว่ามีของทิพย์
เป็นเครื่องรองรับ ลอยอยู่สักศอกสองศอกทำนองนี้ ฐานปลายจะรู้สึกมี
ความเย็นซาบซ่านเพิ่มเข้ามาอีก ถ้าเราสามารถสร้างสติให้สมบูรณ์
หรืออำนาจตัวสั่ง ตัวบังคับมันบังคับความรู้สึกได้ดีที่สุด บังคับให้อยู่ใน
อำนาจของมันตลอดเวลา มันจะสามารถดิ่งเข้าไปลึกกว่านั้นอีก เมื่อจิต
เข้าสู่อัยดับที่ 3 หรือฐานที่ 3 ที่เรียกว่า อัปปนา ภวังค์เบื้องต้น จะมี
ความสว่างเพิ่มเข้ามานิดๆ จากความซาบซ่าน พออยู่ในอันดับช
ำนิชำนาญแล้ว ตอนปลายจะเกิดความสว่างไสวโล่งโปร่ง มี
ความเย็นซาบซ่านไปทั่วสรรพางค์กายเย็ยเหทือนๆยาทิพย์เข้าไปอย
ู่ในร่างกาย และยังมีคล้ายกับเมฆหมอกขาวๆสลัวๆทั่งสรรพางค์ก
ายสว่างไสวรุ่งโรจน์ ที่ขาวๆจะเหมือนยาทิพย์ชะโลมตัวเรา รู้สึกสบายมาก
มันเย็นซาบซ่านโปร่ง โล่งในสมอง ประสาท แม้แต่ถอนสมาธิออกมาแล้วก็ยังรู
้สึกโปร่งโล่งในสมอง สิ่งที่มันมืดๆทึบๆ ในสมองของเรามันหายหมดเกลี้ยงอะ
ไรต่ออะไร รู้สึกว่ามันตกฉานแปลกจริงๆ เพียงแค่สมาธิ 3 อันดับ ถ้า
สามารถสร้างสติอย่างเดียว ไม่มีตัวอริยมัคคุเทศก์ คือ ปัญญาญาณ
เพียงแค่อาศัยสติประคองจิตเข้าสู่สมาธิ 3 อันดับนี้ ยังมีอานิสงส์ถึงขนาดนี้
ลองดูซิ พวกเราทุกคนเมื่อเข้าสู่สมาธิ 3 อันดับนี้แล้วจะชอบด้วยกันทั้งสิ้น
เพราะมันสบายจริงๆสบายอย่างบอกไม่ถูก เมื่อทุกคนเข้าไปถึงแล้วจะรู้สึ
กเองว่ามีความสุขอย่างไร แค่ไหน ถ้าใครอยากสิ้น สงสัยก็ทำดู
ถ้านั่งนึกเดาเท่าไร ยิ่งไกลความจริงเป็นลำดับ แต่สมาธิ 3 อันดับนี้ จัด
เป็นกามภพภายในหรือกามภพอันละเอียด
สมาธิ 3 อันดับที่กล่าวมานี้เป็นของสำคัญมาก ถ้าผู้ปฏิบัติไม่ศึกษาให้
เข้าใจจริงๆแล้ว อาจจะหลงอยู่เพียงแค่นี้ เข้าใจว่าเป็นจุดสูงสุดของการบำ
เพ็ญ แท้ที่จริงเป็นภวังค์ในสมาธิเท่านั้น ถ้าใครไปหลงยึดมั่นถือมั่นมันก็
เป็นวิปัสสนูปกิเลส คือกิเลสในสมาธิ ถ้าใครรู้เท่าทันจิตทุกอย่าง
ไม่ไปหลงยึดมั่นถือมั่น รู้แล้ววางเป็นวิปัสสนา แต่บางคนเข้าใจว่า
ภวังค์คือการนอนหลับ เพราะจิตมันทำงานมาก จิตเหนื่อย มันก็เข้าไปพักใ
นภวังค์ ความจริงไม่ถูก คำว่า ภวังค์ ในที่นี้ท่านหมายถึง จิตติดอยู่ในผลข
องสมาธิ 3 อันดับ ดังกล่าวมาแล้วนั้น คือหมายความว่า เมื่อจิตของเรา
ไปเจอผลของสมาธิแล้วมันอยากจะแช่จมอยู่ ในที่นั้น
ฉะนั้นท่านจึงบอกว่า อันนี้เป็นส่วนของภพเหมือนกัน คือภพภายใน และไม่
เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ เพราะจิตไม่ได้รู้แจ้งเห็นจริงตามสภาพความเป็นจ
ริงอะไร เป็นเพียงบังคับจิตให้จมดิ่งเข้าสู่ฐานของสมาธิเท่านั้น ยังไม่
ได้ชำระกิเลส แต่ถ้าใครรักษาระดับนี้ไว้ได้ก็สามารถไปสู่ฉกามาวจรสวรรค์
ได้ แต่โดยส่วนมาก ผู้ปฏิบัติมักจะเอาแต่ผลของสมาธิ 3 อันดับ มาเล่าสู่
กันฟัง ส่วนเรื่องการทำลายกิเลสหรือภพของจิตก็ดี หรือกิเลสมีลักษ
ณะอย่างไร มันเกิดขึ้นได้มาเพราะ เหตุใดไม่ค่อยพูดถึง เพราะฉะนั้นผู้ท
ำสมาธิ ยังมีกิเลสท่วมท้นกันอยู่ เช่น มีการทะเลาะเบาะแว้งซึ่งกันและกัน
เป็นต้น ก็เป็นไปตามเรื่องตามเหตุการณ์ เนื่องจากการทำสมาธิดังกล่าวยัง
ไม่ได้ถอนกิเลส เพราะยังไม่ได้สร้างตัวอริยมัคคุเทศก์ คือตัวปัญญาญาณ จึง
ไม่สามารถสังหารกิลเสได้เลยแม้แต่ตัวเดียว เป็นเพียงใช้อำนาจสติข่มกันอยู่
เท่านั้น
ถ้าใครต้องการพ้นทุกข์ที่แท้จริง จงศึกษาให้เข้าใจว่า อันไหนมีความหมา
ยอย่างไร จนเข้าใจท่องแท้แน่นอนแล้วในทางปฏิบัติ ทั้งสายตรงและสา
ยอ้อม แล้วจึงลงมือปฏิบัติตามสายตรงที่ศึกษามานั้น มีหวังสมความมุ่
งมาดปรารถนาโดยไม่ต้องสงสัย ในที่สุด ยุติลงแห่งการแนะนำให้อุบายวิธื
การดำเนินทางสมาธิ จิตนี้ อาตมาภาพขออัญเชิญอานุภาพอันยิ่งใหญ่
คือ พุทธานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพของพระพุทธเจ้า ธัมมานุภาเวนะ
ด้วยอานุภาพของพระธรรม สังฆานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพของพระสงฆ์
อานุภาพ 3 ประการนี้ จงมาคุ้มคริงพวกท่านทั้งหลาย จงอย่าได้ประสบภ
ัยอันตรายทั้งปวง ประสบแต่ความสุข ความเจริญ และ ความสะดวกสบาย
จงเป็นไปเพื่อความสำเร็จในสิ่งที่ท่านทั้งหลายปรารถนาเอาไว้ พร
ทั้งหลายที่อาตมาภาพอธิษฐานมานี้จงเป็นผลสำเร็จ จงทุกถ้วนหน้ากัน
เทอญฯ.
พูดถึงการดำเนินทางสมาธิจิตอย่างพระพุทธเจ้า พระองค์สอนให้ทำได้ถึง
๔ อิริยาบถ เช่น อาจจะเดินจงกรมทำสมาธิก็ได้อาจจะนั่งสมาธิหรือน
อนทำสมาธิก็ได้ คือทั้ง ๔ อย่าง วิธีนั่งสมาธิตามที่โบราณาจารย์กล่าว
ไว้มีดังนี้ คือ เอาขาซ้ายวางด้านล่าง เอาขาขวาทับข้างบน
มือขวาซ้อนทับลงบนมือซ้ายที่วางบนตัก อย่างพระพุทธรูปปางสมาธิ
ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติให้มั่น ในท่าที่รู้สึกสบาย ๆ แล้วกำ
หนดบริกรรมภาวนาต่อไป
ถ้าเผื่อว่านั่งขัดสมาธิแล้วเกิดไม่สบาย เพราะผู้หญิงบางคนที่ฝึกนั่งพับ
เพียบจนชินนั่งขัดสมาธิไม่ได้ เราก็จะนั่งพับเพียบเอาก็ได้แต่
บางคนนั่งขัดสมาธิก็ดีนั่งพับเพียบก็ดีไม่สะดวก เพราะขาแข้งพิการอาจ
จะนั่งเก้าอี้ก็ได้เพราะจุดมุ่งหมายต้องการจะสร้างอำนาจตัวส่งหรือตัวคุ้มค
รอง ได้แก่ สติ ดังที่จะได้อธิบายให้ฟังต่อไป
ที่นี้พูดถึงวิธีนั่ง ถ้าเรานั่งขัดสมาธิรู้สึกว่าปกติดีแล้วเราพยายามแต่ง
หาที่สบายที่สุดลองๆ กำหนดลมหายใจ เข้า -ออก ถ้ารู้สึกสบายดี
แล้วหายใจเข้ากำหนดว่า พุท หายใจ ออกกำหนดว่า โธ แต่ไม่ออกเสียง
พุทโธ ๆ ให้พูดอยู่ในใจ นึกพุทโธไปเรื่อยๆ ถ้ามันสบายเราก็กำหนดอย่างนั้น
ถ้าเผลอไปคิดเรื่องอะไร พอรู้ตัวก็ รีบนึกถึงลมหายใจเข้าออกทันที
ถ้าเผลอไปคิดอีกพอระลึกได้ก็รีบกำหนด พุทโธๆ จนว่าสติของเราจ
ะแก่กล้าสมควรการงาน คือ การบริหารจิตต่อไป
ถ้ากำหนดที่ปลายจมูกมันเกิดไม่สบาย ก็เปลี่ยนที่ใหม่เอาตรงคอหอย ถ้า
ไม่สบายก็เปลี่ยนมาตรงหน้าอกยังไม่สบายก็เลื่อนต่ำลงไปคือเหนือสะดือ
มาสักน้อย ที่ทำอย่างนี้เพราะเหตุใด บางทีหรือบางวันเรากำหนดต่ำก็รู
้สึกว่า ร่างกายมันน้อมลงประคองไว้ไม่ค่อยจะอยู่ บางทีมันสูงเกินไป
เช่นที่ปลาย จมูก คล้ายกับว่าหลังมันแอ่นลงๆ คล้ายจะหงายไปข้
างหลังก็มีอันนี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง
หรืออีกสาเหตุหนึ่ง ซึ่งเราผู้ทำสมาธิอำนาจตัวคุ้มครอง ตัวบังคับมันแก่กล้า
แล้ว แต่เราไม่รู้ เราอาจจะเพ่งหรือสะกดตัวเองเช่น กำหนดที่ปลายจมูก
มันทื่อขาไปหมดในทางเบื้องต้นนั้นแสดงให้เห็นว่า อำนาจของสติมันแ
รงแก่กล้า แต่เราจะสะกดหรือเพ่งตัวเองก็ให้เปลี่ยนจากจมูกเสีย ลองๆ เปลี่ยน
มาตรงซอกคอ ถ้าเห็นว่าจะไอ คอแห้ง หรือน้ำลายไหล ก็ให้เปลี่ยนมาท
่ามกลางอก เมื่อกำหนดที่ท่ามกลางอก ก็ยังรู้สึกว่ามันบีบคล้ายหัวใจ
เต้นผิดจังหวะ หรืออาจจะไม่เต้นเลย ลมหายใจเข้าออกหมดไปเราก็เปลี่ยน
เป็นเหนือสะดือ ถ้ามันอึดอัดก็ให้เปลี่ยนหาเวียนไปเวียนมา ถ้าเวียนไปเวียน
มาตรงจุดไหนก็ ไม่ได้ เราก็หาวิธีผ่อนเอาเองเช่น เรากำหนดไหนที่ป
ลายจมูก เรากำหนดรับรู้แบบไหน ทำจิตอย่างไรจึงจะสบาย
เราก็ลองคลำๆหา พอทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันสบายเราก็เอา
ถ้าทำอย่างไรและกำหนดตรงไหนก็ไม่ได้ ต่อไปเราไม่ต้องกำหนดจุด
เป็นเพียงรับรู้ หรือปรากฏว่ามีลมหายใจเข้าออกเท่านั้น จะอยู่ตรง ไหนก็
แล้วแต่ แล้วก็กำหนด พุทโๆ ที่ลมหายใจเข้าออก เมื่อสบายแล้วก็
ให้กำหนดแบบนั้น
ถ้ากำหนดแล้วมันไม่สบายเราก็ยังฝืนกำหนดอยู่ เช่น กำหนดที่ปลายจมูก
ศรีษะมันทื่อชา มึนงง มันอาจสามารถที่จะทำให้ ประสาทพิการเป็น
บ้าไปก็ได้ เพราะสะกดตัวเองอย่างการดำเนินทางจิตวิทยา เมื่อ
เขาสร้างกำลังตัวบังคับหรือตัวสั่ง ตัวสะกดให้พอกับความต้อง การ
แล้วเอาไปทดสอบทดลองกับสัตว์ จนกระทั่งเอามาสะกดคนทำการผ่าตัดได้
เราลองคิดดูความแรงของจิต ของคนละคนกันนะไม่ใช่สะกดเรา สะกด คนอื่น
ให้นอนหลับได้ และทำการผ่าตัดได้ มันจะแรงสักแค่ไหน บางคนที่ทำได้ดีๆ
ยังสามารถใช้อำนาจตัวนี้ ไปบังคับเลือดตรงที่จะทำการผ่าตัด
ให้เลือดขยาย ออก ผ่าตัดแล้วไม่มีเลือดหรืออาจจะน้อยที่สุด หรืออาจ
ไม่มีเลยก็ได้ คนที่ทำได้ดีเขาสามารถทำได้ถึงขนาดนั้น
ทีนี้เมื่อหากเรากำหนดที่ปลายจมูก เรายัง ไม่รู้อำนาจที่เ
รากำหนดที่เราสร้างขึ้นมาได้นี้ได้ดีสักแค่ไหน แรงแค่ไหน เผื่อเราสะกดเรา
เข้า อาจจะบังคับให้เลือดออกจากสมองส่วนข้างบน เลือดขึ้นมาไม่ได้ มัน
จะงงทื่อไปหมดเลย นี้อีกอันหนึ่ง และอีกอันหนึ่งมันอาจจะบังคับเลือด
ให้มารวมตรงจุดที่เรากำหนด หรือสร้างขึ้นข้างบนไปเสียหมด มันจะทื่อ ชา
เหมือนกัน เพราะฉะนั้นหากในเมื่อผิดสังเกตแล้ว ให้หยุด ถ้าขืนจะเป็นอัน
ตราย ขอให้เข้าใจเอาไว้ส่วนอื่นก็เหมือนกัน เมื่อเรากำหนดแล้ว
ถ้าผิดสังเกตก็ให้หยุด หาวิธี แก้ไขจนกว่าจะดีได้ ทีนี้เราก็กำหนดปเรื่อยๆ คือ
พุทโธๆ อยู่นั่นแหละ
เมื่อจิตของเราจมดิ่งเข้าสู่สมาธิ จะเป็นไปเพื่อภวังคตาจิต(ภวังจิต)เราก็
ไม่เอา เพราะโดยจุดมุ่งหมายเราต้องการจะสร้างกำลัง ตัวบังคับ หรือ
อำนาจตัวอริยมัคคุเทศก์นำเราไปสู่ความเป็นอริยะ นี้เป็นจุดประสงค์เบื้องต้น
เราต้องสร้างอำนาจด้วยการกำหนด จนสามารถบังคับค
วามรู้สึกของเราให้รับรู้ อยู่ที่ปลายจมูก หรือจุดใดจุดหนึ่งที่เรากำหนดเป
็นจุดที่ตั้ง มีบริกรรมภาวนา จะเป็น พุทโธ ธัมโม สังโฆ ซึ่งเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวอีก
เป็นกำลังที่สอง เมื่อกำหนด พุทโธ ๆ ให้อยู่ในอำนาจตัวนี้โดยสมบูรณ์แล้ว
เมื่อกำลังตัวสั่งอำนาจตัวนำพา หรืออำนาจตัวอริยมัคคุเทศก์
มันมีอำนาจเหนือจิตแล้ว ความรู้สึกที่จะไปคิดใน เรื่องอื่น นอกเหนือไปจากตั
วคุ้มครองไม่ได้ คือหมายความว่า จิตของเราไม่มีทางที่จะหนีหน้าก
ำลังตัวบังคับไปคิดทางอื่นได้ นอกจากเราจะบังคับให้คิด เท่านั้น มัน
จะกำหนดได้ พุทโๆ อยู่ตลอดเวลา เมื่อเราสามารถกกำหนดอยู่ได้อย่
างนี้เต็มที่แล้ว ก็แสดงให้เห็นว่าการนั่งทำสมาธิของเราดีสมบูรณ์
ถ้าเราเหนื่อยจากวิธีนี้เราจะเปลี่ยนอิริยาบถใหม่เราก็เดินการเดินนั้น
ก็แบบที่ท่านเรียกว่าเดินจงกรม การเดินจงกรมนั้นก็แล้วแต่สถานท
ี่ถ้าสถานที่ยาวเราก็เอายาว ถ้าสั้นเราก็เอาสั้น แต่ถ้ายาวก็ประมาณ
25 ก้าว ดูเหมือนดี เพราะบางคนยาวนักไม่ค่อยดีก็เอาสั้นเข้าหน่อยแต
่บางคนสั้นนักไม่ค่อยดีเวียนหัว ก็หาเอาให้พอดีๆ พอเราไปถึงทางเด
ินจงกรมเราก็หันหน้าไปทางเดิน จงกรมที่เราจะเดินไปอย่ามองไกลเกินไป
อย่ามองใกล้เกินไป มองทอดสายตาดูประมาณ 4 ศอก ถ้าเผื่อหากว่ามัน
ไม่ดีเราก็เอาเข้ามาใกล้หน่อย ถ้าเห็น ว่าพอดีแล้วก็ พูดว่า พุทโธ ไปเรื่อยๆ
แต่ไม่หลับตาให้ลืมตา แล้วก็นึกกำหนด พุทโธ ที่ก้าวขาไป กำหนด
ก้าวขาขวาว่า พุท ก้าวขาซ้ายว่า โธ เรากำหนด สัมผัสของเท้าที
่ก้าวเหยียบลงพื้น พุทโธๆ พอถึงทางโน้นยืนแล้วก็หันขวาเวียนขวา
พอเวียนขวาเสร็จแล้วก็ยืนตรงเดินก้าวไปอีก บริกรรม พุทโธๆ จนมาถึงทางนี้
อย่าเร็วเกินไปอย่าช้าเกินไป ให้กำหนดจนจิตของเราไม่วอกแวก
เข้าไปต่ออารมณ์ได้เลย รู้สึกว่ามันรับรู้ที่บริกรรมภาวนาและขาที่เราก้าว
อยู่ตลอดเวลาไม่มีวอกแวกไปทางไหนเลยแสดงให้เห็นว่าตัว "ตปธรรม"
ที่เราสวร้างขึ้นมานี้มีอำนาจเหนื่อจิตพอกับความต้องการ แล้วก็เอาไปแต่ง
จิต คุ้มครองจิต และปฏิบัติธรรมชาติของจิตในลำดับต่อไป นี้เป็นวิธีเดิน
ทำสมาธิ ถ้าเราเดินเหนื่อย เราก็ยืน ท่าทางแบบเดินจงกรม เช่น
เอามือขวาทับมือซ้ายวางลงที่ท้องน้อย ยืนให้ตรง กำหนดลมหายใจเข้
าออกที่ปลายจมูก บริกรรม พุทโธๆ ถ้าหลับตามันโยกเยกเราก็ลืมตา
ทอดสายตา ประมาณ 4 ศอก ก็กำหนดพุทโธๆ เหมือนกันกับนั่งทำสมาธิ
ถ้าเราสามารถบังคับให้จิตอยู่ในจุดที่ตั้งเอาไว้ หรือบริกรรมภาวน
าที่เรายึด พุทโธ ๆ อยู่ ตลอดเวลาจนจิตไม่หนีหน้าของสติไ
ปสู่อารมณ์ตามธรรมชาติได้เลย ก็เป็นอันว่าการสร้างอำนาจตัวคุ
้มครองของเราพอกับความต้องการเหมือนกัน
ถ้าเหนื่อยอยากจะนอนเราก็นอนตะแคงขวา เอามือซ้อนไว้ที่แก้ม
ข้างขวาเอามือซ้ายวางราบไปตามตัว ขาก็เหยียดให้ตรง
ถ้าเหยียดตรงแล้วมันไม่สบาย ก็คู้เข้ามานิดๆ ให้สบายแล้วก็กำ
หนดลมหายใจเข้าออกที่ปลาย จมูก เช่นกัน
จากนั้น บริกรรมว่า พุทโธๆ จนจิตของเราไม่มีทางที่จะวอกแวกไปต่ออารมณ์
ได้แล้ว ปกติดีแล้ว เรียบร้อยดีแล้ว ก็เป็นอันว่า อำนาจที่เราสร้า
งขึ้นมาเพื่อต้องการที่จะนำพาจิตของเราไปสู่ความเป็นอริยบุคคล ก็สมบูรณ์
แล้ว
ทีนี้เราก็มาฝึกการลุกนั่ง การลุกขึ้น นั่งลง เราจะทำแบบไหนจึงจะเหมาะสม
กับเพศ วัย ฐานะ เช่น ชาย หญิง สมณเพศ พระภิกษุ สามเรณ แม่ชี วัยเรา
เป็นเด็กหรือคนโต กลางคนหรือคนแก่ รุ่นคุณพ่อ หรือคุณแม่ คุณตา
หรือคุณยาย อาม้า อาก๋ง อะไรเหล่านี้เป็นต้น แล้วก็นึกถึงฐาน
ะของเราว่ามีอย่างไร เราเป็นพ่อหรือเป็นแม่ เป็นศิษย์หรืออาจารย์ เป็นต้น
การแสดงออกทางกายและวาจาเหมาะสมกับเพศ วัย ฐานะ แล้วหรือยัง
เราต้องนึกถึงเพศ วัย ฐานะ อยู่เสมอ ว่าการแสดงออกทั้งหมดประกอบไปด้
วยคุณหรือโทษจะเป็นไปเพื่อมลทินหรือเป็นหมดจด เราต้องกำ หนดรู้เสียก่อน
ถ้าเป็นไปเพื่อมลทินโทษ บังคับทันที ไม่ยอมเป็นอันขาด ถ้าเป็นไปเพื่อคุณ
ถึงแม้จะขัดกับอัธยาศัยของจิตก็ไม่ยอม เราจะหาอุบายให้จิตพอใจ จนได้
การดำเนินทางภายนอกเกี่ยวกับกายและวาจา ก็สบายทำอย่างนี้
ต่อจากนั้นไป เหตุการณ์ที่เราได้ประสบเช่น เขาด่าเราก็ดี เขาชมเราก็ดี
หรือเห็นสิ่งที่น่าเกลียด น่ากลัว น่าชอบก็ดี ความรู้สึกของจิตมันเป็นอย่างไร
เราก็เอาอำนาจส่วนนั้นเข้าไปประคองเอาไว้ แล้วก็พยายามหาเ
หตุผลมาแก้ต่อไป ความรู้สึกของเราก็ไวขึ้นสามารถทันเหตุการณ์ ที่มัน
จะวอกแวกไปต่ออารมณ์ หรือมะนจะวูบวาบไปตามเหตุการณ์ก็ดี เป็นไปไม่ได้
กำลังตัวยับยั้งประคอบไม่ได้เลย พอเราสามารถประคองจิตให้อยู่ในอำนาจ
ได้แล้ว มันจะมีความรู้ชนิด หนึ่งขึ้นมาแก้ไขทันที บางทีอาจจะเอาตั
วอย่างมาจากพระพุทธเจ้าและพระอริยเจ้า เช่น เหตุการณ์อันนี้
พระพุทธเจ้าเคยประสบมาแล้วหรือยัง และพระ อริยเจ้าที่เป็นผู้พี่ของเราได้
ประสบมาแล้วหรือยัง ประสบแล้วท่านทั้งหลายเหล่านั้นทำอย่างไร เรา
จะมีความรู้สึกไปน้อมเอาเหตุการณ์และเหตุผลทั้งหลาย ของท่านผู้เป็นอ
ริยบุคคลเหล่านั้นมาเป็นตัวอย่างเตือนเรา แล้วความรู้สึกของเราก็ไม่มีทาง
ที่จะเป็นไปตามเหตุการณ์ เราพยายามฝึกของเราอยู่อย่างนี้
พูดถึงการเดินจงกรมและการนั่งสมาธิเราก็พยายามทำอยู่ตลอดเหมือนกัน
เราก็ฝึกของเราไปเรื่อยๆ ทั้งภายนอกและภายใน ดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น
ต่อจากนั้นไปจะเกิดความอัศจรรย์หลายอย่าง มีผลพลอยได้ภายนอกบ้าง
และผลที่จริงทางด้านสมาธิบ้าง ส่วนผลที่แท้จริงนั้นได้แก่ ความฉุนเฉียวของ
จิต และความรุนแรงของจิตจะเบาบางลงหรืออาจจะหมดไป ทีนี้เราจะเห็นไ
ด้ภายในของเราเอง เช่น บางทีเราอาจจะเข้าข้างกิเลสหรือลุอำนาจ
เป็นไปตามกิเลส ให้ประกอบในทางที่ผิดก็ดี หากในเมื่อมีอำนาจตปธรรม
ส่วนนี้เข้าไปยับยั้งและประคองเอาไว้แล้ว มันจะไม่เป็นไปตามอำนาจส่วนนั้น
เราจะมองเห็นได้ชัดภายใน ของเราเอง
ส่วนผลพลอยได้อย่างอื่นๆนั้น เราก็พอจะมองเห็นได้ ความสุขที่เรียกว่า "
บรมสุข" ซึ่งเป็นสุขที่แท้จริงนั้นประจักษ์ขึ้นมา หรือความรู้ อย่างอื่น เช่น
อภิญญาณสมาบัติ เราไม่ต้องไปขอร้อง ไม่ต้องไปฝึกมันเป็นเอง หาก
ในเมื่อเรามีวาสนาเป็นไปในทาง "จตุปฏิสัมภิทา" แล้วมันรู้ มันแตกฉาน
ขึ้นมาเอง มันสามารถเกิดขึ้นมาให้เห็นเป็นอานิสงส์เรียกว่าผลพลอยได้
มันยั สามารถหยั่งรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างอัศจรรย์ อันนี้ประจักษ์มาก
ที่เล่ามานี้เป็นสายทาง "โลกุตตระ" โดยสังเขป
ยังมีสมาธิอีกประการหนึ่ง ที่ผู้ปฏิบัติโดยส่วนมากไปติดหรือหลงกัน
ที่ท่านเรียกว่าภวังค์ หรือภพภายในของจิต ถ้าใครไปตกภวังค์พวกนี้แล้ว มีหวัง
ไปยากเต็มที ไม่เก่งจริงๆมีหวังจมตายอยู่เพียงแค่นั้น เพราะผลของสมาธิ
ดึงดูดจิตใจมาก ถ้าไปหลงติดอยู่แค่นี้ก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปเพื่อ
ความหลุดพ้นได้ ฉะนั้น จึงสมควรนำมาเล่าสู่กันฟังพอเป็นข้อสังเกตดังนี้คือ :--
เมื่อเราสร้างอำนาจตัวคุ้มครองขึ้นมาได้แล้ว เราเอาคุ้มครองจ
ิตของเราจริงๆ เมื่อจิตของเราจำนนต่ออำนาจตัวบังคับ คือสติได้แล้ว จิตของ
ไม่มีโอกาส ไปต่ออารมณ์สัญญาโดยลำพังของมันได้ มีหวังว่าจิตของเรา
จะจมดิ่งเข้าสู่สมาธิ พอจิตตกกระแสหรือรวมเข้าสู่สมาธิแล้ว เรา
จะเห็นผลหลายอย่างเกิดขึ้น เช่น ความอิ่ม ความเบา ความเย็น ซาบซ่าน
ความสว่างไสว เป็นต้น แต่ผลในที่นี้หมายถึง ผลเกิดขึ้นจากความสงบของจิต
คือ จิตสงบ ฐานมี 3 ฐานด้วยกัน ได้แก่ ขณิกะ อุปจาระ อัปปนา
แต่ละฐานแบ่งออกเป็น 2 ระยะ มีตอนต้นกับตอนปลายรวม 3 ฐาน จึงเป็น 6
ระยะ แต่ลักษณะของมันในเบื้องต้นฐานที่ 1 เรียกว่า ขณิกะ ภวังค์ของมันมีอยู่ 2
ฐาน คือ ฐานต้นกับฐานปลาย ฐานต้นได้แก่ ความอิ่มนี่เอง มันรู้สึกมีความ
อิ่มจริงๆ อิ่มจนไม่อยากหลับไม่อยากนอน ไม่อยากพูดจากับใคร มันเพลิน
อยู่คนเดียว แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเราอยู่ในฐานไหน แท้ที่จริงก็นี่แหละคือ ฐานต้น
ฐานปลายมีความเบาเข้ามาแทรกกับความอิ่ม แต่ไม่มาก ถ้าเลย
เข้าไปฐานที่ 2 ได้แก่ อุปจาระ ภวังค์ของมัน ฐานต้นจะมีความเบาเหมือน
จะเหาะจะลอย เหมือนไม่ได้นั่งอยู่กับพื้น คล้ายๆกับว่ามีของทิพย์
เป็นเครื่องรองรับ ลอยอยู่สักศอกสองศอกทำนองนี้ ฐานปลายจะรู้สึกมี
ความเย็นซาบซ่านเพิ่มเข้ามาอีก ถ้าเราสามารถสร้างสติให้สมบูรณ์
หรืออำนาจตัวสั่ง ตัวบังคับมันบังคับความรู้สึกได้ดีที่สุด บังคับให้อยู่ใน
อำนาจของมันตลอดเวลา มันจะสามารถดิ่งเข้าไปลึกกว่านั้นอีก เมื่อจิต
เข้าสู่อัยดับที่ 3 หรือฐานที่ 3 ที่เรียกว่า อัปปนา ภวังค์เบื้องต้น จะมี
ความสว่างเพิ่มเข้ามานิดๆ จากความซาบซ่าน พออยู่ในอันดับช
ำนิชำนาญแล้ว ตอนปลายจะเกิดความสว่างไสวโล่งโปร่ง มี
ความเย็นซาบซ่านไปทั่วสรรพางค์กายเย็ยเหทือนๆยาทิพย์เข้าไปอย
ู่ในร่างกาย และยังมีคล้ายกับเมฆหมอกขาวๆสลัวๆทั่งสรรพางค์ก
ายสว่างไสวรุ่งโรจน์ ที่ขาวๆจะเหมือนยาทิพย์ชะโลมตัวเรา รู้สึกสบายมาก
มันเย็นซาบซ่านโปร่ง โล่งในสมอง ประสาท แม้แต่ถอนสมาธิออกมาแล้วก็ยังรู
้สึกโปร่งโล่งในสมอง สิ่งที่มันมืดๆทึบๆ ในสมองของเรามันหายหมดเกลี้ยงอะ
ไรต่ออะไร รู้สึกว่ามันตกฉานแปลกจริงๆ เพียงแค่สมาธิ 3 อันดับ ถ้า
สามารถสร้างสติอย่างเดียว ไม่มีตัวอริยมัคคุเทศก์ คือ ปัญญาญาณ
เพียงแค่อาศัยสติประคองจิตเข้าสู่สมาธิ 3 อันดับนี้ ยังมีอานิสงส์ถึงขนาดนี้
ลองดูซิ พวกเราทุกคนเมื่อเข้าสู่สมาธิ 3 อันดับนี้แล้วจะชอบด้วยกันทั้งสิ้น
เพราะมันสบายจริงๆสบายอย่างบอกไม่ถูก เมื่อทุกคนเข้าไปถึงแล้วจะรู้สึ
กเองว่ามีความสุขอย่างไร แค่ไหน ถ้าใครอยากสิ้น สงสัยก็ทำดู
ถ้านั่งนึกเดาเท่าไร ยิ่งไกลความจริงเป็นลำดับ แต่สมาธิ 3 อันดับนี้ จัด
เป็นกามภพภายในหรือกามภพอันละเอียด
สมาธิ 3 อันดับที่กล่าวมานี้เป็นของสำคัญมาก ถ้าผู้ปฏิบัติไม่ศึกษาให้
เข้าใจจริงๆแล้ว อาจจะหลงอยู่เพียงแค่นี้ เข้าใจว่าเป็นจุดสูงสุดของการบำ
เพ็ญ แท้ที่จริงเป็นภวังค์ในสมาธิเท่านั้น ถ้าใครไปหลงยึดมั่นถือมั่นมันก็
เป็นวิปัสสนูปกิเลส คือกิเลสในสมาธิ ถ้าใครรู้เท่าทันจิตทุกอย่าง
ไม่ไปหลงยึดมั่นถือมั่น รู้แล้ววางเป็นวิปัสสนา แต่บางคนเข้าใจว่า
ภวังค์คือการนอนหลับ เพราะจิตมันทำงานมาก จิตเหนื่อย มันก็เข้าไปพักใ
นภวังค์ ความจริงไม่ถูก คำว่า ภวังค์ ในที่นี้ท่านหมายถึง จิตติดอยู่ในผลข
องสมาธิ 3 อันดับ ดังกล่าวมาแล้วนั้น คือหมายความว่า เมื่อจิตของเรา
ไปเจอผลของสมาธิแล้วมันอยากจะแช่จมอยู่ ในที่นั้น
ฉะนั้นท่านจึงบอกว่า อันนี้เป็นส่วนของภพเหมือนกัน คือภพภายใน และไม่
เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ เพราะจิตไม่ได้รู้แจ้งเห็นจริงตามสภาพความเป็นจ
ริงอะไร เป็นเพียงบังคับจิตให้จมดิ่งเข้าสู่ฐานของสมาธิเท่านั้น ยังไม่
ได้ชำระกิเลส แต่ถ้าใครรักษาระดับนี้ไว้ได้ก็สามารถไปสู่ฉกามาวจรสวรรค์
ได้ แต่โดยส่วนมาก ผู้ปฏิบัติมักจะเอาแต่ผลของสมาธิ 3 อันดับ มาเล่าสู่
กันฟัง ส่วนเรื่องการทำลายกิเลสหรือภพของจิตก็ดี หรือกิเลสมีลักษ
ณะอย่างไร มันเกิดขึ้นได้มาเพราะ เหตุใดไม่ค่อยพูดถึง เพราะฉะนั้นผู้ท
ำสมาธิ ยังมีกิเลสท่วมท้นกันอยู่ เช่น มีการทะเลาะเบาะแว้งซึ่งกันและกัน
เป็นต้น ก็เป็นไปตามเรื่องตามเหตุการณ์ เนื่องจากการทำสมาธิดังกล่าวยัง
ไม่ได้ถอนกิเลส เพราะยังไม่ได้สร้างตัวอริยมัคคุเทศก์ คือตัวปัญญาญาณ จึง
ไม่สามารถสังหารกิลเสได้เลยแม้แต่ตัวเดียว เป็นเพียงใช้อำนาจสติข่มกันอยู่
เท่านั้น
ถ้าใครต้องการพ้นทุกข์ที่แท้จริง จงศึกษาให้เข้าใจว่า อันไหนมีความหมา
ยอย่างไร จนเข้าใจท่องแท้แน่นอนแล้วในทางปฏิบัติ ทั้งสายตรงและสา
ยอ้อม แล้วจึงลงมือปฏิบัติตามสายตรงที่ศึกษามานั้น มีหวังสมความมุ่
งมาดปรารถนาโดยไม่ต้องสงสัย ในที่สุด ยุติลงแห่งการแนะนำให้อุบายวิธื
การดำเนินทางสมาธิ จิตนี้ อาตมาภาพขออัญเชิญอานุภาพอันยิ่งใหญ่
คือ พุทธานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพของพระพุทธเจ้า ธัมมานุภาเวนะ
ด้วยอานุภาพของพระธรรม สังฆานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพของพระสงฆ์
อานุภาพ 3 ประการนี้ จงมาคุ้มคริงพวกท่านทั้งหลาย จงอย่าได้ประสบภ
ัยอันตรายทั้งปวง ประสบแต่ความสุข ความเจริญ และ ความสะดวกสบาย
จงเป็นไปเพื่อความสำเร็จในสิ่งที่ท่านทั้งหลายปรารถนาเอาไว้ พร
ทั้งหลายที่อาตมาภาพอธิษฐานมานี้จงเป็นผลสำเร็จ จงทุกถ้วนหน้ากัน
เทอญฯ.
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"ลมหายใจ"ที่เข้าออกอยู่ตลอดเวลานี้
ถ้าเพ่ง"ทำความรู้สึกอยู่กับเนื้อลมตลอด ที่เข้าที่ออก" จะเป็นฌาน (สมถะ)
ถ้ากำหนด"รู้ลม" ว่าลมเป็นสิ่งที่ถูกรู้และลมล่วงไป
จะเป็นปัญญา (วิปัสนา)
ถ้าเพ่ง"ทำความรู้สึกอยู่กับเนื้อลมตลอด ที่เข้าที่ออก" จะเป็นฌาน (สมถะ)
ถ้ากำหนด"รู้ลม" ว่าลมเป็นสิ่งที่ถูกรู้และลมล่วงไป
จะเป็นปัญญา (วิปัสนา)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทุกครั้งที่เราคอมเม้น
"แสดงความคิดเห็น ในเฟสบุ๊ก
ไม่ว่าจะออกมาเป็นด้านดี หรือด้านไม่ดี
เท่ากับว่าเรา สร้างกรรมให้ตนเองแล้ว
เป็นกรรมทางใจด้วย
อย่างเช่น เขาโพสรูปและเนื้อหา
"สิบแปดล้อ ชนคนแล้วหนี ช่วยแชร์ต่อด้วย
คนชนมันเป็นคนไม่ดี เลวสุดๆ"
พอเราเห็นรูปปุ๊บ เราก็ไปเสริมต่อกับเขา
เม้นด่าเขา"อึ้ย..ไอ้เลวชาติชัว.ต่างๆนาๆ
เพียงเท่านี้ก็เกิดกรรมทางใจสำเร็จแล้ว
เป็นการปราถนา ให้คนขับรถที่สิบแปดล้อนั้น ประสบกับสิ่งที่ไม่ดี"
เพียงเท่านี้หาบาปใส่จิตตนเองเสร็จแล้ว
เพราะเราไม่รู้เบื้องหลัง ที่มาที่ไป กรรมของพวกเขา
คนขับรถสิบล้อกับคนถูกชน เขาอาจจะมีกรรมด้วยกันมาก็ได้
ยังไงๆชาตินี้คนถูกชนก็ต้องถูกนายขับรถสิบล้อชนเพื่อใช้กรรม"
ต่อไปนี้ถ้าเราเห็นภาพ+เนื้อหา แบบนั้นแล้ว จะเป็นเรื่องจริงหรือเขาทำเล่นๆ
ไม่จริงก็ตาม
"ให้คิดว่า ที่เขาต้องเจอแบบนี้ เบื้องหลังคงเป็นกรรมของเขา ไม่มีใคร
สามารถหนีกรรมได้"
แม้แต่หมาที่ขาหักที่เราเห็น หมาตัวนั้นอาจเคยเกิดเป็นคน
และในชาตินั้น
เขาใช้ไม้ตีขาวัวขาควาย ขาหมู ขาหมา
ด้วยบาปกรรมนั้น
จึงต้องมาโดนทำให้ขาหักคืน
้
ส่วนถ้าเราคอมเม้นให้ออกมาในด้านดี
เราจะได้บุญ
เรียกว่าจิตปรุงแต่งบุญญาภิสังขารขึ้นมา
ตัวนี้ถ้าใครไม่มี ไม่ได้มาเกิดเป็นคนหรอก
แต่ละคนที่เกิดมาก็เกิดมาด้วย ตัวบุญญาภิสังขาร
ที่ออกมาผิวดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ขาว ดำ ชมภู เตี้ย สูง สมส่วนไม่สมส่วน
# คิดดีเป็นการสร้างกรรมฝ่ายบุญให้ใจ
# คิดชัวเป็นการสร้างกรรมฝ่ายบาปให้ใจ
ระดับความอ่อน-แรงของกรรม
กายกรรม การกระทำทางกาย
วจีกรรม การพูด
มโนกรรม การปรุงแต่งทางใจ
"แสดงความคิดเห็น ในเฟสบุ๊ก
ไม่ว่าจะออกมาเป็นด้านดี หรือด้านไม่ดี
เท่ากับว่าเรา สร้างกรรมให้ตนเองแล้ว
เป็นกรรมทางใจด้วย
อย่างเช่น เขาโพสรูปและเนื้อหา
"สิบแปดล้อ ชนคนแล้วหนี ช่วยแชร์ต่อด้วย
คนชนมันเป็นคนไม่ดี เลวสุดๆ"
พอเราเห็นรูปปุ๊บ เราก็ไปเสริมต่อกับเขา
เม้นด่าเขา"อึ้ย..ไอ้เลวชาติชัว.ต่างๆนาๆ
เพียงเท่านี้ก็เกิดกรรมทางใจสำเร็จแล้ว
เป็นการปราถนา ให้คนขับรถที่สิบแปดล้อนั้น ประสบกับสิ่งที่ไม่ดี"
เพียงเท่านี้หาบาปใส่จิตตนเองเสร็จแล้ว
เพราะเราไม่รู้เบื้องหลัง ที่มาที่ไป กรรมของพวกเขา
คนขับรถสิบล้อกับคนถูกชน เขาอาจจะมีกรรมด้วยกันมาก็ได้
ยังไงๆชาตินี้คนถูกชนก็ต้องถูกนายขับรถสิบล้อชนเพื่อใช้กรรม"
ต่อไปนี้ถ้าเราเห็นภาพ+เนื้อหา แบบนั้นแล้ว จะเป็นเรื่องจริงหรือเขาทำเล่นๆ
ไม่จริงก็ตาม
"ให้คิดว่า ที่เขาต้องเจอแบบนี้ เบื้องหลังคงเป็นกรรมของเขา ไม่มีใคร
สามารถหนีกรรมได้"
แม้แต่หมาที่ขาหักที่เราเห็น หมาตัวนั้นอาจเคยเกิดเป็นคน
และในชาตินั้น
เขาใช้ไม้ตีขาวัวขาควาย ขาหมู ขาหมา
ด้วยบาปกรรมนั้น
จึงต้องมาโดนทำให้ขาหักคืน
้
ส่วนถ้าเราคอมเม้นให้ออกมาในด้านดี
เราจะได้บุญ
เรียกว่าจิตปรุงแต่งบุญญาภิสังขารขึ้นมา
ตัวนี้ถ้าใครไม่มี ไม่ได้มาเกิดเป็นคนหรอก
แต่ละคนที่เกิดมาก็เกิดมาด้วย ตัวบุญญาภิสังขาร
ที่ออกมาผิวดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ขาว ดำ ชมภู เตี้ย สูง สมส่วนไม่สมส่วน
# คิดดีเป็นการสร้างกรรมฝ่ายบุญให้ใจ
# คิดชัวเป็นการสร้างกรรมฝ่ายบาปให้ใจ
ระดับความอ่อน-แรงของกรรม
กายกรรม การกระทำทางกาย
วจีกรรม การพูด
มโนกรรม การปรุงแต่งทางใจ
อัพเดตเมื่อ ก.ค. 25, 2015 7:18:15am
อัพเดตเมื่อ ก.ค. 30, 2015 3:45:06pm
อัพเดตเมื่อ ก.ค. 30, 2015 4:01:43pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทานแปลว่า(การให้)
เราให้ทานกับพระ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร เทียน หลอดไฟ กระติกน้ำ หรืออะไร
อื่นฯลฯ
แล้วทีนี้พระท่านรับไว้แล้ว..แต่ไม่ได้ฉันไม่ได้กิน ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เรา
ทานให้เลย.. บุญจะสำเร็จไหมเราจะได้บุญไหม?
ตอบ: ได้แน่นอน... เกิดเป็นบุญตั้งแต่มีเจตนาจะให้แล้ว
แต่ยังไม่แรง
บางครั้งอาหารก็เยอะมากๆ
พระท่านก็ฉันไม่ทั่วถึงทุกปิ่นโต
ถึงท่านจะไม่ได้ฉันปิ่นโตเราที่เราถวาย
เราก็ได้บุญน่ะ ไม่ใช่ว่าไม่ได้
เหมือนอย่างสมัยพระพุทธเจ้าเป็นโพธิสัตว์สร้างบารมีอยู่
ท่านเกิดเป็นพระราชา ท่านได้มีโอกาสไปฟังธรรม ท่านได้(เด็ดหัวตัวเอง
หรือเด็ดเส้นผมนี่แหละถ้าจำไปผิด) เด็ดแล้วถวายพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าก็รับไว้แต่ไม่ได้ใช้ ก็ยังเป็นบุญบารมีใหญ่เลย
และอีกเรื่องหนึ่งเวลากล่าวถวายทาน อุทิศ
ใครจับ ใครไม่จับ ก็ไม่ต่างกันมาก
เช่น คนที่จับ คิดไปนู่นคิดไปนี้ หรือง่วงนอน โกรธ คือไม่มีสมาธิเลย จิตก็
ไม่มีกำลังที่จะอุทิศให้ผู้ล่วงลับ ไม่มีสมาธิมันก็ไม่ถึงจริงๆน่ะ ถ้าเจ้าตัวไม่มา
อนุโมธนาเอง
คนโบราญก็เลยหาวิธีให้มีสมาธิให้
คือ"กรวดน้ำ"นั้นเอง
แต่พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนการอุทิศบุญด้วยการกรวดน้ำ
แต่พระองค์สอนแบบนี้"ให้ตั้งจิตให้เป็นสมาธิก่อน คือละนิวรณ์5
1กามฉันทะ ความพอใจ ติดใจ หลงใหลใฝ่ฝัน ในกามโลกีย์ทั้งปวง
ดุจคนหลับอยู
่
2พยาบาท ความไม่พอใจ จากความไม่ได้สมดังปรารถนาในโลกียะสมบัติ
ทั้งปวง ดุจคนถูกทัณท์ทรมานอยู่
่
3ถีนมิทธะ ความขี้เกียจ ท้อแท้ อ่อนแอ หมดอาลัย ไร้กำลังทั้งกายใจ
ไม่ฮึกเหิม
4อุทธัจจะกุกกุจจะ ความคิดซัดส่าย ตลอดเวลา ไม่สงบนิ่งอยู่ในความคิดใดๆ
5วิจิกิจฉา ความไม่แน่ใจ ลังเลใจ สงสัย กังวล กล้า ๆ กลัว ๆ ไม่เต็มที่ ไม่มั่นใจ
แล้วปรุงแต่งจิตอุทิศไปหาเขา
ส่วนคนโบราญก็เลยหาวิธีให้คือการกรวดน้ำนี้แหละ
คนส่วนมากจะละได้5ข้อเลยในขณะที่กรวดน้ำ (บางคนในขณะที่กรวดน้ำ
เขาปรุงแต่งจิตอย่างนี้ ทานนี้จะไปหานาย ข. นาย.ข.จงได้รับทานนี้
แต่ถ้าง่วงนอนในขณะกำลังกรวดน้ำนี่ไม่แน่นะ ว่าจะถึงเขาไหม
แต่ส่วนมากตรงนี้จะไม่มีปัญหา
พระท่านจะช่วยอยู่แล้วเรื่องอุทิศ (ถ้าท่านไม่ลืม)
แต่ถึงจะลืมถ้าเขารู้ก่อนหน้านั้นแล้วว่าญาติจะทำบุญ เขาก็จะมาเอง
ครูบาอาจารย์บอกว่าถ้าคนปฏิบัติธรรมจนจิตละเอียดจะมองเห็น
แต่ถ้าคนไม่ได้ปฏิบัติธรรมจะรู้สัมผัสได้คือ รู้สึก ขนลุกซ่า
# อุทิศบุญ # แผ่เมตตา ทำได้ทุกเวลา ไม่ใช่แค่ทำได้แค่ตอนอยู่ในวัด
นอกวัดก็ทำได้ ขอแค่
เราให้ทานกับพระ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร เทียน หลอดไฟ กระติกน้ำ หรืออะไร
อื่นฯลฯ
แล้วทีนี้พระท่านรับไว้แล้ว..แต่ไม่ได้ฉันไม่ได้กิน ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เรา
ทานให้เลย.. บุญจะสำเร็จไหมเราจะได้บุญไหม?
ตอบ: ได้แน่นอน... เกิดเป็นบุญตั้งแต่มีเจตนาจะให้แล้ว
แต่ยังไม่แรง
บางครั้งอาหารก็เยอะมากๆ
พระท่านก็ฉันไม่ทั่วถึงทุกปิ่นโต
ถึงท่านจะไม่ได้ฉันปิ่นโตเราที่เราถวาย
เราก็ได้บุญน่ะ ไม่ใช่ว่าไม่ได้
เหมือนอย่างสมัยพระพุทธเจ้าเป็นโพธิสัตว์สร้างบารมีอยู่
ท่านเกิดเป็นพระราชา ท่านได้มีโอกาสไปฟังธรรม ท่านได้(เด็ดหัวตัวเอง
หรือเด็ดเส้นผมนี่แหละถ้าจำไปผิด) เด็ดแล้วถวายพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าก็รับไว้แต่ไม่ได้ใช้ ก็ยังเป็นบุญบารมีใหญ่เลย
และอีกเรื่องหนึ่งเวลากล่าวถวายทาน อุทิศ
ใครจับ ใครไม่จับ ก็ไม่ต่างกันมาก
เช่น คนที่จับ คิดไปนู่นคิดไปนี้ หรือง่วงนอน โกรธ คือไม่มีสมาธิเลย จิตก็
ไม่มีกำลังที่จะอุทิศให้ผู้ล่วงลับ ไม่มีสมาธิมันก็ไม่ถึงจริงๆน่ะ ถ้าเจ้าตัวไม่มา
อนุโมธนาเอง
คนโบราญก็เลยหาวิธีให้มีสมาธิให้
คือ"กรวดน้ำ"นั้นเอง
แต่พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนการอุทิศบุญด้วยการกรวดน้ำ
แต่พระองค์สอนแบบนี้"ให้ตั้งจิตให้เป็นสมาธิก่อน คือละนิวรณ์5
1กามฉันทะ ความพอใจ ติดใจ หลงใหลใฝ่ฝัน ในกามโลกีย์ทั้งปวง
ดุจคนหลับอยู
่
2พยาบาท ความไม่พอใจ จากความไม่ได้สมดังปรารถนาในโลกียะสมบัติ
ทั้งปวง ดุจคนถูกทัณท์ทรมานอยู่
่
3ถีนมิทธะ ความขี้เกียจ ท้อแท้ อ่อนแอ หมดอาลัย ไร้กำลังทั้งกายใจ
ไม่ฮึกเหิม
4อุทธัจจะกุกกุจจะ ความคิดซัดส่าย ตลอดเวลา ไม่สงบนิ่งอยู่ในความคิดใดๆ
5วิจิกิจฉา ความไม่แน่ใจ ลังเลใจ สงสัย กังวล กล้า ๆ กลัว ๆ ไม่เต็มที่ ไม่มั่นใจ
แล้วปรุงแต่งจิตอุทิศไปหาเขา
ส่วนคนโบราญก็เลยหาวิธีให้คือการกรวดน้ำนี้แหละ
คนส่วนมากจะละได้5ข้อเลยในขณะที่กรวดน้ำ (บางคนในขณะที่กรวดน้ำ
เขาปรุงแต่งจิตอย่างนี้ ทานนี้จะไปหานาย ข. นาย.ข.จงได้รับทานนี้
แต่ถ้าง่วงนอนในขณะกำลังกรวดน้ำนี่ไม่แน่นะ ว่าจะถึงเขาไหม
แต่ส่วนมากตรงนี้จะไม่มีปัญหา
พระท่านจะช่วยอยู่แล้วเรื่องอุทิศ (ถ้าท่านไม่ลืม)
แต่ถึงจะลืมถ้าเขารู้ก่อนหน้านั้นแล้วว่าญาติจะทำบุญ เขาก็จะมาเอง
ครูบาอาจารย์บอกว่าถ้าคนปฏิบัติธรรมจนจิตละเอียดจะมองเห็น
แต่ถ้าคนไม่ได้ปฏิบัติธรรมจะรู้สัมผัสได้คือ รู้สึก ขนลุกซ่า
# อุทิศบุญ # แผ่เมตตา ทำได้ทุกเวลา ไม่ใช่แค่ทำได้แค่ตอนอยู่ในวัด
นอกวัดก็ทำได้ ขอแค่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เห็นแล้วปลื้มใจ... ในผู้ที่สนใจ จะแก้ทุกข์ แก้ตกนรกหมกไหม้ อยากให้สนใจในธรรมะกันทุกคน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ส่วนมากโยม จะไม่ทำกรรมอันเป็นบาปกับพระ เพราะกลัวตกนรกหรือกลัวไปเป็นเปตร
ตามที่โบราณว่า..มีตัวสูงไฟกรรมไหม้ตลอดเวลา มีมือเท่าใบตาล ปากเหมือนรูเข็ม
หรือกลัวอะไรจะเกิดขึ้นกับตนเองก็ไม่รู้ จึงไม่กล้าทำกับพระ
้
แต่กลับกล้าทำกรรมบาปกับบุคคลที่สำคัญต่อไปนี้ (ลำดับความสำคัญนะ)
๑.แม่
๒.พ่อ
โดยไม่คิดว่าจะบาป(เพราะไม่คิดว่ามันจะบาปหรือเปล่า)
ทำไม่ดีกับแม่และพ่อ เป็นบาป นี่ไม่เจริญน่ะให้ผลแนนอน
ทำดีกับแม่และพ่อ เป็นบุญ
เจริญแน่นอนเห็นผลแน่นอน เปรียบเสมือนทำกับพระพุทธเจ้าเลยน่ะ
"เหตุที่คนๆนั้นหลังจากตายต้องตกตนรก
แน่นอนเหมือนถูกนำไปไว้วางเลย
คือ๑.ฆ่า/ทำรายพระพุทธเจ้าบาดเจ็บ
๒.((ฆ่าแม่หรือพ่อ))) <----
๓.ทำพระสงฆ์ให้แตกสามัคคีกัน
ไม่ต้องถึงกับลงมือฆ่าแม่หรือพ่อเลย.
แค่เจตนาทำไม่ดี มีเจตนาพูดไม่ดี ฝังเจตนาความคิดไม่ดีให้แม่และพ่อ
ก็เป็นกรรมบาปแล้ว
แต่ถ้า
ช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ถ้ามีโอกาศทำ
ทำดีทางกาย(กายกรรม)
ทำดีทางวาจา(วจีกรรม)
ทำดีทางใจคือคิดดีต่อท่าน(มโนกรรม)
จะเป็นบุญถือว่าได้ตักเอาบุญใหญ่ที่มีเฉพาะตนไว้ได้เยอะ
#.ส่วนถ้าทำ ตรงข้ามกันก็จะให้ผลกลับกัน
ครั้งหนึ่งที่เคยผ่านมา(ตอนเป็นโยม) เคยหลงไปหลายครั้ง หลงไปกับความรักโลกีย์ทางโลก หลงในหน้าตาผิวพรรณผู้หญิง หลงในท่าทางและเสียงใสๆหวานๆของผู้หญิง
หลงในกลิ่นน้ำหอมที่เธอฉีดใส่ตัว
หลงในรสชาติของอารมณ์ที่มีแต่ความรัก
(เพ้อหัวปักหัวปำเงยหน้าไม่ได้)
ทำเอาจนลืมหน้าแม่ไปเลยไม่เห็นหัวแม่เลยน่ะ จะยังไงนี่ไม่สน แฟนมาก่อน
มารดานี่กระเด่นออกไปเลยน่ะเหมือนเป็น
สถานะอีกคนหนึ่งอยู่ด้วยกันแต่เหมือน
อยู่คนละโลก เหมือนปลายจมูกที่ไม่ค่อยมอง เหมือนเป็นต้นเสาในบ้านไว้เดินผ่านเฉยๆ
แล้วขอตัง จะว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวมาทำหน้าที่รับใช้รับทเป็นแม่ก็ไม่ใช่
เพราะตอนนั้น จิตใจมันมีแต่เธอมีแต่เธอเท่านั้น/
ก็เลยเผลอทำกรรมไม่ดีกับแม่ไว้เยอะเลย
ส่วนมากจะเป็น มโนกรรม (กรรมทางความคิดที่คิดไม่ดีใส่แม่)
ปล่อยโทสะ(ความโกรธ)ใส่แม่
รู้ทั้งรู้น่ะโบราณสอนว่ามันไม่ดี ก็ยังทำ
(เพราะแทบไม่คิดว่า มันจะเป็นกรรม) ไม่คิดเลย) เพลินอยู่ในโลกของวัยรุ่น กรรมคงจะอนุโลมไม่ให้ผล คงไม่คิดกรรมเหมือนคิดเงินมั้ง
แต่ความจริงแล้วกรรมมันไม่อนุโลม นอกเสียจากไม่มีเจตนา
แต่ถ้าแม่พ่อทำไม่ดีทำไม่ถูก เป็นมิจฉาทิฐิ มีความเห็นผิดทำผิด เห็นกรงจักรเป็นดอกบัว
ลูกก็มีสิทธิ์ติวากล่าวตักเตียนได้ เปลี่ยนท่านดึงท่านให้เป็นสัมมาทิฐิ ยิ่งจะเป็นบุญมากกับลูกถ้าทำได้ คือดึงท่านเข้ามาทางที่ถูกธรรม เช่นก่อนนอนพาท่าน ไหว้พระ ทำสมาธิ แผ่เมตตา
และหาโหลดธรรมมะ ซื้อลำโพงmp3เล็กๆ ใส่ธรรมะให้ท่านไปฟังเวลาทำงานตามสวนตามไร้นา
ลำโพงประมาณ 300 กว่าบาท
เมมโมรี่การด์ 4 GB ราคา 99 บาท
ลิงค์โหลดธรรมะ
ลิงค์1 ฟังให้รู้แนวทาง
www.jozho.net/index.php?mo=3&art=255820
ลิงค์2 การปฏิบัติ
www.dhamma.com/tag/cd59/
ตามที่โบราณว่า..มีตัวสูงไฟกรรมไหม้ตลอดเวลา มีมือเท่าใบตาล ปากเหมือนรูเข็ม
หรือกลัวอะไรจะเกิดขึ้นกับตนเองก็ไม่รู้ จึงไม่กล้าทำกับพระ
้
แต่กลับกล้าทำกรรมบาปกับบุคคลที่สำคัญต่อไปนี้ (ลำดับความสำคัญนะ)
๑.แม่
๒.พ่อ
โดยไม่คิดว่าจะบาป(เพราะไม่คิดว่ามันจะบาปหรือเปล่า)
ทำไม่ดีกับแม่และพ่อ เป็นบาป นี่ไม่เจริญน่ะให้ผลแนนอน
ทำดีกับแม่และพ่อ เป็นบุญ
เจริญแน่นอนเห็นผลแน่นอน เปรียบเสมือนทำกับพระพุทธเจ้าเลยน่ะ
"เหตุที่คนๆนั้นหลังจากตายต้องตกตนรก
แน่นอนเหมือนถูกนำไปไว้วางเลย
คือ๑.ฆ่า/ทำรายพระพุทธเจ้าบาดเจ็บ
๒.((ฆ่าแม่หรือพ่อ))) <----
๓.ทำพระสงฆ์ให้แตกสามัคคีกัน
ไม่ต้องถึงกับลงมือฆ่าแม่หรือพ่อเลย.
แค่เจตนาทำไม่ดี มีเจตนาพูดไม่ดี ฝังเจตนาความคิดไม่ดีให้แม่และพ่อ
ก็เป็นกรรมบาปแล้ว
แต่ถ้า
ช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ถ้ามีโอกาศทำ
ทำดีทางกาย(กายกรรม)
ทำดีทางวาจา(วจีกรรม)
ทำดีทางใจคือคิดดีต่อท่าน(มโนกรรม)
จะเป็นบุญถือว่าได้ตักเอาบุญใหญ่ที่มีเฉพาะตนไว้ได้เยอะ
#.ส่วนถ้าทำ ตรงข้ามกันก็จะให้ผลกลับกัน
ครั้งหนึ่งที่เคยผ่านมา(ตอนเป็นโยม) เคยหลงไปหลายครั้ง หลงไปกับความรักโลกีย์ทางโลก หลงในหน้าตาผิวพรรณผู้หญิง หลงในท่าทางและเสียงใสๆหวานๆของผู้หญิง
หลงในกลิ่นน้ำหอมที่เธอฉีดใส่ตัว
หลงในรสชาติของอารมณ์ที่มีแต่ความรัก
(เพ้อหัวปักหัวปำเงยหน้าไม่ได้)
ทำเอาจนลืมหน้าแม่ไปเลยไม่เห็นหัวแม่เลยน่ะ จะยังไงนี่ไม่สน แฟนมาก่อน
มารดานี่กระเด่นออกไปเลยน่ะเหมือนเป็น
สถานะอีกคนหนึ่งอยู่ด้วยกันแต่เหมือน
อยู่คนละโลก เหมือนปลายจมูกที่ไม่ค่อยมอง เหมือนเป็นต้นเสาในบ้านไว้เดินผ่านเฉยๆ
แล้วขอตัง จะว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวมาทำหน้าที่รับใช้รับทเป็นแม่ก็ไม่ใช่
เพราะตอนนั้น จิตใจมันมีแต่เธอมีแต่เธอเท่านั้น/
ก็เลยเผลอทำกรรมไม่ดีกับแม่ไว้เยอะเลย
ส่วนมากจะเป็น มโนกรรม (กรรมทางความคิดที่คิดไม่ดีใส่แม่)
ปล่อยโทสะ(ความโกรธ)ใส่แม่
รู้ทั้งรู้น่ะโบราณสอนว่ามันไม่ดี ก็ยังทำ
(เพราะแทบไม่คิดว่า มันจะเป็นกรรม) ไม่คิดเลย) เพลินอยู่ในโลกของวัยรุ่น กรรมคงจะอนุโลมไม่ให้ผล คงไม่คิดกรรมเหมือนคิดเงินมั้ง
แต่ความจริงแล้วกรรมมันไม่อนุโลม นอกเสียจากไม่มีเจตนา
แต่ถ้าแม่พ่อทำไม่ดีทำไม่ถูก เป็นมิจฉาทิฐิ มีความเห็นผิดทำผิด เห็นกรงจักรเป็นดอกบัว
ลูกก็มีสิทธิ์ติวากล่าวตักเตียนได้ เปลี่ยนท่านดึงท่านให้เป็นสัมมาทิฐิ ยิ่งจะเป็นบุญมากกับลูกถ้าทำได้ คือดึงท่านเข้ามาทางที่ถูกธรรม เช่นก่อนนอนพาท่าน ไหว้พระ ทำสมาธิ แผ่เมตตา
และหาโหลดธรรมมะ ซื้อลำโพงmp3เล็กๆ ใส่ธรรมะให้ท่านไปฟังเวลาทำงานตามสวนตามไร้นา
ลำโพงประมาณ 300 กว่าบาท
เมมโมรี่การด์ 4 GB ราคา 99 บาท
ลิงค์โหลดธรรมะ
ลิงค์1 ฟังให้รู้แนวทาง
www.jozho.net/index.php?mo=3&art=255820
ลิงค์2 การปฏิบัติ
www.dhamma.com/tag/cd59/
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ยิ่งกินเยอะกินให้อิ่ม...ยิ่งตายเร็ว
พระพุทธเจ้าบอกว่า
"การกินอาหารมากเกินไปจะทำให้มีอาพาตมาก" คือป่วยบ่อยนั้นเอง
"การกินอาหารครั้งเดียวจะทำให้มีอาพาตน้อย" คือไม่ค่อยป่วยนั้นเอง โดยเฉพาะเนื้อวัว
ถ้าหลีกเลี้ยงได้ ต้องหลีกเลี้ยง
ครั้งหนึ่งพรามจะถวายภัตตาหารเช้า ซึ่งเป็นเมนูเนื้อวัว แด่พระพุทธเจ้าและสาวก พระองค์ถึงกับสั่งพรามว่าอย่าให้สาวกฉันเนื้อวัวเลย ให้เป็นอย่างอื่นเถอะ
แต่จงถวายอาหารที่ทำด้วยเนื้อวัวให้เราเถิด
(สาเหตุเพราะ ร่างกายพระพุทธเจ้านั่นทุกส่วนสมบูรณ์ที่สุด การย่อยก็สมบูรณ์เหนือใครทั้งหมดในมนุษย์ทั้งหมด เหนือสาวก จึงกล้าฉัน)
และการกินอาหารวันละมื้อทำให้มีอายุยืน(นานตาย)
โดยเฉพาะเวลาท้องร้องจ๊อกๆ อย่าเพิ่งไปทานอาหาร ให้ฟังท้องมันร้องอยู่ สัก10นาที แล้วค่อยไปกิน
เพราะในขณะร่างกายหิว
จะมียีนต่ออายุไข เกิดขึ้น ถือเป็นนาทีทองเลย และก็อย่ากินให้อิ่มร้อยเปอร์เซน(100%)
ให้กินสัก( 80 %)
และเวลานอนต้องหลับก่อน 4 ทุ่ม หลับไปจนถึง ตี 2 เพราะเป็นช่วงสำคัญ
แล้วลุกออกมาเดินจงกลมสลับนั้งสมาธิไปจนถึงเวลาเช้าบิฑบาต อันนี้คือพระพุทธเจ้าสอนพระภิกษุ
#วิทยาศาสตร์ เริ่มรู้ตามหลัง พุทธศาสนามากขึ้นเรื่อยๆ
แม้แต่พลังงานบาปก็พิสูดได้แล้ว
แม้แต่พลังงานบุญก็พิสูดได้แล้ว
#เขาพิสูดด้วยกล้อง แล้วเห็นเป็นพลังงาน ความสว่าง หรือเรียกว่า แสงออร่า นั้นเอง
#ส่วนทางปฏิบัตินั้น เห็นได้ด้วยทิพย์จักขุ(ตาทิพย์)
พระพุทธเจ้าบอกว่า
"การกินอาหารมากเกินไปจะทำให้มีอาพาตมาก" คือป่วยบ่อยนั้นเอง
"การกินอาหารครั้งเดียวจะทำให้มีอาพาตน้อย" คือไม่ค่อยป่วยนั้นเอง โดยเฉพาะเนื้อวัว
ถ้าหลีกเลี้ยงได้ ต้องหลีกเลี้ยง
ครั้งหนึ่งพรามจะถวายภัตตาหารเช้า ซึ่งเป็นเมนูเนื้อวัว แด่พระพุทธเจ้าและสาวก พระองค์ถึงกับสั่งพรามว่าอย่าให้สาวกฉันเนื้อวัวเลย ให้เป็นอย่างอื่นเถอะ
แต่จงถวายอาหารที่ทำด้วยเนื้อวัวให้เราเถิด
(สาเหตุเพราะ ร่างกายพระพุทธเจ้านั่นทุกส่วนสมบูรณ์ที่สุด การย่อยก็สมบูรณ์เหนือใครทั้งหมดในมนุษย์ทั้งหมด เหนือสาวก จึงกล้าฉัน)
และการกินอาหารวันละมื้อทำให้มีอายุยืน(นานตาย)
โดยเฉพาะเวลาท้องร้องจ๊อกๆ อย่าเพิ่งไปทานอาหาร ให้ฟังท้องมันร้องอยู่ สัก10นาที แล้วค่อยไปกิน
เพราะในขณะร่างกายหิว
จะมียีนต่ออายุไข เกิดขึ้น ถือเป็นนาทีทองเลย และก็อย่ากินให้อิ่มร้อยเปอร์เซน(100%)
ให้กินสัก( 80 %)
และเวลานอนต้องหลับก่อน 4 ทุ่ม หลับไปจนถึง ตี 2 เพราะเป็นช่วงสำคัญ
แล้วลุกออกมาเดินจงกลมสลับนั้งสมาธิไปจนถึงเวลาเช้าบิฑบาต อันนี้คือพระพุทธเจ้าสอนพระภิกษุ
#วิทยาศาสตร์ เริ่มรู้ตามหลัง พุทธศาสนามากขึ้นเรื่อยๆ
แม้แต่พลังงานบาปก็พิสูดได้แล้ว
แม้แต่พลังงานบุญก็พิสูดได้แล้ว
#เขาพิสูดด้วยกล้อง แล้วเห็นเป็นพลังงาน ความสว่าง หรือเรียกว่า แสงออร่า นั้นเอง
#ส่วนทางปฏิบัตินั้น เห็นได้ด้วยทิพย์จักขุ(ตาทิพย์)
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 03, 2015 11:50:53am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การมีจิตใจอ่อนโยน... ถือว่าเป็นเรื่องดี"
เพราะจิตมันจะไปทางสว่าง จะเจอแต่เรื่องดี ๆ "ธาตุย่อมเข้ากันได้ด้วยความเป็นธาตุ"
คนที่ธาตุเหมือนกันมักจะอยู่ด้วยกัน
เช่น คนชั่วย่อมมักเข้าหาคนชัว
คนดีย่อมมักเข้าหาคบกัน"
แต่ก็มีคนดีปะปนอยู่กับคนชั่ว
หรือคนชั่วปะปนอยู่กับคนดีเหมือนกันตั้งแต่อดีจนไปถึงอนาคต
แต่ภายในสภาวะจิตลึกๆแล้ว ยังไงก็เข้ากันไม่ได้
เหมือนหยดน้ำค้างในใบบอล"ฉันนั้น
และการมีจิตใจอ่อนโยนนั้น ไม่ได้หมายความว่า
ยังมีจิตใจเป็นเด็ก หรือยังไม่เป็นผู้ใหญ่
จะเอามาเป็นเครื่องตัดสินไม่ได้เลย
"ผู้ชายคนหนึ่ง ที่เคยเห็นมา ออกโทรทัศน์บ้าง วิทยุบ้าง เขาอายุมากแล้วนะ แต่จิตใจเขาอ่อนโยน มีทั้งความเมตตา กรุณา ต่อคนทุกประเภท ทั้งคนและสัตว์ไม่เว้น
เขาคนนั้นคือในหลวง เป็นพระโพธิสัตว์
ผู้มีอภิญญาญาณ รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า
รู้วาระจิตคน ฯลฯ ได้ใช้ความสามารถนี้ปกป้องคนในแผ่นดินไทยหลายครั้ง เช่นครั้งหนึ่ง จังหวัดในภาคใต้ จะมีพายุหนักเข้ากระแสน้ำจะล้นจะทำความเสียหายอย่างมาก
กรมอุตุบอกว่าสภาพอากาศปกติไม่เป็นไร
แต่ในหลวงสั่งเองให้อบพยบไปที่ปลอดภัย
หลังจากอพยบแล้ว เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นจริงอย่างเร็ว
และในครั้งหนึ่ง
มีนายทหารคนหนึ่งจะทำเรื่องไม่ดี
ในหลวงรู้จิต จึงพูดขึ้นว่า ประมาณว่า ท่านจะทำแบบนั้นทำไม ประชาชนเรา พี่น้องเรา ทำไปก็มีแต่เจ็บ"
นายทหารคนนั้นจึงตัวสั่นยอมรับว่าจะทำเรื่องไม่ดีนั้น
์
ดังนั้นจิตใจแบบอ่อนโยนๆ เป็นจิตใจที่ดี
ใครที่ประสบอยู่ก็รักษาไว้ เวลาร่างกายมันโตเป็นผู้ใหญ่
เราจะเป็นผู้ที่มีจิตใจสูง..
จะไม่เหมือนคนที่มีจิตใจต่ำเหมือนหมา
อย่าให้มันกลายเป็นจิตใจที่เลวทราม หยาบชั่วช้า เหมือนที่ออกข่าวคนไม่ดีในทีวี
#เพราะคติที่จะไปของคนแบบนั้น ย่อมไปภพภูมิไม่ดีอยู่แล้ว
เพราะจิตมันจะไปทางสว่าง จะเจอแต่เรื่องดี ๆ "ธาตุย่อมเข้ากันได้ด้วยความเป็นธาตุ"
คนที่ธาตุเหมือนกันมักจะอยู่ด้วยกัน
เช่น คนชั่วย่อมมักเข้าหาคนชัว
คนดีย่อมมักเข้าหาคบกัน"
แต่ก็มีคนดีปะปนอยู่กับคนชั่ว
หรือคนชั่วปะปนอยู่กับคนดีเหมือนกันตั้งแต่อดีจนไปถึงอนาคต
แต่ภายในสภาวะจิตลึกๆแล้ว ยังไงก็เข้ากันไม่ได้
เหมือนหยดน้ำค้างในใบบอล"ฉันนั้น
และการมีจิตใจอ่อนโยนนั้น ไม่ได้หมายความว่า
ยังมีจิตใจเป็นเด็ก หรือยังไม่เป็นผู้ใหญ่
จะเอามาเป็นเครื่องตัดสินไม่ได้เลย
"ผู้ชายคนหนึ่ง ที่เคยเห็นมา ออกโทรทัศน์บ้าง วิทยุบ้าง เขาอายุมากแล้วนะ แต่จิตใจเขาอ่อนโยน มีทั้งความเมตตา กรุณา ต่อคนทุกประเภท ทั้งคนและสัตว์ไม่เว้น
เขาคนนั้นคือในหลวง เป็นพระโพธิสัตว์
ผู้มีอภิญญาญาณ รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า
รู้วาระจิตคน ฯลฯ ได้ใช้ความสามารถนี้ปกป้องคนในแผ่นดินไทยหลายครั้ง เช่นครั้งหนึ่ง จังหวัดในภาคใต้ จะมีพายุหนักเข้ากระแสน้ำจะล้นจะทำความเสียหายอย่างมาก
กรมอุตุบอกว่าสภาพอากาศปกติไม่เป็นไร
แต่ในหลวงสั่งเองให้อบพยบไปที่ปลอดภัย
หลังจากอพยบแล้ว เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นจริงอย่างเร็ว
และในครั้งหนึ่ง
มีนายทหารคนหนึ่งจะทำเรื่องไม่ดี
ในหลวงรู้จิต จึงพูดขึ้นว่า ประมาณว่า ท่านจะทำแบบนั้นทำไม ประชาชนเรา พี่น้องเรา ทำไปก็มีแต่เจ็บ"
นายทหารคนนั้นจึงตัวสั่นยอมรับว่าจะทำเรื่องไม่ดีนั้น
์
ดังนั้นจิตใจแบบอ่อนโยนๆ เป็นจิตใจที่ดี
ใครที่ประสบอยู่ก็รักษาไว้ เวลาร่างกายมันโตเป็นผู้ใหญ่
เราจะเป็นผู้ที่มีจิตใจสูง..
จะไม่เหมือนคนที่มีจิตใจต่ำเหมือนหมา
อย่าให้มันกลายเป็นจิตใจที่เลวทราม หยาบชั่วช้า เหมือนที่ออกข่าวคนไม่ดีในทีวี
#เพราะคติที่จะไปของคนแบบนั้น ย่อมไปภพภูมิไม่ดีอยู่แล้ว
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การทำสมาธิ ช่วยให้บาดแผลหายเร็ว
และเป็นการสะสมพลังจิตไว้
และเป็นการสะสมพลังจิตไว้
ธรรมะสอนแม่ หรือสอนพ่อ ให้หายทุกข์ใจ
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 05, 2015 4:49:01pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว
จะทำยังไงหนอ? เราจึงจะสามารถรักษาอัตภาพความเป็นมนุษย์แบบนี้ไว้
ได้
ไม่ให้ล่วงล่นลงไปเป็นสัตว์นรก เดรัจฉาน หรือเปตรวิสัย
พระพุทธเจ้าทรงชี้ไปที่ศีล ๕ และจิตสุดท้ายก่อนตายที่ไม่เศร้าหมอง
"ได้ความเป็นมนุษย์หรือเทวดาแน่นอน"
ถ้าใครตั้งเจตนารักษาศีล๕ ได้
และฝึกละอารมณ์ที่ไม่ดี เพื่อให้จิตผ่องใส ถือว่าผ่านใช้ได้
หรือจะเป็นศีล ๘ ในครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้เคยประทานให้พญาน
าคตัวหนึ่งที่ เกลียดกำเนิดนาค เกลียดอัตภาพนาค อึดอัดละอา ไม่อยาก
เป็นนาค อยากจะพ้นความเป็นนาค อยากจะได้อัตภาพมนุษย์อยากจะเป็
นมนุษย์โดยเร็วพลันทันที
แล้วแปลงกายเป็นชายหนุ่มไปขอบวช
กับพระภิกษุทั้งหลาย
เมื่อบวชแล้วก็ถูกจับได้ว่าเป็นนาค
พระพุทธเจ้ารู้ก็ทรงให้สึก
และบอกให้ไปรักษาศีล๘ ที่14ที่15และที่8แห่งปัก
จะทำให้ได้อัตภาพความเป็นมนุษย์โดยเร็วพลัน
ขนาดนาคเขายังยากมาเป็นมนุษย์
แล้วเราผู้เป็นมนุษย์อยู่นี้ ไม่อยากรักษาความเป็นเราไว้บ้างเลยหรือ
# เราต้องฝึกรักษาศีลน่ะ อย่างน้อยๆสักข้อใดข้อหนึ่งก็ยังดี
จิตจะได้เกิดกุศล ถึงจะไม่ครบ๕ข้อ เก็บเล็กผสมน้อยไป
ถ้าทำได้ข้อหนึ่งแล้ว จิตมันจะตัดสินมันเองจะคุยกันเองว่าจะเอาไงต่อ "อืมก็
ไม่เห็นยากเนาะเอาข้อเดียวให้มั่นคงก่อนก็แล้วกัน"
"รักษาเพิ่มอีกสักข้อจะเป็นไรไป เพื่อตนเองแท้ๆ"
นี่จิตมันจะประมวลผลแบบนี้เหมือนคอมพิวเตอร
์ขอแค่ให้มันมีกำลังกุศลมันจะฉลาดขึ้น
ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือการฟังธรรมะ
เป็นการทำกรรมหนักฝ่ายดี คือมโนกรรม(ใจ)นั้นเอง
คือเราฟังทุกๆวันมันจะเข้าไปซึมซาบในจิตใจ
จะทำให้จำได้
ที่นี่ลองเปรียบเทียบนะ เรื่องมนุษย์คนหนึ่งมีอายุ7วัน
มนุษย์คนนี้ *ตอนเช้า*เขาฆ่าสัตว์เพื่อขาย หรือทำเพื่อประก
อบอาหารเลี้ยงครอบครัว
หรือทำบุญถวายอาหาร
หลังจากเขาฆ่าสัตว์เพื่อขาย
หลังจากเขาทำเพื่อประกอบอาหารเลี้ยงครอบครัว
หลังจากฆ่าเพื่อทำบุญ
หลังจากนั้นเขาก็ฟังธรรมะไปตลอดทั้งวันกับการทำงานของเขา
เช่นทำนา ปลูกผัก กวาดถนน หรืองานอื่นฯลฯ เขาจะนำติดตัวฟังไป
ด้วยทำงานไปด้วย (มันเข้าใจเข้าถึงจิตถึงใจก็คือทำมโนกรรมนั้นเอง)
# เขาทำเช่นนี้ตลอดเวลาที่เขามีชีวิตอยู่7วัน
ทีนี้มาดูจิตสุดท้ายว่า แนวโน้มจะไปทางไหนน้อมเอียงไปทางไหนมากกว่า
กัน ระว่าง1ฆ่าสัตว์กับ2ธรรมะที่ฟัง
อาตมาอยู่ข้างพระพุทธเจ้า
อาตมาก็จะตอบตามพระพุทธเจ้าสอน
คือข้อสอง จิตสุดท้ายเขาจะโน้มน้อมไปเรื่องราวที่ฟังธรรม ไม่ตกนรก
เพราะอานิสงค์ของการฟังธรรมมากกว่า สามารถคุมครองรักษาจิตไว้ได้
# ต้องเป็นธรรมะที่ถูกต้องและเหมาะกับจริตของคนนั้นๆด้วยเพื่อที่
จะได้มีความเข้าใจ
จะทำยังไงหนอ? เราจึงจะสามารถรักษาอัตภาพความเป็นมนุษย์แบบนี้ไว้
ได้
ไม่ให้ล่วงล่นลงไปเป็นสัตว์นรก เดรัจฉาน หรือเปตรวิสัย
พระพุทธเจ้าทรงชี้ไปที่ศีล ๕ และจิตสุดท้ายก่อนตายที่ไม่เศร้าหมอง
"ได้ความเป็นมนุษย์หรือเทวดาแน่นอน"
ถ้าใครตั้งเจตนารักษาศีล๕ ได้
และฝึกละอารมณ์ที่ไม่ดี เพื่อให้จิตผ่องใส ถือว่าผ่านใช้ได้
หรือจะเป็นศีล ๘ ในครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้เคยประทานให้พญาน
าคตัวหนึ่งที่ เกลียดกำเนิดนาค เกลียดอัตภาพนาค อึดอัดละอา ไม่อยาก
เป็นนาค อยากจะพ้นความเป็นนาค อยากจะได้อัตภาพมนุษย์อยากจะเป็
นมนุษย์โดยเร็วพลันทันที
แล้วแปลงกายเป็นชายหนุ่มไปขอบวช
กับพระภิกษุทั้งหลาย
เมื่อบวชแล้วก็ถูกจับได้ว่าเป็นนาค
พระพุทธเจ้ารู้ก็ทรงให้สึก
และบอกให้ไปรักษาศีล๘ ที่14ที่15และที่8แห่งปัก
จะทำให้ได้อัตภาพความเป็นมนุษย์โดยเร็วพลัน
ขนาดนาคเขายังยากมาเป็นมนุษย์
แล้วเราผู้เป็นมนุษย์อยู่นี้ ไม่อยากรักษาความเป็นเราไว้บ้างเลยหรือ
# เราต้องฝึกรักษาศีลน่ะ อย่างน้อยๆสักข้อใดข้อหนึ่งก็ยังดี
จิตจะได้เกิดกุศล ถึงจะไม่ครบ๕ข้อ เก็บเล็กผสมน้อยไป
ถ้าทำได้ข้อหนึ่งแล้ว จิตมันจะตัดสินมันเองจะคุยกันเองว่าจะเอาไงต่อ "อืมก็
ไม่เห็นยากเนาะเอาข้อเดียวให้มั่นคงก่อนก็แล้วกัน"
"รักษาเพิ่มอีกสักข้อจะเป็นไรไป เพื่อตนเองแท้ๆ"
นี่จิตมันจะประมวลผลแบบนี้เหมือนคอมพิวเตอร
์ขอแค่ให้มันมีกำลังกุศลมันจะฉลาดขึ้น
ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือการฟังธรรมะ
เป็นการทำกรรมหนักฝ่ายดี คือมโนกรรม(ใจ)นั้นเอง
คือเราฟังทุกๆวันมันจะเข้าไปซึมซาบในจิตใจ
จะทำให้จำได้
ที่นี่ลองเปรียบเทียบนะ เรื่องมนุษย์คนหนึ่งมีอายุ7วัน
มนุษย์คนนี้ *ตอนเช้า*เขาฆ่าสัตว์เพื่อขาย หรือทำเพื่อประก
อบอาหารเลี้ยงครอบครัว
หรือทำบุญถวายอาหาร
หลังจากเขาฆ่าสัตว์เพื่อขาย
หลังจากเขาทำเพื่อประกอบอาหารเลี้ยงครอบครัว
หลังจากฆ่าเพื่อทำบุญ
หลังจากนั้นเขาก็ฟังธรรมะไปตลอดทั้งวันกับการทำงานของเขา
เช่นทำนา ปลูกผัก กวาดถนน หรืองานอื่นฯลฯ เขาจะนำติดตัวฟังไป
ด้วยทำงานไปด้วย (มันเข้าใจเข้าถึงจิตถึงใจก็คือทำมโนกรรมนั้นเอง)
# เขาทำเช่นนี้ตลอดเวลาที่เขามีชีวิตอยู่7วัน
ทีนี้มาดูจิตสุดท้ายว่า แนวโน้มจะไปทางไหนน้อมเอียงไปทางไหนมากกว่า
กัน ระว่าง1ฆ่าสัตว์กับ2ธรรมะที่ฟัง
อาตมาอยู่ข้างพระพุทธเจ้า
อาตมาก็จะตอบตามพระพุทธเจ้าสอน
คือข้อสอง จิตสุดท้ายเขาจะโน้มน้อมไปเรื่องราวที่ฟังธรรม ไม่ตกนรก
เพราะอานิสงค์ของการฟังธรรมมากกว่า สามารถคุมครองรักษาจิตไว้ได้
# ต้องเป็นธรรมะที่ถูกต้องและเหมาะกับจริตของคนนั้นๆด้วยเพื่อที่
จะได้มีความเข้าใจ
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 09, 2015 12:16:49pm
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 11, 2015 9:35:23am
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 11, 2015 10:16:32am
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 11, 2015 10:17:53am
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 11, 2015 10:22:31am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโตสัมมาสัมพุทธสะ
นะโมตัสสะภะคะวะโต
อะระหะโตสัมมาสัมพุทธสะ
นะโมตัสสะภะคะวะโต
อะระหะโตสัมมาสัมพุทธสะ
โยมตาม.........
พุทธัง สะระณัง คัสฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัสฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัสฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธธัง สะระณังคัสฉามิ
ทุติยะปิธัมมัง สะระณังคัสฉามิ
ทุติยัมปิสังฆัง สะระณังคัสฉามิ
ตะติยัมปิพุทธัง สะระณัง คัสฉามิ
ตะติยัมปิธัมมัง สะระณัง คัสฉาม
ิติสะระณะคะมะนัง นิธิตัง
โยมว่า อามะภันเต
ปาณาติปาตาเวระมณีสิขาปะทังสะมาทิยามิ
อทินนาทานาเวระมณีสิขาปะทังสะมาทิยามิ
กาเมสุมิจฉาจราเวระมนีสิกขาปะทังสะมาทิยามิ
มุสาวาทาเวระมนีสิขาปะทังสะมาทิยามิ
สุราเมระยะมัจฉะปะฐัตฐานาเวระมนีสิขาปะทังสะมาธิยามิ
อิมานิปัญจะสิขา ปะทานิ
สีเลนะสึขคติงยันติ สีเลนะโพคะสัมปะทา
สีเลนะนิพพุติงยันติ
ตัสสะมาสีรังวิโสทะเย...
นะโมตัสสะภะคะวะโต
อะระหะโตสัมมาสัมพุทธสะ
นะโมตัสสะภะคะวะโต
อะระหะโตสัมมาสัมพุทธสะ
โยมตาม.........
พุทธัง สะระณัง คัสฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัสฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัสฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธธัง สะระณังคัสฉามิ
ทุติยะปิธัมมัง สะระณังคัสฉามิ
ทุติยัมปิสังฆัง สะระณังคัสฉามิ
ตะติยัมปิพุทธัง สะระณัง คัสฉามิ
ตะติยัมปิธัมมัง สะระณัง คัสฉาม
ิติสะระณะคะมะนัง นิธิตัง
โยมว่า อามะภันเต
ปาณาติปาตาเวระมณีสิขาปะทังสะมาทิยามิ
อทินนาทานาเวระมณีสิขาปะทังสะมาทิยามิ
กาเมสุมิจฉาจราเวระมนีสิกขาปะทังสะมาทิยามิ
มุสาวาทาเวระมนีสิขาปะทังสะมาทิยามิ
สุราเมระยะมัจฉะปะฐัตฐานาเวระมนีสิขาปะทังสะมาธิยามิ
อิมานิปัญจะสิขา ปะทานิ
สีเลนะสึขคติงยันติ สีเลนะโพคะสัมปะทา
สีเลนะนิพพุติงยันติ
ตัสสะมาสีรังวิโสทะเย...
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 12, 2015 9:15:29am
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 12, 2015 1:08:53pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตอนเป็นโยมคิดว่า "เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายหายาก"
แต่พอมาเป็นพระ "เพื่อนพระทางโลกหาง่ายมาก"
แต่เพื่อนพระทางธรรมนี่หายากกว่าอีก
มันสมัยไหนแล้ว มันไม่ใช่สมัยพุทธกาลนะ
"มีจิตไหม" มี... มีจิตก็ดูจิตไป ไปต้องไปสนกับการปรุงแต่งของมัน
แต่พอมาเป็นพระ "เพื่อนพระทางโลกหาง่ายมาก"
แต่เพื่อนพระทางธรรมนี่หายากกว่าอีก
มันสมัยไหนแล้ว มันไม่ใช่สมัยพุทธกาลนะ
"มีจิตไหม" มี... มีจิตก็ดูจิตไป ไปต้องไปสนกับการปรุงแต่งของมัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.
ความลำบากของครู คือ
คือทำยังไงให้ผู้ที่ถูกสอน จะมีความรู้ความเข้าใจเหมือนเราได้
ถึงจะไม่เข้าใจเหมือนเราหมดทุกอย่างทุกแง่มุม
แต่ให้เขาเข้าใจ.. พอที่ในนาคตเขาจะเข้าใจมากกว่าเดิมจนรู้หมดทุกแง่มุม
พระพุทธเจ้า: ร่างกายไม่ใช่ของเธอนะ
พราม: จะไม่ใช่ได้ยังไง ก็มันเป็นของผม
ผมยังบังคับมันได้เลย ให้เดิน ยืน นั้ง นอน ก็ยังทำได้เลยครับ
# จริงอยู่ ที่สามารถบังคับให้ เดิน ยืน นั้ง นอน ได้ แต่เมื่อตายแล้ว
สามารถบังคับได้ไหม ....ไม่ได้...
เพราะว่ากำลังบังคับสิ่งที่ไม่ใช่ของเรา
โยมเพื่อนคนนี้อุปมาบอกว่า เหมือนเจ้าหน้าทีคนขับรถเข้าไปในที่นั้งคนขับแม
็คโค(รถจก)แล้วก็เข้าเกีย สั่งเดินหน้า สั่งถอยหลัง สั่งยกมือ สั่งตักดิน
เมื่อตายแล้วก็เหมือนรถพัง คนขับต้องลงไปหาขึ้นคันอื่นโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะเป็นเจ้าหน้าที่คนขับ
ที่นี่เจ้าหน้าที่คนขับตอนจะลงจากรถนั้น
อยากไปขึ้นคันไหนต่อ..?
คนขับอยากจะขึ้นไปขับรถทิพย์ที่อยู่บนสวรรค์ (อยากจะได้อัตภาพเทวดา)
แต่คนขับนั้นชอบเข้าเกียใช้มือไปพังบ้านเข้า ทับคนตาย
ทำลายประโยชน์ความดีผู้อื่น ทำแต่เรื่องไม่ดีที่เป็นบาป
กรรม(เจ้านาย)ก็จะบอกว่า.. ไป ไปขับคันที่อยู่ในนรกนู้น..
หลังจากนั้นคนขับก็ไปขับคันที่อยู่ในนรก
(ก็คือเข้าไปได้อัตภาพสัตว์นรกนั้นเอง)
เปรียบเสมือนคนที่ได้เกิดมาเป็นคนแล้ว
ทำแต่เรื่องที่ไม่ใช่บุญ ทางกาย ทางคำพูด ทางความคิด จึงต้องไปถือกำเ
นิดเป็นสัตว์นรก มีนายนิรยบาลทหารในเมืองนรกผู้ไม่ปราณีใคร
# ผู้ที่ไม่อยากเป็นคนขับ ไม่อยากขับรถในพรหม
ไม่อยากขับรถทิพย์ ไม่อยากขับรถในมนุษย์
ไม่อยากขับรถในเปตร
ไม่อยากขับรถในสัตว์เดรัจฉาน
ไม่อยากขับรถในนรก
ก็ถอดเสียผ้าผนักงานออกซะ แล้วขอลาออกไม่ขอขับอีก คือ
(ปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา = นิพพาน)
ความลำบากของครู คือ
คือทำยังไงให้ผู้ที่ถูกสอน จะมีความรู้ความเข้าใจเหมือนเราได้
ถึงจะไม่เข้าใจเหมือนเราหมดทุกอย่างทุกแง่มุม
แต่ให้เขาเข้าใจ.. พอที่ในนาคตเขาจะเข้าใจมากกว่าเดิมจนรู้หมดทุกแง่มุม
พระพุทธเจ้า: ร่างกายไม่ใช่ของเธอนะ
พราม: จะไม่ใช่ได้ยังไง ก็มันเป็นของผม
ผมยังบังคับมันได้เลย ให้เดิน ยืน นั้ง นอน ก็ยังทำได้เลยครับ
# จริงอยู่ ที่สามารถบังคับให้ เดิน ยืน นั้ง นอน ได้ แต่เมื่อตายแล้ว
สามารถบังคับได้ไหม ....ไม่ได้...
เพราะว่ากำลังบังคับสิ่งที่ไม่ใช่ของเรา
โยมเพื่อนคนนี้อุปมาบอกว่า เหมือนเจ้าหน้าทีคนขับรถเข้าไปในที่นั้งคนขับแม
็คโค(รถจก)แล้วก็เข้าเกีย สั่งเดินหน้า สั่งถอยหลัง สั่งยกมือ สั่งตักดิน
เมื่อตายแล้วก็เหมือนรถพัง คนขับต้องลงไปหาขึ้นคันอื่นโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะเป็นเจ้าหน้าที่คนขับ
ที่นี่เจ้าหน้าที่คนขับตอนจะลงจากรถนั้น
อยากไปขึ้นคันไหนต่อ..?
คนขับอยากจะขึ้นไปขับรถทิพย์ที่อยู่บนสวรรค์ (อยากจะได้อัตภาพเทวดา)
แต่คนขับนั้นชอบเข้าเกียใช้มือไปพังบ้านเข้า ทับคนตาย
ทำลายประโยชน์ความดีผู้อื่น ทำแต่เรื่องไม่ดีที่เป็นบาป
กรรม(เจ้านาย)ก็จะบอกว่า.. ไป ไปขับคันที่อยู่ในนรกนู้น..
หลังจากนั้นคนขับก็ไปขับคันที่อยู่ในนรก
(ก็คือเข้าไปได้อัตภาพสัตว์นรกนั้นเอง)
เปรียบเสมือนคนที่ได้เกิดมาเป็นคนแล้ว
ทำแต่เรื่องที่ไม่ใช่บุญ ทางกาย ทางคำพูด ทางความคิด จึงต้องไปถือกำเ
นิดเป็นสัตว์นรก มีนายนิรยบาลทหารในเมืองนรกผู้ไม่ปราณีใคร
# ผู้ที่ไม่อยากเป็นคนขับ ไม่อยากขับรถในพรหม
ไม่อยากขับรถทิพย์ ไม่อยากขับรถในมนุษย์
ไม่อยากขับรถในเปตร
ไม่อยากขับรถในสัตว์เดรัจฉาน
ไม่อยากขับรถในนรก
ก็ถอดเสียผ้าผนักงานออกซะ แล้วขอลาออกไม่ขอขับอีก คือ
(ปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา = นิพพาน)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Rungsun Kiayasuan และคนอื่นๆ อีก 2 คน
คุณได้แท็ก Rungsun Kiayasuan, มากับเขา แร้วเหงายังไง และ ฤิทธิพร ทองมี
ความลำบากของครู คือ
คือทำยังไงให้ผู้ที่ถูกสอน จะมีความรู้ความเข้าใจเหมือนเราได้
ถึงจะไม่เข้าใจเหมือนเราหมดทุกอย่างทุกแง่มุม
แต่ให้เขาเข้าใจ.. พอที่ในนาคตเขาจะเข้าใจมากกว่าเดิมจนรู้หมดทุกแง่มุม
พระพุทธเจ้า: ร่างกายไม่ใช่ของเธอนะ
พราม: จะไม่ใช่ได้ยังไง ก็มันเป็นของผม
ผมยังบังคับมันได้เลย ให้เดิน ยืน นั้ง นอน ก็ยังทำได้เลยครับ
#จริงอยู่ ที่สามารถบังคับให้ เดิน ยืน นั้ง นอน ได้ แต่เมื่อตายแล้ว สามารถบังคับได้ไหม ....ไม่ได้...
เพราะมันเป็นของ(คุณกรรม)
แม้แต่ตอนนี้ร่างกายมันกำลังตายไปเรื่อยๆ
ตายมาตั้งแต่เกิด ตายมาตั้งแต่เด็กๆ ตายมาหาตอนหนุ่มสาว ตายมาหาตอนเป็นผู้ใหญ่ ตายมาหาตอนแก่เฒ่า ตายมาหาตอนจบของแค่ร่างกาย
เพราะว่าเราบังคับสิ่งที่ไม่ใช่ของเรา
ไม่ใช่เรา ไม่ได้จริงๆเลย
โยมเพื่อนคนหนึ่งอุปมาบอกว่า จิตกับร่างกาย เหมือนเจ้าหน้าทีคนขับรถเข้าไปในที่นั้งคนขับแม็คโค(รถจก)แล้วก็เข้าเกีย สั่งเดินหน้า สั่งถอยหลัง สั่งยกมือ สั่งตักดิน
เมื่อตายแล้วก็เหมือนรถพัง คนขับต้องลงไปหาขึ้นคันอื่นโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นเจ้าหน้าที่คนขับ
ที่นี่เจ้าหน้าที่คนขับตอนจะลงจากรถนั้น
อยากไปขึ้นคันไหนต่อ..?
คนขับอยากจะขึ้นไปขับรถทิพย์ที่อยู่บนสวรรค์ (อยากจะได้อัตภาพเทวดา)
แต่คนขับนั้นชอบเข้าเกียใช้มือไปพังบ้านเข้า ทับคนตาย ทำลายประโยชน์ความดีผู้อื่น ทำแต่เรื่องไม่ดีที่เป็นบาป
กรรม(คุณเจ้านาย)ก็จะบอกว่า.. ไป ไปขับคันที่อยู่ในนรกนู้น..
หลังจากนั้นคนขับก็ไปขับคันที่อยู่ในนรก
(ก็คือเข้าไปได้อัตภาพสัตว์นรกนั้นเอง)
เปรียบเสมือนคนที่ได้เกิดมาเป็นคนแล้ว
ทำแต่เรื่องที่ไม่ใช่บุญ ทางกาย ทางคำพูด ทางความคิด จึงต้องไปถือกำเนิดเป็นสัตว์นรก มีนายนิรยบาลทหารในเมืองนรกผู้ไม่ปราณีใคร
#ผู้ที่ไม่อยากเป็นคนขับ ไม่อยากขับรถในพรหม
ไม่อยากขับรถทิพย์ ไม่อยากขับรถในมนุษย์
ไม่อยากขับรถในเปตร
ไม่อยากขับรถในสัตว์เดรัจฉาน
ไม่อยากขับรถในนรก
ก็ถอดเสื้อผ้าผนักงานออกซะ แล้วขอลาออกไม่ขอขับอีก คือ
(ปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา = นิพพาน)
ถ้าจำเป็นต้องฆ่าปลาฆ่าสัตว์น้อยเพื่อประกอบอาหารในครอบครัว
ศีลห้าข้อ๑.ถ้าทำยากก็เว้นไว้ รักษา๔.ข้อที่เหลือให้มั่นคงให้ได้จริง และให้หาอุบายให้ครบ๕ข้อ และ
ใช้การแผ่เมตตาอุทิศบุญให้ข้อที่๑.แทน
คือทำยังไงให้ผู้ที่ถูกสอน จะมีความรู้ความเข้าใจเหมือนเราได้
ถึงจะไม่เข้าใจเหมือนเราหมดทุกอย่างทุกแง่มุม
แต่ให้เขาเข้าใจ.. พอที่ในนาคตเขาจะเข้าใจมากกว่าเดิมจนรู้หมดทุกแง่มุม
พระพุทธเจ้า: ร่างกายไม่ใช่ของเธอนะ
พราม: จะไม่ใช่ได้ยังไง ก็มันเป็นของผม
ผมยังบังคับมันได้เลย ให้เดิน ยืน นั้ง นอน ก็ยังทำได้เลยครับ
#จริงอยู่ ที่สามารถบังคับให้ เดิน ยืน นั้ง นอน ได้ แต่เมื่อตายแล้ว สามารถบังคับได้ไหม ....ไม่ได้...
เพราะมันเป็นของ(คุณกรรม)
แม้แต่ตอนนี้ร่างกายมันกำลังตายไปเรื่อยๆ
ตายมาตั้งแต่เกิด ตายมาตั้งแต่เด็กๆ ตายมาหาตอนหนุ่มสาว ตายมาหาตอนเป็นผู้ใหญ่ ตายมาหาตอนแก่เฒ่า ตายมาหาตอนจบของแค่ร่างกาย
เพราะว่าเราบังคับสิ่งที่ไม่ใช่ของเรา
ไม่ใช่เรา ไม่ได้จริงๆเลย
โยมเพื่อนคนหนึ่งอุปมาบอกว่า จิตกับร่างกาย เหมือนเจ้าหน้าทีคนขับรถเข้าไปในที่นั้งคนขับแม็คโค(รถจก)แล้วก็เข้าเกีย สั่งเดินหน้า สั่งถอยหลัง สั่งยกมือ สั่งตักดิน
เมื่อตายแล้วก็เหมือนรถพัง คนขับต้องลงไปหาขึ้นคันอื่นโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นเจ้าหน้าที่คนขับ
ที่นี่เจ้าหน้าที่คนขับตอนจะลงจากรถนั้น
อยากไปขึ้นคันไหนต่อ..?
คนขับอยากจะขึ้นไปขับรถทิพย์ที่อยู่บนสวรรค์ (อยากจะได้อัตภาพเทวดา)
แต่คนขับนั้นชอบเข้าเกียใช้มือไปพังบ้านเข้า ทับคนตาย ทำลายประโยชน์ความดีผู้อื่น ทำแต่เรื่องไม่ดีที่เป็นบาป
กรรม(คุณเจ้านาย)ก็จะบอกว่า.. ไป ไปขับคันที่อยู่ในนรกนู้น..
หลังจากนั้นคนขับก็ไปขับคันที่อยู่ในนรก
(ก็คือเข้าไปได้อัตภาพสัตว์นรกนั้นเอง)
เปรียบเสมือนคนที่ได้เกิดมาเป็นคนแล้ว
ทำแต่เรื่องที่ไม่ใช่บุญ ทางกาย ทางคำพูด ทางความคิด จึงต้องไปถือกำเนิดเป็นสัตว์นรก มีนายนิรยบาลทหารในเมืองนรกผู้ไม่ปราณีใคร
#ผู้ที่ไม่อยากเป็นคนขับ ไม่อยากขับรถในพรหม
ไม่อยากขับรถทิพย์ ไม่อยากขับรถในมนุษย์
ไม่อยากขับรถในเปตร
ไม่อยากขับรถในสัตว์เดรัจฉาน
ไม่อยากขับรถในนรก
ก็ถอดเสื้อผ้าผนักงานออกซะ แล้วขอลาออกไม่ขอขับอีก คือ
(ปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา = นิพพาน)
ถ้าจำเป็นต้องฆ่าปลาฆ่าสัตว์น้อยเพื่อประกอบอาหารในครอบครัว
ศีลห้าข้อ๑.ถ้าทำยากก็เว้นไว้ รักษา๔.ข้อที่เหลือให้มั่นคงให้ได้จริง และให้หาอุบายให้ครบ๕ข้อ และ
ใช้การแผ่เมตตาอุทิศบุญให้ข้อที่๑.แทน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.
ถ้าใครเผลอทำข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
จะไม่สามารถไปสวรรค์ได้ แม้บุญจากการให้ทานจะเยอะ
แม้บุญจากการรักษาศีลจะเยอะ
แม้บุญจากการนั้งสมาธิภาวนาจะเยอะ เยอะแค่ไหนก็ตาม เมื่อ
ถึงเวลาตาย
ต้องล่วงลงนรกไปถูกไฟกรรมในนรกไหม้
อย่างแน่นอน... คือ
๑.ฆ่ามารดา
๒.ฆ่าบิดา
๓.ฆ่าพระอรหันต์
๔.ฆ่าพระพุทธเจ้า/หรือทำร้ายให้บาดเจ็บ
๕.ทำพระสงฆ์ให้แตกกัน
เมื่อเรารู้แล้วว่ามันเป็นบาปที่หนักที่สุด
เราจะลองยกเอาแค่ข้อ๑.กับข้อ๒. มาพิจารณาให้กระจ่างชัดกว่านี้
ในเมื่อถ้าฆ่าแม่หรือพ่อเป็นกรรมบาปที่แรงถึงกับต้องไปนรก บุญก็ช่วยไม่ได้
ก็แสดงว่า แม่หรือพ่อนั้นมีคุณสมบัติให้ลูก ที่ออกจากไส้ดังนี้คือ
ถ้าลูกทำบาปใส่ก็ได้บาปเยอะ
ถ้าลูกทำบุญใส่ก็ได้บุญเยอะ
เป็นเนื้อนาบุญเฉพาะตน&เป็นเนื้อนาบาป
เฉพาะตน
แล้วแต่ลูกจะทำด้านไหน
แต่ทำกับพ่อแม่คนอื่นจะไม่ได้
้
จะไม่เหมือนกันกับ ถ้าเราไปฆ่าพ่อแม่คนอื่น เรายังไม่ตกนรกได้
เพราะบุญกุศลช่วยไว้
เห็นข้อแตกต่างกันไหม
ฉะนั้นเราต้องมีความระวังกับพ่อแม่ ในเรื่อง
กายกรรม (การกระทำทางกายที่ไม่ดีใส่)
วจีกรรม (คำพูดทางวาจาที่ไม่ดีใส่)
มโนกรรม (การคิดไม่ดีใส่)
อย่าถึงกับขั้นฆ่าแม่ฆ่าพ่อตายเลย
แค่
"ทำบาปกับแม่ ได้บาปเยอะแล้ว
ทำบาปกับพ่อ ก็ได้บาปเยอะแล้ว
ทำบุญกับแม่ ได้บุญเยอะแล้ว
ทำบุญกับพ่อ ก็ได้บุญเยอะแล้ว
ถ้าไม่ได้ฆ่าพ่อฆ่าแม่
แต่เผลอทำไม่ดี พูดไม่ดี คิดไม่ดี ต่อพ่อแม่
ให้ไปกราบขอขมาท่าน สารภาพผิด"
แต่ก็มีอีกแง่มุมหนึ่ง
ถ้าพ่อแม่ เป็นมิจฉาทิฐิมีความเห็นผิด เราก็เตือนท่านได้บอกท่านได้ โดย
ไม่บาปมีแต่แต่เราจะได้บุญ
เช่น แม่,พ่อ จิตน้อมไปทาง ชั่วบาป
ทางกาย การกระทำที่เป็นบาป
ทางวาจาคำพูด ชอบนินทาคนอื่น
ทางใจ การคิดแต่เรื่องที่เป็นอกุศล
ถ้าใครเผลอทำข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
จะไม่สามารถไปสวรรค์ได้ แม้บุญจากการให้ทานจะเยอะ
แม้บุญจากการรักษาศีลจะเยอะ
แม้บุญจากการนั้งสมาธิภาวนาจะเยอะ เยอะแค่ไหนก็ตาม เมื่อ
ถึงเวลาตาย
ต้องล่วงลงนรกไปถูกไฟกรรมในนรกไหม้
อย่างแน่นอน... คือ
๑.ฆ่ามารดา
๒.ฆ่าบิดา
๓.ฆ่าพระอรหันต์
๔.ฆ่าพระพุทธเจ้า/หรือทำร้ายให้บาดเจ็บ
๕.ทำพระสงฆ์ให้แตกกัน
เมื่อเรารู้แล้วว่ามันเป็นบาปที่หนักที่สุด
เราจะลองยกเอาแค่ข้อ๑.กับข้อ๒. มาพิจารณาให้กระจ่างชัดกว่านี้
ในเมื่อถ้าฆ่าแม่หรือพ่อเป็นกรรมบาปที่แรงถึงกับต้องไปนรก บุญก็ช่วยไม่ได้
ก็แสดงว่า แม่หรือพ่อนั้นมีคุณสมบัติให้ลูก ที่ออกจากไส้ดังนี้คือ
ถ้าลูกทำบาปใส่ก็ได้บาปเยอะ
ถ้าลูกทำบุญใส่ก็ได้บุญเยอะ
เป็นเนื้อนาบุญเฉพาะตน&เป็นเนื้อนาบาป
เฉพาะตน
แล้วแต่ลูกจะทำด้านไหน
แต่ทำกับพ่อแม่คนอื่นจะไม่ได้
้
จะไม่เหมือนกันกับ ถ้าเราไปฆ่าพ่อแม่คนอื่น เรายังไม่ตกนรกได้
เพราะบุญกุศลช่วยไว้
เห็นข้อแตกต่างกันไหม
ฉะนั้นเราต้องมีความระวังกับพ่อแม่ ในเรื่อง
กายกรรม (การกระทำทางกายที่ไม่ดีใส่)
วจีกรรม (คำพูดทางวาจาที่ไม่ดีใส่)
มโนกรรม (การคิดไม่ดีใส่)
อย่าถึงกับขั้นฆ่าแม่ฆ่าพ่อตายเลย
แค่
"ทำบาปกับแม่ ได้บาปเยอะแล้ว
ทำบาปกับพ่อ ก็ได้บาปเยอะแล้ว
ทำบุญกับแม่ ได้บุญเยอะแล้ว
ทำบุญกับพ่อ ก็ได้บุญเยอะแล้ว
ถ้าไม่ได้ฆ่าพ่อฆ่าแม่
แต่เผลอทำไม่ดี พูดไม่ดี คิดไม่ดี ต่อพ่อแม่
ให้ไปกราบขอขมาท่าน สารภาพผิด"
แต่ก็มีอีกแง่มุมหนึ่ง
ถ้าพ่อแม่ เป็นมิจฉาทิฐิมีความเห็นผิด เราก็เตือนท่านได้บอกท่านได้ โดย
ไม่บาปมีแต่แต่เราจะได้บุญ
เช่น แม่,พ่อ จิตน้อมไปทาง ชั่วบาป
ทางกาย การกระทำที่เป็นบาป
ทางวาจาคำพูด ชอบนินทาคนอื่น
ทางใจ การคิดแต่เรื่องที่เป็นอกุศล
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 17, 2015 5:34:03am
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 17, 2015 7:28:33am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ซื้ออุปกรณ์ทำให้คนได้ฟังธรรมะ ครั้งใด... ที่ผ่านมาเจ้าของร้านนี้ลดให้ทุกที
พ่อค้าแม่ค้าที่ลดราคาสินค้าให้ลูกค้า
จะได้บุญในส่วนไหนหนอ?
บุญมี3ขั้น
๑.ทาน(การให้)
๒.ศีล(การมีเจตนารักษาศีล)
๓.ภาวนา(สมาธิสมถะ-วิปัสนา)
ก็ขอตอบว่า"ได้บุญในส่วนระดับ"ทาน"
การลดราคาให้ มันก็คืออาการของจิตที่ผลักความยึดมั่นถือมั่นออกนั่นเอง
คือลดความยึดมั่นในวัตถุธาตุในโลก ซึ่งไม่ใช่ของเรา
จิตจึงเบา =ผลลับที่ได้คือได้สะสมบุญในระดับทาน
แต่ถ้าสมมุติมีแม่ค้าพ่อค้าที่อยู่ตามตลาดนัด ถูกลูกค้าต่อราคา
แล้วแม่ค้าพ่อค้าโมโหโกรธในใจแต่ก็จำใจต้องลดให้โดยไม่เต็มใจเลย
อันนี้ไม่ได้บุญแต่จะได้บาปแล่นเข้าในจิตตัวเองแทน ...หายโกรธให้ใวๆเลย
ถึงสิ่งที่เอามาขายนั้นจะถูกกฏหมายก็ตาม
ต้องรีบรีบหายโกรธให้ใวเลย ไม่งั้นอาจไม่มีลูกค้าดีๆเข้าแน่
พ่อค้าแม่ค้าที่จิต มีความโกรธ โมโห
คืออยู่ในสภาพจิตที่ไม่ปกติ ใครๆที่เดินมาใกล้ๆ หรือลูกค้าเดินมา
ใกล้ๆเลือกซื้อของ จะรู้สึกไม่ดีในๆคืออารมณ์ภายในไม่ดีไปด้วย แบบงง
เพราะคนที่มีความโกรธกระแสจิตที่ไม่ดีจะแผ่ออกมา คนรอบข้างจะสัมผัสได้
ในๆ
ดังนั้นพ่อค้าแม่ค้า จึงต้องฝึกให้จิตอยู่ในสภาวะปกติ แล้วแผ่กระแสจิตที่ดี
ก็คือพรหมวิหารสี่ เพื่อให้คนที่เดินมาหรือคนรอบข้าง รู้สึกดีไปด้วย
โอกาสที่จะดึงคนดีเข้ามาเลือกซื้อก็จะมีมาก
จะไม่เหมือนพวกแม่ค้าอารมณ์เสีย
ใครก็ไม่อยากเข้าไปใกล้ เพราะจิตคนกับจิตคนมันสื่อกันได้ ไม่มากก็น้อย
ยกตัวอย่างพวกกายทิพย์ มาใกล้เรา เช่นผี เช่นเปตร เป็นกายทิพย์แบบ
ไม่งาม
เช่น เทวดา เป็นกายทิพย์แบบละเอียดงดงาม
เช่นสัตว์นรก เป็นกายทิพย์แบบไม่น่าดูเห็นแล้วสลดสังเวส
ถึงเราจะมองไม่เห็นได้ด้วยตา แต่บางคนสัมผัสได้ด้วยใจ
และรู้สึกขนลุกขนชันขึ้น
ฉะนั้นแม่ค้าพ่อ ต้องพยายามส่งกระแสความรักให้ลูกค้ามากๆ
# อันนี้คือทางธรรมน่ะเบื่องต้น ส่วนทางโลกเท่าที่ในหัวเคยผ่าน ก็คงต้องยิ้ม
พูดจาสุภาพ เสื้อที่ใส่เหมาะเข้าสภาพกันได้กับสิ่งที่ขาย และมีความรู้อธิ
บาย สิ่งที่ลูกค้า จะซื้อได
้
อย่างเช่น แม่ค้าขายผักคงต้องแต่งตัวแบบสภาพกลมกลืนกับอาชีพขายผัก
ไม่แต่งเหมือนพวกNitiponคลีนิค
อาชีพหมอ หรือพญาบาล ก็ต้องแต่งแบบชุดหมอชุดพญาบาล เพื่อให้ผู้ป่วย
มารักษา รู้สึกว่าสะอาดสะอานสดใสเหมือนคนไม่มีโรค คง
จะรักษาเราหายได้
หรือตำรวจจะมาแต่งแบบ พ่อค้าขายกล้วยทอด มันก็ดูไม่น่าเกรงขาม
ไม่เหมาะ
อาชีพช่างช่างรถ
ก็ต้องแต่งแบบคนซ่อมรถเสื้อผ้าต้องดูเปื่อนๆเหมือนกับเป็นคนที่คลุกคลีอยู่แต่ก
ับเรื่องพวกซ่อม ลูกค้าเห็นเขาจะได้ไว้ใจว่า นี่แหละเซียนสุดๆรู้ทุกอย่าง
เอาไปซ่อมเลยรถ
หรือขายเสื้อผ้า ก็ต้องแต่ตัวทันสมัยหน่อย
ให้เขารู้สึกหลังจากที่เห็นเราว่า เป็นคนมีความรู้เรื่องแต่งตัว รู้เรื่องเสื้อผ
้าแนวไหนๆหมด รู้แบบ รู้เนื้อผ้า
และก็อย่าแต่งโป
เราขายอุปกรณ์ไอที เราก็ควรแต่งตัวแบบให้เขาน่าเชื่อถือ ว่าเรานี่ดูเก่งมี
ความรู้ เชี่ยวชาน สามารถซ่อมเปลี่ยนอะไหล่ อะไรได้
มีความรู้ แนะนำได้ฉะฉาน
ลูกค้าเขาจะไว้ใจเรา
# เท่าที่ในหัวเคยผ่านเรื่องพวกนี้น่ะ
พ่อค้าแม่ค้าที่ลดราคาสินค้าให้ลูกค้า
จะได้บุญในส่วนไหนหนอ?
บุญมี3ขั้น
๑.ทาน(การให้)
๒.ศีล(การมีเจตนารักษาศีล)
๓.ภาวนา(สมาธิสมถะ-วิปัสนา)
ก็ขอตอบว่า"ได้บุญในส่วนระดับ"ทาน"
การลดราคาให้ มันก็คืออาการของจิตที่ผลักความยึดมั่นถือมั่นออกนั่นเอง
คือลดความยึดมั่นในวัตถุธาตุในโลก ซึ่งไม่ใช่ของเรา
จิตจึงเบา =ผลลับที่ได้คือได้สะสมบุญในระดับทาน
แต่ถ้าสมมุติมีแม่ค้าพ่อค้าที่อยู่ตามตลาดนัด ถูกลูกค้าต่อราคา
แล้วแม่ค้าพ่อค้าโมโหโกรธในใจแต่ก็จำใจต้องลดให้โดยไม่เต็มใจเลย
อันนี้ไม่ได้บุญแต่จะได้บาปแล่นเข้าในจิตตัวเองแทน ...หายโกรธให้ใวๆเลย
ถึงสิ่งที่เอามาขายนั้นจะถูกกฏหมายก็ตาม
ต้องรีบรีบหายโกรธให้ใวเลย ไม่งั้นอาจไม่มีลูกค้าดีๆเข้าแน่
พ่อค้าแม่ค้าที่จิต มีความโกรธ โมโห
คืออยู่ในสภาพจิตที่ไม่ปกติ ใครๆที่เดินมาใกล้ๆ หรือลูกค้าเดินมา
ใกล้ๆเลือกซื้อของ จะรู้สึกไม่ดีในๆคืออารมณ์ภายในไม่ดีไปด้วย แบบงง
เพราะคนที่มีความโกรธกระแสจิตที่ไม่ดีจะแผ่ออกมา คนรอบข้างจะสัมผัสได้
ในๆ
ดังนั้นพ่อค้าแม่ค้า จึงต้องฝึกให้จิตอยู่ในสภาวะปกติ แล้วแผ่กระแสจิตที่ดี
ก็คือพรหมวิหารสี่ เพื่อให้คนที่เดินมาหรือคนรอบข้าง รู้สึกดีไปด้วย
โอกาสที่จะดึงคนดีเข้ามาเลือกซื้อก็จะมีมาก
จะไม่เหมือนพวกแม่ค้าอารมณ์เสีย
ใครก็ไม่อยากเข้าไปใกล้ เพราะจิตคนกับจิตคนมันสื่อกันได้ ไม่มากก็น้อย
ยกตัวอย่างพวกกายทิพย์ มาใกล้เรา เช่นผี เช่นเปตร เป็นกายทิพย์แบบ
ไม่งาม
เช่น เทวดา เป็นกายทิพย์แบบละเอียดงดงาม
เช่นสัตว์นรก เป็นกายทิพย์แบบไม่น่าดูเห็นแล้วสลดสังเวส
ถึงเราจะมองไม่เห็นได้ด้วยตา แต่บางคนสัมผัสได้ด้วยใจ
และรู้สึกขนลุกขนชันขึ้น
ฉะนั้นแม่ค้าพ่อ ต้องพยายามส่งกระแสความรักให้ลูกค้ามากๆ
# อันนี้คือทางธรรมน่ะเบื่องต้น ส่วนทางโลกเท่าที่ในหัวเคยผ่าน ก็คงต้องยิ้ม
พูดจาสุภาพ เสื้อที่ใส่เหมาะเข้าสภาพกันได้กับสิ่งที่ขาย และมีความรู้อธิ
บาย สิ่งที่ลูกค้า จะซื้อได
้
อย่างเช่น แม่ค้าขายผักคงต้องแต่งตัวแบบสภาพกลมกลืนกับอาชีพขายผัก
ไม่แต่งเหมือนพวกNitiponคลีนิค
อาชีพหมอ หรือพญาบาล ก็ต้องแต่งแบบชุดหมอชุดพญาบาล เพื่อให้ผู้ป่วย
มารักษา รู้สึกว่าสะอาดสะอานสดใสเหมือนคนไม่มีโรค คง
จะรักษาเราหายได้
หรือตำรวจจะมาแต่งแบบ พ่อค้าขายกล้วยทอด มันก็ดูไม่น่าเกรงขาม
ไม่เหมาะ
อาชีพช่างช่างรถ
ก็ต้องแต่งแบบคนซ่อมรถเสื้อผ้าต้องดูเปื่อนๆเหมือนกับเป็นคนที่คลุกคลีอยู่แต่ก
ับเรื่องพวกซ่อม ลูกค้าเห็นเขาจะได้ไว้ใจว่า นี่แหละเซียนสุดๆรู้ทุกอย่าง
เอาไปซ่อมเลยรถ
หรือขายเสื้อผ้า ก็ต้องแต่ตัวทันสมัยหน่อย
ให้เขารู้สึกหลังจากที่เห็นเราว่า เป็นคนมีความรู้เรื่องแต่งตัว รู้เรื่องเสื้อผ
้าแนวไหนๆหมด รู้แบบ รู้เนื้อผ้า
และก็อย่าแต่งโป
เราขายอุปกรณ์ไอที เราก็ควรแต่งตัวแบบให้เขาน่าเชื่อถือ ว่าเรานี่ดูเก่งมี
ความรู้ เชี่ยวชาน สามารถซ่อมเปลี่ยนอะไหล่ อะไรได้
มีความรู้ แนะนำได้ฉะฉาน
ลูกค้าเขาจะไว้ใจเรา
# เท่าที่ในหัวเคยผ่านเรื่องพวกนี้น่ะ
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 18, 2015 9:35:30am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.
เกร็ดธรรมะ ประวัติ พระสายกรรมฐาน
หลวงปู่สีโห ปฐมอาจารย์ของหลวงปู่ทองพูล สิริกาโม
ตามประวัติหลวงปู่สีโห เขมโกได้บันทึกเอาไว้ว่า
ท่านเป็นพระธุดงค์ที่มีญาณแก่กล้า เคยธุดงค์ไปแต่
ลำพังผู้เดียวทั่วภาคอีสาน ภาคเหนือ แล้วข้ามเขต
เข้าไปในพม่าและลาวมาแล้ว ท่านเป็นพระผู้วาจา
สิทธิ์ น่าเลื่อมใส
ประมาณปี พ.ศ.๒๔๗๓ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ได้ให้พระอาจารย์สิงห์ ขันตฺยาคโม นำพระภิกษุสาม
เณรจำนวนมากจัดเป็นกองทัพธรรมออกเผยแพร่
ธรรม สมันนั้น หลวงปู่สีโห ยังหนุ่มแน่น แต่ก็มีชื่อ
เสียงในทางกรรมฐานมาก ได้รับการยกย่องจาก
พระอาจารย์มั่น หลวงปู่พร้อมพระธุดงค์ ๕ – ๖
รูปได้ไปปักกลดอยู่ที่ป่าช้าแห่งหนึ่งในอำเภอมัญจาคี
รี ยังความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านในละแวกนั้นเป็น
อย่างยิ่ง เพราะชาวบ้านเขานับถือผี ไม่เคารพเลื่อม
ใสในพระพุทธศาสนา เห็นพระเป็นศัตรู เพราะเป็นที่
เลื่องลือในสมัยนั้นว่า คณะพระธุดงค์ชอบทำลาย
ศาลปู่ตา ที่สถิตของผีสางที่ชาวบ้านเคารพกราบไหว้
บูชาเพื่อให้ชาวบ้านหันมานับถือพระสงฆ์องค์เจ้า
ศาลปู่ตา ที่ป่าช้าหมู่บ้านแห่งนั้นดุร้ายมาก ชาวบ้าน
ผ่านไปมาทำอะไรผิดแม้เล็กน้อย เป็นต้นว่าขาด
การให้ความเคารพนบไหว้บ้าง ไปเก็บเห็ดเก็บผักใน
ป่าลืมบอกบ้าง ถ่ายปัสสาวะบ้าง หรือทำต้นไม้ในเขต
ศาลหักบ้าง มักจะถูกผีทำโทษ ให้โทษเจ็บป่วยถึง
ตาย สร้างความเกรงกลัวให้แก่ชาวบ้านสืบทอดกันมา
หลายชั่วคน
หลวงปู่สีโห รู้สึกสลดสังเวชที่ชาวบ้านหลงผิดไปนับ
ถือผี มีความเกรงกลัวแบบไร้สาระ ต้องฆ่าหมูเห็ดเป็ด
ไก่ไปสังเวยเซ่นสรวงกันไม่ขาด เป็นการทำลายชีวิต
สัตว์น่าอนาถนัก ซ้ำยังทำให้ชาวบ้านขาดศีลธรรม
เพราะไม่มีผู้ชี้ทาง ให้ข้ออรรถข้อธรรมสั่งสอนอบรม
กล่อมเกลากมลสันดานให้รู้จักผิดถูก ให้รู้จักเมตตา
ปราณีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ชาวบ้าน
มีแต่การมั่วสุมในอบายมุข กินเหล้า เมายา เล่นการ
พนัน เมื่อผิดใจก็ตีรันฟันแทงกันถึงล้มตาย เป็นคน
โหดร้ายทั้งชายทั้งหญิง
ชีวิตของพวกเขาน่าสงสารแท้ เมื่อตายแล้วหน
ทางไปคืออบายภูมิ มีนรกเป็นแดนเกิดเป็นแม่นมั่น
หลวงปู่ท่านมีจิตเมตตาคิดอยากจะช่วยฉุดพวกเขา
จากทางแห่งอบายภูมิจึงได้พาพระธุดงค์ในคณะตรง
ไปยังศาลปู่ตา อันเฮี้ยนและมีฤทธิ์ในทางชั่วร้ายแห่ง
นั้น แล้วช่วยกันรื้อทำลายลงจนราบคาบไม่มีชิ้นดี
การกระทำของคณะพระธุดงค์ สร้างความโกรธแค้น
ให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง เพราะถือว่าไปทำลาย
ล้างความเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา ปรากฏว่าใน
ตอนกลางคืนวันนั้น ผีปู่ตาได้อาละวาดครั้งใหญ่
ชาวบ้านไม่ได้หลับได้นอน ด้วยว่ามีเสียงประหลาด
ได้วิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน เสียงดังสนั่นหวั่นไหว คล้าย
กับมีเสียงฝูงวัวฝูงควายนับร้อยนับพันตัววิ่งเข้าไปใน
หมู่บ้านฝุ่นคลุ้งไปหมด แต่มองไม่เห็นตัว หมาในหมู่
บ้านส่งเสียงเห่าหอนและร้องอี๊ดๆ หางจุกตูด แสดง
ความเกรงกลัวในเสียงประหลาดที่มนุษย์มองไม่เห็น
ชาวบ้านรู้ดีว่าเป็นขบวนผีปู่ตาอาละวาด เพราะถูก
คณะพระธุดงค์ทำลายศาล นอกจากเสียงวิ่งแตกตื่น
ปานหมู่บ้านจะถล่มแล้ว ยังปรากฏเสียงร้องห่มร้อง
ไห้กันระงมทั้งลูกเด็กเล็กแดง เป็นทำนองพร่ำรำพัน
ว่าบ้านช่องถูกทำลาย แล้วตนจะไปอยู่ที่ไหน ได้รับ
ความเดือนร้อนลำบาก บ้านแตกสาแหรกขาด เลือด
ตาแทบกระเด็น ชาวบ้านจะต้องได้รับการแก้แค้น
ในครั้งนี้เสียงร่ำไห้โหยหวนรำพันเหล่านี้คือเสียง
ของฝูงผีนั่นเอง
รุ่งเช้าชาวบ้านล้วนชายฉกรรจ์หมู่หนึ่ง ได้ยกขบวน
กันมาที่ป่าช้า ทุกคนถือปืนแก๊ปคาบศิลากันคนละ
กระบอก ด้วยความโกรธแค้นมุ่งจะฆ่าหลวงปู่สีโห
พอมาถึงได้ระยะเผาขน ก็ตะโกนด่าอย่างหยาบคาย
ต่ำช้าต่างๆ นานา แล้วยกปืนขึ้นมาเล็ง แล้วยิงมายัง
หลวงปู่สีโห และคณะพร้อมกันทุกกระบอก ปรากฏว่า
ปืนยิงไม่ออกสักกระบอกเดียว เมื่อปืนยิงไม่ออกชาว
บ้านก็ตกใจ จึงพากันโยนปืนทิ้ง แล้วชักดาบออกมา
จะวิ่งเข้าไปฟาดฟันหลวงปู่พระที่ร่วมเดินทางมา
ก็ปรากฏเกิดเหตุมหัศจรรย์ ปรากฏว่าทุกคนก้าวขาไม่
ออกคล้ายมีก้อนหินนักอึ้งถ่วงที่เท้า ต่างก็ดิ้นรนกัน
ไปมาหูตาเหลือกด้วยความตกใจและก็พากันล้มลง
เมื่อเจอกับอภินิหารของหลวงปู่สีโห เช่นนั้น คนเหล่า
นั้นก็พากันหวาดกลัวกันจนตัวสั่น หน้าซีดเหมือนผี
ตาย พากันร้องอ้อนวอนขอขมาลาโทษ หลวงปู่สีโห
ท่านมีจิตเมตตา ไม่เคยนึกพยาบาทจองเวรผู้ใดจึง
ถอนพลังกระแสจิตด้วยอำนาจอิทธิฤทธิ์อภิญญา
ทำให้คนเหล่านั้นสามารถลุกขึ้นเดินได้เป็นปกติ
ก็เข้ามากราบนมัสการแทบเท้าของหลวงปู่และคณะ
สงฆ์ หลวงปู่ได้เมตตาอบรมธรรมะให้ฟังอย่างง่ายๆ
แต่ทว่ามีข้ออรรถข้อธรรมลึกซึ้งกินใจ มองเห็นอะไร
ผิดอะไรถูก เห็นทางนรกและทางสวรรค์ ชัดแจ้ง
ดุจคนเรามองดูเงาตนเองในน้ำแล้วเห็นเงาฉะนั้น
คนเหล่านั้นก็มีน้ำตาไหลออกมาด้วยความสำนึกชอบ
ชั่วดี
จากนั้นหลวงปู่สีโห ได้ให้พวกเขาไปหาบเอาทรายมา
แล้วท่านได้เสกคาถาปราบผี ให้เอาทรายไปหว่าน
ทั่วบริเวณหมู่บ้าน ปรากฏว่า คืนนั้นเหตุการณ์สงบร่ม
เย็นดี ไม่มีผียกขบวนวิ่งเข้ามาในหมู่บ้านให้หมูหมา
แตกตื่นเห่าหอนแต่อย่างใดเลย เป็นที่น่าอัศจรรย์
ชาวบ้านได้พากันกราบไหว้หลวงปู่และน้ำข้าวปลา
อาหารมาถวายมากมายและยังได้นิมนต์ให้ท่านอยู่
ด้วย เพื่อเป็นหลักสรณะที่พึ่ง โดยจะสร้างวัดถวาย
ด้วยแรงศรัทธา
หลวงปู่สีโหท่านได้ให้พระธุดงค์ในคณะ ๒ รูป อยู่ที่
หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อเจริญศรัทธา และช่วยชาวบ้าน
สร้างวัดป่าสาลวัน ที่จังหวัดนครราชสีมา ตาม
นโยบายเผยแพร่ธรรมะของพระพุทธองค์ เพื่อที่
ชาวบ้านจะได้ส่งบุตรหลานเข้ามาบวชเรียนบำเพ็ญ
ศีลปฏิบัติธรรม ให้พระศาสนาเจริญแพร่หลายไป
# ที่มา พระญาณสิทธาจารย์
(หลวงปู่ทองพูล สิริกาโม)
พระอริยเจ้าผู้มีจริยาวัตรอันงดงามยิ่ง
เกร็ดธรรมะ ประวัติ พระสายกรรมฐาน
หลวงปู่สีโห ปฐมอาจารย์ของหลวงปู่ทองพูล สิริกาโม
ตามประวัติหลวงปู่สีโห เขมโกได้บันทึกเอาไว้ว่า
ท่านเป็นพระธุดงค์ที่มีญาณแก่กล้า เคยธุดงค์ไปแต่
ลำพังผู้เดียวทั่วภาคอีสาน ภาคเหนือ แล้วข้ามเขต
เข้าไปในพม่าและลาวมาแล้ว ท่านเป็นพระผู้วาจา
สิทธิ์ น่าเลื่อมใส
ประมาณปี พ.ศ.๒๔๗๓ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ได้ให้พระอาจารย์สิงห์ ขันตฺยาคโม นำพระภิกษุสาม
เณรจำนวนมากจัดเป็นกองทัพธรรมออกเผยแพร่
ธรรม สมันนั้น หลวงปู่สีโห ยังหนุ่มแน่น แต่ก็มีชื่อ
เสียงในทางกรรมฐานมาก ได้รับการยกย่องจาก
พระอาจารย์มั่น หลวงปู่พร้อมพระธุดงค์ ๕ – ๖
รูปได้ไปปักกลดอยู่ที่ป่าช้าแห่งหนึ่งในอำเภอมัญจาคี
รี ยังความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านในละแวกนั้นเป็น
อย่างยิ่ง เพราะชาวบ้านเขานับถือผี ไม่เคารพเลื่อม
ใสในพระพุทธศาสนา เห็นพระเป็นศัตรู เพราะเป็นที่
เลื่องลือในสมัยนั้นว่า คณะพระธุดงค์ชอบทำลาย
ศาลปู่ตา ที่สถิตของผีสางที่ชาวบ้านเคารพกราบไหว้
บูชาเพื่อให้ชาวบ้านหันมานับถือพระสงฆ์องค์เจ้า
ศาลปู่ตา ที่ป่าช้าหมู่บ้านแห่งนั้นดุร้ายมาก ชาวบ้าน
ผ่านไปมาทำอะไรผิดแม้เล็กน้อย เป็นต้นว่าขาด
การให้ความเคารพนบไหว้บ้าง ไปเก็บเห็ดเก็บผักใน
ป่าลืมบอกบ้าง ถ่ายปัสสาวะบ้าง หรือทำต้นไม้ในเขต
ศาลหักบ้าง มักจะถูกผีทำโทษ ให้โทษเจ็บป่วยถึง
ตาย สร้างความเกรงกลัวให้แก่ชาวบ้านสืบทอดกันมา
หลายชั่วคน
หลวงปู่สีโห รู้สึกสลดสังเวชที่ชาวบ้านหลงผิดไปนับ
ถือผี มีความเกรงกลัวแบบไร้สาระ ต้องฆ่าหมูเห็ดเป็ด
ไก่ไปสังเวยเซ่นสรวงกันไม่ขาด เป็นการทำลายชีวิต
สัตว์น่าอนาถนัก ซ้ำยังทำให้ชาวบ้านขาดศีลธรรม
เพราะไม่มีผู้ชี้ทาง ให้ข้ออรรถข้อธรรมสั่งสอนอบรม
กล่อมเกลากมลสันดานให้รู้จักผิดถูก ให้รู้จักเมตตา
ปราณีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ชาวบ้าน
มีแต่การมั่วสุมในอบายมุข กินเหล้า เมายา เล่นการ
พนัน เมื่อผิดใจก็ตีรันฟันแทงกันถึงล้มตาย เป็นคน
โหดร้ายทั้งชายทั้งหญิง
ชีวิตของพวกเขาน่าสงสารแท้ เมื่อตายแล้วหน
ทางไปคืออบายภูมิ มีนรกเป็นแดนเกิดเป็นแม่นมั่น
หลวงปู่ท่านมีจิตเมตตาคิดอยากจะช่วยฉุดพวกเขา
จากทางแห่งอบายภูมิจึงได้พาพระธุดงค์ในคณะตรง
ไปยังศาลปู่ตา อันเฮี้ยนและมีฤทธิ์ในทางชั่วร้ายแห่ง
นั้น แล้วช่วยกันรื้อทำลายลงจนราบคาบไม่มีชิ้นดี
การกระทำของคณะพระธุดงค์ สร้างความโกรธแค้น
ให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง เพราะถือว่าไปทำลาย
ล้างความเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา ปรากฏว่าใน
ตอนกลางคืนวันนั้น ผีปู่ตาได้อาละวาดครั้งใหญ่
ชาวบ้านไม่ได้หลับได้นอน ด้วยว่ามีเสียงประหลาด
ได้วิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน เสียงดังสนั่นหวั่นไหว คล้าย
กับมีเสียงฝูงวัวฝูงควายนับร้อยนับพันตัววิ่งเข้าไปใน
หมู่บ้านฝุ่นคลุ้งไปหมด แต่มองไม่เห็นตัว หมาในหมู่
บ้านส่งเสียงเห่าหอนและร้องอี๊ดๆ หางจุกตูด แสดง
ความเกรงกลัวในเสียงประหลาดที่มนุษย์มองไม่เห็น
ชาวบ้านรู้ดีว่าเป็นขบวนผีปู่ตาอาละวาด เพราะถูก
คณะพระธุดงค์ทำลายศาล นอกจากเสียงวิ่งแตกตื่น
ปานหมู่บ้านจะถล่มแล้ว ยังปรากฏเสียงร้องห่มร้อง
ไห้กันระงมทั้งลูกเด็กเล็กแดง เป็นทำนองพร่ำรำพัน
ว่าบ้านช่องถูกทำลาย แล้วตนจะไปอยู่ที่ไหน ได้รับ
ความเดือนร้อนลำบาก บ้านแตกสาแหรกขาด เลือด
ตาแทบกระเด็น ชาวบ้านจะต้องได้รับการแก้แค้น
ในครั้งนี้เสียงร่ำไห้โหยหวนรำพันเหล่านี้คือเสียง
ของฝูงผีนั่นเอง
รุ่งเช้าชาวบ้านล้วนชายฉกรรจ์หมู่หนึ่ง ได้ยกขบวน
กันมาที่ป่าช้า ทุกคนถือปืนแก๊ปคาบศิลากันคนละ
กระบอก ด้วยความโกรธแค้นมุ่งจะฆ่าหลวงปู่สีโห
พอมาถึงได้ระยะเผาขน ก็ตะโกนด่าอย่างหยาบคาย
ต่ำช้าต่างๆ นานา แล้วยกปืนขึ้นมาเล็ง แล้วยิงมายัง
หลวงปู่สีโห และคณะพร้อมกันทุกกระบอก ปรากฏว่า
ปืนยิงไม่ออกสักกระบอกเดียว เมื่อปืนยิงไม่ออกชาว
บ้านก็ตกใจ จึงพากันโยนปืนทิ้ง แล้วชักดาบออกมา
จะวิ่งเข้าไปฟาดฟันหลวงปู่พระที่ร่วมเดินทางมา
ก็ปรากฏเกิดเหตุมหัศจรรย์ ปรากฏว่าทุกคนก้าวขาไม่
ออกคล้ายมีก้อนหินนักอึ้งถ่วงที่เท้า ต่างก็ดิ้นรนกัน
ไปมาหูตาเหลือกด้วยความตกใจและก็พากันล้มลง
เมื่อเจอกับอภินิหารของหลวงปู่สีโห เช่นนั้น คนเหล่า
นั้นก็พากันหวาดกลัวกันจนตัวสั่น หน้าซีดเหมือนผี
ตาย พากันร้องอ้อนวอนขอขมาลาโทษ หลวงปู่สีโห
ท่านมีจิตเมตตา ไม่เคยนึกพยาบาทจองเวรผู้ใดจึง
ถอนพลังกระแสจิตด้วยอำนาจอิทธิฤทธิ์อภิญญา
ทำให้คนเหล่านั้นสามารถลุกขึ้นเดินได้เป็นปกติ
ก็เข้ามากราบนมัสการแทบเท้าของหลวงปู่และคณะ
สงฆ์ หลวงปู่ได้เมตตาอบรมธรรมะให้ฟังอย่างง่ายๆ
แต่ทว่ามีข้ออรรถข้อธรรมลึกซึ้งกินใจ มองเห็นอะไร
ผิดอะไรถูก เห็นทางนรกและทางสวรรค์ ชัดแจ้ง
ดุจคนเรามองดูเงาตนเองในน้ำแล้วเห็นเงาฉะนั้น
คนเหล่านั้นก็มีน้ำตาไหลออกมาด้วยความสำนึกชอบ
ชั่วดี
จากนั้นหลวงปู่สีโห ได้ให้พวกเขาไปหาบเอาทรายมา
แล้วท่านได้เสกคาถาปราบผี ให้เอาทรายไปหว่าน
ทั่วบริเวณหมู่บ้าน ปรากฏว่า คืนนั้นเหตุการณ์สงบร่ม
เย็นดี ไม่มีผียกขบวนวิ่งเข้ามาในหมู่บ้านให้หมูหมา
แตกตื่นเห่าหอนแต่อย่างใดเลย เป็นที่น่าอัศจรรย์
ชาวบ้านได้พากันกราบไหว้หลวงปู่และน้ำข้าวปลา
อาหารมาถวายมากมายและยังได้นิมนต์ให้ท่านอยู่
ด้วย เพื่อเป็นหลักสรณะที่พึ่ง โดยจะสร้างวัดถวาย
ด้วยแรงศรัทธา
หลวงปู่สีโหท่านได้ให้พระธุดงค์ในคณะ ๒ รูป อยู่ที่
หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อเจริญศรัทธา และช่วยชาวบ้าน
สร้างวัดป่าสาลวัน ที่จังหวัดนครราชสีมา ตาม
นโยบายเผยแพร่ธรรมะของพระพุทธองค์ เพื่อที่
ชาวบ้านจะได้ส่งบุตรหลานเข้ามาบวชเรียนบำเพ็ญ
ศีลปฏิบัติธรรม ให้พระศาสนาเจริญแพร่หลายไป
# ที่มา พระญาณสิทธาจารย์
(หลวงปู่ทองพูล สิริกาโม)
พระอริยเจ้าผู้มีจริยาวัตรอันงดงามยิ่ง
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 20, 2015 5:51:53am
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 23, 2015 10:23:47am
คุณได้แท็ก Rungsun Kiayasuan, Sakcharoon Khasemsat, มากับเขา แร้วเหงายังไง และ ฤิทธิพร ทองมี
ถ้ามองเห็นแต่ความงาม..ฝ่ายเดียว
จิตใจจะยึดติด กับสิ่งนั้น และตามหลอกหลอนวนเวียนอยู่ในใจ
ถ้ามองแบบเห็นโทษ จิตใจจะคลายความยึดติดในสิ่งนั้น..
#คนเรานั้นก็มาจากดิน...
เมื่อตายก็คืนสู่สภาพจริง กระดูกกระโหลกทั้งหมดทุกส่วน
ก็ต้องสลายเป็นเม็ดทรายเม็ดดินไป...
จิตใจจะยึดติด กับสิ่งนั้น และตามหลอกหลอนวนเวียนอยู่ในใจ
ถ้ามองแบบเห็นโทษ จิตใจจะคลายความยึดติดในสิ่งนั้น..
#คนเรานั้นก็มาจากดิน...
เมื่อตายก็คืนสู่สภาพจริง กระดูกกระโหลกทั้งหมดทุกส่วน
ก็ต้องสลายเป็นเม็ดทรายเม็ดดินไป...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เด็กผู้หญิง ถามในทางธรรม
"ถ้าพูดตกลงกันแล้วว่า ว่าจะรักกันเป็นแฟนกัน
จะไม่ไปมีใครคนอื่นอีก แล้วเขาไปมีคนอื่น"
เขาผิดศีลไหมค่ะ
และเราหาคนใหม่ได้ใช่ไหมค่ะ
หลวงพี่ตอบ: ถึงจะยังไม่แต่งงานกัน
ถ้าเป็นแฟนกันอยู่แล้ว แล้วยังมีคนอื่นอีก ถึงจะไม่ได้สมาทานศีล ผิดข้อการเมสุมิจฉาจารน่ะ
แต่ถ้าแฟนที่คบอยู่เป็นคนชั่ว ทำร้ายเรา ทำแต่สิ่งที่ไม่ดีต่อเรา
ทั้งการกระทำ คำพูด ที่เสียดแทงจิตใจเรา มีแต่จะเป็นการสร้างกรรมที่ไม่ดี
ให้แก่เรา ใจเรานั้นก็ไม่ชอบสิ่งที่เป็นอกุศล
เราออกมาได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี ไม่ผิดศีลธรรม
พระพุทธเจ้าทรงสอนพระภิกษุว่า
"ที่ใด อกุศลเจริญ เธออย่าอยู่"
"ที่ใด กุศลเจริญ เธอจงอยู่"
ถ้าอยู่กับคนไม่ดีก็ออกมา
ถ้าอยู่กับคนดีก็จงอยู่ต่อ
เขาเป็นคนไม่ดี เราจากเขาไปดื้อๆ
เขาจะตามเรา เพราะเรายังอยู่ในใจเขา ยังอยู่ในอารมณ์ของเขาที่เคยทำกับเรา (เขาอาจฆ่าเราได้ เพราะความมืดของจิตใจเขาที่ยึดติดเรา)
ถ้าเราอยากจะไปจากเขา ชาติหน้าก็ไม่ขอเจออีก เราต้องทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับเขา
ถ้าเขาเลว เราจะไม่เลว
ถ้าเขาชั่ว เราจะไม่ชั่ว
ถ้าเขาไม่ดี เราจะดี
ถ้าเขาเป็นคนบาป
เราจะเป็นคนบุญ
ทำบุญ สวดมนต์ นั้งสมาธิ
ถ้าแบบนี้เขาจะอยู่กับเราไม่ได้เอง
ถ้าจิตเขาไม่เปลี่ยนตามเราเขาจะออกไปเอง
และด้วยจิตใจเราที่สว่างมาทางบุญกุศล
มันจะดึงดูคนที่สว่างมาหาเราเอง
เราจะพบคนดีจริงใจเข้ามาในชีวิต
#รักแล้วต้องปล่อยว่างเป็น
"ถ้าพูดตกลงกันแล้วว่า ว่าจะรักกันเป็นแฟนกัน
จะไม่ไปมีใครคนอื่นอีก แล้วเขาไปมีคนอื่น"
เขาผิดศีลไหมค่ะ
และเราหาคนใหม่ได้ใช่ไหมค่ะ
หลวงพี่ตอบ: ถึงจะยังไม่แต่งงานกัน
ถ้าเป็นแฟนกันอยู่แล้ว แล้วยังมีคนอื่นอีก ถึงจะไม่ได้สมาทานศีล ผิดข้อการเมสุมิจฉาจารน่ะ
แต่ถ้าแฟนที่คบอยู่เป็นคนชั่ว ทำร้ายเรา ทำแต่สิ่งที่ไม่ดีต่อเรา
ทั้งการกระทำ คำพูด ที่เสียดแทงจิตใจเรา มีแต่จะเป็นการสร้างกรรมที่ไม่ดี
ให้แก่เรา ใจเรานั้นก็ไม่ชอบสิ่งที่เป็นอกุศล
เราออกมาได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี ไม่ผิดศีลธรรม
พระพุทธเจ้าทรงสอนพระภิกษุว่า
"ที่ใด อกุศลเจริญ เธออย่าอยู่"
"ที่ใด กุศลเจริญ เธอจงอยู่"
ถ้าอยู่กับคนไม่ดีก็ออกมา
ถ้าอยู่กับคนดีก็จงอยู่ต่อ
เขาเป็นคนไม่ดี เราจากเขาไปดื้อๆ
เขาจะตามเรา เพราะเรายังอยู่ในใจเขา ยังอยู่ในอารมณ์ของเขาที่เคยทำกับเรา (เขาอาจฆ่าเราได้ เพราะความมืดของจิตใจเขาที่ยึดติดเรา)
ถ้าเราอยากจะไปจากเขา ชาติหน้าก็ไม่ขอเจออีก เราต้องทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับเขา
ถ้าเขาเลว เราจะไม่เลว
ถ้าเขาชั่ว เราจะไม่ชั่ว
ถ้าเขาไม่ดี เราจะดี
ถ้าเขาเป็นคนบาป
เราจะเป็นคนบุญ
ทำบุญ สวดมนต์ นั้งสมาธิ
ถ้าแบบนี้เขาจะอยู่กับเราไม่ได้เอง
ถ้าจิตเขาไม่เปลี่ยนตามเราเขาจะออกไปเอง
และด้วยจิตใจเราที่สว่างมาทางบุญกุศล
มันจะดึงดูคนที่สว่างมาหาเราเอง
เราจะพบคนดีจริงใจเข้ามาในชีวิต
#รักแล้วต้องปล่อยว่างเป็น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ก็เป็นโอกาสดี ที่ปู่จันทร์ให้ขึ้นเทศแทน
อาตมาก็จะขอนอมนำพระธรรมคำสอนขององค์พระอรหันตะสัมมาสัมพุทธเจ้ามาแสดงให้เราฟังเท่าที่ได้ปฏิบัติศึกษามา
นะโมตัสะ.........
นะโมตัสะ.........
นะโมตัสะ........
ขอน้อมน้อมแด่พระพุทธองค์ผู้ไกลจากกิเลสทรงตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
ขอนอบน้อมแด่พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์เปรียบเสมือนแสงสว่างนำทางออกจากความมืด
ขอนอบน้อมแด่พระอริยะสงฆ์ผู้สืบทอดพระศาสนามาจนถึงปัจจุบัน
ขอให้พวกเราหลับตาลง และตั้งใจฟัง
ให้ดี เพื่อให้เกิดความจำได้อริยะทรัพย์ได้ปัญญาตัวติดไปหลายหมื่นชาติ...
วันนี้ขอแสดงพระธรรมะเทศศนา
ในหัวข้อ ทาน ศีล ภาวนา
อาตมาก็จะขอนอมนำพระธรรมคำสอนขององค์พระอรหันตะสัมมาสัมพุทธเจ้ามาแสดงให้เราฟังเท่าที่ได้ปฏิบัติศึกษามา
นะโมตัสะ.........
นะโมตัสะ.........
นะโมตัสะ........
ขอน้อมน้อมแด่พระพุทธองค์ผู้ไกลจากกิเลสทรงตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
ขอนอบน้อมแด่พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์เปรียบเสมือนแสงสว่างนำทางออกจากความมืด
ขอนอบน้อมแด่พระอริยะสงฆ์ผู้สืบทอดพระศาสนามาจนถึงปัจจุบัน
ขอให้พวกเราหลับตาลง และตั้งใจฟัง
ให้ดี เพื่อให้เกิดความจำได้อริยะทรัพย์ได้ปัญญาตัวติดไปหลายหมื่นชาติ...
วันนี้ขอแสดงพระธรรมะเทศศนา
ในหัวข้อ ทาน ศีล ภาวนา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันทามิ เจติยัง สัพพัง สัพพัฏฐาเนสุ ปะติฏฐิตา สะรีระธา-ตุ มหาโพธิง
พุทธะรูปัง สะกะลัง สะทา นาคะโลเก เทวะโลเก พรหมมะโลเก มนุษย์โสโลเก
สะรีระธา-ตุโย ปฐวี ธา-ตุโย
อาโป ธา-ตุโย เกสา ธา-ตุโย
โลมา ธา-ตุโย นะขา ธา-ตุโย
ทันตา ธา-ตุโย โลหิตัง ธา-ตุโย
อิฐฐิตัง ธา-ตุโย อะระหันตะ ธา-ตุ โย เทวา หะรันติ เอเตกัง จักกะวาฬะ กัง ปะรัมปะรา ปูชิตา นะระเทเวหิ อะหัง วันทามิ ธา-ตุ โยฯ
ข้าพเจ้าขอน้อมเกล้านมัสการพระบรมสารีริกธาตุพระพุทธเจ้าและพระธาตุพระอรหันตสาวกทั้งหลาย ที่อยู่ใจเจดีย์ ในพระพุทธรูป และซึ่งต้นพระศรีมหาโพธิ์บัลลังที่ตรัสรู้ ที่สถิตอยู่ในสากลภพจักรวาลทั้งหลาย ทั้งพรหมโลก เทวโลก มนุษย์โลก ภิภพนาค
อะหัง วันทามิ สัพพะโส ข้าพเจ้าขอน้อมนมัสการพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันตสาวกทั้งหลายทั้งปวงด้วยเทอญ
อะหัง วันทามิ ธาตุโย
ข้าพเจ้าขอไหว้พระธาตุทั้งหลายเหล่านั้น
อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ
อะหังวันทา พุทธะธัมมัง อะระหันตะสาวะกานัง สะทานัง สะระนัง อะหังวันทามิสัพพะโส
ด้วยจิตที่ศรัทธาอันหยั่งลงมั่นนี้
ข้าพเจ้าเข้าถึงบารมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเข้าถึงกระแสธรรมรู้แจงกายใจ
ข้าพเจ้าเข้าถึงบารมีพระอริยะสาวกเจ้าทั้งหลาย
ขอข้าพเจ้าจงรู้แจ้งหลุดพ้นกายใจ
อะหัง วันทามิ ภูริทัตตะธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะโส
พุทธะรูปัง สะกะลัง สะทา นาคะโลเก เทวะโลเก พรหมมะโลเก มนุษย์โสโลเก
สะรีระธา-ตุโย ปฐวี ธา-ตุโย
อาโป ธา-ตุโย เกสา ธา-ตุโย
โลมา ธา-ตุโย นะขา ธา-ตุโย
ทันตา ธา-ตุโย โลหิตัง ธา-ตุโย
อิฐฐิตัง ธา-ตุโย อะระหันตะ ธา-ตุ โย เทวา หะรันติ เอเตกัง จักกะวาฬะ กัง ปะรัมปะรา ปูชิตา นะระเทเวหิ อะหัง วันทามิ ธา-ตุ โยฯ
ข้าพเจ้าขอน้อมเกล้านมัสการพระบรมสารีริกธาตุพระพุทธเจ้าและพระธาตุพระอรหันตสาวกทั้งหลาย ที่อยู่ใจเจดีย์ ในพระพุทธรูป และซึ่งต้นพระศรีมหาโพธิ์บัลลังที่ตรัสรู้ ที่สถิตอยู่ในสากลภพจักรวาลทั้งหลาย ทั้งพรหมโลก เทวโลก มนุษย์โลก ภิภพนาค
อะหัง วันทามิ สัพพะโส ข้าพเจ้าขอน้อมนมัสการพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันตสาวกทั้งหลายทั้งปวงด้วยเทอญ
อะหัง วันทามิ ธาตุโย
ข้าพเจ้าขอไหว้พระธาตุทั้งหลายเหล่านั้น
อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ
อะหังวันทา พุทธะธัมมัง อะระหันตะสาวะกานัง สะทานัง สะระนัง อะหังวันทามิสัพพะโส
ด้วยจิตที่ศรัทธาอันหยั่งลงมั่นนี้
ข้าพเจ้าเข้าถึงบารมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเข้าถึงกระแสธรรมรู้แจงกายใจ
ข้าพเจ้าเข้าถึงบารมีพระอริยะสาวกเจ้าทั้งหลาย
ขอข้าพเจ้าจงรู้แจ้งหลุดพ้นกายใจ
อะหัง วันทามิ ภูริทัตตะธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะโส
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
บทแผ่เมตตาโดยไม่มีประมาณ
อะหัง อะเวโร โหมิ ( ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ปราศจากเวร )
อัพยาปัชโฌ โหมิ ( ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีโฆ โหมิ ( ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ (ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
มะมะ มาตาปิตุ ( ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า )
อาจาริยา จะ ญาติมิตตา ( จะ ครูอาจารย์ และญาติมิตร )
สะพราหมะจาริโน จะ ( ผู้ประพฤติธรรมทั้งปวง )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
อิมัสมิง อาราเม สัพเพ โยคิโน ขอให้ท่านโยคี ( ผู้ทรงสมาธิ) ทั้งปวงในเขตนี้ )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปริหรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
อิมัสมิง อาราเม สัพเพ ภิกขู ( ขอพระภิกษทั้งหลายทั้งปวงที่อยู่ในเขตนี้ )
สามะเณรา จะ ( และสามเณร )
อุปาสะกา อุปาสิกายา จะ ( ทั้งอุบาสกและ อุบาสิกา )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
อัมหากัง จะตุปัจจายะทายะกา ( ขอทายกทายิกา ผู้ให้ปัจจัย๔ แก่พวกเราทั้งหลาย )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
อัมหากัง อารักขา เทวาตา ( ขอเทวดาผู้อารักขาเราทั้งหลาย )
อิมัสมิง วิหาเร ( ในวิหารแห่งนี้ )
อิมัสมิง อาวาเส ( ในอาวาสแห่งนี้ )
อิมัสมิง อาราเม ( ในอารามแห่งนี้ )
อารักขา เทวาตา ( ขอเทวาผู้รักษาสถานที่เหล่านี้ )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
สัพเพ สัตตา ( ขอสัตว์ทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ ปาณา ( ขอสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย )
สัพเพ ภูตา ( ขอภูติทั้งหลาย )
สัพเพ ปุคคะลา ( ขอบุคคลทั้งหลาย )
สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา ( ขอผู้มีอัตภาพทั้งหลาย )
สัพพา อิตถีโย ( ขอสตรีทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ ปุริสา ( ขอบุรุษทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ อริยา ( ขอพระอริยเจ้าทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ อนริยา ( ขอผู้ยังไม่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ เทวา ( ขอเทวาทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ มนุสสา ( ขอมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ วินิปาติกา ( ขอสัตว์วินิปาติกะทั้งหลาย ทั้งปวง )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน)
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
ทุกขา มุจจันตุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายจงปราศจากความทุกข์ )
ยถา ลัทธาสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ ( จงอย่าพลัดพรากจากสมบัติที่ได้มา )
กัมมัสสะกา ( ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น )
ปุรถิมายะ ทิสายะ ( ขอสัตว์ทั้งปวง ในทิศบูรพา ( ทิศตะวันออก )
ปัจฉิมายะ ทิสายะ ( ในทิศปัจฉิม ( ทิศตะวันตก )
อุตตรายะ ทิสายะ ( ในทิศอุดร ( ทิศเหนือ )
ทักขิณายะ ทิสายะ ( ในทิศทักษิณ ( ทิศใต้ )
ปุรถิมายะ อนุทิสายะ ( ในทิศอาคเนย์ ( ทิศตะวันออกเฉียงใต้ )
ปัจฉิมายะ อนุทิสายะ ( ในทิศพายัพ ( ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ )
อุตตระ อนุทิสายะ ( ในทิศอิสาน ( ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ )
ทักขิณายะ อนุทิสายะ ( ในทิศหรดี ( ตะวันตกเฉียงใต้ )
เหฎฐิมายะ ทิสายะ ( ในทิศเบื้องล่าง )
อุปาริมายะ ทิสายะ ( ในทิศเบื้องบน )
สัพเพ สัตตา ( ขอสัตว์ทั้งหลาย )
สัพเพ ปาณา ( ขอสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย )
สัพเพ ภูตา ( ขอภูติทั้งหลาย )
สัพเพ ปุคคะลา ( ขอบุคคลทั้งหลาย )
สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา ( ขอผู้มีอัตภาพทั้งหลาย )
สัพพา อิตถีโย ( ขอสตรีทั้งหลาย )
สัพเพ ปุริสา ( ขอบุรุษทั้งหลาย )
สัพเพ อริยา ( ขอพระอริยเจ้าทั้งหลาย )
สัพเพ อนริยา ( ขอผู้ยังไม่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย )
สัพเพ เทวา ( ขอเทวา ทั้งหลาย )
สัพเพ มนุสสา ( ขอมนุษย์ทั้งหลาย )
สัพเพ วินิปาติกา ( ขอสัตว์วินิปาติกะทั้งหลาย )
อะเวรา โหนตุ ( อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย )
อะนีฆา โหนตุ ( อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย )
สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ( จงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
ทุกขา มุจจันตุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายจงปราศจากความทุกข์ )
ยถา ลัทธา สัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ ( จงอย่าพลัดพรากจากสมบัติที่ได้มา )
กัมมัสสะกา ( ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น )
อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( และสัตว์ที่อยู่สูงขึ้นไปจนถึงภวัคคภูมิ )
อโธ ยาวะ อวิจจิโต ( และสัตว์ที่อยู่เบื้องล่างจนถึงอเวจีมหานรก )
สมันตา จักกะวาเลสุ ( สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล )
เย สัตตา ปถวิจารา ( ไม่ว่าสัตว์ใดที่อุบัติบนพื้นปฐพี )
อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ และอุปัทวันตราย )
อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( ขอสัตว์ที่อยูสูงขึ้นไปถึงภวัคคภูมิ )
อโธ ยาวะ อวิจจิโต ( และสัตว์อยู่เบื้องล่างในอเวจีมหานรก )
สมันตา จักกะวาเลสุ ( สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล )
เย สัตตา อุทักเขจารา ( ขอสัตว์ทั้งหลายผู้เกิดในน้ำ )
อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงอย่าได้เบียดเบียนใครเลย อย่าได้มีเวรกับใครเลย )
นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ ปราศจากอุปัทวันตราย )
อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( ขอสัตว์ในโลกธาตุอื่น ที่อยูเบื้องบนคือภวัคคภูมิลงมา )
อโธ ยาวะ อวิจิโต ( ตั้งแต่อเวจีมหานรกขึ้นไป )
สมันตา จักกะวาเฬสุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายในจักรวาลโดยรอบๆ )
เย สัตตา ปถวิจารา ( ไม่ว่าสัตว์ใดที่อุบัติบนพื้นปฐพี )
อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงอย่าได้เบียดเบียนใครเลย อย่าได้มีเวรกับใครเลย )
นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ ปราศจากอุปัทวันตราย ทั้งสิ้นเทอญฯ )
อะหัง อะเวโร โหมิ ( ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ปราศจากเวร )
อัพยาปัชโฌ โหมิ ( ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีโฆ โหมิ ( ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ (ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
มะมะ มาตาปิตุ ( ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า )
อาจาริยา จะ ญาติมิตตา ( จะ ครูอาจารย์ และญาติมิตร )
สะพราหมะจาริโน จะ ( ผู้ประพฤติธรรมทั้งปวง )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
อิมัสมิง อาราเม สัพเพ โยคิโน ขอให้ท่านโยคี ( ผู้ทรงสมาธิ) ทั้งปวงในเขตนี้ )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปริหรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
อิมัสมิง อาราเม สัพเพ ภิกขู ( ขอพระภิกษทั้งหลายทั้งปวงที่อยู่ในเขตนี้ )
สามะเณรา จะ ( และสามเณร )
อุปาสะกา อุปาสิกายา จะ ( ทั้งอุบาสกและ อุบาสิกา )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
อัมหากัง จะตุปัจจายะทายะกา ( ขอทายกทายิกา ผู้ให้ปัจจัย๔ แก่พวกเราทั้งหลาย )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
อัมหากัง อารักขา เทวาตา ( ขอเทวดาผู้อารักขาเราทั้งหลาย )
อิมัสมิง วิหาเร ( ในวิหารแห่งนี้ )
อิมัสมิง อาวาเส ( ในอาวาสแห่งนี้ )
อิมัสมิง อาราเม ( ในอารามแห่งนี้ )
อารักขา เทวาตา ( ขอเทวาผู้รักษาสถานที่เหล่านี้ )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
สัพเพ สัตตา ( ขอสัตว์ทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ ปาณา ( ขอสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย )
สัพเพ ภูตา ( ขอภูติทั้งหลาย )
สัพเพ ปุคคะลา ( ขอบุคคลทั้งหลาย )
สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา ( ขอผู้มีอัตภาพทั้งหลาย )
สัพพา อิตถีโย ( ขอสตรีทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ ปุริสา ( ขอบุรุษทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ อริยา ( ขอพระอริยเจ้าทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ อนริยา ( ขอผู้ยังไม่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ เทวา ( ขอเทวาทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ มนุสสา ( ขอมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ วินิปาติกา ( ขอสัตว์วินิปาติกะทั้งหลาย ทั้งปวง )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน)
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
ทุกขา มุจจันตุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายจงปราศจากความทุกข์ )
ยถา ลัทธาสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ ( จงอย่าพลัดพรากจากสมบัติที่ได้มา )
กัมมัสสะกา ( ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น )
ปุรถิมายะ ทิสายะ ( ขอสัตว์ทั้งปวง ในทิศบูรพา ( ทิศตะวันออก )
ปัจฉิมายะ ทิสายะ ( ในทิศปัจฉิม ( ทิศตะวันตก )
อุตตรายะ ทิสายะ ( ในทิศอุดร ( ทิศเหนือ )
ทักขิณายะ ทิสายะ ( ในทิศทักษิณ ( ทิศใต้ )
ปุรถิมายะ อนุทิสายะ ( ในทิศอาคเนย์ ( ทิศตะวันออกเฉียงใต้ )
ปัจฉิมายะ อนุทิสายะ ( ในทิศพายัพ ( ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ )
อุตตระ อนุทิสายะ ( ในทิศอิสาน ( ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ )
ทักขิณายะ อนุทิสายะ ( ในทิศหรดี ( ตะวันตกเฉียงใต้ )
เหฎฐิมายะ ทิสายะ ( ในทิศเบื้องล่าง )
อุปาริมายะ ทิสายะ ( ในทิศเบื้องบน )
สัพเพ สัตตา ( ขอสัตว์ทั้งหลาย )
สัพเพ ปาณา ( ขอสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย )
สัพเพ ภูตา ( ขอภูติทั้งหลาย )
สัพเพ ปุคคะลา ( ขอบุคคลทั้งหลาย )
สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา ( ขอผู้มีอัตภาพทั้งหลาย )
สัพพา อิตถีโย ( ขอสตรีทั้งหลาย )
สัพเพ ปุริสา ( ขอบุรุษทั้งหลาย )
สัพเพ อริยา ( ขอพระอริยเจ้าทั้งหลาย )
สัพเพ อนริยา ( ขอผู้ยังไม่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย )
สัพเพ เทวา ( ขอเทวา ทั้งหลาย )
สัพเพ มนุสสา ( ขอมนุษย์ทั้งหลาย )
สัพเพ วินิปาติกา ( ขอสัตว์วินิปาติกะทั้งหลาย )
อะเวรา โหนตุ ( อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย )
อะนีฆา โหนตุ ( อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย )
สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ( จงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
ทุกขา มุจจันตุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายจงปราศจากความทุกข์ )
ยถา ลัทธา สัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ ( จงอย่าพลัดพรากจากสมบัติที่ได้มา )
กัมมัสสะกา ( ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น )
อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( และสัตว์ที่อยู่สูงขึ้นไปจนถึงภวัคคภูมิ )
อโธ ยาวะ อวิจจิโต ( และสัตว์ที่อยู่เบื้องล่างจนถึงอเวจีมหานรก )
สมันตา จักกะวาเลสุ ( สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล )
เย สัตตา ปถวิจารา ( ไม่ว่าสัตว์ใดที่อุบัติบนพื้นปฐพี )
อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ และอุปัทวันตราย )
อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( ขอสัตว์ที่อยูสูงขึ้นไปถึงภวัคคภูมิ )
อโธ ยาวะ อวิจจิโต ( และสัตว์อยู่เบื้องล่างในอเวจีมหานรก )
สมันตา จักกะวาเลสุ ( สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล )
เย สัตตา อุทักเขจารา ( ขอสัตว์ทั้งหลายผู้เกิดในน้ำ )
อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงอย่าได้เบียดเบียนใครเลย อย่าได้มีเวรกับใครเลย )
นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ ปราศจากอุปัทวันตราย )
อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( ขอสัตว์ในโลกธาตุอื่น ที่อยูเบื้องบนคือภวัคคภูมิลงมา )
อโธ ยาวะ อวิจิโต ( ตั้งแต่อเวจีมหานรกขึ้นไป )
สมันตา จักกะวาเฬสุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายในจักรวาลโดยรอบๆ )
เย สัตตา ปถวิจารา ( ไม่ว่าสัตว์ใดที่อุบัติบนพื้นปฐพี )
อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงอย่าได้เบียดเบียนใครเลย อย่าได้มีเวรกับใครเลย )
นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ ปราศจากอุปัทวันตราย ทั้งสิ้นเทอญฯ )
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 31, 2015 7:01:31pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.
บทแผ่เมตตาโดยไม่มีประมาณ
อะหัง อะเวโร โหมิ ( ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ปราศจากเวร )
อัพยาปัชโฌ โหมิ ( ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีโฆ โหมิ ( ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ (ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจ
ากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
มะมะ มาตาปิตุ ( ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า )
อาจาริยา จะ ญาติมิตตา ( จะ ครูอาจารย์ และญาติมิตร )
สะพราหมะจาริโน จะ ( ผู้ประพฤติธรรมทั้งปวง )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจ
ากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
อิมัสมิง อาราเม สัพเพ โยคิโน ขอให้ท่านโยคี ( ผู้ทรงสมาธิ) ทั้งปวงในเขตนี้ )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปริหรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจ
ากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
อิมัสมิง อาราเม สัพเพ ภิกขู ( ขอพระภิกษทั้งหลายทั้งปวงที่อยู่ในเขตนี้ )
สามะเณรา จะ ( และสามเณร )
อุปาสะกา อุปาสิกายา จะ ( ทั้งอุบาสกและ อุบาสิกา )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจ
ากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
อัมหากัง จะตุปัจจายะทายะกา ( ขอทายกทายิกา ผู้ให้ปัจจัย๔
แก่พวกเราทั้งหลาย )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจ
ากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
อัมหากัง อารักขา เทวาตา ( ขอเทวดาผู้อารักขาเราทั้งหลาย )
อิมัสมิง วิหาเร ( ในวิหารแห่งนี้ )
อิมัสมิง อาวาเส ( ในอาวาสแห่งนี้ )
อิมัสมิง อาราเม ( ในอารามแห่งนี้ )
อารักขา เทวาตา ( ขอเทวาผู้รักษาสถานที่เหล่านี้ )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจ
ากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
สัพเพ สัตตา ( ขอสัตว์ทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ ปาณา ( ขอสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย )
สัพเพ ภูตา ( ขอภูติทั้งหลาย )
สัพเพ ปุคคะลา ( ขอบุคคลทั้งหลาย )
สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา ( ขอผู้มีอัตภาพทั้งหลาย )
สัพพา อิตถีโย ( ขอสตรีทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ ปุริสา ( ขอบุรุษทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ อริยา ( ขอพระอริยเจ้าทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ อนริยา ( ขอผู้ยังไม่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ เทวา ( ขอเทวาทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ มนุสสา ( ขอมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ วินิปาติกา ( ขอสัตว์วินิปาติกะทั้งหลาย ทั้งปวง )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน)
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจ
ากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
ทุกขา มุจจันตุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายจงปราศจากความทุกข์ )
ยถา ลัทธาสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ ( จงอย่าพลัดพรากจากสมบัติที่ได้ม
า )
กัมมัสสะกา ( ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น )
ปุรถิมายะ ทิสายะ ( ขอสัตว์ทั้งปวง ในทิศบูรพา ( ทิศตะวันออก )
ปัจฉิมายะ ทิสายะ ( ในทิศปัจฉิม ( ทิศตะวันตก )
อุตตรายะ ทิสายะ ( ในทิศอุดร ( ทิศเหนือ )
ทักขิณายะ ทิสายะ ( ในทิศทักษิณ ( ทิศใต้ )
ปุรถิมายะ อนุทิสายะ ( ในทิศอาคเนย์ ( ทิศตะวันออกเฉียงใต้ )
ปัจฉิมายะ อนุทิสายะ ( ในทิศพายัพ ( ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ )
อุตตระ อนุทิสายะ ( ในทิศอิสาน ( ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ )
ทักขิณายะ อนุทิสายะ ( ในทิศหรดี ( ตะวันตกเฉียงใต้ )
เหฎฐิมายะ ทิสายะ ( ในทิศเบื้องล่าง )
อุปาริมายะ ทิสายะ ( ในทิศเบื้องบน )
สัพเพ สัตตา ( ขอสัตว์ทั้งหลาย )
สัพเพ ปาณา ( ขอสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย )
สัพเพ ภูตา ( ขอภูติทั้งหลาย )
สัพเพ ปุคคะลา ( ขอบุคคลทั้งหลาย )
สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา ( ขอผู้มีอัตภาพทั้งหลาย )
สัพพา อิตถีโย ( ขอสตรีทั้งหลาย )
สัพเพ ปุริสา ( ขอบุรุษทั้งหลาย )
สัพเพ อริยา ( ขอพระอริยเจ้าทั้งหลาย )
สัพเพ อนริยา ( ขอผู้ยังไม่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย )
สัพเพ เทวา ( ขอเทวา ทั้งหลาย )
สัพเพ มนุสสา ( ขอมนุษย์ทั้งหลาย )
สัพเพ วินิปาติกา ( ขอสัตว์วินิปาติกะทั้งหลาย )
อะเวรา โหนตุ ( อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย )
อะนีฆา โหนตุ ( อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย )
สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ( จงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ
้นเทอญ )
ทุกขา มุจจันตุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายจงปราศจากความทุกข์ )
ยถา ลัทธา สัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ ( จงอย่าพลัดพรากจากสมบัติที่ได้ม
า )
กัมมัสสะกา ( ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น )
อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( และสัตว์ที่อยู่สูงขึ้นไปจนถึงภวัคคภูมิ )
อโธ ยาวะ อวิจจิโต ( และสัตว์ที่อยู่เบื้องล่างจนถึงอเวจีมหานรก )
สมันตา จักกะวาเลสุ ( สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล )
เย สัตตา ปถวิจารา ( ไม่ว่าสัตว์ใดที่อุบัติบนพื้นปฐพี )
อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ และอุปัทวันตราย )
อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( ขอสัตว์ที่อยูสูงขึ้นไปถึงภวัคคภูมิ )
อโธ ยาวะ อวิจจิโต ( และสัตว์อยู่เบื้องล่างในอเวจีมหานรก )
สมันตา จักกะวาเลสุ ( สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล )
เย สัตตา อุทักเขจารา ( ขอสัตว์ทั้งหลายผู้เกิดในน้ำ )
อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงอย่าได้เบียดเบียนใครเลย อย่าได้มีเวรกับ
ใครเลย )
นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ ปราศจากอุปัทวันตราย )
อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( ขอสัตว์ในโลกธาตุอื่น ที่อยูเบื้องบนค
ือภวัคคภูมิลงมา )
อโธ ยาวะ อวิจิโต ( ตั้งแต่อเวจีมหานรกขึ้นไป )
สมันตา จักกะวาเฬสุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายในจักรวาลโดยรอบๆ )
เย สัตตา ปถวิจารา ( ไม่ว่าสัตว์ใดที่อุบัติบนพื้นปฐพี )
อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงอย่าได้เบียดเบียนใครเลย อย่าได้มีเวรกับ
ใครเลย )
นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ ปราศจากอุปัทวันตราย
ทั้งสิ้นเทอญฯ )
บทแผ่เมตตาโดยไม่มีประมาณ
อะหัง อะเวโร โหมิ ( ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ปราศจากเวร )
อัพยาปัชโฌ โหมิ ( ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีโฆ โหมิ ( ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ (ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจ
ากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
มะมะ มาตาปิตุ ( ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า )
อาจาริยา จะ ญาติมิตตา ( จะ ครูอาจารย์ และญาติมิตร )
สะพราหมะจาริโน จะ ( ผู้ประพฤติธรรมทั้งปวง )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจ
ากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
อิมัสมิง อาราเม สัพเพ โยคิโน ขอให้ท่านโยคี ( ผู้ทรงสมาธิ) ทั้งปวงในเขตนี้ )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปริหรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจ
ากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
อิมัสมิง อาราเม สัพเพ ภิกขู ( ขอพระภิกษทั้งหลายทั้งปวงที่อยู่ในเขตนี้ )
สามะเณรา จะ ( และสามเณร )
อุปาสะกา อุปาสิกายา จะ ( ทั้งอุบาสกและ อุบาสิกา )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจ
ากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
อัมหากัง จะตุปัจจายะทายะกา ( ขอทายกทายิกา ผู้ให้ปัจจัย๔
แก่พวกเราทั้งหลาย )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจ
ากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
อัมหากัง อารักขา เทวาตา ( ขอเทวดาผู้อารักขาเราทั้งหลาย )
อิมัสมิง วิหาเร ( ในวิหารแห่งนี้ )
อิมัสมิง อาวาเส ( ในอาวาสแห่งนี้ )
อิมัสมิง อาราเม ( ในอารามแห่งนี้ )
อารักขา เทวาตา ( ขอเทวาผู้รักษาสถานที่เหล่านี้ )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจ
ากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
สัพเพ สัตตา ( ขอสัตว์ทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ ปาณา ( ขอสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย )
สัพเพ ภูตา ( ขอภูติทั้งหลาย )
สัพเพ ปุคคะลา ( ขอบุคคลทั้งหลาย )
สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา ( ขอผู้มีอัตภาพทั้งหลาย )
สัพพา อิตถีโย ( ขอสตรีทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ ปุริสา ( ขอบุรุษทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ อริยา ( ขอพระอริยเจ้าทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ อนริยา ( ขอผู้ยังไม่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ เทวา ( ขอเทวาทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ มนุสสา ( ขอมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ วินิปาติกา ( ขอสัตว์วินิปาติกะทั้งหลาย ทั้งปวง )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน)
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจ
ากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
ทุกขา มุจจันตุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายจงปราศจากความทุกข์ )
ยถา ลัทธาสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ ( จงอย่าพลัดพรากจากสมบัติที่ได้ม
า )
กัมมัสสะกา ( ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น )
ปุรถิมายะ ทิสายะ ( ขอสัตว์ทั้งปวง ในทิศบูรพา ( ทิศตะวันออก )
ปัจฉิมายะ ทิสายะ ( ในทิศปัจฉิม ( ทิศตะวันตก )
อุตตรายะ ทิสายะ ( ในทิศอุดร ( ทิศเหนือ )
ทักขิณายะ ทิสายะ ( ในทิศทักษิณ ( ทิศใต้ )
ปุรถิมายะ อนุทิสายะ ( ในทิศอาคเนย์ ( ทิศตะวันออกเฉียงใต้ )
ปัจฉิมายะ อนุทิสายะ ( ในทิศพายัพ ( ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ )
อุตตระ อนุทิสายะ ( ในทิศอิสาน ( ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ )
ทักขิณายะ อนุทิสายะ ( ในทิศหรดี ( ตะวันตกเฉียงใต้ )
เหฎฐิมายะ ทิสายะ ( ในทิศเบื้องล่าง )
อุปาริมายะ ทิสายะ ( ในทิศเบื้องบน )
สัพเพ สัตตา ( ขอสัตว์ทั้งหลาย )
สัพเพ ปาณา ( ขอสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย )
สัพเพ ภูตา ( ขอภูติทั้งหลาย )
สัพเพ ปุคคะลา ( ขอบุคคลทั้งหลาย )
สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา ( ขอผู้มีอัตภาพทั้งหลาย )
สัพพา อิตถีโย ( ขอสตรีทั้งหลาย )
สัพเพ ปุริสา ( ขอบุรุษทั้งหลาย )
สัพเพ อริยา ( ขอพระอริยเจ้าทั้งหลาย )
สัพเพ อนริยา ( ขอผู้ยังไม่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย )
สัพเพ เทวา ( ขอเทวา ทั้งหลาย )
สัพเพ มนุสสา ( ขอมนุษย์ทั้งหลาย )
สัพเพ วินิปาติกา ( ขอสัตว์วินิปาติกะทั้งหลาย )
อะเวรา โหนตุ ( อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย )
อะนีฆา โหนตุ ( อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย )
สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ( จงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ
้นเทอญ )
ทุกขา มุจจันตุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายจงปราศจากความทุกข์ )
ยถา ลัทธา สัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ ( จงอย่าพลัดพรากจากสมบัติที่ได้ม
า )
กัมมัสสะกา ( ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น )
อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( และสัตว์ที่อยู่สูงขึ้นไปจนถึงภวัคคภูมิ )
อโธ ยาวะ อวิจจิโต ( และสัตว์ที่อยู่เบื้องล่างจนถึงอเวจีมหานรก )
สมันตา จักกะวาเลสุ ( สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล )
เย สัตตา ปถวิจารา ( ไม่ว่าสัตว์ใดที่อุบัติบนพื้นปฐพี )
อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ และอุปัทวันตราย )
อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( ขอสัตว์ที่อยูสูงขึ้นไปถึงภวัคคภูมิ )
อโธ ยาวะ อวิจจิโต ( และสัตว์อยู่เบื้องล่างในอเวจีมหานรก )
สมันตา จักกะวาเลสุ ( สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล )
เย สัตตา อุทักเขจารา ( ขอสัตว์ทั้งหลายผู้เกิดในน้ำ )
อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงอย่าได้เบียดเบียนใครเลย อย่าได้มีเวรกับ
ใครเลย )
นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ ปราศจากอุปัทวันตราย )
อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( ขอสัตว์ในโลกธาตุอื่น ที่อยูเบื้องบนค
ือภวัคคภูมิลงมา )
อโธ ยาวะ อวิจิโต ( ตั้งแต่อเวจีมหานรกขึ้นไป )
สมันตา จักกะวาเฬสุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายในจักรวาลโดยรอบๆ )
เย สัตตา ปถวิจารา ( ไม่ว่าสัตว์ใดที่อุบัติบนพื้นปฐพี )
อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงอย่าได้เบียดเบียนใครเลย อย่าได้มีเวรกับ
ใครเลย )
นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ ปราศจากอุปัทวันตราย
ทั้งสิ้นเทอญฯ )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนที่เขาทำดีมาตลอด แต่เวลาเห็นเขาทำผิดครั้งเดียว
เรามักจะมองว่าเขาเลวไปทั้งหมดทุกส่วนเลย
โดยไม่เห็นค่าความดีที่เขาก็ได้เคยได้ทำ
พอเห็นเขาทำความดี ก็ไม่อยากจะชื่นชมนักเท่าไร
แต่กลับจะมองเขาไม่ดี มองว่าทำเอาหน้า ทำเพื่อให้คนอื่นรู้ว่าทำ
ใจเราแทนที่จะเป็นกุศลที่เห็นเขาทำดี แต่กลับไปคุ้ยเรื่องที่ไม่ดีของ
เขาเอามาใสหัว
ไม่พอใจร้อนใจเป็นทุกข์เสียเอง
เพราะใจเราไปให้ความหมายเขาแบบนั้นเราจึงเป็นทุกข์เสียเอง
การที่เรามองไปดูแต่ข้อเสียข้อบาปของเขาที่เขาทำ มันไม่ถูกต้องน่ะ
เวลาเขาทำเรื่องดีนั้นก็มีอยู่ เขาไม่ได้เลวไม่ได้ชั่วตลอดทุกขณะจิตหรอก
ถ้าเห็นเขาทำความดี แล้วเราไปนึกหาแต่เรื่องที่ไม่ดีที่เขาทำ เราจะมอง
เขาไม่ดีทันที
มันจะเป็นการไม่เมตตาเขาไม่เมตตาเรา ถึงแม้ว่าเขาจะพยามกลับตัว
เราก็จะคิดแต่มุมที่ไม่ดีของเขาอันนี้ไม่ถูกน่ะ
คนเราทุกคนนั้นเกิดมา ล้วนทำดีทำชั่วมาหมด
ที่ทำบาปต้องไปนรกก็เพราะติดความหลงความโง่ของกิเลสอวิชา
ที่ต้องฆ่าคน ต้องบึ่มระเบิด ต้องปล้นต้องจี้ขโมย ทำความไม่ดีให้สังคมให้
ให้ครอบครัว
ทั้งกินเหล้าเมาสุรา ก็เพราะความไม่รู้ของเขา
ถ้าเราเห็นถ้าจิตมันคิดเรื่องไม่ดีของเขา เราต้องสะกดให้มันคิดอย่างนี้
ขออย่าให้เราอย่าได้มีเหตุต้องทำไม่ดีแบบเขา ขอให้เขาออกจากสิ่งที่
ไม่ดีแบบนั้น
แล้วก็แผ่เมตตาแผ่ความรักสงสารให้เขา
พระพุทธเจ้าบอกว่า การลำเอียงเพราะรักมันไม่ดี การลำเอียงเพราะ
เกลียดมันไม่ดี
ต้องทำให้เบาลงบางลง แล้วมีแต่ความเป็นกลาง ต่อสิ่งทั้งหลาย
คนชั่วเขาก็ไม่ได้ชั่วตลอดไปหรอก
แม้แต่พระพุทธเจ้าเอง ชาติที่เป็นโพธิสัตว์อยู่่ยังไม่ตรัสรู้ ในชาตินั้นเป็นพ
รามไปด่าพระสาสกพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ จึงพาบริวาารลูกศิษย์
ทั้งหลายเดินทางผิดธรรม พอตายแล้วก็ไปไหม้อยู่นรกทั้งบริวารด้วย
และเรื่องเทวฑัต พระเทวฑัตตอนนี้อยู่ในนรก ทำกรรมหนักไปทำสงฆ์ให้แตก
กันไปทำร้ายพระพุทะเจ้า ทำลายศาสนาทำชั่วช้าต่างๆนาๆ ก็ตั้งอยู่
ในนรก1กัป
ก็ด้วย ราคะ โทสะ โมหะ เพราะอวิชาความไม่รู้
พระพุทธเจ้าพยากรณ์พระเทวฑัตไว้ว่า เมื่่อเทวฑัตตายจะตังอยู่ในนรก1กัป
เมื่อเทวฑัตพ้นจากนรกแล้ว จะได้เกิดเป็นคนในช่วงที่ว่างเว้นไม่มีพระศาสนา
พระพุทธเจ้าองค์ใดเลย พระเทวฑัตจะเป็นสัมมาธิฐิมีความเห็นถูกและจะตรัสรู้
เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์
เห็นไหมว่า ไม่มีใครเลวจริง ไม่มีใครชั่วจริงเลย ไปนรกก็ไม่ถาวรไปสวรรค์ก็
ไม่ถาวร
เทวดาตายแล้วลงนรกก็มี เราทุกคนเกิดตายมาแล้วผ่านชาติต่างๆ
ไม่รู้กี่ชาตินับไม่ได้เลย
เพราะจิตยึดติดร่างกายว่าเป็นเราเป็นของเรานี่แหละ และก็ไม่สนใจธรรมะ
ทุกคนจึงต้องเดินทางต่อในภพชาติข้างหน้าที่ไม่มีวันจบ ต้องเจอแต่ทุกข์
กับทุกข์
พระพุทธเจ้าบอกว่าเราเคยเกิดมาเป็นหมดแล้ว ทั้งคนรวย คนจน คนพิกาล
เป็นชาย เป็นหญิง ทั้งพรม เทวดา มนุษย์ สัตว์ทุกชนิดเคยมาหมดแล้ว
เคยไปเป็นไก่ให้เขาฆ่าตัดคอ เลือดที่ไหลออกมามีมากว่าน้ำในมหาสมุทร
ทั้งโลก
คิดดู ต้องเกิดมาเป็นไก่ให้เขาตัดคอกี่ชาติ เลือดจึงจะมากกว่าน้ำทั้งโลก
และเคยร้องไห้ น้ำตาที่ไหลออกมามีมากว่า น้ำในมหาสมุทรทั้งโลก
คิดดู ต้องเกิดมาร้องไห้กี่ชาติ น้ำตาจึงจะมากกว่าน้ำในมหาสมุมรทั้งโลก
คนเราส่วนมากจะร้องไห้เพราะความกลัว ความไม่สมหวัง
ถ้าพระพุทะเจ้ายังอยู่คงจะเทศว่า "เบื่อการเล่นตลกในภพต่างๆสักทีเถอะ"
มาเจริญสติ รู้แจ้งกายใจบรรลุพระนิพพานที่ยังไม่เคยดีกว่า
เรามักจะมองว่าเขาเลวไปทั้งหมดทุกส่วนเลย
โดยไม่เห็นค่าความดีที่เขาก็ได้เคยได้ทำ
พอเห็นเขาทำความดี ก็ไม่อยากจะชื่นชมนักเท่าไร
แต่กลับจะมองเขาไม่ดี มองว่าทำเอาหน้า ทำเพื่อให้คนอื่นรู้ว่าทำ
ใจเราแทนที่จะเป็นกุศลที่เห็นเขาทำดี แต่กลับไปคุ้ยเรื่องที่ไม่ดีของ
เขาเอามาใสหัว
ไม่พอใจร้อนใจเป็นทุกข์เสียเอง
เพราะใจเราไปให้ความหมายเขาแบบนั้นเราจึงเป็นทุกข์เสียเอง
การที่เรามองไปดูแต่ข้อเสียข้อบาปของเขาที่เขาทำ มันไม่ถูกต้องน่ะ
เวลาเขาทำเรื่องดีนั้นก็มีอยู่ เขาไม่ได้เลวไม่ได้ชั่วตลอดทุกขณะจิตหรอก
ถ้าเห็นเขาทำความดี แล้วเราไปนึกหาแต่เรื่องที่ไม่ดีที่เขาทำ เราจะมอง
เขาไม่ดีทันที
มันจะเป็นการไม่เมตตาเขาไม่เมตตาเรา ถึงแม้ว่าเขาจะพยามกลับตัว
เราก็จะคิดแต่มุมที่ไม่ดีของเขาอันนี้ไม่ถูกน่ะ
คนเราทุกคนนั้นเกิดมา ล้วนทำดีทำชั่วมาหมด
ที่ทำบาปต้องไปนรกก็เพราะติดความหลงความโง่ของกิเลสอวิชา
ที่ต้องฆ่าคน ต้องบึ่มระเบิด ต้องปล้นต้องจี้ขโมย ทำความไม่ดีให้สังคมให้
ให้ครอบครัว
ทั้งกินเหล้าเมาสุรา ก็เพราะความไม่รู้ของเขา
ถ้าเราเห็นถ้าจิตมันคิดเรื่องไม่ดีของเขา เราต้องสะกดให้มันคิดอย่างนี้
ขออย่าให้เราอย่าได้มีเหตุต้องทำไม่ดีแบบเขา ขอให้เขาออกจากสิ่งที่
ไม่ดีแบบนั้น
แล้วก็แผ่เมตตาแผ่ความรักสงสารให้เขา
พระพุทธเจ้าบอกว่า การลำเอียงเพราะรักมันไม่ดี การลำเอียงเพราะ
เกลียดมันไม่ดี
ต้องทำให้เบาลงบางลง แล้วมีแต่ความเป็นกลาง ต่อสิ่งทั้งหลาย
คนชั่วเขาก็ไม่ได้ชั่วตลอดไปหรอก
แม้แต่พระพุทธเจ้าเอง ชาติที่เป็นโพธิสัตว์อยู่่ยังไม่ตรัสรู้ ในชาตินั้นเป็นพ
รามไปด่าพระสาสกพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ จึงพาบริวาารลูกศิษย์
ทั้งหลายเดินทางผิดธรรม พอตายแล้วก็ไปไหม้อยู่นรกทั้งบริวารด้วย
และเรื่องเทวฑัต พระเทวฑัตตอนนี้อยู่ในนรก ทำกรรมหนักไปทำสงฆ์ให้แตก
กันไปทำร้ายพระพุทะเจ้า ทำลายศาสนาทำชั่วช้าต่างๆนาๆ ก็ตั้งอยู่
ในนรก1กัป
ก็ด้วย ราคะ โทสะ โมหะ เพราะอวิชาความไม่รู้
พระพุทธเจ้าพยากรณ์พระเทวฑัตไว้ว่า เมื่่อเทวฑัตตายจะตังอยู่ในนรก1กัป
เมื่อเทวฑัตพ้นจากนรกแล้ว จะได้เกิดเป็นคนในช่วงที่ว่างเว้นไม่มีพระศาสนา
พระพุทธเจ้าองค์ใดเลย พระเทวฑัตจะเป็นสัมมาธิฐิมีความเห็นถูกและจะตรัสรู้
เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์
เห็นไหมว่า ไม่มีใครเลวจริง ไม่มีใครชั่วจริงเลย ไปนรกก็ไม่ถาวรไปสวรรค์ก็
ไม่ถาวร
เทวดาตายแล้วลงนรกก็มี เราทุกคนเกิดตายมาแล้วผ่านชาติต่างๆ
ไม่รู้กี่ชาตินับไม่ได้เลย
เพราะจิตยึดติดร่างกายว่าเป็นเราเป็นของเรานี่แหละ และก็ไม่สนใจธรรมะ
ทุกคนจึงต้องเดินทางต่อในภพชาติข้างหน้าที่ไม่มีวันจบ ต้องเจอแต่ทุกข์
กับทุกข์
พระพุทธเจ้าบอกว่าเราเคยเกิดมาเป็นหมดแล้ว ทั้งคนรวย คนจน คนพิกาล
เป็นชาย เป็นหญิง ทั้งพรม เทวดา มนุษย์ สัตว์ทุกชนิดเคยมาหมดแล้ว
เคยไปเป็นไก่ให้เขาฆ่าตัดคอ เลือดที่ไหลออกมามีมากว่าน้ำในมหาสมุทร
ทั้งโลก
คิดดู ต้องเกิดมาเป็นไก่ให้เขาตัดคอกี่ชาติ เลือดจึงจะมากกว่าน้ำทั้งโลก
และเคยร้องไห้ น้ำตาที่ไหลออกมามีมากว่า น้ำในมหาสมุทรทั้งโลก
คิดดู ต้องเกิดมาร้องไห้กี่ชาติ น้ำตาจึงจะมากกว่าน้ำในมหาสมุมรทั้งโลก
คนเราส่วนมากจะร้องไห้เพราะความกลัว ความไม่สมหวัง
ถ้าพระพุทะเจ้ายังอยู่คงจะเทศว่า "เบื่อการเล่นตลกในภพต่างๆสักทีเถอะ"
มาเจริญสติ รู้แจ้งกายใจบรรลุพระนิพพานที่ยังไม่เคยดีกว่า
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.
เด็กน้อย : หลวงพี่คึนานสึกแท้ครับ
หลวงพี่ : หลวงพี่บ่สึกดอก บวชตลอดชีวิต
แม่ออกพี่น้อง เครื่อญาติพี่น้อง : บอสึกง่ายบ้อ บอมาหาเฮ็ดเวียกซอยแม่
ยากคือหยังนิ
บ่อไปหาค้าขายบ้อรถกะมียุ
จิตมันตอบแต่ไม่พูด: เขาบอแมนแม่เฮาอิหลีดอก ถ้าแมน ชาติที่แล้วก็ต้
องแมนทุกชาติ
จริงอยู่ที่ว่า ลูกนั้นต้องเลี้ยงแม่ เขาฮู้แค่เรื่องทางโลก
ตะแม่กะอยากให้ลูกได้ดีทางโลก มีงานดีๆเฮ็ด มีเงิน มีครอบครัวดีๆ
เฮ้ยมันฆ่าลูกคักๆตัวนิ ช่างเขาเถอะเป็นธรรมดาของเขาบ่อเข้าใจ
ส่วนความคิดโยมแม่ เมื่อก่อนเศร้าใจเสียใจมากที่ "ที่เราบอกว่าจะไม่สึก"
มันเป็นการเสียลูกชายลูกที่ออกจากไส้ ไปให้พระให้วัดโดยไม่ได้คืน
ส่วรความคิดโยมแม่ตอนนี้ : ตรงกันข้ามกับความคิดตอนแรก
เพราะตอนนี้แก่เริ่มหัดเจริญสติ ดูอาการดีใจ ดูอาการเศร้าใจ
ดูอาการใจเบิกบานเวลาสวดมนต์
เรา : โยมแม่ใครทำให้เป็นทุกข์ทุกข์กับใครมากที่สุด
โยมแม่ : ทุกข์เรื่องครอบครัว ญาติพี่น้อง
เรา : ทุกข์มันเกิดอยู่ใส ทุกข์มันเกิดอยู่โตเขา หรือทุกข์มันเกิดอยู่ใจเฮา
ถ้าสิไปเปลี่ยนผู้อื่นให้เขาได้ตามเฮาที่อยากให้เป็นมันบอได้ดอก
ถ้าเขาบ่อดี อยากให้ดีมันกะทุกข์ ถ้าเฮาอยากรวยมันบอรวยเฮากะทุกข์
เบิ่งบารมีเจ้าของเบิ่ง เป็นหยังชาตินี้มันคึบอรวย มันคือมีแต่หนีคิดเบิ่งเคยเฮ็ดม
หาทานมาก่อนบอ นี่ละเขาเอินว่าความทุกข์
โยมแม่เลี้ยงแมวเคยหวังให้แมวมันเป็นคนดีบอ เคยหวังให้มันเรียนจบบ่อ เคยหวัง
ให้มันได้งานดีๆเฮ็ดบอ
โยมแม่: บอ
เรา : เป็นหยังคึเลี้ยงมันได้โดยบอเป็นทุกข์ นั่นละๆให้คิดว่าเขาเป็นหมาเป็น
แมวโตหนึ่ง
จักนอยกะตายจากกันไปแล้ว
ถ้ามีหยังมากระทบเฮ็ดให้ทุกข์ใจ นี่ละเด้อคือการใช้หนีกรรม เคยเฮ้ดเหตุบอดี
ไว้ ให้มีสติเบิงทุกข์เบิ่งกรรมที่เคยไปสร้างไว้หลายชาติแล้ว มันสิมาให้ผลอยู
่ใจให้เบิ่งมัน
เบิงมันดีๆ สิฮู้ว่ามันบอแมนเฮาดอกมันเป็นสิ่งที่ถูกเห็น ทั้งความสุข ความสุข
มันเป็นแค่สิ่งที่ถูกจิตเฮาเห็น นี่ละเขาเอิ้นใช้หนี้กรรม สิไปนอนในโรงศพแ
ก้กรรมโดดโอ่งน้ำมนต์
บ่อมีเซา มีแต่มืดไปหน้าบ่อเห็นธรรมพระพุทธเจ้าดอก......
เด็กน้อย : หลวงพี่คึนานสึกแท้ครับ
หลวงพี่ : หลวงพี่บ่สึกดอก บวชตลอดชีวิต
แม่ออกพี่น้อง เครื่อญาติพี่น้อง : บอสึกง่ายบ้อ บอมาหาเฮ็ดเวียกซอยแม่
ยากคือหยังนิ
บ่อไปหาค้าขายบ้อรถกะมียุ
จิตมันตอบแต่ไม่พูด: เขาบอแมนแม่เฮาอิหลีดอก ถ้าแมน ชาติที่แล้วก็ต้
องแมนทุกชาติ
จริงอยู่ที่ว่า ลูกนั้นต้องเลี้ยงแม่ เขาฮู้แค่เรื่องทางโลก
ตะแม่กะอยากให้ลูกได้ดีทางโลก มีงานดีๆเฮ็ด มีเงิน มีครอบครัวดีๆ
เฮ้ยมันฆ่าลูกคักๆตัวนิ ช่างเขาเถอะเป็นธรรมดาของเขาบ่อเข้าใจ
ส่วนความคิดโยมแม่ เมื่อก่อนเศร้าใจเสียใจมากที่ "ที่เราบอกว่าจะไม่สึก"
มันเป็นการเสียลูกชายลูกที่ออกจากไส้ ไปให้พระให้วัดโดยไม่ได้คืน
ส่วรความคิดโยมแม่ตอนนี้ : ตรงกันข้ามกับความคิดตอนแรก
เพราะตอนนี้แก่เริ่มหัดเจริญสติ ดูอาการดีใจ ดูอาการเศร้าใจ
ดูอาการใจเบิกบานเวลาสวดมนต์
เรา : โยมแม่ใครทำให้เป็นทุกข์ทุกข์กับใครมากที่สุด
โยมแม่ : ทุกข์เรื่องครอบครัว ญาติพี่น้อง
เรา : ทุกข์มันเกิดอยู่ใส ทุกข์มันเกิดอยู่โตเขา หรือทุกข์มันเกิดอยู่ใจเฮา
ถ้าสิไปเปลี่ยนผู้อื่นให้เขาได้ตามเฮาที่อยากให้เป็นมันบอได้ดอก
ถ้าเขาบ่อดี อยากให้ดีมันกะทุกข์ ถ้าเฮาอยากรวยมันบอรวยเฮากะทุกข์
เบิ่งบารมีเจ้าของเบิ่ง เป็นหยังชาตินี้มันคึบอรวย มันคือมีแต่หนีคิดเบิ่งเคยเฮ็ดม
หาทานมาก่อนบอ นี่ละเขาเอินว่าความทุกข์
โยมแม่เลี้ยงแมวเคยหวังให้แมวมันเป็นคนดีบอ เคยหวังให้มันเรียนจบบ่อ เคยหวัง
ให้มันได้งานดีๆเฮ็ดบอ
โยมแม่: บอ
เรา : เป็นหยังคึเลี้ยงมันได้โดยบอเป็นทุกข์ นั่นละๆให้คิดว่าเขาเป็นหมาเป็น
แมวโตหนึ่ง
จักนอยกะตายจากกันไปแล้ว
ถ้ามีหยังมากระทบเฮ็ดให้ทุกข์ใจ นี่ละเด้อคือการใช้หนีกรรม เคยเฮ้ดเหตุบอดี
ไว้ ให้มีสติเบิงทุกข์เบิ่งกรรมที่เคยไปสร้างไว้หลายชาติแล้ว มันสิมาให้ผลอยู
่ใจให้เบิ่งมัน
เบิงมันดีๆ สิฮู้ว่ามันบอแมนเฮาดอกมันเป็นสิ่งที่ถูกเห็น ทั้งความสุข ความสุข
มันเป็นแค่สิ่งที่ถูกจิตเฮาเห็น นี่ละเขาเอิ้นใช้หนี้กรรม สิไปนอนในโรงศพแ
ก้กรรมโดดโอ่งน้ำมนต์
บ่อมีเซา มีแต่มืดไปหน้าบ่อเห็นธรรมพระพุทธเจ้าดอก......
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หลงวิบากเด้อ
1 ก.ย. 2015
สัตว์คือผู้ติดแล้วข้องแล้วในอารมรมที่ไปให้ความหมายกับสิ่งที่เห็น
ติดแล้วข้องแล้วในอารมณ์ที่ไปหมายรู้
ติดแล้วข้องแล้วในอารม์ที่หมายรู้รูป
ติดแล้วของแล้วในอารมณ์หมายรู้และติดแล้วหลงแล้กำหนัดแล้วมัวเมา
แล้วข้องแล้วในความจำเก่าที่ผุดขึ้น
ติดแล้วข้องแล้วในสิ่งที่ถูกรู้
ติดแล้วข้องแล้วในอารมร์ที่ถูกรู้
ติดแล้วข้องแล้วในการให้ความสำคัญกับอารมณ์ที่ถูกรู้
ติดแล้วข้องแล้วในอารมณ์ที่เคยเป็นสัญญาเก่า ที่เคยให้ความสำคัญกับมัน
ไว้
เมื่อเกิดผัสสะ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ต้องเกิดอาการหมายรู้เป็นธรรมดา
เมื่อเกิดผัสสะ ต้องเกิดอาการที่จิตไปให้ความหมายกับสิ่งที่ถูกรู้เป็นธรรมดา
เรามีหน้ารู้ อาการความหมายที่มันไปให้กับสิ่งนั้น
เรามีหน้าที่รู้ ความหมายอาการที่มันไปให้กับสิ่งนั้น
เรามีหน้าที่รู้ ความหมายนั้นที่เกิดมาจากสังขารขันธ์
แม้แต่พระพุทธเจ้าก็มีเหมือนกันแต่ท่านไม่ยึดติด
เตื่อนตน#
1 ก.ย. 2015
สัตว์คือผู้ติดแล้วข้องแล้วในอารมรมที่ไปให้ความหมายกับสิ่งที่เห็น
ติดแล้วข้องแล้วในอารมณ์ที่ไปหมายรู้
ติดแล้วข้องแล้วในอารม์ที่หมายรู้รูป
ติดแล้วของแล้วในอารมณ์หมายรู้และติดแล้วหลงแล้กำหนัดแล้วมัวเมา
แล้วข้องแล้วในความจำเก่าที่ผุดขึ้น
ติดแล้วข้องแล้วในสิ่งที่ถูกรู้
ติดแล้วข้องแล้วในอารมร์ที่ถูกรู้
ติดแล้วข้องแล้วในการให้ความสำคัญกับอารมณ์ที่ถูกรู้
ติดแล้วข้องแล้วในอารมณ์ที่เคยเป็นสัญญาเก่า ที่เคยให้ความสำคัญกับมัน
ไว้
เมื่อเกิดผัสสะ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ต้องเกิดอาการหมายรู้เป็นธรรมดา
เมื่อเกิดผัสสะ ต้องเกิดอาการที่จิตไปให้ความหมายกับสิ่งที่ถูกรู้เป็นธรรมดา
เรามีหน้ารู้ อาการความหมายที่มันไปให้กับสิ่งนั้น
เรามีหน้าที่รู้ ความหมายอาการที่มันไปให้กับสิ่งนั้น
เรามีหน้าที่รู้ ความหมายนั้นที่เกิดมาจากสังขารขันธ์
แม้แต่พระพุทธเจ้าก็มีเหมือนกันแต่ท่านไม่ยึดติด
เตื่อนตน#
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 03, 2015 9:40:03am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ หัวใจ เสพติด และคนอื่นๆ อีก 7 คน
คุณได้แท็ก หัวใจ เสพติด, Rungsun Kiayasuan, Chonlachai Duangkaeo, มากับเขา แร้วเหงายังไง, Pui Chutima, Preeter Moss, กิติ หนูแก้ว และ ฤิทธิพร ทองมี
อกุศลกรรมบท 10 นี้แล พาไปสู้นรก กำเนิดเดรัจฉาน หรือเปตรวิสัย
อย่างแท้จริง
แม้รักษาศีล แต่ก่อนตายหิว..!! ไปเป็นเปตรก็ยังมี ความหิวคืออภิชฌา
.. .. .. .. ... .. .. ... ... .... .... ... ... ... ...
๑.บุคคนบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำ ปาณาติบาติ
คือเป็นผู้มีปกติทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง หยาบช้า มีฝามือเปือนด้วยโลหิต
มีแต่การฆ่าและการทุบตี
ไม่มีความเมตตากรุณาเอ็นดูในสิ่งมีชีวิต อย่างนี้แล
๒.บุคคนบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ปกติถือเอาสิ่งของที่มีเจ้าของที่เขาไม่ไดให้
คือวัตถุอปกรณ์แห่งทรัพย์ของผู้อื่น ที่อยู่ในบ้านหรือในป่าก็ตาม เขาเป็น
ผู้ถือเอาของๆผู้อื่นด้วยอาการแห่งขโมย
อย่างนี้แล
๓.บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำกาเมสุมิจฉาจาร คือประพฤผิดในหญิง
ซึ่งมารดารักษา บิดารักษา พี่น้องชายพี่น้องหญิงหรือญาติรักษา
อันธรรมรักษา หรือหญิงที่มีสามี หญิงที่อยู่ในสินไหม โดยที่สุดแม้หญิงอัน
เขามั่นไว้ (ด้วยการคลองพวกมาลัย) สวมแหวน
อย่างนี้แล
๔.บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้กล่าววาจามุสาวาส คือเป็นผู้มีปกต
ิกล่าวเท็จ ไปสู่สภาก็ดี ไปสู่บริษัทก็ดี ไปสู่ท่ามกล่างหมู่ญาติก็ดี
ไปสู่ศาลาประชาคมก็ดี ไปสู่ราชสกุลก็ดี อันเขานำไปเป็นพยาน ถามว่า
"บุรุษผู้เจริญ ท่านรู้อย่างไร ท่านจงกล่าวไปอย่างนั้น ดังนี้
บุรุษนั้น เมื่อไม่รู้ก็กล่าวว่ารู้ เมื่อไม่เห็นก็กล่าวว่าเห็น เพราะเหตุตนเอง
เพราะเหตุผู้อื่น หรือเพราะเหตุเห็นแก่อามิสสินจ้างไรๆ ก็เป็นผู้กล่าวเท็จ
ทั้งที่รู้อยู่ อย่างนี้แล
๕.บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้มีวาจาปิสุณาวาส
คือเป็นผู้กล่าววาส่อเสียด เป็นผู้กล่าววาจาที่ทำคนสามัคคีให้แตกกัน
คือฟังจากฝ่ายนี้แล้วไปบอกฝ่ายโน้น เพื่อทำลายฝ่ายนี้ หรือฟังจากฝ่ายโ
น้นแล้วมาบอกฝ่ายนี้ เพื่อทำลายฝ่ายโน้น เป็นผู้ทำคนที่สามัคคีกันให้แตก
กัน หรือทำคนที่แตกกันแล้วให้แตกกันยิ่งขึ้น พอใจ ยินดี เพลิดเพลินในการ
แตกสามัคคีกัน อย่างนี้แล
๖.บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้มีวาจาผรุสสาวาส คือเป็นผู้กล่าว
วาจาหยาบ อันเป็นวาจาหยาบคาย กล้าแข็ง แสบเผ็ดต่อผู้อื่น
กระทบกระเทียบผู้อื่น
แวดล้อมอยู่ด้วยความโกรธ ไม่เป็นไปเพื่อให้จิตใจสงบ เขากล่าวอย่างนี้แล
๗.บุคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้มีวาจาสัมผัปปลาปวาส คือเป็นผู้มีวาจ
าเพ้อเจ้อ คือกล่าวไม่ถูกกาล
ไม่กล่าวตามจริง กล่าวไม่อิงอรรค ไม่อิงธรรม ไม่อิงวินัย เป็นผู้กล่าววาจา
ไม่มีที่ตั้งอาศัย ไม่ถูกกาละเทศะ ไม่มีจุดจบ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
เขากล่าวอย่างนี้แล
๘.บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้มีจิตอภิชฌา คือมีความโลภอยากได้ของๆผู้
อื่นมาเป็นของตน คือวัตถุอุปกรณ์แห่งทรัพย์ของผู้อื่น สิ่งใดเป็นของผู้อื่น สิ่งนั้นจง
เป็นของเรา
เขามีจิตคิดอย่างนี้แล
๙.บุคคลบางคนในกรณีนี้เป็นมิจฉาทิฐิ คือมีความเห็นผิด โลกหน้าไม่มี สวรรค์
นรกไม่มี เทวดาไม่มี พรหมไม่มี สัตว์นรก เปตรไม่มี
ทานแล้วไม่มีผล รักษาศีลแล้วไม่มีผล ทำสมาธิภาวนาไม่มีผล คุณมารดา
ไม่มี คุณบิดาไม่มี ผู้ปฏิบัติบรรุมรรคผล ทำให้แจงซึงเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติไม่มี
ี
# วิมุติ อสัขตะ นิพพาน เป็นความหมายเดียวกัน
อย่างแท้จริง
แม้รักษาศีล แต่ก่อนตายหิว..!! ไปเป็นเปตรก็ยังมี ความหิวคืออภิชฌา
.. .. .. .. ... .. .. ... ... .... .... ... ... ... ...
๑.บุคคนบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำ ปาณาติบาติ
คือเป็นผู้มีปกติทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง หยาบช้า มีฝามือเปือนด้วยโลหิต
มีแต่การฆ่าและการทุบตี
ไม่มีความเมตตากรุณาเอ็นดูในสิ่งมีชีวิต อย่างนี้แล
๒.บุคคนบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ปกติถือเอาสิ่งของที่มีเจ้าของที่เขาไม่ไดให้
คือวัตถุอปกรณ์แห่งทรัพย์ของผู้อื่น ที่อยู่ในบ้านหรือในป่าก็ตาม เขาเป็น
ผู้ถือเอาของๆผู้อื่นด้วยอาการแห่งขโมย
อย่างนี้แล
๓.บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำกาเมสุมิจฉาจาร คือประพฤผิดในหญิง
ซึ่งมารดารักษา บิดารักษา พี่น้องชายพี่น้องหญิงหรือญาติรักษา
อันธรรมรักษา หรือหญิงที่มีสามี หญิงที่อยู่ในสินไหม โดยที่สุดแม้หญิงอัน
เขามั่นไว้ (ด้วยการคลองพวกมาลัย) สวมแหวน
อย่างนี้แล
๔.บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้กล่าววาจามุสาวาส คือเป็นผู้มีปกต
ิกล่าวเท็จ ไปสู่สภาก็ดี ไปสู่บริษัทก็ดี ไปสู่ท่ามกล่างหมู่ญาติก็ดี
ไปสู่ศาลาประชาคมก็ดี ไปสู่ราชสกุลก็ดี อันเขานำไปเป็นพยาน ถามว่า
"บุรุษผู้เจริญ ท่านรู้อย่างไร ท่านจงกล่าวไปอย่างนั้น ดังนี้
บุรุษนั้น เมื่อไม่รู้ก็กล่าวว่ารู้ เมื่อไม่เห็นก็กล่าวว่าเห็น เพราะเหตุตนเอง
เพราะเหตุผู้อื่น หรือเพราะเหตุเห็นแก่อามิสสินจ้างไรๆ ก็เป็นผู้กล่าวเท็จ
ทั้งที่รู้อยู่ อย่างนี้แล
๕.บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้มีวาจาปิสุณาวาส
คือเป็นผู้กล่าววาส่อเสียด เป็นผู้กล่าววาจาที่ทำคนสามัคคีให้แตกกัน
คือฟังจากฝ่ายนี้แล้วไปบอกฝ่ายโน้น เพื่อทำลายฝ่ายนี้ หรือฟังจากฝ่ายโ
น้นแล้วมาบอกฝ่ายนี้ เพื่อทำลายฝ่ายโน้น เป็นผู้ทำคนที่สามัคคีกันให้แตก
กัน หรือทำคนที่แตกกันแล้วให้แตกกันยิ่งขึ้น พอใจ ยินดี เพลิดเพลินในการ
แตกสามัคคีกัน อย่างนี้แล
๖.บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้มีวาจาผรุสสาวาส คือเป็นผู้กล่าว
วาจาหยาบ อันเป็นวาจาหยาบคาย กล้าแข็ง แสบเผ็ดต่อผู้อื่น
กระทบกระเทียบผู้อื่น
แวดล้อมอยู่ด้วยความโกรธ ไม่เป็นไปเพื่อให้จิตใจสงบ เขากล่าวอย่างนี้แล
๗.บุคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้มีวาจาสัมผัปปลาปวาส คือเป็นผู้มีวาจ
าเพ้อเจ้อ คือกล่าวไม่ถูกกาล
ไม่กล่าวตามจริง กล่าวไม่อิงอรรค ไม่อิงธรรม ไม่อิงวินัย เป็นผู้กล่าววาจา
ไม่มีที่ตั้งอาศัย ไม่ถูกกาละเทศะ ไม่มีจุดจบ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
เขากล่าวอย่างนี้แล
๘.บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้มีจิตอภิชฌา คือมีความโลภอยากได้ของๆผู้
อื่นมาเป็นของตน คือวัตถุอุปกรณ์แห่งทรัพย์ของผู้อื่น สิ่งใดเป็นของผู้อื่น สิ่งนั้นจง
เป็นของเรา
เขามีจิตคิดอย่างนี้แล
๙.บุคคลบางคนในกรณีนี้เป็นมิจฉาทิฐิ คือมีความเห็นผิด โลกหน้าไม่มี สวรรค์
นรกไม่มี เทวดาไม่มี พรหมไม่มี สัตว์นรก เปตรไม่มี
ทานแล้วไม่มีผล รักษาศีลแล้วไม่มีผล ทำสมาธิภาวนาไม่มีผล คุณมารดา
ไม่มี คุณบิดาไม่มี ผู้ปฏิบัติบรรุมรรคผล ทำให้แจงซึงเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติไม่มี
ี
# วิมุติ อสัขตะ นิพพาน เป็นความหมายเดียวกัน
คนที่ชอบทินทาผู้อื่น วาร้ายผู้อื่น
พูดจาแสบเผ็ด กระทบกระทั่งผู้อื่น
ให้เขาทะเลาะกัน
"มีครั้งหนึ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสเล่าเรื่อง เปตร "สูจักกะโลมเปตร" ให้ภิกษุฟัง
... .... ... ... ... ... .... .... .... .... .... ....
ภิกษุทั้งหลาย เปตรนั้นมีขนเป็นเข็ม
เข็มนั้นทิ้มแทงเข้าไปในศรีษะ แล้วออกทางปาก
ทิ้มแทงเข้าไปในปาก แล้วออกทางอก
ทิ้มแทงเข้าไปในอก แล้วออกทางปาก
ทิ้มแทงเข้าไปในปาก แล้วออกทางท้อง
ทิ้มแทงเข้าไปในท้อง แล้วออกทางขาทั้งสอง
ทิ้มแทงเข้าไปในขาทั้งสอง แล้วออกทางแข่งทั้งสอง
ทิ้มแทงเข้าไปในแข่งทั้งสอง แล้วออกทางเท้าทั้งสอง
เปตรนั้นร้องครวณคราง..ด้วยความเจ็บปวดทรมาน
ภิกษุทั้งหลายเปตรนั้นเคยเป็นคนชอบพูดจาส่อเสียดอยู่ในพระนครรา
ชคฤห์นี่เอง
คนที่ชอบทินทาผู้อื่น วาร้ายผู้อื่น
พูดจาแสบเผ็ด กระทบกระทั่งผู้อื่น
ให้เขาทะเลาะกัน
"มีครั้งหนึ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสเล่าเรื่อง เปตร "สูจักกะโลมเปตร" ให้ภิกษุฟัง
... .... ... ... ... ... .... .... .... .... .... ....
ภิกษุทั้งหลาย เปตรนั้นมีขนเป็นเข็ม
เข็มนั้นทิ้มแทงเข้าไปในศรีษะ แล้วออกทางปาก
ทิ้มแทงเข้าไปในปาก แล้วออกทางอก
ทิ้มแทงเข้าไปในอก แล้วออกทางปาก
ทิ้มแทงเข้าไปในปาก แล้วออกทางท้อง
ทิ้มแทงเข้าไปในท้อง แล้วออกทางขาทั้งสอง
ทิ้มแทงเข้าไปในขาทั้งสอง แล้วออกทางแข่งทั้งสอง
ทิ้มแทงเข้าไปในแข่งทั้งสอง แล้วออกทางเท้าทั้งสอง
เปตรนั้นร้องครวณคราง..ด้วยความเจ็บปวดทรมาน
ภิกษุทั้งหลายเปตรนั้นเคยเป็นคนชอบพูดจาส่อเสียดอยู่ในพระนครรา
ชคฤห์นี่เอง
พูดจาแสบเผ็ด กระทบกระทั่งผู้อื่น
ให้เขาทะเลาะกัน
"มีครั้งหนึ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสเล่าเรื่อง เปตร "สูจักกะโลมเปตร" ให้ภิกษุฟัง
... .... ... ... ... ... .... .... .... .... .... ....
ภิกษุทั้งหลาย เปตรนั้นมีขนเป็นเข็ม
เข็มนั้นทิ้มแทงเข้าไปในศรีษะ แล้วออกทางปาก
ทิ้มแทงเข้าไปในปาก แล้วออกทางอก
ทิ้มแทงเข้าไปในอก แล้วออกทางปาก
ทิ้มแทงเข้าไปในปาก แล้วออกทางท้อง
ทิ้มแทงเข้าไปในท้อง แล้วออกทางขาทั้งสอง
ทิ้มแทงเข้าไปในขาทั้งสอง แล้วออกทางแข่งทั้งสอง
ทิ้มแทงเข้าไปในแข่งทั้งสอง แล้วออกทางเท้าทั้งสอง
เปตรนั้นร้องครวณคราง..ด้วยความเจ็บปวดทรมาน
ภิกษุทั้งหลายเปตรนั้นเคยเป็นคนชอบพูดจาส่อเสียดอยู่ในพระนครรา
ชคฤห์นี่เอง
มีคนเล่าให้ฟังบอกว่า"เจ้าอาวาสวัดหนองยอทั้งหมด ที่ได้ตายไปแล้ว.. (วัดที่หลวงพี่จำพรรษาอยู่ตอนนี้)
เขาบอกว่า
๑.สององค์ถูกไฟไหม้อยู่ในนรก
๒.และอีกสององค์บรรลุเป็นพระอรหันต์
์
๓.นอกนั้นเป็นกายทิพย์ กายทิพย์ในข้อสามนี้
ความหมายคือเทวดา/พรหม
ไม่ใช่กายทิพย์แบบเปตร แบบสัตว์นรก
ถ้าเป็นเรื่องจริง
ไม่รู้ไปทำยังไงให้พลาดท่าไปตกนรกได สงสารจริงๆ ถ้าลงไปช่วยเอาขึ้นมาได้เหมือนคนตกน้ำ คงช่วยลงไปช่วยแล้ว
จากที่ได้ศึกษามาพระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์ก็เคยให้วิธีแก้ไว
้
และเขาบอกว่าความทุกข์ของนรกไม่มีประมาณ
คนๆเดียวกัน บารมีไม่ถึงนั้งสมาธิไปดูนรกไม่ได้
แต่ไปดูสวรรค์ได้
ธรรมะวัยรุ่นใหม่
# ๑.ฆ่าสัตว์ อายุสั้น เสี่ยงเกิดการบาดเจ็บทางกาย เช่นรถล้ม หรือโดนตี
ถ้ามีบุญพอไม่ให้ล่วงล่นถึงนรก
ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเป็นเกิดเป็น ยุง งู เสือ
# ๒.โกง ลักขโมย ต่อไปซวยค้าขายหากินไม่ขึ้น
ถ้ามีบุญพอไม่ให้ล่วงล่นถึงนรก
ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเกิดเป็น แมวโขมย หรือ สุนัข
# ๓.แย่งแฟนผู้อื่น ตัวเหม็น เมื่อมีความสว่างสำนึกได้จะทุกข์สุดใจ
ถ้ามีบุญพอไม่ให้ล่วงล่นถึงนรก
ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเกิดเป็น เช่น หนอน ในส้วม เพราะชอบเล่นสกปก
# ๔.พูดอ้อมๆมีเจตนาให้คนอื่นเข้าใจผิด
จิตจะเบี้ยวบิดธรรมชาติของจิต
ถ้ามีบุญพอไม่ให้ล่วงล่นถึงนรก
ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเกิดเป็น อีกา ลิง หาสัจจะความซื่อตรงไม่ได้
# ๕.กินเหล้า เท่...มากมาย ทำร้ายตนเอง ตับเกือบแข็ง
ทั้งยังทำร้ายสติที่ควรจะดูแลเป็นอย่างยิ่ง ชาติไหนฟังธรรมะเข้าใจ อยากไปนิพพาน ต้องเริ่มมาหัดเจริญสติมันจะไม่ง่าย
ถ้ามีบุญพอไม่ให้ล่วงล่นถึงนรก
ถ้ามาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเกิดเป็น ตัวต่อ ทำร้ายคนโดยไม่ต้องให้ใครมาหาเรื่องก่อน
# พุทธโทรู้ลมหายใจ 7 ครั้งก่อนนอน
ขอให้ผีไม่หลอก ไม่ไหลตาย....
มีคนเล่าให้ฟังบอกว่า"เจ้าอาวาสวัดหนองยอทั้งหมด ที่ได้ตายไปแล้ว.. (วัดที่หลวงพี่จำพรรษาอยู่ตอนนี้)
เขาบอกว่า
๑.สององค์ถูกไฟไหม้อยู่ในนรก
๒.และอีกสององค์บรรลุเป็นพระอรหันต์
์
๓.นอกนั้นเป็นกายทิพย์ กายทิพย์ในข้อสามนี้
ความหมายคือเทวดา/พรหม
ไม่ใช่กายทิพย์แบบเปตร แบบสัตว์นรก
ถ้าเป็นเรื่องจริง
ไม่รู้ไปทำยังไงให้พลาดท่าไปตกนรกได สงสารจริงๆ ถ้าลงไปช่วยเอาขึ้นมาได้เหมือนคนตกน้ำ คงช่วยลงไปช่วยแล้ว
จากที่ได้ศึกษามาพระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์ก็เคยให้วิธีแก้ไว
้
และเขาบอกว่าความทุกข์ของนรกไม่มีประมาณ
คนๆเดียวกัน บารมีไม่ถึงนั้งสมาธิไปดูนรกไม่ได้
แต่ไปดูสวรรค์ได้
ธรรมะวัยรุ่นใหม่
# ๑.ฆ่าสัตว์ อายุสั้น เสี่ยงเกิดการบาดเจ็บทางกาย เช่นรถล้ม หรือโดนตี
ถ้ามีบุญพอไม่ให้ล่วงล่นถึงนรก
ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเป็นเกิดเป็น ยุง งู เสือ
# ๒.โกง ลักขโมย ต่อไปซวยค้าขายหากินไม่ขึ้น
ถ้ามีบุญพอไม่ให้ล่วงล่นถึงนรก
ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเกิดเป็น แมวโขมย หรือ สุนัข
# ๓.แย่งแฟนผู้อื่น ตัวเหม็น เมื่อมีความสว่างสำนึกได้จะทุกข์สุดใจ
ถ้ามีบุญพอไม่ให้ล่วงล่นถึงนรก
ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเกิดเป็น เช่น หนอน ในส้วม เพราะชอบเล่นสกปก
# ๔.พูดอ้อมๆมีเจตนาให้คนอื่นเข้าใจผิด
จิตจะเบี้ยวบิดธรรมชาติของจิต
ถ้ามีบุญพอไม่ให้ล่วงล่นถึงนรก
ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเกิดเป็น อีกา ลิง หาสัจจะความซื่อตรงไม่ได้
# ๕.กินเหล้า เท่...มากมาย ทำร้ายตนเอง ตับเกือบแข็ง
ทั้งยังทำร้ายสติที่ควรจะดูแลเป็นอย่างยิ่ง ชาติไหนฟังธรรมะเข้าใจ อยากไปนิพพาน ต้องเริ่มมาหัดเจริญสติมันจะไม่ง่าย
ถ้ามีบุญพอไม่ให้ล่วงล่นถึงนรก
ถ้ามาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเกิดเป็น ตัวต่อ ทำร้ายคนโดยไม่ต้องให้ใครมาหาเรื่องก่อน
# พุทธโทรู้ลมหายใจ 7 ครั้งก่อนนอน
ขอให้ผีไม่หลอก ไม่ไหลตาย....
เขาบอกว่า
๑.สององค์ถูกไฟไหม้อยู่ในนรก
๒.และอีกสององค์บรรลุเป็นพระอรหันต์
์
๓.นอกนั้นเป็นกายทิพย์ กายทิพย์ในข้อสามนี้
ความหมายคือเทวดา/พรหม
ไม่ใช่กายทิพย์แบบเปตร แบบสัตว์นรก
ถ้าเป็นเรื่องจริง
ไม่รู้ไปทำยังไงให้พลาดท่าไปตกนรกได สงสารจริงๆ ถ้าลงไปช่วยเอาขึ้นมาได้เหมือนคนตกน้ำ คงช่วยลงไปช่วยแล้ว
จากที่ได้ศึกษามาพระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์ก็เคยให้วิธีแก้ไว
้
และเขาบอกว่าความทุกข์ของนรกไม่มีประมาณ
คนๆเดียวกัน บารมีไม่ถึงนั้งสมาธิไปดูนรกไม่ได้
แต่ไปดูสวรรค์ได้
ธรรมะวัยรุ่นใหม่
# ๑.ฆ่าสัตว์ อายุสั้น เสี่ยงเกิดการบาดเจ็บทางกาย เช่นรถล้ม หรือโดนตี
ถ้ามีบุญพอไม่ให้ล่วงล่นถึงนรก
ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเป็นเกิดเป็น ยุง งู เสือ
# ๒.โกง ลักขโมย ต่อไปซวยค้าขายหากินไม่ขึ้น
ถ้ามีบุญพอไม่ให้ล่วงล่นถึงนรก
ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเกิดเป็น แมวโขมย หรือ สุนัข
# ๓.แย่งแฟนผู้อื่น ตัวเหม็น เมื่อมีความสว่างสำนึกได้จะทุกข์สุดใจ
ถ้ามีบุญพอไม่ให้ล่วงล่นถึงนรก
ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเกิดเป็น เช่น หนอน ในส้วม เพราะชอบเล่นสกปก
# ๔.พูดอ้อมๆมีเจตนาให้คนอื่นเข้าใจผิด
จิตจะเบี้ยวบิดธรรมชาติของจิต
ถ้ามีบุญพอไม่ให้ล่วงล่นถึงนรก
ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเกิดเป็น อีกา ลิง หาสัจจะความซื่อตรงไม่ได้
# ๕.กินเหล้า เท่...มากมาย ทำร้ายตนเอง ตับเกือบแข็ง
ทั้งยังทำร้ายสติที่ควรจะดูแลเป็นอย่างยิ่ง ชาติไหนฟังธรรมะเข้าใจ อยากไปนิพพาน ต้องเริ่มมาหัดเจริญสติมันจะไม่ง่าย
ถ้ามีบุญพอไม่ให้ล่วงล่นถึงนรก
ถ้ามาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเกิดเป็น ตัวต่อ ทำร้ายคนโดยไม่ต้องให้ใครมาหาเรื่องก่อน
# พุทธโทรู้ลมหายใจ 7 ครั้งก่อนนอน
ขอให้ผีไม่หลอก ไม่ไหลตาย....
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
7 ก.ย. 2015
เมื่อคืนเราเทศประโยคหนึ่งว่า" ถ้าฆ่าพ่อแม่ตนเอง ตกนรกแน่นอน เพราะมัน
เป็นอนันตริยกรรม
แต่ถ้าฆ่าพ่อแม่คนอื่น จะไม่ตกนรกก็ได้
เห็นไหมว่าจะไม่เหมือนกับการฆ่าพ่อแม่
ตนเอง ก็คือธรรมชาติ มันกำหนดให้เฉพาะลูกที่ออกจากไส้เท่านั้น
ถ้าลูกทำบุญกับพ่อแม่คนอื่นจะไม่ได้
บุญ เท่าทำบุญกับพ่อแม่ตนเอง
หลังจากวันเทศผ่านไปแล้ว วันต่อมา พระในวัดให้ความเห็นว่า"
เมื่อคืนเทศผิดประโยคหนึ่งนะ
ที่บอกว่า ฆ่าพ่อแม่คนอื่นไม่ตกนรก อันนี้เทศไม่ถูกนะ"
เราก็มาทบทวนในหัวดู
เราก็เทศถูกอยู่นี่นา การฆ่าพ่อแม่ตนเองเป็นอนันตริยกรรม
เมื่อสิ้นใจลงนรกอย่างเดียว บุญเยอะแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้
แต่ฆ่าพ่อแม่ของคนอื่น มันไม่ใช่อนันตริยกรรมนะ
ถ้าอนันตริยกรรมมันต้องฆ่าพ่อแม่ตนเอง
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
โพสของท่านก็มีความเห็นมาทางเหมือนกับเรา
""
การทำผิดศีลนั้นไม่ได้หมายความว่าจะตกนรกสถานเดียว มีเหตุปัจจัยมาก
มายที่จะทำให้เป็นอื่นได้ ดังพระพุทธเจ้าเคยตรัสว่าคนบางคนผิดศีล(เช่น
ฆ่าคน) ตายแล้ว ที่ไปสวรรค์ก็มี เพราะ ๑) กรรมดีที่เคยทำไว้ก่อน ๒)
กรรมดีที่ทำไว้ภายหลัง ๓)ในเวลาตายมีสัมมาทิฏฐิ (อย่างไรก็ตาม การที่
เขาผิดศีล ก็ทำให้เขาต้องเสวยวิบากกรมในชาตินี้ หรือชาติหน้า
หรือชาติต่อ ๆ ไป)
ในพระไตรปิฎกยังมีเรื่องราวของเจ้าศากยะองค์หนึ่งซึ่งกินเหล้าเ
ป็นอาจิณแต่เมื่อสวรรคต พระพุทธองค์ตรัสว่าท่านได้เป็นโสดาบัน
เจ้าศากยะทั้งหลายพากันตำหนิพระองค์ว่าทรงพยากรณ์เช่นนั้นได้อย
่างไร พระองค์จึงทรงอธิบายว่าท่านผู้นั้นได้สมาทานสิกขาบท
และบำเพ็ญสิกขาบทอย่างสมบูรณ์ในเวลาที่กำลังจะตาย เป็นเหตุให้ได้บ
รรลุธรรมเป็นโสดาบัน
ทั้งหมดที่ยกมานี้เพื่อชี้ว่าผลของกรรมเป็นเรื่องซับซ้อน ไม่อาจพูดแบบ “ฟันธง”
อย่างที่นิยมทำกันในปัจจุบันได้ คนที่ผิดศีลหรือเคยผิดศีล ไม่ได้หมายความว
่าจะต้องไปอบายสถานเดียว สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าเมื่อรู้ตัวแล้วกลับมาทำควา
มดี ก็สามารถมีสุคติเป็นที่หมายได้
อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงการผิดศีลแล้ว การฆ่ามนุษย์นั้นถือว่าเป็นบาปร
้ายแรงกว่าการกินเหล้า พระที่กินเหล้านั้นต้องอาบัติแค่ปาจิตตีย์ซึ่งเ
ป็นอาบัติเล็กน้อย ปลงอาบัติก็หมดปัญหา แต่พระที่ฆ่าคนนั้น
ต้องปาราชิกสถานเดียว คือขาดจากความเป็นภิกษุทันที ไม่สามารถปลง
ให้พ้นได้""
ฉะนั้นสิ่งที่ผมเทศไปเมื่อคืน ประโยคที่ว่าฆ่าพ่อแม่คนอื่นไม่ตกนรก ก็ได้ "
ถ้าย้อนเวลาไปได้จะขอเสริมนิดหนึ่งว่า
ที่บอกว่าฆ่าพ่อแม่คนอื่นไม่ตกนรกก็ได้
ถ้าเขาหรือคนนั้นๆ เป็นคนมีบุญกุศลเยอะ
แต่ถ้าฆ่าพ่อแม่ตนเอง มีบุญกุศลเยอะมากเหมือนกัน
แต่บุญกุศลก็ช่วยไม่ได้ ยังไงก็ต้องตก
ฉะนั้นฟันธงว่า ประโยคฆ่าพ่อแม่คนอื่นไม่ตกนรกก็ได้
เทศถูกไม่ผิด แต่น่าเสียดายที่ลืมใส่ลายละเอียดว่า
"คนที่ฆ่าพ่อแม่คนอื่นนั้น ต้องเป็นผู้ที่มีบุญมากกุศลมาก จึงจะไม่ไปนรก
# สิ่งที่น่าตำนิปรับปรุงตัวเอง เห็นภายหลัง หลังจากเทศจบแล้วคือ
เทศเรื่องทาน ศีล สมาธิ แล้ว เทศไปถึงเรื่องสมาธิแล้ว นึกขึ้นได้ว่า
เรื่องทานยังเก็บไม่หมด พูดยังไม่หมดเลย
ก็ตัดจากเรื่องสมาธิ ลงกลับมาหาเรื่องทานอีก
มันก็เลยเป็นวกวนกลับไปกลับมาสำหรับคนฟัง อันนี้เราควรปรับปรุง
ถึงตอนพูดเรื่องทานพูดไม่หมดก็ตาม อาจจะเผลอลืม ก็ไม่ต้องตัดเข้ามา แต่
ให้เทศต่อไป ตอนจบค่อยสรุป ทานศีลสมาธิแบบคราวๆแคบๆ
และใส่เรื่องทานที่พูดไม่หมดเข้าไปเสริม
# การเทศใช้ปากพูด ฟุ้งซาน จิตไหลไปกับอารมณ์ ไม่ได้กลั่นกรอง
เป็นระเบียบเท่าไร
่
การโพสเฟซบุ๊ก มีสมาธิกลั่นกรองเนื้อหาทวนไปทวนมา
เมื่อคืนเราเทศประโยคหนึ่งว่า" ถ้าฆ่าพ่อแม่ตนเอง ตกนรกแน่นอน เพราะมัน
เป็นอนันตริยกรรม
แต่ถ้าฆ่าพ่อแม่คนอื่น จะไม่ตกนรกก็ได้
เห็นไหมว่าจะไม่เหมือนกับการฆ่าพ่อแม่
ตนเอง ก็คือธรรมชาติ มันกำหนดให้เฉพาะลูกที่ออกจากไส้เท่านั้น
ถ้าลูกทำบุญกับพ่อแม่คนอื่นจะไม่ได้
บุญ เท่าทำบุญกับพ่อแม่ตนเอง
หลังจากวันเทศผ่านไปแล้ว วันต่อมา พระในวัดให้ความเห็นว่า"
เมื่อคืนเทศผิดประโยคหนึ่งนะ
ที่บอกว่า ฆ่าพ่อแม่คนอื่นไม่ตกนรก อันนี้เทศไม่ถูกนะ"
เราก็มาทบทวนในหัวดู
เราก็เทศถูกอยู่นี่นา การฆ่าพ่อแม่ตนเองเป็นอนันตริยกรรม
เมื่อสิ้นใจลงนรกอย่างเดียว บุญเยอะแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้
แต่ฆ่าพ่อแม่ของคนอื่น มันไม่ใช่อนันตริยกรรมนะ
ถ้าอนันตริยกรรมมันต้องฆ่าพ่อแม่ตนเอง
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
โพสของท่านก็มีความเห็นมาทางเหมือนกับเรา
""
การทำผิดศีลนั้นไม่ได้หมายความว่าจะตกนรกสถานเดียว มีเหตุปัจจัยมาก
มายที่จะทำให้เป็นอื่นได้ ดังพระพุทธเจ้าเคยตรัสว่าคนบางคนผิดศีล(เช่น
ฆ่าคน) ตายแล้ว ที่ไปสวรรค์ก็มี เพราะ ๑) กรรมดีที่เคยทำไว้ก่อน ๒)
กรรมดีที่ทำไว้ภายหลัง ๓)ในเวลาตายมีสัมมาทิฏฐิ (อย่างไรก็ตาม การที่
เขาผิดศีล ก็ทำให้เขาต้องเสวยวิบากกรมในชาตินี้ หรือชาติหน้า
หรือชาติต่อ ๆ ไป)
ในพระไตรปิฎกยังมีเรื่องราวของเจ้าศากยะองค์หนึ่งซึ่งกินเหล้าเ
ป็นอาจิณแต่เมื่อสวรรคต พระพุทธองค์ตรัสว่าท่านได้เป็นโสดาบัน
เจ้าศากยะทั้งหลายพากันตำหนิพระองค์ว่าทรงพยากรณ์เช่นนั้นได้อย
่างไร พระองค์จึงทรงอธิบายว่าท่านผู้นั้นได้สมาทานสิกขาบท
และบำเพ็ญสิกขาบทอย่างสมบูรณ์ในเวลาที่กำลังจะตาย เป็นเหตุให้ได้บ
รรลุธรรมเป็นโสดาบัน
ทั้งหมดที่ยกมานี้เพื่อชี้ว่าผลของกรรมเป็นเรื่องซับซ้อน ไม่อาจพูดแบบ “ฟันธง”
อย่างที่นิยมทำกันในปัจจุบันได้ คนที่ผิดศีลหรือเคยผิดศีล ไม่ได้หมายความว
่าจะต้องไปอบายสถานเดียว สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าเมื่อรู้ตัวแล้วกลับมาทำควา
มดี ก็สามารถมีสุคติเป็นที่หมายได้
อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงการผิดศีลแล้ว การฆ่ามนุษย์นั้นถือว่าเป็นบาปร
้ายแรงกว่าการกินเหล้า พระที่กินเหล้านั้นต้องอาบัติแค่ปาจิตตีย์ซึ่งเ
ป็นอาบัติเล็กน้อย ปลงอาบัติก็หมดปัญหา แต่พระที่ฆ่าคนนั้น
ต้องปาราชิกสถานเดียว คือขาดจากความเป็นภิกษุทันที ไม่สามารถปลง
ให้พ้นได้""
ฉะนั้นสิ่งที่ผมเทศไปเมื่อคืน ประโยคที่ว่าฆ่าพ่อแม่คนอื่นไม่ตกนรก ก็ได้ "
ถ้าย้อนเวลาไปได้จะขอเสริมนิดหนึ่งว่า
ที่บอกว่าฆ่าพ่อแม่คนอื่นไม่ตกนรกก็ได้
ถ้าเขาหรือคนนั้นๆ เป็นคนมีบุญกุศลเยอะ
แต่ถ้าฆ่าพ่อแม่ตนเอง มีบุญกุศลเยอะมากเหมือนกัน
แต่บุญกุศลก็ช่วยไม่ได้ ยังไงก็ต้องตก
ฉะนั้นฟันธงว่า ประโยคฆ่าพ่อแม่คนอื่นไม่ตกนรกก็ได้
เทศถูกไม่ผิด แต่น่าเสียดายที่ลืมใส่ลายละเอียดว่า
"คนที่ฆ่าพ่อแม่คนอื่นนั้น ต้องเป็นผู้ที่มีบุญมากกุศลมาก จึงจะไม่ไปนรก
# สิ่งที่น่าตำนิปรับปรุงตัวเอง เห็นภายหลัง หลังจากเทศจบแล้วคือ
เทศเรื่องทาน ศีล สมาธิ แล้ว เทศไปถึงเรื่องสมาธิแล้ว นึกขึ้นได้ว่า
เรื่องทานยังเก็บไม่หมด พูดยังไม่หมดเลย
ก็ตัดจากเรื่องสมาธิ ลงกลับมาหาเรื่องทานอีก
มันก็เลยเป็นวกวนกลับไปกลับมาสำหรับคนฟัง อันนี้เราควรปรับปรุง
ถึงตอนพูดเรื่องทานพูดไม่หมดก็ตาม อาจจะเผลอลืม ก็ไม่ต้องตัดเข้ามา แต่
ให้เทศต่อไป ตอนจบค่อยสรุป ทานศีลสมาธิแบบคราวๆแคบๆ
และใส่เรื่องทานที่พูดไม่หมดเข้าไปเสริม
# การเทศใช้ปากพูด ฟุ้งซาน จิตไหลไปกับอารมณ์ ไม่ได้กลั่นกรอง
เป็นระเบียบเท่าไร
่
การโพสเฟซบุ๊ก มีสมาธิกลั่นกรองเนื้อหาทวนไปทวนมา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลาจะไปอาบน้ำ
เราจะรู้สึกว่าต้องพามันไป
รู้สึกว่ามันเป็นพาละอย่างหนึ่ง
ต้องพามันทำ ต้องสั่งต้องพามันไปอาบ
แสดงว่าโดยลึกๆของจิตใต้สำนึก
จิตเรามันก็รู้อยู่แล้วว่า ต้องสั่งมัน ต้องพามันต้องพาไปอาบน้ำ
คล้ายๆเหมือนเราต้องเข็น
เข็นรถเข็นในห้าง
รู้สึกว่าต้องเข็นเอา
เหมือนกับร่างกายต้องพามันไป
และเรื่องอื่นๆอีกที่เราจะรู้สึกว่า ร่างกายมันไม่ได้ดั่งใจเลย
เช่น อยากให้สิวมันหายไป อยากหน้าเกลี้ยงๆมลๆ ตาตี๋ๆโตๆ
อยากให้ขามันเรียวๆ
อยากมีแขนขาวๆ จมูกโด่งๆ
ทั้งๆที่ใจเรา อยากให้มันได้ดั่งใจตามนั้น
แต่มันก็ไม่ได้ ...
นี่ละ จิตใต้สำนึกมันเริ่มเห็นความจริงแว๊บๆ
"ร่างกายผิวหนังมันใช่ของกูจริงๆเปล่าวะ" ถึงจะรู้สึกไม่เด่นชัดเจนตลอดเท่าไร
แต่มันก็ได้เห็นแว๊บเดียวเหมือนสายฟ้าแล๊บ
ฟ้าที่แล๊บแป๊บๆแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว
ถ้ามันรู้สึกเห็นแบบที่ว่ามาเมื่อกี เราโน้มจิตคิดพิจารณาไป
สืบสาวหาต้นต่อความจริง จะเห็นว่าร่างกายมันคนละส่วนกับเรานิ
เอ่อผิวหนังร่างกายมันก็มีอยู่จริงของมัน
แต่รู้สึกในๆว่า มันเป็นพาละอย่างหนึ่งให้ดูแล
บางครั้งก็ละเลย
นี่ก็คือใจเราเห็นแว๊บๆ มันกับเราคนละส่วน
แม้แต่กินเหล้า รู้สึกว่าต้องพามันไปกิน
จึงจะได้สัมผัสอารมณ์เมา
อยากเมา แต่ไม่ได้กินเหล้า มันไม่เมา
อยากมีเพศสัมพันธ์ก็ต้องพามันไปทำ
จึงจะได้ รู้สึกอารมณ์เพศขึ้นมา
มันก็เหมือนอยากเมาแต่ไม่ได้ไปกินเหล้ามันก็ไม่เมา
หรืออยากเดินห้างให้ดูสบายๆอารมณ์
สึกว่าต้องพามันไป ถึงจะได้เดิน
หรืออย่างเช่น อารมณ์ที่อยากจะเปิดเฟซบุ๊ก
เราลองตัดอารมณ์นั้นทิ้ง
เราไปทำอย่างอื่นแทน ที่ไม่นานแล้วค่อยกลับมาเปิด
ตอนที่เราตัดไปทำอย่างอื่น เราจะเห็นว่ามีความอิสระวะ หลุดออก
จากอารมณ์อยากเปิดเฟซได้
ใจมันสบาย.. เพราะได้ปล่อยอารมณ์
แต่วางได้ไม่นานก็ไปจับอารมณ์ใหม่
หมดอิสระ....
# เห็นอารมณ์มันปลี่ยนบ่อยๆ
หรือรู้สึกว่าร่างกาย มันคนละส่วนกับเรานิว้า
เป็นพาละแต่ก็ต้องเลี้ยงมัน
..
ถ้ามีความอย่างนี้ จะไปทางเจริญอย่างเดียว
ถึงจะทุศีลอยู่ก็ตาม
เราจะรู้สึกว่าต้องพามันไป
รู้สึกว่ามันเป็นพาละอย่างหนึ่ง
ต้องพามันทำ ต้องสั่งต้องพามันไปอาบ
แสดงว่าโดยลึกๆของจิตใต้สำนึก
จิตเรามันก็รู้อยู่แล้วว่า ต้องสั่งมัน ต้องพามันต้องพาไปอาบน้ำ
คล้ายๆเหมือนเราต้องเข็น
เข็นรถเข็นในห้าง
รู้สึกว่าต้องเข็นเอา
เหมือนกับร่างกายต้องพามันไป
และเรื่องอื่นๆอีกที่เราจะรู้สึกว่า ร่างกายมันไม่ได้ดั่งใจเลย
เช่น อยากให้สิวมันหายไป อยากหน้าเกลี้ยงๆมลๆ ตาตี๋ๆโตๆ
อยากให้ขามันเรียวๆ
อยากมีแขนขาวๆ จมูกโด่งๆ
ทั้งๆที่ใจเรา อยากให้มันได้ดั่งใจตามนั้น
แต่มันก็ไม่ได้ ...
นี่ละ จิตใต้สำนึกมันเริ่มเห็นความจริงแว๊บๆ
"ร่างกายผิวหนังมันใช่ของกูจริงๆเปล่าวะ" ถึงจะรู้สึกไม่เด่นชัดเจนตลอดเท่าไร
แต่มันก็ได้เห็นแว๊บเดียวเหมือนสายฟ้าแล๊บ
ฟ้าที่แล๊บแป๊บๆแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว
ถ้ามันรู้สึกเห็นแบบที่ว่ามาเมื่อกี เราโน้มจิตคิดพิจารณาไป
สืบสาวหาต้นต่อความจริง จะเห็นว่าร่างกายมันคนละส่วนกับเรานิ
เอ่อผิวหนังร่างกายมันก็มีอยู่จริงของมัน
แต่รู้สึกในๆว่า มันเป็นพาละอย่างหนึ่งให้ดูแล
บางครั้งก็ละเลย
นี่ก็คือใจเราเห็นแว๊บๆ มันกับเราคนละส่วน
แม้แต่กินเหล้า รู้สึกว่าต้องพามันไปกิน
จึงจะได้สัมผัสอารมณ์เมา
อยากเมา แต่ไม่ได้กินเหล้า มันไม่เมา
อยากมีเพศสัมพันธ์ก็ต้องพามันไปทำ
จึงจะได้ รู้สึกอารมณ์เพศขึ้นมา
มันก็เหมือนอยากเมาแต่ไม่ได้ไปกินเหล้ามันก็ไม่เมา
หรืออยากเดินห้างให้ดูสบายๆอารมณ์
สึกว่าต้องพามันไป ถึงจะได้เดิน
หรืออย่างเช่น อารมณ์ที่อยากจะเปิดเฟซบุ๊ก
เราลองตัดอารมณ์นั้นทิ้ง
เราไปทำอย่างอื่นแทน ที่ไม่นานแล้วค่อยกลับมาเปิด
ตอนที่เราตัดไปทำอย่างอื่น เราจะเห็นว่ามีความอิสระวะ หลุดออก
จากอารมณ์อยากเปิดเฟซได้
ใจมันสบาย.. เพราะได้ปล่อยอารมณ์
แต่วางได้ไม่นานก็ไปจับอารมณ์ใหม่
หมดอิสระ....
# เห็นอารมณ์มันปลี่ยนบ่อยๆ
หรือรู้สึกว่าร่างกาย มันคนละส่วนกับเรานิว้า
เป็นพาละแต่ก็ต้องเลี้ยงมัน
..
ถ้ามีความอย่างนี้ จะไปทางเจริญอย่างเดียว
ถึงจะทุศีลอยู่ก็ตาม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สวดคาถาต่างๆ ขลัง
เขาบอกว่า
๑.มีความเชื่อในบทคาถานั้น
๒.ไม่มีกิเลส ราคะ โทสะ มาบีบครอบจิตไว้ ก็คือต้องมีสมาธินั้นเอง
๓.ไม่มีกรรมหนักมาให้ผล
เช่นเคยไปขับรถเหยียบเขาตายไว้ชาติก่อน
กรรมนั้นมันมาให้ผล ยังไงก็ต้องให้ผลต้องตายหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว
สวดจบปุ๊บ มันให้ผลก็ตายทันที
ส่วนการจะเลื่อนเวลาตายไปอีก ต้องเข้าฌาน เพื่อให้กรรมดีจากการเข้า ฌานให้ผลส่งผลทันที
แต่ยังไงก็ต้องตาย
ี
เขาบอกว่า
๑.มีความเชื่อในบทคาถานั้น
๒.ไม่มีกิเลส ราคะ โทสะ มาบีบครอบจิตไว้ ก็คือต้องมีสมาธินั้นเอง
๓.ไม่มีกรรมหนักมาให้ผล
เช่นเคยไปขับรถเหยียบเขาตายไว้ชาติก่อน
กรรมนั้นมันมาให้ผล ยังไงก็ต้องให้ผลต้องตายหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว
สวดจบปุ๊บ มันให้ผลก็ตายทันที
ส่วนการจะเลื่อนเวลาตายไปอีก ต้องเข้าฌาน เพื่อให้กรรมดีจากการเข้า ฌานให้ผลส่งผลทันที
แต่ยังไงก็ต้องตาย
ี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
8 ก.ย. 2015
การทำบาป ทางวาจาคำพูด มี4แบบ
๑.โกหก คือไม่รู้ก็บอกว่ารู้ ไม่เห็นก็บอกว่าเห็น แต่งเรื่องไม่จริงขึ้นมา
จับโยงมาต่อเรื่องจริง หรือพูดอ้อมคอม
เพื่อให้คนอื่นเข้าใจไปอีกแบบ
เช่น มีผู้หญิงสองคน คนที่หนึ่งชื่อ ก. คนที่สองชื่อ ข.
(ผู้หญิงชื่อ ก. อยู่กับผู้หญิงชื่อ ข. เพราะรู้จักกันหรือเป็นเพื่อนกัน)
และผู้หญิงชื่อ ก. นี่เป็นคนเจ้าชู้หลายใจมาก
และผู้หญิงชื่อ ข. ก็รู้นิสัยของผู้หญิงชื่อ ก. เป็นอย่างดี
แล้วก็มีผู้ชายชื่อ ค. เดินเข้ามาหากลุ่ม
(ผู้หญิง ก. ผู้หญิง ข.)
แล้วผู้ชายชื่อ ค. ถามผู้หญิงชื่อ ก. ว่า... คุณเป็นคนมีนิสัยอย่างไร?
แล้วผู้หญิงชื่อ ก. มองไปดูหน้าผู้หญิงชื่อ ข. แล้วตอบกลับ ชาย ค. ไปว่า ฉัน
เป็นคนจริงใจมากฉันไม่เจ้าชู้เลย
ก็คือพูดบิดบังความจริงหรือประชดนั่นเอง ทำให้ชาย ค. เกิดความเข้าใจผิด
อันนี้เห็นหลายคนชอบพากันพูดแบบนี้
หรือ ถาม...ทำไรอยู่..? ฝ่ายหนึ่งตอบ..ซักผ้าอยู่
ทั้งๆที่ความจริงกำลังนั้งกินข้าวอยู่ ไม่ได้ซักผ้าเลย
หรือพูดยุให้คนแตกกัน
หรือเขาแตกกันแล้ว ให้แตกกันยิ่งขึ้น
อันนี้คือพระพุทธเจ้าบอกว่า
ถ้าประพฤพูดแบบนี้จนชิน ไปนรกได้เหมือนกัน
แต่ถ้าพูดไปแล้ว รู้สึกตัว อุ้ย..พูดอะไรเนี้ย
ต่อไปมันจะมีการระวังปากมากขึ้น
จนรู้ทันคำพูด ก่อนที่มันจะเอ่ยออกไป
เพื่อนจะรู้สึกว่าห่าง เราจะรู้สึกว่าห่างเพื่อน
เพราะเราฝึกวาจาตนเองไม่ให้เป็นบาป ไม่ค่อยได้พูดกับเพื่อนเหมือนเดิม
ส่วนโทษของการมี วจีกรรมคต(วาจาคำพูดที่ไม่ตรง)
เป็นเหตุให้เข้าถึง อุปบัติคต
เช่น กิ่งกือ ตะขาม งู ที่ไปไม่ตรง
ส่วนประโยชน์ของวาจาตรง
เป็นผู้มีวาจาศักดิ์สิทธ์
พูดความจริงออกมาได้เยอะ
คนฟังเชื่อตามง่าย
การทำบาป ทางวาจาคำพูด มี4แบบ
๑.โกหก คือไม่รู้ก็บอกว่ารู้ ไม่เห็นก็บอกว่าเห็น แต่งเรื่องไม่จริงขึ้นมา
จับโยงมาต่อเรื่องจริง หรือพูดอ้อมคอม
เพื่อให้คนอื่นเข้าใจไปอีกแบบ
เช่น มีผู้หญิงสองคน คนที่หนึ่งชื่อ ก. คนที่สองชื่อ ข.
(ผู้หญิงชื่อ ก. อยู่กับผู้หญิงชื่อ ข. เพราะรู้จักกันหรือเป็นเพื่อนกัน)
และผู้หญิงชื่อ ก. นี่เป็นคนเจ้าชู้หลายใจมาก
และผู้หญิงชื่อ ข. ก็รู้นิสัยของผู้หญิงชื่อ ก. เป็นอย่างดี
แล้วก็มีผู้ชายชื่อ ค. เดินเข้ามาหากลุ่ม
(ผู้หญิง ก. ผู้หญิง ข.)
แล้วผู้ชายชื่อ ค. ถามผู้หญิงชื่อ ก. ว่า... คุณเป็นคนมีนิสัยอย่างไร?
แล้วผู้หญิงชื่อ ก. มองไปดูหน้าผู้หญิงชื่อ ข. แล้วตอบกลับ ชาย ค. ไปว่า ฉัน
เป็นคนจริงใจมากฉันไม่เจ้าชู้เลย
ก็คือพูดบิดบังความจริงหรือประชดนั่นเอง ทำให้ชาย ค. เกิดความเข้าใจผิด
อันนี้เห็นหลายคนชอบพากันพูดแบบนี้
หรือ ถาม...ทำไรอยู่..? ฝ่ายหนึ่งตอบ..ซักผ้าอยู่
ทั้งๆที่ความจริงกำลังนั้งกินข้าวอยู่ ไม่ได้ซักผ้าเลย
หรือพูดยุให้คนแตกกัน
หรือเขาแตกกันแล้ว ให้แตกกันยิ่งขึ้น
อันนี้คือพระพุทธเจ้าบอกว่า
ถ้าประพฤพูดแบบนี้จนชิน ไปนรกได้เหมือนกัน
แต่ถ้าพูดไปแล้ว รู้สึกตัว อุ้ย..พูดอะไรเนี้ย
ต่อไปมันจะมีการระวังปากมากขึ้น
จนรู้ทันคำพูด ก่อนที่มันจะเอ่ยออกไป
เพื่อนจะรู้สึกว่าห่าง เราจะรู้สึกว่าห่างเพื่อน
เพราะเราฝึกวาจาตนเองไม่ให้เป็นบาป ไม่ค่อยได้พูดกับเพื่อนเหมือนเดิม
ส่วนโทษของการมี วจีกรรมคต(วาจาคำพูดที่ไม่ตรง)
เป็นเหตุให้เข้าถึง อุปบัติคต
เช่น กิ่งกือ ตะขาม งู ที่ไปไม่ตรง
ส่วนประโยชน์ของวาจาตรง
เป็นผู้มีวาจาศักดิ์สิทธ์
พูดความจริงออกมาได้เยอะ
คนฟังเชื่อตามง่าย
'ในหลวง' ความดันและอัตราการเต้นหัวใจเป็นปรกติ บรรทมได้ดี
เมื่อเวลาประมาณ 19.00น.วันที่ 7 กันยายน สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์ เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 15 ความว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อรับการตรวจและรักษา ตามคำกราบบังคมทูลของ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาในระหว่างที่ประทับอยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระเสมหะและมีพระปรอท (ไข้) ต่ำๆ เป็นครั้งคราว อัตราการเต้นของพระหทัย เป็นปรกติ ซึ่งสำนักพระราชวังได้แถลงให้ทราบมาเป็นระยะๆแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2558 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระปรอท(ไข้)สูงร่วมกับพระอาการพระวรกายหนาวสั่น ความดันพระโลหิตลดลง การหายพระทันเร็วขึ้น และอัตราการเต้นของพระหทัยเร็วขึ้น มีพระเสมหะมาก ระดับความเข้มข้นของออกซิเจนในกระแสพระโลหิตลดลง ผลการตรวจพระโลหิตปรากฎว่ามีลักษณะติดเชื้อ ผลการตรวจเอกซเรย์พระอุระ (อก) พบว่ามีอาการอักเสบของพระบัปผาสะ (ปอด) ข้างขวา คณะแพทย์ฯได้ถวายการตรวจด้วยการส่องกล้องดูภายในหลอดพระวาโย (หลอดลม) พบมีการอักเสบของผนังหลอดพระวาโย (หลอดลม) ข้างขวาและข้างซ้ายบางส่วน ผลการตรวจย้อมและเพาะเชื้อกระเสมหะพบมีการติดเชื้อแบคทีเรีย คณะแพทย์ฯจึงได้ถวายพระโอสถปฎิชีวนะ และน้ำเกลือทางหลอดพรโลหิตและได้ถวายออกซิเจนผสมอากาศร่วมด้วย
วันนี้อัตราการเต้นของพระหทัย เป็นปรกติ ผลการตรวจพระหทัยด้วยเครื่องมือตรวจคลื่นไฟฟ้าไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม อัตราการหายพระหทัย ยังมีเร็วบ้างเป็นครั้งคราว ความดันพระโลหิตเป็นปรกติ พระปรอท (ไข้) ลดลงเกือบปรกติ บรรทมได้ดี คณะแพทย์ฯ ยังลงถวายพระโอสถปฎิชีวนะ และน้ำเกลือทางหลอดพระโลหิตและถวายออกซิเจนผสมอากาศตามความจำเป็นต่อไป
จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
สำนักพระราชวัง
🌸🍀🌸 ท ร ง พ ร ะ เ จ ริ ญ ยิ่ ง ยื น น า น 🌸🍀🌸
พ่อของแผ่นดินผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราช ดวงพระวิญญาณบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก ได้โปรดอภิบาลให้ล้นเกล้าฯ ของชาวไทยมีพระพลานามัยแข็งแรง ทรงพระสิริสวัสดิ์ ทรงพระเกษมสำราญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ปราศจากโรคาพยาธิพิบัติภัยใดมาแผ้วพาน เป็นธงชัยแห่งประเทศชาติ และสถิตเป็นมิ่งขวัญแห่งอาณาประชาราษฎร์สืบไปชั่วจิรัฐติกาล กราบแทบพระบาท...
'ในหลวง' ความดันและอัตราการเต้นหัวใจเป็นปรกติ บรรทมได้ดี
เมื่อเวลาประมาณ 19.00น.วันที่ 7 กันยายน สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์ เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 15 ความว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อรับการตรวจและรักษา ตามคำกราบบังคมทูลของ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาในระหว่างที่ประทับอยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระเสมหะและมีพระปรอท (ไข้) ต่ำๆ เป็นครั้งคราว อัตราการเต้นของพระหทัย เป็นปรกติ ซึ่งสำนักพระราชวังได้แถลงให้ทราบมาเป็นระยะๆแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2558 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระปรอท(ไข้)สูงร่วมกับพระอาการพระวรกายหนาวสั่น ความดันพระโลหิตลดลง การหายพระทันเร็วขึ้น และอัตราการเต้นของพระหทัยเร็วขึ้น มีพระเสมหะมาก ระดับความเข้มข้นของออกซิเจนในกระแสพระโลหิตลดลง ผลการตรวจพระโลหิตปรากฎว่ามีลักษณะติดเชื้อ ผลการตรวจเอกซเรย์พระอุระ (อก) พบว่ามีอาการอักเสบของพระบัปผาสะ (ปอด) ข้างขวา คณะแพทย์ฯได้ถวายการตรวจด้วยการส่องกล้องดูภายในหลอดพระวาโย (หลอดลม) พบมีการอักเสบของผนังหลอดพระวาโย (หลอดลม) ข้างขวาและข้างซ้ายบางส่วน ผลการตรวจย้อมและเพาะเชื้อกระเสมหะพบมีการติดเชื้อแบคทีเรีย คณะแพทย์ฯจึงได้ถวายพระโอสถปฎิชีวนะ และน้ำเกลือทางหลอดพรโลหิตและได้ถวายออกซิเจนผสมอากาศร่วมด้วย
วันนี้อัตราการเต้นของพระหทัย เป็นปรกติ ผลการตรวจพระหทัยด้วยเครื่องมือตรวจคลื่นไฟฟ้าไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม อัตราการหายพระหทัย ยังมีเร็วบ้างเป็นครั้งคราว ความดันพระโลหิตเป็นปรกติ พระปรอท (ไข้) ลดลงเกือบปรกติ บรรทมได้ดี คณะแพทย์ฯ ยังลงถวายพระโอสถปฎิชีวนะ และน้ำเกลือทางหลอดพระโลหิตและถวายออกซิเจนผสมอากาศตามความจำเป็นต่อไป
จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
สำนักพระราชวัง
🌸🍀🌸 ท ร ง พ ร ะ เ จ ริ ญ ยิ่ ง ยื น น า น 🌸🍀🌸
พ่อของแผ่นดินผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราช ดวงพระวิญญาณบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก ได้โปรดอภิบาลให้ล้นเกล้าฯ ของชาวไทยมีพระพลานามัยแข็งแรง ทรงพระสิริสวัสดิ์ ทรงพระเกษมสำราญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ปราศจากโรคาพยาธิพิบัติภัยใดมาแผ้วพาน เป็นธงชัยแห่งประเทศชาติ และสถิตเป็นมิ่งขวัญแห่งอาณาประชาราษฎร์สืบไปชั่วจิรัฐติกาล กราบแทบพระบาท...
เมื่อเวลาประมาณ 19.00น.วันที่ 7 กันยายน สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์ เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 15 ความว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อรับการตรวจและรักษา ตามคำกราบบังคมทูลของ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาในระหว่างที่ประทับอยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระเสมหะและมีพระปรอท (ไข้) ต่ำๆ เป็นครั้งคราว อัตราการเต้นของพระหทัย เป็นปรกติ ซึ่งสำนักพระราชวังได้แถลงให้ทราบมาเป็นระยะๆแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2558 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระปรอท(ไข้)สูงร่วมกับพระอาการพระวรกายหนาวสั่น ความดันพระโลหิตลดลง การหายพระทันเร็วขึ้น และอัตราการเต้นของพระหทัยเร็วขึ้น มีพระเสมหะมาก ระดับความเข้มข้นของออกซิเจนในกระแสพระโลหิตลดลง ผลการตรวจพระโลหิตปรากฎว่ามีลักษณะติดเชื้อ ผลการตรวจเอกซเรย์พระอุระ (อก) พบว่ามีอาการอักเสบของพระบัปผาสะ (ปอด) ข้างขวา คณะแพทย์ฯได้ถวายการตรวจด้วยการส่องกล้องดูภายในหลอดพระวาโย (หลอดลม) พบมีการอักเสบของผนังหลอดพระวาโย (หลอดลม) ข้างขวาและข้างซ้ายบางส่วน ผลการตรวจย้อมและเพาะเชื้อกระเสมหะพบมีการติดเชื้อแบคทีเรีย คณะแพทย์ฯจึงได้ถวายพระโอสถปฎิชีวนะ และน้ำเกลือทางหลอดพรโลหิตและได้ถวายออกซิเจนผสมอากาศร่วมด้วย
วันนี้อัตราการเต้นของพระหทัย เป็นปรกติ ผลการตรวจพระหทัยด้วยเครื่องมือตรวจคลื่นไฟฟ้าไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม อัตราการหายพระหทัย ยังมีเร็วบ้างเป็นครั้งคราว ความดันพระโลหิตเป็นปรกติ พระปรอท (ไข้) ลดลงเกือบปรกติ บรรทมได้ดี คณะแพทย์ฯ ยังลงถวายพระโอสถปฎิชีวนะ และน้ำเกลือทางหลอดพระโลหิตและถวายออกซิเจนผสมอากาศตามความจำเป็นต่อไป
จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
สำนักพระราชวัง
🌸🍀🌸 ท ร ง พ ร ะ เ จ ริ ญ ยิ่ ง ยื น น า น 🌸🍀🌸
พ่อของแผ่นดินผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราช ดวงพระวิญญาณบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก ได้โปรดอภิบาลให้ล้นเกล้าฯ ของชาวไทยมีพระพลานามัยแข็งแรง ทรงพระสิริสวัสดิ์ ทรงพระเกษมสำราญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ปราศจากโรคาพยาธิพิบัติภัยใดมาแผ้วพาน เป็นธงชัยแห่งประเทศชาติ และสถิตเป็นมิ่งขวัญแห่งอาณาประชาราษฎร์สืบไปชั่วจิรัฐติกาล กราบแทบพระบาท...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
# เปรตเด็กน้อยหนุ่มสาว
“อาตมาอยู่วัดปากทางแม่แตง วันหนึ่งตอนกลางวัน นั่งฉันน้ำชาอยู่
มีเปรตเด็กน้อยหนุ่มสาว ๔ คน กำลังเป็นสาว ๑๖ – ๑๗ – ๑๘ ปี ตายตกน้ำ
เมื่อเดือน ๑๐ ตายไปตกนรกนิดหน่อย พ้นขึ้นมาเป็นเปรตเปลือยกายเสื้อผ้า
ไม่มี
“ทำไมสูไม่มีเสื้อผ้า”...(หลวงปู่จาม)
“เมื่อตอนเป็นมนุษย์ไม่มีความดี”...(เปรตน้อยหนุ่มสาว)
“ตายแล้วทำไมจึงมารู้จักกู แต่ตอนสูมีชีวิตทำไมไม่มาสู่มาหา”...(
หลวงปู่จาม)
“คนเฒ่าคนแก่ห้ามไม่ให้มาหา ไม่ให้มาทำบุญ ไม่พร่ำสอนให้รู้จักทาน
ศีล ตายแล้วจึงรู้เพราะพระผู้เป็นเจ้ามีแสงสว่างอุ่นเย็นสบายดี”...(
เปรตน้อยหนุ่มสาว)
“แล้วตุ๊หลวงวัดในหมู่บ้านนั้นละสู สูทำไมไม่ไปหา”...(หลวงปู่จาม)
“จะไปทำไมพวกนั้นมันเป็นเปรตหนักกว่าพวกข้าฯ”...(เปรตน้อยหนุ่มสาว)
“สูมาด้วยเหตุอันใด”...(หลวงปู่จาม)
“อยากให้ช่วยเหลือ จะได้ไปเกิดแล้ว”...(เปรตน้อยหนุ่มสาว)
“จะเกิดเป็นอะไร”...(หลวงปู่จาม)
“เป็นสัตว์เพราะไม่มีเสื้อผ้า ไม่มีศีล ศีล ๕ ไม่ได้ ศีล ๘ ไม่ได้ ไหว้พระสวดมนต์
ไหว้สานะโมไม่เคย”...(เปรตน้อยหนุ่มสาว)
“ดูดุ๊ เอามือออก อย่าปิดให้ข้าฯ ดูก่อน ของลับของเปรตอย่างพวกสูยังมีอย
ู่หรือ” ...(หลวงปู่จาม)
เขาก็ไม่ยอมให้ดู ก้มหมูบลง เอามือปิดบนล่าง แล้วเราก็ว่า...
“พวกสูเกิดมาแต่ก่อนเก่าเคยทำบุญ เคยไหว้พระ เคยเข้าวัด
เคยบำรุงศาสนา เคยทำดีประการต่างๆ ไหม”...(หลวงปู่จาม)
เขาก็ตอบรับว่าเคย “ได้พระผู้เป็นเจ้านี้แหละเป็นผู้แนะนำพาทำ”
“ทำไมพวกสูลืมไปเสียเล่า”...(หลวงปู่จาม)
“เพราะเกิดมาในตระกูลไม่ดี”...(เปรตน้อยหนุ่มสาว)
“ก็บาปของพวกสูไม่ใช่หรือ นี่ให้ตั้งใจให้ดี...(หลวงปู่จาม)
กูจะสอน เอ้า…ไหว้
เอ้า…กราบ
เอ้า…สมาทานศีล ๕
เอ้า…นึกพุทโธ”
สอนเปรต ๔ ตนนั้นให้ทำตาม เขาตั้งใจดีมาก ใส่ใจทำตาม
สุดท้ายเราก็สอนเมตตา ให้เขาตั้งใจรับเมตตา
สพฺเพ สตฺตา สุขิตา โหนฺตุ สพฺเพ สตฺตา อเวรา โหนฺตุ
สพฺเพ สตฺตา อพฺยา ปชฺฌา โหนฺตุ สพฺเพ สตฺตา อนีฆา โหนฺตุ
สพฺเพ สตฺตา สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตุ
สวดให้เขาอยู่ ๓ รอบ ตั้งใจกำหนดจิตภาวนาช่วยเขาอีกนาน เกือบ ๑๐
นาที จึงบอกให้เขาไปได้
พอบอกว่าเอาล่ะอานิสงส์ บุญของสูเจ้ามีแค่นี้แหละ เขาก็พากันกระโด
ดออกไปวิ่งให้ห่าง ออกไปถึงประตูวัดตีเคาะสังกะสีป่างๆ ให้สัญญาณ
หัวเราะคิกคักไป ตามกรรมของเขาต่อไป
เล่นเขาอยู่นาน ขอดูของลับของเขา เขาก็อายไม่ให้ดู นี่เพราะอะไรไม่
มีทาน ไม่มีศีล ไม่มีความดีอันใด เกิดผิดตระกูล ผู้เป็นพ่อแม่ก็ไม่สนใจดีชั่ว
ไม่ชอบพอกับพระอีสานธุดงค์ผู้ปู่ย่า ตาอุ้ย ก็ไม่บอกไม่สอน ไม่ให้เขาเข้าวัด
เข้าวา ตายไปก็ได้รับผลเป็นเปรตมาจากนรก แต่นี่ค่อยยังชั่ว เพราะ
ได้เกิดเร็วเสวยกรรมไม่เท่าใดก็เกิดใหม่ ”
ธรรมะประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญโญ
“อาตมาอยู่วัดปากทางแม่แตง วันหนึ่งตอนกลางวัน นั่งฉันน้ำชาอยู่
มีเปรตเด็กน้อยหนุ่มสาว ๔ คน กำลังเป็นสาว ๑๖ – ๑๗ – ๑๘ ปี ตายตกน้ำ
เมื่อเดือน ๑๐ ตายไปตกนรกนิดหน่อย พ้นขึ้นมาเป็นเปรตเปลือยกายเสื้อผ้า
ไม่มี
“ทำไมสูไม่มีเสื้อผ้า”...(หลวงปู่จาม)
“เมื่อตอนเป็นมนุษย์ไม่มีความดี”...(เปรตน้อยหนุ่มสาว)
“ตายแล้วทำไมจึงมารู้จักกู แต่ตอนสูมีชีวิตทำไมไม่มาสู่มาหา”...(
หลวงปู่จาม)
“คนเฒ่าคนแก่ห้ามไม่ให้มาหา ไม่ให้มาทำบุญ ไม่พร่ำสอนให้รู้จักทาน
ศีล ตายแล้วจึงรู้เพราะพระผู้เป็นเจ้ามีแสงสว่างอุ่นเย็นสบายดี”...(
เปรตน้อยหนุ่มสาว)
“แล้วตุ๊หลวงวัดในหมู่บ้านนั้นละสู สูทำไมไม่ไปหา”...(หลวงปู่จาม)
“จะไปทำไมพวกนั้นมันเป็นเปรตหนักกว่าพวกข้าฯ”...(เปรตน้อยหนุ่มสาว)
“สูมาด้วยเหตุอันใด”...(หลวงปู่จาม)
“อยากให้ช่วยเหลือ จะได้ไปเกิดแล้ว”...(เปรตน้อยหนุ่มสาว)
“จะเกิดเป็นอะไร”...(หลวงปู่จาม)
“เป็นสัตว์เพราะไม่มีเสื้อผ้า ไม่มีศีล ศีล ๕ ไม่ได้ ศีล ๘ ไม่ได้ ไหว้พระสวดมนต์
ไหว้สานะโมไม่เคย”...(เปรตน้อยหนุ่มสาว)
“ดูดุ๊ เอามือออก อย่าปิดให้ข้าฯ ดูก่อน ของลับของเปรตอย่างพวกสูยังมีอย
ู่หรือ” ...(หลวงปู่จาม)
เขาก็ไม่ยอมให้ดู ก้มหมูบลง เอามือปิดบนล่าง แล้วเราก็ว่า...
“พวกสูเกิดมาแต่ก่อนเก่าเคยทำบุญ เคยไหว้พระ เคยเข้าวัด
เคยบำรุงศาสนา เคยทำดีประการต่างๆ ไหม”...(หลวงปู่จาม)
เขาก็ตอบรับว่าเคย “ได้พระผู้เป็นเจ้านี้แหละเป็นผู้แนะนำพาทำ”
“ทำไมพวกสูลืมไปเสียเล่า”...(หลวงปู่จาม)
“เพราะเกิดมาในตระกูลไม่ดี”...(เปรตน้อยหนุ่มสาว)
“ก็บาปของพวกสูไม่ใช่หรือ นี่ให้ตั้งใจให้ดี...(หลวงปู่จาม)
กูจะสอน เอ้า…ไหว้
เอ้า…กราบ
เอ้า…สมาทานศีล ๕
เอ้า…นึกพุทโธ”
สอนเปรต ๔ ตนนั้นให้ทำตาม เขาตั้งใจดีมาก ใส่ใจทำตาม
สุดท้ายเราก็สอนเมตตา ให้เขาตั้งใจรับเมตตา
สพฺเพ สตฺตา สุขิตา โหนฺตุ สพฺเพ สตฺตา อเวรา โหนฺตุ
สพฺเพ สตฺตา อพฺยา ปชฺฌา โหนฺตุ สพฺเพ สตฺตา อนีฆา โหนฺตุ
สพฺเพ สตฺตา สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตุ
สวดให้เขาอยู่ ๓ รอบ ตั้งใจกำหนดจิตภาวนาช่วยเขาอีกนาน เกือบ ๑๐
นาที จึงบอกให้เขาไปได้
พอบอกว่าเอาล่ะอานิสงส์ บุญของสูเจ้ามีแค่นี้แหละ เขาก็พากันกระโด
ดออกไปวิ่งให้ห่าง ออกไปถึงประตูวัดตีเคาะสังกะสีป่างๆ ให้สัญญาณ
หัวเราะคิกคักไป ตามกรรมของเขาต่อไป
เล่นเขาอยู่นาน ขอดูของลับของเขา เขาก็อายไม่ให้ดู นี่เพราะอะไรไม่
มีทาน ไม่มีศีล ไม่มีความดีอันใด เกิดผิดตระกูล ผู้เป็นพ่อแม่ก็ไม่สนใจดีชั่ว
ไม่ชอบพอกับพระอีสานธุดงค์ผู้ปู่ย่า ตาอุ้ย ก็ไม่บอกไม่สอน ไม่ให้เขาเข้าวัด
เข้าวา ตายไปก็ได้รับผลเป็นเปรตมาจากนรก แต่นี่ค่อยยังชั่ว เพราะ
ได้เกิดเร็วเสวยกรรมไม่เท่าใดก็เกิดใหม่ ”
ธรรมะประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญโญ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทำทานยังไงรวยเร็ว
ควรใช้คำว่าบุญจากทานให้ผลเร็วดีกว่า
พระพุทธเจ้าสอนว่า
ต้องอย่าหวังผลในทาน อย่ามีจิตผูกพันในผล และอย่าคิดว่าทำ
เพื่อสะสมบุญ
ก็คือ ทำทานเพื่อทำเฉยๆไม่หวังอะไร ทำเพื่อสละออกตามหน้าที่ผู้ให้เฉยๆ
ยกตัวอย่าง
เหมือนกับตอนล้างไส้หมอหุงข้าว.. เราเอาเศษข้าวที่ติดหมอหุงข้าวเท่ให้
พวกหนอนสัตว์เล็กๆ
โดยเราก็ไม่ได้หวังบุญหวังอะไรกับมัน
(เพราะจิตเราคิดว่ามันไม่ได้บุญ)
ให้เพื่อให้เฉยๆ
แต่ความจริงแล้วได้บุญน่ะ ทานกับเดรัจฉานได้
พระพุทธเจ้าก็รับรองไว้ แต่คุณธรรมของเดรัจฉานต่ำ ไม่สู้ทำกับคน
ทำกับคนไม่สู้ ทำกับคนที่มีศีล
แต่ไม่ว่าจะทำกับใครก็ตาม แล้วแต่โอกาสแล้วแต่เวลา ทุกครั้งทำเพื่อ
ปล่อยวางเฉยๆ
ทำบุญหรือทำทาน แบบนี้ บุญมันจะเบาและตามให้ผลทันในปัจจุบันชาติ
ส่วนคนที่ทำทานหรือทำบุญแบบหวังบุญหวังผลก็ได้เหมือนกัน
แต่ได้ไม่มาก
อุปมาเหมือน
จิตที่มีความโลภอยากได้ๆอยากรวย
ถูกหวย หรืออะไร ฯลฯ มันเปรียบเสมือนเหยียบเบรก ถ้าโลภเยอะหวังเยอะ
เท่ากับเหยียบลงไป 80%
ถ้าโภลมากๆหน้ามืดมีแต่ความคิดที่ จะเอาอย่างเดียว ทำ100 กูต้องได้
1,000 ส่วน
อันนี้เหยียบไปเกือบมิด บุญก็ให้ผลช้า
ก็คือมันก็เลยทำให้ผลบุญอ่อนกำลัง กว่าจะวิ่งตามกลับมาหาเรา อาจ
ต้องรอชาติหน้าหรือต้องรอกันเป็นหลายๆชาติ
(ถ้าแบบง่ายๆเวลาทำทานโดยไม่คิดหวังบุญ หวังอะไร
ให้กลับมา รู้ ลมหายใจ เข้าออก
หรือมีสติเอาจิตไปจับอยู่ที่มือที่จับของ
แค่นี้ความคิดหวังบุญมันก็หายไปแล้วน่ะ
ควรใช้คำว่าบุญจากทานให้ผลเร็วดีกว่า
พระพุทธเจ้าสอนว่า
ต้องอย่าหวังผลในทาน อย่ามีจิตผูกพันในผล และอย่าคิดว่าทำ
เพื่อสะสมบุญ
ก็คือ ทำทานเพื่อทำเฉยๆไม่หวังอะไร ทำเพื่อสละออกตามหน้าที่ผู้ให้เฉยๆ
ยกตัวอย่าง
เหมือนกับตอนล้างไส้หมอหุงข้าว.. เราเอาเศษข้าวที่ติดหมอหุงข้าวเท่ให้
พวกหนอนสัตว์เล็กๆ
โดยเราก็ไม่ได้หวังบุญหวังอะไรกับมัน
(เพราะจิตเราคิดว่ามันไม่ได้บุญ)
ให้เพื่อให้เฉยๆ
แต่ความจริงแล้วได้บุญน่ะ ทานกับเดรัจฉานได้
พระพุทธเจ้าก็รับรองไว้ แต่คุณธรรมของเดรัจฉานต่ำ ไม่สู้ทำกับคน
ทำกับคนไม่สู้ ทำกับคนที่มีศีล
แต่ไม่ว่าจะทำกับใครก็ตาม แล้วแต่โอกาสแล้วแต่เวลา ทุกครั้งทำเพื่อ
ปล่อยวางเฉยๆ
ทำบุญหรือทำทาน แบบนี้ บุญมันจะเบาและตามให้ผลทันในปัจจุบันชาติ
ส่วนคนที่ทำทานหรือทำบุญแบบหวังบุญหวังผลก็ได้เหมือนกัน
แต่ได้ไม่มาก
อุปมาเหมือน
จิตที่มีความโลภอยากได้ๆอยากรวย
ถูกหวย หรืออะไร ฯลฯ มันเปรียบเสมือนเหยียบเบรก ถ้าโลภเยอะหวังเยอะ
เท่ากับเหยียบลงไป 80%
ถ้าโภลมากๆหน้ามืดมีแต่ความคิดที่ จะเอาอย่างเดียว ทำ100 กูต้องได้
1,000 ส่วน
อันนี้เหยียบไปเกือบมิด บุญก็ให้ผลช้า
ก็คือมันก็เลยทำให้ผลบุญอ่อนกำลัง กว่าจะวิ่งตามกลับมาหาเรา อาจ
ต้องรอชาติหน้าหรือต้องรอกันเป็นหลายๆชาติ
(ถ้าแบบง่ายๆเวลาทำทานโดยไม่คิดหวังบุญ หวังอะไร
ให้กลับมา รู้ ลมหายใจ เข้าออก
หรือมีสติเอาจิตไปจับอยู่ที่มือที่จับของ
แค่นี้ความคิดหวังบุญมันก็หายไปแล้วน่ะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าหากว่าบางคนมาเกิดใหม่เป็นคน ด้วยความที่ตอนในอดีตนั้นมีความเคยชิน
คือมีสาวกพระพุทธเจ้าคอยให้ความเคารพกราบไหว้ พอมาเกิดเป็นคน
ได้เกิดในช่วงที่ศาสนายังไม่สูญสิ้น
จะมีมานะถือตัวเป็นอนุสัยติดมาด้วย พอเห็นพระสาวกก็จะไม่มีความเคารพศรัทธาเท่าไร่
เมื่อไม่มีศรีทธาก็ดึงเข้ามาทางธรรมยาก บรรลุธรรมก็จะยาก เทวดาก็เหมือนกัน
เปรียบเสมือนกับผู้นำชุมชน ที่เราเห็นๆในปัจจุบัน ยกตัวอย่าง ผู้ใหญ่บ้าน นายก นายอำเภอ ผู้ว่าจังหวัด
ถ้าหาก ลูกหลานหรือลูกน้องออกบวช ก็จะไม่เคารพเท่าไร่
เพราะมองในแง่ในตอนเขาเป็นโยม พอเห็นออกบวชห่มผ้าเหลืองแล้ว มันก็งั้นๆแหละนะ เพราะเมื่อก่อนเคยเห็นมันวิ่งเล่นตั้งแต่ตอนเด็กๆ
เคยเห็นมันเล่นทุกวัน มันเป็นผู้น้อย เรามียศใหญ่
นี่แหละๆสัญญา(ความจำ)เก่ามันจะผุดขึ้น
คือมีสาวกพระพุทธเจ้าคอยให้ความเคารพกราบไหว้ พอมาเกิดเป็นคน
ได้เกิดในช่วงที่ศาสนายังไม่สูญสิ้น
จะมีมานะถือตัวเป็นอนุสัยติดมาด้วย พอเห็นพระสาวกก็จะไม่มีความเคารพศรัทธาเท่าไร่
เมื่อไม่มีศรีทธาก็ดึงเข้ามาทางธรรมยาก บรรลุธรรมก็จะยาก เทวดาก็เหมือนกัน
เปรียบเสมือนกับผู้นำชุมชน ที่เราเห็นๆในปัจจุบัน ยกตัวอย่าง ผู้ใหญ่บ้าน นายก นายอำเภอ ผู้ว่าจังหวัด
ถ้าหาก ลูกหลานหรือลูกน้องออกบวช ก็จะไม่เคารพเท่าไร่
เพราะมองในแง่ในตอนเขาเป็นโยม พอเห็นออกบวชห่มผ้าเหลืองแล้ว มันก็งั้นๆแหละนะ เพราะเมื่อก่อนเคยเห็นมันวิ่งเล่นตั้งแต่ตอนเด็กๆ
เคยเห็นมันเล่นทุกวัน มันเป็นผู้น้อย เรามียศใหญ่
นี่แหละๆสัญญา(ความจำ)เก่ามันจะผุดขึ้น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผู้ไม่ควรไหว้ ๑๐ ประเภท
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๑๐ จำพวกนี้ อันภิกษุไม่ควรไหว้ คือ
๑. อันภิกษุผู้อุปสมบทก่อนไม่ควรไหว้ภิกษุผู้อุปสมบทภายหล้ง
๒. ไม่ควรไหว้อนุปสัมบัน (ผู้ไม่ได้อุปสมบท)
๓. ไม่ควรไหว้ภิกษุนานาสังวาส ผู้แก่กว่าแต่ไม่ใช่ธรรมวาที
๔. ไม่ควรไหว้มาตุคาม (ผู้หญิง)
๕. ไม่ควรไหว้บัณเฑาะก์ (กะเทย)
๖. ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้อยู่ปริวาส
๗. ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม
๘. ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้ควรมานัต
๙. ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้ประพฤติมานัติ
๑๐.ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้ควรอัพภาน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๑๐ จำพวกนี้ อันภิกษุไม่ควรไหว้ คือ
๑. อันภิกษุผู้อุปสมบทก่อนไม่ควรไหว้ภิกษุผู้อุปสมบทภายหล้ง
๒. ไม่ควรไหว้อนุปสัมบัน (ผู้ไม่ได้อุปสมบท)
๓. ไม่ควรไหว้ภิกษุนานาสังวาส ผู้แก่กว่าแต่ไม่ใช่ธรรมวาที
๔. ไม่ควรไหว้มาตุคาม (ผู้หญิง)
๕. ไม่ควรไหว้บัณเฑาะก์ (กะเทย)
๖. ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้อยู่ปริวาส
๗. ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม
๘. ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้ควรมานัต
๙. ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้ประพฤติมานัติ
๑๐.ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้ควรอัพภาน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อก่อนสงสัยว่า คนในสมัยพุทธกาลที่แต่งงานกันได้ไม่กี่วัน พอได้ฟังธรรมพระ
พุทธเจ้า ถึงกับตัดสินใจทิ้งเมียออกบวชเลยเหรอ
และไม่สงสัยเลยว่า
ทำไมคนในสมัยพุทธกาล
ถึงออกบวชกันเยอะมากมาย
บ้างคนแต่งงานกันแล้ว ได้มีโอกาสฟัง
ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า ก็ออกบวชท้งสองคนเลย ทั้งฝ่ายหญิง และฝ่ายชาย
รสชาติของพระธรรมมันซึ่งกินใจขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงต้องแยกกัน
คือทำไมเขาตัดสินใจเป็นสาวกพระพุทธเจ้า ทิ้งทางโลก มาเข้าสู้ทางธรร
ม
ตอนนี้รู้ด้วยตนเองแล้วว่าทำไม
แต่ตอบออกมาอยากมาก
มันเป็นสิ่งที่ต้องถึงสัจจความจริงนั้น"
หลวงพ่อชาตอบสั้นๆว่า
# เพราะมันคือ "ความจริง ความถูกต้อง"
พุทธเจ้า ถึงกับตัดสินใจทิ้งเมียออกบวชเลยเหรอ
และไม่สงสัยเลยว่า
ทำไมคนในสมัยพุทธกาล
ถึงออกบวชกันเยอะมากมาย
บ้างคนแต่งงานกันแล้ว ได้มีโอกาสฟัง
ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า ก็ออกบวชท้งสองคนเลย ทั้งฝ่ายหญิง และฝ่ายชาย
รสชาติของพระธรรมมันซึ่งกินใจขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงต้องแยกกัน
คือทำไมเขาตัดสินใจเป็นสาวกพระพุทธเจ้า ทิ้งทางโลก มาเข้าสู้ทางธรร
ม
ตอนนี้รู้ด้วยตนเองแล้วว่าทำไม
แต่ตอบออกมาอยากมาก
มันเป็นสิ่งที่ต้องถึงสัจจความจริงนั้น"
หลวงพ่อชาตอบสั้นๆว่า
# เพราะมันคือ "ความจริง ความถูกต้อง"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
๑.ทานะปาระมี สัมปันโน เพราะบริจากให้สิ่งของภายนอก
๒.ทานะอุปะปาระมี สัมปันโน
เพราะบริจากให้อวัยวะ
๓.ทานะปะระมัตถะปาระมี สัมปันโน
เพราะบริจากชีวิต
๔.ทานะ อัตตาตัวตน
เพราะทาน ความเป็น อัตตา ตัวตนตัวกู ของกู ให้ธรรมชาติ ได้นิพพาน
#เพราะทานแบบที่๔ มันคือการเจริญสติ ปฏิบัติธรรมในตัว
อสุภะกรรมฐาน ก็เพื่อให้ทำลายคลายความหลงที่ว่า ตัวเรา ของเรา
มรณานุสติกรรมฐาน ก็เหมือนกัน
ธาตุกรรมฐาน ก็เหมือนกัน
พิจารณากรรมฐานอาการ ๓๒ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ก็เหมือนกัน
๒.ทานะอุปะปาระมี สัมปันโน
เพราะบริจากให้อวัยวะ
๓.ทานะปะระมัตถะปาระมี สัมปันโน
เพราะบริจากชีวิต
๔.ทานะ อัตตาตัวตน
เพราะทาน ความเป็น อัตตา ตัวตนตัวกู ของกู ให้ธรรมชาติ ได้นิพพาน
#เพราะทานแบบที่๔ มันคือการเจริญสติ ปฏิบัติธรรมในตัว
อสุภะกรรมฐาน ก็เพื่อให้ทำลายคลายความหลงที่ว่า ตัวเรา ของเรา
มรณานุสติกรรมฐาน ก็เหมือนกัน
ธาตุกรรมฐาน ก็เหมือนกัน
พิจารณากรรมฐานอาการ ๓๒ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ก็เหมือนกัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อันว่าความงามของน้อง อยู่ได้แค่
20กว่าปีตีขึ้นไปหา30กว่านี่คือสิบ่ไหว
เมือหลุดสามสิบปีแล้ว ผิวน้องเริ่มเปลี่ยนใป๋...
แม่นน่องนั้นสิหาสิทาหาครีมดักไว้
มาทาซะลอหลอกล้อให้สายตาแมวน้อยใหญ่ลุ่มหลง...
น้องนั่นควรเตียมโต๋เด้อ...เด้อๆน้อง..
ผิวนั้นกำลังบอกความจริ๋งเห็นบ่อ
วาเริ่มแก่แล้ว...ให้เตรียมโต เซาหลงผิวได้แล้ว
ให้ฟ้าวหันหน้าหา อริยสัจสี่ เป็นคำสอนแท้...
ขององค์พระพุทธเจ้าเฮา....
มาเด้อมา มาพากัน ฟ้าวโหลดไปฟัง ดาวน์โหลดอริยสัจสี่ 2ลิงค์นี้แก้ทุก
ข์ทางใจ
ฟังแล้วๆถ้าแก้บ่อได้ให้เต๋ก้นสิบเถือ
อันว่า อริยสัจสี่นี้ ฟังเข้าใจแล้วบ่อมีตกต่ำ
ถึงบุคคลนั้นสิทุศีลผิดศีลอยู่กระตาม
พระพุทธองค์เจ้า ตรัสรับรองว่าไปทางเจริญอย่างเดียว
บ่อไปทางต่ำ มาเด้อมาภาวนานำกัน
แม่นตายแล้วก็ติดไปหลายหมื่นชาติ
20กว่าปีตีขึ้นไปหา30กว่านี่คือสิบ่ไหว
เมือหลุดสามสิบปีแล้ว ผิวน้องเริ่มเปลี่ยนใป๋...
แม่นน่องนั้นสิหาสิทาหาครีมดักไว้
มาทาซะลอหลอกล้อให้สายตาแมวน้อยใหญ่ลุ่มหลง...
น้องนั่นควรเตียมโต๋เด้อ...เด้อๆน้อง..
ผิวนั้นกำลังบอกความจริ๋งเห็นบ่อ
วาเริ่มแก่แล้ว...ให้เตรียมโต เซาหลงผิวได้แล้ว
ให้ฟ้าวหันหน้าหา อริยสัจสี่ เป็นคำสอนแท้...
ขององค์พระพุทธเจ้าเฮา....
มาเด้อมา มาพากัน ฟ้าวโหลดไปฟัง ดาวน์โหลดอริยสัจสี่ 2ลิงค์นี้แก้ทุก
ข์ทางใจ
ฟังแล้วๆถ้าแก้บ่อได้ให้เต๋ก้นสิบเถือ
อันว่า อริยสัจสี่นี้ ฟังเข้าใจแล้วบ่อมีตกต่ำ
ถึงบุคคลนั้นสิทุศีลผิดศีลอยู่กระตาม
พระพุทธองค์เจ้า ตรัสรับรองว่าไปทางเจริญอย่างเดียว
บ่อไปทางต่ำ มาเด้อมาภาวนานำกัน
แม่นตายแล้วก็ติดไปหลายหมื่นชาติ
เด็กดูเหมาะมาก
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 13, 2015 8:24:54pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.พระพุทธเจ้าตอบแทนบุญคุณบิดา คือไปแสดงธรรมโปรดพระเจ้าสุทโทธะนะ
จนบรรลุอรหันต์ก่อนตาย
เหล่าพระสาวก เช่น พระสารีบุตรก็ตอบแทนบุญคุณมารดา
ไปแสดงธรรมโปรดมารดา จนบรรลุโสดาบัน
หลวงปู่มั่น ก็กลับมาโปรดมารดา จนบรรลุอนาคามีก่อนตาย
ส่วนเราจะพูดจะแสดงธรรมให้โยมแม่ฟังเท่าไร่ ก็ยังมองว่าเราเหมือนเดิม
เหมือนเป็นเด็กจะมีความรู้อะไรมากกว่าผู้เป็นแม่ได้ เกิดก็เกิดทีหลัง แถม
ยังออกมาจากไส้อีก(มดลูก)
ลักษณะช่วงแรกจะเป็นอย่างนี้
พอเราเอาธรรมะพระอาจารย์ปราโมทให้ฟัง
ผ่านไป4เดือน เปลี่ยนไป
บอกว่าทุกข์เกิดดับได้ มันจับใจได้ไม่นาน
เพราะอำนาจสติทางธรรมนั้นเอง
ถือว่าลุถึงเป้าหมายแล้ว
เหลือแต่โยมแม่อุปฐาก14คน กำลังประคับประครอง
และกลุ่มเครือญาต
จนบรรลุอรหันต์ก่อนตาย
เหล่าพระสาวก เช่น พระสารีบุตรก็ตอบแทนบุญคุณมารดา
ไปแสดงธรรมโปรดมารดา จนบรรลุโสดาบัน
หลวงปู่มั่น ก็กลับมาโปรดมารดา จนบรรลุอนาคามีก่อนตาย
ส่วนเราจะพูดจะแสดงธรรมให้โยมแม่ฟังเท่าไร่ ก็ยังมองว่าเราเหมือนเดิม
เหมือนเป็นเด็กจะมีความรู้อะไรมากกว่าผู้เป็นแม่ได้ เกิดก็เกิดทีหลัง แถม
ยังออกมาจากไส้อีก(มดลูก)
ลักษณะช่วงแรกจะเป็นอย่างนี้
พอเราเอาธรรมะพระอาจารย์ปราโมทให้ฟัง
ผ่านไป4เดือน เปลี่ยนไป
บอกว่าทุกข์เกิดดับได้ มันจับใจได้ไม่นาน
เพราะอำนาจสติทางธรรมนั้นเอง
ถือว่าลุถึงเป้าหมายแล้ว
เหลือแต่โยมแม่อุปฐาก14คน กำลังประคับประครอง
และกลุ่มเครือญาต
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 14, 2015 11:56:35am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ อริญชยา สมหมั่น และคนอื่นๆ อีก 7 คน
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น, Chonlachai Duangkaeo, จำเนียร สมหมั่น, Pui Chutima, Preeter Moss, กิติ หนูแก้ว, พัชรินทร์ โคมทอง และ พัชรินทร์ เกษมสัตย์
ธรรมะดับไฟ
ถ้าเรามีทุกข์เกิดขึ้นที่ใจ
อย่าหลบหลีกหนีอารมณ์ที่เป็นทุกข์นั้นเด็ดขาด..
......................................
......................................
......................................
ไม่ว่ามันจะทุกข์มากแค่ไหนก็ตาม
จะทุกข์ร้อนแสบเผ็ดคับแค้นใจถึงกับ
เลือดจะขึ้นหน้าก็ตาม...
......................................
......................................
ทุกอย่างมีสาเหตุ มีเบื้องหลังเสมอ
ถ้าเราละลึกชาติได้ เราจะไม่มีความสงสัยเลยว่า
ทำไมชีวิตเรามันถึงออกมาเป็นอย่างนี้ทำไม่มีแต่เรื่องให้ต้องร้
อนอกร้อนใจภายในมากเหลือเกิน ความสุขมีน้อยนิดเดียว
ทั้งๆที่ร่างกายก็อุดมสมบูรณ์ดี ไม่มีบาดแผล ไม่มีเลือดไหล หัวก็ไม่แตก
ไม่มีใครเอาไม้มาตีทำร้ายร่างกาย แผลก็ไม่มี อาหารการกินก็ดี
แต่ทำไม่ภายในใจมันทุกข์เหลือเกิน เหมือนมีลูกไฟ ลุกโพงๆอยู่ภายใน
ให้คิดไว้เลยว่าชาติก่อนหรือชาติไหนก็ตามที่เคยผ่านมาแล้ว
เคยไปทำเรื่องไม่ดีให้คนอื่นเดือดร้อนเสียดแทงจิตใจผู้อื่นอย่างสาหัส
และให้รู้ไว้เลยนะว่า ตอนนี้ เรากำลังใช้หนี้กรรม
่วิบาก ให้ผลทางด้านร่างกาย
กรรม ให้ผลทางจิตใจ
นี่คือเรากำลังใช้กรรมอยู่นะ ดีกว่าต้องไปใช้ในรกหมกไหม้เป็นล้านๆปี
ดีกว่าต้องไปใช้ในสภาพเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ ทั้งวิบากดี
วิบากไม่ดี ทั้งกรรมดี กรรมไม่ดี ก็พากันสลับกันถาถมให้ผล
แข่งกันให้ผลอยู่ตลอดเวลา
ก็ถ้าเรามีกรรมไม่ดีเป็นทุกข์
เราเป็นชาวพุทธทำไมไม่แก้แบบที่พระพุทธเจ้าสอน
จงหลับตาลง แล้วสืบลมหายใจเข้าออก3ครั้งยาวๆ
เพื่อให้จิตมีกำลัง
แล้วหลับตา แล้วใช้ใจที่เป็นกลาง
ดูมัน ใช้ใจดูสภาวะอารมณ์ทุกข์ที่ปรากฏในปัจจุบัน
ใช้ใจรู้สภาวะอารมณ์ทุกข์ที่ปรากฏในปัจจุบัน
เมื่อมันเกิดขึ้นอีกคราวต่อไป
ก็ให้ใช้ใจดูใจเห็นสภาวะอารมณ์ที่เป็นทุกข์นั้น อย่างเป็นกลาง ที่เกิดขึ้นทางใ
จ
ให้มีความเชื่อน้อมไปว่า มันไม่ใช่เรา
มันไม่มีเจ้าของ เราจะไม่ยึดติดมัน)
มันจะทุกข์ใจหนักแค่ไหนก็ตาม
ทุกข์มากแค่ไหนก็ตาม
มันก็เป็นได้แค่"อารมณ์ที่เป็นทุกข์"
ที่ถูกจิตเรารู้
ที่ถูกจิตเราเห็น
จิตเราเป็นผู้รู้ผู้ดูเฉยๆ --->
รู้ -->อารมณ์ทุกข์
ดู -------> อารมณ์ทุกข
์
รู้เฉยๆดูเฉยๆเห็นเฉยๆ
ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับมัน
์
ทุกข์ กับเราเป็นคนละอันกัน
เรา กับทุกข์ก็เป็นคนละอันกัน
ทุกข์อันหนึ่ง เราอันหนึ่ง
คนละอย่าง คนละอันกัน
ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
พระพุทธเจ้าบอกว่า
คนที่มีความทุกข์จะเข้าถึงธรรมได้ง่าย
แปลอีกแบบหนึ่งคือ
คนที่มีความทุกข์จะเข้าถึงความไม่ทุกข์ได้ง่าย
ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านมาผ่านมาผ่านไปเสมอ
ไม่มีอะไรคงที แม้แต่ร่างกายก็ไม่คงที่
ตายมาตั้งแต่เด็กๆมาหาวัยรุ่น
ตายจากวัยรุ่นมาหาวัยผู้ใหญ่
ตายจากวัยผู้ใหญ่ไปหาวัยแก่
ตายจากวัยแกไปเข้าโลงศพ
หมดแล้ว
ถ้าเรามีทุกข์เกิดขึ้นที่ใจ
อย่าหลบหลีกหนีอารมณ์ที่เป็นทุกข์นั้นเด็ดขาด..
......................................
......................................
......................................
ไม่ว่ามันจะทุกข์มากแค่ไหนก็ตาม
จะทุกข์ร้อนแสบเผ็ดคับแค้นใจถึงกับ
เลือดจะขึ้นหน้าก็ตาม...
......................................
......................................
ทุกอย่างมีสาเหตุ มีเบื้องหลังเสมอ
ถ้าเราละลึกชาติได้ เราจะไม่มีความสงสัยเลยว่า
ทำไมชีวิตเรามันถึงออกมาเป็นอย่างนี้ทำไม่มีแต่เรื่องให้ต้องร้
อนอกร้อนใจภายในมากเหลือเกิน ความสุขมีน้อยนิดเดียว
ทั้งๆที่ร่างกายก็อุดมสมบูรณ์ดี ไม่มีบาดแผล ไม่มีเลือดไหล หัวก็ไม่แตก
ไม่มีใครเอาไม้มาตีทำร้ายร่างกาย แผลก็ไม่มี อาหารการกินก็ดี
แต่ทำไม่ภายในใจมันทุกข์เหลือเกิน เหมือนมีลูกไฟ ลุกโพงๆอยู่ภายใน
ให้คิดไว้เลยว่าชาติก่อนหรือชาติไหนก็ตามที่เคยผ่านมาแล้ว
เคยไปทำเรื่องไม่ดีให้คนอื่นเดือดร้อนเสียดแทงจิตใจผู้อื่นอย่างสาหัส
และให้รู้ไว้เลยนะว่า ตอนนี้ เรากำลังใช้หนี้กรรม
่วิบาก ให้ผลทางด้านร่างกาย
กรรม ให้ผลทางจิตใจ
นี่คือเรากำลังใช้กรรมอยู่นะ ดีกว่าต้องไปใช้ในรกหมกไหม้เป็นล้านๆปี
ดีกว่าต้องไปใช้ในสภาพเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ ทั้งวิบากดี
วิบากไม่ดี ทั้งกรรมดี กรรมไม่ดี ก็พากันสลับกันถาถมให้ผล
แข่งกันให้ผลอยู่ตลอดเวลา
ก็ถ้าเรามีกรรมไม่ดีเป็นทุกข์
เราเป็นชาวพุทธทำไมไม่แก้แบบที่พระพุทธเจ้าสอน
จงหลับตาลง แล้วสืบลมหายใจเข้าออก3ครั้งยาวๆ
เพื่อให้จิตมีกำลัง
แล้วหลับตา แล้วใช้ใจที่เป็นกลาง
ดูมัน ใช้ใจดูสภาวะอารมณ์ทุกข์ที่ปรากฏในปัจจุบัน
ใช้ใจรู้สภาวะอารมณ์ทุกข์ที่ปรากฏในปัจจุบัน
เมื่อมันเกิดขึ้นอีกคราวต่อไป
ก็ให้ใช้ใจดูใจเห็นสภาวะอารมณ์ที่เป็นทุกข์นั้น อย่างเป็นกลาง ที่เกิดขึ้นทางใ
จ
ให้มีความเชื่อน้อมไปว่า มันไม่ใช่เรา
มันไม่มีเจ้าของ เราจะไม่ยึดติดมัน)
มันจะทุกข์ใจหนักแค่ไหนก็ตาม
ทุกข์มากแค่ไหนก็ตาม
มันก็เป็นได้แค่"อารมณ์ที่เป็นทุกข์"
ที่ถูกจิตเรารู้
ที่ถูกจิตเราเห็น
จิตเราเป็นผู้รู้ผู้ดูเฉยๆ --->
รู้ -->อารมณ์ทุกข์
ดู -------> อารมณ์ทุกข
์
รู้เฉยๆดูเฉยๆเห็นเฉยๆ
ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับมัน
์
ทุกข์ กับเราเป็นคนละอันกัน
เรา กับทุกข์ก็เป็นคนละอันกัน
ทุกข์อันหนึ่ง เราอันหนึ่ง
คนละอย่าง คนละอันกัน
ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
พระพุทธเจ้าบอกว่า
คนที่มีความทุกข์จะเข้าถึงธรรมได้ง่าย
แปลอีกแบบหนึ่งคือ
คนที่มีความทุกข์จะเข้าถึงความไม่ทุกข์ได้ง่าย
ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านมาผ่านมาผ่านไปเสมอ
ไม่มีอะไรคงที แม้แต่ร่างกายก็ไม่คงที่
ตายมาตั้งแต่เด็กๆมาหาวัยรุ่น
ตายจากวัยรุ่นมาหาวัยผู้ใหญ่
ตายจากวัยผู้ใหญ่ไปหาวัยแก่
ตายจากวัยแกไปเข้าโลงศพ
หมดแล้ว
ดูดีๆโฟกัสลง ตรงเบ้าตาขวา
ของเขียดตัวนี้
จะเห็นว่า
ลูกกะตาไม่มี เพราะมันหลุดออก
จากการกระทำของคนหรือสัตว์ก็ไม่รู้
ถ้ามองแบบโลกๆ
เขาจะบอกว่า เขียดตัวนี้มันโชคร้าย
บังเอินถูกจังหวะพอดี จังหวะที่คนหรือสัตว์นั้นต้องทำร้ายทำอันตราย
ทำให้ลูกกะตาต้องหลุดออก
ถ้ามองทางพุทธศาสนา คือ
มีวิบากนำร่องให้ผล ต้องบาดเจ็บร่างกาย(ตา)
และมีกรรมให้ผลเสริมเข้าไปอีก ต้องปวดเจ็บแสบทรมาณอยู่ภายในอย่างสาหัส
ถ้าไม่มีใครตั้งใจหรือเจตนาทำร้ายเลย
ก็วิบากกรรมทำงานของมันตามธรรมชาติ
ดูดีๆโฟกัสลง ตรงเบ้าตาขวา
ของเขียดตัวนี้
จะเห็นว่า
ลูกกะตาไม่มี เพราะมันหลุดออก
จากการกระทำของคนหรือสัตว์ก็ไม่รู้
ถ้ามองแบบโลกๆ
เขาจะบอกว่า เขียดตัวนี้มันโชคร้าย
บังเอินถูกจังหวะพอดี จังหวะที่คนหรือสัตว์นั้นต้องทำร้ายทำอันตราย
ทำให้ลูกกะตาต้องหลุดออก
ถ้ามองทางพุทธศาสนา คือ
มีวิบากนำร่องให้ผล ต้องบาดเจ็บร่างกาย(ตา)
และมีกรรมให้ผลเสริมเข้าไปอีก ต้องปวดเจ็บแสบทรมาณอยู่ภายในอย่างสาหัส
ถ้าไม่มีใครตั้งใจหรือเจตนาทำร้ายเลย
ก็วิบากกรรมทำงานของมันตามธรรมชาติ
ของเขียดตัวนี้
จะเห็นว่า
ลูกกะตาไม่มี เพราะมันหลุดออก
จากการกระทำของคนหรือสัตว์ก็ไม่รู้
ถ้ามองแบบโลกๆ
เขาจะบอกว่า เขียดตัวนี้มันโชคร้าย
บังเอินถูกจังหวะพอดี จังหวะที่คนหรือสัตว์นั้นต้องทำร้ายทำอันตราย
ทำให้ลูกกะตาต้องหลุดออก
ถ้ามองทางพุทธศาสนา คือ
มีวิบากนำร่องให้ผล ต้องบาดเจ็บร่างกาย(ตา)
และมีกรรมให้ผลเสริมเข้าไปอีก ต้องปวดเจ็บแสบทรมาณอยู่ภายในอย่างสาหัส
ถ้าไม่มีใครตั้งใจหรือเจตนาทำร้ายเลย
ก็วิบากกรรมทำงานของมันตามธรรมชาติ
.
"หลวงปู่จันทา ถาวโร
ช่วยแม่พ้นนรก#
ครั้งหนึ่งหลวงปู่เคยแสดงพระธรรมเทศนาให้ญาติโยมฟัง
#
"ทีนี้ ก่อนอื่นที่จะออกบวชในศาสนานั้น
# แต่ก่อนมาโน้น ก็ยังไม่ได้ใฝ่ฝันในการบวชหรอก
ใด้เห็นพระตามสถานที่ต่าง ๆ นั้น ก็มีใจยินดีอยู่
แต่ยังไม่คิดว่า อยากจะบวช ต่อเมื่อได้สร้างโลก
(มีครอบครัว)จบสิ้นลงไปแล้ว
ทีนี้ "ก็เลยคิดอยากจะออกบวช"
ทั้งนี้ #เพราะมีความคิดถึงผู้บังเกิดเกล้า
เหล่ามารดาบิดาผู้มีพระคุณอย่างสุดยิ่ง
คิดว่าจะบวชบำเพ็ญบุญ อุทิศไปให้ท่าน
เพราะ"นักปราชญ์ทั้งหลาย"ท่านพูดว่า
จะทำอะไร เพื่อทดแทนบุญคุณของบิดามารดานั้น
# ทำได้แสนยากนัก จะไปทำไร่ทำนาค้าขาย
หารายได้จากสิ่งเหล่านั้น มาตอบแทน
"ก็ไม่สมดุลกับบุญคุณนั้น"
จะเอาบิดามารดาขึ้นมานั่งบนบ่า ถ่ายราดหนักเบา
ให้ท่านอยู่เย็นสบายทั้งวันคืน
ก็ยังไม่"สมดุล"กับบุญคุณของท่าน
# บุญคุณของมารดา_เท่ากับแผ่นดิน
บุญคุณของบิดา เท่ากับแผ่นฟ้าอากาศกว้างกลางหาว
จะหาสิ่งใดมาตอบแทนได้ไม่เสมอเหมือน
ปี ๒๔๙๐ # ก็เลยได้ออกบวช
ครั้นเมื่อออกบวชแล้ว ก็ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรม
"ด้วยการเดินจงกรม ยืนภาวนา
นั่งสมาธิ ไหว้พระสวดมนต์"เสร็จแล้ว๔ ทุ่ม ๕ ทุ่ม
" # ก็อุทิศส่วนบุญ"ไปให้ทุกวัน ว่า
“แม่ข้าพเจ้าชื่อว่า นางเลี่ยม ชมพูวิเศษ
ตายแล้วไป ตกอยู่สถานที่ใดหนอ
เป็นสุขหรือทุกข์ประการใด
ขอบุญกุศลส่วนนี้ จงไปถึงและช่วยเหลือ
ให้พ้นจากสถานที่ทุกข์ร้อนด้วยเกิด”
นั่นแหละ กระทำอยู่อย่างนั้น
ตั้งแต่ปี ๒๔๙๐ มาเป็นระยะ ๆ
จนอายุพรรษาล่วงมาได้ ๘ พรรษา
# ในสมัยหนึ่ง ได้ไปภาวนาอยู่ที่ วัดป่าหนองแซง
อ หนองวัวซอ จ อุดรธานี กับหลวงปู่บัว สิริปุณโณ
ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น
วันนั้น "ทำความเพียรอย่างหนัก"
ไม่ฉันอาหาร เดินจงกรมวันยังค่ำ
พอค่ำมาก็เข้าที่นั่งสมาธิ ตลอดทั้งคืน ไม่ยอมนอน
พอล่วงไปถึง ๔ ทุ่มความทุกข์เกิดขึ้น
ความร้อนเกิดขึ้น จนถึงเที่ยงคืนจึงดับ
พอตี ๑ ความร้อนแสบเย็นเกิดขึ้นอีกเป็นระยะ ๆ
จนกระทั่งแจ้งเป็นวันใหม่ นั่งอยู่อย่างนั้น ไม่กระดุกกระดิก
มาวันหลัง # เข้าที่นั่งสมาธิอีก จิตก็สงบ
พอจิตสงบลงไป # ก็เกิดนิมิตเห็นสัตว์ทั้งหลาย
มีกบ,เขียด,ปู,หอย,นก,หนู,ปูปีก
ที่ตนได้ฆ่าเขามาแล้วนั้น
ทั้ง"วัวและหมู"ก็ได้ทำมาแล้ว
แต่ควายไม่ได้ทำ และมนุษย์ก็ไม่ได้ทำ
สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น หลั่งไหลมาเต็มสถานที่นั้น
จึงกำหนดจิตถามไปว่า
“มาทำอะไรกันมากมายเช่นนี้ ?”
เขาก็ตอบว่า
“ได้ทราบข่าวว่าท่านมาบวชในศาสนาแล้ว
# จึงมาขอรับส่วนบุญ ขอท่านจงแบ่งส่วนบุญให้ด้วย
เพราะท่านเมื่อสมัยที่เป็นฆราวาสนั้น
" # ได้ฆ่าพวกข้าพเจ้ากินเป็นอาหาร "
ฉะนั้น ถ้าไม่แบ่งส่วนบุญให้ จะขอจองเวร จองกรรมนะ
ขอให้เป็นผู้ได้ประสบพบปะแต่เหตุเภทร้าย
อายุสั้นพลันตาย ประกอบด้วยโรคภัยนานาชนิด
ไม่มีวันจบสิ้น”
เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น
ก็เลยตั้งจิตอุทิศแบ่งส่วนบุญไปให้
และให้เขารับพระไตรสรณคมน์ และศีล ๕
แล้วก็บอกให้เขามารับ ทุกวัน
เขาก็ว่า “ดีแล้ว # นับว่าเป็นโชคลาภอันดี
จะได้มีโอกาสไปเกิดเป็นมนุษย์
เพราะภพชาติของพวกข้าพเจ้านี้
ต่ำช้าลามก ไม่มีอิทธิพลใด ๆ ทั้งสิ้น”
# ก็เลยอุทิศส่วนบุญไปให้อย่างนั้นไม่ลดละ
จนกระทั่งอายุพรรษาล่วงมาได้ ๒๐ พรรษา
ไม่พบเห็นสัตว์เหล่านั้นมาหาอีกเลย
จึงได้ไปกราบเรียนถาม"หลวงปู่บัว"
ท่านก็ว่า “ # ผมเองก็เหมือนกัน
เมื่อภาวนาจนจิตสงบลงไปแล้ว
จะเห็นฝูงสัตว์ทั้งหลาย มากันสนั่นหวั่นไหว
หลั่งไหลมาขอรับส่วนบุญ เมื่ออุทิศให้แล้ว เขาก็รับ
# แล้วไปเกิดเป็นมนุษย์
เขาไม่มาจองเวรจองกรรมอีกต่อไป
เพราะเขาเห็นว่า ภพชาติสังขารของเขานั้น
มันต่ำช้าลามก ไม่เหมือนกับพวกมนุษย์
# มนุษย์เป็นภพชาติสูงส่งยิ่งกว่าใด ๆ ทั้งหมด
สามารถทำคุณงามความดีได้ยิ่ง
เลิศประเสริฐทุกอย่าง”
นั่นแหละ ที่เรียกว่า
# การบวชบำเพ็ญบุญล้างบาป
เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็สิ้นสงสัย
ทีนี้"เรื่องการอุทิศส่วนบุญให้แม่นั้น"
พออายุพรรษาล่วงมาได้ ๒๕ พรรษา
# แม่ก็พ้นจากนรกมืด มาเกิดกับหลานสาว
พออายุได้ ๒ ปี ก็พูดจาได้ความ รู้เรื่อง
แม่ยายเขาเรียกใช้ว่า “อีหล้า
ไปหยิบของมาให้แม่หน่อย”
“มึงอย่ามาเรียกกูว่า อีหล้า กูเป็นแม่มึงนะ”
“เป็นแม่ได้อย่างไร เพิ่งเกิดมาได้ ๒ ปี”
สมบัติร่างกายนี้ ไม่ใช่แม่หรอก เป็นหลาน
แต่ว่า # ใจของฉันนั้นเป็นแม่ของพวกท่าน ”
นั่นแหละ เขาก็เลยมานิมนต์ให้ไปซักไซ้ไต่ถามดู
ก็เลยได้ความว่า เคยเป็นแม่ในชาติก่อน
เมื่อถามว่า เป็นแม่นั้น มีบุตรกี่คน
เขาก็ตอบได้ว่า มีบุตร ๖ คน
คนที่ ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, และ ๖
# เขาก็ไล่ชื่อเสียงเรียงนามได้หมด รวมทั้งสามีภรรยา
ญาติมิตรสายโลหิต ปู่ ย่า ตา ยาย เพื่อนบ้าน
เขาบอกได้ถูกต้องทุกอย่าง
ตลอดจนเรื่อง เรือนสวนไร่นานั้น
ก็บอกได้ถูกต้อง รวมทั้งหลักฐาน เครื่องหมายต่างๆ
ก็บอกได้ไม่ผิด แต่แล้วก็ยังไม่ลงเอยก้นนะ
จึงได้ถามเขาต่อไปอีก ว่า
“หลวงพ่อ คิดถึงเจ้านั่นแหละ # จึงได้ออกบวช
แล้วอุทิศส่วนบุญไปให้ ได้รับหรือไม่ ?”
เขาว่า “ได้รับ
# ได้รับแต่ตอนกลางคืน ๕ ทุ่ม ได้รับทุกคืน
แต่ตอนเช้าไม่ได้รับ ไปอยู่ที่ไหนเล่า ?”
เขาต่อว่ากลับมาอีก
“โอ๋...ตอนเช้าหลวงพ่อทำบุญน้อย
พอตี ๒ ก็ลุกขึ้นมาทุกวัน แล้วนั่งสมาธิตั้งแต่นั้นไป
จนกระทั่งรุ่งเช้าของวันใหม่ แล้วก็สวดมนต์ทำวัตรเช้า
จากนั้นก็ไปทำกิจวัตร # จึงไม่ได้อุทิศส่วนบุญไปให้
อุทิศให้เฉพาะตอนเย็นเพราะตอนเย็น
เดินจงกรมตั้งแต่ ๖ โมงเย็นไปจนถึง ๕ ทุ่ม ทุกวัน
แล้วก็หยุดยืน นั่งสมาธิ ไหว้พระสวดมนต์
อุทิศส่วนบุญไปให้ เพราะตอนเย็นนั้น
ได้บำเพ็ญบุญมาก
เขาว่า “ถ้าได้ทั้งเช้าและเย็น
# ก็คงจะพ้นจากนรกมืดได้เร็วกว่านี้ ”
ก็เลยถามเขาต่อไปว่า
“ไปอยู่ในนรกมืดนั้นเป็นอย่างไร ?”
เขาก็ว่า “ # เมื่อขาดใจแล้ว
นายนิริยบาลมาคุมตัวไปฝากไว้ในนรกมืด
ไม่มีแสงสว่างเลย มืดทั้งวันคืน
ไม่ได้เห็นแสงพระอาทิตย์ พระจันทร์เลย”
“ # ในนรกมีคนมากเท่าไหร่ ?”
“โอ๋...ดวงวิญญาณในนรกมืดนั้นแน่นขนาด
แออัดกันอยู่ # เหมือนข้าวสารยัดกระสอบนั่นแหละ ”
ทีนี้ เมื่อพวกท่านอุทิศส่วนบุญไปให้
จ่า ยมบาล ก็ว่า
“นางเลี่ยม ชมภูวิเศษ จงมารับเอาส่วนบุญ
# ที่ลูกบวชในศาสนาอุทิศมาให้ทุกวันคืน ”
นั่นแหละ ฉันก็ดีใจ เมื่อรับเอาบุญทุกวันคืน
ตั้งแต่ปี ๒๔๙๐ ไปถึง ๒๕ พรรษา
# ก็เลยพ้นจากกรรมชั่วช้าลามกทั้งหลายทั้งปวงนั้น
มาอยู่เหนืออำนาจการบังคับของจ่ายมบาล
เพราะอำนาจของบุญนั้น
"ตัดกระแสของบาปกรรมในนรกออกได้"
เขาก็ปล่อยไปตามเรื่อง หมดกรรมเวรแล้ว
ขอแม่เจ้า จงไปตามเรื่องเถิด
"จงไปเกิดที่เมืองมนุษย์ แล้วเขาก็เปิดประตูเหล็กให้"
เสียงประตูดังสั่น เหมือนฟ้าร้อง ได้เห็นแสงพระอาทิตย์สว่างจ้า ก็ดีใจ
แล้วก็หันหน้าไปร้องบอกลาพวกที่ยังอยู่ในนรก ว่า
“พี่น้องทั้งหลาย ฉันขอลาไปเกิดเมืองมนุษย์ก่อน”
พวกที่เหลืออยู่ ก็ร้องไห้กันสนั่นหวั่นไหว
"เหมือนอึ่งอ่างในฤดูฝน ไปไหนไม่ได้"
เพราะบาปกรรมรึงรัดผูกมัดไว้กับสถานที่นั้น
บาปไม่อนุญาตให้ไป เพราะยังไม่หมดเขตเวรกรรม
จากนั้น จ่า ยมบาลก็ว่า “ขอให้ไปดี
โชคแม่มีแล้ว เพราะได้ลูกเป็นนักปราชญ์ชาติเมธี
ใจดีมีศีลธรรม ออกบวชบำเพ็ญบุญส่งมาให้ก็ดีมาก
"นับว่าหาได้ยากในโลกนี้”
นั่นแหละ "ก็เห็นอำนาจของการบวชบำเพ็ญบุญ"
อุทิศส่วนบุญไปให้ แม่ไปตกนรกมืด
บุญก็ไปช่วยเหลือให้มาเกิดตระกูลเดิมได้
ก็หมดความห่วงใย อาลัยแล้ว
ได้เห็นผลประจักษ์อย่างนั้น
ทีนี้ก็ย้อนมาถามพี่สาวบ้างว่า
“ไม่ได้ทำบุญอุทิศไปให้แม่บ้างหรือ ?”
พี่สาวก็ว่า ทำ ๓ ครั้ง น้าสาว (น้องแม่)
เขาคิดถึงพี่สาวเขาก็เลยพาหลานสาว
ทำบุญอุทิศไปให้แม่ ทำถึง ๓ ครั้ง
“ทำอย่างไรเล่า ?”
น้าสาวพาทำบุญใส่เหล้าลงไปครั้งละโหลนะ
ครั้งละโหลไหใหญ่ ๆ ฝังไว้ในป่าสับปะรด
ป่ากล้วย ฆ่าวัว ฆ่าควาย
"สมัยนั้น วัวควายราคาถูก"
ทำบุญแต่ละครั้ง หมดวัวควายไป๔-๕ ตัว
ตัวละ๑๐สลึงก็มี ตัวละ ๖ สลึงก็มี
บาทหนึ่งก็มี ๕๐ สตางค์มี
สมัยนั้น วัวควายไม่มีราคา
“แล้วพระที่ไปทำบุญด้วยนั้น "มีการประพฤติปฏิบัติอย่างไร ?”
“โอ๋...พระเหล่านั้น
กินข้าวแลงแกงร้อน(กินข้าวมื้อเย็น)
เล่นสีกงสีกานารี ขุดดิน ฟันไม้
"ถือเงินบายทองใช้จ่ายเงินทองเยี่ยงฆราวาส"
และที่วัดนั้น มีหมาพรานอยู่คู่หนึ่ง
เย็นค่ำขึ้นมา ก็พาหมาเข้าป่าไปล่าสัตว์
อีเห็น กระต่าย ได้มาก็เอามาทำอาหารกิน
กินเหล้า กินยาต่าง ๆ นานา”
ถ้าทำบุญอย่างนั้น ก็ไม่ได้บุญหรอก
ถึงจะอุทิศไปให้ก็ไม้ได้รับหรอก
เหตุที่อุทิศให้ไม่ถึง ก็เพราะ
๑ ฆ่าวัว ฆ่าควาย กรรมของสัตว์นั่นไปขวางไว้
๒ ผู้รับทานนั้น เป็นพระทุศีล
พระทุศีลอุทิศให้ไม่ถึงนะ
เพราะเครื่องส่ง คือศีลนั้นมันขาด
ขาดศีลเป็นเครื่องส่งบุญ แม้ตัวพระเองก็ไม่ได้รับ
เพราะมีแต่บาป จะรับไทยทาน
ส่งไปให้ผู้อยู่โลกหน้า ก็ไม่ถึงทั้งนั้น
นั่นแหละ
เรื่องการบวชใช้หนี้แทนสินพ่อแม่ผู้บังเกิดเกล้า
ก็จบสิ้นบริบูรณ์ทุกอย่าง แล้ว
ก็เบาใจ เบากาย นี่แหละ
"เรื่องการบวช" ก็ต้องมีเครื่องยึด
เครื่องอยากได้ มันจึงจะบวชได้ ยึดอยากได้สวรรค์ นิพพาน
มันจึงพอใจออกบวชได้ นอกนั้นไม่มี
.
"หลวงปู่จันทา ถาวโร
ช่วยแม่พ้นนรก#
ครั้งหนึ่งหลวงปู่เคยแสดงพระธรรมเทศนาให้ญาติโยมฟัง
#
"ทีนี้ ก่อนอื่นที่จะออกบวชในศาสนานั้น
# แต่ก่อนมาโน้น ก็ยังไม่ได้ใฝ่ฝันในการบวชหรอก
ใด้เห็นพระตามสถานที่ต่าง ๆ นั้น ก็มีใจยินดีอยู่
แต่ยังไม่คิดว่า อยากจะบวช ต่อเมื่อได้สร้างโลก
(มีครอบครัว)จบสิ้นลงไปแล้ว
ทีนี้ "ก็เลยคิดอยากจะออกบวช"
ทั้งนี้ #เพราะมีความคิดถึงผู้บังเกิดเกล้า
เหล่ามารดาบิดาผู้มีพระคุณอย่างสุดยิ่ง
คิดว่าจะบวชบำเพ็ญบุญ อุทิศไปให้ท่าน
เพราะ"นักปราชญ์ทั้งหลาย"ท่านพูดว่า
จะทำอะไร เพื่อทดแทนบุญคุณของบิดามารดานั้น
# ทำได้แสนยากนัก จะไปทำไร่ทำนาค้าขาย
หารายได้จากสิ่งเหล่านั้น มาตอบแทน
"ก็ไม่สมดุลกับบุญคุณนั้น"
จะเอาบิดามารดาขึ้นมานั่งบนบ่า ถ่ายราดหนักเบา
ให้ท่านอยู่เย็นสบายทั้งวันคืน
ก็ยังไม่"สมดุล"กับบุญคุณของท่าน
# บุญคุณของมารดา_เท่ากับแผ่นดิน
บุญคุณของบิดา เท่ากับแผ่นฟ้าอากาศกว้างกลางหาว
จะหาสิ่งใดมาตอบแทนได้ไม่เสมอเหมือน
ปี ๒๔๙๐ # ก็เลยได้ออกบวช
ครั้นเมื่อออกบวชแล้ว ก็ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรม
"ด้วยการเดินจงกรม ยืนภาวนา
นั่งสมาธิ ไหว้พระสวดมนต์"เสร็จแล้ว๔ ทุ่ม ๕ ทุ่ม
" # ก็อุทิศส่วนบุญ"ไปให้ทุกวัน ว่า
“แม่ข้าพเจ้าชื่อว่า นางเลี่ยม ชมพูวิเศษ
ตายแล้วไป ตกอยู่สถานที่ใดหนอ
เป็นสุขหรือทุกข์ประการใด
ขอบุญกุศลส่วนนี้ จงไปถึงและช่วยเหลือ
ให้พ้นจากสถานที่ทุกข์ร้อนด้วยเกิด”
นั่นแหละ กระทำอยู่อย่างนั้น
ตั้งแต่ปี ๒๔๙๐ มาเป็นระยะ ๆ
จนอายุพรรษาล่วงมาได้ ๘ พรรษา
# ในสมัยหนึ่ง ได้ไปภาวนาอยู่ที่ วัดป่าหนองแซง
อ หนองวัวซอ จ อุดรธานี กับหลวงปู่บัว สิริปุณโณ
ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น
วันนั้น "ทำความเพียรอย่างหนัก"
ไม่ฉันอาหาร เดินจงกรมวันยังค่ำ
พอค่ำมาก็เข้าที่นั่งสมาธิ ตลอดทั้งคืน ไม่ยอมนอน
พอล่วงไปถึง ๔ ทุ่มความทุกข์เกิดขึ้น
ความร้อนเกิดขึ้น จนถึงเที่ยงคืนจึงดับ
พอตี ๑ ความร้อนแสบเย็นเกิดขึ้นอีกเป็นระยะ ๆ
จนกระทั่งแจ้งเป็นวันใหม่ นั่งอยู่อย่างนั้น ไม่กระดุกกระดิก
มาวันหลัง # เข้าที่นั่งสมาธิอีก จิตก็สงบ
พอจิตสงบลงไป # ก็เกิดนิมิตเห็นสัตว์ทั้งหลาย
มีกบ,เขียด,ปู,หอย,นก,หนู,ปูปีก
ที่ตนได้ฆ่าเขามาแล้วนั้น
ทั้ง"วัวและหมู"ก็ได้ทำมาแล้ว
แต่ควายไม่ได้ทำ และมนุษย์ก็ไม่ได้ทำ
สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น หลั่งไหลมาเต็มสถานที่นั้น
จึงกำหนดจิตถามไปว่า
“มาทำอะไรกันมากมายเช่นนี้ ?”
เขาก็ตอบว่า
“ได้ทราบข่าวว่าท่านมาบวชในศาสนาแล้ว
# จึงมาขอรับส่วนบุญ ขอท่านจงแบ่งส่วนบุญให้ด้วย
เพราะท่านเมื่อสมัยที่เป็นฆราวาสนั้น
" # ได้ฆ่าพวกข้าพเจ้ากินเป็นอาหาร "
ฉะนั้น ถ้าไม่แบ่งส่วนบุญให้ จะขอจองเวร จองกรรมนะ
ขอให้เป็นผู้ได้ประสบพบปะแต่เหตุเภทร้าย
อายุสั้นพลันตาย ประกอบด้วยโรคภัยนานาชนิด
ไม่มีวันจบสิ้น”
เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น
ก็เลยตั้งจิตอุทิศแบ่งส่วนบุญไปให้
และให้เขารับพระไตรสรณคมน์ และศีล ๕
แล้วก็บอกให้เขามารับ ทุกวัน
เขาก็ว่า “ดีแล้ว # นับว่าเป็นโชคลาภอันดี
จะได้มีโอกาสไปเกิดเป็นมนุษย์
เพราะภพชาติของพวกข้าพเจ้านี้
ต่ำช้าลามก ไม่มีอิทธิพลใด ๆ ทั้งสิ้น”
# ก็เลยอุทิศส่วนบุญไปให้อย่างนั้นไม่ลดละ
จนกระทั่งอายุพรรษาล่วงมาได้ ๒๐ พรรษา
ไม่พบเห็นสัตว์เหล่านั้นมาหาอีกเลย
จึงได้ไปกราบเรียนถาม"หลวงปู่บัว"
ท่านก็ว่า “ # ผมเองก็เหมือนกัน
เมื่อภาวนาจนจิตสงบลงไปแล้ว
จะเห็นฝูงสัตว์ทั้งหลาย มากันสนั่นหวั่นไหว
หลั่งไหลมาขอรับส่วนบุญ เมื่ออุทิศให้แล้ว เขาก็รับ
# แล้วไปเกิดเป็นมนุษย์
เขาไม่มาจองเวรจองกรรมอีกต่อไป
เพราะเขาเห็นว่า ภพชาติสังขารของเขานั้น
มันต่ำช้าลามก ไม่เหมือนกับพวกมนุษย์
# มนุษย์เป็นภพชาติสูงส่งยิ่งกว่าใด ๆ ทั้งหมด
สามารถทำคุณงามความดีได้ยิ่ง
เลิศประเสริฐทุกอย่าง”
นั่นแหละ ที่เรียกว่า
# การบวชบำเพ็ญบุญล้างบาป
เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็สิ้นสงสัย
ทีนี้"เรื่องการอุทิศส่วนบุญให้แม่นั้น"
พออายุพรรษาล่วงมาได้ ๒๕ พรรษา
# แม่ก็พ้นจากนรกมืด มาเกิดกับหลานสาว
พออายุได้ ๒ ปี ก็พูดจาได้ความ รู้เรื่อง
แม่ยายเขาเรียกใช้ว่า “อีหล้า
ไปหยิบของมาให้แม่หน่อย”
“มึงอย่ามาเรียกกูว่า อีหล้า กูเป็นแม่มึงนะ”
“เป็นแม่ได้อย่างไร เพิ่งเกิดมาได้ ๒ ปี”
สมบัติร่างกายนี้ ไม่ใช่แม่หรอก เป็นหลาน
แต่ว่า # ใจของฉันนั้นเป็นแม่ของพวกท่าน ”
นั่นแหละ เขาก็เลยมานิมนต์ให้ไปซักไซ้ไต่ถามดู
ก็เลยได้ความว่า เคยเป็นแม่ในชาติก่อน
เมื่อถามว่า เป็นแม่นั้น มีบุตรกี่คน
เขาก็ตอบได้ว่า มีบุตร ๖ คน
คนที่ ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, และ ๖
# เขาก็ไล่ชื่อเสียงเรียงนามได้หมด รวมทั้งสามีภรรยา
ญาติมิตรสายโลหิต ปู่ ย่า ตา ยาย เพื่อนบ้าน
เขาบอกได้ถูกต้องทุกอย่าง
ตลอดจนเรื่อง เรือนสวนไร่นานั้น
ก็บอกได้ถูกต้อง รวมทั้งหลักฐาน เครื่องหมายต่างๆ
ก็บอกได้ไม่ผิด แต่แล้วก็ยังไม่ลงเอยก้นนะ
จึงได้ถามเขาต่อไปอีก ว่า
“หลวงพ่อ คิดถึงเจ้านั่นแหละ # จึงได้ออกบวช
แล้วอุทิศส่วนบุญไปให้ ได้รับหรือไม่ ?”
เขาว่า “ได้รับ
# ได้รับแต่ตอนกลางคืน ๕ ทุ่ม ได้รับทุกคืน
แต่ตอนเช้าไม่ได้รับ ไปอยู่ที่ไหนเล่า ?”
เขาต่อว่ากลับมาอีก
“โอ๋...ตอนเช้าหลวงพ่อทำบุญน้อย
พอตี ๒ ก็ลุกขึ้นมาทุกวัน แล้วนั่งสมาธิตั้งแต่นั้นไป
จนกระทั่งรุ่งเช้าของวันใหม่ แล้วก็สวดมนต์ทำวัตรเช้า
จากนั้นก็ไปทำกิจวัตร # จึงไม่ได้อุทิศส่วนบุญไปให้
อุทิศให้เฉพาะตอนเย็นเพราะตอนเย็น
เดินจงกรมตั้งแต่ ๖ โมงเย็นไปจนถึง ๕ ทุ่ม ทุกวัน
แล้วก็หยุดยืน นั่งสมาธิ ไหว้พระสวดมนต์
อุทิศส่วนบุญไปให้ เพราะตอนเย็นนั้น
ได้บำเพ็ญบุญมาก
เขาว่า “ถ้าได้ทั้งเช้าและเย็น
# ก็คงจะพ้นจากนรกมืดได้เร็วกว่านี้ ”
ก็เลยถามเขาต่อไปว่า
“ไปอยู่ในนรกมืดนั้นเป็นอย่างไร ?”
เขาก็ว่า “ # เมื่อขาดใจแล้ว
นายนิริยบาลมาคุมตัวไปฝากไว้ในนรกมืด
ไม่มีแสงสว่างเลย มืดทั้งวันคืน
ไม่ได้เห็นแสงพระอาทิตย์ พระจันทร์เลย”
“ # ในนรกมีคนมากเท่าไหร่ ?”
“โอ๋...ดวงวิญญาณในนรกมืดนั้นแน่นขนาด
แออัดกันอยู่ # เหมือนข้าวสารยัดกระสอบนั่นแหละ ”
ทีนี้ เมื่อพวกท่านอุทิศส่วนบุญไปให้
จ่า ยมบาล ก็ว่า
“นางเลี่ยม ชมภูวิเศษ จงมารับเอาส่วนบุญ
# ที่ลูกบวชในศาสนาอุทิศมาให้ทุกวันคืน ”
นั่นแหละ ฉันก็ดีใจ เมื่อรับเอาบุญทุกวันคืน
ตั้งแต่ปี ๒๔๙๐ ไปถึง ๒๕ พรรษา
# ก็เลยพ้นจากกรรมชั่วช้าลามกทั้งหลายทั้งปวงนั้น
มาอยู่เหนืออำนาจการบังคับของจ่ายมบาล
เพราะอำนาจของบุญนั้น
"ตัดกระแสของบาปกรรมในนรกออกได้"
เขาก็ปล่อยไปตามเรื่อง หมดกรรมเวรแล้ว
ขอแม่เจ้า จงไปตามเรื่องเถิด
"จงไปเกิดที่เมืองมนุษย์ แล้วเขาก็เปิดประตูเหล็กให้"
เสียงประตูดังสั่น เหมือนฟ้าร้อง ได้เห็นแสงพระอาทิตย์สว่างจ้า ก็ดีใจ
แล้วก็หันหน้าไปร้องบอกลาพวกที่ยังอยู่ในนรก ว่า
“พี่น้องทั้งหลาย ฉันขอลาไปเกิดเมืองมนุษย์ก่อน”
พวกที่เหลืออยู่ ก็ร้องไห้กันสนั่นหวั่นไหว
"เหมือนอึ่งอ่างในฤดูฝน ไปไหนไม่ได้"
เพราะบาปกรรมรึงรัดผูกมัดไว้กับสถานที่นั้น
บาปไม่อนุญาตให้ไป เพราะยังไม่หมดเขตเวรกรรม
จากนั้น จ่า ยมบาลก็ว่า “ขอให้ไปดี
โชคแม่มีแล้ว เพราะได้ลูกเป็นนักปราชญ์ชาติเมธี
ใจดีมีศีลธรรม ออกบวชบำเพ็ญบุญส่งมาให้ก็ดีมาก
"นับว่าหาได้ยากในโลกนี้”
นั่นแหละ "ก็เห็นอำนาจของการบวชบำเพ็ญบุญ"
อุทิศส่วนบุญไปให้ แม่ไปตกนรกมืด
บุญก็ไปช่วยเหลือให้มาเกิดตระกูลเดิมได้
ก็หมดความห่วงใย อาลัยแล้ว
ได้เห็นผลประจักษ์อย่างนั้น
ทีนี้ก็ย้อนมาถามพี่สาวบ้างว่า
“ไม่ได้ทำบุญอุทิศไปให้แม่บ้างหรือ ?”
พี่สาวก็ว่า ทำ ๓ ครั้ง น้าสาว (น้องแม่)
เขาคิดถึงพี่สาวเขาก็เลยพาหลานสาว
ทำบุญอุทิศไปให้แม่ ทำถึง ๓ ครั้ง
“ทำอย่างไรเล่า ?”
น้าสาวพาทำบุญใส่เหล้าลงไปครั้งละโหลนะ
ครั้งละโหลไหใหญ่ ๆ ฝังไว้ในป่าสับปะรด
ป่ากล้วย ฆ่าวัว ฆ่าควาย
"สมัยนั้น วัวควายราคาถูก"
ทำบุญแต่ละครั้ง หมดวัวควายไป๔-๕ ตัว
ตัวละ๑๐สลึงก็มี ตัวละ ๖ สลึงก็มี
บาทหนึ่งก็มี ๕๐ สตางค์มี
สมัยนั้น วัวควายไม่มีราคา
“แล้วพระที่ไปทำบุญด้วยนั้น "มีการประพฤติปฏิบัติอย่างไร ?”
“โอ๋...พระเหล่านั้น
กินข้าวแลงแกงร้อน(กินข้าวมื้อเย็น)
เล่นสีกงสีกานารี ขุดดิน ฟันไม้
"ถือเงินบายทองใช้จ่ายเงินทองเยี่ยงฆราวาส"
และที่วัดนั้น มีหมาพรานอยู่คู่หนึ่ง
เย็นค่ำขึ้นมา ก็พาหมาเข้าป่าไปล่าสัตว์
อีเห็น กระต่าย ได้มาก็เอามาทำอาหารกิน
กินเหล้า กินยาต่าง ๆ นานา”
ถ้าทำบุญอย่างนั้น ก็ไม่ได้บุญหรอก
ถึงจะอุทิศไปให้ก็ไม้ได้รับหรอก
เหตุที่อุทิศให้ไม่ถึง ก็เพราะ
๑ ฆ่าวัว ฆ่าควาย กรรมของสัตว์นั่นไปขวางไว้
๒ ผู้รับทานนั้น เป็นพระทุศีล
พระทุศีลอุทิศให้ไม่ถึงนะ
เพราะเครื่องส่ง คือศีลนั้นมันขาด
ขาดศีลเป็นเครื่องส่งบุญ แม้ตัวพระเองก็ไม่ได้รับ
เพราะมีแต่บาป จะรับไทยทาน
ส่งไปให้ผู้อยู่โลกหน้า ก็ไม่ถึงทั้งนั้น
นั่นแหละ
เรื่องการบวชใช้หนี้แทนสินพ่อแม่ผู้บังเกิดเกล้า
ก็จบสิ้นบริบูรณ์ทุกอย่าง แล้ว
ก็เบาใจ เบากาย นี่แหละ
"เรื่องการบวช" ก็ต้องมีเครื่องยึด
เครื่องอยากได้ มันจึงจะบวชได้ ยึดอยากได้สวรรค์ นิพพาน
มันจึงพอใจออกบวชได้ นอกนั้นไม่มี
"หลวงปู่จันทา ถาวโร
ช่วยแม่พ้นนรก#
ครั้งหนึ่งหลวงปู่เคยแสดงพระธรรมเทศนาให้ญาติโยมฟัง
#
"ทีนี้ ก่อนอื่นที่จะออกบวชในศาสนานั้น
# แต่ก่อนมาโน้น ก็ยังไม่ได้ใฝ่ฝันในการบวชหรอก
ใด้เห็นพระตามสถานที่ต่าง ๆ นั้น ก็มีใจยินดีอยู่
แต่ยังไม่คิดว่า อยากจะบวช ต่อเมื่อได้สร้างโลก
(มีครอบครัว)จบสิ้นลงไปแล้ว
ทีนี้ "ก็เลยคิดอยากจะออกบวช"
ทั้งนี้ #เพราะมีความคิดถึงผู้บังเกิดเกล้า
เหล่ามารดาบิดาผู้มีพระคุณอย่างสุดยิ่ง
คิดว่าจะบวชบำเพ็ญบุญ อุทิศไปให้ท่าน
เพราะ"นักปราชญ์ทั้งหลาย"ท่านพูดว่า
จะทำอะไร เพื่อทดแทนบุญคุณของบิดามารดานั้น
# ทำได้แสนยากนัก จะไปทำไร่ทำนาค้าขาย
หารายได้จากสิ่งเหล่านั้น มาตอบแทน
"ก็ไม่สมดุลกับบุญคุณนั้น"
จะเอาบิดามารดาขึ้นมานั่งบนบ่า ถ่ายราดหนักเบา
ให้ท่านอยู่เย็นสบายทั้งวันคืน
ก็ยังไม่"สมดุล"กับบุญคุณของท่าน
# บุญคุณของมารดา_เท่ากับแผ่นดิน
บุญคุณของบิดา เท่ากับแผ่นฟ้าอากาศกว้างกลางหาว
จะหาสิ่งใดมาตอบแทนได้ไม่เสมอเหมือน
ปี ๒๔๙๐ # ก็เลยได้ออกบวช
ครั้นเมื่อออกบวชแล้ว ก็ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรม
"ด้วยการเดินจงกรม ยืนภาวนา
นั่งสมาธิ ไหว้พระสวดมนต์"เสร็จแล้ว๔ ทุ่ม ๕ ทุ่ม
" # ก็อุทิศส่วนบุญ"ไปให้ทุกวัน ว่า
“แม่ข้าพเจ้าชื่อว่า นางเลี่ยม ชมพูวิเศษ
ตายแล้วไป ตกอยู่สถานที่ใดหนอ
เป็นสุขหรือทุกข์ประการใด
ขอบุญกุศลส่วนนี้ จงไปถึงและช่วยเหลือ
ให้พ้นจากสถานที่ทุกข์ร้อนด้วยเกิด”
นั่นแหละ กระทำอยู่อย่างนั้น
ตั้งแต่ปี ๒๔๙๐ มาเป็นระยะ ๆ
จนอายุพรรษาล่วงมาได้ ๘ พรรษา
# ในสมัยหนึ่ง ได้ไปภาวนาอยู่ที่ วัดป่าหนองแซง
อ หนองวัวซอ จ อุดรธานี กับหลวงปู่บัว สิริปุณโณ
ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น
วันนั้น "ทำความเพียรอย่างหนัก"
ไม่ฉันอาหาร เดินจงกรมวันยังค่ำ
พอค่ำมาก็เข้าที่นั่งสมาธิ ตลอดทั้งคืน ไม่ยอมนอน
พอล่วงไปถึง ๔ ทุ่มความทุกข์เกิดขึ้น
ความร้อนเกิดขึ้น จนถึงเที่ยงคืนจึงดับ
พอตี ๑ ความร้อนแสบเย็นเกิดขึ้นอีกเป็นระยะ ๆ
จนกระทั่งแจ้งเป็นวันใหม่ นั่งอยู่อย่างนั้น ไม่กระดุกกระดิก
มาวันหลัง # เข้าที่นั่งสมาธิอีก จิตก็สงบ
พอจิตสงบลงไป # ก็เกิดนิมิตเห็นสัตว์ทั้งหลาย
มีกบ,เขียด,ปู,หอย,นก,หนู,ปูปีก
ที่ตนได้ฆ่าเขามาแล้วนั้น
ทั้ง"วัวและหมู"ก็ได้ทำมาแล้ว
แต่ควายไม่ได้ทำ และมนุษย์ก็ไม่ได้ทำ
สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น หลั่งไหลมาเต็มสถานที่นั้น
จึงกำหนดจิตถามไปว่า
“มาทำอะไรกันมากมายเช่นนี้ ?”
เขาก็ตอบว่า
“ได้ทราบข่าวว่าท่านมาบวชในศาสนาแล้ว
# จึงมาขอรับส่วนบุญ ขอท่านจงแบ่งส่วนบุญให้ด้วย
เพราะท่านเมื่อสมัยที่เป็นฆราวาสนั้น
" # ได้ฆ่าพวกข้าพเจ้ากินเป็นอาหาร "
ฉะนั้น ถ้าไม่แบ่งส่วนบุญให้ จะขอจองเวร จองกรรมนะ
ขอให้เป็นผู้ได้ประสบพบปะแต่เหตุเภทร้าย
อายุสั้นพลันตาย ประกอบด้วยโรคภัยนานาชนิด
ไม่มีวันจบสิ้น”
เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น
ก็เลยตั้งจิตอุทิศแบ่งส่วนบุญไปให้
และให้เขารับพระไตรสรณคมน์ และศีล ๕
แล้วก็บอกให้เขามารับ ทุกวัน
เขาก็ว่า “ดีแล้ว # นับว่าเป็นโชคลาภอันดี
จะได้มีโอกาสไปเกิดเป็นมนุษย์
เพราะภพชาติของพวกข้าพเจ้านี้
ต่ำช้าลามก ไม่มีอิทธิพลใด ๆ ทั้งสิ้น”
# ก็เลยอุทิศส่วนบุญไปให้อย่างนั้นไม่ลดละ
จนกระทั่งอายุพรรษาล่วงมาได้ ๒๐ พรรษา
ไม่พบเห็นสัตว์เหล่านั้นมาหาอีกเลย
จึงได้ไปกราบเรียนถาม"หลวงปู่บัว"
ท่านก็ว่า “ # ผมเองก็เหมือนกัน
เมื่อภาวนาจนจิตสงบลงไปแล้ว
จะเห็นฝูงสัตว์ทั้งหลาย มากันสนั่นหวั่นไหว
หลั่งไหลมาขอรับส่วนบุญ เมื่ออุทิศให้แล้ว เขาก็รับ
# แล้วไปเกิดเป็นมนุษย์
เขาไม่มาจองเวรจองกรรมอีกต่อไป
เพราะเขาเห็นว่า ภพชาติสังขารของเขานั้น
มันต่ำช้าลามก ไม่เหมือนกับพวกมนุษย์
# มนุษย์เป็นภพชาติสูงส่งยิ่งกว่าใด ๆ ทั้งหมด
สามารถทำคุณงามความดีได้ยิ่ง
เลิศประเสริฐทุกอย่าง”
นั่นแหละ ที่เรียกว่า
# การบวชบำเพ็ญบุญล้างบาป
เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็สิ้นสงสัย
ทีนี้"เรื่องการอุทิศส่วนบุญให้แม่นั้น"
พออายุพรรษาล่วงมาได้ ๒๕ พรรษา
# แม่ก็พ้นจากนรกมืด มาเกิดกับหลานสาว
พออายุได้ ๒ ปี ก็พูดจาได้ความ รู้เรื่อง
แม่ยายเขาเรียกใช้ว่า “อีหล้า
ไปหยิบของมาให้แม่หน่อย”
“มึงอย่ามาเรียกกูว่า อีหล้า กูเป็นแม่มึงนะ”
“เป็นแม่ได้อย่างไร เพิ่งเกิดมาได้ ๒ ปี”
สมบัติร่างกายนี้ ไม่ใช่แม่หรอก เป็นหลาน
แต่ว่า # ใจของฉันนั้นเป็นแม่ของพวกท่าน ”
นั่นแหละ เขาก็เลยมานิมนต์ให้ไปซักไซ้ไต่ถามดู
ก็เลยได้ความว่า เคยเป็นแม่ในชาติก่อน
เมื่อถามว่า เป็นแม่นั้น มีบุตรกี่คน
เขาก็ตอบได้ว่า มีบุตร ๖ คน
คนที่ ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, และ ๖
# เขาก็ไล่ชื่อเสียงเรียงนามได้หมด รวมทั้งสามีภรรยา
ญาติมิตรสายโลหิต ปู่ ย่า ตา ยาย เพื่อนบ้าน
เขาบอกได้ถูกต้องทุกอย่าง
ตลอดจนเรื่อง เรือนสวนไร่นานั้น
ก็บอกได้ถูกต้อง รวมทั้งหลักฐาน เครื่องหมายต่างๆ
ก็บอกได้ไม่ผิด แต่แล้วก็ยังไม่ลงเอยก้นนะ
จึงได้ถามเขาต่อไปอีก ว่า
“หลวงพ่อ คิดถึงเจ้านั่นแหละ # จึงได้ออกบวช
แล้วอุทิศส่วนบุญไปให้ ได้รับหรือไม่ ?”
เขาว่า “ได้รับ
# ได้รับแต่ตอนกลางคืน ๕ ทุ่ม ได้รับทุกคืน
แต่ตอนเช้าไม่ได้รับ ไปอยู่ที่ไหนเล่า ?”
เขาต่อว่ากลับมาอีก
“โอ๋...ตอนเช้าหลวงพ่อทำบุญน้อย
พอตี ๒ ก็ลุกขึ้นมาทุกวัน แล้วนั่งสมาธิตั้งแต่นั้นไป
จนกระทั่งรุ่งเช้าของวันใหม่ แล้วก็สวดมนต์ทำวัตรเช้า
จากนั้นก็ไปทำกิจวัตร # จึงไม่ได้อุทิศส่วนบุญไปให้
อุทิศให้เฉพาะตอนเย็นเพราะตอนเย็น
เดินจงกรมตั้งแต่ ๖ โมงเย็นไปจนถึง ๕ ทุ่ม ทุกวัน
แล้วก็หยุดยืน นั่งสมาธิ ไหว้พระสวดมนต์
อุทิศส่วนบุญไปให้ เพราะตอนเย็นนั้น
ได้บำเพ็ญบุญมาก
เขาว่า “ถ้าได้ทั้งเช้าและเย็น
# ก็คงจะพ้นจากนรกมืดได้เร็วกว่านี้ ”
ก็เลยถามเขาต่อไปว่า
“ไปอยู่ในนรกมืดนั้นเป็นอย่างไร ?”
เขาก็ว่า “ # เมื่อขาดใจแล้ว
นายนิริยบาลมาคุมตัวไปฝากไว้ในนรกมืด
ไม่มีแสงสว่างเลย มืดทั้งวันคืน
ไม่ได้เห็นแสงพระอาทิตย์ พระจันทร์เลย”
“ # ในนรกมีคนมากเท่าไหร่ ?”
“โอ๋...ดวงวิญญาณในนรกมืดนั้นแน่นขนาด
แออัดกันอยู่ # เหมือนข้าวสารยัดกระสอบนั่นแหละ ”
ทีนี้ เมื่อพวกท่านอุทิศส่วนบุญไปให้
จ่า ยมบาล ก็ว่า
“นางเลี่ยม ชมภูวิเศษ จงมารับเอาส่วนบุญ
# ที่ลูกบวชในศาสนาอุทิศมาให้ทุกวันคืน ”
นั่นแหละ ฉันก็ดีใจ เมื่อรับเอาบุญทุกวันคืน
ตั้งแต่ปี ๒๔๙๐ ไปถึง ๒๕ พรรษา
# ก็เลยพ้นจากกรรมชั่วช้าลามกทั้งหลายทั้งปวงนั้น
มาอยู่เหนืออำนาจการบังคับของจ่ายมบาล
เพราะอำนาจของบุญนั้น
"ตัดกระแสของบาปกรรมในนรกออกได้"
เขาก็ปล่อยไปตามเรื่อง หมดกรรมเวรแล้ว
ขอแม่เจ้า จงไปตามเรื่องเถิด
"จงไปเกิดที่เมืองมนุษย์ แล้วเขาก็เปิดประตูเหล็กให้"
เสียงประตูดังสั่น เหมือนฟ้าร้อง ได้เห็นแสงพระอาทิตย์สว่างจ้า ก็ดีใจ
แล้วก็หันหน้าไปร้องบอกลาพวกที่ยังอยู่ในนรก ว่า
“พี่น้องทั้งหลาย ฉันขอลาไปเกิดเมืองมนุษย์ก่อน”
พวกที่เหลืออยู่ ก็ร้องไห้กันสนั่นหวั่นไหว
"เหมือนอึ่งอ่างในฤดูฝน ไปไหนไม่ได้"
เพราะบาปกรรมรึงรัดผูกมัดไว้กับสถานที่นั้น
บาปไม่อนุญาตให้ไป เพราะยังไม่หมดเขตเวรกรรม
จากนั้น จ่า ยมบาลก็ว่า “ขอให้ไปดี
โชคแม่มีแล้ว เพราะได้ลูกเป็นนักปราชญ์ชาติเมธี
ใจดีมีศีลธรรม ออกบวชบำเพ็ญบุญส่งมาให้ก็ดีมาก
"นับว่าหาได้ยากในโลกนี้”
นั่นแหละ "ก็เห็นอำนาจของการบวชบำเพ็ญบุญ"
อุทิศส่วนบุญไปให้ แม่ไปตกนรกมืด
บุญก็ไปช่วยเหลือให้มาเกิดตระกูลเดิมได้
ก็หมดความห่วงใย อาลัยแล้ว
ได้เห็นผลประจักษ์อย่างนั้น
ทีนี้ก็ย้อนมาถามพี่สาวบ้างว่า
“ไม่ได้ทำบุญอุทิศไปให้แม่บ้างหรือ ?”
พี่สาวก็ว่า ทำ ๓ ครั้ง น้าสาว (น้องแม่)
เขาคิดถึงพี่สาวเขาก็เลยพาหลานสาว
ทำบุญอุทิศไปให้แม่ ทำถึง ๓ ครั้ง
“ทำอย่างไรเล่า ?”
น้าสาวพาทำบุญใส่เหล้าลงไปครั้งละโหลนะ
ครั้งละโหลไหใหญ่ ๆ ฝังไว้ในป่าสับปะรด
ป่ากล้วย ฆ่าวัว ฆ่าควาย
"สมัยนั้น วัวควายราคาถูก"
ทำบุญแต่ละครั้ง หมดวัวควายไป๔-๕ ตัว
ตัวละ๑๐สลึงก็มี ตัวละ ๖ สลึงก็มี
บาทหนึ่งก็มี ๕๐ สตางค์มี
สมัยนั้น วัวควายไม่มีราคา
“แล้วพระที่ไปทำบุญด้วยนั้น "มีการประพฤติปฏิบัติอย่างไร ?”
“โอ๋...พระเหล่านั้น
กินข้าวแลงแกงร้อน(กินข้าวมื้อเย็น)
เล่นสีกงสีกานารี ขุดดิน ฟันไม้
"ถือเงินบายทองใช้จ่ายเงินทองเยี่ยงฆราวาส"
และที่วัดนั้น มีหมาพรานอยู่คู่หนึ่ง
เย็นค่ำขึ้นมา ก็พาหมาเข้าป่าไปล่าสัตว์
อีเห็น กระต่าย ได้มาก็เอามาทำอาหารกิน
กินเหล้า กินยาต่าง ๆ นานา”
ถ้าทำบุญอย่างนั้น ก็ไม่ได้บุญหรอก
ถึงจะอุทิศไปให้ก็ไม้ได้รับหรอก
เหตุที่อุทิศให้ไม่ถึง ก็เพราะ
๑ ฆ่าวัว ฆ่าควาย กรรมของสัตว์นั่นไปขวางไว้
๒ ผู้รับทานนั้น เป็นพระทุศีล
พระทุศีลอุทิศให้ไม่ถึงนะ
เพราะเครื่องส่ง คือศีลนั้นมันขาด
ขาดศีลเป็นเครื่องส่งบุญ แม้ตัวพระเองก็ไม่ได้รับ
เพราะมีแต่บาป จะรับไทยทาน
ส่งไปให้ผู้อยู่โลกหน้า ก็ไม่ถึงทั้งนั้น
นั่นแหละ
เรื่องการบวชใช้หนี้แทนสินพ่อแม่ผู้บังเกิดเกล้า
ก็จบสิ้นบริบูรณ์ทุกอย่าง แล้ว
ก็เบาใจ เบากาย นี่แหละ
"เรื่องการบวช" ก็ต้องมีเครื่องยึด
เครื่องอยากได้ มันจึงจะบวชได้ ยึดอยากได้สวรรค์ นิพพาน
มันจึงพอใจออกบวชได้ นอกนั้นไม่มี
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 15, 2015 7:14:04am
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 16, 2015 8:15:52am
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 16, 2015 9:07:46am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.
เทศน์อบรมพระ ณ วัดบูรพาราม สุรินทร์
เมื่อวันที่ ๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๑
ฝากไว้เป็นข้อคิด
ถูกต้องแล้ว นั่งภาวนานี้คืองานของพระ เถลไถลหาดูที.วี. วิดีโอ เทวทัต
โทรศัพท์มือถือ เดี๋ยวนี้ถือว่าเป็นกิจของสงฆ์แล้วนะ พวกหนังสือพิมพ์ เพลิดเพลิน
เป็นบ้าตามโลก วิทยุ เทวทัต วิดีโอ โทรศัพท์มือถือ เวลานี้คือกิจของสงฆ์ไป
แล้วนะ กิจของสงฆ์ประเภทนี้กำลังทำลายศาสนาเวลานี้ จะไม่มีวัดวาอาว
าสเหลืออยู่เลย ดีไม่ดีคนจะไม่ใส่บาตร..วัดร้าง เพราะกิจสงฆ์เหล่านี้
เข้าไปทำลาย เวลามาทำประโยชน์ให้โลกนี้ไม่ใช่กิจสงฆ์ เวลาเอาเทวทัต
วิดีโอ โทรศัพท์มือถือ เข้ามาในวัดนั้นคือกิจสงฆ์ สมัยปัจจุบันนี้เป็นอย่างนั้นนะ
เทียบเอา พิจารณาซิ
เราพูดตามหลักความจริง ไม่อ้อมค้อม ธรรมพระพุทธเจ้าเป็นภาษาที่สะอา
ด พูดอย่างตรงไปตรงมา เรียกภาษาที่สะอาด ภาษาที่เชื่อถือได้คือธรรม
ที่เชื่อถือไม่ได้เลยคือกิเลส แต่โลกชอบเชื่อมัน นี่ละกองทัพมหาภ
ัยที่กำลังทำลายศาสนาเวลานี้ ในวงวัดวงวาศาสนาของเรานี้
ถูกทำลายด้วยมหาภัยสี่ห้าอย่างนี้ เวลานี้กำลังเต็มบ้านเต็มเมือง
เต็มวัดเต็มวา เต็มพระเต็มเณร เต็มไปหมด นี่คือกิจของสงฆ์เดี๋ยวนี้น่ะ กลาย
เป็นกิจของสงฆ์ไปแล้วเวลานี้
แต่กิจของสงฆ์ตามพระพุทธเจ้าทรงพาดำเนินนั้น ถือว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์
มันก็มีอันเดียวเท่านี้จะเป็นกิจของสงฆ์ ทุกวันนี้เด่นเอามาก กิจของสงฆ์ประเภ
ทนี้ เวลานี้กำลังระบาดสาดกระจายไปหมด ดีไม่ดียาเสพย์ติดจะเข้าในวัด
ในวาจะเป็นไรไป เมื่อไม่มีฝั่งมีฝาแล้วมันเข้าได้ทุกอย่างนั่นแหละ
ความชั่วช้าลามกนี้ไหลได้ตลอดเวลาไม่มียับยั้งเลยละ แต่เรื่องความดี
นี้มีนิดหน่อยถูกมันปัดตกห้าทวีปโน่น จึงน่าสลดสังเวชนะ
พระเณรเราให้ระมัดระวังให้มาก สิ่งเหล่านี้คือสิ่งทำลายพระโดยตรง
ทำลายพระวินัยของพระโดยตรง ไม่มีตีความหมาย ตรงไปตรงมาเลย
นี้คือข้าศึกของพระโดยแท้ ข้าศึกของพระวินัย ของพระโดยแท้ อันนี้คือสิ่งฉิ
บหายวายปวง เป็นเรื่องของโลกของสงสาร เรื่องกิเลสตัณหาล้วนๆ ไม่
ใช่เรื่องของธรรมที่พระจะไปสนใจมาเป็นกิจของสงฆ์อย่างปัจจุบันนี้นะ
เวลานี้มันกลายเป็นกิจของสงฆ์ขึ้นมาแล้ว วัดไหนกุฏิไหนไม่มีสิ่งเหล่านี้แล้ว
ถือว่ากุฏินั้นล้าสมัย วัดนั้นล้าสมัย ไม่ทันสมัย ไปแล้วนะเวลานี้
กิจสงฆ์มันระบาดไปอย่างนี้ละนะ
ไม่เอาออกมาพูดบ้างกิจสงฆ์อันนี้ กิจทำลายสงฆ์เห็นไหม ระบาดไปหมด
แล้วนะ ไม่อาย..พระเราเป็นยังไง หัวโล้นๆ ไม่อายบ้างเหรอผ้าเหลือง
พระพุทธเจ้าพาดูสิ่งเหล่านี้ พาเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้เมื่อไร ไล่เข้าป่า บวช
แล้วก็ รุกฺขมูลเสนาสนํ ขึ้นเลย ไล่เข้าป่าเข้าเขาตามถ้ำเงื้อมผา ซอกเขา
ทำสมณธรรม นั้นคือกิจของสงฆ์ กิจของพระโดยแท้ ตามเยี่ยงอย่างข
องพระพุทธเจ้าที่พาดำเนินมา กิจเหล่านี้เป็นกิจทำลายสงฆ์ เดี๋ยวนี้สงฆ์ถื
อว่าเป็นกิจสำคัญสำหรับสงฆ์เสียแล้ว เลยกลายเป็นสงฆ์
ทำลายศาสนาเสียแล้วเวลานี้จะเป็นอะไรไป
เรื่องทำลายเห็นอยู่ด้วยหูด้วยตา ก็ดูซิถ้าว่าเป็นเรื่องอุตริ นี่ละภาษาธรรม
พูดอย่างตรงไปตรงมาเรียกว่าภาษาธรรม ไม่หาอุตริมาพูดแหละ
เอาอย่างตรงไปตรงมา เป็นภาษาที่สะอาดที่สุด คือภาษาของพระพุ
ทธเจ้า ภาษาธรรม ภาษาที่สกปรกที่สุดคือภาษาของกิเลส
หลอกลวงต้มตุ๋นได้เก่ง ประดับหน้าร้านนี้สวยงามโก้หรูไปหมด แต่ภาย
ในเหมือนฟืนเหมือนไฟ เหมือนส้วมเหมือนถานเต็มอยู่ในหัวใจนั้น
กิริยาแสดงออกก็เป็นฟืนเป็นไฟออกมา
น่าสลดสังเวชนะ หัวโล้นๆ ด้วยกันนี้ ดูกันแล้วจะดูกันไม่ออกทุกวันนี้ มัน
เป็นอย่างนี้จะว่ายังไง หลักธรรมวินัยเป็นอันเดียวกัน ดูมาจากแบบพระพุ
ทธเจ้าแบบเดียวกัน แต่เวลามาประพฤติปฏิบัติมันเป็นอย่างนี้ละเวลานี้
กลับมาเป็นข้าศึกต่อพระพุทธเจ้าต่อศาสนาเสียเอง พวกเราพุทธบริษั
ทเลยกลายเป็นข้าศึกศัตรูต่อพุทธศาสนา ศาสนาก็หมด ฉิบหายไม่มีอะไร
เหลือเลย ถ้าเป็นอย่างที่กำลังเป็นอยู่เวลานี้ ต่อไปวัดวาอาวาสก็
จะมีแต่กุฏิกุฏัง อิฐ ปูน หิน ทราย ไม่เห็นวิเศษวิโสอะไร
ถ้าธรรมไม่มีในใจแล้ว อะไรก็อะไรเถอะ เป็นส้วมเป็นถานไปหมดนั่นแหละ
ถ้าใจมีธรรมครองใจเสียอย่างเดียว สง่าจ้าไปหมด พระพุทธเจ้าเอาธ
รรมมาสอนโลก ไม่ได้เอาอิฐเอาปูนเอาหินเอาทราย เอาเทวทัตเอาวิดีโอ
เอาโทรศัพท์มือถือ มาสอนโลก สอนแต่เรื่องละเรื่องถอน ไม่ได้สอนสิ่งเห
ล่านี้มาเผาหัวนะ เวลานี้กำลัง…
มันดื้อด้านขนาดนั้น เห็นไหมกิเลส มันอายใครเมื่อไร หัวโล้นๆ มันก็ไม่อาย
มันทำได้อย่างหน้าด้านเลยเทียวเดี๋ยวนี้ สมัยนี้เลยกลายเป็นสมัยพวกหัวโล
้นๆ พระเหล่านี้เป็นพระหน้าด้าน พูดแล้วละอายเหมือนกัน หลวงตาบัวก็เป็น
พระองค์หนึ่ง กลายเป็นพระหน้าด้านไปตามๆ กันหมดแล้วเวลานี้
ถ้ารู้สึกตัวว่าเป็นพระอยู่บ้างให้ระมัดระวังสำรวม สิ่งเหล่านี้คือภัยมหาภัย
โดยตรง ไม่มีตีความหมายว่าอ้อม ตามหลักพระวินัยตรงเป๋งเลย
ว่านี้คือข้าศึกของพระวินัย ของพระจริงๆ ข้าศึกศัตรูมหาภัยอย่างยิ่งคืออ
ันนี้เอง จะเป็นอะไรที่ไหนไป
พูดบ้างพูดไม่ได้ แต่สิ่งเหล่านี้เข้ามาทำลายจนประเทศไทยจะล่มจมไ
ปหมดเวลานี้ยังไม่เห็นพูดกันบ้างเลย เมื่อเวลาจะพูดเพื่อชำระสะสางสิ
่งเหล่านี้ทำไมจึงเป็นข้าศึกของชาติบ้านเมือง ของศาสนาเรา ถ้าไม่
ใช่บ้านเมืองศาสนาเรากลายเป็นเทวทัตต่อสู้พระพุทธเจ้าไปแล้วเวลานี้
จึงพูดเหล่านี้ออกมาไม่ได้ แสดงออกมาไม่ได้ กิเลสรุมตีๆ เวลานี้กิเลสมัน
คลื่นมหาสมุทรทะเลหลวงสู้ไม่ได้ มันตีแหลก ธรรมะจะแย็บออกมาไม่ได้
อย่างพูดเวลานี้ก็เป็นข้าศึกแก่พวกเทวทัต กองทัพทำลายศาสนาเวลานี้
เอาศาสนาออกมาพูดพูดไม่ได้นะ ขัดหูขัดใจขัดทุกสิ่งทุกอย่างขอ
งกิเลสไปหมดแล้ว
ต่อไปศาสนาจะออกไม่ได้นะ ธรรมจะออกไม่ได้ จะมีแต่พวกนี้ตีตลาดลาดเล
เป็นฟืนเป็นไฟไปตามๆ กันหมด ไม่ว่าในวัดนอกวัด ไม่ว่าพระว่าเณร
ไม่ว่าฆราวาส ไฟเหล่านี้เข้าไปเผาหัวใจได้หมด มันไม่ได้กลัวหัวโล้นๆ
ผ้าเหลืองๆ มันกลัวแต่ธรรมเท่านั้นแหละกิเลส ถ้าไม่มีธรรมในใจแล้วยังไงก็เป็
นปุ๋ยเป็นฝุ่นไปจนได้นั่นแหละ
มันน่าสลดสังเวชนะพวกพระเราด้วยกัน หัวโล้นๆ ด้วยกันนี้ พูดเรื่องราวของกัน
และกันเวลานี้ เอาธรรมวินัยออกมากางซิ เราพูดตามหลักธรรมหลักวินัย ไม่
ได้พูดเรื่องอุตริ มันเป็นอย่างนั้นเวลานี้จะให้ทำยังไง จมไปหมด ภายนอก โอ๊ย
ประดับประดาตกแต่งโก้หรูเสียทุกอย่าง ภายในเป็นส้วมเป็นถานมี
ความหมายอะไร ส้วมถานเอาไปไว้ในหอปราสาทก็เป็นส้วมเป็นถานไปห
มดละซิ ถ้าสิ่งสกปรกรกรุงรังนี้เข้าไปที่ไหนสกปรกไปหมด
กิเลสไม่ใช่ตัวสะอาด ตัวสกปรกที่สุดคือกิเลส เพราะฉะนั้นธรรมจึงได้ชะได้ล้าง
ได้บังคับบัญชาต้านทานเอาไว้ ถ้าไม่มีธรรมต้านทานมนุษย์เรานี
้เก่งกว่าหมานะ ผัวไม่มี เมียไม่มี ลูกเต้าหลานเหลนใครไม่มี สวมได้สวมใส่ดะไ
ปหมดเลย นี่เพราะมีธรรมครอบอยู่บ้าง พอมีหิริโอตตัปปะ มีเขามีเขา
มีผัวมีเมีย พอเป็นเกาะเป็นเขตเป็นฝั่งเป็นฝา นี้คือธรรมครอบเอาไว้พากันรู้เสีย
ถ้ายังไม่รู้ มีหิริโอตตัปปะความละอาย รู้จักสูงจักต่ำ รู้จักที่ลับที่แจ้งบ้าง
คือธรรมครอบเอาไว้นั้น ถ้าไม่มีธรรมเสียอย่างเดียวนี้หมาสู้ไม่ได้นะ
มนุษย์เราเลวยิ่งกว่าหมา ดื้อด้านยิ่งกว่าหมา เพราะฉลาดกว่าหมา
ทำลายอะไรได้มากยิ่งกว่าหมา
พากันจำเอานะ วันนี้ฝากธรรมะให้พี่น้องทั้งหลายทราบเอาไว้ เพื่อ
เป็นคติเครื่องเตือนใจ เราเป็นชาวพุทธ ทั้งพระทั้งเณรทั้งฆราวาสเป็นชา
วพุทธด้วยกัน ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก ไฟเป็นไฟ น้ำเป็นน้ำ เอามาแก้ตัวเอง
ดับไฟ เหล่านี้กำลังระบาดสาดกระจาย มหาภัยเวลานี้ คว้ามับๆ เอามา
จากที่ไหนคว้ามับ พวกนี้เขาฉลาดหาเงินตามทางของกิเลส พวกเราก็โง่วิ่ง
ตามเขา อะไรมาคว้ามับๆ เอามาเผาทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งลูกทั้งหลาน
สังคมต่างๆ วงงานต่างๆ ฉิบหายไปด้วยสิ่งเหล่านี้ เพราะความฟุ้งเฟ
้อเห่อคะนองตามสิ่งเหล่านี้
เอาละต่อไปนี้จะให้ศีลให้พรพี่น้องทั้งหลาย แล้วหลวงตาบัวฝากคำนี้ไว้เป็นข้
อคิด นี้เป็นการรักษาศาสนา เป็นการต้านทานสิ่งชั่วช้าลามกทั้งหลาย
ให้ต่างคนต่างระมัดระวัง ฆราวาสก็มีหัวใจ พระก็มีหัวใจ ชั่วก็ฆราวาสชั่วได้
พระชั่วได้ ให้ต่างคนต่างแก้ ต่างคนต่างปัดออกสิ่งไม่ดีทั้งหลาย
เอาละให้พร
ฉันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะลาพี่น้องทั้งหลายกลับอุดรฯ แหละ ไปอยู่วันหนึ่งส
องวันก็ออกช่วยโลกดังที่ปฏิบัติมา เพราะฉะนั้นการช่วยโลก จึงมีการพูดเพื่
อต้านทานสิ่งนรกจกเปรตทั้งหลายเหล่านี้
# หลวงตาพูดถูกสุดๆเลย ครับถึงใจมาก
Facebook Line โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์มันคือพวก ตัวดูดสติ
พระองค์ไหนก็ตาม ที่ท่านโพสธรรมะ
ท่านเหล่านั้นมีจิตคิดเหมือนผมหรือเปล่าก็ไม่รู้ คือเมตตาอยากให้คน
อื่นตาสว่างตาม
ถึงตนเองจะเสียเวลาเจริญสติช้านิดหน่อยก็ไม่เป็นไร
ฉะนั้นองค์ไหนก็ตามที่ท่านโพส
ท่านเมตตามากนะอยากให้คนอื่นได้รู้ธรรม
ท่านเสียสละเวลาเจริญสติตัวเองมากนะ
ท่านตัดแบ่งเวลามาให้ธรรมะเรา เราอ่านแล้วฟังแล้วพากันลงมือปฏ
ิบัติบ้าง
ไหม
เทศน์อบรมพระ ณ วัดบูรพาราม สุรินทร์
เมื่อวันที่ ๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๑
ฝากไว้เป็นข้อคิด
ถูกต้องแล้ว นั่งภาวนานี้คืองานของพระ เถลไถลหาดูที.วี. วิดีโอ เทวทัต
โทรศัพท์มือถือ เดี๋ยวนี้ถือว่าเป็นกิจของสงฆ์แล้วนะ พวกหนังสือพิมพ์ เพลิดเพลิน
เป็นบ้าตามโลก วิทยุ เทวทัต วิดีโอ โทรศัพท์มือถือ เวลานี้คือกิจของสงฆ์ไป
แล้วนะ กิจของสงฆ์ประเภทนี้กำลังทำลายศาสนาเวลานี้ จะไม่มีวัดวาอาว
าสเหลืออยู่เลย ดีไม่ดีคนจะไม่ใส่บาตร..วัดร้าง เพราะกิจสงฆ์เหล่านี้
เข้าไปทำลาย เวลามาทำประโยชน์ให้โลกนี้ไม่ใช่กิจสงฆ์ เวลาเอาเทวทัต
วิดีโอ โทรศัพท์มือถือ เข้ามาในวัดนั้นคือกิจสงฆ์ สมัยปัจจุบันนี้เป็นอย่างนั้นนะ
เทียบเอา พิจารณาซิ
เราพูดตามหลักความจริง ไม่อ้อมค้อม ธรรมพระพุทธเจ้าเป็นภาษาที่สะอา
ด พูดอย่างตรงไปตรงมา เรียกภาษาที่สะอาด ภาษาที่เชื่อถือได้คือธรรม
ที่เชื่อถือไม่ได้เลยคือกิเลส แต่โลกชอบเชื่อมัน นี่ละกองทัพมหาภ
ัยที่กำลังทำลายศาสนาเวลานี้ ในวงวัดวงวาศาสนาของเรานี้
ถูกทำลายด้วยมหาภัยสี่ห้าอย่างนี้ เวลานี้กำลังเต็มบ้านเต็มเมือง
เต็มวัดเต็มวา เต็มพระเต็มเณร เต็มไปหมด นี่คือกิจของสงฆ์เดี๋ยวนี้น่ะ กลาย
เป็นกิจของสงฆ์ไปแล้วเวลานี้
แต่กิจของสงฆ์ตามพระพุทธเจ้าทรงพาดำเนินนั้น ถือว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์
มันก็มีอันเดียวเท่านี้จะเป็นกิจของสงฆ์ ทุกวันนี้เด่นเอามาก กิจของสงฆ์ประเภ
ทนี้ เวลานี้กำลังระบาดสาดกระจายไปหมด ดีไม่ดียาเสพย์ติดจะเข้าในวัด
ในวาจะเป็นไรไป เมื่อไม่มีฝั่งมีฝาแล้วมันเข้าได้ทุกอย่างนั่นแหละ
ความชั่วช้าลามกนี้ไหลได้ตลอดเวลาไม่มียับยั้งเลยละ แต่เรื่องความดี
นี้มีนิดหน่อยถูกมันปัดตกห้าทวีปโน่น จึงน่าสลดสังเวชนะ
พระเณรเราให้ระมัดระวังให้มาก สิ่งเหล่านี้คือสิ่งทำลายพระโดยตรง
ทำลายพระวินัยของพระโดยตรง ไม่มีตีความหมาย ตรงไปตรงมาเลย
นี้คือข้าศึกของพระโดยแท้ ข้าศึกของพระวินัย ของพระโดยแท้ อันนี้คือสิ่งฉิ
บหายวายปวง เป็นเรื่องของโลกของสงสาร เรื่องกิเลสตัณหาล้วนๆ ไม่
ใช่เรื่องของธรรมที่พระจะไปสนใจมาเป็นกิจของสงฆ์อย่างปัจจุบันนี้นะ
เวลานี้มันกลายเป็นกิจของสงฆ์ขึ้นมาแล้ว วัดไหนกุฏิไหนไม่มีสิ่งเหล่านี้แล้ว
ถือว่ากุฏินั้นล้าสมัย วัดนั้นล้าสมัย ไม่ทันสมัย ไปแล้วนะเวลานี้
กิจสงฆ์มันระบาดไปอย่างนี้ละนะ
ไม่เอาออกมาพูดบ้างกิจสงฆ์อันนี้ กิจทำลายสงฆ์เห็นไหม ระบาดไปหมด
แล้วนะ ไม่อาย..พระเราเป็นยังไง หัวโล้นๆ ไม่อายบ้างเหรอผ้าเหลือง
พระพุทธเจ้าพาดูสิ่งเหล่านี้ พาเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้เมื่อไร ไล่เข้าป่า บวช
แล้วก็ รุกฺขมูลเสนาสนํ ขึ้นเลย ไล่เข้าป่าเข้าเขาตามถ้ำเงื้อมผา ซอกเขา
ทำสมณธรรม นั้นคือกิจของสงฆ์ กิจของพระโดยแท้ ตามเยี่ยงอย่างข
องพระพุทธเจ้าที่พาดำเนินมา กิจเหล่านี้เป็นกิจทำลายสงฆ์ เดี๋ยวนี้สงฆ์ถื
อว่าเป็นกิจสำคัญสำหรับสงฆ์เสียแล้ว เลยกลายเป็นสงฆ์
ทำลายศาสนาเสียแล้วเวลานี้จะเป็นอะไรไป
เรื่องทำลายเห็นอยู่ด้วยหูด้วยตา ก็ดูซิถ้าว่าเป็นเรื่องอุตริ นี่ละภาษาธรรม
พูดอย่างตรงไปตรงมาเรียกว่าภาษาธรรม ไม่หาอุตริมาพูดแหละ
เอาอย่างตรงไปตรงมา เป็นภาษาที่สะอาดที่สุด คือภาษาของพระพุ
ทธเจ้า ภาษาธรรม ภาษาที่สกปรกที่สุดคือภาษาของกิเลส
หลอกลวงต้มตุ๋นได้เก่ง ประดับหน้าร้านนี้สวยงามโก้หรูไปหมด แต่ภาย
ในเหมือนฟืนเหมือนไฟ เหมือนส้วมเหมือนถานเต็มอยู่ในหัวใจนั้น
กิริยาแสดงออกก็เป็นฟืนเป็นไฟออกมา
น่าสลดสังเวชนะ หัวโล้นๆ ด้วยกันนี้ ดูกันแล้วจะดูกันไม่ออกทุกวันนี้ มัน
เป็นอย่างนี้จะว่ายังไง หลักธรรมวินัยเป็นอันเดียวกัน ดูมาจากแบบพระพุ
ทธเจ้าแบบเดียวกัน แต่เวลามาประพฤติปฏิบัติมันเป็นอย่างนี้ละเวลานี้
กลับมาเป็นข้าศึกต่อพระพุทธเจ้าต่อศาสนาเสียเอง พวกเราพุทธบริษั
ทเลยกลายเป็นข้าศึกศัตรูต่อพุทธศาสนา ศาสนาก็หมด ฉิบหายไม่มีอะไร
เหลือเลย ถ้าเป็นอย่างที่กำลังเป็นอยู่เวลานี้ ต่อไปวัดวาอาวาสก็
จะมีแต่กุฏิกุฏัง อิฐ ปูน หิน ทราย ไม่เห็นวิเศษวิโสอะไร
ถ้าธรรมไม่มีในใจแล้ว อะไรก็อะไรเถอะ เป็นส้วมเป็นถานไปหมดนั่นแหละ
ถ้าใจมีธรรมครองใจเสียอย่างเดียว สง่าจ้าไปหมด พระพุทธเจ้าเอาธ
รรมมาสอนโลก ไม่ได้เอาอิฐเอาปูนเอาหินเอาทราย เอาเทวทัตเอาวิดีโอ
เอาโทรศัพท์มือถือ มาสอนโลก สอนแต่เรื่องละเรื่องถอน ไม่ได้สอนสิ่งเห
ล่านี้มาเผาหัวนะ เวลานี้กำลัง…
มันดื้อด้านขนาดนั้น เห็นไหมกิเลส มันอายใครเมื่อไร หัวโล้นๆ มันก็ไม่อาย
มันทำได้อย่างหน้าด้านเลยเทียวเดี๋ยวนี้ สมัยนี้เลยกลายเป็นสมัยพวกหัวโล
้นๆ พระเหล่านี้เป็นพระหน้าด้าน พูดแล้วละอายเหมือนกัน หลวงตาบัวก็เป็น
พระองค์หนึ่ง กลายเป็นพระหน้าด้านไปตามๆ กันหมดแล้วเวลานี้
ถ้ารู้สึกตัวว่าเป็นพระอยู่บ้างให้ระมัดระวังสำรวม สิ่งเหล่านี้คือภัยมหาภัย
โดยตรง ไม่มีตีความหมายว่าอ้อม ตามหลักพระวินัยตรงเป๋งเลย
ว่านี้คือข้าศึกของพระวินัย ของพระจริงๆ ข้าศึกศัตรูมหาภัยอย่างยิ่งคืออ
ันนี้เอง จะเป็นอะไรที่ไหนไป
พูดบ้างพูดไม่ได้ แต่สิ่งเหล่านี้เข้ามาทำลายจนประเทศไทยจะล่มจมไ
ปหมดเวลานี้ยังไม่เห็นพูดกันบ้างเลย เมื่อเวลาจะพูดเพื่อชำระสะสางสิ
่งเหล่านี้ทำไมจึงเป็นข้าศึกของชาติบ้านเมือง ของศาสนาเรา ถ้าไม่
ใช่บ้านเมืองศาสนาเรากลายเป็นเทวทัตต่อสู้พระพุทธเจ้าไปแล้วเวลานี้
จึงพูดเหล่านี้ออกมาไม่ได้ แสดงออกมาไม่ได้ กิเลสรุมตีๆ เวลานี้กิเลสมัน
คลื่นมหาสมุทรทะเลหลวงสู้ไม่ได้ มันตีแหลก ธรรมะจะแย็บออกมาไม่ได้
อย่างพูดเวลานี้ก็เป็นข้าศึกแก่พวกเทวทัต กองทัพทำลายศาสนาเวลานี้
เอาศาสนาออกมาพูดพูดไม่ได้นะ ขัดหูขัดใจขัดทุกสิ่งทุกอย่างขอ
งกิเลสไปหมดแล้ว
ต่อไปศาสนาจะออกไม่ได้นะ ธรรมจะออกไม่ได้ จะมีแต่พวกนี้ตีตลาดลาดเล
เป็นฟืนเป็นไฟไปตามๆ กันหมด ไม่ว่าในวัดนอกวัด ไม่ว่าพระว่าเณร
ไม่ว่าฆราวาส ไฟเหล่านี้เข้าไปเผาหัวใจได้หมด มันไม่ได้กลัวหัวโล้นๆ
ผ้าเหลืองๆ มันกลัวแต่ธรรมเท่านั้นแหละกิเลส ถ้าไม่มีธรรมในใจแล้วยังไงก็เป็
นปุ๋ยเป็นฝุ่นไปจนได้นั่นแหละ
มันน่าสลดสังเวชนะพวกพระเราด้วยกัน หัวโล้นๆ ด้วยกันนี้ พูดเรื่องราวของกัน
และกันเวลานี้ เอาธรรมวินัยออกมากางซิ เราพูดตามหลักธรรมหลักวินัย ไม่
ได้พูดเรื่องอุตริ มันเป็นอย่างนั้นเวลานี้จะให้ทำยังไง จมไปหมด ภายนอก โอ๊ย
ประดับประดาตกแต่งโก้หรูเสียทุกอย่าง ภายในเป็นส้วมเป็นถานมี
ความหมายอะไร ส้วมถานเอาไปไว้ในหอปราสาทก็เป็นส้วมเป็นถานไปห
มดละซิ ถ้าสิ่งสกปรกรกรุงรังนี้เข้าไปที่ไหนสกปรกไปหมด
กิเลสไม่ใช่ตัวสะอาด ตัวสกปรกที่สุดคือกิเลส เพราะฉะนั้นธรรมจึงได้ชะได้ล้าง
ได้บังคับบัญชาต้านทานเอาไว้ ถ้าไม่มีธรรมต้านทานมนุษย์เรานี
้เก่งกว่าหมานะ ผัวไม่มี เมียไม่มี ลูกเต้าหลานเหลนใครไม่มี สวมได้สวมใส่ดะไ
ปหมดเลย นี่เพราะมีธรรมครอบอยู่บ้าง พอมีหิริโอตตัปปะ มีเขามีเขา
มีผัวมีเมีย พอเป็นเกาะเป็นเขตเป็นฝั่งเป็นฝา นี้คือธรรมครอบเอาไว้พากันรู้เสีย
ถ้ายังไม่รู้ มีหิริโอตตัปปะความละอาย รู้จักสูงจักต่ำ รู้จักที่ลับที่แจ้งบ้าง
คือธรรมครอบเอาไว้นั้น ถ้าไม่มีธรรมเสียอย่างเดียวนี้หมาสู้ไม่ได้นะ
มนุษย์เราเลวยิ่งกว่าหมา ดื้อด้านยิ่งกว่าหมา เพราะฉลาดกว่าหมา
ทำลายอะไรได้มากยิ่งกว่าหมา
พากันจำเอานะ วันนี้ฝากธรรมะให้พี่น้องทั้งหลายทราบเอาไว้ เพื่อ
เป็นคติเครื่องเตือนใจ เราเป็นชาวพุทธ ทั้งพระทั้งเณรทั้งฆราวาสเป็นชา
วพุทธด้วยกัน ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก ไฟเป็นไฟ น้ำเป็นน้ำ เอามาแก้ตัวเอง
ดับไฟ เหล่านี้กำลังระบาดสาดกระจาย มหาภัยเวลานี้ คว้ามับๆ เอามา
จากที่ไหนคว้ามับ พวกนี้เขาฉลาดหาเงินตามทางของกิเลส พวกเราก็โง่วิ่ง
ตามเขา อะไรมาคว้ามับๆ เอามาเผาทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งลูกทั้งหลาน
สังคมต่างๆ วงงานต่างๆ ฉิบหายไปด้วยสิ่งเหล่านี้ เพราะความฟุ้งเฟ
้อเห่อคะนองตามสิ่งเหล่านี้
เอาละต่อไปนี้จะให้ศีลให้พรพี่น้องทั้งหลาย แล้วหลวงตาบัวฝากคำนี้ไว้เป็นข้
อคิด นี้เป็นการรักษาศาสนา เป็นการต้านทานสิ่งชั่วช้าลามกทั้งหลาย
ให้ต่างคนต่างระมัดระวัง ฆราวาสก็มีหัวใจ พระก็มีหัวใจ ชั่วก็ฆราวาสชั่วได้
พระชั่วได้ ให้ต่างคนต่างแก้ ต่างคนต่างปัดออกสิ่งไม่ดีทั้งหลาย
เอาละให้พร
ฉันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะลาพี่น้องทั้งหลายกลับอุดรฯ แหละ ไปอยู่วันหนึ่งส
องวันก็ออกช่วยโลกดังที่ปฏิบัติมา เพราะฉะนั้นการช่วยโลก จึงมีการพูดเพื่
อต้านทานสิ่งนรกจกเปรตทั้งหลายเหล่านี้
# หลวงตาพูดถูกสุดๆเลย ครับถึงใจมาก
Facebook Line โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์มันคือพวก ตัวดูดสติ
พระองค์ไหนก็ตาม ที่ท่านโพสธรรมะ
ท่านเหล่านั้นมีจิตคิดเหมือนผมหรือเปล่าก็ไม่รู้ คือเมตตาอยากให้คน
อื่นตาสว่างตาม
ถึงตนเองจะเสียเวลาเจริญสติช้านิดหน่อยก็ไม่เป็นไร
ฉะนั้นองค์ไหนก็ตามที่ท่านโพส
ท่านเมตตามากนะอยากให้คนอื่นได้รู้ธรรม
ท่านเสียสละเวลาเจริญสติตัวเองมากนะ
ท่านตัดแบ่งเวลามาให้ธรรมะเรา เราอ่านแล้วฟังแล้วพากันลงมือปฏ
ิบัติบ้าง
ไหม
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 19, 2015 6:51:55pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การทำให้พ้นทุกข์ไม่มี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.สุขเกิดขึ้นก็รู้ เพราะสุขเป็นสิ่งที่ถูกรู้
ทุกข์เกิดขึ้นก็รู้ เพราะทุกข์เป็นสิ่งที่ถูกรู้
อุเบกขาเกิดขึ้นก็รู้ เพราะอุเบกขาก็ไม่เที่ยง
รู้และรู้ อย่างเดียว ไม่ตามไป ไม่สงสัยว่ามันจะดับเมื่อไร
เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่มีเจ้าของ
เราอย่าไปยึดมัน
แต่ให้รู้มัน ด้วยผู้รู้ ที่รู้เฉยๆ
ไม่กำหนัดไม่ขัดเคียงมัน
ทำหน้าที่เป็นผู้รู้เฉยๆ
ปฏิบัติแบบนี้จะง่าย
เพราะมีแค่ ๒ อย่างเท่านั้น
๑.ผู้รู้สิ่งทั้งหล่าย
๒.สิ่งที่ถูกรู้
้
ผู้รู้=ก็คือวิญญาณในขันธ์ห้า
สิ่งที่ถูกรู้=ก็คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร
# ถ้าอยู่กับผู้รู้ได้แล้ว
ต้องว่างวิญญาณผู้รู้อีกทีหนึ่ง
จึงจะหลุดพ้นจากขันธ์๕ (นาม,รูป)
บรรลุอรหันต์ ถ้าชาติก่อนเคยทำคุณวิเศษอะไรมา
ก็จะบรรลุอรหันต์พร้อมของเก่าที่เคยได้ทำ
และจะไม่เสื่อม
# ธรรมะ
ทุกข์เกิดขึ้นก็รู้ เพราะทุกข์เป็นสิ่งที่ถูกรู้
อุเบกขาเกิดขึ้นก็รู้ เพราะอุเบกขาก็ไม่เที่ยง
รู้และรู้ อย่างเดียว ไม่ตามไป ไม่สงสัยว่ามันจะดับเมื่อไร
เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่มีเจ้าของ
เราอย่าไปยึดมัน
แต่ให้รู้มัน ด้วยผู้รู้ ที่รู้เฉยๆ
ไม่กำหนัดไม่ขัดเคียงมัน
ทำหน้าที่เป็นผู้รู้เฉยๆ
ปฏิบัติแบบนี้จะง่าย
เพราะมีแค่ ๒ อย่างเท่านั้น
๑.ผู้รู้สิ่งทั้งหล่าย
๒.สิ่งที่ถูกรู้
้
ผู้รู้=ก็คือวิญญาณในขันธ์ห้า
สิ่งที่ถูกรู้=ก็คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร
# ถ้าอยู่กับผู้รู้ได้แล้ว
ต้องว่างวิญญาณผู้รู้อีกทีหนึ่ง
จึงจะหลุดพ้นจากขันธ์๕ (นาม,รูป)
บรรลุอรหันต์ ถ้าชาติก่อนเคยทำคุณวิเศษอะไรมา
ก็จะบรรลุอรหันต์พร้อมของเก่าที่เคยได้ทำ
และจะไม่เสื่อม
# ธรรมะ
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 19, 2015 9:21:42pm
พระพุทธเจ้าเอง
ท่านก็ไม่ฉันอาหารที่เหลือจากการอุทิศ
เหมือนตอนที่พรามเอาอาหารที่เหลือจากการอุทิศแล้ว เห็นว่ามันยังดีอยู่
ควรเอาไปทานอีก จึงเอาไปทานกับพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าก็ไม่ฉัน เพราะท่านรู้
ท่านก็ไม่ฉันอาหารที่เหลือจากการอุทิศ
เหมือนตอนที่พรามเอาอาหารที่เหลือจากการอุทิศแล้ว เห็นว่ามันยังดีอยู่
ควรเอาไปทานอีก จึงเอาไปทานกับพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าก็ไม่ฉัน เพราะท่านรู้
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 20, 2015 5:47:12am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้ายังไม่มีความรัก
อย่าเพิ่งรีบหาความรัก
แต่ให้เร่งรู้วิธีสร้างความรัก
ด้วยการใจเย็นเป็น เห็นใจเป็น
พูดดีเป็น อภัยเป็น ไม่เสแสร้งเป็น ปล่อยวางเป็น และสุดท้ายสวดมนต์นั้งสมาธิเป็น
แล้วในที่สุด
ความรักมันจะตามหาเราเจอเอง
# รู้จัก "รัก"
อย่าเพิ่งรีบหาความรัก
แต่ให้เร่งรู้วิธีสร้างความรัก
ด้วยการใจเย็นเป็น เห็นใจเป็น
พูดดีเป็น อภัยเป็น ไม่เสแสร้งเป็น ปล่อยวางเป็น และสุดท้ายสวดมนต์นั้งสมาธิเป็น
แล้วในที่สุด
ความรักมันจะตามหาเราเจอเอง
# รู้จัก "รัก"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.เห็นรูปนี้แล้ว..........
ให้ดูอารมณ์ความรู้สึกทางใจ
ที่ปรากฏขึ้น...นะ
:มันรู้สึกขยะแขยง...ไอ้ตรงตัวแมลง น่าเกลียด น่ากลัว ขยะแขยงไม่อยากดู
........................................
ก็ให้เป็นผู้รู้ทันความรู้สึกนั้น
รู้ทันความรู้สึกที่ใจ
ย้อนกลับมารู้ เวทนา ทางใจ
ใจที่มันกระเพื่อมไปให้ความหมาย
ต่อรูปที่เห็นนั้น "อี๋..น่าขยะแขยง"
..... ... ... ...... อี๋ น่ารังเกลียด...
ให้กลับมารู้ใจให้ใวๆเลย
ทำตามหน้าที่รู้และรู้มันอย่างเดียว
ไม่ต้องไปยึดว่าความรู้สึกนั้นมันเป็นของเรา
ความรู้สึกนั้นมันเป็นของไม่มีเจ้าของ มาจากความว่างเปล่า มัน
จะเกิดดับของมันไปเอง
อย่าไปยึดมัน
เราเห็นรูปอะไรก็แล้วแต่
ให้โยนิโสมนสิการ กลับมาดูใจ กลับมารู้ใจ
ที่มันกระเพื่อมออกไปให้ความหมายต่อสิ่งที่เห็น ตาเห็นรูปที่น่าพอใจ ก็
ให้กลับมาทันรู้ใจ
หูได้ยินเสียงที่น่าพอใจ
ก็ให้กลับมารู้ทันใจ
ได้กลิ่นหอมๆ ก็ให้รู้ทัน
รสชาติอาหารมันอร่อย ห้ามใจไม่ไหว
ก็ให้รู้ รู้อย่างเดียว
บางทีได้ยินคนอื่น พูดเรื่องไม่ดีให้เรา นินทาเรา
คำพูดผู้หญิง หรือคำพูดผู้ชาย
"เขาพูดออกมา จริง"
แต่มีส่วนเกิน คือตัวอารมณ์ไม่พอใจขัดเคืองเสียดแทงใจแถมมาจากไหนไม่รู้
ต่อไปนี้ไม่ว่าสภาวะธรรมใด
มาขึ้นเขือง" ปรากฏเป็นเป้า"ให้ยิงเลยนะ
๑.ความไม่พอใจเกิด.. หลังจากตาเห็น "ยิงโป้งเลย"
๒.ความไม่พอใจเกิด.. หลังจากได้ยินคำพูด "ยิงโป้งเลย"
๓.ความไม่พอใจเกิด... หลังจากได้กลิ่น....
"ยิงโป้งเลย"
๔.ความไม่พอใจเกิด... หลังจากลิ้นลิ้มรส
"ยิงโป้งเลย"
๕.ความไม่พอใจเกิด... หลังจากร่างกายไปโดนอะไร
"ยิงโป้งเลย"
วิธีการยิง คือการรู้อยู่เฉยๆ รู้ทันเฉยๆ
ความไม่พอใจ มาโชว์ให้เราเห็น หน้าที่คือยิงความรู้ทัน
ความคับแค้นใจ มาโชว์ให้เราเห็น
หน้าที่คือยิงความรู้ทัน
ความเจ็บแสบ มาโชว์ให้เราเห็น
หน้าที่คือยิงความรู้ทัน
ความขัดเคียง มาโชว์ให้เราเห็น
หน้าที่คือยิงความรู้ทัน
เหมือนมีพลังงานบางอย่าง
เหมือนลูกไฟร้อนลุกโพลงๆ อยู่กลางหน้าอก...มาโชว์ และดึงเราไปร่วม
ให้ยิงทิ้งเลย อย่าเลี้ยงไว้
เพราะมันจะเป็น ราคะ,โทสะ คืออวิชชาส่งมาให้หลงให้ติด เป็นของแถมทีมัน
ยอดเข้าไป หลังจากเกิดผัสสะ
ให้ดูอารมณ์ความรู้สึกทางใจ
ที่ปรากฏขึ้น...นะ
:มันรู้สึกขยะแขยง...ไอ้ตรงตัวแมลง น่าเกลียด น่ากลัว ขยะแขยงไม่อยากดู
........................................
ก็ให้เป็นผู้รู้ทันความรู้สึกนั้น
รู้ทันความรู้สึกที่ใจ
ย้อนกลับมารู้ เวทนา ทางใจ
ใจที่มันกระเพื่อมไปให้ความหมาย
ต่อรูปที่เห็นนั้น "อี๋..น่าขยะแขยง"
..... ... ... ...... อี๋ น่ารังเกลียด...
ให้กลับมารู้ใจให้ใวๆเลย
ทำตามหน้าที่รู้และรู้มันอย่างเดียว
ไม่ต้องไปยึดว่าความรู้สึกนั้นมันเป็นของเรา
ความรู้สึกนั้นมันเป็นของไม่มีเจ้าของ มาจากความว่างเปล่า มัน
จะเกิดดับของมันไปเอง
อย่าไปยึดมัน
เราเห็นรูปอะไรก็แล้วแต่
ให้โยนิโสมนสิการ กลับมาดูใจ กลับมารู้ใจ
ที่มันกระเพื่อมออกไปให้ความหมายต่อสิ่งที่เห็น ตาเห็นรูปที่น่าพอใจ ก็
ให้กลับมาทันรู้ใจ
หูได้ยินเสียงที่น่าพอใจ
ก็ให้กลับมารู้ทันใจ
ได้กลิ่นหอมๆ ก็ให้รู้ทัน
รสชาติอาหารมันอร่อย ห้ามใจไม่ไหว
ก็ให้รู้ รู้อย่างเดียว
บางทีได้ยินคนอื่น พูดเรื่องไม่ดีให้เรา นินทาเรา
คำพูดผู้หญิง หรือคำพูดผู้ชาย
"เขาพูดออกมา จริง"
แต่มีส่วนเกิน คือตัวอารมณ์ไม่พอใจขัดเคืองเสียดแทงใจแถมมาจากไหนไม่รู้
ต่อไปนี้ไม่ว่าสภาวะธรรมใด
มาขึ้นเขือง" ปรากฏเป็นเป้า"ให้ยิงเลยนะ
๑.ความไม่พอใจเกิด.. หลังจากตาเห็น "ยิงโป้งเลย"
๒.ความไม่พอใจเกิด.. หลังจากได้ยินคำพูด "ยิงโป้งเลย"
๓.ความไม่พอใจเกิด... หลังจากได้กลิ่น....
"ยิงโป้งเลย"
๔.ความไม่พอใจเกิด... หลังจากลิ้นลิ้มรส
"ยิงโป้งเลย"
๕.ความไม่พอใจเกิด... หลังจากร่างกายไปโดนอะไร
"ยิงโป้งเลย"
วิธีการยิง คือการรู้อยู่เฉยๆ รู้ทันเฉยๆ
ความไม่พอใจ มาโชว์ให้เราเห็น หน้าที่คือยิงความรู้ทัน
ความคับแค้นใจ มาโชว์ให้เราเห็น
หน้าที่คือยิงความรู้ทัน
ความเจ็บแสบ มาโชว์ให้เราเห็น
หน้าที่คือยิงความรู้ทัน
ความขัดเคียง มาโชว์ให้เราเห็น
หน้าที่คือยิงความรู้ทัน
เหมือนมีพลังงานบางอย่าง
เหมือนลูกไฟร้อนลุกโพลงๆ อยู่กลางหน้าอก...มาโชว์ และดึงเราไปร่วม
ให้ยิงทิ้งเลย อย่าเลี้ยงไว้
เพราะมันจะเป็น ราคะ,โทสะ คืออวิชชาส่งมาให้หลงให้ติด เป็นของแถมทีมัน
ยอดเข้าไป หลังจากเกิดผัสสะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.เห็นรูปนี้แล้ว..........
ให้ดูอารมณ์ความรู้สึกทางใจ
ที่ปรากฏขึ้น...นะ
:มันรู้สึกขยะแขยง...ไอ้ตรงตัวแมลง น่าเกลียด น่ากลัว ขยะแขยงไม่อยากดู
........................................
ก็ให้เป็นผู้รู้ทันความรู้สึกนั้น
รู้ทันความรู้สึกที่ใจ
ย้อนกลับมารู้ เวทนา ทางใจ
ใจที่มันกระเพื่อมไปให้ความหมาย
ต่อรูปที่เห็นนั้น "อี๋..น่าขยะแขยง"
..... ... ... ...... อี๋ น่ารังเกลียด...
ให้กลับมารู้ใจให้ใวๆเลย
ทำตามหน้าที่รู้และรู้มันอย่างเดียว
ไม่ต้องไปยึดว่าความรู้สึกนั้นมันเป็นของเรา
ความรู้สึกนั้นมันเป็นของไม่มีเจ้าของ มาจากความว่างเปล่า มัน
จะเกิดดับของมันไปเอง
อย่าไปยึดมัน
เราเห็นรูปอะไรก็แล้วแต่
ให้โยนิโสมนสิการ กลับมาดูใจ กลับมารู้ใจ
ที่มันกระเพื่อมออกไปให้ความหมายต่อสิ่งที่เห็น ตาเห็นรูปที่น่าพอใจ ก็
ให้กลับมาทันรู้ใจ
หูได้ยินเสียงที่น่าพอใจ
ก็ให้กลับมารู้ทันใจ
ได้กลิ่นหอมๆ ก็ให้รู้ทัน
รสชาติอาหารมันอร่อย ห้ามใจไม่ไหว
ก็ให้รู้ รู้อย่างเดียว
บางทีได้ยินคนอื่น พูดเรื่องไม่ดีให้เรา นินทาเรา
คำพูดผู้หญิง หรือคำพูดผู้ชาย
"เขาพูดออกมา จริง"
แต่มีส่วนเกิน คือตัวอารมณ์ไม่พอใจขัดเคืองเสียดแทงใจแถมมาจากไหนไม่รู้
ต่อไปนี้ไม่ว่าสภาวะธรรมใด
มาขึ้นเขือง" ปรากฏเป็นเป้า"ให้ยิงเลยนะ
๑.ความไม่พอใจเกิด.. หลังจากตาเห็น "ยิงโป้งเลย"
๒.ความไม่พอใจเกิด.. หลังจากได้ยินคำพูด "ยิงโป้งเลย"
๓.ความไม่พอใจเกิด... หลังจากได้กลิ่น....
"ยิงโป้งเลย"
๔.ความไม่พอใจเกิด... หลังจากลิ้นลิ้มรส
"ยิงโป้งเลย"
๕.ความไม่พอใจเกิด... หลังจากร่างกายไปโดนอะไร
"ยิงโป้งเลย"
วิธีการยิง คือการรู้อยู่เฉยๆ รู้ทันเฉยๆ
ความไม่พอใจ มาโชว์ให้เราเห็น หน้าที่คือยิงความรู้ทัน
ความคับแค้นใจ มาโชว์ให้เราเห็น
หน้าที่คือยิงความรู้ทัน
ความเจ็บแสบ มาโชว์ให้เราเห็น
หน้าที่คือยิงความรู้ทัน
ความขัดเคียง มาโชว์ให้เราเห็น
หน้าที่คือยิงความรู้ทัน
เหมือนมีพลังงานบางอย่าง
เหมือนลูกไฟร้อนลุกโพลงๆ อยู่กลางหน้าอก...มาโชว์ และดึงเราไปร่วม
ให้ยิงทิ้งเลย อย่าเลี้ยงไว้
เพราะมันจะเป็น ราคะ,โทสะ คืออวิชชาส่งมาให้หลงให้ติด เป็นของแถมทีมัน
ยอดเข้าไป หลังจากเกิดผัสสะ
โรคเวรโรคกรรมยิ่งเกายิ่งคัน
ยิ่งเข้าไป ยึดมั่นถือมั่นว่าร่างกายนี้เป็นเรา
สุขทุกข์ เป็นเรา มันก็เท่ากับว่า
กำลังเกาโรคเวรโรคกรรม
ราคะยิ่งส่งเสริม ยิงห่างออกไปจากนิพพาน
โทสะยิ่งส่งเสริม ยิ่งห่างออกไปจากนิพพาน
โลภะยิ่งส่งเสริม ยิ่งห่างออกไปจากนิพพาน
ให้ดูอารมณ์ความรู้สึกทางใจ
ที่ปรากฏขึ้น...นะ
:มันรู้สึกขยะแขยง...ไอ้ตรงตัวแมลง น่าเกลียด น่ากลัว ขยะแขยงไม่อยากดู
........................................
ก็ให้เป็นผู้รู้ทันความรู้สึกนั้น
รู้ทันความรู้สึกที่ใจ
ย้อนกลับมารู้ เวทนา ทางใจ
ใจที่มันกระเพื่อมไปให้ความหมาย
ต่อรูปที่เห็นนั้น "อี๋..น่าขยะแขยง"
..... ... ... ...... อี๋ น่ารังเกลียด...
ให้กลับมารู้ใจให้ใวๆเลย
ทำตามหน้าที่รู้และรู้มันอย่างเดียว
ไม่ต้องไปยึดว่าความรู้สึกนั้นมันเป็นของเรา
ความรู้สึกนั้นมันเป็นของไม่มีเจ้าของ มาจากความว่างเปล่า มัน
จะเกิดดับของมันไปเอง
อย่าไปยึดมัน
เราเห็นรูปอะไรก็แล้วแต่
ให้โยนิโสมนสิการ กลับมาดูใจ กลับมารู้ใจ
ที่มันกระเพื่อมออกไปให้ความหมายต่อสิ่งที่เห็น ตาเห็นรูปที่น่าพอใจ ก็
ให้กลับมาทันรู้ใจ
หูได้ยินเสียงที่น่าพอใจ
ก็ให้กลับมารู้ทันใจ
ได้กลิ่นหอมๆ ก็ให้รู้ทัน
รสชาติอาหารมันอร่อย ห้ามใจไม่ไหว
ก็ให้รู้ รู้อย่างเดียว
บางทีได้ยินคนอื่น พูดเรื่องไม่ดีให้เรา นินทาเรา
คำพูดผู้หญิง หรือคำพูดผู้ชาย
"เขาพูดออกมา จริง"
แต่มีส่วนเกิน คือตัวอารมณ์ไม่พอใจขัดเคืองเสียดแทงใจแถมมาจากไหนไม่รู้
ต่อไปนี้ไม่ว่าสภาวะธรรมใด
มาขึ้นเขือง" ปรากฏเป็นเป้า"ให้ยิงเลยนะ
๑.ความไม่พอใจเกิด.. หลังจากตาเห็น "ยิงโป้งเลย"
๒.ความไม่พอใจเกิด.. หลังจากได้ยินคำพูด "ยิงโป้งเลย"
๓.ความไม่พอใจเกิด... หลังจากได้กลิ่น....
"ยิงโป้งเลย"
๔.ความไม่พอใจเกิด... หลังจากลิ้นลิ้มรส
"ยิงโป้งเลย"
๕.ความไม่พอใจเกิด... หลังจากร่างกายไปโดนอะไร
"ยิงโป้งเลย"
วิธีการยิง คือการรู้อยู่เฉยๆ รู้ทันเฉยๆ
ความไม่พอใจ มาโชว์ให้เราเห็น หน้าที่คือยิงความรู้ทัน
ความคับแค้นใจ มาโชว์ให้เราเห็น
หน้าที่คือยิงความรู้ทัน
ความเจ็บแสบ มาโชว์ให้เราเห็น
หน้าที่คือยิงความรู้ทัน
ความขัดเคียง มาโชว์ให้เราเห็น
หน้าที่คือยิงความรู้ทัน
เหมือนมีพลังงานบางอย่าง
เหมือนลูกไฟร้อนลุกโพลงๆ อยู่กลางหน้าอก...มาโชว์ และดึงเราไปร่วม
ให้ยิงทิ้งเลย อย่าเลี้ยงไว้
เพราะมันจะเป็น ราคะ,โทสะ คืออวิชชาส่งมาให้หลงให้ติด เป็นของแถมทีมัน
ยอดเข้าไป หลังจากเกิดผัสสะ
โรคเวรโรคกรรมยิ่งเกายิ่งคัน
ยิ่งเข้าไป ยึดมั่นถือมั่นว่าร่างกายนี้เป็นเรา
สุขทุกข์ เป็นเรา มันก็เท่ากับว่า
กำลังเกาโรคเวรโรคกรรม
ราคะยิ่งส่งเสริม ยิงห่างออกไปจากนิพพาน
โทสะยิ่งส่งเสริม ยิ่งห่างออกไปจากนิพพาน
โลภะยิ่งส่งเสริม ยิ่งห่างออกไปจากนิพพาน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
21 ก.ย. 2015
สมองของคนฉลาดทางจิต
ถ้าเขาโดนโขมยของไป...
จะมีความรู้สึกต่างจากคนทั่วไป
คนทั่วๆไป จะร้อนกลุ้มกระวนกระวายนาน
เลี้ยงทุกข์ทางใจไว้นาน
แต่คนฉลาดทางจิต
เขาแทบจะไม่มีความทุกข์ใจเลย
หรือถ้ามีก็มีน้อยมากๆ
แต่ความทุกข์จะเกาะใจไม่ได้นาน
"เขาจะพิจารณา หาเหตุ - หาผล หาวิธีแก้
คนที่ขโมยเขามีเรื่องกดดันอะไรนะ
มีความเดือนร้อนกดดันเรื่องใดจึงลงมือขโมย
ความรู้สึกอะไรหนอผลักดันความคิดให้เขาลงมือ
*เขามีเรื่องเดือนร้อนอะไรหน่อ
*เขากล้าเสี่ยงขโมย..ต้องเป็นเรื่องไม่ใช่เล่นๆแน่ๆ
*เขาไม่ชอบไม่พอใจเรา.. ใช่หรือไม่ใช่นะ
*เขาเป็นหนีสิน..ใช่หรือไม่ใช่นะ
*เขาเอาเงินไปต่อชีวิตใครใช่หรือเปล่าน่ะ
คนแบบนี้ มีช่องทางแก้ยังไงนะ
*เขาต้องจริงใจ กล้าเล่าปัญหานั้น
ที่เขากำลังประสบ ออกมา ให้คนที่มีปัญาช่วยชี้แนะ
*สิ่งแวดล้อมที่พาให้เขาเป็นขโมย เขาควรเอาใจออกจากสภาพแวดล้อมตรง
นั้น
*เขาต้องเข็มแขง ไม่อ่อนแอ มาโขมยแบบนี้
เขาจะไม่รอดไปได้ทุกครั้งนะ
*เขาคิดหาแต่ธงชัยความสำเร็จในการขโมย เบียดเบียนผู้อื่น
มากกว่าศักศรีตนเอง
ใจเขาให้ค่าตนเองต่ำมาก ถ้าเขาไม่แก้ไขตรงนี้
ความเข้มแข็งที่จะปราบความอ่อนแอจะไม่เกิดขึ้น
เมื่อไม่มีความเข้มแข็ง กำลังใจและความเข้มแข็ง จะรวมเป็นหนึ่ง
ทำสิ่งที่ถูกต้องไม่ได้
ยิ่งคิดขโมย จิตยิ่งดิ่งต่ำลงๆๆ จิตของภูมิมนุษย์นั้น
จะไม่มีขโมยของผู้อื่นกิน แม้แต่เนื้อหนัง
แต่ถ้าฝึกจิตตนเองให้เป็นเดรัจฉานแบบนี้
ไม่ยอมหักห้ามใจที่มันชวนไปทางมืด
มันก็คล้ายกับว่า กำลังอบรมจิตให้ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉา ในชาติถัดไป
ถ้าไม่อยากไปเกิดเป็นสัตว์ ก็ต้องทวนกระแสจิต ให้ขึ้นมาเป็นจิตแบบมนุษย์
# จนก็ช่าง อย่าไปขโมยของๆผู้อื่นเขา
มันไม่ใช่เรื่องเล่นนะ จิตเรานี่ ฝึกไปทางนรกมันก็ดึงไปเลยนะก่อนตาย
สมองของคนฉลาดทางจิต
ถ้าเขาโดนโขมยของไป...
จะมีความรู้สึกต่างจากคนทั่วไป
คนทั่วๆไป จะร้อนกลุ้มกระวนกระวายนาน
เลี้ยงทุกข์ทางใจไว้นาน
แต่คนฉลาดทางจิต
เขาแทบจะไม่มีความทุกข์ใจเลย
หรือถ้ามีก็มีน้อยมากๆ
แต่ความทุกข์จะเกาะใจไม่ได้นาน
"เขาจะพิจารณา หาเหตุ - หาผล หาวิธีแก้
คนที่ขโมยเขามีเรื่องกดดันอะไรนะ
มีความเดือนร้อนกดดันเรื่องใดจึงลงมือขโมย
ความรู้สึกอะไรหนอผลักดันความคิดให้เขาลงมือ
*เขามีเรื่องเดือนร้อนอะไรหน่อ
*เขากล้าเสี่ยงขโมย..ต้องเป็นเรื่องไม่ใช่เล่นๆแน่ๆ
*เขาไม่ชอบไม่พอใจเรา.. ใช่หรือไม่ใช่นะ
*เขาเป็นหนีสิน..ใช่หรือไม่ใช่นะ
*เขาเอาเงินไปต่อชีวิตใครใช่หรือเปล่าน่ะ
คนแบบนี้ มีช่องทางแก้ยังไงนะ
*เขาต้องจริงใจ กล้าเล่าปัญหานั้น
ที่เขากำลังประสบ ออกมา ให้คนที่มีปัญาช่วยชี้แนะ
*สิ่งแวดล้อมที่พาให้เขาเป็นขโมย เขาควรเอาใจออกจากสภาพแวดล้อมตรง
นั้น
*เขาต้องเข็มแขง ไม่อ่อนแอ มาโขมยแบบนี้
เขาจะไม่รอดไปได้ทุกครั้งนะ
*เขาคิดหาแต่ธงชัยความสำเร็จในการขโมย เบียดเบียนผู้อื่น
มากกว่าศักศรีตนเอง
ใจเขาให้ค่าตนเองต่ำมาก ถ้าเขาไม่แก้ไขตรงนี้
ความเข้มแข็งที่จะปราบความอ่อนแอจะไม่เกิดขึ้น
เมื่อไม่มีความเข้มแข็ง กำลังใจและความเข้มแข็ง จะรวมเป็นหนึ่ง
ทำสิ่งที่ถูกต้องไม่ได้
ยิ่งคิดขโมย จิตยิ่งดิ่งต่ำลงๆๆ จิตของภูมิมนุษย์นั้น
จะไม่มีขโมยของผู้อื่นกิน แม้แต่เนื้อหนัง
แต่ถ้าฝึกจิตตนเองให้เป็นเดรัจฉานแบบนี้
ไม่ยอมหักห้ามใจที่มันชวนไปทางมืด
มันก็คล้ายกับว่า กำลังอบรมจิตให้ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉา ในชาติถัดไป
ถ้าไม่อยากไปเกิดเป็นสัตว์ ก็ต้องทวนกระแสจิต ให้ขึ้นมาเป็นจิตแบบมนุษย์
# จนก็ช่าง อย่าไปขโมยของๆผู้อื่นเขา
มันไม่ใช่เรื่องเล่นนะ จิตเรานี่ ฝึกไปทางนรกมันก็ดึงไปเลยนะก่อนตาย
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 22, 2015 12:48:43pm
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 22, 2015 9:01:51pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กรรมที่ทำให้เกิดมาสวย สวยมากสวยน้อยต่างกัน
คือ การไม่เลี้ยงความโกธรไว้
คือ การไม่เลี้ยงความโกธรไว้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
22 ก.ย. 2015
วันนี้ไปให้ศีล ที่บ้านโยมดู่ใน
ถามโยมว่า: ถ้าให้รักษาศีล ๕ ข้อที่ทำได้จริงๆ
มีข้อไหนบ้าง....
โยมเงียบ: จำเป็นต้องเลี้ยงครอบครัว ต้องฆ่าปลา มันยาก
นะครับ
"
งั้นทำข้อที่ทำได้ไปก่อน ข้ออื่นๆค่อยพัฒนาที่หลัง
บุญจากศีลนี้ มันคือสิ่งที่จะทำให้ได้เป็นมนุษย์อีก
ถ้าทานมาก แต่ศีลไม่มี ตายแล้วเป็นสัตว์ในบ้านคนรวย
น่าเอาไหม
งั้นให้ฟังธรรมะนะ ถึงศีลจะยังพร่องอยู่
พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนที่ฟังธรรมจะไปทางเจริญอย่างเดียว ไม่ไปทางเสื่อม
ถึงจะยังทุศีลผิดศีลอยู่
ธรรมะที่ไปทางเจริญอย่างเดียว ไม่ไปทางเสื่อม
# คือ อริยสัจสี่
วันนี้ไปให้ศีล ที่บ้านโยมดู่ใน
ถามโยมว่า: ถ้าให้รักษาศีล ๕ ข้อที่ทำได้จริงๆ
มีข้อไหนบ้าง....
โยมเงียบ: จำเป็นต้องเลี้ยงครอบครัว ต้องฆ่าปลา มันยาก
นะครับ
"
งั้นทำข้อที่ทำได้ไปก่อน ข้ออื่นๆค่อยพัฒนาที่หลัง
บุญจากศีลนี้ มันคือสิ่งที่จะทำให้ได้เป็นมนุษย์อีก
ถ้าทานมาก แต่ศีลไม่มี ตายแล้วเป็นสัตว์ในบ้านคนรวย
น่าเอาไหม
งั้นให้ฟังธรรมะนะ ถึงศีลจะยังพร่องอยู่
พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนที่ฟังธรรมจะไปทางเจริญอย่างเดียว ไม่ไปทางเสื่อม
ถึงจะยังทุศีลผิดศีลอยู่
ธรรมะที่ไปทางเจริญอย่างเดียว ไม่ไปทางเสื่อม
# คือ อริยสัจสี่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สำหรับผู้ที่ยังตาบอดทางจิต ใจยังห่างไกลจากธรรมะ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
เริ่มต้นเลยอยากให้หาเวลา.... มาฟัง
"เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน ฉบับปฏิรูป โจโฉอ่าน" ใน youtube นี้
# นักเขียนคนนี้ ไม่ธรรมดานะ
เขามีอภิญญา มีตาทิพย์ หูทิพย์ มีญาณยั่งรู้อดีต รู้นาคตได้
ไปลองฟังที่เขาเขียนนะ จะได้ไม่เสียดายที่ยังไม่ตาย
เริ่มต้นเลยอยากให้หาเวลา.... มาฟัง
"เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน ฉบับปฏิรูป โจโฉอ่าน" ใน youtube นี้
# นักเขียนคนนี้ ไม่ธรรมดานะ
เขามีอภิญญา มีตาทิพย์ หูทิพย์ มีญาณยั่งรู้อดีต รู้นาคตได้
ไปลองฟังที่เขาเขียนนะ จะได้ไม่เสียดายที่ยังไม่ตาย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลา เด็กทำผิด อย่าเพิ่งไปด่า,ว่า,ตี สั่งสอนตอนนั้น...
ถึงจะด่าวาตีสั่งสอนตอนนั้น
เด็กก็แค่จะครับๆเพื่อให้มันผ่านไปเท่านั้น
คำว่าครับๆ มันไม่ได้มาจากจิตสำนึกที่แท้จริง
เราต้อง รอให้เขาอยู่ในสภาวะปกติก่อน
แล้วค่อยเล่าค่อยบอกค่อยสั่งสอน อธิบายเหตุผลไปด้วย
เหมือนพระพุทธเจ้า เขากำลังกินข้าวอยู่
พระองค์ก็ยังรอให้เขากินเสร็จก่อน
แล้วค่อยแสดงธรรมเทศนา
เห็นไหมว่า ช่วงภาวะที่จิตเป็นปกติ
พูดมันจะได้ผลกว่ากัน
ิ
ถึงจะด่าวาตีสั่งสอนตอนนั้น
เด็กก็แค่จะครับๆเพื่อให้มันผ่านไปเท่านั้น
คำว่าครับๆ มันไม่ได้มาจากจิตสำนึกที่แท้จริง
เราต้อง รอให้เขาอยู่ในสภาวะปกติก่อน
แล้วค่อยเล่าค่อยบอกค่อยสั่งสอน อธิบายเหตุผลไปด้วย
เหมือนพระพุทธเจ้า เขากำลังกินข้าวอยู่
พระองค์ก็ยังรอให้เขากินเสร็จก่อน
แล้วค่อยแสดงธรรมเทศนา
เห็นไหมว่า ช่วงภาวะที่จิตเป็นปกติ
พูดมันจะได้ผลกว่ากัน
ิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ด้วยควาเป็นห่วง
ถ้ายังไม่มีความรัก
อย่าเพิ่งรีบหาความรัก
แต่ให้เร่งรู้วิธีสร้างความรัก
ด้วยการใจเย็นเป็น เห็นใจเป็น
พูดดีเป็น อภัยเป็น ไม่เสแสร้งเป็น เผื่อใจเป็น ปล่อยวางเป็นเมื่อถูกหักอก และสุดท้ายสวดมนต์นั้งสมาธิเป็น
แล้วในที่สุด
ความรักมันจะตามหาเราเจอเอง
# รู้จัก "รัก"
ถ้ายังไม่มีความรัก
อย่าเพิ่งรีบหาความรัก
แต่ให้เร่งรู้วิธีสร้างความรัก
ด้วยการใจเย็นเป็น เห็นใจเป็น
พูดดีเป็น อภัยเป็น ไม่เสแสร้งเป็น เผื่อใจเป็น ปล่อยวางเป็นเมื่อถูกหักอก และสุดท้ายสวดมนต์นั้งสมาธิเป็น
แล้วในที่สุด
ความรักมันจะตามหาเราเจอเอง
# รู้จัก "รัก"
ด้วยควาเป็นห่วง..
ถ้ายังไม่มีความรัก
อย่าเพิ่งรีบหาความรัก
แต่ให้เร่งรู้วิธีสร้างความรัก
และถามตัวเองว่า ต้องการความรักแบบไหน
แบบกินเนื้อหนังกันเฉยๆ (คู่กาม)"
หรือ แบบคู่บุญ บารมี
ครองรักกันไปจนแก่เฒ่า ถือไม้เท้ายอดพองกระบองยอดเพชร รักกันอย่างมีความสุข"
# ผมมารู้จักใจผมจริงๆ เพราะฟัง"รู้จักรัก"
http://www.youtube.com/playlist?list=PL3847631465D7CE3
ถ้ายังไม่มีความรัก
อย่าเพิ่งรีบหาความรัก
แต่ให้เร่งรู้วิธีสร้างความรัก
และถามตัวเองว่า ต้องการความรักแบบไหน
แบบกินเนื้อหนังกันเฉยๆ (คู่กาม)"
หรือ แบบคู่บุญ บารมี
ครองรักกันไปจนแก่เฒ่า ถือไม้เท้ายอดพองกระบองยอดเพชร รักกันอย่างมีความสุข"
# ผมมารู้จักใจผมจริงๆ เพราะฟัง"รู้จักรัก"
http://www.youtube.com/playlist?list=PL3847631465D7CE3
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 23, 2015 12:33:42am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ว่ากันความจริงแล้ว
ตั้งแต่เด็ก ไปจนถึงผู้ใหญ่
เรื่องที่ทำให้ร้อนใจ หรือบางเรื่องที่เรากำลังทุกข์ มักเป็นเรื่องของคนอื่น
ที่เราเก็บมามโนเป็นตุเป็นตะเอง วิจารณ์พร่ำบ่น ไม่พอใจหลงทุกข์ไปเรื่อย
ถ้าสงสารตัวเอง ให้เอาใจมาอยู่กับกาย อย่าเอาใจไปผูกก
ับอารมณ์ทุกข์เลย
พระพุทธเจ้าบอกว่า ความทุกข์มันเป็นมนทินเป็นหัวฝี๋"
ต้องหาวิธีจัดการ
~เมื่อ ทุกข์ มี ให้มีสติกำหนดรู้'
จะรู้ว่าเราเป็นผู้เห็น ทุกข์"
ไม่ใช่เราเป็นผู้ทุกข์~
# ถ้าไม่เชื่อก็พิสูจน์ดูเอาเองเวลามันเกิด
ตั้งแต่เด็ก ไปจนถึงผู้ใหญ่
เรื่องที่ทำให้ร้อนใจ หรือบางเรื่องที่เรากำลังทุกข์ มักเป็นเรื่องของคนอื่น
ที่เราเก็บมามโนเป็นตุเป็นตะเอง วิจารณ์พร่ำบ่น ไม่พอใจหลงทุกข์ไปเรื่อย
ถ้าสงสารตัวเอง ให้เอาใจมาอยู่กับกาย อย่าเอาใจไปผูกก
ับอารมณ์ทุกข์เลย
พระพุทธเจ้าบอกว่า ความทุกข์มันเป็นมนทินเป็นหัวฝี๋"
ต้องหาวิธีจัดการ
~เมื่อ ทุกข์ มี ให้มีสติกำหนดรู้'
จะรู้ว่าเราเป็นผู้เห็น ทุกข์"
ไม่ใช่เราเป็นผู้ทุกข์~
# ถ้าไม่เชื่อก็พิสูจน์ดูเอาเองเวลามันเกิด
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โรงพยาบาล เป็นทั้งสถานที่เกิดและสถานที่ตาย
มีทั้งคนมีทั้งผี สัมภเวสีรอส่วนบุญมีเพียบ
เขาทุกข์ทรมาณหิวบุญมากๆนะ
ใครไปโรงพยาบาล ให้สงเคราะห์เมตตา
ตั้งจิตให้สงบ รู้ลมหายใจเข้าออกสัก3นาที พอจิตสงบแล้ว >>อธิฐานจิตว่าข
อแผ่เมตตาแผ่ส่วนบุญกุศลในการภาวนานี้ ให้กระจายไปทั่ว
ทั้งโรงพยาบาล
ทำแบบนี้เราได้บุญได้สั่งสมบารมีให้จิตวิญญาณตัวเอง
คือยิ่งให้..ก็ยิ่งได้
ไม่เหมือนเงินยิ่งใช้ยิ่งหมด
อนุเคราะห์เพื่อนร่วมทุกข์ต่างภพภูมิกันไป
ให้เขามีบุญมีความสุขความเย็นความสว่าง
ปรากฏที่ใจเขา พอเขามีบุญเขาจะไปเกิดได้..
มีทั้งคนมีทั้งผี สัมภเวสีรอส่วนบุญมีเพียบ
เขาทุกข์ทรมาณหิวบุญมากๆนะ
ใครไปโรงพยาบาล ให้สงเคราะห์เมตตา
ตั้งจิตให้สงบ รู้ลมหายใจเข้าออกสัก3นาที พอจิตสงบแล้ว >>อธิฐานจิตว่าข
อแผ่เมตตาแผ่ส่วนบุญกุศลในการภาวนานี้ ให้กระจายไปทั่ว
ทั้งโรงพยาบาล
ทำแบบนี้เราได้บุญได้สั่งสมบารมีให้จิตวิญญาณตัวเอง
คือยิ่งให้..ก็ยิ่งได้
ไม่เหมือนเงินยิ่งใช้ยิ่งหมด
อนุเคราะห์เพื่อนร่วมทุกข์ต่างภพภูมิกันไป
ให้เขามีบุญมีความสุขความเย็นความสว่าง
ปรากฏที่ใจเขา พอเขามีบุญเขาจะไปเกิดได้..
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Bowpari Phiankla และคนอื่นๆ อีก 4 คน
คุณได้แท็ก Bowpari Phiankla, Pui Chutima, Preeter Moss, ปีใหม่ พรทิพย์ และ หนิง อรสา
.
ใช้ทุกข์ให้เป็นธรรมะ#
ใช้มันเจริญสติ
เห็นอารมณ์อันไม่น่าปราถนา
ปรากฏต่อหน้าต่อตาไม่เที่ยง
ให้เป็นสิ่งที่ถูกรู้ แล้วหายไป
ไม่มีแก่นสานอะไร ผ่านมาให้ดูแล้วก็ผ่านไป
"เห็นทุกข์ทีไร มีแต่ได้กำไรทุกที
ได้ทำลายอุปทานกิเลส
ได้สร้างบารมีในบารมี10ทัตตั้งหลายข้อ
และบุญจากการรู้การดู อารมณ์ทุกข์ใจ
มันเบาละเอียดมากเป็นมหากุศลจิตที่ยิ่งใหญ่มากๆได้บุญมหาเยอะ
# ดังนั้นให้อดทน ..ดู อดทนรู้" เขาจะว่าอะไรก็ช่างเขา
สิ่งที่เขาพูดมันจะย้อนหาเขาเอง
ถ้าเราเป็นคนไม่ดี มันก็จะไม่ย้อนไปหาเขาเร็ว
ถ้าเราเป็นคนมีศีล
มันก็จะย้อนไปหาเขาเร็ว
ถ้าเราภาวนา
มันก็จะย้อนไปหาเขาเร็วกว่า
ถ้าเราเป็นโสดาบัน
มันก็จะย้อนไปหาเขาเร็วกว่าอีก
อย่าแสดงความดีใจและเสียใจไปกับมัน
มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและดับไปเองของมัน
มันเป็นสิ่งที่ไม่มีเจ้าของ
ใช้ทุกข์ให้เป็นธรรมะ#
ใช้มันเจริญสติ
เห็นอารมณ์อันไม่น่าปราถนา
ปรากฏต่อหน้าต่อตาไม่เที่ยง
ให้เป็นสิ่งที่ถูกรู้ แล้วหายไป
ไม่มีแก่นสานอะไร ผ่านมาให้ดูแล้วก็ผ่านไป
"เห็นทุกข์ทีไร มีแต่ได้กำไรทุกที
ได้ทำลายอุปทานกิเลส
ได้สร้างบารมีในบารมี10ทัตตั้งหลายข้อ
และบุญจากการรู้การดู อารมณ์ทุกข์ใจ
มันเบาละเอียดมากเป็นมหากุศลจิตที่ยิ่งใหญ่มากๆได้บุญมหาเยอะ
# ดังนั้นให้อดทน ..ดู อดทนรู้" เขาจะว่าอะไรก็ช่างเขา
สิ่งที่เขาพูดมันจะย้อนหาเขาเอง
ถ้าเราเป็นคนไม่ดี มันก็จะไม่ย้อนไปหาเขาเร็ว
ถ้าเราเป็นคนมีศีล
มันก็จะย้อนไปหาเขาเร็ว
ถ้าเราภาวนา
มันก็จะย้อนไปหาเขาเร็วกว่า
ถ้าเราเป็นโสดาบัน
มันก็จะย้อนไปหาเขาเร็วกว่าอีก
อย่าแสดงความดีใจและเสียใจไปกับมัน
มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและดับไปเองของมัน
มันเป็นสิ่งที่ไม่มีเจ้าของ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ตื่นเช้า.. ทำอารมณ์ จิตใจให้ดี
ให้เบิกบาน ไม่ปราถนาภัยเวร อาฆาต พยาบาต
กับใคร เฉยๆๆ ตัดความกังวนไป
วันนี้ทั้งวันจะสดใสมาเอง
""
ให้เบิกบาน ไม่ปราถนาภัยเวร อาฆาต พยาบาต
กับใคร เฉยๆๆ ตัดความกังวนไป
วันนี้ทั้งวันจะสดใสมาเอง
""
หลวงพ่อ
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 27, 2015 8:46:03am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ภายใต้จิตสำนึกหรืออุปนิสัยลึกๆแล้ว
ไม่ชอบวุ่นวาย
ไม่ชอบคลุกคลี
ไม่ชอบเอาใจไปเกี่ยวข้องกับใคร
ตอนรัก รักแรงรักใครไม่ได้นาน 3เดือนเริ่มเบื่อ ไม่เป็นอิสระ
ชอบสันโดดคนเดียวเป็นหลัก
ไม่ชอบวุ่นวาย
ไม่ชอบคลุกคลี
ไม่ชอบเอาใจไปเกี่ยวข้องกับใคร
ตอนรัก รักแรงรักใครไม่ได้นาน 3เดือนเริ่มเบื่อ ไม่เป็นอิสระ
ชอบสันโดดคนเดียวเป็นหลัก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อรู้สึกสับสน
หมู่บ้านรักษาศีล ๕ รายชื่อที่ไม่จริงก็มี
คนคีย์
ล้วนแต่รู้ว่ามีทั้งรายชื่อผู้ที่อนุญาติยอมให้คีย์
และรายชื่อที่เจ้าของเขายังไม่อนุญาตเลย
เจ้าของเขาไม่รู้เรื่องเลยก็มี คนตายแล้วก็มี
ทำไมไม่เอาแค่รายชื่อจริงๆ ที่เขาอนุญาตแล้วพอ
ไม่รู้จะได้ประโยชน์อะไรจริงๆ จากรายชื่อที่ปลอมปนเข้าไป ได้ตัวเลขสูงขึ้น ได้ทำให้คนต่างประเทศรู้ว่าชาวพุทธไทยรักษาศีล ๕ บ้านเมืองร่มเย็น เหมาะจะมาลงทุนในประเทศไทย แค่นี้หรือเปล่า
#กรรมอะไรหนอ ที่ทำให้ต้องทำในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ไม่ซื่อตรง #มุสาวาส#สัมผัปปราปัพ
คนคีย์(ผม)ไม่มีคุณธรรม.. คีย์หลอกช้าวบ้านเขา
คนคีย์
ล้วนแต่รู้ว่ามีทั้งรายชื่อผู้ที่อนุญาติยอมให้คีย์
และรายชื่อที่เจ้าของเขายังไม่อนุญาตเลย
เจ้าของเขาไม่รู้เรื่องเลยก็มี คนตายแล้วก็มี
ทำไมไม่เอาแค่รายชื่อจริงๆ ที่เขาอนุญาตแล้วพอ
ไม่รู้จะได้ประโยชน์อะไรจริงๆ จากรายชื่อที่ปลอมปนเข้าไป ได้ตัวเลขสูงขึ้น ได้ทำให้คนต่างประเทศรู้ว่าชาวพุทธไทยรักษาศีล ๕ บ้านเมืองร่มเย็น เหมาะจะมาลงทุนในประเทศไทย แค่นี้หรือเปล่า
#กรรมอะไรหนอ ที่ทำให้ต้องทำในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ไม่ซื่อตรง #มุสาวาส#สัมผัปปราปัพ
คนคีย์(ผม)ไม่มีคุณธรรม.. คีย์หลอกช้าวบ้านเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เข้าใจแล้วว่า ทำไมคนที่บรรลุอรหันต์ ถ้าอยู่ในแบบฆราวาส
จะตายภายใน7วัน
เพราะจิตท่านไม่สามารถจะดำงทำตัวเหมืนฆราวาสได้
แม้แต่ศีลท่านไม่อาจจะผิดได้
จะตายภายใน7วัน
เพราะจิตท่านไม่สามารถจะดำงทำตัวเหมืนฆราวาสได้
แม้แต่ศีลท่านไม่อาจจะผิดได้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คีย์เลข13หลัก
ใส่เว็บหมู่บ้านรักษาศีล ๕
มีทั้งชื่อคนทีอนุญาตแล้ว
และคนที่ก็ไม่รู้ว่าตนเองถูกนำเลข13หลักของตนไปลงทะเบียน
#ไม่รู้จะเอายอดตัวเลขไปทำอะไร
ทำไมไม่เอาแค่ยอดที่เป็นจริง
น้อยก็เป็นความจริงของมันอยู่ในตัวอยู่แล้ว
#ขออย่าให้ข้าพระเจ้า ได้ทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
และอย่ามีโอกาสลงมือทำเรื่องที่ไม่ดี
ใส่เว็บหมู่บ้านรักษาศีล ๕
มีทั้งชื่อคนทีอนุญาตแล้ว
และคนที่ก็ไม่รู้ว่าตนเองถูกนำเลข13หลักของตนไปลงทะเบียน
#ไม่รู้จะเอายอดตัวเลขไปทำอะไร
ทำไมไม่เอาแค่ยอดที่เป็นจริง
น้อยก็เป็นความจริงของมันอยู่ในตัวอยู่แล้ว
#ขออย่าให้ข้าพระเจ้า ได้ทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
และอย่ามีโอกาสลงมือทำเรื่องที่ไม่ดี
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 30, 2015 1:00:13pm
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 01, 2015 12:39:27pm
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 01, 2015 12:42:29pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ใครสนใจ ร่วมพิมพ์หนังสือ อนุโมทนาด้วยครับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
การสาปแช่ง,ว่าร้าย,ใส่ร้าย,ยุให้เขาแตกกัน หรือพูดวาจาที่ส่อเสียดทำร้ายจิตใจผู้อื่น
มีระดับกรรมไม่เท่ากัน
Aถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมไม่สูงนัก ก็เป็นบาปได้เหมือนกัน
Bถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลข้อหนึ่งข้อเดียว บาปมากกว่าA
Cถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลสองข้อ บาปมากกวาB
Dถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลสามข้อ บาปมากกว่าC
Eถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลสี่ข้อ บาปมากกว่าD
Fถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลห้าข้อ บาปมากกว่าE
Gถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลหกข้อ บาปมากกว่าF
Iถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลเจ็ดข้อ
บาปมากกว่าG
Jถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลแปดข้อ
บาปมากกว่าI
Kถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลเก้าข้อ
บาปมากกว่าJ
Lถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลสิบข้อ
บาปมากกว่าK
~ ไล่ลำดับน้ำหนักขึ้นไป จากศีล5 ศีล8 ศีล10 ศีล227 ศีลสองพันกว่าข้อ ไล่ลำดับข้อขึ้นไปเรื่อยๆ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่บาปเท่า ว่าร้ายผู้กำลังเดินมรรคปฏิบัติเพื่อ
เพื่อเป็นโสดาบันบุคคล เพื่อเป็นสกทาคามีบุคคล
เพื่อเป็นอนาคามีบุคคล เพื่อเป็นอรหันต์บุคคล
บุคคลทั้งสี่นี้ส่วนมากจะเป็นพระ และส่วนมากจะเป็นผู้ชอบปฏิบัติธรรมนุ่งขาวห่มขาว
การสาปแช่ง,ว่าร้าย,ใส่ร้าย,ยุให้เขาแตกกัน หรือพูดวาจาที่ส่อเสียดทำร้ายจิตใจผู้อื่น
มีระดับกรรมไม่เท่ากัน
Aถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมไม่สูงนัก ก็เป็นบาปได้เหมือนกัน
Bถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลข้อหนึ่งข้อเดียว บาปมากกว่าA
Cถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลสองข้อ บาปมากกวาB
Dถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลสามข้อ บาปมากกว่าC
Eถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลสี่ข้อ บาปมากกว่าD
Fถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลห้าข้อ บาปมากกว่าE
Gถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลหกข้อ บาปมากกว่าF
Iถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลเจ็ดข้อ
บาปมากกว่าG
Jถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลแปดข้อ
บาปมากกว่าI
Kถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลเก้าข้อ
บาปมากกว่าJ
Lถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลสิบข้อ
บาปมากกว่าK
~ ไล่ลำดับน้ำหนักขึ้นไป จากศีล5 ศีล8 ศีล10 ศีล227 ศีลสองพันกว่าข้อ ไล่ลำดับข้อขึ้นไปเรื่อยๆ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่บาปเท่า ว่าร้ายผู้กำลังเดินมรรคปฏิบัติเพื่อ
เพื่อเป็นโสดาบันบุคคล เพื่อเป็นสกทาคามีบุคคล
เพื่อเป็นอนาคามีบุคคล เพื่อเป็นอรหันต์บุคคล
บุคคลทั้งสี่นี้ส่วนมากจะเป็นพระ และส่วนมากจะเป็นผู้ชอบปฏิบัติธรรมนุ่งขาวห่มขาว
มีระดับกรรมไม่เท่ากัน
Aถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมไม่สูงนัก ก็เป็นบาปได้เหมือนกัน
Bถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลข้อหนึ่งข้อเดียว บาปมากกว่าA
Cถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลสองข้อ บาปมากกวาB
Dถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลสามข้อ บาปมากกว่าC
Eถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลสี่ข้อ บาปมากกว่าD
Fถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลห้าข้อ บาปมากกว่าE
Gถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลหกข้อ บาปมากกว่าF
Iถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลเจ็ดข้อ
บาปมากกว่าG
Jถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลแปดข้อ
บาปมากกว่าI
Kถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลเก้าข้อ
บาปมากกว่าJ
Lถ้าว่าร้ายผู้มีคุณธรรมมีศีลสิบข้อ
บาปมากกว่าK
~ ไล่ลำดับน้ำหนักขึ้นไป จากศีล5 ศีล8 ศีล10 ศีล227 ศีลสองพันกว่าข้อ ไล่ลำดับข้อขึ้นไปเรื่อยๆ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่บาปเท่า ว่าร้ายผู้กำลังเดินมรรคปฏิบัติเพื่อ
เพื่อเป็นโสดาบันบุคคล เพื่อเป็นสกทาคามีบุคคล
เพื่อเป็นอนาคามีบุคคล เพื่อเป็นอรหันต์บุคคล
บุคคลทั้งสี่นี้ส่วนมากจะเป็นพระ และส่วนมากจะเป็นผู้ชอบปฏิบัติธรรมนุ่งขาวห่มขาว
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
คุณได้แท็ก Rungsun Kiayasuan, มากับเขา แร้วเหงายังไง และ ฤิทธิพร ทองมี
ร่างกายนี้ประกอบไปด้วยธาตุ๔
ดิน น้ำ ลม ไฟ
สวย หล่อ แค่ไหนขาดแค่ธาตุลม
กลายเป็นผี ไม่มีใครเอา
เหลือแต่บุญกับบาปจะตามเราไป
ท่านทั้งหลาย สะสมสะเบียงบุญกัน
ตั้งแต่วันนี้เถิด..ให้ทาน รักษาศีล ทำวัตร สวดมนต์
ปฏิบัติเดินจงกรม สมาธิภาวนา
อย่าไปยุ่งกับผู้หญิง
ร่างกายผู้หญิง ถ้าลอกเนื้อหนัง กระดูก เอาตับไตไส้พุง ปอด พังผืด อวัยวะทุกอย่างออกหมด..!! มันก็ไม่ต่างอะไรกับเราหรอก ก็จะไม่เหลืออะไรที่ว่าเป็นหญิง
เหลือแต่ดวงจิต
ไอ้ดวงจิตนี้ มันไม่ใช่ผู้หญิงมันไม่ใช่ผู้ชาย
คือมันไม่มีเพศเลย มันเป็นแต่เพียงดวงจิตเฉยๆ เป็นจิตเฉยๆ
ไม่ใช่ชายไม่ใช่หญิง
ถ้าเรารักร่างกายผู้หญิง แต่รู้ว่า ดวงจิตที่ครองร่างนั้นไม่ใช่ผู้หญิงละ
เพราะดวงจิตนี้ไม่ใช่เพศหญิงไม่ใช่เพศชาย
เราจะรักแค่ก้อนดินที่ปั่นมาเป็นร่างกาย หลอกๆแค่นั้นหรือ
ร่างกายนี้ประกอบไปด้วยธาตุ๔
ดิน น้ำ ลม ไฟ
สวย หล่อ แค่ไหนขาดแค่ธาตุลม
กลายเป็นผี ไม่มีใครเอา
เหลือแต่บุญกับบาปจะตามเราไป
ท่านทั้งหลาย สะสมสะเบียงบุญกัน
ตั้งแต่วันนี้เถิด..ให้ทาน รักษาศีล ทำวัตร สวดมนต์
ปฏิบัติเดินจงกรม สมาธิภาวนา
อย่าไปยุ่งกับผู้หญิง
ร่างกายผู้หญิง ถ้าลอกเนื้อหนัง กระดูก เอาตับไตไส้พุง ปอด พังผืด อวัยวะทุกอย่างออกหมด..!! มันก็ไม่ต่างอะไรกับเราหรอก ก็จะไม่เหลืออะไรที่ว่าเป็นหญิง
เหลือแต่ดวงจิต
ไอ้ดวงจิตนี้ มันไม่ใช่ผู้หญิงมันไม่ใช่ผู้ชาย
คือมันไม่มีเพศเลย มันเป็นแต่เพียงดวงจิตเฉยๆ เป็นจิตเฉยๆ
ไม่ใช่ชายไม่ใช่หญิง
ถ้าเรารักร่างกายผู้หญิง แต่รู้ว่า ดวงจิตที่ครองร่างนั้นไม่ใช่ผู้หญิงละ
เพราะดวงจิตนี้ไม่ใช่เพศหญิงไม่ใช่เพศชาย
เราจะรักแค่ก้อนดินที่ปั่นมาเป็นร่างกาย หลอกๆแค่นั้นหรือ
ดิน น้ำ ลม ไฟ
สวย หล่อ แค่ไหนขาดแค่ธาตุลม
กลายเป็นผี ไม่มีใครเอา
เหลือแต่บุญกับบาปจะตามเราไป
ท่านทั้งหลาย สะสมสะเบียงบุญกัน
ตั้งแต่วันนี้เถิด..ให้ทาน รักษาศีล ทำวัตร สวดมนต์
ปฏิบัติเดินจงกรม สมาธิภาวนา
อย่าไปยุ่งกับผู้หญิง
ร่างกายผู้หญิง ถ้าลอกเนื้อหนัง กระดูก เอาตับไตไส้พุง ปอด พังผืด อวัยวะทุกอย่างออกหมด..!! มันก็ไม่ต่างอะไรกับเราหรอก ก็จะไม่เหลืออะไรที่ว่าเป็นหญิง
เหลือแต่ดวงจิต
ไอ้ดวงจิตนี้ มันไม่ใช่ผู้หญิงมันไม่ใช่ผู้ชาย
คือมันไม่มีเพศเลย มันเป็นแต่เพียงดวงจิตเฉยๆ เป็นจิตเฉยๆ
ไม่ใช่ชายไม่ใช่หญิง
ถ้าเรารักร่างกายผู้หญิง แต่รู้ว่า ดวงจิตที่ครองร่างนั้นไม่ใช่ผู้หญิงละ
เพราะดวงจิตนี้ไม่ใช่เพศหญิงไม่ใช่เพศชาย
เราจะรักแค่ก้อนดินที่ปั่นมาเป็นร่างกาย หลอกๆแค่นั้นหรือ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การทำให้พ้นทุกข์ไม่มี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลาคนมาเล่นหรือมาหาเรา เรามีแต่อยากจะหลบลี้ ซ้อนแอบไม่อยากจะออกไปต้อนรับคุยด้วย วุ่นวาย
เพราะคนมาเล่นด้วย เขาคุยแค่ไม่ให้เงียบเฉยๆ ชวนคุยตามปะสาชาวบ้านเป็นปกติของชาวบ้านอันนี้ก็รู้อยู่
แต่มันไม่ใช่ทางธรรม จิตเรามันไม่สันทัดจะคุยเรื่องโลกเหมือนเมื่อก่อนเลย
ถ้าเป็เรื่องทางธรรมก็ยังพอคุยกันได้
#นี่ภายในมันเป็นอย่างนี
บางครั้งรู้สึกอยู่กับคนยาก อยากจะไปทำสมาธิที่ป่าช้าคนเดียว
#เดี๋ยวชาวบ้านก็จะหาว่าเป็นบ้า เป็นกรรมกับเขาเปล่าๆ
เพราะคนมาเล่นด้วย เขาคุยแค่ไม่ให้เงียบเฉยๆ ชวนคุยตามปะสาชาวบ้านเป็นปกติของชาวบ้านอันนี้ก็รู้อยู่
แต่มันไม่ใช่ทางธรรม จิตเรามันไม่สันทัดจะคุยเรื่องโลกเหมือนเมื่อก่อนเลย
ถ้าเป็เรื่องทางธรรมก็ยังพอคุยกันได้
#นี่ภายในมันเป็นอย่างนี
บางครั้งรู้สึกอยู่กับคนยาก อยากจะไปทำสมาธิที่ป่าช้าคนเดียว
#เดี๋ยวชาวบ้านก็จะหาว่าเป็นบ้า เป็นกรรมกับเขาเปล่าๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หลังจากรักกันไปแล้ว
หลังจากมีอะไรกันแล้ว
หลังจากท้องแล้ว
เป็นยังไง ลองเข้าไปดูในกลุ่มนี้นะครับ
มีแต่ผู้หญิงที่หน้าตาดีๆสวยๆทั้งนั้น แต่กลับมีปัญหามีความทุกข์เรื่องผู้ชายที่รักทิ้ง
ลองเข้าไปศึกษาเรื่องความรักภายหลังดูครับ ที่ไม่เป็นไปสวยงามตามที่วาดไว้
https://m.facebook.com/groups/397994677017832
หลังจากมีอะไรกันแล้ว
หลังจากท้องแล้ว
เป็นยังไง ลองเข้าไปดูในกลุ่มนี้นะครับ
มีแต่ผู้หญิงที่หน้าตาดีๆสวยๆทั้งนั้น แต่กลับมีปัญหามีความทุกข์เรื่องผู้ชายที่รักทิ้ง
ลองเข้าไปศึกษาเรื่องความรักภายหลังดูครับ ที่ไม่เป็นไปสวยงามตามที่วาดไว้
https://m.facebook.com/groups/397994677017832
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หลังจากรักกันไปแล้ว
หลังจากมีอะไรกันแล้ว
หลังจากท้องแล้ว
เป็นยังไง ลองเข้าไปดูในกลุ่มนี้นะครับ
มีแต่ผู้หญิงที่หน้าตาดีๆสวยๆทั้งนั้น แต่กลับมีปัญหามีความทุกข์เรื่องผู้ชายที่รักทิ้งไป
ลองเข้าไปศึกษาเรื่องความรักภายหลังดูครับ ที่ไม่เป็นไปสวยงามตามที่วาดหวังไว้
อยากให้พวกเพื่อนในเฟสทั้งที่รู้จักกันและไม่รู้จักกัน
เข้าไปดู ก่อนจะพัฒนาความรัก
https://m.facebook.com/groups/397994677017832
หลังจากมีอะไรกันแล้ว
หลังจากท้องแล้ว
เป็นยังไง ลองเข้าไปดูในกลุ่มนี้นะครับ
มีแต่ผู้หญิงที่หน้าตาดีๆสวยๆทั้งนั้น แต่กลับมีปัญหามีความทุกข์เรื่องผู้ชายที่รักทิ้งไป
ลองเข้าไปศึกษาเรื่องความรักภายหลังดูครับ ที่ไม่เป็นไปสวยงามตามที่วาดหวังไว้
อยากให้พวกเพื่อนในเฟสทั้งที่รู้จักกันและไม่รู้จักกัน
เข้าไปดู ก่อนจะพัฒนาความรัก
https://m.facebook.com/groups/397994677017832
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ ฤิทธิพร ทองมี
คุณได้แท็ก ฤิทธิพร ทองมี
.ต.ค. 2015
ทำยังไง เราถึงจะรู้สึกว่า เงินที่เราใช้อยู่นี้ที่เราหามาได้
ให้มันรู้สึกว่ามันไม่ใช่เงินเรา
คือลดระดับความยึดมั่นถือมั่นลง
แต่ให้ให้มีความรู้สึกว่า มันเป็นเงินส่วนรวม
แต่ไม่ได้หมายความว่าให้เอาเงินไปใช้ส่วนรวม ก็คือเราเคยใช้ต
ามปกติแบบไหนเราก็ใช้เหมือนเดิม
แต่เปลี่ยนแค่ความรู้สึกภายในใจ ที่คิดว่ามันเป็นเงินเรามันเป็นเงินเรา
ให้รู้สึกว่ามันเป็นเงินภายนอกเป็นเงินคนอื่น ไม่ใช่เป็นของเรา
เป็นธาตุของโลกที่เปลี่ยนกันใช้ เป็นของส่วนรวม
ร่างกายเราก็เหมือนกันให้คิดว่ามันเป็นของส่วนรวม มันมาจากดิน
มันไปก็กลับคืนไปเป็นดิน
แต่ไม่ได้หมายความว่า เป็นของส่วนร่วมแล้วไปให้เขาถูเขาไถผิดศีลข้อกา
เม
ลดความถือมั่นในสิ่งต่างๆลง
เวลาจะมองอะไรลองมองให้มันทะลุ
เช่นมอง รถ มองให้ทะลุกาบเข้าไปข้างใน มีสายไฟโยงกันไปโยงกันมา
มีอะไล่ชิ้นส่วน รกรุงลังไปหมด
มองคนก็มองให้ทะลุ ถึงตับไตใส่พุงในท้องสมองในหัว มองให้เห็นที่สุ
ดจุดจบของมันในพริบตาเดียว
ล้มลงผุเปาะกลายเป็นกระดูกซากดินไปหมด
ทำยังไง เราถึงจะรู้สึกว่า เงินที่เราใช้อยู่นี้ที่เราหามาได้
ให้มันรู้สึกว่ามันไม่ใช่เงินเรา
คือลดระดับความยึดมั่นถือมั่นลง
แต่ให้ให้มีความรู้สึกว่า มันเป็นเงินส่วนรวม
แต่ไม่ได้หมายความว่าให้เอาเงินไปใช้ส่วนรวม ก็คือเราเคยใช้ต
ามปกติแบบไหนเราก็ใช้เหมือนเดิม
แต่เปลี่ยนแค่ความรู้สึกภายในใจ ที่คิดว่ามันเป็นเงินเรามันเป็นเงินเรา
ให้รู้สึกว่ามันเป็นเงินภายนอกเป็นเงินคนอื่น ไม่ใช่เป็นของเรา
เป็นธาตุของโลกที่เปลี่ยนกันใช้ เป็นของส่วนรวม
ร่างกายเราก็เหมือนกันให้คิดว่ามันเป็นของส่วนรวม มันมาจากดิน
มันไปก็กลับคืนไปเป็นดิน
แต่ไม่ได้หมายความว่า เป็นของส่วนร่วมแล้วไปให้เขาถูเขาไถผิดศีลข้อกา
เม
ลดความถือมั่นในสิ่งต่างๆลง
เวลาจะมองอะไรลองมองให้มันทะลุ
เช่นมอง รถ มองให้ทะลุกาบเข้าไปข้างใน มีสายไฟโยงกันไปโยงกันมา
มีอะไล่ชิ้นส่วน รกรุงลังไปหมด
มองคนก็มองให้ทะลุ ถึงตับไตใส่พุงในท้องสมองในหัว มองให้เห็นที่สุ
ดจุดจบของมันในพริบตาเดียว
ล้มลงผุเปาะกลายเป็นกระดูกซากดินไปหมด
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
7 ต.ค. 2015
ผู้ที่มีสัมมาทิฐิ เบื้องต้น ทำบุญยังมีการหวังบุญอยู่"
ส่วนสัมมาทิฐิ เบื้องปลายหรือเบื้องสูง จะทำเพื่อปล่อยวาง
ถ้า2คนนี้ ทำบุญทุกวัน
คนที่1ตายแล้วจะไปอยู่สวรรค์ชั้นที่๑ เมื่อถึงเวลาจุติ ถ้าหากมีเศษบุญใ
ห้ผลก่อนจุติ ก็จะมาเกิดเป็นมนุษย์
และจะลืมทุกเรื่องราว
(เหมือนพระพุทธเจ้า ยังเป็นโพธิสัตว์อยู่ ตอนท่านตั้งความปราถนาจะ
เป็นพระพุทธเจ้า พอท่านตายแล้วเกิดชาติใหม่ก็ลืมว่าตนเองได้เคยป
ราถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า ลืมหมด ตั้งต้นความจำใหม่หมด (ธรรมชาติมันขี้
โกงอย่างนี้แหละ)
ต่อเมื่อเรามานั้งสมาธิมันจึงจะให้เราระลึกชาติก่อนได้"
ฉะนั้นเราอย่าไปทุกข์กับเรื่องคนอื่นมาก ที่ผ่านหูเข้ามา ผ่านตาเข้ามา
ผ่านใจที่มันผุดขึ้นมาในหัว เดี๋ยวชาติหน้าก็ไม่มีคนที่ทำให้เราไม่พอใจแล้ว
เพราะเขาอาจไปเกิดเป็นหมา"
และกลับมาคนที่2ตายแล้วจะไปอยู่ชั้นพรหม
(ตายจากพรหมจะเกิดเป็นพรหมอีก5ครั้ง แล้วจะลุถึงนิพพาน)
ผู้ที่มีสัมมาทิฐิ เบื้องต้น ทำบุญยังมีการหวังบุญอยู่"
ส่วนสัมมาทิฐิ เบื้องปลายหรือเบื้องสูง จะทำเพื่อปล่อยวาง
ถ้า2คนนี้ ทำบุญทุกวัน
คนที่1ตายแล้วจะไปอยู่สวรรค์ชั้นที่๑ เมื่อถึงเวลาจุติ ถ้าหากมีเศษบุญใ
ห้ผลก่อนจุติ ก็จะมาเกิดเป็นมนุษย์
และจะลืมทุกเรื่องราว
(เหมือนพระพุทธเจ้า ยังเป็นโพธิสัตว์อยู่ ตอนท่านตั้งความปราถนาจะ
เป็นพระพุทธเจ้า พอท่านตายแล้วเกิดชาติใหม่ก็ลืมว่าตนเองได้เคยป
ราถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า ลืมหมด ตั้งต้นความจำใหม่หมด (ธรรมชาติมันขี้
โกงอย่างนี้แหละ)
ต่อเมื่อเรามานั้งสมาธิมันจึงจะให้เราระลึกชาติก่อนได้"
ฉะนั้นเราอย่าไปทุกข์กับเรื่องคนอื่นมาก ที่ผ่านหูเข้ามา ผ่านตาเข้ามา
ผ่านใจที่มันผุดขึ้นมาในหัว เดี๋ยวชาติหน้าก็ไม่มีคนที่ทำให้เราไม่พอใจแล้ว
เพราะเขาอาจไปเกิดเป็นหมา"
และกลับมาคนที่2ตายแล้วจะไปอยู่ชั้นพรหม
(ตายจากพรหมจะเกิดเป็นพรหมอีก5ครั้ง แล้วจะลุถึงนิพพาน)
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 08, 2015 12:44:33pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
30 มกราคม 2554 = ( ม.4 2554)
ถ้าจะย้อนกลับไปหาหลวงตา เราต้องอยู่ปลายเดือน ช่วงปีใหม่ ม3)
ถ้าจะย้อนกลับไปหาหลวงตา เราต้องอยู่ปลายเดือน ช่วงปีใหม่ ม3)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.
การดึงชักศรัทธาคนที่หลงไปกับสิ่งอื่น ให้เขามาในพระธร
รมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น เป็นเรื่องที่ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆเลย
พวกหนึ่งก็ไปสักยัน ขลังไม่ขลังไม่รู้ สังขารความคิดปรุงแต่งขึ้นมาแล้
วไหลไปตามอารมณ์ ยึดวาอารมณ์เป็นเราก็ไมรู้
อาจารย์คนที่สักศีลต้องบริสุทธ์
พลังจิตพลังสมาธิต้องสุดยอด สื่อสารกับฤษีบรมครูที่อยู่ชั้นพรหมได้
ปู่หนู บอกว่า ถ้าทำไม่ดีกับพ่อกับแม่ เว้านำพ่อนำแม่บ่ดี ไปขายของขายตู้
เอานวดมาสีจนปากแหลกะบ่อมีผู้ซื้อดอก"
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ทุกอย่าง เสื่อมได้หมือนกัน
ของดีก็มีอยู่ในตัว ที่ไม่เสื่อมเลย มีแต่จะติดไปภพใหม่ชาติใหม่
คือ"พุทโธๆ" พุทธัง สะระณัง คัจฉามิธัมมัง สะระณังคัจฉามิ สังฆังสะระณังคั
จฉามิ
นี่ของจริง เป็นที่พึงได้จริงถาร
ส่วนการสักยันเป็นที่พึงได้อยู่ แต่ไม่จริงถาวร เสื่อได้เหมือนกัน
และถ้ากรรมหนักมาตัดลอน เอาไม่อยู่หรอก เจ้ากรรมนายเวรแรงกว่า
การดึงชักศรัทธาคนที่หลงไปกับสิ่งอื่น ให้เขามาในพระธร
รมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น เป็นเรื่องที่ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆเลย
พวกหนึ่งก็ไปสักยัน ขลังไม่ขลังไม่รู้ สังขารความคิดปรุงแต่งขึ้นมาแล้
วไหลไปตามอารมณ์ ยึดวาอารมณ์เป็นเราก็ไมรู้
อาจารย์คนที่สักศีลต้องบริสุทธ์
พลังจิตพลังสมาธิต้องสุดยอด สื่อสารกับฤษีบรมครูที่อยู่ชั้นพรหมได้
ปู่หนู บอกว่า ถ้าทำไม่ดีกับพ่อกับแม่ เว้านำพ่อนำแม่บ่ดี ไปขายของขายตู้
เอานวดมาสีจนปากแหลกะบ่อมีผู้ซื้อดอก"
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ทุกอย่าง เสื่อมได้หมือนกัน
ของดีก็มีอยู่ในตัว ที่ไม่เสื่อมเลย มีแต่จะติดไปภพใหม่ชาติใหม่
คือ"พุทโธๆ" พุทธัง สะระณัง คัจฉามิธัมมัง สะระณังคัจฉามิ สังฆังสะระณังคั
จฉามิ
นี่ของจริง เป็นที่พึงได้จริงถาร
ส่วนการสักยันเป็นที่พึงได้อยู่ แต่ไม่จริงถาวร เสื่อได้เหมือนกัน
และถ้ากรรมหนักมาตัดลอน เอาไม่อยู่หรอก เจ้ากรรมนายเวรแรงกว่า
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สัจจะวาที่เป็นบุญ ห้ามละ
ส่วนสัจจะวาจาใดที่เป็นบาปให้ละได้ ไม่ผิดธรรม
เช่น เราตั้งสัจจะว่า พรุ่งนี้เราจะไปทำเรื่องที่ไม่ดี
เราจะไปฆ่าคน เราจะไปปล้นขโมยของๆผู้อื่น เราจะไปอึบเมียคนอื่นลูกคนอื่นที่เขามีมารดาบิดารักษา พี่น้องชายพี่น้องหญิงรักษา ญาติรักษา อันธรรมรักษาคือเรื่องที่ทำแล้วทำให้ตัวเองตกต่ำอะ..!!
ถ้าสัจจะแบบนี้ คิดได้ควรเลิกถอนสัจจะนี้เลย ไม่บาป
ถ้าสัจจะเป็นบุญ เช่น ก่อนนอนคืนนี้น่ะ จะสวด อะระหังสัมมา..., อิติปิโส...,แล้วแผ่เมตตา..., พุทโธ3ครั้ง แล้วนอน อันนี้ดีมากๆ
ถ้าผิดสัจจะ จะรู้สึกไม่มั่นใจตัวเองและให้ค่าตัวเองต่ำ
ก็ให้ตั้งขึ้นมาใหม่ แต่ครั้งนี้ต้องรอบครอบ จะได้ไม่เป็นการโกหกตัวเอง
#ส่วนผู้ที่เฉยๆ ไม่คิดจะตั้งสัจจะที่จะทำดีให้ตัวเองมีความสว่าง พวกนี้จิตใจเหมือนปลาไหลไปตามน้ำเลื่อนลอย ไม่ถือว่าดี เปรียบเสมือนไม่คิดจะหาเสบียงให้ตัวเอง
ส่วนสัจจะวาจาใดที่เป็นบาปให้ละได้ ไม่ผิดธรรม
เช่น เราตั้งสัจจะว่า พรุ่งนี้เราจะไปทำเรื่องที่ไม่ดี
เราจะไปฆ่าคน เราจะไปปล้นขโมยของๆผู้อื่น เราจะไปอึบเมียคนอื่นลูกคนอื่นที่เขามีมารดาบิดารักษา พี่น้องชายพี่น้องหญิงรักษา ญาติรักษา อันธรรมรักษาคือเรื่องที่ทำแล้วทำให้ตัวเองตกต่ำอะ..!!
ถ้าสัจจะแบบนี้ คิดได้ควรเลิกถอนสัจจะนี้เลย ไม่บาป
ถ้าสัจจะเป็นบุญ เช่น ก่อนนอนคืนนี้น่ะ จะสวด อะระหังสัมมา..., อิติปิโส...,แล้วแผ่เมตตา..., พุทโธ3ครั้ง แล้วนอน อันนี้ดีมากๆ
ถ้าผิดสัจจะ จะรู้สึกไม่มั่นใจตัวเองและให้ค่าตัวเองต่ำ
ก็ให้ตั้งขึ้นมาใหม่ แต่ครั้งนี้ต้องรอบครอบ จะได้ไม่เป็นการโกหกตัวเอง
#ส่วนผู้ที่เฉยๆ ไม่คิดจะตั้งสัจจะที่จะทำดีให้ตัวเองมีความสว่าง พวกนี้จิตใจเหมือนปลาไหลไปตามน้ำเลื่อนลอย ไม่ถือว่าดี เปรียบเสมือนไม่คิดจะหาเสบียงให้ตัวเอง
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 09, 2015 7:40:58pm
ลองเปลี่ยนมาดู ของจริง เวลาคนจะตายครับ ... เห็นแล้วนึกถึงคิวตัวเองจัง
ลองเปลี่ยนมาดู ของจริง เวลาคนจะตายครับ ... เห็นแล้วนึกถึงคิวตัวเองจัง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ภายในระยะ ๓เมตร
จะเพ่งอะไรก็เพ่ง... ไม่ต้องกลัวเป็นบ้า
จะเพ่งอะไรก็เพ่ง... ไม่ต้องกลัวเป็นบ้า
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ศีลนี่เป็นบาทฐานของความเจริญ
เป็นเสาเป็นหลักเป็นฐาน เป็นบันได ที่พาไปสู่ความเจริญสู่บุญกุศลท
ี่ดีงามของทุกสิ่งทุกอย่าง
ศีลนี่ถ้าใครรักษาได้มากข้อ
ก็จะเป็นผลอานิสงค์ที่ดีย้อนกลับมาหาตัวเราในปัจจุบัน และให้ผลต่อในอน
าคตปรภพชาติต่อไป
เช่นจะมาเข้าท้องเกิดเป็นมนุษย์ได้ก็เพราะบุญจากศีล
หรือจะไปเกิดเป็นกายทิพย์ เทพบุตร เทพธิดา ได้ ก็เพราะบุญจากศีล
ศีลก็คือปกติข้อปฏิบัติเพื่อมุ่งอบรมจิตของเราให้เป็นจิตที่ดีนั้นเอง
เช่นศีล ๕ ศีล ๘ เป็นต้น
ล้วนแล้วแต่เป็นการ มุ่งฝึกอบรมจิตใจให้ดี
เพราะการรักษาศีล ๕ หรือ ศีล ๘
ก็คือการพยายาม ประพฤกุศลกรรมบท๑๐ในทางออ้อนั่นเอง
กุศลกรรมบท๑๐ ข้อนี้
คือคุณธรรมของผู้รักษาศีล๕ ศีล๘ เข้าถึงสำเร็จแล้ว
กุศลบท๑๐ข้อ
๑.ไม่ฆ่าสัตว์
๒.ไม่ลักทรัพย
์๓.ไม่ประพฤผิดในกาม ในเมียเขา ลูกเขา หลานเขา
๔.ไม่โกหก
๕.ไม่พูดให้คนที่สามัคคีแตกกัน
๖.ไม่พูดหยาบคาย แสบเผ็ดทำร้ายจิตใจผู้อื่น
๗.ไม่พูดเพ้อเจ้อ เรื่องที่ไม่มีสาระไม่มีประโยชน์
๘.ไม่โลภคิดอยากจะขโมยของๆผู้อื่น
๙.ไม่พยาบาท อาฆาตแค้น
สาบแซงผู้อื่น
๑๐.ไม่มีความเห็นผิด เรื่องทาน ศีล สมาธิ แผ่เมตตา อุทิศบุญ ไม่มีผล
นี่คือจุดมุ่งหมายของศีล๕
เพราะมุ่งมาฝึกที่จิตใจเรานี่เอง
และไม่ยึดถือว่าตายแล้วจะไปอบาย
ถ้าจิตใจเราดีแล้วอย่างนี้ พอจะตายจิตดวงสุดท้ายมันจะดับ
จิตเราก็จะเกาะกุศล เพราะเราเคยฝึกมาดีแล้ว
ก็จะไปเกิดในสุคติภูมิ
แต่ถ้ารักษาศีล๕ได้ครบ
แต่ยังจิตใจไม่ดีอยู่ ก็คือยังเสี่ยงอยู่
พอจะตายจิตดวงสุดท้ายจะดับ
ถ้าไปเกาะอกุศล ก็จะไปเกิดในภพที่ไม่ดี
เพราะว่าการจะเปลี่ยนภพภมูิ
มันต้องดูที่จิตเรา เพราะจิตใจเป็นใหญ่ ตัวจะไปเกิดภพใหม่ก็คือจิต
ถ้าจิตจะดับเป็นอกุศลเศร้าหมองก็จะไปเกิดภพไม่ดี
ที่ผ่านมาไปรักษาศีล ๕ ศีล ๘ หรือบวชพระ บวชชี นุ่งขาวห่มขาว
ก็เพื่อฝึกจิตให้ดี จะใส่ชุดเรียบร้อยสะอาดดีขนาดไหนก็ตาม ถ้าจิตยังไม่ดียัง
ไม่สะอาดก็ยังเสี่ยงที่จะไปนรก เปตรวิสัย เดรัจฉาน อยู่ครับ
ทีนี้พวกเรายังเป็นฆราวาสอยู่ ยังต้องฆ่าสัตว์ เพื่อเลี้ยงพ่อแม่
เลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัวอยู่
เราไม่สามารถจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ได้..
"ในสมัยพุทธกาลเขาก็ฆ่าสัตว์เพื่อทำอาหารกินเหมือนกัน
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ฆราวาสคับแคบเป็นทางมาแห่งธุลี
จะประพฤพรมจรรให้ดุจเหมือนสังข์ที่ขัดดีแล้ว ไม่ใช่ง่าย" บรรพชาเป็นโอกาส
ว่างที่จะประพฤพรมจรรให้เหมือนดุจสังที่ขัดดีแล้ว"
สมัยก่อนเขาก็ฆ่าสัตว์
พระพุทธเจ้าก็เทศให้รักษาศีล
เขาก็เปลี่ยนมารักษาศีล
และสำเร็จในกุศลกรรมบท๑๐ทางอ้อม
ก็ตายไปเกิดสวรรค์
"ถ้าพระพุทธเจ้ามาเทศอยู่ต่อหน้าเรา บอกว่าให้รักษาศีล จะทำได้ไหม"
เราจะทำได้เหมือนพวกเขาไหม
"
ถ้าทำไม่ได้ก็ให้ฟังธรรมะแทนและทรงจำธรรมนั้นให้ได้
และปฏิบัติภาวนาอบรมทางจิต
ให้จิตมันเป็นใหญ่ในทางกุศล
"พระพุทธเจ้าตรัสว่า
อานนท์ถึงบุคคลบางคนยังทุศีลอยู่ ถ้าเขาเปลี่ยนมาฟังธรรมสั่งสมสุตะ
และจิตใจแปรเปลี่ยนเป็น "อริยะมรรคโค จิตตัง ศีลในองค์มรรค"
และทรงจำธรรมนั้นไว้ได้
ก็ยังไปทางเจริญอย่างเดียว
ถึงความเจริญอย่างเดียว
ไม่ไปทางเสื่อม
ทางเจริญคือตายแล้วไปเกิด เป็นมนุษย์หรือเทวดา
ทางเสื่อมคือ ไปเกิดในนรก เปตร เดรัจฉาน อสูรกาย
ทีนี้ถ้าพวกเราฟังธรรมบ่อยๆ
มันก็คือการทำมโนกรรม
มโนกรรมนี่คือกรรมที่แรง
เช่นฟังธรรมะ
มันก็จะได้บุญมากมาย
ฟังบ่อยๆหรืออ่านบ่อยๆ
มันก็จะเข้าใจและทรงจำธรรมได้ขึ้นใจ
เมื่อเวลาจะตายใจเรามันคุ้นชิน
อยู่กับกุศลใหญ่คือบุญที่เกิดจากฟังธรรมะ
มันก็จะมีพลังกว่าบาปที่เราทำทางกาย ก็จะไปเกิดภพที่ดี
บาปทางกาย เช่นฆ่าสัตว์
ก็จะขอเรียงน้ำหนักของกรรม
๑.ฆ่าสัตว์ เล็กที่อายุไขสั้นเช่นยุงก็ไม่บาปเท่าฆ่าสัตว์ที่มีอายุไขยาว
เช่นเต่า
๒.ฆ่าสัตว์ที่อายุยาวก็ไม่บาปเท่าฆ่าสัตว์ใหญ่ที่มีคุณ
สมัยก่อนก็ ควาย ช้าง ม้า
๓.ฆ่าสัตว์ที่อายุไขสั้นหรือยาวมีคุณหรือไม่มีคุณก็ไม่บาปเท่า ฆ่าคน
ฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่า
สัตว์เดรัจฉานนั้นมีคุณธรรม
ต่ำกว่ามนุษย์ จึงบาปน้อยกว่าฆ่ามนุษย์
และสัตว์ที่มีบุญคุณ อาจไม่ใช่แค่ ควาย ม้า ช้าง เท่านั้น จะขอยกเรื่องในส
มัยก่อนมาเล่าให้ฟัง
เรื่ององคุลีมาลเกิดเป็นเต่า
"องค์คุลีมาลนี่ในชาติโน้นท่านเกิดเป็นเต่าใหญ่อยู่กลางทะเล
"เต่าตัวนี่ เป็นเต่าที่ใจดีจิตใจดีชอบช่วยคน"
มีอยู่วันหนึ่ง มีเรือพ่อค้าที่จะข้ามทะเลไปขายของอีกฝากหนึ่ง เรือนั้นได้ล่มอ
ยู่กลางทะเล
พวกพ่อค้าทั้งหลาย ก็ตกอยู่กลางน้ำหาฝั่งเข้าฝั่งไม่ได้
"เต่านั้นได้เห็นพวกพ่อค้า ลอยอยู่กลางน้ำ ก็เลยไปช่วย
โดยการให้เหยียบกระดอง เกาะกระดองของตนเอง แล้วพาเข้าฝั่ง
"
เต่านั้น ได้ช่วยพอค้าทุกคนให้ปลอดภัยจนสำเร็จ
แต่ขณะที่จะถึงฝั่ง"
พวกพ่อค้ามีความคิดว่า "ไปค้าขายเรือก็แตก เราควร จับเต่าตัวนีมาเ
ป็นอาหารและนำเนื้อไปหมู่บ้าน"
"ว่าแล้ว พ่อค้าก็จับเต่าตัวนั้น
มาฆ่าทำเป็นอาหาร และเอาเข้าไปแบ่งกันกินในหมู่บ้าน"
"คนในหมู่บ้าน คนรู้เรื่องที่มาที่ไปของเต่าตัวนี้
แล้วกินมี999คน คนที่1000คือเด็กหญิงคนหนึ่งไม่ยอมกิน ป้อนก็ไม่ยอมกิน
มีแต่คายออก เพราะสงสารเต่ากินไม่ลง"
ขอสรุปสั้นๆว่า
คนที่กินเต่า 999คนในชาตินั้น
ได้มาเกิดเป็นคน แล้วถูกองคุลีมาลฆ่าตัดเอานิ้ว
ส่วนเด็กหญิงที่ไม่ยอมกินเต่าในชาตินั้น ได้มาเกิดเป็นแม่ขององคุลีมาล
"
ถ้าจะถามต่อไปอีกว่า ทำไม่เต่าองคุลีมาลจึงถูกฆ่า
ทำไมไม่ตายตามอายุไขเหมือนเติ่าตัวอื่น
"ก็จะมีคำตอบอีกครับ
ถ้าถามอีกว่าทำไม ก็จะมีคำตอบอีกครับ
เพระกรรมมันไม่มีที่สิ้นสุด
"กรรมนี่มันน่ากลัวจริงๆครับ
แม้แต่เคยเกิดเป็นแม่ลูกกัน ตายแล้วก็ลืม มาเจอกันชาติใหม่
# เพราะด้วยอำนาจของความลืม
กรรมนี่น่ากลัวมาก
ควรที่จะปฏิบัติให้เข้าถึงนิพพานโดยเร็ว...
เป็นเสาเป็นหลักเป็นฐาน เป็นบันได ที่พาไปสู่ความเจริญสู่บุญกุศลท
ี่ดีงามของทุกสิ่งทุกอย่าง
ศีลนี่ถ้าใครรักษาได้มากข้อ
ก็จะเป็นผลอานิสงค์ที่ดีย้อนกลับมาหาตัวเราในปัจจุบัน และให้ผลต่อในอน
าคตปรภพชาติต่อไป
เช่นจะมาเข้าท้องเกิดเป็นมนุษย์ได้ก็เพราะบุญจากศีล
หรือจะไปเกิดเป็นกายทิพย์ เทพบุตร เทพธิดา ได้ ก็เพราะบุญจากศีล
ศีลก็คือปกติข้อปฏิบัติเพื่อมุ่งอบรมจิตของเราให้เป็นจิตที่ดีนั้นเอง
เช่นศีล ๕ ศีล ๘ เป็นต้น
ล้วนแล้วแต่เป็นการ มุ่งฝึกอบรมจิตใจให้ดี
เพราะการรักษาศีล ๕ หรือ ศีล ๘
ก็คือการพยายาม ประพฤกุศลกรรมบท๑๐ในทางออ้อนั่นเอง
กุศลกรรมบท๑๐ ข้อนี้
คือคุณธรรมของผู้รักษาศีล๕ ศีล๘ เข้าถึงสำเร็จแล้ว
กุศลบท๑๐ข้อ
๑.ไม่ฆ่าสัตว์
๒.ไม่ลักทรัพย
์๓.ไม่ประพฤผิดในกาม ในเมียเขา ลูกเขา หลานเขา
๔.ไม่โกหก
๕.ไม่พูดให้คนที่สามัคคีแตกกัน
๖.ไม่พูดหยาบคาย แสบเผ็ดทำร้ายจิตใจผู้อื่น
๗.ไม่พูดเพ้อเจ้อ เรื่องที่ไม่มีสาระไม่มีประโยชน์
๘.ไม่โลภคิดอยากจะขโมยของๆผู้อื่น
๙.ไม่พยาบาท อาฆาตแค้น
สาบแซงผู้อื่น
๑๐.ไม่มีความเห็นผิด เรื่องทาน ศีล สมาธิ แผ่เมตตา อุทิศบุญ ไม่มีผล
นี่คือจุดมุ่งหมายของศีล๕
เพราะมุ่งมาฝึกที่จิตใจเรานี่เอง
และไม่ยึดถือว่าตายแล้วจะไปอบาย
ถ้าจิตใจเราดีแล้วอย่างนี้ พอจะตายจิตดวงสุดท้ายมันจะดับ
จิตเราก็จะเกาะกุศล เพราะเราเคยฝึกมาดีแล้ว
ก็จะไปเกิดในสุคติภูมิ
แต่ถ้ารักษาศีล๕ได้ครบ
แต่ยังจิตใจไม่ดีอยู่ ก็คือยังเสี่ยงอยู่
พอจะตายจิตดวงสุดท้ายจะดับ
ถ้าไปเกาะอกุศล ก็จะไปเกิดในภพที่ไม่ดี
เพราะว่าการจะเปลี่ยนภพภมูิ
มันต้องดูที่จิตเรา เพราะจิตใจเป็นใหญ่ ตัวจะไปเกิดภพใหม่ก็คือจิต
ถ้าจิตจะดับเป็นอกุศลเศร้าหมองก็จะไปเกิดภพไม่ดี
ที่ผ่านมาไปรักษาศีล ๕ ศีล ๘ หรือบวชพระ บวชชี นุ่งขาวห่มขาว
ก็เพื่อฝึกจิตให้ดี จะใส่ชุดเรียบร้อยสะอาดดีขนาดไหนก็ตาม ถ้าจิตยังไม่ดียัง
ไม่สะอาดก็ยังเสี่ยงที่จะไปนรก เปตรวิสัย เดรัจฉาน อยู่ครับ
ทีนี้พวกเรายังเป็นฆราวาสอยู่ ยังต้องฆ่าสัตว์ เพื่อเลี้ยงพ่อแม่
เลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัวอยู่
เราไม่สามารถจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ได้..
"ในสมัยพุทธกาลเขาก็ฆ่าสัตว์เพื่อทำอาหารกินเหมือนกัน
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ฆราวาสคับแคบเป็นทางมาแห่งธุลี
จะประพฤพรมจรรให้ดุจเหมือนสังข์ที่ขัดดีแล้ว ไม่ใช่ง่าย" บรรพชาเป็นโอกาส
ว่างที่จะประพฤพรมจรรให้เหมือนดุจสังที่ขัดดีแล้ว"
สมัยก่อนเขาก็ฆ่าสัตว์
พระพุทธเจ้าก็เทศให้รักษาศีล
เขาก็เปลี่ยนมารักษาศีล
และสำเร็จในกุศลกรรมบท๑๐ทางอ้อม
ก็ตายไปเกิดสวรรค์
"ถ้าพระพุทธเจ้ามาเทศอยู่ต่อหน้าเรา บอกว่าให้รักษาศีล จะทำได้ไหม"
เราจะทำได้เหมือนพวกเขาไหม
"
ถ้าทำไม่ได้ก็ให้ฟังธรรมะแทนและทรงจำธรรมนั้นให้ได้
และปฏิบัติภาวนาอบรมทางจิต
ให้จิตมันเป็นใหญ่ในทางกุศล
"พระพุทธเจ้าตรัสว่า
อานนท์ถึงบุคคลบางคนยังทุศีลอยู่ ถ้าเขาเปลี่ยนมาฟังธรรมสั่งสมสุตะ
และจิตใจแปรเปลี่ยนเป็น "อริยะมรรคโค จิตตัง ศีลในองค์มรรค"
และทรงจำธรรมนั้นไว้ได้
ก็ยังไปทางเจริญอย่างเดียว
ถึงความเจริญอย่างเดียว
ไม่ไปทางเสื่อม
ทางเจริญคือตายแล้วไปเกิด เป็นมนุษย์หรือเทวดา
ทางเสื่อมคือ ไปเกิดในนรก เปตร เดรัจฉาน อสูรกาย
ทีนี้ถ้าพวกเราฟังธรรมบ่อยๆ
มันก็คือการทำมโนกรรม
มโนกรรมนี่คือกรรมที่แรง
เช่นฟังธรรมะ
มันก็จะได้บุญมากมาย
ฟังบ่อยๆหรืออ่านบ่อยๆ
มันก็จะเข้าใจและทรงจำธรรมได้ขึ้นใจ
เมื่อเวลาจะตายใจเรามันคุ้นชิน
อยู่กับกุศลใหญ่คือบุญที่เกิดจากฟังธรรมะ
มันก็จะมีพลังกว่าบาปที่เราทำทางกาย ก็จะไปเกิดภพที่ดี
บาปทางกาย เช่นฆ่าสัตว์
ก็จะขอเรียงน้ำหนักของกรรม
๑.ฆ่าสัตว์ เล็กที่อายุไขสั้นเช่นยุงก็ไม่บาปเท่าฆ่าสัตว์ที่มีอายุไขยาว
เช่นเต่า
๒.ฆ่าสัตว์ที่อายุยาวก็ไม่บาปเท่าฆ่าสัตว์ใหญ่ที่มีคุณ
สมัยก่อนก็ ควาย ช้าง ม้า
๓.ฆ่าสัตว์ที่อายุไขสั้นหรือยาวมีคุณหรือไม่มีคุณก็ไม่บาปเท่า ฆ่าคน
ฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่า
สัตว์เดรัจฉานนั้นมีคุณธรรม
ต่ำกว่ามนุษย์ จึงบาปน้อยกว่าฆ่ามนุษย์
และสัตว์ที่มีบุญคุณ อาจไม่ใช่แค่ ควาย ม้า ช้าง เท่านั้น จะขอยกเรื่องในส
มัยก่อนมาเล่าให้ฟัง
เรื่ององคุลีมาลเกิดเป็นเต่า
"องค์คุลีมาลนี่ในชาติโน้นท่านเกิดเป็นเต่าใหญ่อยู่กลางทะเล
"เต่าตัวนี่ เป็นเต่าที่ใจดีจิตใจดีชอบช่วยคน"
มีอยู่วันหนึ่ง มีเรือพ่อค้าที่จะข้ามทะเลไปขายของอีกฝากหนึ่ง เรือนั้นได้ล่มอ
ยู่กลางทะเล
พวกพ่อค้าทั้งหลาย ก็ตกอยู่กลางน้ำหาฝั่งเข้าฝั่งไม่ได้
"เต่านั้นได้เห็นพวกพ่อค้า ลอยอยู่กลางน้ำ ก็เลยไปช่วย
โดยการให้เหยียบกระดอง เกาะกระดองของตนเอง แล้วพาเข้าฝั่ง
"
เต่านั้น ได้ช่วยพอค้าทุกคนให้ปลอดภัยจนสำเร็จ
แต่ขณะที่จะถึงฝั่ง"
พวกพ่อค้ามีความคิดว่า "ไปค้าขายเรือก็แตก เราควร จับเต่าตัวนีมาเ
ป็นอาหารและนำเนื้อไปหมู่บ้าน"
"ว่าแล้ว พ่อค้าก็จับเต่าตัวนั้น
มาฆ่าทำเป็นอาหาร และเอาเข้าไปแบ่งกันกินในหมู่บ้าน"
"คนในหมู่บ้าน คนรู้เรื่องที่มาที่ไปของเต่าตัวนี้
แล้วกินมี999คน คนที่1000คือเด็กหญิงคนหนึ่งไม่ยอมกิน ป้อนก็ไม่ยอมกิน
มีแต่คายออก เพราะสงสารเต่ากินไม่ลง"
ขอสรุปสั้นๆว่า
คนที่กินเต่า 999คนในชาตินั้น
ได้มาเกิดเป็นคน แล้วถูกองคุลีมาลฆ่าตัดเอานิ้ว
ส่วนเด็กหญิงที่ไม่ยอมกินเต่าในชาตินั้น ได้มาเกิดเป็นแม่ขององคุลีมาล
"
ถ้าจะถามต่อไปอีกว่า ทำไม่เต่าองคุลีมาลจึงถูกฆ่า
ทำไมไม่ตายตามอายุไขเหมือนเติ่าตัวอื่น
"ก็จะมีคำตอบอีกครับ
ถ้าถามอีกว่าทำไม ก็จะมีคำตอบอีกครับ
เพระกรรมมันไม่มีที่สิ้นสุด
"กรรมนี่มันน่ากลัวจริงๆครับ
แม้แต่เคยเกิดเป็นแม่ลูกกัน ตายแล้วก็ลืม มาเจอกันชาติใหม่
# เพราะด้วยอำนาจของความลืม
กรรมนี่น่ากลัวมาก
ควรที่จะปฏิบัติให้เข้าถึงนิพพานโดยเร็ว...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าอยากจะมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ต้องอ่านให้จบ
“ธรรมะจริงๆ ง่ายมากเลย ง่ายเแบบเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดเลย เป็นเรื่องใกล้ตัวที่สุด คือเรื่องของตัวเราเองนี่เอง เรื่องของกายเรื่องของใจนี่เอง ทีนี้เราไปวาดภาพธรรมะเอาไว้จนยุ่งเหยิง เราคิดว่าการปฏิบัติธรรมนั้นต้องทำอะไรที่เหนือธรรมดา แล้ววันหนึ่งจะได้สิ่งที่เหนือธรรมดา อันนั้นเข้าใจผิด
การปฏิบัติธรรมจริงๆ ก็คือการศึกษาธรรมะนั่นเอง ธรรมะก็คือกายกับใจ กายเรียกว่ารูปธรรม ใจเรียกว่านามธรรม ให้เราศึกษากาย ศึกษาใจ ศึกษาไปเรื่อย ตามดูว่าความเป็นจริงของกายเป็นยังไง ความเป็นจริงของใจเป็นยังไง ตัวความเป็นจริงนั่นแหละ ตัวธรรมะ ถ้าเข้าใจความเป็นจริงของกายของใจ ก็คือเข้าถึงธรรมะ
… ถ้าวันใดเข้าใจธรรมะแล้ว เห็นว่ากายกับใจไม่ใช่ตัวเรา อันนี้แหละที่เรียกว่ามีดวงตาเห็นธรรม พระโสดาบันมีดวงตาเห็นธรรม คือได้เห็นความจริงว่ากายกับใจไม่ใช่เรา ตัวเราไม่มี…”
อย่ารอตอนแก่ เพราะตอนแก่เซลล์มันเสื่อมถอยหมดแล้ว ฟังธรรมไม่ได้เข้าใจง่าย พระพุทธเจ้าจึงไม่อนุญาต คนที่เลย60ปีแล้วบวช
แนะนำผู้ใหม่..เข้าลิงค์นี้
www.dhamma.com/tag/cd26/
“ธรรมะจริงๆ ง่ายมากเลย ง่ายเแบบเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดเลย เป็นเรื่องใกล้ตัวที่สุด คือเรื่องของตัวเราเองนี่เอง เรื่องของกายเรื่องของใจนี่เอง ทีนี้เราไปวาดภาพธรรมะเอาไว้จนยุ่งเหยิง เราคิดว่าการปฏิบัติธรรมนั้นต้องทำอะไรที่เหนือธรรมดา แล้ววันหนึ่งจะได้สิ่งที่เหนือธรรมดา อันนั้นเข้าใจผิด
การปฏิบัติธรรมจริงๆ ก็คือการศึกษาธรรมะนั่นเอง ธรรมะก็คือกายกับใจ กายเรียกว่ารูปธรรม ใจเรียกว่านามธรรม ให้เราศึกษากาย ศึกษาใจ ศึกษาไปเรื่อย ตามดูว่าความเป็นจริงของกายเป็นยังไง ความเป็นจริงของใจเป็นยังไง ตัวความเป็นจริงนั่นแหละ ตัวธรรมะ ถ้าเข้าใจความเป็นจริงของกายของใจ ก็คือเข้าถึงธรรมะ
… ถ้าวันใดเข้าใจธรรมะแล้ว เห็นว่ากายกับใจไม่ใช่ตัวเรา อันนี้แหละที่เรียกว่ามีดวงตาเห็นธรรม พระโสดาบันมีดวงตาเห็นธรรม คือได้เห็นความจริงว่ากายกับใจไม่ใช่เรา ตัวเราไม่มี…”
อย่ารอตอนแก่ เพราะตอนแก่เซลล์มันเสื่อมถอยหมดแล้ว ฟังธรรมไม่ได้เข้าใจง่าย พระพุทธเจ้าจึงไม่อนุญาต คนที่เลย60ปีแล้วบวช
แนะนำผู้ใหม่..เข้าลิงค์นี้
www.dhamma.com/tag/cd26/
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ถาม:ไม่ได้ไปให้ทานด้วยมือของตนเอง
แต่ตนเองเป็นคนจัดเตรียมทำกับข้าวหรือสิ่งของอาหารต่างๆ เพื่อ
ให้แม่นำไปทำบุญถวายพระ เราจะได้บุญไหม หรือได้เท่าแม่หรือไม่
่
ตอบ: บุญมันอยู่ที่ใจ ถ้าเราลองนึกถึงบุญที่เคยทำมา
แล้วมันรู้สึกเย็นใจสบายใจ พองๆขยายรู้สึกเอิบอิ่ม ชื่นเย็น
หรือถึงกับปิติขนลุก อันนี้แหละคือบุญเกิดขึ้นแล้วทางใจ
ส่วนเรื่องได้บุญเท่าแม่ไหม
ต้องมาดูกันที่จิต ว่ามีเจตนาอย่างไรตอนนั้น ถ้ามุ่งเพื่อให้สำเร็จประโยชน์ก
ับแม่ เช่นทำกับข้าวหรือเตรียมอาหารให้แม่เฉยๆ แค่นี้..!! เจตนาก็สิ้นสุดเ
พียงแค่นั้น จบ !
คุณจะได้บุญน้อยกว่าแม่"
แต่คุณจะได้บุญในส่วนได้ให้ทานกับแม่ ซึ่งได้มากกว่าทานกับเดรัจฉาน
และวิบากกรรมของคุณเป็นไปทาง จะมีผู้สนับสนุนให้คุณไปทำทาน
ทำหรือให้คุณต้องทำบุญ
คล้ายๆเหมือนที่คุณทำกับแม่ ที่ทำอาหารเตรียมของเพื่อให้แม่ไป
ใส่บาติถวายพระ มันจะออกมาคล้ายๆกันอย่างนี้
ถือว่าเป็นวิบากกรรมด้านดี
ถ้าเกิดชาติใหม่ ก็จะมีผู้บอกคุณให้ไปทำบุญ
เหมือนอาตมา เคยบอกลักษณะให้คนชักชวนคนให้ภาวนา
พอมาเกิดชาติใหม่ แม่อาตมาบอกให้สวดมนต์ภาวนาตั้งแต่เด็กทุกวัน"
อันนี้ก็คือกรรมดี
"แต่ถ้าคุณ ทำกับข้าวหรือเตรียมอาหารให้แม่
เพื่อให้แม่นำไปถวายพระ
เจตนาของคุณยังไม่หยุดแค่ทำทานกับแม่ แต่เจตนายังพุ่งไปต้องให้ถึงพระ
จึงหยุดและคลายออก
"อันนี้คุณได้บุญมากเพราะเจตนามันถึงพระ ถ้ามุ่งเจตนาให้สงฆ์นี่ยิ่งได้ม
ากกว่าเดิมอีก
ดูอย่างอุทิศบุญ บางที่ต้องกล่าว ฝากเทวดาไปบอกผู้ล่วงลับไปแล้ว
ทันทีที่บอกเทวดา เทวดาก็เห็นพลังงานบุญพลังความสว่าง เขาก็รับเอาไม่ไ
ด้
เพราะ"เจตนาของเราต้องการให้ผู้ล่วงลับ แต่ฝากเทวดาไปบอก"
คล้ายๆกันไหม
: และอีกกรณีหนึ่ง
เศษฐีใช้ให้คนใช้ทำกับข้าวไปใส่บาติตอนเช้ากับพระทุกวัน
พอเศษฐีตายลงก็อยู่สวรรค์ชั้น๑.
แต่ลูกน้องคนที่ทำกับข้าวและไปใส่บาติตายแล้วไปอยู่ชั้น๒.
เพราะเศษฐีไม่เลื่อมใสในทาน
แต่คนใช้นั้นมีศรัทธาเลื่อมใสในทาน จึงอยู่ชั้น๒.สูงกว่า"
และอีกกรณีหนึ่ง หัวหน้าพวกเจ้าลัทธิปริพาชก
นิมนต์พระพุทธเจ้าให้ไปฉันเช้าในวันพรุ่งนี้
หัวหน้าเจ้าลัทธิจึงบอกลูกน้องว่า
อาหารสิ่งใดที่พวกท่านจะนำมาให้เรากินในวันพรุ่งนี้ อาหารนั้นควรเป็
นอาหารที่พระโคดมฉันได้ด้วยนะ
พอถึงวันพรุ่งนี้แล้ว
หัวหน้าปริพาชกก็นำอาหารที่ลูกน้องทานให้แก่ตนเอง แล้วนำไปทานให้พ
ระพุทธเจ้า
หัวหน้าปริพาชกจึงพูดว่า อาหารที่ข้าพระเจ้าถวายทานให้แก่พระโคดม
ขอผลอานิสงค์นี้จงสำเร็จแก่ลูกน้องของข้าพระเจ้าเถิด
พระพุทธเจ้าจึงตรัสตอบว่า
:ลูกน้องท่านที่ถวายทานกับท่านั้น
ได้บุญอานิสงค์น้อย เพราะท่านยังไม่หมด ราคะโทสะโมหะ
แต่อาหารที่ลูกน้องถวายมาให้ท่าน เป็นสิทธิ์ของท่าน ท่านถวายให้เราต
่อ ท่านย่อมได้บุญได้อานิสงค์มาก เพราะเราเป็นพระอรหันต์ หมด ราคะ
โทสะ โมหะ
"ก็ขอให้ไปพิจารณาเจตนาของ ลูกน้องปริพาชก ว่า หยุดที่ใคร"
# เรากล่าวว่าเจตนานั่นแหละคือตัวทำกรรม
แต่ตนเองเป็นคนจัดเตรียมทำกับข้าวหรือสิ่งของอาหารต่างๆ เพื่อ
ให้แม่นำไปทำบุญถวายพระ เราจะได้บุญไหม หรือได้เท่าแม่หรือไม่
่
ตอบ: บุญมันอยู่ที่ใจ ถ้าเราลองนึกถึงบุญที่เคยทำมา
แล้วมันรู้สึกเย็นใจสบายใจ พองๆขยายรู้สึกเอิบอิ่ม ชื่นเย็น
หรือถึงกับปิติขนลุก อันนี้แหละคือบุญเกิดขึ้นแล้วทางใจ
ส่วนเรื่องได้บุญเท่าแม่ไหม
ต้องมาดูกันที่จิต ว่ามีเจตนาอย่างไรตอนนั้น ถ้ามุ่งเพื่อให้สำเร็จประโยชน์ก
ับแม่ เช่นทำกับข้าวหรือเตรียมอาหารให้แม่เฉยๆ แค่นี้..!! เจตนาก็สิ้นสุดเ
พียงแค่นั้น จบ !
คุณจะได้บุญน้อยกว่าแม่"
แต่คุณจะได้บุญในส่วนได้ให้ทานกับแม่ ซึ่งได้มากกว่าทานกับเดรัจฉาน
และวิบากกรรมของคุณเป็นไปทาง จะมีผู้สนับสนุนให้คุณไปทำทาน
ทำหรือให้คุณต้องทำบุญ
คล้ายๆเหมือนที่คุณทำกับแม่ ที่ทำอาหารเตรียมของเพื่อให้แม่ไป
ใส่บาติถวายพระ มันจะออกมาคล้ายๆกันอย่างนี้
ถือว่าเป็นวิบากกรรมด้านดี
ถ้าเกิดชาติใหม่ ก็จะมีผู้บอกคุณให้ไปทำบุญ
เหมือนอาตมา เคยบอกลักษณะให้คนชักชวนคนให้ภาวนา
พอมาเกิดชาติใหม่ แม่อาตมาบอกให้สวดมนต์ภาวนาตั้งแต่เด็กทุกวัน"
อันนี้ก็คือกรรมดี
"แต่ถ้าคุณ ทำกับข้าวหรือเตรียมอาหารให้แม่
เพื่อให้แม่นำไปถวายพระ
เจตนาของคุณยังไม่หยุดแค่ทำทานกับแม่ แต่เจตนายังพุ่งไปต้องให้ถึงพระ
จึงหยุดและคลายออก
"อันนี้คุณได้บุญมากเพราะเจตนามันถึงพระ ถ้ามุ่งเจตนาให้สงฆ์นี่ยิ่งได้ม
ากกว่าเดิมอีก
ดูอย่างอุทิศบุญ บางที่ต้องกล่าว ฝากเทวดาไปบอกผู้ล่วงลับไปแล้ว
ทันทีที่บอกเทวดา เทวดาก็เห็นพลังงานบุญพลังความสว่าง เขาก็รับเอาไม่ไ
ด้
เพราะ"เจตนาของเราต้องการให้ผู้ล่วงลับ แต่ฝากเทวดาไปบอก"
คล้ายๆกันไหม
: และอีกกรณีหนึ่ง
เศษฐีใช้ให้คนใช้ทำกับข้าวไปใส่บาติตอนเช้ากับพระทุกวัน
พอเศษฐีตายลงก็อยู่สวรรค์ชั้น๑.
แต่ลูกน้องคนที่ทำกับข้าวและไปใส่บาติตายแล้วไปอยู่ชั้น๒.
เพราะเศษฐีไม่เลื่อมใสในทาน
แต่คนใช้นั้นมีศรัทธาเลื่อมใสในทาน จึงอยู่ชั้น๒.สูงกว่า"
และอีกกรณีหนึ่ง หัวหน้าพวกเจ้าลัทธิปริพาชก
นิมนต์พระพุทธเจ้าให้ไปฉันเช้าในวันพรุ่งนี้
หัวหน้าเจ้าลัทธิจึงบอกลูกน้องว่า
อาหารสิ่งใดที่พวกท่านจะนำมาให้เรากินในวันพรุ่งนี้ อาหารนั้นควรเป็
นอาหารที่พระโคดมฉันได้ด้วยนะ
พอถึงวันพรุ่งนี้แล้ว
หัวหน้าปริพาชกก็นำอาหารที่ลูกน้องทานให้แก่ตนเอง แล้วนำไปทานให้พ
ระพุทธเจ้า
หัวหน้าปริพาชกจึงพูดว่า อาหารที่ข้าพระเจ้าถวายทานให้แก่พระโคดม
ขอผลอานิสงค์นี้จงสำเร็จแก่ลูกน้องของข้าพระเจ้าเถิด
พระพุทธเจ้าจึงตรัสตอบว่า
:ลูกน้องท่านที่ถวายทานกับท่านั้น
ได้บุญอานิสงค์น้อย เพราะท่านยังไม่หมด ราคะโทสะโมหะ
แต่อาหารที่ลูกน้องถวายมาให้ท่าน เป็นสิทธิ์ของท่าน ท่านถวายให้เราต
่อ ท่านย่อมได้บุญได้อานิสงค์มาก เพราะเราเป็นพระอรหันต์ หมด ราคะ
โทสะ โมหะ
"ก็ขอให้ไปพิจารณาเจตนาของ ลูกน้องปริพาชก ว่า หยุดที่ใคร"
# เรากล่าวว่าเจตนานั่นแหละคือตัวทำกรรม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ช่วงนี้กำลังอ่านพระไตรปีฏก
"อยากจะให้ ความสงสัยและคำถามหลายคำถามที่อยู่ในหัว จบลงด้วย
การให้ความรู้ของพระพุทธเจ้าที่ถูกบันทึกลงในพระไตรปีฏกเข้ามาประทับในความจำความเห็นก่อน"
"อยากจะให้ ความสงสัยและคำถามหลายคำถามที่อยู่ในหัว จบลงด้วย
การให้ความรู้ของพระพุทธเจ้าที่ถูกบันทึกลงในพระไตรปีฏกเข้ามาประทับในความจำความเห็นก่อน"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การทำงานแบบคนฉลาดไม่โง่ ที่ทำเหมือนกันเป๊ะเลยแต่ต่างกันที่คนหนึ่งทุกข์ส่วนอีกคนไม่ทุกข์
เลือกเอาเถิด.คุณจิต..
(คนที่หนึ่ง ทำงานหนักมาก บากบั่น ขยันอดทนทำงาน และจิตเคร่งเครียดไปกับงาน ทุกข์สุดๆ)
(คนที่สอง ก็ทำงานหนักมาก บากบั่น ขยันอดทนทำงาน แต่จิตไม่เคร่งเครียดไปกับงาน เหมือนคนที่หนึ่ง)
นี่คือความผิดแผกแตกต่างกันอย่างมาก
"ทำงานก็ทำเหมือนกัน ประเภทเท่ากัน แบบเดียวกัน ความรู้เท่ากัน แต่ทุกข์ไม่เท่ากัน
คนที่หนึ่งทุกข์กาย ทุกข์ใจ
คนที่สองทุกข์กาย แต่ไม่ทุกข์ใจ..
#สองคนนี้ต่างกันที่ สติ" ที่สติ ว่าใครดึงจิตออกจากความคิดที่ไปเกาะอารมณ์ทุกข์ได้เร็วต่างกัน แค่นั้นเอง
เลือกเอาเถิด.คุณจิต..
(คนที่หนึ่ง ทำงานหนักมาก บากบั่น ขยันอดทนทำงาน และจิตเคร่งเครียดไปกับงาน ทุกข์สุดๆ)
(คนที่สอง ก็ทำงานหนักมาก บากบั่น ขยันอดทนทำงาน แต่จิตไม่เคร่งเครียดไปกับงาน เหมือนคนที่หนึ่ง)
นี่คือความผิดแผกแตกต่างกันอย่างมาก
"ทำงานก็ทำเหมือนกัน ประเภทเท่ากัน แบบเดียวกัน ความรู้เท่ากัน แต่ทุกข์ไม่เท่ากัน
คนที่หนึ่งทุกข์กาย ทุกข์ใจ
คนที่สองทุกข์กาย แต่ไม่ทุกข์ใจ..
#สองคนนี้ต่างกันที่ สติ" ที่สติ ว่าใครดึงจิตออกจากความคิดที่ไปเกาะอารมณ์ทุกข์ได้เร็วต่างกัน แค่นั้นเอง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าเชื่อ ความคิด เราก็จะทำตามความคิด
ถ้าเชื่อ กระแสนิยมในสังคม เราก็จะเป็นไปตามกระแส
ถ้าเชื่อ ประเพณีโบราณ เราก็จะทำตามๆกันไป
ถ้าเชื่อ วิทยาศาสตร์ เราก็จะใช้ชีวิตตามแบบที่วิทยาศาสตร์บอก
ถ้าเชื่อ ดวงดาว (ดูดวง) เราก็จะเป็นไปตามดวงดาวที่กำหนดให้
ถ้าไม่เชื่ออะไรๆที่จะให้ตามติด แล้วแต่พวกเวทนาโดยเฉพาะ สุขกับทุกข์และอุเบกขา " เราจะ อิสระ " หลุดพ้น จากสิ่งทั้งหลายทั้งปวง
ถ้าเชื่อ กระแสนิยมในสังคม เราก็จะเป็นไปตามกระแส
ถ้าเชื่อ ประเพณีโบราณ เราก็จะทำตามๆกันไป
ถ้าเชื่อ วิทยาศาสตร์ เราก็จะใช้ชีวิตตามแบบที่วิทยาศาสตร์บอก
ถ้าเชื่อ ดวงดาว (ดูดวง) เราก็จะเป็นไปตามดวงดาวที่กำหนดให้
ถ้าไม่เชื่ออะไรๆที่จะให้ตามติด แล้วแต่พวกเวทนาโดยเฉพาะ สุขกับทุกข์และอุเบกขา " เราจะ อิสระ " หลุดพ้น จากสิ่งทั้งหลายทั้งปวง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพราะบุญอันใด..ถึงมีนิ้วมือ " ให้ได้ กดlike หรือกด พิมพ์ ต๊อกแต๊กๆ อยู่นี้
. เพราะบุญญาภิสังขาร
๑.มีลูกกะตา "ให้ได้มองดู สิ่งที่ตนเองเห็นแล้วชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง
๒.มีหู "ให้ได้ยินเสียง เฉยๆ ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง
เพราะบุญญาภิสังขาร
๓.มีจมูก "เพื่อให้ได้หายใจยาวบ้าง สั้นบ้าง ดมกลิ่นดีบ้าง ไม่ดีบ้าง
เพราะบุญญาภิสังขาร
๔.มีลิ้น "เพื่อให้ได้ รู้รส เฉยๆ อร่อยดี..ไม่อร่อย
เพราะบุญญาภิสังขาร
๕.มีร่างกาย "เพื่อได้รู้ว่านี่ คือของดีนี่คือภาระต้องเลี้ยงดูเป็นพิเศษ
เพราะบุญญาภิสังขาร
๖.มีใจ "เพื่อ รู้สุข รู้ทุกข์ รู้เฉยๆ
เพราะบุญญาภิสังขาร
ถ้าชาติถัดไปต้องการจะตีตั๋วเพื่อมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง
ต้องทำตามและยอมรับกฏของธรรมชาติ
ธรรมชาติเขาบอกแล้วว่า
"จะให้มีแต่ความสุข ได้อย่างไร ถ้ามีแต่สุขอย่างเดียว นั้นมันเทวดาแล้ว
คุณเป็นเทวดารึ
ถ้าไม่ได้เป็น ก็อย่าหวังว่าจะ ขอให้ได้เจอแต่ความสุข
"เวลาทุกข์จะให้มีแต่ความทุกข์ ได้อย่างไร ถ้ามีแต่ทุกข์อย่างเดียว
นั่นมันสัตว์นรกแล้ว คุณเป็นสัตว์นรก รึ
ถ้าไม่ได้เป็น อย่าเพิงอมไว้อย่างไม่ยอมคลาย ใช้คุณสมบัติของ
สัตว์นรกอย่างไม่ยอมปล่อย
คุณเป็นมนุษย์สามารถวางสองอารมณ์นั้นได้
โดยการ
จากที่กำลังมีอารมณ์สุขอยู่ จะสุขเพราะอะไรก็ตาม จากกุศลให้ผลก็ตาม
ให้รีบมาอยู่กับอุเบกขา
จากที่กำลังมีอารมณ์ทุกข์ทางใจ จะทุกข์เพราะอะไรก็ตาม เพราะกรรม
ไม่ดีให้ผลก็ตาม
ให้รีบมาอยู่กับอุเบกขา
ให้เราใช้อุเบกขา ปฏิบัติ" ต่อสิ่งต่างๆที่เข้ามาทาง ๖. ข้อแรก
. เพราะบุญญาภิสังขาร
๑.มีลูกกะตา "ให้ได้มองดู สิ่งที่ตนเองเห็นแล้วชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง
๒.มีหู "ให้ได้ยินเสียง เฉยๆ ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง
เพราะบุญญาภิสังขาร
๓.มีจมูก "เพื่อให้ได้หายใจยาวบ้าง สั้นบ้าง ดมกลิ่นดีบ้าง ไม่ดีบ้าง
เพราะบุญญาภิสังขาร
๔.มีลิ้น "เพื่อให้ได้ รู้รส เฉยๆ อร่อยดี..ไม่อร่อย
เพราะบุญญาภิสังขาร
๕.มีร่างกาย "เพื่อได้รู้ว่านี่ คือของดีนี่คือภาระต้องเลี้ยงดูเป็นพิเศษ
เพราะบุญญาภิสังขาร
๖.มีใจ "เพื่อ รู้สุข รู้ทุกข์ รู้เฉยๆ
เพราะบุญญาภิสังขาร
ถ้าชาติถัดไปต้องการจะตีตั๋วเพื่อมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง
ต้องทำตามและยอมรับกฏของธรรมชาติ
ธรรมชาติเขาบอกแล้วว่า
"จะให้มีแต่ความสุข ได้อย่างไร ถ้ามีแต่สุขอย่างเดียว นั้นมันเทวดาแล้ว
คุณเป็นเทวดารึ
ถ้าไม่ได้เป็น ก็อย่าหวังว่าจะ ขอให้ได้เจอแต่ความสุข
"เวลาทุกข์จะให้มีแต่ความทุกข์ ได้อย่างไร ถ้ามีแต่ทุกข์อย่างเดียว
นั่นมันสัตว์นรกแล้ว คุณเป็นสัตว์นรก รึ
ถ้าไม่ได้เป็น อย่าเพิงอมไว้อย่างไม่ยอมคลาย ใช้คุณสมบัติของ
สัตว์นรกอย่างไม่ยอมปล่อย
คุณเป็นมนุษย์สามารถวางสองอารมณ์นั้นได้
โดยการ
จากที่กำลังมีอารมณ์สุขอยู่ จะสุขเพราะอะไรก็ตาม จากกุศลให้ผลก็ตาม
ให้รีบมาอยู่กับอุเบกขา
จากที่กำลังมีอารมณ์ทุกข์ทางใจ จะทุกข์เพราะอะไรก็ตาม เพราะกรรม
ไม่ดีให้ผลก็ตาม
ให้รีบมาอยู่กับอุเบกขา
ให้เราใช้อุเบกขา ปฏิบัติ" ต่อสิ่งต่างๆที่เข้ามาทาง ๖. ข้อแรก
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 16, 2015 6:40:34pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มีความคิดว่า จะทำ CD แจก
"รักแท้ มีจริง" ทำลงแผ่นไปแจก นักศึกษา
> จะได้รู้จักรัก แท้ อย่างไรจะอยู่ด้วยกันตลอดไป?
“จากเป็นจากตาย” "รักเหนือรัก"
"รักแท้ มีจริง" ทำลงแผ่นไปแจก นักศึกษา
> จะได้รู้จักรัก แท้ อย่างไรจะอยู่ด้วยกันตลอดไป?
“จากเป็นจากตาย” "รักเหนือรัก"
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 17, 2015 6:19:55pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มือถือดีๆ
แทนที่กล้องดีๆได้
แทนที่คอมพ์ดีๆได้
แทนที่ตู้เกมดีๆได้
แต่แทนที่ครอบครัวดีๆไม่ได้
ครอบครัวดูมีราคาน้อยลง
เมื่อมือถือราคาแพง
มีบทบาทครอบงำสมองมากขึ้น
คนรุ่นใหม่บางคนแค่ซื้อไอโฟนไม่ได้
ถึงกับขายยา ขายตัว
คนรุ่นใหม่บางคนแค่แบตฯหมด
ถึงกับกรีดร้อง ดิ้นพล่าน
คนรุ่นใหม่บางคนแค่มือถือหาย
ถึงกับทุบตีตัวเอง อยากฆ่าตัวตาย
ทำไมคนยุคเรามาถึงจุดนี้กันแล้ว?
เพราะเราปล่อยให้ข้อมูลบางอย่าง
ไม่เป็นแค่ข้อมูลในมือถือ
แต่เป็นศูนย์รวมชีวิตทั้งชีวิต
เป็นโฟกัสของจิตวิญญาณทั้งดวง
เมื่อข้อมูลนั้นขาดหายชั่วคราว
ก็ราวกับโลกถล่มลงชั่วขณะ
แต่ถ้าข้อมูลนั้นสาบสูญถาวร
เข่าก็อ่อนราวกับจะเป็นลมล้มตายได้
เสียสติชั่วคราว
เสียครอบครัวไปแบบกู่ไม่กลับ
เสียจิตวิญญาณระดับมนุษย์ไปทั้งชาติ
เดี๋ยวนี้แลกกับมือถือเครื่องเดียวได้หมด
อาการเสพติดมือถือขั้นลงแดง
อาจแก้ไม่ยากอย่างที่คิด
ถ้ากิจกรรมของครอบครัวมากขึ้น
ความสำคัญของมือถือก็จะน้อยลงเอง
ลองดูคลิปนี้
http://youtu.be/hGfeHD1cQu0
แล้วบอกถูกไหมว่า สิ่งที่หมดไปคืออะไร
แบตฯมือถือ
หรือจิตวิญญาณทั้งดวง?
ถามตัวเองว่า
มันจะเกิดขึ้นกับคนรอบตัวของเราได้ไหม?
Line Official ID : @dungtrin
— แนะนำหนังสือ
ชื่อหนังสือ: ฉลาดทางจิต
เนื้อหา: เพิ่ม IQ และ EQ ในทิศทางที่จะเพิ่ม SQ
ดาวน์โหลดอีบุ๊กฟรี: http://dungtrin.com/SQ
สั่งซื้อออนไลน์ เล่มละ ๕๙ บาท: http://bit.ly/1zlivRG
ดูวิธีสั่งซื้ออย่างละเอียดได้ที่ http://bit.ly/1iISnJz
แทนที่กล้องดีๆได้
แทนที่คอมพ์ดีๆได้
แทนที่ตู้เกมดีๆได้
แต่แทนที่ครอบครัวดีๆไม่ได้
ครอบครัวดูมีราคาน้อยลง
เมื่อมือถือราคาแพง
มีบทบาทครอบงำสมองมากขึ้น
คนรุ่นใหม่บางคนแค่ซื้อไอโฟนไม่ได้
ถึงกับขายยา ขายตัว
คนรุ่นใหม่บางคนแค่แบตฯหมด
ถึงกับกรีดร้อง ดิ้นพล่าน
คนรุ่นใหม่บางคนแค่มือถือหาย
ถึงกับทุบตีตัวเอง อยากฆ่าตัวตาย
ทำไมคนยุคเรามาถึงจุดนี้กันแล้ว?
เพราะเราปล่อยให้ข้อมูลบางอย่าง
ไม่เป็นแค่ข้อมูลในมือถือ
แต่เป็นศูนย์รวมชีวิตทั้งชีวิต
เป็นโฟกัสของจิตวิญญาณทั้งดวง
เมื่อข้อมูลนั้นขาดหายชั่วคราว
ก็ราวกับโลกถล่มลงชั่วขณะ
แต่ถ้าข้อมูลนั้นสาบสูญถาวร
เข่าก็อ่อนราวกับจะเป็นลมล้มตายได้
เสียสติชั่วคราว
เสียครอบครัวไปแบบกู่ไม่กลับ
เสียจิตวิญญาณระดับมนุษย์ไปทั้งชาติ
เดี๋ยวนี้แลกกับมือถือเครื่องเดียวได้หมด
อาการเสพติดมือถือขั้นลงแดง
อาจแก้ไม่ยากอย่างที่คิด
ถ้ากิจกรรมของครอบครัวมากขึ้น
ความสำคัญของมือถือก็จะน้อยลงเอง
ลองดูคลิปนี้
http://youtu.be/hGfeHD1cQu0
แล้วบอกถูกไหมว่า สิ่งที่หมดไปคืออะไร
แบตฯมือถือ
หรือจิตวิญญาณทั้งดวง?
ถามตัวเองว่า
มันจะเกิดขึ้นกับคนรอบตัวของเราได้ไหม?
Line Official ID : @dungtrin
— แนะนำหนังสือ
ชื่อหนังสือ: ฉลาดทางจิต
เนื้อหา: เพิ่ม IQ และ EQ ในทิศทางที่จะเพิ่ม SQ
ดาวน์โหลดอีบุ๊กฟรี: http://dungtrin.com/SQ
สั่งซื้อออนไลน์ เล่มละ ๕๙ บาท: http://bit.ly/1zlivRG
ดูวิธีสั่งซื้ออย่างละเอียดได้ที่ http://bit.ly/1iISnJz
อัปเดต ๑๙ ตุลา : ยังสามารถขอรับซีดีได้อยู่ค่ะ
________________
แจกซีดีเสียงอ่านงานประพันธ์ของคุณดังตฤณ ๔ เรื่องค่ะ
ลงชื่อเพื่อขอรับซีดีฟรีได้ที่ >> http://goo.gl/forms/
ptT21rpGFp (**กรุณาอย่าลงชื่อในเม้นต์นะคะ**)
• จิตจักรพรรดิ (ละครเสียง)
นวนิยายแนวพลังจิต ความรักเหนือจินตนาการ
• กรรมพยากรณ์ ตอนชนะกรรม (ละครเสียง)
นวนิยายที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าชะตากรรมเป็นสิ่ง
น่าเอาชนะ
• รักแท้มีจริง (เสียงอ่านหนังสือ)
ทำตัวเองให้เป็นแม่เหล็กดึงดูดรักแท้
• ผิดที่ไม่รู้ (เสียงอ่านหนังสือ)
แค่ไม่รู้ก็ถือว่ามีความผิดติดตัวแล้ว!
________________
ซีดีทั้งหมดบันทึกในรูปแบบ mp3 ท่านสามารถขอรับทั้ง ๔
เรื่องหรือกี่เรื่องก็ได้ แต่ขออนุญาตจำกัดที่เรื่องละหนึ
่งแผ่นต่อท่านนะคะ ^^ ทีมงานจะเริ่มทยอยจัดส่งทางไปรษ
ณีย์ในเดือนพฤศจิกายนนี้ค่า
ขออนุโมทนาผู้มีจิตศรัทธาจากกลุ่มสื่อธรรมะดังต
ฤณทุกท่าน ที่ร่วมกันผลิตซีดีสำหรับแจกเป็นธรรมทานค่ะ ^/
\^
อัปเดต ๑๙ ตุลา : ยังสามารถขอรับซีดีได้อยู่ค่ะ
________________
แจกซีดีเสียงอ่านงานประพันธ์ของคุณดังตฤณ ๔ เรื่องค่ะ
ลงชื่อเพื่อขอรับซีดีฟรีได้ที่ >> http://goo.gl/forms/
ptT21rpGFp (**กรุณาอย่าลงชื่อในเม้นต์นะคะ**)
• จิตจักรพรรดิ (ละครเสียง)
นวนิยายแนวพลังจิต ความรักเหนือจินตนาการ
• กรรมพยากรณ์ ตอนชนะกรรม (ละครเสียง)
นวนิยายที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าชะตากรรมเป็นสิ่ง
น่าเอาชนะ
• รักแท้มีจริง (เสียงอ่านหนังสือ)
ทำตัวเองให้เป็นแม่เหล็กดึงดูดรักแท้
• ผิดที่ไม่รู้ (เสียงอ่านหนังสือ)
แค่ไม่รู้ก็ถือว่ามีความผิดติดตัวแล้ว!
________________
ซีดีทั้งหมดบันทึกในรูปแบบ mp3 ท่านสามารถขอรับทั้ง ๔
เรื่องหรือกี่เรื่องก็ได้ แต่ขออนุญาตจำกัดที่เรื่องละหนึ
่งแผ่นต่อท่านนะคะ ^^ ทีมงานจะเริ่มทยอยจัดส่งทางไปรษ
ณีย์ในเดือนพฤศจิกายนนี้ค่า
ขออนุโมทนาผู้มีจิตศรัทธาจากกลุ่มสื่อธรรมะดังต
ฤณทุกท่าน ที่ร่วมกันผลิตซีดีสำหรับแจกเป็นธรรมทานค่ะ ^/
\^
________________
แจกซีดีเสียงอ่านงานประพันธ์ของคุณดังตฤณ ๔ เรื่องค่ะ
ลงชื่อเพื่อขอรับซีดีฟรีได้ที่ >> http://goo.gl/forms/
ptT21rpGFp (**กรุณาอย่าลงชื่อในเม้นต์นะคะ**)
• จิตจักรพรรดิ (ละครเสียง)
นวนิยายแนวพลังจิต ความรักเหนือจินตนาการ
• กรรมพยากรณ์ ตอนชนะกรรม (ละครเสียง)
นวนิยายที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าชะตากรรมเป็นสิ่ง
น่าเอาชนะ
• รักแท้มีจริง (เสียงอ่านหนังสือ)
ทำตัวเองให้เป็นแม่เหล็กดึงดูดรักแท้
• ผิดที่ไม่รู้ (เสียงอ่านหนังสือ)
แค่ไม่รู้ก็ถือว่ามีความผิดติดตัวแล้ว!
________________
ซีดีทั้งหมดบันทึกในรูปแบบ mp3 ท่านสามารถขอรับทั้ง ๔
เรื่องหรือกี่เรื่องก็ได้ แต่ขออนุญาตจำกัดที่เรื่องละหนึ
่งแผ่นต่อท่านนะคะ ^^ ทีมงานจะเริ่มทยอยจัดส่งทางไปรษ
ณีย์ในเดือนพฤศจิกายนนี้ค่า
ขออนุโมทนาผู้มีจิตศรัทธาจากกลุ่มสื่อธรรมะดังต
ฤณทุกท่าน ที่ร่วมกันผลิตซีดีสำหรับแจกเป็นธรรมทานค่ะ ^/
\^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.19 ต.ค. 2015
การเป็นโสดนั้นดี
หากคุณรู้จักทำตัวเอง..ให้เป็นสุข
การมีคู่ก็ดีเช่นกัน
หากรู้จักทำให้คนอื่น..ไม่เป็นทุกข์เพราะตัวคุณ
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ถาม : พี่ดังตฤณคะ
แล้วถ้าเราโสดในชาตินี้
เกี่ยวกับบุญหรือกรรมมากกว่าคะ
ตอบ :
บอกตายตัวไม่ได้ครับ
ถามง่ายๆแล้วกัน
โสดแล้วมีความสุขไหม
ได้บำเพ็ญธรรมพัฒนาจิตวิญญาณไหม
มีคู่แล้วมีความสุขไหม
ได้บำเพ็ญธรรมพัฒนาจิตวิญญาณไหม
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ถาม : ถ้าเริ่มรู้ตัวว่าชาตินี้ไม่มีคู่ เราควรเตรียมตัว
ยังไงครับ
ตอบ : ไม่มีคู่ แต่ก็มีคนที่รักคุณได้ครับ
เริ่มจากการแจกจ่ายความรัก
ให้เด็กอนาถา คนชราสถานสงเคราะห์
หรือจะเป็นใครก็ได้
ที่ขอความช่วยเหลือทางไหนๆก็ตาม
การไม่มีคู่ ไม่มีครอบครัว
เปิดโอกาสให้สร้างความเป็นที่รักได้เต็มที่
และเมื่อเต็มที่แล้ว
ใครจะรู้ว่าชาตินี้คู่เราจะไม่มาแน่ๆ?
แต่ถ้าการไม่มีใคร
ชวนใจให้อยากวิเวก
เห็นว่าอยู่คนเดียวดีแล้ว
ก็อาจลองใช้ชีวิตให้คุ้มที่สุด
เท่าที่เกิดมาได้พบพุทธศาสนา
ทุ่มเทให้กับการเจริญสติไปเลยครับ
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
• คนที่เร่งมีรัก..เพราะเหงา
มักได้เศร้ากับบทเรียน
มากกว่าได้สุขกับของจริง
บทความทั้งหมด : ดังตฤณ
Line Official : @dungtrin
การเป็นโสดนั้นดี
หากคุณรู้จักทำตัวเอง..ให้เป็นสุข
การมีคู่ก็ดีเช่นกัน
หากรู้จักทำให้คนอื่น..ไม่เป็นทุกข์เพราะตัวคุณ
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ถาม : พี่ดังตฤณคะ
แล้วถ้าเราโสดในชาตินี้
เกี่ยวกับบุญหรือกรรมมากกว่าคะ
ตอบ :
บอกตายตัวไม่ได้ครับ
ถามง่ายๆแล้วกัน
โสดแล้วมีความสุขไหม
ได้บำเพ็ญธรรมพัฒนาจิตวิญญาณไหม
มีคู่แล้วมีความสุขไหม
ได้บำเพ็ญธรรมพัฒนาจิตวิญญาณไหม
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ถาม : ถ้าเริ่มรู้ตัวว่าชาตินี้ไม่มีคู่ เราควรเตรียมตัว
ยังไงครับ
ตอบ : ไม่มีคู่ แต่ก็มีคนที่รักคุณได้ครับ
เริ่มจากการแจกจ่ายความรัก
ให้เด็กอนาถา คนชราสถานสงเคราะห์
หรือจะเป็นใครก็ได้
ที่ขอความช่วยเหลือทางไหนๆก็ตาม
การไม่มีคู่ ไม่มีครอบครัว
เปิดโอกาสให้สร้างความเป็นที่รักได้เต็มที่
และเมื่อเต็มที่แล้ว
ใครจะรู้ว่าชาตินี้คู่เราจะไม่มาแน่ๆ?
แต่ถ้าการไม่มีใคร
ชวนใจให้อยากวิเวก
เห็นว่าอยู่คนเดียวดีแล้ว
ก็อาจลองใช้ชีวิตให้คุ้มที่สุด
เท่าที่เกิดมาได้พบพุทธศาสนา
ทุ่มเทให้กับการเจริญสติไปเลยครับ
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
• คนที่เร่งมีรัก..เพราะเหงา
มักได้เศร้ากับบทเรียน
มากกว่าได้สุขกับของจริง
บทความทั้งหมด : ดังตฤณ
Line Official : @dungtrin
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Rungsun Kiayasuan และ ฤิทธิพร ทองมี
คุณได้แท็ก Rungsun Kiayasuan และ ฤิทธิพร ทองมี
สัจจะแห่งชีวิต ทั้งหญิงทั้งชาย
ร่างกายธาตุ๔ ดินน้ำลมไฟ มันแยกกัน มันไม่เห็นกลัว
แต่ทำไม่ ใจ นี่มันโง่เหลือเกิน
ทั้งๆที่ใจนี่มันไม่เคยตาย ไปนรกสวรรค์ก็ใจนี่
ร่างกายธาตุ๔ ดินน้ำลมไฟ มันแยกกัน มันไม่เห็นกลัว
แต่ทำไม่ ใจ นี่มันโง่เหลือเกิน
ทั้งๆที่ใจนี่มันไม่เคยตาย ไปนรกสวรรค์ก็ใจนี่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#ตอนนี้ มารดาเรา #เป็นลูกโคตัวเล็ก"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Rungsun Kiayasuan และคนอื่นๆ อีก 3 คน
คุณได้แท็ก Rungsun Kiayasuan, มากับเขา แร้วเหงายังไง, Prang Kung และ ฤิทธิพร ทองมี
อารมณ์ที่เป็นทุกข์ ไม่ใช่เราหรอก
อย่าไปมีความคิดว่าเราเป็นผู้ทุกข์ใจ
เพราะความทุกข์มันเป็นสิ่งที่ ถูกจิตหรือถูกเรารู้
เห็นไหมว่ามี 2 อัน
ทุกข์คือสิ่งที่ถูกเรารู้อันหนึ่ง
เราผู้รู้ทุกข์ อันหนึ่ง คนละอันกันเลย
พระพุทธเจ้าคิดเลขถูก
1 + 1 = 2 นะ
ส่วนเด็ก 1+1 =1 มันเป็นความคิดที่ผิด
ฉะนั้นเราต้องเชื่อพระพุทธเจ้า
ว่า ทุกข์อันหนึ่ง เราผู้รู้ทุกข์อันหนึ่ง
มี 2 อย่างแค่นี้
ถ้าเราบวกเลขแบบเด็กก็คือ คิดว่า ความทุกข์ร้อนใจเป็นเรา กูทุกข์ๆ คิดแบบนี้เสี่ยงไปเกิดในนรกมากตอนตาย
อย่าไปมีความคิดว่าเราเป็นผู้ทุกข์ใจ
เพราะความทุกข์มันเป็นสิ่งที่ ถูกจิตหรือถูกเรารู้
เห็นไหมว่ามี 2 อัน
ทุกข์คือสิ่งที่ถูกเรารู้อันหนึ่ง
เราผู้รู้ทุกข์ อันหนึ่ง คนละอันกันเลย
พระพุทธเจ้าคิดเลขถูก
1 + 1 = 2 นะ
ส่วนเด็ก 1+1 =1 มันเป็นความคิดที่ผิด
ฉะนั้นเราต้องเชื่อพระพุทธเจ้า
ว่า ทุกข์อันหนึ่ง เราผู้รู้ทุกข์อันหนึ่ง
มี 2 อย่างแค่นี้
ถ้าเราบวกเลขแบบเด็กก็คือ คิดว่า ความทุกข์ร้อนใจเป็นเรา กูทุกข์ๆ คิดแบบนี้เสี่ยงไปเกิดในนรกมากตอนตาย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การที่คนตายแล้ว วิญญาณออกจากร่าง ที่ชาวบ้านพากันเรียกว่า ผี ๆ นั้น
แท้จริงแล้วตายปุ๊บ เกิดใหม่ทันที
ได้ร่างกายครบถ้วน
ร่างกายครบถ้วนแบบเปตร
นั่นแหละที่เห็นเป็นรูปร่างออกลางๆ ไม่ค่อยชัดที่เรียกว่าผ
ี
เขาได้ร่างกายให้วิญญาณมาครองหรืออาศัยแล้ว
ก็ไม่ต่างอะไรจากมนุษญ์ที่มีวิญญาณมาครองหรือมาอาศัยเพื่อทำกิจต่างๆ
เทวดาก็เหมือนกันเขาก็ได้ร่างกายแบบเทวดาที่ก็มีวิญญาณมาครองหรืออาศัย
#เหมือนกันหมดแหละ ถ้ากลัวก็เท่ากับว่า กลัวร่างกายเขา
แท้จริงแล้วตายปุ๊บ เกิดใหม่ทันที
ได้ร่างกายครบถ้วน
ร่างกายครบถ้วนแบบเปตร
นั่นแหละที่เห็นเป็นรูปร่างออกลางๆ ไม่ค่อยชัดที่เรียกว่าผ
ี
เขาได้ร่างกายให้วิญญาณมาครองหรืออาศัยแล้ว
ก็ไม่ต่างอะไรจากมนุษญ์ที่มีวิญญาณมาครองหรือมาอาศัยเพื่อทำกิจต่างๆ
เทวดาก็เหมือนกันเขาก็ได้ร่างกายแบบเทวดาที่ก็มีวิญญาณมาครองหรืออาศัย
#เหมือนกันหมดแหละ ถ้ากลัวก็เท่ากับว่า กลัวร่างกายเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา กับเสียงด่าของคนอื่น
ให้หาที่ที่ไม่มีคน
เพื่อค้นพบความแนใจว่า
มีแต่เสียงในหัวคุณ
ที่ทำร้ายตัวคุณเองไม่เลิก
#คนในโลกส่วนใหญ่ ทุกข์เพราะทะเลาะกับความคิดตัวเอง
ให้หาที่ที่ไม่มีคน
เพื่อค้นพบความแนใจว่า
มีแต่เสียงในหัวคุณ
ที่ทำร้ายตัวคุณเองไม่เลิก
#คนในโลกส่วนใหญ่ ทุกข์เพราะทะเลาะกับความคิดตัวเอง
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 24, 2015 8:33:41pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การทำทาน เขาทำเพื่อเอาออกสละออก
พระพุทธเจ้าตรัสประมาณว่า
"จิตที่ยังมีความห่วงแหน ยึดมั่นในข้าวของวัตถุธาตุอยู่
เป็นจิตที่หนัก รู้แจ้งเข้าถึงนิพพานได้ยาก"
แต่ผลพลอยได้จากการสละต่างกัน
"ยิ่งทานเพื่อที่คิดว่า จะเอาเข้าตัว ยิ่งได้น้อย แต่ก็ดีกว่าคนที่ไม่ทาน"
"
ทานเพื่อเอาออก ดีที่สุด"
แบบไม่เดือดร้อน
ทำแบบไม่เลือกผู้รับเลย ให้ทั้งพระ ทั้งคนอนาถาคนจน คนมี คนรวย
ให้หมดโดยไม่เลือกผู้รับ
คนแบบนี้มาเกิดใหม่จะรวยมาก
เพราะเคยให้ไว้มาก
แต่ไม่สู้คนที่ให้ทานแบบคิดสละกิเลสออก ให้ใจมันลดละความยึดมั่นกิเลสว่
าของกูๆ
นี่ของผมครับ นี่ก็ของหนูค่ะ นี้ของพ่อน่ะ
นี่ของแม่น่ะ กิเลสของกูๆ T_T นะ
ถ้าคิดสละแบบ ไม่ใช่ของกูๆ แล้วทานออกไป
ผลพลอยได้ชาติหน้า อันนี้จะรวยแบบมหารวยเลย
เพราะวางปล่อยความยึดมั่นไว้มาก
สองคนนี้ให้ทานวางจิตต่างกัน
แต่สิ่งที่เอาไปทานนั้นเหมือนกัน
# ถ้าชายสองคนนี้ตาย
คนบนจะไปเกิดเป็นเทวดาชั้นสูงมาก ชั้น๗
คนล่างจะไปเกิดเป็นเทวดาชั้นต่ำที่สุด ชั้น๑
พระพุทธเจ้าตรัสประมาณว่า
"จิตที่ยังมีความห่วงแหน ยึดมั่นในข้าวของวัตถุธาตุอยู่
เป็นจิตที่หนัก รู้แจ้งเข้าถึงนิพพานได้ยาก"
แต่ผลพลอยได้จากการสละต่างกัน
"ยิ่งทานเพื่อที่คิดว่า จะเอาเข้าตัว ยิ่งได้น้อย แต่ก็ดีกว่าคนที่ไม่ทาน"
"
ทานเพื่อเอาออก ดีที่สุด"
แบบไม่เดือดร้อน
ทำแบบไม่เลือกผู้รับเลย ให้ทั้งพระ ทั้งคนอนาถาคนจน คนมี คนรวย
ให้หมดโดยไม่เลือกผู้รับ
คนแบบนี้มาเกิดใหม่จะรวยมาก
เพราะเคยให้ไว้มาก
แต่ไม่สู้คนที่ให้ทานแบบคิดสละกิเลสออก ให้ใจมันลดละความยึดมั่นกิเลสว่
าของกูๆ
นี่ของผมครับ นี่ก็ของหนูค่ะ นี้ของพ่อน่ะ
นี่ของแม่น่ะ กิเลสของกูๆ T_T นะ
ถ้าคิดสละแบบ ไม่ใช่ของกูๆ แล้วทานออกไป
ผลพลอยได้ชาติหน้า อันนี้จะรวยแบบมหารวยเลย
เพราะวางปล่อยความยึดมั่นไว้มาก
สองคนนี้ให้ทานวางจิตต่างกัน
แต่สิ่งที่เอาไปทานนั้นเหมือนกัน
# ถ้าชายสองคนนี้ตาย
คนบนจะไปเกิดเป็นเทวดาชั้นสูงมาก ชั้น๗
คนล่างจะไปเกิดเป็นเทวดาชั้นต่ำที่สุด ชั้น๑
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.
ถ้ามีความสุขเมื่อไร่
ให้รู้เลยว่า
"จิตเรากำลัง รู้ธาตุความสุขอยู่"
ซึ่งธาตุความสุขนี่มันไม่เที่ยง..
และธาตุความสุขก็ไม่ใช่ของใคร มันเป็นธาตุตามธรรมชาติที่มีอยู
่เต็มโลกธาตุแห่งความปรวนแปร
ลองสูดลมหายใจเข้าลึกๆแรงๆ
จิตจะเปลี่ยนการรับรู้ธาตุสุข มารู้ที่วาโยธาตุลม"แทน
ถ้ามีความทุกข์เมื่อไร่
ให้รู้เลยว่า
"จิตเรากำลัง รู้ธาตุความทุกข์อยู่"
ซึ่งธาตุความทุกข์นี่..มันไม่เที่ยง
และธาตุความทุกข์ก็ไม่ใช่ของใคร มันเป็นธาตุตามธรรมชาติมีอยู่เต
็มโลกธาตุแห่งความปรวนแปร
ลองสูดลมหายใจเข้าลึกๆแรงๆ
จิตจะเปลี่ยนการรับรู้ธาตุทุกข์ มารู้ที่วาโยธาตุลม"แทน
ตอนนี้จิตเรากำลังรู้ธาตุอะไรอยู่ครับ ย่อๆมี ๓ ธาตุ
๑. ธาตุสุข
๒. ธาตุทุกข์
๓. ธาตุอุเบกขา คือเฉยๆ ไม่สุขไม่ทุกข์
# ถ้าจิตกำลังอยู่กับธาตุ "สุข"อยู่ ให้เปลี่ยนมาอยู่กับ "อุเบกขาธาตุ"
"มันจะหายสุขก็ช่าง หรือไม่หายสุขก็ช่าง"
คือวางเฉยอุเบกขาต่อความสุข
# ถ้าจิตกำลังอยู่กับธาตุ "ทุกข์"อยู่
ให้เปลี่ยนมาอยู่กับ"อุเบกขาธาตุ"
"มันจะหายทุกข์ก็ช่าง
หรือมันไม่หายทุกข์ก็ช่าง"
คือวางเฉยอุเบกขาต่อความทุกข์
การฝึกหัดภาวนามีแค่นี้
"ภาวนาทำไมครับ" ผมจะตอบคุณแบบนี้
๑.คุณภาวนาเพื่อให้คุณ
รอดจากอบายขุมนรกได้อย่างแท้จริงตลอดไป
ถ้ามีความสุขเมื่อไร่
ให้รู้เลยว่า
"จิตเรากำลัง รู้ธาตุความสุขอยู่"
ซึ่งธาตุความสุขนี่มันไม่เที่ยง..
และธาตุความสุขก็ไม่ใช่ของใคร มันเป็นธาตุตามธรรมชาติที่มีอยู
่เต็มโลกธาตุแห่งความปรวนแปร
ลองสูดลมหายใจเข้าลึกๆแรงๆ
จิตจะเปลี่ยนการรับรู้ธาตุสุข มารู้ที่วาโยธาตุลม"แทน
ถ้ามีความทุกข์เมื่อไร่
ให้รู้เลยว่า
"จิตเรากำลัง รู้ธาตุความทุกข์อยู่"
ซึ่งธาตุความทุกข์นี่..มันไม่เที่ยง
และธาตุความทุกข์ก็ไม่ใช่ของใคร มันเป็นธาตุตามธรรมชาติมีอยู่เต
็มโลกธาตุแห่งความปรวนแปร
ลองสูดลมหายใจเข้าลึกๆแรงๆ
จิตจะเปลี่ยนการรับรู้ธาตุทุกข์ มารู้ที่วาโยธาตุลม"แทน
ตอนนี้จิตเรากำลังรู้ธาตุอะไรอยู่ครับ ย่อๆมี ๓ ธาตุ
๑. ธาตุสุข
๒. ธาตุทุกข์
๓. ธาตุอุเบกขา คือเฉยๆ ไม่สุขไม่ทุกข์
# ถ้าจิตกำลังอยู่กับธาตุ "สุข"อยู่ ให้เปลี่ยนมาอยู่กับ "อุเบกขาธาตุ"
"มันจะหายสุขก็ช่าง หรือไม่หายสุขก็ช่าง"
คือวางเฉยอุเบกขาต่อความสุข
# ถ้าจิตกำลังอยู่กับธาตุ "ทุกข์"อยู่
ให้เปลี่ยนมาอยู่กับ"อุเบกขาธาตุ"
"มันจะหายทุกข์ก็ช่าง
หรือมันไม่หายทุกข์ก็ช่าง"
คือวางเฉยอุเบกขาต่อความทุกข์
การฝึกหัดภาวนามีแค่นี้
"ภาวนาทำไมครับ" ผมจะตอบคุณแบบนี้
๑.คุณภาวนาเพื่อให้คุณ
รอดจากอบายขุมนรกได้อย่างแท้จริงตลอดไป
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 27, 2015 10:23:01am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
3 พ.ย. 2015
ถ้าเรียนวิทย์ ในหัวมีแต่วิทยศาสตร์ ก็จะคลั้งวิทยาศาสตร์หรือเปล่า?
เห็นคนก็จะวิเคราะห์ เห็นสัตว์ก็วิเคราะห์
คนนี้ไม่สวย สงสัยโคโมโซม ยีนใน แบบพ่อและแม่มันแบ่งมาไม่สมดุลกัน
ต้นไม้ตนนี้มันผิดพันธุ์มันไม่เหมือนเพื่อน
เพราะองค์ประกอบแร่ธาตุอาหารที่มันดูดซึมไม่ดี
บางคนผิวขาว ผิวดำ
บางคนพ่อหล่อแม่สวย
แต่ลูกออกมาเหมือนผี
วิทยาศาสตร์ก็จะตอบเหตุผลแบบเขา
ถ้าแบบศาสนา จะมองแบบนี้
เขาทำกรรมลักษณะแบบนั้นมาแต่ชาติปรางก่อน
เขาจึงมีเป็นแบบนี้ สวยแบบนี้ เสียงพูดน่าฟังแบบนี้ ดวงตาสวยแบบนี้
ผิวพรรณแบบนี
เขาสวย เพราะจิตใจเขาดีไม่ค่อยโกรธคน
เขารวยเพราะเขาเคยให้ไว้มากแบบไม่เลือกคนเลือกสัตว์
เขาฉลาดมีปัญญามาก เพราะเขาแบ่งปั่นความรู้คิดเค้นที่จะใช้สติปัญญ
าตัวเองในการช่วยผู้อื่น ให้พ้นจากปัญหา
ตาเขาสวย เพราะมองใครมองสัตว์มองคนด้วยความมีกระแสจิตทีดีให้
ไม่มองดวยควมชังความเกลียด ต้องการให้เขากลัว ต้องการมีเรื่อง
เป็นต้น
ถ้าตอบแบบลัทธิอีกแบบหนึ่ง
เพราะพระเจ้า สร้างเราให้ต้องขี้เหลแบบนี้
เพราะพระเจ้าสร้างเราให้หล่อแบบนี้
อะไรๆก็เพราะเจ้าสร้างๆๆ
ถ้าตอบอีกแบบลัทธิหนึ่ง
คือ ทุกอย่างบังเอิญไปหมด
สวยก็จะตอบว่า..เพราะบังเอิญสวย
รวยเพราะบังเอิญรวย
ต้นไม้เป็นแบบนั้น เพราะบังเอิญเป็นแบบนั้น
เชื่อแบบใด ก็ไม่พ้นความจริงที่ถูกต้องไปได้
เรื่องปฏิบัติออกจากทุกข์ # ผมเชื่อ พระพุทธเจ้า เชื่อวิทยาศาตร์
ไม่อาจพ้นทุกข์ได้
เชื่อพรามไม่อาจพ้นทุกข์ได้ เชื่อดวงดาวไม่อาจพ้นทุกข์ได้
ถ้าเรียนวิทย์ ในหัวมีแต่วิทยศาสตร์ ก็จะคลั้งวิทยาศาสตร์หรือเปล่า?
เห็นคนก็จะวิเคราะห์ เห็นสัตว์ก็วิเคราะห์
คนนี้ไม่สวย สงสัยโคโมโซม ยีนใน แบบพ่อและแม่มันแบ่งมาไม่สมดุลกัน
ต้นไม้ตนนี้มันผิดพันธุ์มันไม่เหมือนเพื่อน
เพราะองค์ประกอบแร่ธาตุอาหารที่มันดูดซึมไม่ดี
บางคนผิวขาว ผิวดำ
บางคนพ่อหล่อแม่สวย
แต่ลูกออกมาเหมือนผี
วิทยาศาสตร์ก็จะตอบเหตุผลแบบเขา
ถ้าแบบศาสนา จะมองแบบนี้
เขาทำกรรมลักษณะแบบนั้นมาแต่ชาติปรางก่อน
เขาจึงมีเป็นแบบนี้ สวยแบบนี้ เสียงพูดน่าฟังแบบนี้ ดวงตาสวยแบบนี้
ผิวพรรณแบบนี
เขาสวย เพราะจิตใจเขาดีไม่ค่อยโกรธคน
เขารวยเพราะเขาเคยให้ไว้มากแบบไม่เลือกคนเลือกสัตว์
เขาฉลาดมีปัญญามาก เพราะเขาแบ่งปั่นความรู้คิดเค้นที่จะใช้สติปัญญ
าตัวเองในการช่วยผู้อื่น ให้พ้นจากปัญหา
ตาเขาสวย เพราะมองใครมองสัตว์มองคนด้วยความมีกระแสจิตทีดีให้
ไม่มองดวยควมชังความเกลียด ต้องการให้เขากลัว ต้องการมีเรื่อง
เป็นต้น
ถ้าตอบแบบลัทธิอีกแบบหนึ่ง
เพราะพระเจ้า สร้างเราให้ต้องขี้เหลแบบนี้
เพราะพระเจ้าสร้างเราให้หล่อแบบนี้
อะไรๆก็เพราะเจ้าสร้างๆๆ
ถ้าตอบอีกแบบลัทธิหนึ่ง
คือ ทุกอย่างบังเอิญไปหมด
สวยก็จะตอบว่า..เพราะบังเอิญสวย
รวยเพราะบังเอิญรวย
ต้นไม้เป็นแบบนั้น เพราะบังเอิญเป็นแบบนั้น
เชื่อแบบใด ก็ไม่พ้นความจริงที่ถูกต้องไปได้
เรื่องปฏิบัติออกจากทุกข์ # ผมเชื่อ พระพุทธเจ้า เชื่อวิทยาศาตร์
ไม่อาจพ้นทุกข์ได้
เชื่อพรามไม่อาจพ้นทุกข์ได้ เชื่อดวงดาวไม่อาจพ้นทุกข์ได้
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 03, 2015 8:36:19pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 03, 2015 8:45:14pm
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 05, 2015 6:57:59pm
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 06, 2015 4:16:33pm
มรรคผลนิพพานไม่มีจริง
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 08, 2015 10:03:30pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ยุคนี้เป็นยุคพวกที่มีปัญญามาก
ถ้าปฏิบัติธรรม จะเข้าถึงตัวรู้ได้เร็ว
ยิ่งช่วงที่เซลล์ยังไม่เสื่อม
เพราะในแต่ละวัน ก็เจออารมณ์สารพัดหลากหลาย
ทั้งโกธร พอใจ ไม่พอใจ
ริษยา หัวเราะ ตื่นเต้น หดหู โลภ
ต่างๆนา
ถ้าเข้าถึงตัวรู้แล้ว อยากจะไปทำงานทางโลกก็ได้
จะมีความสุขทางใจแบบไม่เคยเจอมาก่อนเลย
ความสุขทางกายเทียบกันไม่ได้
กับทางใจ
เพราะจิตมันสว่างฉลาด
มันไม่ยอมเชื่อ ความคิดที่ทุกข์ๆในหัวหรือในใจเลย
# มีแฟนเป็นภาระอย่างยิ่ง มีทุกข์เป็นผลพลอยได
ถ้าปฏิบัติธรรม จะเข้าถึงตัวรู้ได้เร็ว
ยิ่งช่วงที่เซลล์ยังไม่เสื่อม
เพราะในแต่ละวัน ก็เจออารมณ์สารพัดหลากหลาย
ทั้งโกธร พอใจ ไม่พอใจ
ริษยา หัวเราะ ตื่นเต้น หดหู โลภ
ต่างๆนา
ถ้าเข้าถึงตัวรู้แล้ว อยากจะไปทำงานทางโลกก็ได้
จะมีความสุขทางใจแบบไม่เคยเจอมาก่อนเลย
ความสุขทางกายเทียบกันไม่ได้
กับทางใจ
เพราะจิตมันสว่างฉลาด
มันไม่ยอมเชื่อ ความคิดที่ทุกข์ๆในหัวหรือในใจเลย
# มีแฟนเป็นภาระอย่างยิ่ง มีทุกข์เป็นผลพลอยได
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
จดหมายจากยมบาล
-
...มีหญิงคนหนึ่งเสียชีวิตกระทันหัน ก็เลยไปขอร้องยมบาลว่า
ยังไม่อยากตายขอเวลายมบาล ๑ เดือนเพื่อไปสะสางงานที่คั่งค้าง
เช่น ยังไม่ได้แบ่งแยกทรัพย์สินให้ลูก ยังไม่ได้โอนที่ดิน
ยังไม่ได้ไปทวงเงินกับลูกหนี้ ยังไม่ได้ทำอะไรตั้งหลายอย่าง..ฯลฯ
ขอเวลา ๑ เดือน เพื่อไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วจะยอมตาย ยมบาลบอกว่าไม่ได้ งั้นขอเวลา ๒ อาทิตย์ก็ได้
ยมบาลบอกว่าไม่ได้ งั้นขอเวลาอีก ๑ อาทิตย์ก็ได้
ยมบาลบอกว่าไม่ได้ ๑ นาทีก็ไม่ได้
ผู้หญิงคนนั้น จึงถามว่าทำไมไม่ได้
ยมบาลจึงบอกว่า
ก็เคยมีจดหมายมาเตือนหลายครั้งแล้ว ไม่ได้รับหรือไง
ผู้หญิงคนนั้นก็ถามว่า จดหมายอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลย
ยมบาลก็บอกว่า จดหมายที่เตือนว่า
ผมหงอก ปวดหัวเข่า ปวดหัว ปวดฟัน ปวดเมื่อยตามร่างกาย
โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ และอื่นๆ อีกมากมาย
ที่เตือนว่า แก่แล้วให้รู้จักเตรียมตัวตาย อย่างให้วางแผนชีวิตให้ดี
ต้องรู้จักเตรียมตัวตาย อย่าประมาท ถ้าถึงเวลาตายจะได้หมดห่วง หมดกังวล ไม่ต้องมาร้องขอชีวิตเพื่อไปสะสางงาน...!!!
ขอถามว่า
คุณได้รับจดหมายจากยมบาลบ้างหรือยัง ???
#ธรรมะ
-
...มีหญิงคนหนึ่งเสียชีวิตกระทันหัน ก็เลยไปขอร้องยมบาลว่า
ยังไม่อยากตายขอเวลายมบาล ๑ เดือนเพื่อไปสะสางงานที่คั่งค้าง
เช่น ยังไม่ได้แบ่งแยกทรัพย์สินให้ลูก ยังไม่ได้โอนที่ดิน
ยังไม่ได้ไปทวงเงินกับลูกหนี้ ยังไม่ได้ทำอะไรตั้งหลายอย่าง..ฯลฯ
ขอเวลา ๑ เดือน เพื่อไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วจะยอมตาย ยมบาลบอกว่าไม่ได้ งั้นขอเวลา ๒ อาทิตย์ก็ได้
ยมบาลบอกว่าไม่ได้ งั้นขอเวลาอีก ๑ อาทิตย์ก็ได้
ยมบาลบอกว่าไม่ได้ ๑ นาทีก็ไม่ได้
ผู้หญิงคนนั้น จึงถามว่าทำไมไม่ได้
ยมบาลจึงบอกว่า
ก็เคยมีจดหมายมาเตือนหลายครั้งแล้ว ไม่ได้รับหรือไง
ผู้หญิงคนนั้นก็ถามว่า จดหมายอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลย
ยมบาลก็บอกว่า จดหมายที่เตือนว่า
ผมหงอก ปวดหัวเข่า ปวดหัว ปวดฟัน ปวดเมื่อยตามร่างกาย
โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ และอื่นๆ อีกมากมาย
ที่เตือนว่า แก่แล้วให้รู้จักเตรียมตัวตาย อย่างให้วางแผนชีวิตให้ดี
ต้องรู้จักเตรียมตัวตาย อย่าประมาท ถ้าถึงเวลาตายจะได้หมดห่วง หมดกังวล ไม่ต้องมาร้องขอชีวิตเพื่อไปสะสางงาน...!!!
ขอถามว่า
คุณได้รับจดหมายจากยมบาลบ้างหรือยัง ???
#ธรรมะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มรรคผลนิพพานไม่มีจริง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.
อนุโมทนา" บุญ "จากผู้อื่นหรือคนอื่นที่กระทำดี
ไม่ว่าจะ ทางกาย,ทางวาจา,ทางใจ
แล้วเราก็อนุโมทนา พออนุโมทนาแล้วรู้ว่าจิตเป็นบุญ จิตมันจะเบา
มันสะอาด มันสดชื่น มันอิ่มเอิบ มันปิติสุข มันโล่ง ใจมันเบา ใจมันว่าง
ใจมันสบาย หรือ มันสว่าง หรือ มันรู้สึกดี หรือ มันมีสติตื่นขึ้นมาในปัจจุบันหล
ุดออกจากโลกของความคิด รู้สึกสงบ เป็นต้น ถ้ามีอาการทางจิตอย่าง
ใดอย่างหนึ่ง
ดังที่กล่าวมา นี่เรียกว่า อนุโมทนาบุญสำเร็จผล
ถ้าได้อย่างหลังจะดีมาก คืออนุโมทนาแล้ว จิตมันหลุดออกจากโลกของ
ความคิด แล้วอยู่ในปัจจุบันได้ ถึงจะไม่ตลอดไป
บุญกำลังบุญกุศลที่อนุโมทนาข้อหลัง จะแรงมาก (ภาษาอีสาน เอิ้นว่า
คนอนุโมทนาบุญเป็น)
และถึงเวลาจะทำกาละ(ตาย) เวลาจะตายถ้าโชคร้ายหน่อย
โดนพายุอารมณ์อกุศมาให้ผล มาปกคลุมห่อหุมจิตไว้ให้มืด
แล้วหลงยึดอารมณ์อกุศลอันวุ่นวายนั้นไว้ แล้วตายลงเป็นผี หรือเปตร
ถ้าตอนเป็นคน เขาอนุโมทนาบุญเก่ง, อนุโมทนาบุญคล่อง, อนุโมทนาบุญ
เป็น จะเป็นผีเป็นเปตรได้ไม่นาน
ถ้ามองไปเห็นพระ หรือเห็นญาติกำลังทำบุญอุทิศให้ตน แล้วอนุโมทนา
แล้วหวนละลึกถึงตอนที่ตนยังมีชีวิตเป็นคน "ได้เคยไปทำบุญ ใส่บาตตรงแยกนั้น
ยืนตรงนั้นตรงนี้ ใส่สิ่งนั้นสิ่งนี้ หรือเคยไปที่นั่นที่นี้ วัดนั้นวัดนี้ ทำบุญกับพระองค์
นั้นองค์นี้บาง ทำบุญให้ทานกับขอทานบ้าง เอาเศษอาหารให้หมาบ้าง
ช่วยคนไว้บ้าง บริจากเลือดไว้บ้าง จิตผีตนนั้นก็จะบังเกิดเป็นกุศลขึ้นภายใน
จะรู้สึกดี จะรู้สึกสบาย จะรู้สึกเอิบอิ่ม รู้สึกปิติ รู้สึกสว่าง รู้สึกโล่ง รู้สึกเบา
เป็นอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง
ผีตนนั้น ก็จะเคลื่อนปลี่ยนภพภูมิใหม่ทันที
แต่ผีบางตนเช่น ตายในอารมณ์ที่แสนวุนวาย ในอารมณ์ที่เสียใจ ยังห่วง
นั้นนี่ไม่อยากจากไม่อยากตาย
เช่น เรื่องแม่ลูก
*แม่จะตายคนจะตาย ลูกไม่ควรอย่างยิ่งที่จะร้องไห้ให้เห็น ไม่ควรอย่างยิ่งที่
จะออนวอนให้คนป่วยอยู่
ถึงลูกจะไม่อยากให้แม่จากไปก็ตาม ต้องใจแข็ง ต้องอดทน เพื่อไม่ให้แม่เ
ป็นห่วง ให้แกไปเสวยกุศลที่ทำ
และควรชวนแม่คุยชวนหวนละลึกถึงเรื่องบุญ กุศลที่แม่ได้เคยทำ ตั้งแต่ตอนเด็กๆ
แรกๆ ช่วนคุยเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ และบอกแม่ให้มั่นรู้ลมหายใจ เข้าออกบ่อยๆ
หรือดูท้องพองยุบ บ่อยๆ*
ถ้าตายแบบจิตมืดบอด ผีตนนั้น จะหวนคิดหากุศลที่ตนเคยทำไว้ไม่ได้เลย
เพราะติดอยู่ในโลกของความคิด
ถอยจิตออกจากความคิดอกุศลไม่ได้
(ผีก็ตกอยู่ใต้อารมณ์เหมือนกับคน)
ตราบใดที่ยังถอดออกจากอารมณ์อกุศลไม่ได้ ก็ต้องเป็นทุกข์แบบผีอยู่อย่างน
ั้นตลอดไป จนกว่าจิตจะเป็นกุศล หรือจนกว่าจะมีผู้มีกระแสพลังเม
ตตาเยอะกวางขวาง แผ่ให้แบบเจาะจง สะกิดให้ออกจากค
วามคิดอกุศลม่านมืดได้
อันนี้ก็คือการเปลี่ยนภพภูมิของผีหรือเปตร
มันเปลี่ยนกันที่จิตที่ใจ
การเปลี่ยนภพภูมิของสัตว์นรกก็คล้ายๆกัน พวกคนที่ทำบาปมากๆไปตกนรก
ก็จะเรียกชื่อใหม่ว่า "สัตว์นรก"
ก็คล้ายๆกัน ก็เหมือนกันถ้าจิตเป็นกุศลในขณะที่ปีนต้นงิ้วอยู่ อยู่ในกระทะทองแ
ทง กำลังอยู่ในหลุ่มถ่านเพลิงอยู่
ถ้าจิตปรากฏเป็นกุศล
ก็อุบัติเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดา เทพธิดา เลย แล้วแต่ระดับควา
มสว่างของกุศลที่ปรากฏตอนนั้นในจิต
กุศลสว่างก็เป็นมนุษย์
สว่างมากก็เป็นเทวา
สว่างๆนี่ ก็คือความดี บุญมันให้ผลปึ๋งๆแรงๆก็พ้น
ความเป็นมนุษย์มาจากบุญที่เกิดจากการรักษาศีล บางคนที่อ่านอยู่นี้
อาจเคยเกิดในสมัยพุทธกาล เคยเจอพระพุทธเจ้ามาก่อนก็ได้
และเคยรักษาศีลไว้ สะสมทีละครั้งทีละเล็กละน้อย หลายภพหลายชาติ
พอไปตกนรก ถึงเวลาบุญมันให้ผลพอดี
ดีดปึ๋งไปเกิดเป็นมนุษย์เลยหรือเกิดเป็นเทวดาเลยนางฟ้าเลย
และสัตว์นรก ถ้าจิตเป็นอกุศลน้อยลงก็เปลี่ยนภพขุมนรกใหม่ มาเป็นขุมที่ตื้
นขึ้นกว่าเดิมนิดหนึ่ง
แต่ผู้ที่ไปตกนรก ยากแสนยากที่จิตจะเป็นกุศลได้
ตามที่ได้อ่านมา คนที่ไปตกนรกแล้วขึ้นมาเกิดเป็นมนุษย์
เช่น พ่อค้าคนหนึ่งรวยมากๆ
แต่ตายท่าไหนไม่รู้ ไปเกิดในนรกถูกไฟกรรมไหม้อยู่
หลายแสนปีนรก
พระพุทธเจ้าก็ส่องไปดูด้วยตาทิพย์ ได้เห็นแต่ก็ทรงช่วยไม่ได้
้
เวลาหลายแสนปีนรกไม่ใช่รวดเร็วนะครับ
1วัน1คืนของขุมนรกที่ตื่นที่สุด
เท่ากับ 9ล้านปีมนุษย์
ขุมที่ลึกลงไปอีก ก็คูณเท่าตัว = 18 ล้านปี
แต่เศษฐีพ่อค้าคนนี้อยู่ขุมที่ลึกลงไปอีก
เพราะบาปแรงมาก ฆ่าญาติผู้มีบุญคุณตาย
กับทั้งตอนเป็นคนไม่ทำกุศลด้านอื่นๆเลย
และหลายแสนปีผ่านไป
จิตของพ่อค้า เป็นกุศลขึ้นมาในระดับพอจะเป็นมนุษย์ได้
จึงได้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะกุศลจากการมีศีลในชาติปางไหนไม่รู้ที่เคยท
ำให้ผล จึงได้เกิดเป็นมนุษย์
ก็ได้เกิดในตระกูลร่ำรวยมาก เพราะเคยทำทานกับพระปัจเจกพุทธะไว้
จึงได้เป็นคนรวย แต่ไม่ยอมใช้จ่าย ไม่ยอมกินอาหารที่ดี ไม่ยอมนอนที่ดีๆ
ไม่ยอมใส่ชุดผ้าดีๆ
เพราะกรรมคือ ให้ทานแล้วเสียดาย
จึงรวยแบบ ขอเรียกว่าจน
ดังนั้นเราทานอะไร ทานให้ขาด อย่าเสียดาย
และ หากไม่มีวัตถุจะทำทาน
ไม่ได้ไปทำทานที่ไหน แต่การอนุโมทนาบุญกับผู้ที่ ทำดีทางกาย วาจา
ใจ ก็เป็นทางมาแห่งบุญทางใจของผู้อนุโมทนาเอง
ผู้ที่ทำกุศล
กุศลทางกาย กุศลทางวาจา กุศลทางจิต
ทางกายเช่น บุคคลที่ทำบุญใช้ร่างกายทำกุศล
ยกตัวอย่าง บริจากเลือด ช่วยคนข้ามถนน เก็บไม้เสียบลูกชิ้นทิ้งให้เป็นที่
เป็นทางใหม่ ออกแรงช่วยงานสังคม เป็นหมอ พยาบาล หรือกางเต้นงานบ
ุญกุศล ใส่บาติ พิมพ์ธรรมะ นวดให้พ่อให้แม่ รู้ลมหายใจ และอีกหลายประการ
เป็นต้น ที่แสดงว่าเป็นการสร้างกรรมดีโชว์ออกมาทางกาย
ทางวาจา เช่น บุคคลที่ใช้ ปากใช้เสียงพูด ในทางที่ดี พูดให้คนที่แตกก
ันคืนดีกัน พูดชักชวนคนให้ไปทางสว่างทางบุญทางกุศล
หรือพูดให้ธรรมะผู้อื่น การสวดมนต์ การภาวนา หรือพูดสอนให้คว
ามรู้ที่ดีแก่ผู้อื่น ยกตัวอย่างครู หรือพูดให้คนเป็นคนดี รู้ดีรู้ชัว อันนี้ดีนะ อันนี้
ไม่ดีนะ และอีกหลายประการ เป็นต้น ที่แสดงว่าเป็นการสร้างกรรมดีออ
กมาทางวาจา
ทางใจ เช่น การเลือกคิด เลือกไม่ดีคิดจะเบียดเบียนผู้อื่น คิดจะขโมยผู้อื่น คิด
จะทำเรื่องผิดศีลธรรมทางกามอารม์ทางเพศของผู้อื่น คิดจะให้เขาพินาศ
ให้เขาเดือดร้อน ให้เขาฉิบหาย
คิดจะทำลายความดีของผู้อื่นเป็นต้น
เลือกดีคิดเมตตาผู้อื่นทั้งคนดีคนไม่ดี ทั้งสัตว์ทั้งหมาทั้งแมว คิดดีต่อผู้อื่น คิด
จะชวนผู้อื่นไปทางถูก ทางสว่างว่างทางดี ทางกุศล คิดไปทางให้คนไม
่เดือดร้อน คิดแก้ปัญหาอยากแก้ทุกข์ ผ่อนทุกข์ให้ผู้อื่น คิดช่วยเหลือ คิดอยาก
ให้รู้ให้เห็นดีเห็นชั่ว เป็นต้น ที่จริงมีหลายประมาณ
นี่คือ ความดี3อย่าง เป็นต้น
ถ้าอนุโมทนาแล้วใจยังห่อเหี่ยวเป็นทุกข์อยู่
ต้องหัดอนุโมทนา บ่อยๆ จนรู้สึกดีใช้ได้
ถ้าใจมันยังอยู่ในโลกของความคิด ที่เหตุเกิดจากเรื่องวุนวายต่างๆ
ต้องเปลี่ยนเส้นทางความคิดใหม่
ต้องไม่ยึดอารม์นั้นไว้
ให้หายใจลึกๆๆๆแล้วค่อยปล่อยออกเบาๆ สัก3ครั้ง
แล้วลองอนุโมทนาใหม่ภายในใจ
ถ้ารู้สึกดีจากการอนุโมทนา อย่างไม่โกหกตัวเอง ว่ารู้สึกดี ถือว่าใช้ได้แล้ว
# กำลังแกไขให้อ่านเข้าใจง่ายๆ
อนุโมทนา" บุญ "จากผู้อื่นหรือคนอื่นที่กระทำดี
ไม่ว่าจะ ทางกาย,ทางวาจา,ทางใจ
แล้วเราก็อนุโมทนา พออนุโมทนาแล้วรู้ว่าจิตเป็นบุญ จิตมันจะเบา
มันสะอาด มันสดชื่น มันอิ่มเอิบ มันปิติสุข มันโล่ง ใจมันเบา ใจมันว่าง
ใจมันสบาย หรือ มันสว่าง หรือ มันรู้สึกดี หรือ มันมีสติตื่นขึ้นมาในปัจจุบันหล
ุดออกจากโลกของความคิด รู้สึกสงบ เป็นต้น ถ้ามีอาการทางจิตอย่าง
ใดอย่างหนึ่ง
ดังที่กล่าวมา นี่เรียกว่า อนุโมทนาบุญสำเร็จผล
ถ้าได้อย่างหลังจะดีมาก คืออนุโมทนาแล้ว จิตมันหลุดออกจากโลกของ
ความคิด แล้วอยู่ในปัจจุบันได้ ถึงจะไม่ตลอดไป
บุญกำลังบุญกุศลที่อนุโมทนาข้อหลัง จะแรงมาก (ภาษาอีสาน เอิ้นว่า
คนอนุโมทนาบุญเป็น)
และถึงเวลาจะทำกาละ(ตาย) เวลาจะตายถ้าโชคร้ายหน่อย
โดนพายุอารมณ์อกุศมาให้ผล มาปกคลุมห่อหุมจิตไว้ให้มืด
แล้วหลงยึดอารมณ์อกุศลอันวุ่นวายนั้นไว้ แล้วตายลงเป็นผี หรือเปตร
ถ้าตอนเป็นคน เขาอนุโมทนาบุญเก่ง, อนุโมทนาบุญคล่อง, อนุโมทนาบุญ
เป็น จะเป็นผีเป็นเปตรได้ไม่นาน
ถ้ามองไปเห็นพระ หรือเห็นญาติกำลังทำบุญอุทิศให้ตน แล้วอนุโมทนา
แล้วหวนละลึกถึงตอนที่ตนยังมีชีวิตเป็นคน "ได้เคยไปทำบุญ ใส่บาตตรงแยกนั้น
ยืนตรงนั้นตรงนี้ ใส่สิ่งนั้นสิ่งนี้ หรือเคยไปที่นั่นที่นี้ วัดนั้นวัดนี้ ทำบุญกับพระองค์
นั้นองค์นี้บาง ทำบุญให้ทานกับขอทานบ้าง เอาเศษอาหารให้หมาบ้าง
ช่วยคนไว้บ้าง บริจากเลือดไว้บ้าง จิตผีตนนั้นก็จะบังเกิดเป็นกุศลขึ้นภายใน
จะรู้สึกดี จะรู้สึกสบาย จะรู้สึกเอิบอิ่ม รู้สึกปิติ รู้สึกสว่าง รู้สึกโล่ง รู้สึกเบา
เป็นอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง
ผีตนนั้น ก็จะเคลื่อนปลี่ยนภพภูมิใหม่ทันที
แต่ผีบางตนเช่น ตายในอารมณ์ที่แสนวุนวาย ในอารมณ์ที่เสียใจ ยังห่วง
นั้นนี่ไม่อยากจากไม่อยากตาย
เช่น เรื่องแม่ลูก
*แม่จะตายคนจะตาย ลูกไม่ควรอย่างยิ่งที่จะร้องไห้ให้เห็น ไม่ควรอย่างยิ่งที่
จะออนวอนให้คนป่วยอยู่
ถึงลูกจะไม่อยากให้แม่จากไปก็ตาม ต้องใจแข็ง ต้องอดทน เพื่อไม่ให้แม่เ
ป็นห่วง ให้แกไปเสวยกุศลที่ทำ
และควรชวนแม่คุยชวนหวนละลึกถึงเรื่องบุญ กุศลที่แม่ได้เคยทำ ตั้งแต่ตอนเด็กๆ
แรกๆ ช่วนคุยเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ และบอกแม่ให้มั่นรู้ลมหายใจ เข้าออกบ่อยๆ
หรือดูท้องพองยุบ บ่อยๆ*
ถ้าตายแบบจิตมืดบอด ผีตนนั้น จะหวนคิดหากุศลที่ตนเคยทำไว้ไม่ได้เลย
เพราะติดอยู่ในโลกของความคิด
ถอยจิตออกจากความคิดอกุศลไม่ได้
(ผีก็ตกอยู่ใต้อารมณ์เหมือนกับคน)
ตราบใดที่ยังถอดออกจากอารมณ์อกุศลไม่ได้ ก็ต้องเป็นทุกข์แบบผีอยู่อย่างน
ั้นตลอดไป จนกว่าจิตจะเป็นกุศล หรือจนกว่าจะมีผู้มีกระแสพลังเม
ตตาเยอะกวางขวาง แผ่ให้แบบเจาะจง สะกิดให้ออกจากค
วามคิดอกุศลม่านมืดได้
อันนี้ก็คือการเปลี่ยนภพภูมิของผีหรือเปตร
มันเปลี่ยนกันที่จิตที่ใจ
การเปลี่ยนภพภูมิของสัตว์นรกก็คล้ายๆกัน พวกคนที่ทำบาปมากๆไปตกนรก
ก็จะเรียกชื่อใหม่ว่า "สัตว์นรก"
ก็คล้ายๆกัน ก็เหมือนกันถ้าจิตเป็นกุศลในขณะที่ปีนต้นงิ้วอยู่ อยู่ในกระทะทองแ
ทง กำลังอยู่ในหลุ่มถ่านเพลิงอยู่
ถ้าจิตปรากฏเป็นกุศล
ก็อุบัติเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดา เทพธิดา เลย แล้วแต่ระดับควา
มสว่างของกุศลที่ปรากฏตอนนั้นในจิต
กุศลสว่างก็เป็นมนุษย์
สว่างมากก็เป็นเทวา
สว่างๆนี่ ก็คือความดี บุญมันให้ผลปึ๋งๆแรงๆก็พ้น
ความเป็นมนุษย์มาจากบุญที่เกิดจากการรักษาศีล บางคนที่อ่านอยู่นี้
อาจเคยเกิดในสมัยพุทธกาล เคยเจอพระพุทธเจ้ามาก่อนก็ได้
และเคยรักษาศีลไว้ สะสมทีละครั้งทีละเล็กละน้อย หลายภพหลายชาติ
พอไปตกนรก ถึงเวลาบุญมันให้ผลพอดี
ดีดปึ๋งไปเกิดเป็นมนุษย์เลยหรือเกิดเป็นเทวดาเลยนางฟ้าเลย
และสัตว์นรก ถ้าจิตเป็นอกุศลน้อยลงก็เปลี่ยนภพขุมนรกใหม่ มาเป็นขุมที่ตื้
นขึ้นกว่าเดิมนิดหนึ่ง
แต่ผู้ที่ไปตกนรก ยากแสนยากที่จิตจะเป็นกุศลได้
ตามที่ได้อ่านมา คนที่ไปตกนรกแล้วขึ้นมาเกิดเป็นมนุษย์
เช่น พ่อค้าคนหนึ่งรวยมากๆ
แต่ตายท่าไหนไม่รู้ ไปเกิดในนรกถูกไฟกรรมไหม้อยู่
หลายแสนปีนรก
พระพุทธเจ้าก็ส่องไปดูด้วยตาทิพย์ ได้เห็นแต่ก็ทรงช่วยไม่ได้
้
เวลาหลายแสนปีนรกไม่ใช่รวดเร็วนะครับ
1วัน1คืนของขุมนรกที่ตื่นที่สุด
เท่ากับ 9ล้านปีมนุษย์
ขุมที่ลึกลงไปอีก ก็คูณเท่าตัว = 18 ล้านปี
แต่เศษฐีพ่อค้าคนนี้อยู่ขุมที่ลึกลงไปอีก
เพราะบาปแรงมาก ฆ่าญาติผู้มีบุญคุณตาย
กับทั้งตอนเป็นคนไม่ทำกุศลด้านอื่นๆเลย
และหลายแสนปีผ่านไป
จิตของพ่อค้า เป็นกุศลขึ้นมาในระดับพอจะเป็นมนุษย์ได้
จึงได้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะกุศลจากการมีศีลในชาติปางไหนไม่รู้ที่เคยท
ำให้ผล จึงได้เกิดเป็นมนุษย์
ก็ได้เกิดในตระกูลร่ำรวยมาก เพราะเคยทำทานกับพระปัจเจกพุทธะไว้
จึงได้เป็นคนรวย แต่ไม่ยอมใช้จ่าย ไม่ยอมกินอาหารที่ดี ไม่ยอมนอนที่ดีๆ
ไม่ยอมใส่ชุดผ้าดีๆ
เพราะกรรมคือ ให้ทานแล้วเสียดาย
จึงรวยแบบ ขอเรียกว่าจน
ดังนั้นเราทานอะไร ทานให้ขาด อย่าเสียดาย
และ หากไม่มีวัตถุจะทำทาน
ไม่ได้ไปทำทานที่ไหน แต่การอนุโมทนาบุญกับผู้ที่ ทำดีทางกาย วาจา
ใจ ก็เป็นทางมาแห่งบุญทางใจของผู้อนุโมทนาเอง
ผู้ที่ทำกุศล
กุศลทางกาย กุศลทางวาจา กุศลทางจิต
ทางกายเช่น บุคคลที่ทำบุญใช้ร่างกายทำกุศล
ยกตัวอย่าง บริจากเลือด ช่วยคนข้ามถนน เก็บไม้เสียบลูกชิ้นทิ้งให้เป็นที่
เป็นทางใหม่ ออกแรงช่วยงานสังคม เป็นหมอ พยาบาล หรือกางเต้นงานบ
ุญกุศล ใส่บาติ พิมพ์ธรรมะ นวดให้พ่อให้แม่ รู้ลมหายใจ และอีกหลายประการ
เป็นต้น ที่แสดงว่าเป็นการสร้างกรรมดีโชว์ออกมาทางกาย
ทางวาจา เช่น บุคคลที่ใช้ ปากใช้เสียงพูด ในทางที่ดี พูดให้คนที่แตกก
ันคืนดีกัน พูดชักชวนคนให้ไปทางสว่างทางบุญทางกุศล
หรือพูดให้ธรรมะผู้อื่น การสวดมนต์ การภาวนา หรือพูดสอนให้คว
ามรู้ที่ดีแก่ผู้อื่น ยกตัวอย่างครู หรือพูดให้คนเป็นคนดี รู้ดีรู้ชัว อันนี้ดีนะ อันนี้
ไม่ดีนะ และอีกหลายประการ เป็นต้น ที่แสดงว่าเป็นการสร้างกรรมดีออ
กมาทางวาจา
ทางใจ เช่น การเลือกคิด เลือกไม่ดีคิดจะเบียดเบียนผู้อื่น คิดจะขโมยผู้อื่น คิด
จะทำเรื่องผิดศีลธรรมทางกามอารม์ทางเพศของผู้อื่น คิดจะให้เขาพินาศ
ให้เขาเดือดร้อน ให้เขาฉิบหาย
คิดจะทำลายความดีของผู้อื่นเป็นต้น
เลือกดีคิดเมตตาผู้อื่นทั้งคนดีคนไม่ดี ทั้งสัตว์ทั้งหมาทั้งแมว คิดดีต่อผู้อื่น คิด
จะชวนผู้อื่นไปทางถูก ทางสว่างว่างทางดี ทางกุศล คิดไปทางให้คนไม
่เดือดร้อน คิดแก้ปัญหาอยากแก้ทุกข์ ผ่อนทุกข์ให้ผู้อื่น คิดช่วยเหลือ คิดอยาก
ให้รู้ให้เห็นดีเห็นชั่ว เป็นต้น ที่จริงมีหลายประมาณ
นี่คือ ความดี3อย่าง เป็นต้น
ถ้าอนุโมทนาแล้วใจยังห่อเหี่ยวเป็นทุกข์อยู่
ต้องหัดอนุโมทนา บ่อยๆ จนรู้สึกดีใช้ได้
ถ้าใจมันยังอยู่ในโลกของความคิด ที่เหตุเกิดจากเรื่องวุนวายต่างๆ
ต้องเปลี่ยนเส้นทางความคิดใหม่
ต้องไม่ยึดอารม์นั้นไว้
ให้หายใจลึกๆๆๆแล้วค่อยปล่อยออกเบาๆ สัก3ครั้ง
แล้วลองอนุโมทนาใหม่ภายในใจ
ถ้ารู้สึกดีจากการอนุโมทนา อย่างไม่โกหกตัวเอง ว่ารู้สึกดี ถือว่าใช้ได้แล้ว
# กำลังแกไขให้อ่านเข้าใจง่ายๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.คนเราเกิดมาก็มาคนเดียว
ตายไปก็ไปคนเดียว
จะยังไงก็ต้องพรัดพรากจากกันอยู่ดี
ทั้งคนที่เรามีอารมณ์รักให้ ทั้งคนที่เรามีอารมณ์เกลียดให้
คนเหล่านั้น
ไม่ว่าเราจะจากเร็วหรือจากช้า
ชาตินี้ หรือชาติหน้า
คุณก็จะต้องจากทุกคนไป
และจากทุกๆสิ่งไป ซ้ำๆซากๆ อยู่แบบนี้ วนเวียน น่าเบื่ออยู่แบบนี้ จนกว่าจะ
ไม่เกิดอีก
และระหว่างนี้คุณยังต้อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย คุณจะถูกวิบากกร
รมขาวกรรมดำที่คุณทำนั้นแหละ
ตามให้ผลคุณประดุจเงาติดตามตัว
๑.วิบาก ให้ผลทางกาย
๒.กรรม ให้ผลทางใจ
คนที่เป็นทุกข์ ทุกข์เพราะข้อ๒.ทางใจเสียส่วนมาก
ทุกข์เพราะไม่มีศรัทธาไม่เชื่อธรรมะของ
พระพุทธเจ้าว่า
ความทุกข์ทางใจเป็นสิ่งที่ถูกเรารู้
เราเป็นผู้รู้
ความทุกข์เป็นสิ่งที่ถูกรู้
ความทุกข์อยู่คนละฝั่งกับเรา
เราผู้รู้อยู่ฝั่งหนึ่ง
สิ่งที่ถูกรู้คือความทุกข์มันอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
ภาวะสิ่งที่ถูกรู้ทั้งหลายนั้นมันไม่เที่ยง ไม่มั่นคง แปรปวนตลอดเวลา
ไม่ใช่เราอย่างแน่นอน
บุคคลเช่นนี้เรียกว่าตั้งท่ารับมือ กับความทุกข์ทางใจ ได้แบบชาวพุทธอย
่างแท้จริง
ตายไปก็ไปคนเดียว
จะยังไงก็ต้องพรัดพรากจากกันอยู่ดี
ทั้งคนที่เรามีอารมณ์รักให้ ทั้งคนที่เรามีอารมณ์เกลียดให้
คนเหล่านั้น
ไม่ว่าเราจะจากเร็วหรือจากช้า
ชาตินี้ หรือชาติหน้า
คุณก็จะต้องจากทุกคนไป
และจากทุกๆสิ่งไป ซ้ำๆซากๆ อยู่แบบนี้ วนเวียน น่าเบื่ออยู่แบบนี้ จนกว่าจะ
ไม่เกิดอีก
และระหว่างนี้คุณยังต้อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย คุณจะถูกวิบากกร
รมขาวกรรมดำที่คุณทำนั้นแหละ
ตามให้ผลคุณประดุจเงาติดตามตัว
๑.วิบาก ให้ผลทางกาย
๒.กรรม ให้ผลทางใจ
คนที่เป็นทุกข์ ทุกข์เพราะข้อ๒.ทางใจเสียส่วนมาก
ทุกข์เพราะไม่มีศรัทธาไม่เชื่อธรรมะของ
พระพุทธเจ้าว่า
ความทุกข์ทางใจเป็นสิ่งที่ถูกเรารู้
เราเป็นผู้รู้
ความทุกข์เป็นสิ่งที่ถูกรู้
ความทุกข์อยู่คนละฝั่งกับเรา
เราผู้รู้อยู่ฝั่งหนึ่ง
สิ่งที่ถูกรู้คือความทุกข์มันอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
ภาวะสิ่งที่ถูกรู้ทั้งหลายนั้นมันไม่เที่ยง ไม่มั่นคง แปรปวนตลอดเวลา
ไม่ใช่เราอย่างแน่นอน
บุคคลเช่นนี้เรียกว่าตั้งท่ารับมือ กับความทุกข์ทางใจ ได้แบบชาวพุทธอย
่างแท้จริง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.11 พ.ย. 2015
อนุโมทนา" บุญ "จากผู้อื่นหรือคนอื่นที่กระทำดี
ไม่ว่าจะ ทางกาย,ทางวาจา,ทางใจ
แล้วเราก็อนุโมทนา พออนุโมทนาแล้วรู้ว่าจิตเป็นบุญ จิตมันจะเบา
มันสะอาด มันสดชื่น มันอิ่มเอิบ มันปิติสุข มันโล่ง ใจมันเบา ใจมันว่าง
ใจมันสบาย หรือ มันสว่าง หรือ มันรู้สึกดี หรือ มันมีสติตื่นขึ้นมาในปัจจุบันหล
ุดออกจากโลกของความคิด รู้สึกสงบ เป็นต้น ถ้ามีอาการทางจิตอย่าง
ใดอย่างหนึ่ง
ดังที่กล่าวมา นี่เรียกว่า อนุโมทนาบุญสำเร็จผล
ถ้าได้อย่างหลังจะดีมาก คืออนุโมทนาแล้ว จิตมันหลุดออกจากโลกของ
ความคิด แล้วอยู่ในปัจจุบันได้ ถึงจะไม่ตลอดไป
บุญกำลังบุญกุศลที่อนุโมทนาข้อหลัง จะแรงมาก (ภาษาอีสาน เอิ้นว่า
คนอนุโมทนาบุญเป็น)
และถึงเวลาจะทำกาละ(ตาย) เวลาจะตายถ้าโชคร้ายหน่อย
โดนพายุอารมณ์อกุศมาให้ผล มาปกคลุมห่อหุมจิตไว้ให้มืด
แล้วหลงยึดอารมณ์อกุศลอันวุ่นวายนั้นไว้ แล้วตายลงเป็นผี หรือเปตร
ถ้าตอนเป็นคน เขาอนุโมทนาบุญเก่ง, อนุโมทนาบุญคล่อง, อนุโมทนาบุญ
เป็น จะเป็นผีเป็นเปตรได้ไม่นาน
ถ้ามองไปเห็นพระ หรือเห็นญาติกำลังทำบุญอุทิศให้ตน แล้วอนุโมทนา
แล้วหวนละลึกถึงตอนที่ตนยังมีชีวิตเป็นคน "ได้เคยไปทำบุญ ใส่บาตตรงแยกนั้น
ยืนตรงนั้นตรงนี้ ใส่สิ่งนั้นสิ่งนี้ หรือเคยไปที่นั่นที่นี้ วัดนั้นวัดนี้ ทำบุญกับพระองค์
นั้นองค์นี้บาง ทำบุญให้ทานกับขอทานบ้าง เอาเศษอาหารให้หมาบ้าง
ช่วยคนไว้บ้าง บริจากเลือดไว้บ้าง จิตผีตนนั้นก็จะบังเกิดเป็นกุศลขึ้นภายใน
จะรู้สึกดี จะรู้สึกสบาย จะรู้สึกเอิบอิ่ม รู้สึกปิติ รู้สึกสว่าง รู้สึกโล่ง รู้สึกเบา
เป็นอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง
ผีตนนั้น ก็จะเคลื่อนปลี่ยนภพภูมิใหม่ทันที
แต่ผีบางตนเช่น ตายในอารมณ์ที่แสนวุนวาย ในอารมณ์ที่เสียใจ ยังห่วง
นั้นนี่ไม่อยากจากไม่อยากตาย
เช่น เรื่องแม่ลูก
*แม่จะตายคนจะตาย ลูกไม่ควรอย่างยิ่งที่จะร้องไห้ให้เห็น ไม่ควรอย่างยิ่งที่
จะออนวอนให้คนป่วยอยู่
ถึงลูกจะไม่อยากให้แม่จากไปก็ตาม ต้องใจแข็ง ต้องอดทน เพื่อไม่ให้แม่เ
ป็นห่วง ให้แกไปเสวยกุศลที่ทำ
และควรชวนแม่คุยชวนหวนละลึกถึงเรื่องบุญ กุศลที่แม่ได้เคยทำ ตั้งแต่ตอนเด็กๆ
แรกๆ ช่วนคุยเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ และบอกแม่ให้มั่นรู้ลมหายใจ เข้าออกบ่อยๆ
หรือดูท้องพองยุบ บ่อยๆ*
ถ้าตายแบบจิตมืดบอด ผีตนนั้น จะหวนคิดหากุศลที่ตนเคยทำไว้ไม่ได้เลย
เพราะติดอยู่ในโลกของความคิด
ถอยจิตออกจากความคิดอกุศลไม่ได้
(ผีก็ตกอยู่ใต้อารมณ์เหมือนกับคน)
ตราบใดที่ยังถอดออกจากอารมณ์อกุศลไม่ได้ ก็ต้องเป็นทุกข์แบบผีอยู่อย่างน
ั้นตลอดไป จนกว่าจิตจะเป็นกุศล หรือจนกว่าจะมีผู้มีกระแสพลังเม
ตตาเยอะกวางขวาง แผ่ให้แบบเจาะจง สะกิดให้ออกจากค
วามคิดอกุศลม่านมืดได้
อันนี้ก็คือการเปลี่ยนภพภูมิของผีหรือเปตร
มันเปลี่ยนกันที่จิตที่ใจ
การเปลี่ยนภพภูมิของสัตว์นรกก็คล้ายๆกัน พวกคนที่ทำบาปมากๆไปตกนรก
ก็จะเรียกชื่อใหม่ว่า "สัตว์นรก"
ก็คล้ายๆกัน ก็เหมือนกันถ้าจิตเป็นกุศลในขณะที่ปีนต้นงิ้วอยู่ อยู่ในกระทะทองแ
ทง กำลังอยู่ในหลุ่มถ่านเพลิงอยู่
ถ้าจิตปรากฏเป็นกุศล
ก็อุบัติเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดา เทพธิดา เลย แล้วแต่ระดับควา
มสว่างของกุศลที่ปรากฏตอนนั้นในจิต
กุศลสว่างก็เป็นมนุษย์
สว่างมากก็เป็นเทวา
สว่างๆนี่ ก็คือความดี บุญมันให้ผลปึ๋งๆแรงๆก็พ้น
ความเป็นมนุษย์มาจากบุญที่เกิดจากการรักษาศีล บางคนที่อ่านอยู่นี้
อาจเคยเกิดในสมัยพุทธกาล เคยเจอพระพุทธเจ้ามาก่อนก็ได้
และเคยรักษาศีลไว้ สะสมทีละครั้งทีละเล็กละน้อย หลายภพหลายชาติ
พอไปตกนรก ถึงเวลาบุญมันให้ผลพอดี
ดีดปึ๋งไปเกิดเป็นมนุษย์เลยหรือเกิดเป็นเทวดาเลยนางฟ้าเลย
และสัตว์นรก ถ้าจิตเป็นอกุศลน้อยลงก็เปลี่ยนภพขุมนรกใหม่ มาเป็นขุมที่ตื้
นขึ้นกว่าเดิมนิดหนึ่ง
แต่ผู้ที่ไปตกนรก ยากแสนยากที่จิตจะเป็นกุศลได้
ตามที่ได้อ่านมา คนที่ไปตกนรกแล้วขึ้นมาเกิดเป็นมนุษย์
เช่น พ่อค้าคนหนึ่งรวยมากๆ
แต่ตายท่าไหนไม่รู้ ไปเกิดในนรกถูกไฟกรรมไหม้อยู่
หลายแสนปีนรก
พระพุทธเจ้าก็ส่องไปดูด้วยตาทิพย์ ได้เห็นอยู่ในนรก แล้วตรัสบอกพระเ
จ้าปเสนทิโกศล
้
เวลาหลายแสนปีนรกไม่ใช่รวดเร็วนะครับ
1วัน1คืนของขุมนรกที่ตื่นที่สุด
เท่ากับ 9ล้านปีมนุษย์
ขุมที่ลึกลงไปอีก ก็คูณเท่าตัว = 18 ล้านปี
แต่เศษฐีพ่อค้าคนนี้อยู่ขุมที่ลึกลงไปอีก
เพราะบาปแรงมาก ฆ่าญาติผู้มีบุญคุณตาย
กับทั้งตอนเป็นคนไม่ทำกุศลด้านอื่นๆเลย
และหลายแสนปีผ่านไป
จิตของพ่อค้า เป็นกุศลขึ้นมาในระดับพอจะเป็นมนุษย์ได้
จึงได้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะกุศลจากการมีศีลในชาติปางไหนไม่รู้ที่เคยท
ำให้ผล จึงได้เกิดเป็นมนุษย์
ก็ได้เกิดในตระกูลร่ำรวยมาก เพราะเคยทำทานกับพระปัจเจกพุทธะไว้
จึงได้เป็นคนรวย แต่ไม่ยอมใช้จ่าย ไม่ยอมกินอาหารที่ดี ไม่ยอมนอนที่ดีๆ
ไม่ยอมใส่ชุดผ้าดีๆ
เพราะกรรมคือ ให้ทานแล้วเสียดาย
จึงรวยแบบ ขอเรียกว่าจน
ดังนั้นเราทานอะไร ทานให้ขาด อย่าเสียดาย
และ หากไม่มีวัตถุจะทำทาน
ไม่ได้ไปทำทานที่ไหน แต่การอนุโมทนาบุญกับผู้ที่ ทำดีทางกาย วาจา
ใจ ก็เป็นทางมาแห่งบุญทางใจของผู้อนุโมทนาเอง
ผู้ที่ทำกุศล
กุศลทางกาย กุศลทางวาจา กุศลทางจิต
ทางกายเช่น บุคคลที่ทำบุญใช้ร่างกายทำกุศล
ยกตัวอย่าง บริจากเลือด ช่วยคนข้ามถนน เก็บไม้เสียบลูกชิ้นทิ้งให้เป็นที่
เป็นทางใหม่ ออกแรงช่วยงานสังคม เป็นหมอ พยาบาล หรือกางเต้นงานบ
ุญกุศล ใส่บาติ พิมพ์ธรรมะ นวดให้พ่อให้แม่ รู้ลมหายใจ และอีกหลายประการ
เป็นต้น ที่แสดงว่าเป็นการสร้างกรรมดีโชว์ออกมาทางกาย
ทางวาจา เช่น บุคคลที่ใช้ ปากใช้เสียงพูด ในทางที่ดี พูดให้คนที่แตกก
ันคืนดีกัน พูดชักชวนคนให้ไปทางสว่างทางบุญทางกุศล
หรือพูดให้ธรรมะผู้อื่น การสวดมนต์ การภาวนา หรือพูดสอนให้คว
ามรู้ที่ดีแก่ผู้อื่น ยกตัวอย่างครู หรือพูดให้คนเป็นคนดี รู้ดีรู้ชัว อันนี้ดีนะ อันนี้
ไม่ดีนะ และอีกหลายประการ เป็นต้น ที่แสดงว่าเป็นการสร้างกรรมดีออ
กมาทางวาจา
ทางใจ เช่น การเลือกคิด เลือกไม่ดีคิดจะเบียดเบียนผู้อื่น คิดจะขโมยผู้อื่น คิด
จะทำเรื่องผิดศีลธรรมทางกามอารม์ทางเพศของผู้อื่น คิดจะให้เขาพินาศ
ให้เขาเดือดร้อน ให้เขาฉิบหาย
คิดจะทำลายความดีของผู้อื่นเป็นต้น
เลือกดีคิดเมตตาผู้อื่นทั้งคนดีคนไม่ดี ทั้งสัตว์ทั้งหมาทั้งแมว คิดดีต่อผู้อื่น คิด
จะชวนผู้อื่นไปทางถูก ทางสว่างว่างทางดี ทางกุศล คิดไปทางให้คนไม
่เดือดร้อน คิดแก้ปัญหาอยากแก้ทุกข์ ผ่อนทุกข์ให้ผู้อื่น คิดช่วยเหลือ คิดอยาก
ให้รู้ให้เห็นดีเห็นชั่ว เป็นต้น ที่จริงมีหลายประมาณ
นี่คือ ความดี3อย่าง เป็นต้น
ถ้าอนุโมทนาแล้วใจยังห่อเหี่ยวเป็นทุกข์อยู่
ต้องหัดอนุโมทนา บ่อยๆ จนรู้สึกดีใช้ได้
ถ้าใจมันยังอยู่ในโลกของความคิด ที่เหตุเกิดจากเรื่องวุนวายต่างๆ
ต้องเปลี่ยนเส้นทางความคิดใหม่
ต้องไม่ยึดอารม์นั้นไว้
ให้หายใจลึกๆๆๆแล้วค่อยปล่อยออกเบาๆ สัก3ครั้ง
แล้วลองอนุโมทนาใหม่ภายในใจ
ถ้ารู้สึกดีจากการอนุโมทนา อย่างไม่โกหกตัวเอง ว่ารู้สึกดี ถือว่าใช้ได้แล้ว
# กำลังแกไขให้อ่านเข้าใจง่ายๆ
อนุโมทนา" บุญ "จากผู้อื่นหรือคนอื่นที่กระทำดี
ไม่ว่าจะ ทางกาย,ทางวาจา,ทางใจ
แล้วเราก็อนุโมทนา พออนุโมทนาแล้วรู้ว่าจิตเป็นบุญ จิตมันจะเบา
มันสะอาด มันสดชื่น มันอิ่มเอิบ มันปิติสุข มันโล่ง ใจมันเบา ใจมันว่าง
ใจมันสบาย หรือ มันสว่าง หรือ มันรู้สึกดี หรือ มันมีสติตื่นขึ้นมาในปัจจุบันหล
ุดออกจากโลกของความคิด รู้สึกสงบ เป็นต้น ถ้ามีอาการทางจิตอย่าง
ใดอย่างหนึ่ง
ดังที่กล่าวมา นี่เรียกว่า อนุโมทนาบุญสำเร็จผล
ถ้าได้อย่างหลังจะดีมาก คืออนุโมทนาแล้ว จิตมันหลุดออกจากโลกของ
ความคิด แล้วอยู่ในปัจจุบันได้ ถึงจะไม่ตลอดไป
บุญกำลังบุญกุศลที่อนุโมทนาข้อหลัง จะแรงมาก (ภาษาอีสาน เอิ้นว่า
คนอนุโมทนาบุญเป็น)
และถึงเวลาจะทำกาละ(ตาย) เวลาจะตายถ้าโชคร้ายหน่อย
โดนพายุอารมณ์อกุศมาให้ผล มาปกคลุมห่อหุมจิตไว้ให้มืด
แล้วหลงยึดอารมณ์อกุศลอันวุ่นวายนั้นไว้ แล้วตายลงเป็นผี หรือเปตร
ถ้าตอนเป็นคน เขาอนุโมทนาบุญเก่ง, อนุโมทนาบุญคล่อง, อนุโมทนาบุญ
เป็น จะเป็นผีเป็นเปตรได้ไม่นาน
ถ้ามองไปเห็นพระ หรือเห็นญาติกำลังทำบุญอุทิศให้ตน แล้วอนุโมทนา
แล้วหวนละลึกถึงตอนที่ตนยังมีชีวิตเป็นคน "ได้เคยไปทำบุญ ใส่บาตตรงแยกนั้น
ยืนตรงนั้นตรงนี้ ใส่สิ่งนั้นสิ่งนี้ หรือเคยไปที่นั่นที่นี้ วัดนั้นวัดนี้ ทำบุญกับพระองค์
นั้นองค์นี้บาง ทำบุญให้ทานกับขอทานบ้าง เอาเศษอาหารให้หมาบ้าง
ช่วยคนไว้บ้าง บริจากเลือดไว้บ้าง จิตผีตนนั้นก็จะบังเกิดเป็นกุศลขึ้นภายใน
จะรู้สึกดี จะรู้สึกสบาย จะรู้สึกเอิบอิ่ม รู้สึกปิติ รู้สึกสว่าง รู้สึกโล่ง รู้สึกเบา
เป็นอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง
ผีตนนั้น ก็จะเคลื่อนปลี่ยนภพภูมิใหม่ทันที
แต่ผีบางตนเช่น ตายในอารมณ์ที่แสนวุนวาย ในอารมณ์ที่เสียใจ ยังห่วง
นั้นนี่ไม่อยากจากไม่อยากตาย
เช่น เรื่องแม่ลูก
*แม่จะตายคนจะตาย ลูกไม่ควรอย่างยิ่งที่จะร้องไห้ให้เห็น ไม่ควรอย่างยิ่งที่
จะออนวอนให้คนป่วยอยู่
ถึงลูกจะไม่อยากให้แม่จากไปก็ตาม ต้องใจแข็ง ต้องอดทน เพื่อไม่ให้แม่เ
ป็นห่วง ให้แกไปเสวยกุศลที่ทำ
และควรชวนแม่คุยชวนหวนละลึกถึงเรื่องบุญ กุศลที่แม่ได้เคยทำ ตั้งแต่ตอนเด็กๆ
แรกๆ ช่วนคุยเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ และบอกแม่ให้มั่นรู้ลมหายใจ เข้าออกบ่อยๆ
หรือดูท้องพองยุบ บ่อยๆ*
ถ้าตายแบบจิตมืดบอด ผีตนนั้น จะหวนคิดหากุศลที่ตนเคยทำไว้ไม่ได้เลย
เพราะติดอยู่ในโลกของความคิด
ถอยจิตออกจากความคิดอกุศลไม่ได้
(ผีก็ตกอยู่ใต้อารมณ์เหมือนกับคน)
ตราบใดที่ยังถอดออกจากอารมณ์อกุศลไม่ได้ ก็ต้องเป็นทุกข์แบบผีอยู่อย่างน
ั้นตลอดไป จนกว่าจิตจะเป็นกุศล หรือจนกว่าจะมีผู้มีกระแสพลังเม
ตตาเยอะกวางขวาง แผ่ให้แบบเจาะจง สะกิดให้ออกจากค
วามคิดอกุศลม่านมืดได้
อันนี้ก็คือการเปลี่ยนภพภูมิของผีหรือเปตร
มันเปลี่ยนกันที่จิตที่ใจ
การเปลี่ยนภพภูมิของสัตว์นรกก็คล้ายๆกัน พวกคนที่ทำบาปมากๆไปตกนรก
ก็จะเรียกชื่อใหม่ว่า "สัตว์นรก"
ก็คล้ายๆกัน ก็เหมือนกันถ้าจิตเป็นกุศลในขณะที่ปีนต้นงิ้วอยู่ อยู่ในกระทะทองแ
ทง กำลังอยู่ในหลุ่มถ่านเพลิงอยู่
ถ้าจิตปรากฏเป็นกุศล
ก็อุบัติเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดา เทพธิดา เลย แล้วแต่ระดับควา
มสว่างของกุศลที่ปรากฏตอนนั้นในจิต
กุศลสว่างก็เป็นมนุษย์
สว่างมากก็เป็นเทวา
สว่างๆนี่ ก็คือความดี บุญมันให้ผลปึ๋งๆแรงๆก็พ้น
ความเป็นมนุษย์มาจากบุญที่เกิดจากการรักษาศีล บางคนที่อ่านอยู่นี้
อาจเคยเกิดในสมัยพุทธกาล เคยเจอพระพุทธเจ้ามาก่อนก็ได้
และเคยรักษาศีลไว้ สะสมทีละครั้งทีละเล็กละน้อย หลายภพหลายชาติ
พอไปตกนรก ถึงเวลาบุญมันให้ผลพอดี
ดีดปึ๋งไปเกิดเป็นมนุษย์เลยหรือเกิดเป็นเทวดาเลยนางฟ้าเลย
และสัตว์นรก ถ้าจิตเป็นอกุศลน้อยลงก็เปลี่ยนภพขุมนรกใหม่ มาเป็นขุมที่ตื้
นขึ้นกว่าเดิมนิดหนึ่ง
แต่ผู้ที่ไปตกนรก ยากแสนยากที่จิตจะเป็นกุศลได้
ตามที่ได้อ่านมา คนที่ไปตกนรกแล้วขึ้นมาเกิดเป็นมนุษย์
เช่น พ่อค้าคนหนึ่งรวยมากๆ
แต่ตายท่าไหนไม่รู้ ไปเกิดในนรกถูกไฟกรรมไหม้อยู่
หลายแสนปีนรก
พระพุทธเจ้าก็ส่องไปดูด้วยตาทิพย์ ได้เห็นอยู่ในนรก แล้วตรัสบอกพระเ
จ้าปเสนทิโกศล
้
เวลาหลายแสนปีนรกไม่ใช่รวดเร็วนะครับ
1วัน1คืนของขุมนรกที่ตื่นที่สุด
เท่ากับ 9ล้านปีมนุษย์
ขุมที่ลึกลงไปอีก ก็คูณเท่าตัว = 18 ล้านปี
แต่เศษฐีพ่อค้าคนนี้อยู่ขุมที่ลึกลงไปอีก
เพราะบาปแรงมาก ฆ่าญาติผู้มีบุญคุณตาย
กับทั้งตอนเป็นคนไม่ทำกุศลด้านอื่นๆเลย
และหลายแสนปีผ่านไป
จิตของพ่อค้า เป็นกุศลขึ้นมาในระดับพอจะเป็นมนุษย์ได้
จึงได้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะกุศลจากการมีศีลในชาติปางไหนไม่รู้ที่เคยท
ำให้ผล จึงได้เกิดเป็นมนุษย์
ก็ได้เกิดในตระกูลร่ำรวยมาก เพราะเคยทำทานกับพระปัจเจกพุทธะไว้
จึงได้เป็นคนรวย แต่ไม่ยอมใช้จ่าย ไม่ยอมกินอาหารที่ดี ไม่ยอมนอนที่ดีๆ
ไม่ยอมใส่ชุดผ้าดีๆ
เพราะกรรมคือ ให้ทานแล้วเสียดาย
จึงรวยแบบ ขอเรียกว่าจน
ดังนั้นเราทานอะไร ทานให้ขาด อย่าเสียดาย
และ หากไม่มีวัตถุจะทำทาน
ไม่ได้ไปทำทานที่ไหน แต่การอนุโมทนาบุญกับผู้ที่ ทำดีทางกาย วาจา
ใจ ก็เป็นทางมาแห่งบุญทางใจของผู้อนุโมทนาเอง
ผู้ที่ทำกุศล
กุศลทางกาย กุศลทางวาจา กุศลทางจิต
ทางกายเช่น บุคคลที่ทำบุญใช้ร่างกายทำกุศล
ยกตัวอย่าง บริจากเลือด ช่วยคนข้ามถนน เก็บไม้เสียบลูกชิ้นทิ้งให้เป็นที่
เป็นทางใหม่ ออกแรงช่วยงานสังคม เป็นหมอ พยาบาล หรือกางเต้นงานบ
ุญกุศล ใส่บาติ พิมพ์ธรรมะ นวดให้พ่อให้แม่ รู้ลมหายใจ และอีกหลายประการ
เป็นต้น ที่แสดงว่าเป็นการสร้างกรรมดีโชว์ออกมาทางกาย
ทางวาจา เช่น บุคคลที่ใช้ ปากใช้เสียงพูด ในทางที่ดี พูดให้คนที่แตกก
ันคืนดีกัน พูดชักชวนคนให้ไปทางสว่างทางบุญทางกุศล
หรือพูดให้ธรรมะผู้อื่น การสวดมนต์ การภาวนา หรือพูดสอนให้คว
ามรู้ที่ดีแก่ผู้อื่น ยกตัวอย่างครู หรือพูดให้คนเป็นคนดี รู้ดีรู้ชัว อันนี้ดีนะ อันนี้
ไม่ดีนะ และอีกหลายประการ เป็นต้น ที่แสดงว่าเป็นการสร้างกรรมดีออ
กมาทางวาจา
ทางใจ เช่น การเลือกคิด เลือกไม่ดีคิดจะเบียดเบียนผู้อื่น คิดจะขโมยผู้อื่น คิด
จะทำเรื่องผิดศีลธรรมทางกามอารม์ทางเพศของผู้อื่น คิดจะให้เขาพินาศ
ให้เขาเดือดร้อน ให้เขาฉิบหาย
คิดจะทำลายความดีของผู้อื่นเป็นต้น
เลือกดีคิดเมตตาผู้อื่นทั้งคนดีคนไม่ดี ทั้งสัตว์ทั้งหมาทั้งแมว คิดดีต่อผู้อื่น คิด
จะชวนผู้อื่นไปทางถูก ทางสว่างว่างทางดี ทางกุศล คิดไปทางให้คนไม
่เดือดร้อน คิดแก้ปัญหาอยากแก้ทุกข์ ผ่อนทุกข์ให้ผู้อื่น คิดช่วยเหลือ คิดอยาก
ให้รู้ให้เห็นดีเห็นชั่ว เป็นต้น ที่จริงมีหลายประมาณ
นี่คือ ความดี3อย่าง เป็นต้น
ถ้าอนุโมทนาแล้วใจยังห่อเหี่ยวเป็นทุกข์อยู่
ต้องหัดอนุโมทนา บ่อยๆ จนรู้สึกดีใช้ได้
ถ้าใจมันยังอยู่ในโลกของความคิด ที่เหตุเกิดจากเรื่องวุนวายต่างๆ
ต้องเปลี่ยนเส้นทางความคิดใหม่
ต้องไม่ยึดอารม์นั้นไว้
ให้หายใจลึกๆๆๆแล้วค่อยปล่อยออกเบาๆ สัก3ครั้ง
แล้วลองอนุโมทนาใหม่ภายในใจ
ถ้ารู้สึกดีจากการอนุโมทนา อย่างไม่โกหกตัวเอง ว่ารู้สึกดี ถือว่าใช้ได้แล้ว
# กำลังแกไขให้อ่านเข้าใจง่ายๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พ.ย. 2015
การให้ความรู้ผู้อื่น ถือเป็นกรรมดี
มันจะสนองคืนให้เรา
ในทางนามธรรม ให้เราฉลาด มีความรู้หัวใสขึ้น"
โดยเฉพาะประเภทครู ยิ่งสอนให้ความรู้แก่ศิษย์ ปัญญาจะยิ่งแหลมคม"
ในเรื่องสอน
หมอแพทย์ พยาบาล ยิ่งช่วยคนป่วยคนไข
มากเท่าไร่ ยิ่งมีปัญญาแหลมคมในการที่จะช่วยรักษาคนป่วยไข กับทั้งยัง
ให้ผลคืนมาสู่ กายด้วย
ทำให้ ผิวพรรณดีสว่าง ผิวดี เพราะช่วยทางกายไว้มาก และ
ปัญญาด้านหมอด้านพยาบาลย่อมสว่างชัดขึ้นในเรื่องช่วยคน
ไม่เว้นแม่แต่นักเรียน
ยิ่งเค้นความฉลาดปัญญาของตนออกมา
เท่าที่จะเอาออกมาได้ ใช้แก้ปัญาให้เพื่อน
ช่วยเพื่อน สอนเพื่อน ยิ่งแตกฉานเรียนรู้เข้าใจใวขึ้น
และต้องประกอบด้วย๒เหตุนี้ด้วย
หมายถึง ๑.เราตั้งใจศึกษาด้วย
และ ๒.มีกรรมจากการให้ความรู้ให้ปัญญาแก่ผู้อื่นเข้ามา ช่วยผลักดันช่วย
เรา
อันนี้ก็คือมีกรรมจากการช่วยผู้อื่นมาสมทบด้วย จึงทำให้มีปัญญามาก
อันว่า#ความรู้ทุกอย่าง
ที่เราให้ใครไปมันจะย้อนกลับมา ทำให้มีปัญญาในด้านนั้นมาก
ไม่ว่าจะความรู้ด้านการค้าขาย
ด้านการทำข้าวอาหาร
สอนผู้อื่นๆ ด้านต่างๆ เป็นต้น
การให้ความรู้ผู้อื่น ถือเป็นกรรมดี
มันจะสนองคืนให้เรา
ในทางนามธรรม ให้เราฉลาด มีความรู้หัวใสขึ้น"
โดยเฉพาะประเภทครู ยิ่งสอนให้ความรู้แก่ศิษย์ ปัญญาจะยิ่งแหลมคม"
ในเรื่องสอน
หมอแพทย์ พยาบาล ยิ่งช่วยคนป่วยคนไข
มากเท่าไร่ ยิ่งมีปัญญาแหลมคมในการที่จะช่วยรักษาคนป่วยไข กับทั้งยัง
ให้ผลคืนมาสู่ กายด้วย
ทำให้ ผิวพรรณดีสว่าง ผิวดี เพราะช่วยทางกายไว้มาก และ
ปัญญาด้านหมอด้านพยาบาลย่อมสว่างชัดขึ้นในเรื่องช่วยคน
ไม่เว้นแม่แต่นักเรียน
ยิ่งเค้นความฉลาดปัญญาของตนออกมา
เท่าที่จะเอาออกมาได้ ใช้แก้ปัญาให้เพื่อน
ช่วยเพื่อน สอนเพื่อน ยิ่งแตกฉานเรียนรู้เข้าใจใวขึ้น
และต้องประกอบด้วย๒เหตุนี้ด้วย
หมายถึง ๑.เราตั้งใจศึกษาด้วย
และ ๒.มีกรรมจากการให้ความรู้ให้ปัญญาแก่ผู้อื่นเข้ามา ช่วยผลักดันช่วย
เรา
อันนี้ก็คือมีกรรมจากการช่วยผู้อื่นมาสมทบด้วย จึงทำให้มีปัญญามาก
อันว่า#ความรู้ทุกอย่าง
ที่เราให้ใครไปมันจะย้อนกลับมา ทำให้มีปัญญาในด้านนั้นมาก
ไม่ว่าจะความรู้ด้านการค้าขาย
ด้านการทำข้าวอาหาร
สอนผู้อื่นๆ ด้านต่างๆ เป็นต้น
เวรย่อมระงับ
ด้วยการไม่จองเวร
# ชาติที่หนึ่ง
มีคนทำไม่ดีกับเรา
ทางกาย,วาจา,
ถ้าเราคิดจะจองเวรชายหรือหญิงคนหนึ่งนั้น
ซึ่งเขาได้ทำไม่ดีกับเรา
ทางกาย ทางวาจา
และเรายังติดใจยังจะเอาคืนเขาให้ได้
ให้เขาต้องรับทุกข์ทรมาณอย่าสาสมใจให้ได้
"ด้วยจิตคิดอาฆาตจองเวรแบบนี้แหล"ด้วยจิตคิดอาฆาตจองเวรแบบนี้แหละ"
พอตายถ้ากุศลให้ผลนะ
# ชาติที่สอง
พอตายลงด้วยกุศลส่งพอให้ได้เกิดเป็นมนุศย ส่งให้ทั้งสองคนเลยนะ
ได้อัตภาพความเป็นมนุษย์
คือได้เกิดเป็นมนุษย์
อยู่ในแวดวงใกล้กัน
เช่น คนรู้จัก ,ญาติ ,เพื่อน , คนรัก หรือใกล้ขนาดกระทั้งเป็น(แม่เวรแม่กรรม
พ่อเวรพ่อกรรม
ลูกเวรลูกกรม)
คืออยู่ในสายเลือดตระกูลเดียวกันเลย
พอสองคนนั้น ได้เกิดชาติมนุษย์ใหม่แล้ว
ทั้งที่ไม่รู้จักกันเลยจำกันไม่ได้ในอดีตชาติ
เลย
ก็จะต้องมีเหตุการณ์ที่จะต้องได้เจอกัน
มีแรงผลักดันหรือพลังอำนาจลึกลับที่จะให้เราต้องเอาคืนเขา เพราะ
เป็นทีของเรา กรรมมันจะดันลักษณะแบบนี้
แต่ก็ขึ้นอยู่กับเราด้วยเราจะสนองทำตามอำนาจแรงผลักดันนั้นไหม
ถ้าตั้งสติได้.ปฏิญานในใจ ไม่เอาคืนๆไม่ทำๆ จะอภัยๆ อภัยให้เขาทั้งๆที่
มันน่าจัดสุดๆ ตบสักฉากให้หายอึดอัด กำปั้นใส่สักทีให้สะใจ
ทางวาจา เปิดปากพ้นไฟพูดให้ไหม้ไปถึงโคตรมันเลย
ทางใจ กูจะคิดพยาบาต อาฆาตจองเวรสาบแช่ง มันให้ฉิบหายไปเลย
เป็นต้น
โทษฐานทำความเดือดร้อน
เป็นทุกข์ทางกาย
เป็นทุกข์ทางใจให้กรู
แต่... เรากลับไม่ทำ
เราเลือกอภัยให้เขา ทำดีต่อเขาพูดดีต่อเขาคิดดีต่อเขา
ก็คือไม่ต้องการเอาจิตไปผูกเวรเขาไว้
เวรก็จะระงับด้วยการไม่จองเวร ดั่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้
แต่ถ้าเราเลือก ฮื๋อ..มันน่าจัดสุดๆ ตบสักฉากให้หายอึดอัด กำปั้นใส่สักทีใ
ห้สะใจ
ทางวาจา เปิดปากพ้นไฟพูดให้ไหม้ไปถึงโคตรมันเลย
ทางใจ กูจะคิดพยาบาต อาฆาตจองเวรสาบแช่ง มันให้ฉิบหายไปเลย
เป็นต้น
โทษฐานทำความเดือดร้อน
เป็นทุกข์ทางกาย
เป็นทุกข์ทางใจให้กรู
มันก็จะไม่ระงับ
# ชาติที่สาม
ทั้งสองได้อยู่ในแวดวงเหมือนชาติที่สอง
เขาได้ครูดีความคิดเขาจึงเปลี่ยนไป
รู้จักบาปบุญคุณโทษ กรรมดี กรรมไม่ดี
กรรมดำ กรรมขาว กรรมไม่ดำกรรมไม่ขาว ก็คือเขาเปลี่ยนไป เขาเป็นคนดี
ในสังคม เขามีศีลสัตย์ อยู่ในธรรมะ เขาเจริญภาวนา
เขาเดิดมรรคเพื่อเป็นโสดาบัน หรือเขาบรรลุอรหันต์
แต่ว่าด้วยแรงกรรม ด้วยอำนาจมืดผลักดัน มันให้โอกาสเราทำเขา
ด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ หลายอย่าง
"ถ้าเราไม่มีสติ ยับยั่ง
ก่อกรรมทางกาย
ทางวา
ทางใจ
เราฉิบหายแน่ๆเลย ถ้าไปทำกับคนอย่างนั้นเข้า
ถึงกรรมจะให้โอกาสเป็นทีเราก็ตาม
ถ้าเราฝืนไม่ได้ ทำลงไป ภพใหม่อาจล่วงลงถึงนรก
โดยเฉพาะทำกับพระโสดาปัตติมรรคขึ้นไป
คือ บุคคลที่ธรรมะธรรมโมหน่อย กำลังเจริญภาวนาเพื่อขึ้นเป็นโสดาบัน
คนที่ภาวนานั้นดูได้ยากมาก
ว่าคนไหนภาวนา
เพราะมันนามธรรม จับต้องจิตไม่ได้เลย
จึงรู้ได้ยาก
ถ้าเราเผลอทำกรรมกับคนประเภทนั้นลงไป
จะหนักมาก
# ทำกรรมทางกาย ,
# ทำกรรมทางวาจา ,
ล้วนออกมาจากเจ้านาย คือจิตวิญญาณ
หรือมโน,ใจ
ขอยกเรื่องพระสูตรหนึ่งขึ้นมา
ในสมัยพุทธกาล
มีชายคนหนึ่งไปเรียนดีดกวาดกับอาจารย์
หลังจากเรียนจบ
พอเรียนจบแล้ว
อยากจะทดลองวิชาดีดกวาดที่ตนเองได้เรียนมา อาจารย์จึงบอกว่า
อย่าไปดีดใส่สัตว์ใส่คน เพราะเขามีเจ้าของ
หลังจากเวลานั้นผ่านไป
เขาเห็นชายคนหนึ่งกำลังจะเดินผ่าน จึงคิดว่า จะทดลองกับ ชายคนนี้แหละ
คงจะไม่มีเจ้าของ
ชายคนนั้นกำลังเดินจะไปขออาหารในหมู่บ้าน
ชายดีดกวาด จึงดีดกวาดใส่รูหูซ้าย ของชายที่กำลังเดินไปขออาหารนั้น
ก็ได้โดนรู้หูซ้ายทะลุรูหูขวา
ชายขออาหารคนนั้นเมื่อโดนดีดใส่แล้ว เลือดก็ไหลออก ทุกขเวทนาจึงเกิ
ดขึ้นอย่างแรงกล้า
ไม่สามารถเดินเข้าไปบิณฑบาตได้ต่อ
จึงเข้าฌานแล้วเหาะกลับไปที่ภูเขาที่ตนอยู่
แล้วก็ปรินิพพาน
# ชายขออาหารคนนั้นก็คือพระปัจเจกพุทธะ
# คนดีดกวาดคือผู้ทำกรรมใหม่ หรืออาจเป็นเจ้ากรรมนายเวรของ พระปัจเจก
ที่กรรมให้โอกาสเอาคืน
สรุปคือ ชายขออาหารคือพระปัจเจก ท่านตรัสรู้ธรรมแล้ว ท่านจึงปรินิพพา
น
ชายดีดกวาด ต่อมาได้ตาย และหมกไหม้อยู่ในนรกหลายล้านๆๆๆปี
พอกรรมเบาบาง เคลือนจากนรก
มาเป็นเปตรถูกไฟไหมตลอดเวลา
จนเวลาผ่านมาถึง ศาสนาของพระพุทธเจ้า
เราในปัจจุบัน พระพุทธะเจ้าเราตรัสรู้แล้ว
จึงบอกบุพกรรมของเปตรนั้นคราวทีเป็นมนุษย์ และเปตรตนนั้นก็ยังไ
เวรย่อมระงับ
ด้วยการไม่จองเวร
# ชาติที่หนึ่ง
มีคนทำไม่ดีกับเรา
ทางกาย,วาจา,
ถ้าเราคิดจะจองเวรชายหรือหญิงคนหนึ่งนั้น
ซึ่งเขาได้ทำไม่ดีกับเรา
ทางกาย ทางวาจา
และเรายังติดใจยังจะเอาคืนเขาให้ได้
ให้เขาต้องรับทุกข์ทรมาณอย่าสาสมใจให้ได้
"ด้วยจิตคิดอาฆาตจองเวรแบบนี้แหล"ด้วยจิตคิดอาฆาตจองเวรแบบนี้แหละ"
พอตายถ้ากุศลให้ผลนะ
# ชาติที่สอง
พอตายลงด้วยกุศลส่งพอให้ได้เกิดเป็นมนุศย ส่งให้ทั้งสองคนเลยนะ
ได้อัตภาพความเป็นมนุษย์
คือได้เกิดเป็นมนุษย์
อยู่ในแวดวงใกล้กัน
เช่น คนรู้จัก ,ญาติ ,เพื่อน , คนรัก หรือใกล้ขนาดกระทั้งเป็น(แม่เวรแม่กรรม
พ่อเวรพ่อกรรม
ลูกเวรลูกกรม)
คืออยู่ในสายเลือดตระกูลเดียวกันเลย
พอสองคนนั้น ได้เกิดชาติมนุษย์ใหม่แล้ว
ทั้งที่ไม่รู้จักกันเลยจำกันไม่ได้ในอดีตชาติ
เลย
ก็จะต้องมีเหตุการณ์ที่จะต้องได้เจอกัน
มีแรงผลักดันหรือพลังอำนาจลึกลับที่จะให้เราต้องเอาคืนเขา เพราะ
เป็นทีของเรา กรรมมันจะดันลักษณะแบบนี้
แต่ก็ขึ้นอยู่กับเราด้วยเราจะสนองทำตามอำนาจแรงผลักดันนั้นไหม
ถ้าตั้งสติได้.ปฏิญานในใจ ไม่เอาคืนๆไม่ทำๆ จะอภัยๆ อภัยให้เขาทั้งๆที่
มันน่าจัดสุดๆ ตบสักฉากให้หายอึดอัด กำปั้นใส่สักทีให้สะใจ
ทางวาจา เปิดปากพ้นไฟพูดให้ไหม้ไปถึงโคตรมันเลย
ทางใจ กูจะคิดพยาบาต อาฆาตจองเวรสาบแช่ง มันให้ฉิบหายไปเลย
เป็นต้น
โทษฐานทำความเดือดร้อน
เป็นทุกข์ทางกาย
เป็นทุกข์ทางใจให้กรู
แต่... เรากลับไม่ทำ
เราเลือกอภัยให้เขา ทำดีต่อเขาพูดดีต่อเขาคิดดีต่อเขา
ก็คือไม่ต้องการเอาจิตไปผูกเวรเขาไว้
เวรก็จะระงับด้วยการไม่จองเวร ดั่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้
แต่ถ้าเราเลือก ฮื๋อ..มันน่าจัดสุดๆ ตบสักฉากให้หายอึดอัด กำปั้นใส่สักทีใ
ห้สะใจ
ทางวาจา เปิดปากพ้นไฟพูดให้ไหม้ไปถึงโคตรมันเลย
ทางใจ กูจะคิดพยาบาต อาฆาตจองเวรสาบแช่ง มันให้ฉิบหายไปเลย
เป็นต้น
โทษฐานทำความเดือดร้อน
เป็นทุกข์ทางกาย
เป็นทุกข์ทางใจให้กรู
มันก็จะไม่ระงับ
# ชาติที่สาม
ทั้งสองได้อยู่ในแวดวงเหมือนชาติที่สอง
เขาได้ครูดีความคิดเขาจึงเปลี่ยนไป
รู้จักบาปบุญคุณโทษ กรรมดี กรรมไม่ดี
กรรมดำ กรรมขาว กรรมไม่ดำกรรมไม่ขาว ก็คือเขาเปลี่ยนไป เขาเป็นคนดี
ในสังคม เขามีศีลสัตย์ อยู่ในธรรมะ เขาเจริญภาวนา
เขาเดิดมรรคเพื่อเป็นโสดาบัน หรือเขาบรรลุอรหันต์
แต่ว่าด้วยแรงกรรม ด้วยอำนาจมืดผลักดัน มันให้โอกาสเราทำเขา
ด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ หลายอย่าง
"ถ้าเราไม่มีสติ ยับยั่ง
ก่อกรรมทางกาย
ทางวา
ทางใจ
เราฉิบหายแน่ๆเลย ถ้าไปทำกับคนอย่างนั้นเข้า
ถึงกรรมจะให้โอกาสเป็นทีเราก็ตาม
ถ้าเราฝืนไม่ได้ ทำลงไป ภพใหม่อาจล่วงลงถึงนรก
โดยเฉพาะทำกับพระโสดาปัตติมรรคขึ้นไป
คือ บุคคลที่ธรรมะธรรมโมหน่อย กำลังเจริญภาวนาเพื่อขึ้นเป็นโสดาบัน
คนที่ภาวนานั้นดูได้ยากมาก
ว่าคนไหนภาวนา
เพราะมันนามธรรม จับต้องจิตไม่ได้เลย
จึงรู้ได้ยาก
ถ้าเราเผลอทำกรรมกับคนประเภทนั้นลงไป
จะหนักมาก
# ทำกรรมทางกาย ,
# ทำกรรมทางวาจา ,
ล้วนออกมาจากเจ้านาย คือจิตวิญญาณ
หรือมโน,ใจ
ขอยกเรื่องพระสูตรหนึ่งขึ้นมา
ในสมัยพุทธกาล
มีชายคนหนึ่งไปเรียนดีดกวาดกับอาจารย์
หลังจากเรียนจบ
พอเรียนจบแล้ว
อยากจะทดลองวิชาดีดกวาดที่ตนเองได้เรียนมา อาจารย์จึงบอกว่า
อย่าไปดีดใส่สัตว์ใส่คน เพราะเขามีเจ้าของ
หลังจากเวลานั้นผ่านไป
เขาเห็นชายคนหนึ่งกำลังจะเดินผ่าน จึงคิดว่า จะทดลองกับ ชายคนนี้แหละ
คงจะไม่มีเจ้าของ
ชายคนนั้นกำลังเดินจะไปขออาหารในหมู่บ้าน
ชายดีดกวาด จึงดีดกวาดใส่รูหูซ้าย ของชายที่กำลังเดินไปขออาหารนั้น
ก็ได้โดนรู้หูซ้ายทะลุรูหูขวา
ชายขออาหารคนนั้นเมื่อโดนดีดใส่แล้ว เลือดก็ไหลออก ทุกขเวทนาจึงเกิ
ดขึ้นอย่างแรงกล้า
ไม่สามารถเดินเข้าไปบิณฑบาตได้ต่อ
จึงเข้าฌานแล้วเหาะกลับไปที่ภูเขาที่ตนอยู่
แล้วก็ปรินิพพาน
# ชายขออาหารคนนั้นก็คือพระปัจเจกพุทธะ
# คนดีดกวาดคือผู้ทำกรรมใหม่ หรืออาจเป็นเจ้ากรรมนายเวรของ พระปัจเจก
ที่กรรมให้โอกาสเอาคืน
สรุปคือ ชายขออาหารคือพระปัจเจก ท่านตรัสรู้ธรรมแล้ว ท่านจึงปรินิพพา
น
ชายดีดกวาด ต่อมาได้ตาย และหมกไหม้อยู่ในนรกหลายล้านๆๆๆปี
พอกรรมเบาบาง เคลือนจากนรก
มาเป็นเปตรถูกไฟไหมตลอดเวลา
จนเวลาผ่านมาถึง ศาสนาของพระพุทธเจ้า
เราในปัจจุบัน พระพุทธะเจ้าเราตรัสรู้แล้ว
จึงบอกบุพกรรมของเปตรนั้นคราวทีเป็นมนุษย์ และเปตรตนนั้นก็ยังไ
ด้วยการไม่จองเวร
# ชาติที่หนึ่ง
มีคนทำไม่ดีกับเรา
ทางกาย,วาจา,
ถ้าเราคิดจะจองเวรชายหรือหญิงคนหนึ่งนั้น
ซึ่งเขาได้ทำไม่ดีกับเรา
ทางกาย ทางวาจา
และเรายังติดใจยังจะเอาคืนเขาให้ได้
ให้เขาต้องรับทุกข์ทรมาณอย่าสาสมใจให้ได้
"ด้วยจิตคิดอาฆาตจองเวรแบบนี้แหล"ด้วยจิตคิดอาฆาตจองเวรแบบนี้แหละ"
พอตายถ้ากุศลให้ผลนะ
# ชาติที่สอง
พอตายลงด้วยกุศลส่งพอให้ได้เกิดเป็นมนุศย ส่งให้ทั้งสองคนเลยนะ
ได้อัตภาพความเป็นมนุษย์
คือได้เกิดเป็นมนุษย์
อยู่ในแวดวงใกล้กัน
เช่น คนรู้จัก ,ญาติ ,เพื่อน , คนรัก หรือใกล้ขนาดกระทั้งเป็น(แม่เวรแม่กรรม
พ่อเวรพ่อกรรม
ลูกเวรลูกกรม)
คืออยู่ในสายเลือดตระกูลเดียวกันเลย
พอสองคนนั้น ได้เกิดชาติมนุษย์ใหม่แล้ว
ทั้งที่ไม่รู้จักกันเลยจำกันไม่ได้ในอดีตชาติ
เลย
ก็จะต้องมีเหตุการณ์ที่จะต้องได้เจอกัน
มีแรงผลักดันหรือพลังอำนาจลึกลับที่จะให้เราต้องเอาคืนเขา เพราะ
เป็นทีของเรา กรรมมันจะดันลักษณะแบบนี้
แต่ก็ขึ้นอยู่กับเราด้วยเราจะสนองทำตามอำนาจแรงผลักดันนั้นไหม
ถ้าตั้งสติได้.ปฏิญานในใจ ไม่เอาคืนๆไม่ทำๆ จะอภัยๆ อภัยให้เขาทั้งๆที่
มันน่าจัดสุดๆ ตบสักฉากให้หายอึดอัด กำปั้นใส่สักทีให้สะใจ
ทางวาจา เปิดปากพ้นไฟพูดให้ไหม้ไปถึงโคตรมันเลย
ทางใจ กูจะคิดพยาบาต อาฆาตจองเวรสาบแช่ง มันให้ฉิบหายไปเลย
เป็นต้น
โทษฐานทำความเดือดร้อน
เป็นทุกข์ทางกาย
เป็นทุกข์ทางใจให้กรู
แต่... เรากลับไม่ทำ
เราเลือกอภัยให้เขา ทำดีต่อเขาพูดดีต่อเขาคิดดีต่อเขา
ก็คือไม่ต้องการเอาจิตไปผูกเวรเขาไว้
เวรก็จะระงับด้วยการไม่จองเวร ดั่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้
แต่ถ้าเราเลือก ฮื๋อ..มันน่าจัดสุดๆ ตบสักฉากให้หายอึดอัด กำปั้นใส่สักทีใ
ห้สะใจ
ทางวาจา เปิดปากพ้นไฟพูดให้ไหม้ไปถึงโคตรมันเลย
ทางใจ กูจะคิดพยาบาต อาฆาตจองเวรสาบแช่ง มันให้ฉิบหายไปเลย
เป็นต้น
โทษฐานทำความเดือดร้อน
เป็นทุกข์ทางกาย
เป็นทุกข์ทางใจให้กรู
มันก็จะไม่ระงับ
# ชาติที่สาม
ทั้งสองได้อยู่ในแวดวงเหมือนชาติที่สอง
เขาได้ครูดีความคิดเขาจึงเปลี่ยนไป
รู้จักบาปบุญคุณโทษ กรรมดี กรรมไม่ดี
กรรมดำ กรรมขาว กรรมไม่ดำกรรมไม่ขาว ก็คือเขาเปลี่ยนไป เขาเป็นคนดี
ในสังคม เขามีศีลสัตย์ อยู่ในธรรมะ เขาเจริญภาวนา
เขาเดิดมรรคเพื่อเป็นโสดาบัน หรือเขาบรรลุอรหันต์
แต่ว่าด้วยแรงกรรม ด้วยอำนาจมืดผลักดัน มันให้โอกาสเราทำเขา
ด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ หลายอย่าง
"ถ้าเราไม่มีสติ ยับยั่ง
ก่อกรรมทางกาย
ทางวา
ทางใจ
เราฉิบหายแน่ๆเลย ถ้าไปทำกับคนอย่างนั้นเข้า
ถึงกรรมจะให้โอกาสเป็นทีเราก็ตาม
ถ้าเราฝืนไม่ได้ ทำลงไป ภพใหม่อาจล่วงลงถึงนรก
โดยเฉพาะทำกับพระโสดาปัตติมรรคขึ้นไป
คือ บุคคลที่ธรรมะธรรมโมหน่อย กำลังเจริญภาวนาเพื่อขึ้นเป็นโสดาบัน
คนที่ภาวนานั้นดูได้ยากมาก
ว่าคนไหนภาวนา
เพราะมันนามธรรม จับต้องจิตไม่ได้เลย
จึงรู้ได้ยาก
ถ้าเราเผลอทำกรรมกับคนประเภทนั้นลงไป
จะหนักมาก
# ทำกรรมทางกาย ,
# ทำกรรมทางวาจา ,
ล้วนออกมาจากเจ้านาย คือจิตวิญญาณ
หรือมโน,ใจ
ขอยกเรื่องพระสูตรหนึ่งขึ้นมา
ในสมัยพุทธกาล
มีชายคนหนึ่งไปเรียนดีดกวาดกับอาจารย์
หลังจากเรียนจบ
พอเรียนจบแล้ว
อยากจะทดลองวิชาดีดกวาดที่ตนเองได้เรียนมา อาจารย์จึงบอกว่า
อย่าไปดีดใส่สัตว์ใส่คน เพราะเขามีเจ้าของ
หลังจากเวลานั้นผ่านไป
เขาเห็นชายคนหนึ่งกำลังจะเดินผ่าน จึงคิดว่า จะทดลองกับ ชายคนนี้แหละ
คงจะไม่มีเจ้าของ
ชายคนนั้นกำลังเดินจะไปขออาหารในหมู่บ้าน
ชายดีดกวาด จึงดีดกวาดใส่รูหูซ้าย ของชายที่กำลังเดินไปขออาหารนั้น
ก็ได้โดนรู้หูซ้ายทะลุรูหูขวา
ชายขออาหารคนนั้นเมื่อโดนดีดใส่แล้ว เลือดก็ไหลออก ทุกขเวทนาจึงเกิ
ดขึ้นอย่างแรงกล้า
ไม่สามารถเดินเข้าไปบิณฑบาตได้ต่อ
จึงเข้าฌานแล้วเหาะกลับไปที่ภูเขาที่ตนอยู่
แล้วก็ปรินิพพาน
# ชายขออาหารคนนั้นก็คือพระปัจเจกพุทธะ
# คนดีดกวาดคือผู้ทำกรรมใหม่ หรืออาจเป็นเจ้ากรรมนายเวรของ พระปัจเจก
ที่กรรมให้โอกาสเอาคืน
สรุปคือ ชายขออาหารคือพระปัจเจก ท่านตรัสรู้ธรรมแล้ว ท่านจึงปรินิพพา
น
ชายดีดกวาด ต่อมาได้ตาย และหมกไหม้อยู่ในนรกหลายล้านๆๆๆปี
พอกรรมเบาบาง เคลือนจากนรก
มาเป็นเปตรถูกไฟไหมตลอดเวลา
จนเวลาผ่านมาถึง ศาสนาของพระพุทธเจ้า
เราในปัจจุบัน พระพุทธะเจ้าเราตรัสรู้แล้ว
จึงบอกบุพกรรมของเปตรนั้นคราวทีเป็นมนุษย์ และเปตรตนนั้นก็ยังไ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
22 พ.ย. 2015
บุคคลที่บรรลุเป็นอริยะแล้ว
ตั้งแต่ โสดาบันขึ้นไป
ท่านก็ยังครองขันธ์5อยู่
มีกาย
มีคำพูด
มีความคิด
แต่เท่าที่อ่านพระไตปีฏก
"มีสูตรหนึ่ง พระโมคคัลลานะ ตรวจดูว่าพระรูปใดเป็นอรหันต์แล้ว รูปใดยังไม่
เป็น
พระโมคคัลลานะมีฤทธิ์มากหรือเปล่าจึงตรวจดูได้ และก็มีพรหมบางจ
ำพวกมีญาณรู้ว่าพระรูปใปเป็นอรหันต์รูปใดไม่ได้เป็น
ทำบาปใส่นามรูปพระอรหันต์ บาปไหม
ก็ถ้ามีคนใช้ร่างกายของตัวเอง ไปทำไม่ดีให้ท่าน ให้โสดาบันจนถึง
พระอรหันต์
การทำบาปทางกายมี3อย่าง เช่น ปาณาติบาติ อทินาทานา
กาเมสุมิจฉาจาร
ก็ต้องบาปใช่ไหมครับ
และถ้ามีคนใช้คำพูดของตัวเอง ไปทำไม่ดีให้ท่านให้พระอริยะตั้
งแต่โสดาบันขึ้นไป
การทำบาปทางวาจาคำพูดมี4อย่าง
1มุสาวาสอันเป็นวาจาโกหก
2ปิสุนาวาสอันเป็นวาจาพูดส่อเสียด
3ผรุสสาวาสอันเป็นวาจาพูดหยาบคายกล้าแข็งแสบเผ็ด
4สัมผับปลาปัอันเป็นวาจาเพ้อเจอ
และบาปทางใจ มี3อย่าง
1อภิชฌา ความโลภอยากได้ของๆผู้อื่นมาเป็นของตน
2พยาบาติ อาฆาตแค้น สาบแช่งผู้อื่นให้พินาศ
3มิจฉาทิฐิ ข้อนี้กว้างมากๆ
อย่างที่คนตั้งกระทู้นี้ จัดเข้าในการทำบาปไว้หลายข้อเลย แถม
ยังประทับคาไว้ในหน้าเว็บ
ส่วนนามรูปท่านหลวงตามหาบัว คนทำบาปใส่นั้น
นามคือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
รูปคือ ร่างกาย ธาตุ 4 ดินน้ำลมไฟ
ใครทำบาปใส่ รูปคือร่างกายท่านบาปแนนอน
และหลวงตาไม่ได้สาบแช่งเลยนะ
ท่านมีญาณหยั่งรู้ไปเห็นในอนาคาคตแล้ว
ท่านไม่ได้กล่าวว่าแช่งเลย
# ถ้ารู้ตัวว่า ทำบาปทางกายไว้อยู่วาจาไว้อยู่
เช่นตั้งกระทู้นี้ ควรแกไขกระทู้
แล้วขอขมา พระพุทธเจ้า พระธรรมคำสอนของพระองค์ พระสงฆ์
โดยเฉพาะหลวงตามหาบัว ให้นึกถึงแล้วขอขมาโทษความชั่วที่หลงทำลงไป
แล้ว จะสำรวมระวังรอบคอบใช้ปัญญาพิจารณาให้รอบคอบกว่าเดิม
บุคคลที่บรรลุเป็นอริยะแล้ว
ตั้งแต่ โสดาบันขึ้นไป
ท่านก็ยังครองขันธ์5อยู่
มีกาย
มีคำพูด
มีความคิด
แต่เท่าที่อ่านพระไตปีฏก
"มีสูตรหนึ่ง พระโมคคัลลานะ ตรวจดูว่าพระรูปใดเป็นอรหันต์แล้ว รูปใดยังไม่
เป็น
พระโมคคัลลานะมีฤทธิ์มากหรือเปล่าจึงตรวจดูได้ และก็มีพรหมบางจ
ำพวกมีญาณรู้ว่าพระรูปใปเป็นอรหันต์รูปใดไม่ได้เป็น
ทำบาปใส่นามรูปพระอรหันต์ บาปไหม
ก็ถ้ามีคนใช้ร่างกายของตัวเอง ไปทำไม่ดีให้ท่าน ให้โสดาบันจนถึง
พระอรหันต์
การทำบาปทางกายมี3อย่าง เช่น ปาณาติบาติ อทินาทานา
กาเมสุมิจฉาจาร
ก็ต้องบาปใช่ไหมครับ
และถ้ามีคนใช้คำพูดของตัวเอง ไปทำไม่ดีให้ท่านให้พระอริยะตั้
งแต่โสดาบันขึ้นไป
การทำบาปทางวาจาคำพูดมี4อย่าง
1มุสาวาสอันเป็นวาจาโกหก
2ปิสุนาวาสอันเป็นวาจาพูดส่อเสียด
3ผรุสสาวาสอันเป็นวาจาพูดหยาบคายกล้าแข็งแสบเผ็ด
4สัมผับปลาปัอันเป็นวาจาเพ้อเจอ
และบาปทางใจ มี3อย่าง
1อภิชฌา ความโลภอยากได้ของๆผู้อื่นมาเป็นของตน
2พยาบาติ อาฆาตแค้น สาบแช่งผู้อื่นให้พินาศ
3มิจฉาทิฐิ ข้อนี้กว้างมากๆ
อย่างที่คนตั้งกระทู้นี้ จัดเข้าในการทำบาปไว้หลายข้อเลย แถม
ยังประทับคาไว้ในหน้าเว็บ
ส่วนนามรูปท่านหลวงตามหาบัว คนทำบาปใส่นั้น
นามคือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
รูปคือ ร่างกาย ธาตุ 4 ดินน้ำลมไฟ
ใครทำบาปใส่ รูปคือร่างกายท่านบาปแนนอน
และหลวงตาไม่ได้สาบแช่งเลยนะ
ท่านมีญาณหยั่งรู้ไปเห็นในอนาคาคตแล้ว
ท่านไม่ได้กล่าวว่าแช่งเลย
# ถ้ารู้ตัวว่า ทำบาปทางกายไว้อยู่วาจาไว้อยู่
เช่นตั้งกระทู้นี้ ควรแกไขกระทู้
แล้วขอขมา พระพุทธเจ้า พระธรรมคำสอนของพระองค์ พระสงฆ์
โดยเฉพาะหลวงตามหาบัว ให้นึกถึงแล้วขอขมาโทษความชั่วที่หลงทำลงไป
แล้ว จะสำรวมระวังรอบคอบใช้ปัญญาพิจารณาให้รอบคอบกว่าเดิม
เกมกรรม
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 23, 2015 9:12:48am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อจะต้องเลือกคู่
แต่ละคนมักอยากเลือกคนที่คบแล้วรู้สึกว่าใจของตนเองไม่ต้องเปลี่ยนมากนัก
ยิ่งเป็นตัวตนเดิม
หรือใกล้เคียงตัวตนเดิมมากเท่าไรยิ่งดี
อย่างที่เรียกว่าจะได้ ‘เป็นตัวของตัวเอง’ นั่นแหละ
ทว่าในความเป็นจริง
คนที่ ‘ลงตัว’ ขนาดให้อยากสละโสดนั้น
มักไม่ใช่คนที่ทำให้รู้สึก ‘เท่าเดิม’
โชคดีก็ได้คนที่ปรุงภาษาในหัวให้ประณีตขึ้น
โชคร้ายก็ได้คนที่ปรุงภาษาในหัวให้หยาบลง
ดังนั้น สำหรับคนส่วนใหญ่
เลือกคู่เป็นใคร
ก็คือเลือกใจที่แตกต่างให้ตนเองตามนั้น
จุดสังเกตง่ายๆ
ถึงแม้ปากจะพูดจาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
แต่คุณอาจรู้สึกได้ว่า ภาษาในหัวต่างไปมาก
หลังจากเอาตัวไปอยู่กับใครคนหนึ่งนานๆ
หากภาษาในหัวของคุณคงเดิม
คุณจะไม่รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปเท่าไร
หากภาษาในหัวของคุณดีขึ้น
คุณจะรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปในทางดีขึ้น
หากภาษาในหัวของคุณแย่ลง
คุณจะรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปในทางแย่ลง
ตรงไปตรงมาแค่นี้
ภาษาในหัวเป็นสิ่งที่คุณรู้อยู่คนเดียว
ตอบตัวเองได้อยู่คนเดียวว่า
โดยมากมีความหยาบหรือประณีต
ถ้าไม่ถามตัวเอง
บางทีคุณจะไม่ย้อนมาสังเกตเลยว่า
หลังจากคบใคร หรืออยู่กับใครสักคน
ใจตัวเองดีขึ้นหรือแย่ลงแค่ไหน
ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธานในชีวิต
เปลี่ยน ‘ใจ’ เท่ากับเปลี่ยนชีวิต
ใจจึงน่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่สุด
เมื่อจะต้องชั่งน้ำหนัก ชั่งใจ ในการเลือกคู่
แต่ข้อเท็จจริงก็คือ
คนส่วนใหญ่ถูกบีบให้คำนึงถึงตัวแปรอื่นก่อน
ซึ่งนั่นก็เท่ากับต้องเสี่ยงดวงเอาว่า
เลือกใครมาเป็นคู่
แล้วจะได้ใจใหม่ให้ตัวเองแบบไหน
#ถ้าเลือกไม่ดี
อันว่าความสุขของความรักนั้น มียอดเป็นหวาน
แต่ลำต้นเป็นพิษ คือตัณหาตามมาเพียบ ษ
แต่ละคนมักอยากเลือกคนที่คบแล้วรู้สึกว่าใจของตนเองไม่ต้องเปลี่ยนมากนัก
ยิ่งเป็นตัวตนเดิม
หรือใกล้เคียงตัวตนเดิมมากเท่าไรยิ่งดี
อย่างที่เรียกว่าจะได้ ‘เป็นตัวของตัวเอง’ นั่นแหละ
ทว่าในความเป็นจริง
คนที่ ‘ลงตัว’ ขนาดให้อยากสละโสดนั้น
มักไม่ใช่คนที่ทำให้รู้สึก ‘เท่าเดิม’
โชคดีก็ได้คนที่ปรุงภาษาในหัวให้ประณีตขึ้น
โชคร้ายก็ได้คนที่ปรุงภาษาในหัวให้หยาบลง
ดังนั้น สำหรับคนส่วนใหญ่
เลือกคู่เป็นใคร
ก็คือเลือกใจที่แตกต่างให้ตนเองตามนั้น
จุดสังเกตง่ายๆ
ถึงแม้ปากจะพูดจาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
แต่คุณอาจรู้สึกได้ว่า ภาษาในหัวต่างไปมาก
หลังจากเอาตัวไปอยู่กับใครคนหนึ่งนานๆ
หากภาษาในหัวของคุณคงเดิม
คุณจะไม่รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปเท่าไร
หากภาษาในหัวของคุณดีขึ้น
คุณจะรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปในทางดีขึ้น
หากภาษาในหัวของคุณแย่ลง
คุณจะรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปในทางแย่ลง
ตรงไปตรงมาแค่นี้
ภาษาในหัวเป็นสิ่งที่คุณรู้อยู่คนเดียว
ตอบตัวเองได้อยู่คนเดียวว่า
โดยมากมีความหยาบหรือประณีต
ถ้าไม่ถามตัวเอง
บางทีคุณจะไม่ย้อนมาสังเกตเลยว่า
หลังจากคบใคร หรืออยู่กับใครสักคน
ใจตัวเองดีขึ้นหรือแย่ลงแค่ไหน
ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธานในชีวิต
เปลี่ยน ‘ใจ’ เท่ากับเปลี่ยนชีวิต
ใจจึงน่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่สุด
เมื่อจะต้องชั่งน้ำหนัก ชั่งใจ ในการเลือกคู่
แต่ข้อเท็จจริงก็คือ
คนส่วนใหญ่ถูกบีบให้คำนึงถึงตัวแปรอื่นก่อน
ซึ่งนั่นก็เท่ากับต้องเสี่ยงดวงเอาว่า
เลือกใครมาเป็นคู่
แล้วจะได้ใจใหม่ให้ตัวเองแบบไหน
#ถ้าเลือกไม่ดี
อันว่าความสุขของความรักนั้น มียอดเป็นหวาน
แต่ลำต้นเป็นพิษ คือตัณหาตามมาเพียบ ษ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Rungsun Kiayasuan
คุณได้แท็ก Rungsun Kiayasuan
ระหว่างที่รอบวช
ต้อง เจริญจิตแบบนี้นะ ในชีวิตประจำวัน เท่าที่จะทำได้
กรรมฐานนี้น่าจะเข้ากับ จริตแบบหนุ่ม
เวทนามี ๓ อย่าง
๑.สุขเวทนา (ธาตุสุข)
๒.ทุกข์เวทนา ธาตุทุกข์)
๓.ไม่สุขไม่ทุกข์ (ธาตุอุเบกขา)
และก็มี "เราหรือจิต) ท่องเที่ยวรู้เวทนาทั้งสาม
ตลอดทั้งวันทั้งคืนทุกวันเลย
สลับไปรู้อารมณ์สุข
สลับไปรู้อารมณ์ทุกข์
สลับไปรู้อารมณ์อุเบกขา
สลับแบบนี้ตลอดเลย
สลับไปแช่สภาวะทุุกข์ห้านาทีบ้าง
หรือสลับไปแช่สภาวะสุขหนึ่งนาทีบ้าง
หรือสลับไปแช่ สภาวะอุเบกขา สิบห้านาทีบ้าง อันนี้ก็คือยกตัวอย่าง)
ความจริงแล้วเราไม่สามารถบังคับบัญชามันได้ วันนี้ต้องสุข1ชัวโมงนะ ทุกข์
1นาทีพอ นอกนั้นอุเบกขานะ
ถ้าคิดแบบนี้เราไม่ได้ตามที่ต้องการหรอก
ถ้าจิตหนุ่มเสวยอุเบกขาอยู่ (ให้พูดในว่า" อุเบกไม่เที่ยงหรอก เดี๋ยวก็แปรเปลี
่ยนเป็นสุขหรือไม่ก็ทุกข์แทน
หรือถ้าจิตหนุ่มเสวยทุกข์อยู่
(ให้พูดในใจว่า"ทุกข์ไม่เที่ยงหรอก
เดี๋ยวก็แปรเปลี่ยนเป็นอุเบกขาหรือไม่ก็สุขแทน
หรือถ้าจิตหนุ่มเสวยสุขอยู่
(ก็ให้พูดในใจเลยว่า"สุขไม่เที่ยงหรอก เดี๋ยวก็แปรเปลี่ยนเป็นทุกข์แทน
หรือเป็นสุขแทน"
ให้หนุ่มเป็นผู้รู้หรือผู้ดู
ดูอาการของธาตุทั้งสามมันวนเวียนมาให้รู้
# ถ้าสงสัยถามเลยน่ะ
ต้อง เจริญจิตแบบนี้นะ ในชีวิตประจำวัน เท่าที่จะทำได้
กรรมฐานนี้น่าจะเข้ากับ จริตแบบหนุ่ม
เวทนามี ๓ อย่าง
๑.สุขเวทนา (ธาตุสุข)
๒.ทุกข์เวทนา ธาตุทุกข์)
๓.ไม่สุขไม่ทุกข์ (ธาตุอุเบกขา)
และก็มี "เราหรือจิต) ท่องเที่ยวรู้เวทนาทั้งสาม
ตลอดทั้งวันทั้งคืนทุกวันเลย
สลับไปรู้อารมณ์สุข
สลับไปรู้อารมณ์ทุกข์
สลับไปรู้อารมณ์อุเบกขา
สลับแบบนี้ตลอดเลย
สลับไปแช่สภาวะทุุกข์ห้านาทีบ้าง
หรือสลับไปแช่สภาวะสุขหนึ่งนาทีบ้าง
หรือสลับไปแช่ สภาวะอุเบกขา สิบห้านาทีบ้าง อันนี้ก็คือยกตัวอย่าง)
ความจริงแล้วเราไม่สามารถบังคับบัญชามันได้ วันนี้ต้องสุข1ชัวโมงนะ ทุกข์
1นาทีพอ นอกนั้นอุเบกขานะ
ถ้าคิดแบบนี้เราไม่ได้ตามที่ต้องการหรอก
ถ้าจิตหนุ่มเสวยอุเบกขาอยู่ (ให้พูดในว่า" อุเบกไม่เที่ยงหรอก เดี๋ยวก็แปรเปลี
่ยนเป็นสุขหรือไม่ก็ทุกข์แทน
หรือถ้าจิตหนุ่มเสวยทุกข์อยู่
(ให้พูดในใจว่า"ทุกข์ไม่เที่ยงหรอก
เดี๋ยวก็แปรเปลี่ยนเป็นอุเบกขาหรือไม่ก็สุขแทน
หรือถ้าจิตหนุ่มเสวยสุขอยู่
(ก็ให้พูดในใจเลยว่า"สุขไม่เที่ยงหรอก เดี๋ยวก็แปรเปลี่ยนเป็นทุกข์แทน
หรือเป็นสุขแทน"
ให้หนุ่มเป็นผู้รู้หรือผู้ดู
ดูอาการของธาตุทั้งสามมันวนเวียนมาให้รู้
# ถ้าสงสัยถามเลยน่ะ
ที่มา หนังสือเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ 7 ตอนที่ 5
http://dungtrin.com/prepare/book07.html
ถาม – อยากทราบว่าการมีสิวแบบขึ้นเห่อมากๆ ไม่ใช่แค่เม็ดสองเม็ดนี่ เกิดจากการที่เราไปทำกรรมอะไรไว้คะ? ทำไมคนอื่นๆบางทีเขาไม่มีสิวเลยทั้งที่การดูแลรักษาทำความสะอาดและทานอาหารเหมือนๆกัน ปัจจัยแวดล้อมภายนอกก็ไม่แตกต่างกัน แถมสิวของดิฉันรักษาอย่างไรก็ไม่หายขาด แล้วถ้าเป็นเพราะกรรมเก่าจริง ดิฉันควรทำบุญแบบไหนเป็นการแก้
สิวเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง และตัวการที่โดนโทษมากกว่าเพื่อนคือฮอร์โมนแอนโดรเจน แม้แบคทีเรียหรือเชื้อโรคอันเกิดจากการไม่รักษาความสะอาดยังเป็นรอง
ส่วนจำนวนสิวจะมากหรือสิวน้อยนั้น ตัวชี้บอกอันดับหนึ่งไม่ใช่เรื่องของการรักษาความสะอาด ไม่ใช่เรื่องของอาหาร ไม่ใช่เรื่องของฤดูกาล ไม่ใช่เรื่องของอารมณ์ร้าย แต่เป็นเรื่องของกรรมพันธุ์! ขอให้สังเกตเถิดว่าถ้าโรคไหนมีชนวนจากจากกรรมพันธุ์เป็นหลัก โรคนั้นจะปราบยากมากถึงยากที่สุด
ฮอร์โมนและกรรมพันธุ์เป็นองค์ประกอบทางกาย เป็นเรื่องของรูปธรรม พระพุทธเจ้าตรัสว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม คุณสมบัติและรายละเอียดต่างๆทางกายก็ถูกกำหนดด้วยกรรมเก่าทั้งสิ้น จะหยาบหรือประณีตแค่ไหน จะน่ามองหรือน่าเมิน จะอยู่สบายหรืออยู่ไม่สุข ล้วนไม่ใช่เรื่องของความบังเอิญ ไม่ใช่เรื่องที่จะถูกสิ่งแวดล้อมกำหนด โรคหรือข้อบกพร่องทางกายที่รักษายาก จะฟ้องว่าเคยทำบาปไว้หนักหรือนาน กรรมเก่าซึ่งทำหน้าที่คุมรูปกายนี้ จึงยื้อไว้ยืดเยื้อ ไม่อนุญาตให้มีทางออกง่ายนัก
หากมองโดยภาพรวม สิวบนใบหน้าทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับหน้าตา หรือแม้ไม่ห่วงสวยห่วงงาม ตอนชำระล้างทำความสะอาดหรือแม้จะนั่งอยู่เฉยๆก็อาจเจ็บปวดทรมานบนใบหน้าได้ นับว่าเป็นวิบากที่ทารุณไม่เบา วิบากที่เกิดขึ้นกับใบหน้า มักมาจากกรรมที่ทำประจำจนติดเป็นนิสัย หรือมาจากกรรมที่ทำอย่างหนักหน่วงกับบุคคลอันเป็นผู้ทรงคุณ
ส่วนใหญ่กรรมเก่าของคนเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังจะมาจาก
๑) การพูดประทุษร้าย การกล่าวตู่ผู้ทรงคุณเป็นนิตย์ ผู้ทรงคุณในที่นี้หมายถึงผู้มีพระคุณเช่นบิดามารดา หรือผู้มีศีลสัตย์บริสุทธิ์ ตลอดจนอริยบุคคลในพุทธศาสนาตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ การเป็นโรคผิวหนังจากกรรมประเภทนี้มักมาในรูปที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด ความแสบร้อน หรือเป็นผื่นคันทรมาน รวมทั้งการมีสิวเห่อเป็นแผงๆชนิดกำจัดยาก กำจัดแล้วก็เป็นอีก เพราะเหมือนผิวหนังจะถูกสร้างขึ้นมาจากวจีทุจริตโดยตรง
๒) การกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นเกิดบาดแผลหรือใช้ยาพิษกับศัตรู ประเภทเอาหมามุ่ยไปโรยแกล้งชาวบ้านด้วยความสนุกคึกคะนองบ่อยๆ หรือประเภทหึงหวงสามีแล้วเอาน้ำกรดไปสาดหน้าเมียน้อย เหล่านี้อาจเป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนังได้ตั้งแต่ขั้นเบาะๆตามหน้าตา ไปจนถึงขั้นรายแรงคันคะเยอเห่อแสบทั่วทั้งร่างกาย
นอกจากกรรมเก่าแล้ว กรรมใหม่ก็เป็นเหตุให้เกิดสิวได้พิสดาร เช่นถ้าคุณเป็นคนดีมีศีลสัตย์สะอาดหมดจดสัก ๕ ปี ผลคือจะมีผิวพรรณละเอียดผุดผ่องขึ้นกว่าเดิมมาก ทีนี้พอพลาดไปทำเรื่องโลภๆโกรธๆชนิดหน้ามืดยืดเยื้อสักครึ่งชั่วโมง สิวอาจผุดขึ้นมาทันตาเห็น ถ้าผิดน้อยหน่อยก็อาจขึ้นตามคางหรือตามแนวข้างที่ไม่ค่อยเห็นจากการมองตรง แต่ถ้าผิดมากหน่อยก็อาจปูดโปนแบบเด่นชัดเห็นง่าย ทั้งนี้ก็เป็นวิธีเตือนของธรรมชาติอย่างหนึ่ง ไม่ให้เราออกนอกทางของความดีงามง่ายนัก
ส่วนถ้าผิวพรรณผุดผ่องมาแต่เกิด สะท้อนความเป็นคนดีมีศีลสัตย์อย่างเข้มแข็งในชั่วชีวิตก่อน อันนี้แม้หน้ามืดด้วยโลภะโทสะหนักๆก็อาจจะยังไม่เห็นผลเร็วทันตา อาจต้องสะสมบาปอยู่หลายปีกว่าความหมองจะปรากฏ หรือต้องคิดปรามาสหรือจาบจ้วงอริยเจ้าด้วยเจตนาประทุษร้าย สิวถึงผุดขึ้นฟ้องบาปได้
สำหรับการรักษา ขอแนะนำให้รักษาด้วยวิธีที่ทันสมัยตามคลินิกที่น่าเชื่อถือก่อน เพราะการใช้รูปธรรมแก้รูปธรรมนั้น ง่ายกว่าการใช้นามธรรมแก้รูปธรรม แต่หากลองเท่าไหร่ๆแล้วไม่ช่วยให้กระเตื้อง ก็อาจใช้ทางลัดที่เป็นไปได้ของกรรมวิบากดูบ้าง หลักการคือทำความดีอย่างเป็นรูปธรรม แบบที่จะปรากฏเป็นภาพกระทบตางดงามผุดผ่อง เพื่อให้ใครๆได้เห็นแล้วเกิดความชื่นชมเลื่อมใส
ยกตัวอย่างเช่นอาสาทำความสะอาดพระพุทธรูปตามวัด เอาแบบที่เราตระเวนไปดูแล้วเห็นว่าเริ่มมีคราบฝุ่นสกปรกเกาะติด ถ้าลงมือขัดถูอย่างดีเป็นสิบเป็นร้อยองค์ มีใจเบิกบานสดชื่นรื่นเริงเป็นอันดีกับการเห็นพระปฏิมาแต่ละองค์ผ่องใสขึ้น คุณจะรู้สึกถึงรังสีเฉิดฉายบางอย่างที่สว่างออกมาทางใบหน้าเลยทีเดียว และสัญชาตญาณทางจิตจะบอกคุณเลยว่ารังสีเฉิดฉายประมาณนี้ จะค่อยๆชนะ ค่อยๆกลบทับริ้วรอยอันไม่พึงประสงค์บนใบหน้าได้แน่ๆ
ถ้าใจถึงยิ่งกว่านั้น ลองเป็นอาสาสมัครล้างส้วมให้พระเณรดู คุณถือเครื่องมือทำความสะอาดเดินดุ่ยๆเข้าไปได้ทุกวัด เขาไม่ห้าม งานนี้เป็นไปตามหลักที่ว่าถ้าเอาความสกปรกออกจากวัด ก็เท่ากับเอาวิบากสกปรกออกจากตัว จะมากหรือน้อยย่อมเห็นผลประจักษ์ในไม่ช้า
การถวายจีวรเนื้อดีเป็นสิบเป็นร้อยผืนก็มีส่วนช่วยได้มาก เพราะการถวายจีวรหรือให้เครื่องนุ่งห่มแก่ผู้ต้องการ จะเป็นบุญประเภทที่ให้ผลกับผิวหนังโดยตรง เนื่องจากอาภรณ์เป็นเครื่องห่อหุ้ม และผิวหนังก็ทำหน้าที่ห่อหุ้มความเป็นตัวเราไว้
หากจะทำกรรมที่ตรงเหตุ แต่เห็นผลไม่หวือหวาทันใจ ก็ขอให้ตั้งจิตรักษาศีล ๕ ให้สะอาดหมดจด โดยเฉพาะข้อที่เกี่ยวกับวาจา คุณต้องมีเมตตาท่วมทับเจตนาร้าย ไม่พูดโกหก ไม่พูดหยาบ ไม่พูดส่อเสียด และไม่พูดเพ้อเจ้อ ถ้าทำได้แม้ในระดับความคิด กระทั่งรู้สึกถึงอานุภาพของศีลที่ฉายแสงเรืองออกมาจากภายใน อธิษฐานกำกับไปด้วย ว่าข้าพเจ้าจะไม่เป็นผู้ประทุษร้ายตนเองและผู้อื่นด้วยคำพูดอีก ขอให้กรรมคือความตั้งใจดีนี้ จงชำระสิ่งสกปรกออกจากตัวของข้าพเจ้า แล้วให้ผลเป็นความมีผิวเนื้อที่น่าพิศ ไม่เหลือร่องรอยน่ารังเกียจใดๆอีก
หากทำด้วยความมีศรัทธาเปี่ยมล้น ก็น่าจะเห็นผลในเวลาไม่เนิ่นช้าครับ ภายในหนึ่งปีต้องทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัดแน่ๆ ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานเลยก็ดี
หมายเหตุย้ำไว้นิดหนึ่ง การจะระบุว่าเป็นโรคเวรโรคกรรมนั้น ต้องดูเบื้องต้นด้วยว่าไม่ใช่โรคติดต่อ หรือไปคลุกกับความสกปรกติดตัวมา แต่จะต้องเกิดขึ้นเอง รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายแม้จะด้วยวิทยาการทันสมัย ถึงหายแล้วก็กลับเป็นอีก
http://dungtrin.com/prepare/book07.html
ถาม – อยากทราบว่าการมีสิวแบบขึ้นเห่อมากๆ ไม่ใช่แค่เม็ดสองเม็ดนี่ เกิดจากการที่เราไปทำกรรมอะไรไว้คะ? ทำไมคนอื่นๆบางทีเขาไม่มีสิวเลยทั้งที่การดูแลรักษาทำความสะอาดและทานอาหารเหมือนๆกัน ปัจจัยแวดล้อมภายนอกก็ไม่แตกต่างกัน แถมสิวของดิฉันรักษาอย่างไรก็ไม่หายขาด แล้วถ้าเป็นเพราะกรรมเก่าจริง ดิฉันควรทำบุญแบบไหนเป็นการแก้
สิวเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง และตัวการที่โดนโทษมากกว่าเพื่อนคือฮอร์โมนแอนโดรเจน แม้แบคทีเรียหรือเชื้อโรคอันเกิดจากการไม่รักษาความสะอาดยังเป็นรอง
ส่วนจำนวนสิวจะมากหรือสิวน้อยนั้น ตัวชี้บอกอันดับหนึ่งไม่ใช่เรื่องของการรักษาความสะอาด ไม่ใช่เรื่องของอาหาร ไม่ใช่เรื่องของฤดูกาล ไม่ใช่เรื่องของอารมณ์ร้าย แต่เป็นเรื่องของกรรมพันธุ์! ขอให้สังเกตเถิดว่าถ้าโรคไหนมีชนวนจากจากกรรมพันธุ์เป็นหลัก โรคนั้นจะปราบยากมากถึงยากที่สุด
ฮอร์โมนและกรรมพันธุ์เป็นองค์ประกอบทางกาย เป็นเรื่องของรูปธรรม พระพุทธเจ้าตรัสว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม คุณสมบัติและรายละเอียดต่างๆทางกายก็ถูกกำหนดด้วยกรรมเก่าทั้งสิ้น จะหยาบหรือประณีตแค่ไหน จะน่ามองหรือน่าเมิน จะอยู่สบายหรืออยู่ไม่สุข ล้วนไม่ใช่เรื่องของความบังเอิญ ไม่ใช่เรื่องที่จะถูกสิ่งแวดล้อมกำหนด โรคหรือข้อบกพร่องทางกายที่รักษายาก จะฟ้องว่าเคยทำบาปไว้หนักหรือนาน กรรมเก่าซึ่งทำหน้าที่คุมรูปกายนี้ จึงยื้อไว้ยืดเยื้อ ไม่อนุญาตให้มีทางออกง่ายนัก
หากมองโดยภาพรวม สิวบนใบหน้าทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับหน้าตา หรือแม้ไม่ห่วงสวยห่วงงาม ตอนชำระล้างทำความสะอาดหรือแม้จะนั่งอยู่เฉยๆก็อาจเจ็บปวดทรมานบนใบหน้าได้ นับว่าเป็นวิบากที่ทารุณไม่เบา วิบากที่เกิดขึ้นกับใบหน้า มักมาจากกรรมที่ทำประจำจนติดเป็นนิสัย หรือมาจากกรรมที่ทำอย่างหนักหน่วงกับบุคคลอันเป็นผู้ทรงคุณ
ส่วนใหญ่กรรมเก่าของคนเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังจะมาจาก
๑) การพูดประทุษร้าย การกล่าวตู่ผู้ทรงคุณเป็นนิตย์ ผู้ทรงคุณในที่นี้หมายถึงผู้มีพระคุณเช่นบิดามารดา หรือผู้มีศีลสัตย์บริสุทธิ์ ตลอดจนอริยบุคคลในพุทธศาสนาตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ การเป็นโรคผิวหนังจากกรรมประเภทนี้มักมาในรูปที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด ความแสบร้อน หรือเป็นผื่นคันทรมาน รวมทั้งการมีสิวเห่อเป็นแผงๆชนิดกำจัดยาก กำจัดแล้วก็เป็นอีก เพราะเหมือนผิวหนังจะถูกสร้างขึ้นมาจากวจีทุจริตโดยตรง
๒) การกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นเกิดบาดแผลหรือใช้ยาพิษกับศัตรู ประเภทเอาหมามุ่ยไปโรยแกล้งชาวบ้านด้วยความสนุกคึกคะนองบ่อยๆ หรือประเภทหึงหวงสามีแล้วเอาน้ำกรดไปสาดหน้าเมียน้อย เหล่านี้อาจเป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนังได้ตั้งแต่ขั้นเบาะๆตามหน้าตา ไปจนถึงขั้นรายแรงคันคะเยอเห่อแสบทั่วทั้งร่างกาย
นอกจากกรรมเก่าแล้ว กรรมใหม่ก็เป็นเหตุให้เกิดสิวได้พิสดาร เช่นถ้าคุณเป็นคนดีมีศีลสัตย์สะอาดหมดจดสัก ๕ ปี ผลคือจะมีผิวพรรณละเอียดผุดผ่องขึ้นกว่าเดิมมาก ทีนี้พอพลาดไปทำเรื่องโลภๆโกรธๆชนิดหน้ามืดยืดเยื้อสักครึ่งชั่วโมง สิวอาจผุดขึ้นมาทันตาเห็น ถ้าผิดน้อยหน่อยก็อาจขึ้นตามคางหรือตามแนวข้างที่ไม่ค่อยเห็นจากการมองตรง แต่ถ้าผิดมากหน่อยก็อาจปูดโปนแบบเด่นชัดเห็นง่าย ทั้งนี้ก็เป็นวิธีเตือนของธรรมชาติอย่างหนึ่ง ไม่ให้เราออกนอกทางของความดีงามง่ายนัก
ส่วนถ้าผิวพรรณผุดผ่องมาแต่เกิด สะท้อนความเป็นคนดีมีศีลสัตย์อย่างเข้มแข็งในชั่วชีวิตก่อน อันนี้แม้หน้ามืดด้วยโลภะโทสะหนักๆก็อาจจะยังไม่เห็นผลเร็วทันตา อาจต้องสะสมบาปอยู่หลายปีกว่าความหมองจะปรากฏ หรือต้องคิดปรามาสหรือจาบจ้วงอริยเจ้าด้วยเจตนาประทุษร้าย สิวถึงผุดขึ้นฟ้องบาปได้
สำหรับการรักษา ขอแนะนำให้รักษาด้วยวิธีที่ทันสมัยตามคลินิกที่น่าเชื่อถือก่อน เพราะการใช้รูปธรรมแก้รูปธรรมนั้น ง่ายกว่าการใช้นามธรรมแก้รูปธรรม แต่หากลองเท่าไหร่ๆแล้วไม่ช่วยให้กระเตื้อง ก็อาจใช้ทางลัดที่เป็นไปได้ของกรรมวิบากดูบ้าง หลักการคือทำความดีอย่างเป็นรูปธรรม แบบที่จะปรากฏเป็นภาพกระทบตางดงามผุดผ่อง เพื่อให้ใครๆได้เห็นแล้วเกิดความชื่นชมเลื่อมใส
ยกตัวอย่างเช่นอาสาทำความสะอาดพระพุทธรูปตามวัด เอาแบบที่เราตระเวนไปดูแล้วเห็นว่าเริ่มมีคราบฝุ่นสกปรกเกาะติด ถ้าลงมือขัดถูอย่างดีเป็นสิบเป็นร้อยองค์ มีใจเบิกบานสดชื่นรื่นเริงเป็นอันดีกับการเห็นพระปฏิมาแต่ละองค์ผ่องใสขึ้น คุณจะรู้สึกถึงรังสีเฉิดฉายบางอย่างที่สว่างออกมาทางใบหน้าเลยทีเดียว และสัญชาตญาณทางจิตจะบอกคุณเลยว่ารังสีเฉิดฉายประมาณนี้ จะค่อยๆชนะ ค่อยๆกลบทับริ้วรอยอันไม่พึงประสงค์บนใบหน้าได้แน่ๆ
ถ้าใจถึงยิ่งกว่านั้น ลองเป็นอาสาสมัครล้างส้วมให้พระเณรดู คุณถือเครื่องมือทำความสะอาดเดินดุ่ยๆเข้าไปได้ทุกวัด เขาไม่ห้าม งานนี้เป็นไปตามหลักที่ว่าถ้าเอาความสกปรกออกจากวัด ก็เท่ากับเอาวิบากสกปรกออกจากตัว จะมากหรือน้อยย่อมเห็นผลประจักษ์ในไม่ช้า
การถวายจีวรเนื้อดีเป็นสิบเป็นร้อยผืนก็มีส่วนช่วยได้มาก เพราะการถวายจีวรหรือให้เครื่องนุ่งห่มแก่ผู้ต้องการ จะเป็นบุญประเภทที่ให้ผลกับผิวหนังโดยตรง เนื่องจากอาภรณ์เป็นเครื่องห่อหุ้ม และผิวหนังก็ทำหน้าที่ห่อหุ้มความเป็นตัวเราไว้
หากจะทำกรรมที่ตรงเหตุ แต่เห็นผลไม่หวือหวาทันใจ ก็ขอให้ตั้งจิตรักษาศีล ๕ ให้สะอาดหมดจด โดยเฉพาะข้อที่เกี่ยวกับวาจา คุณต้องมีเมตตาท่วมทับเจตนาร้าย ไม่พูดโกหก ไม่พูดหยาบ ไม่พูดส่อเสียด และไม่พูดเพ้อเจ้อ ถ้าทำได้แม้ในระดับความคิด กระทั่งรู้สึกถึงอานุภาพของศีลที่ฉายแสงเรืองออกมาจากภายใน อธิษฐานกำกับไปด้วย ว่าข้าพเจ้าจะไม่เป็นผู้ประทุษร้ายตนเองและผู้อื่นด้วยคำพูดอีก ขอให้กรรมคือความตั้งใจดีนี้ จงชำระสิ่งสกปรกออกจากตัวของข้าพเจ้า แล้วให้ผลเป็นความมีผิวเนื้อที่น่าพิศ ไม่เหลือร่องรอยน่ารังเกียจใดๆอีก
หากทำด้วยความมีศรัทธาเปี่ยมล้น ก็น่าจะเห็นผลในเวลาไม่เนิ่นช้าครับ ภายในหนึ่งปีต้องทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัดแน่ๆ ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานเลยก็ดี
หมายเหตุย้ำไว้นิดหนึ่ง การจะระบุว่าเป็นโรคเวรโรคกรรมนั้น ต้องดูเบื้องต้นด้วยว่าไม่ใช่โรคติดต่อ หรือไปคลุกกับความสกปรกติดตัวมา แต่จะต้องเกิดขึ้นเอง รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายแม้จะด้วยวิทยาการทันสมัย ถึงหายแล้วก็กลับเป็นอีก
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 28, 2015 1:42:40pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กรรมในปัจจุบันสำคัญกว่า
อย่างเช่นศาสนาพรามณ์
มีหลายวิชา วิชาไตรเพศ/ วิชาเคาะกระโหลกศรีษะคน
ว่าตายแล้วไปเกิดที่ไหน สวรรค์ นรก มนุษย์ เปตร รู้หมด
วิชาปุริศลักษณะ คือดูส่วนต่างๆของร่างกาย ว่ามันยังเป็นยังไง
และมีวิชาอื่นๆอีกเช่น
วิชาโหราศาตร์
ที่บอกไว้ว่า มนุษย์ที่เกิด ภายใต้ดวงดาวดวงนี้ มีอิทธิพลกับดาวนี้
พระอาทิตย์เลข1
พระจันทร์เลข2
พระอังคารเลข3
พระพุทธเลข4
พระ...ฯลฯ
แล้วเอามาคำนวนถอดรหัสหากรรม
อย่างเช่น
เธอจะมีอายุเพียงเท่านี้เท่านั้นนะ
31ปีตกปีคอคาด คือเป็นปีที่จะต้องตาย อาจตายด้วยโรค ด้วยรถชน
ด้วยโดนยิง ไม่ได้หมายถึงต้องคอขาดตายแต่อย่างเดียว)
ตามเกณฑ์ตามดวงดาวที่บอกไว้
ตายตอนอายุ31ปี
แต่ถ้าไม่เบียดเบียนสัตว์ไม่เบียดเบียนมนุษย์
กลับมีแต่ช่วย
ไม่ฆ่าแล้วยังช่วยเหลืออีก
ปล่อยนกปล่อยปลา
ปล่อยวัวปล่อยควาย
ที่จะโดนฆ่าตายถึงคาดในวันนั้น
และทำทานถวายอาหารใส่บาติ ต่ออายุพระ ต่ออายุพระศาสนา
เป็นประจำ
ด้วยกรรมดีหรือว่ากรรมขาวที่ทำในปัจจุบันนี้นั้นเป็นประจำ
ช่วยให้มีอายุยืน ข้าม31ปีที้ว่าจะต้องตาย
เหมือนหมอดูอภิญญาคนหนึ่ง
มีลูกค้ามาดูหมอ
หมอดูก็ถามว่า
วันเดือนปีเกิดอะไร
ลูกค้าก็บอกมา
หมอดูก็เอาไปตรวจสอบกับตำราโหราศาสตร์
ทั้งเรื่องกิจการงาน เรื่องสุขภาพลานามัน
เรื่องอายุสังขารร่างกาย เรื่องเคราะห์ช่วงไหนบ้างต้องระวังปาก
ระวังการกระทำ
หมอดูตวจดูถึงกับอึ่ง
ดวงของลูกค้านั้นตามเกณฑ์แล้วจะตายตอนช่วง 31ปี
แต่นี้คุณยายอายุ120ปี
หมอดูก็เลยแปลกใจ
ว่าดวงแกตามตำราที่ดวงดาวพยากรณ์ไว้ถึงคาดตาย31ปีแน่นอน
ถ้าต่อชะตาแก่ได้เพิ่มอีกหนิดหน่อย
แต่นี่เลยมา ถึง120ปี
ด้วยความสงสัยของหมอด
หมอดูก็เลยปิดตำราโหราศาสตรไ
ว้ก่อน
แล้วนั้งสมาธิทางในตรวจดูแทน
ด้วยอำนาจของจิตอภิญญา คือตาทิพย์ หูทิพย์ ระลึกชาติได้ อื่นๆ
รู้กรรมเห็นกรรมของสัตว์อื่น มนุษย์คนอื่น
หมอดูก็เลยตรวจดู ยายคนนี้
คุณยายคนนี้ที่มีอายุ120ปีนี่ ทำไม่ถึงไม่ตาย ตามดวงดาวที่บอกกำหนดไว้
แล้ว
หมอดูจึงนั่งดูทางใน ย้อนดูเหตุการณ์ในชีวิตของคุณยายก่อนจะมานั่งดูหมอ
อยู่นี่ ย้อนไปๆ ดูเรื่องราวต่างๆ ย้อนไปๆ ดูเรื่องราวต่างๆไปจนถึงตอนเด็ก
ก็พบว่า
คุณยายคนนี้
แก่ชอบทำบุญ ตั้งโรงทานในตอนสงครามโลก ไทยรบกับต่างประเทศ
ผู้คนอดยาก พระก็อดยาก แต่คุณยายตั้งโรงทานให้อาหารคนยากคนจน
ทั้งถวายอาหารพระเป็นประจำในช่วงสงครามโลกนั้น
กับทั้งคุณยายแก่มีศีลมีสัตย์
ไม่เบียดเบียนใครเลย นอกจากไม่เบียดเบียนแล้ว
ยังช่วยสัตว์อีก ใจบุญสุนทาน มีธรรมประจำใจ คือไม่ค่อยโกรธคน ไม่กังวนกับเรื่
องเศร้าใจ
หมอดูก็รู้ว่าคุณยาย
อยู่เหนือกรรมเส้นความตายที่ดาวระบุไว้ว่า 31ปีตาย
ในปัจจุบันนี้คุณยายมีอายุถึง120ปี
ยังไม่ตาย
เรื่องกรรมในปัจจุบันสำคัญกว่า
กรรมเก่าในอดีต
กรรมเก่าขุดหนทางไว้ขีดเส้นไว้แล้ว ว่าต้องเป็นอย่างนี้
แต่ถ้าเราทำกรรมใหม่ที่รุนแรงกว่า
เราจะอยู่เหนือเส้นทางกรรมเก่าที่ขีดไว้ให้
เข๋ ออกไปอีกด้านหนึ่ง
กรรมดีในปัจจุบันเท่านั้น
ที่จะทำได้
อย่ามอบใจที่เป็นทุกข์ ไปว่าให้แต่เป็นผลของกรรมเก่าๆ
บางทีเราเองนั้นแหละ ทำไม่ดี พูดไม่ดีเอง จึงเป็นทุกข์ร้อนรนใจให้ตนเองเสวย
ความสุขก็เหมือนกัน จะโยงไปหาชี้แต่ว่า เป็นผลของกุศลกรรมเก่าๆ
ที่เคยทำไว้ในอดีต มาย้อนให้ผล
จึงเป็นสุขๆ
อย่างนี้ก็ไม่ถูกนัก
เพราะความสุข ความทุกข์มันขึ้นกับกรรมที่เรา
ทำในปัจจุบันนี้ด้วยเป็นแรงชี้
จะสุขหรือจะทุกข์
# ถ้าเห็นให้ได้ว่าแก่นแท้ของชีวิต
อยู่ที่จิตอยู่ที่ใจ
ก็ไม่มีความสูญเสียครั่งใด
ยิ่งใหญ่
เท่าเสียใจไปทั้งดวง
คนบางคนยอมยกใจทั้งดวงให้กับเรื่องเศร้าครั้งเดียว
แล้วเขาก็ไม่ได้อะไรมาอีกเลยตลอดทั้งชีวิตที่เหลือ
อย่างเช่นศาสนาพรามณ์
มีหลายวิชา วิชาไตรเพศ/ วิชาเคาะกระโหลกศรีษะคน
ว่าตายแล้วไปเกิดที่ไหน สวรรค์ นรก มนุษย์ เปตร รู้หมด
วิชาปุริศลักษณะ คือดูส่วนต่างๆของร่างกาย ว่ามันยังเป็นยังไง
และมีวิชาอื่นๆอีกเช่น
วิชาโหราศาตร์
ที่บอกไว้ว่า มนุษย์ที่เกิด ภายใต้ดวงดาวดวงนี้ มีอิทธิพลกับดาวนี้
พระอาทิตย์เลข1
พระจันทร์เลข2
พระอังคารเลข3
พระพุทธเลข4
พระ...ฯลฯ
แล้วเอามาคำนวนถอดรหัสหากรรม
อย่างเช่น
เธอจะมีอายุเพียงเท่านี้เท่านั้นนะ
31ปีตกปีคอคาด คือเป็นปีที่จะต้องตาย อาจตายด้วยโรค ด้วยรถชน
ด้วยโดนยิง ไม่ได้หมายถึงต้องคอขาดตายแต่อย่างเดียว)
ตามเกณฑ์ตามดวงดาวที่บอกไว้
ตายตอนอายุ31ปี
แต่ถ้าไม่เบียดเบียนสัตว์ไม่เบียดเบียนมนุษย์
กลับมีแต่ช่วย
ไม่ฆ่าแล้วยังช่วยเหลืออีก
ปล่อยนกปล่อยปลา
ปล่อยวัวปล่อยควาย
ที่จะโดนฆ่าตายถึงคาดในวันนั้น
และทำทานถวายอาหารใส่บาติ ต่ออายุพระ ต่ออายุพระศาสนา
เป็นประจำ
ด้วยกรรมดีหรือว่ากรรมขาวที่ทำในปัจจุบันนี้นั้นเป็นประจำ
ช่วยให้มีอายุยืน ข้าม31ปีที้ว่าจะต้องตาย
เหมือนหมอดูอภิญญาคนหนึ่ง
มีลูกค้ามาดูหมอ
หมอดูก็ถามว่า
วันเดือนปีเกิดอะไร
ลูกค้าก็บอกมา
หมอดูก็เอาไปตรวจสอบกับตำราโหราศาสตร์
ทั้งเรื่องกิจการงาน เรื่องสุขภาพลานามัน
เรื่องอายุสังขารร่างกาย เรื่องเคราะห์ช่วงไหนบ้างต้องระวังปาก
ระวังการกระทำ
หมอดูตวจดูถึงกับอึ่ง
ดวงของลูกค้านั้นตามเกณฑ์แล้วจะตายตอนช่วง 31ปี
แต่นี้คุณยายอายุ120ปี
หมอดูก็เลยแปลกใจ
ว่าดวงแกตามตำราที่ดวงดาวพยากรณ์ไว้ถึงคาดตาย31ปีแน่นอน
ถ้าต่อชะตาแก่ได้เพิ่มอีกหนิดหน่อย
แต่นี่เลยมา ถึง120ปี
ด้วยความสงสัยของหมอด
หมอดูก็เลยปิดตำราโหราศาสตรไ
ว้ก่อน
แล้วนั้งสมาธิทางในตรวจดูแทน
ด้วยอำนาจของจิตอภิญญา คือตาทิพย์ หูทิพย์ ระลึกชาติได้ อื่นๆ
รู้กรรมเห็นกรรมของสัตว์อื่น มนุษย์คนอื่น
หมอดูก็เลยตรวจดู ยายคนนี้
คุณยายคนนี้ที่มีอายุ120ปีนี่ ทำไม่ถึงไม่ตาย ตามดวงดาวที่บอกกำหนดไว้
แล้ว
หมอดูจึงนั่งดูทางใน ย้อนดูเหตุการณ์ในชีวิตของคุณยายก่อนจะมานั่งดูหมอ
อยู่นี่ ย้อนไปๆ ดูเรื่องราวต่างๆ ย้อนไปๆ ดูเรื่องราวต่างๆไปจนถึงตอนเด็ก
ก็พบว่า
คุณยายคนนี้
แก่ชอบทำบุญ ตั้งโรงทานในตอนสงครามโลก ไทยรบกับต่างประเทศ
ผู้คนอดยาก พระก็อดยาก แต่คุณยายตั้งโรงทานให้อาหารคนยากคนจน
ทั้งถวายอาหารพระเป็นประจำในช่วงสงครามโลกนั้น
กับทั้งคุณยายแก่มีศีลมีสัตย์
ไม่เบียดเบียนใครเลย นอกจากไม่เบียดเบียนแล้ว
ยังช่วยสัตว์อีก ใจบุญสุนทาน มีธรรมประจำใจ คือไม่ค่อยโกรธคน ไม่กังวนกับเรื่
องเศร้าใจ
หมอดูก็รู้ว่าคุณยาย
อยู่เหนือกรรมเส้นความตายที่ดาวระบุไว้ว่า 31ปีตาย
ในปัจจุบันนี้คุณยายมีอายุถึง120ปี
ยังไม่ตาย
เรื่องกรรมในปัจจุบันสำคัญกว่า
กรรมเก่าในอดีต
กรรมเก่าขุดหนทางไว้ขีดเส้นไว้แล้ว ว่าต้องเป็นอย่างนี้
แต่ถ้าเราทำกรรมใหม่ที่รุนแรงกว่า
เราจะอยู่เหนือเส้นทางกรรมเก่าที่ขีดไว้ให้
เข๋ ออกไปอีกด้านหนึ่ง
กรรมดีในปัจจุบันเท่านั้น
ที่จะทำได้
อย่ามอบใจที่เป็นทุกข์ ไปว่าให้แต่เป็นผลของกรรมเก่าๆ
บางทีเราเองนั้นแหละ ทำไม่ดี พูดไม่ดีเอง จึงเป็นทุกข์ร้อนรนใจให้ตนเองเสวย
ความสุขก็เหมือนกัน จะโยงไปหาชี้แต่ว่า เป็นผลของกุศลกรรมเก่าๆ
ที่เคยทำไว้ในอดีต มาย้อนให้ผล
จึงเป็นสุขๆ
อย่างนี้ก็ไม่ถูกนัก
เพราะความสุข ความทุกข์มันขึ้นกับกรรมที่เรา
ทำในปัจจุบันนี้ด้วยเป็นแรงชี้
จะสุขหรือจะทุกข์
# ถ้าเห็นให้ได้ว่าแก่นแท้ของชีวิต
อยู่ที่จิตอยู่ที่ใจ
ก็ไม่มีความสูญเสียครั่งใด
ยิ่งใหญ่
เท่าเสียใจไปทั้งดวง
คนบางคนยอมยกใจทั้งดวงให้กับเรื่องเศร้าครั้งเดียว
แล้วเขาก็ไม่ได้อะไรมาอีกเลยตลอดทั้งชีวิตที่เหลือ
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 06, 2015 8:13:49am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่ได้เตี้ย..แค่เกิดมาขาสั้น มันอันเดียวกันกับเตี้ยหรือเปล่า?
"ขาสั้นเพราะกรรมที่
ที่ชอบทำตัวกรางอวดศักดาไปทั่ว กูๆ
คือว่านอำนาจกระจ่ายไปทั่ว กูใหญ่ๆๆๆ อวดศักดาแผ่พังพานไปทั่ว ใครใหญ่ๆ กูใหญ่ๆ ด้วยทางกายหรือทางวาจา เกิดชาติใหม่จะถือกำเนิดในร่างอ้วนเตี้ย
ขาสั้น..เหมือนขาตั้งโต๊ะสนุ๊ก
และถ้าเป็นผู้ชายที่ชอบกดขี่ข่มเหงผู้หญิง
เป็นประจำ ไม่ว่ากระทำด้วยกาย หรือด้วยการพูด เมื่อกรรมเผล็ดผล
ภพชาติชาติใหม่เกิดมาจะรูปร่างเล็ก
บาง เห็นแล้ว ดูน่ารังแก
แต่ถ้านิสัยชาติปัจจุบันกลับ เป็นคนชอบช่วยคนอื่นด้วยมือ
ด้วยเท้า หรือด้วยการกระทำทางกาย ในเรื่องดี ในการพูุดใช้วาจาช่วยคน หรือคิดระดมสติปัญญาตนเองเท่าที่จะงัดเอาออกมาช่วยคนอื่นได้
คราวต่อไปกรรมก็จะจัดให้ได้
เป็นผู้ที่มีมือใหญ่ นิ้วใหญ่ สมส่วนร่างกาย
ศรีษะมลกลมใหญ่ ดูเป็นผู้นำ เสียงไม่แหบเหมือนเสียงเป็ดห่าน
และจะเป็นผู้ที่มีพวก หรือมีบริวารมาก
"ขาสั้นเพราะกรรมที่
ที่ชอบทำตัวกรางอวดศักดาไปทั่ว กูๆ
คือว่านอำนาจกระจ่ายไปทั่ว กูใหญ่ๆๆๆ อวดศักดาแผ่พังพานไปทั่ว ใครใหญ่ๆ กูใหญ่ๆ ด้วยทางกายหรือทางวาจา เกิดชาติใหม่จะถือกำเนิดในร่างอ้วนเตี้ย
ขาสั้น..เหมือนขาตั้งโต๊ะสนุ๊ก
และถ้าเป็นผู้ชายที่ชอบกดขี่ข่มเหงผู้หญิง
เป็นประจำ ไม่ว่ากระทำด้วยกาย หรือด้วยการพูด เมื่อกรรมเผล็ดผล
ภพชาติชาติใหม่เกิดมาจะรูปร่างเล็ก
บาง เห็นแล้ว ดูน่ารังแก
แต่ถ้านิสัยชาติปัจจุบันกลับ เป็นคนชอบช่วยคนอื่นด้วยมือ
ด้วยเท้า หรือด้วยการกระทำทางกาย ในเรื่องดี ในการพูุดใช้วาจาช่วยคน หรือคิดระดมสติปัญญาตนเองเท่าที่จะงัดเอาออกมาช่วยคนอื่นได้
คราวต่อไปกรรมก็จะจัดให้ได้
เป็นผู้ที่มีมือใหญ่ นิ้วใหญ่ สมส่วนร่างกาย
ศรีษะมลกลมใหญ่ ดูเป็นผู้นำ เสียงไม่แหบเหมือนเสียงเป็ดห่าน
และจะเป็นผู้ที่มีพวก หรือมีบริวารมาก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ในหลวงจักได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลภายภาคหน้า
ในสมัยนั้นมนุษย์จะมีเกณฑ์อายุ1แสนปี
ต่างกันกับอายุของมนุษย์ในตอนนี้มาก
คือมีเกณฑ์อยู่ที่ 75 ปี
ทรงมีพระนามว่า พระสุมงคล" ในอนาคตกาลพระสุมงคลทศพลญาณเจ้านั้น มีพระองค์สูงได้ ๖๐ ศอก พระชนมายุมีประมาณแสนปีเป็นกำหนด ไม้กากะทิงเป็นพระศรีมหาโพธิ ประดับด้วยพระพุทธรัศมีรุ่งเรืองสว่าง ดังสีทองเป็นอันงามประดุจกลางวัน แล้วจะบังเกิดมีไม้กัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง ห้อยย้อยไปด้วยสิ่งของเครื่องประดับ มีประการต่างๆ ด้วยพระพุทธานุภาพ ฝูงมนุษย์ทั้งหลายในพระศาสนาของพระสุมงคล มิได้กระทำซึ่งกสิกรรม วาณิชกรรม(ไม่ทำนาทำสวนทำไร่) เพราะได้อาศัยซึ่งต้นกัลปพฤกษ์นั้น ประพฤติเลี้ยงชีวิตแห่ง มนุษย์ทั้งหลายๆมีความผาสุกสบาย ขวนขวายแต่การเล่นเต้นรำแต่งตัวอยู่เป็นนิจ เสมอเหมือนเทพบุตร เทพธิดา ซึ่งได้ทิพยสมบัติในสวรรค์เทวโลกฯ สมเด็จพระสุมงคลทศพลญาณเจ้า ก่อสร้างพระบารมีมาทั้ง ๑๐ ประการ จึงสำเร็จแก่พระพุทธสมบัติเห็นปานดังนี้ ฯ อันว่ากองพระบารมีครั้งหนึ่ง พระองค์กระทำมาแต่ยังเป็นพระบรมโพธิสัตว์อยู่นั้น ปรากฏเป็นปรมัตถบารมีอันยิ่งยอดอย่างเอกอุดมทาน ฯ
เพราะด้วยเหตุที่ท่าน เจ้าคุณพระญาณสิทธาจารย์(สิม พุทฺธาจาโร)ซึ่งเป็นพระขีณาสวสงฆ์ผู้ทรงญาณวิสัยอันลึกล้ำ สามารถแทงตลอดในการทุกสิ่งอัน และได้แจ้งในใจในพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในอนาคตวงศ์ภายภาคหน้าจะได้ตรัสรู้เป็นอย่างเที่ยงที่สุด
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคย
เกิดเป็นช้างในสมัยที่พระพุทธเจ้าเรายังไม่ปรินิพพาน
ช้างโพธิ์สัตย์(ในหลวง)นี้
เมื่อเห็นพระโคดม(พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)
เสด็จเจ้าไปในป่า
ก็รีบไปต้อนรับ รับจีวร
ถวายงาน ต้มน้ำ หาอาหารผลไม้ กวาดลานจรงกลม ถวายงานพัด ให้พระพุทธเจ้า อย่างร่าเริงเบิกบานใจ
ทำเช่นนี้อยู่หลายวัน
จนวันหนึ่งพระอานนท์ มาแต่ไกล
เข้าไปในป่า ช้างโพธิ์สัตย์นี้ ก็คิดว่าจะเป็นผู้ร้าย จะเข้ามาทำร้ายพระพุทธเจ้า
ช้างโพธิ์สัตย์นี้ก็ใช้งวงขว้างท่อนไม้ใส่พระอานนท์ แต่ไม่โดน
พระพุทธเจ้าจึงบอกว่า
นั่นอานนท์เป็นอุปฐากของเรา
ปล่อยให้อานนท์เข้ามาเถิด
#เรื่องยาวกว่านี้อีกครับ
สรุป..ช้างโพธิ์สัตย์หรือในหลวงนี้
้ในตอนนั้นได้สร้างบารมีใหญ่
ในตอนพระพุทธเจ้าอยู่ในป่าผู้เดียว
่
้
ในสมัยนั้นมนุษย์จะมีเกณฑ์อายุ1แสนปี
ต่างกันกับอายุของมนุษย์ในตอนนี้มาก
คือมีเกณฑ์อยู่ที่ 75 ปี
ทรงมีพระนามว่า พระสุมงคล" ในอนาคตกาลพระสุมงคลทศพลญาณเจ้านั้น มีพระองค์สูงได้ ๖๐ ศอก พระชนมายุมีประมาณแสนปีเป็นกำหนด ไม้กากะทิงเป็นพระศรีมหาโพธิ ประดับด้วยพระพุทธรัศมีรุ่งเรืองสว่าง ดังสีทองเป็นอันงามประดุจกลางวัน แล้วจะบังเกิดมีไม้กัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง ห้อยย้อยไปด้วยสิ่งของเครื่องประดับ มีประการต่างๆ ด้วยพระพุทธานุภาพ ฝูงมนุษย์ทั้งหลายในพระศาสนาของพระสุมงคล มิได้กระทำซึ่งกสิกรรม วาณิชกรรม(ไม่ทำนาทำสวนทำไร่) เพราะได้อาศัยซึ่งต้นกัลปพฤกษ์นั้น ประพฤติเลี้ยงชีวิตแห่ง มนุษย์ทั้งหลายๆมีความผาสุกสบาย ขวนขวายแต่การเล่นเต้นรำแต่งตัวอยู่เป็นนิจ เสมอเหมือนเทพบุตร เทพธิดา ซึ่งได้ทิพยสมบัติในสวรรค์เทวโลกฯ สมเด็จพระสุมงคลทศพลญาณเจ้า ก่อสร้างพระบารมีมาทั้ง ๑๐ ประการ จึงสำเร็จแก่พระพุทธสมบัติเห็นปานดังนี้ ฯ อันว่ากองพระบารมีครั้งหนึ่ง พระองค์กระทำมาแต่ยังเป็นพระบรมโพธิสัตว์อยู่นั้น ปรากฏเป็นปรมัตถบารมีอันยิ่งยอดอย่างเอกอุดมทาน ฯ
เพราะด้วยเหตุที่ท่าน เจ้าคุณพระญาณสิทธาจารย์(สิม พุทฺธาจาโร)ซึ่งเป็นพระขีณาสวสงฆ์ผู้ทรงญาณวิสัยอันลึกล้ำ สามารถแทงตลอดในการทุกสิ่งอัน และได้แจ้งในใจในพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในอนาคตวงศ์ภายภาคหน้าจะได้ตรัสรู้เป็นอย่างเที่ยงที่สุด
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคย
เกิดเป็นช้างในสมัยที่พระพุทธเจ้าเรายังไม่ปรินิพพาน
ช้างโพธิ์สัตย์(ในหลวง)นี้
เมื่อเห็นพระโคดม(พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)
เสด็จเจ้าไปในป่า
ก็รีบไปต้อนรับ รับจีวร
ถวายงาน ต้มน้ำ หาอาหารผลไม้ กวาดลานจรงกลม ถวายงานพัด ให้พระพุทธเจ้า อย่างร่าเริงเบิกบานใจ
ทำเช่นนี้อยู่หลายวัน
จนวันหนึ่งพระอานนท์ มาแต่ไกล
เข้าไปในป่า ช้างโพธิ์สัตย์นี้ ก็คิดว่าจะเป็นผู้ร้าย จะเข้ามาทำร้ายพระพุทธเจ้า
ช้างโพธิ์สัตย์นี้ก็ใช้งวงขว้างท่อนไม้ใส่พระอานนท์ แต่ไม่โดน
พระพุทธเจ้าจึงบอกว่า
นั่นอานนท์เป็นอุปฐากของเรา
ปล่อยให้อานนท์เข้ามาเถิด
#เรื่องยาวกว่านี้อีกครับ
สรุป..ช้างโพธิ์สัตย์หรือในหลวงนี้
้ในตอนนั้นได้สร้างบารมีใหญ่
ในตอนพระพุทธเจ้าอยู่ในป่าผู้เดียว
่
้
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 06, 2015 8:30:27pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
" ท้าวสักกะจอมเทพ(พระอินทร์)
กล่าวว่าเราเป็นผู้มีจิตอันโทสะไม่กระทบกระทั่ง เป็นผู้อันความหมุนมาร
นำอารมณ์ไปไม่ได้ง่าย เราไม่โกรธมานานแล้ว ความโกรธย่อมไม่ตั้งอยู่ในเรา ถึง
เราโกรธก็ไม่กล่าวคำหยาบ และไม่กล่าวคำไม่ชอบธรรมด้วย เราเห็นประโยชน์จึงข่มไว้
#เทวดาที่ไม่มักโกรธ จะมีรัสมีแสงสว่างใสวมาก
#เทวดาที่มักโกรธ
มักจะจุติ(ตาย)ไปก่อนกำหนดอายุไข
(ตายก่อนอายุไข
กล่าวว่าเราเป็นผู้มีจิตอันโทสะไม่กระทบกระทั่ง เป็นผู้อันความหมุนมาร
นำอารมณ์ไปไม่ได้ง่าย เราไม่โกรธมานานแล้ว ความโกรธย่อมไม่ตั้งอยู่ในเรา ถึง
เราโกรธก็ไม่กล่าวคำหยาบ และไม่กล่าวคำไม่ชอบธรรมด้วย เราเห็นประโยชน์จึงข่มไว้
#เทวดาที่ไม่มักโกรธ จะมีรัสมีแสงสว่างใสวมาก
#เทวดาที่มักโกรธ
มักจะจุติ(ตาย)ไปก่อนกำหนดอายุไข
(ตายก่อนอายุไข
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ดูไว้นะ คนสวยๆ ตอนแกจะเป็นอย่างไร?
เรื่อง ชายหนุ่ม ผู้มีอุบัติเหตุ
เสียอวัยวะ แต่ได้ อวัยวะวิเศษจากพระ
ตาวิเศษข้างหนึ่ง หูวิเศษข้างหนึ่ง
ชายหนุ่มกับแฟนสาวคู่นี้ กำลังจีบกัน รักกันมาก
ชายหนุ่มโดยอัตถะยาสัย เป็นคนชอบดูหนัง ชอบหมกตัว
ชอบเล่นเกม
วันหนึ่งเขาเล่นเกมโดยไม่ยอมนอน7วัน
พอวันที่7มาถึง ลูกกะตาเขาแตก
ข้างหนึ่งคือข้างซ้าย เขาสูญเสียตายข้างซ้ายไป
เขารวยมาก เขาพยามยามทำทุกวิถีทางที่จะให้ตนเองได้มีดวงตากลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได
้เขาจึงไปโรงพยาบาลต่อรองกับหมอ ผมรวยๆๆ
ถ้า มีลูกตาใส่ให้ผมด้วย ผมมีให้หมอ30ล้าน ถ้าไม่ได้ตาคนก็เอาตาสัตว์ก็ได้
หมอก็บอก ไม่มีคนบริจากดวงตาไว้เลยครับ
เขาก็โวยวาย พร้ำบ่นค่ำครวณ ทุบอก รำไรอาวรในลูกกะตาที่เสียไป
ทันใดนั้นมีพระภิกษุรูปหนึ่งรู้วันตายตนเอง ว่าวันนี้แหละ เราจะทำประโยช์ไว้ด้วยการบริจากร่างกายทั้งตัว ใครจะมาเอาส่วนไหนก็เอาไป
เจ้ากรรมนายเวรจะมาเอาชีวิตด้วย
หมอจึงเห็นว่า ควรจะเอาลูกกะตาของพระมาใส่ไว้
จึงโทรติดต่อกลับไปหาชายคนนั้น
บอกว่า มีลูกกะตาแล้ว จะเอาไหม
ชายคนนั้นก็ดีใจ รับตกลง
จากนั้นก็มีเรื่องอัจศจรรเวลาที่ในขณะที่ใส่
พอใส่แล้ว
ลูกกะตาวิเศษแล้ว เขาก็สลบสไหลไป90วัน
หลังจากะพอลืมตาได้
เขาก็มองไปที่เพดานเห็นจิ่งจกแกจับอยู่ที่หลอดไฟ เขาก็แปลกใจ ว่าจิ้งจกแกเป็นด้วยหรือ
เขาสามารถมารถมองเห็น ความแก่ของคนได้ ในขณะที่คนถูกมองยังไม่แก
เรื่อง ชายหนุ่ม ผู้มีอุบัติเหตุ
เสียอวัยวะ แต่ได้ อวัยวะวิเศษจากพระ
ตาวิเศษข้างหนึ่ง หูวิเศษข้างหนึ่ง
ชายหนุ่มกับแฟนสาวคู่นี้ กำลังจีบกัน รักกันมาก
ชายหนุ่มโดยอัตถะยาสัย เป็นคนชอบดูหนัง ชอบหมกตัว
ชอบเล่นเกม
วันหนึ่งเขาเล่นเกมโดยไม่ยอมนอน7วัน
พอวันที่7มาถึง ลูกกะตาเขาแตก
ข้างหนึ่งคือข้างซ้าย เขาสูญเสียตายข้างซ้ายไป
เขารวยมาก เขาพยามยามทำทุกวิถีทางที่จะให้ตนเองได้มีดวงตากลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได
้เขาจึงไปโรงพยาบาลต่อรองกับหมอ ผมรวยๆๆ
ถ้า มีลูกตาใส่ให้ผมด้วย ผมมีให้หมอ30ล้าน ถ้าไม่ได้ตาคนก็เอาตาสัตว์ก็ได้
หมอก็บอก ไม่มีคนบริจากดวงตาไว้เลยครับ
เขาก็โวยวาย พร้ำบ่นค่ำครวณ ทุบอก รำไรอาวรในลูกกะตาที่เสียไป
ทันใดนั้นมีพระภิกษุรูปหนึ่งรู้วันตายตนเอง ว่าวันนี้แหละ เราจะทำประโยช์ไว้ด้วยการบริจากร่างกายทั้งตัว ใครจะมาเอาส่วนไหนก็เอาไป
เจ้ากรรมนายเวรจะมาเอาชีวิตด้วย
หมอจึงเห็นว่า ควรจะเอาลูกกะตาของพระมาใส่ไว้
จึงโทรติดต่อกลับไปหาชายคนนั้น
บอกว่า มีลูกกะตาแล้ว จะเอาไหม
ชายคนนั้นก็ดีใจ รับตกลง
จากนั้นก็มีเรื่องอัจศจรรเวลาที่ในขณะที่ใส่
พอใส่แล้ว
ลูกกะตาวิเศษแล้ว เขาก็สลบสไหลไป90วัน
หลังจากะพอลืมตาได้
เขาก็มองไปที่เพดานเห็นจิ่งจกแกจับอยู่ที่หลอดไฟ เขาก็แปลกใจ ว่าจิ้งจกแกเป็นด้วยหรือ
เขาสามารถมารถมองเห็น ความแก่ของคนได้ ในขณะที่คนถูกมองยังไม่แก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พราะบวชเป็นพระแล้วศึกษา
พระไตรปีฏก (คือคำพูดพระพุทธเจ้า2พันกว่าปี อยู่ในหนังสือพระไตรปีฏกหมด)
พระท่านก็ศึกษาจากตรงนี้ แล้วไปปฏิบัติ
ผมก็เลยโพสแต่เรื่องธรรมะ
ถ้าผมศึกษาแนวหมอแนววิทยาศาตร์
ผมก็คงจะโพสแต่เรื่องวิทยาศาตร์
พระทั้งหลายที่ไปเทศตามงานนั่นงานนี่งานต่างๆที่เราเห็นๆในปัจจุบันนี้
่
พวกท่านก็ล้วนอ่านหนังสือพระไตรปีฏก
อ่านแล้วพวกท่านเข้าใจอย่างไรก็ เอามาเทศสอนโยม
ที่มามันเป็นอย่างนี้แหละ
และพระทั้งหลายที่ได้ตำแหน่ง
เจ้าคณะตำบล
เจ้าคณะอำเภอ
เจ้าคณะจังหวัด
เจ้าคณะภาค ฯลฯ...
พวกท่านเหล่านั้นก็อ่านศึกษาพระไตรปีฏกทั้งนั้น
เวลาพระเทศอะไรออกไป ถ้าเราอยากรู้ว่าจริงไหม
ให้ไปตรวจดูในหนังสือพระไตรปีฏก
45เล่ม
พระไตรปีฏก (คือคำพูดพระพุทธเจ้า2พันกว่าปี อยู่ในหนังสือพระไตรปีฏกหมด)
พระท่านก็ศึกษาจากตรงนี้ แล้วไปปฏิบัติ
ผมก็เลยโพสแต่เรื่องธรรมะ
ถ้าผมศึกษาแนวหมอแนววิทยาศาตร์
ผมก็คงจะโพสแต่เรื่องวิทยาศาตร์
พระทั้งหลายที่ไปเทศตามงานนั่นงานนี่งานต่างๆที่เราเห็นๆในปัจจุบันนี้
่
พวกท่านก็ล้วนอ่านหนังสือพระไตรปีฏก
อ่านแล้วพวกท่านเข้าใจอย่างไรก็ เอามาเทศสอนโยม
ที่มามันเป็นอย่างนี้แหละ
และพระทั้งหลายที่ได้ตำแหน่ง
เจ้าคณะตำบล
เจ้าคณะอำเภอ
เจ้าคณะจังหวัด
เจ้าคณะภาค ฯลฯ...
พวกท่านเหล่านั้นก็อ่านศึกษาพระไตรปีฏกทั้งนั้น
เวลาพระเทศอะไรออกไป ถ้าเราอยากรู้ว่าจริงไหม
ให้ไปตรวจดูในหนังสือพระไตรปีฏก
45เล่ม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ถ้าใครขอยืมเงินต้องคิดแบบนี้
ถาม: เวลาคนอื่นขอยืมเงินเรา เราให้เขายืม แต่พอเรามีปัญหา
แม้เงินเราเองเราขอทวงคืนเขาก็บอกจะผ่อนให้ แต่ผ่อนได้เดือนเดียวก็ยังไม่ให
้อีก เลยมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อเขา จะมีวิธีทำใจอย่างไร ที่จะไม่คิดร้ายกับเขา
และยังอยากได้เงินคืน ถ้าไม่ได้คืนจะทำใจอย่างไร ไม่ให้เป็นทุกข์?
ตอบ: เพื่อความสบายใจ เวลาผมให้เงินใครผมไม่คิดว่าให้ยืม แต่คิดว่าให้เลย
ถ้าไม่ให้ก็แปลว่าไม่มีจะให้ หรือรู้สึกว่าเกินกว่าจะให้ คนเราถ้าเดือดร้
อนหน้าแห้ง ขนาดมีประวัติต้องตระเวนขอหยิบขอยืมจากใครๆ ล้วน
แล้วแต่ออกแนวนี้แหละครับ พอยืมได้ล่ะก็ แม้จะมีใช้คืนแล้ว แต่ก็นึกเสียดาย กั๊ก
ไว้ในกระเป๋าตัวเองอยู่ดี ด้วยความคิดว่าคนอื่นคงมีพอกินพอใช้ แบ่งๆ
ให้ตนแค่นี้คงไม่เป็นไร
ที่คิดอย่างนั้นได้เพราะอะไร? เพราะความตระหนี่และความโลภลวงใจให้
เขาสำคัญผิด รู้สึกว่าเงินในกระเป๋าเขาก็ต้องเป็นเงินของเขา คุณให้เขา
แล้วก็ต้องเป็นสิทธิ์ของเขาแล้ว จำเป็นอะไรที่เขาต้องสละเงินตัวเองให้กับคุณ
แม้คุณจะอ้างว่าเป็นเจ้าของเก่าก็ตาม กรณีของคุณถือว่าโชคดีแล้วที่เขา
ใช้คืนมาก้อนหนึ่ง ส่วนใหญ่ไปแล้วไปลับไม่กลับคืนมาทั้งก้อน
บาปกรรมประเภทยืมแล้วไม่คืนนี้ ทุกคนเคยๆทำกันมาทั้งนั้น
เพราะธรรมชาติของกิเลสมันเป็นอย่างนี้เสมอ ไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต
คุณไม่ทำตอนแก่ก็อาจจะเคยทำตอนหนุ่มสาว หรือถ้าไม่ทำตอน
หนุ่มสาวก็อาจทำตอนเด็ก หรือถ้าไม่ทำตอนเด็กก็อาจทำตอนเป็นคนแก่
ในชาติที่แล้ว ฯลฯ ฉะนั้นอย่าแปลกใจถ้าชั่วชีวิตแต่ละคนต้องโดนกันสักครั้ง
ว่าไปแล้ว โทษอันเกิดจากการชักดาบ ยืมเงินแล้วไม่คืนนั้น
อาจหนักหนาเสียยิ่งกว่าการขโมยซึ่งๆหน้า เพราะโจรที่ปล้น
เงินตรงไปตรงมา มีจิตคิดเอาของคนอื่นไปเป็นของตนโดยไม่ตั้งใจคืน
ส่วนคนยืมเงินเพื่อนนั้น นอกจากคิดเอาไปไม่ใช้คืนแล้ว ยังต้องด้านทนเวลา
เขาทวงคืน เท่ากับต้องพอกพูนความตระหนี่ให้ทวียิ่งๆขึ้นไปอีก
ความตระหนี่เป็นเหตุให้อัตคัด ส่วนการฉ้อโกงเป็นเหตุให้ทรัพย์พินาศ
พวกยืมเงินแล้วไม่คืนทั้งที่มีพอจะคืนนั้น ได้ชื่อว่าทั้งตระหนี่ทั้งฉ้อโกง
ในอนาคตนอกจากยากจนยังโดนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด มีเหตุให้ทรัพย์
พินาศเนืองๆ ส่วนในชาติปัจจุบันบาปอาจพัฒนาตัวเอง ทำให้หน้ามืดตาม
ัว เห็นผิดเป็นชอบ รู้สึกเหมือนตนเองจนตรอกอยู่ตลอดเวลา แรกๆก็ตากหน้ายื
มญาติด้วยความเขินอาย ต่อมาก็ยืมเพื่อน ยืมแฟน พอทุกคนบอกศาลาก
ันหมด ไม่เหลือใครให้ยืมอีกแล้ว ก็ยกระดับขึ้นสู่วิชาชีพคดโกงขั้นต่อๆไป
เมื่อคิดได้อย่างนี้ ก็หันมาเปรียบเทียบกับตัวเอง บอกตัวเองว่ายังดีที่คุณเป็นฝ่า
ยถูกโกง ไม่ใช่คุณไปโกงเขา คุณไม่ได้สร้างเหตุแห่งความอัตคัด เพราะคุณ
เป็นฝ่ายสละความตระหนี่ และคุณก็ไม่ได้สร้างเหตุให้ทรัพย์พินาศ
เพราะคุณไม่ได้ฉ้อโกงใคร
ส่วนที่ทรัพย์พินาศไปด้วยการโดนยืมแล้วชักดาบ อันนั้นก็ให้ถือ
เป็นการลงโทษของกรรมเก่าที่เคยไปทำใครเขามา อภัยได้ก็ถือว่าหมดเวร
กัน คนเราถ้าเจ็บแค้นแล้วสามารถอภัย นึกปรารถนาดีกับผู้ทำให้เจ็บแค้น
ได้ ก็จะลิ้มรสเมตตาที่อร่อยกว่าปกติ แล้วมีกำลังใจที่จะทำดีด้านอื่น
ๆตามมาอีกมาก
หากพยายามทำใจแล้วอภัยไม่ได้ ก็ลองทำบุญใหญ่ ถวายสังฆทานหรือ
เลี้ยงอาหารเด็กหรือคนชราตามสถานสงเคราะห์ดู คำแนะนำนี้เหมือนจะ
ให้จ่ายเพิ่ม ไม่ได้เงินคืนแล้วยังเสียเงินอีก แต่ขอให้ลองเถิด ลองคิดว่าเราบวก
เงินเพิ่มเข้าไปจากที่เสีย รวมกันเพื่อเจตนาสงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาส
เท่านี้คุณจะรู้สึกว่าเงินที่เสียไปทั้งหมดล้วนเพื่อทำทาน อย่างน้อยใจคุณต
้องสบายขึ้นเป็นกอง และหากฟลุกๆ ลูกหนี้ยังมีความละอายอยู่บ้าง
ก็อาจถูกข่ายคลื่นแห่งมหาทานของคุณเข้าท่วมทับ รุ่งขึ้นกลับใจโทร.
มาขอคืนเงินเห็นทันตา
แต่ถ้าเกินจะอภัย ยกเงินให้เฉยๆไม่ไหว และทำอย่างไรเขาก็ไม่คืน เช่นนั้นคง
ต้องพึ่งพากระบวนการยุติธรรมแบบโลกๆกันต่อไป ซึ่งนั่นก็พ้นขอบเขตที่ผมจะ
ให้คำแนะนำ บอกได้แต่เพียงว่าจะทำอะไรขอให้มีโทสะเจืออยู่น้อยที่สุด
เท่าที่จะเป็นไปได้ก็แล้วกันครับ
โดย www.facebook.com/dungtrin
ถาม: เวลาคนอื่นขอยืมเงินเรา เราให้เขายืม แต่พอเรามีปัญหา
แม้เงินเราเองเราขอทวงคืนเขาก็บอกจะผ่อนให้ แต่ผ่อนได้เดือนเดียวก็ยังไม่ให
้อีก เลยมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อเขา จะมีวิธีทำใจอย่างไร ที่จะไม่คิดร้ายกับเขา
และยังอยากได้เงินคืน ถ้าไม่ได้คืนจะทำใจอย่างไร ไม่ให้เป็นทุกข์?
ตอบ: เพื่อความสบายใจ เวลาผมให้เงินใครผมไม่คิดว่าให้ยืม แต่คิดว่าให้เลย
ถ้าไม่ให้ก็แปลว่าไม่มีจะให้ หรือรู้สึกว่าเกินกว่าจะให้ คนเราถ้าเดือดร้
อนหน้าแห้ง ขนาดมีประวัติต้องตระเวนขอหยิบขอยืมจากใครๆ ล้วน
แล้วแต่ออกแนวนี้แหละครับ พอยืมได้ล่ะก็ แม้จะมีใช้คืนแล้ว แต่ก็นึกเสียดาย กั๊ก
ไว้ในกระเป๋าตัวเองอยู่ดี ด้วยความคิดว่าคนอื่นคงมีพอกินพอใช้ แบ่งๆ
ให้ตนแค่นี้คงไม่เป็นไร
ที่คิดอย่างนั้นได้เพราะอะไร? เพราะความตระหนี่และความโลภลวงใจให้
เขาสำคัญผิด รู้สึกว่าเงินในกระเป๋าเขาก็ต้องเป็นเงินของเขา คุณให้เขา
แล้วก็ต้องเป็นสิทธิ์ของเขาแล้ว จำเป็นอะไรที่เขาต้องสละเงินตัวเองให้กับคุณ
แม้คุณจะอ้างว่าเป็นเจ้าของเก่าก็ตาม กรณีของคุณถือว่าโชคดีแล้วที่เขา
ใช้คืนมาก้อนหนึ่ง ส่วนใหญ่ไปแล้วไปลับไม่กลับคืนมาทั้งก้อน
บาปกรรมประเภทยืมแล้วไม่คืนนี้ ทุกคนเคยๆทำกันมาทั้งนั้น
เพราะธรรมชาติของกิเลสมันเป็นอย่างนี้เสมอ ไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต
คุณไม่ทำตอนแก่ก็อาจจะเคยทำตอนหนุ่มสาว หรือถ้าไม่ทำตอน
หนุ่มสาวก็อาจทำตอนเด็ก หรือถ้าไม่ทำตอนเด็กก็อาจทำตอนเป็นคนแก่
ในชาติที่แล้ว ฯลฯ ฉะนั้นอย่าแปลกใจถ้าชั่วชีวิตแต่ละคนต้องโดนกันสักครั้ง
ว่าไปแล้ว โทษอันเกิดจากการชักดาบ ยืมเงินแล้วไม่คืนนั้น
อาจหนักหนาเสียยิ่งกว่าการขโมยซึ่งๆหน้า เพราะโจรที่ปล้น
เงินตรงไปตรงมา มีจิตคิดเอาของคนอื่นไปเป็นของตนโดยไม่ตั้งใจคืน
ส่วนคนยืมเงินเพื่อนนั้น นอกจากคิดเอาไปไม่ใช้คืนแล้ว ยังต้องด้านทนเวลา
เขาทวงคืน เท่ากับต้องพอกพูนความตระหนี่ให้ทวียิ่งๆขึ้นไปอีก
ความตระหนี่เป็นเหตุให้อัตคัด ส่วนการฉ้อโกงเป็นเหตุให้ทรัพย์พินาศ
พวกยืมเงินแล้วไม่คืนทั้งที่มีพอจะคืนนั้น ได้ชื่อว่าทั้งตระหนี่ทั้งฉ้อโกง
ในอนาคตนอกจากยากจนยังโดนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด มีเหตุให้ทรัพย์
พินาศเนืองๆ ส่วนในชาติปัจจุบันบาปอาจพัฒนาตัวเอง ทำให้หน้ามืดตาม
ัว เห็นผิดเป็นชอบ รู้สึกเหมือนตนเองจนตรอกอยู่ตลอดเวลา แรกๆก็ตากหน้ายื
มญาติด้วยความเขินอาย ต่อมาก็ยืมเพื่อน ยืมแฟน พอทุกคนบอกศาลาก
ันหมด ไม่เหลือใครให้ยืมอีกแล้ว ก็ยกระดับขึ้นสู่วิชาชีพคดโกงขั้นต่อๆไป
เมื่อคิดได้อย่างนี้ ก็หันมาเปรียบเทียบกับตัวเอง บอกตัวเองว่ายังดีที่คุณเป็นฝ่า
ยถูกโกง ไม่ใช่คุณไปโกงเขา คุณไม่ได้สร้างเหตุแห่งความอัตคัด เพราะคุณ
เป็นฝ่ายสละความตระหนี่ และคุณก็ไม่ได้สร้างเหตุให้ทรัพย์พินาศ
เพราะคุณไม่ได้ฉ้อโกงใคร
ส่วนที่ทรัพย์พินาศไปด้วยการโดนยืมแล้วชักดาบ อันนั้นก็ให้ถือ
เป็นการลงโทษของกรรมเก่าที่เคยไปทำใครเขามา อภัยได้ก็ถือว่าหมดเวร
กัน คนเราถ้าเจ็บแค้นแล้วสามารถอภัย นึกปรารถนาดีกับผู้ทำให้เจ็บแค้น
ได้ ก็จะลิ้มรสเมตตาที่อร่อยกว่าปกติ แล้วมีกำลังใจที่จะทำดีด้านอื่น
ๆตามมาอีกมาก
หากพยายามทำใจแล้วอภัยไม่ได้ ก็ลองทำบุญใหญ่ ถวายสังฆทานหรือ
เลี้ยงอาหารเด็กหรือคนชราตามสถานสงเคราะห์ดู คำแนะนำนี้เหมือนจะ
ให้จ่ายเพิ่ม ไม่ได้เงินคืนแล้วยังเสียเงินอีก แต่ขอให้ลองเถิด ลองคิดว่าเราบวก
เงินเพิ่มเข้าไปจากที่เสีย รวมกันเพื่อเจตนาสงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาส
เท่านี้คุณจะรู้สึกว่าเงินที่เสียไปทั้งหมดล้วนเพื่อทำทาน อย่างน้อยใจคุณต
้องสบายขึ้นเป็นกอง และหากฟลุกๆ ลูกหนี้ยังมีความละอายอยู่บ้าง
ก็อาจถูกข่ายคลื่นแห่งมหาทานของคุณเข้าท่วมทับ รุ่งขึ้นกลับใจโทร.
มาขอคืนเงินเห็นทันตา
แต่ถ้าเกินจะอภัย ยกเงินให้เฉยๆไม่ไหว และทำอย่างไรเขาก็ไม่คืน เช่นนั้นคง
ต้องพึ่งพากระบวนการยุติธรรมแบบโลกๆกันต่อไป ซึ่งนั่นก็พ้นขอบเขตที่ผมจะ
ให้คำแนะนำ บอกได้แต่เพียงว่าจะทำอะไรขอให้มีโทสะเจืออยู่น้อยที่สุด
เท่าที่จะเป็นไปได้ก็แล้วกันครับ
โดย www.facebook.com/dungtrin
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.โลกนี้เต็มไปด้วยคนโชดดีที่ไม่รู้ตัว
แม้แวดล้อมสิ่งที่เป็นสุข ก็ขยันหมั่นคิดให้เป็นทุกข์
แม้พ่อแม่ปูทางไว้ให้ร่ำรวย
ก็อุตสาเลือกเดินไปทางยากยน
แม้รูปงามนามพร้อมเหมาะจะเป็นที่รัก
ก็รู้จักแต่พูดจาและทำท่าให้น่าเกลียด
แต่โลกนี้ก็ยังมีคนโชดร้ายที่โชคดี
แม้แวดล้อมสิ่งที่เป็นทุกข์
ก็ขยันหมั่นคิดให้เป็นสุข
แม้พ่อแม่มีแต่ทางลาดลงต่ำสู่ความย้ากจน
ก็ดิ้นลนปีนป่ายมาพบสู่ความร่ำรวย
แม้รูปทราบนามเฉื่อยไม่สะดุดหูตา
ก็รู้จักพูดจาและมีกิริยาน่าเลื่อมใส
# www.facebook.com/dungtrin
แม้แวดล้อมสิ่งที่เป็นสุข ก็ขยันหมั่นคิดให้เป็นทุกข์
แม้พ่อแม่ปูทางไว้ให้ร่ำรวย
ก็อุตสาเลือกเดินไปทางยากยน
แม้รูปงามนามพร้อมเหมาะจะเป็นที่รัก
ก็รู้จักแต่พูดจาและทำท่าให้น่าเกลียด
แต่โลกนี้ก็ยังมีคนโชดร้ายที่โชคดี
แม้แวดล้อมสิ่งที่เป็นทุกข์
ก็ขยันหมั่นคิดให้เป็นสุข
แม้พ่อแม่มีแต่ทางลาดลงต่ำสู่ความย้ากจน
ก็ดิ้นลนปีนป่ายมาพบสู่ความร่ำรวย
แม้รูปทราบนามเฉื่อยไม่สะดุดหูตา
ก็รู้จักพูดจาและมีกิริยาน่าเลื่อมใส
# www.facebook.com/dungtrin
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.นั้งสมาธิที่ไร ผุดขึ้นมาเตือน"
หนังสือธรรมะ "วิธีสร้างบุญบารมี" เมื่อไร่จะแจก ต้องรีบแจกนะ
เดี๋ยวตายก่อนไม่ได้แจกนะ!
# คือ .หนังสือ วิธีสร้างบุญบารมี" สมเด็จพระสังฆราช(พระอรหันต์)
เป็นผู้แต่งไว้
อ่านแล้วสามารถปฏิบัติตามได้เลย
จะแจกคนในหมู่บ้าน หลังคาละ 1 เล่ม
พร้อมกับCDธรรมะ ของพระอาจารย์ปราโมท
(คัดไฟล์ที่เหมาะกับผู้เริ่มจะปฏิบัติอย่างดี)
*เหมาะกับคนทุกข์ใจเพราะตนเอง ทุกข์ใจเพราะคนอื่น ขี้กังวนใจขี้น้อยใจ
และที่ชอบโดนความคิด หลอกให้เป็นทุกข์อยู่เป็นประจำ)
เหมาะกับอายุเด็กไปจนถึงอายุวัยแม่บ้านพ่อบ้าน
แต่ไม่ค่อยเหมาะกับคนแก่เฒ่าเท่าไร่ เพราะคนแก่เซลล์มันเสื่อมจะหมดแล้ว
****************************************
วัยหนุ่มวัยสาวนี้ เซลสมองกำลังดี เข้าใจอะไรง่าย แตกฉานความรู้ขยาย
ได้ดี
วัยแก่เฒ่าชรา
เซลล์มันเสื่อม ฟังอะไรเข้าในจิตใจยาก การเกิดมาแล้วปล่อยให้ตัวเองแก
แบบตักตวงเอาแต่ทางโลก ไม่ตักตวงเอาทางธรรมไปด้วยกันเลย
ถือว่าเกิดมาไม่คุ้ม พระพุทธเจ้าเรียก โมฆะชีวิต คือเกิดมาเปล่าๆ ส่วนวัยผู้
ใหญ่เป็นกลางๆ ฟังรู้เรื่อง ****************************************
งาน๒
และต้องแจกๆ
CD ธรรมะแนววัยรุ่น
จะแจกพวกนักศึกษาในอุบล
โฟเดอร1 "กรรมพยากรณ์ " อ.ดังตฤณ
โฟเดอร2 "รักแท้มีจริง" อ.ดังตฤณ
โฟเดอร3 "เกมกรรม อ.ดังตฤณ
โฟเดอร4 "วิธีปฏิบัติธรรมหรือออกจากเกม
" ว่าจะแจกนักเรียนพวกหมอพยาบาล
หรือไม่ก็พวกเรียนครู
เพราะพวกนี้หลังจากจบ จะได้สิทธิ์เปลี่ยนชีวิตชีวิตผู้อื่น
ครูจะได้สิทธิ์เปลี่ยนชีวิตเด็ก
หมอหรือพยาบาลจะได้สิทธิ์เปลี่ยนชีวิตคนไข้ด้วย
ก็คือจะได้ทำกรรมกับคนหมู่มาก
ถ้าเปลี่ยนชีวิตคนอื่นให้ไปทางดี ถือว่าเป็นกรรมดี เป็นกุศล ประดับบารมีตนเอ
งเลย และภพชาติข้างจะสว่างดี
ไม่มืดเหมือนเปตรเหมือนสัตว์นรก
หนังสือธรรมะ "วิธีสร้างบุญบารมี" เมื่อไร่จะแจก ต้องรีบแจกนะ
เดี๋ยวตายก่อนไม่ได้แจกนะ!
# คือ .หนังสือ วิธีสร้างบุญบารมี" สมเด็จพระสังฆราช(พระอรหันต์)
เป็นผู้แต่งไว้
อ่านแล้วสามารถปฏิบัติตามได้เลย
จะแจกคนในหมู่บ้าน หลังคาละ 1 เล่ม
พร้อมกับCDธรรมะ ของพระอาจารย์ปราโมท
(คัดไฟล์ที่เหมาะกับผู้เริ่มจะปฏิบัติอย่างดี)
*เหมาะกับคนทุกข์ใจเพราะตนเอง ทุกข์ใจเพราะคนอื่น ขี้กังวนใจขี้น้อยใจ
และที่ชอบโดนความคิด หลอกให้เป็นทุกข์อยู่เป็นประจำ)
เหมาะกับอายุเด็กไปจนถึงอายุวัยแม่บ้านพ่อบ้าน
แต่ไม่ค่อยเหมาะกับคนแก่เฒ่าเท่าไร่ เพราะคนแก่เซลล์มันเสื่อมจะหมดแล้ว
****************************************
วัยหนุ่มวัยสาวนี้ เซลสมองกำลังดี เข้าใจอะไรง่าย แตกฉานความรู้ขยาย
ได้ดี
วัยแก่เฒ่าชรา
เซลล์มันเสื่อม ฟังอะไรเข้าในจิตใจยาก การเกิดมาแล้วปล่อยให้ตัวเองแก
แบบตักตวงเอาแต่ทางโลก ไม่ตักตวงเอาทางธรรมไปด้วยกันเลย
ถือว่าเกิดมาไม่คุ้ม พระพุทธเจ้าเรียก โมฆะชีวิต คือเกิดมาเปล่าๆ ส่วนวัยผู้
ใหญ่เป็นกลางๆ ฟังรู้เรื่อง ****************************************
งาน๒
และต้องแจกๆ
CD ธรรมะแนววัยรุ่น
จะแจกพวกนักศึกษาในอุบล
โฟเดอร1 "กรรมพยากรณ์ " อ.ดังตฤณ
โฟเดอร2 "รักแท้มีจริง" อ.ดังตฤณ
โฟเดอร3 "เกมกรรม อ.ดังตฤณ
โฟเดอร4 "วิธีปฏิบัติธรรมหรือออกจากเกม
" ว่าจะแจกนักเรียนพวกหมอพยาบาล
หรือไม่ก็พวกเรียนครู
เพราะพวกนี้หลังจากจบ จะได้สิทธิ์เปลี่ยนชีวิตชีวิตผู้อื่น
ครูจะได้สิทธิ์เปลี่ยนชีวิตเด็ก
หมอหรือพยาบาลจะได้สิทธิ์เปลี่ยนชีวิตคนไข้ด้วย
ก็คือจะได้ทำกรรมกับคนหมู่มาก
ถ้าเปลี่ยนชีวิตคนอื่นให้ไปทางดี ถือว่าเป็นกรรมดี เป็นกุศล ประดับบารมีตนเอ
งเลย และภพชาติข้างจะสว่างดี
ไม่มืดเหมือนเปตรเหมือนสัตว์นรก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทำไมความคิดคนเราถึงเปลี่ยนยากนัก?
เพราะความคิดคือมโนกรรม
ถ้าเปลี่ยนความคิดได้ก็เท่ากับ
เปลี่ยนเส้นทางกรรมด้วย
อันเป็นสิ่งเปลี่ยนยากที่สุด
มโน แปลว่า ใจ
มโนไปดูดวงเรื่องแฟน กับหมอดูตาทิพย์ หมอดูทักมโนว่าจะได้เลิกกันกับแฟนคนนี้ เพราะชายคนนี้นั้นไม่ใช่คู่บารมีเก่าของมโน"
ด้วยความที่มโน พึ่งมีแฟนครั้งแรก
และไม่อยากจากกันกับแฟนไปเร็ว
ทั้งวันในเวลาเรียนของมโน ภาษาในหัวของมโนจึงเต็มไปด้วยความฟุ้งซาน กระวนกระวายใจ ตลอดเวลา
เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน
ภาระกิจที่มโนทำเป็นประจำ
คือกอกน้ำใส่ตู้เย็น
ล้างถ้วยชาม
ให้อาหารหมาแมว แล้วไปปั่นจักรยานออกกำลังกายกับเพื่อน
เป็นอันหยุดซะงักลงไปด้วย
เพราะเมื่อมโนกลับมาถึงบ้าน
ก็ตรงดิ่งขึ้นห้องนอนส่วนตัว
มโนทรุดตัวลงกับที่นอน
ในหัวของมโนมีแต่ความคิด ฟุ้งซาน "เรื่องเกี่ยวกับหมอดูที่พยากรณ์เรื่องแฟนกับเธอไว้ ความคิดนั้นวนเวียนอยู่ในหัวมโนตลอดเวลา"
มโนเป็นเด็กเรียนเก่ง ฉลาดหัวใว
คิดอ่านอะไรออกได้ทะลุปุโปร่งรวดเร็ว
เพื่อนๆมักจะโทรมาถามเรื่องการบ้านอยู่บ่อยๆ
แต่เรื่องที่หมอดูพยากรณ์ไว้นี้
มโน คิดปลงยังไงก็ไม่ตก คิดหาทางออกเท่าไร่
ก็ไม่ปริ้งออกมาสักที
ทันใดนั้นมโนก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ มือถือ
NOKIA 3310 ที่พอซื้อให้มโนตอนงานวันเกิด มีเสียงดังขึ้น"
"ติ๊ดๆ..ๆ..ๆ.ตี๋ด.ๆ.ๆ..ติ้ด...ๆ.
มโนจึงคิดว่าคงเป็นเพื่อนที่โทรมาถามการบ้านแน่เลย
แต่เมื่อหยิบขึ้นมาดู ก็ได้รู้ว่า เป็นเบอร์ของ
พี่สมารท์ ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของมโน
มโนรีบกดรับสาย
แฟนหนุ่มได้ถามมโนว่า" มโน...คืนนี้ว่างไหม ไปเที่ยวงานปีใหม่ในเมืองกับพี่ไหม"
มโน: อืม ..มโนรู้สึกเหนื่อย อะพี่
และอีกอย่างแม่คงไม่อนุญาติให้ไปไหน
โดยเฉพาะเวลากลางคืน"
พี่สมาทร์: เอ้า.. หรอๆ แม่คนงาม
แอบๆเดินย่องๆออกไปทางประตูหลังบ้าน ไปรอพี่อยู่ตรงนั้นก็ได้ ถ้าแม่ไม่อนุญาต
(ภายในใจของสมาทร์ กำลังคึกคะนอง อยากชวนแฟนสาวไปเที่ยวให้ได้ )
มโน: พี่สมาทร์ มโนเป็นคนมีแม่น่ะ
มโมคงไม่ได้ไปเที่ยวกับพี่หรอก ขอโทษด้วยแมวน้อย 555
(ภายในใจของมโนเต็มไปด้วยความเหนื่อยหล้า)
พี่สาทร์: แม๋..แม่ตีนแมว ครั้งก่อน
ยังชวนพี่หนีแม่ออกจากบ้าน แอบไปดูหมอลำซิ่งด้วยกันอยู่เลย ย๊องเหมือนตีนแมวออกทางประตูหลังบ้าน ให้พี่ไปรับ จำไม่ได้รึเธอ
มโน: 555+ จำได้...ค่ะ แต่มันไม่เหมือนกันน่ะพี่
มโนเป็นคนชวน ไม่ใช่พี่เป็นคนชวน
พี่ไปชวนคุณแม่พี่ไป้ 5555
ว่าแต่คุณแม่พี่ อยู่ตรงนั้นด้วยหรือเปล่า
(มโนพูดกลบเกลื่อนเรื่อง เพราะละอายที่เคยหนีไปเที่ยวกับผู้ชาย)
พี่สมาทร์: แม่พี่หรอ.. อยู่สิ ทำไมหรอ? มโน"
(สมาทร์ อยากรู้ว่ามโนถามหาคุณแม่ของตนทำไม)
มโน: ป๊ะ..เปล่า.. แค่อยากจะฝากไปบอกคุณแม่พี่ค่ะ
ว่า..
"มีคนรักลูกชายของคุณแม่นะค๊ะ
สมาทร์: เหรอๆ..แม่ปากหวาน...
ว่าแต่รักคนไหนละ แม่พี่มีลูกชายตั้ง5คนแน๊ะ รักคนไหนๆ
บอกมาเลยหนูน้อย
(สมาทรู้สึกเบิกบานใจ ที่คนรักพูดหวาน หยอดมุขใส่ตน)
มโน: ฮึยคนนี่...รู้อยู่แล้วก็ยังจะถามอีกให้เขิล...
จนตัวเกรงจะแข็งอยู่แล๊ว..
รักพี่สมาทนะ "
(ทันใดนั้นเองก็มีเรื่องที่หมอดูพยาการ์ไว้ ผุดขึ้นมาในหัวมโนอีกครั้ง)
พี่สมาทร: พี่ก็รักหนูเหมือนกันนะ
รักๆ รักๆ รักมโนที่สุด ..ที่สูด เลยจ้า
มโน: รักแล้วต้องยังไงอีก ตอบมา?
พี่สมาทร: รักแล้วต้อง ซื่อสัตย์ต่อมโนด้วย
มโน: อะไรอีก ตอบมาอีก?
สมาทร์: ต้องรอ มโนได้ ถึงมโนจะเรียนจนแก่ พี่ก็จะรอ มโนจ้า...
แต่ มโน
จะต้องซื่อตรงกับพี่ด้วยนะ
มโน: วันนี้มโนจะซื่อตรงกับพี่สมาทร
่และวันข้างหน้ามโนก็จะซื่อตรงกับพี่ แต่ไม่รู้กรรมจะซื่อตรงต่อเราไหม
ให้เราเป็นอย่างนี้ได้ตลอดไปไหม
พร้อมด้วยเพลอพูดว่า"
มโน"เหนื่อย"ใจ
พี่สมาทร์: มโน...มโนมีเรื่องไม่สบายใจ เรื่องพี่ที่เป็นต้นเหตุหรือเปล่า
หรือเหนื่อยเรื่องอะไรเหรอ
ถ้าเป็นเพราะพี่ พี่ขอโทษด้วยน่ะ
มโน: พี่สมาทร์ไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก
พี่สมาทร์เป็นคนดี มีคุณธรรมสุภาพบุรุษ
ครบ ไม่ฉวยโอกาสผู้หญิงทีเผลอ ไม่ข่มเหงรังแกผู้หญิงแม้ด้วยคำพูดเลย
กับทั้งปกป้องผู้หญิงจากภัยสถานะการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่าง ซูปเปอร์แมน หรือ แบบไอ้มดแดง เลย กับทั้งพี่สมาทร์เป็นลูกดีเด่นของคุณแม่พี่
ในจำนวนลูก 9 คน อย่างยอดเยี่ยม
พี่สมาท : มโนไม่ต้อง พูดยาวออกไปไกลหาเรื่องอื่นเลย
มีอะไรที่ไม่สบายใจ บอกพี่ได้ไหม บอกพี่มาเลย พี่พร้อมจะรับฟัง
มโน: คือว่า..เมื่อวันก่อน มโนเดินผ่าน ร้านพยากรณ์ดวงต่างๆ หลายร้านหลายแบบ ที่แรกมโนก็เลยลองเขย่าเซียมซี ก็เขย่าไปๆไม้เซียมซีเลข9ก็ตก ก็เอาเลขไป หาใบคำตอบ อ่านดูใบคำตอบที่พยากรณ์ไว้ ก็ดีน่ะ บอกว่าช่วงนี้จะได้โชคใหญ่ มีลาภลอยเข้า ลงทุนอะไรจะได้กำไรมากเพราะช่วงนี้ดวงกำลังขึ้น"
"มโนไม่ได้เป็นคนโง่ ที่จะให้อะไรจูงใจนำไปง่ายๆ ที่จะเชื่ออะไรง่ายๆโดยปราศจากเหตุผล"
มโน จึงลองอีกครั้ง ก็ลองเขย่าเซียมซีใหม่อีกครั้ง ไม้เซียมซีเลข4ก็ตก ก็เอาไปตรวจอีก มันพยากรณ์บอกว่ายังไง รู้ไหมพี่?
พี่สมาทร: พี่ไม่รู้... เขาพยากรณ์ ว่าไงหรอ? มโน เล่าต่อๆๆๆ พี่รอฟัง"
มโน: ในใบคำพยากรณ์ เขาพยากรณ์ว่า
ช่วงนี้ ไม่เหมาะกับการลงทุน เรื่องการเงินต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะเรื่องเงินๆทองๆ
อย่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย
เพราะช่วงนี้ดวงกำลังตก"
พี่สมาท: อ่าว คำพยากรณ์ ทำไม ไม่เที่ยงกลับกรอกเป็นงั้นไปละ มโน"
มโน: มโน ก็สงสัยเหมือนกัน
จึงเดินไปเปิดอ่านดูใบพยากรณ์
ก็ได้รู้ว่า
เลข1 คำพยากรณ์เหมือนกันหมด
เลข2 คำพยากรณ์เหมือนกันหมด
เลข3 คำพยากรณ์เหมือนกันหมด
เลข4 .เลข5 ..เลข6.. เลข7..เลข8..
เลข9 คำพยากรณ์มันเหมือนกันหมดเลยพี่
เสียกะตังทิ้งไปตั้ง2ครั้ง 30+30 ..... บาท
เอาเงินไปซื้อผลไม้ถวายใส่บาตพระดีกว่า
พี่สมาทร: แต่มโนก็ได้อ่านความรู้สาระเรื่องคำพยากรณ์เซียมซีตั้ง9ใบ แล้วไม่ใช่เหรอ 5555
มโน: 555 พี่สมาท พูดได้อย่างไรว่าได้สาระความรู้
ได้ อสาระ มากกว่า
คำทำนายเบื้องหลังที่มั่วกันทั้งแผง พิมพ์แต่งกันเอาเองเอ่อเอง หลอกคนอ่าน
ดีขนาดไหนไม่ฉีกทิ้ง คนเฝ้าก็ไม่มี จะได้ขอให้เปิดกุญแจเอาเงินคืน
พี่สมาท: ช่างเขาเถอะ มโน บางทีเขาอาจจะไม่รู้ว่า กำลังทำกรรมคือหลอกคนอื่นให้หลงผิดอยู่
หรือเขาอาจลำบากทุกข์ร้อนเรื่องเงินก็เป็นได้ ช่างเขาเถอะ อย่าเอาใจไปโยงผูกเวรต่อเขาเลย
เดี๋ยวได้เจอกันชาติใหม่ เห็นกันปุ๊บคิดไม่ดีต่อกันเลย นะ
มโน: จ้า พ่อธรรมะธรรมโม
เดี๋ยวมโนจะ แผ่เมตตาให้เขา
จะได้ไม่ผูกเวรกันกับเขา
สมาทร: อืม...ดีแล้วๆ ถูกแล้วๆ
เรื่องนี้หรอที่ทำให้ไม่สบายใจ?
มโน: เรื่องนี้ก็ใช่ แต่ไม่มากเท่าเรื่องต่อไปนี้
คือหลังจากมโนออกมาจากร้านเซียมซีนั้นแล้ว มโนก็เข้าไปร้าน ดูดวงแบบโหราศาตร์
ทันที่เข้าไป เขาก็เชิญนั้ง
พร้อมกับพูดว่า สวัสดีครับ ดูน่ามีราศีดีจังครับ ดูดวง ดูไหมครับ
ผมว่า หน้าแบบนี้ดวงต้องดีแน่ๆ
มโนก็เลยตอบไปว่า: เหรอค่ะ แล้วต้องยังไงบ้างค่ะ พอดี ยังไม่เคยดูค๊ะ
หมอดูจึงตอบมาว่า: ค่าดูเรื่องหนึ่ง 300 บาทครับ ขอทราบ วัน เดือน ปี เกิด ครับ จะได้คำนวนดู ว่าตอนเกิดนั้นตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของดาวไหน และขอดูลายมือควบกันไปด้วยครับ
มโน: ก็เลยเอาเงินให้เขา300บาท พร้อมบอกวันเดือนปีเกิดให้เขาทำนาย กับทั้งแบฝ่ามือให้เขาดู
สมาทร: แล้วเขาฉวยโอกาสจับมือ มโน หรือเปล่าละ และเขาทำนายว่าอย่างไร?
มโน: เขาไม่จับมือมโนเลย แต่เขารีบถามมโนว่า
จะดูเกี่ยวกับเรื่องไหน?
มโนก็คิดในใจ "เอ้ หมอดูนิ ถามแปลกๆ มาดูหมอ ก็ต้องมาดูดวงสิ"
จึงตอบไปว่า ดูทุกเรื่องเกี่ยวกับขีวิตค่ะ
ดูด้านความรัก 300 บาท
ดูด้านการงาน 300 บาท
ดูด้านสุขภาพ ก็300 บาท
จะดูด้านไหน
มโนก็ตอบเขาไปว่า ดูเรื่องความรักค่ะ
หมอดูก็ใช้เวลาประมาณ15นาที ไปกับการขีดๆเขียน บวกลบคูณหาร อะไรก็ไม่รู้ ซับซ้อนดูตามแล้วไม่ค่อยเข้าใจเลย
หลังจากนั้นเขาก็พูดออกมาว่า
ดวงไม่ดีนะ เกี่ยวกับความรัก จะมีเหตุให้ตัองพรัดพรากจากคนที่รักที่พอใจหรือจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจ จะเสียของรักในเร็วๆนี้
มโนก็ถามต่อไปอีกว่า
เสียของรัก!
แม่ของมโนจะตาย หรือ พ่อของมโนจะตาย ค่ะ
ลุงก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า แม่หนูหรือพ่อหนูใครจะตาย
แต่คำว่าจะเสียของรัก ไม่ใช่จะหมายถึงแต่ว่า ต้องตาย อย่างเดียว
แต่ยังมีความหมายไปอีกแบบคือ ต้องจากกัน"
ถ้าหนูอยากรู้ เอาวันเดือนปีของแม่และพ่อหนูมาให้ลุงดูสิ
ลุงจะดูให้ ในเรื่องสุขภาพ ว่าเกณฑ์ชีวิตจะถึงค้าดที่ต้องตายในช่วงเร็วๆนี้หรือไหม
แต่ค่าดูของแม่และของพ่อหนู
จะต้องคนละ300บาทนะ
ค่ะ นี่ค่ะ 1,000บาท
ดูเรื่องสุขภาพให้หนูด้วยนะค๊ะ เกณฑ์อายุของหนูจะได้นานเท่าไร
หนูอยากรู้หนูจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี
หลังจากนั้นลุงหมอดู
ก็คำนวนถอดรหัส ของคุณแม่ คุณพ่อ และของมโน โยงใส่กันก็ได้รู้ว่า
ที่มโนจะต้องสูญเสียงจากสิ่งที่รักนั้น ไม่ใช่คุณแม่ ไม่ใช่คุณพ่อ
(มโนเป็นคนหัวเร็ว ก็คิดไปที่ พี่สมาทร"
จะเสียพี่สมาทรไป เพราะพี่สมาทรเป็นสิ่งอันเป็นที่รัก)
หลังจากนั้นลุงหมอดูแจ้งตอบให้ทราบดังนี้ว่า
แม่หนู เกณฑ์อายุชีวิต 98 ปีนูนแหละ
พ่อหนู เกณฑ์อายุชีวิต 87 ปีนูนแหละ
ส่วนหนู..... ส่วนหนู......?
มโนตกใจก็เลยถามว่า หนูเกณฑ์อายุเท่าไรค่ะ
หนูจะมีชีวิตอยู่ได้เท่าไร่ค่ะ ตอบหนูมาเถอะค่ะลุง
หนูเสียเงินให้ลุงแล้วนะ
หนูไม่โกรธลุงหรอก
เกณฑ์ชีวิตหนู่ 50 ปี
มโนก็เลยร้องไห้กับชีวิตตนเอง
ที่ชีวิตนี้มันน้อยนัก สั้นนัก
ลุงหมอดู ก็เลยปรอบ เกณฑ์ชีวิตของลุงเอง 77 ปี อีก2ปี ลุงก็จะถึง 77 ปีแล้ว ลุงก็จะไปก่อนก่อนหนูแล้ว นี้ก็หาเงินเตรียมทำศพให้ตนเองอยู่ ลูกเมียของลุงต่างก็ไปก่อนลุงหมดแล้ว
ี
จนเวลาเลิกเรียน มโนจ แวะไปหาหมอดูจิตสะ
มโนหาทางพอที่จะแก้ไข มโนจึงไปหาหมอจิตสะอาดนั้น
ด
มโน: แล้วถ้าไม่ใช่คู่บารมี ได้มารู้จักกันได้ไงค่ะ
หมอดู:
การที่คุณกับเขาได้รู้จักกันนี่
ก็เพราะว่าในชาติก่อน
ได้ทำกรรมดีร่วมกันกับเขาไว้ อันเป็นบุญกรรมดีอันดี จึงต้องได้เกี่ยวโยงกันเวียนมาพบกันอีก
ข้ามภพข้ามชาติ มารู้จักกันจนได้ และตอนนี้กรรมนั้นก็กำลังให้ผลกับหนูและเขาอยู่
ถึงเวลาถึงคราวให้ผลแล้นนี้
จึงได้เกี่ยวโยงกัน
เกี่ยวข้องกันดังที่เป็นแฟนกันที่เห็นๆอยู่นี้แหละ
แต่เมื่อจะหมดเหตุ หมดปัจจัยที่ต้องได้เกี่ยวข้องกันเกี่ยวโยงกัน ตามธรรมชาติของมันก็จะคลายกันออก แปรปวนเป็นธรรมดาอย่างนี้แหละ
เหมือนกับที่คุณเริ่มทะเลาะกันมีปากเสียง
พ้นไฟใส่กัน
เพราะความคิดคือมโนกรรม
ถ้าเปลี่ยนความคิดได้ก็เท่ากับ
เปลี่ยนเส้นทางกรรมด้วย
อันเป็นสิ่งเปลี่ยนยากที่สุด
มโน แปลว่า ใจ
มโนไปดูดวงเรื่องแฟน กับหมอดูตาทิพย์ หมอดูทักมโนว่าจะได้เลิกกันกับแฟนคนนี้ เพราะชายคนนี้นั้นไม่ใช่คู่บารมีเก่าของมโน"
ด้วยความที่มโน พึ่งมีแฟนครั้งแรก
และไม่อยากจากกันกับแฟนไปเร็ว
ทั้งวันในเวลาเรียนของมโน ภาษาในหัวของมโนจึงเต็มไปด้วยความฟุ้งซาน กระวนกระวายใจ ตลอดเวลา
เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน
ภาระกิจที่มโนทำเป็นประจำ
คือกอกน้ำใส่ตู้เย็น
ล้างถ้วยชาม
ให้อาหารหมาแมว แล้วไปปั่นจักรยานออกกำลังกายกับเพื่อน
เป็นอันหยุดซะงักลงไปด้วย
เพราะเมื่อมโนกลับมาถึงบ้าน
ก็ตรงดิ่งขึ้นห้องนอนส่วนตัว
มโนทรุดตัวลงกับที่นอน
ในหัวของมโนมีแต่ความคิด ฟุ้งซาน "เรื่องเกี่ยวกับหมอดูที่พยากรณ์เรื่องแฟนกับเธอไว้ ความคิดนั้นวนเวียนอยู่ในหัวมโนตลอดเวลา"
มโนเป็นเด็กเรียนเก่ง ฉลาดหัวใว
คิดอ่านอะไรออกได้ทะลุปุโปร่งรวดเร็ว
เพื่อนๆมักจะโทรมาถามเรื่องการบ้านอยู่บ่อยๆ
แต่เรื่องที่หมอดูพยากรณ์ไว้นี้
มโน คิดปลงยังไงก็ไม่ตก คิดหาทางออกเท่าไร่
ก็ไม่ปริ้งออกมาสักที
ทันใดนั้นมโนก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ มือถือ
NOKIA 3310 ที่พอซื้อให้มโนตอนงานวันเกิด มีเสียงดังขึ้น"
"ติ๊ดๆ..ๆ..ๆ.ตี๋ด.ๆ.ๆ..ติ้ด...ๆ.
มโนจึงคิดว่าคงเป็นเพื่อนที่โทรมาถามการบ้านแน่เลย
แต่เมื่อหยิบขึ้นมาดู ก็ได้รู้ว่า เป็นเบอร์ของ
พี่สมารท์ ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของมโน
มโนรีบกดรับสาย
แฟนหนุ่มได้ถามมโนว่า" มโน...คืนนี้ว่างไหม ไปเที่ยวงานปีใหม่ในเมืองกับพี่ไหม"
มโน: อืม ..มโนรู้สึกเหนื่อย อะพี่
และอีกอย่างแม่คงไม่อนุญาติให้ไปไหน
โดยเฉพาะเวลากลางคืน"
พี่สมาทร์: เอ้า.. หรอๆ แม่คนงาม
แอบๆเดินย่องๆออกไปทางประตูหลังบ้าน ไปรอพี่อยู่ตรงนั้นก็ได้ ถ้าแม่ไม่อนุญาต
(ภายในใจของสมาทร์ กำลังคึกคะนอง อยากชวนแฟนสาวไปเที่ยวให้ได้ )
มโน: พี่สมาทร์ มโนเป็นคนมีแม่น่ะ
มโมคงไม่ได้ไปเที่ยวกับพี่หรอก ขอโทษด้วยแมวน้อย 555
(ภายในใจของมโนเต็มไปด้วยความเหนื่อยหล้า)
พี่สาทร์: แม๋..แม่ตีนแมว ครั้งก่อน
ยังชวนพี่หนีแม่ออกจากบ้าน แอบไปดูหมอลำซิ่งด้วยกันอยู่เลย ย๊องเหมือนตีนแมวออกทางประตูหลังบ้าน ให้พี่ไปรับ จำไม่ได้รึเธอ
มโน: 555+ จำได้...ค่ะ แต่มันไม่เหมือนกันน่ะพี่
มโนเป็นคนชวน ไม่ใช่พี่เป็นคนชวน
พี่ไปชวนคุณแม่พี่ไป้ 5555
ว่าแต่คุณแม่พี่ อยู่ตรงนั้นด้วยหรือเปล่า
(มโนพูดกลบเกลื่อนเรื่อง เพราะละอายที่เคยหนีไปเที่ยวกับผู้ชาย)
พี่สมาทร์: แม่พี่หรอ.. อยู่สิ ทำไมหรอ? มโน"
(สมาทร์ อยากรู้ว่ามโนถามหาคุณแม่ของตนทำไม)
มโน: ป๊ะ..เปล่า.. แค่อยากจะฝากไปบอกคุณแม่พี่ค่ะ
ว่า..
"มีคนรักลูกชายของคุณแม่นะค๊ะ
สมาทร์: เหรอๆ..แม่ปากหวาน...
ว่าแต่รักคนไหนละ แม่พี่มีลูกชายตั้ง5คนแน๊ะ รักคนไหนๆ
บอกมาเลยหนูน้อย
(สมาทรู้สึกเบิกบานใจ ที่คนรักพูดหวาน หยอดมุขใส่ตน)
มโน: ฮึยคนนี่...รู้อยู่แล้วก็ยังจะถามอีกให้เขิล...
จนตัวเกรงจะแข็งอยู่แล๊ว..
รักพี่สมาทนะ "
(ทันใดนั้นเองก็มีเรื่องที่หมอดูพยาการ์ไว้ ผุดขึ้นมาในหัวมโนอีกครั้ง)
พี่สมาทร: พี่ก็รักหนูเหมือนกันนะ
รักๆ รักๆ รักมโนที่สุด ..ที่สูด เลยจ้า
มโน: รักแล้วต้องยังไงอีก ตอบมา?
พี่สมาทร: รักแล้วต้อง ซื่อสัตย์ต่อมโนด้วย
มโน: อะไรอีก ตอบมาอีก?
สมาทร์: ต้องรอ มโนได้ ถึงมโนจะเรียนจนแก่ พี่ก็จะรอ มโนจ้า...
แต่ มโน
จะต้องซื่อตรงกับพี่ด้วยนะ
มโน: วันนี้มโนจะซื่อตรงกับพี่สมาทร
่และวันข้างหน้ามโนก็จะซื่อตรงกับพี่ แต่ไม่รู้กรรมจะซื่อตรงต่อเราไหม
ให้เราเป็นอย่างนี้ได้ตลอดไปไหม
พร้อมด้วยเพลอพูดว่า"
มโน"เหนื่อย"ใจ
พี่สมาทร์: มโน...มโนมีเรื่องไม่สบายใจ เรื่องพี่ที่เป็นต้นเหตุหรือเปล่า
หรือเหนื่อยเรื่องอะไรเหรอ
ถ้าเป็นเพราะพี่ พี่ขอโทษด้วยน่ะ
มโน: พี่สมาทร์ไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก
พี่สมาทร์เป็นคนดี มีคุณธรรมสุภาพบุรุษ
ครบ ไม่ฉวยโอกาสผู้หญิงทีเผลอ ไม่ข่มเหงรังแกผู้หญิงแม้ด้วยคำพูดเลย
กับทั้งปกป้องผู้หญิงจากภัยสถานะการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่าง ซูปเปอร์แมน หรือ แบบไอ้มดแดง เลย กับทั้งพี่สมาทร์เป็นลูกดีเด่นของคุณแม่พี่
ในจำนวนลูก 9 คน อย่างยอดเยี่ยม
พี่สมาท : มโนไม่ต้อง พูดยาวออกไปไกลหาเรื่องอื่นเลย
มีอะไรที่ไม่สบายใจ บอกพี่ได้ไหม บอกพี่มาเลย พี่พร้อมจะรับฟัง
มโน: คือว่า..เมื่อวันก่อน มโนเดินผ่าน ร้านพยากรณ์ดวงต่างๆ หลายร้านหลายแบบ ที่แรกมโนก็เลยลองเขย่าเซียมซี ก็เขย่าไปๆไม้เซียมซีเลข9ก็ตก ก็เอาเลขไป หาใบคำตอบ อ่านดูใบคำตอบที่พยากรณ์ไว้ ก็ดีน่ะ บอกว่าช่วงนี้จะได้โชคใหญ่ มีลาภลอยเข้า ลงทุนอะไรจะได้กำไรมากเพราะช่วงนี้ดวงกำลังขึ้น"
"มโนไม่ได้เป็นคนโง่ ที่จะให้อะไรจูงใจนำไปง่ายๆ ที่จะเชื่ออะไรง่ายๆโดยปราศจากเหตุผล"
มโน จึงลองอีกครั้ง ก็ลองเขย่าเซียมซีใหม่อีกครั้ง ไม้เซียมซีเลข4ก็ตก ก็เอาไปตรวจอีก มันพยากรณ์บอกว่ายังไง รู้ไหมพี่?
พี่สมาทร: พี่ไม่รู้... เขาพยากรณ์ ว่าไงหรอ? มโน เล่าต่อๆๆๆ พี่รอฟัง"
มโน: ในใบคำพยากรณ์ เขาพยากรณ์ว่า
ช่วงนี้ ไม่เหมาะกับการลงทุน เรื่องการเงินต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะเรื่องเงินๆทองๆ
อย่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย
เพราะช่วงนี้ดวงกำลังตก"
พี่สมาท: อ่าว คำพยากรณ์ ทำไม ไม่เที่ยงกลับกรอกเป็นงั้นไปละ มโน"
มโน: มโน ก็สงสัยเหมือนกัน
จึงเดินไปเปิดอ่านดูใบพยากรณ์
ก็ได้รู้ว่า
เลข1 คำพยากรณ์เหมือนกันหมด
เลข2 คำพยากรณ์เหมือนกันหมด
เลข3 คำพยากรณ์เหมือนกันหมด
เลข4 .เลข5 ..เลข6.. เลข7..เลข8..
เลข9 คำพยากรณ์มันเหมือนกันหมดเลยพี่
เสียกะตังทิ้งไปตั้ง2ครั้ง 30+30 ..... บาท
เอาเงินไปซื้อผลไม้ถวายใส่บาตพระดีกว่า
พี่สมาทร: แต่มโนก็ได้อ่านความรู้สาระเรื่องคำพยากรณ์เซียมซีตั้ง9ใบ แล้วไม่ใช่เหรอ 5555
มโน: 555 พี่สมาท พูดได้อย่างไรว่าได้สาระความรู้
ได้ อสาระ มากกว่า
คำทำนายเบื้องหลังที่มั่วกันทั้งแผง พิมพ์แต่งกันเอาเองเอ่อเอง หลอกคนอ่าน
ดีขนาดไหนไม่ฉีกทิ้ง คนเฝ้าก็ไม่มี จะได้ขอให้เปิดกุญแจเอาเงินคืน
พี่สมาท: ช่างเขาเถอะ มโน บางทีเขาอาจจะไม่รู้ว่า กำลังทำกรรมคือหลอกคนอื่นให้หลงผิดอยู่
หรือเขาอาจลำบากทุกข์ร้อนเรื่องเงินก็เป็นได้ ช่างเขาเถอะ อย่าเอาใจไปโยงผูกเวรต่อเขาเลย
เดี๋ยวได้เจอกันชาติใหม่ เห็นกันปุ๊บคิดไม่ดีต่อกันเลย นะ
มโน: จ้า พ่อธรรมะธรรมโม
เดี๋ยวมโนจะ แผ่เมตตาให้เขา
จะได้ไม่ผูกเวรกันกับเขา
สมาทร: อืม...ดีแล้วๆ ถูกแล้วๆ
เรื่องนี้หรอที่ทำให้ไม่สบายใจ?
มโน: เรื่องนี้ก็ใช่ แต่ไม่มากเท่าเรื่องต่อไปนี้
คือหลังจากมโนออกมาจากร้านเซียมซีนั้นแล้ว มโนก็เข้าไปร้าน ดูดวงแบบโหราศาตร์
ทันที่เข้าไป เขาก็เชิญนั้ง
พร้อมกับพูดว่า สวัสดีครับ ดูน่ามีราศีดีจังครับ ดูดวง ดูไหมครับ
ผมว่า หน้าแบบนี้ดวงต้องดีแน่ๆ
มโนก็เลยตอบไปว่า: เหรอค่ะ แล้วต้องยังไงบ้างค่ะ พอดี ยังไม่เคยดูค๊ะ
หมอดูจึงตอบมาว่า: ค่าดูเรื่องหนึ่ง 300 บาทครับ ขอทราบ วัน เดือน ปี เกิด ครับ จะได้คำนวนดู ว่าตอนเกิดนั้นตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของดาวไหน และขอดูลายมือควบกันไปด้วยครับ
มโน: ก็เลยเอาเงินให้เขา300บาท พร้อมบอกวันเดือนปีเกิดให้เขาทำนาย กับทั้งแบฝ่ามือให้เขาดู
สมาทร: แล้วเขาฉวยโอกาสจับมือ มโน หรือเปล่าละ และเขาทำนายว่าอย่างไร?
มโน: เขาไม่จับมือมโนเลย แต่เขารีบถามมโนว่า
จะดูเกี่ยวกับเรื่องไหน?
มโนก็คิดในใจ "เอ้ หมอดูนิ ถามแปลกๆ มาดูหมอ ก็ต้องมาดูดวงสิ"
จึงตอบไปว่า ดูทุกเรื่องเกี่ยวกับขีวิตค่ะ
ดูด้านความรัก 300 บาท
ดูด้านการงาน 300 บาท
ดูด้านสุขภาพ ก็300 บาท
จะดูด้านไหน
มโนก็ตอบเขาไปว่า ดูเรื่องความรักค่ะ
หมอดูก็ใช้เวลาประมาณ15นาที ไปกับการขีดๆเขียน บวกลบคูณหาร อะไรก็ไม่รู้ ซับซ้อนดูตามแล้วไม่ค่อยเข้าใจเลย
หลังจากนั้นเขาก็พูดออกมาว่า
ดวงไม่ดีนะ เกี่ยวกับความรัก จะมีเหตุให้ตัองพรัดพรากจากคนที่รักที่พอใจหรือจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจ จะเสียของรักในเร็วๆนี้
มโนก็ถามต่อไปอีกว่า
เสียของรัก!
แม่ของมโนจะตาย หรือ พ่อของมโนจะตาย ค่ะ
ลุงก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า แม่หนูหรือพ่อหนูใครจะตาย
แต่คำว่าจะเสียของรัก ไม่ใช่จะหมายถึงแต่ว่า ต้องตาย อย่างเดียว
แต่ยังมีความหมายไปอีกแบบคือ ต้องจากกัน"
ถ้าหนูอยากรู้ เอาวันเดือนปีของแม่และพ่อหนูมาให้ลุงดูสิ
ลุงจะดูให้ ในเรื่องสุขภาพ ว่าเกณฑ์ชีวิตจะถึงค้าดที่ต้องตายในช่วงเร็วๆนี้หรือไหม
แต่ค่าดูของแม่และของพ่อหนู
จะต้องคนละ300บาทนะ
ค่ะ นี่ค่ะ 1,000บาท
ดูเรื่องสุขภาพให้หนูด้วยนะค๊ะ เกณฑ์อายุของหนูจะได้นานเท่าไร
หนูอยากรู้หนูจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี
หลังจากนั้นลุงหมอดู
ก็คำนวนถอดรหัส ของคุณแม่ คุณพ่อ และของมโน โยงใส่กันก็ได้รู้ว่า
ที่มโนจะต้องสูญเสียงจากสิ่งที่รักนั้น ไม่ใช่คุณแม่ ไม่ใช่คุณพ่อ
(มโนเป็นคนหัวเร็ว ก็คิดไปที่ พี่สมาทร"
จะเสียพี่สมาทรไป เพราะพี่สมาทรเป็นสิ่งอันเป็นที่รัก)
หลังจากนั้นลุงหมอดูแจ้งตอบให้ทราบดังนี้ว่า
แม่หนู เกณฑ์อายุชีวิต 98 ปีนูนแหละ
พ่อหนู เกณฑ์อายุชีวิต 87 ปีนูนแหละ
ส่วนหนู..... ส่วนหนู......?
มโนตกใจก็เลยถามว่า หนูเกณฑ์อายุเท่าไรค่ะ
หนูจะมีชีวิตอยู่ได้เท่าไร่ค่ะ ตอบหนูมาเถอะค่ะลุง
หนูเสียเงินให้ลุงแล้วนะ
หนูไม่โกรธลุงหรอก
เกณฑ์ชีวิตหนู่ 50 ปี
มโนก็เลยร้องไห้กับชีวิตตนเอง
ที่ชีวิตนี้มันน้อยนัก สั้นนัก
ลุงหมอดู ก็เลยปรอบ เกณฑ์ชีวิตของลุงเอง 77 ปี อีก2ปี ลุงก็จะถึง 77 ปีแล้ว ลุงก็จะไปก่อนก่อนหนูแล้ว นี้ก็หาเงินเตรียมทำศพให้ตนเองอยู่ ลูกเมียของลุงต่างก็ไปก่อนลุงหมดแล้ว
ี
จนเวลาเลิกเรียน มโนจ แวะไปหาหมอดูจิตสะ
มโนหาทางพอที่จะแก้ไข มโนจึงไปหาหมอจิตสะอาดนั้น
ด
มโน: แล้วถ้าไม่ใช่คู่บารมี ได้มารู้จักกันได้ไงค่ะ
หมอดู:
การที่คุณกับเขาได้รู้จักกันนี่
ก็เพราะว่าในชาติก่อน
ได้ทำกรรมดีร่วมกันกับเขาไว้ อันเป็นบุญกรรมดีอันดี จึงต้องได้เกี่ยวโยงกันเวียนมาพบกันอีก
ข้ามภพข้ามชาติ มารู้จักกันจนได้ และตอนนี้กรรมนั้นก็กำลังให้ผลกับหนูและเขาอยู่
ถึงเวลาถึงคราวให้ผลแล้นนี้
จึงได้เกี่ยวโยงกัน
เกี่ยวข้องกันดังที่เป็นแฟนกันที่เห็นๆอยู่นี้แหละ
แต่เมื่อจะหมดเหตุ หมดปัจจัยที่ต้องได้เกี่ยวข้องกันเกี่ยวโยงกัน ตามธรรมชาติของมันก็จะคลายกันออก แปรปวนเป็นธรรมดาอย่างนี้แหละ
เหมือนกับที่คุณเริ่มทะเลาะกันมีปากเสียง
พ้นไฟใส่กัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
https://m.youtube.com/watch?v=4mnztEUHSjg
ร่วมรำลึกพระคติธรรมต่างๆ
ผ่านภาพถ่ายอันงดงาม
ในจริยวัตรแห่งเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
และเสียงขับร้องของคุณปาน ธนพร
ในบทเพลงที่รังสรรค์อย่างงดงาม
ใน MV “แสงเพลิงสุดท้าย (The Final Flame)”
รับชมคลิป >> http://bit.ly/1jVct5U
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
คีตธรรมที่ระลึก
เพื่อน้อมถวายอภิสัมมานสักการะ
เนื่องในวาระพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ
เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ที่รังสรรค์ด้วยหัวใจของเหล่าศิลปิน
และจิตอาสากลุ่มบัวลอย Bualoyteamwork
ในโครงการปทุมมามหาสิกขาลัย วัดปทุมวนาราม
ภายใต้การสนับสนุนอย่างเป็นทางการ
ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
Page: Bualoyteamwork
ร่วมรำลึกพระคติธรรมต่างๆ
ผ่านภาพถ่ายอันงดงาม
ในจริยวัตรแห่งเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
และเสียงขับร้องของคุณปาน ธนพร
ในบทเพลงที่รังสรรค์อย่างงดงาม
ใน MV “แสงเพลิงสุดท้าย (The Final Flame)”
รับชมคลิป >> http://bit.ly/1jVct5U
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
คีตธรรมที่ระลึก
เพื่อน้อมถวายอภิสัมมานสักการะ
เนื่องในวาระพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ
เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ที่รังสรรค์ด้วยหัวใจของเหล่าศิลปิน
และจิตอาสากลุ่มบัวลอย Bualoyteamwork
ในโครงการปทุมมามหาสิกขาลัย วัดปทุมวนาราม
ภายใต้การสนับสนุนอย่างเป็นทางการ
ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
Page: Bualoyteamwork
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 15, 2015 12:49:03pm
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 15, 2015 6:50:15pm
สาธุ..... ตาสว่างขึ้น
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 15, 2015 6:58:46pm
แค่สำรวมอินทรีย์ทั้ง ๖
ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย
ต่อสิ่งที่มากระทบ
ทางตา
ทางหู
ทางสมูก
ทางลิ้น
ทางกาย
และทางใจ
ก็เป็นเหตุให้สุจริต๓บริบูรณ์
คือกายวาจาใจ ในขณะนั้น
เมื่อสุจริต๓บริบูรณ์
สติปัฏฐาน๔ก็บริบูรณ์
เมื่อสติปัฏฐาน๔ บริบูรณ์
โพดฌง ๗ ก็ยริบูรณ์
เมื่อโพดฌง ๗ บริบูรณ์
วิชาและวิมุตย่อมปรากฏ
ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย
ต่อสิ่งที่มากระทบ
ทางตา
ทางหู
ทางสมูก
ทางลิ้น
ทางกาย
และทางใจ
ก็เป็นเหตุให้สุจริต๓บริบูรณ์
คือกายวาจาใจ ในขณะนั้น
เมื่อสุจริต๓บริบูรณ์
สติปัฏฐาน๔ก็บริบูรณ์
เมื่อสติปัฏฐาน๔ บริบูรณ์
โพดฌง ๗ ก็ยริบูรณ์
เมื่อโพดฌง ๗ บริบูรณ์
วิชาและวิมุตย่อมปรากฏ
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 15, 2015 7:06:08pm
ไม่นานเกินรอ ๑ อาทิตย์ จะมีข่าว
กระดูกกลายเป็นพระธาตุ กลายเป็นไข่มุข กลายเป็นแก้ว ขององค์สมเด็จพร
ะสังฆราช
สาธุ อนุโมทนา.... ___/\___ ในพระปัญญาของพระองค์ ที่จิตหลุดพ้นจา
กอาสวะกิเลสทั้งปวง
(หลุดพ้น จากความตาย แล้วด้วยดี)
# แก้ไข ด้วความเขลา คาดเดาไปล่วงหน้า ทั้งที่ไม่ข่าว
กระดูกกลายเป็นพระธาตุ กลายเป็นไข่มุข กลายเป็นแก้ว ขององค์สมเด็จพร
ะสังฆราช
สาธุ อนุโมทนา.... ___/\___ ในพระปัญญาของพระองค์ ที่จิตหลุดพ้นจา
กอาสวะกิเลสทั้งปวง
(หลุดพ้น จากความตาย แล้วด้วยดี)
# แก้ไข ด้วความเขลา คาดเดาไปล่วงหน้า ทั้งที่ไม่ข่าว
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตอนเด็กๆเปิดดูมนต์พิธี หาคาถานั่น คาถานี่ ที่ว่าเจ๋งๆ ไล่ผีไล่ปอบได้
สะกดมัดวิญญาณได้
หาคาถาป้องกันตัว แต่หาไปหามา
เจอภาพนี้... ก็พิจารณาดูชีวิต
เราต้องเป็นไปตามขั้นตอนอย่างนี้
สุดท้ายเราต้องตายตอนแก่รึนี่ อ๋อ..มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ก็ยอมรับ
"ถ้าตอนนั้นนะ เขาลงลายละเอียดไว้
แบบนี้
เราจะเข้าหาทางธรรมตอนนั้นเลย
> อย่าคิดว่า ตายจากมนุษย์แล้วจะได้เข้าท้องเกิดเป็นมนุษย์เหมือนเดิมนะ
> อย่าคิดว่า จะได้เกิดแต่ในครอบครัวที่พ่อแม่ปูทางไว้ให้ดีมีเงินให้ใช้นะ
> อย่าคิดว่า ตายแล้วเป็นผี รอเขาอุทิศบุญให้จะได้รับเสมอนะ
> อย่าคิดว่า ไปเป็นเทวดาแล้วจะปลอดภัยจากนรกถาวรนะ
> วิธีพ้นนรกถาวรทุกชาติ ให้ภาวนายกระดับจิตใจจากที่มันธ
รรมดาๆที่เรียกว่าปุถุชนนี้ ยกขึ้นเป็นจิตใจแบบอริยะชน เป็นโสดาบันบุคคล
พ้นนรกถาวร
อยากเป็นต้อง ดูจิต ตนเอง ในชีวิตประจำวัน ดูไปเรื่อยๆ
อาการโกรธเกิดขึ้นก็รู้ทันมัน อาการชอบพอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการไม่ชอบไม่พอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการอัดอัดร้อนๆอยู่กลางหน้าอกก็รู้ทันมัน
โดยเห็นว่ามันไม่ใช่เรา แต่เราเป็นผู้สังเกตดู
# นี่แค่นี้ เบื้องต้นแค่นี้ ถ้าสำนักพิมพ์เขาแปะใส่ข้างรูป
เราคงได้ภาวนามาตั้งแต่ประถม และคงชวนเพื่อนสนิทบ้านดู่ในชื่อหนุ่ม
ภาวนาด้วยกัน ให้เหตุผลด้วย..
ตอนเด็กๆเปิดดูมนต์พิธี หาคาถานั่น คาถานี่ ที่ว่าเจ๋งๆ ไล่ผีไล่ปอบได้
สะกดมัดวิญญาณได้
หาคาถาป้องกันตัว แต่หาไปหามา
เจอภาพนี้... ก็พิจารณาดูชีวิต
เราต้องเป็นไปตามขั้นตอนอย่างนี้
สุดท้ายเราต้องตายตอนแก่รึนี่ อ๋อ..มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ก็ยอมรับ
"ถ้าตอนนั้นนะ เขาลงลายละเอียดไว้
แบบนี้
เราจะเข้าหาทางธรรมตอนนั้นเลย
> อย่าคิดว่า ตายจากมนุษย์แล้วจะได้เข้าท้องเกิดเป็นมนุษย์เหมือนเดิมนะ
> อย่าคิดว่า จะได้เกิดแต่ในครอบครัวที่พ่อแม่ปูทางไว้ให้ดีมีเงินให้ใช้นะ
> อย่าคิดว่า ตายแล้วเป็นผี รอเขาอุทิศบุญให้จะได้รับเสมอนะ
> อย่าคิดว่า ไปเป็นเทวดาแล้วจะปลอดภัยจากนรกถาวรนะ
> วิธีพ้นนรกถาวรทุกชาติ ให้ภาวนายกระดับจิตใจจากที่มันธ
รรมดาๆที่เรียกว่าปุถุชนนี้ ยกขึ้นเป็นจิตใจแบบอริยะชน เป็นโสดาบันบุคคล
พ้นนรกถาวร
อยากเป็นต้อง ดูจิต ตนเอง ในชีวิตประจำวัน ดูไปเรื่อยๆ
อาการโกรธเกิดขึ้นก็รู้ทันมัน อาการชอบพอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการไม่ชอบไม่พอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการอัดอัดร้อนๆอยู่กลางหน้าอกก็รู้ทันมัน
โดยเห็นว่ามันไม่ใช่เรา แต่เราเป็นผู้สังเกตดู
# นี่แค่นี้ เบื้องต้นแค่นี้ ถ้าสำนักพิมพ์เขาแปะใส่ข้างรูป
เราคงได้ภาวนามาตั้งแต่ประถม และคงชวนเพื่อนสนิทบ้านดู่ในชื่อหนุ่ม
ภาวนาด้วยกัน ให้เหตุผลด้วย..
นี่มันน่าเสียดายตรงนี้
เพราะเสียเวลาไปกับ ดูคลิบดูอะไร เพิ่มพูนกามราคะกิเลส เอาของดำ
ใส่จิตยังไม่รู้อีก
คิดแล้วก็น่าสงสารตนเอง
แต่เพราะ อวิชา ความไม่รู้ มันปกครองจิตใจเรา
ให้ไม่ให้เห็นว่า อะไรเป็นประโยชน์ที่แท้จริง
อะไรเป็นประโยชน์เล่นๆ
หรืออะไรไม่เป็นประโยชน์เลย แต่หลอกว่าเป็นประโยชน
ตอนเด็กๆเปิดดูมนต์พิธี หาคาถานั่น คาถานี่ ที่ว่าเจ๋งๆ ไล่ผีไล่ปอบได้
หาคาถาป้องกันตัว แต่หาไปหามา
เจอภาพนี้... ก็พิจารณาดูชีวิต
เราต้องเป็นไปตามขั้นตอนอย่างนี้
สุดท้ายเราต้องตายตอนแก่รึนี่ อ๋อ..มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ก็ยอมรับ
"ถ้าตอนนั้นนะ เขาลงลายละเอียดไว้
แบบนี้
เราจะเข้าหาทางธรรมตอนนั้นเลย
> อย่าคิดว่า ตายจากมนุษย์แล้วจะได้เข้าท้องเกิดเป็นมนุษย์เหมือนเดิมนะ
> อย่าคิดว่า จะได้เกิดแต่ในครอบครัวที่พ่อแม่ปูทางไว้ให้ดีมีเงินให้ใช้นะ
> อย่าคิดว่า ตายแล้วเป็นผี รอเขาอุทิศบุญให้จะได้รับเสมอนะ
> อย่าคิดว่า ไปเป็นเทวดาแล้วจะปลอดภัยจากนรกถาวรนะ
> วิธีพ้นนรกถาวรทุกชาติ ให้ภาวนายกระดับจิตใจจากที่มันธ
รรมดาๆที่เรียกว่าปุถุชนนี้ ยกขึ้นเป็นจิตใจแบบอริยะชน เป็นโสดาบันบุคคล
พ้นนรกถาวร
อยากเป็นต้อง ดูจิต ตนเอง ในชีวิตประจำวัน ดูไปเรื่อยๆ
อาการโกรธเกิดขึ้นก็รู้ทันมัน อาการชอบพอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการไม่ชอบไม่พอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการอัดอัดร้อนๆอยู่กลางหน้าอกก็รู้ทันมัน
โดยเห็นว่ามันไม่ใช่เรา แต่เราเป็นผู้สังเกตดู
# นี่แค่นี้ เบื้องต้นแค่นี้ ถ้าสำนักพิมพ์เขาแปะใส่ข้างรูป
เราคงได้ภาวนามาตั้งแต่ประถม และคงชวนเพื่อนสนิทบ้านดู่ในชื่อหนุ่ม
ภาวนาด้วยกัน ให้เหตุผลด้วย..
นี่มันน่าเสียดายตรงนี้
เพราะเสียเวลาไปกับ ดูคลิบดูอะไร เพิ่มพูนกามราคะกิเลส เอาของดำ
ใส่จิตยังไม่รู้อีก
คิดแล้วก็น่าสงสารตนเอง
แต่เพราะ อวิชา ความไม่รู้ มันปกครองจิตใจเรา
ให้ไม่ให้เห็นว่า อะไรเป็นประโยชน์ที่แท้จริง
อะไรเป็นประโยชน์เล่นๆ
หรืออะไรไม่เป็นประโยชน์เลย แต่หลอกว่าเป็นประโยชน
ตอนเด็กๆเปิดดูมนต์พิธี หาคาถานั่น คาถานี่ ที่ว่าเจ๋งๆ ไล่ผีไล่ปอบได้
สะกดมัดวิญญาณได้
หาคาถาป้องกันตัว แต่หาไปหามา
เจอภาพนี้... ก็พิจารณาดูชีวิต
เราต้องเป็นไปตามขั้นตอนอย่างนี้
สุดท้ายเราต้องตายตอนแก่รึนี่ อ๋อ..มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ก็ยอมรับ
"ถ้าตอนนั้นนะ เขาลงลายละเอียดไว้
แบบนี้
เราจะเข้าหาทางธรรมตอนนั้นเลย
> อย่าคิดว่า ตายจากมนุษย์แล้วจะได้เข้าท้องเกิดเป็นมนุษย์เหมือนเดิมนะ
> อย่าคิดว่า จะได้เกิดแต่ในครอบครัวที่พ่อแม่ปูทางไว้ให้ดีมีเงินให้ใช้นะ
> อย่าคิดว่า ตายแล้วเป็นผี รอเขาอุทิศบุญให้จะได้รับเสมอนะ
> อย่าคิดว่า ไปเป็นเทวดาแล้วจะปลอดภัยจากนรกถาวรนะ
> วิธีพ้นนรกถาวรทุกชาติ ให้ภาวนายกระดับจิตใจจากที่มันธ
รรมดาๆที่เรียกว่าปุถุชนนี้ ยกขึ้นเป็นจิตใจแบบอริยะชน เป็นโสดาบันบุคคล
พ้นนรกถาวร
อยากเป็นต้อง ดูจิต ตนเอง ในชีวิตประจำวัน ดูไปเรื่อยๆ
อาการโกรธเกิดขึ้นก็รู้ทันมัน อาการชอบพอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการไม่ชอบไม่พอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการอัดอัดร้อนๆอยู่กลางหน้าอกก็รู้ทันมัน
โดยเห็นว่ามันไม่ใช่เรา แต่เราเป็นผู้สังเกตดู
# นี่แค่นี้ เบื้องต้นแค่นี้ ถ้าสำนักพิมพ์เขาแปะใส่ข้างรูป
เราคงได้ภาวนามาตั้งแต่ประถม และคงชวนเพื่อนสนิทบ้านดู่ในชื่อหนุ่ม
ภาวนาด้วยกัน ให้เหตุผลด้วย..
นี่มันน่าเสียดายตรงนี้
เพราะเสียเวลาไปกับ ดูคลิบดูอะไร เพิ่มพูนกามราคะกิเลส เอาของที่ชวนให้
เมาเมถุนใส่จิตยังไม่รู้อีก
คิดแล้วก็น่าสงสารตนเอง
แต่เพราะ อวิชา ความไม่รู้ มันปกครองจิตใจเรา
ให้ไม่ให้เห็นว่า อะไรเป็นประโยชน์ที่แท้จริง
อะไรเป็นประโยชน์เล่นๆ
หรืออะไรไม่เป็นประโยชน์เลย แต่หลอกว่าเป็นประโยชน์
ตอนเด็กๆเปิดดูมนต์พิธี หาคาถานั่น คาถานี่ ที่ว่าเจ๋งๆ ไล่ผีไล่ปอบได้
สะกดมัดวิญญาณได้
หาคาถาป้องกันตัว แต่หาไปหามา
เจอภาพนี้... ก็พิจารณาดูชีวิต
เราต้องเป็นไปตามขั้นตอนอย่างนี้
สุดท้ายเราต้องตายตอนแก่รึนี่ อ๋อ..มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ก็ยอมรับ
"ถ้าตอนนั้นนะ เขาลงลายละเอียดไว้
แบบนี้
เราจะเข้าหาทางธรรมตอนนั้นเลย
> อย่าคิดว่า ตายจากมนุษย์แล้วจะได้เข้าท้องเกิดเป็นมนุษย์เหมือนเดิมนะ
> อย่าคิดว่า จะได้เกิดแต่ในครอบครัวที่พ่อแม่ปูทางไว้ให้ดีมีเงินให้ใช้นะ
> อย่าคิดว่า ตายแล้วเป็นผี รอเขาอุทิศบุญให้จะได้รับเสมอนะ
> อย่าคิดว่า ไปเป็นเทวดาแล้วจะปลอดภัยจากนรกถาวรนะ
> วิธีพ้นนรกถาวรทุกชาติ ให้ภาวนายกระดับจิตใจจากที่มันธ
รรมดาๆที่เรียกว่าปุถุชนนี้ ยกขึ้นเป็นจิตใจแบบอริยะชน เป็นโสดาบันบุคคล
พ้นนรกถาวร
อยากเป็นต้อง ดูจิต ตนเอง ในชีวิตประจำวัน ดูไปเรื่อยๆ
อาการโกรธเกิดขึ้นก็รู้ทันมัน อาการชอบพอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการไม่ชอบไม่พอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการอัดอัดร้อนๆอยู่กลางหน้าอกก็รู้ทันมัน
โดยเห็นว่ามันไม่ใช่เรา แต่เราเป็นผู้สังเกตดู
# นี่แค่นี้ เบื้องต้นแค่นี้ ถ้าสำนักพิมพ์เขาแปะใส่ข้างรูป
เราคงได้ภาวนามาตั้งแต่ประถม และคงชวนเพื่อนสนิทบ้านดู่ในชื่อหนุ่ม
ภาวนาด้วยกัน ให้เหตุผลด้วย..
นี่มันน่าเสียดายตรงนี้
เพราะเสียเวลาไปกับ ดูคลิบดูอะไร เพิ่มพูนกามราคะกิเลส เอาของที่ชวนให้
เมาในเมถุนใส่จิตยังไม่รู้อีก
คิดแล้วก็น่าสงสารตนเอง
แต่เพราะ อวิชา ความไม่รู้ มันปกครองจิตใจเรา
ให้ไม่ให้เห็นว่า อะไรเป็นประโยชน์ที่แท้จริง
อะไรเป็นประโยชน์เล่นๆ
หรืออะไรไม่เป็นประโยชน์เลย แต่หลอกว่าเป็นประโยชน
สะกดมัดวิญญาณได้
หาคาถาป้องกันตัว แต่หาไปหามา
เจอภาพนี้... ก็พิจารณาดูชีวิต
เราต้องเป็นไปตามขั้นตอนอย่างนี้
สุดท้ายเราต้องตายตอนแก่รึนี่ อ๋อ..มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ก็ยอมรับ
"ถ้าตอนนั้นนะ เขาลงลายละเอียดไว้
แบบนี้
เราจะเข้าหาทางธรรมตอนนั้นเลย
> อย่าคิดว่า ตายจากมนุษย์แล้วจะได้เข้าท้องเกิดเป็นมนุษย์เหมือนเดิมนะ
> อย่าคิดว่า จะได้เกิดแต่ในครอบครัวที่พ่อแม่ปูทางไว้ให้ดีมีเงินให้ใช้นะ
> อย่าคิดว่า ตายแล้วเป็นผี รอเขาอุทิศบุญให้จะได้รับเสมอนะ
> อย่าคิดว่า ไปเป็นเทวดาแล้วจะปลอดภัยจากนรกถาวรนะ
> วิธีพ้นนรกถาวรทุกชาติ ให้ภาวนายกระดับจิตใจจากที่มันธ
รรมดาๆที่เรียกว่าปุถุชนนี้ ยกขึ้นเป็นจิตใจแบบอริยะชน เป็นโสดาบันบุคคล
พ้นนรกถาวร
อยากเป็นต้อง ดูจิต ตนเอง ในชีวิตประจำวัน ดูไปเรื่อยๆ
อาการโกรธเกิดขึ้นก็รู้ทันมัน อาการชอบพอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการไม่ชอบไม่พอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการอัดอัดร้อนๆอยู่กลางหน้าอกก็รู้ทันมัน
โดยเห็นว่ามันไม่ใช่เรา แต่เราเป็นผู้สังเกตดู
# นี่แค่นี้ เบื้องต้นแค่นี้ ถ้าสำนักพิมพ์เขาแปะใส่ข้างรูป
เราคงได้ภาวนามาตั้งแต่ประถม และคงชวนเพื่อนสนิทบ้านดู่ในชื่อหนุ่ม
ภาวนาด้วยกัน ให้เหตุผลด้วย..
ตอนเด็กๆเปิดดูมนต์พิธี หาคาถานั่น คาถานี่ ที่ว่าเจ๋งๆ ไล่ผีไล่ปอบได้
สะกดมัดวิญญาณได้
หาคาถาป้องกันตัว แต่หาไปหามา
เจอภาพนี้... ก็พิจารณาดูชีวิต
เราต้องเป็นไปตามขั้นตอนอย่างนี้
สุดท้ายเราต้องตายตอนแก่รึนี่ อ๋อ..มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ก็ยอมรับ
"ถ้าตอนนั้นนะ เขาลงลายละเอียดไว้
แบบนี้
เราจะเข้าหาทางธรรมตอนนั้นเลย
> อย่าคิดว่า ตายจากมนุษย์แล้วจะได้เข้าท้องเกิดเป็นมนุษย์เหมือนเดิมนะ
> อย่าคิดว่า จะได้เกิดแต่ในครอบครัวที่พ่อแม่ปูทางไว้ให้ดีมีเงินให้ใช้นะ
> อย่าคิดว่า ตายแล้วเป็นผี รอเขาอุทิศบุญให้จะได้รับเสมอนะ
> อย่าคิดว่า ไปเป็นเทวดาแล้วจะปลอดภัยจากนรกถาวรนะ
> วิธีพ้นนรกถาวรทุกชาติ ให้ภาวนายกระดับจิตใจจากที่มันธ
รรมดาๆที่เรียกว่าปุถุชนนี้ ยกขึ้นเป็นจิตใจแบบอริยะชน เป็นโสดาบันบุคคล
พ้นนรกถาวร
อยากเป็นต้อง ดูจิต ตนเอง ในชีวิตประจำวัน ดูไปเรื่อยๆ
อาการโกรธเกิดขึ้นก็รู้ทันมัน อาการชอบพอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการไม่ชอบไม่พอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการอัดอัดร้อนๆอยู่กลางหน้าอกก็รู้ทันมัน
โดยเห็นว่ามันไม่ใช่เรา แต่เราเป็นผู้สังเกตดู
# นี่แค่นี้ เบื้องต้นแค่นี้ ถ้าสำนักพิมพ์เขาแปะใส่ข้างรูป
เราคงได้ภาวนามาตั้งแต่ประถม และคงชวนเพื่อนสนิทบ้านดู่ในชื่อหนุ่ม
ภาวนาด้วยกัน ให้เหตุผลด้วย..
นี่มันน่าเสียดายตรงนี้
เพราะเสียเวลาไปกับ ดูคลิบดูอะไร เพิ่มพูนกามราคะกิเลส เอาของดำ
ใส่จิตยังไม่รู้อีก
คิดแล้วก็น่าสงสารตนเอง
แต่เพราะ อวิชา ความไม่รู้ มันปกครองจิตใจเรา
ให้ไม่ให้เห็นว่า อะไรเป็นประโยชน์ที่แท้จริง
อะไรเป็นประโยชน์เล่นๆ
หรืออะไรไม่เป็นประโยชน์เลย แต่หลอกว่าเป็นประโยชน
ตอนเด็กๆเปิดดูมนต์พิธี หาคาถานั่น คาถานี่ ที่ว่าเจ๋งๆ ไล่ผีไล่ปอบได้
หาคาถาป้องกันตัว แต่หาไปหามา
เจอภาพนี้... ก็พิจารณาดูชีวิต
เราต้องเป็นไปตามขั้นตอนอย่างนี้
สุดท้ายเราต้องตายตอนแก่รึนี่ อ๋อ..มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ก็ยอมรับ
"ถ้าตอนนั้นนะ เขาลงลายละเอียดไว้
แบบนี้
เราจะเข้าหาทางธรรมตอนนั้นเลย
> อย่าคิดว่า ตายจากมนุษย์แล้วจะได้เข้าท้องเกิดเป็นมนุษย์เหมือนเดิมนะ
> อย่าคิดว่า จะได้เกิดแต่ในครอบครัวที่พ่อแม่ปูทางไว้ให้ดีมีเงินให้ใช้นะ
> อย่าคิดว่า ตายแล้วเป็นผี รอเขาอุทิศบุญให้จะได้รับเสมอนะ
> อย่าคิดว่า ไปเป็นเทวดาแล้วจะปลอดภัยจากนรกถาวรนะ
> วิธีพ้นนรกถาวรทุกชาติ ให้ภาวนายกระดับจิตใจจากที่มันธ
รรมดาๆที่เรียกว่าปุถุชนนี้ ยกขึ้นเป็นจิตใจแบบอริยะชน เป็นโสดาบันบุคคล
พ้นนรกถาวร
อยากเป็นต้อง ดูจิต ตนเอง ในชีวิตประจำวัน ดูไปเรื่อยๆ
อาการโกรธเกิดขึ้นก็รู้ทันมัน อาการชอบพอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการไม่ชอบไม่พอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการอัดอัดร้อนๆอยู่กลางหน้าอกก็รู้ทันมัน
โดยเห็นว่ามันไม่ใช่เรา แต่เราเป็นผู้สังเกตดู
# นี่แค่นี้ เบื้องต้นแค่นี้ ถ้าสำนักพิมพ์เขาแปะใส่ข้างรูป
เราคงได้ภาวนามาตั้งแต่ประถม และคงชวนเพื่อนสนิทบ้านดู่ในชื่อหนุ่ม
ภาวนาด้วยกัน ให้เหตุผลด้วย..
นี่มันน่าเสียดายตรงนี้
เพราะเสียเวลาไปกับ ดูคลิบดูอะไร เพิ่มพูนกามราคะกิเลส เอาของดำ
ใส่จิตยังไม่รู้อีก
คิดแล้วก็น่าสงสารตนเอง
แต่เพราะ อวิชา ความไม่รู้ มันปกครองจิตใจเรา
ให้ไม่ให้เห็นว่า อะไรเป็นประโยชน์ที่แท้จริง
อะไรเป็นประโยชน์เล่นๆ
หรืออะไรไม่เป็นประโยชน์เลย แต่หลอกว่าเป็นประโยชน
ตอนเด็กๆเปิดดูมนต์พิธี หาคาถานั่น คาถานี่ ที่ว่าเจ๋งๆ ไล่ผีไล่ปอบได้
สะกดมัดวิญญาณได้
หาคาถาป้องกันตัว แต่หาไปหามา
เจอภาพนี้... ก็พิจารณาดูชีวิต
เราต้องเป็นไปตามขั้นตอนอย่างนี้
สุดท้ายเราต้องตายตอนแก่รึนี่ อ๋อ..มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ก็ยอมรับ
"ถ้าตอนนั้นนะ เขาลงลายละเอียดไว้
แบบนี้
เราจะเข้าหาทางธรรมตอนนั้นเลย
> อย่าคิดว่า ตายจากมนุษย์แล้วจะได้เข้าท้องเกิดเป็นมนุษย์เหมือนเดิมนะ
> อย่าคิดว่า จะได้เกิดแต่ในครอบครัวที่พ่อแม่ปูทางไว้ให้ดีมีเงินให้ใช้นะ
> อย่าคิดว่า ตายแล้วเป็นผี รอเขาอุทิศบุญให้จะได้รับเสมอนะ
> อย่าคิดว่า ไปเป็นเทวดาแล้วจะปลอดภัยจากนรกถาวรนะ
> วิธีพ้นนรกถาวรทุกชาติ ให้ภาวนายกระดับจิตใจจากที่มันธ
รรมดาๆที่เรียกว่าปุถุชนนี้ ยกขึ้นเป็นจิตใจแบบอริยะชน เป็นโสดาบันบุคคล
พ้นนรกถาวร
อยากเป็นต้อง ดูจิต ตนเอง ในชีวิตประจำวัน ดูไปเรื่อยๆ
อาการโกรธเกิดขึ้นก็รู้ทันมัน อาการชอบพอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการไม่ชอบไม่พอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการอัดอัดร้อนๆอยู่กลางหน้าอกก็รู้ทันมัน
โดยเห็นว่ามันไม่ใช่เรา แต่เราเป็นผู้สังเกตดู
# นี่แค่นี้ เบื้องต้นแค่นี้ ถ้าสำนักพิมพ์เขาแปะใส่ข้างรูป
เราคงได้ภาวนามาตั้งแต่ประถม และคงชวนเพื่อนสนิทบ้านดู่ในชื่อหนุ่ม
ภาวนาด้วยกัน ให้เหตุผลด้วย..
นี่มันน่าเสียดายตรงนี้
เพราะเสียเวลาไปกับ ดูคลิบดูอะไร เพิ่มพูนกามราคะกิเลส เอาของที่ชวนให้
เมาเมถุนใส่จิตยังไม่รู้อีก
คิดแล้วก็น่าสงสารตนเอง
แต่เพราะ อวิชา ความไม่รู้ มันปกครองจิตใจเรา
ให้ไม่ให้เห็นว่า อะไรเป็นประโยชน์ที่แท้จริง
อะไรเป็นประโยชน์เล่นๆ
หรืออะไรไม่เป็นประโยชน์เลย แต่หลอกว่าเป็นประโยชน์
ตอนเด็กๆเปิดดูมนต์พิธี หาคาถานั่น คาถานี่ ที่ว่าเจ๋งๆ ไล่ผีไล่ปอบได้
สะกดมัดวิญญาณได้
หาคาถาป้องกันตัว แต่หาไปหามา
เจอภาพนี้... ก็พิจารณาดูชีวิต
เราต้องเป็นไปตามขั้นตอนอย่างนี้
สุดท้ายเราต้องตายตอนแก่รึนี่ อ๋อ..มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ก็ยอมรับ
"ถ้าตอนนั้นนะ เขาลงลายละเอียดไว้
แบบนี้
เราจะเข้าหาทางธรรมตอนนั้นเลย
> อย่าคิดว่า ตายจากมนุษย์แล้วจะได้เข้าท้องเกิดเป็นมนุษย์เหมือนเดิมนะ
> อย่าคิดว่า จะได้เกิดแต่ในครอบครัวที่พ่อแม่ปูทางไว้ให้ดีมีเงินให้ใช้นะ
> อย่าคิดว่า ตายแล้วเป็นผี รอเขาอุทิศบุญให้จะได้รับเสมอนะ
> อย่าคิดว่า ไปเป็นเทวดาแล้วจะปลอดภัยจากนรกถาวรนะ
> วิธีพ้นนรกถาวรทุกชาติ ให้ภาวนายกระดับจิตใจจากที่มันธ
รรมดาๆที่เรียกว่าปุถุชนนี้ ยกขึ้นเป็นจิตใจแบบอริยะชน เป็นโสดาบันบุคคล
พ้นนรกถาวร
อยากเป็นต้อง ดูจิต ตนเอง ในชีวิตประจำวัน ดูไปเรื่อยๆ
อาการโกรธเกิดขึ้นก็รู้ทันมัน อาการชอบพอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการไม่ชอบไม่พอใจเกิดก็รู้ทันมัน
อาการอัดอัดร้อนๆอยู่กลางหน้าอกก็รู้ทันมัน
โดยเห็นว่ามันไม่ใช่เรา แต่เราเป็นผู้สังเกตดู
# นี่แค่นี้ เบื้องต้นแค่นี้ ถ้าสำนักพิมพ์เขาแปะใส่ข้างรูป
เราคงได้ภาวนามาตั้งแต่ประถม และคงชวนเพื่อนสนิทบ้านดู่ในชื่อหนุ่ม
ภาวนาด้วยกัน ให้เหตุผลด้วย..
นี่มันน่าเสียดายตรงนี้
เพราะเสียเวลาไปกับ ดูคลิบดูอะไร เพิ่มพูนกามราคะกิเลส เอาของที่ชวนให้
เมาในเมถุนใส่จิตยังไม่รู้อีก
คิดแล้วก็น่าสงสารตนเอง
แต่เพราะ อวิชา ความไม่รู้ มันปกครองจิตใจเรา
ให้ไม่ให้เห็นว่า อะไรเป็นประโยชน์ที่แท้จริง
อะไรเป็นประโยชน์เล่นๆ
หรืออะไรไม่เป็นประโยชน์เลย แต่หลอกว่าเป็นประโยชน
.เจ้ากรรมนายจะมีอิทธิพลต่อเราอย่างมาก เมื่อเราจิตใจอ่อนแอ
หรือจิตใจเศร้าหมอง เขารอโอกาสนี้มาก
เจ้ากรรมนายเวรในรูปแบบเป็นพลังงาน
เขาจะมาเข้าแทรกร่างกายส่วนต่าง
ทำให้มีอาการเจ็บปวดรักษาไม่หาย
หมอก็งง ไม่เห็นเป็นโรคอะไรซะหน่อย
โรคแบบนี้ เรียกโรคกรรมเวร
ให้ทำบุญอุทิศให้เขา
นั่งสมาธิอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล
แล้ว อุทิศให้เขา ทำอยู่แบบนี้
โรคนั้นหายไปเลย หมอก็งง
และก็เราอย่าเผลอ ขาดสติตัวรู้ไปนาน ไม่เผลอปล่อยให้จิตใจเศร้าหมอง
เขาจะหาโอกาสไม่ได้
# พระพุทธเจ้าถึงบอกประมาณว่า ถ้าเธอขาดสติ มารจะได้ช่องทาง
"เมื่อจิตมีสติ จิตจะสว่างเป็นกุศล"
"เมื่อคิดดี ก็เท่ากับ เราฝืนกรรมที่จะนำพาจิตเราไปสู่เรื่องคิดไม่ดี ที่จะ
เป็นทุกข์ในภายหลัง
"เมื่อพูดดี ก็เท่ากับ
เราฝืนกรรมที่จะนำพาจิตเราไปสู่การพูดเรื่องไม่ดี ที่จะเป็นวิบากกรรม
ในภายหลัง
"เมื่อทำดี ก็เท่ากับ
เราฝืนกรรมที่จะพาเราทำเรื่องไม่ด
ีให้เป็นเหตุที่เป็นทุกข์ในภายหลัง
# ไม่ว่าอะไรก็ตาม ที่เราได้ยิน ได้อ่าน ได้เห็น ที่เป็นเหตุให้จิตใจเศร้าหมองขุ
่นมัว
ระลึกรู้ให้ทันว่าจิตกำลังหลงเศร้าหมอง
"
เพิ่มสื่อ 1 รายการในโพสต์นี้แล้ว
.เจ้ากรรมนายจะมีอิทธิพลต่อเราอย่างมาก เมื่อเราจิตใจอ่อนแอ
หรือจิตใจเศร้าหมอง เขารอโอกาสนี้มาก
เจ้ากรรมนายเวรในรูปแบบเป็นพลังงาน
เขาจะมาเข้าแทรกร่างกายส่วนต่าง
ทำให้มีอาการเจ็บปวดรักษาไม่หาย
หมอก็งง ไม่เห็นเป็นโรคอะไรซะหน่อย
โรคแบบนี้ เรียกโรคกรรมเวร
ให้ทำบุญอุทิศให้เขา
นั่งสมาธิอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล
แล้ว อุทิศให้เขา ทำอยู่แบบนี้
โรคนั้นหายไปเลย หมอก็งง
และก็เราอย่าเผลอ ขาดสติตัวรู้ไปนาน ไม่เผลอปล่อยให้จิตใจเศร้าหมอง
เขาจะหาโอกาสไม่ได้
# พระพุทธเจ้าถึงบอกประมาณว่า ถ้าเธอขาดสติ มารจะได้ช่องทาง
"เมื่อจิตมีสติ จิตจะสว่างเป็นกุศล"
"เมื่อคิดดี ก็เท่ากับ เราฝืนกรรมที่จะนำพาจิตเราไปสู่เรื่องคิดไม่ดี ที่จะ
เป็นทุกข์ในภายหลัง
"เมื่อพูดดี ก็เท่ากับ
เราฝืนกรรมที่จะนำพาจิตเราไปสู่การพูดเรื่องไม่ดี ที่จะเป็นวิบากกรรม
ในภายหลัง
"เมื่อทำดี ก็เท่ากับ
เราฝืนกรรมที่จะพาเราทำเรื่องไม่ด
ีให้เป็นเหตุที่เป็นทุกข์ในภายหลัง
# ไม่ว่าอะไรก็ตาม ที่เราได้ยิน ได้อ่าน ได้เห็น ที่เป็นเหตุให้จิตใจเศร้าหมองขุ
่นมัว
ระลึกรู้ให้ทันว่าจิตกำลังหลงเศร้าหมอง
"
เพิ่มสื่อ 1 รายการในโพสต์นี้แล้ว
หรือจิตใจเศร้าหมอง เขารอโอกาสนี้มาก
เจ้ากรรมนายเวรในรูปแบบเป็นพลังงาน
เขาจะมาเข้าแทรกร่างกายส่วนต่าง
ทำให้มีอาการเจ็บปวดรักษาไม่หาย
หมอก็งง ไม่เห็นเป็นโรคอะไรซะหน่อย
โรคแบบนี้ เรียกโรคกรรมเวร
ให้ทำบุญอุทิศให้เขา
นั่งสมาธิอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล
แล้ว อุทิศให้เขา ทำอยู่แบบนี้
โรคนั้นหายไปเลย หมอก็งง
และก็เราอย่าเผลอ ขาดสติตัวรู้ไปนาน ไม่เผลอปล่อยให้จิตใจเศร้าหมอง
เขาจะหาโอกาสไม่ได้
# พระพุทธเจ้าถึงบอกประมาณว่า ถ้าเธอขาดสติ มารจะได้ช่องทาง
"เมื่อจิตมีสติ จิตจะสว่างเป็นกุศล"
"เมื่อคิดดี ก็เท่ากับ เราฝืนกรรมที่จะนำพาจิตเราไปสู่เรื่องคิดไม่ดี ที่จะ
เป็นทุกข์ในภายหลัง
"เมื่อพูดดี ก็เท่ากับ
เราฝืนกรรมที่จะนำพาจิตเราไปสู่การพูดเรื่องไม่ดี ที่จะเป็นวิบากกรรม
ในภายหลัง
"เมื่อทำดี ก็เท่ากับ
เราฝืนกรรมที่จะพาเราทำเรื่องไม่ด
ีให้เป็นเหตุที่เป็นทุกข์ในภายหลัง
# ไม่ว่าอะไรก็ตาม ที่เราได้ยิน ได้อ่าน ได้เห็น ที่เป็นเหตุให้จิตใจเศร้าหมองขุ
่นมัว
ระลึกรู้ให้ทันว่าจิตกำลังหลงเศร้าหมอง
"
เพิ่มสื่อ 1 รายการในโพสต์นี้แล้ว
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 16, 2015 9:20:29pm
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 20, 2015 12:56:49pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ได้รับความรักไว้อย่างไร
ก็คือการ รับกรรมที่เคยก่อไว้
อย่างนั้น
ถ้าคบกันแล้วไม่สบายใจ
แน่นร้อนกลางอกอึดอัดร้อนใจเป็นประจำ
เหมือนมีลูกไฟอยู่ในตัว
นั้นแหละเขาเรียกว่าใช้กรรม
ในทางปฏิบัติ อย่าพึงพูดอะไรออกมา
แต่ให้เฉย...รู้ รู้สภาวะ"ที่ละเอียดเหมือนอากาศ แต่อึดอัดแน่นร้อนนั้น
อึดอัด เราก็รู้ว่ามันกำลังอึดอัด"
แน่นร้อน เราก็รู้มัน ว่าแน่นร้อน
ให้เป็นผู้คอยสังเกตแค่นั้น
จะเห็นมันจางคลายแปรเปลี่ยนเป็นอื่น
นี่แหละพระท่านเรียก "อนัตตา" ไม่ได้เชิญก็มาเอง ไม่ต้องไล่ก็ไปเอง
ก็คือการ รับกรรมที่เคยก่อไว้
อย่างนั้น
ถ้าคบกันแล้วไม่สบายใจ
แน่นร้อนกลางอกอึดอัดร้อนใจเป็นประจำ
เหมือนมีลูกไฟอยู่ในตัว
นั้นแหละเขาเรียกว่าใช้กรรม
ในทางปฏิบัติ อย่าพึงพูดอะไรออกมา
แต่ให้เฉย...รู้ รู้สภาวะ"ที่ละเอียดเหมือนอากาศ แต่อึดอัดแน่นร้อนนั้น
อึดอัด เราก็รู้ว่ามันกำลังอึดอัด"
แน่นร้อน เราก็รู้มัน ว่าแน่นร้อน
ให้เป็นผู้คอยสังเกตแค่นั้น
จะเห็นมันจางคลายแปรเปลี่ยนเป็นอื่น
นี่แหละพระท่านเรียก "อนัตตา" ไม่ได้เชิญก็มาเอง ไม่ต้องไล่ก็ไปเอง
ปริ้นให้ โยมแม่อ่าน
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 01, 2016 12:20:21pm
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 01, 2016 12:46:25pm
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 01, 2016 1:10:21pm
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 22, 2016 9:21:12pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Rungsun Kiayasuan และคนอื่นๆ อีก 2 คน
คุณได้แท็ก Rungsun Kiayasuan, Santi-Wanna Loveforever และ ฤิทธิพร ทองมี
"มีความสุข บนความทุกข์ของคนอื่น"
เป็นคำกล่าวของ รังสรรค์ ในสมัยเรียนมัธยม คำนี้คมมาก
เป็นธรรมะเลยก็ว่าได้
วิบาก ในปัจจุบัน ทางนามธรรม ของผู้ที่มีความสุขอยู่บนความทุกข์ของคนอื่น คือจะมีความทุกข์ใจในปัจจุบัน เขาจะเห็นทุกข์มากหรือเห็นทุกข์น้อยแค่นั้น ถ้าจิตดำหมองมืดก็จะเห็นยาก
ส่วนในภพชาติต่อไป ยกตัวอย่าง เช่น ชายมีความสุขในการชอบข่มเหงรังแกตบตีผู้หญิง เป็นประจำ
เกิดชาติใหม่จะมีรูปร่างกายที่เล็กบาง เตี้ย ขาสั้น เลี้ยงไม่โตง่ายๆ
#เหตุที่ปารภ#เมื่อจิตมีสมาธิ เรื่องราวความหลังเก่าๆตั้งแต่ตอนมัธยม ตอนประถม ตอนอนุบาล จะผุดขึ้นมา เป็นเรื่องๆราวมาให้รู้ ผ่านไปๆ เห็นว่าอันนี้มันเป็นธรรมะนี่นาจึงนำมาโพส
เป็นคำกล่าวของ รังสรรค์ ในสมัยเรียนมัธยม คำนี้คมมาก
เป็นธรรมะเลยก็ว่าได้
วิบาก ในปัจจุบัน ทางนามธรรม ของผู้ที่มีความสุขอยู่บนความทุกข์ของคนอื่น คือจะมีความทุกข์ใจในปัจจุบัน เขาจะเห็นทุกข์มากหรือเห็นทุกข์น้อยแค่นั้น ถ้าจิตดำหมองมืดก็จะเห็นยาก
ส่วนในภพชาติต่อไป ยกตัวอย่าง เช่น ชายมีความสุขในการชอบข่มเหงรังแกตบตีผู้หญิง เป็นประจำ
เกิดชาติใหม่จะมีรูปร่างกายที่เล็กบาง เตี้ย ขาสั้น เลี้ยงไม่โตง่ายๆ
#เหตุที่ปารภ#เมื่อจิตมีสมาธิ เรื่องราวความหลังเก่าๆตั้งแต่ตอนมัธยม ตอนประถม ตอนอนุบาล จะผุดขึ้นมา เป็นเรื่องๆราวมาให้รู้ ผ่านไปๆ เห็นว่าอันนี้มันเป็นธรรมะนี่นาจึงนำมาโพส
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คาถาเอาไว้ท่อง ก่อนสรงน้ำ(อาบน้ำ)"
เวทนาความเย็นเป็นสิ่งที่ถูกรู้ ไม่ใช่อันเดียวกันกับเราที่เป็นคนไปรู้
ผู้ใดไปยึดว่าความเย็นเป็นอันเดียวกันกับเรา ผู้นั้นจะหนาวมาก
ส่วนผู้ใด ไม่ยึดว่าความเย็นเป็นอันเดียวกันกับเรา
แต่มันเป็นสิ่งที่ถูกวิญญาณรู้
ผู้นั้นชื่อว่า อาบน้ำแบบภาวนาเจริญสติรู้เวทนา
#เวทนา แปลว่า การเสวยอารมณ
์
#สิ่งที่ไปเสวย คือ วิญญาณ
#วิญญาณ ไปได้ ๖ ที่
๑.วิญญาณไปอยู่ที่ตา จึงจะสามารถเห็นได้
๒.วิญญาณไปอยู่ที่หู จึงจะสามารถได้ยินเสียงได้
๓.วิญญาณไปอยู่ที่จมูก
จึงจะสามารถได้กลิ่นได้
๔.วิญญาณไปอยู่ที่ลิ้น
จึงจะสามารถรู้รสชาติได้
๕.วิญญาณไปอยู่ที่กาย
จึงจะสามารถรู้สึก อ่อนนุ่ม, แข็ง, เย็น,ร้อน ได้
๖.วิญญาณไปอยู่ที่ ( เวทนา สัญญา สังขาร ) จึงจะสามารถ มีความรู้สึก จำสิ่งต่างๆ นึกคิดอะไรต่างๆ ได้
#คนที่ตายแล้ว แล้วปรากฏตัวให้เห็น
ที่เรียกกันว่าวิญญาณ ให้เรียกใหม่ว่าผีเปตร
#สัมภเวสี คือผู้แสวงหาที่เกิด ในคติ ๕
สัตว์นรก เดรัจฉาน เปตร มนุษย์ เทวดา ก็เป็นสัมภเวสี
ผู้ที่ไม่ใช่สัมภเวสีมีแค่พระอรหันต์เท่านั้น
#เทวดา ชั้นสูงเรียกว่าพรหม
ี
เวทนาความเย็นเป็นสิ่งที่ถูกรู้ ไม่ใช่อันเดียวกันกับเราที่เป็นคนไปรู้
ผู้ใดไปยึดว่าความเย็นเป็นอันเดียวกันกับเรา ผู้นั้นจะหนาวมาก
ส่วนผู้ใด ไม่ยึดว่าความเย็นเป็นอันเดียวกันกับเรา
แต่มันเป็นสิ่งที่ถูกวิญญาณรู้
ผู้นั้นชื่อว่า อาบน้ำแบบภาวนาเจริญสติรู้เวทนา
#เวทนา แปลว่า การเสวยอารมณ
์
#สิ่งที่ไปเสวย คือ วิญญาณ
#วิญญาณ ไปได้ ๖ ที่
๑.วิญญาณไปอยู่ที่ตา จึงจะสามารถเห็นได้
๒.วิญญาณไปอยู่ที่หู จึงจะสามารถได้ยินเสียงได้
๓.วิญญาณไปอยู่ที่จมูก
จึงจะสามารถได้กลิ่นได้
๔.วิญญาณไปอยู่ที่ลิ้น
จึงจะสามารถรู้รสชาติได้
๕.วิญญาณไปอยู่ที่กาย
จึงจะสามารถรู้สึก อ่อนนุ่ม, แข็ง, เย็น,ร้อน ได้
๖.วิญญาณไปอยู่ที่ ( เวทนา สัญญา สังขาร ) จึงจะสามารถ มีความรู้สึก จำสิ่งต่างๆ นึกคิดอะไรต่างๆ ได้
#คนที่ตายแล้ว แล้วปรากฏตัวให้เห็น
ที่เรียกกันว่าวิญญาณ ให้เรียกใหม่ว่าผีเปตร
#สัมภเวสี คือผู้แสวงหาที่เกิด ในคติ ๕
สัตว์นรก เดรัจฉาน เปตร มนุษย์ เทวดา ก็เป็นสัมภเวสี
ผู้ที่ไม่ใช่สัมภเวสีมีแค่พระอรหันต์เท่านั้น
#เทวดา ชั้นสูงเรียกว่าพรหม
ี
คุณได้แท็ก Rungsun Kiayasuan และ ฤิทธิพร ทองมี
ร่างกายนี้..ที่แท้แค่บ้านเช่า
เพียงชั่วคราว ..เข้าพำนักพักอาศัย
สามหมื่นวัน..พลันต้องยื่นคืนเขาไป
วิงวอนใคร..ไม่อาจขอต่อสัญญา
ถึงหมอดี..ผีดังอย่าหวังพึ่ง
เวลาถึงต้อง..จำพรากจากเคหา
ทิ้งร่างกาย...ไว้ให้กับโลกา
สิ่งนำพา..ติดตัวชั่วกับดี
เพียงชั่วคราว ..เข้าพำนักพักอาศัย
สามหมื่นวัน..พลันต้องยื่นคืนเขาไป
วิงวอนใคร..ไม่อาจขอต่อสัญญา
ถึงหมอดี..ผีดังอย่าหวังพึ่ง
เวลาถึงต้อง..จำพรากจากเคหา
ทิ้งร่างกาย...ไว้ให้กับโลกา
สิ่งนำพา..ติดตัวชั่วกับดี
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 27, 2016 8:31:07pm
สอนโยมป่าต้อย พิจารณาจะสอนหรือไม่สอนแล้วแต่
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 27, 2016 10:30:25pm
ศาสนา จะตั้งในรัสเชีย
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 27, 2016 10:34:10pm
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 28, 2016 12:18:04pm
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 28, 2016 12:29:03pm
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 28, 2016 1:10:21pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่ม สงสัยมั้ย?ธรรมะ ในหนังสือที่เขาอ่าน
สงสัยมั้ย?ธรรมะ
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 28, 2016 5:56:22pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"คนที่ใช่ต้องต้องเจอกันในเวลาที่มีสิทธิ์? เวลาที่ไม่มีสิทธิ์ต่อให้เคยครองคู่กันมาเป็นล้านชาติ ถ้าชาตินี้เขาพลัดไปมีคู่ซะแล้ว ยังไงก็ไม่ใช่"
เขาต้องอยู่ในฐานะที่ว่าง(โสด)เท่านั้น นั่นถึงจะมีโอกาสพอเป็นไปได้ว่า เขาหรือเธอเป็นคู่บุญบารมีเก่าในอดีต
แต่ถ้าเขายังครองคู่ถือแขนเป็นแฟนกันอยู่
แล้วคุณเจอปุ๊บ ! ใจมันรายงานบอกว่า " นั่นแหละใช่ ใช่เนื้อคู่เราใช่แน่ๆ"
ถ้าเชื่อความคิดนั้น.. อะไรจะเกิด?
"ก็ไปแย่งมานะสิ" เป็นการผูกเวรเลย บาปด้วย
แต่ถ้าเขาเป็นคู่เก่าคู่บุญบารมีเก่าเรา
เขาหรือเธอคนนั้นจะแยกย้ายกันเอง
โดยที่คุณไม่ได้มีส่วนในการทำให้เขาเลิกกันแม้แต่นิดเลย
แล้วจะมีเหตุให้คุณได้เกี่ยวข้องกับเขาหรือเธอเอง(กรรมเวี่ยงมาเจอกัน)
แต่การได้เกี่ยวข้องกันนั้น ไม่ใช่หมายถึงว่าเขาจะเป็นคู่เสมอไป
ถ้าเขาเป็นคู่บุญเก่า
ถ้าเจอคู่บารมีเก่าที่เคยอยู่กินกันมาหลายภพชาติ
"เห็นปุ๊บ มีความกำหนัดอยากร่วมเพศ อยากจีบเพื่อเอาให้ได้"
นี่ไม่ใช่แล้ว
จะไม่มีความคิดหรือความรู้สึกแบบนี้วนอยู่แต่ในหัว เป็นไปไม่ได้เลย ว่านั่นคือคู่บุญบารมีเก่าเรา
#คู่ในสมัยนี้ มีแต่คู่ปรับ
ปรับตัวเขาหากัน เรียกว่าสร้างเส้นทางกรรมดีให้เกี่ยวโยงได้อยู่ด้วยกันได้นานๆ อย่างเช่น เอาใส่ใส่ซึ่งกันและกันดี ไม่นอกใจกัน แอบมีไปกั๊ก
เขาต้องอยู่ในฐานะที่ว่าง(โสด)เท่านั้น นั่นถึงจะมีโอกาสพอเป็นไปได้ว่า เขาหรือเธอเป็นคู่บุญบารมีเก่าในอดีต
แต่ถ้าเขายังครองคู่ถือแขนเป็นแฟนกันอยู่
แล้วคุณเจอปุ๊บ ! ใจมันรายงานบอกว่า " นั่นแหละใช่ ใช่เนื้อคู่เราใช่แน่ๆ"
ถ้าเชื่อความคิดนั้น.. อะไรจะเกิด?
"ก็ไปแย่งมานะสิ" เป็นการผูกเวรเลย บาปด้วย
แต่ถ้าเขาเป็นคู่เก่าคู่บุญบารมีเก่าเรา
เขาหรือเธอคนนั้นจะแยกย้ายกันเอง
โดยที่คุณไม่ได้มีส่วนในการทำให้เขาเลิกกันแม้แต่นิดเลย
แล้วจะมีเหตุให้คุณได้เกี่ยวข้องกับเขาหรือเธอเอง(กรรมเวี่ยงมาเจอกัน)
แต่การได้เกี่ยวข้องกันนั้น ไม่ใช่หมายถึงว่าเขาจะเป็นคู่เสมอไป
ถ้าเขาเป็นคู่บุญเก่า
ถ้าเจอคู่บารมีเก่าที่เคยอยู่กินกันมาหลายภพชาติ
"เห็นปุ๊บ มีความกำหนัดอยากร่วมเพศ อยากจีบเพื่อเอาให้ได้"
นี่ไม่ใช่แล้ว
จะไม่มีความคิดหรือความรู้สึกแบบนี้วนอยู่แต่ในหัว เป็นไปไม่ได้เลย ว่านั่นคือคู่บุญบารมีเก่าเรา
#คู่ในสมัยนี้ มีแต่คู่ปรับ
ปรับตัวเขาหากัน เรียกว่าสร้างเส้นทางกรรมดีให้เกี่ยวโยงได้อยู่ด้วยกันได้นานๆ อย่างเช่น เอาใส่ใส่ซึ่งกันและกันดี ไม่นอกใจกัน แอบมีไปกั๊ก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เรื่อง การงาน พิมพ์ได้
ช่วงประมาณวันที่ 18 มกราคม 2559 จนถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2560 หรือจนถึงอายุ 33 ปี 3 เดือน
ตำรา๑.ระวังคนผิวดำจะเป็นศัตรู
ตำรา๒.จะมีมิตรสหายที่ผิวดำจะเป็นศัตรูของท่าน เพราะฉะนั้นท่านจึงให้มีความระวัง เรื่องการคบหาสมาคมกับมิตรสหายให้มาก ๆ ก่อนที่จะคบหาสมาคมกับเพื่อนฝูงคนใด
จะต้องสอบสวนและทดลองดูนิสัยใจคอของผู้นั้นให้มาก จึงจะเป็นการดีสำหรับท่าน ถ้ามิฉะนั้นแล้ว
ท่านจะได้รับความร้อนใจและได้รับความเสื่อมเสีย ซึ่งมิตรสหายนั้นจะเป็นผู้นำมาให้ หรือเป็นผู้ชักชวนท่านไปในเรื่องที่ให้ท่าน เสื่อม ไม่ดีแก่ท่าน
หรืออาจเจอเพื่อนไม่ดี คนไม่ดี ชักนำไปในทางที่ผิดได้ เพราะชะตาท่านมักจะมีศัตรูแบบไม่เปิดเผย คอยขัดขวางความเจริญก้าวหน้าในชีวิต ศัตรูแอบแฝงปิดบังไม่เปิดเผย
ศัตรูมักจ้องทำลายอย่างเงียบๆ มักจะมีศัตรูเพราะกิจการงานของตนเอง แต่อย่างไรก็ตามศัตรูมักทำอะไรไม่ได้ แพ้ภัยไปเอง ท่านมีจำนวนศัตรู 12 คน
และให้ระวังชายผิวดำอย่างยิ่ง จะเป็นศัตรูอยู่ทาง
(ทิศตะวันตกเฉียงใต้)และ(ทิศเหนือ)
ชายผิวดำจะให้โทษให้ลำบาก
(ในที่นี้ตำราไม่ได้ระบุว่ามากี่คน แต่บอกว่ามาจาก2ทิศ ฉะนั้นใครก็ตามที่เป็นชายผิวดำ มาจากทาง2ทิศนี้ให้ระวัง
ชายผิวดำ2คนนี่ อาจอยู่ในจำนวนศัตรู12คนของท่าน
(ถ้ามองแบบพุทธศาสนา ชายผิวดำนั้น คือเจ้ากรรมนายเวรของท่าน)
ภาพรวมก็คือ
ดวงชะตาของคุณมักจะเดือดร้อนเพราะเพื่อนฝูงหรือคนใกล้ชิดของตัวคุณเอง ดังนั้นต้องระวังปัญหาเรื่องคดีความและกฎหมายต่างๆด้วย
ควรหลีกเลี่ยงการค้าขายหรือการทำอะไรผิดกฎหมาย ที่ไม่ถูกต้องในการงานชีวิต เพราะจะมีเรื่องเดือดร้อนเข้ามาถึงตัว
รวมถึงคุณควรระวังเรื่องการเสี่ยงทุกรูปแบบด้วยเพราะดวงไม่เหมาะด้านการเสี่ยงโชค เช่นเสี่ยงเอายศเอาตำแหน่งทางลัด หรือซื้อหวย
เพราะความสำเร็จมักจะมาจากการกระทำงานของท่านเป็นหลัก การเสี่ยงโชคต่างๆนั้นไม่เหมาะนะ
****************************************
การงาน ที่สมควรที่เหมาะกับดวง
เจ้าชะตามักจะผูกพันกับเรื่องการงาน หมกมุ่นอยู่กับภาระหน้าที่การงานของตัวเองชีวิตมักไม่ค่อยมีเวลาว่าง
มักจะเป็นคนดวงดีในเรื่องการงาน มีงานทำอยู่ตลอด ไม่ค่อยมีช่วงตกงาน สามารถประสบความสำเร็จหรือก้าวไปสู่จุดที่หวังเอาไว้ได้เพราะมักจะเป็นความสามารถของตัวเองเป็นหลัก
และมีคราวที่จะมีดาวอื่นๆมาสัมพันธ์ในมุมดีแก่ท่าน จะส่งผลให้เป็นคนที่มีความสนใจในเรื่องเกี่ยวกับการแพทย์ เกี่ยวข้องกับอาชีพหมอ หรืออาชีพพยาบาล ซึ่งเหมาะกับท่าน
งานที่เหมาะ คือโปรเจคต่างๆเช่นเรื่องเกี่ยวกับ การแพทย์ อาชีพหมอ หรือพยาบาล (เหมาะมาด้านนี้ จะดี ไม่เหมาะในแบบอื่น)
ดวงมีโอกาสเป็นเจ้าตำแหน่ง หรือทำงานในลักษณะที่เป็นเจ้านายคนอื่น ดูแลคนในปกครองของตนเอง
หากมีตำแหน่งที่มั่นคงแล้วต้องระวังอาจมีเรื่องพลิกล็อคให้ตกจากตำแหน่งได้ หรือได้รับความเดือดร้อนจากผู้ใหญ่ ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่/หรือเจ้านายของตัวท่านเอง
(ควรระวังในเรื่องชู้สาวกับผู้ใหญ่ หรือปากเสียงทะเลาะกันกับผู้ใหญ่ รวมถึงบริวารคนที่เราปกครองด้วยระวังเรื่องทะเลาะกัน)
ปรีกย่อยดวงดาว: มีมุมมองความคิดแบบคนเป็นผู้นำ ชอบการเดินทาง มีความสามารถด้านการเขียน (ปีหน้าให้ระวังเรื่องการเดินทาง)
บางครั้งโกรธ ใจร้อน หุนหันพลันแล่นจนเกินไป (ควรให้อภัยคนให้เก่ง อย่าโกรธใครๆนาน)
ท่านเป็นคนมีความลับเยอะ (ควรเปิดเผยในเรื่องที่คับแค้นใจเสียบาง ในเรื่องที่พิจารณาแล้วว่าควรเปิดเผยได้ จังสิบอได้มาเสียใจทีหลังว่าบอได้เผย)
ท่านมักติดขัดลำบากในเรื่องความรัก
(ปีนี้ไปควรคบกับใคร ให้ทุกข์ใจ)
ท่านควรมีวินัยในเรื่องการเงินและวางแผนเรื่องทรัพย์สินเงินมีทองของท่านให้รัดกุมยิ่งขึ้น
(สวนไหนเก็บ ส่วนไหนทำบุญ ส่วนไหนใช้จ่ายต้องวางแผนนะ)
สุดแค่นี้ ข้างล่างเห็นว่าไม่ควรบอก
เพราะถ้าเขาฝืนดวงปีนี้ ปีต่อไปจะเคลือน
*** สร้างเส้นทางกรรมใหม่่**
หากมีการโยกย้ายถิ่นฐานจึงจะดีขึ้นในเรื่องงาน
***เมือช่วงอายุ 33 ปี จะมีเคราะห์ อายุ 40-43 ปี จะรุ่งเรืองอย่างสุข
ช่วงประมาณวันที่ 18 มกราคม 2559 จนถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2560 หรือจนถึงอายุ 33 ปี 3 เดือน
ตำรา๑.ระวังคนผิวดำจะเป็นศัตรู
ตำรา๒.จะมีมิตรสหายที่ผิวดำจะเป็นศัตรูของท่าน เพราะฉะนั้นท่านจึงให้มีความระวัง เรื่องการคบหาสมาคมกับมิตรสหายให้มาก ๆ ก่อนที่จะคบหาสมาคมกับเพื่อนฝูงคนใด
จะต้องสอบสวนและทดลองดูนิสัยใจคอของผู้นั้นให้มาก จึงจะเป็นการดีสำหรับท่าน ถ้ามิฉะนั้นแล้ว
ท่านจะได้รับความร้อนใจและได้รับความเสื่อมเสีย ซึ่งมิตรสหายนั้นจะเป็นผู้นำมาให้ หรือเป็นผู้ชักชวนท่านไปในเรื่องที่ให้ท่าน เสื่อม ไม่ดีแก่ท่าน
หรืออาจเจอเพื่อนไม่ดี คนไม่ดี ชักนำไปในทางที่ผิดได้ เพราะชะตาท่านมักจะมีศัตรูแบบไม่เปิดเผย คอยขัดขวางความเจริญก้าวหน้าในชีวิต ศัตรูแอบแฝงปิดบังไม่เปิดเผย
ศัตรูมักจ้องทำลายอย่างเงียบๆ มักจะมีศัตรูเพราะกิจการงานของตนเอง แต่อย่างไรก็ตามศัตรูมักทำอะไรไม่ได้ แพ้ภัยไปเอง ท่านมีจำนวนศัตรู 12 คน
และให้ระวังชายผิวดำอย่างยิ่ง จะเป็นศัตรูอยู่ทาง
(ทิศตะวันตกเฉียงใต้)และ(ทิศเหนือ)
ชายผิวดำจะให้โทษให้ลำบาก
(ในที่นี้ตำราไม่ได้ระบุว่ามากี่คน แต่บอกว่ามาจาก2ทิศ ฉะนั้นใครก็ตามที่เป็นชายผิวดำ มาจากทาง2ทิศนี้ให้ระวัง
ชายผิวดำ2คนนี่ อาจอยู่ในจำนวนศัตรู12คนของท่าน
(ถ้ามองแบบพุทธศาสนา ชายผิวดำนั้น คือเจ้ากรรมนายเวรของท่าน)
ภาพรวมก็คือ
ดวงชะตาของคุณมักจะเดือดร้อนเพราะเพื่อนฝูงหรือคนใกล้ชิดของตัวคุณเอง ดังนั้นต้องระวังปัญหาเรื่องคดีความและกฎหมายต่างๆด้วย
ควรหลีกเลี่ยงการค้าขายหรือการทำอะไรผิดกฎหมาย ที่ไม่ถูกต้องในการงานชีวิต เพราะจะมีเรื่องเดือดร้อนเข้ามาถึงตัว
รวมถึงคุณควรระวังเรื่องการเสี่ยงทุกรูปแบบด้วยเพราะดวงไม่เหมาะด้านการเสี่ยงโชค เช่นเสี่ยงเอายศเอาตำแหน่งทางลัด หรือซื้อหวย
เพราะความสำเร็จมักจะมาจากการกระทำงานของท่านเป็นหลัก การเสี่ยงโชคต่างๆนั้นไม่เหมาะนะ
****************************************
การงาน ที่สมควรที่เหมาะกับดวง
เจ้าชะตามักจะผูกพันกับเรื่องการงาน หมกมุ่นอยู่กับภาระหน้าที่การงานของตัวเองชีวิตมักไม่ค่อยมีเวลาว่าง
มักจะเป็นคนดวงดีในเรื่องการงาน มีงานทำอยู่ตลอด ไม่ค่อยมีช่วงตกงาน สามารถประสบความสำเร็จหรือก้าวไปสู่จุดที่หวังเอาไว้ได้เพราะมักจะเป็นความสามารถของตัวเองเป็นหลัก
และมีคราวที่จะมีดาวอื่นๆมาสัมพันธ์ในมุมดีแก่ท่าน จะส่งผลให้เป็นคนที่มีความสนใจในเรื่องเกี่ยวกับการแพทย์ เกี่ยวข้องกับอาชีพหมอ หรืออาชีพพยาบาล ซึ่งเหมาะกับท่าน
งานที่เหมาะ คือโปรเจคต่างๆเช่นเรื่องเกี่ยวกับ การแพทย์ อาชีพหมอ หรือพยาบาล (เหมาะมาด้านนี้ จะดี ไม่เหมาะในแบบอื่น)
ดวงมีโอกาสเป็นเจ้าตำแหน่ง หรือทำงานในลักษณะที่เป็นเจ้านายคนอื่น ดูแลคนในปกครองของตนเอง
หากมีตำแหน่งที่มั่นคงแล้วต้องระวังอาจมีเรื่องพลิกล็อคให้ตกจากตำแหน่งได้ หรือได้รับความเดือดร้อนจากผู้ใหญ่ ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่/หรือเจ้านายของตัวท่านเอง
(ควรระวังในเรื่องชู้สาวกับผู้ใหญ่ หรือปากเสียงทะเลาะกันกับผู้ใหญ่ รวมถึงบริวารคนที่เราปกครองด้วยระวังเรื่องทะเลาะกัน)
ปรีกย่อยดวงดาว: มีมุมมองความคิดแบบคนเป็นผู้นำ ชอบการเดินทาง มีความสามารถด้านการเขียน (ปีหน้าให้ระวังเรื่องการเดินทาง)
บางครั้งโกรธ ใจร้อน หุนหันพลันแล่นจนเกินไป (ควรให้อภัยคนให้เก่ง อย่าโกรธใครๆนาน)
ท่านเป็นคนมีความลับเยอะ (ควรเปิดเผยในเรื่องที่คับแค้นใจเสียบาง ในเรื่องที่พิจารณาแล้วว่าควรเปิดเผยได้ จังสิบอได้มาเสียใจทีหลังว่าบอได้เผย)
ท่านมักติดขัดลำบากในเรื่องความรัก
(ปีนี้ไปควรคบกับใคร ให้ทุกข์ใจ)
ท่านควรมีวินัยในเรื่องการเงินและวางแผนเรื่องทรัพย์สินเงินมีทองของท่านให้รัดกุมยิ่งขึ้น
(สวนไหนเก็บ ส่วนไหนทำบุญ ส่วนไหนใช้จ่ายต้องวางแผนนะ)
สุดแค่นี้ ข้างล่างเห็นว่าไม่ควรบอก
เพราะถ้าเขาฝืนดวงปีนี้ ปีต่อไปจะเคลือน
*** สร้างเส้นทางกรรมใหม่่**
หากมีการโยกย้ายถิ่นฐานจึงจะดีขึ้นในเรื่องงาน
***เมือช่วงอายุ 33 ปี จะมีเคราะห์ อายุ 40-43 ปี จะรุ่งเรืองอย่างสุข
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เรื่อง ความรัก พิมพ์ได้
ช่วงประมาณวันที่ 18 มกราคม 2559 จนถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2560หรือจนถึงอายุ 33 ปี 3 เดือน
ต้องระวังอาจจะเจอคนที่มีคู่ครองแล้ว คนมีเจ้าของแล้ว แต่ตั้งใจมาคบมาพัวพันคุณ ให้ระวังหญิงหม้าย ชายหม้ายที่เข้ามาติดพัน หรือข้องเกี่ยวกับเรื่องชู้สาวให้ดี อาจนำเรื่องเสื่อมเสียมาให้ ให้ตัดความสัมพันธ์ ตัดไฟเสียต้นลมจะดี
ถ้าเป็นชายที่มีเจ้าของแล้วไม่ควรไปยุ้ง และถ้าเป็นชายที่มาจาก ทิศเหนือ และ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ก็ไม่ควรไม่ยุง
คือต้องระวังตัวเองจะหลงไปกับคนที่มีเจ้าของแล้ว หรือคนที่ตั้งใจมาคบคุณแค่แก้เหงา ไม่ได้คิดจะมีอนาคตหรือจริงจังกับคุณ คุณจะต้องทุกข์ใจเจ็บช้ำใจหลายครั้ง
เพราะเขา และต้องมีเหตุให้พลัดพรากจากเขาจนได้ และระวังจะมีความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวกับคนที่เป็นเจ้านาย หรือคนที่ตำแหน่งสูงกว่าตัวเอง
ดังนั้นต้องรู้จักใจเย็นและหักห้ามใจ
เรื่องคู่ครองหรือเนื้อคู่มีพอสมควร คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตอยู่ในเกณฑ์ไม่มากเท่าไหร่ และคู่ครองอยู่ในเกณฑ์ไม่ค่อยดี
ไม่ควรเอา
ก็คือความรักในปีนี้
ไม่ควรหามาเกี่ยวข้องกับชีวิตให้ปวดหัว ถ้าไม่อยากทุกข์ใจ ปีนี้ทั้งปีให้โสดอิสระ
อย่าเอาใจไปดิ้นหาเรื่องความรัก เพราะมันไม่ได้อยู่ในฐานดาวปีนี้
ถ้าคบกับใคร
ก็จะเดือดร้อนใจเพราะความรักอยู่เสมอ
ควรพิมพ์บอกแค่นี้
ปี 60
----------------------------------------------
ช่วงประมาณวันที่ 13 สิงหาคม 2560 จนถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2563หรือจนถึงอายุ 36 ปี 2 เดือน 26 วัน
อย่าเดินทางไกลจะเกิดความทุกข์ยาก ถ้าอยู่บ้านจะได้ลาภสักการะ ถ้าไปต่างเมือง อาจตายก่อนอายุไข โจรจะปองร้าย ฆ่าฟัน เรือจะล่ม
ถ้าอยู่เรือนจะมีลาภและมีสุขสบายจะได้เมียและข้าสาวอันพึงใจ ท่านผู้ใหญ่ขาวเหลืองจะให้ลาภ มิดังนั้นชายผิวเนื้อดำแดง ซึ่งอยู่ทิศอีสานก็จะให้ลาภ
ให้อยู่อย่าไป ถ้าไปอื่นไกล มิได้เป็นผลดีเลย
*ผู้ชายที่โคจรมาช่วงนี้ มี 2 คน
คนที่1 ลักษณะผิวเนื้อขาวเหลือง อยู่ทางประจิมทิศา (ทิศตะวันตก)
คนที่2 ลักษณะผิวเนื้อดำแดง อยู่ทางอีสานทิศา (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ)
มีโอกาสพบรักแบบไม่คาดฝัน คบรักกะทันหัน มักจะได้คู่เป็นคนไกล ต่างถิ่น ต่างจังหวัด ชะตาจะพบรักทางไกล คบคนไกลจะดีกว่า มีอายุมากกว่า
(ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวคุณด้วย)
ช่วงประมาณวันที่ 18 มกราคม 2559 จนถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2560หรือจนถึงอายุ 33 ปี 3 เดือน
ต้องระวังอาจจะเจอคนที่มีคู่ครองแล้ว คนมีเจ้าของแล้ว แต่ตั้งใจมาคบมาพัวพันคุณ ให้ระวังหญิงหม้าย ชายหม้ายที่เข้ามาติดพัน หรือข้องเกี่ยวกับเรื่องชู้สาวให้ดี อาจนำเรื่องเสื่อมเสียมาให้ ให้ตัดความสัมพันธ์ ตัดไฟเสียต้นลมจะดี
ถ้าเป็นชายที่มีเจ้าของแล้วไม่ควรไปยุ้ง และถ้าเป็นชายที่มาจาก ทิศเหนือ และ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ก็ไม่ควรไม่ยุง
คือต้องระวังตัวเองจะหลงไปกับคนที่มีเจ้าของแล้ว หรือคนที่ตั้งใจมาคบคุณแค่แก้เหงา ไม่ได้คิดจะมีอนาคตหรือจริงจังกับคุณ คุณจะต้องทุกข์ใจเจ็บช้ำใจหลายครั้ง
เพราะเขา และต้องมีเหตุให้พลัดพรากจากเขาจนได้ และระวังจะมีความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวกับคนที่เป็นเจ้านาย หรือคนที่ตำแหน่งสูงกว่าตัวเอง
ดังนั้นต้องรู้จักใจเย็นและหักห้ามใจ
เรื่องคู่ครองหรือเนื้อคู่มีพอสมควร คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตอยู่ในเกณฑ์ไม่มากเท่าไหร่ และคู่ครองอยู่ในเกณฑ์ไม่ค่อยดี
ไม่ควรเอา
ก็คือความรักในปีนี้
ไม่ควรหามาเกี่ยวข้องกับชีวิตให้ปวดหัว ถ้าไม่อยากทุกข์ใจ ปีนี้ทั้งปีให้โสดอิสระ
อย่าเอาใจไปดิ้นหาเรื่องความรัก เพราะมันไม่ได้อยู่ในฐานดาวปีนี้
ถ้าคบกับใคร
ก็จะเดือดร้อนใจเพราะความรักอยู่เสมอ
ควรพิมพ์บอกแค่นี้
ปี 60
----------------------------------------------
ช่วงประมาณวันที่ 13 สิงหาคม 2560 จนถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2563หรือจนถึงอายุ 36 ปี 2 เดือน 26 วัน
อย่าเดินทางไกลจะเกิดความทุกข์ยาก ถ้าอยู่บ้านจะได้ลาภสักการะ ถ้าไปต่างเมือง อาจตายก่อนอายุไข โจรจะปองร้าย ฆ่าฟัน เรือจะล่ม
ถ้าอยู่เรือนจะมีลาภและมีสุขสบายจะได้เมียและข้าสาวอันพึงใจ ท่านผู้ใหญ่ขาวเหลืองจะให้ลาภ มิดังนั้นชายผิวเนื้อดำแดง ซึ่งอยู่ทิศอีสานก็จะให้ลาภ
ให้อยู่อย่าไป ถ้าไปอื่นไกล มิได้เป็นผลดีเลย
*ผู้ชายที่โคจรมาช่วงนี้ มี 2 คน
คนที่1 ลักษณะผิวเนื้อขาวเหลือง อยู่ทางประจิมทิศา (ทิศตะวันตก)
คนที่2 ลักษณะผิวเนื้อดำแดง อยู่ทางอีสานทิศา (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ)
มีโอกาสพบรักแบบไม่คาดฝัน คบรักกะทันหัน มักจะได้คู่เป็นคนไกล ต่างถิ่น ต่างจังหวัด ชะตาจะพบรักทางไกล คบคนไกลจะดีกว่า มีอายุมากกว่า
(ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวคุณด้วย)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เคราะห์เกี่ยวกับชายผิวดำ
59
เคราะ ช่วงประมาณวันที่ 18 มกราคม 2559 จนถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2560 หรือจนถึงอายุ 33 ปี 3 เดือน (ช่วงปีที่ อายุ 33 จะมีเคราะห์น่ะ และช่วงอายุ 40-43 ปี จะรุ่งเรืองอย่างสุข)
*ระวังคนผิวดำจะเป็นศัตรู จะเสียของรัก จะพลัดพรากจากที่อยู่ เจ็บป่วย ให้เกรงจะเป็นความด้วยผู้ดีกว่าตนจะเสียทรัพย์ คนที่รักจะพลัดพรากจากตน ให้เกรงชายผิวดำ
จะเป็นศัตรูอยู่ทางทิศหรดีและทิศอุดรจะทำโทษให้ลำบาก
และต้องระวังอีกในเดือน ๙-๑๐-๑๑-๑๒ สิงหา-พฤศจิกายน 59 เป็นช่วงไม่ค่อยดีเลย มีเคราะห์
ให้ระวังชายผิวดำจะมาผูกมิตร แต่จะนำแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้ อย่าเชื่อคำของคนพาลดำนั้น
ภายในเดือน ๙-๑๐-๑๑-๑๒ สิงหา-พฤศจิ เดือนเก้า(๙) - เดือนสิบสอง(๑๒)
วันที่ 4 สิงหาคม 2559 - 29 พฤศจิกายน 2559]
ให้ระวังชายผิวดำจะมาผูกมิตร แต่จะนำแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้
59
เคราะ ช่วงประมาณวันที่ 18 มกราคม 2559 จนถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2560 หรือจนถึงอายุ 33 ปี 3 เดือน (ช่วงปีที่ อายุ 33 จะมีเคราะห์น่ะ และช่วงอายุ 40-43 ปี จะรุ่งเรืองอย่างสุข)
*ระวังคนผิวดำจะเป็นศัตรู จะเสียของรัก จะพลัดพรากจากที่อยู่ เจ็บป่วย ให้เกรงจะเป็นความด้วยผู้ดีกว่าตนจะเสียทรัพย์ คนที่รักจะพลัดพรากจากตน ให้เกรงชายผิวดำ
จะเป็นศัตรูอยู่ทางทิศหรดีและทิศอุดรจะทำโทษให้ลำบาก
และต้องระวังอีกในเดือน ๙-๑๐-๑๑-๑๒ สิงหา-พฤศจิกายน 59 เป็นช่วงไม่ค่อยดีเลย มีเคราะห์
ให้ระวังชายผิวดำจะมาผูกมิตร แต่จะนำแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้ อย่าเชื่อคำของคนพาลดำนั้น
ภายในเดือน ๙-๑๐-๑๑-๑๒ สิงหา-พฤศจิ เดือนเก้า(๙) - เดือนสิบสอง(๑๒)
วันที่ 4 สิงหาคม 2559 - 29 พฤศจิกายน 2559]
ให้ระวังชายผิวดำจะมาผูกมิตร แต่จะนำแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
**สุขภาพ*** พิมพ์ได้
ช่วงปลายเดือนกรกฏาคม วันที่28กรกฏาคม 2559 - 30 พฤศจิกายน 2559
เป็นช่วงไม่ค่อยดีเลย มีเคราะห์ มีทุกข์เจ็บป่วย เจ็บไข้ หรืออุบัติเหตุ โดยเรื่องไม่ดีจะมาโดยไม่คาดคิด ไม่มีเค้ามาก่อน
ให้ระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องการเดินทางไกลต้องระมัดระวัง อาจมีอุบัติเหต ทั้งทางน้ำด้วย เช่น รื่นล้มในห้องน้ำ
ุ
และต้องระวังในเรื่องสุขภาพเพราะร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง
ควรระวังโรคเกี่ยวกับบริเวรแถวท้อง กับช่องท้องต่างๆ เช่น โรคกระเพาะ หรือโรคลำไส้
และในขณะเดียวกัน
ช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2559 - 29 พฤศจิกายน 2559
ให้ระวังชายผิวดำจะมาผูกมิตร แต่จะนำแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้ทุกข์ใจ
(อาจมาสัมพันธ์ในรูปแบบจะผูกมิตรเป็นเพื่อน หรือผูกเป็นแฟน หรือเพื่อนร่วมงาน ซึ่งให้ดูที่สีผิวอาจไม่ดำแบบปื๊ดปื๋อเหมือนพวกลิโกดำๆ
ดังนั้น ต้องระวังให้ดี
ซึ่งถ้าเลี่ยงได้ก็จะเป็นการดี แต่ถ้าหากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ควรจะต้องสอบสวนและทดลองดูนิสัยใจคอของผู้นั้นให้มาก และระวังอย่าเกี่ยวข้องให้มาก จึงจะเป็นการดีสำหรับท่าน ถ้ามิฉะนั้นแล้วคุณจะได้รับความร้อนใจและได้รับความเสื่อมเสียจากชายผิวดำนั้นมาก)
ปี ๒๕๖๐
---------
( ช่วงประมาณวันที่ 9 สิงหาคม 2560 จนถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2563 หรือจนถึงอายุ 36 ปี 2 เดือน 26 วัน)
-----------------------------------------------
อย่าเดินทางไกล ให้อยู่อย่าไป ถ้าไปอื่นไกล ไม่ใช่เรื่องดี จะเจอผีต่างเมือง โจรร้ายจะปล้น เรือล่มดักดล มีการะขิณี ราหูจะอม อยู่บ้านอยู่เรือนมีคุณ เป็นผลดีแล
**ให้อยู่อย่าไป ถ้าไปอื่นไกล ไม่ใช่เรื่องดี**
เพราะมีแนวโน้มจะเกิดอุบัติ หรือเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับชีวิต
**อยู่เรือนมีคุณ เป็นผลดีแล**
ช่วงนี้ไม่แนะนำให้เดินทางไกลไปไหนมาไหนนะ คือให้อยู่บ้านหรือที่ทำงานจะดีกว่าการสัญจรออกเดินทางออกจากฐานไปไกล (ถ้าเดินทางไปไม่ค่อยไกล อย่างเช่น 7-11 ก็ให้มีการระมัดระวังตัว)
ช่วงอายุ 33 ปีนิ วิบากเก่าหรือเคราะห์เก่าจะมีอิทธิพลมาก
ช่วงปลายเดือนกรกฏาคม วันที่28กรกฏาคม 2559 - 30 พฤศจิกายน 2559
เป็นช่วงไม่ค่อยดีเลย มีเคราะห์ มีทุกข์เจ็บป่วย เจ็บไข้ หรืออุบัติเหตุ โดยเรื่องไม่ดีจะมาโดยไม่คาดคิด ไม่มีเค้ามาก่อน
ให้ระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องการเดินทางไกลต้องระมัดระวัง อาจมีอุบัติเหต ทั้งทางน้ำด้วย เช่น รื่นล้มในห้องน้ำ
ุ
และต้องระวังในเรื่องสุขภาพเพราะร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง
ควรระวังโรคเกี่ยวกับบริเวรแถวท้อง กับช่องท้องต่างๆ เช่น โรคกระเพาะ หรือโรคลำไส้
และในขณะเดียวกัน
ช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2559 - 29 พฤศจิกายน 2559
ให้ระวังชายผิวดำจะมาผูกมิตร แต่จะนำแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้ทุกข์ใจ
(อาจมาสัมพันธ์ในรูปแบบจะผูกมิตรเป็นเพื่อน หรือผูกเป็นแฟน หรือเพื่อนร่วมงาน ซึ่งให้ดูที่สีผิวอาจไม่ดำแบบปื๊ดปื๋อเหมือนพวกลิโกดำๆ
ดังนั้น ต้องระวังให้ดี
ซึ่งถ้าเลี่ยงได้ก็จะเป็นการดี แต่ถ้าหากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ควรจะต้องสอบสวนและทดลองดูนิสัยใจคอของผู้นั้นให้มาก และระวังอย่าเกี่ยวข้องให้มาก จึงจะเป็นการดีสำหรับท่าน ถ้ามิฉะนั้นแล้วคุณจะได้รับความร้อนใจและได้รับความเสื่อมเสียจากชายผิวดำนั้นมาก)
ปี ๒๕๖๐
---------
( ช่วงประมาณวันที่ 9 สิงหาคม 2560 จนถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2563 หรือจนถึงอายุ 36 ปี 2 เดือน 26 วัน)
-----------------------------------------------
อย่าเดินทางไกล ให้อยู่อย่าไป ถ้าไปอื่นไกล ไม่ใช่เรื่องดี จะเจอผีต่างเมือง โจรร้ายจะปล้น เรือล่มดักดล มีการะขิณี ราหูจะอม อยู่บ้านอยู่เรือนมีคุณ เป็นผลดีแล
**ให้อยู่อย่าไป ถ้าไปอื่นไกล ไม่ใช่เรื่องดี**
เพราะมีแนวโน้มจะเกิดอุบัติ หรือเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับชีวิต
**อยู่เรือนมีคุณ เป็นผลดีแล**
ช่วงนี้ไม่แนะนำให้เดินทางไกลไปไหนมาไหนนะ คือให้อยู่บ้านหรือที่ทำงานจะดีกว่าการสัญจรออกเดินทางออกจากฐานไปไกล (ถ้าเดินทางไปไม่ค่อยไกล อย่างเช่น 7-11 ก็ให้มีการระมัดระวังตัว)
ช่วงอายุ 33 ปีนิ วิบากเก่าหรือเคราะห์เก่าจะมีอิทธิพลมาก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หักเหเส้นทางกรรมเก่า
: ท่านควรวางแผนดูแลเรื่องสุขภาพ ออกกำลังกายบ้าง และระวังอันตรายหรืออุบัติเหตุจากการเดินทาง ทั้งทางบกทางน้ำด้วย
: ท่านควรทำบุญ ๓ ระดับ
๑. ระดับทาน ควรไปใส่บาตกับพระที่จิตบริสุทธ์ จำนวนเยอะๆ (ประเภทอาหารกับข้าวที่สุกแล้วนะ และมียารักษาโรคด้วย) แนะนำเอาเงินไปออกร่วมทำอาหารถวายพระ ตามงานปริวาสต่างๆ
หรือ ๒.ถวายอาหารหรือเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ แต่แนะนำข้อ ๑ เพราะจะมีผลมากกว่า
๒. ระดับศีล ควรรักษาศีลในชีวิตประจำวันให้ได้เลย
ข้อ 1 ปาณาติปาตา ห้ามฆ่าสัตว์ โดยเจตนา (ข้อนี้สำพันธ์กับสุขภาพ จะมีส่วนแก้ในเรื่องสุขภาพให้ดี)
ข้อ 2 อทินณาทานา ห้ามลักทรัพย์ คือของทุกสิ่งทุกอย่างที่มีเจ้าห้ามขโมย (ข้อนี้สำพันธ์กับทรัพย์สินที่จะมาในอนาคต )
ข้อ 3 กาเม ห้ามประพฤผิดในกาม คือห้ามไปคบกับสามีคนอื่น หรือระดับแฟนห้ามคบกับคนที่มีแฟนอยู่แล้ว (ข้อนี้สำพันธ์กับวิบากทางด้านครูครองหรือความรัก )
ข้อ 4 มุสา อย่าโกหก อย่ายุให้คนแตกกัน พูดเสียดสีทำร้ายจิตใจผู้อื่น (ข้อนี้สำพันธ์กับงาน จะมีส่วนแก้ในเรื่องงานให้ดี)
ข้อ 5 สุราเมรัย เช่นเหล้า เบียร์ ของมึนเมาทุกอย่างให้งด (ข้อนี้สำพันธ์กับสุขภาพ และสัมพันธ์กับการเจริญสติภาวนา))
๓. ระดับภาวนา
ควรหาเวลา เปิดCDธรรมะฟังในเรื่องวิธีการภาวนา (จะแนบส่งไปให้นะ)
เชื่อว่าคนทำงานที่ต้องคิดเยอะๆ ฟังแล้วจะเข้าใจเร็ว เมื่อเข้าใจแนวทางแล้วให้ภาวนาดูจิตดูอารมณ์ในชีวิตประจำวัน
บุญในสามระดับนี้ โดยเฉพาะศีลกับภาวนาถ้าทำ จะทำให้ดวงเคลื่อนออกจากราหู ดวงจะเข๋ไปทางดี
: ท่านควรวางแผนดูแลเรื่องสุขภาพ ออกกำลังกายบ้าง และระวังอันตรายหรืออุบัติเหตุจากการเดินทาง ทั้งทางบกทางน้ำด้วย
: ท่านควรทำบุญ ๓ ระดับ
๑. ระดับทาน ควรไปใส่บาตกับพระที่จิตบริสุทธ์ จำนวนเยอะๆ (ประเภทอาหารกับข้าวที่สุกแล้วนะ และมียารักษาโรคด้วย) แนะนำเอาเงินไปออกร่วมทำอาหารถวายพระ ตามงานปริวาสต่างๆ
หรือ ๒.ถวายอาหารหรือเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ แต่แนะนำข้อ ๑ เพราะจะมีผลมากกว่า
๒. ระดับศีล ควรรักษาศีลในชีวิตประจำวันให้ได้เลย
ข้อ 1 ปาณาติปาตา ห้ามฆ่าสัตว์ โดยเจตนา (ข้อนี้สำพันธ์กับสุขภาพ จะมีส่วนแก้ในเรื่องสุขภาพให้ดี)
ข้อ 2 อทินณาทานา ห้ามลักทรัพย์ คือของทุกสิ่งทุกอย่างที่มีเจ้าห้ามขโมย (ข้อนี้สำพันธ์กับทรัพย์สินที่จะมาในอนาคต )
ข้อ 3 กาเม ห้ามประพฤผิดในกาม คือห้ามไปคบกับสามีคนอื่น หรือระดับแฟนห้ามคบกับคนที่มีแฟนอยู่แล้ว (ข้อนี้สำพันธ์กับวิบากทางด้านครูครองหรือความรัก )
ข้อ 4 มุสา อย่าโกหก อย่ายุให้คนแตกกัน พูดเสียดสีทำร้ายจิตใจผู้อื่น (ข้อนี้สำพันธ์กับงาน จะมีส่วนแก้ในเรื่องงานให้ดี)
ข้อ 5 สุราเมรัย เช่นเหล้า เบียร์ ของมึนเมาทุกอย่างให้งด (ข้อนี้สำพันธ์กับสุขภาพ และสัมพันธ์กับการเจริญสติภาวนา))
๓. ระดับภาวนา
ควรหาเวลา เปิดCDธรรมะฟังในเรื่องวิธีการภาวนา (จะแนบส่งไปให้นะ)
เชื่อว่าคนทำงานที่ต้องคิดเยอะๆ ฟังแล้วจะเข้าใจเร็ว เมื่อเข้าใจแนวทางแล้วให้ภาวนาดูจิตดูอารมณ์ในชีวิตประจำวัน
บุญในสามระดับนี้ โดยเฉพาะศีลกับภาวนาถ้าทำ จะทำให้ดวงเคลื่อนออกจากราหู ดวงจะเข๋ไปทางดี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หมอดูทัก" ปีนี้สุขภาพ ให้ระวังอุบัติเหตุ" นะ
ทั้งๆที่ชีวิตนี้ ก็ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร
ไม่ได้ไปฆ่าใคร หรือฆ่าสัตว์ใหญ่ไว้เลย ไม่ได้ไปหาเรื่องก่อเวรกับใครด้วย
แต่ทำไมไปดูดวงกับหมอดู"โหราศาตร์"
เขาทักว่า "ให้ระวังอุบัติเหตุ"
เขาดูยังไง เขารู้ได้อย่างไร?
เหตุที่หมอดูท
ที่เขาทักอย่างนั้นเขาไม่ได้โกหก หรือแต่งเรื่องขึ้นมานะ
ทั้งๆที่ชีวิตนี้ ก็ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร
ไม่ได้ไปฆ่าใคร หรือฆ่าสัตว์ใหญ่ไว้เลย ไม่ได้ไปหาเรื่องก่อเวรกับใครด้วย
แต่ทำไมไปดูดวงกับหมอดู"โหราศาตร์"
เขาทักว่า "ให้ระวังอุบัติเหตุ"
เขาดูยังไง เขารู้ได้อย่างไร?
เหตุที่หมอดูท
ที่เขาทักอย่างนั้นเขาไม่ได้โกหก หรือแต่งเรื่องขึ้นมานะ
อัพเดตเมื่อ ก.พ. 03, 2016 8:14:26pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ วัน สุข
คุณได้แท็ก วัน สุข
อ่านเรื่องนี้ จะเข้าใจเรื่องดวงมากขึ้น
#ดวงเหนือดวงได้ #อยู่ที่การกระทำกรรมดีจริงๆ
วันนี้มีลูกค้าเก่าโทรมานัด
บอกว่าจะพาคุณยายมาดูดวง
พอถึงเวลาที่นัดไว้ซึ่งเป็นคิวแรกพอดี
ก็เดินเข้ามาในห้อง ดูหน้าตาแล้ว
ไม่เหมือนเป็นคุณยายอย่างที่บอกไว้
เหมือนเป็นคุณแม่มากกว่าคุณยายอีก
หน้าตายังดูไม่แก่ ผิวพรรณก็ยังไม่เหี่ยวมาก
สวัสดีทักทายเสร็จก็เชิญนั่ง ถาม วันที่ เดือน พ.ศ. ที่เกิด
พอได้เห็น พ.ศ. เกิด และคำนวณออกมา
ต้องเรียกว่าคุณยายจริง ๆ
เพราะปีนี้อายุแปดสิบแล้ว
ซึ่งก็ถือว่าอายุยืนมากสำหรับคนสมัยนี้
โดยปรกติลูกค้าที่มาดูดวงส่วนใหญ่
อายุไม่ค่อยจะเกินหกสิบเท่าไหร่
ถ้าวันไหนที่มีลูกค้าอายุขึ้นเลขแปดมาดู
จะทำให้ฉันได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ
มาช่วยลูกค้าที่ยังอายุน้อย ๆ ว่าจะทำอย่างไร
จึงจะผ่านดวงเคราะห์ร้ายต่าง ๆ ได้
โดยดวงคุณยายบอกอยู่แล้วว่า
เป็นคนชอบทำบุญทำทาน
จึงทำให้ดวงเรื่องการเงินหายนะไม่เป็นไปตามดวง
และส่วนใหญ่
คุณยายมักจะเก็บเงินเป็นทรัพย์สิน บ้าน ที่ดิน
ไม่ค่อยได้เก็บเป็นเงินสดไว้
ซึ่งตอนต้นชีวิต
คุณยายก็ไม่ได้เก็บเงินเป็นอสังหาริมทรัพย์
แต่เพราะเป็นคนใจอ่อน
อดใจที่จะให้คนยืมเงินไม่ได้
และพอให้เงินคนอื่นยืม
ก็มักจะไม่เคยได้คืนสักครั้งเลย
เลยตัดสินใจเก็บเป็นทรัพย์สินไว้
มนุษย์เราพอกรรมเล่นงานเรื่อย ๆ
กรรมเบาลง ก็ทำให้เกิดปัญญาคิดได้
เช่น คุณยายโดนโกงไปหลายครั้ง จนกรรมเบาลง
พอถึงเวลาที่คิวของบุญให้ผล
ก็จะมีเหตุการณ์ที่ทำให้คิดได้ว่า
ต้องเก็บเงินไว้ในรูปแบบอื่น
บวกผลของบุญที่ได้ทำตลอด
ก็จะทำให้หาเงินสดมาผ่อนที่ดินได้หมด
การที่จะมีฐานะที่มั่นคงไม่เดือดร้อนทางด้านการเงินนั้น
ไม่ได้เกิดจากผลแห่งบุญแต่เพียงอย่างเดียว
ต้องอยู่ที่ความขยันที่จะทำให้ทรัพย์สินเพิ่ม
ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินรายได้ของตัวเอง
ไม่ยุ่งกับการพนันทุกชนิด ไม่ติดสุรา
ไม่คบเพื่อนที่เที่ยวมากเกินไป
วันนี้คุณยายมาดูเรื่องของการขายที่ดิน ว่าจะขายได้ไหม
ซึ่งคุณยายคิดที่จะขายที่ดิน
เพราะอยากจะได้เงินสดมาเก็บไว้ใช้ส่วนหนึ่ง
และอีกส่วนอยากจะเก็บไว้ทำบุญตามที่อยากจะทำ
ดวงคุณยายมีดวงขายที่ดิน จึงบอกว่ามีเกณฑ์ขายได้
ส่วนเรื่องสุขภาพ
ตามดวงตัวเลขในตำราหมอดู จะมีเกณฑ์อายุสั้น
แต่คุณยายเหนือดวงด้วยการทำกรรมดีมาตลอด
จึงทำให้ดวงไม่เดินตามดวงตัวเลข
คุณยายมักจะได้ทำบุญ
กับผู้ป่วยโรงพยาบาลอยู่เสมอ
ปล่อยสัตว์อยู่เรื่อย ๆ
และยังได้ทำบุญด้านอื่นที่เกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย
ความเจ็บป่วยของมนุษย์ ตามกำลังที่จะทำได้
บวกกับการที่คุณยายโชคดีมีบุญเก่าหนุน
ทำให้เกิดในครอบครัวที่สอนให้รักษาศีล
ไม่ฆ่าสัตว์เพิ่ม ทำบุญสร้างกุศล และภาวนา
ศึกษาธรรมะมาตั้งแต่เด็ก ๆ
เลยพลอยทำให้ดูเป็นคนแก่ที่ไม่ขี้บ่น ไม่แก่เร็ว
กรรมที่จะหนัก
ก็เลยกลายเป็นเบา
หรือเวลาที่โดนกรรมเล่นงาน ก็หนีได้ทัน
แถมยังเป็นคนไม่ค่อยคิดมาก
ไม่หลงไม่ลืมอะไรง่าย
ภาษาอังกฤษที่เคยไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศมา ยังพูดได้ดีอยู่เลย
ด้วยเหตุปัจจัยแห่งบุญกุศลที่คุณยายได้ทำไป
จึงทำให้คุณยายเป็นคนอายุยืนเหนือดวง
ไม่มีราหูที่จะครอบดวงได้
ไม่จนไม่ตกอับเรื่องของการเงิน
เพราะผลแห่งทานที่ได้ทำมาตลอด
ไม่เป็นคนแก่ที่หลงขี้ลืมอะไรง่าย มีความจำดี
มีเหตุและผลไม่ขี้บ่น
จนทำให้ลูกหลานเบื่อหน่าย
เพราะปฏิบัติภาวนา ขัดเกลากิเลส
แถมยังฉลาดทันโลกอีกด้วย
แต่ในใจลึก ๆ เหมือนยังมีห่วงอยู่
แต่ไม่ได้ถึงขั้นเป็นทุกข์มาก
ก็คิดว่าคงห่วงลูกห่วงหลาน
ก็ได้ถามว่าคุณยายมีอะไรสงสัยถามได้นะคะ
คุณยายก็ถามว่าแล้วคุณแม่และคุณน้า
จะอยู่ได้อีกนานไหมคะ ฉันตกใจกับคำถามเล็กน้อย
คิดในใจว่าคุณยายอายุแปดสิบแล้ว
คุณแม่และคุณน้า ของคุณยายจะอายุเท่าไหร่กัน
คุณยายให้ดวงมาคำนวณ
คุณแม่อายุ ๑๐๒ ปี
คุณน้าอายุ ๘๖ ปี
ปฏิทินร้อยปีเปิดง่ายมาก
อยู่ตอนต้นเล่มพอดี
ตั้งแต่ดูดวงมานี่เป็นครั้งแรก
ที่มีโอกาสได้ดูดวงคนอายุเป็นร้อย
ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกมากเหมือนกัน
ที่ดวงทั้งสามคน คุณยาย คุณแม่ คุณน้า
มีดวงอายุสั้น
แต่ไม่เห็นมีใครสั้นซักคนเลย
ทุกคนอายุเกินมาตรฐาน ๗๕ ปีหมดเลย
ก็เตือนไปว่าใครต้องระวังอะไร ตอนอายุเท่าไหร่
บอกกับคุณยายว่า
บ้านคุณยายเหนือดวงกันทั้งบ้าน
ทั้ง ๆ ที่ดวงอายุสั้น
แต่ไม่สั้นกันทั้งบ้าน
เป็นเพราะผลของกรรมดีที่ทำกันทั้งบ้าน ทำให้อายุยืน
คุณยายเล่าให้ฟังว่า
คุณแม่เคยเป็นมะเร็ง
ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล
คุณหมอที่รักษาให้ตอนนี้เกษียณกันหมดแล้ว
หมอตายก่อนคุณยายก็มี
จนตอนนี้คุณแม่ของคุณยายอายุ ๑๐๒ ปีแล้ว
มะเร็งหายแล้ว
และได้เล่าอีกว่า
คุณแม่ชอบทำบุญมาก
ตอนสมัยที่มีสงครามโลก
พระที่วัดไม่มีข้าวจะฉัน
คุณแม่เป็นแม่งานใหญ่
ทำกับข้าวเลี้ยงพระทั้งวัด
และแจกคนแถวนั้น
ตลอดระยะเวลาที่มีสงคราม
คุณแม่คิดจะบวชตลอดชีวิต
ก็ได้ไปอยู่วัดปฏิบัติธรรมแล้ว
แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน
ต้องออกมาช่วยลูกสาวเลี้ยงหลาน
เพราะไม่มีใครช่วยเลี้ยง
คุณน้ายังแข็งแรง
เดินเหินคล่องแคล่วทำงานบ้านได้อยู่เลย
ถึงแม้จะมีโรคร้ายเบียดเบียน
ผลแห่งกุศลที่ทำไป
ก็จะทำให้เจอหมอที่เก่ง ไม่สะเพร่า
กินยาไม่ดื้อยา ไม่แพ้ยา
สามารถรักษาให้หายได้
และที่สำคัญ
ผลแห่งการภาวนา
ทำให้ไม่กลัวตายมากจนจิตใจหดหู่
และไม่เป็นทุกข์เพราะความกลัว “ความตาย”
ความเป็นจริงมนุษย์เราเกิดมาก็ต้องตาย
แต่อยู่ที่ใครจะไปช้าหรือไปเร็วกว่ากันแค่นั้นเอง
หลายคนที่เคยไปดูหมอ
มักจะโดนทักว่าดวงกำลังจะถึงฆาต
หรือต้องตายอายุเท่านั้นเท่านี้
กำหนดอายุมาให้พร้อมเลย
คนที่จิตอ่อนคิดมากไปดูหมออาจจะอายุสั้น
เพราะคำทำนายของหมอดู
ทำให้คิดมากนี่แหละค่ะ
การที่ดวงออกมาเป็นดวงอายุสั้น
หรือดวงที่มีเคราะห์นั้น
เกิดจากกรรมเก่าที่เคยฆ่าสัตว์
ทำให้ต้องมาเกิดในฤกษ์เกิดที่มีเคราะห์
และอายุสั้น
แต่ถ้าทำกรรมดีใหม่ ๆ
ก็จะเป็นตัวแปรที่สามารถเปลี่ยนดวงได้
หรือว่าใครมีโรคร้ายอยู่
เพราะกรรมเก่าเป็นเหตุ
ทำให้มีอายุอยู่ได้อีกไม่นาน
ก็อย่าเพิ่งท้อแท้
ลองมาเปลี่ยนเส้นทางออกจาก นรก สัตว์เดรัจฉาน เปรต
ไปสู่เส้นทางที่จะไปสวรรค์
หรือเกิดมาเป็นมนุษย์ กันดีกว่า
เริ่มจากการสำรวจว่า
ได้ทำกรรมหนักอะไรไหมในชีวิตที่ผ่านมา
โดยใช้ศีลห้าเป็นหลักในการตัดสิน
พอพบแล้วว่าได้ทำผิดไป
ก็สำนึกผิดในกรรมที่ทำไป
ตั้งใจที่จะไม่ทำผิดอีก
และไม่ต้องสำนึกผิดบ่อยเกินไป
ถ้าเราสำนึกผิดบ่อยมากเกิน
มันจะเป็นตัวเชื่อมโยงกรรมเก่า ๆ
ที่ทำมาเล่นงานตัวเราเร็วขึ้น
ถ้าเคยทำกรรมกับพ่อกับแม่ไว้
ก็ไปกราบขอให้ท่านอโหสิกรรมให้
และก็สวดมนต์ก่อนนอนทุกวัน
ใช้บทสวดสั้น ๆ ก็ได้
เพื่อที่จะได้ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ให้เป็นพึ่งทางใจให้อบอุ่น
เพราะไม่สามารถพึ่งคนอื่นได้ในตอนนั้น และก็แผ่เมตตา
เวลาที่โกรธใคร
ก็พยายามให้อภัย
ถ้าช่วงไหนใจมันไม่ยอมให้อภัยง่าย ๆ
ก็ค่อยสอนบอกต่อว่า ไหน ๆ ก็จะไม่อยู่แล้ว ให้อภัยไปเถอะ
เวลาดูข่าว ได้ยินเรื่องสะเทือนใจ ก็แผ่เมตตา
และก็บอกตัวเองว่า “สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม”
จิตใจจะได้ไม่ทุกข์เพราะเรื่องคนอื่น
จิตที่เกิดความโกรธ จะเป็นหนทางไปนรก
และพอร่างกายไม่สบายจิตใจก็จะหดหู่ คิดมาก
พยายามเดินจงกรม ให้มีสติ (ถ้าเดินไหว)
หรือไม่ไหวก็เคาะให้รู้สึกตัว ขยับไม้ขยับมือ
ง่ายสุด ดูลมหายใจตัวเอง
เพื่อดึงจิตให้อยู่กับปัจจุบันเรื่อย ๆ
จิตใจจะได้มีความสุขกับปัจจุบัน
จิตที่คิดมากฟุ้งซ่าน หดหู่ จะพาให้ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
พยายามสละทานเล็กน้อยอยู่เรื่อย ๆ
สมบัติอะไรที่รักมากหวงมาก
ก็ลองพยายามสละออกให้คนที่เขาไม่มีโอกาส
เพื่อละความตระหนี่ จิตใจจะได้ไม่หวงสมบัติ
จิตที่มีแต่ความโลภ หวงสมบัติ จะเป็นหนทางที่จะนำไปสู่ภพภูมิของเปรต
อดีตผ่านไปแล้วแก้ไขไม่ได้
อนาคตอยู่ที่ปัจจุบัน
การกระทำในปัจจุบัน
เป็นเครื่องกำหนดอนาคตของเรา
_______________
บทความทั้งหมดโดย : หมอพีร์
#ดวงเหนือดวงได้ #อยู่ที่การกระทำกรรมดีจริงๆ
วันนี้มีลูกค้าเก่าโทรมานัด
บอกว่าจะพาคุณยายมาดูดวง
พอถึงเวลาที่นัดไว้ซึ่งเป็นคิวแรกพอดี
ก็เดินเข้ามาในห้อง ดูหน้าตาแล้ว
ไม่เหมือนเป็นคุณยายอย่างที่บอกไว้
เหมือนเป็นคุณแม่มากกว่าคุณยายอีก
หน้าตายังดูไม่แก่ ผิวพรรณก็ยังไม่เหี่ยวมาก
สวัสดีทักทายเสร็จก็เชิญนั่ง ถาม วันที่ เดือน พ.ศ. ที่เกิด
พอได้เห็น พ.ศ. เกิด และคำนวณออกมา
ต้องเรียกว่าคุณยายจริง ๆ
เพราะปีนี้อายุแปดสิบแล้ว
ซึ่งก็ถือว่าอายุยืนมากสำหรับคนสมัยนี้
โดยปรกติลูกค้าที่มาดูดวงส่วนใหญ่
อายุไม่ค่อยจะเกินหกสิบเท่าไหร่
ถ้าวันไหนที่มีลูกค้าอายุขึ้นเลขแปดมาดู
จะทำให้ฉันได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ
มาช่วยลูกค้าที่ยังอายุน้อย ๆ ว่าจะทำอย่างไร
จึงจะผ่านดวงเคราะห์ร้ายต่าง ๆ ได้
โดยดวงคุณยายบอกอยู่แล้วว่า
เป็นคนชอบทำบุญทำทาน
จึงทำให้ดวงเรื่องการเงินหายนะไม่เป็นไปตามดวง
และส่วนใหญ่
คุณยายมักจะเก็บเงินเป็นทรัพย์สิน บ้าน ที่ดิน
ไม่ค่อยได้เก็บเป็นเงินสดไว้
ซึ่งตอนต้นชีวิต
คุณยายก็ไม่ได้เก็บเงินเป็นอสังหาริมทรัพย์
แต่เพราะเป็นคนใจอ่อน
อดใจที่จะให้คนยืมเงินไม่ได้
และพอให้เงินคนอื่นยืม
ก็มักจะไม่เคยได้คืนสักครั้งเลย
เลยตัดสินใจเก็บเป็นทรัพย์สินไว้
มนุษย์เราพอกรรมเล่นงานเรื่อย ๆ
กรรมเบาลง ก็ทำให้เกิดปัญญาคิดได้
เช่น คุณยายโดนโกงไปหลายครั้ง จนกรรมเบาลง
พอถึงเวลาที่คิวของบุญให้ผล
ก็จะมีเหตุการณ์ที่ทำให้คิดได้ว่า
ต้องเก็บเงินไว้ในรูปแบบอื่น
บวกผลของบุญที่ได้ทำตลอด
ก็จะทำให้หาเงินสดมาผ่อนที่ดินได้หมด
การที่จะมีฐานะที่มั่นคงไม่เดือดร้อนทางด้านการเงินนั้น
ไม่ได้เกิดจากผลแห่งบุญแต่เพียงอย่างเดียว
ต้องอยู่ที่ความขยันที่จะทำให้ทรัพย์สินเพิ่ม
ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินรายได้ของตัวเอง
ไม่ยุ่งกับการพนันทุกชนิด ไม่ติดสุรา
ไม่คบเพื่อนที่เที่ยวมากเกินไป
วันนี้คุณยายมาดูเรื่องของการขายที่ดิน ว่าจะขายได้ไหม
ซึ่งคุณยายคิดที่จะขายที่ดิน
เพราะอยากจะได้เงินสดมาเก็บไว้ใช้ส่วนหนึ่ง
และอีกส่วนอยากจะเก็บไว้ทำบุญตามที่อยากจะทำ
ดวงคุณยายมีดวงขายที่ดิน จึงบอกว่ามีเกณฑ์ขายได้
ส่วนเรื่องสุขภาพ
ตามดวงตัวเลขในตำราหมอดู จะมีเกณฑ์อายุสั้น
แต่คุณยายเหนือดวงด้วยการทำกรรมดีมาตลอด
จึงทำให้ดวงไม่เดินตามดวงตัวเลข
คุณยายมักจะได้ทำบุญ
กับผู้ป่วยโรงพยาบาลอยู่เสมอ
ปล่อยสัตว์อยู่เรื่อย ๆ
และยังได้ทำบุญด้านอื่นที่เกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย
ความเจ็บป่วยของมนุษย์ ตามกำลังที่จะทำได้
บวกกับการที่คุณยายโชคดีมีบุญเก่าหนุน
ทำให้เกิดในครอบครัวที่สอนให้รักษาศีล
ไม่ฆ่าสัตว์เพิ่ม ทำบุญสร้างกุศล และภาวนา
ศึกษาธรรมะมาตั้งแต่เด็ก ๆ
เลยพลอยทำให้ดูเป็นคนแก่ที่ไม่ขี้บ่น ไม่แก่เร็ว
กรรมที่จะหนัก
ก็เลยกลายเป็นเบา
หรือเวลาที่โดนกรรมเล่นงาน ก็หนีได้ทัน
แถมยังเป็นคนไม่ค่อยคิดมาก
ไม่หลงไม่ลืมอะไรง่าย
ภาษาอังกฤษที่เคยไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศมา ยังพูดได้ดีอยู่เลย
ด้วยเหตุปัจจัยแห่งบุญกุศลที่คุณยายได้ทำไป
จึงทำให้คุณยายเป็นคนอายุยืนเหนือดวง
ไม่มีราหูที่จะครอบดวงได้
ไม่จนไม่ตกอับเรื่องของการเงิน
เพราะผลแห่งทานที่ได้ทำมาตลอด
ไม่เป็นคนแก่ที่หลงขี้ลืมอะไรง่าย มีความจำดี
มีเหตุและผลไม่ขี้บ่น
จนทำให้ลูกหลานเบื่อหน่าย
เพราะปฏิบัติภาวนา ขัดเกลากิเลส
แถมยังฉลาดทันโลกอีกด้วย
แต่ในใจลึก ๆ เหมือนยังมีห่วงอยู่
แต่ไม่ได้ถึงขั้นเป็นทุกข์มาก
ก็คิดว่าคงห่วงลูกห่วงหลาน
ก็ได้ถามว่าคุณยายมีอะไรสงสัยถามได้นะคะ
คุณยายก็ถามว่าแล้วคุณแม่และคุณน้า
จะอยู่ได้อีกนานไหมคะ ฉันตกใจกับคำถามเล็กน้อย
คิดในใจว่าคุณยายอายุแปดสิบแล้ว
คุณแม่และคุณน้า ของคุณยายจะอายุเท่าไหร่กัน
คุณยายให้ดวงมาคำนวณ
คุณแม่อายุ ๑๐๒ ปี
คุณน้าอายุ ๘๖ ปี
ปฏิทินร้อยปีเปิดง่ายมาก
อยู่ตอนต้นเล่มพอดี
ตั้งแต่ดูดวงมานี่เป็นครั้งแรก
ที่มีโอกาสได้ดูดวงคนอายุเป็นร้อย
ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกมากเหมือนกัน
ที่ดวงทั้งสามคน คุณยาย คุณแม่ คุณน้า
มีดวงอายุสั้น
แต่ไม่เห็นมีใครสั้นซักคนเลย
ทุกคนอายุเกินมาตรฐาน ๗๕ ปีหมดเลย
ก็เตือนไปว่าใครต้องระวังอะไร ตอนอายุเท่าไหร่
บอกกับคุณยายว่า
บ้านคุณยายเหนือดวงกันทั้งบ้าน
ทั้ง ๆ ที่ดวงอายุสั้น
แต่ไม่สั้นกันทั้งบ้าน
เป็นเพราะผลของกรรมดีที่ทำกันทั้งบ้าน ทำให้อายุยืน
คุณยายเล่าให้ฟังว่า
คุณแม่เคยเป็นมะเร็ง
ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล
คุณหมอที่รักษาให้ตอนนี้เกษียณกันหมดแล้ว
หมอตายก่อนคุณยายก็มี
จนตอนนี้คุณแม่ของคุณยายอายุ ๑๐๒ ปีแล้ว
มะเร็งหายแล้ว
และได้เล่าอีกว่า
คุณแม่ชอบทำบุญมาก
ตอนสมัยที่มีสงครามโลก
พระที่วัดไม่มีข้าวจะฉัน
คุณแม่เป็นแม่งานใหญ่
ทำกับข้าวเลี้ยงพระทั้งวัด
และแจกคนแถวนั้น
ตลอดระยะเวลาที่มีสงคราม
คุณแม่คิดจะบวชตลอดชีวิต
ก็ได้ไปอยู่วัดปฏิบัติธรรมแล้ว
แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน
ต้องออกมาช่วยลูกสาวเลี้ยงหลาน
เพราะไม่มีใครช่วยเลี้ยง
คุณน้ายังแข็งแรง
เดินเหินคล่องแคล่วทำงานบ้านได้อยู่เลย
ถึงแม้จะมีโรคร้ายเบียดเบียน
ผลแห่งกุศลที่ทำไป
ก็จะทำให้เจอหมอที่เก่ง ไม่สะเพร่า
กินยาไม่ดื้อยา ไม่แพ้ยา
สามารถรักษาให้หายได้
และที่สำคัญ
ผลแห่งการภาวนา
ทำให้ไม่กลัวตายมากจนจิตใจหดหู่
และไม่เป็นทุกข์เพราะความกลัว “ความตาย”
ความเป็นจริงมนุษย์เราเกิดมาก็ต้องตาย
แต่อยู่ที่ใครจะไปช้าหรือไปเร็วกว่ากันแค่นั้นเอง
หลายคนที่เคยไปดูหมอ
มักจะโดนทักว่าดวงกำลังจะถึงฆาต
หรือต้องตายอายุเท่านั้นเท่านี้
กำหนดอายุมาให้พร้อมเลย
คนที่จิตอ่อนคิดมากไปดูหมออาจจะอายุสั้น
เพราะคำทำนายของหมอดู
ทำให้คิดมากนี่แหละค่ะ
การที่ดวงออกมาเป็นดวงอายุสั้น
หรือดวงที่มีเคราะห์นั้น
เกิดจากกรรมเก่าที่เคยฆ่าสัตว์
ทำให้ต้องมาเกิดในฤกษ์เกิดที่มีเคราะห์
และอายุสั้น
แต่ถ้าทำกรรมดีใหม่ ๆ
ก็จะเป็นตัวแปรที่สามารถเปลี่ยนดวงได้
หรือว่าใครมีโรคร้ายอยู่
เพราะกรรมเก่าเป็นเหตุ
ทำให้มีอายุอยู่ได้อีกไม่นาน
ก็อย่าเพิ่งท้อแท้
ลองมาเปลี่ยนเส้นทางออกจาก นรก สัตว์เดรัจฉาน เปรต
ไปสู่เส้นทางที่จะไปสวรรค์
หรือเกิดมาเป็นมนุษย์ กันดีกว่า
เริ่มจากการสำรวจว่า
ได้ทำกรรมหนักอะไรไหมในชีวิตที่ผ่านมา
โดยใช้ศีลห้าเป็นหลักในการตัดสิน
พอพบแล้วว่าได้ทำผิดไป
ก็สำนึกผิดในกรรมที่ทำไป
ตั้งใจที่จะไม่ทำผิดอีก
และไม่ต้องสำนึกผิดบ่อยเกินไป
ถ้าเราสำนึกผิดบ่อยมากเกิน
มันจะเป็นตัวเชื่อมโยงกรรมเก่า ๆ
ที่ทำมาเล่นงานตัวเราเร็วขึ้น
ถ้าเคยทำกรรมกับพ่อกับแม่ไว้
ก็ไปกราบขอให้ท่านอโหสิกรรมให้
และก็สวดมนต์ก่อนนอนทุกวัน
ใช้บทสวดสั้น ๆ ก็ได้
เพื่อที่จะได้ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ให้เป็นพึ่งทางใจให้อบอุ่น
เพราะไม่สามารถพึ่งคนอื่นได้ในตอนนั้น และก็แผ่เมตตา
เวลาที่โกรธใคร
ก็พยายามให้อภัย
ถ้าช่วงไหนใจมันไม่ยอมให้อภัยง่าย ๆ
ก็ค่อยสอนบอกต่อว่า ไหน ๆ ก็จะไม่อยู่แล้ว ให้อภัยไปเถอะ
เวลาดูข่าว ได้ยินเรื่องสะเทือนใจ ก็แผ่เมตตา
และก็บอกตัวเองว่า “สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม”
จิตใจจะได้ไม่ทุกข์เพราะเรื่องคนอื่น
จิตที่เกิดความโกรธ จะเป็นหนทางไปนรก
และพอร่างกายไม่สบายจิตใจก็จะหดหู่ คิดมาก
พยายามเดินจงกรม ให้มีสติ (ถ้าเดินไหว)
หรือไม่ไหวก็เคาะให้รู้สึกตัว ขยับไม้ขยับมือ
ง่ายสุด ดูลมหายใจตัวเอง
เพื่อดึงจิตให้อยู่กับปัจจุบันเรื่อย ๆ
จิตใจจะได้มีความสุขกับปัจจุบัน
จิตที่คิดมากฟุ้งซ่าน หดหู่ จะพาให้ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
พยายามสละทานเล็กน้อยอยู่เรื่อย ๆ
สมบัติอะไรที่รักมากหวงมาก
ก็ลองพยายามสละออกให้คนที่เขาไม่มีโอกาส
เพื่อละความตระหนี่ จิตใจจะได้ไม่หวงสมบัติ
จิตที่มีแต่ความโลภ หวงสมบัติ จะเป็นหนทางที่จะนำไปสู่ภพภูมิของเปรต
อดีตผ่านไปแล้วแก้ไขไม่ได้
อนาคตอยู่ที่ปัจจุบัน
การกระทำในปัจจุบัน
เป็นเครื่องกำหนดอนาคตของเรา
_______________
บทความทั้งหมดโดย : หมอพีร์
อัพเดตเมื่อ ก.พ. 04, 2016 8:32:00pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ป่านี้อากาสดีมากๆ มีน้ำใช้น้ำสรง น้ำดื่ม มีเสียงนกเสียงกาเป็นธรรมชาติสุดๆ
เงียบสงัดดีมาก ไม่คิดว่าป่าแบบนี้จะมีอยู่ในยโสธร
บิฑบาตก็หาได้ง่าย ที่พักก็เงียบสงัด
เงียบสงัดดีมาก ไม่คิดว่าป่าแบบนี้จะมีอยู่ในยโสธร
บิฑบาตก็หาได้ง่าย ที่พักก็เงียบสงัด
อัพเดตเมื่อ ก.พ. 14, 2016 11:11:07am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ธรรมะในวันวาเลนไทน์
ถ้าคนที่เขาเป็นแฟนกันแล้ว เราอย่าไปเกี่ยวข้องแบบจีบ
หรือแบบขอคบ หรือยุให้เขาแตกกันนะ ทำนองว่า เขาเลิกกันเพราะผี๋มือเรา ผี๋ปากเรา" ฝี๋เท้าเรา"
แต่ถ้าเขาหรือเธอคนนั้น
มีคนมาจีบเยอะเลย
มีคนมาขอคบด้วยเยอะเลย แต่เขาหรือเธอคนนั้น
ยังไม่ตอบตกลงเป็นแฟนกันกับใคร
นั่นแสดงว่าเขายังโสด..
(หรือเรียกภาษาสมัยใหม่ว่า เขากำลังอ่านหนังสืออยู่)
#คนที่ขอคบนั่นแหละเรียกว่าหนังสือ"
"""เด็กรุ่นใหม่ ไฟแรงใจร้อน"" อ่านได้เล่มหนึ่ง เล่มสอง เล่มสาม ก็เลือกเล่มสาม เพราะไม่รู้ว่าเล่มต่อไปจะมีไหม? เล่มต่อไปจะเหมือนอย่างนี้ไหม?
-ถ้ายังมีราคะอยู่ เล่มต่อไปก็มี..ไม่ควรใจร้อน
เล่มต่อไปจะเหมือนอย่างนี้ไหม
-ในโลกนี้ไม่มีใครนิสัยเหมือนกัน
มีแต่ต่างกันมาก ต่างกันน้อย หรือคล้ายกัน
ควรเลือกคบคนที่นิสัยคล้ายกันกับเรา"
แต่ถ้าหากเราไม่ดี แต่แฟนเป็นคนดี
เราต้องปรับนิสัยไปให้คล้ายแฟน
ถ้าเราไม่ดี แล้วเราก็หาคนที่พื้นนิสัยไม่ดีคล้ายเรา
อย่างนี้ มีแต่ฉุดกันและกันให้ตกต่ำ"
"คนที่ใช่ต้องต้องเจอกันในเวลาที่มีสิทธิ์ เวลาที่ไม่มีสิทธิ์ต่อให้เคยครองคู่กันมาเป็นล้านชาติ ถ้าชาตินี้เขาพลัดไปมีคู่ซะแล้ว ยังไงก็ไม่ใช่
แต่ถ้าเขาเป็นคู่เก่าคู่บุญบารมีเก่าเรา
เขาหรือเธอคนนั้นจะแยกย้ายกันเอง
โดยที่คุณไม่ได้มีส่วนในการทำให้เขาเลิกกันแม้แต่นิดเลย
บุคคลเป็นมนุษย์เราต้องมีเป้าหมาย ที่จะทำให้ชีวิตจิตใจตนเองเจริญขึ้น
ถึงจะมีตัวล่อมากมาย ที่ล่อให้เราหักเหออกนอกเส้นทางเป้าหมายนั้น
เราต้องคอยเตือนตนเองอยู่เสมอๆ
ว่าอย่าหลงไปกับ" ตัวล่อ" นะ
วันวาเลนไทน์ เห็นข่าวนี้แล้วสลดใจนะ
ฝ่ายชายยิงฝ่ายหญิงตาย แล้วยิงตัวเองอีกทีให้ตายตาม
นี่คงไม่ใช่คู่บุญ แต่เป็นคู่กรรม
ปัญหานี้คงไม่ใช่เพราะวันวาเลนไทน์ วันนี้
แต่เพราะต้นเหตุ ตั้งแต่เริ่มต้นตั้งแต่แรก
ที่ไม่เลือกคนที่นิสัยใจคอคล้ายกัน จึงไม่รู้พื้นนิสัยกัน
ก็เกิดการแตกแยก
#ยิงสนั่นห้างดังเมืองนนท์ วาเลนไทน์เลือดตาย2เจ็บ1
เดลีนีวส์ - 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ถ้าคนที่เขาเป็นแฟนกันแล้ว เราอย่าไปเกี่ยวข้องแบบจีบ
หรือแบบขอคบ หรือยุให้เขาแตกกันนะ ทำนองว่า เขาเลิกกันเพราะผี๋มือเรา ผี๋ปากเรา" ฝี๋เท้าเรา"
แต่ถ้าเขาหรือเธอคนนั้น
มีคนมาจีบเยอะเลย
มีคนมาขอคบด้วยเยอะเลย แต่เขาหรือเธอคนนั้น
ยังไม่ตอบตกลงเป็นแฟนกันกับใคร
นั่นแสดงว่าเขายังโสด..
(หรือเรียกภาษาสมัยใหม่ว่า เขากำลังอ่านหนังสืออยู่)
#คนที่ขอคบนั่นแหละเรียกว่าหนังสือ"
"""เด็กรุ่นใหม่ ไฟแรงใจร้อน"" อ่านได้เล่มหนึ่ง เล่มสอง เล่มสาม ก็เลือกเล่มสาม เพราะไม่รู้ว่าเล่มต่อไปจะมีไหม? เล่มต่อไปจะเหมือนอย่างนี้ไหม?
-ถ้ายังมีราคะอยู่ เล่มต่อไปก็มี..ไม่ควรใจร้อน
เล่มต่อไปจะเหมือนอย่างนี้ไหม
-ในโลกนี้ไม่มีใครนิสัยเหมือนกัน
มีแต่ต่างกันมาก ต่างกันน้อย หรือคล้ายกัน
ควรเลือกคบคนที่นิสัยคล้ายกันกับเรา"
แต่ถ้าหากเราไม่ดี แต่แฟนเป็นคนดี
เราต้องปรับนิสัยไปให้คล้ายแฟน
ถ้าเราไม่ดี แล้วเราก็หาคนที่พื้นนิสัยไม่ดีคล้ายเรา
อย่างนี้ มีแต่ฉุดกันและกันให้ตกต่ำ"
"คนที่ใช่ต้องต้องเจอกันในเวลาที่มีสิทธิ์ เวลาที่ไม่มีสิทธิ์ต่อให้เคยครองคู่กันมาเป็นล้านชาติ ถ้าชาตินี้เขาพลัดไปมีคู่ซะแล้ว ยังไงก็ไม่ใช่
แต่ถ้าเขาเป็นคู่เก่าคู่บุญบารมีเก่าเรา
เขาหรือเธอคนนั้นจะแยกย้ายกันเอง
โดยที่คุณไม่ได้มีส่วนในการทำให้เขาเลิกกันแม้แต่นิดเลย
บุคคลเป็นมนุษย์เราต้องมีเป้าหมาย ที่จะทำให้ชีวิตจิตใจตนเองเจริญขึ้น
ถึงจะมีตัวล่อมากมาย ที่ล่อให้เราหักเหออกนอกเส้นทางเป้าหมายนั้น
เราต้องคอยเตือนตนเองอยู่เสมอๆ
ว่าอย่าหลงไปกับ" ตัวล่อ" นะ
วันวาเลนไทน์ เห็นข่าวนี้แล้วสลดใจนะ
ฝ่ายชายยิงฝ่ายหญิงตาย แล้วยิงตัวเองอีกทีให้ตายตาม
นี่คงไม่ใช่คู่บุญ แต่เป็นคู่กรรม
ปัญหานี้คงไม่ใช่เพราะวันวาเลนไทน์ วันนี้
แต่เพราะต้นเหตุ ตั้งแต่เริ่มต้นตั้งแต่แรก
ที่ไม่เลือกคนที่นิสัยใจคอคล้ายกัน จึงไม่รู้พื้นนิสัยกัน
ก็เกิดการแตกแยก
#ยิงสนั่นห้างดังเมืองนนท์ วาเลนไทน์เลือดตาย2เจ็บ1
เดลีนีวส์ - 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ข้าพระเจ้าขอมาบำเพ็ญเพียรทางจิต อยู่ตรงป่านี้
ป่าสงวนนี้มีการลักตัดไม้พยูง จนทหารต้องมาดูแล
กลางคืนก็ได้ยินเสียงปืน
และมีคนเล่าให้ฟังว่า ป่านี้มีพญานาคด้วย หนองใหญ่นี้อาจจะเป็นเมืองบาดาลของพวกนาค
ข้าพระเจ้าได้ฟังอย่างนั้นแล้ว
ก็... อือ พญานาค?
พญานาคก็พญานาค เราไม่ได้ไปเบียดเขาซะหน่อย
ไม่ได้ไปทำอะไรให้ คงไม่มาทำร้ายเรา
และข้าพระเจ้าคิดได้ว่า งูเป็นบริวารของพญานาค
แสดงว่าป่านี้งูเยอะแน่เลย
(เรายิ่งกลัวงู)
ก่อนนอนข้าพระเจ้าก็แผ่เมตตาจิตและอุทิศบุญให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ก็ไม่เห็นงูเป็นๆสักตัวเลย ว่าจะมาทำร้าย
เวลาฉันข้าวในบาตไม่หมด ข้าพระเจ้าก็อธิฐานให้พวกเปตรผีแล้วก็สาดไป
นอนกลางคืนก็ไม่เห็นว่ามีผีมากวน หรือมาขอส่วนบุญเลย
มีแต่ฝันว่า "มานั่งเฝ้าเรา ยิ้มให้เราอยู่ข้างๆ)
ทั้งหมดทั้งมวลนี้
หรือเป็นเพราะพวกอมนุษย์ พญานาค ผีป่า เทวดา เขารู้วาระจิตเรา ว่าเรามาดี ไม่ได้มาร้าย.. จึงไม่เจอเรื่องร้าย
ข้าพระเจ้าขอมาบำเพ็ญเพียรทางจิต อยู่ตรงป่านี้
ป่าสงวนนี้มีการลักตัดไม้พยูง จนทหารต้องมาดูแล
กลางคืนก็ได้ยินเสียงปืน
และมีคนเล่าให้ฟังว่า ป่านี้มีพญานาคด้วย หนองใหญ่นี้อาจจะเป็นเมืองบาดาลของพวกนาค
ข้าพระเจ้าได้ฟังอย่างนั้นแล้ว
ก็... อือ พญานาค?
พญานาคก็พญานาค เราไม่ได้ไปเบียดเขาซะหน่อย
ไม่ได้ไปทำอะไรให้ คงไม่มาทำร้ายเรา
และข้าพระเจ้าคิดได้ว่า งูเป็นบริวารของพญานาค
แสดงว่าป่านี้งูเยอะแน่เลย
(เรายิ่งกลัวงู)
ก่อนนอนข้าพระเจ้าก็แผ่เมตตาจิตและอุทิศบุญให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ก็ไม่เห็นงูเป็นๆสักตัวเลย ว่าจะมาทำร้าย
เวลาฉันข้าวในบาตไม่หมด ข้าพระเจ้าก็อธิฐานให้พวกเปตรผีแล้วก็สาดไป
นอนกลางคืนก็ไม่เห็นว่ามีผีมากวน หรือมาขอส่วนบุญเลย
มีแต่ฝันว่า "มานั่งเฝ้าเรา ยิ้มให้เราอยู่ข้างๆ)
ทั้งหมดทั้งมวลนี้
หรือเป็นเพราะพวกอมนุษย์ พญานาค ผีป่า เทวดา เขารู้วาระจิตเรา ว่าเรามาดี ไม่ได้มาร้าย.. จึงไม่เจอเรื่องร้าย
ป่าสงวนนี้มีการลักตัดไม้พยูง จนทหารต้องมาดูแล
กลางคืนก็ได้ยินเสียงปืน
และมีคนเล่าให้ฟังว่า ป่านี้มีพญานาคด้วย หนองใหญ่นี้อาจจะเป็นเมืองบาดาลของพวกนาค
ข้าพระเจ้าได้ฟังอย่างนั้นแล้ว
ก็... อือ พญานาค?
พญานาคก็พญานาค เราไม่ได้ไปเบียดเขาซะหน่อย
ไม่ได้ไปทำอะไรให้ คงไม่มาทำร้ายเรา
และข้าพระเจ้าคิดได้ว่า งูเป็นบริวารของพญานาค
แสดงว่าป่านี้งูเยอะแน่เลย
(เรายิ่งกลัวงู)
ก่อนนอนข้าพระเจ้าก็แผ่เมตตาจิตและอุทิศบุญให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ก็ไม่เห็นงูเป็นๆสักตัวเลย ว่าจะมาทำร้าย
เวลาฉันข้าวในบาตไม่หมด ข้าพระเจ้าก็อธิฐานให้พวกเปตรผีแล้วก็สาดไป
นอนกลางคืนก็ไม่เห็นว่ามีผีมากวน หรือมาขอส่วนบุญเลย
มีแต่ฝันว่า "มานั่งเฝ้าเรา ยิ้มให้เราอยู่ข้างๆ)
ทั้งหมดทั้งมวลนี้
หรือเป็นเพราะพวกอมนุษย์ พญานาค ผีป่า เทวดา เขารู้วาระจิตเรา ว่าเรามาดี ไม่ได้มาร้าย.. จึงไม่เจอเรื่องร้าย
อัพเดตเมื่อ ก.พ. 19, 2016 2:36:11pm
อัพเดตเมื่อ ก.พ. 19, 2016 2:44:50pm
อัพเดตเมื่อ ก.พ. 21, 2016 1:09:01pm
อัพเดตเมื่อ ก.พ. 24, 2016 5:13:15pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ วัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่าง จ.มุกดาหาร
สถานที่: วัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่าง จ.มุกดาหาร (16.352428143205, 104.39451947213)
ที่อยู่: มุกดาหาร
สถานที่: วัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่าง จ.มุกดาหาร (16.352428143205, 104.39451947213)
ที่อยู่: มุกดาหาร
มาแวะปู่หนู แต่ปู่หนูไม่อยู่
ไปอินเดียยังไม่กลับ...
ไปอินเดียยังไม่กลับ...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อมีการยึดมั่นถือมั่น ในอารมณ์แล้ว
เราจะคลายออก แล้วให้มันเป็นอุเบกขาวางเฉย ว่างๆโปร่งๆเบานั้น ไม่ใช่บังคับได้ง่าย (สำหรับผู้ใหม่น่ะ)
สำหรับผู้ใหม่ ควรรู้ลมหายใจที่เข้าที่ออก
ถ้ารู้ลมแล้วอึดอัด ก็เปลี่ยนไปรู้กลิ่นแทน
ธรรมะ:ในป่าคำเขื่อนแก้ว
เราจะคลายออก แล้วให้มันเป็นอุเบกขาวางเฉย ว่างๆโปร่งๆเบานั้น ไม่ใช่บังคับได้ง่าย (สำหรับผู้ใหม่น่ะ)
สำหรับผู้ใหม่ ควรรู้ลมหายใจที่เข้าที่ออก
ถ้ารู้ลมแล้วอึดอัด ก็เปลี่ยนไปรู้กลิ่นแทน
ธรรมะ:ในป่าคำเขื่อนแก้ว
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ วัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่าง จ.มุกดาหาร
สถานที่: วัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่าง จ.มุกดาหาร (16.352428143205, 104.39451947213)
ที่อยู่: มุกดาหาร
สถานที่: วัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่าง จ.มุกดาหาร (16.352428143205, 104.39451947213)
ที่อยู่: มุกดาหาร
สมัยก่อนพระถูกยาแฝด(ทำของใส่หรือทำเสน่) แก้อย่างไรหนอ?
ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธเพราะถูกยาแฝด ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาคตรัสวิธีแก้ว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาต ให้ดื่มน้ำที่เขาละลายจากดินรอยไถซึ่งติดผาล.
แต่ในปัจจุบันนี้ใช้คาถาแก้
คาถาที่ใช้ป้องกันยาแฝดคือ
สมุหเนยฺย สมุหนติ สมุหคโต สีมาคตํ พทฺธเสมายํ สมุหนิพตพฺโพ เอวํ เอหิ นะเคลื่อน โมถอน พุทคลอน ธาเคลื่อน ยะเลื่อนหลุดหาย
#ทำยาแฝดบาปมาก
มุกดาหารอากาศกำลังหนาว
อำนาจเป็นจังใด๋นอ
ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธเพราะถูกยาแฝด ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาคตรัสวิธีแก้ว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาต ให้ดื่มน้ำที่เขาละลายจากดินรอยไถซึ่งติดผาล.
แต่ในปัจจุบันนี้ใช้คาถาแก้
คาถาที่ใช้ป้องกันยาแฝดคือ
สมุหเนยฺย สมุหนติ สมุหคโต สีมาคตํ พทฺธเสมายํ สมุหนิพตพฺโพ เอวํ เอหิ นะเคลื่อน โมถอน พุทคลอน ธาเคลื่อน ยะเลื่อนหลุดหาย
#ทำยาแฝดบาปมาก
มุกดาหารอากาศกำลังหนาว
อำนาจเป็นจังใด๋นอ
ปล่อยหมด ทั้งพ่อทั้งแม่ ทั้งญาติพี่น้อง
(เมื่อเห็นว่า ดึงมาทางธรรมไม่ได้แล้ว สอนไม่ได้แล้ว เขาไม่สนเลย ไม่เอาธรรมะเลย )
ตายแล้วพอช่วยได้ค่อยช่วย
(เมื่อเห็นว่า ดึงมาทางธรรมไม่ได้แล้ว สอนไม่ได้แล้ว เขาไม่สนเลย ไม่เอาธรรมะเลย )
ตายแล้วพอช่วยได้ค่อยช่วย
อัพเดตเมื่อ ก.พ. 25, 2016 7:46:05pm
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ จะตัดอภิธรรมออก นี้ข้าพระเจ้าไม่เห็นด้วย
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ จะตัดอรรถกถาออก
นี้ข้าพระเจ้าก็ไม่เห็นด้วย
เพราะอรรถกถายังจำเป็นอยู่ในส่วนที่จำเป็นต้องมีการขยายความ
ถึงบางสูตรอรรถกถาจะพูดวกแตกไปเรื่องอื่นก็ตาม
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ จะตัดอรรถกถาออก
นี้ข้าพระเจ้าก็ไม่เห็นด้วย
เพราะอรรถกถายังจำเป็นอยู่ในส่วนที่จำเป็นต้องมีการขยายความ
ถึงบางสูตรอรรถกถาจะพูดวกแตกไปเรื่องอื่นก็ตาม
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 04, 2016 12:22:39pm
เราทั้งหลายควรพิจารณาอยู่เนืองๆเถิด..
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 04, 2016 7:31:13pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระโพธิ์สัตว์..เป็นผู้มีบุญคุณอันเลิศยิ่ง
เป็นผู้เสียสละ..เสียสละอย่างใหญ่หลวงโอฬา
เป็นเวลายาวนาน...มากหลายอสงไขมากหลายแสนกัป
ที่ต้องเกิดที่ต้องตาย...หลาย...แห่งหนในหลาย..ภพ
กว่าจะเกี่ยวเก็บบารมีสามสิบทัตที่งดงามให้เต็มเปี่ยม
เมื่อเต็มแล้ว...จะถึงความเป็นผู้ยอดเยี่ยมเป็นที่หนึ่งในภพทั้งหลาย สมดั่งที่พระตถาคตเจ้าพยากรณ์ไว้ว่า..
เธอ.เป็นผู้ที่จะงดงามในอนาคตกาลเบื้องหน้า อย่างแน่แท้
คือว่า..จะได้ตรัสรู้ธรรมอันลึกซึ่งถึงความสิ้นทุกข์ก่อนใครๆในกัปนั้นอย่างสมบูรณ์
จะเป็นผู้ยอดเยื่อมที่สุดในโลก ไม่มีใครเหมือนได้
ทั้งในเดชแห่งญาณคือปัญญาที่แตกฉานอย่างเฉียบแหลม ไม่มีจำกัด... สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นสัจจะควาจริงอันสุดยอด
ที่เหล่ามนุษย์ทั้งหลายจะได้รู้จากเธอ
และในเดชแห่งฤทธิ์ ทั้งมนุษย์ เทวดา มาร ไม่มีใครจะข่มได้
พระตถาคตเจ้าในบัดนั้นคือเธอในบัดนี้
เธอจะเป็นผู้งามสมบูรณ์ที่สุดแห่งโลกทั้งหลายในบัดนั้น
ทั้งคำสอนที่เป็นธรรมอมตะไม่มีใครเหมือน
คำสอนนั้นพ่วงสรรพสัตว์ทั้งหลายให้เข้าถึงแดนเกษมแห่งความปลอดภัย ทั้งมนุษย์ทั้งหลาย เทวดาทั้งหลายในบัดนั้นควรแท้ที่จะได้ดื่มรสแห่งธรรมอมตะนั้นอันหลุดพ้น..
เหมือนกับธรรมที่เราแสดงประกาศแล้วในตอนนี้
กล่าวคือ..ธรรมที่หลุดพ้นจากเครืองผูกแห่งจิตใจ
ดับไม่เหลือ ทั้งราคะ โทสะ โมหะเครืองเศร้าหมอง
หลุดจากอาสวะทั้งสิ้น หลุดแล้วหลุดเลย...
ข้าพระเจ้าขอกราบสำนึกบุญคุณพระโพธิ์สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง
ทั้งที่อยู่ในสุคติภูมิ เป็นมนุษย์อยู่ก็ดี เป็นเทพเทวดาอยู่ก็ดี เป็นพรหมอยู่ก็ดี
ทั้งที่อยู่ในทุคติภูมิ ขอให้หลุดจากภพเหล่านั้นโดยเร็ว
แล้วเกิดในสุคติภูมิและมีธาตุขันธ์ที่แข็งแรงเป็นสัมมาทิฏฐิ
มีศีลมีสติปัญญาในการสร้างบารมีให้เต็ม
....
สาธุ ..../\..... สาธุ
เป็นผู้เสียสละ..เสียสละอย่างใหญ่หลวงโอฬา
เป็นเวลายาวนาน...มากหลายอสงไขมากหลายแสนกัป
ที่ต้องเกิดที่ต้องตาย...หลาย...แห่งหนในหลาย..ภพ
กว่าจะเกี่ยวเก็บบารมีสามสิบทัตที่งดงามให้เต็มเปี่ยม
เมื่อเต็มแล้ว...จะถึงความเป็นผู้ยอดเยี่ยมเป็นที่หนึ่งในภพทั้งหลาย สมดั่งที่พระตถาคตเจ้าพยากรณ์ไว้ว่า..
เธอ.เป็นผู้ที่จะงดงามในอนาคตกาลเบื้องหน้า อย่างแน่แท้
คือว่า..จะได้ตรัสรู้ธรรมอันลึกซึ่งถึงความสิ้นทุกข์ก่อนใครๆในกัปนั้นอย่างสมบูรณ์
จะเป็นผู้ยอดเยื่อมที่สุดในโลก ไม่มีใครเหมือนได้
ทั้งในเดชแห่งญาณคือปัญญาที่แตกฉานอย่างเฉียบแหลม ไม่มีจำกัด... สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นสัจจะควาจริงอันสุดยอด
ที่เหล่ามนุษย์ทั้งหลายจะได้รู้จากเธอ
และในเดชแห่งฤทธิ์ ทั้งมนุษย์ เทวดา มาร ไม่มีใครจะข่มได้
พระตถาคตเจ้าในบัดนั้นคือเธอในบัดนี้
เธอจะเป็นผู้งามสมบูรณ์ที่สุดแห่งโลกทั้งหลายในบัดนั้น
ทั้งคำสอนที่เป็นธรรมอมตะไม่มีใครเหมือน
คำสอนนั้นพ่วงสรรพสัตว์ทั้งหลายให้เข้าถึงแดนเกษมแห่งความปลอดภัย ทั้งมนุษย์ทั้งหลาย เทวดาทั้งหลายในบัดนั้นควรแท้ที่จะได้ดื่มรสแห่งธรรมอมตะนั้นอันหลุดพ้น..
เหมือนกับธรรมที่เราแสดงประกาศแล้วในตอนนี้
กล่าวคือ..ธรรมที่หลุดพ้นจากเครืองผูกแห่งจิตใจ
ดับไม่เหลือ ทั้งราคะ โทสะ โมหะเครืองเศร้าหมอง
หลุดจากอาสวะทั้งสิ้น หลุดแล้วหลุดเลย...
ข้าพระเจ้าขอกราบสำนึกบุญคุณพระโพธิ์สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง
ทั้งที่อยู่ในสุคติภูมิ เป็นมนุษย์อยู่ก็ดี เป็นเทพเทวดาอยู่ก็ดี เป็นพรหมอยู่ก็ดี
ทั้งที่อยู่ในทุคติภูมิ ขอให้หลุดจากภพเหล่านั้นโดยเร็ว
แล้วเกิดในสุคติภูมิและมีธาตุขันธ์ที่แข็งแรงเป็นสัมมาทิฏฐิ
มีศีลมีสติปัญญาในการสร้างบารมีให้เต็ม
....
สาธุ ..../\..... สาธุ
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 06, 2016 11:52:57pm
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 07, 2016 12:02:54am
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 07, 2016 12:08:11am
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 07, 2016 12:11:47am
ก่อนเขาจะตัดสินใจบวช เขาต้องเห็นประโยชน์อะไรบางอย่าง ที่สุดยอด ที่ประเสริฐ ที่ดี ที่สว่าง ที่ชีวิตนี้ไม่น่าพลาด
เขาจึงบวช เป็นแน่
เขาจึงบวช เป็นแน่
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 07, 2016 8:33:58am
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 07, 2016 8:46:47am
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 07, 2016 8:47:23am
.😭
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 07, 2016 4:52:33pm
อธิฐานก่อน ให้ทาน
(ถ้าหากว่าคิดว่าสิ่งที่จะทานไปนั้นประณีตดี)
เวลาวิบากให้ผล ผลแห่งทานนั้นก็จะย้อนกลับมาหาเราอย่างประณีต
#พระไม่ได้เป็นผู้กำหนดว่า ต้องได้รับอย่างประณีตนะ
แต่กฏแห่งกรรมเป็นผู้กำหนด
(ถ้าหากว่าคิดว่าสิ่งที่จะทานไปนั้นประณีตดี)
เวลาวิบากให้ผล ผลแห่งทานนั้นก็จะย้อนกลับมาหาเราอย่างประณีต
#พระไม่ได้เป็นผู้กำหนดว่า ต้องได้รับอย่างประณีตนะ
แต่กฏแห่งกรรมเป็นผู้กำหนด
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 07, 2016 5:03:08pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
นรกมีอิหลี เด้อ
พ่อแม่พี่น้อง
ถ้าเป็นฆราวาส บ่อได้เป็นพระ
อย่าป๋าการทำบุญโล้ด ใส่บาติดูๆ กรวดน้ำดูๆเอาเด้อ
ต้องฉลาดใช้หนี้ ที่ฆ่าเขาไว้ จักปลา จักกบ จักยูง
พ่อแม่พี่น้อง
ถ้าเป็นฆราวาส บ่อได้เป็นพระ
อย่าป๋าการทำบุญโล้ด ใส่บาติดูๆ กรวดน้ำดูๆเอาเด้อ
ต้องฉลาดใช้หนี้ ที่ฆ่าเขาไว้ จักปลา จักกบ จักยูง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ พัชรินทร์ เกษมสัตย์
คุณได้แท็ก พัชรินทร์ เกษมสัตย์
พยายามทำทานเด้อ หรือวาใส่บาติ แทละเล็กแทละน้อย
สะสมแต้มบุญไว้เด้อ จากหลวงพี
สะสมแต้มบุญไว้เด้อ จากหลวงพี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เขียนบนไทม์ไลน์ของ Naree Maneenat
คุณครูนารี ขอรบกวนหน่อยได้หรือเปล่า คือว่าถ้าเราจะเขียนประโยคนี้
"คุณครูใจบุญช่วยเผ่ยแผ่ธรรมะ"
เป็นภาษาอังกฤษ ต้องเขียนว่าอย่างไร
"คุณครูใจบุญช่วยเผ่ยแผ่ธรรมะ"
เป็นภาษาอังกฤษ ต้องเขียนว่าอย่างไร
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เขียนบนไทม์ไลน์ของ Paramet Butwang
ป๋อมแป๋มกับโก้นิจิตใจดี
อย่าสิไปหาเฮ็ดบาป แย่งผู้สาวเขาเอามานอนนำเด้อ
ลักของเขาเด้อ แฮงแท้เด๊ะข้อนี้
พระอานน์ตอนเพินเป็นคนธรรมดา เพิลทำบุญอธิฐานชาติหน้าขอให้รูปหล่อหน้าตาดี เกิดชาติใหม่มาธรรมชาติล้างสมองก่อนบ่อให้จำเรื่องราวในชาติก่อนได้
ชาติใหม่ที่เกิดมานิรูปหล่อหน้าตาดีสมใจ
ผู้หญิงมามักหลาย มัวเมิดทุกคน ทั้งมีผู้บ่าว โสด มีผัวแล้ว
เอาเมิด เพิลกะเลยผดศีลข้อกาเม
ตายแล้วไปเกิดในนรก500ชาติ
จากนั้นมาเกิดเป็นวัวรูปหล่อ มีวัวตัวแม่มามักกะหลาย
เจ้าของวัวกะเลยจับตอนอวัยวะเพศ
จากนั้นมาเกิดเป็นคนผิดปกติทางเพศ เพศบอสมบูรณ์
"
ตะสิได้มาเป็นป๋อมแป๋มกับโก้ในชาตินี้บ่อง่ายปานใด๋เด้อ
เอาะฝากธรรมะฝากไว้แค่นี้ละ
อย่าสิไปหาเฮ็ดบาป แย่งผู้สาวเขาเอามานอนนำเด้อ
ลักของเขาเด้อ แฮงแท้เด๊ะข้อนี้
พระอานน์ตอนเพินเป็นคนธรรมดา เพิลทำบุญอธิฐานชาติหน้าขอให้รูปหล่อหน้าตาดี เกิดชาติใหม่มาธรรมชาติล้างสมองก่อนบ่อให้จำเรื่องราวในชาติก่อนได้
ชาติใหม่ที่เกิดมานิรูปหล่อหน้าตาดีสมใจ
ผู้หญิงมามักหลาย มัวเมิดทุกคน ทั้งมีผู้บ่าว โสด มีผัวแล้ว
เอาเมิด เพิลกะเลยผดศีลข้อกาเม
ตายแล้วไปเกิดในนรก500ชาติ
จากนั้นมาเกิดเป็นวัวรูปหล่อ มีวัวตัวแม่มามักกะหลาย
เจ้าของวัวกะเลยจับตอนอวัยวะเพศ
จากนั้นมาเกิดเป็นคนผิดปกติทางเพศ เพศบอสมบูรณ์
"
ตะสิได้มาเป็นป๋อมแป๋มกับโก้ในชาตินี้บ่อง่ายปานใด๋เด้อ
เอาะฝากธรรมะฝากไว้แค่นี้ละ
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 25, 2016 8:16:13pm
เห็นแล้วใจมันดิ้นๆ มันอยากไป ส่งการบ้าน
(ออกพรรษานี้ จะไปกราบครูบาอาจารย์ที่ชลบุรีได้ไหมน้อ)
(ออกพรรษานี้ จะไปกราบครูบาอาจารย์ที่ชลบุรีได้ไหมน้อ)
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 04, 2016 10:43:27pm
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 09, 2016 6:47:44pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ร่างกาย ผุพัง เสื่อม เพราะไม่ค่อยให้มันได้พักผ่อน
มันผอมลงๆ ก็รู้อยู่
อืม..เดี๋ยวกะได้ไปผักผ่อนในป่าแล้ว ไม่นานเกินรอหรอก
เหตุก็เพราะ..กลัวไม่คุ้มที่มีร่างกายนี้
จึงใช้มันให้เป็นประโยชน์คุ้มค่าหน่อย!
มัวสร้างแต่บารมีภายนอก
ทำอย่างกะเป็นพระโพธิ์สัตว์
บารมีภายใน
สมถะวิปัสนา ไม่เคยสร้าง
มันจะไปรู้อะไร
พระบวชเข้ามาแล้ว
แล้วก็ลาสิกขา ก็เพราะมันไม่ได้
ดื่มสมาธิและดื่มวิปัสนา
มันจึงกลับไปดื่มกามคุณแบบเดิม
มันผอมลงๆ ก็รู้อยู่
อืม..เดี๋ยวกะได้ไปผักผ่อนในป่าแล้ว ไม่นานเกินรอหรอก
เหตุก็เพราะ..กลัวไม่คุ้มที่มีร่างกายนี้
จึงใช้มันให้เป็นประโยชน์คุ้มค่าหน่อย!
มัวสร้างแต่บารมีภายนอก
ทำอย่างกะเป็นพระโพธิ์สัตว์
บารมีภายใน
สมถะวิปัสนา ไม่เคยสร้าง
มันจะไปรู้อะไร
พระบวชเข้ามาแล้ว
แล้วก็ลาสิกขา ก็เพราะมันไม่ได้
ดื่มสมาธิและดื่มวิปัสนา
มันจึงกลับไปดื่มกามคุณแบบเดิม
ทุกครั้งที่จะให้ทาน แล้วใจมันยังอยากยึดอยู่
ข้าพระเจ้ามักจะนึกถึง "พระเวสสันดร"
"อย่างเช่น เมื่อเช้าบิณฑบาต ได้กล้วยมา 2 (หน่วย)
เรารู่ว่ากล้วยนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก
เนื้อปลามีประโยชน์มากกว่าเนื้ออื่นๆ
เอื่อต่อการเจริญสติมาก
ถึงอย่างนั้นเราก็ยัง ยอมให้ร่างกายมันขาดกล้วยที่เป็นประโยชน์ต่อกายนี้
....
และ "สังขารมันจะปรุง กล้วยมีประโยชน์ต่อกายนะ ฉันๆ"
อย่าเอาไปทานให้พระองค์อื่นเลย ยิ่งมีน้อยอยู่"
แต่อยากจะทาน เพราะไม่อยากยึดอะไรมาก
มันรู้สึกเสียดทานกันนะ
อันหนึ่งบอกทาน
อันหนึ่งบอกไม่ต้องทาน
...
จากนั่นจึงนึกถึง พระเวสสันดร ท่านทานหมดเลย ยิ่งใหญ่แค่ไหน
และสิ่งที่ท่านทานไม่ใช่อะไรที่เล็กๆเลย เราต้องเอาพระโพธิ์สัตว์เป็นตัวอย่าง
ทุกครั้งที่จะให้ทาน แล้วใจมันยังอยากยึดอยู่
ข้าพระเจ้ามักจะนึกถึง "พระเวสสันดร"
"อย่างเช่น เมื่อเช้าบิณฑบาต ได้กล้วยมา 2 (หน่วย)
เรารู่ว่ากล้วยนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก
เนื้อปลามีประโยชน์มากกว่าเนื้ออื่นๆ
เอื่อต่อการเจริญสติมาก
ถึงอย่างนั้นเราก็ยัง ยอมให้ร่างกายมันขาดกล้วยที่เป็นประโยชน์ต่อกายนี้
....
และ "สังขารมันจะปรุง กล้วยมีประโยชน์ต่อกายนะ ฉันๆ"
อย่าเอาไปทานให้พระองค์อื่นเลย ยิ่งมีน้อยอยู่"
แต่อยากจะทาน เพราะไม่อยากยึดอะไรมาก
มันรู้สึกเสียดทานกันนะ
อันหนึ่งบอกทาน
อันหนึ่งบอกไม่ต้องทาน
...
จากนั่นจึงนึกถึง พระเวสสันดร ท่านทานหมดเลย ยิ่งใหญ่แค่ไหน
และสิ่งที่ท่านทานไม่ใช่อะไรที่เล็กๆเลย เราต้องเอาพระโพธิ์สัตว์เป็นตัวอย่าง
ข้าพระเจ้ามักจะนึกถึง "พระเวสสันดร"
"อย่างเช่น เมื่อเช้าบิณฑบาต ได้กล้วยมา 2 (หน่วย)
เรารู่ว่ากล้วยนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก
เนื้อปลามีประโยชน์มากกว่าเนื้ออื่นๆ
เอื่อต่อการเจริญสติมาก
ถึงอย่างนั้นเราก็ยัง ยอมให้ร่างกายมันขาดกล้วยที่เป็นประโยชน์ต่อกายนี้
....
และ "สังขารมันจะปรุง กล้วยมีประโยชน์ต่อกายนะ ฉันๆ"
อย่าเอาไปทานให้พระองค์อื่นเลย ยิ่งมีน้อยอยู่"
แต่อยากจะทาน เพราะไม่อยากยึดอะไรมาก
มันรู้สึกเสียดทานกันนะ
อันหนึ่งบอกทาน
อันหนึ่งบอกไม่ต้องทาน
...
จากนั่นจึงนึกถึง พระเวสสันดร ท่านทานหมดเลย ยิ่งใหญ่แค่ไหน
และสิ่งที่ท่านทานไม่ใช่อะไรที่เล็กๆเลย เราต้องเอาพระโพธิ์สัตว์เป็นตัวอย่าง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"เขาพูดกับพระ เขาพูดอย่างกะเป็นเพื่อน"
"เขาทำตัวกร่างวางตัวกับพระ
เหมือนพระยังเป็นฆราวาสด้วยกัน"
*******************
นี้คือ "มานะ อัตตา"
คือยังมีความเห็นว่า "เขามีจริง"
"เรามีจริง"
=นี้เป็นส่วนของ นามธรรม
ต่อเมื่อเรารู้กาย รู้ลม
ความคิดที่ว่ามี"เขา" มี "เรา"
จะดับหายไปอย่างขาดสะบั่นเลย
เพราะวิญญาณมีการ
เปลี่ยนการรับรู้ขันธ์
จากที่เข้าไปตั้งใน"สังขารขันธ์"
คิดว่า(มีเขา,มีเรา)อยู่
พอเปลี่ยนไปตั้งใน "รูปขันธ์"
คือรู้กายหรือรู้ลมปุ๊บ
สังขารความคิดก็จะดับ
เปรียบเหมือน ออกจากห้องหนึ่ง แล้วเดินไปเข้าอีกห้อง
# แต่เมื่อยังมีการยึดถือ ในสิ่งที่ตนทำ(กรรม)อยู่
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ยังต้องมีวิบาก(ผล) หวนวนมาให้ผลเสมอ
("น้ำผึ่งเอ้ย.. ขึ้นชื่อว่าผู้ได้ห่มเหลืองนั้น
..........................
ก็คือผู้บวชแล้วพยามยามทำจิต
ให้สะอาดเจริญขึ้น(อริยะ)
..........................
เห็นใครห่มเหลืองแล้ว เราไม่รู้ว่ามีศีลหรือไม่มี ก็จงทำจิตให้มีความเคารพน้อมน้อม แม้ทางกายก็ต้องน้อบน้อม
...........................
จงให้ทาน แล้วให้มีความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตามด้วย เหมือนกับว่า เราได้ไปขอทานได้สิ่งของมามากมายจนเต็มภาชนะ
แล้วต้องการจะถ่ายเทออก เพื่อจะไปขออีกรอบ
และมีเจ้าหน้าที่วางภาชนะใบใหญ่พร้อมให้ถ่ายเทแล้ว
เราจึงเทออกไป" ด้วยความสบายใจยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เทออก" จงทำความรู้สึกแบบนี้ให้มีในเวลาที่ให้ทาน
.......................... และจงพูดจาแบบที่สองกับท่าน
แบบที่1เอาไว้พูดแบบฆราวาส อย่าเอาไปพูดเล่น พูดไร่สาระกับพระท่าน
แบบที่2เอาไว้ใช้พูดกับพระสงฆ์เท่านั้น คือวาจาที่กลั่นกรองดีแล้ว มีความน้อบน้อมแล้ว เหมาะแก่จะทานเข้าหูพระแล้ว
จึงพูดออกไป อย่าได้เอาแบบที่หนึ่งมาใช้พูดกับพระ
............................
สมัย 2,000 ปีที่แล้ว
ฆราวาสจะพูด2แบบ
แบบที่1ใช้พูดกับฆราวาสด้วยกัน
แบบที่2เอาไว้พูดกับพระเท่านั้น
มาปัจจุบันนี้ การคิด การพูด การทำ ที่ควรหรือไม่ควรกับพระ มืดมนไม่มีใครชี้ให้สว่างเห็น
ว่าควรทำไง เพราะความไม่รู้นั้นมีมาก
................................
ที่สอนอย่างนี้เหตุและผลคือ
จิตหนูจะได้ไม่เสื่อมถอย ในประตูความสว่าง
คือประตู (สวรรค์,นิพพาน)
หนูพูดจาดี กับพระ
พระก็คือกระจกเหลือง
ที่แรงสะท้อนไม่ธรรมดา
เหมือนกระจกแบบฆราวาส
กุศลที่เกิดจากปากพูดดี จะแบ่งไปให้ผล 3 ทาง
กุศไปทางที่1 คือให้ผลในชาติปัจจุบัน
ปากหนูจะรูปสวย จิตก็จะตรง
ทางที่2 จะเอาไปให้ผลในชาติหน้า
เมื่อหนูเกิดอีกปากจะสวยงาม เสียงจะดีน่าฟัง
ทางที่3 จะเอาไปให้ผลในชาติถัดๆไป
"เขาทำตัวกร่างวางตัวกับพระ
เหมือนพระยังเป็นฆราวาสด้วยกัน"
*******************
นี้คือ "มานะ อัตตา"
คือยังมีความเห็นว่า "เขามีจริง"
"เรามีจริง"
=นี้เป็นส่วนของ นามธรรม
ต่อเมื่อเรารู้กาย รู้ลม
ความคิดที่ว่ามี"เขา" มี "เรา"
จะดับหายไปอย่างขาดสะบั่นเลย
เพราะวิญญาณมีการ
เปลี่ยนการรับรู้ขันธ์
จากที่เข้าไปตั้งใน"สังขารขันธ์"
คิดว่า(มีเขา,มีเรา)อยู่
พอเปลี่ยนไปตั้งใน "รูปขันธ์"
คือรู้กายหรือรู้ลมปุ๊บ
สังขารความคิดก็จะดับ
เปรียบเหมือน ออกจากห้องหนึ่ง แล้วเดินไปเข้าอีกห้อง
# แต่เมื่อยังมีการยึดถือ ในสิ่งที่ตนทำ(กรรม)อยู่
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ยังต้องมีวิบาก(ผล) หวนวนมาให้ผลเสมอ
("น้ำผึ่งเอ้ย.. ขึ้นชื่อว่าผู้ได้ห่มเหลืองนั้น
..........................
ก็คือผู้บวชแล้วพยามยามทำจิต
ให้สะอาดเจริญขึ้น(อริยะ)
..........................
เห็นใครห่มเหลืองแล้ว เราไม่รู้ว่ามีศีลหรือไม่มี ก็จงทำจิตให้มีความเคารพน้อมน้อม แม้ทางกายก็ต้องน้อบน้อม
...........................
จงให้ทาน แล้วให้มีความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตามด้วย เหมือนกับว่า เราได้ไปขอทานได้สิ่งของมามากมายจนเต็มภาชนะ
แล้วต้องการจะถ่ายเทออก เพื่อจะไปขออีกรอบ
และมีเจ้าหน้าที่วางภาชนะใบใหญ่พร้อมให้ถ่ายเทแล้ว
เราจึงเทออกไป" ด้วยความสบายใจยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เทออก" จงทำความรู้สึกแบบนี้ให้มีในเวลาที่ให้ทาน
.......................... และจงพูดจาแบบที่สองกับท่าน
แบบที่1เอาไว้พูดแบบฆราวาส อย่าเอาไปพูดเล่น พูดไร่สาระกับพระท่าน
แบบที่2เอาไว้ใช้พูดกับพระสงฆ์เท่านั้น คือวาจาที่กลั่นกรองดีแล้ว มีความน้อบน้อมแล้ว เหมาะแก่จะทานเข้าหูพระแล้ว
จึงพูดออกไป อย่าได้เอาแบบที่หนึ่งมาใช้พูดกับพระ
............................
สมัย 2,000 ปีที่แล้ว
ฆราวาสจะพูด2แบบ
แบบที่1ใช้พูดกับฆราวาสด้วยกัน
แบบที่2เอาไว้พูดกับพระเท่านั้น
มาปัจจุบันนี้ การคิด การพูด การทำ ที่ควรหรือไม่ควรกับพระ มืดมนไม่มีใครชี้ให้สว่างเห็น
ว่าควรทำไง เพราะความไม่รู้นั้นมีมาก
................................
ที่สอนอย่างนี้เหตุและผลคือ
จิตหนูจะได้ไม่เสื่อมถอย ในประตูความสว่าง
คือประตู (สวรรค์,นิพพาน)
หนูพูดจาดี กับพระ
พระก็คือกระจกเหลือง
ที่แรงสะท้อนไม่ธรรมดา
เหมือนกระจกแบบฆราวาส
กุศลที่เกิดจากปากพูดดี จะแบ่งไปให้ผล 3 ทาง
กุศไปทางที่1 คือให้ผลในชาติปัจจุบัน
ปากหนูจะรูปสวย จิตก็จะตรง
ทางที่2 จะเอาไปให้ผลในชาติหน้า
เมื่อหนูเกิดอีกปากจะสวยงาม เสียงจะดีน่าฟัง
ทางที่3 จะเอาไปให้ผลในชาติถัดๆไป
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เราไม่มีความกลัวตาย
ไม่มีความเยื่อใยในชีวิต
เราจะเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ
ละทิ้งร่างกายเราไป
:คาถาของพระอชิตเถระ
ไม่มีความเยื่อใยในชีวิต
เราจะเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ
ละทิ้งร่างกายเราไป
:คาถาของพระอชิตเถระ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ฝันว่ามีเทพธิดามาบอก
50 - 05 เด้อพระคุณเจ้า (บรรยายความฝันออกมาได้ประมาณนี้)
50 - 05 เด้อพระคุณเจ้า (บรรยายความฝันออกมาได้ประมาณนี้)
ถ้าเส้นสมรสอยู่ใกล้เส้นจิตใจมาก หัตถศาสตร์เขาบอกว่า
"เจ้าของลายมือมีโอกาสจะได้แต่งงานเร็วกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน"
อันนี้ก็คือ เขาจะเอารอยกรรมเก่ามาตัดสิน อย่างเช่น เอ่อเส้นสมรสผู้หญิงคนนี้
ทั้งเข้ม ทั้งลึก ใกล้เส้นจิตใจมาก เห็นได้ชัดมากๆเลยวะ
นี้กรรมเก่าจะพยายามผลักให้ได้แต่งงานในไม่ช้านี้
แต่ความจริงคือ ขึ้นอยู่กับกาาตัดสินใจของเราตั้ง 50%
*กรรมเก่าจะบีบให้ได้แต่งงาน 50 %
*กรรมใหม่ก็คือการตัดสินใจของเราใหม่ 50 %
ทีนี้เราจะเลือกเดินเกมชีวิตไปทางไหนแค่นั้นแหละ
แนะนำให้ดาวน์โหลดหนังสือเล่มนี้มาอ่าน คุณจะรู้มากยิ่งขึ้นว่า
อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำในชีวิต
เพราะสิ่งที่เราทำลงไปในชาตินี้นั้น ล้วนมีผลตกแต่งกายที่จะได้ในชาติหน้าแล้ว
ชื่อ: เกมกรรม
ดาวน์โหลด : http://www.dungtrin.com/resources/gameofkarma.pdf
ถ้าเส้นสมรสอยู่ใกล้เส้นจิตใจมาก หัตถศาสตร์เขาบอกว่า
"เจ้าของลายมือมีโอกาสจะได้แต่งงานเร็วกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน"
อันนี้ก็คือ เขาจะเอารอยกรรมเก่ามาตัดสิน อย่างเช่น เอ่อเส้นสมรสผู้หญิงคนนี้
ทั้งเข้ม ทั้งลึก ใกล้เส้นจิตใจมาก เห็นได้ชัดมากๆเลยวะ
นี้กรรมเก่าจะพยายามผลักให้ได้แต่งงานในไม่ช้านี้
แต่ความจริงคือ ขึ้นอยู่กับกาาตัดสินใจของเราตั้ง 50%
*กรรมเก่าจะบีบให้ได้แต่งงาน 50 %
*กรรมใหม่ก็คือการตัดสินใจของเราใหม่ 50 %
ทีนี้เราจะเลือกเดินเกมชีวิตไปทางไหนแค่นั้นแหละ
แนะนำให้ดาวน์โหลดหนังสือเล่มนี้มาอ่าน คุณจะรู้มากยิ่งขึ้นว่า
อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำในชีวิต
เพราะสิ่งที่เราทำลงไปในชาตินี้นั้น ล้วนมีผลตกแต่งกายที่จะได้ในชาติหน้าแล้ว
ชื่อ: เกมกรรม
ดาวน์โหลด : http://www.dungtrin.com/resources/gameofkarma.pdf
"เจ้าของลายมือมีโอกาสจะได้แต่งงานเร็วกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน"
อันนี้ก็คือ เขาจะเอารอยกรรมเก่ามาตัดสิน อย่างเช่น เอ่อเส้นสมรสผู้หญิงคนนี้
ทั้งเข้ม ทั้งลึก ใกล้เส้นจิตใจมาก เห็นได้ชัดมากๆเลยวะ
นี้กรรมเก่าจะพยายามผลักให้ได้แต่งงานในไม่ช้านี้
แต่ความจริงคือ ขึ้นอยู่กับกาาตัดสินใจของเราตั้ง 50%
*กรรมเก่าจะบีบให้ได้แต่งงาน 50 %
*กรรมใหม่ก็คือการตัดสินใจของเราใหม่ 50 %
ทีนี้เราจะเลือกเดินเกมชีวิตไปทางไหนแค่นั้นแหละ
แนะนำให้ดาวน์โหลดหนังสือเล่มนี้มาอ่าน คุณจะรู้มากยิ่งขึ้นว่า
อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำในชีวิต
เพราะสิ่งที่เราทำลงไปในชาตินี้นั้น ล้วนมีผลตกแต่งกายที่จะได้ในชาติหน้าแล้ว
ชื่อ: เกมกรรม
ดาวน์โหลด : http://www.dungtrin.com/resources/gameofkarma.pdf
รอก่อน นะครับ
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 24, 2016 3:21:51pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่ได้รัก แต่ยังอยากเลี้ยงไว้
วิบากของคนที่หลอกให้คนอื่นมารัก ให้ความหวังเขาทั้งๆที่ก็ไม่ได้รัก
เหมือนกับว่า เอาทำแต้มไว้อวดเพื่อนว่า
เธอๆ นี้นะฉันมีคนมาขอเป้นแฟนตั้ง10คนแนะ เฮ่อวุ่นวายม้วก...
และก็เอาไปอวดแฟนว่า ตะเองๆ มีคนมาจีบเค้าตั้ง 10 คนแนะ
อย่าง เช่นผู้หญิงชื่อสวย ไม่ได้รักนายหล่อทั้ง10เลย
แต่ยังพยายามแสดงให้สีสันในการพูดคุย/ท่าทาง ไปให้ความหวังเขา
คล้ายกับ มีแฟนอยู่แล้ว แต่ยังคุยกับชายอื่นแบบให้ความหวังเขาลมๆแล้งๆ
ทั้งที่ตนก็มีแฟนอยู่แล้ว ยังไม่เลิกเลย คืออารมณ์แบบว่าไม่อยากปล่อย อยากเลี้ยงไว้ทำแต้ม เอาหน้า ว่ามีคนมาจีบมาสนใจเราเยอะนะ ก็ไปคุยอวดเพื่อนหรืออวดแฟน
ถ้ายิ่งภูมิใจในการกระทำของตนแบบนี้ และเมื่อหวนนึกไปคิดเมื่อไร่กะภูมิใจอีก
ครบองค์เลย กรรมหนัก ชาติหน้าอาจไม่มีคู่ หรือจะทรมารใจในเรื่องรอ อะไรสักอย่างที่น่าทรามาณใจเหลือเกิน
เหมือนกับคนหล่อทั้ง10ที่เขาทรมารใจกับคุณ
ขึ้นชื่อว่าทำกรรมใดลงจะไม่ให้ผลเท่าเดิม แต่จะขยายผลมากกว่าเดิม
ถ้าทำกรรมดี วิบากก็จะขยายผลมากกว่าเดิม
ถ้าทำกรรมไม่ดี วิบากก็จะขยายผลมากกว่าเดิม
อย่างเช่นในชาตินี้ ฆ่าคนให้ถึงตาย(ด้วยเจตนา)
แต่ต่อไปในชาติข้างหน้า จะต้องตายโหง 500 ชาติ
หรืออย่างเช่น ฆ่าสุนัขให้ตาย(ด้วยเจตนา) จับถ่วงน้ำเป็นต้น
มีหญิงคนหนึ่งจะไปไหนมาไหนก็จะมีหมาตัวหนึ่ง วิ่งตามเลียขาเลียแข่งด้วยความรักเจ้านายหญิง
ต่อมาหญิงนั้น ได้ยินชาวบ้านนินทาเธอว่า "มีอะไรกับหมา(ร่วมเพศ) แน่ๆเลย
พอหญิงนั้นได้รู้อย่างนี้ จึงเอาเชือกผูกคอหมาตัวนั้นและผูกหมอ จับโยนถ่วงน้ำเลย หมาตัวนั้นก็ตาย
คือว่าหมาตัวนั้นในชาติก่อนเคยเป็นสามีผู้หญิงคนนั้น
ที่นี้หลายชาติต่อมา หญิงนั้่นเกิดมาก็ถูกเขาจับถ่วงน้ำตาย500ชาติ
จนหมดเศษกรรม
เห็นไหมว่าถ้าทำกรรมไม่ดี วิบากก็จะขยายผลมากกว่าเดิม
อันนี้ก็คือเรื่องจริงใน2500ปีที่แล้ว
และคนที่สงสัยว่าถ้าวิบากกรรมให้ผลจริง ทำไมมันไม่เห็นให้เลยวะเชื่อก็โง่แล้ว
คือวิบากคือผลของการกระทำ ด้วยกาย-วาจา-ใจ จะให้ผลภายใต้เงือนไข3ข้อ
1 ให้ผลทันทีเลยในชาตินี้ ยกตัวอย่าง คือจะชี้ไปแค่เรื่องหญิงสวยชายหล่อข้างบนๆ ชาตินี้คุณจะทุกข์ใจกับการรออะไรสักอย่าง
2 จะให้ผลในชาติหน้า
3 จะให้ผลในชาติถัดๆต่อจากชาติหน้าไป
#หลอกคนอื่น ก็จะมีผู้มาหลอกเรา
ดังนั้นจง หยุด
ไม่ต้องให้ความหวังนายหล่อทั้ง10คน ไม่ต้องเลี้ยงไข้ พูดตรงๆ อย่าพูดให้ความหวัง เขาจะได้ไปตามกรรมของเขา คู่เขาอยู่ไหนก็เรื่องของเขาแล้วแหละ แต่ที่แน่ๆ คือ คู่บารมีจะมาในตอนที่โสดต่างฝ่ายต่างโสด
วิบากของคนที่หลอกให้คนอื่นมารัก ให้ความหวังเขาทั้งๆที่ก็ไม่ได้รัก
เหมือนกับว่า เอาทำแต้มไว้อวดเพื่อนว่า
เธอๆ นี้นะฉันมีคนมาขอเป้นแฟนตั้ง10คนแนะ เฮ่อวุ่นวายม้วก...
และก็เอาไปอวดแฟนว่า ตะเองๆ มีคนมาจีบเค้าตั้ง 10 คนแนะ
อย่าง เช่นผู้หญิงชื่อสวย ไม่ได้รักนายหล่อทั้ง10เลย
แต่ยังพยายามแสดงให้สีสันในการพูดคุย/ท่าทาง ไปให้ความหวังเขา
คล้ายกับ มีแฟนอยู่แล้ว แต่ยังคุยกับชายอื่นแบบให้ความหวังเขาลมๆแล้งๆ
ทั้งที่ตนก็มีแฟนอยู่แล้ว ยังไม่เลิกเลย คืออารมณ์แบบว่าไม่อยากปล่อย อยากเลี้ยงไว้ทำแต้ม เอาหน้า ว่ามีคนมาจีบมาสนใจเราเยอะนะ ก็ไปคุยอวดเพื่อนหรืออวดแฟน
ถ้ายิ่งภูมิใจในการกระทำของตนแบบนี้ และเมื่อหวนนึกไปคิดเมื่อไร่กะภูมิใจอีก
ครบองค์เลย กรรมหนัก ชาติหน้าอาจไม่มีคู่ หรือจะทรมารใจในเรื่องรอ อะไรสักอย่างที่น่าทรามาณใจเหลือเกิน
เหมือนกับคนหล่อทั้ง10ที่เขาทรมารใจกับคุณ
ขึ้นชื่อว่าทำกรรมใดลงจะไม่ให้ผลเท่าเดิม แต่จะขยายผลมากกว่าเดิม
ถ้าทำกรรมดี วิบากก็จะขยายผลมากกว่าเดิม
ถ้าทำกรรมไม่ดี วิบากก็จะขยายผลมากกว่าเดิม
อย่างเช่นในชาตินี้ ฆ่าคนให้ถึงตาย(ด้วยเจตนา)
แต่ต่อไปในชาติข้างหน้า จะต้องตายโหง 500 ชาติ
หรืออย่างเช่น ฆ่าสุนัขให้ตาย(ด้วยเจตนา) จับถ่วงน้ำเป็นต้น
มีหญิงคนหนึ่งจะไปไหนมาไหนก็จะมีหมาตัวหนึ่ง วิ่งตามเลียขาเลียแข่งด้วยความรักเจ้านายหญิง
ต่อมาหญิงนั้น ได้ยินชาวบ้านนินทาเธอว่า "มีอะไรกับหมา(ร่วมเพศ) แน่ๆเลย
พอหญิงนั้นได้รู้อย่างนี้ จึงเอาเชือกผูกคอหมาตัวนั้นและผูกหมอ จับโยนถ่วงน้ำเลย หมาตัวนั้นก็ตาย
คือว่าหมาตัวนั้นในชาติก่อนเคยเป็นสามีผู้หญิงคนนั้น
ที่นี้หลายชาติต่อมา หญิงนั้่นเกิดมาก็ถูกเขาจับถ่วงน้ำตาย500ชาติ
จนหมดเศษกรรม
เห็นไหมว่าถ้าทำกรรมไม่ดี วิบากก็จะขยายผลมากกว่าเดิม
อันนี้ก็คือเรื่องจริงใน2500ปีที่แล้ว
และคนที่สงสัยว่าถ้าวิบากกรรมให้ผลจริง ทำไมมันไม่เห็นให้เลยวะเชื่อก็โง่แล้ว
คือวิบากคือผลของการกระทำ ด้วยกาย-วาจา-ใจ จะให้ผลภายใต้เงือนไข3ข้อ
1 ให้ผลทันทีเลยในชาตินี้ ยกตัวอย่าง คือจะชี้ไปแค่เรื่องหญิงสวยชายหล่อข้างบนๆ ชาตินี้คุณจะทุกข์ใจกับการรออะไรสักอย่าง
2 จะให้ผลในชาติหน้า
3 จะให้ผลในชาติถัดๆต่อจากชาติหน้าไป
#หลอกคนอื่น ก็จะมีผู้มาหลอกเรา
ดังนั้นจง หยุด
ไม่ต้องให้ความหวังนายหล่อทั้ง10คน ไม่ต้องเลี้ยงไข้ พูดตรงๆ อย่าพูดให้ความหวัง เขาจะได้ไปตามกรรมของเขา คู่เขาอยู่ไหนก็เรื่องของเขาแล้วแหละ แต่ที่แน่ๆ คือ คู่บารมีจะมาในตอนที่โสดต่างฝ่ายต่างโสด
การที่เอาเงินธนบัตรมีรูปในหลวงใส่ในกระเป๋ากางเกง
ไม่ดีเลย บาปจะกินหัวแล้วนั้น
cr หนังสือคำอริยะถึงในหลวง
ไม่ดีเลย บาปจะกินหัวแล้วนั้น
cr หนังสือคำอริยะถึงในหลวง
อัพเดตเมื่อ เม.ย. 26, 2016 12:30:28pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เห็นภาพทางใจ
เหมือนเห็นผีเดินตาม เห็นยักษ์ เห็นเทวดาลอยอยู่ตามอยู่ข้างบน
นักปฏิธรรมมักจะประสบกับเรื่องแบบนี้ (คิดไปเอง หรือเห็นจริง)
ถ้าผู้นั้นกำลังทางสมถะยังอ่อนอยู่ สิ่งที่เห็นทางใจนั้นอาจไม่จริง
แต่เป็นสิ่งที่สังขารปรุงแต่ง (คิดไปเอง )
เพราะเราคิดอะไรมักจะเห็นภาพสิ่งนั้นด้วย
เช่นคิดถึง เลข 1 ก็จะเห็นเป็นเลข 1
คิดถึงแม่ ก็จะเห็นเป็นหน้าแม่ เป็นต้น
แต่ถ้าผู้นั้นกำลังทางสมถะ อยู่ในขั้นแก้กล้าระดับหนึ่งและมีสติด้วย
เป็นไปได้ว่าเข้าเห็นจริงๆ
ยิ่งอุปทานสลายไปได้มากเท่าไร่ ยิ่งเห็นชัดมากขึ้นเท่านั้น
แต่ก็มีเหมือนกันที่คนสมาธิไม่มีแต่ก็เห็นผีได้
เพราะผีมีเจตนาจะทำกายตนเองให้หยาบจนตาเนื้อมนุษย์เห็นได้
#คนนี้ถ้าตายตอนนี้ จะไปเกิดที่ไหน
พระที่ท่านมีทิพย์จักขุ ท่านจะเห็นคนนั้นมีแสงสว่างสีขาวออกจากกายจำนวนมาก (อันนี้คือคนชอบทำบุญเป็นประจำ) เกิดในชั้นเทวดา
2.ส่วนคนที่ แสงสว่า่งน้อยไม่แผ่มาก ตายตอนนี้ จะเข้าท้องมนุษย์เกิดต่อ
3.ส่วนคนที่มีแสงสีเทาแผ่ออกมารอบกาย ศรีษะเดี๋ยวเปลี่ยนเป็นรูปสัตว์ เปลี่ยนเป็นรูปปีศาด เปลี่ยนเป็นศรีษะคน ก็จะรู้ได้คร่าวๆว่า จิตคนนี้ไม่สะอาด
ถ้าตายตอนนี้ ไม่แน่ไม่นอนนัก จะเกิดเป็นเปตรหรือเดรัจฉาน หรือไปตกนรก
คนในแบบที่.3 มีเยอะมาก ในอนาคตก็ยิ่งจะเป็นกันมาก
เพราะมันไม่สนใจเรื่องบาปบุญเรื่องศีลเรื่องภาวนาเลย
ถ้ามันไม่ปรับเปลี่ยนจิตใจให้ดี แก้ไขตนเองให้เสร็จก่อนที่จะตาย
คงได้ไปเกิดในภพที่เป็นทุกข์กว่าเดิมอีก
พวกไปตกนรก ทุกข์มากกว่าหาเงินไม่ได้เสียอีก
ทุกขืมากกว่าความจนอดๆอยากๆ
"ข้าพระเจ้า มีทรัพย์มีเงินทองหลายล้าน ฝากอยู่ในธนาคารบนโลกมนุษย์
ท่านนายนิรยะบาลไปเอาได้ตามต้องการของใจเลย
แต่ขอให้ปล่อยข้าพระเจ้าไปเถิด
ไม่ เราปล่อยเจ้าไม่ได้ดอก ท่านยมไม่ได้สัง
กูไม่น่าทำบาปเพราะเงินเหล่านั้นเลย กูไม่น่าไปโกงเขาเลย
เขียน เรื่อง แย่งแฟนคนอื่นด้วย
เหมือนเห็นผีเดินตาม เห็นยักษ์ เห็นเทวดาลอยอยู่ตามอยู่ข้างบน
นักปฏิธรรมมักจะประสบกับเรื่องแบบนี้ (คิดไปเอง หรือเห็นจริง)
ถ้าผู้นั้นกำลังทางสมถะยังอ่อนอยู่ สิ่งที่เห็นทางใจนั้นอาจไม่จริง
แต่เป็นสิ่งที่สังขารปรุงแต่ง (คิดไปเอง )
เพราะเราคิดอะไรมักจะเห็นภาพสิ่งนั้นด้วย
เช่นคิดถึง เลข 1 ก็จะเห็นเป็นเลข 1
คิดถึงแม่ ก็จะเห็นเป็นหน้าแม่ เป็นต้น
แต่ถ้าผู้นั้นกำลังทางสมถะ อยู่ในขั้นแก้กล้าระดับหนึ่งและมีสติด้วย
เป็นไปได้ว่าเข้าเห็นจริงๆ
ยิ่งอุปทานสลายไปได้มากเท่าไร่ ยิ่งเห็นชัดมากขึ้นเท่านั้น
แต่ก็มีเหมือนกันที่คนสมาธิไม่มีแต่ก็เห็นผีได้
เพราะผีมีเจตนาจะทำกายตนเองให้หยาบจนตาเนื้อมนุษย์เห็นได้
#คนนี้ถ้าตายตอนนี้ จะไปเกิดที่ไหน
พระที่ท่านมีทิพย์จักขุ ท่านจะเห็นคนนั้นมีแสงสว่างสีขาวออกจากกายจำนวนมาก (อันนี้คือคนชอบทำบุญเป็นประจำ) เกิดในชั้นเทวดา
2.ส่วนคนที่ แสงสว่า่งน้อยไม่แผ่มาก ตายตอนนี้ จะเข้าท้องมนุษย์เกิดต่อ
3.ส่วนคนที่มีแสงสีเทาแผ่ออกมารอบกาย ศรีษะเดี๋ยวเปลี่ยนเป็นรูปสัตว์ เปลี่ยนเป็นรูปปีศาด เปลี่ยนเป็นศรีษะคน ก็จะรู้ได้คร่าวๆว่า จิตคนนี้ไม่สะอาด
ถ้าตายตอนนี้ ไม่แน่ไม่นอนนัก จะเกิดเป็นเปตรหรือเดรัจฉาน หรือไปตกนรก
คนในแบบที่.3 มีเยอะมาก ในอนาคตก็ยิ่งจะเป็นกันมาก
เพราะมันไม่สนใจเรื่องบาปบุญเรื่องศีลเรื่องภาวนาเลย
ถ้ามันไม่ปรับเปลี่ยนจิตใจให้ดี แก้ไขตนเองให้เสร็จก่อนที่จะตาย
คงได้ไปเกิดในภพที่เป็นทุกข์กว่าเดิมอีก
พวกไปตกนรก ทุกข์มากกว่าหาเงินไม่ได้เสียอีก
ทุกขืมากกว่าความจนอดๆอยากๆ
"ข้าพระเจ้า มีทรัพย์มีเงินทองหลายล้าน ฝากอยู่ในธนาคารบนโลกมนุษย์
ท่านนายนิรยะบาลไปเอาได้ตามต้องการของใจเลย
แต่ขอให้ปล่อยข้าพระเจ้าไปเถิด
ไม่ เราปล่อยเจ้าไม่ได้ดอก ท่านยมไม่ได้สัง
กูไม่น่าทำบาปเพราะเงินเหล่านั้นเลย กูไม่น่าไปโกงเขาเลย
เขียน เรื่อง แย่งแฟนคนอื่นด้วย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้ามีมือที่เป็นระบบ android ถ้าอยากใช้มือถือให้เต็มความสามารของมัน หรือต้องการให้แบตเตอรรี่อยู่ได้นานกวาเดิม
1.ควร Root เครื่อง
เพราะถ้า root เครื่องแล้ว เราจะสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง
2.ลบแอพที่มันไม่จำเป็น ที่ติดมากับเครื่อง( จะอยู่ในรอม Rom )
3.ปิด เซอรวิสแอพที่ไม่ได้ใช้ (ก็คือแอพที่เรายังไม่อยากถอนการติดตั้ง) แต่เราบังคับมันให้หยุด
4.ล้างไฟล์ขยะพวกไฟล์Tempออก
เมื่อทำครบทั้ง 4 ข้อแล้ว
ผลที่ออกมาก็คือเรื่องจะเร็วกว่าเดิม เครื่องจะไม่ร้อนเร็วเหมือนแต่ก่อน
เพราะแรมจะไม่ถูกดึงมาใช้เยอะนั้นเอง
#อันนี้ก็คือสำหรับ Android
รุ่น samsung galaxy cooper เราเคย โมดิฟายรอม แบบประหยัดแบต ,แบบเครื่องเร็ว, แบบเครื่องสวย แบบตามใจชอบ
(ในสมัยตอนเป็นโยม)
ส่วนสำหรับ windows (ไม่เปลี่ยนแรมนะ)
ถ้าต้องการให้เครื่องเร็ว แบตอยู่ได้นานกว่าเดิม
1. ลงโปรแกรมให้น้อย
.2 ปิด เซอรวิส โปรแกรมที่ไม่จำเป็นออก
3. ใช้ธีม เก่าๆ สีม่วง ขอเรียก ธีมเครื่องเร็วประหยัดแบตแล้วกัน
4. ล้างไฟล์ขยะtemp
5. โมไฟล์ windows ที่เป็นไฟล์ .iso ใหม่
คือตัดฟังชั่นหรือโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้ออก เมื่อตัดออกแล้วเวลาลงwindows ไฟล์โปีแกรมทีเราไม่ได้ใช้ มันก็จะไม่มี เมื่อมันไม่มี เซอวิสจะมีมาแต่ที่ไหน
เราเคย โมดิฟายwindows ใหม่
ทำอยู่ 4 วัน
(ในสมัยตอนเป็นโยม)
ความรู้เกี่ยวกับเรื่อง ระบบ android ระบบ windows สลับซับซ้อนมาก
เราหมกอยู่แต่กับ ทดลองระบบandroid ทดลอง ระบบwindows อยู่ 4 ปี
ทดลองเขียนเว็บ ทดลองตัดต่อวิดีโอ เสียง ทดลองเขียนโค้ด คำสั่ง Dos ให้มันทำงานตามที่เราต้องการ ที่ตั้งคำสั่งไว้
จนได้บวช บวชแล้ว มีผู้มาเปิดตาให้รู้ว่า อะไรเป็นประโยชน์ อะไรไม่เป็นประโยชน์ในชีวิต อะไรควรรีบทำให้ได้ในชีวิตก่อนที่กายนี้มันจะตาย
แม้เราจะเอาความรู้เรื่องมือถือ เรื่องคอม ไปสานต่อ ทำเป็นอาชีพได้
แต่ไม่คุ้มเลยที่จะเสียเวลาไปกับสิ่งเหล่านั้น
ควรเอาเวลามาหัดเจริญวิปัสนาให้เป็น
แม้จะเรียนเก่ง เรียนไม่เก่ง เงินเดือนสูง เงินเดือนต่ำ มีอำนาจ ไม่มีอำนาจ
มีแฟน ไม่มีแฟน โสดไม่โสด เป็นตุ๊ดแต๋ว กระเทย เป็นชาย เป็นหญิง
ควรเจริญวิปัสนาให้เป็นโดยเร็วด่วน
1.ควร Root เครื่อง
เพราะถ้า root เครื่องแล้ว เราจะสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง
2.ลบแอพที่มันไม่จำเป็น ที่ติดมากับเครื่อง( จะอยู่ในรอม Rom )
3.ปิด เซอรวิสแอพที่ไม่ได้ใช้ (ก็คือแอพที่เรายังไม่อยากถอนการติดตั้ง) แต่เราบังคับมันให้หยุด
4.ล้างไฟล์ขยะพวกไฟล์Tempออก
เมื่อทำครบทั้ง 4 ข้อแล้ว
ผลที่ออกมาก็คือเรื่องจะเร็วกว่าเดิม เครื่องจะไม่ร้อนเร็วเหมือนแต่ก่อน
เพราะแรมจะไม่ถูกดึงมาใช้เยอะนั้นเอง
#อันนี้ก็คือสำหรับ Android
รุ่น samsung galaxy cooper เราเคย โมดิฟายรอม แบบประหยัดแบต ,แบบเครื่องเร็ว, แบบเครื่องสวย แบบตามใจชอบ
(ในสมัยตอนเป็นโยม)
ส่วนสำหรับ windows (ไม่เปลี่ยนแรมนะ)
ถ้าต้องการให้เครื่องเร็ว แบตอยู่ได้นานกว่าเดิม
1. ลงโปรแกรมให้น้อย
.2 ปิด เซอรวิส โปรแกรมที่ไม่จำเป็นออก
3. ใช้ธีม เก่าๆ สีม่วง ขอเรียก ธีมเครื่องเร็วประหยัดแบตแล้วกัน
4. ล้างไฟล์ขยะtemp
5. โมไฟล์ windows ที่เป็นไฟล์ .iso ใหม่
คือตัดฟังชั่นหรือโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้ออก เมื่อตัดออกแล้วเวลาลงwindows ไฟล์โปีแกรมทีเราไม่ได้ใช้ มันก็จะไม่มี เมื่อมันไม่มี เซอวิสจะมีมาแต่ที่ไหน
เราเคย โมดิฟายwindows ใหม่
ทำอยู่ 4 วัน
(ในสมัยตอนเป็นโยม)
ความรู้เกี่ยวกับเรื่อง ระบบ android ระบบ windows สลับซับซ้อนมาก
เราหมกอยู่แต่กับ ทดลองระบบandroid ทดลอง ระบบwindows อยู่ 4 ปี
ทดลองเขียนเว็บ ทดลองตัดต่อวิดีโอ เสียง ทดลองเขียนโค้ด คำสั่ง Dos ให้มันทำงานตามที่เราต้องการ ที่ตั้งคำสั่งไว้
จนได้บวช บวชแล้ว มีผู้มาเปิดตาให้รู้ว่า อะไรเป็นประโยชน์ อะไรไม่เป็นประโยชน์ในชีวิต อะไรควรรีบทำให้ได้ในชีวิตก่อนที่กายนี้มันจะตาย
แม้เราจะเอาความรู้เรื่องมือถือ เรื่องคอม ไปสานต่อ ทำเป็นอาชีพได้
แต่ไม่คุ้มเลยที่จะเสียเวลาไปกับสิ่งเหล่านั้น
ควรเอาเวลามาหัดเจริญวิปัสนาให้เป็น
แม้จะเรียนเก่ง เรียนไม่เก่ง เงินเดือนสูง เงินเดือนต่ำ มีอำนาจ ไม่มีอำนาจ
มีแฟน ไม่มีแฟน โสดไม่โสด เป็นตุ๊ดแต๋ว กระเทย เป็นชาย เป็นหญิง
ควรเจริญวิปัสนาให้เป็นโดยเร็วด่วน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผู้ใดชอบเดินทางเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ เสี่ยงโดนยิ่งโดนฆ่า
ให้สวด คาถานี้
ตั้งนะโม 3 จบ
ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสอน พระอริยะสงฆ์ (หลวงปู่ มั่นก็ได้)
แล้วว่า
นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา
ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นนี้ จนถึงดวงอาทิตย์ตก
ขอให้ข้าพระเจ้าแคล้วคลาดปลอยภัย
และเมื่อดวงอาทิตย์ตกแล้ว
ตั้งนะโม 3 จบ
ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสอน พระอริยะสงฆ์ (หลวงพ่อคูณก็ได้)
แล้วว่า
นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา
ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ตก มืดแล้วนี้ จนกว่าจะถึงตอนที่ดวงอาทิตย์ขึ้น
ขอให้ข้าพระเจ้าแคล้วคลาดปลอยภัย
#เรามักจะเขียนให้พวกขับรถตู้ แล้วเอาไว้หน้ารถ
พวกนี้เขาทำอาชีพสุจริต
ให้สวด คาถานี้
ตั้งนะโม 3 จบ
ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสอน พระอริยะสงฆ์ (หลวงปู่ มั่นก็ได้)
แล้วว่า
นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา
ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นนี้ จนถึงดวงอาทิตย์ตก
ขอให้ข้าพระเจ้าแคล้วคลาดปลอยภัย
และเมื่อดวงอาทิตย์ตกแล้ว
ตั้งนะโม 3 จบ
ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสอน พระอริยะสงฆ์ (หลวงพ่อคูณก็ได้)
แล้วว่า
นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา
ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ตก มืดแล้วนี้ จนกว่าจะถึงตอนที่ดวงอาทิตย์ขึ้น
ขอให้ข้าพระเจ้าแคล้วคลาดปลอยภัย
#เรามักจะเขียนให้พวกขับรถตู้ แล้วเอาไว้หน้ารถ
พวกนี้เขาทำอาชีพสุจริต
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เขียนบนไทม์ไลน์ของ พระอาจารย์ สมาน
อาจายร์ สมาน แมนบ่อครับนี่
สวัสดีครับ
สวัสดีครับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผู้ที่บารมีถึงขั้นปรมัตแล้ว
ทาน ก็เอา
ศีล ก็เอา
ภาวนา ก็เอา
ทาน"เอาในที่นี้หมายถึง เอาออก สละ ยินดีในการให้ ความรู้สึกเหมือนกับ ยกของหนักๆอยู่ แล้วต้องการคนที่จะมารับเอาของไป เมื่อมารับเอาไปแล้วก็สบายใจ
ศีล"เอาในที่นี้หมายถึง พยามยามไม่คิดแม้แต่จะละเมิดศีล คือพยามยามให้จิตมีศีลเป็นนิตย์ จิตไม่อยากเอาบาปแล้ว
ภาวนา"เอาในที่นี้หมายถึง จะอยู่ในท่าเดิน ท่ายืน ท่านั่ง ท่านอน มันจะภานาอยู่ภายในใจ ไม่อยากส่งออกไปข้างนอก เพราะยิ่งเห็นเกิดดับ มันยิ่งเบิกบานใจ ตื่น พูดหยาบๆก็คือ ใครจะยังไง ช่างเขาละ อารมณ์หมายในรูป อารมณ์หมายในสัญญา ว่าเป็นเขา ว่าเป็นเรา จิตมันไม่อยากยึดถือ เพราะมันเห็นอารมณ์หมายนั้นดับ
และการที่จะตั้งจิตน้อมจิตไปคิดร้าย พยาบาทเบียดเบียนผู้อื่นสัตว์อื่นนี้ไม่มี
เพราะจะขัดกับ สัมมาสังกับปะ ทันที กลายเป็นมิจฉามรรค
มรรคทุกข้อที่ตามมาก็จะเป็นมิจฉามรรค
ทาน ก็เอา
ศีล ก็เอา
ภาวนา ก็เอา
ทาน"เอาในที่นี้หมายถึง เอาออก สละ ยินดีในการให้ ความรู้สึกเหมือนกับ ยกของหนักๆอยู่ แล้วต้องการคนที่จะมารับเอาของไป เมื่อมารับเอาไปแล้วก็สบายใจ
ศีล"เอาในที่นี้หมายถึง พยามยามไม่คิดแม้แต่จะละเมิดศีล คือพยามยามให้จิตมีศีลเป็นนิตย์ จิตไม่อยากเอาบาปแล้ว
ภาวนา"เอาในที่นี้หมายถึง จะอยู่ในท่าเดิน ท่ายืน ท่านั่ง ท่านอน มันจะภานาอยู่ภายในใจ ไม่อยากส่งออกไปข้างนอก เพราะยิ่งเห็นเกิดดับ มันยิ่งเบิกบานใจ ตื่น พูดหยาบๆก็คือ ใครจะยังไง ช่างเขาละ อารมณ์หมายในรูป อารมณ์หมายในสัญญา ว่าเป็นเขา ว่าเป็นเรา จิตมันไม่อยากยึดถือ เพราะมันเห็นอารมณ์หมายนั้นดับ
และการที่จะตั้งจิตน้อมจิตไปคิดร้าย พยาบาทเบียดเบียนผู้อื่นสัตว์อื่นนี้ไม่มี
เพราะจะขัดกับ สัมมาสังกับปะ ทันที กลายเป็นมิจฉามรรค
มรรคทุกข้อที่ตามมาก็จะเป็นมิจฉามรรค
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มีพระรูปหนึ่ง เข้าใจว่าตนหมดบุญบวชแล้ว
ก็กระสันอยากสึก เวียนไปหีนะเพศ (หีนะ,หีโน แปลว่า ต่ำทราม เป็นของชาวบ้าน)
โดยอ้างว่าหมดบุญบวช แล้วขอสึกไป
ข้าพระเจ้า ได้ฟังแล้วก็พิจารณาดู "ถ้าหมดบุญบวชจริง ต้องมีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งที่รุนแรงมาก ถึงกับต้องเคลื่อนจากพรมจรร อย่างเช่น ไปบิณฑบาติรถมาจากไหนไม่รู้ ชนเอามรณะภาพกับที่เลย หรือเหมือนข่าวในเว็บ พระ3รูปนั่งรถเดินทางจะไปเจริญพระพุทธมนต์ ขณะที่ไปยังไม่ถึง ก็เกิดอุบัติเหตุกับรถสิบล้อ มรณะภาพกับที่
หรือว่ากวาดใบไม้อยู่ใต้ต้นไม้ แล้วกิ้งไม้ใหญ่หักลงมาเองทับคอหักมรณะกับที่
หรือ กามเพศขึ้น เห็นลิงตัวเมีย ห้ามใจไม่ไหว ก็เสพเมถุนธรรมกับลิง(ร่วมเพศกับลิง)
และใน ปาราชิก 4 ข้อ โดยเจตนา
ปาราชิก 4 ข้อก็คือ
1 เสพเมถุนธรรม
2 โขมยของมีราคาบาทหนึ่งขึ้นไป
3 ฆ่ามนุษย์ให้ตาย
4 กล่าวอวดอุตตริมนุษย์ธรรมที่ไม่มีในตน ธรรมที่เหนือวิสัยมนุษย์สามัญ เข่นข้าพระเจ้าสมารถเห็นเทวดาได้ ข้าพระเจ้าเหาะได้ ข้าพระเจ้าดำดินได้ ข้าพระเจ้าบรรลุอรหันต์ ยกเว้นคิดว่าตนเป็นอย่างนั้นจริงๆ
โดยรวมแล้ว การสึกของเขาไม่ใช่เพราะหมดบุญ แต่เพราะเขาทำกรรมใหม่ที่รุนแรงมากเหลือเกิน คือการตัดสินใจสึกของเขานี่เองคือกรรมใหม่
ก็กระสันอยากสึก เวียนไปหีนะเพศ (หีนะ,หีโน แปลว่า ต่ำทราม เป็นของชาวบ้าน)
โดยอ้างว่าหมดบุญบวช แล้วขอสึกไป
ข้าพระเจ้า ได้ฟังแล้วก็พิจารณาดู "ถ้าหมดบุญบวชจริง ต้องมีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งที่รุนแรงมาก ถึงกับต้องเคลื่อนจากพรมจรร อย่างเช่น ไปบิณฑบาติรถมาจากไหนไม่รู้ ชนเอามรณะภาพกับที่เลย หรือเหมือนข่าวในเว็บ พระ3รูปนั่งรถเดินทางจะไปเจริญพระพุทธมนต์ ขณะที่ไปยังไม่ถึง ก็เกิดอุบัติเหตุกับรถสิบล้อ มรณะภาพกับที่
หรือว่ากวาดใบไม้อยู่ใต้ต้นไม้ แล้วกิ้งไม้ใหญ่หักลงมาเองทับคอหักมรณะกับที่
หรือ กามเพศขึ้น เห็นลิงตัวเมีย ห้ามใจไม่ไหว ก็เสพเมถุนธรรมกับลิง(ร่วมเพศกับลิง)
และใน ปาราชิก 4 ข้อ โดยเจตนา
ปาราชิก 4 ข้อก็คือ
1 เสพเมถุนธรรม
2 โขมยของมีราคาบาทหนึ่งขึ้นไป
3 ฆ่ามนุษย์ให้ตาย
4 กล่าวอวดอุตตริมนุษย์ธรรมที่ไม่มีในตน ธรรมที่เหนือวิสัยมนุษย์สามัญ เข่นข้าพระเจ้าสมารถเห็นเทวดาได้ ข้าพระเจ้าเหาะได้ ข้าพระเจ้าดำดินได้ ข้าพระเจ้าบรรลุอรหันต์ ยกเว้นคิดว่าตนเป็นอย่างนั้นจริงๆ
โดยรวมแล้ว การสึกของเขาไม่ใช่เพราะหมดบุญ แต่เพราะเขาทำกรรมใหม่ที่รุนแรงมากเหลือเกิน คือการตัดสินใจสึกของเขานี่เองคือกรรมใหม่
เสียง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
หรืออีกนัยยะหนึ่ง
เสียงเกิด(ชาติ) ชรา ดับ(มรณะ)
เสียงทุกอย่างไม่เที่ยงหรอก ทั้งสรรเสิญ ทั้งนินทา ทั้งคำด่า ทั้งคำชม
#ถ้ายึดมั่นถือมั่น มันกะเป็นทุกข์แหล๋ว ทุกข์ฟรีๆ เล่นซือๆ 😭😭😭 T_T
หรืออีกนัยยะหนึ่ง
เสียงเกิด(ชาติ) ชรา ดับ(มรณะ)
เสียงทุกอย่างไม่เที่ยงหรอก ทั้งสรรเสิญ ทั้งนินทา ทั้งคำด่า ทั้งคำชม
#ถ้ายึดมั่นถือมั่น มันกะเป็นทุกข์แหล๋ว ทุกข์ฟรีๆ เล่นซือๆ 😭😭😭 T_T
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เขียนบนไทม์ไลน์ของ Chonlachai Duangkaeo
มื้อใด๋สิกลับมาบ้านนอ มีแนวสิเอาให้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แต่ละชาติๆ พวกเราจะเปลี่ยนหน้าตาไปเรื่อยๆจะไม่เหมือนเดิมสักชาติเลย
ที่คิดว่าหน้าตาที่เห็นจากการส่องกระจกนี้หรือถ่ายรูปนี้ เป็นหน้าจริงนั่นเข้าใจผิดแล้ว
แม้แต่รูปร่างกายแต่ละชาติก็ไม่เหมือนกันสักชาติเลย
แล้วจะมาถือว่า เป็นตัวเรา ของเราได้อย่างไร
อัตภาพกายนี้ ก็ไม่ใช่เรา และ ไม่ใช่ของเรา มาตั้งแต่แรกแล้ว
เนื่องจากว่าการเกิดขึ้นของกายมนุษย์ครั้งแรกมีสาเหตุมาจาก อสุจิเข้าไปอยู่ในไข่ และมีวิญญาณมาปฏิสนธิ
ขอใช้คำว่า เข้าไปสิงอยู่ในอสุจิและไข่แล้วกันเพื่อให้เข้าใจง่ายเห็นภาพง่าย
แล้วมีวิบากและอาหารล่อเลี้ยงในครรณ์ของผู้เป็นแม่ก่อน เมื่อวิบากและอาหารล่อเลี้ยงพอสมควรแล้ว ก็พร้อมที่จะออกมาให้โลกภายนอกได้แลมองเห็นด้วยตา
เมื่อโตขึ้นเพราะกินอาหาร ไอ้ DNA มันก็เนรมิตให้ตาสีฟ้าบ้าง ในจำพวกฝรั่งนะ
ให้เส้นผมเส้นเล็ก ให้จมูกโด่ง ดั่งแหมบ
ให้เส้นผมเส้นแข็ง ให้ตาเล็ก ตาตีบ ตาโต ตาใหญ่
ให้ผิวดำ ให้ผิวขาว ให้ขาใหญ่ แขนใหญ่ อวัยเพศใหญ่ อวัยวะเพศเล็ก ศรีษะใหญ่
ศรีษะเล็ก เล็บทรงกาบหอย เล็บทรงแบน นิ้วสั้น นิ้วยาว ปากกว้าง ปากไม่กว้าง
แขนสั้น แขนยาว สูง ต่ำ รวมความย่นย่อแล้ว ก็คือกายทุกส่วนนั้นเองล้วนตกอยู่ภายใต้ DNA หรือสารพันธุ์กรรม ให้ผล ที่จะให้เป็นนั้นเป็นนี่ แม้แต่เป็นมะเร็ง เป็นโรค
ส่วนสิ่งที่บันดาลให้ DNA ทำนู่นทำนี่ เกี่ยวกับร่างกายทั้งส่วนเลย เรียกว่า วิบาก(ผลของกรรม)
ชาตินี้เป็นหน้าแบบมนุษย์ สวยฟรุงฟริ่งเลย นี่ก็เพราะ DNA หรือเจ้าสารพันธุ์กรรมตกแต่งหน้าเป็นแบบนั้น
ส่วนสิ่งที่สั่งให้ DNA ทำงานแบบนั้นตกแต่งแบบนั้น ก็คือธรรมชาติที่ลึกลับมาก เรียกว่าวิบากกรรมดีนั้นเอง
วิบากกรรม ก็จะแบ่งเป็น 3 พวก
พวกที่ 1 วิบากกรรมไม่ดี เกิดจากทำกรรมดำไม่ดี
พวกที่ 2 วิบากกรรมดี เกิดจากทำกรรมขาวดี
พวกที่ 3 วิบากกรรมไม่ดำไม่ขาว เกิดจากทำกรรมไม่ดำไม่ขาว
ถ้าเราอยากสวย
สิ่งที่ลึกลับชาติหน้าเป็นหน้าแบบสัตว์เดรัจฉาน หน้าหมา หน้าแมวไปอย่างนี้แหละ เฉพาะผู้ที่หลงโลกจนลืมใส่ใจเรื่องบุญกุศล ดังนั้นนั้นควรทำบ่อยๆ
บุญนั้นมีอยู่ 3 ขั้น ทาน ศีล ภาวนา
ทาน ไม่ต้องทานมากก็ได้ แต่ทำบ่อยๆ
ศีล รักษาข้อเดียวก็เป็นกุศล แต่ถ้ารักษาได้มากข้อยิ่งเป็นกุศล ควรรักษาให้ครบ หลวงพ่อปราโมทย์บอกว่า อย่างน้อย 15 นาที แล้วเจริญสติภาวนา
ภาวนา ก็คือการเจริญสติ
ชาตินี้สวย ชาติหน้าไม่สวย เพราะชอบโกธรคน โกธรหมา โกธรแล้วรักษาความโกธรไว้ ไม่ยอมปล่อย
ชาตินี้สวย ชาติหน้าก็สวยต่อ เพราะไม่ชอบโกธรใคร แม้โกธรแล้วก็ปล่อยให้มันหายไป ไม่ยึดไว้นั้นเอง และเป็นผู้ให้ ข้าว น้ำ
ชาตินี้หล่อ ชาติหน้าไม่หล่อ
ชาตินี้หล่อ ชาติหน้าก็หล่ออีก
ชาตินี้เสียงแหบ ชาติหน้าก็เสียงแหบอีก เพราะชอบด่าคน ชอบพูดเสียดแทง ชอบพูดคำหยาบคาย ,พูดไม่เพราะ,
ชาตินี้เสียงแหบ ชาติหน้าแสียงไม่แหบ เพราะไม่ชอบด่าคน ไม่ชอบพูดเสียดแทง ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ
ชาตินี้
ชาตินี้ไม่สวย แต่ฝึกให้จิตใจไม่โกธร
เข้ามาสิงกายจนเข้าใจผิดว่า กายกับตนเป็นอันเดียวกัน
ที่คิดว่าหน้าตาที่เห็นจากการส่องกระจกนี้หรือถ่ายรูปนี้ เป็นหน้าจริงนั่นเข้าใจผิดแล้ว
แม้แต่รูปร่างกายแต่ละชาติก็ไม่เหมือนกันสักชาติเลย
แล้วจะมาถือว่า เป็นตัวเรา ของเราได้อย่างไร
อัตภาพกายนี้ ก็ไม่ใช่เรา และ ไม่ใช่ของเรา มาตั้งแต่แรกแล้ว
เนื่องจากว่าการเกิดขึ้นของกายมนุษย์ครั้งแรกมีสาเหตุมาจาก อสุจิเข้าไปอยู่ในไข่ และมีวิญญาณมาปฏิสนธิ
ขอใช้คำว่า เข้าไปสิงอยู่ในอสุจิและไข่แล้วกันเพื่อให้เข้าใจง่ายเห็นภาพง่าย
แล้วมีวิบากและอาหารล่อเลี้ยงในครรณ์ของผู้เป็นแม่ก่อน เมื่อวิบากและอาหารล่อเลี้ยงพอสมควรแล้ว ก็พร้อมที่จะออกมาให้โลกภายนอกได้แลมองเห็นด้วยตา
เมื่อโตขึ้นเพราะกินอาหาร ไอ้ DNA มันก็เนรมิตให้ตาสีฟ้าบ้าง ในจำพวกฝรั่งนะ
ให้เส้นผมเส้นเล็ก ให้จมูกโด่ง ดั่งแหมบ
ให้เส้นผมเส้นแข็ง ให้ตาเล็ก ตาตีบ ตาโต ตาใหญ่
ให้ผิวดำ ให้ผิวขาว ให้ขาใหญ่ แขนใหญ่ อวัยเพศใหญ่ อวัยวะเพศเล็ก ศรีษะใหญ่
ศรีษะเล็ก เล็บทรงกาบหอย เล็บทรงแบน นิ้วสั้น นิ้วยาว ปากกว้าง ปากไม่กว้าง
แขนสั้น แขนยาว สูง ต่ำ รวมความย่นย่อแล้ว ก็คือกายทุกส่วนนั้นเองล้วนตกอยู่ภายใต้ DNA หรือสารพันธุ์กรรม ให้ผล ที่จะให้เป็นนั้นเป็นนี่ แม้แต่เป็นมะเร็ง เป็นโรค
ส่วนสิ่งที่บันดาลให้ DNA ทำนู่นทำนี่ เกี่ยวกับร่างกายทั้งส่วนเลย เรียกว่า วิบาก(ผลของกรรม)
ชาตินี้เป็นหน้าแบบมนุษย์ สวยฟรุงฟริ่งเลย นี่ก็เพราะ DNA หรือเจ้าสารพันธุ์กรรมตกแต่งหน้าเป็นแบบนั้น
ส่วนสิ่งที่สั่งให้ DNA ทำงานแบบนั้นตกแต่งแบบนั้น ก็คือธรรมชาติที่ลึกลับมาก เรียกว่าวิบากกรรมดีนั้นเอง
วิบากกรรม ก็จะแบ่งเป็น 3 พวก
พวกที่ 1 วิบากกรรมไม่ดี เกิดจากทำกรรมดำไม่ดี
พวกที่ 2 วิบากกรรมดี เกิดจากทำกรรมขาวดี
พวกที่ 3 วิบากกรรมไม่ดำไม่ขาว เกิดจากทำกรรมไม่ดำไม่ขาว
ถ้าเราอยากสวย
สิ่งที่ลึกลับชาติหน้าเป็นหน้าแบบสัตว์เดรัจฉาน หน้าหมา หน้าแมวไปอย่างนี้แหละ เฉพาะผู้ที่หลงโลกจนลืมใส่ใจเรื่องบุญกุศล ดังนั้นนั้นควรทำบ่อยๆ
บุญนั้นมีอยู่ 3 ขั้น ทาน ศีล ภาวนา
ทาน ไม่ต้องทานมากก็ได้ แต่ทำบ่อยๆ
ศีล รักษาข้อเดียวก็เป็นกุศล แต่ถ้ารักษาได้มากข้อยิ่งเป็นกุศล ควรรักษาให้ครบ หลวงพ่อปราโมทย์บอกว่า อย่างน้อย 15 นาที แล้วเจริญสติภาวนา
ภาวนา ก็คือการเจริญสติ
ชาตินี้สวย ชาติหน้าไม่สวย เพราะชอบโกธรคน โกธรหมา โกธรแล้วรักษาความโกธรไว้ ไม่ยอมปล่อย
ชาตินี้สวย ชาติหน้าก็สวยต่อ เพราะไม่ชอบโกธรใคร แม้โกธรแล้วก็ปล่อยให้มันหายไป ไม่ยึดไว้นั้นเอง และเป็นผู้ให้ ข้าว น้ำ
ชาตินี้หล่อ ชาติหน้าไม่หล่อ
ชาตินี้หล่อ ชาติหน้าก็หล่ออีก
ชาตินี้เสียงแหบ ชาติหน้าก็เสียงแหบอีก เพราะชอบด่าคน ชอบพูดเสียดแทง ชอบพูดคำหยาบคาย ,พูดไม่เพราะ,
ชาตินี้เสียงแหบ ชาติหน้าแสียงไม่แหบ เพราะไม่ชอบด่าคน ไม่ชอบพูดเสียดแทง ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ
ชาตินี้
ชาตินี้ไม่สวย แต่ฝึกให้จิตใจไม่โกธร
เข้ามาสิงกายจนเข้าใจผิดว่า กายกับตนเป็นอันเดียวกัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แต่ละชาติๆ พวกเราจะเปลี่ยนหน้าตาไปเรื่อยๆจะไม่เหมือนเดิมสักชาติเลย
ที่คิดว่าหน้าตาที่เห็นจากการส่องกระจกนี้หรือถ่ายรูปนี้ เป็นหน้าจริงนั่นเข้าใจผิดแล้ว
แม้แต่รูปร่างกายแต่ละชาติก็ไม่เหมือนกันสักชาติเลย
แล้วจะมาถือว่า เป็นตัวเรา ของเราได้อย่างไร
อัตภาพกายนี้ ก็ไม่ใช่เรา และ ไม่ใช่ของเรา มาตั้งแต่แรกแล้ว
เนื่องจากว่าการเกิดขึ้นของกายมนุษย์ครั้งแรกมีสาเหตุมาจาก อสุจิเข้าไปอยู่ในไข่ และมีวิญญาณมาปฏิสนธิ
ขอใช้คำว่า เข้าไปสิงอยู่ในอสุจิและไข่แล้วกันเพื่อให้เข้าใจง่ายเห็นภาพง่าย
แล้วมีวิบากและอาหารล่อเลี้ยงในครรณ์ของผู้เป็นแม่ก่อน เมื่อวิบากและอาหารล่อเลี้ยงพอสมควรแล้ว ก็พร้อมที่จะออกมาให้โลกภายนอกได้แลมองเห็นด้วยตา
เมื่อโตขึ้นเจริญขึ้นเพราะกินอาหาร ก็จะมีไอ้ DNA มันก็เนรมิตออกมาเป็นต่างๆนาๆ ให้ตาสีฟ้าบ้าง ตาสีเทาบ้าง ตาสีขาวบ้าง
ให้เส้นผมเส้นเล็ก ให้จมูกโด่ง ดั่งแหมบ
ให้เส้นผมเส้นแข็ง ให้ตาเล็ก ตาตีบ ตาโต ตาใหญ่
ให้ผิวดำ ให้ผิวขาว ให้ขาใหญ่ แขนใหญ่ อวัยเพศใหญ่ อวัยวะเพศเล็ก ศรีษะใหญ่
ศรีษะเล็ก เล็บทรงกาบหอย เล็บทรงแบน นิ้วสั้น นิ้วยาว ปากกว้าง ปากไม่กว้าง
แขนสั้น แขนยาว สูง ต่ำ รวมความย่นย่อแล้ว ก็คือกายทุกส่วนตกอยู่ภายใต้ DNAหรือสารพันธุ์กรรม ให้ผล
ที่จะให้เป็นลักษณะแบบนู้นแบบนั้น แม้แต่เป็นมะเร็ง
ก็เพราะสารพันธุ์กรรม
ส่วนสิ่งที่บันดาลให้ DNA ทำนู่นทำนี่ เกี่ยวกับร่างกายทั้งส่วนเลย เรียกว่า วิบาก(ผลของกรรม)
ชาตินี้เป็นหน้าแบบมนุษย์ สวยฟรุงฟริ่งเลย นี่ก็เพราะ DNA หรือเจ้าสารพันธุ์กรรมตกแต่งหน้าเป็นแบบนั้น
ส่วนสิ่งที่สั่งให้ DNA ทำงานแบบนั้นตกแต่งแบบนั้น ก็คือธรรมชาติที่ลึกลับมาก เรียกว่าวิบากกรรมดีนั้นเอง ให้พากันเข้าใจ
ชาตินี้สวย ชาติหน้าไม่สวย เพราะทำกรรมด้วยใจคือชอบโกธรคน โกธรหมา โกธรแมว โกธรแล้วรักษาความโกธรไว้ ไม่ยอมปล่อย
ชาตินี้สวย ชาติหน้าก็สวยต่อ เพราะทำกรรมด้วยใจคือไม่ชอบโกธรใคร แม้เผลอโกธรแล้วก็ปล่อยให้มันหายไป ไม่ยึดมันไว้น และเป็นผู้ชอบให้ ข้าว น้ำแด่สมณะ
ชาตินี้หล่อ ชาติหน้าไม่หล่อ
ชาตินี้หล่อ ชาติหน้าก็หล่ออีก
ชาตินี้เสียงแหบ ชาติหน้าก็เสียงแหบอีก เพราะชอบด่าคน ชอบพูดเสียดแทง ชอบพูดคำหยาบคาย ,พูดไม่เพราะ,
ชาตินี้เสียงแหบ ชาติหน้าแสียงไม่แหบ เพราะไม่ชอบด่าคน ไม่ชอบพูดเสียดแทง ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ และชอบสวดมนต์สรรเสิญคุณพระรัตนะตรัย (บท อิติปิโส สวากขาโต สุปฏิปันโน)
ชาตินี้บริวาลหรือเพื่อนน้อย เพราะไม่ค่อยชอบเหลือใคร
ชาตินี้ทุกข์ใจเพราะเพื่อน เป็นไปได้สูง วิบากส่งเขามาเป็นเจ้ากรรมนายเวร
ที่คิดว่าหน้าตาที่เห็นจากการส่องกระจกนี้หรือถ่ายรูปนี้ เป็นหน้าจริงนั่นเข้าใจผิดแล้ว
แม้แต่รูปร่างกายแต่ละชาติก็ไม่เหมือนกันสักชาติเลย
แล้วจะมาถือว่า เป็นตัวเรา ของเราได้อย่างไร
อัตภาพกายนี้ ก็ไม่ใช่เรา และ ไม่ใช่ของเรา มาตั้งแต่แรกแล้ว
เนื่องจากว่าการเกิดขึ้นของกายมนุษย์ครั้งแรกมีสาเหตุมาจาก อสุจิเข้าไปอยู่ในไข่ และมีวิญญาณมาปฏิสนธิ
ขอใช้คำว่า เข้าไปสิงอยู่ในอสุจิและไข่แล้วกันเพื่อให้เข้าใจง่ายเห็นภาพง่าย
แล้วมีวิบากและอาหารล่อเลี้ยงในครรณ์ของผู้เป็นแม่ก่อน เมื่อวิบากและอาหารล่อเลี้ยงพอสมควรแล้ว ก็พร้อมที่จะออกมาให้โลกภายนอกได้แลมองเห็นด้วยตา
เมื่อโตขึ้นเจริญขึ้นเพราะกินอาหาร ก็จะมีไอ้ DNA มันก็เนรมิตออกมาเป็นต่างๆนาๆ ให้ตาสีฟ้าบ้าง ตาสีเทาบ้าง ตาสีขาวบ้าง
ให้เส้นผมเส้นเล็ก ให้จมูกโด่ง ดั่งแหมบ
ให้เส้นผมเส้นแข็ง ให้ตาเล็ก ตาตีบ ตาโต ตาใหญ่
ให้ผิวดำ ให้ผิวขาว ให้ขาใหญ่ แขนใหญ่ อวัยเพศใหญ่ อวัยวะเพศเล็ก ศรีษะใหญ่
ศรีษะเล็ก เล็บทรงกาบหอย เล็บทรงแบน นิ้วสั้น นิ้วยาว ปากกว้าง ปากไม่กว้าง
แขนสั้น แขนยาว สูง ต่ำ รวมความย่นย่อแล้ว ก็คือกายทุกส่วนตกอยู่ภายใต้ DNAหรือสารพันธุ์กรรม ให้ผล
ที่จะให้เป็นลักษณะแบบนู้นแบบนั้น แม้แต่เป็นมะเร็ง
ก็เพราะสารพันธุ์กรรม
ส่วนสิ่งที่บันดาลให้ DNA ทำนู่นทำนี่ เกี่ยวกับร่างกายทั้งส่วนเลย เรียกว่า วิบาก(ผลของกรรม)
ชาตินี้เป็นหน้าแบบมนุษย์ สวยฟรุงฟริ่งเลย นี่ก็เพราะ DNA หรือเจ้าสารพันธุ์กรรมตกแต่งหน้าเป็นแบบนั้น
ส่วนสิ่งที่สั่งให้ DNA ทำงานแบบนั้นตกแต่งแบบนั้น ก็คือธรรมชาติที่ลึกลับมาก เรียกว่าวิบากกรรมดีนั้นเอง ให้พากันเข้าใจ
ชาตินี้สวย ชาติหน้าไม่สวย เพราะทำกรรมด้วยใจคือชอบโกธรคน โกธรหมา โกธรแมว โกธรแล้วรักษาความโกธรไว้ ไม่ยอมปล่อย
ชาตินี้สวย ชาติหน้าก็สวยต่อ เพราะทำกรรมด้วยใจคือไม่ชอบโกธรใคร แม้เผลอโกธรแล้วก็ปล่อยให้มันหายไป ไม่ยึดมันไว้น และเป็นผู้ชอบให้ ข้าว น้ำแด่สมณะ
ชาตินี้หล่อ ชาติหน้าไม่หล่อ
ชาตินี้หล่อ ชาติหน้าก็หล่ออีก
ชาตินี้เสียงแหบ ชาติหน้าก็เสียงแหบอีก เพราะชอบด่าคน ชอบพูดเสียดแทง ชอบพูดคำหยาบคาย ,พูดไม่เพราะ,
ชาตินี้เสียงแหบ ชาติหน้าแสียงไม่แหบ เพราะไม่ชอบด่าคน ไม่ชอบพูดเสียดแทง ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ และชอบสวดมนต์สรรเสิญคุณพระรัตนะตรัย (บท อิติปิโส สวากขาโต สุปฏิปันโน)
ชาตินี้บริวาลหรือเพื่อนน้อย เพราะไม่ค่อยชอบเหลือใคร
ชาตินี้ทุกข์ใจเพราะเพื่อน เป็นไปได้สูง วิบากส่งเขามาเป็นเจ้ากรรมนายเวร
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ วิเชตร พลหาญ และ Pui Chutima
คุณได้แท็ก วิเชตร พลหาญ และ Pui Chutima
.
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ความจริง มนต์ กับ คาถา ต่างกันมากถ้าไม่เอามาผูกใส่กัน
มนต์จะอ้างไปที่ สัจจะความจริง ของสิ่งหรือเหตุการณ์นั้นๆที่จริง
อย่างเช่น บทที่หลวงปู่มั่นแต่ง เป็นทั้งคาถาเป็นทั้งมนต์
ปัญจะมาเร ชิโนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง
จะตุจัตจัง ปะกาเสติ ธัมมะจักกัง ปะวัตตะยิ เอเตนะสัจจะวัตเชนะ
โหตุเม ชะยะมังคะคัง
ส่วนคาถาล้วนๆจะเป็นลักษณะนี้
โรเสนโต เนวะ โกเปติ
โรเสเหวะ นะ กุชฌะติ
โรคานัง ราคะอาทีนัง
โรคะหันตัง นะมามิหัง
ซึ่งแปลว่า พระพุทธเจ้าพระองค์ใด ไม่ทรงโกรธผู้ที่โกรธพระองค์ และไม่ทรงพลอยโกรธไปกับพวกคนโกรธทั้งหลาย ข้าฯ ขอนอบน้อมพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงกำจัดโรคแห่งโรคทั้งหลาย มีราคะ เป็นต้น
แต่ถ้าเพิ่ม เอเตนะสัจจะวัตเตนะ โหตุเม หรือ โหตุเต หรือ โหตโน หรือ โหตุโว ชะยะมังคะลัง
จะเป็นทั้งคาถาทั้งมนต์
มนต์และคาถา มีหลายภาษามาก ไม่ใช่แค่ภาษาบาลีมคชอย่างเดียว แต่ภาษอื่นก็มี
มนต์จะอ้างไปที่ สัจจะความจริง ของสิ่งหรือเหตุการณ์นั้นๆที่จริง
อย่างเช่น บทที่หลวงปู่มั่นแต่ง เป็นทั้งคาถาเป็นทั้งมนต์
ปัญจะมาเร ชิโนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง
จะตุจัตจัง ปะกาเสติ ธัมมะจักกัง ปะวัตตะยิ เอเตนะสัจจะวัตเชนะ
โหตุเม ชะยะมังคะคัง
ส่วนคาถาล้วนๆจะเป็นลักษณะนี้
โรเสนโต เนวะ โกเปติ
โรเสเหวะ นะ กุชฌะติ
โรคานัง ราคะอาทีนัง
โรคะหันตัง นะมามิหัง
ซึ่งแปลว่า พระพุทธเจ้าพระองค์ใด ไม่ทรงโกรธผู้ที่โกรธพระองค์ และไม่ทรงพลอยโกรธไปกับพวกคนโกรธทั้งหลาย ข้าฯ ขอนอบน้อมพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงกำจัดโรคแห่งโรคทั้งหลาย มีราคะ เป็นต้น
แต่ถ้าเพิ่ม เอเตนะสัจจะวัตเตนะ โหตุเม หรือ โหตุเต หรือ โหตโน หรือ โหตุโว ชะยะมังคะลัง
จะเป็นทั้งคาถาทั้งมนต์
มนต์และคาถา มีหลายภาษามาก ไม่ใช่แค่ภาษาบาลีมคชอย่างเดียว แต่ภาษอื่นก็มี
อัพเดตเมื่อ มิ.ย. 09, 2016 4:07:27pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"เราไม่ได้มีเวลา"
แต่เวลามีเพื่อ ทำลายกายนี้ให้เสื่อมไปเรื่อยๆจนคืนสู่ธรรมชาติ
และเวลามีเพื่อ ทำลายอารมณ์ทั้งปวงในใจนี้ ให้ดับเป็นอดีต"
"จงเป็นผู้นิ่ง ดูความไม่นิ่งของกายของใจ
ผู้ใดไม่ยึดมันถือมันความไม่นิ่ง เห็นอารมณ์ดับไปเป็นอดีต อย่างสม่ำเสมอ
ผู้นั้นคือผู้ "เห็นธรรม" ของพระพุทธเจ้า
เมื่อเห็นมากพอแล้ว จนเกิดนิพพิทา เบื่อสิ่งที่เกิดสิ่งที่ดับ
แล้วจะมีการประชุมรวมกันพร้อมขององค์มรรค ละกิเลส อย่างอัศจรร
#เวทนานุปัสนา #จิตตานุปัสนา #ธรรมานุปัสนา คือกรรมฐานที่ถูกจริตเรามาก
ส่วนกายานุปัสนา ไม่ค่อยถนัดเท่าไร่
แต่เวลามีเพื่อ ทำลายกายนี้ให้เสื่อมไปเรื่อยๆจนคืนสู่ธรรมชาติ
และเวลามีเพื่อ ทำลายอารมณ์ทั้งปวงในใจนี้ ให้ดับเป็นอดีต"
"จงเป็นผู้นิ่ง ดูความไม่นิ่งของกายของใจ
ผู้ใดไม่ยึดมันถือมันความไม่นิ่ง เห็นอารมณ์ดับไปเป็นอดีต อย่างสม่ำเสมอ
ผู้นั้นคือผู้ "เห็นธรรม" ของพระพุทธเจ้า
เมื่อเห็นมากพอแล้ว จนเกิดนิพพิทา เบื่อสิ่งที่เกิดสิ่งที่ดับ
แล้วจะมีการประชุมรวมกันพร้อมขององค์มรรค ละกิเลส อย่างอัศจรร
#เวทนานุปัสนา #จิตตานุปัสนา #ธรรมานุปัสนา คือกรรมฐานที่ถูกจริตเรามาก
ส่วนกายานุปัสนา ไม่ค่อยถนัดเท่าไร่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มาส่งการบ้าน หลวงตา (ส่งอารมณ์)
"เวลาตาเห็นรูปแล้ว แล้วเกิดเวทนา" ความรู้สึกสุข ความรู้สึกทุกข์ ความรู้สึกเฉยๆ" แล้วมีการปรุงแต่งตัณหา อุปทาน ต่อไปเรื่อย
หลวงตาครับ ผมมีญาณรู้ตรงนี้ว่า แม้รูปที่เห็นก็ไม่เที่ยง แม้เวทนาที่เกิดจากการเห็นรูปก็ไม่เที่ยง แม่ตัณหาอุปาทานก็ไม่เที่ยง
"เวลาตาเห็นรูปแล้ว แล้วเกิดเวทนา" ความรู้สึกสุข ความรู้สึกทุกข์ ความรู้สึกเฉยๆ" แล้วมีการปรุงแต่งตัณหา อุปทาน ต่อไปเรื่อย
หลวงตาครับ ผมมีญาณรู้ตรงนี้ว่า แม้รูปที่เห็นก็ไม่เที่ยง แม้เวทนาที่เกิดจากการเห็นรูปก็ไม่เที่ยง แม่ตัณหาอุปาทานก็ไม่เที่ยง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ ถิ่นบูรพาจารย์วัดบ้านเก่าบ่อ
สถานที่: ถิ่นบูรพาจารย์วัดบ้านเก่าบ่อ (15.69095, 104.54938)
ที่อยู่: Hua Taphan, Amnat Charoen 37240
สถานที่: ถิ่นบูรพาจารย์วัดบ้านเก่าบ่อ (15.69095, 104.54938)
ที่อยู่: Hua Taphan, Amnat Charoen 37240
มาส่งการบ้านหลวงตา (ส่งอารมณ์กัมฐาน)
แถวบน คนที่สาม นั่นแหละ คือกระผม
#รูปที่ถ่ายตอนนี้ มีมากกว่า 1 รูป
#รูปที่ถ่ายตอนนี้ มีมากกว่า 1 รูป
อัพเดตเมื่อ มิ.ย. 13, 2016 8:38:20am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อบารมีแก่สุกระดับหนึ่งแล้ว
มันจะบีบให้หนีออกจากห้วงแห่งความทุกข์ทั้งปวง
คือรูปทั้งหลายที่น่ายินดี มันจะเฉยต่อรูปทั้งปวง สักแต่ว่าเป็นเม็ดสีปะติดปะต่อกัน เช่นเห็นรูป คน ก็สักแต่ว่าเม็ดสีภาพ และจะไม่รู้จักชื่อว่าคนนี้ชื่ออะไร เป็นใคร ก็คือสังขารไม่ปรุงต่อ
เสียงทั้งหลายที่น่ายินดี มันจะเฉยต่อเสียงทั้งปวง สักแต่ว่าคลื่นเสียงกระทบ การแปลจะน้อยลง เช่นเขาด่าว่า"ไอ้หมา" มันจะไม่ไปค้นหาความหมายคำว่าหมาคืออะไร เหมือนคนความจำเสื่อม แต่ไม่ใช่ความเสื่อม ก็คือจิตสติมันอยู่กับปัจจุบันก็คือไม่ปรุงแต่งไปอนาคต
กลิ่นทั้งหลายที่นายินดี มันจะเฉยต่อกลิ่นทั้งหลาย
เช่นกลิ่นหอมๆ มันก็รู้เฉพาะว่า "เป็นกลิ่นหอม " แต่จะไม่รู้ว่านั่นป็นกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือกลิ่นดอกไม้
รสทั้งหลายที่น่ายินดี มันจะเฉยต่อรสทั้งปวง คือถ้าเผ็ดก็สักแต่ว่าเผ็ด หวานก็สักแตว่าหวาน จะไม่ปรุงแต่ไปหาว่าเป็นพริกเป็น้ำตาล
สัมผัสทั้งหลายที่น่ายินดี มันจะเฉยต่อสัมผัสทั้งปวง
นั่งอาสะก็สักแต่ว่ามีควมรู้สึกว่านั่งอยู่ แต่ไม่ปรุงแต่งไปว่า นั่งอะไร อาสนะสีอะไร ยีห้ออะไร
และการงานทั้งหลายที่เป็นปฏิปักต่อการภาวนาต่อการทำสมาธิ มันจะเฉยต่อไม่อยากทำ เห็นว่าเสียเวลาภาวนา และจิตมันไม่คิดส่งออกนอกไปหาทำนุ่นสร้างนี้ เพราะจิตมันอยู่ฐานทั้งสี่มาก มุ่งเฉพาะแต่สถานที่ที่วิเวก เอื่อต่อการภาวนา
และการสนทนาทั้งหลายที่ไร่สาระคุยไปแต่เรื่องกามทางโลก มันก็จะเฉยจิตไม่ค่อยไปเกี่ยวข้อง มีแต่จะถอนออกมา จิตจะไม่ส่งใจไปมั่วสุม เตื่อนตนเองด้วยว่านั่นคือโทษพิษ
แม้แต่เพื่อนพระวัดป่าด้วยกัน คนไหนคุยแต่เรื่องทางโลกมันก็ไม่อยากสุงสิงด้วย คนไหนชวนคุยแต่เรื่องทางโลกมันก็ไม่อยากเข้าไปคุยด้วย ส่วนถ้าใครพูดเรื่องธรรมะหลุดพ้น พูดเรื่องสมาธิพูดเรื่องวิปัสนา จิตจะส่งใจไปน้อมใจอยากฟัง ไปๆไปฟัง พิจาณาตรงกับสภาวะเราไหม
และจะเห็นแต่สิ่งทั้งหลายเกิดดับทีจิตบ่อยเหลือเกินเหลือประมณ
มันจะบีบให้หนีออกจากห้วงแห่งความทุกข์ทั้งปวง
คือรูปทั้งหลายที่น่ายินดี มันจะเฉยต่อรูปทั้งปวง สักแต่ว่าเป็นเม็ดสีปะติดปะต่อกัน เช่นเห็นรูป คน ก็สักแต่ว่าเม็ดสีภาพ และจะไม่รู้จักชื่อว่าคนนี้ชื่ออะไร เป็นใคร ก็คือสังขารไม่ปรุงต่อ
เสียงทั้งหลายที่น่ายินดี มันจะเฉยต่อเสียงทั้งปวง สักแต่ว่าคลื่นเสียงกระทบ การแปลจะน้อยลง เช่นเขาด่าว่า"ไอ้หมา" มันจะไม่ไปค้นหาความหมายคำว่าหมาคืออะไร เหมือนคนความจำเสื่อม แต่ไม่ใช่ความเสื่อม ก็คือจิตสติมันอยู่กับปัจจุบันก็คือไม่ปรุงแต่งไปอนาคต
กลิ่นทั้งหลายที่นายินดี มันจะเฉยต่อกลิ่นทั้งหลาย
เช่นกลิ่นหอมๆ มันก็รู้เฉพาะว่า "เป็นกลิ่นหอม " แต่จะไม่รู้ว่านั่นป็นกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือกลิ่นดอกไม้
รสทั้งหลายที่น่ายินดี มันจะเฉยต่อรสทั้งปวง คือถ้าเผ็ดก็สักแต่ว่าเผ็ด หวานก็สักแตว่าหวาน จะไม่ปรุงแต่ไปหาว่าเป็นพริกเป็น้ำตาล
สัมผัสทั้งหลายที่น่ายินดี มันจะเฉยต่อสัมผัสทั้งปวง
นั่งอาสะก็สักแต่ว่ามีควมรู้สึกว่านั่งอยู่ แต่ไม่ปรุงแต่งไปว่า นั่งอะไร อาสนะสีอะไร ยีห้ออะไร
และการงานทั้งหลายที่เป็นปฏิปักต่อการภาวนาต่อการทำสมาธิ มันจะเฉยต่อไม่อยากทำ เห็นว่าเสียเวลาภาวนา และจิตมันไม่คิดส่งออกนอกไปหาทำนุ่นสร้างนี้ เพราะจิตมันอยู่ฐานทั้งสี่มาก มุ่งเฉพาะแต่สถานที่ที่วิเวก เอื่อต่อการภาวนา
และการสนทนาทั้งหลายที่ไร่สาระคุยไปแต่เรื่องกามทางโลก มันก็จะเฉยจิตไม่ค่อยไปเกี่ยวข้อง มีแต่จะถอนออกมา จิตจะไม่ส่งใจไปมั่วสุม เตื่อนตนเองด้วยว่านั่นคือโทษพิษ
แม้แต่เพื่อนพระวัดป่าด้วยกัน คนไหนคุยแต่เรื่องทางโลกมันก็ไม่อยากสุงสิงด้วย คนไหนชวนคุยแต่เรื่องทางโลกมันก็ไม่อยากเข้าไปคุยด้วย ส่วนถ้าใครพูดเรื่องธรรมะหลุดพ้น พูดเรื่องสมาธิพูดเรื่องวิปัสนา จิตจะส่งใจไปน้อมใจอยากฟัง ไปๆไปฟัง พิจาณาตรงกับสภาวะเราไหม
และจะเห็นแต่สิ่งทั้งหลายเกิดดับทีจิตบ่อยเหลือเกินเหลือประมณ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#ธรณีสูบลูกทรพีไล่ฆ่าแม่
เมื่อราว ๕๐ ปีผ่านมาที่ลพบุรี สมัยที่บ้านเมืองยังไม่เจริญเช่นทุกวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพทำไร่ทำนาเลี้ยงชีวิต
ณ เชิงเขาสะพานนาค มีหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่งที่ท้ายหมู่บ้านมีกระต๊อบหลังคามุงแฝกหลังหนึ่ง เป็นที่อยู่อาศัยของ ๔ ชีวิต มีหญิงชราผู้เป็นแม่ ลูกชาย – ลูกสะใภ้ และหลานน้อย ลูกชายชื่อทองเป็นคนเจ้าอารมณ์ โมโหร้าย มุทะลุดุดัน ชอบเล่นการพนัน ติดสุรายาเสพติด วันๆการงานไม่ทำเอาแต่ดื่มสุราหาเล่นการพนัน แม่กับเมียจะลำบากอย่างไรก็ช่าง
ผู้เป็นเมียจึงออกไปทำไร่หาเลี้ยงครอบครัวทุกวันปล่อยให้แม่ผัวกับลูกน้อยเฝ้าบ้าน เหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้เรื่อยมาจนกระทั่งวันหนึ่ง ย่ากับหลานอยู่ด้วยกันสองคน ย่าแก่แล้วจึงงกๆเงิ่นๆด้วยความชราตามหลานไม่ค่อยจะทัน หลานน้อยก็แสนซนคอยลักหนีไปเที่ยวอยู่เรื่อย
ตะวันบ่ายคล้อยผู้เป็นย่าจัดแจงเข้าครัวหุงหาอาหารไว้คอยลูก ย่ากำลังทำครัวเพลินหลานน้อยได้โอกาสหนีไปเล่นน้ำในโอ่งข้างล่าง น้ำมีเพียงครึ่งโอ่งหลานน้อนจอมซนจะตักน้ำมาเล่นแต่ตักไม่ถึงจึงปีนปากโอ่งพยายามตักน้ำให้ได้ บังเอิญพลาดหัวทิ่มลงไปในโองดิ้นขลุกขลักอยู่ จะขึ้นก็ไม่ได้ หายใจก็ไม่ออกทุรนทุราย ฝ่ายย่าอยู่ในครัวได้ยินเสียงหลานดิ้นจึงรีบออกมาดูเห็นแต่เท้าโผล่ออกมาจึงรีบคว้าหลานขึ้นจากโอ่ง อนิจจา….สายเกินไปเสียแล้วเด็กน้อยขาดใจตายเสียแล้ว
หญิงชราตกใจแทบสิ้นสติ ได้แต่กอดศพหลานร้องไห้คร่ำครวญปิ่มว่าจะขาดใจ เพื่อนบ้านเดินทางผ่านมาจึงแวะเข้าไปดูเห็นหญิงชรากอดศพหลานร้องไห้อยู่ สอบถามดูก็รู้สาเหตุจึงให้คนไปตามเอาลูกชายลูกสะใภ้ของหญิงชราให้กลับมาบ้าน
ที่วงการพนันเจ้าทองร่ำสุราได้ที่เข้าเล่นการพนันกำลังเสียอารมณ์ไม่ดี พอมีคนไปส่งข่าวว่าลูกชายตายจึงรีบกลับบ้านด้วยความเสียใจ มาถึงบ้านเห็นแม่กับเมียร้องไห้อยู่ข้างศพลูกชายท่ามกลางเพื่อนบ้าน เจ้าทองยิ่งเสียใจบวกด้วยความเมาและอารมณ์เสียจากพนันจึงเอะอะตึงตังตะคอกถามแม่ด้วยเสียงอันดังถึงสาเหตุที่ลูกของตนทำไมจึงตกน้ำตาย
ผู้เป็นแม่เห็นเจ้าทองเอะอะขึงขังเสียงดังก็ใจคอไม่ค่อยดี ปากคอสั่นจับต้นชนปลายไม่ถูก เพื่อนบ้านจึงเล่าให้ฟังแทน เมื่อรู้เรื่องแทนที่เจ้าทองจะระงับยับยั้งอารมณ์กลับมีโมโหโทสะเพิ่มขึ้น ชี้หน้าด่าแม่อย่างเดือดดาลว่าไม่ดูแลหลานให้ดี แม่ได้แต่ตกใจกลัวตัวสั่น
เจ้าทองลืมตัวขาดสติยับยั้งชั่งใจกระชากมีดเหน็บอยู่ข้างฝาบ้านตรงเข้าไปหมายจะฆ่าแม่ให้ตายด้วยความแค้น เพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์เห็นท่าไม่ดีจึงเข้าขัดขวางจับกุมไว้ พร้อมว่ากล่าวเตือนสติ แต่เจ้าทองหน้ามืดตาลายเสียแล้วออกแรงสะบัดดิ้นจนหลุดกระโจนเงื้อมีดเข้าหาแม่
หญิงชราเห็นท่าไม่ดีจึงออกวิ่งหนีจากบ้าน ไอ้ลูกเนรคุณยังไม่ลดละไล่กวดตามแม่ไปติดๆอย่างไม่ลดละ หญิงชราวิ่งกระเซอะกระเซิงหนีตาย ดีแต่เจ้าทองยังไม่สร่างเมาดีจึงวิ่งเปะปะตามแม่ไม่ค่อยจะทัน เพื่อนบ้านเห็นเหตุการณ์พยายามจะขัดขวางแต่ถูกเจ้าทองป่ายมีดวืดวาดเข้าใส่ ต่างก็กระเจิดกระเจิงออกไปทุกทิศ เจ้าทองออกตามแม่ไปอย่างกระชั้นชิด
หญิงชราเห็นท่าไม่ดีจึงหนีเข้าวัดหวังพึงคุณพระคุณเจ้าให้ช่วยด้วยเป็นเขตอภัยทาน เข้าไปหาสมภารที่กุฏิร่ำร้องให้ช่วยสงเคราะห์แก่สัตว์ผู้ตกยาก สมภารเข้าขวางหมายเตือนสติพยายามเทศนาสั่งสอนให้รู้จักชั่วดีว่า การฆ่าพ่อฆ่าแม่นั้นเป็นบาปมหันต์ พ่อแม่มีบุญคุณที่เลี้ยงเรามากว่าจะเติบโตแสนจะลำบาก แต่เจ้าทองหาได้เชื่อฟังไม่กลับตรงเข้าไปผลักท่านสมภารจนเซถลาตรงเข้าไปจะฆ่าแม่ที่แอบอยู่ข้างหลังอีก
หญิงชราอาศัยจังหวะที่เจ้าทองยังช้าอยู่วิ่งออกจากกุฎิหมายเข้าไปที่โบสถ์ปิดประตู เจ้าทองออกวิ่งตามไปติดๆหวุดหวิดจวนเจียน หญิงชราก้าวขาเข้าโบสถ์ เจ้าทองเงื้อมีดหมายจะฆ่า
ฟ้าดินก่อปาฏิหารย์สิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้าข้างคนดีลงโทษคนชั่ว ฉับพลันพื้นดินที่เจ้าทองเหยียบอยู่พลันก็แยกออกจากกันเหมือนทานน้ำหนักคนชั่วไม่ไหว ลูกทรพีตกใจสุดขีดร่างร่วงลงไปในรอยแยกมีดหลุดจากมือสร่างเมาโดยฉับพลันแถมแผ่นดินนั้นกลับหนีบตัวเอาไว้ เจ้าทองพยายามดิ้นให้หลุดแต่ดินนั้นยังคงดูดเจ้าทองลงไปเรื่อยๆ ยิ่งดิ้นยิ่งดูดเจ้าทองตาสว่างได้คิดถึงบาป-บุญว่ามีจริง ตนเจอบาปกรรมตามทันจึงเกิดความกลัวแหกปากร้องเรียกให้คนช่วยเสียงดังลั่นสนั่นหวั่นไหวด้วยกลัวตาย
หญิงชราผู้เป็นแม่หนีเข้าโบสถ์ได้ก็ปิดประตูรอดตาย แต่ได้ยินเสียงร้องให้ช่วยของเจ้าทองก็แปลกใจแง้มประตูออกดู เห็นเจ้าทองถูกธรณีสูบก็ตกใจเข้าใจทุกอย่างทันที ด้วยสัญชาตญาณของความเป็นแม่เกิดความเป็นห่วงกลัวลูกจะตาย ลืมไปแล้วว่าเพิ่งถูกลูกทรพีคนนี้ไล่ฆ่าจนเอาชีวิตแทบไม่รอดมาหยกๆ ( นี่แหละหนอ ความรักของแม่ที่มีต่อลูก ) รีบเปิดประตูโบสถ์ถลาออกมาดูลูกทันที
เจ้าทองเห็นแม่ออกมาหา ถึงกับน้ำตาร่วงร้องไห้โฮด้วยสำนึกผิด กราบเท้าแม่สารภาพผิด หญิงชราคว้าแขนลูกชายหมายจะดึงให้พ้นจากพื้นดินที่ดูดแต่ก็หาได้ขยัยเขยื้อนไม่ ผู้เป็นแม่หมดปัญญาก็ไปขอร้องให้พระในวัดมาช่วย พอดีชาวบ้านตามมาทันนางก็ขอให้ช่วยลูกชั่วของตนให้พ้นภัย
ท่านสมภารให้ชาวบ้านทำขันธ์ ๕ ให้เจ้าทองขอขมาโทษแม่และฟ้าดินสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้กระทำชั่วล่วงเกินแม่ และขอให้แม่ธรณียกโทษให้ หญิงชราผู้เป็นแม่ยกโทษอโหสิกรรมให้ ชาวบ้านจึงช่วยกันฉุดเอาเจ้าทองขึ้นจากดิน แต่ไม่ว่าจะฉุดกระชากลากดึงอย่างไรก็หาขยับเขยื้อนไม่มีแต่จะจมลงๆ ชาวบ้านจึงเปลี่ยนมาเป็นขุดดินออก
แต่แปลกประหลาดอัศจรรย์เหมือนสวรรค์ลงโทษซ้ำ ดินนั้นกลับแข็งเหมือนเหล็กจนจอบเสียมที่ขุดกระเด็นดีดออกมาโดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน เหมือนว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ยอมยกโทษให้
ในที่สุดก็จนปัญญาที่จะช่วยเจ้าทองได้แม่และเมียจึงได้นิมนต์ท่านสมภารให้เทศนาโปรดเจ้าทองเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าลูกทรพีสำนึกผิดฟังเทศน์ด้วยอาการสงบน้ำตานองหน้า ร่างก็จมลงเรื่อยๆ เจ้าทองทุกข์ทรมานอยู่เป็นเวลา ๑ วัน ๑ คืน ก็สิ้นใจตายพร้อมกับร่างจมลงหมดแผ่นดินก็ปิดเหมือนเดิม ท่ามกลางความโศกเศร้าสังเวชใจของชาวบ้านที่พบเห็น
*-* เรื่องนี้คุณอนุชาติ อินทรพรหม บอกว่าได้รับฟังจากแม่และญาติผู้ใหญ่อีกที เหตุการณ์นี้คงเตือนสติท่านผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย *-*
เมื่อราว ๕๐ ปีผ่านมาที่ลพบุรี สมัยที่บ้านเมืองยังไม่เจริญเช่นทุกวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพทำไร่ทำนาเลี้ยงชีวิต
ณ เชิงเขาสะพานนาค มีหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่งที่ท้ายหมู่บ้านมีกระต๊อบหลังคามุงแฝกหลังหนึ่ง เป็นที่อยู่อาศัยของ ๔ ชีวิต มีหญิงชราผู้เป็นแม่ ลูกชาย – ลูกสะใภ้ และหลานน้อย ลูกชายชื่อทองเป็นคนเจ้าอารมณ์ โมโหร้าย มุทะลุดุดัน ชอบเล่นการพนัน ติดสุรายาเสพติด วันๆการงานไม่ทำเอาแต่ดื่มสุราหาเล่นการพนัน แม่กับเมียจะลำบากอย่างไรก็ช่าง
ผู้เป็นเมียจึงออกไปทำไร่หาเลี้ยงครอบครัวทุกวันปล่อยให้แม่ผัวกับลูกน้อยเฝ้าบ้าน เหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้เรื่อยมาจนกระทั่งวันหนึ่ง ย่ากับหลานอยู่ด้วยกันสองคน ย่าแก่แล้วจึงงกๆเงิ่นๆด้วยความชราตามหลานไม่ค่อยจะทัน หลานน้อยก็แสนซนคอยลักหนีไปเที่ยวอยู่เรื่อย
ตะวันบ่ายคล้อยผู้เป็นย่าจัดแจงเข้าครัวหุงหาอาหารไว้คอยลูก ย่ากำลังทำครัวเพลินหลานน้อยได้โอกาสหนีไปเล่นน้ำในโอ่งข้างล่าง น้ำมีเพียงครึ่งโอ่งหลานน้อนจอมซนจะตักน้ำมาเล่นแต่ตักไม่ถึงจึงปีนปากโอ่งพยายามตักน้ำให้ได้ บังเอิญพลาดหัวทิ่มลงไปในโองดิ้นขลุกขลักอยู่ จะขึ้นก็ไม่ได้ หายใจก็ไม่ออกทุรนทุราย ฝ่ายย่าอยู่ในครัวได้ยินเสียงหลานดิ้นจึงรีบออกมาดูเห็นแต่เท้าโผล่ออกมาจึงรีบคว้าหลานขึ้นจากโอ่ง อนิจจา….สายเกินไปเสียแล้วเด็กน้อยขาดใจตายเสียแล้ว
หญิงชราตกใจแทบสิ้นสติ ได้แต่กอดศพหลานร้องไห้คร่ำครวญปิ่มว่าจะขาดใจ เพื่อนบ้านเดินทางผ่านมาจึงแวะเข้าไปดูเห็นหญิงชรากอดศพหลานร้องไห้อยู่ สอบถามดูก็รู้สาเหตุจึงให้คนไปตามเอาลูกชายลูกสะใภ้ของหญิงชราให้กลับมาบ้าน
ที่วงการพนันเจ้าทองร่ำสุราได้ที่เข้าเล่นการพนันกำลังเสียอารมณ์ไม่ดี พอมีคนไปส่งข่าวว่าลูกชายตายจึงรีบกลับบ้านด้วยความเสียใจ มาถึงบ้านเห็นแม่กับเมียร้องไห้อยู่ข้างศพลูกชายท่ามกลางเพื่อนบ้าน เจ้าทองยิ่งเสียใจบวกด้วยความเมาและอารมณ์เสียจากพนันจึงเอะอะตึงตังตะคอกถามแม่ด้วยเสียงอันดังถึงสาเหตุที่ลูกของตนทำไมจึงตกน้ำตาย
ผู้เป็นแม่เห็นเจ้าทองเอะอะขึงขังเสียงดังก็ใจคอไม่ค่อยดี ปากคอสั่นจับต้นชนปลายไม่ถูก เพื่อนบ้านจึงเล่าให้ฟังแทน เมื่อรู้เรื่องแทนที่เจ้าทองจะระงับยับยั้งอารมณ์กลับมีโมโหโทสะเพิ่มขึ้น ชี้หน้าด่าแม่อย่างเดือดดาลว่าไม่ดูแลหลานให้ดี แม่ได้แต่ตกใจกลัวตัวสั่น
เจ้าทองลืมตัวขาดสติยับยั้งชั่งใจกระชากมีดเหน็บอยู่ข้างฝาบ้านตรงเข้าไปหมายจะฆ่าแม่ให้ตายด้วยความแค้น เพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์เห็นท่าไม่ดีจึงเข้าขัดขวางจับกุมไว้ พร้อมว่ากล่าวเตือนสติ แต่เจ้าทองหน้ามืดตาลายเสียแล้วออกแรงสะบัดดิ้นจนหลุดกระโจนเงื้อมีดเข้าหาแม่
หญิงชราเห็นท่าไม่ดีจึงออกวิ่งหนีจากบ้าน ไอ้ลูกเนรคุณยังไม่ลดละไล่กวดตามแม่ไปติดๆอย่างไม่ลดละ หญิงชราวิ่งกระเซอะกระเซิงหนีตาย ดีแต่เจ้าทองยังไม่สร่างเมาดีจึงวิ่งเปะปะตามแม่ไม่ค่อยจะทัน เพื่อนบ้านเห็นเหตุการณ์พยายามจะขัดขวางแต่ถูกเจ้าทองป่ายมีดวืดวาดเข้าใส่ ต่างก็กระเจิดกระเจิงออกไปทุกทิศ เจ้าทองออกตามแม่ไปอย่างกระชั้นชิด
หญิงชราเห็นท่าไม่ดีจึงหนีเข้าวัดหวังพึงคุณพระคุณเจ้าให้ช่วยด้วยเป็นเขตอภัยทาน เข้าไปหาสมภารที่กุฏิร่ำร้องให้ช่วยสงเคราะห์แก่สัตว์ผู้ตกยาก สมภารเข้าขวางหมายเตือนสติพยายามเทศนาสั่งสอนให้รู้จักชั่วดีว่า การฆ่าพ่อฆ่าแม่นั้นเป็นบาปมหันต์ พ่อแม่มีบุญคุณที่เลี้ยงเรามากว่าจะเติบโตแสนจะลำบาก แต่เจ้าทองหาได้เชื่อฟังไม่กลับตรงเข้าไปผลักท่านสมภารจนเซถลาตรงเข้าไปจะฆ่าแม่ที่แอบอยู่ข้างหลังอีก
หญิงชราอาศัยจังหวะที่เจ้าทองยังช้าอยู่วิ่งออกจากกุฎิหมายเข้าไปที่โบสถ์ปิดประตู เจ้าทองออกวิ่งตามไปติดๆหวุดหวิดจวนเจียน หญิงชราก้าวขาเข้าโบสถ์ เจ้าทองเงื้อมีดหมายจะฆ่า
ฟ้าดินก่อปาฏิหารย์สิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้าข้างคนดีลงโทษคนชั่ว ฉับพลันพื้นดินที่เจ้าทองเหยียบอยู่พลันก็แยกออกจากกันเหมือนทานน้ำหนักคนชั่วไม่ไหว ลูกทรพีตกใจสุดขีดร่างร่วงลงไปในรอยแยกมีดหลุดจากมือสร่างเมาโดยฉับพลันแถมแผ่นดินนั้นกลับหนีบตัวเอาไว้ เจ้าทองพยายามดิ้นให้หลุดแต่ดินนั้นยังคงดูดเจ้าทองลงไปเรื่อยๆ ยิ่งดิ้นยิ่งดูดเจ้าทองตาสว่างได้คิดถึงบาป-บุญว่ามีจริง ตนเจอบาปกรรมตามทันจึงเกิดความกลัวแหกปากร้องเรียกให้คนช่วยเสียงดังลั่นสนั่นหวั่นไหวด้วยกลัวตาย
หญิงชราผู้เป็นแม่หนีเข้าโบสถ์ได้ก็ปิดประตูรอดตาย แต่ได้ยินเสียงร้องให้ช่วยของเจ้าทองก็แปลกใจแง้มประตูออกดู เห็นเจ้าทองถูกธรณีสูบก็ตกใจเข้าใจทุกอย่างทันที ด้วยสัญชาตญาณของความเป็นแม่เกิดความเป็นห่วงกลัวลูกจะตาย ลืมไปแล้วว่าเพิ่งถูกลูกทรพีคนนี้ไล่ฆ่าจนเอาชีวิตแทบไม่รอดมาหยกๆ ( นี่แหละหนอ ความรักของแม่ที่มีต่อลูก ) รีบเปิดประตูโบสถ์ถลาออกมาดูลูกทันที
เจ้าทองเห็นแม่ออกมาหา ถึงกับน้ำตาร่วงร้องไห้โฮด้วยสำนึกผิด กราบเท้าแม่สารภาพผิด หญิงชราคว้าแขนลูกชายหมายจะดึงให้พ้นจากพื้นดินที่ดูดแต่ก็หาได้ขยัยเขยื้อนไม่ ผู้เป็นแม่หมดปัญญาก็ไปขอร้องให้พระในวัดมาช่วย พอดีชาวบ้านตามมาทันนางก็ขอให้ช่วยลูกชั่วของตนให้พ้นภัย
ท่านสมภารให้ชาวบ้านทำขันธ์ ๕ ให้เจ้าทองขอขมาโทษแม่และฟ้าดินสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้กระทำชั่วล่วงเกินแม่ และขอให้แม่ธรณียกโทษให้ หญิงชราผู้เป็นแม่ยกโทษอโหสิกรรมให้ ชาวบ้านจึงช่วยกันฉุดเอาเจ้าทองขึ้นจากดิน แต่ไม่ว่าจะฉุดกระชากลากดึงอย่างไรก็หาขยับเขยื้อนไม่มีแต่จะจมลงๆ ชาวบ้านจึงเปลี่ยนมาเป็นขุดดินออก
แต่แปลกประหลาดอัศจรรย์เหมือนสวรรค์ลงโทษซ้ำ ดินนั้นกลับแข็งเหมือนเหล็กจนจอบเสียมที่ขุดกระเด็นดีดออกมาโดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน เหมือนว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ยอมยกโทษให้
ในที่สุดก็จนปัญญาที่จะช่วยเจ้าทองได้แม่และเมียจึงได้นิมนต์ท่านสมภารให้เทศนาโปรดเจ้าทองเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าลูกทรพีสำนึกผิดฟังเทศน์ด้วยอาการสงบน้ำตานองหน้า ร่างก็จมลงเรื่อยๆ เจ้าทองทุกข์ทรมานอยู่เป็นเวลา ๑ วัน ๑ คืน ก็สิ้นใจตายพร้อมกับร่างจมลงหมดแผ่นดินก็ปิดเหมือนเดิม ท่ามกลางความโศกเศร้าสังเวชใจของชาวบ้านที่พบเห็น
*-* เรื่องนี้คุณอนุชาติ อินทรพรหม บอกว่าได้รับฟังจากแม่และญาติผู้ใหญ่อีกที เหตุการณ์นี้คงเตือนสติท่านผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย *-*
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#เป็นหนี้ ๕ บาท ตายแล้วไปเกิดเป็นวัวใช้หนึ้
วัวชื่อ นางเขียว ระลึกชาติ
เรื่องเกิดขึ้นที่จังหวัดขอนแก่น มีแม่วัวตัวหนึ่งชื่อ นางเขียว มีลูกติดหนึ่งตัว นางเขียวชาติก่อนเป็นคนมีลูกเป็นชาย และลูกสะใภ้ที่ดี เมื่อเกิดแป็นแม่วัวก็ยังระลึกชาติเก่าได้พูดไม่ได้ แต่ฟังภาษาคนออก จิตที่ระลึกชาติเก่าได้ ได้ไปเข้าฝันลูกสะใภ้เมียของลูกชายครั้งเป็นคนว่า แม่มาเกิดแล้ว แต่เกิดเป็นวัว ชื่อนางเขียว เพราะแม่เป็นหนี้เขา 5 บาท (บอกชื่อเจ้าหนี้) ยังไม่ได้ใช้หนี้ แม่ตายมาเกิดเป็นวัวใช้แรงแทนหนี้ ขอให้ลูกนำเงินไปใช้หนี้แทนแม่ด้วย ลูกสะใภ้ไม่กล้าบอกความฝันแก่สามี
ต่อมาจิตของนางเขียวไปเข้าฝันลูกสะใภ้อย่างนั้นอีก ลูกสะใภ้ก็ไม่กล้าบอกกับสามีอีก จากนั้นอีก 2 อาทิตย์ จิตนางเขียวไปเข้าฝันลูกชายบอกข้อ ความอย่างเดียวกับที่เข้าฝันลูกสะใภ้ ตื่นเช้าลูกชายเล่าฝันให้ภรรยาฟัง
ภรรยาพูดว่า นางเขียวนั้นแม่ของเราแน่ สามีถามว่า เธอรู้ได้อย่างไร? ภรรยาตอบว่า นางเขียวมาเข้าฝันฉันอย่างนั้นสองครั้งแล้ว สามีต่อว่า ทำไมไม่บอกฉัน ? ภรรยาตอบว่า ฉันกลัวที่โกรธหาว่า ว่าแม่พี่ไปเกิดเป็นวัว เราควรนเงินไปใช้หนี้แทนแม่ 5 บาท และเงินอีก 1,000 บาท ไปซื้อแม่มาเลี้ยงให้แม่ของเรามีความสุข
สามีพอใจ จึงนำเงินไปบ้านเจ้าหนี้ พอดีกับป้าที่เป็นเจ้าหนี้ของแม่ ถามได้ความว่า แม่เขาครั้งยังมีชีวิตอยู่เป็นหนี้ยังไม่ได้ใช้อยู่ 5 บาทจริง ตรงกับความฝัน จึงบอกความประสงค์จะนำเงินมาใช้หนี้แทนแม่ 5 บาท
ป้าเจ้าหนี้บอกว่า ป้าไม่เอาดอก เพราะอธิษฐานยกหนี้ให้แล้วเมื่อเผาศพแม่แก ป้าเจ้าหนี้ย้อนถามว่า แกรู้ได้อย่างไรว่าแม่แกเป็นหนี้ฉันอยู่ 5 บาท เขาตอบว่า วัวของป้าชื่อนางเขียวไปเข้าฝันเมียฉัน 2 ครั้งและครั้งที่ 3 เข้าฝันฉันบอกว่า แม่เกิดเป็นวัวชื่อนางเขียวอยู่ที่นี่ ขอให้ลูกนำเงิน 5 บาทมาใช้หนี้ป้าแทนแม่ด้วย
ฉันจึงรู้ว่า แม่ฉันเป็นหนี้ป้าอยู่ 5 บาท วันนี้ฉันนำเงิน 1,000 บาทมาขอซื้อวัวแม่ฉันไปเลี้ยงดูให้มีความสุขด้วย ป้ากรุณาขายให้ฉันเถิด แต่ป้าเจ้าหนี้บอกว่า ป้าไม่กล้าขายแม่ของเอ็งดอก นางเขียวมีลูกติด 1 ตัวอยู่ที่ฝูงโน่น เอ็งไปเรียกเอก ถ้ามันตามเอ็งไปข้าก็ยกให้เลย
สองสามีภรรยา ไปที่ฝูงวัว ร้องเรียกแม่เขียว นางเขียวได้ยินก็เดินออกจากฝูงพร้อมลูกแหง่ตามมาด้วย ที่ตาของนางเขียวมีน้ำตาไหลพราก สองสามีภรรยาเดินไปยืนข้าง ๆ แล้วพากันร้องไห้ เมื่อกลั้นน้ำตาได้แล้วก็นัดกันออกเดิน***งมาเฉย ๆ โดยไม่ร้องเรียกอีก ดูซิแม่เขียวจะตามมาไหม ? ปรากฏว่าแม่เขียวกับลูกแหง่ก็เดินตามสองสามีภรรยาซึ้งป็นลูกชาย-ลูกสะใภ้ของตนครั้งเป็นมนุษย์
สองสามีภรรยาเมื่อบอกกิริยาอาการของแม่วัวให้ป้าเจ้าหนี้เข้าใจและกล่าวขอบคุณป้าแล้วก็พาแม่วัวพร้อมลูกติด ไปเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ให้นางเขียวซึ่งเป็นแม่ในร่างวัวมีความสุขตลอดไป
วัวชื่อ นางเขียว ระลึกชาติ
เรื่องเกิดขึ้นที่จังหวัดขอนแก่น มีแม่วัวตัวหนึ่งชื่อ นางเขียว มีลูกติดหนึ่งตัว นางเขียวชาติก่อนเป็นคนมีลูกเป็นชาย และลูกสะใภ้ที่ดี เมื่อเกิดแป็นแม่วัวก็ยังระลึกชาติเก่าได้พูดไม่ได้ แต่ฟังภาษาคนออก จิตที่ระลึกชาติเก่าได้ ได้ไปเข้าฝันลูกสะใภ้เมียของลูกชายครั้งเป็นคนว่า แม่มาเกิดแล้ว แต่เกิดเป็นวัว ชื่อนางเขียว เพราะแม่เป็นหนี้เขา 5 บาท (บอกชื่อเจ้าหนี้) ยังไม่ได้ใช้หนี้ แม่ตายมาเกิดเป็นวัวใช้แรงแทนหนี้ ขอให้ลูกนำเงินไปใช้หนี้แทนแม่ด้วย ลูกสะใภ้ไม่กล้าบอกความฝันแก่สามี
ต่อมาจิตของนางเขียวไปเข้าฝันลูกสะใภ้อย่างนั้นอีก ลูกสะใภ้ก็ไม่กล้าบอกกับสามีอีก จากนั้นอีก 2 อาทิตย์ จิตนางเขียวไปเข้าฝันลูกชายบอกข้อ ความอย่างเดียวกับที่เข้าฝันลูกสะใภ้ ตื่นเช้าลูกชายเล่าฝันให้ภรรยาฟัง
ภรรยาพูดว่า นางเขียวนั้นแม่ของเราแน่ สามีถามว่า เธอรู้ได้อย่างไร? ภรรยาตอบว่า นางเขียวมาเข้าฝันฉันอย่างนั้นสองครั้งแล้ว สามีต่อว่า ทำไมไม่บอกฉัน ? ภรรยาตอบว่า ฉันกลัวที่โกรธหาว่า ว่าแม่พี่ไปเกิดเป็นวัว เราควรนเงินไปใช้หนี้แทนแม่ 5 บาท และเงินอีก 1,000 บาท ไปซื้อแม่มาเลี้ยงให้แม่ของเรามีความสุข
สามีพอใจ จึงนำเงินไปบ้านเจ้าหนี้ พอดีกับป้าที่เป็นเจ้าหนี้ของแม่ ถามได้ความว่า แม่เขาครั้งยังมีชีวิตอยู่เป็นหนี้ยังไม่ได้ใช้อยู่ 5 บาทจริง ตรงกับความฝัน จึงบอกความประสงค์จะนำเงินมาใช้หนี้แทนแม่ 5 บาท
ป้าเจ้าหนี้บอกว่า ป้าไม่เอาดอก เพราะอธิษฐานยกหนี้ให้แล้วเมื่อเผาศพแม่แก ป้าเจ้าหนี้ย้อนถามว่า แกรู้ได้อย่างไรว่าแม่แกเป็นหนี้ฉันอยู่ 5 บาท เขาตอบว่า วัวของป้าชื่อนางเขียวไปเข้าฝันเมียฉัน 2 ครั้งและครั้งที่ 3 เข้าฝันฉันบอกว่า แม่เกิดเป็นวัวชื่อนางเขียวอยู่ที่นี่ ขอให้ลูกนำเงิน 5 บาทมาใช้หนี้ป้าแทนแม่ด้วย
ฉันจึงรู้ว่า แม่ฉันเป็นหนี้ป้าอยู่ 5 บาท วันนี้ฉันนำเงิน 1,000 บาทมาขอซื้อวัวแม่ฉันไปเลี้ยงดูให้มีความสุขด้วย ป้ากรุณาขายให้ฉันเถิด แต่ป้าเจ้าหนี้บอกว่า ป้าไม่กล้าขายแม่ของเอ็งดอก นางเขียวมีลูกติด 1 ตัวอยู่ที่ฝูงโน่น เอ็งไปเรียกเอก ถ้ามันตามเอ็งไปข้าก็ยกให้เลย
สองสามีภรรยา ไปที่ฝูงวัว ร้องเรียกแม่เขียว นางเขียวได้ยินก็เดินออกจากฝูงพร้อมลูกแหง่ตามมาด้วย ที่ตาของนางเขียวมีน้ำตาไหลพราก สองสามีภรรยาเดินไปยืนข้าง ๆ แล้วพากันร้องไห้ เมื่อกลั้นน้ำตาได้แล้วก็นัดกันออกเดิน***งมาเฉย ๆ โดยไม่ร้องเรียกอีก ดูซิแม่เขียวจะตามมาไหม ? ปรากฏว่าแม่เขียวกับลูกแหง่ก็เดินตามสองสามีภรรยาซึ้งป็นลูกชาย-ลูกสะใภ้ของตนครั้งเป็นมนุษย์
สองสามีภรรยาเมื่อบอกกิริยาอาการของแม่วัวให้ป้าเจ้าหนี้เข้าใจและกล่าวขอบคุณป้าแล้วก็พาแม่วัวพร้อมลูกติด ไปเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ให้นางเขียวซึ่งเป็นแม่ในร่างวัวมีความสุขตลอดไป
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าเราช้า ผลก็คือจะเสียเวลาทิ้งทั้งเรา
และผู้อื่นก็จะถูกเวลาลากไปสู่ความตายเรื่อยๆ
ฺวรเร่งทำความเพียรให้หลุดเถิด
และผู้อื่นก็จะถูกเวลาลากไปสู่ความตายเรื่อยๆ
ฺวรเร่งทำความเพียรให้หลุดเถิด
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าสมมุติว่า พ่อแม่เรา ตายแล้วไปตกนรกหมกไหม้ในอเวจี
แล้ว"เรา" ในฐานะเป็น"ลูก" คิดว่า แม่และพ่อตายแล้วคงเป็นผี
ควรทำ"ทักษิณาทานไปให้(ก็คือทำสังฆทานอุทิศไปให้)
จากนั้นเราก็ เตรียมของ....แ่ต่งเป็นเรื่องไป ว่าหาวัตถุทานบริสุทธิ์
และพ่อแม่ิยู่ในนรก แล้วบุบนั้น จะตกที่ใครจะอป็นผู้รับ
แล้ว"เรา" ในฐานะเป็น"ลูก" คิดว่า แม่และพ่อตายแล้วคงเป็นผี
ควรทำ"ทักษิณาทานไปให้(ก็คือทำสังฆทานอุทิศไปให้)
จากนั้นเราก็ เตรียมของ....แ่ต่งเป็นเรื่องไป ว่าหาวัตถุทานบริสุทธิ์
และพ่อแม่ิยู่ในนรก แล้วบุบนั้น จะตกที่ใครจะอป็นผู้รับ
อัพเดตเมื่อ มิ.ย. 19, 2016 6:48:28pm
กาเมสุมิจฉาจาร คือการประพฤผิดในเรื่องกามเพศ
"ท่านพระอานนท์ระลึกชาติได้ว่า สมัยก่อนจะมาเป็นพระอานนท์ในชาตินี้
ท่าไปทำบุญมา แล้วขอให้มีรูปงาม ขอให้หล่อ อีกชาติหนึ่งเกิดมาหล่อเฟี้ยวเลย คราวนี้ก็ไปทำผิดศีล ประพฤติผิดในกาม ท่านบอกท่านตายจากชาตินั้นท่านเวียนอยู่ในนรกเนิ่นนาน นี่มีความสุขชั่วครั้งชั่วคราวแล้วท่านไปเวียนอยู่ในนรกนาน พ้นจากนรกขึ้นมานะ ท่านมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เกิดเป็นวัว บุญที่ทำความดีไว้นะ และก็อธิษฐานไว้ก็ส่งผลให้เป็นวัวรูปหล่อ (หัวเราะ) เป็นวัวสุดหล่อนะ ถ้าเข้าประกวดทีไรต้องชนะ สมัยโบราณเขาคงไม่ประกวดกัน งี้เวลาเจ้าของเทียมเกวียนไปไหนมาไหนวัวสาวๆ ชอบมาวิ่งตาม เจ้าของรำคาญนะเลยจับตอนไปอีก นี่ท่านบอกว่าท่านถูกตอนอยู่ห้าร้อยชาติ ห้าร้อยชาติหมายถึงถูกตอนแล้วตอนอีกอย่างงั้น ซ้ำแล้วซ้ำอีก เสร็จแล้วมาเกิดเป็นคนนะ เป็นคนที่ไม่สมประกอบละ ผิดปกติทางเพศ ท่านบอกเป็นอยู่อย่างนี้อีกนาน กว่าจะสมประกอบคืนขึ้นมาได้ ดูสิทำผิดชั่ววูบเท่านั้นนะ เวียนอยู่นับเวลาเนี่ยนับไม่ถูกเลย
หรืออย่างบางคนโกรธเศรษฐี เศรษฐีเขาไปสร้างวัด อยากไปแกล้งเศรษฐีคนนี้ ไปเผาวัดเผากุฏิของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าในอดีต เพื่อจะแก้แค้นเขานิดเดียวเท่านั้นนะไปเผาวัด ไปเผากุฏิพระพุทธเจ้า จะให้เศรษฐีนั้นเจ็บใจเพราะเป็นคนสร้างวัด เศรษฐีนั้นใจถึงนะ ดีใจใหญ่ อุ๊ย ปลื้ม จะได้สร้างอีกแล้ว ได้ถวายวัดกับพระพุทธเจ้าอีกครั้งหนึ่งแล้ว เศรษฐีนั้นก็ได้ผลดีไปนะ ตานั้นเป็นเปรตอยู่ช้านาน ตลอดพุทธันดรหนึ่ง ช่วงที่เว้นว่างจากพระพุทธเจ้าน่ะ ตกนรกอยู่นานนะ แล้วก็ขึ้นมาเป็นเปรตอีกเป็นพุทธันดร ความผิดชั่ววูบให้ผลยาวนะ
เราอย่าประมาท เราเดินอยู่บนขอบเหวแท้ๆ เลย เหมือนเราไต่ลวดอยู่บนขอบเหวนะไม่ใช่เดินอยู่บนพื้นเรียบๆ นะ เหมือนไต่เชือกไต่อะไรอยู่ พลาดพลั้งไม่ได้นะ ต้องสู้นะ มีคนหนึ่งรู้จักกัน ก็เคยพลาดพลั้ง เคยบวชเป็นพระ เป็นพระแล้วก็ถือศีลธรรมดานี่แหละ แต่ว่าไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ทำประโยชน์อะไร เพราะว่าสมัยโน้น ไม่มีการเรียนปริยัติหรือปฏิบัติอะไรเลย บวชกันตามประเพณีไปงั้น วันๆ อยู่ไปเรื่อยๆ นะ ตายจากชาตินั้นก็ไปเกิดเป็นวัว ไปใช้หนี้ชาวบ้านเขานะ แต่ว่าไม่ได้ทำกรรมชั่วอะไรนะ พอเป็นลูกวัวชาวบ้านก็เอามาปล่อยไว้ในวัด มาถวายวัดอีก กลับมาอยู่วัดเก่านี่แหละที่เคยเป็นพระนะ
ประมาทไม่ได้เลยนะสังสารวัฏเนี่ย พลาดแวบเดียวเนี่ยไปยาวมากเลย เหมือนเราไต่ภูเขา เราพลัดตกเหวลงมานะ ไม่ใช่ง่ายที่จะขึ้นไป ทุลักทุเลนะ ต้องเข้มแข็งนะ สู้กับกิเลสถอยไม่ได้ แต่สู้ต้องมีสติปัญญา เหมือนเราไต่เขาต้องมีสติปัญญา ไม่ใช่ไต่โง่ๆ ขึ้นไปนะ ตอนนี้เหนื่อยแล้วหยุดพัก หาชะง่อนหินพักก่อน มีเรี่ยวมีแรงค่อยไต่ใหม่ เราภาวนาไปแล้วช่วงนี้เหน็ดเหนื่อยแล้วทำสมถะ ทำความสงบ สงบแล้วจิตใจมีเรี่ยวมีแรงแล้วมาเจริญปัญญารู้กายรู้ใจอีก กระดึ๊บ ๆ ๆ ไปเรื่อยไม่ท้อถอยนะ จะยากลำบากแค่ไหนก็ถอยไม่ได้นะ เป็นโอกาสดีมากๆ ของพวกเราแล้วที่ได้เจอศาสนาพุทธนะ
โดย: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
"ท่านพระอานนท์ระลึกชาติได้ว่า สมัยก่อนจะมาเป็นพระอานนท์ในชาตินี้
ท่าไปทำบุญมา แล้วขอให้มีรูปงาม ขอให้หล่อ อีกชาติหนึ่งเกิดมาหล่อเฟี้ยวเลย คราวนี้ก็ไปทำผิดศีล ประพฤติผิดในกาม ท่านบอกท่านตายจากชาตินั้นท่านเวียนอยู่ในนรกเนิ่นนาน นี่มีความสุขชั่วครั้งชั่วคราวแล้วท่านไปเวียนอยู่ในนรกนาน พ้นจากนรกขึ้นมานะ ท่านมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เกิดเป็นวัว บุญที่ทำความดีไว้นะ และก็อธิษฐานไว้ก็ส่งผลให้เป็นวัวรูปหล่อ (หัวเราะ) เป็นวัวสุดหล่อนะ ถ้าเข้าประกวดทีไรต้องชนะ สมัยโบราณเขาคงไม่ประกวดกัน งี้เวลาเจ้าของเทียมเกวียนไปไหนมาไหนวัวสาวๆ ชอบมาวิ่งตาม เจ้าของรำคาญนะเลยจับตอนไปอีก นี่ท่านบอกว่าท่านถูกตอนอยู่ห้าร้อยชาติ ห้าร้อยชาติหมายถึงถูกตอนแล้วตอนอีกอย่างงั้น ซ้ำแล้วซ้ำอีก เสร็จแล้วมาเกิดเป็นคนนะ เป็นคนที่ไม่สมประกอบละ ผิดปกติทางเพศ ท่านบอกเป็นอยู่อย่างนี้อีกนาน กว่าจะสมประกอบคืนขึ้นมาได้ ดูสิทำผิดชั่ววูบเท่านั้นนะ เวียนอยู่นับเวลาเนี่ยนับไม่ถูกเลย
หรืออย่างบางคนโกรธเศรษฐี เศรษฐีเขาไปสร้างวัด อยากไปแกล้งเศรษฐีคนนี้ ไปเผาวัดเผากุฏิของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าในอดีต เพื่อจะแก้แค้นเขานิดเดียวเท่านั้นนะไปเผาวัด ไปเผากุฏิพระพุทธเจ้า จะให้เศรษฐีนั้นเจ็บใจเพราะเป็นคนสร้างวัด เศรษฐีนั้นใจถึงนะ ดีใจใหญ่ อุ๊ย ปลื้ม จะได้สร้างอีกแล้ว ได้ถวายวัดกับพระพุทธเจ้าอีกครั้งหนึ่งแล้ว เศรษฐีนั้นก็ได้ผลดีไปนะ ตานั้นเป็นเปรตอยู่ช้านาน ตลอดพุทธันดรหนึ่ง ช่วงที่เว้นว่างจากพระพุทธเจ้าน่ะ ตกนรกอยู่นานนะ แล้วก็ขึ้นมาเป็นเปรตอีกเป็นพุทธันดร ความผิดชั่ววูบให้ผลยาวนะ
เราอย่าประมาท เราเดินอยู่บนขอบเหวแท้ๆ เลย เหมือนเราไต่ลวดอยู่บนขอบเหวนะไม่ใช่เดินอยู่บนพื้นเรียบๆ นะ เหมือนไต่เชือกไต่อะไรอยู่ พลาดพลั้งไม่ได้นะ ต้องสู้นะ มีคนหนึ่งรู้จักกัน ก็เคยพลาดพลั้ง เคยบวชเป็นพระ เป็นพระแล้วก็ถือศีลธรรมดานี่แหละ แต่ว่าไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ทำประโยชน์อะไร เพราะว่าสมัยโน้น ไม่มีการเรียนปริยัติหรือปฏิบัติอะไรเลย บวชกันตามประเพณีไปงั้น วันๆ อยู่ไปเรื่อยๆ นะ ตายจากชาตินั้นก็ไปเกิดเป็นวัว ไปใช้หนี้ชาวบ้านเขานะ แต่ว่าไม่ได้ทำกรรมชั่วอะไรนะ พอเป็นลูกวัวชาวบ้านก็เอามาปล่อยไว้ในวัด มาถวายวัดอีก กลับมาอยู่วัดเก่านี่แหละที่เคยเป็นพระนะ
ประมาทไม่ได้เลยนะสังสารวัฏเนี่ย พลาดแวบเดียวเนี่ยไปยาวมากเลย เหมือนเราไต่ภูเขา เราพลัดตกเหวลงมานะ ไม่ใช่ง่ายที่จะขึ้นไป ทุลักทุเลนะ ต้องเข้มแข็งนะ สู้กับกิเลสถอยไม่ได้ แต่สู้ต้องมีสติปัญญา เหมือนเราไต่เขาต้องมีสติปัญญา ไม่ใช่ไต่โง่ๆ ขึ้นไปนะ ตอนนี้เหนื่อยแล้วหยุดพัก หาชะง่อนหินพักก่อน มีเรี่ยวมีแรงค่อยไต่ใหม่ เราภาวนาไปแล้วช่วงนี้เหน็ดเหนื่อยแล้วทำสมถะ ทำความสงบ สงบแล้วจิตใจมีเรี่ยวมีแรงแล้วมาเจริญปัญญารู้กายรู้ใจอีก กระดึ๊บ ๆ ๆ ไปเรื่อยไม่ท้อถอยนะ จะยากลำบากแค่ไหนก็ถอยไม่ได้นะ เป็นโอกาสดีมากๆ ของพวกเราแล้วที่ได้เจอศาสนาพุทธนะ
โดย: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ช่วงมีชีวิตก็เพลินไปกับโลก ไปๆมาๆก็เลยลืม ไม่ได้แสวงหาแก่นที่เป็นประโยชน์จริง ของชีวิต
ภาวนากันบ้างไหม
ภาวนากันบ้างไหม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
• รักใครนั้นง่าย
เพราะใช้ใจด่วนๆอย่างเดียวก็พอ
แต่ไปต่อนั้นยาก
เพราะต้องใช้หัวคิดดีๆให้มากขึ้น
• ความรักเป็นภาวะปรุงแต่ง
อาศัย "บุญเก่า" ที่เคยอยู่ร่วมกัน
เป็นตัวผลักดัน
ให้มาพบและคุ้นกัน
และอาศัย "บุญใหม่" ทำให้อยู่ร่วมกันรอด
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
• หลายครั้งที่ต้องเลิกคบหรือแยกทาง
หาใช่เพราะไม่มีบุญเก่าร่วมกันมา
แต่เพราะไม่มีบุญใหม่ร่วมกันสร้าง
facebook.com\Dungtrin
เพราะใช้ใจด่วนๆอย่างเดียวก็พอ
แต่ไปต่อนั้นยาก
เพราะต้องใช้หัวคิดดีๆให้มากขึ้น
• ความรักเป็นภาวะปรุงแต่ง
อาศัย "บุญเก่า" ที่เคยอยู่ร่วมกัน
เป็นตัวผลักดัน
ให้มาพบและคุ้นกัน
และอาศัย "บุญใหม่" ทำให้อยู่ร่วมกันรอด
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
• หลายครั้งที่ต้องเลิกคบหรือแยกทาง
หาใช่เพราะไม่มีบุญเก่าร่วมกันมา
แต่เพราะไม่มีบุญใหม่ร่วมกันสร้าง
facebook.com\Dungtrin
กรรมทางวาจา มี 4 อย่างนะ ไม่ใช่แค่มีข้อโกหกอย่างเดียว
๑.พูดโกหก
๒.พูดส่อเสียด ยุให้คนแตกกันผิดกัน
๓.พูดคำหยาบ พูดทำร้ายจิตใจผู้อื่น
๔.พูดเพ้อเจ้อ พูดไม่มีประโยชน์ ไร่สาระ
๑.พูดโกหก
๒.พูดส่อเสียด ยุให้คนแตกกันผิดกัน
๓.พูดคำหยาบ พูดทำร้ายจิตใจผู้อื่น
๔.พูดเพ้อเจ้อ พูดไม่มีประโยชน์ ไร่สาระ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
• ขั้นตอนที่ยากที่สุด
ในการทำเรื่องยากให้สำเร็จ
คือการตัดสินใจลงมือทำ
• วิธีทำชีวิตให้ดีที่สุด
คือจัดการกับวันนี้ ก่อนวางแผนถึงวันหน้า
ไม่ใช่เอาแต่พะวงถึงวันหน้า ก่อนจัดการกับวันนี้
• วางแผนไปข้างหน้า
เรียกว่าใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย
กังวลไปล่วงหน้า
เรียกว่าจมอยู่กับชีวิตที่สูญเปล่า
👍🎉😁
ครู ดังตฤณ
ในการทำเรื่องยากให้สำเร็จ
คือการตัดสินใจลงมือทำ
• วิธีทำชีวิตให้ดีที่สุด
คือจัดการกับวันนี้ ก่อนวางแผนถึงวันหน้า
ไม่ใช่เอาแต่พะวงถึงวันหน้า ก่อนจัดการกับวันนี้
• วางแผนไปข้างหน้า
เรียกว่าใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย
กังวลไปล่วงหน้า
เรียกว่าจมอยู่กับชีวิตที่สูญเปล่า
👍🎉😁
ครู ดังตฤณ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พี่น้องคือผู้ที่เกิดตามกันมา ทะเลาะกันทำไม
ชีวิตย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จ ร้อนใจทำไม
ชีวิตใช่จะพบเห็นรอยยิ้มกันได้ง่าย ทุกข์ใจทำไม
#คำสอนพระอรหันต์
ชีวิตย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จ ร้อนใจทำไม
ชีวิตใช่จะพบเห็นรอยยิ้มกันได้ง่าย ทุกข์ใจทำไม
#คำสอนพระอรหันต์
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อะไรเป็นเหตุให้ ไม่มีความเมตตาต่อกัน
.....
อะไรเป็นเหตุให้
ไม่มีความกรุณาต่อกัน
.....
อะไรเป็นเหตุให้
ไม่มีความเกื้อกูลต่อกัน
.....
สิ่งที่เป็นเหตุให้คนไม่เมตตาต่อกันเลย ก็คือความไม่พอใจ ความโกธร ความชัง ความอิจฉาริษยา (รวมความแล้วก็คือโทสะ) ความประทุษร้าย
ถ้าใจมีความ
หรือภวตัณหา วิภวะตัณหา
(ต้องการให้เขารู้ความจริง)
(ไม่ต้องการให้เขารู้ความไม่จริง)
*พระอรหันต์ก็อยากให้ผู้อื่นธรรมเช่นกัน แต่ประกอบไปด้วยพรหมวิหาร*
แต่ถ้าเป็นผู้ที่ภาวนาจะเห็นถอยหลังไปอีกว่า มันก็คือความยึดมั่นถือมั่น
ว่าเรามีตัวตน(อหฺงการ) ว่าเขามีตัวตน
จึงเกิดราคะ ในสิ่งที่ถูกต้อง
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยงนิ
.....
อะไรเป็นเหตุให้
ไม่มีความกรุณาต่อกัน
.....
อะไรเป็นเหตุให้
ไม่มีความเกื้อกูลต่อกัน
.....
สิ่งที่เป็นเหตุให้คนไม่เมตตาต่อกันเลย ก็คือความไม่พอใจ ความโกธร ความชัง ความอิจฉาริษยา (รวมความแล้วก็คือโทสะ) ความประทุษร้าย
ถ้าใจมีความ
หรือภวตัณหา วิภวะตัณหา
(ต้องการให้เขารู้ความจริง)
(ไม่ต้องการให้เขารู้ความไม่จริง)
*พระอรหันต์ก็อยากให้ผู้อื่นธรรมเช่นกัน แต่ประกอบไปด้วยพรหมวิหาร*
แต่ถ้าเป็นผู้ที่ภาวนาจะเห็นถอยหลังไปอีกว่า มันก็คือความยึดมั่นถือมั่น
ว่าเรามีตัวตน(อหฺงการ) ว่าเขามีตัวตน
จึงเกิดราคะ ในสิ่งที่ถูกต้อง
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยงนิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อะไรเป็นเหตุให้ ไม่มีความเมตตาต่อกัน?
.....ลองไปคิดดู
อะไรเป็นเหตุให้
ไม่มีความกรุณาต่อกัน?
.....ลองไปคิดดู
อะไรเป็นเหตุให้
ไม่มีความเกื้อกูลต่อกัน?
.....ลองไปคิดดู
ถามใคร ใครก็ตอบได้ว่า
"ก็เพราะความไม่พอใจไง
เป็นเหตุให้ไม่อยากเมตตา เป็นเหตุให้ไม่อยากมีความกรุณาด้วย
เป็นเหตุให้ไม่อยากเกื้อกูล"
แล้วความไม่พอใจมันเกิดจากอะไร?
"เกิดจากความพอใจไง"
เช่น ชายเศษฐีรูปงามคนหนึ่งมีภรรยา๑๐ คน
ภรรยาทั้ง ๑๐ คนนั้น ต่างก็มีความพอใจที่จะต้องการให้เศษฐีรักแค่ตนคนเดียว
.......
แต่เศษฐีรูปหล่อคนนั้นเลือกได้นิ
จึงไม่สามารถทำตามใจพวกนางทั้ง๑๐คนได้
"พวกนางจึงมีความไม่พอใจ แล้วได้พากันยืนร้องไห้"
#ความไม่พอใจ เกิดจากความพอใจ อย่างนี้แล
ต่อมาภรรยาของเศษฐีทั้ง ๑๐ คน
ได้มานั่งปรับทุกข์กันว่า
"ความทุกข์นี้เกิดจากการที่เรา มีความพอใจ ต้องการให้เศษฐีรักเราแค่คนเดียว
ต่อแต่นี้ไป เราจะไม่มีความพอใจแบบนี้อีกแล้ว แม้ความเคยชินของความรู้สึกที่พอใจเขา จะผุดขึ้นมาเตือน"
ให้กลับไปพอใจเหมือนเดิม
เราก็จะเฉยชาต่อความรู้สึกที่มาเตือนนั้น อย่างไม่มีเยื่อใย
สมัยต่อมาภรรยาทั้ง ๑๐ คน ฝึกใจให้ไม่มีความพอใจในเศษฐีได้
ใจก็ดีขึ้นมาเรื่อยๆเป็นลำดับๆ
ความทุกข์เพราะเศษฐีไปบ้านเมียหลังนู้น หลังนี้ ก็จางคลายหายไป
เพราะละความพอใจเสียได้ ความไม่พอใจจึงไม่เกิด
ไม่มี"ความพอใจ" ในสิ่งที่เห็น
เราก็จะไม่มีทุกข์เพราะการเห็น
ไม่มี"ความพอใจ" ในสิ่งที่ได้ยิน
เราก็จะไม่มีทุกข์เพราะเสียง
ไม่มี"ความพอใจ"ในกลิ่นทั้งหลาย
เราก็จะไม่มีทุกข์เพราะกลิ่น
ไม่มี"ความพอใจ" ในรสชาติทั้งหลาย เราก็จะไม่มีความทุกข์ใจเพราะเรื่องรสชาติ
จะเป็นหวานก็ได้ เค็มก็ได้ จืดก็ได้ อร่อยก็ได้ ไม่อร่อยก็ได้
เช่นติดคุก 10 ปี อาหารวันแรกรสหวานชอบใจมาก
แต่วันต่อมา จนถึงวันครบ10ปี มีแต่อาหารรสจืดๆ เขาก็ทุกข์เพราะเรื่องรสอาหาร
.....ลองไปคิดดู
อะไรเป็นเหตุให้
ไม่มีความกรุณาต่อกัน?
.....ลองไปคิดดู
อะไรเป็นเหตุให้
ไม่มีความเกื้อกูลต่อกัน?
.....ลองไปคิดดู
ถามใคร ใครก็ตอบได้ว่า
"ก็เพราะความไม่พอใจไง
เป็นเหตุให้ไม่อยากเมตตา เป็นเหตุให้ไม่อยากมีความกรุณาด้วย
เป็นเหตุให้ไม่อยากเกื้อกูล"
แล้วความไม่พอใจมันเกิดจากอะไร?
"เกิดจากความพอใจไง"
เช่น ชายเศษฐีรูปงามคนหนึ่งมีภรรยา๑๐ คน
ภรรยาทั้ง ๑๐ คนนั้น ต่างก็มีความพอใจที่จะต้องการให้เศษฐีรักแค่ตนคนเดียว
.......
แต่เศษฐีรูปหล่อคนนั้นเลือกได้นิ
จึงไม่สามารถทำตามใจพวกนางทั้ง๑๐คนได้
"พวกนางจึงมีความไม่พอใจ แล้วได้พากันยืนร้องไห้"
#ความไม่พอใจ เกิดจากความพอใจ อย่างนี้แล
ต่อมาภรรยาของเศษฐีทั้ง ๑๐ คน
ได้มานั่งปรับทุกข์กันว่า
"ความทุกข์นี้เกิดจากการที่เรา มีความพอใจ ต้องการให้เศษฐีรักเราแค่คนเดียว
ต่อแต่นี้ไป เราจะไม่มีความพอใจแบบนี้อีกแล้ว แม้ความเคยชินของความรู้สึกที่พอใจเขา จะผุดขึ้นมาเตือน"
ให้กลับไปพอใจเหมือนเดิม
เราก็จะเฉยชาต่อความรู้สึกที่มาเตือนนั้น อย่างไม่มีเยื่อใย
สมัยต่อมาภรรยาทั้ง ๑๐ คน ฝึกใจให้ไม่มีความพอใจในเศษฐีได้
ใจก็ดีขึ้นมาเรื่อยๆเป็นลำดับๆ
ความทุกข์เพราะเศษฐีไปบ้านเมียหลังนู้น หลังนี้ ก็จางคลายหายไป
เพราะละความพอใจเสียได้ ความไม่พอใจจึงไม่เกิด
ไม่มี"ความพอใจ" ในสิ่งที่เห็น
เราก็จะไม่มีทุกข์เพราะการเห็น
ไม่มี"ความพอใจ" ในสิ่งที่ได้ยิน
เราก็จะไม่มีทุกข์เพราะเสียง
ไม่มี"ความพอใจ"ในกลิ่นทั้งหลาย
เราก็จะไม่มีทุกข์เพราะกลิ่น
ไม่มี"ความพอใจ" ในรสชาติทั้งหลาย เราก็จะไม่มีความทุกข์ใจเพราะเรื่องรสชาติ
จะเป็นหวานก็ได้ เค็มก็ได้ จืดก็ได้ อร่อยก็ได้ ไม่อร่อยก็ได้
เช่นติดคุก 10 ปี อาหารวันแรกรสหวานชอบใจมาก
แต่วันต่อมา จนถึงวันครบ10ปี มีแต่อาหารรสจืดๆ เขาก็ทุกข์เพราะเรื่องรสอาหาร
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้ามองเห็นแต่สิ่งแย่ๆเรื่องแย่ๆ
ของคนอื่น จนตนเองเป็นทุกข
์
ทำไมเขาเป็นอย่างนั้น
ทำไมเขาทำตัวอย่างนั้น
ทำไมเขาพูดจาอย่างนั้น
เราลองมองนิสัยแย่ๆของเรา
ที่มันแก้ยากๆดูบ้าง
เราก็จะลดการติเตือนเพ่งโทษในใจต่อเขาลงได้
ทุกข์ก็น้อยลงๆ
#ผู้ที่ไม่ทำผิดเลย
ไม่พูดผิดเลย มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นแหละ
ของคนอื่น จนตนเองเป็นทุกข
์
ทำไมเขาเป็นอย่างนั้น
ทำไมเขาทำตัวอย่างนั้น
ทำไมเขาพูดจาอย่างนั้น
เราลองมองนิสัยแย่ๆของเรา
ที่มันแก้ยากๆดูบ้าง
เราก็จะลดการติเตือนเพ่งโทษในใจต่อเขาลงได้
ทุกข์ก็น้อยลงๆ
#ผู้ที่ไม่ทำผิดเลย
ไม่พูดผิดเลย มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นแหละ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#การดูมวยบาปหรือไม่
การดูมวย ที่เขาชกกันต่อยกัน เลือดแตก เลือดไหลอยู่บนเวที
สมมุตติว่า ฝ่ายน้ำเงิน เตะก้านคอ ฝ่ายแดงจนคอหักหรือแขนหัก หรือซี้โครงหัก
แล้วเรามีใจยินดีกับกับฝ่ายน้ำเงิน
!"อือ..เก่งมาก เอามัน..ๆ เอามัน..ๆ
จิตเราก็มีส่วนติดวิบากของกรรมแล้ว
ทางพระท่านจะเรียกอาการที่มีใจยินดีนี้ว่า "โสมนัส"
คือความยินดี พอใจ
ถ้ายินดีพอใจกับการกระทำของผู้อื่นที่เป็นไปในทางบุญกุศล
เราก็มีส่วนได้วิบากของกรรมดี(ฝ่ายกุศล)
ถ้ายินดีพอใจกับการกระทำของผู้ที่เป็นไปในทางบาปอกุศล
เราก็มีส่วนได้รับวิบากกรรมไม่ดี(ฝ่านอกุศล)
วิบาก กับ กรรม มีความหมายอย่างไร?
กรรม คือการกระทำ ทางกาย ทางวาจา ทางใจ
วิบาก คือผลของการกระทำ
เช่นเราเห็นโจรขว้างระเบิดเข้าไปกลางตลาด ซึ่งมีคนมากมายอยู่ในตลาด
ตายตายเป็นร้อย บาทเจ็บเป็นพัน
ตกใจสะดุ้งเป็นหมื่น
แล้วเรามีความยินดีพอใจกำการกระทำของโจร เราก็ได้ชื่อว่าใจนั้นติดบาปแล้ว
พอติดบาปแล้ว ก็จะมีวิบากให้ผล
คือ เกิดชาติใด ก็จะอายุสั้น จนวิบากจางคลาย
แต่นี่การดูมวย เห็นเขาเตะฝ่ายแดง ฝ่ายแดงเขาก็เจ็บตัว หรือคอหัก แขนหัก เป็นต้น เราก็มีความพอใจชอบใจ
เราก็จะมีส่วนได้รับวิบากกรรมเหมือนคนเตะ
คือฝ่ายน้ำเงินในอนาคตต่อไป จะเป็นผู้เจ็บ หรือกระดูกไม่สมบูรณ์ เป็นต้น
เราก็จะมีส่วนเจ็บ ส่วนกระดูกไม่สมบูรณ์เหมือนกัน
#เหตุที่โพส
ก็เพราะมีเหตุคือ
พระพุทธเจ้าชาติที่เป็นพระโพธิ์สัตว์ คือยังเป็นคนธรรมดาๆ
ท่านเกิดในหมู่บ้านชาวประมง
ตอนนั้นท่านอยู่ในวัยเด็ก วันนั้นไปเห็นชาวประมงเขาฆ่าปลา
ท่านเกิดความโสมนัสพอใจยินดีกับการที่ชาประมงฆ่าปลา
อันนี้คือเรื่องในหลายภพชาติของพระองค์ที่เอามาเล่าให้ภิกษุฟัง
ว่า สาเหตุที่พระองค์ปวดหัวอย่างรุนแรงและทรามาณ เพราะกรรมที่พระองค์เคยยินดีพอใจกับพวกชาวประมงที่ฆาปลา"นั้น
ดังนั้นเราทั้งหลาย เห็นใครทำดีที่เป็นบุญกุศล จงยินดีพอใจ
เห็นใครทำไม่ดีที่เป็นบาปอกุศล
อย่ายินดีอย่าพอใจ
เห็นใครพูดดีที่เป็นบุญกุศล
จงยินดีพอใจ
เห็นใครพูดไม่ดีที่เป็นบาปอกุศล
อย่ายินดีพอใจ อย่ายินร้ายเสียใจ
แต่ให้วางใจเป็น อุเบกขาแล้วจะไม่ติดวิบากกรรมที่ไม่ดี
การดูมวย ที่เขาชกกันต่อยกัน เลือดแตก เลือดไหลอยู่บนเวที
สมมุตติว่า ฝ่ายน้ำเงิน เตะก้านคอ ฝ่ายแดงจนคอหักหรือแขนหัก หรือซี้โครงหัก
แล้วเรามีใจยินดีกับกับฝ่ายน้ำเงิน
!"อือ..เก่งมาก เอามัน..ๆ เอามัน..ๆ
จิตเราก็มีส่วนติดวิบากของกรรมแล้ว
ทางพระท่านจะเรียกอาการที่มีใจยินดีนี้ว่า "โสมนัส"
คือความยินดี พอใจ
ถ้ายินดีพอใจกับการกระทำของผู้อื่นที่เป็นไปในทางบุญกุศล
เราก็มีส่วนได้วิบากของกรรมดี(ฝ่ายกุศล)
ถ้ายินดีพอใจกับการกระทำของผู้ที่เป็นไปในทางบาปอกุศล
เราก็มีส่วนได้รับวิบากกรรมไม่ดี(ฝ่านอกุศล)
วิบาก กับ กรรม มีความหมายอย่างไร?
กรรม คือการกระทำ ทางกาย ทางวาจา ทางใจ
วิบาก คือผลของการกระทำ
เช่นเราเห็นโจรขว้างระเบิดเข้าไปกลางตลาด ซึ่งมีคนมากมายอยู่ในตลาด
ตายตายเป็นร้อย บาทเจ็บเป็นพัน
ตกใจสะดุ้งเป็นหมื่น
แล้วเรามีความยินดีพอใจกำการกระทำของโจร เราก็ได้ชื่อว่าใจนั้นติดบาปแล้ว
พอติดบาปแล้ว ก็จะมีวิบากให้ผล
คือ เกิดชาติใด ก็จะอายุสั้น จนวิบากจางคลาย
แต่นี่การดูมวย เห็นเขาเตะฝ่ายแดง ฝ่ายแดงเขาก็เจ็บตัว หรือคอหัก แขนหัก เป็นต้น เราก็มีความพอใจชอบใจ
เราก็จะมีส่วนได้รับวิบากกรรมเหมือนคนเตะ
คือฝ่ายน้ำเงินในอนาคตต่อไป จะเป็นผู้เจ็บ หรือกระดูกไม่สมบูรณ์ เป็นต้น
เราก็จะมีส่วนเจ็บ ส่วนกระดูกไม่สมบูรณ์เหมือนกัน
#เหตุที่โพส
ก็เพราะมีเหตุคือ
พระพุทธเจ้าชาติที่เป็นพระโพธิ์สัตว์ คือยังเป็นคนธรรมดาๆ
ท่านเกิดในหมู่บ้านชาวประมง
ตอนนั้นท่านอยู่ในวัยเด็ก วันนั้นไปเห็นชาวประมงเขาฆ่าปลา
ท่านเกิดความโสมนัสพอใจยินดีกับการที่ชาประมงฆ่าปลา
อันนี้คือเรื่องในหลายภพชาติของพระองค์ที่เอามาเล่าให้ภิกษุฟัง
ว่า สาเหตุที่พระองค์ปวดหัวอย่างรุนแรงและทรามาณ เพราะกรรมที่พระองค์เคยยินดีพอใจกับพวกชาวประมงที่ฆาปลา"นั้น
ดังนั้นเราทั้งหลาย เห็นใครทำดีที่เป็นบุญกุศล จงยินดีพอใจ
เห็นใครทำไม่ดีที่เป็นบาปอกุศล
อย่ายินดีอย่าพอใจ
เห็นใครพูดดีที่เป็นบุญกุศล
จงยินดีพอใจ
เห็นใครพูดไม่ดีที่เป็นบาปอกุศล
อย่ายินดีพอใจ อย่ายินร้ายเสียใจ
แต่ให้วางใจเป็น อุเบกขาแล้วจะไม่ติดวิบากกรรมที่ไม่ดี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#คบเพื่อน เพราะเห็นแก่ประโยชน์
.เพื่อนในเฟสบุ๊กแบบระบบสมมุติ ในเฟสบุ๊ก) ก็มีแต่วัยรุ่น
ที่เป็นผู้หญิงซะส่วนมาก
เป็นพระแทนที่จะมีเพื่อนแบบพระ
นี่คือความคิดที่มันปรุงขึ้นมา
นี่ก็เพราะเราได้ทำเหตุไว้ก่อน
คือตอนยังไม่บวช ก็แอดไปทั่วที่ไหนใครน่ารู้จัก ใครสวย ใครน่ารัก แอดไปทั่ว
ตอนนี้ในเฟสจึงมีแต่เพื่อนผู้หญิงที่เป็นวัยรุ่นเสียส่วนมาก ไม่รู้จักกันก็เยอะ เพราะไม่ใช่เพื่อนจริง เป็นสักแต่ว่าเพื่อนในระบบเฟส
ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้าเราอยากมีเพื่อนจริงในชีวิต เราอย่าสร้างเหตุนี้ คือ
1.คบเพื่อน เพราะเห็นแก่ประโยชน์
2.คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ยอมเสียน้อยโดยหวังจะเอาให้มาก
3.สงเคราะห์ด้วยสิ่งที่หาประโยชน์มิได้
4.เมื่อเพื่อนมีกิจอ้างแต่เหตุขัดข้อง
5.ตัวมีภัย จึงมาช่วยทำกิจของเพื่อน
6.ต่อหน้าสรรเสริญ ลับหลังนินทา
ความจริงมีมากกว่าหกอีก
#เพื่อนดีๆมีน้อยๆ #ถนอมรักษาน้ำใจกันหน่อยนะ
คบเพื่อนเพราะเห็นแก่ประโยชน์
เป็นอย่างไร?
คือเวลาใครมีประโยชน์ก็ไปตีสนิทเป็นเพื่อนเพื่อกินประโยชน์นั้นๆ
จากนั้นพอเพื่อนไม่มีประโยชน์ก็ทิ้งเพื่อน
และจะมีอีกนัยยะหนึ่ง ที่เราต้องแสวงคบหาเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อที่เราจะได้เจริญ
คือเพื่อนที่เป็นคนดี อันนี้ต้องหาทางตีสนิทคบให้ได้
.เพื่อนในเฟสบุ๊กแบบระบบสมมุติ ในเฟสบุ๊ก) ก็มีแต่วัยรุ่น
ที่เป็นผู้หญิงซะส่วนมาก
เป็นพระแทนที่จะมีเพื่อนแบบพระ
นี่คือความคิดที่มันปรุงขึ้นมา
นี่ก็เพราะเราได้ทำเหตุไว้ก่อน
คือตอนยังไม่บวช ก็แอดไปทั่วที่ไหนใครน่ารู้จัก ใครสวย ใครน่ารัก แอดไปทั่ว
ตอนนี้ในเฟสจึงมีแต่เพื่อนผู้หญิงที่เป็นวัยรุ่นเสียส่วนมาก ไม่รู้จักกันก็เยอะ เพราะไม่ใช่เพื่อนจริง เป็นสักแต่ว่าเพื่อนในระบบเฟส
ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้าเราอยากมีเพื่อนจริงในชีวิต เราอย่าสร้างเหตุนี้ คือ
1.คบเพื่อน เพราะเห็นแก่ประโยชน์
2.คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ยอมเสียน้อยโดยหวังจะเอาให้มาก
3.สงเคราะห์ด้วยสิ่งที่หาประโยชน์มิได้
4.เมื่อเพื่อนมีกิจอ้างแต่เหตุขัดข้อง
5.ตัวมีภัย จึงมาช่วยทำกิจของเพื่อน
6.ต่อหน้าสรรเสริญ ลับหลังนินทา
ความจริงมีมากกว่าหกอีก
#เพื่อนดีๆมีน้อยๆ #ถนอมรักษาน้ำใจกันหน่อยนะ
คบเพื่อนเพราะเห็นแก่ประโยชน์
เป็นอย่างไร?
คือเวลาใครมีประโยชน์ก็ไปตีสนิทเป็นเพื่อนเพื่อกินประโยชน์นั้นๆ
จากนั้นพอเพื่อนไม่มีประโยชน์ก็ทิ้งเพื่อน
และจะมีอีกนัยยะหนึ่ง ที่เราต้องแสวงคบหาเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อที่เราจะได้เจริญ
คือเพื่อนที่เป็นคนดี อันนี้ต้องหาทางตีสนิทคบให้ได้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ชัดเจน มาก ขอบคุณมากๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#เราอโหสิกรรมให้หมดนะ
เคยมีเด็กมาด่าเรา เราก็สงสารมากจึงพยามพูดด้วยดีๆ
ก็เลยคิดในใจว่า คงไม่ใช่มีแค่เฉพาะเด็กแน่..!
ที่เคยประทุษร้ายต่อเรา ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
อโหสิกรรมให้หมดเลยนะ เพราะต่อไปในอนาคตจะไม่ได้เจอหลวงพี่อีกนาน
เลยเด็กพวกนี้
เคยมีเด็กมาด่าเรา เราก็สงสารมากจึงพยามพูดด้วยดีๆ
ก็เลยคิดในใจว่า คงไม่ใช่มีแค่เฉพาะเด็กแน่..!
ที่เคยประทุษร้ายต่อเรา ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
อโหสิกรรมให้หมดเลยนะ เพราะต่อไปในอนาคตจะไม่ได้เจอหลวงพี่อีกนาน
เลยเด็กพวกนี้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ชาตินี้ ตั้งสัจจะไว้ว่า จะแสวงหาประโยชน์ตน
คือ การบรรลุธรรมขั้นสูง
จะไม่ยอมตามใจกิเลสของใครแล้ว
เพราะช่วงในศาสนาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย28พระองค์ที่ผ่านมา
เราบริโภคกามคุณห้า ทำตัวเสเหล๋ เกิดเป็นเดรัจฉาน เกิดเป็นนักเลงสุรา เกิดเป็นกระเทย เกิดเป็นคนพิการ เกิดเป็นเปตร เกิดเป็นผู่หญิง
เกิดเป็นพ่อค้า เกิดเป็นชาวนา เกิดเป็นไก่ เกิดเป็นครู เกิดเป็นมาแล้วทุกอย่าง และก่อนจะมาเป็นชาตินี้ เป็นเทวดา
ชาตินี้เป็นมนุษย์แล้ว รู้คำสอนในพระไตรปิกกแล้ว น่าสลดสังเวชศาสนาพระพุทธเจ้ามาก เห็นภัยในสังสารวัฏแล้ว ไม่เอาแล้วการเร่ร่อนในภพต่างๆ พอแล้ว ชาตินี้จะเอาประโยชน์ตนให้ได้ คืออริยะบุคคล
คือ การบรรลุธรรมขั้นสูง
จะไม่ยอมตามใจกิเลสของใครแล้ว
เพราะช่วงในศาสนาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย28พระองค์ที่ผ่านมา
เราบริโภคกามคุณห้า ทำตัวเสเหล๋ เกิดเป็นเดรัจฉาน เกิดเป็นนักเลงสุรา เกิดเป็นกระเทย เกิดเป็นคนพิการ เกิดเป็นเปตร เกิดเป็นผู่หญิง
เกิดเป็นพ่อค้า เกิดเป็นชาวนา เกิดเป็นไก่ เกิดเป็นครู เกิดเป็นมาแล้วทุกอย่าง และก่อนจะมาเป็นชาตินี้ เป็นเทวดา
ชาตินี้เป็นมนุษย์แล้ว รู้คำสอนในพระไตรปิกกแล้ว น่าสลดสังเวชศาสนาพระพุทธเจ้ามาก เห็นภัยในสังสารวัฏแล้ว ไม่เอาแล้วการเร่ร่อนในภพต่างๆ พอแล้ว ชาตินี้จะเอาประโยชน์ตนให้ได้ คืออริยะบุคคล
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ใจใสสะอาดและสว่างมาก จนถึงกับมีเทวดามาดู
ว่า เอ๊ะ..นี่มันแสงอะไร?
แต่ยังไม่บริสุทธิ์ เพราะมีตระกอน
คือกิเลสอยู่
ว่า เอ๊ะ..นี่มันแสงอะไร?
แต่ยังไม่บริสุทธิ์ เพราะมีตระกอน
คือกิเลสอยู่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อเริ่มต้นภาวนาดูใจ
จะเห็น เวทนา คือสุขบ้าง ทุกข์บ้าง เฉยๆบ้าง ตามสติปัญญาเบื้องต้น
และภาวนาต่อไปอีก จิตจะทวนกระแสเข้ามา
จะเห็นสังขารขันธ์(ความนึกคิด เจตนาดีบ้าง เจตนาไม่ดีบ้าง)
เมื่อก่อนเห็นแต่เวทนา ไม่เคยเห็นความคิดเลย
จากที่ไม่เคยเห็นความคิดก็ได้เห็นความคิด
ต่อแต่นั้นจะรู้ว่า ที่ผ่านมาที่เคย ทุกข์ มันเพราะความคิดนี่เอง
ถ้ายึดความคิดมันจะปรุงต่อ
ถ้าเพลินมันก็จะปรุงต่อ
ถ้าไม่ยึดมันจะดับของมัน
จะเห็น เวทนา คือสุขบ้าง ทุกข์บ้าง เฉยๆบ้าง ตามสติปัญญาเบื้องต้น
และภาวนาต่อไปอีก จิตจะทวนกระแสเข้ามา
จะเห็นสังขารขันธ์(ความนึกคิด เจตนาดีบ้าง เจตนาไม่ดีบ้าง)
เมื่อก่อนเห็นแต่เวทนา ไม่เคยเห็นความคิดเลย
จากที่ไม่เคยเห็นความคิดก็ได้เห็นความคิด
ต่อแต่นั้นจะรู้ว่า ที่ผ่านมาที่เคย ทุกข์ มันเพราะความคิดนี่เอง
ถ้ายึดความคิดมันจะปรุงต่อ
ถ้าเพลินมันก็จะปรุงต่อ
ถ้าไม่ยึดมันจะดับของมัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เราบำเพ็ญบารมีเพื่อออกจากโลก
เราบำเพ็ญบารมีเพื่อออกจาก ราคะ โทสะ โมหะ
จะคิดว่าเสียอะไรไป ก็ไม่ถูก
เพราะมันไม่ใช่ของเรามาตั้งแต่จิตเวงแรกเข้าปฏิสนธิ
เราบำเพ็ญบารมีเพื่อออกจาก ราคะ โทสะ โมหะ
จะคิดว่าเสียอะไรไป ก็ไม่ถูก
เพราะมันไม่ใช่ของเรามาตั้งแต่จิตเวงแรกเข้าปฏิสนธิ
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 11, 2016 2:28:50pm
Dungtrinfacebook.com
พ่อแม่คือสิ่งที่สะท้อนวิบากกรรมของเราได้แรงที่สุด
กรรม แปลว่า :การกระทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ)
วิบาก แปลว่า : ผล
วิบากกรรม แปลว่า ผลของการกระทำ
เช่น
ทางกาย • คือถ้าเราโกธรแล้วเอาเท้าถีบแม่ตนเอง
จะสำเร็จเป็นกรรมทางกายทันที บาปมากกว่าเอาเท้าถีบแม่ของคนอื่นหลายเท่ามากมาย
ทางวาจา • คือถ้าเราด่าท่านด้วยความโมโห..กริ้วโกธร
จะสำเร็จเป็นกรรมทางวาจาทันที บาปมากกว่าไปด่าแม่ของผู้อื่นหลายเท่า
ทางใจ • คือการมีความผูกอาฆาตพยาบาทท่าน คิดที่จะประทุษร้ายแม่หรือพ่อ
• พ่อแม่คือรากของชีวิต
ถ้าไม่บำรุงราก ชีวิตก็ยากจะเจริญ
• น้ำหนักของกรรมดีที่คุณทำกับพ่อแม่
จะให้ผลชัดเป็นความไม่ตกต่ำ
แม้ชาติปัจจุบันถูกกรรมเก่าร้ายๆเล่นงาน
ก็จะได้รับความช่วยเหลือ
ผ่อนหนักให้เป็นเบาตามสมควร
: ถ้าจะถามว่าใครเป็นคนกำหนดให้ต้องนึกถึงบุญคุณพ่อแม่
ก็ต้องตอบว่าธรรมชาตินั่นแหล่ะที่กำหนด
และฝังไว้ในสำนึกว่าการรู้คุณพ่อแม่เป็นคุณสมบัติของผู้มีใจสูง
คนเราจะทราบว่าตนมีใจสูงหรือใจต่ำ
ก็ดูง่ายๆว่าจำได้หรือเปล่าว่าพ่อแม่สำคัญแค่ไหน
"เพราะพ่อแม่มีชีวิตต่อได้ถ้าไม่มีคุณ
แต่คุณมีชีวิตขึ้นมาไม่ได้ถ้าขาดพ่อแม่"
• สำหรับพ่อแม่เป็นข้อยกเว้นพิเศษ ไม่ว่าจะดีเลวอย่างไร
ถ้าทำคุณกับพวกท่านก็ได้ผลเป็นความสุขความเจริญ
เพราะได้ชื่อว่ารู้คุณคน ได้ชื่อว่าตอบแทนผู้ควรตอบแทน
ได้ชื่อว่าใช้หนี้อันควรใช้
ตราบใดไม่ใช้หนี้ตามสมควร
ตราบนั้นชีวิตย่อมเต็มไปด้วยแรงกดดัน
• เมื่อใช้หนี้พ่อแม่ด้วยความสุข
มีความปลาบปลื้มยินดี
แรงกดดันย่อมแปรเป็นขั้วตรงข้าม
คือกลายเป็นแรงหนุนส่งให้ขึ้นสูงได้ยิ่งๆขึ้น
• เนื่องจากพ่อแม่และพระอรหันต์เป็นของใหญ่
ทรงคุณสูงสุดทำอะไรกับพวกท่านไว้เป็นประจำ
จึงให้ผลคงเส้นคงวาไปทั้งชีวิตในชาติถัดมา
• การอุปการะเลี้ยงดูพ่อแม่
หรือผู้มีพระคุณให้อยู่สุขสบาย
จะเป็นตัวตั้ง
เป็นหลักประกันว่าทั้งชาตินี้และชาติหน้า
จะเจริญรุ่งเรืองในการทำมาหากินยิ่งๆขึ้นไป
กับทั้งเป็นผู้ได้รับมรดกจากผู้หลักผู้ใหญ่
ไม่ถูกแย่งชิงหรือมีเหตุให้เสียมรดกไปอย่างไม่สมควร
: นี่เป็นหลักการสะท้อนให้เห็นว่า
ทุกคนเป็นทายาทแห่งกรรมของตน
ทุกคนจะเป็นผู้รับมรดกที่ตนสร้างทำไว้อย่างเป็นรูปธรรม
. . . . . . . . . . . . . . . .
• กรรมที่ลืมบุญคุณคน
ก็จะทำให้เป็นผู้ไม่ได้รับความเห็นใจช่วยเหลือในยามลำบาก
แต่หากถึงขั้นเนรคุณได้นี่จะต้องโดนโทษหนัก
ทำอะไรต่อให้เจริญแค่ไหนก็จะกลับตกต่ำอย่างไม่คาดฝัน
: คนอกตัญญู แม้ได้รับมรดกก็ต้องตกไปอยู่ในห้วงของการแย่งชิง
ทำนองศึกสายเลือดหรือมีเหตุให้สมบัติพินาศลง
หรือแม้สมบัติไม่พินาศก็กลายเป็นของร้อนที่ครอบครองแล้ว
ไม่เป็นสุขเนื่องจากสมบัติบันดาลจากบุญเก่า
โดยปราศจากบุญใหม่อันได้แก่ความกตัญญูมารักษาความสงบเย็น
• ถ้าเคยคิดว่ากรรมที่ทำไว้กับพ่อแม่ไม่เท่าไหร่
รีบเปลี่ยนความคิดเถอะครับ
เพราะตอนรับผลตรงๆ
เป็นความเดือดเนื้อร้อนใจเกี่ยวกับลูกหลาน
แล้วจำได้เป็นฉากๆว่าไอ้ที่ประสบอยู่นั้น
เป็นสิ่งที่เคยทำไว้กับพ่อแม่อย่างไร
บางทีอาจสายเกินกว่าจะแก้อะไรแล้ว
ต้องแบกวิบากอ่วมอรทัยกันยืดเยื้อยาวนานแล้ว
• โทษของการกดหัวใช้ผู้คนเยี่ยงทาสเป็นจำนวนมาก
ยังนับว่าเบากว่า การกดหัวใช้พ่อแม่ด้วยจิตสกปรกเห็นพ่อแม่เป็นคนใช้
และการกดหัวใช้พ่อแม่ไปทั้งชาติ
ก็อาจได้น้ำหนักประมาณเดียวกันกับการกดใช้พระอรหันต์
โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์สักระยะหนึ่ง
• กรรมที่เหวี่ยงให้ไปเกิดในตระกูลต่ำ
ต้องเป็นข้าทาสบริวารชนิดเลี่ยงไม่ได้ ดิ้นรนไม่รอดนั้น
ได้แก่การกดหัวใช้ผู้ทรงศีล กดหัวใช้พ่อแม่
หรือกดหัวใช้ผู้คนจำนวนมาก คำว่า ‘กดหัวใช้’ ในที่นี้
ผมหมายถึงการมีความคิดเหยียด
มีใจเย่อหยิ่งจองหอง
ถือสิทธิ์หรือถือโอกาสที่อยู่ในฐานะเหนือกว่า
วางอำนาจใช้สอยคนด้วยใจคิดข่มขี่ข่มเหง
• พ่อแม่คือรากของความเป็นคุณ
คนเราถ้าบำรุงรากให้เจริญขึ้นได้
หรืออย่างน้อยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้
ก็คือทำตัวเองให้รุ่งโรจน์ขึ้นนั่นเอง
คิดข้ามช็อตดีกว่า
อย่ากลัวบาปจากการทะเลาะกับพ่อแม่
หันมากลัวไม่ได้บุญจากการมีส่วนเปลี่ยนพ่อแม่ให้เย็นลงกันเถอะ!
. . . . . . . . . . . . . . . . .
• การคิดเลี้ยงดูให้พ่อแม่สุขทั้งกายสบายทั้งใจ
นับเป็นการตอบแทนครึ่งเดียว
หากจะตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อนั้น
คุณต้องมีโอกาสด้วย
โอกาสที่ว่านั้นคือพ่อ และ/หรือ แม่ของคุณยังไม่มีที่พึ่งให้ตนเอง
ได้แก่ความรู้ความศรัทธาในเรื่องกรรมและการให้ผลกรรม
ยังไม่มีความตั้งมั่นในทาน
ยังไม่มีความตั้งมั่นในศีล
แล้วคุณสามารถโน้มน้าว
ชักชวนให้พวกท่านมาศรัทธากรรม
ฝึกให้ทานจนไม่ให้แล้วเหมือนขาดอะไรไป
ฝึกถือศีลจนประพฤติผิดแล้วรู้สึกผิดรุนแรง
นั่นแหละจึงได้ชื่อว่าตอบแทนคุณท่านอย่างสมน้ำสมเนื้อ
• ธรรมชาติพิเศษของการใช้หนี้บุญคุณมีอยู่ประการหนึ่ง
คือยิ่งหนี้สูงแล้วคุณใช้คืนอย่างสมน้ำสมเนื้อ
คุณจะได้คะแนนบวกมหาศาล
น้ำหนักของกรรมดีที่คุณทำกับพ่อแม่จะให้ผลชัดเป็นความไม่ตกต่ำ
แม้ชาติปัจจุบันถูกกรรมเก่าร้ายๆเล่นงาน
ก็จะได้รับความช่วยเหลือ
ผ่อนหนักให้เป็นเบาตามสมควร
• หากคุณไม่ตอบแทนพ่อแม่เลย
ลูกของคุณจะทำหน้าที่ทวงแทน
คือกรรมของคุณจะไปดึงดูดเอาพวกที่จะมาเป็นลูกล้างลูกผลาญ
และไม่สำนึกบุญคุณ หากคุณไม่มีลูกก็ทบหนี้ไปถึงชีวิตหน้าในเกมต่อไป
ในทางกลับกัน
หากคุณมีลูกแล้วไม่รับผิดชอบดูแลลูกเมียให้ดี
มันอาจหมายถึงการเลื่อนเวลาชดใช้หนี้เก่าก็ได้
ต้องแยกให้ออกว่าลูกอาจติดหนี้น้ำกามของคุณ
แต่คุณเองก็อาจเคยติดหนี้เขาไว้ก่อน (และโดยมากจะเป็นเช่นนั้น)
หากเขามาทวงหนี้คืนแล้วไม่ใช้
ชาติต่อไปคุณก็มีสิทธิ์สูงที่จะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ขาดความรับผิดชอบ
เลี้ยงดูแบบทิ้งๆขว้างๆ
หรือฝากคนอื่นเลี้ยงจนคุณว้าเหว่และมีปัญหาตั้งแต่เล็ก
• พระพุทธเจ้าให้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่
ด้วยที่พึ่งอันแท้จริงคือความเข้าใจธรรม
ตั้งมั่นในทานและศีล แต่ที่เราควรทำให้ตนคือภาวนาไป
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
• ทำอย่างไรจึงจะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ดี ?
: คำตอบคือทำแต่กรรมที่ดีๆ
เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า
พวกเรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์มีกรรมเป็นแดนเกิด
ฉะนั้นอย่าน้อยใจ และอย่าชะล่าใจ
กับกรรมเก่าที่ส่งเรามาอยู่กับพ่อแม่ดีหรือไม่ดีในชาติปัจจุบัน
อยากมีพ่อแม่แบบไหนในครั้งหน้า
ก็ขอให้ประพฤติตัวแบบนั้นมากๆไปจนชั่วชีวิตก็แล้วกัน
กรรมที่คุณทำเป็นอาจิณนั่นแหละตัวเลือกแดนเกิด ตัวเลือกเผ่าพันธุ์ใหม่ให้
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
• เรื่องการเลี้ยงสัตว์ก็ดี
เรื่องการเลี้ยงลูกก็ดี
ต้องคำนึงมากๆครับว่า
เหล่านั้นคือสิ่งมีชีวิต เราให้เขามีชีวิตอย่างไร
เมื่อถึงเวลาย้อนกลับมาถึงตาเราชีวิตเราก็เป็นอย่างนั้นด้วย
• ธรรมชาติบีบให้คนทั่วไปอยากมีลูก
เว้นแต่คนที่อยากเป็นอิสระ
หาเลี้ยงตัวยังไม่ได้
ไม่รู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งอย่างพ่อ
ขาดความอ่อนโยนอย่างแม่
~ นอกจากนั้น..
คนที่สั่งสมบารมีในการหลุดพ้นมากๆ
ที่เกิดชาติสุดท้ายจะไม่อยากมีลูก
ทั้งที่ก็เลี้ยงตัวได้ มีคุณสมบัติเป็นพ่อเป็นแม่ได้
: มีลูกยังไม่ได้ตัดสินว่ามีบุญหรือมีบาป
ถ้าลูกทำความสบายใจให้เป็นส่วนใหญ่
จึงถือว่ามีบุญที่เป็นแดนเกิดให้คนมีบุญครับ
• เราทำอะไรดีหรือไม่ดีไว้กับใคร
จะเห็นตัวเองชัดที่สุดตอนลูกทำกับเรานั่นแหละครับ
ถ้าไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูเขาเราก็โดนทบดอกเบี้ยอีก
• ลูกไม่มีสิทธิ์คาดหวังว่าหน้าตาคุณจะเป็นอย่างไร
แต่เขามีสิทธิ์คาดหวังว่า
หน้าตาคุณอ่อนโยนขนาดไหนในเวลาที่ยื่นหน้าไปหาเขา
• ความขัดแย้งระหว่างแม่กับลูก เป็นปัญหาคู่โลก
เป็นความขัดแย้งทางความคิด ไม่ถือว่าบาป
เพียงแต่เราต้องไม่คิดหรือพูดต่อกันด้วยโทสะ หรืออารมณ์โกรธ
สำหรับพ่อแม่
หากคุณเลี้ยงลูกในสิ่งที่คุณอยากให้เป็น
คุณจะไม่มีทางได้รู้จักลูก
หรือตัวตนที่แท้จริงของลูก
และสำหรับลูก
เราควรพูดกับพ่อแม่ดีๆ
ให้ท่านเข้าใจในตัวตนของเรา
จะได้ไม่ต้องเถียงกัน พูดด้วยเหตุด้วยผล
• พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิดฉะนั้นกรรมจะเป็นผู้รู้
และเข้าใจครับว่าต้องจัดสรรพ่อแม่แบบไหนมาให้เด็ก
ไม่ใช่เราอยากได้เด็กแบบไหนแล้วจะมีวิธีให้ได้ดังใจ
• ทำบุญขอมีลูกที่ดีที่สุด
ได้ผลที่สุดที่เห็นมาหลายราย
คือทำด้วยการตั้งใจว่า
ถ้าเทวดาไหนอยากมาต่อบุญ ต่อศีล ต่อภาวนา
เราจะเป็นแดนเกิดให้
• ไม่มีเด็กคนไหนดื้อ
มีแต่เด็กที่ไม่เข้าใจว่า
ผู้ใหญ่ขอให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ไปทำไม
เพราะผู้ใหญ่ไม่อดทนพอจะอธิบายให้ฉลาดหน่อย
• เด็กจะสนใจทุกคำตอบที่เขาสงสัย
แต่จะเพิกเฉยกับทุกคำสอนที่สร้างความสงสัยว่า ทำไมเขาต้องทนฟัง
• การสอนที่ล้าสมัยทำให้เด็กจมอยู่กับอดีต
การสอนที่ล้ำสมัยทำให้เด็กอยากสร้างอนาคต
การสอนที่ทันสมัยทำให้เด็กอยู่กับปัจจุบันเป็น
• ทำให้เด็กมีปัญหา แล้วโลกจะมีปัญหากว่านั้น
ทำให้เด็กหมดปัญหา แล้วโลกจะมีคนพยายามทำปัญหาให้หมดไป
ดังตฤณ
http://www.facebook.com/Dungtrin
กรรม แปลว่า :การกระทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ)
วิบาก แปลว่า : ผล
วิบากกรรม แปลว่า ผลของการกระทำ
เช่น
ทางกาย • คือถ้าเราโกธรแล้วเอาเท้าถีบแม่ตนเอง
จะสำเร็จเป็นกรรมทางกายทันที บาปมากกว่าเอาเท้าถีบแม่ของคนอื่นหลายเท่ามากมาย
ทางวาจา • คือถ้าเราด่าท่านด้วยความโมโห..กริ้วโกธร
จะสำเร็จเป็นกรรมทางวาจาทันที บาปมากกว่าไปด่าแม่ของผู้อื่นหลายเท่า
ทางใจ • คือการมีความผูกอาฆาตพยาบาทท่าน คิดที่จะประทุษร้ายแม่หรือพ่อ
• พ่อแม่คือรากของชีวิต
ถ้าไม่บำรุงราก ชีวิตก็ยากจะเจริญ
• น้ำหนักของกรรมดีที่คุณทำกับพ่อแม่
จะให้ผลชัดเป็นความไม่ตกต่ำ
แม้ชาติปัจจุบันถูกกรรมเก่าร้ายๆเล่นงาน
ก็จะได้รับความช่วยเหลือ
ผ่อนหนักให้เป็นเบาตามสมควร
: ถ้าจะถามว่าใครเป็นคนกำหนดให้ต้องนึกถึงบุญคุณพ่อแม่
ก็ต้องตอบว่าธรรมชาตินั่นแหล่ะที่กำหนด
และฝังไว้ในสำนึกว่าการรู้คุณพ่อแม่เป็นคุณสมบัติของผู้มีใจสูง
คนเราจะทราบว่าตนมีใจสูงหรือใจต่ำ
ก็ดูง่ายๆว่าจำได้หรือเปล่าว่าพ่อแม่สำคัญแค่ไหน
"เพราะพ่อแม่มีชีวิตต่อได้ถ้าไม่มีคุณ
แต่คุณมีชีวิตขึ้นมาไม่ได้ถ้าขาดพ่อแม่"
• สำหรับพ่อแม่เป็นข้อยกเว้นพิเศษ ไม่ว่าจะดีเลวอย่างไร
ถ้าทำคุณกับพวกท่านก็ได้ผลเป็นความสุขความเจริญ
เพราะได้ชื่อว่ารู้คุณคน ได้ชื่อว่าตอบแทนผู้ควรตอบแทน
ได้ชื่อว่าใช้หนี้อันควรใช้
ตราบใดไม่ใช้หนี้ตามสมควร
ตราบนั้นชีวิตย่อมเต็มไปด้วยแรงกดดัน
• เมื่อใช้หนี้พ่อแม่ด้วยความสุข
มีความปลาบปลื้มยินดี
แรงกดดันย่อมแปรเป็นขั้วตรงข้าม
คือกลายเป็นแรงหนุนส่งให้ขึ้นสูงได้ยิ่งๆขึ้น
• เนื่องจากพ่อแม่และพระอรหันต์เป็นของใหญ่
ทรงคุณสูงสุดทำอะไรกับพวกท่านไว้เป็นประจำ
จึงให้ผลคงเส้นคงวาไปทั้งชีวิตในชาติถัดมา
• การอุปการะเลี้ยงดูพ่อแม่
หรือผู้มีพระคุณให้อยู่สุขสบาย
จะเป็นตัวตั้ง
เป็นหลักประกันว่าทั้งชาตินี้และชาติหน้า
จะเจริญรุ่งเรืองในการทำมาหากินยิ่งๆขึ้นไป
กับทั้งเป็นผู้ได้รับมรดกจากผู้หลักผู้ใหญ่
ไม่ถูกแย่งชิงหรือมีเหตุให้เสียมรดกไปอย่างไม่สมควร
: นี่เป็นหลักการสะท้อนให้เห็นว่า
ทุกคนเป็นทายาทแห่งกรรมของตน
ทุกคนจะเป็นผู้รับมรดกที่ตนสร้างทำไว้อย่างเป็นรูปธรรม
. . . . . . . . . . . . . . . .
• กรรมที่ลืมบุญคุณคน
ก็จะทำให้เป็นผู้ไม่ได้รับความเห็นใจช่วยเหลือในยามลำบาก
แต่หากถึงขั้นเนรคุณได้นี่จะต้องโดนโทษหนัก
ทำอะไรต่อให้เจริญแค่ไหนก็จะกลับตกต่ำอย่างไม่คาดฝัน
: คนอกตัญญู แม้ได้รับมรดกก็ต้องตกไปอยู่ในห้วงของการแย่งชิง
ทำนองศึกสายเลือดหรือมีเหตุให้สมบัติพินาศลง
หรือแม้สมบัติไม่พินาศก็กลายเป็นของร้อนที่ครอบครองแล้ว
ไม่เป็นสุขเนื่องจากสมบัติบันดาลจากบุญเก่า
โดยปราศจากบุญใหม่อันได้แก่ความกตัญญูมารักษาความสงบเย็น
• ถ้าเคยคิดว่ากรรมที่ทำไว้กับพ่อแม่ไม่เท่าไหร่
รีบเปลี่ยนความคิดเถอะครับ
เพราะตอนรับผลตรงๆ
เป็นความเดือดเนื้อร้อนใจเกี่ยวกับลูกหลาน
แล้วจำได้เป็นฉากๆว่าไอ้ที่ประสบอยู่นั้น
เป็นสิ่งที่เคยทำไว้กับพ่อแม่อย่างไร
บางทีอาจสายเกินกว่าจะแก้อะไรแล้ว
ต้องแบกวิบากอ่วมอรทัยกันยืดเยื้อยาวนานแล้ว
• โทษของการกดหัวใช้ผู้คนเยี่ยงทาสเป็นจำนวนมาก
ยังนับว่าเบากว่า การกดหัวใช้พ่อแม่ด้วยจิตสกปรกเห็นพ่อแม่เป็นคนใช้
และการกดหัวใช้พ่อแม่ไปทั้งชาติ
ก็อาจได้น้ำหนักประมาณเดียวกันกับการกดใช้พระอรหันต์
โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์สักระยะหนึ่ง
• กรรมที่เหวี่ยงให้ไปเกิดในตระกูลต่ำ
ต้องเป็นข้าทาสบริวารชนิดเลี่ยงไม่ได้ ดิ้นรนไม่รอดนั้น
ได้แก่การกดหัวใช้ผู้ทรงศีล กดหัวใช้พ่อแม่
หรือกดหัวใช้ผู้คนจำนวนมาก คำว่า ‘กดหัวใช้’ ในที่นี้
ผมหมายถึงการมีความคิดเหยียด
มีใจเย่อหยิ่งจองหอง
ถือสิทธิ์หรือถือโอกาสที่อยู่ในฐานะเหนือกว่า
วางอำนาจใช้สอยคนด้วยใจคิดข่มขี่ข่มเหง
• พ่อแม่คือรากของความเป็นคุณ
คนเราถ้าบำรุงรากให้เจริญขึ้นได้
หรืออย่างน้อยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้
ก็คือทำตัวเองให้รุ่งโรจน์ขึ้นนั่นเอง
คิดข้ามช็อตดีกว่า
อย่ากลัวบาปจากการทะเลาะกับพ่อแม่
หันมากลัวไม่ได้บุญจากการมีส่วนเปลี่ยนพ่อแม่ให้เย็นลงกันเถอะ!
. . . . . . . . . . . . . . . . .
• การคิดเลี้ยงดูให้พ่อแม่สุขทั้งกายสบายทั้งใจ
นับเป็นการตอบแทนครึ่งเดียว
หากจะตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อนั้น
คุณต้องมีโอกาสด้วย
โอกาสที่ว่านั้นคือพ่อ และ/หรือ แม่ของคุณยังไม่มีที่พึ่งให้ตนเอง
ได้แก่ความรู้ความศรัทธาในเรื่องกรรมและการให้ผลกรรม
ยังไม่มีความตั้งมั่นในทาน
ยังไม่มีความตั้งมั่นในศีล
แล้วคุณสามารถโน้มน้าว
ชักชวนให้พวกท่านมาศรัทธากรรม
ฝึกให้ทานจนไม่ให้แล้วเหมือนขาดอะไรไป
ฝึกถือศีลจนประพฤติผิดแล้วรู้สึกผิดรุนแรง
นั่นแหละจึงได้ชื่อว่าตอบแทนคุณท่านอย่างสมน้ำสมเนื้อ
• ธรรมชาติพิเศษของการใช้หนี้บุญคุณมีอยู่ประการหนึ่ง
คือยิ่งหนี้สูงแล้วคุณใช้คืนอย่างสมน้ำสมเนื้อ
คุณจะได้คะแนนบวกมหาศาล
น้ำหนักของกรรมดีที่คุณทำกับพ่อแม่จะให้ผลชัดเป็นความไม่ตกต่ำ
แม้ชาติปัจจุบันถูกกรรมเก่าร้ายๆเล่นงาน
ก็จะได้รับความช่วยเหลือ
ผ่อนหนักให้เป็นเบาตามสมควร
• หากคุณไม่ตอบแทนพ่อแม่เลย
ลูกของคุณจะทำหน้าที่ทวงแทน
คือกรรมของคุณจะไปดึงดูดเอาพวกที่จะมาเป็นลูกล้างลูกผลาญ
และไม่สำนึกบุญคุณ หากคุณไม่มีลูกก็ทบหนี้ไปถึงชีวิตหน้าในเกมต่อไป
ในทางกลับกัน
หากคุณมีลูกแล้วไม่รับผิดชอบดูแลลูกเมียให้ดี
มันอาจหมายถึงการเลื่อนเวลาชดใช้หนี้เก่าก็ได้
ต้องแยกให้ออกว่าลูกอาจติดหนี้น้ำกามของคุณ
แต่คุณเองก็อาจเคยติดหนี้เขาไว้ก่อน (และโดยมากจะเป็นเช่นนั้น)
หากเขามาทวงหนี้คืนแล้วไม่ใช้
ชาติต่อไปคุณก็มีสิทธิ์สูงที่จะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ขาดความรับผิดชอบ
เลี้ยงดูแบบทิ้งๆขว้างๆ
หรือฝากคนอื่นเลี้ยงจนคุณว้าเหว่และมีปัญหาตั้งแต่เล็ก
• พระพุทธเจ้าให้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่
ด้วยที่พึ่งอันแท้จริงคือความเข้าใจธรรม
ตั้งมั่นในทานและศีล แต่ที่เราควรทำให้ตนคือภาวนาไป
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
• ทำอย่างไรจึงจะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ดี ?
: คำตอบคือทำแต่กรรมที่ดีๆ
เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า
พวกเรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์มีกรรมเป็นแดนเกิด
ฉะนั้นอย่าน้อยใจ และอย่าชะล่าใจ
กับกรรมเก่าที่ส่งเรามาอยู่กับพ่อแม่ดีหรือไม่ดีในชาติปัจจุบัน
อยากมีพ่อแม่แบบไหนในครั้งหน้า
ก็ขอให้ประพฤติตัวแบบนั้นมากๆไปจนชั่วชีวิตก็แล้วกัน
กรรมที่คุณทำเป็นอาจิณนั่นแหละตัวเลือกแดนเกิด ตัวเลือกเผ่าพันธุ์ใหม่ให้
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
• เรื่องการเลี้ยงสัตว์ก็ดี
เรื่องการเลี้ยงลูกก็ดี
ต้องคำนึงมากๆครับว่า
เหล่านั้นคือสิ่งมีชีวิต เราให้เขามีชีวิตอย่างไร
เมื่อถึงเวลาย้อนกลับมาถึงตาเราชีวิตเราก็เป็นอย่างนั้นด้วย
• ธรรมชาติบีบให้คนทั่วไปอยากมีลูก
เว้นแต่คนที่อยากเป็นอิสระ
หาเลี้ยงตัวยังไม่ได้
ไม่รู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งอย่างพ่อ
ขาดความอ่อนโยนอย่างแม่
~ นอกจากนั้น..
คนที่สั่งสมบารมีในการหลุดพ้นมากๆ
ที่เกิดชาติสุดท้ายจะไม่อยากมีลูก
ทั้งที่ก็เลี้ยงตัวได้ มีคุณสมบัติเป็นพ่อเป็นแม่ได้
: มีลูกยังไม่ได้ตัดสินว่ามีบุญหรือมีบาป
ถ้าลูกทำความสบายใจให้เป็นส่วนใหญ่
จึงถือว่ามีบุญที่เป็นแดนเกิดให้คนมีบุญครับ
• เราทำอะไรดีหรือไม่ดีไว้กับใคร
จะเห็นตัวเองชัดที่สุดตอนลูกทำกับเรานั่นแหละครับ
ถ้าไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูเขาเราก็โดนทบดอกเบี้ยอีก
• ลูกไม่มีสิทธิ์คาดหวังว่าหน้าตาคุณจะเป็นอย่างไร
แต่เขามีสิทธิ์คาดหวังว่า
หน้าตาคุณอ่อนโยนขนาดไหนในเวลาที่ยื่นหน้าไปหาเขา
• ความขัดแย้งระหว่างแม่กับลูก เป็นปัญหาคู่โลก
เป็นความขัดแย้งทางความคิด ไม่ถือว่าบาป
เพียงแต่เราต้องไม่คิดหรือพูดต่อกันด้วยโทสะ หรืออารมณ์โกรธ
สำหรับพ่อแม่
หากคุณเลี้ยงลูกในสิ่งที่คุณอยากให้เป็น
คุณจะไม่มีทางได้รู้จักลูก
หรือตัวตนที่แท้จริงของลูก
และสำหรับลูก
เราควรพูดกับพ่อแม่ดีๆ
ให้ท่านเข้าใจในตัวตนของเรา
จะได้ไม่ต้องเถียงกัน พูดด้วยเหตุด้วยผล
• พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิดฉะนั้นกรรมจะเป็นผู้รู้
และเข้าใจครับว่าต้องจัดสรรพ่อแม่แบบไหนมาให้เด็ก
ไม่ใช่เราอยากได้เด็กแบบไหนแล้วจะมีวิธีให้ได้ดังใจ
• ทำบุญขอมีลูกที่ดีที่สุด
ได้ผลที่สุดที่เห็นมาหลายราย
คือทำด้วยการตั้งใจว่า
ถ้าเทวดาไหนอยากมาต่อบุญ ต่อศีล ต่อภาวนา
เราจะเป็นแดนเกิดให้
• ไม่มีเด็กคนไหนดื้อ
มีแต่เด็กที่ไม่เข้าใจว่า
ผู้ใหญ่ขอให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ไปทำไม
เพราะผู้ใหญ่ไม่อดทนพอจะอธิบายให้ฉลาดหน่อย
• เด็กจะสนใจทุกคำตอบที่เขาสงสัย
แต่จะเพิกเฉยกับทุกคำสอนที่สร้างความสงสัยว่า ทำไมเขาต้องทนฟัง
• การสอนที่ล้าสมัยทำให้เด็กจมอยู่กับอดีต
การสอนที่ล้ำสมัยทำให้เด็กอยากสร้างอนาคต
การสอนที่ทันสมัยทำให้เด็กอยู่กับปัจจุบันเป็น
• ทำให้เด็กมีปัญหา แล้วโลกจะมีปัญหากว่านั้น
ทำให้เด็กหมดปัญหา แล้วโลกจะมีคนพยายามทำปัญหาให้หมดไป
ดังตฤณ
http://www.facebook.com/Dungtrin
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 12, 2016 7:05:59pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ วรกาจณ์ อินทร์ขาว และคนอื่นๆ อีก 12 คน
คุณได้แท็ก วรกาจณ์ อินทร์ขาว, จันทร์สุดา เกษมสัตย์, กิตติพงษ์ อินทร์ขาว, Sawitree Rakwong, Chonlachai Duangkaeo, Sakcharoon Khasemsat, Unchalee Siriwal, Pui Chutima, Preeter Moss, ปีใหม่ พรทิพย์, จันทราพร หนูแก้ว, Prang Kung และ พัชรินทร์ เกษมสัตย์
พ่อแม่คือสิ่งที่สะท้อนวิบากกรรมของเราได้แรงที่สุด
#ควรอ่านนะจะได้ปฏิบัติถูกต่อท่าน
หากคุณไม่ตอบแทนพ่อแม่เลยจะเป็นอย่างไร
ถ้าเคยคิดว่ากรรมที่ทำไว้กับพ่อแม่ไม่เท่าไหร่
รีบเปลี่ยนความคิดเถอะครับ
เพราะตอนรับผลตรงๆ
เป็นความเดือดเนื้อร้อนใจเกี่ยวกับลูกหลาน
กรรม แปลว่า :การกระทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ)
วิบาก แปลว่า : ผล
วิบาก+กรรม แปลว่า: ผลของการกระทำกรรม เช่น
ทางกาย • คือถ้าเราโกธรแล้วเอาเท้าถีบแม่ตนเอง
จะสำเร็จเป็นกรรมทางกายทันที ก็จะมีวิบากคือบาป
เป็นบาปที่มากกว่าเอาเท้าถีบแม่ของคนอื่นหลายเท่ามากมาย
ทางวาจา • คือถ้าเราด่าท่านด้วยความโมโห..กริ้วโกธร
จะสำเร็จเป็นกรรมทางวาจาทันที ก็จะมีวิบากคือบาป
เป็นบาปที่มากกว่าไปด่าแม่ของผู้อื่นหลายเท่าเลย
ทางใจ • คือการมีความผูกอาฆาตพยาบาทต่อท่าน คิดประทุษร้ายต่อท่านด้วยใจ ไม่ยอมให้อภัย
• เพราะพ่อแม่คือรากของชีวิต
ถ้าไม่บำรุงราก ชีวิตก็ยากจะเจริญ
• น้ำหนักของกรรมดีที่คุณทำกับพ่อแม่
จะให้ผลชัดเป็นความไม่ตกต่ำ
แม้ชาติปัจจุบันถูกกรรมเก่าร้ายๆเล่นงาน
ก็จะได้รับความช่วยเหลือ
ผ่อนหนักให้เป็นเบาตามสมควร
: ถ้าจะถามว่าใครเป็นคนกำหนดให้ต้องนึกถึงบุญคุณพ่อแม่
ก็ต้องตอบว่าธรรมชาตินั่นแหล่ะที่กำหนด
และฝังไว้ในสำนึกว่าการรู้คุณพ่อแม่เป็นคุณสมบัติของผู้มีใจสูง
คนเราจะทราบว่าตนมีใจสูงหรือใจต่ำ
ก็ดูง่ายๆว่าจำได้หรือเปล่าว่าพ่อแม่สำคัญแค่ไหน
"เพราะพ่อแม่มีชีวิตต่อได้ถ้าไม่มีคุณ
แต่คุณมีชีวิตขึ้นมาไม่ได้ถ้าขาดพ่อแม่"
• สำหรับพ่อแม่เป็นข้อยกเว้นพิเศษ ไม่ว่าจะดีเลวอย่างไร
ถ้าทำคุณกับพวกท่านก็ได้ผลเป็นความสุขความเจริญ
เพราะได้ชื่อว่ารู้คุณคน ได้ชื่อว่าตอบแทนผู้ควรตอบแทน
ได้ชื่อว่าใช้หนี้อันควรใช้
ตราบใดไม่ใช้หนี้ตามสมควร
ตราบนั้นชีวิตย่อมเต็มไปด้วยแรงกดดัน
• เมื่อใช้หนี้พ่อแม่ด้วยความสุข
มีความปลาบปลื้มยินดี
แรงกดดันย่อมแปรเป็นขั้วตรงข้าม
คือกลายเป็นแรงหนุนส่งให้ขึ้นสูงได้ยิ่งๆขึ้น
• เนื่องจากพ่อแม่และพระอรหันต์เป็นของใหญ่
ทรงคุณสูงสุดทำอะไรกับพวกท่านไว้เป็นประจำ
จึงให้ผลคงเส้นคงวาไปทั้งชีวิตในชาติถัดมา
• การอุปการะเลี้ยงดูพ่อแม่
หรือผู้มีพระคุณให้อยู่สุขสบาย
จะเป็นตัวตั้ง
เป็นหลักประกันว่าทั้งชาตินี้และชาติหน้า
จะเจริญรุ่งเรืองในการทำมาหากินยิ่งๆขึ้นไป
กับทั้งเป็นผู้ได้รับมรดกจากผู้หลักผู้ใหญ่
ไม่ถูกแย่งชิงหรือมีเหตุให้เสียมรดกไปอย่างไม่สมควร
: นี่เป็นหลักการสะท้อนให้เห็นว่า
ทุกคนเป็นทายาทแห่งกรรมของตน
ทุกคนจะเป็นผู้รับมรดกที่ตนสร้างทำไว้อย่างเป็นรูปธรรม
. . . . . . . . . . . . . . . .
• กรรมที่ลืมบุญคุณคน
ก็จะทำให้เป็นผู้ไม่ได้รับความเห็นใจช่วยเหลือในยามลำบาก
แต่หากถึงขั้นเนรคุณได้นี่จะต้องโดนโทษหนัก
ทำอะไรต่อให้เจริญแค่ไหนก็จะกลับตกต่ำอย่างไม่คาดฝัน
: คนอกตัญญู แม้ได้รับมรดกก็ต้องตกไปอยู่ในห้วงของการแย่งชิง
ทำนองศึกสายเลือดหรือมีเหตุให้สมบัติพินาศลง
หรือแม้สมบัติไม่พินาศก็กลายเป็นของร้อนที่ครอบครองแล้ว
ไม่เป็นสุขเนื่องจากสมบัติบันดาลจากบุญเก่า
โดยปราศจากบุญใหม่อันได้แก่ความกตัญญูมารักษาความสงบเย็น
• ถ้าเคยคิดว่ากรรมที่ทำไว้กับพ่อแม่ไม่เท่าไหร่
รีบเปลี่ยนความคิดเถอะครับ
เพราะตอนรับผลตรงๆ
เป็นความเดือดเนื้อร้อนใจเกี่ยวกับลูกหลาน
แล้วจำได้เป็นฉากๆว่าไอ้ที่ประสบอยู่นั้น
เป็นสิ่งที่เคยทำไว้กับพ่อแม่อย่างไร
บางทีอาจสายเกินกว่าจะแก้อะไรแล้ว
ต้องแบกวิบากอ่วมอรทัยกันยืดเยื้อยาวนานแล้ว
• โทษของการกดหัวใช้ผู้คนเยี่ยงทาสเป็นจำนวนมาก
ยังนับว่าเบากว่า การกดหัวใช้พ่อแม่ด้วยจิตสกปรกเห็นพ่อแม่เป็นคนใช้
และการกดหัวใช้พ่อแม่ไปทั้งชาติ
ก็อาจได้น้ำหนักประมาณเดียวกันกับการกดใช้พระอรหันต์
โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์สักระยะหนึ่ง
• กรรมที่เหวี่ยงให้ไปเกิดในตระกูลต่ำ
ต้องเป็นข้าทาสบริวารชนิดเลี่ยงไม่ได้ ดิ้นรนไม่รอดนั้น
ได้แก่การกดหัวใช้ผู้ทรงศีล กดหัวใช้พ่อแม่
หรือกดหัวใช้ผู้คนจำนวนมาก คำว่า ‘กดหัวใช้’ ในที่นี้
ผมหมายถึงการมีความคิดเหยียด
มีใจเย่อหยิ่งจองหอง
ถือสิทธิ์หรือถือโอกาสที่อยู่ในฐานะเหนือกว่า
วางอำนาจใช้สอยคนด้วยใจคิดข่มขี่ข่มเหง
• พ่อแม่คือรากของความเป็นคุณ
คนเราถ้าบำรุงรากให้เจริญขึ้นได้
หรืออย่างน้อยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้
ก็คือทำตัวเองให้รุ่งโรจน์ขึ้นนั่นเอง
คิดข้ามช็อตดีกว่า
อย่ากลัวบาปจากการทะเลาะกับพ่อแม่
หันมากลัวไม่ได้บุญจากการมีส่วนเปลี่ยนพ่อแม่ให้เย็นลงกันเถอะ!
. . . . . . . . . . . . . . . . .
• การคิดเลี้ยงดูให้พ่อแม่สุขทั้งกายสบายทั้งใจ
นับเป็นการตอบแทนครึ่งเดียว
หากจะตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อนั้น
คุณต้องมีโอกาสด้วย
โอกาสที่ว่านั้นคือพ่อ และ/หรือ แม่ของคุณยังไม่มีที่พึ่งให้ตนเอง
ได้แก่ความรู้ความศรัทธาในเรื่องกรรมและการให้ผลกรรม
ยังไม่มีความตั้งมั่นในทาน
ยังไม่มีความตั้งมั่นในศีล
แล้วคุณสามารถโน้มน้าว
ชักชวนให้พวกท่านมาศรัทธากรรม
ฝึกให้ทานจนไม่ให้แล้วเหมือนขาดอะไรไป
ฝึกถือศีลจนประพฤติผิดแล้วรู้สึกผิดรุนแรง
นั่นแหละจึงได้ชื่อว่าตอบแทนคุณท่านอย่างสมน้ำสมเนื้อ
• ธรรมชาติพิเศษของการใช้หนี้บุญคุณมีอยู่ประการหนึ่ง
คือยิ่งหนี้สูงแล้วคุณใช้คืนอย่างสมน้ำสมเนื้อ
คุณจะได้คะแนนบวกมหาศาล
น้ำหนักของกรรมดีที่คุณทำกับพ่อแม่จะให้ผลชัดเป็นความไม่ตกต่ำ
แม้ชาติปัจจุบันถูกกรรมเก่าร้ายๆเล่นงาน
ก็จะได้รับความช่วยเหลือ
ผ่อนหนักให้เป็นเบาตามสมควร
• หากคุณไม่ตอบแทนพ่อแม่เลย
ลูกของคุณจะทำหน้าที่ทวงแทน
คือกรรมของคุณจะไปดึงดูดเอาพวกที่จะมาเป็นลูกล้างลูกผลาญ
และไม่สำนึกบุญคุณ หากคุณไม่มีลูกก็ทบหนี้ไปถึงชีวิตหน้าในเกมต่อไป
ในทางกลับกัน
หากคุณมีลูกแล้วไม่รับผิดชอบดูแลลูกเมียให้ดี
มันอาจหมายถึงการเลื่อนเวลาชดใช้หนี้เก่าก็ได้
ต้องแยกให้ออกว่าลูกอาจติดหนี้น้ำกามของคุณ
แต่คุณเองก็อาจเคยติดหนี้เขาไว้ก่อน (และโดยมากจะเป็นเช่นนั้น)
หากเขามาทวงหนี้คืนแล้วไม่ใช้
ชาติต่อไปคุณก็มีสิทธิ์สูงที่จะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ขาดความรับผิดชอบ
เลี้ยงดูแบบทิ้งๆขว้างๆ
หรือฝากคนอื่นเลี้ยงจนคุณว้าเหว่และมีปัญหาตั้งแต่เล็ก
• พระพุทธเจ้าให้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่
ด้วยที่พึ่งอันแท้จริงคือความเข้าใจธรรม
ตั้งมั่นในทานและศีล แต่ที่เราควรทำให้ตนคือภาวนาไป
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
• ทำอย่างไรจึงจะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ดี ?
: คำตอบคือทำแต่กรรมที่ดีๆ
เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า
พวกเรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์มีกรรมเป็นแดนเกิด
ฉะนั้นอย่าน้อยใจ และอย่าชะล่าใจ
กับกรรมเก่าที่ส่งเรามาอยู่กับพ่อแม่ดีหรือไม่ดีในชาติปัจจุบัน
อยากมีพ่อแม่แบบไหนในครั้งหน้า
ก็ขอให้ประพฤติตัวแบบนั้นมากๆไปจนชั่วชีวิตก็แล้วกัน
กรรมที่คุณทำเป็นอาจิณนั่นแหละตัวเลือกแดนเกิด ตัวเลือกเผ่าพันธุ์ใหม่ให้
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
• เรื่องการเลี้ยงสัตว์ก็ดี
เรื่องการเลี้ยงลูกก็ดี
ต้องคำนึงมากๆครับว่า
เหล่านั้นคือสิ่งมีชีวิต เราให้เขามีชีวิตอย่างไร
เมื่อถึงเวลาย้อนกลับมาถึงตาเราชีวิตเราก็เป็นอย่างนั้นด้วย
• ธรรมชาติบีบให้คนทั่วไปอยากมีลูก
เว้นแต่คนที่อยากเป็นอิสระ
หาเลี้ยงตัวยังไม่ได้
ไม่รู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งอย่างพ่อ
ขาดความอ่อนโยนอย่างแม่
~ นอกจากนั้น..
คนที่สั่งสมบารมีในการหลุดพ้นมากๆ
ที่เกิดชาติสุดท้ายจะไม่อยากมีลูก
ทั้งที่ก็เลี้ยงตัวได้ มีคุณสมบัติเป็นพ่อเป็นแม่ได้
: มีลูกยังไม่ได้ตัดสินว่ามีบุญหรือมีบาป
ถ้าลูกทำความสบายใจให้เป็นส่วนใหญ่
จึงถือว่ามีบุญที่เป็นแดนเกิดให้คนมีบุญครับ
• เราทำอะไรดีหรือไม่ดีไว้กับใคร
จะเห็นตัวเองชัดที่สุดตอนลูกทำกับเรานั่นแหละครับ
ถ้าไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูเขาเราก็โดนทบดอกเบี้ยอีก
• ลูกไม่มีสิทธิ์คาดหวังว่าหน้าตาคุณจะเป็นอย่างไร
แต่เขามีสิทธิ์คาดหวังว่า
หน้าตาคุณอ่อนโยนขนาดไหนในเวลาที่ยื่นหน้าไปหาเขา
• ความขัดแย้งระหว่างแม่กับลูก เป็นปัญหาคู่โลก
เป็นความขัดแย้งทางความคิด ไม่ถือว่าบาป
เพียงแต่เราต้องไม่คิดหรือพูดต่อกันด้วยโทสะ หรืออารมณ์โกรธ
สำหรับพ่อแม่
หากคุณเลี้ยงลูกในสิ่งที่คุณอยากให้เป็น
คุณจะไม่มีทางได้รู้จักลูก
หรือตัวตนที่แท้จริงของลูก
และสำหรับลูก
เราควรพูดกับพ่อแม่ดีๆ
ให้ท่านเข้าใจในตัวตนของเรา
จะได้ไม่ต้องเถียงกัน พูดด้วยเหตุด้วยผล
• พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิดฉะนั้นกรรมจะเป็นผู้รู้
และเข้าใจครับว่าต้องจัดสรรพ่อแม่แบบไหนมาให้เด็ก
ไม่ใช่เราอยากได้เด็กแบบไหนแล้วจะมีวิธีให้ได้ดังใจ
• ทำบุญขอมีลูกที่ดีที่สุด
ได้ผลที่สุดที่เห็นมาหลายราย
คือทำด้วยการตั้งใจว่า
ถ้าเทวดาไหนอยากมาต่อบุญ ต่อศีล ต่อภาวนา
เราจะเป็นแดนเกิดให้
• ไม่มีเด็กคนไหนดื้อ
มีแต่เด็กที่ไม่เข้าใจว่า
ผู้ใหญ่ขอให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ไปทำไม
เพราะผู้ใหญ่ไม่อดทนพอจะอธิบายให้ฉลาดหน่อย
• เด็กจะสนใจทุกคำตอบที่เขาสงสัย
แต่จะเพิกเฉยกับทุกคำสอนที่สร้างความสงสัยว่า ทำไมเขาต้องทนฟัง
• การสอนที่ล้าสมัยทำให้เด็กจมอยู่กับอดีต
การสอนที่ล้ำสมัยทำให้เด็กอยากสร้างอนาคต
การสอนที่ทันสมัยทำให้เด็กอยู่กับปัจจุบันเป็น
• ทำให้เด็กมีปัญหา แล้วโลกจะมีปัญหากว่านั้น
ทำให้เด็กหมดปัญหา แล้วโลกจะมีคนพยายามทำปัญหาให้หมดไป
ดังตฤณ
http://www.facebook.com/Dungtrin
#ควรอ่านนะจะได้ปฏิบัติถูกต่อท่าน
หากคุณไม่ตอบแทนพ่อแม่เลยจะเป็นอย่างไร
ถ้าเคยคิดว่ากรรมที่ทำไว้กับพ่อแม่ไม่เท่าไหร่
รีบเปลี่ยนความคิดเถอะครับ
เพราะตอนรับผลตรงๆ
เป็นความเดือดเนื้อร้อนใจเกี่ยวกับลูกหลาน
กรรม แปลว่า :การกระทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ)
วิบาก แปลว่า : ผล
วิบาก+กรรม แปลว่า: ผลของการกระทำกรรม เช่น
ทางกาย • คือถ้าเราโกธรแล้วเอาเท้าถีบแม่ตนเอง
จะสำเร็จเป็นกรรมทางกายทันที ก็จะมีวิบากคือบาป
เป็นบาปที่มากกว่าเอาเท้าถีบแม่ของคนอื่นหลายเท่ามากมาย
ทางวาจา • คือถ้าเราด่าท่านด้วยความโมโห..กริ้วโกธร
จะสำเร็จเป็นกรรมทางวาจาทันที ก็จะมีวิบากคือบาป
เป็นบาปที่มากกว่าไปด่าแม่ของผู้อื่นหลายเท่าเลย
ทางใจ • คือการมีความผูกอาฆาตพยาบาทต่อท่าน คิดประทุษร้ายต่อท่านด้วยใจ ไม่ยอมให้อภัย
• เพราะพ่อแม่คือรากของชีวิต
ถ้าไม่บำรุงราก ชีวิตก็ยากจะเจริญ
• น้ำหนักของกรรมดีที่คุณทำกับพ่อแม่
จะให้ผลชัดเป็นความไม่ตกต่ำ
แม้ชาติปัจจุบันถูกกรรมเก่าร้ายๆเล่นงาน
ก็จะได้รับความช่วยเหลือ
ผ่อนหนักให้เป็นเบาตามสมควร
: ถ้าจะถามว่าใครเป็นคนกำหนดให้ต้องนึกถึงบุญคุณพ่อแม่
ก็ต้องตอบว่าธรรมชาตินั่นแหล่ะที่กำหนด
และฝังไว้ในสำนึกว่าการรู้คุณพ่อแม่เป็นคุณสมบัติของผู้มีใจสูง
คนเราจะทราบว่าตนมีใจสูงหรือใจต่ำ
ก็ดูง่ายๆว่าจำได้หรือเปล่าว่าพ่อแม่สำคัญแค่ไหน
"เพราะพ่อแม่มีชีวิตต่อได้ถ้าไม่มีคุณ
แต่คุณมีชีวิตขึ้นมาไม่ได้ถ้าขาดพ่อแม่"
• สำหรับพ่อแม่เป็นข้อยกเว้นพิเศษ ไม่ว่าจะดีเลวอย่างไร
ถ้าทำคุณกับพวกท่านก็ได้ผลเป็นความสุขความเจริญ
เพราะได้ชื่อว่ารู้คุณคน ได้ชื่อว่าตอบแทนผู้ควรตอบแทน
ได้ชื่อว่าใช้หนี้อันควรใช้
ตราบใดไม่ใช้หนี้ตามสมควร
ตราบนั้นชีวิตย่อมเต็มไปด้วยแรงกดดัน
• เมื่อใช้หนี้พ่อแม่ด้วยความสุข
มีความปลาบปลื้มยินดี
แรงกดดันย่อมแปรเป็นขั้วตรงข้าม
คือกลายเป็นแรงหนุนส่งให้ขึ้นสูงได้ยิ่งๆขึ้น
• เนื่องจากพ่อแม่และพระอรหันต์เป็นของใหญ่
ทรงคุณสูงสุดทำอะไรกับพวกท่านไว้เป็นประจำ
จึงให้ผลคงเส้นคงวาไปทั้งชีวิตในชาติถัดมา
• การอุปการะเลี้ยงดูพ่อแม่
หรือผู้มีพระคุณให้อยู่สุขสบาย
จะเป็นตัวตั้ง
เป็นหลักประกันว่าทั้งชาตินี้และชาติหน้า
จะเจริญรุ่งเรืองในการทำมาหากินยิ่งๆขึ้นไป
กับทั้งเป็นผู้ได้รับมรดกจากผู้หลักผู้ใหญ่
ไม่ถูกแย่งชิงหรือมีเหตุให้เสียมรดกไปอย่างไม่สมควร
: นี่เป็นหลักการสะท้อนให้เห็นว่า
ทุกคนเป็นทายาทแห่งกรรมของตน
ทุกคนจะเป็นผู้รับมรดกที่ตนสร้างทำไว้อย่างเป็นรูปธรรม
. . . . . . . . . . . . . . . .
• กรรมที่ลืมบุญคุณคน
ก็จะทำให้เป็นผู้ไม่ได้รับความเห็นใจช่วยเหลือในยามลำบาก
แต่หากถึงขั้นเนรคุณได้นี่จะต้องโดนโทษหนัก
ทำอะไรต่อให้เจริญแค่ไหนก็จะกลับตกต่ำอย่างไม่คาดฝัน
: คนอกตัญญู แม้ได้รับมรดกก็ต้องตกไปอยู่ในห้วงของการแย่งชิง
ทำนองศึกสายเลือดหรือมีเหตุให้สมบัติพินาศลง
หรือแม้สมบัติไม่พินาศก็กลายเป็นของร้อนที่ครอบครองแล้ว
ไม่เป็นสุขเนื่องจากสมบัติบันดาลจากบุญเก่า
โดยปราศจากบุญใหม่อันได้แก่ความกตัญญูมารักษาความสงบเย็น
• ถ้าเคยคิดว่ากรรมที่ทำไว้กับพ่อแม่ไม่เท่าไหร่
รีบเปลี่ยนความคิดเถอะครับ
เพราะตอนรับผลตรงๆ
เป็นความเดือดเนื้อร้อนใจเกี่ยวกับลูกหลาน
แล้วจำได้เป็นฉากๆว่าไอ้ที่ประสบอยู่นั้น
เป็นสิ่งที่เคยทำไว้กับพ่อแม่อย่างไร
บางทีอาจสายเกินกว่าจะแก้อะไรแล้ว
ต้องแบกวิบากอ่วมอรทัยกันยืดเยื้อยาวนานแล้ว
• โทษของการกดหัวใช้ผู้คนเยี่ยงทาสเป็นจำนวนมาก
ยังนับว่าเบากว่า การกดหัวใช้พ่อแม่ด้วยจิตสกปรกเห็นพ่อแม่เป็นคนใช้
และการกดหัวใช้พ่อแม่ไปทั้งชาติ
ก็อาจได้น้ำหนักประมาณเดียวกันกับการกดใช้พระอรหันต์
โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์สักระยะหนึ่ง
• กรรมที่เหวี่ยงให้ไปเกิดในตระกูลต่ำ
ต้องเป็นข้าทาสบริวารชนิดเลี่ยงไม่ได้ ดิ้นรนไม่รอดนั้น
ได้แก่การกดหัวใช้ผู้ทรงศีล กดหัวใช้พ่อแม่
หรือกดหัวใช้ผู้คนจำนวนมาก คำว่า ‘กดหัวใช้’ ในที่นี้
ผมหมายถึงการมีความคิดเหยียด
มีใจเย่อหยิ่งจองหอง
ถือสิทธิ์หรือถือโอกาสที่อยู่ในฐานะเหนือกว่า
วางอำนาจใช้สอยคนด้วยใจคิดข่มขี่ข่มเหง
• พ่อแม่คือรากของความเป็นคุณ
คนเราถ้าบำรุงรากให้เจริญขึ้นได้
หรืออย่างน้อยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้
ก็คือทำตัวเองให้รุ่งโรจน์ขึ้นนั่นเอง
คิดข้ามช็อตดีกว่า
อย่ากลัวบาปจากการทะเลาะกับพ่อแม่
หันมากลัวไม่ได้บุญจากการมีส่วนเปลี่ยนพ่อแม่ให้เย็นลงกันเถอะ!
. . . . . . . . . . . . . . . . .
• การคิดเลี้ยงดูให้พ่อแม่สุขทั้งกายสบายทั้งใจ
นับเป็นการตอบแทนครึ่งเดียว
หากจะตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อนั้น
คุณต้องมีโอกาสด้วย
โอกาสที่ว่านั้นคือพ่อ และ/หรือ แม่ของคุณยังไม่มีที่พึ่งให้ตนเอง
ได้แก่ความรู้ความศรัทธาในเรื่องกรรมและการให้ผลกรรม
ยังไม่มีความตั้งมั่นในทาน
ยังไม่มีความตั้งมั่นในศีล
แล้วคุณสามารถโน้มน้าว
ชักชวนให้พวกท่านมาศรัทธากรรม
ฝึกให้ทานจนไม่ให้แล้วเหมือนขาดอะไรไป
ฝึกถือศีลจนประพฤติผิดแล้วรู้สึกผิดรุนแรง
นั่นแหละจึงได้ชื่อว่าตอบแทนคุณท่านอย่างสมน้ำสมเนื้อ
• ธรรมชาติพิเศษของการใช้หนี้บุญคุณมีอยู่ประการหนึ่ง
คือยิ่งหนี้สูงแล้วคุณใช้คืนอย่างสมน้ำสมเนื้อ
คุณจะได้คะแนนบวกมหาศาล
น้ำหนักของกรรมดีที่คุณทำกับพ่อแม่จะให้ผลชัดเป็นความไม่ตกต่ำ
แม้ชาติปัจจุบันถูกกรรมเก่าร้ายๆเล่นงาน
ก็จะได้รับความช่วยเหลือ
ผ่อนหนักให้เป็นเบาตามสมควร
• หากคุณไม่ตอบแทนพ่อแม่เลย
ลูกของคุณจะทำหน้าที่ทวงแทน
คือกรรมของคุณจะไปดึงดูดเอาพวกที่จะมาเป็นลูกล้างลูกผลาญ
และไม่สำนึกบุญคุณ หากคุณไม่มีลูกก็ทบหนี้ไปถึงชีวิตหน้าในเกมต่อไป
ในทางกลับกัน
หากคุณมีลูกแล้วไม่รับผิดชอบดูแลลูกเมียให้ดี
มันอาจหมายถึงการเลื่อนเวลาชดใช้หนี้เก่าก็ได้
ต้องแยกให้ออกว่าลูกอาจติดหนี้น้ำกามของคุณ
แต่คุณเองก็อาจเคยติดหนี้เขาไว้ก่อน (และโดยมากจะเป็นเช่นนั้น)
หากเขามาทวงหนี้คืนแล้วไม่ใช้
ชาติต่อไปคุณก็มีสิทธิ์สูงที่จะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ขาดความรับผิดชอบ
เลี้ยงดูแบบทิ้งๆขว้างๆ
หรือฝากคนอื่นเลี้ยงจนคุณว้าเหว่และมีปัญหาตั้งแต่เล็ก
• พระพุทธเจ้าให้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่
ด้วยที่พึ่งอันแท้จริงคือความเข้าใจธรรม
ตั้งมั่นในทานและศีล แต่ที่เราควรทำให้ตนคือภาวนาไป
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
• ทำอย่างไรจึงจะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ดี ?
: คำตอบคือทำแต่กรรมที่ดีๆ
เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า
พวกเรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์มีกรรมเป็นแดนเกิด
ฉะนั้นอย่าน้อยใจ และอย่าชะล่าใจ
กับกรรมเก่าที่ส่งเรามาอยู่กับพ่อแม่ดีหรือไม่ดีในชาติปัจจุบัน
อยากมีพ่อแม่แบบไหนในครั้งหน้า
ก็ขอให้ประพฤติตัวแบบนั้นมากๆไปจนชั่วชีวิตก็แล้วกัน
กรรมที่คุณทำเป็นอาจิณนั่นแหละตัวเลือกแดนเกิด ตัวเลือกเผ่าพันธุ์ใหม่ให้
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
• เรื่องการเลี้ยงสัตว์ก็ดี
เรื่องการเลี้ยงลูกก็ดี
ต้องคำนึงมากๆครับว่า
เหล่านั้นคือสิ่งมีชีวิต เราให้เขามีชีวิตอย่างไร
เมื่อถึงเวลาย้อนกลับมาถึงตาเราชีวิตเราก็เป็นอย่างนั้นด้วย
• ธรรมชาติบีบให้คนทั่วไปอยากมีลูก
เว้นแต่คนที่อยากเป็นอิสระ
หาเลี้ยงตัวยังไม่ได้
ไม่รู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งอย่างพ่อ
ขาดความอ่อนโยนอย่างแม่
~ นอกจากนั้น..
คนที่สั่งสมบารมีในการหลุดพ้นมากๆ
ที่เกิดชาติสุดท้ายจะไม่อยากมีลูก
ทั้งที่ก็เลี้ยงตัวได้ มีคุณสมบัติเป็นพ่อเป็นแม่ได้
: มีลูกยังไม่ได้ตัดสินว่ามีบุญหรือมีบาป
ถ้าลูกทำความสบายใจให้เป็นส่วนใหญ่
จึงถือว่ามีบุญที่เป็นแดนเกิดให้คนมีบุญครับ
• เราทำอะไรดีหรือไม่ดีไว้กับใคร
จะเห็นตัวเองชัดที่สุดตอนลูกทำกับเรานั่นแหละครับ
ถ้าไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูเขาเราก็โดนทบดอกเบี้ยอีก
• ลูกไม่มีสิทธิ์คาดหวังว่าหน้าตาคุณจะเป็นอย่างไร
แต่เขามีสิทธิ์คาดหวังว่า
หน้าตาคุณอ่อนโยนขนาดไหนในเวลาที่ยื่นหน้าไปหาเขา
• ความขัดแย้งระหว่างแม่กับลูก เป็นปัญหาคู่โลก
เป็นความขัดแย้งทางความคิด ไม่ถือว่าบาป
เพียงแต่เราต้องไม่คิดหรือพูดต่อกันด้วยโทสะ หรืออารมณ์โกรธ
สำหรับพ่อแม่
หากคุณเลี้ยงลูกในสิ่งที่คุณอยากให้เป็น
คุณจะไม่มีทางได้รู้จักลูก
หรือตัวตนที่แท้จริงของลูก
และสำหรับลูก
เราควรพูดกับพ่อแม่ดีๆ
ให้ท่านเข้าใจในตัวตนของเรา
จะได้ไม่ต้องเถียงกัน พูดด้วยเหตุด้วยผล
• พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิดฉะนั้นกรรมจะเป็นผู้รู้
และเข้าใจครับว่าต้องจัดสรรพ่อแม่แบบไหนมาให้เด็ก
ไม่ใช่เราอยากได้เด็กแบบไหนแล้วจะมีวิธีให้ได้ดังใจ
• ทำบุญขอมีลูกที่ดีที่สุด
ได้ผลที่สุดที่เห็นมาหลายราย
คือทำด้วยการตั้งใจว่า
ถ้าเทวดาไหนอยากมาต่อบุญ ต่อศีล ต่อภาวนา
เราจะเป็นแดนเกิดให้
• ไม่มีเด็กคนไหนดื้อ
มีแต่เด็กที่ไม่เข้าใจว่า
ผู้ใหญ่ขอให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ไปทำไม
เพราะผู้ใหญ่ไม่อดทนพอจะอธิบายให้ฉลาดหน่อย
• เด็กจะสนใจทุกคำตอบที่เขาสงสัย
แต่จะเพิกเฉยกับทุกคำสอนที่สร้างความสงสัยว่า ทำไมเขาต้องทนฟัง
• การสอนที่ล้าสมัยทำให้เด็กจมอยู่กับอดีต
การสอนที่ล้ำสมัยทำให้เด็กอยากสร้างอนาคต
การสอนที่ทันสมัยทำให้เด็กอยู่กับปัจจุบันเป็น
• ทำให้เด็กมีปัญหา แล้วโลกจะมีปัญหากว่านั้น
ทำให้เด็กหมดปัญหา แล้วโลกจะมีคนพยายามทำปัญหาให้หมดไป
ดังตฤณ
http://www.facebook.com/Dungtrin
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Pat Thiranan และคนอื่นๆ อีก 11 คน
คุณได้แท็ก Pat Thiranan, ทำใจให้ชิน อยาก กินลูกชิ้น, Santi-Wanna Loveforever, Noy Kunkanhok, ยายวาลย์ ดอกมันปา, จัยกลาง ความเจ็บปวด, บัฟเบิ้ล บี, จตุพล พิมพ์ดี, พี่น้ำจิ้ม รัก น้องลูกชิ้นคับ, พรวลักษณ์ มุจรินทร์, Jutamat Chaibuntan และ Nutty In'dy
.😭
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ On-iriya Siriwan และคนอื่นๆ อีก 21 คน
คุณได้แท็ก On-iriya Siriwan, BaiFern Lyy, Kanyaphon Inkhao, Beer-malee BP, Supawadee Norkaew, Wanichaya Peankla, Paramet Butwang, Kung Patcharin, ผู้หญิงธรรมดา เวลากับจัยคน, Mini Ming, Wanna-Santi Loveforever, Wamy GotoWamy, นู๋ ใบเฟิร์น, เบียร์บี้ เบียร์บี้, Orapan Obtong, Yui Kusuma Lokthong, Kanokkan Natjinda, ฤิทธิพร ทองมี, Bunny JJiee, กรรณิกา อินทร์ขาว, Khanittha Peankla และ Kanokthip Soodjai
พ่อแม่คือสิ่งที่สะท้อนวิบากกรรมของเราได้แรงที่สุด
#ควรอ่านนะจะได้ปฏิบัติถูกต่อท่าน
หากคุณไม่ตอบแทนพ่อแม่เลยจะเป็นอย่างไร
ถ้าเคยคิดว่ากรรมที่ทำไว้กับพ่อแม่ไม่เท่าไหร่
รีบเปลี่ยนความคิดเถอะครับ
เพราะตอนรับผลตรงๆ
เป็นความเดือดเนื้อร้อนใจเกี่ยวกับลูกหลาน
กรรม แปลว่า :การกระทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ)
วิบาก แปลว่า : ผล
วิบาก+กรรม แปลว่า: ผลของการกระทำกรรม เช่น
ทางกาย • คือถ้าเราโกธรแล้วเอาเท้าถีบแม่ตนเอง
จะสำเร็จเป็นกรรมทางกายทันที ก็จะมีวิบากคือบาป
เป็นบาปที่มากกว่าเอาเท้าถีบแม่ของคนอื่นหลายเท่ามากมาย
ทางวาจา • คือถ้าเราด่าท่านด้วยความโมโห..กริ้วโกธร
จะสำเร็จเป็นกรรมทางวาจาทันที ก็จะมีวิบากคือบาป
เป็นบาปที่มากกว่าไปด่าแม่ของผู้อื่นหลายเท่าเลย
ทางใจ • คือการมีความผูกอาฆาตพยาบาทต่อท่าน คิดประทุษร้ายต่อท่านด้วยใจ ไม่ยอมให้อภัย
• เพราะพ่อแม่คือรากของชีวิต
ถ้าไม่บำรุงราก ชีวิตก็ยากจะเจริญ
• น้ำหนักของกรรมดีที่คุณทำกับพ่อแม่
จะให้ผลชัดเป็นความไม่ตกต่ำ
แม้ชาติปัจจุบันถูกกรรมเก่าร้ายๆเล่นงาน
ก็จะได้รับความช่วยเหลือ
ผ่อนหนักให้เป็นเบาตามสมควร
: ถ้าจะถามว่าใครเป็นคนกำหนดให้ต้องนึกถึงบุญคุณพ่อแม่
ก็ต้องตอบว่าธรรมชาตินั่นแหล่ะที่กำหนด
และฝังไว้ในสำนึกว่าการรู้คุณพ่อแม่เป็นคุณสมบัติของผู้มีใจสูง
คนเราจะทราบว่าตนมีใจสูงหรือใจต่ำ
ก็ดูง่ายๆว่าจำได้หรือเปล่าว่าพ่อแม่สำคัญแค่ไหน
"เพราะพ่อแม่มีชีวิตต่อได้ถ้าไม่มีคุณ
แต่คุณมีชีวิตขึ้นมาไม่ได้ถ้าขาดพ่อแม่"
• สำหรับพ่อแม่เป็นข้อยกเว้นพิเศษ ไม่ว่าจะดีเลวอย่างไร
ถ้าทำคุณกับพวกท่านก็ได้ผลเป็นความสุขความเจริญ
เพราะได้ชื่อว่ารู้คุณคน ได้ชื่อว่าตอบแทนผู้ควรตอบแทน
ได้ชื่อว่าใช้หนี้อันควรใช้
ตราบใดไม่ใช้หนี้ตามสมควร
ตราบนั้นชีวิตย่อมเต็มไปด้วยแรงกดดัน
• เมื่อใช้หนี้พ่อแม่ด้วยความสุข
มีความปลาบปลื้มยินดี
แรงกดดันย่อมแปรเป็นขั้วตรงข้าม
คือกลายเป็นแรงหนุนส่งให้ขึ้นสูงได้ยิ่งๆขึ้น
• เนื่องจากพ่อแม่และพระอรหันต์เป็นของใหญ่
ทรงคุณสูงสุดทำอะไรกับพวกท่านไว้เป็นประจำ
จึงให้ผลคงเส้นคงวาไปทั้งชีวิตในชาติถัดมา
• การอุปการะเลี้ยงดูพ่อแม่
หรือผู้มีพระคุณให้อยู่สุขสบาย
จะเป็นตัวตั้ง
เป็นหลักประกันว่าทั้งชาตินี้และชาติหน้า
จะเจริญรุ่งเรืองในการทำมาหากินยิ่งๆขึ้นไป
กับทั้งเป็นผู้ได้รับมรดกจากผู้หลักผู้ใหญ่
ไม่ถูกแย่งชิงหรือมีเหตุให้เสียมรดกไปอย่างไม่สมควร
: นี่เป็นหลักการสะท้อนให้เห็นว่า
ทุกคนเป็นทายาทแห่งกรรมของตน
ทุกคนจะเป็นผู้รับมรดกที่ตนสร้างทำไว้อย่างเป็นรูปธรรม
. . . . . . . . . . . . . . . .
• กรรมที่ลืมบุญคุณคน
ก็จะทำให้เป็นผู้ไม่ได้รับความเห็นใจช่วยเหลือในยามลำบาก
แต่หากถึงขั้นเนรคุณได้นี่จะต้องโดนโทษหนัก
ทำอะไรต่อให้เจริญแค่ไหนก็จะกลับตกต่ำอย่างไม่คาดฝัน
: คนอกตัญญู แม้ได้รับมรดกก็ต้องตกไปอยู่ในห้วงของการแย่งชิง
ทำนองศึกสายเลือดหรือมีเหตุให้สมบัติพินาศลง
หรือแม้สมบัติไม่พินาศก็กลายเป็นของร้อนที่ครอบครองแล้ว
ไม่เป็นสุขเนื่องจากสมบัติบันดาลจากบุญเก่า
โดยปราศจากบุญใหม่อันได้แก่ความกตัญญูมารักษาความสงบเย็น
• ถ้าเคยคิดว่ากรรมที่ทำไว้กับพ่อแม่ไม่เท่าไหร่
รีบเปลี่ยนความคิดเถอะครับ
เพราะตอนรับผลตรงๆ
เป็นความเดือดเนื้อร้อนใจเกี่ยวกับลูกหลาน
แล้วจำได้เป็นฉากๆว่าไอ้ที่ประสบอยู่นั้น
เป็นสิ่งที่เคยทำไว้กับพ่อแม่อย่างไร
บางทีอาจสายเกินกว่าจะแก้อะไรแล้ว
ต้องแบกวิบากอ่วมอรทัยกันยืดเยื้อยาวนานแล้ว
• โทษของการกดหัวใช้ผู้คนเยี่ยงทาสเป็นจำนวนมาก
ยังนับว่าเบากว่า การกดหัวใช้พ่อแม่ด้วยจิตสกปรกเห็นพ่อแม่เป็นคนใช้
และการกดหัวใช้พ่อแม่ไปทั้งชาติ
ก็อาจได้น้ำหนักประมาณเดียวกันกับการกดใช้พระอรหันต์
โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์สักระยะหนึ่ง
• กรรมที่เหวี่ยงให้ไปเกิดในตระกูลต่ำ
ต้องเป็นข้าทาสบริวารชนิดเลี่ยงไม่ได้ ดิ้นรนไม่รอดนั้น
ได้แก่การกดหัวใช้ผู้ทรงศีล กดหัวใช้พ่อแม่
หรือกดหัวใช้ผู้คนจำนวนมาก คำว่า ‘กดหัวใช้’ ในที่นี้
ผมหมายถึงการมีความคิดเหยียด
มีใจเย่อหยิ่งจองหอง
ถือสิทธิ์หรือถือโอกาสที่อยู่ในฐานะเหนือกว่า
วางอำนาจใช้สอยคนด้วยใจคิดข่มขี่ข่มเหง
• พ่อแม่คือรากของความเป็นคุณ
คนเราถ้าบำรุงรากให้เจริญขึ้นได้
หรืออย่างน้อยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้
ก็คือทำตัวเองให้รุ่งโรจน์ขึ้นนั่นเอง
คิดข้ามช็อตดีกว่า
อย่ากลัวบาปจากการทะเลาะกับพ่อแม่
หันมากลัวไม่ได้บุญจากการมีส่วนเปลี่ยนพ่อแม่ให้เย็นลงกันเถอะ!
. . . . . . . . . . . . . . . . .
• การคิดเลี้ยงดูให้พ่อแม่สุขทั้งกายสบายทั้งใจ
นับเป็นการตอบแทนครึ่งเดียว
หากจะตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อนั้น
คุณต้องมีโอกาสด้วย
โอกาสที่ว่านั้นคือพ่อ และ/หรือ แม่ของคุณยังไม่มีที่พึ่งให้ตนเอง
ได้แก่ความรู้ความศรัทธาในเรื่องกรรมและการให้ผลกรรม
ยังไม่มีความตั้งมั่นในทาน
ยังไม่มีความตั้งมั่นในศีล
แล้วคุณสามารถโน้มน้าว
ชักชวนให้พวกท่านมาศรัทธากรรม
ฝึกให้ทานจนไม่ให้แล้วเหมือนขาดอะไรไป
ฝึกถือศีลจนประพฤติผิดแล้วรู้สึกผิดรุนแรง
นั่นแหละจึงได้ชื่อว่าตอบแทนคุณท่านอย่างสมน้ำสมเนื้อ
• ธรรมชาติพิเศษของการใช้หนี้บุญคุณมีอยู่ประการหนึ่ง
คือยิ่งหนี้สูงแล้วคุณใช้คืนอย่างสมน้ำสมเนื้อ
คุณจะได้คะแนนบวกมหาศาล
น้ำหนักของกรรมดีที่คุณทำกับพ่อแม่จะให้ผลชัดเป็นความไม่ตกต่ำ
แม้ชาติปัจจุบันถูกกรรมเก่าร้ายๆเล่นงาน
ก็จะได้รับความช่วยเหลือ
ผ่อนหนักให้เป็นเบาตามสมควร
• หากคุณไม่ตอบแทนพ่อแม่เลย
ลูกของคุณจะทำหน้าที่ทวงแทน
คือกรรมของคุณจะไปดึงดูดเอาพวกที่จะมาเป็นลูกล้างลูกผลาญ
และไม่สำนึกบุญคุณ หากคุณไม่มีลูกก็ทบหนี้ไปถึงชีวิตหน้าในเกมต่อไป
ในทางกลับกัน
หากคุณมีลูกแล้วไม่รับผิดชอบดูแลลูกเมียให้ดี
มันอาจหมายถึงการเลื่อนเวลาชดใช้หนี้เก่าก็ได้
ต้องแยกให้ออกว่าลูกอาจติดหนี้น้ำกามของคุณ
แต่คุณเองก็อาจเคยติดหนี้เขาไว้ก่อน (และโดยมากจะเป็นเช่นนั้น)
หากเขามาทวงหนี้คืนแล้วไม่ใช้
ชาติต่อไปคุณก็มีสิทธิ์สูงที่จะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ขาดความรับผิดชอบ
เลี้ยงดูแบบทิ้งๆขว้างๆ
หรือฝากคนอื่นเลี้ยงจนคุณว้าเหว่และมีปัญหาตั้งแต่เล็ก
• พระพุทธเจ้าให้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่
ด้วยที่พึ่งอันแท้จริงคือความเข้าใจธรรม
ตั้งมั่นในทานและศีล แต่ที่เราควรทำให้ตนคือภาวนาไป
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
• ทำอย่างไรจึงจะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ดี ?
: คำตอบคือทำแต่กรรมที่ดีๆ
เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า
พวกเรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์มีกรรมเป็นแดนเกิด
ฉะนั้นอย่าน้อยใจ และอย่าชะล่าใจ
กับกรรมเก่าที่ส่งเรามาอยู่กับพ่อแม่ดีหรือไม่ดีในชาติปัจจุบัน
อยากมีพ่อแม่แบบไหนในครั้งหน้า
ก็ขอให้ประพฤติตัวแบบนั้นมากๆไปจนชั่วชีวิตก็แล้วกัน
กรรมที่คุณทำเป็นอาจิณนั่นแหละตัวเลือกแดนเกิด ตัวเลือกเผ่าพันธุ์ใหม่ให้
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
• เรื่องการเลี้ยงสัตว์ก็ดี
เรื่องการเลี้ยงลูกก็ดี
ต้องคำนึงมากๆครับว่า
เหล่านั้นคือสิ่งมีชีวิต เราให้เขามีชีวิตอย่างไร
เมื่อถึงเวลาย้อนกลับมาถึงตาเราชีวิตเราก็เป็นอย่างนั้นด้วย
• ธรรมชาติบีบให้คนทั่วไปอยากมีลูก
เว้นแต่คนที่อยากเป็นอิสระ
หาเลี้ยงตัวยังไม่ได้
ไม่รู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งอย่างพ่อ
ขาดความอ่อนโยนอย่างแม่
~ นอกจากนั้น..
คนที่สั่งสมบารมีในการหลุดพ้นมากๆ
ที่เกิดชาติสุดท้ายจะไม่อยากมีลูก
ทั้งที่ก็เลี้ยงตัวได้ มีคุณสมบัติเป็นพ่อเป็นแม่ได้
: มีลูกยังไม่ได้ตัดสินว่ามีบุญหรือมีบาป
ถ้าลูกทำความสบายใจให้เป็นส่วนใหญ่
จึงถือว่ามีบุญที่เป็นแดนเกิดให้คนมีบุญครับ
• เราทำอะไรดีหรือไม่ดีไว้กับใคร
จะเห็นตัวเองชัดที่สุดตอนลูกทำกับเรานั่นแหละครับ
ถ้าไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูเขาเราก็โดนทบดอกเบี้ยอีก
• ลูกไม่มีสิทธิ์คาดหวังว่าหน้าตาคุณจะเป็นอย่างไร
แต่เขามีสิทธิ์คาดหวังว่า
หน้าตาคุณอ่อนโยนขนาดไหนในเวลาที่ยื่นหน้าไปหาเขา
• ความขัดแย้งระหว่างแม่กับลูก เป็นปัญหาคู่โลก
เป็นความขัดแย้งทางความคิด ไม่ถือว่าบาป
เพียงแต่เราต้องไม่คิดหรือพูดต่อกันด้วยโทสะ หรืออารมณ์โกรธ
สำหรับพ่อแม่
หากคุณเลี้ยงลูกในสิ่งที่คุณอยากให้เป็น
คุณจะไม่มีทางได้รู้จักลูก
หรือตัวตนที่แท้จริงของลูก
และสำหรับลูก
เราควรพูดกับพ่อแม่ดีๆ
ให้ท่านเข้าใจในตัวตนของเรา
จะได้ไม่ต้องเถียงกัน พูดด้วยเหตุด้วยผล
• พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิดฉะนั้นกรรมจะเป็นผู้รู้
และเข้าใจครับว่าต้องจัดสรรพ่อแม่แบบไหนมาให้เด็ก
ไม่ใช่เราอยากได้เด็กแบบไหนแล้วจะมีวิธีให้ได้ดังใจ
• ทำบุญขอมีลูกที่ดีที่สุด
ได้ผลที่สุดที่เห็นมาหลายราย
คือทำด้วยการตั้งใจว่า
ถ้าเทวดาไหนอยากมาต่อบุญ ต่อศีล ต่อภาวนา
เราจะเป็นแดนเกิดให้
• ไม่มีเด็กคนไหนดื้อ
มีแต่เด็กที่ไม่เข้าใจว่า
ผู้ใหญ่ขอให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ไปทำไม
เพราะผู้ใหญ่ไม่อดทนพอจะอธิบายให้ฉลาดหน่อย
• เด็กจะสนใจทุกคำตอบที่เขาสงสัย
แต่จะเพิกเฉยกับทุกคำสอนที่สร้างความสงสัยว่า ทำไมเขาต้องทนฟัง
• การสอนที่ล้าสมัยทำให้เด็กจมอยู่กับอดีต
การสอนที่ล้ำสมัยทำให้เด็กอยากสร้างอนาคต
การสอนที่ทันสมัยทำให้เด็กอยู่กับปัจจุบันเป็น
• ทำให้เด็กมีปัญหา แล้วโลกจะมีปัญหากว่านั้น
ทำให้เด็กหมดปัญหา แล้วโลกจะมีคนพยายามทำปัญหาให้หมดไป
ดังตฤณ
http://www.facebook.com/Dungtrin
#ควรอ่านนะจะได้ปฏิบัติถูกต่อท่าน
หากคุณไม่ตอบแทนพ่อแม่เลยจะเป็นอย่างไร
ถ้าเคยคิดว่ากรรมที่ทำไว้กับพ่อแม่ไม่เท่าไหร่
รีบเปลี่ยนความคิดเถอะครับ
เพราะตอนรับผลตรงๆ
เป็นความเดือดเนื้อร้อนใจเกี่ยวกับลูกหลาน
กรรม แปลว่า :การกระทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ)
วิบาก แปลว่า : ผล
วิบาก+กรรม แปลว่า: ผลของการกระทำกรรม เช่น
ทางกาย • คือถ้าเราโกธรแล้วเอาเท้าถีบแม่ตนเอง
จะสำเร็จเป็นกรรมทางกายทันที ก็จะมีวิบากคือบาป
เป็นบาปที่มากกว่าเอาเท้าถีบแม่ของคนอื่นหลายเท่ามากมาย
ทางวาจา • คือถ้าเราด่าท่านด้วยความโมโห..กริ้วโกธร
จะสำเร็จเป็นกรรมทางวาจาทันที ก็จะมีวิบากคือบาป
เป็นบาปที่มากกว่าไปด่าแม่ของผู้อื่นหลายเท่าเลย
ทางใจ • คือการมีความผูกอาฆาตพยาบาทต่อท่าน คิดประทุษร้ายต่อท่านด้วยใจ ไม่ยอมให้อภัย
• เพราะพ่อแม่คือรากของชีวิต
ถ้าไม่บำรุงราก ชีวิตก็ยากจะเจริญ
• น้ำหนักของกรรมดีที่คุณทำกับพ่อแม่
จะให้ผลชัดเป็นความไม่ตกต่ำ
แม้ชาติปัจจุบันถูกกรรมเก่าร้ายๆเล่นงาน
ก็จะได้รับความช่วยเหลือ
ผ่อนหนักให้เป็นเบาตามสมควร
: ถ้าจะถามว่าใครเป็นคนกำหนดให้ต้องนึกถึงบุญคุณพ่อแม่
ก็ต้องตอบว่าธรรมชาตินั่นแหล่ะที่กำหนด
และฝังไว้ในสำนึกว่าการรู้คุณพ่อแม่เป็นคุณสมบัติของผู้มีใจสูง
คนเราจะทราบว่าตนมีใจสูงหรือใจต่ำ
ก็ดูง่ายๆว่าจำได้หรือเปล่าว่าพ่อแม่สำคัญแค่ไหน
"เพราะพ่อแม่มีชีวิตต่อได้ถ้าไม่มีคุณ
แต่คุณมีชีวิตขึ้นมาไม่ได้ถ้าขาดพ่อแม่"
• สำหรับพ่อแม่เป็นข้อยกเว้นพิเศษ ไม่ว่าจะดีเลวอย่างไร
ถ้าทำคุณกับพวกท่านก็ได้ผลเป็นความสุขความเจริญ
เพราะได้ชื่อว่ารู้คุณคน ได้ชื่อว่าตอบแทนผู้ควรตอบแทน
ได้ชื่อว่าใช้หนี้อันควรใช้
ตราบใดไม่ใช้หนี้ตามสมควร
ตราบนั้นชีวิตย่อมเต็มไปด้วยแรงกดดัน
• เมื่อใช้หนี้พ่อแม่ด้วยความสุข
มีความปลาบปลื้มยินดี
แรงกดดันย่อมแปรเป็นขั้วตรงข้าม
คือกลายเป็นแรงหนุนส่งให้ขึ้นสูงได้ยิ่งๆขึ้น
• เนื่องจากพ่อแม่และพระอรหันต์เป็นของใหญ่
ทรงคุณสูงสุดทำอะไรกับพวกท่านไว้เป็นประจำ
จึงให้ผลคงเส้นคงวาไปทั้งชีวิตในชาติถัดมา
• การอุปการะเลี้ยงดูพ่อแม่
หรือผู้มีพระคุณให้อยู่สุขสบาย
จะเป็นตัวตั้ง
เป็นหลักประกันว่าทั้งชาตินี้และชาติหน้า
จะเจริญรุ่งเรืองในการทำมาหากินยิ่งๆขึ้นไป
กับทั้งเป็นผู้ได้รับมรดกจากผู้หลักผู้ใหญ่
ไม่ถูกแย่งชิงหรือมีเหตุให้เสียมรดกไปอย่างไม่สมควร
: นี่เป็นหลักการสะท้อนให้เห็นว่า
ทุกคนเป็นทายาทแห่งกรรมของตน
ทุกคนจะเป็นผู้รับมรดกที่ตนสร้างทำไว้อย่างเป็นรูปธรรม
. . . . . . . . . . . . . . . .
• กรรมที่ลืมบุญคุณคน
ก็จะทำให้เป็นผู้ไม่ได้รับความเห็นใจช่วยเหลือในยามลำบาก
แต่หากถึงขั้นเนรคุณได้นี่จะต้องโดนโทษหนัก
ทำอะไรต่อให้เจริญแค่ไหนก็จะกลับตกต่ำอย่างไม่คาดฝัน
: คนอกตัญญู แม้ได้รับมรดกก็ต้องตกไปอยู่ในห้วงของการแย่งชิง
ทำนองศึกสายเลือดหรือมีเหตุให้สมบัติพินาศลง
หรือแม้สมบัติไม่พินาศก็กลายเป็นของร้อนที่ครอบครองแล้ว
ไม่เป็นสุขเนื่องจากสมบัติบันดาลจากบุญเก่า
โดยปราศจากบุญใหม่อันได้แก่ความกตัญญูมารักษาความสงบเย็น
• ถ้าเคยคิดว่ากรรมที่ทำไว้กับพ่อแม่ไม่เท่าไหร่
รีบเปลี่ยนความคิดเถอะครับ
เพราะตอนรับผลตรงๆ
เป็นความเดือดเนื้อร้อนใจเกี่ยวกับลูกหลาน
แล้วจำได้เป็นฉากๆว่าไอ้ที่ประสบอยู่นั้น
เป็นสิ่งที่เคยทำไว้กับพ่อแม่อย่างไร
บางทีอาจสายเกินกว่าจะแก้อะไรแล้ว
ต้องแบกวิบากอ่วมอรทัยกันยืดเยื้อยาวนานแล้ว
• โทษของการกดหัวใช้ผู้คนเยี่ยงทาสเป็นจำนวนมาก
ยังนับว่าเบากว่า การกดหัวใช้พ่อแม่ด้วยจิตสกปรกเห็นพ่อแม่เป็นคนใช้
และการกดหัวใช้พ่อแม่ไปทั้งชาติ
ก็อาจได้น้ำหนักประมาณเดียวกันกับการกดใช้พระอรหันต์
โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์สักระยะหนึ่ง
• กรรมที่เหวี่ยงให้ไปเกิดในตระกูลต่ำ
ต้องเป็นข้าทาสบริวารชนิดเลี่ยงไม่ได้ ดิ้นรนไม่รอดนั้น
ได้แก่การกดหัวใช้ผู้ทรงศีล กดหัวใช้พ่อแม่
หรือกดหัวใช้ผู้คนจำนวนมาก คำว่า ‘กดหัวใช้’ ในที่นี้
ผมหมายถึงการมีความคิดเหยียด
มีใจเย่อหยิ่งจองหอง
ถือสิทธิ์หรือถือโอกาสที่อยู่ในฐานะเหนือกว่า
วางอำนาจใช้สอยคนด้วยใจคิดข่มขี่ข่มเหง
• พ่อแม่คือรากของความเป็นคุณ
คนเราถ้าบำรุงรากให้เจริญขึ้นได้
หรืออย่างน้อยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้
ก็คือทำตัวเองให้รุ่งโรจน์ขึ้นนั่นเอง
คิดข้ามช็อตดีกว่า
อย่ากลัวบาปจากการทะเลาะกับพ่อแม่
หันมากลัวไม่ได้บุญจากการมีส่วนเปลี่ยนพ่อแม่ให้เย็นลงกันเถอะ!
. . . . . . . . . . . . . . . . .
• การคิดเลี้ยงดูให้พ่อแม่สุขทั้งกายสบายทั้งใจ
นับเป็นการตอบแทนครึ่งเดียว
หากจะตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อนั้น
คุณต้องมีโอกาสด้วย
โอกาสที่ว่านั้นคือพ่อ และ/หรือ แม่ของคุณยังไม่มีที่พึ่งให้ตนเอง
ได้แก่ความรู้ความศรัทธาในเรื่องกรรมและการให้ผลกรรม
ยังไม่มีความตั้งมั่นในทาน
ยังไม่มีความตั้งมั่นในศีล
แล้วคุณสามารถโน้มน้าว
ชักชวนให้พวกท่านมาศรัทธากรรม
ฝึกให้ทานจนไม่ให้แล้วเหมือนขาดอะไรไป
ฝึกถือศีลจนประพฤติผิดแล้วรู้สึกผิดรุนแรง
นั่นแหละจึงได้ชื่อว่าตอบแทนคุณท่านอย่างสมน้ำสมเนื้อ
• ธรรมชาติพิเศษของการใช้หนี้บุญคุณมีอยู่ประการหนึ่ง
คือยิ่งหนี้สูงแล้วคุณใช้คืนอย่างสมน้ำสมเนื้อ
คุณจะได้คะแนนบวกมหาศาล
น้ำหนักของกรรมดีที่คุณทำกับพ่อแม่จะให้ผลชัดเป็นความไม่ตกต่ำ
แม้ชาติปัจจุบันถูกกรรมเก่าร้ายๆเล่นงาน
ก็จะได้รับความช่วยเหลือ
ผ่อนหนักให้เป็นเบาตามสมควร
• หากคุณไม่ตอบแทนพ่อแม่เลย
ลูกของคุณจะทำหน้าที่ทวงแทน
คือกรรมของคุณจะไปดึงดูดเอาพวกที่จะมาเป็นลูกล้างลูกผลาญ
และไม่สำนึกบุญคุณ หากคุณไม่มีลูกก็ทบหนี้ไปถึงชีวิตหน้าในเกมต่อไป
ในทางกลับกัน
หากคุณมีลูกแล้วไม่รับผิดชอบดูแลลูกเมียให้ดี
มันอาจหมายถึงการเลื่อนเวลาชดใช้หนี้เก่าก็ได้
ต้องแยกให้ออกว่าลูกอาจติดหนี้น้ำกามของคุณ
แต่คุณเองก็อาจเคยติดหนี้เขาไว้ก่อน (และโดยมากจะเป็นเช่นนั้น)
หากเขามาทวงหนี้คืนแล้วไม่ใช้
ชาติต่อไปคุณก็มีสิทธิ์สูงที่จะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ขาดความรับผิดชอบ
เลี้ยงดูแบบทิ้งๆขว้างๆ
หรือฝากคนอื่นเลี้ยงจนคุณว้าเหว่และมีปัญหาตั้งแต่เล็ก
• พระพุทธเจ้าให้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่
ด้วยที่พึ่งอันแท้จริงคือความเข้าใจธรรม
ตั้งมั่นในทานและศีล แต่ที่เราควรทำให้ตนคือภาวนาไป
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
• ทำอย่างไรจึงจะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ดี ?
: คำตอบคือทำแต่กรรมที่ดีๆ
เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า
พวกเรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์มีกรรมเป็นแดนเกิด
ฉะนั้นอย่าน้อยใจ และอย่าชะล่าใจ
กับกรรมเก่าที่ส่งเรามาอยู่กับพ่อแม่ดีหรือไม่ดีในชาติปัจจุบัน
อยากมีพ่อแม่แบบไหนในครั้งหน้า
ก็ขอให้ประพฤติตัวแบบนั้นมากๆไปจนชั่วชีวิตก็แล้วกัน
กรรมที่คุณทำเป็นอาจิณนั่นแหละตัวเลือกแดนเกิด ตัวเลือกเผ่าพันธุ์ใหม่ให้
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
• เรื่องการเลี้ยงสัตว์ก็ดี
เรื่องการเลี้ยงลูกก็ดี
ต้องคำนึงมากๆครับว่า
เหล่านั้นคือสิ่งมีชีวิต เราให้เขามีชีวิตอย่างไร
เมื่อถึงเวลาย้อนกลับมาถึงตาเราชีวิตเราก็เป็นอย่างนั้นด้วย
• ธรรมชาติบีบให้คนทั่วไปอยากมีลูก
เว้นแต่คนที่อยากเป็นอิสระ
หาเลี้ยงตัวยังไม่ได้
ไม่รู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งอย่างพ่อ
ขาดความอ่อนโยนอย่างแม่
~ นอกจากนั้น..
คนที่สั่งสมบารมีในการหลุดพ้นมากๆ
ที่เกิดชาติสุดท้ายจะไม่อยากมีลูก
ทั้งที่ก็เลี้ยงตัวได้ มีคุณสมบัติเป็นพ่อเป็นแม่ได้
: มีลูกยังไม่ได้ตัดสินว่ามีบุญหรือมีบาป
ถ้าลูกทำความสบายใจให้เป็นส่วนใหญ่
จึงถือว่ามีบุญที่เป็นแดนเกิดให้คนมีบุญครับ
• เราทำอะไรดีหรือไม่ดีไว้กับใคร
จะเห็นตัวเองชัดที่สุดตอนลูกทำกับเรานั่นแหละครับ
ถ้าไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูเขาเราก็โดนทบดอกเบี้ยอีก
• ลูกไม่มีสิทธิ์คาดหวังว่าหน้าตาคุณจะเป็นอย่างไร
แต่เขามีสิทธิ์คาดหวังว่า
หน้าตาคุณอ่อนโยนขนาดไหนในเวลาที่ยื่นหน้าไปหาเขา
• ความขัดแย้งระหว่างแม่กับลูก เป็นปัญหาคู่โลก
เป็นความขัดแย้งทางความคิด ไม่ถือว่าบาป
เพียงแต่เราต้องไม่คิดหรือพูดต่อกันด้วยโทสะ หรืออารมณ์โกรธ
สำหรับพ่อแม่
หากคุณเลี้ยงลูกในสิ่งที่คุณอยากให้เป็น
คุณจะไม่มีทางได้รู้จักลูก
หรือตัวตนที่แท้จริงของลูก
และสำหรับลูก
เราควรพูดกับพ่อแม่ดีๆ
ให้ท่านเข้าใจในตัวตนของเรา
จะได้ไม่ต้องเถียงกัน พูดด้วยเหตุด้วยผล
• พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิดฉะนั้นกรรมจะเป็นผู้รู้
และเข้าใจครับว่าต้องจัดสรรพ่อแม่แบบไหนมาให้เด็ก
ไม่ใช่เราอยากได้เด็กแบบไหนแล้วจะมีวิธีให้ได้ดังใจ
• ทำบุญขอมีลูกที่ดีที่สุด
ได้ผลที่สุดที่เห็นมาหลายราย
คือทำด้วยการตั้งใจว่า
ถ้าเทวดาไหนอยากมาต่อบุญ ต่อศีล ต่อภาวนา
เราจะเป็นแดนเกิดให้
• ไม่มีเด็กคนไหนดื้อ
มีแต่เด็กที่ไม่เข้าใจว่า
ผู้ใหญ่ขอให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ไปทำไม
เพราะผู้ใหญ่ไม่อดทนพอจะอธิบายให้ฉลาดหน่อย
• เด็กจะสนใจทุกคำตอบที่เขาสงสัย
แต่จะเพิกเฉยกับทุกคำสอนที่สร้างความสงสัยว่า ทำไมเขาต้องทนฟัง
• การสอนที่ล้าสมัยทำให้เด็กจมอยู่กับอดีต
การสอนที่ล้ำสมัยทำให้เด็กอยากสร้างอนาคต
การสอนที่ทันสมัยทำให้เด็กอยู่กับปัจจุบันเป็น
• ทำให้เด็กมีปัญหา แล้วโลกจะมีปัญหากว่านั้น
ทำให้เด็กหมดปัญหา แล้วโลกจะมีคนพยายามทำปัญหาให้หมดไป
ดังตฤณ
http://www.facebook.com/Dungtrin
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ ครูจีจี้ ขยี้สมอง และคนอื่นๆ อีก 5 คน
คุณได้แท็ก ครูจีจี้ ขยี้สมอง, Orawan Sudachom, Pu Pratthana, Maruko Ynwa, Naree Maneenat และ นายรุณรงค์ อนันต์เรือง
พ่อแม่คือสิ่งที่สะท้อนวิบากกรรมของเราได้แรงที่สุด
#ควรอ่านนะจะได้ปฏิบัติถูกต่อท่าน
หากคุณไม่ตอบแทนพ่อแม่เลยจะเป็นอย่างไร
ถ้าเคยคิดว่ากรรมที่ทำไว้กับพ่อแม่ไม่เท่าไหร่
รีบเปลี่ยนความคิดเถอะครับ
เพราะตอนรับผลตรงๆ
เป็นความเดือดเนื้อร้อนใจเกี่ยวกับลูกหลาน
กรรม แปลว่า :การกระทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ)
วิบาก แปลว่า : ผล
วิบาก+กรรม แปลว่า: ผลของการกระทำกรรม เช่น
ทางกาย • คือถ้าเราโกธรแล้วเอาเท้าถีบแม่ตนเอง
จะสำเร็จเป็นกรรมทางกายทันที ก็จะมีวิบากคือบาป
เป็นบาปที่มากกว่าเอาเท้าถีบแม่ของคนอื่นหลายเท่ามากมาย
ทางวาจา • คือถ้าเราด่าท่านด้วยความโมโห..กริ้วโกธร
จะสำเร็จเป็นกรรมทางวาจาทันที ก็จะมีวิบากคือบาป
เป็นบาปที่มากกว่าไปด่าแม่ของผู้อื่นหลายเท่าเลย
ทางใจ • คือการมีความผูกอาฆาตพยาบาทต่อท่าน คิดประทุษร้ายต่อท่านด้วยใจ ไม่ยอมให้อภัย
• เพราะพ่อแม่คือรากของชีวิต
ถ้าไม่บำรุงราก ชีวิตก็ยากจะเจริญ
• น้ำหนักของกรรมดีที่คุณทำกับพ่อแม่
จะให้ผลชัดเป็นความไม่ตกต่ำ
แม้ชาติปัจจุบันถูกกรรมเก่าร้ายๆเล่นงาน
ก็จะได้รับความช่วยเหลือ
ผ่อนหนักให้เป็นเบาตามสมควร
: ถ้าจะถามว่าใครเป็นคนกำหนดให้ต้องนึกถึงบุญคุณพ่อแม่
ก็ต้องตอบว่าธรรมชาตินั่นแหล่ะที่กำหนด
และฝังไว้ในสำนึกว่าการรู้คุณพ่อแม่เป็นคุณสมบัติของผู้มีใจสูง
คนเราจะทราบว่าตนมีใจสูงหรือใจต่ำ
ก็ดูง่ายๆว่าจำได้หรือเปล่าว่าพ่อแม่สำคัญแค่ไหน
"เพราะพ่อแม่มีชีวิตต่อได้ถ้าไม่มีคุณ
แต่คุณมีชีวิตขึ้นมาไม่ได้ถ้าขาดพ่อแม่"
• สำหรับพ่อแม่เป็นข้อยกเว้นพิเศษ ไม่ว่าจะดีเลวอย่างไร
ถ้าทำคุณกับพวกท่านก็ได้ผลเป็นความสุขความเจริญ
เพราะได้ชื่อว่ารู้คุณคน ได้ชื่อว่าตอบแทนผู้ควรตอบแทน
ได้ชื่อว่าใช้หนี้อันควรใช้
ตราบใดไม่ใช้หนี้ตามสมควร
ตราบนั้นชีวิตย่อมเต็มไปด้วยแรงกดดัน
• เมื่อใช้หนี้พ่อแม่ด้วยความสุข
มีความปลาบปลื้มยินดี
แรงกดดันย่อมแปรเป็นขั้วตรงข้าม
คือกลายเป็นแรงหนุนส่งให้ขึ้นสูงได้ยิ่งๆขึ้น
• เนื่องจากพ่อแม่และพระอรหันต์เป็นของใหญ่
ทรงคุณสูงสุดทำอะไรกับพวกท่านไว้เป็นประจำ
จึงให้ผลคงเส้นคงวาไปทั้งชีวิตในชาติถัดมา
• การอุปการะเลี้ยงดูพ่อแม่
หรือผู้มีพระคุณให้อยู่สุขสบาย
จะเป็นตัวตั้ง
เป็นหลักประกันว่าทั้งชาตินี้และชาติหน้า
จะเจริญรุ่งเรืองในการทำมาหากินยิ่งๆขึ้นไป
กับทั้งเป็นผู้ได้รับมรดกจากผู้หลักผู้ใหญ่
ไม่ถูกแย่งชิงหรือมีเหตุให้เสียมรดกไปอย่างไม่สมควร
: นี่เป็นหลักการสะท้อนให้เห็นว่า
ทุกคนเป็นทายาทแห่งกรรมของตน
ทุกคนจะเป็นผู้รับมรดกที่ตนสร้างทำไว้อย่างเป็นรูปธรรม
. . . . . . . . . . . . . . . .
• กรรมที่ลืมบุญคุณคน
ก็จะทำให้เป็นผู้ไม่ได้รับความเห็นใจช่วยเหลือในยามลำบาก
แต่หากถึงขั้นเนรคุณได้นี่จะต้องโดนโทษหนัก
ทำอะไรต่อให้เจริญแค่ไหนก็จะกลับตกต่ำอย่างไม่คาดฝัน
: คนอกตัญญู แม้ได้รับมรดกก็ต้องตกไปอยู่ในห้วงของการแย่งชิง
ทำนองศึกสายเลือดหรือมีเหตุให้สมบัติพินาศลง
หรือแม้สมบัติไม่พินาศก็กลายเป็นของร้อนที่ครอบครองแล้ว
ไม่เป็นสุขเนื่องจากสมบัติบันดาลจากบุญเก่า
โดยปราศจากบุญใหม่อันได้แก่ความกตัญญูมารักษาความสงบเย็น
• ถ้าเคยคิดว่ากรรมที่ทำไว้กับพ่อแม่ไม่เท่าไหร่
รีบเปลี่ยนความคิดเถอะครับ
เพราะตอนรับผลตรงๆ
เป็นความเดือดเนื้อร้อนใจเกี่ยวกับลูกหลาน
แล้วจำได้เป็นฉากๆว่าไอ้ที่ประสบอยู่นั้น
เป็นสิ่งที่เคยทำไว้กับพ่อแม่อย่างไร
บางทีอาจสายเกินกว่าจะแก้อะไรแล้ว
ต้องแบกวิบากอ่วมอรทัยกันยืดเยื้อยาวนานแล้ว
• โทษของการกดหัวใช้ผู้คนเยี่ยงทาสเป็นจำนวนมาก
ยังนับว่าเบากว่า การกดหัวใช้พ่อแม่ด้วยจิตสกปรกเห็นพ่อแม่เป็นคนใช้
และการกดหัวใช้พ่อแม่ไปทั้งชาติ
ก็อาจได้น้ำหนักประมาณเดียวกันกับการกดใช้พระอรหันต์
โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์สักระยะหนึ่ง
• กรรมที่เหวี่ยงให้ไปเกิดในตระกูลต่ำ
ต้องเป็นข้าทาสบริวารชนิดเลี่ยงไม่ได้ ดิ้นรนไม่รอดนั้น
ได้แก่การกดหัวใช้ผู้ทรงศีล กดหัวใช้พ่อแม่
หรือกดหัวใช้ผู้คนจำนวนมาก คำว่า ‘กดหัวใช้’ ในที่นี้
ผมหมายถึงการมีความคิดเหยียด
มีใจเย่อหยิ่งจองหอง
ถือสิทธิ์หรือถือโอกาสที่อยู่ในฐานะเหนือกว่า
วางอำนาจใช้สอยคนด้วยใจคิดข่มขี่ข่มเหง
• พ่อแม่คือรากของความเป็นคุณ
คนเราถ้าบำรุงรากให้เจริญขึ้นได้
หรืออย่างน้อยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้
ก็คือทำตัวเองให้รุ่งโรจน์ขึ้นนั่นเอง
คิดข้ามช็อตดีกว่า
อย่ากลัวบาปจากการทะเลาะกับพ่อแม่
หันมากลัวไม่ได้บุญจากการมีส่วนเปลี่ยนพ่อแม่ให้เย็นลงกันเถอะ!
. . . . . . . . . . . . . . . . .
• การคิดเลี้ยงดูให้พ่อแม่สุขทั้งกายสบายทั้งใจ
นับเป็นการตอบแทนครึ่งเดียว
หากจะตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อนั้น
คุณต้องมีโอกาสด้วย
โอกาสที่ว่านั้นคือพ่อ และ/หรือ แม่ของคุณยังไม่มีที่พึ่งให้ตนเอง
ได้แก่ความรู้ความศรัทธาในเรื่องกรรมและการให้ผลกรรม
ยังไม่มีความตั้งมั่นในทาน
ยังไม่มีความตั้งมั่นในศีล
แล้วคุณสามารถโน้มน้าว
ชักชวนให้พวกท่านมาศรัทธากรรม
ฝึกให้ทานจนไม่ให้แล้วเหมือนขาดอะไรไป
ฝึกถือศีลจนประพฤติผิดแล้วรู้สึกผิดรุนแรง
นั่นแหละจึงได้ชื่อว่าตอบแทนคุณท่านอย่างสมน้ำสมเนื้อ
• ธรรมชาติพิเศษของการใช้หนี้บุญคุณมีอยู่ประการหนึ่ง
คือยิ่งหนี้สูงแล้วคุณใช้คืนอย่างสมน้ำสมเนื้อ
คุณจะได้คะแนนบวกมหาศาล
น้ำหนักของกรรมดีที่คุณทำกับพ่อแม่จะให้ผลชัดเป็นความไม่ตกต่ำ
แม้ชาติปัจจุบันถูกกรรมเก่าร้ายๆเล่นงาน
ก็จะได้รับความช่วยเหลือ
ผ่อนหนักให้เป็นเบาตามสมควร
• หากคุณไม่ตอบแทนพ่อแม่เลย
ลูกของคุณจะทำหน้าที่ทวงแทน
คือกรรมของคุณจะไปดึงดูดเอาพวกที่จะมาเป็นลูกล้างลูกผลาญ
และไม่สำนึกบุญคุณ หากคุณไม่มีลูกก็ทบหนี้ไปถึงชีวิตหน้าในเกมต่อไป
ในทางกลับกัน
หากคุณมีลูกแล้วไม่รับผิดชอบดูแลลูกเมียให้ดี
มันอาจหมายถึงการเลื่อนเวลาชดใช้หนี้เก่าก็ได้
ต้องแยกให้ออกว่าลูกอาจติดหนี้น้ำกามของคุณ
แต่คุณเองก็อาจเคยติดหนี้เขาไว้ก่อน (และโดยมากจะเป็นเช่นนั้น)
หากเขามาทวงหนี้คืนแล้วไม่ใช้
ชาติต่อไปคุณก็มีสิทธิ์สูงที่จะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ขาดความรับผิดชอบ
เลี้ยงดูแบบทิ้งๆขว้างๆ
หรือฝากคนอื่นเลี้ยงจนคุณว้าเหว่และมีปัญหาตั้งแต่เล็ก
• พระพุทธเจ้าให้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่
ด้วยที่พึ่งอันแท้จริงคือความเข้าใจธรรม
ตั้งมั่นในทานและศีล แต่ที่เราควรทำให้ตนคือภาวนาไป
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
• ทำอย่างไรจึงจะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ดี ?
: คำตอบคือทำแต่กรรมที่ดีๆ
เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า
พวกเรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์มีกรรมเป็นแดนเกิด
ฉะนั้นอย่าน้อยใจ และอย่าชะล่าใจ
กับกรรมเก่าที่ส่งเรามาอยู่กับพ่อแม่ดีหรือไม่ดีในชาติปัจจุบัน
อยากมีพ่อแม่แบบไหนในครั้งหน้า
ก็ขอให้ประพฤติตัวแบบนั้นมากๆไปจนชั่วชีวิตก็แล้วกัน
กรรมที่คุณทำเป็นอาจิณนั่นแหละตัวเลือกแดนเกิด ตัวเลือกเผ่าพันธุ์ใหม่ให้
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
• เรื่องการเลี้ยงสัตว์ก็ดี
เรื่องการเลี้ยงลูกก็ดี
ต้องคำนึงมากๆครับว่า
เหล่านั้นคือสิ่งมีชีวิต เราให้เขามีชีวิตอย่างไร
เมื่อถึงเวลาย้อนกลับมาถึงตาเราชีวิตเราก็เป็นอย่างนั้นด้วย
• ธรรมชาติบีบให้คนทั่วไปอยากมีลูก
เว้นแต่คนที่อยากเป็นอิสระ
หาเลี้ยงตัวยังไม่ได้
ไม่รู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งอย่างพ่อ
ขาดความอ่อนโยนอย่างแม่
~ นอกจากนั้น..
คนที่สั่งสมบารมีในการหลุดพ้นมากๆ
ที่เกิดชาติสุดท้ายจะไม่อยากมีลูก
ทั้งที่ก็เลี้ยงตัวได้ มีคุณสมบัติเป็นพ่อเป็นแม่ได้
: มีลูกยังไม่ได้ตัดสินว่ามีบุญหรือมีบาป
ถ้าลูกทำความสบายใจให้เป็นส่วนใหญ่
จึงถือว่ามีบุญที่เป็นแดนเกิดให้คนมีบุญครับ
• เราทำอะไรดีหรือไม่ดีไว้กับใคร
จะเห็นตัวเองชัดที่สุดตอนลูกทำกับเรานั่นแหละครับ
ถ้าไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูเขาเราก็โดนทบดอกเบี้ยอีก
• ลูกไม่มีสิทธิ์คาดหวังว่าหน้าตาคุณจะเป็นอย่างไร
แต่เขามีสิทธิ์คาดหวังว่า
หน้าตาคุณอ่อนโยนขนาดไหนในเวลาที่ยื่นหน้าไปหาเขา
• ความขัดแย้งระหว่างแม่กับลูก เป็นปัญหาคู่โลก
เป็นความขัดแย้งทางความคิด ไม่ถือว่าบาป
เพียงแต่เราต้องไม่คิดหรือพูดต่อกันด้วยโทสะ หรืออารมณ์โกรธ
สำหรับพ่อแม่
หากคุณเลี้ยงลูกในสิ่งที่คุณอยากให้เป็น
คุณจะไม่มีทางได้รู้จักลูก
หรือตัวตนที่แท้จริงของลูก
และสำหรับลูก
เราควรพูดกับพ่อแม่ดีๆ
ให้ท่านเข้าใจในตัวตนของเรา
จะได้ไม่ต้องเถียงกัน พูดด้วยเหตุด้วยผล
• พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิดฉะนั้นกรรมจะเป็นผู้รู้
และเข้าใจครับว่าต้องจัดสรรพ่อแม่แบบไหนมาให้เด็ก
ไม่ใช่เราอยากได้เด็กแบบไหนแล้วจะมีวิธีให้ได้ดังใจ
• ทำบุญขอมีลูกที่ดีที่สุด
ได้ผลที่สุดที่เห็นมาหลายราย
คือทำด้วยการตั้งใจว่า
ถ้าเทวดาไหนอยากมาต่อบุญ ต่อศีล ต่อภาวนา
เราจะเป็นแดนเกิดให้
• ไม่มีเด็กคนไหนดื้อ
มีแต่เด็กที่ไม่เข้าใจว่า
ผู้ใหญ่ขอให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ไปทำไม
เพราะผู้ใหญ่ไม่อดทนพอจะอธิบายให้ฉลาดหน่อย
• เด็กจะสนใจทุกคำตอบที่เขาสงสัย
แต่จะเพิกเฉยกับทุกคำสอนที่สร้างความสงสัยว่า ทำไมเขาต้องทนฟัง
• การสอนที่ล้าสมัยทำให้เด็กจมอยู่กับอดีต
การสอนที่ล้ำสมัยทำให้เด็กอยากสร้างอนาคต
การสอนที่ทันสมัยทำให้เด็กอยู่กับปัจจุบันเป็น
• ทำให้เด็กมีปัญหา แล้วโลกจะมีปัญหากว่านั้น
ทำให้เด็กหมดปัญหา แล้วโลกจะมีคนพยายามทำปัญหาให้หมดไป
ดังตฤณ
http://www.facebook.com/Dungtrin
#ควรอ่านนะจะได้ปฏิบัติถูกต่อท่าน
หากคุณไม่ตอบแทนพ่อแม่เลยจะเป็นอย่างไร
ถ้าเคยคิดว่ากรรมที่ทำไว้กับพ่อแม่ไม่เท่าไหร่
รีบเปลี่ยนความคิดเถอะครับ
เพราะตอนรับผลตรงๆ
เป็นความเดือดเนื้อร้อนใจเกี่ยวกับลูกหลาน
กรรม แปลว่า :การกระทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ)
วิบาก แปลว่า : ผล
วิบาก+กรรม แปลว่า: ผลของการกระทำกรรม เช่น
ทางกาย • คือถ้าเราโกธรแล้วเอาเท้าถีบแม่ตนเอง
จะสำเร็จเป็นกรรมทางกายทันที ก็จะมีวิบากคือบาป
เป็นบาปที่มากกว่าเอาเท้าถีบแม่ของคนอื่นหลายเท่ามากมาย
ทางวาจา • คือถ้าเราด่าท่านด้วยความโมโห..กริ้วโกธร
จะสำเร็จเป็นกรรมทางวาจาทันที ก็จะมีวิบากคือบาป
เป็นบาปที่มากกว่าไปด่าแม่ของผู้อื่นหลายเท่าเลย
ทางใจ • คือการมีความผูกอาฆาตพยาบาทต่อท่าน คิดประทุษร้ายต่อท่านด้วยใจ ไม่ยอมให้อภัย
• เพราะพ่อแม่คือรากของชีวิต
ถ้าไม่บำรุงราก ชีวิตก็ยากจะเจริญ
• น้ำหนักของกรรมดีที่คุณทำกับพ่อแม่
จะให้ผลชัดเป็นความไม่ตกต่ำ
แม้ชาติปัจจุบันถูกกรรมเก่าร้ายๆเล่นงาน
ก็จะได้รับความช่วยเหลือ
ผ่อนหนักให้เป็นเบาตามสมควร
: ถ้าจะถามว่าใครเป็นคนกำหนดให้ต้องนึกถึงบุญคุณพ่อแม่
ก็ต้องตอบว่าธรรมชาตินั่นแหล่ะที่กำหนด
และฝังไว้ในสำนึกว่าการรู้คุณพ่อแม่เป็นคุณสมบัติของผู้มีใจสูง
คนเราจะทราบว่าตนมีใจสูงหรือใจต่ำ
ก็ดูง่ายๆว่าจำได้หรือเปล่าว่าพ่อแม่สำคัญแค่ไหน
"เพราะพ่อแม่มีชีวิตต่อได้ถ้าไม่มีคุณ
แต่คุณมีชีวิตขึ้นมาไม่ได้ถ้าขาดพ่อแม่"
• สำหรับพ่อแม่เป็นข้อยกเว้นพิเศษ ไม่ว่าจะดีเลวอย่างไร
ถ้าทำคุณกับพวกท่านก็ได้ผลเป็นความสุขความเจริญ
เพราะได้ชื่อว่ารู้คุณคน ได้ชื่อว่าตอบแทนผู้ควรตอบแทน
ได้ชื่อว่าใช้หนี้อันควรใช้
ตราบใดไม่ใช้หนี้ตามสมควร
ตราบนั้นชีวิตย่อมเต็มไปด้วยแรงกดดัน
• เมื่อใช้หนี้พ่อแม่ด้วยความสุข
มีความปลาบปลื้มยินดี
แรงกดดันย่อมแปรเป็นขั้วตรงข้าม
คือกลายเป็นแรงหนุนส่งให้ขึ้นสูงได้ยิ่งๆขึ้น
• เนื่องจากพ่อแม่และพระอรหันต์เป็นของใหญ่
ทรงคุณสูงสุดทำอะไรกับพวกท่านไว้เป็นประจำ
จึงให้ผลคงเส้นคงวาไปทั้งชีวิตในชาติถัดมา
• การอุปการะเลี้ยงดูพ่อแม่
หรือผู้มีพระคุณให้อยู่สุขสบาย
จะเป็นตัวตั้ง
เป็นหลักประกันว่าทั้งชาตินี้และชาติหน้า
จะเจริญรุ่งเรืองในการทำมาหากินยิ่งๆขึ้นไป
กับทั้งเป็นผู้ได้รับมรดกจากผู้หลักผู้ใหญ่
ไม่ถูกแย่งชิงหรือมีเหตุให้เสียมรดกไปอย่างไม่สมควร
: นี่เป็นหลักการสะท้อนให้เห็นว่า
ทุกคนเป็นทายาทแห่งกรรมของตน
ทุกคนจะเป็นผู้รับมรดกที่ตนสร้างทำไว้อย่างเป็นรูปธรรม
. . . . . . . . . . . . . . . .
• กรรมที่ลืมบุญคุณคน
ก็จะทำให้เป็นผู้ไม่ได้รับความเห็นใจช่วยเหลือในยามลำบาก
แต่หากถึงขั้นเนรคุณได้นี่จะต้องโดนโทษหนัก
ทำอะไรต่อให้เจริญแค่ไหนก็จะกลับตกต่ำอย่างไม่คาดฝัน
: คนอกตัญญู แม้ได้รับมรดกก็ต้องตกไปอยู่ในห้วงของการแย่งชิง
ทำนองศึกสายเลือดหรือมีเหตุให้สมบัติพินาศลง
หรือแม้สมบัติไม่พินาศก็กลายเป็นของร้อนที่ครอบครองแล้ว
ไม่เป็นสุขเนื่องจากสมบัติบันดาลจากบุญเก่า
โดยปราศจากบุญใหม่อันได้แก่ความกตัญญูมารักษาความสงบเย็น
• ถ้าเคยคิดว่ากรรมที่ทำไว้กับพ่อแม่ไม่เท่าไหร่
รีบเปลี่ยนความคิดเถอะครับ
เพราะตอนรับผลตรงๆ
เป็นความเดือดเนื้อร้อนใจเกี่ยวกับลูกหลาน
แล้วจำได้เป็นฉากๆว่าไอ้ที่ประสบอยู่นั้น
เป็นสิ่งที่เคยทำไว้กับพ่อแม่อย่างไร
บางทีอาจสายเกินกว่าจะแก้อะไรแล้ว
ต้องแบกวิบากอ่วมอรทัยกันยืดเยื้อยาวนานแล้ว
• โทษของการกดหัวใช้ผู้คนเยี่ยงทาสเป็นจำนวนมาก
ยังนับว่าเบากว่า การกดหัวใช้พ่อแม่ด้วยจิตสกปรกเห็นพ่อแม่เป็นคนใช้
และการกดหัวใช้พ่อแม่ไปทั้งชาติ
ก็อาจได้น้ำหนักประมาณเดียวกันกับการกดใช้พระอรหันต์
โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์สักระยะหนึ่ง
• กรรมที่เหวี่ยงให้ไปเกิดในตระกูลต่ำ
ต้องเป็นข้าทาสบริวารชนิดเลี่ยงไม่ได้ ดิ้นรนไม่รอดนั้น
ได้แก่การกดหัวใช้ผู้ทรงศีล กดหัวใช้พ่อแม่
หรือกดหัวใช้ผู้คนจำนวนมาก คำว่า ‘กดหัวใช้’ ในที่นี้
ผมหมายถึงการมีความคิดเหยียด
มีใจเย่อหยิ่งจองหอง
ถือสิทธิ์หรือถือโอกาสที่อยู่ในฐานะเหนือกว่า
วางอำนาจใช้สอยคนด้วยใจคิดข่มขี่ข่มเหง
• พ่อแม่คือรากของความเป็นคุณ
คนเราถ้าบำรุงรากให้เจริญขึ้นได้
หรืออย่างน้อยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้
ก็คือทำตัวเองให้รุ่งโรจน์ขึ้นนั่นเอง
คิดข้ามช็อตดีกว่า
อย่ากลัวบาปจากการทะเลาะกับพ่อแม่
หันมากลัวไม่ได้บุญจากการมีส่วนเปลี่ยนพ่อแม่ให้เย็นลงกันเถอะ!
. . . . . . . . . . . . . . . . .
• การคิดเลี้ยงดูให้พ่อแม่สุขทั้งกายสบายทั้งใจ
นับเป็นการตอบแทนครึ่งเดียว
หากจะตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อนั้น
คุณต้องมีโอกาสด้วย
โอกาสที่ว่านั้นคือพ่อ และ/หรือ แม่ของคุณยังไม่มีที่พึ่งให้ตนเอง
ได้แก่ความรู้ความศรัทธาในเรื่องกรรมและการให้ผลกรรม
ยังไม่มีความตั้งมั่นในทาน
ยังไม่มีความตั้งมั่นในศีล
แล้วคุณสามารถโน้มน้าว
ชักชวนให้พวกท่านมาศรัทธากรรม
ฝึกให้ทานจนไม่ให้แล้วเหมือนขาดอะไรไป
ฝึกถือศีลจนประพฤติผิดแล้วรู้สึกผิดรุนแรง
นั่นแหละจึงได้ชื่อว่าตอบแทนคุณท่านอย่างสมน้ำสมเนื้อ
• ธรรมชาติพิเศษของการใช้หนี้บุญคุณมีอยู่ประการหนึ่ง
คือยิ่งหนี้สูงแล้วคุณใช้คืนอย่างสมน้ำสมเนื้อ
คุณจะได้คะแนนบวกมหาศาล
น้ำหนักของกรรมดีที่คุณทำกับพ่อแม่จะให้ผลชัดเป็นความไม่ตกต่ำ
แม้ชาติปัจจุบันถูกกรรมเก่าร้ายๆเล่นงาน
ก็จะได้รับความช่วยเหลือ
ผ่อนหนักให้เป็นเบาตามสมควร
• หากคุณไม่ตอบแทนพ่อแม่เลย
ลูกของคุณจะทำหน้าที่ทวงแทน
คือกรรมของคุณจะไปดึงดูดเอาพวกที่จะมาเป็นลูกล้างลูกผลาญ
และไม่สำนึกบุญคุณ หากคุณไม่มีลูกก็ทบหนี้ไปถึงชีวิตหน้าในเกมต่อไป
ในทางกลับกัน
หากคุณมีลูกแล้วไม่รับผิดชอบดูแลลูกเมียให้ดี
มันอาจหมายถึงการเลื่อนเวลาชดใช้หนี้เก่าก็ได้
ต้องแยกให้ออกว่าลูกอาจติดหนี้น้ำกามของคุณ
แต่คุณเองก็อาจเคยติดหนี้เขาไว้ก่อน (และโดยมากจะเป็นเช่นนั้น)
หากเขามาทวงหนี้คืนแล้วไม่ใช้
ชาติต่อไปคุณก็มีสิทธิ์สูงที่จะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ขาดความรับผิดชอบ
เลี้ยงดูแบบทิ้งๆขว้างๆ
หรือฝากคนอื่นเลี้ยงจนคุณว้าเหว่และมีปัญหาตั้งแต่เล็ก
• พระพุทธเจ้าให้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่
ด้วยที่พึ่งอันแท้จริงคือความเข้าใจธรรม
ตั้งมั่นในทานและศีล แต่ที่เราควรทำให้ตนคือภาวนาไป
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
• ทำอย่างไรจึงจะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ดี ?
: คำตอบคือทำแต่กรรมที่ดีๆ
เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า
พวกเรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์มีกรรมเป็นแดนเกิด
ฉะนั้นอย่าน้อยใจ และอย่าชะล่าใจ
กับกรรมเก่าที่ส่งเรามาอยู่กับพ่อแม่ดีหรือไม่ดีในชาติปัจจุบัน
อยากมีพ่อแม่แบบไหนในครั้งหน้า
ก็ขอให้ประพฤติตัวแบบนั้นมากๆไปจนชั่วชีวิตก็แล้วกัน
กรรมที่คุณทำเป็นอาจิณนั่นแหละตัวเลือกแดนเกิด ตัวเลือกเผ่าพันธุ์ใหม่ให้
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
• เรื่องการเลี้ยงสัตว์ก็ดี
เรื่องการเลี้ยงลูกก็ดี
ต้องคำนึงมากๆครับว่า
เหล่านั้นคือสิ่งมีชีวิต เราให้เขามีชีวิตอย่างไร
เมื่อถึงเวลาย้อนกลับมาถึงตาเราชีวิตเราก็เป็นอย่างนั้นด้วย
• ธรรมชาติบีบให้คนทั่วไปอยากมีลูก
เว้นแต่คนที่อยากเป็นอิสระ
หาเลี้ยงตัวยังไม่ได้
ไม่รู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งอย่างพ่อ
ขาดความอ่อนโยนอย่างแม่
~ นอกจากนั้น..
คนที่สั่งสมบารมีในการหลุดพ้นมากๆ
ที่เกิดชาติสุดท้ายจะไม่อยากมีลูก
ทั้งที่ก็เลี้ยงตัวได้ มีคุณสมบัติเป็นพ่อเป็นแม่ได้
: มีลูกยังไม่ได้ตัดสินว่ามีบุญหรือมีบาป
ถ้าลูกทำความสบายใจให้เป็นส่วนใหญ่
จึงถือว่ามีบุญที่เป็นแดนเกิดให้คนมีบุญครับ
• เราทำอะไรดีหรือไม่ดีไว้กับใคร
จะเห็นตัวเองชัดที่สุดตอนลูกทำกับเรานั่นแหละครับ
ถ้าไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูเขาเราก็โดนทบดอกเบี้ยอีก
• ลูกไม่มีสิทธิ์คาดหวังว่าหน้าตาคุณจะเป็นอย่างไร
แต่เขามีสิทธิ์คาดหวังว่า
หน้าตาคุณอ่อนโยนขนาดไหนในเวลาที่ยื่นหน้าไปหาเขา
• ความขัดแย้งระหว่างแม่กับลูก เป็นปัญหาคู่โลก
เป็นความขัดแย้งทางความคิด ไม่ถือว่าบาป
เพียงแต่เราต้องไม่คิดหรือพูดต่อกันด้วยโทสะ หรืออารมณ์โกรธ
สำหรับพ่อแม่
หากคุณเลี้ยงลูกในสิ่งที่คุณอยากให้เป็น
คุณจะไม่มีทางได้รู้จักลูก
หรือตัวตนที่แท้จริงของลูก
และสำหรับลูก
เราควรพูดกับพ่อแม่ดีๆ
ให้ท่านเข้าใจในตัวตนของเรา
จะได้ไม่ต้องเถียงกัน พูดด้วยเหตุด้วยผล
• พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิดฉะนั้นกรรมจะเป็นผู้รู้
และเข้าใจครับว่าต้องจัดสรรพ่อแม่แบบไหนมาให้เด็ก
ไม่ใช่เราอยากได้เด็กแบบไหนแล้วจะมีวิธีให้ได้ดังใจ
• ทำบุญขอมีลูกที่ดีที่สุด
ได้ผลที่สุดที่เห็นมาหลายราย
คือทำด้วยการตั้งใจว่า
ถ้าเทวดาไหนอยากมาต่อบุญ ต่อศีล ต่อภาวนา
เราจะเป็นแดนเกิดให้
• ไม่มีเด็กคนไหนดื้อ
มีแต่เด็กที่ไม่เข้าใจว่า
ผู้ใหญ่ขอให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ไปทำไม
เพราะผู้ใหญ่ไม่อดทนพอจะอธิบายให้ฉลาดหน่อย
• เด็กจะสนใจทุกคำตอบที่เขาสงสัย
แต่จะเพิกเฉยกับทุกคำสอนที่สร้างความสงสัยว่า ทำไมเขาต้องทนฟัง
• การสอนที่ล้าสมัยทำให้เด็กจมอยู่กับอดีต
การสอนที่ล้ำสมัยทำให้เด็กอยากสร้างอนาคต
การสอนที่ทันสมัยทำให้เด็กอยู่กับปัจจุบันเป็น
• ทำให้เด็กมีปัญหา แล้วโลกจะมีปัญหากว่านั้น
ทำให้เด็กหมดปัญหา แล้วโลกจะมีคนพยายามทำปัญหาให้หมดไป
ดังตฤณ
http://www.facebook.com/Dungtrin
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
(คำสอนครูบาอาจย์)
"การเดินทางเนี่ยเรามีจุดหมาย มีจุดมุ่งหมาย แต่ที่ที่เราไปนั้นเราไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง ก็จะคิดถึงในเรื่องต่างๆนาๆ คิดถึงว่าต้องเป็นอย่างงั้นต้องเป็นอย่างงี้ การคิดล่วงหน้าน่ะมันก็ดี แต่การไม่คิดอะไรเลยมันก็ดี เพราะฉะนั้นให้มีความพอดีในการทำในการไป ก็คือควรต้องมีการศึกษาก่อน ถ้าเราศึกษาก่อนเวลาเราไปไหนนี่ เราจะรู้เส้นทาง ชีวิตคนเราถ้าเดินทางแบบไม่มีจุดหมายไม่รู้อะไรเลย เดินยังไงมันก็ไม่ต่างกับเดินอยู่ในความมืดที่ต้องค่อยๆคลำไป ไปเหยียบตะปูไปเหยียบแก้ว รู้มั้ย ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนมันเจ็บแล้ว เจ็บแล้วถึงรู้ว่า อ้อ นี่ฉันเหยียบตะปูนะ ในความมืดมันไม่เห็น เพราะฉะนั้นมันมีทุกอย่างที่อยู่ในความไม่รู้ ทำให้เราตกเป็นเครื่องมือ ยกเว้นสิ่งที่เราไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ สิ่งที่เกินความคาดหมาย อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องนึง เพราะฉะนั้นการเดินทางชีวิตหรือการใช้ชีวิตคนเรามันก็ต้องศึกษา ถามจากใคร จากผู้รู้ คนเคยมีประสบการณ์ ไม่ใช่จะเรียนรู้ด้วยตนเองไปเรื่อยๆ แบบนี้ช้า ฉันไม่เคยไปเดี๋ยวไปฉันก็รู้เอง แบบนี้ช้า ให้เราถามผู้ที่เคยทำเคยไปมาก่อน อย่างเช่น คนที่ทำมาหากิน ฉันอยากจะขายผล ไม้ ก็ไปซื้อเลย ไปซื้อตรงไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าจะซื้อมาขาย พอขายไม่หมด เน่า ก็ขาดทุน ต้องศึกษาก่อน หน้านี้จะเอาอันนี้มาขายเป็นยังไง ขายไม่หมดทำยังไง แล้วคนชอบกินมั้ยยังงี้ เราก็สามารถที่จะวางแผนได้ ขาดทุนหรือกำไรก็อยู่ตรงนี้ เดี๋ยวนี้คนเราไม่ค่อยศึกษาล่วงหน้า ทำอะไรมักทำเลย
"การเดินทางเนี่ยเรามีจุดหมาย มีจุดมุ่งหมาย แต่ที่ที่เราไปนั้นเราไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง ก็จะคิดถึงในเรื่องต่างๆนาๆ คิดถึงว่าต้องเป็นอย่างงั้นต้องเป็นอย่างงี้ การคิดล่วงหน้าน่ะมันก็ดี แต่การไม่คิดอะไรเลยมันก็ดี เพราะฉะนั้นให้มีความพอดีในการทำในการไป ก็คือควรต้องมีการศึกษาก่อน ถ้าเราศึกษาก่อนเวลาเราไปไหนนี่ เราจะรู้เส้นทาง ชีวิตคนเราถ้าเดินทางแบบไม่มีจุดหมายไม่รู้อะไรเลย เดินยังไงมันก็ไม่ต่างกับเดินอยู่ในความมืดที่ต้องค่อยๆคลำไป ไปเหยียบตะปูไปเหยียบแก้ว รู้มั้ย ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนมันเจ็บแล้ว เจ็บแล้วถึงรู้ว่า อ้อ นี่ฉันเหยียบตะปูนะ ในความมืดมันไม่เห็น เพราะฉะนั้นมันมีทุกอย่างที่อยู่ในความไม่รู้ ทำให้เราตกเป็นเครื่องมือ ยกเว้นสิ่งที่เราไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ สิ่งที่เกินความคาดหมาย อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องนึง เพราะฉะนั้นการเดินทางชีวิตหรือการใช้ชีวิตคนเรามันก็ต้องศึกษา ถามจากใคร จากผู้รู้ คนเคยมีประสบการณ์ ไม่ใช่จะเรียนรู้ด้วยตนเองไปเรื่อยๆ แบบนี้ช้า ฉันไม่เคยไปเดี๋ยวไปฉันก็รู้เอง แบบนี้ช้า ให้เราถามผู้ที่เคยทำเคยไปมาก่อน อย่างเช่น คนที่ทำมาหากิน ฉันอยากจะขายผล ไม้ ก็ไปซื้อเลย ไปซื้อตรงไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าจะซื้อมาขาย พอขายไม่หมด เน่า ก็ขาดทุน ต้องศึกษาก่อน หน้านี้จะเอาอันนี้มาขายเป็นยังไง ขายไม่หมดทำยังไง แล้วคนชอบกินมั้ยยังงี้ เราก็สามารถที่จะวางแผนได้ ขาดทุนหรือกำไรก็อยู่ตรงนี้ เดี๋ยวนี้คนเราไม่ค่อยศึกษาล่วงหน้า ทำอะไรมักทำเลย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Auwa Sekhunthod และ หนิง อรสา
คุณได้แท็ก Auwa Sekhunthod และ หนิง อรสา
.😭
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อาชีพแต่ละอย่าง เกิดบุญวิบากต่างกัน
หมอ พยาบาล :
สุขภาพร่างกายแข็งแรง อายุยืน
ผิวสวย หน้าสว่างดูใจงาม มีปัญญาในการรักษาตนเอง หรือผู้อื่นกว่าเดิม
ทั้งชาติหนี้และชาติหน้า
ถ้าตายเป็นเทพยาดา
ก็จะมีอายุทิพย์ที่ยืนนาน และมีฤทธิในการช่วยรักษากายมนุษย์
และสามารถเพ่งจิตมนุษย์ให้เกิดความรู้ได้
ถ้ามาเกิดเป็นมนุษย์
ครู อาจารย์ :
มีปัญาในการสอนมากกว่าเดิม แตกฉานในความรู้กว่าเดิม ที่จะสอนกว่าเดิม
ถ้าตายเป็นเทพญาดา
ก็จะเป็นเทพญาดาที่มีปัญญามาก
สามารถเพ่งจิตมนุษย์ให้เกิดความรู้บ้างอย่างผุดขึ้นมาในใจคนได้
ถ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ก็ย่อมมีปัญญามาก ไม่ถูกหลอกได้ง่ายๆ
อาชีพอื่นที่สุจริตไม่ดีหรือ
ขอตอบว่า "ดี"
หมอ พยาบาล :
สุขภาพร่างกายแข็งแรง อายุยืน
ผิวสวย หน้าสว่างดูใจงาม มีปัญญาในการรักษาตนเอง หรือผู้อื่นกว่าเดิม
ทั้งชาติหนี้และชาติหน้า
ถ้าตายเป็นเทพยาดา
ก็จะมีอายุทิพย์ที่ยืนนาน และมีฤทธิในการช่วยรักษากายมนุษย์
และสามารถเพ่งจิตมนุษย์ให้เกิดความรู้ได้
ถ้ามาเกิดเป็นมนุษย์
ครู อาจารย์ :
มีปัญาในการสอนมากกว่าเดิม แตกฉานในความรู้กว่าเดิม ที่จะสอนกว่าเดิม
ถ้าตายเป็นเทพญาดา
ก็จะเป็นเทพญาดาที่มีปัญญามาก
สามารถเพ่งจิตมนุษย์ให้เกิดความรู้บ้างอย่างผุดขึ้นมาในใจคนได้
ถ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ก็ย่อมมีปัญญามาก ไม่ถูกหลอกได้ง่ายๆ
อาชีพอื่นที่สุจริตไม่ดีหรือ
ขอตอบว่า "ดี"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตี ๒ กว่าๆ "๓๗"
ตี ๓ กว่าๆ " ๐๕"
เลขพวกนี้ มีเหตุมาจาก "เทวดากระมั่ง"
ตี ๓ กว่าๆ " ๐๕"
เลขพวกนี้ มีเหตุมาจาก "เทวดากระมั่ง"
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 22, 2016 8:31:03pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตั้งใจฆ่า
แต่คนหรือสัตว์ไม่ตาย
แปลว่า ปาณาติบาตไม่ครบองค์
ตั้งใจชิงทรัพย์
แต่เจ้าของกลับเต็มใจยื่นให้โดยดี
แปลว่า อทินนาทานไม่ครบองค์
ตั้งใจชิงสาวจากพ่อแม่หรือสามีนาง
แต่เจ้าของกลับยกให้ก่อนเกิดเหตุทางเพศ
แปลว่า กาเมสุมิจฉาจารไม่ครบองค์
ตั้งใจโกหก
แต่ไม่เนียนพอจนฝ่ายฟังรู้ทัน ไม่หลงเชื่อ
แปลว่า มุสาวาทไม่ครบองค์
ตั้งใจกินเหล้า
แต่เปลี่ยนใจบ้วนทิ้งก่อนล่วงลงคอ
แปลว่า สุราเมรัยฯไม่ครบองค์
เมื่อกรรมไม่ครบองค์
ก็นับว่ายังทำกรรมนั้นๆไม่สำเร็จ
เงากรรมยังไม่เกิดตามตัวชัดเจน
และนั่นก็เป็นทำนองเดียวกันกับที่คิดร้าย
คิดไม่ดี แต่เปลี่ยนใจทันก่อนตาย
ก็ยังไม่สายเกินกว่าจะย้ายเส้นทางกรรม
เหมือนอย่างครั้งหนึ่ง
หลวงปู่มั่นกับลูกศิษย์ธุดงค์ไปเจอชาวเขา
ซึ่งไม่เคยเห็นพระสงฆ์มาก่อน
อีกทั้งหัวหน้าบ้านก็ดันด่วนทึกทักว่า
เข้มๆแบบนี้ ตุ๊เจ้าทั้งสองต้องเป็นเสือเย็นแน่ๆ
และลูกบ้านก็เชื่อตามทันทีโดยไม่ไตร่ตรองใดๆ
ตอนแรกหลวงปู่มั่นตั้งใจจะพักแรมเดี๋ยวเดียว
แต่พอรู้ว่าชาวบ้านคิดเช่นนั้น
ก็บอกลูกศิษย์ผู้ติดตามท่านว่าอย่าเพิ่งไปเลย
ทำให้พวกเขาเปลี่ยนความเชื่อกันก่อนเถิด
ไม่เช่นนั้น พอตายไป
พวกเขาจะเกิดใหม่เป็นเสือเป็นสางกันหมด
หลวงปู่มั่นกับลูกศิษย์อดทนลำบากอยู่นาน
กระทั่งสบโอกาส
เมื่อชาวเขาถามว่า
พวกท่านเดินกลับไปกลับมาทำอะไร
แทนที่หลวงปู่มั่นจะตอบว่า ‘เดินจงกรม’
ท่านก็บอก ‘เดินตามหาพุทโธ’
ชาวบ้านคงเห็นแปลกดี
เลยเดินตามหาพุทโธกันบ้าง
แล้วได้สมาธิ ได้สติอยู่กับเนื้อกับตัวกัน
เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า
แต่งตัวเป็นพระอย่างหลวงปู่มั่น เป็นไปเพื่ออะไร
พอหลวงปู่มั่นเห็นว่าสติปัญญา
ได้ประดิษฐานไว้ในใจชาวบ้านแล้ว
ท่านก็ค่อยเดินทางจากไป
นั่นเป็นตัวอย่างว่า ถ้าเปลี่ยนใจ
เปลี่ยนความคิดความเชื่อคนได้ก่อนตาย
เส้นทางกรรม เส้นทางการรับผลแห่งกรรม
ก็แตกต่างไปเป็นคนละเรื่อง
อย่างชาวเขาแทนที่จะต้องไปเป็นเสือแน่ๆ
ก็กลายไปเป็นเทวดา เป็นพระเป็นเจ้ากันแทน
นี่ก็เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ เช่น
ถ้าใครสำคัญว่า พระสัทธรรมที่พระองค์เผยแผ่
เป็นธรรมะจากการคิดๆนึกๆ คาดเดาเอา
หากไม่มีเหตุให้เปลี่ยนความเชื่อได้ทันก่อนตาย
ก็มีสิทธิ์ไปอบายกัน
เมื่อเราได้ข้อสรุปว่า
ทำกรรมไม่ครบองค์ ถือว่ากรรมไม่สำเร็จบริบูรณ์
หรือถ้าอยู่บนเส้นทางมโนกรรมแย่ๆ
แล้วปรับเปลี่ยนเสียทันก่อนตาย
ก็นับว่ายังไม่สาย
เช่นนั้น อาจนำมาเป็นแง่คิดได้ด้วยว่า
ถ้าคนใกล้ตัวจงใจแกล้งให้เจ็บ แล้วเราไม่เจ็บ
หรือเจ็บไม่มาก นั่นก็เท่ากับว่า
คนใกล้ตัวทำบาปทำกรรมไม่หนักนัก
ไม่ต้องมีผลให้ต้องเป็นทุกข์ทางใจสาหัสนัก
หรือถ้าคนใกล้ตัวหมั่นจงใจกลั่นแกล้งให้เป็นทุกข์
แต่เห็นเราไม่เป็นทุกข์ ในที่สุดก็อ่อนแรง เลิกราไปเอง
ก็เท่ากับเราช่วยยกเขาออกจาก
เส้นทางลำบากเสียได้ทันก่อนตาย
ผู้มีธรรมะจริง ย่อมมีอิทธิพลดีๆ
ในทางใดทางหนึ่งกับคนใกล้ตัว
ก็ด้วยตัวอย่างที่เห็นง่ายๆอย่างนี้แหละ
พอเจอคนใกล้ตัวทิ่มแทงด้วยความตั้งใจให้เจ็บ
ก็เอาธรรมะมาเจริญสติ
เห็นความเจ็บเป็นเพียงการโดนเสียดแทงชั่วคราว
หายใจครั้งนี้กับหายใจครั้งหน้า
ทุกข์ทางใจก็ต่างระดับไปแล้ว
เช่นนี้ ก็ได้ปัญญาแก่เรา
และบาปเบาบางแก่เขาแล้ว!
:ดังตฤณ
แต่คนหรือสัตว์ไม่ตาย
แปลว่า ปาณาติบาตไม่ครบองค์
ตั้งใจชิงทรัพย์
แต่เจ้าของกลับเต็มใจยื่นให้โดยดี
แปลว่า อทินนาทานไม่ครบองค์
ตั้งใจชิงสาวจากพ่อแม่หรือสามีนาง
แต่เจ้าของกลับยกให้ก่อนเกิดเหตุทางเพศ
แปลว่า กาเมสุมิจฉาจารไม่ครบองค์
ตั้งใจโกหก
แต่ไม่เนียนพอจนฝ่ายฟังรู้ทัน ไม่หลงเชื่อ
แปลว่า มุสาวาทไม่ครบองค์
ตั้งใจกินเหล้า
แต่เปลี่ยนใจบ้วนทิ้งก่อนล่วงลงคอ
แปลว่า สุราเมรัยฯไม่ครบองค์
เมื่อกรรมไม่ครบองค์
ก็นับว่ายังทำกรรมนั้นๆไม่สำเร็จ
เงากรรมยังไม่เกิดตามตัวชัดเจน
และนั่นก็เป็นทำนองเดียวกันกับที่คิดร้าย
คิดไม่ดี แต่เปลี่ยนใจทันก่อนตาย
ก็ยังไม่สายเกินกว่าจะย้ายเส้นทางกรรม
เหมือนอย่างครั้งหนึ่ง
หลวงปู่มั่นกับลูกศิษย์ธุดงค์ไปเจอชาวเขา
ซึ่งไม่เคยเห็นพระสงฆ์มาก่อน
อีกทั้งหัวหน้าบ้านก็ดันด่วนทึกทักว่า
เข้มๆแบบนี้ ตุ๊เจ้าทั้งสองต้องเป็นเสือเย็นแน่ๆ
และลูกบ้านก็เชื่อตามทันทีโดยไม่ไตร่ตรองใดๆ
ตอนแรกหลวงปู่มั่นตั้งใจจะพักแรมเดี๋ยวเดียว
แต่พอรู้ว่าชาวบ้านคิดเช่นนั้น
ก็บอกลูกศิษย์ผู้ติดตามท่านว่าอย่าเพิ่งไปเลย
ทำให้พวกเขาเปลี่ยนความเชื่อกันก่อนเถิด
ไม่เช่นนั้น พอตายไป
พวกเขาจะเกิดใหม่เป็นเสือเป็นสางกันหมด
หลวงปู่มั่นกับลูกศิษย์อดทนลำบากอยู่นาน
กระทั่งสบโอกาส
เมื่อชาวเขาถามว่า
พวกท่านเดินกลับไปกลับมาทำอะไร
แทนที่หลวงปู่มั่นจะตอบว่า ‘เดินจงกรม’
ท่านก็บอก ‘เดินตามหาพุทโธ’
ชาวบ้านคงเห็นแปลกดี
เลยเดินตามหาพุทโธกันบ้าง
แล้วได้สมาธิ ได้สติอยู่กับเนื้อกับตัวกัน
เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า
แต่งตัวเป็นพระอย่างหลวงปู่มั่น เป็นไปเพื่ออะไร
พอหลวงปู่มั่นเห็นว่าสติปัญญา
ได้ประดิษฐานไว้ในใจชาวบ้านแล้ว
ท่านก็ค่อยเดินทางจากไป
นั่นเป็นตัวอย่างว่า ถ้าเปลี่ยนใจ
เปลี่ยนความคิดความเชื่อคนได้ก่อนตาย
เส้นทางกรรม เส้นทางการรับผลแห่งกรรม
ก็แตกต่างไปเป็นคนละเรื่อง
อย่างชาวเขาแทนที่จะต้องไปเป็นเสือแน่ๆ
ก็กลายไปเป็นเทวดา เป็นพระเป็นเจ้ากันแทน
นี่ก็เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ เช่น
ถ้าใครสำคัญว่า พระสัทธรรมที่พระองค์เผยแผ่
เป็นธรรมะจากการคิดๆนึกๆ คาดเดาเอา
หากไม่มีเหตุให้เปลี่ยนความเชื่อได้ทันก่อนตาย
ก็มีสิทธิ์ไปอบายกัน
เมื่อเราได้ข้อสรุปว่า
ทำกรรมไม่ครบองค์ ถือว่ากรรมไม่สำเร็จบริบูรณ์
หรือถ้าอยู่บนเส้นทางมโนกรรมแย่ๆ
แล้วปรับเปลี่ยนเสียทันก่อนตาย
ก็นับว่ายังไม่สาย
เช่นนั้น อาจนำมาเป็นแง่คิดได้ด้วยว่า
ถ้าคนใกล้ตัวจงใจแกล้งให้เจ็บ แล้วเราไม่เจ็บ
หรือเจ็บไม่มาก นั่นก็เท่ากับว่า
คนใกล้ตัวทำบาปทำกรรมไม่หนักนัก
ไม่ต้องมีผลให้ต้องเป็นทุกข์ทางใจสาหัสนัก
หรือถ้าคนใกล้ตัวหมั่นจงใจกลั่นแกล้งให้เป็นทุกข์
แต่เห็นเราไม่เป็นทุกข์ ในที่สุดก็อ่อนแรง เลิกราไปเอง
ก็เท่ากับเราช่วยยกเขาออกจาก
เส้นทางลำบากเสียได้ทันก่อนตาย
ผู้มีธรรมะจริง ย่อมมีอิทธิพลดีๆ
ในทางใดทางหนึ่งกับคนใกล้ตัว
ก็ด้วยตัวอย่างที่เห็นง่ายๆอย่างนี้แหละ
พอเจอคนใกล้ตัวทิ่มแทงด้วยความตั้งใจให้เจ็บ
ก็เอาธรรมะมาเจริญสติ
เห็นความเจ็บเป็นเพียงการโดนเสียดแทงชั่วคราว
หายใจครั้งนี้กับหายใจครั้งหน้า
ทุกข์ทางใจก็ต่างระดับไปแล้ว
เช่นนี้ ก็ได้ปัญญาแก่เรา
และบาปเบาบางแก่เขาแล้ว!
:ดังตฤณ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนที่ ทำดีพูดดี ต่อเรา
ล้วนมีความหวังผลอยู่ภายใน
แต่จะหวังเอาประโยชน์ หรือหวังให้ประโยชน์แค่นั้น
หวังเอาประโยชน์ เป็นดังนี้
เหมือนอย่างเช่น จีบสาว ก็ต้องทำดีพูดดีต่อหญิงนั้น
ผลที่หวังจึงจะมีโอกาสสำเร็จได้
เหมือนอย่างอยากมีคนนี้เป็นเพื่อน ก็ต้องทำดี พูดดี ต่อเขา
ผลที่หวังจึงจะมีโอกาสสำเร็จได้
เหมือนอย่างไม่ต้องการให้เจ้านายไล่ออก ก็ต้องทำดี พูดดี ต่อเจ้านาย
ผลที่หวังจึงจะมีโอกาสสำเร็จได้
หวังให้ประโยชน์ เป็นดังนี้
ครูคิดสอนนักเรียนเพื่อให้เขามีความรู้
หมอคิดรักษาคนป่วยเพื่อให้เขาหาย
พ่อและแม่
ล้วนมีความหวังผลอยู่ภายใน
แต่จะหวังเอาประโยชน์ หรือหวังให้ประโยชน์แค่นั้น
หวังเอาประโยชน์ เป็นดังนี้
เหมือนอย่างเช่น จีบสาว ก็ต้องทำดีพูดดีต่อหญิงนั้น
ผลที่หวังจึงจะมีโอกาสสำเร็จได้
เหมือนอย่างอยากมีคนนี้เป็นเพื่อน ก็ต้องทำดี พูดดี ต่อเขา
ผลที่หวังจึงจะมีโอกาสสำเร็จได้
เหมือนอย่างไม่ต้องการให้เจ้านายไล่ออก ก็ต้องทำดี พูดดี ต่อเจ้านาย
ผลที่หวังจึงจะมีโอกาสสำเร็จได้
หวังให้ประโยชน์ เป็นดังนี้
ครูคิดสอนนักเรียนเพื่อให้เขามีความรู้
หมอคิดรักษาคนป่วยเพื่อให้เขาหาย
พ่อและแม่
เป็นบ้า อยากหลุดพ้น เบื่อหน่าย
ที่ต้องมาอาศัยร่างกาย แล้วมันก็ใจขาดตาย
แล้วก็มาอาศัยมันอีก
แล้วมันก็ใจขาดตายอีก
#ร่างกายไม่ใช่ของเฮาดอก
ที่ต้องมาอาศัยร่างกาย แล้วมันก็ใจขาดตาย
แล้วก็มาอาศัยมันอีก
แล้วมันก็ใจขาดตายอีก
#ร่างกายไม่ใช่ของเฮาดอก
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 26, 2016 5:20:38pm
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 26, 2016 9:48:30pm
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 26, 2016 10:02:46pm
"คนสองคนเกลียดกัน
ก็เหมือนถูกขังไว้ในห้องมืดเดียวกัน
ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเท่ากัน
ฝ่ายใดถอนความเกลียดได้ก่อน
ก็เหมือนหลุดจากห้องมืดได้ก่อน
ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันได้ก่อน"
แนะนำหนังสือ : ใจใหม่
ก็เหมือนถูกขังไว้ในห้องมืดเดียวกัน
ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเท่ากัน
ฝ่ายใดถอนความเกลียดได้ก่อน
ก็เหมือนหลุดจากห้องมืดได้ก่อน
ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันได้ก่อน"
แนะนำหนังสือ : ใจใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผู้ที่หลุดออกจากโลกของความคิด
ผู้นั้นย่อม เป็นอิสระจากความคิด
อยู่เหนือ สัญญา สังขาร
ผู้นั้นย่อม เป็นอิสระจากความคิด
อยู่เหนือ สัญญา สังขาร
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"การมีความรู้" แล้วบอกผู้อื่นต่อ บุคคลนั้น ย่อมปัญญาเด่นไม่มีทางโง่ เพราะ
กฏแห่งกรรมเขาว่าอย่างนี้
หมอพยาบาล ยิ่งรักษา ตนเองยิ่งฉลาด ในความรู้และในศาสตร์การรักษา
___________________________________________
"ครู ยิ่งสอนเด็ก ตนเองยิ่งฉลาด ในความรู้และในศาสตร์การสอน
___________________________________________
#ยิ่งรักษา ยิ่งเป็นหมอเทวดา
ยิ่งสอน ยิ่งรู้มาก
กฏแห่งกรรมเขาว่าอย่างนี้
หมอพยาบาล ยิ่งรักษา ตนเองยิ่งฉลาด ในความรู้และในศาสตร์การรักษา
___________________________________________
"ครู ยิ่งสอนเด็ก ตนเองยิ่งฉลาด ในความรู้และในศาสตร์การสอน
___________________________________________
#ยิ่งรักษา ยิ่งเป็นหมอเทวดา
ยิ่งสอน ยิ่งรู้มาก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Pui Chutima
คุณได้แท็ก Pui Chutima
.😭
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เขียนบนไทม์ไลน์ของ ทำใจให้ชิน อยาก กินลูกชิ้น
เว้าธรรมะให้หลวงพี่ฟังแนเติ้ล
หมวด อายตนะ ๖
เฮาต้องปฏิบัติจังใด๋
หมวด อายตนะ ๖
เฮาต้องปฏิบัติจังใด๋
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เราอย่าได้เป็นผู้มีความอาฆาตพยาบาทแก่ใครๆเลย
จะได้สบายใจไม่เดือนร้อนจุกอกแน่นใจ
และใครๆอย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทแก่เราเลย
จะได้ไม่ทุกข์ใจ
เจ้ากรรมนายเวร หรือเจ้ากรรมนางเวร
เขาก็เป็นทุกข์เพราะหาช่องทางเอาคืน
การผูกเวรจองเวร ย่อมคลายออกสลายไปได้
ด้วยการเริ่มที่เรา คือไม่อาฆาตพบาทใครๆใดๆทั้งสิ้น
จะได้สบายใจไม่เดือนร้อนจุกอกแน่นใจ
และใครๆอย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทแก่เราเลย
จะได้ไม่ทุกข์ใจ
เจ้ากรรมนายเวร หรือเจ้ากรรมนางเวร
เขาก็เป็นทุกข์เพราะหาช่องทางเอาคืน
การผูกเวรจองเวร ย่อมคลายออกสลายไปได้
ด้วยการเริ่มที่เรา คือไม่อาฆาตพบาทใครๆใดๆทั้งสิ้น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ ทำใจให้ชิน อยาก กินลูกชิ้น
คุณได้แท็ก ทำใจให้ชิน อยาก กินลูกชิ้น
(T_T)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ สุพจน์ ขันแก้ว
คุณได้แท็ก สุพจน์ ขันแก้ว
.😭
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้แชร์ความทรงจำ
6 ปีที่แล้ว
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ก.ย. 19, 2015 8:15:54pm
.สุขเกิดขึ้นก็รู้ เพราะสุขเป็นสิ่งที่ถูกรู้
ทุกข์เกิดขึ้นก็รู้ เพราะทุกข์เป็นสิ่งที่ถูกรู้
อุเบกขาเกิดขึ้นก็รู้ เพราะอุเบกขาก็ไม่เที่ยง
รู้และรู้ อย่างเดียว ไม่ตามไป ไม่สงสัยว่ามันจะดับเมื่อไร
เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่มีเจ้าของ
เราอย่าไปยึดมัน
แต่ให้รู้มัน ด้วยผู้รู้ ที่รู้เฉยๆ
ไม่กำหนัดไม่ขัดเคียงมัน
ทำหน้าที่เป็นผู้รู้เฉยๆ
ปฏิบัติแบบนี้จะง่าย
เพราะมีแค่ ๒ อย่างเท่านั้น
๑.ผู้รู้สิ่งทั้งหล่าย
๒.สิ่งที่ถูกรู้
้
ผู้รู้=ก็คือวิญญาณในขันธ์ห้า
สิ่งที่ถูกรู้=ก็คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร
# ถ้าอยู่กับผู้รู้ได้แล้ว
ต้องว่างวิญญาณผู้รู้อีกทีหนึ่ง
จึงจะหลุดพ้นจากขันธ์๕ (นาม,รูป)
บรรลุอรหันต์ ถ้าชาติก่อนเคยทำคุณวิเศษอะไรมา
ก็จะบรรลุอรหันต์พร้อมของเก่าที่เคยได้ทำ
และจะไม่เสื่อม
# ธรรมะ
อัพเดตเมื่อ ก.ย. 19, 2016 7:00:37pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถาม -- คนที่ชอบพูดเสียดสี ทิ่มแทง ประชดประชัน ผลของกรรมจะเป็นคนแบบไหน?
#คุณดังตฤณ :
การส่อเสียดทิ่มแทง มีมูลจากโทสะ
ถ้าทำเรื่อยๆ ก็ส่อแววที่หน้าตาตั้งแต่ชาตินี้เลยครับ
คือ ดูร้าย มีกระแสแหลมระคายไม่น่าเข้าใกล้
โทสะอันมีวาจาเป็นสื่อนั้น สะสมมากแล้ว
พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นเหตุให้ไปสู่อบายได้
ซึ่งจะอบายลึกหรืออบายตื้น
ก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนแรงแค่ไหน
พอกไว้หนาแน่นเพียงใด
เกิดชาติหน้า ถ้าได้กลับมาเป็นมนุษย์อีก
คนเห็นหน้าตาแล้วไม่สบายใจทันทีครับ
#คุณดังตฤณ :
การส่อเสียดทิ่มแทง มีมูลจากโทสะ
ถ้าทำเรื่อยๆ ก็ส่อแววที่หน้าตาตั้งแต่ชาตินี้เลยครับ
คือ ดูร้าย มีกระแสแหลมระคายไม่น่าเข้าใกล้
โทสะอันมีวาจาเป็นสื่อนั้น สะสมมากแล้ว
พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นเหตุให้ไปสู่อบายได้
ซึ่งจะอบายลึกหรืออบายตื้น
ก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนแรงแค่ไหน
พอกไว้หนาแน่นเพียงใด
เกิดชาติหน้า ถ้าได้กลับมาเป็นมนุษย์อีก
คนเห็นหน้าตาแล้วไม่สบายใจทันทีครับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สามเรื่องที่น่าเสียใจ
๑ พบครูดี... แล้วไม่เรียน
๒ พบเพื่อนดี...... แล้วไม่คบ
๓ พบโอกาส...... แล้วไม่คว้าเอา
สามเรื่องที่....
๑ พบครูไม่ดี... แล้วไม่กล้าบอกลา
๒ พบเพื่อนไม่ดี.... แล้วไม่กล้าบอกลา
๓ ไม่โอกาส..... แล้วไม่พยามเสาะหา
๑ พบครูดี... แล้วไม่เรียน
๒ พบเพื่อนดี...... แล้วไม่คบ
๓ พบโอกาส...... แล้วไม่คว้าเอา
สามเรื่องที่....
๑ พบครูไม่ดี... แล้วไม่กล้าบอกลา
๒ พบเพื่อนไม่ดี.... แล้วไม่กล้าบอกลา
๓ ไม่โอกาส..... แล้วไม่พยามเสาะหา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"ภพชาติ ห้อยคออ่องต่องยุ"
ให้เฟ้าแก้ คลายออกให้แล้วเด้อ
ก่อนร่างกายนิมันสิแตกดับ"
ทันศาสนาพุทธเจ้า ให้รีบตักเอาขั้นทานขั้นศีลขั้นภาวนาให้ใด้สม่ำเสมอเด้อ
(ทาน)
ให้ทาน ทุกวัน ให้กับสัตว์เดรัจฉานก็เป็นบุญ
ให้กับพ่อกับแม่ก็เป็นบุญ
ให้กับญาติ,ให้กับเพื่อนข้างบ้าน,ให้กับชาวบ้านชาวนาก็เป็นบุญ
แต่ให้กับผู้มีศีลมีอานิสงค์เยอะ
#แต่ต้องไม่ให้สิ่งที่เป็นพิษเป็นภัยต่อผู้รับ
(ศีล )ควรตั้งจิตมีเจตนาถือศีล๕
ที่บ้านหรือที่ทำงานทุกวันพระ
(ภาวนามี ๒ส่วน) ๑.ควรทำความเข้าใจใหม่ให้ถูกต้องว่า"อารมณ์ ไม่ใช่เรา"
อารมณ์มันเปลี่ยนแปลงแปรปวนไม่คงที่เลย ไม่ควรถือมั่นในอารมณ์ใดๆว่าเที่ยง ให้เรามีสติสังเกตดูความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ให้ดี จะได้เห็นจะๆเลยว่ามันเปลี่ยนแปลง แปรปวนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้
๒.และถ้าเหนื่อย
ให้สลับมาทำสมาธิ โดยให้ระลึกหรือรู้ถึงร่างกาย ที่มันขยับไหวตีง... ท้องมันตีงกะฮู้
เดินก้าวไปก็รู้ อยู่ในท่านั่งก็รู้ ลมเข้าลมออกก็รู้ ท้องขยับก็รู้
#พระพุทธเจ้าตรัสสอนสาวกว่า
สิ่งใดเปลี่ยนแปลง สิ่งนั้นไม่ใช่เรา
ถ้าเราเห็น อารมณ์เปลี่ยนแปลง
แปรปวนไม่นิ่งไม่คงที่เลย เดี๋ยวก็แช่มชื่น เดี๋ยวก็หดหู่ เดี๋ยวก็จะโกธร เดี๋ยวก็อัดแน่นใจ เดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็ทุกข์ เดี๋ยวก็ดีใจ เดี๋ยวก็เสียใจ เป็นต้น ให้เห็นบ่อยๆทุกวันนะ
นั่นแหละเรียกว่า เรามีโอกาสจะพ้นอบายภูมิแล้วชาตินี้
เพราะอะไร?
ถ้าสมมุติยกเอาสองคนนี้มาเปรียบเที่ยบเรื่องความตาย
จะพอเข้าใจ
ในสองคนนี้ ตายอยู่ในอารมณ์ที่เป็นทุกข์เหมือนกัน
แต่คนที่หนึ่งไปเกิดอบายภูมิ นรก เป็นต้น
คนที่สองไปเกิดมนุษย์ภูมิเทวดาภูมิ เป็นต้น
คนที่หนึ่งก่อนตายกำลังมีอารมณ์ความทุกข์ แล้วก็เข้าใจผิดว่า อารมณ์ทุกข์คือเรา
จากนั้นก็ตายไม่ดี..ไปเกิดในอบายภูมิต่อ
คนที่สองก่อนตายกำลังมีอารมณ์ความทุกข์ แต่เข้าใจถูกว่า อารมณ์ความทุกข์ไม่ใช่เราอย่างแน่นอน เพราะฉันเห็นมันเปลี่ยนแปลงหลายครั้งหลายหนแล้ว ด้วยการภาวนา
จากนั้นก็ตายดี.. เกิดในสุคติภูมิ
นี่คือข้อแตกต่างกัน
ดังนั้นอ่านแล้ว
เลือกให้ดีเถิด ประโยชน์ตน
ก่อนที่ร่างอาหารนี้จะคืนสู่ดิน
จากทุกสิ่งไป
ให้เฟ้าแก้ คลายออกให้แล้วเด้อ
ก่อนร่างกายนิมันสิแตกดับ"
ทันศาสนาพุทธเจ้า ให้รีบตักเอาขั้นทานขั้นศีลขั้นภาวนาให้ใด้สม่ำเสมอเด้อ
(ทาน)
ให้ทาน ทุกวัน ให้กับสัตว์เดรัจฉานก็เป็นบุญ
ให้กับพ่อกับแม่ก็เป็นบุญ
ให้กับญาติ,ให้กับเพื่อนข้างบ้าน,ให้กับชาวบ้านชาวนาก็เป็นบุญ
แต่ให้กับผู้มีศีลมีอานิสงค์เยอะ
#แต่ต้องไม่ให้สิ่งที่เป็นพิษเป็นภัยต่อผู้รับ
(ศีล )ควรตั้งจิตมีเจตนาถือศีล๕
ที่บ้านหรือที่ทำงานทุกวันพระ
(ภาวนามี ๒ส่วน) ๑.ควรทำความเข้าใจใหม่ให้ถูกต้องว่า"อารมณ์ ไม่ใช่เรา"
อารมณ์มันเปลี่ยนแปลงแปรปวนไม่คงที่เลย ไม่ควรถือมั่นในอารมณ์ใดๆว่าเที่ยง ให้เรามีสติสังเกตดูความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ให้ดี จะได้เห็นจะๆเลยว่ามันเปลี่ยนแปลง แปรปวนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้
๒.และถ้าเหนื่อย
ให้สลับมาทำสมาธิ โดยให้ระลึกหรือรู้ถึงร่างกาย ที่มันขยับไหวตีง... ท้องมันตีงกะฮู้
เดินก้าวไปก็รู้ อยู่ในท่านั่งก็รู้ ลมเข้าลมออกก็รู้ ท้องขยับก็รู้
#พระพุทธเจ้าตรัสสอนสาวกว่า
สิ่งใดเปลี่ยนแปลง สิ่งนั้นไม่ใช่เรา
ถ้าเราเห็น อารมณ์เปลี่ยนแปลง
แปรปวนไม่นิ่งไม่คงที่เลย เดี๋ยวก็แช่มชื่น เดี๋ยวก็หดหู่ เดี๋ยวก็จะโกธร เดี๋ยวก็อัดแน่นใจ เดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็ทุกข์ เดี๋ยวก็ดีใจ เดี๋ยวก็เสียใจ เป็นต้น ให้เห็นบ่อยๆทุกวันนะ
นั่นแหละเรียกว่า เรามีโอกาสจะพ้นอบายภูมิแล้วชาตินี้
เพราะอะไร?
ถ้าสมมุติยกเอาสองคนนี้มาเปรียบเที่ยบเรื่องความตาย
จะพอเข้าใจ
ในสองคนนี้ ตายอยู่ในอารมณ์ที่เป็นทุกข์เหมือนกัน
แต่คนที่หนึ่งไปเกิดอบายภูมิ นรก เป็นต้น
คนที่สองไปเกิดมนุษย์ภูมิเทวดาภูมิ เป็นต้น
คนที่หนึ่งก่อนตายกำลังมีอารมณ์ความทุกข์ แล้วก็เข้าใจผิดว่า อารมณ์ทุกข์คือเรา
จากนั้นก็ตายไม่ดี..ไปเกิดในอบายภูมิต่อ
คนที่สองก่อนตายกำลังมีอารมณ์ความทุกข์ แต่เข้าใจถูกว่า อารมณ์ความทุกข์ไม่ใช่เราอย่างแน่นอน เพราะฉันเห็นมันเปลี่ยนแปลงหลายครั้งหลายหนแล้ว ด้วยการภาวนา
จากนั้นก็ตายดี.. เกิดในสุคติภูมิ
นี่คือข้อแตกต่างกัน
ดังนั้นอ่านแล้ว
เลือกให้ดีเถิด ประโยชน์ตน
ก่อนที่ร่างอาหารนี้จะคืนสู่ดิน
จากทุกสิ่งไป
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
๑๓๖ . เที่ยง เป็นสุข เป็นตัวตน
ขอเชิญร่วมงานกฐิน ณ
วัดป่าดอนยาง บ้านจิกดู่ ตำบลจิกดู่ อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ
วันอาทิตย์ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๙ ตั้งองค์กฐิน ณ ที่พักสงฆ์วัดป่าดอนยาง
เวลา ๑๘.๐๐ น. เจริญพระพุทธมนต์ ,ฟังพระธรรมเทศนา
วันจันทร์ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๙
เวลา ๐๗:๐๐ พระสงฆ์ออกรับบิณฑบาต เวลา ๐๙:๐๐ ร่วมพิธีทอดกฐินสามัคคี
-พระเถระกล่าวสัมโมทนียกถา
-พระสงฆ์อนุโมทนา
เพิลส่ง มาให้ เลยขอโพส
บอกบุญกฐิน บอกต่อ...
#เกิดเป็นคนไม่ควรทำตัวเหมือนไก่ ตื่นเช้าออกหากิน ค่ำมาหาหม่องนอน
เกิดเป็นคนควรสิหาบุญกุศล
ประดับจิตใจตนเอง บ่แมนปล่อยให้มันแห้งแล้งคึไก่
ธรรมะครูบาอาจารย์
ขอเชิญร่วมงานกฐิน ณ
วัดป่าดอนยาง บ้านจิกดู่ ตำบลจิกดู่ อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ
วันอาทิตย์ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๙ ตั้งองค์กฐิน ณ ที่พักสงฆ์วัดป่าดอนยาง
เวลา ๑๘.๐๐ น. เจริญพระพุทธมนต์ ,ฟังพระธรรมเทศนา
วันจันทร์ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๙
เวลา ๐๗:๐๐ พระสงฆ์ออกรับบิณฑบาต เวลา ๐๙:๐๐ ร่วมพิธีทอดกฐินสามัคคี
-พระเถระกล่าวสัมโมทนียกถา
-พระสงฆ์อนุโมทนา
เพิลส่ง มาให้ เลยขอโพส
บอกบุญกฐิน บอกต่อ...
#เกิดเป็นคนไม่ควรทำตัวเหมือนไก่ ตื่นเช้าออกหากิน ค่ำมาหาหม่องนอน
เกิดเป็นคนควรสิหาบุญกุศล
ประดับจิตใจตนเอง บ่แมนปล่อยให้มันแห้งแล้งคึไก่
ธรรมะครูบาอาจารย์
วัดป่าดอนยาง บ้านจิกดู่ ตำบลจิกดู่ อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ
วันอาทิตย์ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๙ ตั้งองค์กฐิน ณ ที่พักสงฆ์วัดป่าดอนยาง
เวลา ๑๘.๐๐ น. เจริญพระพุทธมนต์ ,ฟังพระธรรมเทศนา
วันจันทร์ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๙
เวลา ๐๗:๐๐ พระสงฆ์ออกรับบิณฑบาต เวลา ๐๙:๐๐ ร่วมพิธีทอดกฐินสามัคคี
-พระเถระกล่าวสัมโมทนียกถา
-พระสงฆ์อนุโมทนา
เพิลส่ง มาให้ เลยขอโพส
บอกบุญกฐิน บอกต่อ...
#เกิดเป็นคนไม่ควรทำตัวเหมือนไก่ ตื่นเช้าออกหากิน ค่ำมาหาหม่องนอน
เกิดเป็นคนควรสิหาบุญกุศล
ประดับจิตใจตนเอง บ่แมนปล่อยให้มันแห้งแล้งคึไก่
ธรรมะครูบาอาจารย์
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เจริญพรคุณโยม
อ้าง..(จากที่โยมโพสเมื่อวันที่ 26 กันยายน 59 แล้วอาตมาไปคอมเม้นขอพระประธาน
แล้วโยมก็แนะนำให้ถ่ายรูป ป้ายชื่อวัด ศาลา ฯ)
..........
และอาตมาปรึกษากับครูบาอาจารย์เรียบร้อยแล้ว
วันนี้จึงมาแจ้งเรื่องขอพระประทาน
.เมื่อวานอาตมาได้ถ่ายรูป
*ป้ายชื่อวัด*
*ศาลา*
และจะแปะรูปไว้ตรงคอมเม้นนี้นะ
อันนี้ที่อยู่และเบอร์โทร
#พระอาจารย์หนูเดือนชัย ธมฺมวิจโย เจ้าอาวาส วัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่าง บ้านโคกหินกอง ต.หนองสูงใต้ อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร
โทร.098 647 9452
อาตมาเป็นพระลูกวัด
๑.เรื่องพระประธานผ่านไปแล้ว
๒.เรื่องส่วนตัว
คือ"ถ้าไม่มีเสียงอ่านหนังสือ "เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน ฉบับปฏิรูป "โจโฉอ่าน
อาตมาก็คงอาจจะไม่ได้ดำรงเป็นเพศภิกษุเหมือนอยู่ตอนนี้ ขอบคุณมากๆนะ ถ้าพูดอีกแบบก็คือ คุณโยมDungtrin หรือ ตุลย์ เป็นครูทางธรรมคนหนึ่งของอาตมา เป็นเรื่องจริง
สาธุ... เจริญพร
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ
อ้าง..(จากที่โยมโพสเมื่อวันที่ 26 กันยายน 59 แล้วอาตมาไปคอมเม้นขอพระประธาน
แล้วโยมก็แนะนำให้ถ่ายรูป ป้ายชื่อวัด ศาลา ฯ)
..........
และอาตมาปรึกษากับครูบาอาจารย์เรียบร้อยแล้ว
วันนี้จึงมาแจ้งเรื่องขอพระประทาน
.เมื่อวานอาตมาได้ถ่ายรูป
*ป้ายชื่อวัด*
*ศาลา*
และจะแปะรูปไว้ตรงคอมเม้นนี้นะ
อันนี้ที่อยู่และเบอร์โทร
#พระอาจารย์หนูเดือนชัย ธมฺมวิจโย เจ้าอาวาส วัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่าง บ้านโคกหินกอง ต.หนองสูงใต้ อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร
โทร.098 647 9452
อาตมาเป็นพระลูกวัด
๑.เรื่องพระประธานผ่านไปแล้ว
๒.เรื่องส่วนตัว
คือ"ถ้าไม่มีเสียงอ่านหนังสือ "เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน ฉบับปฏิรูป "โจโฉอ่าน
อาตมาก็คงอาจจะไม่ได้ดำรงเป็นเพศภิกษุเหมือนอยู่ตอนนี้ ขอบคุณมากๆนะ ถ้าพูดอีกแบบก็คือ คุณโยมDungtrin หรือ ตุลย์ เป็นครูทางธรรมคนหนึ่งของอาตมา เป็นเรื่องจริง
สาธุ... เจริญพร
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#มาดูความโง่ของตนเอง ตอนเป็นโยม
๑. ด่าคนอื่นแล้วตัวเองเป็นทุกข์เอง
๒. เห็นรูปแล้ว แล้วตนเองเป็นทุกข์
๓. ได้ยินเสียงแล้ว แล้วตนเองเป็นทุกข์
๔. ได้กลิ่นแล้ว แล้วตนเองเป็นทุกข์
๕. ลิ้มรสแล้ว แล้วตนเองเป็นทุกข์
๖. เมื่ออารมณ์ทุกข์โผ่ที่ใจแล้ว
แล้วก็ยึดว่า "อารมณ์คือเรา" นี่โง่ชั้นที่สองเลย
เมื่อได้ฟังเทศพระปฏิบัติ คือ(หลวงพ่อปราโมทย์ ฯ)
"มี๒อย่างนะ มีผู้รู้ กับ สิ่งที่ถูกรู้"
จึงได้คลายความโง่เป็นเปราะๆออกไปอย่าง.... ^__^
ถ้าจะอธิบาย ก็คือ
ท่านสอนให้มีศรัทธา(ความเชื่อ)
ว่า อารมณ์ทุกอารมณ์ ไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับเรา
อารมณ์ทุกข์ก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับกับเรา
อารมณ์สุขก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับเรา
อารมณ์ไม่ทุกข์ไม่สุขก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับเรา
และอารมณ์ทั้งหลายทั้งปวง
ทั้งอารมณ์ในปัจจุบัน ที่กำลังถูกเรารู้ กำลังทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้
มันจะแปรปรวนไม่คงที่ เดี๋ยวแรงมาก เดี๋ยวน้อย เดี๋ยวอ่อน เดี๋ยวเบาบาง
ทั้งอารมณ์สุข ทั้งอารมณ์ทุกข์
ล้วนไม่ใช่เรา#
อารมณ์ทั้งหลายทั้งปวงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ก็ไม่เที่ยงแท้ไม่คงทน สุดท้ายก็หายไป อย่างบังคับให้อยู่ต่อไม่ได้
#ถ้าหากว่าไม่มีในหลวงองค์นี้แล้ว
ก็ไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสพบพระธรรมคำสั่งสอนนี้ไหม
ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาส ได้อ่านหนังอันล้ำค่ามีคุณมหาศาลไหม ที่คนโบราญรักษาสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน คือหนังสือ"พระไตรปิฏก"
ผลของการอ่านแล้ว แม้ยังไม่จบ
มีความรู้สึกว่า
"ในชีวิตนี้ ตอนเป็นโยมก็มีความคิดแบบโยมๆอะไรเป็นประโยชน์ที่แท้จริง มืดตึ๊บ..
ถ้าจำไม่ผิด ผมจบ ม.6 ด้วยเกรดเฉลี่ย 2.อะไรนี่แหละ
ความฉลาด ความรู้ แค่เลข2.
อายุ20 ปี บวช เป็นพระพอได้อ่านพระไตรปิฏกแล้วรู้เลยว่าควรใช้ชีวิตไปทางธรรม ขาดธรรมไม่ได้
และถ้าหากว่า ตอนอยู่ ม.3
มีเหตุให้ได้อ่านพระไตรปิฏก
อ่านแล้วก็คงจะมีความรู้สึกแสวงหาประโยชน์ตน จะไม่เรียนต่อ ม.4
แต่จะออกบวช
#ความน่า
คุณของท่านแม้พระอริยะก็สรรเสริญส่วนพวกที่เป็นใหญ่เป็นโตมีกำลังเพราะกำลังกินบุญเก่าตนเอง
จะทำลายศาสนาพุทธน่าสลดสังเวชมากกับวิบากกรรมของพวกเขาทำลายศาสนาพุทธก็คือทำลายประตูแห่งความหลุดพ้นทำลายศานาพุทธก็คือทำลายช่องทางออกไปจากถ้ำมืด (ภพทั้งปวง) # วิบากคือคือถ้าฆ่าสัตว์ตนเองย่อมอายุสั้นคือถ้าโกหกตนเองย่อมถูกโกหกอันนี้ทำลายคำสอนที่จะทำให้เข้าถึงนิพพานทำลายหนทางที่จะทำให้ถึงความสว่างสว่างมากกว่าพรหมวิหารสี่อีกจิตที่ทรงพรหมวิหารสี่ข้อใดก็ตามย่อมสว่างมากข้อเมตตาจิตย่อมสว่างมากข้อกรุณาจิตย่อมสว่างมากข้อมุฑิตาจิตย่อมสว่างมากข้ออุเบกขาจิตย่อมสว่างมาก แต่ศาสนาพุทธไม่ได้ติดอยู่แค่พรหมวิหารสี่ แต่ให้มาเห็นอาการของจิตที่ประกอบไปด้วยเมตตานั้นไม่เที่ยงเป็นทุกขังเป็นอนัตตาอาการของจิตที่ประกอบด้วยกรุณานั้นไม่เที่ยงเป็นทุกขขังเป็นอนัตตาอาการของจิตที่ประกอบด้วยมุฑิตานั้นไม่เที่ยงเป็นทุกขังเป็นอนัตตาอาการของจิตที่ประกอบไปด้วยอุเบกขานั้นไม่เที่ยงเป็นทุกขังเป็นอนัตตาและหลุดพ้นกลายเป็นอมตะหรือนิพพานหรือวิมุติหรือธรรมธาตุเมื่อตนเองหลงทำลายความสว่างคือตนเองจะได้เจอความสว่างง่ายๆไหมละน้อเกิดตายมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติแล้ววนเวียนอยู่ในทุกข์กกัปล์แล้วจะไปจอดขุมไหนไม่รู้
๑. ด่าคนอื่นแล้วตัวเองเป็นทุกข์เอง
๒. เห็นรูปแล้ว แล้วตนเองเป็นทุกข์
๓. ได้ยินเสียงแล้ว แล้วตนเองเป็นทุกข์
๔. ได้กลิ่นแล้ว แล้วตนเองเป็นทุกข์
๕. ลิ้มรสแล้ว แล้วตนเองเป็นทุกข์
๖. เมื่ออารมณ์ทุกข์โผ่ที่ใจแล้ว
แล้วก็ยึดว่า "อารมณ์คือเรา" นี่โง่ชั้นที่สองเลย
เมื่อได้ฟังเทศพระปฏิบัติ คือ(หลวงพ่อปราโมทย์ ฯ)
"มี๒อย่างนะ มีผู้รู้ กับ สิ่งที่ถูกรู้"
จึงได้คลายความโง่เป็นเปราะๆออกไปอย่าง.... ^__^
ถ้าจะอธิบาย ก็คือ
ท่านสอนให้มีศรัทธา(ความเชื่อ)
ว่า อารมณ์ทุกอารมณ์ ไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับเรา
อารมณ์ทุกข์ก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับกับเรา
อารมณ์สุขก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับเรา
อารมณ์ไม่ทุกข์ไม่สุขก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับเรา
และอารมณ์ทั้งหลายทั้งปวง
ทั้งอารมณ์ในปัจจุบัน ที่กำลังถูกเรารู้ กำลังทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้
มันจะแปรปรวนไม่คงที่ เดี๋ยวแรงมาก เดี๋ยวน้อย เดี๋ยวอ่อน เดี๋ยวเบาบาง
ทั้งอารมณ์สุข ทั้งอารมณ์ทุกข์
ล้วนไม่ใช่เรา#
อารมณ์ทั้งหลายทั้งปวงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ก็ไม่เที่ยงแท้ไม่คงทน สุดท้ายก็หายไป อย่างบังคับให้อยู่ต่อไม่ได้
#ถ้าหากว่าไม่มีในหลวงองค์นี้แล้ว
ก็ไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสพบพระธรรมคำสั่งสอนนี้ไหม
ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาส ได้อ่านหนังอันล้ำค่ามีคุณมหาศาลไหม ที่คนโบราญรักษาสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน คือหนังสือ"พระไตรปิฏก"
ผลของการอ่านแล้ว แม้ยังไม่จบ
มีความรู้สึกว่า
"ในชีวิตนี้ ตอนเป็นโยมก็มีความคิดแบบโยมๆอะไรเป็นประโยชน์ที่แท้จริง มืดตึ๊บ..
ถ้าจำไม่ผิด ผมจบ ม.6 ด้วยเกรดเฉลี่ย 2.อะไรนี่แหละ
ความฉลาด ความรู้ แค่เลข2.
อายุ20 ปี บวช เป็นพระพอได้อ่านพระไตรปิฏกแล้วรู้เลยว่าควรใช้ชีวิตไปทางธรรม ขาดธรรมไม่ได้
และถ้าหากว่า ตอนอยู่ ม.3
มีเหตุให้ได้อ่านพระไตรปิฏก
อ่านแล้วก็คงจะมีความรู้สึกแสวงหาประโยชน์ตน จะไม่เรียนต่อ ม.4
แต่จะออกบวช
#ความน่า
คุณของท่านแม้พระอริยะก็สรรเสริญส่วนพวกที่เป็นใหญ่เป็นโตมีกำลังเพราะกำลังกินบุญเก่าตนเอง
จะทำลายศาสนาพุทธน่าสลดสังเวชมากกับวิบากกรรมของพวกเขาทำลายศาสนาพุทธก็คือทำลายประตูแห่งความหลุดพ้นทำลายศานาพุทธก็คือทำลายช่องทางออกไปจากถ้ำมืด (ภพทั้งปวง) # วิบากคือคือถ้าฆ่าสัตว์ตนเองย่อมอายุสั้นคือถ้าโกหกตนเองย่อมถูกโกหกอันนี้ทำลายคำสอนที่จะทำให้เข้าถึงนิพพานทำลายหนทางที่จะทำให้ถึงความสว่างสว่างมากกว่าพรหมวิหารสี่อีกจิตที่ทรงพรหมวิหารสี่ข้อใดก็ตามย่อมสว่างมากข้อเมตตาจิตย่อมสว่างมากข้อกรุณาจิตย่อมสว่างมากข้อมุฑิตาจิตย่อมสว่างมากข้ออุเบกขาจิตย่อมสว่างมาก แต่ศาสนาพุทธไม่ได้ติดอยู่แค่พรหมวิหารสี่ แต่ให้มาเห็นอาการของจิตที่ประกอบไปด้วยเมตตานั้นไม่เที่ยงเป็นทุกขังเป็นอนัตตาอาการของจิตที่ประกอบด้วยกรุณานั้นไม่เที่ยงเป็นทุกขขังเป็นอนัตตาอาการของจิตที่ประกอบด้วยมุฑิตานั้นไม่เที่ยงเป็นทุกขังเป็นอนัตตาอาการของจิตที่ประกอบไปด้วยอุเบกขานั้นไม่เที่ยงเป็นทุกขังเป็นอนัตตาและหลุดพ้นกลายเป็นอมตะหรือนิพพานหรือวิมุติหรือธรรมธาตุเมื่อตนเองหลงทำลายความสว่างคือตนเองจะได้เจอความสว่างง่ายๆไหมละน้อเกิดตายมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติแล้ววนเวียนอยู่ในทุกข์กกัปล์แล้วจะไปจอดขุมไหนไม่รู้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าเราชอบ "ยศ"
เราคงสนใจ วิ่งเต้น กระตื้อลือล้น
เพื่อให้ได้ซึ่งตำแหน่งนั้น
ถ้าเราชอบ "ดัง.. คือการมีชื่อเสียง"
เราคงอวดหน้าอวดตา โชว์นั่นโชว์นี่
ถ้าเราชอบ "สนิทกับใคร"
เราคง เอาใจใส่เป็นอย่างดี
ถ้าเราชอบการงาน
เราคงไม่พยามยามหลีก
หนี้หลีกเลี่ยง
แต่นี่เราไม่ชอบ
งานอีกแบบหนึ่งคือ จิตตะภาวนา
งานแบบนี้เราชอบ
ก่อนปีใหม่... เราจะต้องส่ง โยมที่อุปฐากให้ถึงพุทธะคำสอนให้ได้
เราคงสนใจ วิ่งเต้น กระตื้อลือล้น
เพื่อให้ได้ซึ่งตำแหน่งนั้น
ถ้าเราชอบ "ดัง.. คือการมีชื่อเสียง"
เราคงอวดหน้าอวดตา โชว์นั่นโชว์นี่
ถ้าเราชอบ "สนิทกับใคร"
เราคง เอาใจใส่เป็นอย่างดี
ถ้าเราชอบการงาน
เราคงไม่พยามยามหลีก
หนี้หลีกเลี่ยง
แต่นี่เราไม่ชอบ
งานอีกแบบหนึ่งคือ จิตตะภาวนา
งานแบบนี้เราชอบ
ก่อนปีใหม่... เราจะต้องส่ง โยมที่อุปฐากให้ถึงพุทธะคำสอนให้ได้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนเรามีจุดมุ่งหมายที่ต่างกัน"
จะบังคับให้มุ่งไปทางเดียวกันนั้นย่อมไม่ได้"
แม้อุปนิสัยอนุสัยใจคอยังไม่เหมือนกันเลย แล้วจะให้มีจิตมุ่งไปทางเดียวกันนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้
ดูเด็กในร้านอินเตอร์เน็ต
แม้มาร้านอินเตอร์เน็ตเหมือนกัน
ก็ใช้คอมไม่เหมือนกันเลย
บางคนเล่นเกมฟุตบอล
บางคนเล่นเกมยิง
บางคนเล่นเฟส
บางคนดูยูทูป
บางคนโหลดหนัง
บางคนแต่งรูป
ฯ
แม้พระภิกษุก็มีอุปนิสัย อนุสัย ต่างกัน
บางรูปเป็นอย่างนี้
บางรูปเป็นอย่างนั้น
คือบางรูปชอบฤทธิ์(ต้องการมีฤทธิ์) ก็ไปเป็นลูกศิษย์พระโมคคัลลานะ
บางรูปชอบทิพย์จักขุ(ต้องการตาทิพย์)
ก็ไปเป็นลูกศิษย์พระอนุรุทธะ
บางรูปชอบมีปัญญามาก
ก็ไปเป็นลูกศิษย์พระสารีบุตร
บางรูปชอบทรงวินัย
ก็ไปเป็นลูกศิษย์เรียนวินัยกับพระอุบาลี
ถ้าเราปราถนายศ เราคงวิ่งเต้น กระตือลือล้น
เพื่อให้ได้มาซึ่งยศ
ถ้าเราชอบการงาน เราคงไม่พยายามหลบหลีกเลี่ยง
ปลีกไปวิเวก
สิ่งที่เราปราถนาคือ
เรามีความปราถนาสิ่งหนึ่ง คือ
"ความหลุดพ้นแห่งจิต" คืออรหันตผล สิ้นชาติภพ
ไม่อยากเกิดอีกแล้ว
ดับหายไป..สูญหายเลยยิ่งดี
พระในวัดนี้เราก็ไม่รู้ว่า พวกท่านบวชมุ่งอะไร?
ท่านบวชเพื่อมรรคผลหรืออะไร
แต่เราบวชครั้งที่๒(บวชทางใจ)
เพราะครั้งแรกบวชตามประเพณี
ช่วงพรรษา๒ เป็นใจใหม่แล้ว "เป็นใจ..เพื่อการบรรลุธรรม"
จะบังคับให้มุ่งไปทางเดียวกันนั้นย่อมไม่ได้"
แม้อุปนิสัยอนุสัยใจคอยังไม่เหมือนกันเลย แล้วจะให้มีจิตมุ่งไปทางเดียวกันนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้
ดูเด็กในร้านอินเตอร์เน็ต
แม้มาร้านอินเตอร์เน็ตเหมือนกัน
ก็ใช้คอมไม่เหมือนกันเลย
บางคนเล่นเกมฟุตบอล
บางคนเล่นเกมยิง
บางคนเล่นเฟส
บางคนดูยูทูป
บางคนโหลดหนัง
บางคนแต่งรูป
ฯ
แม้พระภิกษุก็มีอุปนิสัย อนุสัย ต่างกัน
บางรูปเป็นอย่างนี้
บางรูปเป็นอย่างนั้น
คือบางรูปชอบฤทธิ์(ต้องการมีฤทธิ์) ก็ไปเป็นลูกศิษย์พระโมคคัลลานะ
บางรูปชอบทิพย์จักขุ(ต้องการตาทิพย์)
ก็ไปเป็นลูกศิษย์พระอนุรุทธะ
บางรูปชอบมีปัญญามาก
ก็ไปเป็นลูกศิษย์พระสารีบุตร
บางรูปชอบทรงวินัย
ก็ไปเป็นลูกศิษย์เรียนวินัยกับพระอุบาลี
ถ้าเราปราถนายศ เราคงวิ่งเต้น กระตือลือล้น
เพื่อให้ได้มาซึ่งยศ
ถ้าเราชอบการงาน เราคงไม่พยายามหลบหลีกเลี่ยง
ปลีกไปวิเวก
สิ่งที่เราปราถนาคือ
เรามีความปราถนาสิ่งหนึ่ง คือ
"ความหลุดพ้นแห่งจิต" คืออรหันตผล สิ้นชาติภพ
ไม่อยากเกิดอีกแล้ว
ดับหายไป..สูญหายเลยยิ่งดี
พระในวัดนี้เราก็ไม่รู้ว่า พวกท่านบวชมุ่งอะไร?
ท่านบวชเพื่อมรรคผลหรืออะไร
แต่เราบวชครั้งที่๒(บวชทางใจ)
เพราะครั้งแรกบวชตามประเพณี
ช่วงพรรษา๒ เป็นใจใหม่แล้ว "เป็นใจ..เพื่อการบรรลุธรรม"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระในวัดนี้เราก็ไม่รู้ว่า พวกท่านบวชมุ่งอะไร?
ท่านบวชเพื่อมรรคผลหรืออะไร
แต่กระผมบวชตอนแรก
เมื่อ (๗ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๕๗)
ก็อยู่มาเรื่อยๆ จนออกพรรษา
ก็ได้ ๑ พรรษา
ออกพรรษาแล้ว
ผมมีความคิดว่าจะสึกออกไป แล้วปล่อยเวลาไป๓วันไปบวชวัดป่าต่อ
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป...
จนอยู่มา ๒ พรรษา..
จนอยู่มา ๓ พรรษา..
ผลการปฏิบัติกรรมฐาน
ที่ผ่านมา
มันทำให้ผมอยากจะหลุดพ้นมาก
เวลาเดินบิณฑบาตอยู่ บางทีมันก็ขึ้นมา
"อาการทางใจที่อยากหลุดพ้นเต็มที" เมื่อมีอาการนี้มันมีแต่จะไม่สนใคร
#แม้อาจารย์ไกร ก็บอกว่า อาการนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับท่าน"
นี่มันเกิดขึ้นกับเราครั้งแรกชวงยังไม่เข้าพรรษา๒ด้วยซ้ำ
อาการนั้นเมื่อเกิดขึ้นที่ใจแล้ว
มันอยากบรรลุธรรมมากเหลือเกิน
เกิดขึ้นครั้งใด มันจะไม่สนใคร มีแต่อยากจะหลุดพ้น
เราถึงกับต้องออกไปป่าช้าคนเดียว
แม้ตอนนี้ใจมันก็ดิ้น อยากจะออกไปบำเพ็ญเพียร
ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้ถึงปีใหม่ไหมนะ
#เมื่อก่อนห่วงงานเอกสาร
แต่ตอนนี้ไม่ห่วงแล้ว
ห่วงตนเองมากกว่า (นี่คือศรัทธา)เกิดมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติตายไปไม่รู้จักจบจักสิ้น
ถ้าคนหรือเทวดาที่ ไม่เห็นภัยในสังสารวัฏ
ก็อย่าได้ขัดขวางกันเลย
พระทุศีล คือพระไม่มีศักดิ์ศรี
เราพูดกระทบเรา "
เราจะไปทำให้ตนเองมีศีลบริสุทธิ์และหลุดพ้นให้จงได้ ภายในชาตินี้ ก่อนที่กายนี้มันจะแตกดับทำลายคืนสู้ดิน
ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์ อย่าพึงดีใจ
อย่าพึงนอนใจเลย เตือนตน..!!
เวลาหมดแล้วหมดเลยนะ
เกิดมาพบพุทธศาสนา
ควรแท้ที่จะ "ศึกษามรรคภาวนา"
ให้เป็น
>ใครชอบสมาธินำปัญญา
"หลวงพ่อพุธ ฐานิโย"
"หลวงปู่เทส เทสรังสี"
ใครชอบปัญญานำสมาธิ
"หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมทยโช"
84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=16&A=4431&Z=4451
ท่านบวชเพื่อมรรคผลหรืออะไร
แต่กระผมบวชตอนแรก
เมื่อ (๗ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๕๗)
ก็อยู่มาเรื่อยๆ จนออกพรรษา
ก็ได้ ๑ พรรษา
ออกพรรษาแล้ว
ผมมีความคิดว่าจะสึกออกไป แล้วปล่อยเวลาไป๓วันไปบวชวัดป่าต่อ
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป...
จนอยู่มา ๒ พรรษา..
จนอยู่มา ๓ พรรษา..
ผลการปฏิบัติกรรมฐาน
ที่ผ่านมา
มันทำให้ผมอยากจะหลุดพ้นมาก
เวลาเดินบิณฑบาตอยู่ บางทีมันก็ขึ้นมา
"อาการทางใจที่อยากหลุดพ้นเต็มที" เมื่อมีอาการนี้มันมีแต่จะไม่สนใคร
#แม้อาจารย์ไกร ก็บอกว่า อาการนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับท่าน"
นี่มันเกิดขึ้นกับเราครั้งแรกชวงยังไม่เข้าพรรษา๒ด้วยซ้ำ
อาการนั้นเมื่อเกิดขึ้นที่ใจแล้ว
มันอยากบรรลุธรรมมากเหลือเกิน
เกิดขึ้นครั้งใด มันจะไม่สนใคร มีแต่อยากจะหลุดพ้น
เราถึงกับต้องออกไปป่าช้าคนเดียว
แม้ตอนนี้ใจมันก็ดิ้น อยากจะออกไปบำเพ็ญเพียร
ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้ถึงปีใหม่ไหมนะ
#เมื่อก่อนห่วงงานเอกสาร
แต่ตอนนี้ไม่ห่วงแล้ว
ห่วงตนเองมากกว่า (นี่คือศรัทธา)เกิดมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติตายไปไม่รู้จักจบจักสิ้น
ถ้าคนหรือเทวดาที่ ไม่เห็นภัยในสังสารวัฏ
ก็อย่าได้ขัดขวางกันเลย
พระทุศีล คือพระไม่มีศักดิ์ศรี
เราพูดกระทบเรา "
เราจะไปทำให้ตนเองมีศีลบริสุทธิ์และหลุดพ้นให้จงได้ ภายในชาตินี้ ก่อนที่กายนี้มันจะแตกดับทำลายคืนสู้ดิน
ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์ อย่าพึงดีใจ
อย่าพึงนอนใจเลย เตือนตน..!!
เวลาหมดแล้วหมดเลยนะ
เกิดมาพบพุทธศาสนา
ควรแท้ที่จะ "ศึกษามรรคภาวนา"
ให้เป็น
>ใครชอบสมาธินำปัญญา
"หลวงพ่อพุธ ฐานิโย"
"หลวงปู่เทส เทสรังสี"
ใครชอบปัญญานำสมาธิ
"หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมทยโช"
84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=16&A=4431&Z=4451
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กราบครั้งที่๑ คุณพระพุทธ
กราบครั้งที่๒ คุณพระธรรม
กราบครั้งที่๓ คุณพระสงฆ์ที่ดำรงสืบทอดพระพุทธคำสอนในสมัยพุทธกาลมาจนถึงปัจจุบัน
กราบครั้งที่๔ คุณของครูในอดีตชาติที่เคยบอกเคยสอน
กราบครั้งที่๕ คุณพ่อคุณแม่ผู้มีพระคุณ
กราบครั้งที่๖ คุณญาติสาโลหิตที่เคยสอนข้าพระเจ้า
คุณของผู้ที่มองไม่เห็นที่คอยช่วยเหลือ
คุณของเหตุปัจจัยทั้งหลายทั้งปวงที่ทำให้ข้าพระเจ้ามาทางธรรม
นี่คือกราบของข้าพระเจ้า ที่คนไม่เห็น
กราบครั้งที่๒ คุณพระธรรม
กราบครั้งที่๓ คุณพระสงฆ์ที่ดำรงสืบทอดพระพุทธคำสอนในสมัยพุทธกาลมาจนถึงปัจจุบัน
กราบครั้งที่๔ คุณของครูในอดีตชาติที่เคยบอกเคยสอน
กราบครั้งที่๕ คุณพ่อคุณแม่ผู้มีพระคุณ
กราบครั้งที่๖ คุณญาติสาโลหิตที่เคยสอนข้าพระเจ้า
คุณของผู้ที่มองไม่เห็นที่คอยช่วยเหลือ
คุณของเหตุปัจจัยทั้งหลายทั้งปวงที่ทำให้ข้าพระเจ้ามาทางธรรม
นี่คือกราบของข้าพระเจ้า ที่คนไม่เห็น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลาหมดแล้วหมดเลย
......
ถ้าเอามาทิ้งกับเฟสบุ๊ก
......
ถ้าเอามาทิ้งกับดูทีวี
.....
จะเสียงานภาวนา
.....
ถ้าเอามาทิ้งกับนอนเต็มที่
.....
จะเสียงานภาวนา
.....
ถ้าเอามาทิ้งกับการพูดเรื่องไร้สาระ
.....
จะเสียงานภาวนา
....
ถ้าเอามาทิ้งกับ "สติปัฏฐานสี่"
ไม่เสียงานภาวนา
......
ถ้าเอามาทิ้งกับเฟสบุ๊ก
......
ถ้าเอามาทิ้งกับดูทีวี
.....
จะเสียงานภาวนา
.....
ถ้าเอามาทิ้งกับนอนเต็มที่
.....
จะเสียงานภาวนา
.....
ถ้าเอามาทิ้งกับการพูดเรื่องไร้สาระ
.....
จะเสียงานภาวนา
....
ถ้าเอามาทิ้งกับ "สติปัฏฐานสี่"
ไม่เสียงานภาวนา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อยู่ในพศที่ประเสริฐ {ก็ต้องทำจิตให้ประเสริฐ}
ก็ต้องทำวาจาให้ประเสริฐ
ก็ต้องทำกายให้ประเสริฐ
ก็ต้องทำวาจาให้ประเสริฐ
ก็ต้องทำกายให้ประเสริฐ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"ความยาก เป็นเหตุให้เกิดทุกข์"
ถ้าเราทำอะไร โดยมีความอยากมากๆ
ใจย่อมเร้าร้อน..หรือร้อนรน
........
แต่ถ้าเราทำอะไรด้วย"ความพอดี"
ใจย่อมไม่เร้าร้อน..
เพราะเป็นใจที่ดำเนินทางสายกลาง ใจจึงไม่เป็นทุกข์ร้อน หรือร้อนรน
#อยาใจด้าน
#อย่าใจอ่อนแอ
#แต่ให้ใจ อยู่ในความพอดี
ถ้าเราทำอะไร โดยมีความอยากมากๆ
ใจย่อมเร้าร้อน..หรือร้อนรน
........
แต่ถ้าเราทำอะไรด้วย"ความพอดี"
ใจย่อมไม่เร้าร้อน..
เพราะเป็นใจที่ดำเนินทางสายกลาง ใจจึงไม่เป็นทุกข์ร้อน หรือร้อนรน
#อยาใจด้าน
#อย่าใจอ่อนแอ
#แต่ให้ใจ อยู่ในความพอดี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ เรียนมาน้อย เลยสะกดคำว่า ถอย ไม่เป็น
คุณได้แท็ก เรียนมาน้อย เลยสะกดคำว่า ถอย ไม่เป็น
อะไรที่มันเปลี่ยนแปลง ไม่เที่ยงแท้ สิ่งนั้นไม่ใช่เรา
ทุกข์เกิดขึ้นมาแล้ว..ก็หายไป
สุขเกิดขึ้นมาแล้ว..ก็หายไป
ความรู้สึกทั้งหลายทั้งปวงเคยเที่ยงหามีไม่ มีแต่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ผู้ไม่เข้าใจ ความจริงของสุขทุกข์
น่าสงสารมาก..
ผู้ไม่เข้าใจความจริงของกายนี้ว่า
มนุษย์เกิดขึ้นมา..แล้วก็หายไป
ความสวยของผู้หญิงเกิดขึ้นมาแล้วก็หายไป ... เน่าเละตุ่มเปะ..สุดท้ายคืนสู้ดิน
หาสาระกับกายนี้ไม่ได้เลย
เป็นที่พึ่งจริงไม่ได้เลย
ความหล่อของผู้ชายเกิดขึ้นมาแล้วก็หายไป ...
สุดท้ายก็แก่หง่อม.. และนอนเล๊ะตุ่มเป๊ะคืนสู่ดิน
จะหาแก่นสารจากร่างกายนี้ไม่มีเลย มีก็แต่ใช้มันทำความดีทางกาย
คือไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมย ไม่ทำผิดเรื่องเพศ แล้วพามันเดินจงกรม
มีก็แต่ใช้มันทำความดีทางวาจา
คือไม่พูดเท็จ ไม่พูดยุให้ใครแตกคอกัน
ไม่พูดเสียดสีทำร้ายจิตใจคนอื่น
ไม่พูดเรื่องไร่สาระบ้าบอ
แล้วพามันภาวนาพุธโท
#กรรมให้ผลแล้วก็เสร็จไป
(ชาตินี้เราโดนผลของกรรมจาก ปาณาติบาตหรือวจีกรรมบาป
ให้ผลจึงมีปากที่ไม่เหมือนคนอื่น
ถือว่าใช้กรรมเก่า
และในขณะเดียวกัน ก็มีกรรมดีมาให้ผลเรา
ที่ทำให้เราได้มีตาเห็นแสงแห่งธรรมของพระพุทธเจ้า ซึ่งหาบุคคลแบบนี้ยากมากในโลกมนุษย์ และในโลกสวรรค์
ทุกข์เกิดขึ้นมาแล้ว..ก็หายไป
สุขเกิดขึ้นมาแล้ว..ก็หายไป
ความรู้สึกทั้งหลายทั้งปวงเคยเที่ยงหามีไม่ มีแต่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ผู้ไม่เข้าใจ ความจริงของสุขทุกข์
น่าสงสารมาก..
ผู้ไม่เข้าใจความจริงของกายนี้ว่า
มนุษย์เกิดขึ้นมา..แล้วก็หายไป
ความสวยของผู้หญิงเกิดขึ้นมาแล้วก็หายไป ... เน่าเละตุ่มเปะ..สุดท้ายคืนสู้ดิน
หาสาระกับกายนี้ไม่ได้เลย
เป็นที่พึ่งจริงไม่ได้เลย
ความหล่อของผู้ชายเกิดขึ้นมาแล้วก็หายไป ...
สุดท้ายก็แก่หง่อม.. และนอนเล๊ะตุ่มเป๊ะคืนสู่ดิน
จะหาแก่นสารจากร่างกายนี้ไม่มีเลย มีก็แต่ใช้มันทำความดีทางกาย
คือไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมย ไม่ทำผิดเรื่องเพศ แล้วพามันเดินจงกรม
มีก็แต่ใช้มันทำความดีทางวาจา
คือไม่พูดเท็จ ไม่พูดยุให้ใครแตกคอกัน
ไม่พูดเสียดสีทำร้ายจิตใจคนอื่น
ไม่พูดเรื่องไร่สาระบ้าบอ
แล้วพามันภาวนาพุธโท
#กรรมให้ผลแล้วก็เสร็จไป
(ชาตินี้เราโดนผลของกรรมจาก ปาณาติบาตหรือวจีกรรมบาป
ให้ผลจึงมีปากที่ไม่เหมือนคนอื่น
ถือว่าใช้กรรมเก่า
และในขณะเดียวกัน ก็มีกรรมดีมาให้ผลเรา
ที่ทำให้เราได้มีตาเห็นแสงแห่งธรรมของพระพุทธเจ้า ซึ่งหาบุคคลแบบนี้ยากมากในโลกมนุษย์ และในโลกสวรรค์
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ เรียนมาน้อย เลยสะกดคำว่า ถอย ไม่เป็น
คุณได้แท็ก เรียนมาน้อย เลยสะกดคำว่า ถอย ไม่เป็น
.
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 29, 2016 8:10:38am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
บ่อได้ประโยชน์อิหยังเลย กับกามราคะ..
ซำนั่นหละ..
อย่าสิไปย้านกามราคะ
ถ้ากำลังแก่กล้าระดับปานนี้แล้ว
สิ่งที่บ่มีประโยชน์มันเฮ็ดหยังบอได้ดอก
ซำนั่นหละ..
อย่าสิไปย้านกามราคะ
ถ้ากำลังแก่กล้าระดับปานนี้แล้ว
สิ่งที่บ่มีประโยชน์มันเฮ็ดหยังบอได้ดอก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ เรียนมาน้อย เลยสะกดคำว่า ถอย ไม่เป็น
คุณได้แท็ก เรียนมาน้อย เลยสะกดคำว่า ถอย ไม่เป็น
ถ้าหากว่า กระดูกเหล่านั้น
"เป็นกระดูกที่ถูกเอาไปเผาไฟ
เผาจนไหม้เกรียม เป็นถ่านดำกรอบ เหมือนตอเฟือง ต้นข้าวที่ชาวนาเฝา แล้ว
แล้วสุดท้าย..แตกสลายกลายเป็นฝุ่น..ละเอียด ไม่ตัวไม่มีตนเลย คน..สัตว์
"เป็นกระดูกที่ถูกเอาไปเผาไฟ
เผาจนไหม้เกรียม เป็นถ่านดำกรอบ เหมือนตอเฟือง ต้นข้าวที่ชาวนาเฝา แล้ว
แล้วสุดท้าย..แตกสลายกลายเป็นฝุ่น..ละเอียด ไม่ตัวไม่มีตนเลย คน..สัตว์
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 29, 2016 4:53:13pm
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 02, 2016 8:47:45am
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 02, 2016 1:06:31pm
คนมีบุญ....
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 12, 2016 9:16:37pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การก่อนเป็นคนประมาท
ภายต่อมา รู้ว่าตนประมาท
สำนึกสังเวชในตนแล้ว
พึงเป็นผู้ดำรงในความไม่ประมาทเถิด
#ประมาทมิใช่ เป็นความหมายว่า
ขับรถประมาท แต่หมายถึงทุกอย่างในชีวิต
เรื่องทุกเรื่อง ที่เราประมาท
จึงทำให้ไม่เจริญขึ้นไปได้
แต่กลับจมปลัก ถอยหลังเข้าคลอง
เข้าคลองแล้วยังไม่พอ มุดลงในคลองอีกคือซ้ำเติมตนเอง
ในโลกนี้ไม่มีใครเลย ที่เกิดมาแล้วไม่เคยทำผิด
ต้องให้อภัยตนเอง เพราะมันย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ต้องพึงธรรมะบทนี้
"บุคคลไม่ควรตามคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว
บุคคลไม่ควรควรคิดถึงอนาคต
จนเสียปัจจุบัน ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับปัจจุบันเลย
เพราะมัวคิดไปอดีตลึกเกินไป
เพราะมัวคิดไปอนาคตลึกเกินไป
ควรคิดให้พอดีๆ ไม่ให้เสียประโยชน์อันจะพึงได้ในปัจจุบัน
ภายต่อมา รู้ว่าตนประมาท
สำนึกสังเวชในตนแล้ว
พึงเป็นผู้ดำรงในความไม่ประมาทเถิด
#ประมาทมิใช่ เป็นความหมายว่า
ขับรถประมาท แต่หมายถึงทุกอย่างในชีวิต
เรื่องทุกเรื่อง ที่เราประมาท
จึงทำให้ไม่เจริญขึ้นไปได้
แต่กลับจมปลัก ถอยหลังเข้าคลอง
เข้าคลองแล้วยังไม่พอ มุดลงในคลองอีกคือซ้ำเติมตนเอง
ในโลกนี้ไม่มีใครเลย ที่เกิดมาแล้วไม่เคยทำผิด
ต้องให้อภัยตนเอง เพราะมันย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ต้องพึงธรรมะบทนี้
"บุคคลไม่ควรตามคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว
บุคคลไม่ควรควรคิดถึงอนาคต
จนเสียปัจจุบัน ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับปัจจุบันเลย
เพราะมัวคิดไปอดีตลึกเกินไป
เพราะมัวคิดไปอนาคตลึกเกินไป
ควรคิดให้พอดีๆ ไม่ให้เสียประโยชน์อันจะพึงได้ในปัจจุบัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒
พระจันทร์เต็มดวง
"#เทวดาชาวฟ้าคง สอดส่องดูมนุษย์ด้วยทิพย์จักษุ(ตาทิพย์)
คงเห็นเหตุการณ์ต่างๆกันในตอนกลางคืน
บางพวก พากันไปลอยกระทง
บางพวก พากันไปเล่นน้ำ บางพวก กำลังเกี่ยวข้าว(รถเกี่ยว)
บางพวก ตั้งวงกินเหล้า
บางพวก ตีดกีต้าร้องเพลง ฉลองแสงจันทร์ฯ
บางพวก นอนป่วยอยู่โรงบาลใกล้จะสิ้นลม
บางพวก วันนี้จะรับกรรม คือเกิดอุบัติเหตุเพราะการเดินทาง
บางพวก เทวดาตายหมดบุญจุติลงมาเกิด
บางพวก
ใจจะขาดตายวันนี้และไปตกนรก
บางพวก
ใจจะขาดตายวันนี้และไปเกิดบนสวรรค์
บางพวก กำลังใช้กรรมในนรก
บางพวก เปตรกำลังออกไปขอส่วนบุญจากญาติในโลกมนุษย์
บางพวก หมากำลังออกลูก
บางพวก กำลังส่งยาบ้ากัน
บางพวก กำลังผิดศีลข้อกาเม
บางพวก กำลังออกกะ เลิกงาน
บางพวก กำลังเข้ากะ ทำงาน บางพวก กำลังทำการบ้านเตรียมส่งครู
บางพวก กำลังเพ่งดูพระจันทร์ฝึกตาทิพย์
บางพวก
กำลังสวดมนต์นั่งสมาธิจนถึงสว่าง
บางพวกจมปลักถอยหลังเข้าคลอง เอาหัวมุดดินซ้ำเติมชีวิตตนเองที่เอาดีไม่ได้
บางพวกกำลังคิดจะใช้ชีวิตดำเนินไปทางที่เจริญ
บางพวกกำลังคิดจะใช้ชีวิตดำเนินไปทางที่เสื่อม
และ( ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ )
เป็นวันที่ท่านพระสารีบุตร
"นิพพาน"
เป็นวันที่ท้าวมหาพรหม
ลงมาโลกมนุษย์
เป็นวันที่ ท้าวมหาราชทั้ง ๔
ลงมาโลกมนุษย์
๑. ท้าวเวสสุวัณ ( เทวดายักษ์)
๒. ท้าววิรูปักษ์ ( เทวดานาค)
๓. ท้าวฐตรฐ (เทวดาคนธรรพ์)
๔. ท้าววิรุฬหก (เทวดากุมภัณฑ์)
และเป็นวันที่พระสารีบุตรตอบแทนมารดาอย่างสูงสุด "แสดงธรรมให้ฟังจนบรรลุโสดาบัน"
พระจันทร์เต็มดวง
"#เทวดาชาวฟ้าคง สอดส่องดูมนุษย์ด้วยทิพย์จักษุ(ตาทิพย์)
คงเห็นเหตุการณ์ต่างๆกันในตอนกลางคืน
บางพวก พากันไปลอยกระทง
บางพวก พากันไปเล่นน้ำ บางพวก กำลังเกี่ยวข้าว(รถเกี่ยว)
บางพวก ตั้งวงกินเหล้า
บางพวก ตีดกีต้าร้องเพลง ฉลองแสงจันทร์ฯ
บางพวก นอนป่วยอยู่โรงบาลใกล้จะสิ้นลม
บางพวก วันนี้จะรับกรรม คือเกิดอุบัติเหตุเพราะการเดินทาง
บางพวก เทวดาตายหมดบุญจุติลงมาเกิด
บางพวก
ใจจะขาดตายวันนี้และไปตกนรก
บางพวก
ใจจะขาดตายวันนี้และไปเกิดบนสวรรค์
บางพวก กำลังใช้กรรมในนรก
บางพวก เปตรกำลังออกไปขอส่วนบุญจากญาติในโลกมนุษย์
บางพวก หมากำลังออกลูก
บางพวก กำลังส่งยาบ้ากัน
บางพวก กำลังผิดศีลข้อกาเม
บางพวก กำลังออกกะ เลิกงาน
บางพวก กำลังเข้ากะ ทำงาน บางพวก กำลังทำการบ้านเตรียมส่งครู
บางพวก กำลังเพ่งดูพระจันทร์ฝึกตาทิพย์
บางพวก
กำลังสวดมนต์นั่งสมาธิจนถึงสว่าง
บางพวกจมปลักถอยหลังเข้าคลอง เอาหัวมุดดินซ้ำเติมชีวิตตนเองที่เอาดีไม่ได้
บางพวกกำลังคิดจะใช้ชีวิตดำเนินไปทางที่เจริญ
บางพวกกำลังคิดจะใช้ชีวิตดำเนินไปทางที่เสื่อม
และ( ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ )
เป็นวันที่ท่านพระสารีบุตร
"นิพพาน"
เป็นวันที่ท้าวมหาพรหม
ลงมาโลกมนุษย์
เป็นวันที่ ท้าวมหาราชทั้ง ๔
ลงมาโลกมนุษย์
๑. ท้าวเวสสุวัณ ( เทวดายักษ์)
๒. ท้าววิรูปักษ์ ( เทวดานาค)
๓. ท้าวฐตรฐ (เทวดาคนธรรพ์)
๔. ท้าววิรุฬหก (เทวดากุมภัณฑ์)
และเป็นวันที่พระสารีบุตรตอบแทนมารดาอย่างสูงสุด "แสดงธรรมให้ฟังจนบรรลุโสดาบัน"
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 17, 2016 6:47:51pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.เจ้ากรรมนายเวรเขาจะไปจากเรา
ได้ด้วย ๒ แบบ
๑ถ้าบ่อให้บุญเขา
เขากะเอาให้เป็นทุกข์ จนกว่าสิหมดเวรต่อกัน
สิโดนหรือสิช้ากะแล้วแต่กรรมที่เคยเฮ็ดไว้กับเขา หนักเบาปานใด๋
๒แต่ถ้าให้บุญเขา เขากะเอา (เขาพอใจแล้ว กะอโหสิกรรมให้เฮา กะเลิก
แล้วต่อกันกับเฮา)
๓.และอโหสิให้ฟรีๆเพราะเห็นภาวะหลักประโยชน์ต่อชนหมู่มาก.. แต่คงน้อย
เพราะมืดรอดวงอาทิตย์ส่องแสงธรรมมาจึงสว่าง
วิธีที่๒ คือสิเวิกกว่า
เฮาผู้ให้บุญเขา บุญกะบอได้เสียไปใส่เลย
กลับจะได้เพิ่ม
(เพราะบุญที่เกิดจากการอุทิศหรือแผ่ส่วนบุญให้ผู้อื่น)
และเจ้ากรรมนายเวรเขากะได้ส่วนบุญนำ
ได้ด้วย ๒ แบบ
๑ถ้าบ่อให้บุญเขา
เขากะเอาให้เป็นทุกข์ จนกว่าสิหมดเวรต่อกัน
สิโดนหรือสิช้ากะแล้วแต่กรรมที่เคยเฮ็ดไว้กับเขา หนักเบาปานใด๋
๒แต่ถ้าให้บุญเขา เขากะเอา (เขาพอใจแล้ว กะอโหสิกรรมให้เฮา กะเลิก
แล้วต่อกันกับเฮา)
๓.และอโหสิให้ฟรีๆเพราะเห็นภาวะหลักประโยชน์ต่อชนหมู่มาก.. แต่คงน้อย
เพราะมืดรอดวงอาทิตย์ส่องแสงธรรมมาจึงสว่าง
วิธีที่๒ คือสิเวิกกว่า
เฮาผู้ให้บุญเขา บุญกะบอได้เสียไปใส่เลย
กลับจะได้เพิ่ม
(เพราะบุญที่เกิดจากการอุทิศหรือแผ่ส่วนบุญให้ผู้อื่น)
และเจ้ากรรมนายเวรเขากะได้ส่วนบุญนำ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
. แต่ละเช้า คลื่นสมองของคนเราไม่เท่ากัน
ทำให้หงุดหงิดหรือสดชื่นต่างกัน
ขึ้นอยู่กับว่าการหลับนอนในชั่วเวลาข้ามคืนที่ผ่านมา
เกิดการปรุงแต่งจิต ให้ฟุ้งมากฟุ้งน้อย ขาดระเบียบเพียงใด
ไม่ตั้งเป้า
ว่าวันนี้จะทำอะไร
เท่ากับตั้งเป้า
ว่าวันนี้จะฟุ้งซ่าน!
คนส่วนใหญ่เล่นเกมชีวิตแบบทอดลูกเต๋าส่งเดช
รอให้แต่ละเช้าบอกว่า
วันนี้ ‘บังเอิญ’ อารมณ์ดีหรือไม่ดี
วันนี้ ‘สุ่มหา’ อะไรทำดี
วันนี้ ‘รอดู’ ว่าจะเกิดอะไรดีๆกับชีวิตบ้างไหม
การตื่นเช้าแบบไม่มีเป้าหมายไว้ล่วงหน้า
มีผลให้คุณลืมตามาใช้ชีวิตแบบ ‘นักพนันทางอารมณ์’
ไม่รู้จะได้หรือเสีย เพราะเอาแน่เอานอนไม่ได้ว่า
วันไหนอยากยิ้มหรืออยากอาละวาด
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
แล้วทีนี้ออกจากบ้าน
เรามีความเคยชินในการเดินทาง
จากบ้านไปที่ทำงานอย่างไร?
คนส่วนใหญ่จะคิดเรื่องเลื่อนลอยไปเรื่อย
เริ่มต้นขึ้นมามักจะเป็นว่ารถติดจัง
เมื่อไหร่จะถึงที่ทำงานสักที
เหมือนกับออกมาต้องอยู่ในนรกบนถนนทุกวัน
มันด้านชาไปซะแล้ว
ก็กลายเป็นความรู้สึกเหมือนกับจิตใจมันวนอยู่
กับความฟุ้งซ่านเบื่อหน่าย
แล้วก็พร้อมที่จะเตลิดไปไหนก็ได้ ที่มันไม่ใช่อยู่ในรถ
ส่วนใหญ่ถ้าหากว่าสายตาไม่มีที่หมาย จิตใจไม่มีทิศทาง
มันก็ไปถึงสวรรค์ถึงวิมานนั่นแหละ
ที่เขาเรียกว่าวิมานในอากาศ
เราก็สร้างไปเรื่อย สิ่งที่ชอบใจ
สิ่งที่สามารถจะพาเราหนีออกไปจากความเบื่อหน่าย
ในชั่วขณะการเดินทางได้ เราเอาหมด
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ขอให้คำนึงนะ อย่างเช่นที่คนปลีกวิเวก
พักงานแล้วก็ไปสู่สถานที่ปฏิบัติธรรม
ก็มักจะพูดตรงกันว่า โอ้โห! พอไม่ได้อยู่ในเมือง
พอห่างออกมาจากความวุ่นวาย
หรือว่าหน้าที่การงานซึ่งเป็นภารกิจหลักแล้ว
จะรู้สึกว่าภาวนาง่ายมาก สมาธิตั้งมั่นได้ง่าย
หรือว่ามันมีความรู้สึกชุ่มฉ่ำ
ไม่เหมือนกับตอนอยู่ในเมืองเลย
อันนั้นเป็นเพราะอะไร?
เพราะตื่นเช้าขึ้นมามันมีจุดหมาย
มันมีความรู้สึกผูกพันเป็นภาระว่า
เรามาอยู่ที่นี่ เราจะต้องทำตัวดีๆ ต้องทำตัวขยัน
ต้องสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ เดินจงกรม
ใจมันมีเครื่องตั้ง ใจมันมีที่หมาย !
ใจมันมีความสว่างเป็นเครื่องผูกจิตอยู่!
แม้กระทั่งการกินการอยู่การอะไรต่างๆ
ใจเราก็ไม่สะเปะสะปะ มีทิศทางชัดเจนไปหมด
นั่นแหละคือเหตุปฐมเหตุของความตั้งมั่นทางใจ
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
หากทุกเช้า คุณสามารถ
..ลุกขึ้นมาออกกำลังกาย
..แล้วสวดมนต์ หรือทำสมาธิ
ได้ต่อเนื่องสองเดือนขึ้นไป
ชีวิตจะเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน!
เพราะไม่ว่าการหลับและความฝัน
จะปรุงแต่งจิตให้ฟุ้งหรือสงบ
ความเคลื่อนไหวทางกายและการออกกำลังทางจิต
จะก่อให้เกิดความแตกต่างในทางดีขึ้นเสมอ
ถ้าดีอยู่แล้ว ก็จะดีขึ้นไปอีก
หรือถ้าแย่อยู่ก่อน ก็จะโปร่งโล่งกว่าเดิมเป็นอย่างน้อย
แม้คุณจะไม่ได้เป็นคนมีเป้าหมายยิ่งใหญ่ในชีวิต
แต่วิธีคิดในแต่ละเช้าก็จะไม่กระเด็นกระดอนเหมือนลูกเต๋า
เพราะมีเป้าหมายเล็กๆที่ต้องทำให้สำเร็จแน่นอน
คือ ขยับแข้งขยับขา
ใช้พลังงานไปเพื่อก่อให้เกิดกำลังกายกำลังใจ
ถ้าถามว่าจะทำอย่างไรดีที่จะทำให้หนึ่งสัปดาห์
มีความตั้งมั่นของจิตบ่อยขึ้นกว่านี้?
ก็ต้องบอกตัวเองครับว่า
ตื่นเช้าขึ้นมาเอาเลย
ต้องมีเหตุปัจจัยของความตั้งมั่น
ต้องมีเหตุปัจจัยของความรู้สึกดีๆ
ความรู้สึกที่สงบ
ไม่ใช่ความรู้สึกที่มันพร้อมจะกระจัดกระจาย
ออกไปหาอะไรก็ไม่ทราบ
________________
ร้อยเรียงจากหลากบทความของคุณดังตฤณ
ทำให้หงุดหงิดหรือสดชื่นต่างกัน
ขึ้นอยู่กับว่าการหลับนอนในชั่วเวลาข้ามคืนที่ผ่านมา
เกิดการปรุงแต่งจิต ให้ฟุ้งมากฟุ้งน้อย ขาดระเบียบเพียงใด
ไม่ตั้งเป้า
ว่าวันนี้จะทำอะไร
เท่ากับตั้งเป้า
ว่าวันนี้จะฟุ้งซ่าน!
คนส่วนใหญ่เล่นเกมชีวิตแบบทอดลูกเต๋าส่งเดช
รอให้แต่ละเช้าบอกว่า
วันนี้ ‘บังเอิญ’ อารมณ์ดีหรือไม่ดี
วันนี้ ‘สุ่มหา’ อะไรทำดี
วันนี้ ‘รอดู’ ว่าจะเกิดอะไรดีๆกับชีวิตบ้างไหม
การตื่นเช้าแบบไม่มีเป้าหมายไว้ล่วงหน้า
มีผลให้คุณลืมตามาใช้ชีวิตแบบ ‘นักพนันทางอารมณ์’
ไม่รู้จะได้หรือเสีย เพราะเอาแน่เอานอนไม่ได้ว่า
วันไหนอยากยิ้มหรืออยากอาละวาด
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
แล้วทีนี้ออกจากบ้าน
เรามีความเคยชินในการเดินทาง
จากบ้านไปที่ทำงานอย่างไร?
คนส่วนใหญ่จะคิดเรื่องเลื่อนลอยไปเรื่อย
เริ่มต้นขึ้นมามักจะเป็นว่ารถติดจัง
เมื่อไหร่จะถึงที่ทำงานสักที
เหมือนกับออกมาต้องอยู่ในนรกบนถนนทุกวัน
มันด้านชาไปซะแล้ว
ก็กลายเป็นความรู้สึกเหมือนกับจิตใจมันวนอยู่
กับความฟุ้งซ่านเบื่อหน่าย
แล้วก็พร้อมที่จะเตลิดไปไหนก็ได้ ที่มันไม่ใช่อยู่ในรถ
ส่วนใหญ่ถ้าหากว่าสายตาไม่มีที่หมาย จิตใจไม่มีทิศทาง
มันก็ไปถึงสวรรค์ถึงวิมานนั่นแหละ
ที่เขาเรียกว่าวิมานในอากาศ
เราก็สร้างไปเรื่อย สิ่งที่ชอบใจ
สิ่งที่สามารถจะพาเราหนีออกไปจากความเบื่อหน่าย
ในชั่วขณะการเดินทางได้ เราเอาหมด
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ขอให้คำนึงนะ อย่างเช่นที่คนปลีกวิเวก
พักงานแล้วก็ไปสู่สถานที่ปฏิบัติธรรม
ก็มักจะพูดตรงกันว่า โอ้โห! พอไม่ได้อยู่ในเมือง
พอห่างออกมาจากความวุ่นวาย
หรือว่าหน้าที่การงานซึ่งเป็นภารกิจหลักแล้ว
จะรู้สึกว่าภาวนาง่ายมาก สมาธิตั้งมั่นได้ง่าย
หรือว่ามันมีความรู้สึกชุ่มฉ่ำ
ไม่เหมือนกับตอนอยู่ในเมืองเลย
อันนั้นเป็นเพราะอะไร?
เพราะตื่นเช้าขึ้นมามันมีจุดหมาย
มันมีความรู้สึกผูกพันเป็นภาระว่า
เรามาอยู่ที่นี่ เราจะต้องทำตัวดีๆ ต้องทำตัวขยัน
ต้องสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ เดินจงกรม
ใจมันมีเครื่องตั้ง ใจมันมีที่หมาย !
ใจมันมีความสว่างเป็นเครื่องผูกจิตอยู่!
แม้กระทั่งการกินการอยู่การอะไรต่างๆ
ใจเราก็ไม่สะเปะสะปะ มีทิศทางชัดเจนไปหมด
นั่นแหละคือเหตุปฐมเหตุของความตั้งมั่นทางใจ
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
หากทุกเช้า คุณสามารถ
..ลุกขึ้นมาออกกำลังกาย
..แล้วสวดมนต์ หรือทำสมาธิ
ได้ต่อเนื่องสองเดือนขึ้นไป
ชีวิตจะเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน!
เพราะไม่ว่าการหลับและความฝัน
จะปรุงแต่งจิตให้ฟุ้งหรือสงบ
ความเคลื่อนไหวทางกายและการออกกำลังทางจิต
จะก่อให้เกิดความแตกต่างในทางดีขึ้นเสมอ
ถ้าดีอยู่แล้ว ก็จะดีขึ้นไปอีก
หรือถ้าแย่อยู่ก่อน ก็จะโปร่งโล่งกว่าเดิมเป็นอย่างน้อย
แม้คุณจะไม่ได้เป็นคนมีเป้าหมายยิ่งใหญ่ในชีวิต
แต่วิธีคิดในแต่ละเช้าก็จะไม่กระเด็นกระดอนเหมือนลูกเต๋า
เพราะมีเป้าหมายเล็กๆที่ต้องทำให้สำเร็จแน่นอน
คือ ขยับแข้งขยับขา
ใช้พลังงานไปเพื่อก่อให้เกิดกำลังกายกำลังใจ
ถ้าถามว่าจะทำอย่างไรดีที่จะทำให้หนึ่งสัปดาห์
มีความตั้งมั่นของจิตบ่อยขึ้นกว่านี้?
ก็ต้องบอกตัวเองครับว่า
ตื่นเช้าขึ้นมาเอาเลย
ต้องมีเหตุปัจจัยของความตั้งมั่น
ต้องมีเหตุปัจจัยของความรู้สึกดีๆ
ความรู้สึกที่สงบ
ไม่ใช่ความรู้สึกที่มันพร้อมจะกระจัดกระจาย
ออกไปหาอะไรก็ไม่ทราบ
________________
ร้อยเรียงจากหลากบทความของคุณดังตฤณ
ไม่ปลื้ม ก็ต้องปลื้ม..
ไม่ปิติ ก็ต้องปิติ...
เกิดเป็นคนต้องสร้างบารมีให้มาก
ไม่ปิติ ก็ต้องปิติ...
เกิดเป็นคนต้องสร้างบารมีให้มาก
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 22, 2016 10:52:15am
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 23, 2016 8:03:21pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.• คนเราชอบรีบร้อนด่วนได้
หรือไม่ก็อยากได้อะไรที่เกินตัว
รู้ทั้งรู้ว่า ‘มันยังไม่ถึงเวลา’ หมายถึง ‘แต่ใจจะไม่รอ
เพราะกิเลสสั่งให้หาสภาวะที่ดีที่สุด เร็วที่สุด
ซึ่งก็นั่นแหละครับ
เป็นสาเหตุว่า
ทำไมถึงไม่ได้กันสักที
------------
• คนที่เร่งอยากมีภาวะนั้นเพราะ "อยากหลุดพ้น"
มักได้เศร้ากับบทเรียน
มากกว่าได้สุขกับของจริง
หรือไม่ก็อยากได้อะไรที่เกินตัว
รู้ทั้งรู้ว่า ‘มันยังไม่ถึงเวลา’ หมายถึง ‘แต่ใจจะไม่รอ
เพราะกิเลสสั่งให้หาสภาวะที่ดีที่สุด เร็วที่สุด
ซึ่งก็นั่นแหละครับ
เป็นสาเหตุว่า
ทำไมถึงไม่ได้กันสักที
------------
• คนที่เร่งอยากมีภาวะนั้นเพราะ "อยากหลุดพ้น"
มักได้เศร้ากับบทเรียน
มากกว่าได้สุขกับของจริง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.5 ธ.ค. 2016
ทำบุญตั้งแต่วัยเด็ก เป็นเรื่องดีมาก
ตอนเช้าเดินบิณฑบาต
ส่วนมากจะเห็นคนใส่บาต
มีอยู่ ๒ วัย
๑ เด็ก ๒ ผู้เฒ่า
เห็นเด็กน้อยใส่บาต เช่น (ลูกพ่อด๋อง แม่บ๋อม)
เด็กน้อยนั้นใจยังบริสุทธิ์
ยังไม่มีเรื่องหลายเรื่องให้วุ่นวายในชีวิต
โอ้.. ทำบุญตอนเด็ก มันก็ดีได้ฝึกเป็นนิสัยความเคยชินในการทำบุญ
ทำบุญตั้งแต่วัยเด็ก เป็นเรื่องดีมาก
ตอนเช้าเดินบิณฑบาต
ส่วนมากจะเห็นคนใส่บาต
มีอยู่ ๒ วัย
๑ เด็ก ๒ ผู้เฒ่า
เห็นเด็กน้อยใส่บาต เช่น (ลูกพ่อด๋อง แม่บ๋อม)
เด็กน้อยนั้นใจยังบริสุทธิ์
ยังไม่มีเรื่องหลายเรื่องให้วุ่นวายในชีวิต
โอ้.. ทำบุญตอนเด็ก มันก็ดีได้ฝึกเป็นนิสัยความเคยชินในการทำบุญ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.อเสวนา จะ พาลานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง
การไม่คบคนชั่วเป็นมิตร เป็นมงคลอันอุดม
ยัง เว เสวะติ ตาทิโส
คบคนเช่นใดย่อมเป็นเช่นนั้น
ปะมาโท มัจจุโน ปะทัง
ความประมาทเป็นหนทางนำไปสู่ความตาย
อักโกธะนะ ชิเน โกธัง
พึงชนะคนโกธรด้วยความไม่โกธร
ปัญญาวะ ทะเนนะ เสยโย
ปัญญาประเสริฐกว่าทรัพย์
# ท่านกล่าวว่า ได้อย่างใจ แล้วได้อะไร
การไม่คบคนชั่วเป็นมิตร เป็นมงคลอันอุดม
ยัง เว เสวะติ ตาทิโส
คบคนเช่นใดย่อมเป็นเช่นนั้น
ปะมาโท มัจจุโน ปะทัง
ความประมาทเป็นหนทางนำไปสู่ความตาย
อักโกธะนะ ชิเน โกธัง
พึงชนะคนโกธรด้วยความไม่โกธร
ปัญญาวะ ทะเนนะ เสยโย
ปัญญาประเสริฐกว่าทรัพย์
# ท่านกล่าวว่า ได้อย่างใจ แล้วได้อะไร
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระพุทธเจ้า ตรัส :
อานนท์ ถ้าตัณหาอันได้แก่
รูปตัณหา
สัททตัณหา
คันธตัณหา
รสตัณหา
โผฏฐัพพะตัณหา
ธรรมตัณหา
จักไม่มีโดยประการทั้งปวง จักไม่มีในกาลทั้งปวง จักไม่มีแก่ใครๆ
จักไม่มีในที่ไหนๆแล้ว
เมื่อตัณหาไม่มีโดยประการทั้งปวง
เพราะความดับตัณหาแล้ว
อุปทานจักปรากฏหรือไม่
พระอานนท์ ตอบ : "ไม่ปรากฏพระเจ้าข้า"
ธัมมัตถาธิบาย
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องตาเห็นรูป
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องหูได้ยินเสียง
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องจมูกได้ถูกกลิ่น
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องลิ้นได้ลิ้มรส
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องกายได้ถูกต้องโผฏฐัพพะ
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องใจที่ปรุงแต่ง นึกคิดถึงเรื่องราวต่างๆ
ความสะดุ้งดินรนก็คือ
เมื่อเห็นว่าสิ่งใดเป็นที่รักใคร่พอใจ
ทางตา ทางหู
ทางจมูก ทางลิ้น
ทางกาย ทางใจ
ก็ดิ้นรนทะเทอทะยานอยากได้สิ่งนั้น
เมื่อเห็นว่าสิ่งใดเป็นที่เกลียดชัง
ก็ดิ้นรนทะเทอทะยานอยากให้สิ่งนั้นพินาศไป
หรืออยากให้สิ่งนั้นพ้นไปจากตัวเสีย อยากให้สิ่งนั้นอยู่ไกลตัว ฯ
พระพุทธเจ้า ตรัส :
“มิคชาละ รูปที่พึงรู้แจ้งทางตา
ที่น่าปราถนา น่าใคร่ น่าพาใจให้กำหนัดมีอยู่
ถ้าภิกษุยังเพลิดเพลิน
หรือเชยชม หรือยึดติดรูปนั้นอยู่ ความเพลิดเพลินย่อมเกิดขึ้น
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินเกิด ทุกข์จึงเกิด’
เสียง ที่พึงรู้แจ้งทางหูที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
กลิ่น ที่พึงรู้แจ้งทางจมูกที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
รส ที่พึงรู้แจ้งทางลิ้นที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
โผฏฐัพพะที่พึงรู้แจ้งทางกายที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
ธรรมารมณ์( ์(เรื่องราวต่างๆนาๆอันเกิดจากการกำหนดหมายและคิด
ความคิดปรุงแต่ง) ที่พึงรู้แจ้งทางใจที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวน
ให้รัก
ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัดมีอยู่
ถ้าภิกษุยังเพลิดเพลิน เชยชม ยึดติดธรรมารมณ์นั้น
อยู่ เมื่อเธอเพลิดเพลิน เชยชม ยึดติดธรรมารมณ์นั้น ความเพลิดเพลินย่อม
เกิดขึ้น เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินเกิด ทุกข์จึงเกิด’
ดูกรมิคชาละ รูป
ที่พึงรู้แจ้งทางตาที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้ใคร่
พาใจให้กำหนัดมีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดรูปนั้นอยู่ เมื่อ
เธอไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดรูปนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
เสียง ที่พึงรู้แจ้งทางหูที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุ
ไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดเสียงนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
กลิ่น ที่พึงรู้แจ้งทางจมูกที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุ
ไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดกลิ่นนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
รส
ที่พึงรู้แจ้งทางลิ้นที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิ
ดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดรสนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
โผฏฐัพพะ
ที่พึงรู้แจ้งทางกายที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิ
ดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดโผฏฐัพพะนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
ธรรมารมณ์(เรื่องราวต่างๆนาๆอันเกิดจากฯกำหนดหมายและคิดความคิด
ปรุงแต่ง)ที่พึงรู้แจ้งทางใจที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้
ใคร่ พาใจให้กำหนัดมีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดธรรมาร
มณ์
นั้นอยู่ เมื่อเธอไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดธรรมารมณ์นั้น ความ
เพลิดเพลินย่อมดับไป เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ”
ครั้งนั้นแล ท่านพระมิคชาละยินดีอนุโมทนาภาษิตของพระผู้มี
พระภาค ลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณแล้ว
หลีกไป
ครั้งนั้นแล ท่านพระมิคชาละหลีกออกจากหมู่ อยู่แต่ผู้เดียว ไม่ประมาท มี
ความ
เพียร มีตนอันส่งไปแล้ว ทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ที่กุลบุตร
ทั้งหลายออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
ในปัจจุบัน
เข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จ
แล้ว
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี และท่านพระมิคชาละได้เป็นพระอรห
ันต์องค์หนึ่ง
ในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย ฉะนี้แล
อานนท์ ถ้าตัณหาอันได้แก่
รูปตัณหา
สัททตัณหา
คันธตัณหา
รสตัณหา
โผฏฐัพพะตัณหา
ธรรมตัณหา
จักไม่มีโดยประการทั้งปวง จักไม่มีในกาลทั้งปวง จักไม่มีแก่ใครๆ
จักไม่มีในที่ไหนๆแล้ว
เมื่อตัณหาไม่มีโดยประการทั้งปวง
เพราะความดับตัณหาแล้ว
อุปทานจักปรากฏหรือไม่
พระอานนท์ ตอบ : "ไม่ปรากฏพระเจ้าข้า"
ธัมมัตถาธิบาย
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องตาเห็นรูป
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องหูได้ยินเสียง
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องจมูกได้ถูกกลิ่น
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องลิ้นได้ลิ้มรส
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องกายได้ถูกต้องโผฏฐัพพะ
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องใจที่ปรุงแต่ง นึกคิดถึงเรื่องราวต่างๆ
ความสะดุ้งดินรนก็คือ
เมื่อเห็นว่าสิ่งใดเป็นที่รักใคร่พอใจ
ทางตา ทางหู
ทางจมูก ทางลิ้น
ทางกาย ทางใจ
ก็ดิ้นรนทะเทอทะยานอยากได้สิ่งนั้น
เมื่อเห็นว่าสิ่งใดเป็นที่เกลียดชัง
ก็ดิ้นรนทะเทอทะยานอยากให้สิ่งนั้นพินาศไป
หรืออยากให้สิ่งนั้นพ้นไปจากตัวเสีย อยากให้สิ่งนั้นอยู่ไกลตัว ฯ
พระพุทธเจ้า ตรัส :
“มิคชาละ รูปที่พึงรู้แจ้งทางตา
ที่น่าปราถนา น่าใคร่ น่าพาใจให้กำหนัดมีอยู่
ถ้าภิกษุยังเพลิดเพลิน
หรือเชยชม หรือยึดติดรูปนั้นอยู่ ความเพลิดเพลินย่อมเกิดขึ้น
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินเกิด ทุกข์จึงเกิด’
เสียง ที่พึงรู้แจ้งทางหูที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
กลิ่น ที่พึงรู้แจ้งทางจมูกที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
รส ที่พึงรู้แจ้งทางลิ้นที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
โผฏฐัพพะที่พึงรู้แจ้งทางกายที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
ธรรมารมณ์( ์(เรื่องราวต่างๆนาๆอันเกิดจากการกำหนดหมายและคิด
ความคิดปรุงแต่ง) ที่พึงรู้แจ้งทางใจที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวน
ให้รัก
ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัดมีอยู่
ถ้าภิกษุยังเพลิดเพลิน เชยชม ยึดติดธรรมารมณ์นั้น
อยู่ เมื่อเธอเพลิดเพลิน เชยชม ยึดติดธรรมารมณ์นั้น ความเพลิดเพลินย่อม
เกิดขึ้น เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินเกิด ทุกข์จึงเกิด’
ดูกรมิคชาละ รูป
ที่พึงรู้แจ้งทางตาที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้ใคร่
พาใจให้กำหนัดมีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดรูปนั้นอยู่ เมื่อ
เธอไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดรูปนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
เสียง ที่พึงรู้แจ้งทางหูที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุ
ไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดเสียงนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
กลิ่น ที่พึงรู้แจ้งทางจมูกที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุ
ไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดกลิ่นนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
รส
ที่พึงรู้แจ้งทางลิ้นที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิ
ดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดรสนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
โผฏฐัพพะ
ที่พึงรู้แจ้งทางกายที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิ
ดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดโผฏฐัพพะนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
ธรรมารมณ์(เรื่องราวต่างๆนาๆอันเกิดจากฯกำหนดหมายและคิดความคิด
ปรุงแต่ง)ที่พึงรู้แจ้งทางใจที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้
ใคร่ พาใจให้กำหนัดมีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดธรรมาร
มณ์
นั้นอยู่ เมื่อเธอไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดธรรมารมณ์นั้น ความ
เพลิดเพลินย่อมดับไป เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ”
ครั้งนั้นแล ท่านพระมิคชาละยินดีอนุโมทนาภาษิตของพระผู้มี
พระภาค ลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณแล้ว
หลีกไป
ครั้งนั้นแล ท่านพระมิคชาละหลีกออกจากหมู่ อยู่แต่ผู้เดียว ไม่ประมาท มี
ความ
เพียร มีตนอันส่งไปแล้ว ทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ที่กุลบุตร
ทั้งหลายออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
ในปัจจุบัน
เข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จ
แล้ว
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี และท่านพระมิคชาละได้เป็นพระอรห
ันต์องค์หนึ่ง
ในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย ฉะนี้แล
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
9 ธ.ค. 2016
จะสุขได้ ต้องฆ่าความคิดที่ผิดนี้ทิ้งให้เด็ดขาด ที่ว่า "ทุกข์คือเรา"
จะสุขได้ ต้องพอกพูนความรู้ที่ถูกว่า
"ทุกข์ ไม่ใช่เรา"
จะสุขได้
ต้องกล้านิ่งดูอารมณ์ทั้งหลายทั้งพอใจ ทั้งไม่พอใจ ดูด้วยความเป็นกลางไม่
เข้าไปแซกแซง
จะสุขได้
ต้องฝึกจิตให้รู้อารมณ์บ่อยๆ สุข ทุกข์ ฯ มันแค่นั้นเอง ผ่านมาให้เห็นว่า
ไม่เที่ยง กี่เที่ยวแล้ว?
จะสุขได้
ต้องฝึกจิตให้รู้ว่า ทุกอารมณ์เป็นของหลอกให้เขาไปหลงยึดถือว่าเป็นเรา
จะสุขได้
ต้องไม่เข้าไปเป็นเจ้าของ
ความพอใจ ความไม่พอใจ
อันเกิดจาก ตาเห็นรูป
หูได้ยินเสียง
จมูกได้ถูกกลิ่น
ลิ้นได้ลิ้มรส กายได้ถูกต้องสิ่งกระทบสัมผัสผิวทั้งหลาย
จะสุขได้ ต้องฆ่าความคิดที่ผิดนี้ทิ้งให้เด็ดขาด ที่ว่า "ทุกข์คือเรา"
จะสุขได้ ต้องพอกพูนความรู้ที่ถูกว่า
"ทุกข์ ไม่ใช่เรา"
จะสุขได้
ต้องกล้านิ่งดูอารมณ์ทั้งหลายทั้งพอใจ ทั้งไม่พอใจ ดูด้วยความเป็นกลางไม่
เข้าไปแซกแซง
จะสุขได้
ต้องฝึกจิตให้รู้อารมณ์บ่อยๆ สุข ทุกข์ ฯ มันแค่นั้นเอง ผ่านมาให้เห็นว่า
ไม่เที่ยง กี่เที่ยวแล้ว?
จะสุขได้
ต้องฝึกจิตให้รู้ว่า ทุกอารมณ์เป็นของหลอกให้เขาไปหลงยึดถือว่าเป็นเรา
จะสุขได้
ต้องไม่เข้าไปเป็นเจ้าของ
ความพอใจ ความไม่พอใจ
อันเกิดจาก ตาเห็นรูป
หูได้ยินเสียง
จมูกได้ถูกกลิ่น
ลิ้นได้ลิ้มรส กายได้ถูกต้องสิ่งกระทบสัมผัสผิวทั้งหลาย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เด็ก บ้างคน ชอบอยากเป็นผู้นำเพื่อน อยากเป็นหัวหน้าห้อง ปกครองเพื่อนๆ หลายๆคน
เด็กแบบนี้คงเคยเป็นผู้มีศักดิ์ มียศใหญ่ เป็นนายใหญ่อยู่เหนือคนทั่วไป
จึงไม่กลัวยาก
นิสัยนั้นจึงติดมา
ทำให้อยากปกครอง
เด็ก บางคน
ไม่อยากเป็นผู้นำเพื่อน ชอบเป็นผู้เดินตามหลัง
อยู่กลาง อยู่ท้าย มีอะไรไม่อยากออกหน้าก่อน
ไม่มั่นใจหรืออย่างไร
เด็กแบบนี้คงเป็นบริวารคนมาก่อน
คืออยู่ในฐานะบริวารรอฟังคำเบื้องบน
ไม่ทำอะไรก่อนสั่ง ให้เขาเคลื่อนคำก่อน จึงขยับตาม
ประมาณนี้ คงเคยเป็นลูกศิษย์ของครูที่ตนเห็นว่าท่านเหมาะเป็นอยู่สูง อยู่บนหัวเรา เรายอมเป็นบริวารหรือลูกน้องด้วยความเต็มใจ ท่านชี้สั่งอะไร รอทำตามโดยถ่ายเดียว
นิสัยนั้นจึงติดมา
ทำให้รู้สึกว่าตนอยู่ในฐานะ ผู้ทำตาม ไม่ใช่ผู้อยู่หน้าคอยสั่ง
เช่น เด็กบ้างคน ชอบอยู่เงียบๆ
หลีกออกจากหมู่อยู่ผู้เดียว สบายใจดี เด็กแบบคงเคยเป็นผู้เบื่อโลกมาก่อน
ออกแสวงหาอะไรบางอย่าง มาก่อน
นิสัยนั้นจึงติดมา
ทำให้อยาก มุ่งหาประโยชน์บางอย่างเ้วยการอยู่คนเดียว
เด็ก บ้างคน
ชอบช่วย ช่วย...ช่วย ไม่ชอบทำร้ายแล้วยังช่วยเหลือคนช่วยเหลือสัตว์
ถ้ามีเรื่องให้ช่วยนะ ก็จะลงมือช่วยเลย
คนจิตใจแบบนี้คงเคยเป็นผู้อยู่ในฐานะหน้าที่เยียวยาช่วยคนอื่นไว้มากเป็นประจำ อาจเป็นผู้รักษาคนเป็นประจำในวัง นอกวัง ตามเขตที่ต่างๆ ในยุคสมัยก่อน
นิสัยนั้นจึงติดมา
ทำให้อยากช่วยช่วยคน
เด็ก บางคน
ชอบอยากแก้ปัญหาให้คนอื่น
เรื่องใดเขาสงสัย เขาไม่รู้
ก็ทนนิ่งไม่ได้ ต้องพวดออกไปบอก เล่าให้ฟัง...... มันอย่างนี้นะๆ เพราะเหตุอันนี้ มันจึงเป็นอันนี้
ชอบฉายความรู้ความคิดตนให้ผู้อื่นทราบในด้านนั้นๆ
คงเคยเป็นพวกชอบให้ความรู้ผู้อื่น หรือแสดงความรู้อยู่เป็นประจำ
อาจเป็นอาจารย์สอนความรู้คนนัยสมัยก่อน มีความรู้มากและเผยอยู่เป็นประจำตลอด
นิสัยนั้นจึงติดมา
ทำให้อยากเอาความคิดความรู้ของตนอันเผยออกทันที
เด็กแบบนี้คงเคยเป็นผู้มีศักดิ์ มียศใหญ่ เป็นนายใหญ่อยู่เหนือคนทั่วไป
จึงไม่กลัวยาก
นิสัยนั้นจึงติดมา
ทำให้อยากปกครอง
เด็ก บางคน
ไม่อยากเป็นผู้นำเพื่อน ชอบเป็นผู้เดินตามหลัง
อยู่กลาง อยู่ท้าย มีอะไรไม่อยากออกหน้าก่อน
ไม่มั่นใจหรืออย่างไร
เด็กแบบนี้คงเป็นบริวารคนมาก่อน
คืออยู่ในฐานะบริวารรอฟังคำเบื้องบน
ไม่ทำอะไรก่อนสั่ง ให้เขาเคลื่อนคำก่อน จึงขยับตาม
ประมาณนี้ คงเคยเป็นลูกศิษย์ของครูที่ตนเห็นว่าท่านเหมาะเป็นอยู่สูง อยู่บนหัวเรา เรายอมเป็นบริวารหรือลูกน้องด้วยความเต็มใจ ท่านชี้สั่งอะไร รอทำตามโดยถ่ายเดียว
นิสัยนั้นจึงติดมา
ทำให้รู้สึกว่าตนอยู่ในฐานะ ผู้ทำตาม ไม่ใช่ผู้อยู่หน้าคอยสั่ง
เช่น เด็กบ้างคน ชอบอยู่เงียบๆ
หลีกออกจากหมู่อยู่ผู้เดียว สบายใจดี เด็กแบบคงเคยเป็นผู้เบื่อโลกมาก่อน
ออกแสวงหาอะไรบางอย่าง มาก่อน
นิสัยนั้นจึงติดมา
ทำให้อยาก มุ่งหาประโยชน์บางอย่างเ้วยการอยู่คนเดียว
เด็ก บ้างคน
ชอบช่วย ช่วย...ช่วย ไม่ชอบทำร้ายแล้วยังช่วยเหลือคนช่วยเหลือสัตว์
ถ้ามีเรื่องให้ช่วยนะ ก็จะลงมือช่วยเลย
คนจิตใจแบบนี้คงเคยเป็นผู้อยู่ในฐานะหน้าที่เยียวยาช่วยคนอื่นไว้มากเป็นประจำ อาจเป็นผู้รักษาคนเป็นประจำในวัง นอกวัง ตามเขตที่ต่างๆ ในยุคสมัยก่อน
นิสัยนั้นจึงติดมา
ทำให้อยากช่วยช่วยคน
เด็ก บางคน
ชอบอยากแก้ปัญหาให้คนอื่น
เรื่องใดเขาสงสัย เขาไม่รู้
ก็ทนนิ่งไม่ได้ ต้องพวดออกไปบอก เล่าให้ฟัง...... มันอย่างนี้นะๆ เพราะเหตุอันนี้ มันจึงเป็นอันนี้
ชอบฉายความรู้ความคิดตนให้ผู้อื่นทราบในด้านนั้นๆ
คงเคยเป็นพวกชอบให้ความรู้ผู้อื่น หรือแสดงความรู้อยู่เป็นประจำ
อาจเป็นอาจารย์สอนความรู้คนนัยสมัยก่อน มีความรู้มากและเผยอยู่เป็นประจำตลอด
นิสัยนั้นจึงติดมา
ทำให้อยากเอาความคิดความรู้ของตนอันเผยออกทันที
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
4 พ.ค. 2021
คนที่สวยหรือหล่อ
และจิตใจดีสะอาด
พวกนี้เคย อบรมในศีล ในเมตตา
ในกรุณา มามากในภพอดีตชาติ
หนหลัง เลยเป็นอุปนิสัยที่ดีส่งต่อมาข้ามภพชาติ
ส่งเสริมให้การคิดตัดสินใจพูดทำ
มีแต่ไปทางดีงาม อันเป็นบุญกุศล ตามรอยเท้าเก่าของความเคยชินเดิม
ในอดีตชาติ
ส่วนคนที่ไม่ค่อยสวย หรือไม่ค่อยหล่อ ใจพอใช้ได้
เพราะเคย อบรมในศีล ในเมตตา ในกรุณา มาปานกลาง
บางทีก็ไม่ดี บางที่ก็ดี เหมือนผีเข้าผีออก
ส่วนคนที่ไม่สวย ไม่หล่อ
เพราะเคย อบรมในศีล ในเมตตา ในกรุณา มาน้อย จึงได้กล้าโหดร้าย จึง
ได้กล้าทำเรื่องที่ไม่ดี จึงทำให้กรรมตกแต่งกายธรรมชาติ ให้อยู่ตามระดับ
ทางใจที่มีความดีน้อย
# ทุกคนสามารถขึ้นลงได้
ถ้าใจตนเองอยู่สูงแล้วก็อย่าประมาท เดี๋ยวล่น
ถ้าอยู่กลางก็พัฒนาขึ้นไป
คนที่สวยหรือหล่อ
และจิตใจดีสะอาด
พวกนี้เคย อบรมในศีล ในเมตตา
ในกรุณา มามากในภพอดีตชาติ
หนหลัง เลยเป็นอุปนิสัยที่ดีส่งต่อมาข้ามภพชาติ
ส่งเสริมให้การคิดตัดสินใจพูดทำ
มีแต่ไปทางดีงาม อันเป็นบุญกุศล ตามรอยเท้าเก่าของความเคยชินเดิม
ในอดีตชาติ
ส่วนคนที่ไม่ค่อยสวย หรือไม่ค่อยหล่อ ใจพอใช้ได้
เพราะเคย อบรมในศีล ในเมตตา ในกรุณา มาปานกลาง
บางทีก็ไม่ดี บางที่ก็ดี เหมือนผีเข้าผีออก
ส่วนคนที่ไม่สวย ไม่หล่อ
เพราะเคย อบรมในศีล ในเมตตา ในกรุณา มาน้อย จึงได้กล้าโหดร้าย จึง
ได้กล้าทำเรื่องที่ไม่ดี จึงทำให้กรรมตกแต่งกายธรรมชาติ ให้อยู่ตามระดับ
ทางใจที่มีความดีน้อย
# ทุกคนสามารถขึ้นลงได้
ถ้าใจตนเองอยู่สูงแล้วก็อย่าประมาท เดี๋ยวล่น
ถ้าอยู่กลางก็พัฒนาขึ้นไป
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลาเห็นคนอื่นด่าใคร
เราอย่าด่าตาม
เวลาเห็นคนอื่นโกธรใคร
เราอย่าโกธรตาม
เวลาเห็นคนอื่นมีทุกข์ใจ
เราอย่าทุกข์ตาม
เราอย่าด่าตาม
เวลาเห็นคนอื่นโกธรใคร
เราอย่าโกธรตาม
เวลาเห็นคนอื่นมีทุกข์ใจ
เราอย่าทุกข์ตาม
.9 ธ.ค. 2016
คนไม่มีแฟน แสดงว่าเป็นคนมีบุญ
..........
แต่ "คนรู้จักธรรมะหรือได้ฟังอ่านธรรมะ มีบุญกว่า....นะ"
ทัสสะนา ธรรมา จิตเต
เอตัมมัง คะละมุตตะมัง
การได้เอาจิต ท่องเที่ยวรู้อยู่เรื่องธรรมะ เป็นมงคลอันประเสริฐ
คนไม่มีแฟน แสดงว่าเป็นคนมีบุญ
..........
แต่ "คนรู้จักธรรมะหรือได้ฟังอ่านธรรมะ มีบุญกว่า....นะ"
ทัสสะนา ธรรมา จิตเต
เอตัมมัง คะละมุตตะมัง
การได้เอาจิต ท่องเที่ยวรู้อยู่เรื่องธรรมะ เป็นมงคลอันประเสริฐ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มันอยู่ที่ว่าเราจะจริงไหม
"หลวงตามหาบัว"
"หลวงตามหาบัว"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
12 ธ.ค. 2016
เหตุ ล้วนเกิดมาจาก เหตุ
( ถ้ามองแต่เหตุจะเห็นแต่เหตุ )
_____________________
ผล ล้วนเกิดมาจาก ผล
( ถ้าไม่มองเหตุจะเห็นผล )
.........
แต่รวบสรุปลง ก็ออกมาได้เป็นธรรมที่ว่า "อาศัยกันและกัน"
เหมือน จุด๙จุด ข้างบน
ธรรมประจำจิตของพระอริยะผล๓ เป็นธรรมฝ่ายออก
ออกจากการถือมั่น
ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
และ เวทนา๓ สัญาสังขาร๓
วิญญาณ๖
เวทนา๓ สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุก
สัญญาสังขาร๓
การกำหนดหมายปรุงแต่งไปฝ่ายกุศล
การกำหนดหมายปรุงแต่งไปฝ่ายอกุศล
การกำหนดหมายปรุงแต่งไปฝ่าย
อัพพะยากะตะ
วิญญาณ๖
อาการความรู้แจ้งรูป
อาการความรู้แจ้งเสียง
อาการความรู้แจ้งกลิ่น
อาการความรู้แจ้งรส
อาการความรู้แจ้งโผฏฐัพพะ
อาการรู้แจ้งเวทนา สัญญา สังขาร
เหตุ ล้วนเกิดมาจาก เหตุ
( ถ้ามองแต่เหตุจะเห็นแต่เหตุ )
_____________________
ผล ล้วนเกิดมาจาก ผล
( ถ้าไม่มองเหตุจะเห็นผล )
.........
แต่รวบสรุปลง ก็ออกมาได้เป็นธรรมที่ว่า "อาศัยกันและกัน"
เหมือน จุด๙จุด ข้างบน
ธรรมประจำจิตของพระอริยะผล๓ เป็นธรรมฝ่ายออก
ออกจากการถือมั่น
ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
และ เวทนา๓ สัญาสังขาร๓
วิญญาณ๖
เวทนา๓ สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุก
สัญญาสังขาร๓
การกำหนดหมายปรุงแต่งไปฝ่ายกุศล
การกำหนดหมายปรุงแต่งไปฝ่ายอกุศล
การกำหนดหมายปรุงแต่งไปฝ่าย
อัพพะยากะตะ
วิญญาณ๖
อาการความรู้แจ้งรูป
อาการความรู้แจ้งเสียง
อาการความรู้แจ้งกลิ่น
อาการความรู้แจ้งรส
อาการความรู้แจ้งโผฏฐัพพะ
อาการรู้แจ้งเวทนา สัญญา สังขาร
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ครูท่านว่า" ปีใหม่เปลี่ยนชีวิตใครได้บ้าง
"แม้แต่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นดี
ยังต้องพยามยาม
นี่จะเปลี่ยนคนอื่นให้เป็นดี
ยิ่งต้องพยามมากๆ
เพื่อบุญบารมีตน
การที่เราเปลี่ยนคนชั่วให้กลายเป็นดี บารมีเกิดแก่เรามาก
การที่เราเปลี่ยนคนดีให้กลายเป็นชั่ว บาปเกิดแก่เรามาก
เวลาที่เราทำอะไรลงไปก็ตาม
ส่วนมากจะเกิด๒อย่างนี้
๑ เกิดบุญกุศลบารมี
๒ เกิดบาปอกุศล
ถ้าชาตินี่ตอนตาย
บารมีน้อยมาอุ้มไว้
ก็เข้าท้องมนุษย์ต่อ
แต่ถ้าบารมีมากมาอุ้มไว้
ก็ไปเกิดเป็นเทพฝ่ายหญิง
หรือเทพฝ่ายชาย
แต่ถ้าบาปมาอุ้มไว้
ก็เกิดอบายภูมิ๔
คือ เกิดในนรก เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เกิดเป็นเปตร เกิดเป็นอสุรกาย
"แม้แต่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นดี
ยังต้องพยามยาม
นี่จะเปลี่ยนคนอื่นให้เป็นดี
ยิ่งต้องพยามมากๆ
เพื่อบุญบารมีตน
การที่เราเปลี่ยนคนชั่วให้กลายเป็นดี บารมีเกิดแก่เรามาก
การที่เราเปลี่ยนคนดีให้กลายเป็นชั่ว บาปเกิดแก่เรามาก
เวลาที่เราทำอะไรลงไปก็ตาม
ส่วนมากจะเกิด๒อย่างนี้
๑ เกิดบุญกุศลบารมี
๒ เกิดบาปอกุศล
ถ้าชาตินี่ตอนตาย
บารมีน้อยมาอุ้มไว้
ก็เข้าท้องมนุษย์ต่อ
แต่ถ้าบารมีมากมาอุ้มไว้
ก็ไปเกิดเป็นเทพฝ่ายหญิง
หรือเทพฝ่ายชาย
แต่ถ้าบาปมาอุ้มไว้
ก็เกิดอบายภูมิ๔
คือ เกิดในนรก เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เกิดเป็นเปตร เกิดเป็นอสุรกาย
เพราะ อัธยาศัย ต่างกัน
เพราะบุญบารมีต่างกัน
คนปฏิบัติ กับ คนไม่ปฏิบัติ
จึงต่างกัน
เพราะบุญบารมีต่างกัน
คนปฏิบัติ กับ คนไม่ปฏิบัติ
จึงต่างกัน
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 12, 2016 10:04:09pm
.พระพุทธเจ้า ตรัส :
อานนท์ ถ้าตัณหาอันได้แก่
รูปตัณหา (ตัณหาในรูป)
สัททตัณหา (ตัณหาในเสียง)
คันธตัณหา (ตัณหาในกลิ่น)
รสตัณหา (ตัณหาในรส)
โผฏฐัพพะตัณหา (ตัณหาในสิ่งถูกต้องสัมผัส,
ธรรมตัณหา
จักไม่มีโดยประการทั้งปวง จักไม่มีในกาลทั้งปวง จักไม่มีแก่ใครๆ
จักไม่มีในที่ไหนๆแล้ว
เมื่อตัณหาไม่มีโดยประการทั้งปวง
เพราะความดับตัณหาแล้ว
อุปทานจักปรากฏหรือไม่
พระอานนท์ ตอบ : "ไม่ปรากฏพระเจ้าข้า"
ธัมมัตถาธิบาย
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องตาเห็นรูป
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องหูได้ยินเสียง
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องจมูกได้ถูกกลิ่น
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องลิ้นได้ลิ้มรส
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องกายได้ถูกต้องโผฏฐัพพะ
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องใจที่ปรุงแต่ง นึกคิดถึงเรื่องราวต่างๆ
ความสะดุ้งดินรนก็คือ
เมื่อเห็นว่าสิ่งใดเป็นที่รักใคร่พอใจ
ทางตา ทางหู
ทางจมูก ทางลิ้น
ทางกาย ทางใจ
ก็ดิ้นรนทะเทอทะยานอยากได้สิ่งนั้น
เมื่อเห็นว่าสิ่งใดเป็นที่เกลียดชัง
ก็ดิ้นรนทะเทอทะยานอยากให้สิ่งนั้นพินาศไป
หรืออยากให้สิ่งนั้นพ้นไปจากตัวเสีย อยากให้สิ่งนั้นอยู่ไกลตัว
# ก็คือตัวสมุทัยสัจฯ
พระพุทธเจ้า ตรัส :
“มิคชาละ รูปที่พึงรู้แจ้งทางตา
ที่น่าปราถนา น่าใคร่ น่าพาใจให้กำหนัดมีอยู่
ถ้าภิกษุยังเพลิดเพลิน
หรือเชยชม หรือยึดติดรูปนั้นอยู่ ความเพลิดเพลินย่อมเกิดขึ้น
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินเกิด ทุกข์จึงเกิด’
เสียง ที่พึงรู้แจ้งทางหูที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
กลิ่น ที่พึงรู้แจ้งทางจมูกที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
รส ที่พึงรู้แจ้งทางลิ้นที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
โผฏฐัพพะที่พึงรู้แจ้งทางกายที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
ธรรมารมณ์( ์(เรื่องราวต่างๆนาๆอันเกิดจากการกำหนดหมายและคิด
ความคิดปรุงแต่ง) ที่พึงรู้แจ้งทางใจที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวน
ให้รัก
ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัดมีอยู่
ถ้าภิกษุยังเพลิดเพลิน เชยชม ยึดติดธรรมารมณ์นั้น
อยู่ เมื่อเธอเพลิดเพลิน เชยชม ยึดติดธรรมารมณ์นั้น ความเพลิดเพลินย่อม
เกิดขึ้น เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินเกิด ทุกข์จึงเกิด’
ดูกรมิคชาละ รูป
ที่พึงรู้แจ้งทางตาที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้ใคร่
พาใจให้กำหนัดมีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดรูปนั้นอยู่ เมื่อ
เธอไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดรูปนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
เสียง ที่พึงรู้แจ้งทางหูที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุ
ไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดเสียงนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
กลิ่น ที่พึงรู้แจ้งทางจมูกที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุ
ไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดกลิ่นนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
รส
ที่พึงรู้แจ้งทางลิ้นที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิ
ดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดรสนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
โผฏฐัพพะ
ที่พึงรู้แจ้งทางกายที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิ
ดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดโผฏฐัพพะนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
ธรรมารมณ์[เรื่องราวต่างๆนาๆอันเกิดจากการหมาย(สัญญา)และคิดควา
มคิดปรุงแต่ง(สังขาร)]ที่พึงรู้แจ้งทางใจที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ
ชวนให้รัก ชักให้
ใคร่ พาใจให้กำหนัดมีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดธรรมาร
มณ์
นั้นอยู่ เมื่อเธอไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดธรรมารมณ์นั้น ความ
เพลิดเพลินย่อมดับไป เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ”
ครั้งนั้นแล ท่านพระมิคชาละยินดีอนุโมทนาภาษิตของพระผู้มี
พระภาค ลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณแล้ว
หลีกไป
ครั้งนั้นแล ท่านพระมิคชาละหลีกออกจากหมู่ อยู่แต่ผู้เดียว ไม่ประมาท มี
ความ
เพียร มีตนอันส่งไปแล้ว ทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ที่กุลบุตร
ทั้งหลายออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
ในปัจจุบัน
เข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จ
แล้ว
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี และท่านพระมิคชาละได้เป็นพระอรห
ันต์องค์หนึ่ง
ในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย ฉะนี้แล ฯ
ศาสนากำลังสั่นคลอน
___/\___ ___/\___ ____/\____
อานนท์ ถ้าตัณหาอันได้แก่
รูปตัณหา (ตัณหาในรูป)
สัททตัณหา (ตัณหาในเสียง)
คันธตัณหา (ตัณหาในกลิ่น)
รสตัณหา (ตัณหาในรส)
โผฏฐัพพะตัณหา (ตัณหาในสิ่งถูกต้องสัมผัส,
ธรรมตัณหา
จักไม่มีโดยประการทั้งปวง จักไม่มีในกาลทั้งปวง จักไม่มีแก่ใครๆ
จักไม่มีในที่ไหนๆแล้ว
เมื่อตัณหาไม่มีโดยประการทั้งปวง
เพราะความดับตัณหาแล้ว
อุปทานจักปรากฏหรือไม่
พระอานนท์ ตอบ : "ไม่ปรากฏพระเจ้าข้า"
ธัมมัตถาธิบาย
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องตาเห็นรูป
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องหูได้ยินเสียง
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องจมูกได้ถูกกลิ่น
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องลิ้นได้ลิ้มรส
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องกายได้ถูกต้องโผฏฐัพพะ
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องใจที่ปรุงแต่ง นึกคิดถึงเรื่องราวต่างๆ
ความสะดุ้งดินรนก็คือ
เมื่อเห็นว่าสิ่งใดเป็นที่รักใคร่พอใจ
ทางตา ทางหู
ทางจมูก ทางลิ้น
ทางกาย ทางใจ
ก็ดิ้นรนทะเทอทะยานอยากได้สิ่งนั้น
เมื่อเห็นว่าสิ่งใดเป็นที่เกลียดชัง
ก็ดิ้นรนทะเทอทะยานอยากให้สิ่งนั้นพินาศไป
หรืออยากให้สิ่งนั้นพ้นไปจากตัวเสีย อยากให้สิ่งนั้นอยู่ไกลตัว
# ก็คือตัวสมุทัยสัจฯ
พระพุทธเจ้า ตรัส :
“มิคชาละ รูปที่พึงรู้แจ้งทางตา
ที่น่าปราถนา น่าใคร่ น่าพาใจให้กำหนัดมีอยู่
ถ้าภิกษุยังเพลิดเพลิน
หรือเชยชม หรือยึดติดรูปนั้นอยู่ ความเพลิดเพลินย่อมเกิดขึ้น
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินเกิด ทุกข์จึงเกิด’
เสียง ที่พึงรู้แจ้งทางหูที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
กลิ่น ที่พึงรู้แจ้งทางจมูกที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
รส ที่พึงรู้แจ้งทางลิ้นที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
โผฏฐัพพะที่พึงรู้แจ้งทางกายที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
ธรรมารมณ์( ์(เรื่องราวต่างๆนาๆอันเกิดจากการกำหนดหมายและคิด
ความคิดปรุงแต่ง) ที่พึงรู้แจ้งทางใจที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวน
ให้รัก
ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัดมีอยู่
ถ้าภิกษุยังเพลิดเพลิน เชยชม ยึดติดธรรมารมณ์นั้น
อยู่ เมื่อเธอเพลิดเพลิน เชยชม ยึดติดธรรมารมณ์นั้น ความเพลิดเพลินย่อม
เกิดขึ้น เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินเกิด ทุกข์จึงเกิด’
ดูกรมิคชาละ รูป
ที่พึงรู้แจ้งทางตาที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้ใคร่
พาใจให้กำหนัดมีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดรูปนั้นอยู่ เมื่อ
เธอไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดรูปนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
เสียง ที่พึงรู้แจ้งทางหูที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุ
ไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดเสียงนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
กลิ่น ที่พึงรู้แจ้งทางจมูกที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุ
ไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดกลิ่นนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
รส
ที่พึงรู้แจ้งทางลิ้นที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิ
ดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดรสนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
โผฏฐัพพะ
ที่พึงรู้แจ้งทางกายที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิ
ดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดโผฏฐัพพะนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
ธรรมารมณ์[เรื่องราวต่างๆนาๆอันเกิดจากการหมาย(สัญญา)และคิดควา
มคิดปรุงแต่ง(สังขาร)]ที่พึงรู้แจ้งทางใจที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ
ชวนให้รัก ชักให้
ใคร่ พาใจให้กำหนัดมีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดธรรมาร
มณ์
นั้นอยู่ เมื่อเธอไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดธรรมารมณ์นั้น ความ
เพลิดเพลินย่อมดับไป เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ”
ครั้งนั้นแล ท่านพระมิคชาละยินดีอนุโมทนาภาษิตของพระผู้มี
พระภาค ลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณแล้ว
หลีกไป
ครั้งนั้นแล ท่านพระมิคชาละหลีกออกจากหมู่ อยู่แต่ผู้เดียว ไม่ประมาท มี
ความ
เพียร มีตนอันส่งไปแล้ว ทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ที่กุลบุตร
ทั้งหลายออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
ในปัจจุบัน
เข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จ
แล้ว
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี และท่านพระมิคชาละได้เป็นพระอรห
ันต์องค์หนึ่ง
ในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย ฉะนี้แล ฯ
ศาสนากำลังสั่นคลอน
___/\___ ___/\___ ____/\____
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
." ดาวประกายพรึกในทุกฤดูกาล ไม่โคจรไปในทางอื่น โครจรเฉพาะในทาง
ของตนเท่านั้น ฉันใดแม้ท่านไม่ละสัจจะ ไม่ทำการพูดเท็จ ก็จักได้เป็นพระ
พุทธเจ้า ฉันนั้น "
มีเรื่องเล่าว่า ภิกษุรูปหนึ่งบวชด้วยความศรัทธา แต่อยู่ได้ไม่นาน อยาก
จะลาสิกขา พระพุทธองค์จึงตรัสสอนว่า " ดูก่อนภิกษุ เมื่อครั้งพระพุทธเจ้ายัง
ไม่เกิดขึ้น ดาบสผู้บำเพ็ญพรตนอกพระพุทธศาสนา ทนประพฤติพรหมจรรย์
อยู่ได้กว่า ๕๐ ปี โดยไม่บอกใครให้รู้เลยว่าตัวเองอยากกลับไปเป็นฆราวาส
เธอบวชในศาสนาที่จะทำให้หลุดพ้นได้จริง ทำไมจึงคิดอยากจ
ะออกไปแสวงหาทุกข์ ทำไมเธอไม่รักษาหิริโอตตัปปะเอาไว้" จาก
นั้นพระองค์ทรงนำ เรื่องในอดีตมาเล่า
พลางตั้งสัตย์อธิษฐานดัง ๆ ว่า
" เรามีจิตเลื่อมใสตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์อยู่ เพียง ๗ วันเท่านั้น ต่อจากนั้น
แม้เราอยากลาสิกขา แต่ก็ยังทนบวชได้ถึง ๕๐ ปี ด้วยความสัตย์นี้ ขอให้
หนูน้อยรอดชีวิตเถิด "
พระโพธิสัตว์
เปิดเผยความในใจว่า "ผู้ออกบวชด้วยศรัทธาแล้วกลับเข้าบ้านอีก
เป็นคนเหลวไหล เป็นคนกลับกลอก เราเกลียดต่อถ้อยคำเช่นนี้ จึงสู้ฝืนใจประพ
ฤติพรหมจรรย์
ของตนเท่านั้น ฉันใดแม้ท่านไม่ละสัจจะ ไม่ทำการพูดเท็จ ก็จักได้เป็นพระ
พุทธเจ้า ฉันนั้น "
มีเรื่องเล่าว่า ภิกษุรูปหนึ่งบวชด้วยความศรัทธา แต่อยู่ได้ไม่นาน อยาก
จะลาสิกขา พระพุทธองค์จึงตรัสสอนว่า " ดูก่อนภิกษุ เมื่อครั้งพระพุทธเจ้ายัง
ไม่เกิดขึ้น ดาบสผู้บำเพ็ญพรตนอกพระพุทธศาสนา ทนประพฤติพรหมจรรย์
อยู่ได้กว่า ๕๐ ปี โดยไม่บอกใครให้รู้เลยว่าตัวเองอยากกลับไปเป็นฆราวาส
เธอบวชในศาสนาที่จะทำให้หลุดพ้นได้จริง ทำไมจึงคิดอยากจ
ะออกไปแสวงหาทุกข์ ทำไมเธอไม่รักษาหิริโอตตัปปะเอาไว้" จาก
นั้นพระองค์ทรงนำ เรื่องในอดีตมาเล่า
พลางตั้งสัตย์อธิษฐานดัง ๆ ว่า
" เรามีจิตเลื่อมใสตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์อยู่ เพียง ๗ วันเท่านั้น ต่อจากนั้น
แม้เราอยากลาสิกขา แต่ก็ยังทนบวชได้ถึง ๕๐ ปี ด้วยความสัตย์นี้ ขอให้
หนูน้อยรอดชีวิตเถิด "
พระโพธิสัตว์
เปิดเผยความในใจว่า "ผู้ออกบวชด้วยศรัทธาแล้วกลับเข้าบ้านอีก
เป็นคนเหลวไหล เป็นคนกลับกลอก เราเกลียดต่อถ้อยคำเช่นนี้ จึงสู้ฝืนใจประพ
ฤติพรหมจรรย์
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คำสอนของพระบรมศาสดา ปัจจุบันเราสามารถหาศึกษาได้จาก
ในพระไตรปิฎก หรือในคัมภีร์โบราณบ้าง พวกเราในฐานะเป็
นสาวกของพระองค์ควรหาโอกาสศึกษาให้มีความรู้แตกฉานให้สมกับที่เ
ป็นพุทธศาสนิกชนที่แท้จริง นอกจากจะได้ความรู้ที่เป็นสุตมยปัญญาแล้ว ยัง
จะเป็นพลวปัจจัยเพิ่มพูนปัญญาบารมีของเรา และยังเป็นเหตุให้ก้าวไปสู่ขั้น
ภาวนามยปัญญาได้อย่างง่ายดาย เพื่อนำไปสู่หนทางแห่งการหลุดพ้น
จากทุกข์ในสังสารวัฏ
* เหมือนดังเรื่องของพระโปฐิลเถระ ซึ่งเรารู้จักกันในนามของพระใบลานเปล่า
ท่านเป็นผู้ทรงพระไตรปิฎกในศาสนาของพระพุทธเจ้ามาถึง ๗ พระองค์
ครั้นออกบวชก็ตั้งใจศึกษาพระไตรปิฎกจนแตกฉาน และยังสอนธรรมะให้
กับพระภิกษุ ๕๐๐ รูป นอกจากนี้ ท่านยังเป็นเจ้าคณะใหญ่ถึง ๑๘ คณะ ทำให้
เป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักของภิกษุสามเณรเป็นอย่างดี
พระบรมศาสดาปรารถนาจะให้พระโปฐิละเป็นผู้มีความรู้ทั้งทางด้านปริยัติ
ปฏิบัติ ปฏิเวธ และเทศนา คือได้ทั้งคันถะธุระและวิปัสสนาธุระ สมกับที่เป็นสาว
กของพระพุทธองค์ แต่เนื่องจากพระโปฐิละมัวแต่สอนคนอื่นจนไม่มีเว
ลาสอนตนเอง ไม่ยอมปลีกวิเวกไปบำเพ็ญสมณธรรมตามลำพังบ้าง วันๆ
ได้แต่เตรียมสอนธรรมะ และตอบปัญหาข้อสงสัยให้กับลูกศิษย์ลูกหามากมาย
ท่านจึงไม่มีความคิดที่จะสลัดออกจากกองทุกข์เพื่อมุ่งสู่พระนิพพาน
เพราะฉะนั้น เวลาท่านไปเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา จึงถูกพระพุทธอง
ค์ทักทายว่า “ท่านใบลานเปล่ามาแล้วเหรอ เชิญนั่งเถิดท่านใบลานเปล่า
” ครั้นท่านกราบนมัสการลา ก็ถูกทักอีกว่า “ท่านใบลานเปล่าไปแล้วหรือ”
ทำให้ท่านกลับไปคิดตริตรองว่า “เราเป็นผู้ทรงไว้ทั้งพระไตรปิฎก
แต่พระบรมศาสดาก็ยังตรัสเรียกเราว่าใบลานเปล่า อาจเป็นเพราะเรา
เป็นผู้ไม่มีคุณวิเศษภายใน”
เนื่องจากท่านมีปัญญามาก จึงรู้ถึงนัยของพุทธองค์ กล่าวคือ ผู้รู้
เขาแค่เตือนแบบสะกิดกันนิดเดียว ก็สามารถเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้ง
พระเถระรู้ตัวเช่นนี้เกิดความสลดสังเวชใจว่า ที่ผ่านมาตนเองเ
ปรียบเหมือนคนเลี้ยงโค แต่ไม่เคยดื่มกินปัญจโครสเลย คือรู้ธรรมะด้วย
สุตมยปัญญา เพราะอ่านมามาก ได้ยินได้ฟังมามาก แต่ไม่เคยลงมือปฏิบัติ
ให้เข้าถึงเลย
ท่านตัดสินใจออกปลีกวิเวกตามลำพังในป่า แต่เมื่อจะลงมือปฏิบัติ ก็กลับไม่
ได้ง่ายอย่างที่คิดเลยคือ รู้มากยิ่งยากนาน ครั้นจะถามพระเณร
ในวัดก็เขินอาย เพราะเกือบทุกรูปล้วนเคยเป็นลูกศิษย์ของท่าน ท่าน
จึงออกเดินทางไปไกลถึงสองพันโยชน์ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีผู้จำท่านได้
ตั้งแต่พระสังฆเถระ ไล่เรื่อยลงมาจนถึงพระนวกะ ต่างก็ปฏิเสธที่
จะแนะนำธรรมะให้ท่าน เพราะรู้ว่าท่านเป็นพระธรรมกถึกผู้มีชื่อเสียงมาก
และที่ท่านเหล่านั้นได้บรรลุธรรมาภิสมัย ก็เพราะอาศัยพระเถระ
เป็นอาจารย์ ดังนั้น ต่างเกรงว่าสิ่งที่แนะนำไปจะเป็นการเอามะพร้าวห
้าวไปขายสวน
เมื่อไม่มีใครแนะนำ สุดท้ายท่านต้องยอมตนไปขอความรู้ภาคปฏิบัติกับส
ามเณรน้อยซึ่งอายุเพียง ๗ ขวบ แต่เป็นสามเณรอรหันต์ พระเถระเป็นผู้ท
รงภูมิรู้ภูมิธรรมมาก แต่ท่านยอมทำตัวเหมือนเด็กอนุบาล เป็นนักศึกษาที่
ดีมาก แม้สามเณรจะทดสอบให้ท่านเดินลงไปในสระน้ำ ท่านก็ไม่ได้ลังเลใจ
ยอมทำตามที่สามเณรบอกทันที
สามเณรเห็นว่า พระโปฐิละเป็นผู้ว่าง่าย ยอมอยู่ในโอวาท แม้จะให้ไปกระโจ
นลงเหว หรือกระโดดเข้ากองเพลิง ท่านก็ยอมทำตามทุกอย่าง สามเณรจึง
ให้ท่านกลับขึ้นมายืนที่ริมฝั่ง แล้วกล่าวให้นัยว่า “ในจอมปลวกแห่งหนึ่ง มีช่อง
อยู่ ๖ ช่อง เหี้ยได้เข้าไปในจอมปลวกช่องหนึ่ง ผู้หวังจะจับเหี้ย จึงอุดช่องทั้ง ๕
ไว้ คอยจับเหี้ยออกทางช่องที่ ๖ บรรดาทวารทั้งหก แม้ท่านจงปิดทวารทั้ง ๕
แล้วเปิดมโนทวาร กำหนดใจให้หยุดให้นิ่งอยู่ที่ตรงนั้น”
เนื่องจากพระเถระเป็นพหูสูต ทรงพระไตรปิฎกมาหลายภพหลายชาติ
นัยที่สามเณรให้จึงเป็นประดุจการลุกโพลงขึ้นของดวงประทีป ท่านเริ่มประคอง
ใจให้หยุดนิ่งอยู่ภายใน มีสติตั้งมั่นเป็นสมาธิ แม้พระบรมศาสดาประทับนั่ง
ในที่ไกลถึง ๑๒๐ โยชน์ ทรงเห็นความแก่รอบแห่งญาณของพระโปฐิละ
จึงเปล่งรัศมีออกไปดุจปรากฏต่อหน้าพระเถระ แล้วตรัสว่า “ปัญญาย่อมเกิดเ
พราะการประกอบความเพียร ท่านพึงตั้งตนไว้โดยประการที่ปัญญา
จะเจริญขึ้นได้เถิด” พระเถระตั้งใจทำภาวนาจนเกิดภาวนามยปัญญา และ
ในที่สุดก็แทงตลอดในคำสอนของพระบรมศาสดา บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
ในท่ายืนนั่นเอง
ในพระไตรปิฎก หรือในคัมภีร์โบราณบ้าง พวกเราในฐานะเป็
นสาวกของพระองค์ควรหาโอกาสศึกษาให้มีความรู้แตกฉานให้สมกับที่เ
ป็นพุทธศาสนิกชนที่แท้จริง นอกจากจะได้ความรู้ที่เป็นสุตมยปัญญาแล้ว ยัง
จะเป็นพลวปัจจัยเพิ่มพูนปัญญาบารมีของเรา และยังเป็นเหตุให้ก้าวไปสู่ขั้น
ภาวนามยปัญญาได้อย่างง่ายดาย เพื่อนำไปสู่หนทางแห่งการหลุดพ้น
จากทุกข์ในสังสารวัฏ
* เหมือนดังเรื่องของพระโปฐิลเถระ ซึ่งเรารู้จักกันในนามของพระใบลานเปล่า
ท่านเป็นผู้ทรงพระไตรปิฎกในศาสนาของพระพุทธเจ้ามาถึง ๗ พระองค์
ครั้นออกบวชก็ตั้งใจศึกษาพระไตรปิฎกจนแตกฉาน และยังสอนธรรมะให้
กับพระภิกษุ ๕๐๐ รูป นอกจากนี้ ท่านยังเป็นเจ้าคณะใหญ่ถึง ๑๘ คณะ ทำให้
เป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักของภิกษุสามเณรเป็นอย่างดี
พระบรมศาสดาปรารถนาจะให้พระโปฐิละเป็นผู้มีความรู้ทั้งทางด้านปริยัติ
ปฏิบัติ ปฏิเวธ และเทศนา คือได้ทั้งคันถะธุระและวิปัสสนาธุระ สมกับที่เป็นสาว
กของพระพุทธองค์ แต่เนื่องจากพระโปฐิละมัวแต่สอนคนอื่นจนไม่มีเว
ลาสอนตนเอง ไม่ยอมปลีกวิเวกไปบำเพ็ญสมณธรรมตามลำพังบ้าง วันๆ
ได้แต่เตรียมสอนธรรมะ และตอบปัญหาข้อสงสัยให้กับลูกศิษย์ลูกหามากมาย
ท่านจึงไม่มีความคิดที่จะสลัดออกจากกองทุกข์เพื่อมุ่งสู่พระนิพพาน
เพราะฉะนั้น เวลาท่านไปเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา จึงถูกพระพุทธอง
ค์ทักทายว่า “ท่านใบลานเปล่ามาแล้วเหรอ เชิญนั่งเถิดท่านใบลานเปล่า
” ครั้นท่านกราบนมัสการลา ก็ถูกทักอีกว่า “ท่านใบลานเปล่าไปแล้วหรือ”
ทำให้ท่านกลับไปคิดตริตรองว่า “เราเป็นผู้ทรงไว้ทั้งพระไตรปิฎก
แต่พระบรมศาสดาก็ยังตรัสเรียกเราว่าใบลานเปล่า อาจเป็นเพราะเรา
เป็นผู้ไม่มีคุณวิเศษภายใน”
เนื่องจากท่านมีปัญญามาก จึงรู้ถึงนัยของพุทธองค์ กล่าวคือ ผู้รู้
เขาแค่เตือนแบบสะกิดกันนิดเดียว ก็สามารถเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้ง
พระเถระรู้ตัวเช่นนี้เกิดความสลดสังเวชใจว่า ที่ผ่านมาตนเองเ
ปรียบเหมือนคนเลี้ยงโค แต่ไม่เคยดื่มกินปัญจโครสเลย คือรู้ธรรมะด้วย
สุตมยปัญญา เพราะอ่านมามาก ได้ยินได้ฟังมามาก แต่ไม่เคยลงมือปฏิบัติ
ให้เข้าถึงเลย
ท่านตัดสินใจออกปลีกวิเวกตามลำพังในป่า แต่เมื่อจะลงมือปฏิบัติ ก็กลับไม่
ได้ง่ายอย่างที่คิดเลยคือ รู้มากยิ่งยากนาน ครั้นจะถามพระเณร
ในวัดก็เขินอาย เพราะเกือบทุกรูปล้วนเคยเป็นลูกศิษย์ของท่าน ท่าน
จึงออกเดินทางไปไกลถึงสองพันโยชน์ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีผู้จำท่านได้
ตั้งแต่พระสังฆเถระ ไล่เรื่อยลงมาจนถึงพระนวกะ ต่างก็ปฏิเสธที่
จะแนะนำธรรมะให้ท่าน เพราะรู้ว่าท่านเป็นพระธรรมกถึกผู้มีชื่อเสียงมาก
และที่ท่านเหล่านั้นได้บรรลุธรรมาภิสมัย ก็เพราะอาศัยพระเถระ
เป็นอาจารย์ ดังนั้น ต่างเกรงว่าสิ่งที่แนะนำไปจะเป็นการเอามะพร้าวห
้าวไปขายสวน
เมื่อไม่มีใครแนะนำ สุดท้ายท่านต้องยอมตนไปขอความรู้ภาคปฏิบัติกับส
ามเณรน้อยซึ่งอายุเพียง ๗ ขวบ แต่เป็นสามเณรอรหันต์ พระเถระเป็นผู้ท
รงภูมิรู้ภูมิธรรมมาก แต่ท่านยอมทำตัวเหมือนเด็กอนุบาล เป็นนักศึกษาที่
ดีมาก แม้สามเณรจะทดสอบให้ท่านเดินลงไปในสระน้ำ ท่านก็ไม่ได้ลังเลใจ
ยอมทำตามที่สามเณรบอกทันที
สามเณรเห็นว่า พระโปฐิละเป็นผู้ว่าง่าย ยอมอยู่ในโอวาท แม้จะให้ไปกระโจ
นลงเหว หรือกระโดดเข้ากองเพลิง ท่านก็ยอมทำตามทุกอย่าง สามเณรจึง
ให้ท่านกลับขึ้นมายืนที่ริมฝั่ง แล้วกล่าวให้นัยว่า “ในจอมปลวกแห่งหนึ่ง มีช่อง
อยู่ ๖ ช่อง เหี้ยได้เข้าไปในจอมปลวกช่องหนึ่ง ผู้หวังจะจับเหี้ย จึงอุดช่องทั้ง ๕
ไว้ คอยจับเหี้ยออกทางช่องที่ ๖ บรรดาทวารทั้งหก แม้ท่านจงปิดทวารทั้ง ๕
แล้วเปิดมโนทวาร กำหนดใจให้หยุดให้นิ่งอยู่ที่ตรงนั้น”
เนื่องจากพระเถระเป็นพหูสูต ทรงพระไตรปิฎกมาหลายภพหลายชาติ
นัยที่สามเณรให้จึงเป็นประดุจการลุกโพลงขึ้นของดวงประทีป ท่านเริ่มประคอง
ใจให้หยุดนิ่งอยู่ภายใน มีสติตั้งมั่นเป็นสมาธิ แม้พระบรมศาสดาประทับนั่ง
ในที่ไกลถึง ๑๒๐ โยชน์ ทรงเห็นความแก่รอบแห่งญาณของพระโปฐิละ
จึงเปล่งรัศมีออกไปดุจปรากฏต่อหน้าพระเถระ แล้วตรัสว่า “ปัญญาย่อมเกิดเ
พราะการประกอบความเพียร ท่านพึงตั้งตนไว้โดยประการที่ปัญญา
จะเจริญขึ้นได้เถิด” พระเถระตั้งใจทำภาวนาจนเกิดภาวนามยปัญญา และ
ในที่สุดก็แทงตลอดในคำสอนของพระบรมศาสดา บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
ในท่ายืนนั่นเอง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.คำสอนหลวงพ่อฤาษี (ลิงดำ)
การรับเงินของพระ
เทศนาหลวงพ่อฤาษีลิงดำ แก่ภิกษุสามเณร
"เรื่องวินัยสงฆ์เกี่ยวกับการรับเงินของพระ"
เมื่อ 17 ก.ย. 2518
ทีนี้มาถึงสิกขาบทข้อที่ ๘. พระวินัยกล่าวว่า “อนึ่งภิกษุใดรั
บก็ดีให้รับก็ดีซึ่งทองเงินหรือยินดีทองเงินอันเขาเก็บไว้ให้เป
็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์”
“สำหรับสิกขาบทนี้ขอท่านทั้งหลายจงใคร่ครวญให้ดี ทั้งนี้
ในที่บางแห่ง หรือในเขตบางเขต เขาไม่มีโยมรับเงินรับทอง
กัน และชาวบ้านเขาก็เห็นกันว่าพระที่ไม่รับเงินรับทอง
เป็นพระที่เคร่งครัดมัธยัสถ์ ถึงกับมีการรังเกียจพระที่รับเง
ินรับทอง แต่ตามความเข้าใจของผมหรือว่าพร
ะมหาเถรานุเถระฝ่ายวิปัสสนาธุระ มีความเข้าใจกันดี
อันนี้เพราะอะไรเพราะว่า พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า
รับเองก็ดี ใช้ให้คนอื่นรับก็ดี หรือมีความรู้สึกอยู่ว่าเขาเก็บ
ไว้เพื่อเรา และเราก็ถือว่าทรัพย์สินส่วนนั้นมันเป็นของเรา
ท่านจะพิจารณาเห็นว่าต้องอาบัติเสมอกันคือ
นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ทีนี้พระบางท่านเวลาเขามาถวายไม
่รับ ไม่รับเอง แต่ว่าให้ลูกศิษย์รับ ให้มอบไว้กับลูกศิษย์ แต่ว่า
ใส่ย่ามเถอะไม่ยอมรับ มือไม่รับ อันนี้ท่านทั้งหลายที่ฟัง
แล้วเห็นว่ามันพ้นไหม เห็นว่ามันพ้นหรือไม่พ้น มันพ้นตรงไหน
กัน รับเองก็ดี ให้คนอื่นรับก็ดี หรือว่าคนอื่นที่เขาเก็บไว้ให้เ
ราที่เรียกว่า ไวยาวัจกร
แต่เรามีความรู้สึกว่าทรัพย์สินทั้งหลายเหล่านั้นมัน
เป็นทรัพย์ของเราก็อาบัติ นิสสัคคิยปาจิตตีย์
นี่ที่ผมย้ำมากๆ ก็เพราะความเข้าใจผิดของปวงชนแล
ะพระมีมาก ถ้าตนเองไม่รับเงิน แล้วต่อหน้าคนไม่รับ
ลับหลังคนรับ หยิบ หรือต่อหน้าคนไม่รับ ลับหลังคนไม่รับ คน
อื่นเก็บเอาไว้ให้ ก็รู้ว่านั่นเงินของเรา มีจำนวนเท่านั้นเท่านี้
จิตใจยังผูกพันอยู่ ไม่ได้พ้นโทษไปเลย ถ้ามันยังไม่พ้นโทษอยู่
นี่ตามความรู้สึกของผม หรือว่าครูบาอาจ
ารย์หลายท่านด้วยกัน ในสมัยโบราณ ผมเรียกว่าโบราณ
เพราะว่าเวลากาลผ่านมาประมาณ 40 ปีเศษ
ในสมัยที่ผมบวชใหม่ๆ ที่พูดนี้เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2518
ผมบวชผ่านเวลากาลผ่านมาได้ 40 ปีเศษ ถอยหลังไป 40
ปี ผมเรียกว่าโบราณ คือมันเก่าแล้ว คนสมัยนั้นหัวยังเก่า
อยู่ ท่านบอกว่า การที่เราไม่รับต่อหน้าคน แต่ว่าให้คน
อื่นรับ หรือว่าคนอื่นรับเงินแล้วเขาเก็บไว้เพื่อตนยินดีอยู่
แต่เราไม่ยอมรับ จิตคิดว่าเรามีความดีที่ไม่รับเงิน
ท่านบอกว่าคนที่มี อารมณ์อย่างนั้นมีกิเลสหนาแน่นที่สุด
เพราะว่าเป็นการหลอกลวงชาวบ้านเขา ทำตนเป็นคนดี
แต่ความจริงไม่ได้ดีตามนั้นแต่จิตใจกับเลวทราม
กับท่านผู้รับเองให้ชาวบ้านเขารู้ ไหนๆ เราจะรับแล้ว
เราก็ยอมรับเสียต่อหน้าชาวบ้าน เพื่อว่าชาวบ้านเขาจะ
ได้ทราบว่าพระองค์นี้รับเงิน ในเมื่อเขารู้ว่าแล้วเรารับเงิน
เขาจะนิยมเราหรือไม่นิยม เป็นเรื่องของเขา เราไม่เกี่ยว
เราเปิดเผยให้เขารับรู้เลยดีกว่า ว่าเรารับเงินรับทอง
ถ้าหากว่าเราไม่รับต่อหน้าชาวบ้านแต่ว่าภายหลัง
เราเก็บเอง หรือบุคคลอื่นเก็บ แล้วก็ทราบว่าเงินของเรา
เรามีอยู่ เงินและทองของเรามีอยู่ เราถือสิทธิ์อยู่ ยินดีอยู่
ถ้าชาวบ้านเขาทราบทีหลัง เราจะเสียสองชั้น คือเสีย
ในเรื่องหลอกลวงชาวบ้าน และก็ต้องโทษที่
พระพุทธเจ้าท่านบัญญัติไว้
ดังนั้นในการรับเงินและทองเอง แต่ทว่าจงอย่ายินดีในเงิน
และทองนั้นว่าเป็นทรัพย์สินของเราโดยเฉพาะ
พึงทำใจของเราให้มีความรู้สึกอยู่เสมอว่าเวลานี้เรา
เป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เป็นลูกของพระพุทธเจ้า เงิน
และทองที่เขาจะถวายเรา เขาก็ถวายเราในฐานะที่
เป็นพระ ดังนั้นเวลาที่เขาจะถวายเขาก็บอกว่า
ใช้ตามสมควรแก่สมณบริโภค คือเราต้องคิดไว
้เสมอว่าเงินทองทั้งหลายเหล่านี้เราจะใช้บำรุงต
ัวเราเองตามความจำเป็น ถ้าเหลือนอกจากนั้นเรา
จะเอาเงินจำนวนนี้
ไปสร้างบุญสร้างกุศล ให้เป็นประโยชน์
แก่บรรดาสาธารณชน เป็นส่วนสาธารณะ นี่เรียกว่า แม้
จะก่อสร้างถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา หรือสร้างสิ่งตาม
ความจำเป็นเพื่อความสะดวกของบรรดานักบวชทั้งหลาย
หรือว่านักบุญทั้งหลาย อย่างนี้จิตใจของเราไม่ยึดถือว่
าเงินนี้มันเป็นของเราโดยเฉพาะ ถือว่าเป็นเงินข
องพระพุทธศาสนา เป็นเงินของพระ เขาถวายพระ ถ้าเรา
ไม่บวชไม่มีใครเขาให้ จะไปเอาเงินจากเขา บางที
ต้องมีโฉนดที่ดินไปให้เขารับรอง ดีไม่ดีเขาก็ไม่ยอมให้
นี่ทำใจของเราให้สบายแบบนี้ จงอย่าติดในลาภ อย่าติด
ในเงินและทอง อย่างนี้ผมถือว่า เราทนหน้าด้านแต
่ว่าใจของเราไม่ด้าน ยอมรับต่อหน้าชาวบ้าน เพื่อ
เป็นการประกาศความจริงว่าเรามีความจำเป็นจะต้องใช้
สิกขาบทนี้แหล่ะท่านบรรดาสหธรรมิกทั้งหลาย ตาม
ความเข้าใจของผม ผมคิดว่าท่านสมเด็จพระจอมไตรบรม
ศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบว่าต่อไป
ในภายภาคหน้าคนที่จะพะเน้าพะนอพระสงฆ์ในพ
ระพุทธศาสนา เหมือนในสมัยที่องค์สมเด็จพระบร
มศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ไม่มี องค์สมเด็จพระชินสีห์จึง
ได้ทรงมีพระพุทธฎีกาตรัสในสมัยก่อนหน้าพระปรินิพพาน
ว่า
“อานันทะ ดูก่อนอานนท์ เมื่อตถาคตปรินิพพานไปแล้ว
สิกขาบทบางสิกขาบทซึ่งไม่ใหญ่โตนัก ถ้าหากว่าไม่เหม
าะกับกาลสมัย ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายจะเห็นว่าไม่สมควร
จะเพิกถอนเสียก็ได้”
นี่เป็นพระพุทธประสงค์ขององค์สมเด็จพระจอมไตรบร
มศาสดา แต่ด้วยว่าในเมื่อเป็นคำดำรัสขอ
งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใครที่ไหนจะยอมเพิกถอน
ก็มีความเคารพในพระองค์ เราสู้เอาหน้าด้
านแต่ใจสะอาดดีกว่า ดีกว่าต่อหน้าคนไม่รับ แต่ลับหลังรู้ค่
าของเงิน รู้ค่าของทอง รู้จักใช้เงินและทองให้เป็นประโยชน์
ส่วนตนและเป็นประโยชน์ส่วนรวม อย่างนี้เขาเรียกว่าหน้าดี
แต่ใจด้าน ขอให้ท่านทั้งหลายเลือกเอาอย่างหนึ่ง
จะยอมหน้าด้านแต่ว่าใจดี หรือว่าจะเอาหน้าดีแต่ใจด้าน
กัน ท่านทั้งหลายจงอย่าลืมว่า ถ้าเราตายไปแล้ว
ร่างกายหรือหน้าก็ดี ตัวก็ดี มันไม่ได้ไปกับเราด้วย ส่วนที่
จะไปจริงๆ มันก็คือใจ แต่จะไปเสวยความสุขหรือความทุกข
์มันก็อยู่ที่ใจ หน้าด้านแต่ใจดี แสดงว่าใจสะอาด
หน้าดีแต่ใจด้านแสดงว่าหน้าสะอาดแต่ว่าใจเสีย
ใจสกปรก ทีนี้ถ้าใจของเราสกปรกเวลาตายเราก็เอา
ความสกปรกไป ส่วนที่สกปรกชาวสวรรค์เขาไม่ชอบ
ชาวสวรรค์เขาต้องการความสะอาด เราอยู่ไม่ได้
คนสกปรกต้องไปอยู่ในอบายภูมิทั้ง 4 คือ ในนรก หรือไป
เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน
นี่ขอบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทั้งหลายพากันวินิจ
ฉัยตามนี้ แล้วก็เลือกปฏิบัติเอา แต่สำหรับผมน่ะข
อยอมรับว่าผมหน้าด้านแน่ ในเรื่องการรับเงินรับทอง
แต่ใจของผมผมไม่ยอมด้านในเรื่องนี้ เพราะว่าผมไม่ยอ
มเอาเงินที่เขาเอามาถวายเป็นประโยชน์ส่วนตน
ซื้อไร่ซื้อนาซื้อบ้านให้เขาเช่า อะไรพวกนี้ผมไม่มี ออกเงิน
ให้กู้ผมไม่มี ได้มาเท่าไรเหลือกินเหลือใช้ สร้างถาวรวัตถุใ
นพระพุทธศาสนา และให้ความสะดวกกับบรรดานักบุญท
ั้งหลาย อย่างนี้ผมยอมหน้าเสียเพื่อรักษากำลังใจของตัวเ
อง ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ยกยอตัวเอง พูดตามความเป็นจริง
ครูบาอาจารย์ท่านก็ปฏิบัติมาแบบนี้ เพราะสิ่งทั้งหล
ายเหล่านี้มันหลีกเลี่ยงกันไม่ได้ แล้วทำไมเราจะมา
ทำหน้าดีใจเสียใจเพื่อประโยชน์อะไร พระพุทธเจ้าทรงก
ล่าวว่า มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฎฐา มโนมยา “ธรรม
ทั้งหลาย มีใจถึงก่อนมีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ”
ถ้าใจของเราเลวแต่ว่าหน้าดีมันจะมีประโยชน์อะไร
สู้ทำหน้าของเราให้เป็นหน้าด้านแต่ใจสะอาด
ดีกว่าหน้าสะอาดใจด้าน เลือกกันเอานะ ผมไม่ได้บังคับ
ยังไงๆ ก็บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาเราเป
็นปูชนียบุคคล อย่าหลอกลวงชาวบ้านเขาเลยบรรดาเพื่อน
ทั้งหลาย
การรับเงินของพระ
เทศนาหลวงพ่อฤาษีลิงดำ แก่ภิกษุสามเณร
"เรื่องวินัยสงฆ์เกี่ยวกับการรับเงินของพระ"
เมื่อ 17 ก.ย. 2518
ทีนี้มาถึงสิกขาบทข้อที่ ๘. พระวินัยกล่าวว่า “อนึ่งภิกษุใดรั
บก็ดีให้รับก็ดีซึ่งทองเงินหรือยินดีทองเงินอันเขาเก็บไว้ให้เป
็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์”
“สำหรับสิกขาบทนี้ขอท่านทั้งหลายจงใคร่ครวญให้ดี ทั้งนี้
ในที่บางแห่ง หรือในเขตบางเขต เขาไม่มีโยมรับเงินรับทอง
กัน และชาวบ้านเขาก็เห็นกันว่าพระที่ไม่รับเงินรับทอง
เป็นพระที่เคร่งครัดมัธยัสถ์ ถึงกับมีการรังเกียจพระที่รับเง
ินรับทอง แต่ตามความเข้าใจของผมหรือว่าพร
ะมหาเถรานุเถระฝ่ายวิปัสสนาธุระ มีความเข้าใจกันดี
อันนี้เพราะอะไรเพราะว่า พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า
รับเองก็ดี ใช้ให้คนอื่นรับก็ดี หรือมีความรู้สึกอยู่ว่าเขาเก็บ
ไว้เพื่อเรา และเราก็ถือว่าทรัพย์สินส่วนนั้นมันเป็นของเรา
ท่านจะพิจารณาเห็นว่าต้องอาบัติเสมอกันคือ
นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ทีนี้พระบางท่านเวลาเขามาถวายไม
่รับ ไม่รับเอง แต่ว่าให้ลูกศิษย์รับ ให้มอบไว้กับลูกศิษย์ แต่ว่า
ใส่ย่ามเถอะไม่ยอมรับ มือไม่รับ อันนี้ท่านทั้งหลายที่ฟัง
แล้วเห็นว่ามันพ้นไหม เห็นว่ามันพ้นหรือไม่พ้น มันพ้นตรงไหน
กัน รับเองก็ดี ให้คนอื่นรับก็ดี หรือว่าคนอื่นที่เขาเก็บไว้ให้เ
ราที่เรียกว่า ไวยาวัจกร
แต่เรามีความรู้สึกว่าทรัพย์สินทั้งหลายเหล่านั้นมัน
เป็นทรัพย์ของเราก็อาบัติ นิสสัคคิยปาจิตตีย์
นี่ที่ผมย้ำมากๆ ก็เพราะความเข้าใจผิดของปวงชนแล
ะพระมีมาก ถ้าตนเองไม่รับเงิน แล้วต่อหน้าคนไม่รับ
ลับหลังคนรับ หยิบ หรือต่อหน้าคนไม่รับ ลับหลังคนไม่รับ คน
อื่นเก็บเอาไว้ให้ ก็รู้ว่านั่นเงินของเรา มีจำนวนเท่านั้นเท่านี้
จิตใจยังผูกพันอยู่ ไม่ได้พ้นโทษไปเลย ถ้ามันยังไม่พ้นโทษอยู่
นี่ตามความรู้สึกของผม หรือว่าครูบาอาจ
ารย์หลายท่านด้วยกัน ในสมัยโบราณ ผมเรียกว่าโบราณ
เพราะว่าเวลากาลผ่านมาประมาณ 40 ปีเศษ
ในสมัยที่ผมบวชใหม่ๆ ที่พูดนี้เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2518
ผมบวชผ่านเวลากาลผ่านมาได้ 40 ปีเศษ ถอยหลังไป 40
ปี ผมเรียกว่าโบราณ คือมันเก่าแล้ว คนสมัยนั้นหัวยังเก่า
อยู่ ท่านบอกว่า การที่เราไม่รับต่อหน้าคน แต่ว่าให้คน
อื่นรับ หรือว่าคนอื่นรับเงินแล้วเขาเก็บไว้เพื่อตนยินดีอยู่
แต่เราไม่ยอมรับ จิตคิดว่าเรามีความดีที่ไม่รับเงิน
ท่านบอกว่าคนที่มี อารมณ์อย่างนั้นมีกิเลสหนาแน่นที่สุด
เพราะว่าเป็นการหลอกลวงชาวบ้านเขา ทำตนเป็นคนดี
แต่ความจริงไม่ได้ดีตามนั้นแต่จิตใจกับเลวทราม
กับท่านผู้รับเองให้ชาวบ้านเขารู้ ไหนๆ เราจะรับแล้ว
เราก็ยอมรับเสียต่อหน้าชาวบ้าน เพื่อว่าชาวบ้านเขาจะ
ได้ทราบว่าพระองค์นี้รับเงิน ในเมื่อเขารู้ว่าแล้วเรารับเงิน
เขาจะนิยมเราหรือไม่นิยม เป็นเรื่องของเขา เราไม่เกี่ยว
เราเปิดเผยให้เขารับรู้เลยดีกว่า ว่าเรารับเงินรับทอง
ถ้าหากว่าเราไม่รับต่อหน้าชาวบ้านแต่ว่าภายหลัง
เราเก็บเอง หรือบุคคลอื่นเก็บ แล้วก็ทราบว่าเงินของเรา
เรามีอยู่ เงินและทองของเรามีอยู่ เราถือสิทธิ์อยู่ ยินดีอยู่
ถ้าชาวบ้านเขาทราบทีหลัง เราจะเสียสองชั้น คือเสีย
ในเรื่องหลอกลวงชาวบ้าน และก็ต้องโทษที่
พระพุทธเจ้าท่านบัญญัติไว้
ดังนั้นในการรับเงินและทองเอง แต่ทว่าจงอย่ายินดีในเงิน
และทองนั้นว่าเป็นทรัพย์สินของเราโดยเฉพาะ
พึงทำใจของเราให้มีความรู้สึกอยู่เสมอว่าเวลานี้เรา
เป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เป็นลูกของพระพุทธเจ้า เงิน
และทองที่เขาจะถวายเรา เขาก็ถวายเราในฐานะที่
เป็นพระ ดังนั้นเวลาที่เขาจะถวายเขาก็บอกว่า
ใช้ตามสมควรแก่สมณบริโภค คือเราต้องคิดไว
้เสมอว่าเงินทองทั้งหลายเหล่านี้เราจะใช้บำรุงต
ัวเราเองตามความจำเป็น ถ้าเหลือนอกจากนั้นเรา
จะเอาเงินจำนวนนี้
ไปสร้างบุญสร้างกุศล ให้เป็นประโยชน์
แก่บรรดาสาธารณชน เป็นส่วนสาธารณะ นี่เรียกว่า แม้
จะก่อสร้างถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา หรือสร้างสิ่งตาม
ความจำเป็นเพื่อความสะดวกของบรรดานักบวชทั้งหลาย
หรือว่านักบุญทั้งหลาย อย่างนี้จิตใจของเราไม่ยึดถือว่
าเงินนี้มันเป็นของเราโดยเฉพาะ ถือว่าเป็นเงินข
องพระพุทธศาสนา เป็นเงินของพระ เขาถวายพระ ถ้าเรา
ไม่บวชไม่มีใครเขาให้ จะไปเอาเงินจากเขา บางที
ต้องมีโฉนดที่ดินไปให้เขารับรอง ดีไม่ดีเขาก็ไม่ยอมให้
นี่ทำใจของเราให้สบายแบบนี้ จงอย่าติดในลาภ อย่าติด
ในเงินและทอง อย่างนี้ผมถือว่า เราทนหน้าด้านแต
่ว่าใจของเราไม่ด้าน ยอมรับต่อหน้าชาวบ้าน เพื่อ
เป็นการประกาศความจริงว่าเรามีความจำเป็นจะต้องใช้
สิกขาบทนี้แหล่ะท่านบรรดาสหธรรมิกทั้งหลาย ตาม
ความเข้าใจของผม ผมคิดว่าท่านสมเด็จพระจอมไตรบรม
ศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบว่าต่อไป
ในภายภาคหน้าคนที่จะพะเน้าพะนอพระสงฆ์ในพ
ระพุทธศาสนา เหมือนในสมัยที่องค์สมเด็จพระบร
มศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ไม่มี องค์สมเด็จพระชินสีห์จึง
ได้ทรงมีพระพุทธฎีกาตรัสในสมัยก่อนหน้าพระปรินิพพาน
ว่า
“อานันทะ ดูก่อนอานนท์ เมื่อตถาคตปรินิพพานไปแล้ว
สิกขาบทบางสิกขาบทซึ่งไม่ใหญ่โตนัก ถ้าหากว่าไม่เหม
าะกับกาลสมัย ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายจะเห็นว่าไม่สมควร
จะเพิกถอนเสียก็ได้”
นี่เป็นพระพุทธประสงค์ขององค์สมเด็จพระจอมไตรบร
มศาสดา แต่ด้วยว่าในเมื่อเป็นคำดำรัสขอ
งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใครที่ไหนจะยอมเพิกถอน
ก็มีความเคารพในพระองค์ เราสู้เอาหน้าด้
านแต่ใจสะอาดดีกว่า ดีกว่าต่อหน้าคนไม่รับ แต่ลับหลังรู้ค่
าของเงิน รู้ค่าของทอง รู้จักใช้เงินและทองให้เป็นประโยชน์
ส่วนตนและเป็นประโยชน์ส่วนรวม อย่างนี้เขาเรียกว่าหน้าดี
แต่ใจด้าน ขอให้ท่านทั้งหลายเลือกเอาอย่างหนึ่ง
จะยอมหน้าด้านแต่ว่าใจดี หรือว่าจะเอาหน้าดีแต่ใจด้าน
กัน ท่านทั้งหลายจงอย่าลืมว่า ถ้าเราตายไปแล้ว
ร่างกายหรือหน้าก็ดี ตัวก็ดี มันไม่ได้ไปกับเราด้วย ส่วนที่
จะไปจริงๆ มันก็คือใจ แต่จะไปเสวยความสุขหรือความทุกข
์มันก็อยู่ที่ใจ หน้าด้านแต่ใจดี แสดงว่าใจสะอาด
หน้าดีแต่ใจด้านแสดงว่าหน้าสะอาดแต่ว่าใจเสีย
ใจสกปรก ทีนี้ถ้าใจของเราสกปรกเวลาตายเราก็เอา
ความสกปรกไป ส่วนที่สกปรกชาวสวรรค์เขาไม่ชอบ
ชาวสวรรค์เขาต้องการความสะอาด เราอยู่ไม่ได้
คนสกปรกต้องไปอยู่ในอบายภูมิทั้ง 4 คือ ในนรก หรือไป
เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน
นี่ขอบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทั้งหลายพากันวินิจ
ฉัยตามนี้ แล้วก็เลือกปฏิบัติเอา แต่สำหรับผมน่ะข
อยอมรับว่าผมหน้าด้านแน่ ในเรื่องการรับเงินรับทอง
แต่ใจของผมผมไม่ยอมด้านในเรื่องนี้ เพราะว่าผมไม่ยอ
มเอาเงินที่เขาเอามาถวายเป็นประโยชน์ส่วนตน
ซื้อไร่ซื้อนาซื้อบ้านให้เขาเช่า อะไรพวกนี้ผมไม่มี ออกเงิน
ให้กู้ผมไม่มี ได้มาเท่าไรเหลือกินเหลือใช้ สร้างถาวรวัตถุใ
นพระพุทธศาสนา และให้ความสะดวกกับบรรดานักบุญท
ั้งหลาย อย่างนี้ผมยอมหน้าเสียเพื่อรักษากำลังใจของตัวเ
อง ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ยกยอตัวเอง พูดตามความเป็นจริง
ครูบาอาจารย์ท่านก็ปฏิบัติมาแบบนี้ เพราะสิ่งทั้งหล
ายเหล่านี้มันหลีกเลี่ยงกันไม่ได้ แล้วทำไมเราจะมา
ทำหน้าดีใจเสียใจเพื่อประโยชน์อะไร พระพุทธเจ้าทรงก
ล่าวว่า มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฎฐา มโนมยา “ธรรม
ทั้งหลาย มีใจถึงก่อนมีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ”
ถ้าใจของเราเลวแต่ว่าหน้าดีมันจะมีประโยชน์อะไร
สู้ทำหน้าของเราให้เป็นหน้าด้านแต่ใจสะอาด
ดีกว่าหน้าสะอาดใจด้าน เลือกกันเอานะ ผมไม่ได้บังคับ
ยังไงๆ ก็บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาเราเป
็นปูชนียบุคคล อย่าหลอกลวงชาวบ้านเขาเลยบรรดาเพื่อน
ทั้งหลาย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Pui Chutima
คุณได้แท็ก Pui Chutima
ในกินททสูตร พระพุทธเจ้าตรัสว่า
____________
บุคคลให้อาหารชื่อว่าให้กำลัง
_________
ให้ผ้าชื่อว่าให้วรรณะ
_________
ให้ยานพาหนะชื่อว่าให้สุข (สะดวกสบาย)
__________
ให้ประทีปโคมไฟชื่อว่าให้จักษุ
__________
ผู้ที่ให้ที่พักพาอาศัยชื่อว่าให้ทุกสิ่ง
__________
ผู้ที่พร่ำสอนธรรม (อันตรง) ชื่อว่าให้อมฤตธรรม
________
"เป็นบุญทุกข้อ สาธุ"
# ธรรมะพระอรหันตสัมมาสัมพุทธะเจ้า
____________
บุคคลให้อาหารชื่อว่าให้กำลัง
_________
ให้ผ้าชื่อว่าให้วรรณะ
_________
ให้ยานพาหนะชื่อว่าให้สุข (สะดวกสบาย)
__________
ให้ประทีปโคมไฟชื่อว่าให้จักษุ
__________
ผู้ที่ให้ที่พักพาอาศัยชื่อว่าให้ทุกสิ่ง
__________
ผู้ที่พร่ำสอนธรรม (อันตรง) ชื่อว่าให้อมฤตธรรม
________
"เป็นบุญทุกข้อ สาธุ"
# ธรรมะพระอรหันตสัมมาสัมพุทธะเจ้า
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อารมณ์ร้อนๆ มันมีเหตุมาจาก อะไร?
มีเหตุมาจาก ความไม่พอใจ
ความไม่พอใจมีเหตุมาจากอะไร?
มีเหตุมาจากความพอใจในสิ่งที่ไม่เที่ยง..
รวบย่อลงแล้ว สิ่งที่ไม่เที่ยงคือ
สิ่งที่เห็นด้วยตา
เสียงที่ได้ยินด้วยหู
กลิ่นที่ได้รู้ด้วยจมูก
รสที่ลิ้นได้ลิ้มรส
สัมผัสที่เกิดจากกายถูกต้อง
เรื่องราวที่คิดทางใจ
"
เหล่านี้คือสิ่งที่ไม่เที่ยง
หน้าที่ต่อสิ่งเหล่านี้คือ "กำหนดรู้" หรือ "รู้"
ครั้นกำหนดรู้แล้วได้เสวยเวทนาอย่างใดก็ตาม สุข ทุกข ไม่สุขไม่ทุกข์ ก็ตาม
พิจารณาเห็นความไม่เที่ยงของ เวทนา เหล่านั้น ที่เปลี่ยนแปลงไปไม่คงที่
ครั้นเห็นและพิจารณาแล้ว
พึ่งตั้งสัมมาทิฏฐิไว้ว่า
นั่นไม่ใช่เรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา
นั่นไม่ใช่ของเรา"
มีเหตุมาจาก ความไม่พอใจ
ความไม่พอใจมีเหตุมาจากอะไร?
มีเหตุมาจากความพอใจในสิ่งที่ไม่เที่ยง..
รวบย่อลงแล้ว สิ่งที่ไม่เที่ยงคือ
สิ่งที่เห็นด้วยตา
เสียงที่ได้ยินด้วยหู
กลิ่นที่ได้รู้ด้วยจมูก
รสที่ลิ้นได้ลิ้มรส
สัมผัสที่เกิดจากกายถูกต้อง
เรื่องราวที่คิดทางใจ
"
เหล่านี้คือสิ่งที่ไม่เที่ยง
หน้าที่ต่อสิ่งเหล่านี้คือ "กำหนดรู้" หรือ "รู้"
ครั้นกำหนดรู้แล้วได้เสวยเวทนาอย่างใดก็ตาม สุข ทุกข ไม่สุขไม่ทุกข์ ก็ตาม
พิจารณาเห็นความไม่เที่ยงของ เวทนา เหล่านั้น ที่เปลี่ยนแปลงไปไม่คงที่
ครั้นเห็นและพิจารณาแล้ว
พึ่งตั้งสัมมาทิฏฐิไว้ว่า
นั่นไม่ใช่เรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา
นั่นไม่ใช่ของเรา"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ทำทานมากได้บุญมาก ทำทานน้อยได้บุญน้อย
แปลว่า
ถ้าทำทานแล้วสบายใจ
และบ่อยๆครั้ง
นี้เรียกว่า ผู้ทำทานอย่างถูกต้อง
ตามข้อทานะบารมี
ถ้าทำทานแล้วไม่สบายใจ
และบ่อยๆครั้ง
นี้เรียกว่า ผู้ทำทานไม่ถูกต้อง
ตามข้อทานะบารมี
ทำทานตามระดับกำลังของตน
เช่น คือ "ไม่ให้เงินมาก" "ไม่ให้เงินน้อย" แต่ให้ตามกำลังของตน ถ้าเป็นคนจน
มีเงินเดือน เดือนละ 100 บาท มีทรัพย์ไม่มาก
มีอยู่ 100 บาท
ถ้าเจียดไปทาน 100 บาท
แล้วเป็นทุกข์ นี่เรียกว่าทานไม่ถูก
ถ้าเจียดไปทาน 50 บาท
ก็ยังเป็นทุกข์อยู่ นี่เรียกว่าทานไม่ถูก
ถ้าเจียดไปทาน 25 บาท
ก็ยังเป็นทุกข์อยู่ นี่เรียกว่าทานไม่ถูก
ถ้าเจียดไปทาน 10 บาท
เอ่อสบายใจ... แล้วทำบ่อยๆ
นี่เรียกว่าทานมาก
พูดง่ายๆก็คือว่า ให้ตามสติกำลังของตน
แต่ละคนย่อมรู้ว่ากำลังของตนมีมากน้อยแค่ไหน คนจนมีกำลังแค่ไหน
คนปานกลางมีกำลังแค่ไหน คนรวยมีกำลังแค่ไหน
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
" ในสมัยใด มนุษย์ทั้งหลาย ย่อมแจกจ่ายทาน ตามสติ ตามกำลังในนักบวช
ผู้มีศีล ซึ่งเข้าไปสู่สกุล, ในสมัยนั้น สกุลนั้น ชื่อว่า ปฏิบัติข้อปฏิบัติที่เป็นไปเพื่
อการได้โภคะใหญ่.
# จาก
# ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ หน้า ๒๓๓
แปลว่า
ถ้าทำทานแล้วสบายใจ
และบ่อยๆครั้ง
นี้เรียกว่า ผู้ทำทานอย่างถูกต้อง
ตามข้อทานะบารมี
ถ้าทำทานแล้วไม่สบายใจ
และบ่อยๆครั้ง
นี้เรียกว่า ผู้ทำทานไม่ถูกต้อง
ตามข้อทานะบารมี
ทำทานตามระดับกำลังของตน
เช่น คือ "ไม่ให้เงินมาก" "ไม่ให้เงินน้อย" แต่ให้ตามกำลังของตน ถ้าเป็นคนจน
มีเงินเดือน เดือนละ 100 บาท มีทรัพย์ไม่มาก
มีอยู่ 100 บาท
ถ้าเจียดไปทาน 100 บาท
แล้วเป็นทุกข์ นี่เรียกว่าทานไม่ถูก
ถ้าเจียดไปทาน 50 บาท
ก็ยังเป็นทุกข์อยู่ นี่เรียกว่าทานไม่ถูก
ถ้าเจียดไปทาน 25 บาท
ก็ยังเป็นทุกข์อยู่ นี่เรียกว่าทานไม่ถูก
ถ้าเจียดไปทาน 10 บาท
เอ่อสบายใจ... แล้วทำบ่อยๆ
นี่เรียกว่าทานมาก
พูดง่ายๆก็คือว่า ให้ตามสติกำลังของตน
แต่ละคนย่อมรู้ว่ากำลังของตนมีมากน้อยแค่ไหน คนจนมีกำลังแค่ไหน
คนปานกลางมีกำลังแค่ไหน คนรวยมีกำลังแค่ไหน
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
" ในสมัยใด มนุษย์ทั้งหลาย ย่อมแจกจ่ายทาน ตามสติ ตามกำลังในนักบวช
ผู้มีศีล ซึ่งเข้าไปสู่สกุล, ในสมัยนั้น สกุลนั้น ชื่อว่า ปฏิบัติข้อปฏิบัติที่เป็นไปเพื่
อการได้โภคะใหญ่.
# จาก
# ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ หน้า ๒๓๓
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เจ้าของจักซำได๋ ไปบอกเขา ตี๋เขา... กอเขาสิเป็นจังซั่นเป็นแบบนั้น
มันกะกรรมของเขาปรุงแต่งให้เป็นจังซั่น
มันกะกรรมของเขาปรุงแต่งให้เป็นจังซั่น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มีเวลาภาวนากะเอาไปเล่นเฟส
ฮู้บอว่า เวลาว่างนั่น บ่แมนสิเกิดขึ้นได้ง่ายๆ
ต้องบ่มีวิบากอันเป็นผลจากกรรม
โผ่มา
ถ้าวิบากอันเป็นผลจากกรรมโผ่มา
เอาละบาด โป่งๆๆๆ กระโพก คนตาย
นิมนต์ๆๆ ไปให้บุญเพิลแน่ค่ะ
หรือว่าอย่างอื่น อันที่เป็นเหตุให้ บ่ว่าง
ฮู้บอว่า เวลาว่างนั่น บ่แมนสิเกิดขึ้นได้ง่ายๆ
ต้องบ่มีวิบากอันเป็นผลจากกรรม
โผ่มา
ถ้าวิบากอันเป็นผลจากกรรมโผ่มา
เอาละบาด โป่งๆๆๆ กระโพก คนตาย
นิมนต์ๆๆ ไปให้บุญเพิลแน่ค่ะ
หรือว่าอย่างอื่น อันที่เป็นเหตุให้ บ่ว่าง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
(ถ้ายังอยากโขว์อัตตาตัวตน ให้เขาฮู้ให้เขาเบิ่ง
มันสิเป็นวิปัสนายุติ
มันสิเป็นวิปัสนายุติ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เอาเวลาไปโกธรเพ่งโทษ ถ้าตี๋ของนอก
นี่บ่เอิ้นปฏิบัติ
ให้เบิ่ง..เบิ่งคักๆ
ราคะ โทสะ สภาวะซ้อนมันเป็นจังใด๋ เบิ่งคักๆ
นี่บ่เอิ้นปฏิบัติ
ให้เบิ่ง..เบิ่งคักๆ
ราคะ โทสะ สภาวะซ้อนมันเป็นจังใด๋ เบิ่งคักๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โชว์เอาแต่สิ่งที่บ่เที่ยงขึ้นเฟส
"ทุกรูป"
"ทุกรูป"
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 22, 2016 2:54:54pm
สติปัฏฐาน
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 22, 2016 2:55:14pm
สติปัฏฐานสี่
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 22, 2016 2:55:54pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.เส้นทางกรรมเปลี่ยนไป เพราะใจเปลี่ยนทิศ
ถ้าใจมุ่งไปทิศกุศล เส้นทางกรรมจะเปลี่ยนไป มีแต่จะให้เราคลุกคลีอยู่กับวงจร
การสร้างบารมีกุศลบุญ
ถ้าใจมุ่งไปทิศอกุศล
เส้นทางกรรมจะเปลี่ยนไป
มีแต่จะดันให้เราคลุกคลีอยู่กับวงจรความชั่วสร้างแต่บาปกรรม
ในหนึ่งวันใจของคนธรรมดา
ส่วนมากจะมุ่งไปทิศกุสลบ้าง ทิศอกุศลบ้าง
สลับกันไปสลับกันมา
จึงสร้างบาปบ้าง จึงสร้างบุญบ้าง
เมื่อจะต้องเสวยวิบากรรมที่ตนำด้เคยทำไว้ในกาลก่อน
จึงเสวยความสุขบ้าง จึงเสวยความทุกข์บ้าง
จึงประสบเรื่องดีบ้าง
จึงประสบเรื่องไม่ดีบ้าง
เพราะเหตุที่ใจต่างกัน
จึงมีการกระทำต่างกัน
ผลจึงออกมาไม่เหมือนกัน
_____________
จึงวนเวียนเกิดตายเสวยสุขเสวยทุกข์ในสังสารวัฏ อยู่อย่างนี้ไม่หยุด
ไม่หลุดพ้นออกไปได้เลย
ท่านเปรียบสังสารวัฏว่า เหมือนน้ำมหาสมุทร และนิพพานเหมือน
เกาะกลางน้ำอันเป็นบรมสุขแท้
ถ้าใจมุ่งไปทิศกุศล เส้นทางกรรมจะเปลี่ยนไป มีแต่จะให้เราคลุกคลีอยู่กับวงจร
การสร้างบารมีกุศลบุญ
ถ้าใจมุ่งไปทิศอกุศล
เส้นทางกรรมจะเปลี่ยนไป
มีแต่จะดันให้เราคลุกคลีอยู่กับวงจรความชั่วสร้างแต่บาปกรรม
ในหนึ่งวันใจของคนธรรมดา
ส่วนมากจะมุ่งไปทิศกุสลบ้าง ทิศอกุศลบ้าง
สลับกันไปสลับกันมา
จึงสร้างบาปบ้าง จึงสร้างบุญบ้าง
เมื่อจะต้องเสวยวิบากรรมที่ตนำด้เคยทำไว้ในกาลก่อน
จึงเสวยความสุขบ้าง จึงเสวยความทุกข์บ้าง
จึงประสบเรื่องดีบ้าง
จึงประสบเรื่องไม่ดีบ้าง
เพราะเหตุที่ใจต่างกัน
จึงมีการกระทำต่างกัน
ผลจึงออกมาไม่เหมือนกัน
_____________
จึงวนเวียนเกิดตายเสวยสุขเสวยทุกข์ในสังสารวัฏ อยู่อย่างนี้ไม่หยุด
ไม่หลุดพ้นออกไปได้เลย
ท่านเปรียบสังสารวัฏว่า เหมือนน้ำมหาสมุทร และนิพพานเหมือน
เกาะกลางน้ำอันเป็นบรมสุขแท้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การเฮ็ดใจให้อ่อนโยน นั่นละกุศล
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 22, 2016 8:01:00pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
23 ธ.ค. 2016
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! อาหาร ๔ อย่างเหล่านี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความดำรง
อยู่ ของภูตสัตว์ทั้งหลาย, หรือว่า เพื่ออนุเคราะห์แก่สัมภเวสีสัตว์ทั้งหลาย.
อาหาร ๔ อย่างเป็นอย่างไรเล่า ? สี่อย่างคือ
(๑) กพฬีการาหาร ที่หยาบบ้าง ละเอียดบ้าง,
(๒) ผัสสะ,
(๓) มโนสัญเจตนา,
(๔) วิญญาณ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! อาหาร ๔ อย่างเหล่านี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความดำรง
อยู่ของภูตสัตว์ทั้งหลาย, หรือว่า เพื่ออนุเคราะห์แก่สัมภเวสีสัตว์ทั้งหลาย.
ภิกษุโมลิยผัคคุนะ ได้ทูลถามขึ้นว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็ใครเล่า
ย่อมกลืนกินซึ่งวิญญาณาหาร พระเจ้าข้า ? ”
พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสตอบว่า “นั่นเป็นปัญหาที่ไม่ควรจะเป็นปัญหาเลย
: เราย่อมไม่กล่าวว่า ‘บุคคลย่อมกลืนกิน’ ดังนี้ : ถ้าเราได้กล่าวว่า ‘
บุคคลย่อมกลืนกิน’ ดังนี้ นั่นแหละจึงจะเป็นปัญหาในข้อนี้ ที่ควรถามขึ้นว่า ‘
ก็ใครเล่า ย่อมกลืนกิน (ซึ่งวิญญาณาหาร) พระเจ้าข้า ?’ ดังนี้. ก็เรามิ
ได้กล่าวอย่างนั้น, ถ้าผู้ใดจะพึงถามเรา ผู้มิได้ กล่าวอย่างนั้นเช่นนี้ว่า ‘
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! วิญญาณาหาร ย่อมมีเพื่ออะไรเล่าหนอ’ ดังนี้แล้ว,
นั่นแหละจึงจะเป็นปัญหาที่ควรแก่ความเป็นปัญหา. คำเฉลยที่ควรเฉลย
ในปัญหาข้อนั้น ย่อมมีว่า ‘วิญญาณาหาร ย่อมมีเพื่อความเกิดขึ้นแห่งภพใ
หม่ ต่อไป . เมื่อภูตะ (ความเป็นภพ) นั้น มีอยู่, สฬายตนะย่อมมี;
เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ (การสัมผัส)’, ดังนี้”.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็ใครเล่า ย่อมสัมผัส พระเจ้าข้า ?”
นั่นเป็นปัญหาที่ไม่ควรจะเป็นปัญหาเลย : เราย่อมไม่กล่าวว่า “
บุคคลย่อมสัมผัส” ดังนี้ : ถ้าเราได้กล่าวว่า “บุคคล ย่อมสัมผัส” ดังนี้
นั่นแหละจึงจะเป็นปัญหาในข้อนี้ ที่ควรถามขึ้นว่า “ก็ใครเล่า ย่อมสัมผัส
พระเจ้าข้า ? ” ดังนี้. ก็เรามิได้ กล่าวอย่างนั้น, ถ้าผู้ใดจะพึงถามเรา ผู้มิ
ได้กล่าวอย่างนั้น เช่นนี้ว่า “ผัสสะมี เพราะมีอะไรเป็นปัจจัย พระเจ้าข้า ?”
ดังนี้แล้ว นั่นแหละจึงจะเป็นปัญหาที่ควรแก่ความเป็นปัญหา.
คำเฉลยที่ควรเฉลยในปัญหาข้อนั้น ย่อมมีว่า “เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย
จึงมีผัสสะ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา (ความรู้สึกต่ออารมณ์)”, ดังนี้.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็ใครเล่า ย่อมรู้สึกต่ออารมณ์ พระเจ้าข้า ?”
นั่นเป็นปัญหาที่ไม่ควรจะเป็นปัญหาเลย : เราย่อมไม่กล่าวว่า “บุคคลย่อม
รู้สึกต่ออารมณ์” ดังนี้ : ถ้าเราได้กล่าวว่า “บุคคลย่อมรู้สึกต่ออารมณ์” ดังนี้
นั่นแหละ จึงจะเป็นปัญหาในข้อนี้ ที่ควรถามขึ้นว่า “ก็ใครเล่า ย่อมรู้สึกต่ออา
รมณ์ พระเจ้าข้า ? ” ดังนี้. ก็เรามิได้กล่าวอย่างนั้น, ถ้าผู้ใดจะพึงถามเรา
ผู้มิได้กล่าวอย่างนั้น เช่นนี้ว่า “เพราะมีอะไรเป็นปัจจัย จึงมีเวทนาพระเจ
้าข้า ?” ดังนี้แล้ว นั่นแหละจึงจะเป็นปัญหา ที่ควรแก่ความเป็นปัญหา.
คำเฉลยที่ควรเฉลยในปัญหาข้อนั้น ย่อมมีว่า “เพราะมี ผัสสะเป็นปัจจัย
จึงมีเวทนา; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา (ความอยาก)”, ดังนี้.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็ใครเล่า ย่อมอยาก พระเจ้าข้า ?”
นั่นเป็นปัญหาที่ไม่ควรจะเป็นปัญหาเลย : ย่อมไม่กล่าวว่า “บุคคลย่อมอยาก
” ดังนี้ : ถ้าเราได้กล่าวว่า “บุคลลย่อมอยาก” ดังนี้ นั่นแหละจึงจะเป
็นปัญหาในข้อนี้ ที่ควรถามขึ้นว่า “ก็ใครเล่า ย่อมอยาก พระเจ้าข้า ?” ดังนี้.
ก็เรามิได้กล่าวอย่างนั้น, ถ้าผู้ใดจะพึงถามเรา ผู้มิได้กล่าวอย่างนั้น
เช่นนี้ว่า “เพราะมีอะไรเป็นปัจจัยจึงมีตัณหา พระเจ้าข้า ?” ดังนี้แล้ว นั่นแหละ
จึงจะเป็นปัญหาที่ควรแก่ความเป็นปัญหา. คำเฉลยที่ควรเฉลยในปัญหาข้อ
นั้น ย่อมมีว่า “เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา; เพราะมีตัณหาเป็
นปัจจัย จึงมีอุปาทาน (ความยึดมั่น)”, ดังนี้.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็ใครเล่า ย่อมยึดมั่น พระเจ้าข้า ?”
นั่นเป็นปัญหาที่ไม่ควรจะเป็นปัญหาเลย : เราย่อมไม่กล่าวว่า “บุคคล
ย่อมยึดมั่น” ดังนี้ : ถ้าเราได้กล่าวว่า “บุคคลย่อมยึดมั่น” ดังนี้ นั่นแหละจึง
จะเป็นปัญหา ในข้อนี้ ที่ควรถามขึ้นว่า “ก็ใครเล่า ย่อมยึดมั่น พระเจ้าข้า ? ”
ดังนี้. ก็เรามิได้กล่าว อย่างนั้น ถ้าผู้ใดจะพึงถามเราผู้มิได้กล่าวอย่างนั้น
เช่นนี้ว่า “เพราะมีอะไรเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน พระเจ้าข้า ?” ดังนี้แล้ว
นั่นแหละจึงจะเป็นปัญหาที่ควรแก่ความเป็น ปัญหา. คำเฉลยที่ควรเฉลย
ในปัญหาข้อนั้น ย่อมมีว่า “เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน;
เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ” ดังนี้; เพราะมีภพ เป็นปัจจัย จึงมีชาติ;
เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะ - ทุกขะโทมนัสอุปายาส
ทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี
ด้วยอาการอย่างนี้.
ดูก่อนผัคคุนะ ! เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งผัสสายตนะ (
แดนเกิดแห่งสัมผัส) ทั้ง ๖ นั้นนั่นเทียว, จึงมีความดับแห่งผัสสะ; เพราะ มี
ความดับแห่งผัสสะ จึงมีความดับแห่งเวทนา; เพราะมีความดับแห่งเวทนา
จึงมีความดับแห่งตัณหา; เพราะมีความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่
งอุปาทาน; เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ; เพราะมี
ความดับแห่งภพ จึงมี ความดับแห่งชาติ; เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล
ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น :
ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้, ดังนี้ แล.
______________________________
สูตรที่ ๒ อาหารวรรค นิทานสังยุตต์ นิทาน. สํ. ๑๖/๑๕/๓๑, ตรัสแก่ภิกษุ
ทั้งหลาย ที่เชตวัน.
หมายเหตุผู้รวบรวม : สูตรนี้ทั้งสูตร แสดงว่า ไม่มีบุคคลที่กล
ืนกินวิญญาณาหาร ไม่มีบุคคลที่เป็นเจ้าของอายตนะ ไม่มีบุคคลที่กร
ะทำผัสสะ ไม่มีบุคคลที่เสวยเวทนา ไม่มีบุคคลที่อยากด้วยตัณหาไม่ม
ีบุคคลที่ยึดมั่นถือมั่น, มีแต่ธรรมชาติที่เป็นปฏิจจสมุปปันนธรรมอย่างหนึ่ง ๆ
เป็นปัจจัย สืบต่อแก่กันและกันเป็นสายไป เท่านั้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! อาหาร ๔ อย่างเหล่านี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความดำรง
อยู่ ของภูตสัตว์ทั้งหลาย, หรือว่า เพื่ออนุเคราะห์แก่สัมภเวสีสัตว์ทั้งหลาย.
อาหาร ๔ อย่างเป็นอย่างไรเล่า ? สี่อย่างคือ
(๑) กพฬีการาหาร ที่หยาบบ้าง ละเอียดบ้าง,
(๒) ผัสสะ,
(๓) มโนสัญเจตนา,
(๔) วิญญาณ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! อาหาร ๔ อย่างเหล่านี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความดำรง
อยู่ของภูตสัตว์ทั้งหลาย, หรือว่า เพื่ออนุเคราะห์แก่สัมภเวสีสัตว์ทั้งหลาย.
ภิกษุโมลิยผัคคุนะ ได้ทูลถามขึ้นว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็ใครเล่า
ย่อมกลืนกินซึ่งวิญญาณาหาร พระเจ้าข้า ? ”
พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสตอบว่า “นั่นเป็นปัญหาที่ไม่ควรจะเป็นปัญหาเลย
: เราย่อมไม่กล่าวว่า ‘บุคคลย่อมกลืนกิน’ ดังนี้ : ถ้าเราได้กล่าวว่า ‘
บุคคลย่อมกลืนกิน’ ดังนี้ นั่นแหละจึงจะเป็นปัญหาในข้อนี้ ที่ควรถามขึ้นว่า ‘
ก็ใครเล่า ย่อมกลืนกิน (ซึ่งวิญญาณาหาร) พระเจ้าข้า ?’ ดังนี้. ก็เรามิ
ได้กล่าวอย่างนั้น, ถ้าผู้ใดจะพึงถามเรา ผู้มิได้ กล่าวอย่างนั้นเช่นนี้ว่า ‘
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! วิญญาณาหาร ย่อมมีเพื่ออะไรเล่าหนอ’ ดังนี้แล้ว,
นั่นแหละจึงจะเป็นปัญหาที่ควรแก่ความเป็นปัญหา. คำเฉลยที่ควรเฉลย
ในปัญหาข้อนั้น ย่อมมีว่า ‘วิญญาณาหาร ย่อมมีเพื่อความเกิดขึ้นแห่งภพใ
หม่ ต่อไป . เมื่อภูตะ (ความเป็นภพ) นั้น มีอยู่, สฬายตนะย่อมมี;
เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ (การสัมผัส)’, ดังนี้”.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็ใครเล่า ย่อมสัมผัส พระเจ้าข้า ?”
นั่นเป็นปัญหาที่ไม่ควรจะเป็นปัญหาเลย : เราย่อมไม่กล่าวว่า “
บุคคลย่อมสัมผัส” ดังนี้ : ถ้าเราได้กล่าวว่า “บุคคล ย่อมสัมผัส” ดังนี้
นั่นแหละจึงจะเป็นปัญหาในข้อนี้ ที่ควรถามขึ้นว่า “ก็ใครเล่า ย่อมสัมผัส
พระเจ้าข้า ? ” ดังนี้. ก็เรามิได้ กล่าวอย่างนั้น, ถ้าผู้ใดจะพึงถามเรา ผู้มิ
ได้กล่าวอย่างนั้น เช่นนี้ว่า “ผัสสะมี เพราะมีอะไรเป็นปัจจัย พระเจ้าข้า ?”
ดังนี้แล้ว นั่นแหละจึงจะเป็นปัญหาที่ควรแก่ความเป็นปัญหา.
คำเฉลยที่ควรเฉลยในปัญหาข้อนั้น ย่อมมีว่า “เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย
จึงมีผัสสะ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา (ความรู้สึกต่ออารมณ์)”, ดังนี้.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็ใครเล่า ย่อมรู้สึกต่ออารมณ์ พระเจ้าข้า ?”
นั่นเป็นปัญหาที่ไม่ควรจะเป็นปัญหาเลย : เราย่อมไม่กล่าวว่า “บุคคลย่อม
รู้สึกต่ออารมณ์” ดังนี้ : ถ้าเราได้กล่าวว่า “บุคคลย่อมรู้สึกต่ออารมณ์” ดังนี้
นั่นแหละ จึงจะเป็นปัญหาในข้อนี้ ที่ควรถามขึ้นว่า “ก็ใครเล่า ย่อมรู้สึกต่ออา
รมณ์ พระเจ้าข้า ? ” ดังนี้. ก็เรามิได้กล่าวอย่างนั้น, ถ้าผู้ใดจะพึงถามเรา
ผู้มิได้กล่าวอย่างนั้น เช่นนี้ว่า “เพราะมีอะไรเป็นปัจจัย จึงมีเวทนาพระเจ
้าข้า ?” ดังนี้แล้ว นั่นแหละจึงจะเป็นปัญหา ที่ควรแก่ความเป็นปัญหา.
คำเฉลยที่ควรเฉลยในปัญหาข้อนั้น ย่อมมีว่า “เพราะมี ผัสสะเป็นปัจจัย
จึงมีเวทนา; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา (ความอยาก)”, ดังนี้.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็ใครเล่า ย่อมอยาก พระเจ้าข้า ?”
นั่นเป็นปัญหาที่ไม่ควรจะเป็นปัญหาเลย : ย่อมไม่กล่าวว่า “บุคคลย่อมอยาก
” ดังนี้ : ถ้าเราได้กล่าวว่า “บุคลลย่อมอยาก” ดังนี้ นั่นแหละจึงจะเป
็นปัญหาในข้อนี้ ที่ควรถามขึ้นว่า “ก็ใครเล่า ย่อมอยาก พระเจ้าข้า ?” ดังนี้.
ก็เรามิได้กล่าวอย่างนั้น, ถ้าผู้ใดจะพึงถามเรา ผู้มิได้กล่าวอย่างนั้น
เช่นนี้ว่า “เพราะมีอะไรเป็นปัจจัยจึงมีตัณหา พระเจ้าข้า ?” ดังนี้แล้ว นั่นแหละ
จึงจะเป็นปัญหาที่ควรแก่ความเป็นปัญหา. คำเฉลยที่ควรเฉลยในปัญหาข้อ
นั้น ย่อมมีว่า “เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา; เพราะมีตัณหาเป็
นปัจจัย จึงมีอุปาทาน (ความยึดมั่น)”, ดังนี้.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็ใครเล่า ย่อมยึดมั่น พระเจ้าข้า ?”
นั่นเป็นปัญหาที่ไม่ควรจะเป็นปัญหาเลย : เราย่อมไม่กล่าวว่า “บุคคล
ย่อมยึดมั่น” ดังนี้ : ถ้าเราได้กล่าวว่า “บุคคลย่อมยึดมั่น” ดังนี้ นั่นแหละจึง
จะเป็นปัญหา ในข้อนี้ ที่ควรถามขึ้นว่า “ก็ใครเล่า ย่อมยึดมั่น พระเจ้าข้า ? ”
ดังนี้. ก็เรามิได้กล่าว อย่างนั้น ถ้าผู้ใดจะพึงถามเราผู้มิได้กล่าวอย่างนั้น
เช่นนี้ว่า “เพราะมีอะไรเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน พระเจ้าข้า ?” ดังนี้แล้ว
นั่นแหละจึงจะเป็นปัญหาที่ควรแก่ความเป็น ปัญหา. คำเฉลยที่ควรเฉลย
ในปัญหาข้อนั้น ย่อมมีว่า “เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน;
เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ” ดังนี้; เพราะมีภพ เป็นปัจจัย จึงมีชาติ;
เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะ - ทุกขะโทมนัสอุปายาส
ทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี
ด้วยอาการอย่างนี้.
ดูก่อนผัคคุนะ ! เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งผัสสายตนะ (
แดนเกิดแห่งสัมผัส) ทั้ง ๖ นั้นนั่นเทียว, จึงมีความดับแห่งผัสสะ; เพราะ มี
ความดับแห่งผัสสะ จึงมีความดับแห่งเวทนา; เพราะมีความดับแห่งเวทนา
จึงมีความดับแห่งตัณหา; เพราะมีความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่
งอุปาทาน; เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ; เพราะมี
ความดับแห่งภพ จึงมี ความดับแห่งชาติ; เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล
ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น :
ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้, ดังนี้ แล.
______________________________
สูตรที่ ๒ อาหารวรรค นิทานสังยุตต์ นิทาน. สํ. ๑๖/๑๕/๓๑, ตรัสแก่ภิกษุ
ทั้งหลาย ที่เชตวัน.
หมายเหตุผู้รวบรวม : สูตรนี้ทั้งสูตร แสดงว่า ไม่มีบุคคลที่กล
ืนกินวิญญาณาหาร ไม่มีบุคคลที่เป็นเจ้าของอายตนะ ไม่มีบุคคลที่กร
ะทำผัสสะ ไม่มีบุคคลที่เสวยเวทนา ไม่มีบุคคลที่อยากด้วยตัณหาไม่ม
ีบุคคลที่ยึดมั่นถือมั่น, มีแต่ธรรมชาติที่เป็นปฏิจจสมุปปันนธรรมอย่างหนึ่ง ๆ
เป็นปัจจัย สืบต่อแก่กันและกันเป็นสายไป เท่านั้น
(T_T)
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 25, 2016 12:25:41pm
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 25, 2016 12:29:19pm
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 25, 2016 12:30:01pm
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 25, 2016 12:40:41pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.คำกล่าวถวายหนังสือธรรมะ
อิมานิ มะยัง ภันเต
คัมภีเตปิฏะกัง ธัมมะโปตะถะกานิ
ปะริกขาระวัตถูนิ
สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ
สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ
อิมานิ คัมภีเตปิฏะกัง ธัมมะโปตะถะกานิ
ปะริกขาระวัตถูนิ ภัตตานิ
สะปะริวารานิ ปฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง
หิตายะ สุขายะ เอเสวันโต ทุกขัสสะ นิพพานายะจะ
ข้าแต่พระภิกษุสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายหนัง
สือพระไตรปิฏก พร้อมทั้งหนังสือบริวารเหล่านี้
พร้อมทั้งเครื่องบริขารเหล่านี้
พร้อมทั้งภัตตาหารเหล่านี้
แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับ
ซึ่งหนังสือพระไตรปิฎก
พร้อมทั้งหนังสือบริวารเหล่านี้
พร้อมทั้งเครื่องบริขารเหล่านี้
ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย
และขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย
จงเป็นผู้มีความเจริญ มีความสุข จงเป็นผู้เฉลียวฉลาด
เป็นผู้มีสติปัญญาดี ประกอบด้วยสัมมาทิฏฐิ มีความเข้าใจที่ถูกต้อง
ในธรรมะของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้
และธรรมะของพระพุทธเจ้าในอนาคต
และขึ้นชื่อว่าความยากจน อดอยากเข็ญใจ ทุกข์ระกำลำบาก ขออย่า
ได้มีแก่ข้าพระเจ้า
และขอให้ข้าพระเจ้า
ได้อุปถัมภ์อุปัฏฐาก บำรุงบวรพุทธศาสนา
ได้ฟังธรรมะที่ประเสริฐ
และรู้ธรรมะอันเป็นเหตุ ให้ถึงที่สุดสิ้น แห่งความทุกข์ทั้งปวงเทอญ
และหากบารมีข้าพระเจ้ายังไม่เต็มพร้อม
ยังต้องท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดอยู่ จะไปเกิด ณ ภพภูมิใดก็ตาม ขอ
ให้ข้าพระเจ้าเป็นผู้มีจิตใจดี มีปัญญามาก สามารถเอาตัวรอด
จากอุปสรรคต่างๆที่ไม่ดีได้
ตราบเท่าบรรลุพระนิพพาน
ถึงที่สุดสิ้นแห่งความทุกข์ทั้งปวงด้วยเทอญ
ข้าพระเจ้าได้กล่าวคำถวายแล้ว
ด้วยเดชแห่งสัจจะวาจานี้
ขอให้จิตใจข้าพระเจ้างจงเป็นไปตาม
คำอธิฐานด้วยเทอญ
และขอให้ผู้มีพระคุณทั้งปวง,
เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย,
ทั้งที่ข้าพระเจ้ารู้จักหรือไม่รู้จัก
และมารดาบิดา ปู่ย่าตายาย
ลูกหลาน เครือญาติ มิตรสหาย ตลอดถึงญาติสาโลหิตทั้งหลาย ทั้งที่ยัง
อยู่ก็ดี ทั้งที่ละโลกนี้ไปแล้วก็ดี
ตลอดถึงเทพเทวดาทั้งปวง เหล่ากายทิพย์ทั้งหลาย
อสูรกายทั้งหลาย
เปตรทั้งหลาย
สัตว์นรกทั้งหลาย
สรรพสัตว์ทั้งหลาย31ภพภูมิ
ทั่วสามแดนแสนโกฎิโลกธาตุ
ขอจงมีส่วนแห่งบุญนี้ ขอจงอนุโมทนาบุญนี้
ครั้นอนุโมทนาแล้ว จงเป็นผู้มีความสุขกาย
จงเป็นผู้มีความสุขใจ
มีความเกษมสำราญ
พบเจอแต่สิ่งที่ดีงาม
ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน.เทอญ
อิมานิ มะยัง ภันเต
คัมภีเตปิฏะกัง ธัมมะโปตะถะกานิ
ปะริกขาระวัตถูนิ
สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ
สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ
อิมานิ คัมภีเตปิฏะกัง ธัมมะโปตะถะกานิ
ปะริกขาระวัตถูนิ ภัตตานิ
สะปะริวารานิ ปฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง
หิตายะ สุขายะ เอเสวันโต ทุกขัสสะ นิพพานายะจะ
ข้าแต่พระภิกษุสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายหนัง
สือพระไตรปิฏก พร้อมทั้งหนังสือบริวารเหล่านี้
พร้อมทั้งเครื่องบริขารเหล่านี้
พร้อมทั้งภัตตาหารเหล่านี้
แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับ
ซึ่งหนังสือพระไตรปิฎก
พร้อมทั้งหนังสือบริวารเหล่านี้
พร้อมทั้งเครื่องบริขารเหล่านี้
ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย
และขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย
จงเป็นผู้มีความเจริญ มีความสุข จงเป็นผู้เฉลียวฉลาด
เป็นผู้มีสติปัญญาดี ประกอบด้วยสัมมาทิฏฐิ มีความเข้าใจที่ถูกต้อง
ในธรรมะของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้
และธรรมะของพระพุทธเจ้าในอนาคต
และขึ้นชื่อว่าความยากจน อดอยากเข็ญใจ ทุกข์ระกำลำบาก ขออย่า
ได้มีแก่ข้าพระเจ้า
และขอให้ข้าพระเจ้า
ได้อุปถัมภ์อุปัฏฐาก บำรุงบวรพุทธศาสนา
ได้ฟังธรรมะที่ประเสริฐ
และรู้ธรรมะอันเป็นเหตุ ให้ถึงที่สุดสิ้น แห่งความทุกข์ทั้งปวงเทอญ
และหากบารมีข้าพระเจ้ายังไม่เต็มพร้อม
ยังต้องท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดอยู่ จะไปเกิด ณ ภพภูมิใดก็ตาม ขอ
ให้ข้าพระเจ้าเป็นผู้มีจิตใจดี มีปัญญามาก สามารถเอาตัวรอด
จากอุปสรรคต่างๆที่ไม่ดีได้
ตราบเท่าบรรลุพระนิพพาน
ถึงที่สุดสิ้นแห่งความทุกข์ทั้งปวงด้วยเทอญ
ข้าพระเจ้าได้กล่าวคำถวายแล้ว
ด้วยเดชแห่งสัจจะวาจานี้
ขอให้จิตใจข้าพระเจ้างจงเป็นไปตาม
คำอธิฐานด้วยเทอญ
และขอให้ผู้มีพระคุณทั้งปวง,
เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย,
ทั้งที่ข้าพระเจ้ารู้จักหรือไม่รู้จัก
และมารดาบิดา ปู่ย่าตายาย
ลูกหลาน เครือญาติ มิตรสหาย ตลอดถึงญาติสาโลหิตทั้งหลาย ทั้งที่ยัง
อยู่ก็ดี ทั้งที่ละโลกนี้ไปแล้วก็ดี
ตลอดถึงเทพเทวดาทั้งปวง เหล่ากายทิพย์ทั้งหลาย
อสูรกายทั้งหลาย
เปตรทั้งหลาย
สัตว์นรกทั้งหลาย
สรรพสัตว์ทั้งหลาย31ภพภูมิ
ทั่วสามแดนแสนโกฎิโลกธาตุ
ขอจงมีส่วนแห่งบุญนี้ ขอจงอนุโมทนาบุญนี้
ครั้นอนุโมทนาแล้ว จงเป็นผู้มีความสุขกาย
จงเป็นผู้มีความสุขใจ
มีความเกษมสำราญ
พบเจอแต่สิ่งที่ดีงาม
ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน.เทอญ
.เมตตา แปลว่า (ปราถนาดี)
เจโต แปลว่า (จิต)
วิมุตติ แปลว่า (หลุดพ้น)
# หลุดจากโทสะ,หลุดจากพยาบาท #
เจโต แปลว่า (จิต)
วิมุตติ แปลว่า (หลุดพ้น)
# หลุดจากโทสะ,หลุดจากพยาบาท #
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 25, 2016 7:28:16pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Pui Chutima
คุณได้แท็ก Pui Chutima
ทำทานมากได้บุญมาก ทำทานน้อยได้บุญน้อย
แปลว่า
ถ้าทำทานแล้วสบายใจ
และบ่อยๆครั้ง
นี้เรียกว่า ผู้ทำทานอย่างถูกต้อง
ตามข้อทานะบารมี
ถ้าทำทานแล้วไม่สบายใจ
และบ่อยๆครั้ง
นี้เรียกว่า ผู้ทำทานไม่ถูกต้อง
ตามข้อทานะบารมี
ทำทานตามระดับกำลังของตน
เช่น คือ "ไม่ให้เงินมาก" "ไม่ให้เงินน้อย" แต่ให้ตามกำลังของตน ถ้าเป็นคนจน
มีเงินเดือน เดือนละ 100 บาท มีทรัพย์ไม่มาก
มีอยู่ 100 บาท
ถ้าเจียดไปทาน 100 บาท
แล้วเป็นทุกข์ นี่เรียกว่าทานไม่ถูก
ถ้าเจียดไปทาน 50 บาท
ก็ยังเป็นทุกข์อยู่ นี่เรียกว่าทานไม่ถูก
ถ้าเจียดไปทาน 25 บาท
ก็ยังเป็นทุกข์อยู่ นี่เรียกว่าทานไม่ถูก
ถ้าเจียดไปทาน 10 บาท
เอ่อสบายใจ... แล้วทำบ่อยๆ
นี่เรียกว่าทานมาก
พูดง่ายๆก็คือว่า ให้ตามสติกำลังของตน
แต่ละคนย่อมรู้ว่ากำลังของตนมีมากน้อยแค่ไหน คนจนมีกำลังแค่ไหน
คนปานกลางมีกำลังแค่ไหน คนรวยมีกำลังแค่ไหน
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
" ในสมัยใด มนุษย์ทั้งหลาย ย่อมแจกจ่ายทาน ตามสติ ตามกำลังในนักบวช
ผู้มีศีล ซึ่งเข้าไปสู่สกุล, ในสมัยนั้น สกุลนั้น ชื่อว่า ปฏิบัติข้อปฏิบัติที่เป็นไปเพื่
อการได้โภคะใหญ่.
แปลว่า
ถ้าทำทานแล้วสบายใจ
และบ่อยๆครั้ง
นี้เรียกว่า ผู้ทำทานอย่างถูกต้อง
ตามข้อทานะบารมี
ถ้าทำทานแล้วไม่สบายใจ
และบ่อยๆครั้ง
นี้เรียกว่า ผู้ทำทานไม่ถูกต้อง
ตามข้อทานะบารมี
ทำทานตามระดับกำลังของตน
เช่น คือ "ไม่ให้เงินมาก" "ไม่ให้เงินน้อย" แต่ให้ตามกำลังของตน ถ้าเป็นคนจน
มีเงินเดือน เดือนละ 100 บาท มีทรัพย์ไม่มาก
มีอยู่ 100 บาท
ถ้าเจียดไปทาน 100 บาท
แล้วเป็นทุกข์ นี่เรียกว่าทานไม่ถูก
ถ้าเจียดไปทาน 50 บาท
ก็ยังเป็นทุกข์อยู่ นี่เรียกว่าทานไม่ถูก
ถ้าเจียดไปทาน 25 บาท
ก็ยังเป็นทุกข์อยู่ นี่เรียกว่าทานไม่ถูก
ถ้าเจียดไปทาน 10 บาท
เอ่อสบายใจ... แล้วทำบ่อยๆ
นี่เรียกว่าทานมาก
พูดง่ายๆก็คือว่า ให้ตามสติกำลังของตน
แต่ละคนย่อมรู้ว่ากำลังของตนมีมากน้อยแค่ไหน คนจนมีกำลังแค่ไหน
คนปานกลางมีกำลังแค่ไหน คนรวยมีกำลังแค่ไหน
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
" ในสมัยใด มนุษย์ทั้งหลาย ย่อมแจกจ่ายทาน ตามสติ ตามกำลังในนักบวช
ผู้มีศีล ซึ่งเข้าไปสู่สกุล, ในสมัยนั้น สกุลนั้น ชื่อว่า ปฏิบัติข้อปฏิบัติที่เป็นไปเพื่
อการได้โภคะใหญ่.
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โย โกจิ ภิกฺขเว ทุกฺขํ ปสฺสติ ทุกฺขสมุทยมฺปิ โส ปสฺสติ ทุกฺขนิโรธมฺปิ ปสฺสติ
ทุกฺขนิโรธคามินีปฏิปทมฺปิ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดผู้หนึ่งเห็นทุกข์ ผู้นั้นย่อมเห็นแม้ทุกขสมุทัย
ย่อมเห็นแม้ทุกขนิโรธ ย่อมเห็นแม้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.๑-
โลเก โลกปฺปภเว โลกตฺถคเม สิเว จ ตทุปาเย
สมฺมุยฺหติ ตาว นโร น วิชานาติ ยาว สจฺจานิ
นรชน ยังไม่รู้แจ้งสัจจะทั้งหลาย
ตราบใด เขาก็ย่อมลุ่มหลงในโลก ใน
เหตุเกิดของโลก
ในพระนิพพาน
อันเป็นที่ดับไปแห่งโลก และในอุบายของ
ความดับโลกนั้น อยู่ตราบนั้น
ทุกฺขเมว หิ น โกจิ ทุกฺขิโต
การโก น กิริยาว วิชฺชติ
อตฺถิ นิพฺพุติ น นิพฺพุโต ปุมา
มคฺคมตฺถิ คมโก น วิชฺชติ
ความจริง ทุกข์เท่านั้นมีอยู่ แต่
บุคคลไรๆ ผู้เป็นทุกข์หามีไม่ การทำมีอยู่
แต่ผู้ทำหามีไม่ ความดับมีอยู่ แต่บุคคลผู้
ดับหามีไม่ ทางมีอยู่ แต่บุคคลผู้เดินหามีไม่
ทุกฺขนิโรธคามินีปฏิปทมฺปิ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดผู้หนึ่งเห็นทุกข์ ผู้นั้นย่อมเห็นแม้ทุกขสมุทัย
ย่อมเห็นแม้ทุกขนิโรธ ย่อมเห็นแม้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.๑-
โลเก โลกปฺปภเว โลกตฺถคเม สิเว จ ตทุปาเย
สมฺมุยฺหติ ตาว นโร น วิชานาติ ยาว สจฺจานิ
นรชน ยังไม่รู้แจ้งสัจจะทั้งหลาย
ตราบใด เขาก็ย่อมลุ่มหลงในโลก ใน
เหตุเกิดของโลก
ในพระนิพพาน
อันเป็นที่ดับไปแห่งโลก และในอุบายของ
ความดับโลกนั้น อยู่ตราบนั้น
ทุกฺขเมว หิ น โกจิ ทุกฺขิโต
การโก น กิริยาว วิชฺชติ
อตฺถิ นิพฺพุติ น นิพฺพุโต ปุมา
มคฺคมตฺถิ คมโก น วิชฺชติ
ความจริง ทุกข์เท่านั้นมีอยู่ แต่
บุคคลไรๆ ผู้เป็นทุกข์หามีไม่ การทำมีอยู่
แต่ผู้ทำหามีไม่ ความดับมีอยู่ แต่บุคคลผู้
ดับหามีไม่ ทางมีอยู่ แต่บุคคลผู้เดินหามีไม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ูก่อนท่านวิสาขะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ
พระองค์ทรงสงเคราะห์ในศีลขันธ์ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
พระองค์ทรงสงเคราะห์ในสมาธิขันธ์ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ
พระองค์ทรงสงเคราะห์ในปัญญาขันธ์ ดังนี้๔-
พระองค์ทรงสงเคราะห์ในศีลขันธ์ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
พระองค์ทรงสงเคราะห์ในสมาธิขันธ์ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ
พระองค์ทรงสงเคราะห์ในปัญญาขันธ์ ดังนี้๔-
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
148 มโนสัญเจตนาหารคืออะไร
ปัญหา มโนสัญเจตนาหาร อาหารคือความตั้งใจ ซึ่งเป็นอาหารอย่างหนึ่ง
ในบรรดาอาหารทั้ง ๔ นั้น คืออย่างไร? เราควรกำหนดรู้ม
โนสัญเจตนาหารได้อย่างไร ?
พุทธดำรัสตอบ “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็มโนสัญเจตนาหาร จะพึงเห็นได้อย่
างไร ? เหมือนอย่างว่า มีหลุมถ่านเพลิงอยู่แห่งหนึ่ง ลึกมากกว่าชั่วบ
ุรุษเต็มไปด้วยถ่านเพลิง ไม่มีเปลว ไม่มีควัน ครั้งนั้นมีบุรุษคนหนึ่ง อยากมีชีวิตอยู่
ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์เดินมา บุรุษ ๒ คน มีกำลัง จับเขาที่แขนข้า
งละคน คร่าไปสู่หลุมถ่านเพลิง ทันใดนั้นเอง เขามีเจตนาปรารถนาตั้งใจ
อยากจะไกลจากหลุมถ่านเพลิง ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเขารู้ว่าถ้า
เขาจักตกหลุมถ่านเพลิงนี้ ก็จักต้องตายหรือถึงทุกข์แทบตาย ข้อนี้ฉันใด
เรากล่าวว่า พึงเห็นมโนสัญเจตนาหาร ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่ออริยสาวกกำ
หนดมโนสัญเจตนาหาร ได้แล้ว ก็เป็นอันกำหนดรู้ตัณหาทั้งสามได้แล้ว
เมื่ออริยสาวกพึงทำให้ยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีกแล้ว”
ปัญหา มโนสัญเจตนาหาร อาหารคือความตั้งใจ ซึ่งเป็นอาหารอย่างหนึ่ง
ในบรรดาอาหารทั้ง ๔ นั้น คืออย่างไร? เราควรกำหนดรู้ม
โนสัญเจตนาหารได้อย่างไร ?
พุทธดำรัสตอบ “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็มโนสัญเจตนาหาร จะพึงเห็นได้อย่
างไร ? เหมือนอย่างว่า มีหลุมถ่านเพลิงอยู่แห่งหนึ่ง ลึกมากกว่าชั่วบ
ุรุษเต็มไปด้วยถ่านเพลิง ไม่มีเปลว ไม่มีควัน ครั้งนั้นมีบุรุษคนหนึ่ง อยากมีชีวิตอยู่
ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์เดินมา บุรุษ ๒ คน มีกำลัง จับเขาที่แขนข้า
งละคน คร่าไปสู่หลุมถ่านเพลิง ทันใดนั้นเอง เขามีเจตนาปรารถนาตั้งใจ
อยากจะไกลจากหลุมถ่านเพลิง ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเขารู้ว่าถ้า
เขาจักตกหลุมถ่านเพลิงนี้ ก็จักต้องตายหรือถึงทุกข์แทบตาย ข้อนี้ฉันใด
เรากล่าวว่า พึงเห็นมโนสัญเจตนาหาร ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่ออริยสาวกกำ
หนดมโนสัญเจตนาหาร ได้แล้ว ก็เป็นอันกำหนดรู้ตัณหาทั้งสามได้แล้ว
เมื่ออริยสาวกพึงทำให้ยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีกแล้ว”
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าคิดจะทิ้งทุกข์ อย่าเสียดายเหตุแห่งทุกข์
#ครูดังตฤณ
#ครูดังตฤณ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.นิโรธสัญญาโดยหลวงพ่อ ดาบส สุมโน
นิโรธ แปลว่า ดับความทุกข์ ความชั่ว บาป ดับรูปกาย นามซึ่งมีในกายดับ
จากวัตถุธาตุดิน
น้ำ ลม ไฟ มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า นิพพาน ดับหรือว่างจากท
ุกสิ่งทุกอย่างในโลก
นรก สวรรค์ พรหม ไม่เหลือการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งเป็นสาเหตุของ
ความทุกข์ยากลำบาก
อีกต่อไปสัญญา แปลว่า ความจดจำ หมายจำเอาไว้หรือจำได้
นิโรธสัญญา จึงแปลว่า
ความจำได้หมายรู้ในการดับความทุกข์ยากลำบากทั้งปวง ดับธาตุ
ทั้งหมด ดิน น้ำ ลม ไฟ
ให้เหลือแต่ความว่างเปล่า การปฏิบัตินิโรธสัญญานี้เป็นทางลัด รวดเร็ว
ทำง่ายมาก เป็น
การปฏิบัติได้ผลรวดเร็วไม่ยากนักเพียรเฝ้าทำ จิตให้ว่างจากสิ่งที่
เป็นของหนักคือ ร่างกาย
เราเขาหรือขันธ์ ๕ ขจัดสิ่งวุ่นวายวิตกกังวลเรื่องต่างๆออกจากจิตเท่า
นั้นทางปฏิบัตินิโรธ
สัญญา ก็เริ่มด้วยตัดจิตให้มีเมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั่ว ๓ โลก นรกโลก เทวโลก
รักษาศีล ๕
ให้ครบถ้วน
การ เฝ้ากำจัดความคิดที่ ไม่ดีไร้สาระออกจากจิตก็เป็นสมาธิอย่างหนึ่ง
การเฝ้าพิจารณา
ทุก สิ่งทุกอย่างในโลกในที่สุดก็แตกสูญสลายกลายเป็น ดิน น้ำ ลม ไฟ
เป็นอากาศ แยก
กระจายจากอณูเป็นอะตอมเล็กๆ ละเอียด เป็นธาตุว่างคือวิปัสสนาญาณ
ผู้มีศีลเจริญสมาธิ
ภาวนานิดเดียวตั้งจิตทำเพื่อจิตเข้าสู่ความสุขอย่างยิ่ง คือ พระนิพพาน ก็
เข้าถึงเมืองแก้ว
พระนิพพานได้ง่าย
พระ นิพพานนั้นไม่ใช่ไกลเกินเอื้อมออกไป อยู่ในจิตในใจเรานี่เอง เรียกว่า
สอุปาทิเส
สนิพพาน ทั้งที่ขันธ์ ๕ กายยังไม่แตกสลาย ถ้าร่างกายตายจิ
ตสะอาดหมดความยึดติดใน
ขันธ์ ๕ จิตก็จะเคลื่อนเข้าเสวยความสุขยอดเยี่ยมแดนทิพยนิพพาน เรียกว่า
อนุปาทิเส
สนิพพาน
นิโรธ สัญญา คือการเพียรพยายามทำจิตให้ว่างจากสิ่งที่เป็นของสมมุติ
ทั้งปวงในโลก
รวมถึงชีวิต คนและสัตว์ ทรัพย์สิ่งของเป็นของสมมุติเป็นของชั่งคราวทั้งสิ้น
เป็นของปลอม
พระนิพพานธาตุ พุทธิธาตุ ภูตะธาตุ อสังขธาตุ ทั้งหมดนี้เป็นของจริง
เป็นธาตุอะตอมไม่
ตายไม่สูญสลายเหมือนธาตุของโลก ถึงตาจะมองไม่เห็นแต่มีอยู่จริง
เป็นธาตุบริสุทธิ์มีอยู่
แล้วโดยธรรมชาติ ไม่มีใครสร้างเปรียบธาตุ นิพพานอมตะนี้ก็เหมือนเมืองหรือ
ฝั่งข้างโน้น
ที่เราจะข้ามไป จิตเป็นนามธรรม อาศัยอยู่ในกายในขันธ์ ๕ ที่เป็นของสมมุต
ิชั่วคราว จิต
เป็นธาตุบริสุทธิ์ โดยธรรมจากในจิตนั้น มีธรรมกายหรือพุทธิกาย
หรือนามกายทิพย์
นิพพานกายอยู่ มีตา หู จมูก ลิ้น กายทิพย์ จิตทิพย์ ไม่ต้องทำขึ้น มีอยู่แล้ว
ไม่ตายเป็น
อมตะ ในกายทิพย์นิพพานไม่มีประสาท ไม่มีอวัยวะภายใน โปร่งใสเบา
เย็นสบายเป็นจิตรู้
ฉลาดสะอาดบริสุทธิ์ อิสระจากกฎทั้งปวงอยู่เหนือกฎของกรรมหรือกฎของธ
รรมชาติ หรือ
เรียกอีกอย่างว่า จิตของพระอรหันต์ จิตของพระขีณาสพ ผู้หมดกิเลสอวิช
ชาตัณหา
อุปาทานบาปทั้งปวง
รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อารมณ์ดีร้ายทั้ง ๖ นี้ เป็นผู้มาทีหลัง
เป็นของผ่านไปมา เป็นของ
สมมุติ เป็นของปลอม ไม่ใช่ของจริง เป็นของร้อนเป็นของหนัก ถ้าจิตเราไปคิดเ
อาเป็นจริง
ก็ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ผิดหวังเป็นทุกข์ใจมิได้หยุดหย่อน รูปเสียง กลิ่น
รส สัมผัส
อารมณ์ทั้งหลายเป็นของสกปรกของชั่วคราวเป็นฝ่ายดำ เป็นสิ่งที่เราจะ
ต้องรู้เท่าทัน และ
กำจัดออกจากจิตทันที คือให้ว่างเปล่าจากของที่เป็นทุกข์เป็นโทษ จิตจะ
อยู่ว่างเปล่าเฉยๆ
ไม่ชินก็นึกถึงพระคุณความดีขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า นึกถึงฝั่งแดนทิ
พย
นิพพานเป็นสุขเลิศล้ำ นึกถึงร่างกายสมมุตินี้ตายโดนเผาทิ้งแน่นอน
แบบนี้จิตจะว่างจาก
ของหนัก ว่างจากความเครียด ความฟุ้งซ่าน ความวุ่นวายหรือปลอดภัย
จากอันตรายได้
เพราะจิตว่างสะอาด ปราศจาก โลภ โกรธ หลง เพราะมีแต่พระรัตนตรัย
พระนิพพานเต็ม
เปี่ยมอยู่ในจิต แถมอีกนิดมีเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้ง ๓ โลก ต้องการให้ทุกผู
้ทุกคนพ้นทุกข์
ได้เหมือนเรา
วิธีปฏิบัตินิโรธสัญญา หรือ ทำจิตให้ว่างจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน
บาปกรรม มี ๓ อย่าง
๑) โน้ม ใจเข้าหาความว่าง ด้วยการนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มีพระมหา
เมตตา มีพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ นำสัตว์ชี้ทางเข้าสู่พระนิพพาน
เริ่มระลึกถึง
ความว่างเปล่าไม่มีอะไร ทั้งโลกอากาศว่างเปล่า ธาตุว่างอยู่รอบ
ตัวเราเอิบอาบไปทั่ว เป็น
ธาตุอะตอม โอบอุ้มทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นธาตุเบา ธาตุเย็น ธาตุสงบ
ธาตุพอเพียง ธาตุแท้
๒) ทำจิตว่างด้วยสลัดขจัดทิ้งความคิดไม่ดีไร้สาระออกจากจิต
หรือปล่อยวางอารมณ์ดีชั่ว
ทั้งปวงออกจากจิตให้มีเพียงแต่คำว่ารู้ แต่ไม่นำเอามาคิดปรุงแต่งเป็นตั
วเราตัวเขา เป็นแต่
เพียงธาตุของโลก จิตเป็นธาตุเบาไม่เอาไปปนกับธาตุหนักๆของโลก กายก็
เป็นธาตุของ
โลกไม่ใช่ของจิต แต่จิตก็เพียงให้รู้ว่าจิตมาอาศัยอยู่ในกายบ้าน
สมมุติชั่วคราว ไม่เอามา
ปนกับจิต จิตส่วนจิต กายส่วนกาย ไม่ใช่อันเดียวกัน มีกายแล้วจิตก็ท
ำเป็นว่าไม่มี เพราะ
ไม่ช้ากายก็ตายสูญสลาย ไม่มีกายอีก เป็นของว่างๆ เพียรคิดสลัดกาย
อารมณ์ทั้งหลาย
ออกจากจิต จิตจะสว่างสะอาดจากกิเลสเฝ้าผูกพันยึดมั่นกายเรากายเขา
แต่ก็ยังคงทำ
หน้าที่การงาน สังคมครบถ้วน จิตใจสะอาดผ่องใส ร่างกายก็ไม่มีโรค
หรือโรคน้อย จิตก็จะ
แปรสภาพจากหนักเป็นเบา โปร่งสบาย จิตหยาบก็จะกลายเป็นจิตละเอียดส
ะอาดผ่องใส
ไม่มีความวุ่นวายจิตสงบนิ่งมีปัญญาดี
๓) วิธีทำจิตให้สะอาดว่างจากกิเลสแบบให้สังเกตหรือจับดูอารมณ์ตามค
วามเป็นจริง แต่มิ
ใช่ให้จับแบบยึดมั่นถือมั่น คือจิตมันชอบคิดเรื่องต่างๆอยู่เสมอ มันคิดอะไรก็เอา
เรื่องนั้น
แหละมาพิจารณาดูให้ลึกและไกลออกไป ให้เห็นความไม่คงที่ จะเป็นไป
ในทางที่ดีหรือไม่
ดีก็เท่ากันไม่มีอะไรเป็นจริงเป็นจัง เป็นแก่นสารย่อมถึงความแปรผันดั
บสูญเสมอกัน เงาใน
กระจกหรือเงาในน้ำมิใช่ของจริงฉันใด สรรพสังขาราทั้งหมดก็ไม่ใช่ของจ
ริงฉันนั้น หรือ
จะมองชีวิตทั้งหมดนี้เหมือนความฝันก็ได้ เพราะจุดจบของชีวิตคือความตาย
ความตาย
ของชีวิตร่างกายของคนนี่แหละ คือการตื่นจากความฝัน คือจิตออกจากร่า
งไปหาที่อยู่
ใหม่ ที่อยู่ใหม่ของเราท่านเที่ยงแท้แน่นอนไม่ยอมแปรผันอีกต่อไปคือ
แดนอมตะทิพย
นิพพาน
เมื่อ มาพิจารณารู้ความจริงของชีวิตร่างกายทุกผู้ทุกนามแล้ว ก็จะเห็น
ได้ว่าสิ่งที่มีอยู่เป็น
อยู่ทั้งคน สัตว์ สิ่งของ มีก็เท่ากับไม่มี คือว่างเปล่านั่นเอง เพราะสูญสลายไม่
ช้าก็เร็วเมื่อ
กำหนดจิตเห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเป็นของ ว่างเปล่า จิตก็จะเข้าถึงค
วามว่าง ธาตุว่าง
จากทุกสิ่งทุกอย่างในโลก เมื่อพิจารณาทบทวนถึงความไม่มีใ
นร่างกายเรากายเขา ขันธ์
๕ เรา ขันธ์ ๕ เขา มันมีแล้วก็เหมือนกับไม่มี เพราะแปรปรวนไม่เที่ยงแท้แน่นอน
ไม่จริง
เป็นของปลอมของสมมุติ หาตัวตนตัวเราตัวเขาไม่ได้ เพราะทุกอย่างมี
แต่เดินทางหาความ
ทรุดโทรม ผุพังสลายตายกันในที่สุด จิตก็จะหลุดจากกิเลสคือว่างจากค
วามทุกข์ยาก จิต
จะเป็นอิสรเสรี ไม่ยึดเกาะในสิ่งของจอมปลอมอีกต่อไป
ถึง แม้จิตจะยังอาศัยอยู่ในกาย แต่จิตไม่หลงรักว่าเป็นอันเดียวกับจิต
อย่าเอาจิตไปนึกว่า
มันมี รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ปล่อยไปเพียงแต่ผ่านมาผ่านไปเท่านั้น
ถ้าทรงอารมณ์อยู่
จิตไม่สนใจขันธ์ ๕ ของใครวางเฉยไม่ทุกข์ร้อน ทำงานทุกอย่างตามหน้าที่
อารมณ์เฉย
เป็นเอกัคตารมณ์ เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีสำหรับเรา เราไม่มีสำหรับก
าย จิตจะสะอาด
เบิกบานผ่องใสพ้นจากความยึดมั่นในของปลอมของทุกข์ของร้อนพระท่าน
เรียกว่า จิต
ของพระอรหันต์
วิธี ทำจิตให้ว่างจากกายเรากายเขาแบบนี้ เป็นวิธีลัดแบบง่าย
มีแต่พรหมวิหาร ๔ ไม่ยึด
ถืออารมณ์ใดๆมาไว้ในจิตมีความจำได้หมายรู้ก็เหมือนไม่มีความจำ
เพราะความจำอยู่ได้
ไม่นานไม่ช้าก็ลืม ประสาทสมองลืมง่าย ความคิดความจำ ความฟุ้งซ่าน
วิตกกังวลเป็น
เรื่องของกายให้สลัดทิ้ง ให้จิตเต็มไปด้วยพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จิต
จะเบา
บริสุทธิ์สะอาด จิตอันนี้เราจะตามรอยพระพุทธบาทเมื่อกายพังแตกสลาย
ผู้เพียรทำจิตให้
ว่างจากร่างกาย หรืออารมณ์ต่างๆแบบนี้เป็นแบบของพระอริยเจ้า
เป็นสมาธิเป็นวิปัสสนา
ญาณอยู่ด้วยกัน ทำได้ทุกเวลา ทุกอิริยาบถ นั่ง นอน ยืน เดิน ทำได้ทั้งที่อยู
่คนเดียวและ
อยู่แบบหมู่คณะ เป็นทางหลุดพ้นทุกข์ได้อย่างแน่นอน เป็นทางลัดตรงไป
สู่จุดหมายปลาย
ทางคือ พระนิพพาน
นิพพาน ธาตุ คือ นิโรธธาตุ อันเดียวกัน มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แม้ในจิตเราท่าน
ที่อยู่ในร่าง
กายที่สกปรกนี้ ทำจิตให้เข้าถึงพระนิพพานได้ทันทีทั้งๆที่ยังไม่ตาย นิพพาน
ไม่ใช่มนุษย์
โลก เทวโลก พรหมโลก แต่อยู่เหนือโลกทั้งสิ้น มีอยู่ทั่วไปถ้าจิตจิตดับทุกข์ด
ับขันธ์ ๕ ว่าง
จากกิเลสจะรู้สภาวะพระนิพพานทันทีนิโรธสัญญา คือทำจิตให้ว่าง
ไม่มีอารมณ์ใดๆทั้งปวง
คือเฉยๆ จิตจะสะอาดปล่อยวางจากทุกสิ่งทุกอย่างทั้งโลก รูป รส กลิ่น เสียง
สัมผัส จิตจะเ
เข้าสู่ภาวะ ที่เป็นจิตพุทธะดั้งเดิม จิตประภัสสรนิโรธสัญญา ทำจิตให้ว่าง
จากพันธะใดๆใน
โลก จะทำวิชชาให้สำเร็จด้วยฤทธิ์ก็ย่อมได้ เพราะจิตสงบทรงตัว
แต่ท่านที่เจริญความ
ว่างทางจิตแบบนี้ ท่านไม่ต้องการอิทธิฤทธิ์ใดๆ ความรู้พิเศษใดๆอีก ทั้งสิ้น
เพราะจิต
นิโรธสัญญามนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้รักษาโรคโดยท่านพระคุณเจ้าหลว
งพ่อพระดาบสสุมโน
มนต์ศักดิ์สิทธิ์
—————————————————————————————-
นิโรธสัญญา พระคิริมานนท์ อาพาธิ์ไข้หนักนอนเหนือเตียง
ทุกขเวทนาแรงกล้า พระพุทธองค์ตรัสให้พระอานนท์พุทธอุปถาก
นำเอาสัญญา๑๐ ประการไปแสดงให้พระคิริมานนท์ฟัง ครั้นท่านได้ฟังแล้ว
อาพาธิ์ทุกขเวทนาหนักก็หายทันที จึงถือสือกันมาว่าเป็นมนต์วิเศษศักดิ์สิทธิ์
ทั้งนี้จะเป็นเพราะนิโรธสัญญา เป็นสมาธิข้อปฎิบัติพิเศษ ให้ผู้ปฎิบัติบรรลุธรรม
โดยฉับพลันกระมัง
พระ สูตรๆ นี้ จะนำไปใช้เป็นธรรมโอสถรักษาคนไข้ก็ใช้สวด ๑๐๘
จบสวดเพียงนิโรธสัญญาบทเดียว ไม่ต้องสวดทั้งหมด ๑๐ บท (ดูตอนท้ายเล่มน
ี้) เพราะผู้ปฎิบัตินิโรธสัญญาข้อเดียวก็เท่ากับได้ทั้ง ๑๐ ข้อ
ถ้าจะทำ เป็นพิธี ให้สวดพร้อมกันหลายคนอย่างน้อย ๓ คน มีเชิญเทวดา
ด้วยบทสัคเคก่อนแล้วสรุปท้าย สัพเพสัตตา ภะวะตุสัพพ์ ทุกขัปปัตตา คนไข้
ให้นั่ง หรือนอนก็ได้ สงบฟังไปจนจบ อานุภาพแห่งมนต์ หรือพลังศักดิ์สิท์มีอยู่ก็
จะบรรดาลให้ผู้เจ็บป่วยหายได้ หรือคลายทุกข์ได้ใน ๓ วัน ๗ วัน โดยไม่ต้อง
ใช้ยาอื่น
อย่าลืม ผู้จะนำไปสวดรักษาคนไข้อื่นให้ทดลองใช้กับตัวเองเสียก่อน
อธิษฐานจิตแล้วสวด สวดให้ได้ ๑๐๘ จบหากผู้ใดจะนำมาใช้ประจำตัว
สวดวันละ ๑ จบ ๓ จบ ๙ จบ ได้เป็นการดีฯ
บทสวดนิโรธสัญญามีดังนี้
กะตะมาจานันทะ นิโรธะสัญญา อิธานันทะภิกขุ
อะรัญญะคะโตวา รุกขะมูละคะโต วา
สุญญาคาระคะโต วา อิติปะฏิสัญจิกขะติ
เอตัง สันตัง เอตัง ปะณีตัง
ยะทิทัง สัพพะสังขาระสะมะโถ
สัพพูปะธิปะฏินิสสัคโค
ตัณหักขะโย นิโรโธ นิพพานันติ
อะยัง วุจจะตานันทะ นิโรธะสัญญา
นิโรธ แปลว่า ดับความทุกข์ ความชั่ว บาป ดับรูปกาย นามซึ่งมีในกายดับ
จากวัตถุธาตุดิน
น้ำ ลม ไฟ มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า นิพพาน ดับหรือว่างจากท
ุกสิ่งทุกอย่างในโลก
นรก สวรรค์ พรหม ไม่เหลือการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งเป็นสาเหตุของ
ความทุกข์ยากลำบาก
อีกต่อไปสัญญา แปลว่า ความจดจำ หมายจำเอาไว้หรือจำได้
นิโรธสัญญา จึงแปลว่า
ความจำได้หมายรู้ในการดับความทุกข์ยากลำบากทั้งปวง ดับธาตุ
ทั้งหมด ดิน น้ำ ลม ไฟ
ให้เหลือแต่ความว่างเปล่า การปฏิบัตินิโรธสัญญานี้เป็นทางลัด รวดเร็ว
ทำง่ายมาก เป็น
การปฏิบัติได้ผลรวดเร็วไม่ยากนักเพียรเฝ้าทำ จิตให้ว่างจากสิ่งที่
เป็นของหนักคือ ร่างกาย
เราเขาหรือขันธ์ ๕ ขจัดสิ่งวุ่นวายวิตกกังวลเรื่องต่างๆออกจากจิตเท่า
นั้นทางปฏิบัตินิโรธ
สัญญา ก็เริ่มด้วยตัดจิตให้มีเมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั่ว ๓ โลก นรกโลก เทวโลก
รักษาศีล ๕
ให้ครบถ้วน
การ เฝ้ากำจัดความคิดที่ ไม่ดีไร้สาระออกจากจิตก็เป็นสมาธิอย่างหนึ่ง
การเฝ้าพิจารณา
ทุก สิ่งทุกอย่างในโลกในที่สุดก็แตกสูญสลายกลายเป็น ดิน น้ำ ลม ไฟ
เป็นอากาศ แยก
กระจายจากอณูเป็นอะตอมเล็กๆ ละเอียด เป็นธาตุว่างคือวิปัสสนาญาณ
ผู้มีศีลเจริญสมาธิ
ภาวนานิดเดียวตั้งจิตทำเพื่อจิตเข้าสู่ความสุขอย่างยิ่ง คือ พระนิพพาน ก็
เข้าถึงเมืองแก้ว
พระนิพพานได้ง่าย
พระ นิพพานนั้นไม่ใช่ไกลเกินเอื้อมออกไป อยู่ในจิตในใจเรานี่เอง เรียกว่า
สอุปาทิเส
สนิพพาน ทั้งที่ขันธ์ ๕ กายยังไม่แตกสลาย ถ้าร่างกายตายจิ
ตสะอาดหมดความยึดติดใน
ขันธ์ ๕ จิตก็จะเคลื่อนเข้าเสวยความสุขยอดเยี่ยมแดนทิพยนิพพาน เรียกว่า
อนุปาทิเส
สนิพพาน
นิโรธ สัญญา คือการเพียรพยายามทำจิตให้ว่างจากสิ่งที่เป็นของสมมุติ
ทั้งปวงในโลก
รวมถึงชีวิต คนและสัตว์ ทรัพย์สิ่งของเป็นของสมมุติเป็นของชั่งคราวทั้งสิ้น
เป็นของปลอม
พระนิพพานธาตุ พุทธิธาตุ ภูตะธาตุ อสังขธาตุ ทั้งหมดนี้เป็นของจริง
เป็นธาตุอะตอมไม่
ตายไม่สูญสลายเหมือนธาตุของโลก ถึงตาจะมองไม่เห็นแต่มีอยู่จริง
เป็นธาตุบริสุทธิ์มีอยู่
แล้วโดยธรรมชาติ ไม่มีใครสร้างเปรียบธาตุ นิพพานอมตะนี้ก็เหมือนเมืองหรือ
ฝั่งข้างโน้น
ที่เราจะข้ามไป จิตเป็นนามธรรม อาศัยอยู่ในกายในขันธ์ ๕ ที่เป็นของสมมุต
ิชั่วคราว จิต
เป็นธาตุบริสุทธิ์ โดยธรรมจากในจิตนั้น มีธรรมกายหรือพุทธิกาย
หรือนามกายทิพย์
นิพพานกายอยู่ มีตา หู จมูก ลิ้น กายทิพย์ จิตทิพย์ ไม่ต้องทำขึ้น มีอยู่แล้ว
ไม่ตายเป็น
อมตะ ในกายทิพย์นิพพานไม่มีประสาท ไม่มีอวัยวะภายใน โปร่งใสเบา
เย็นสบายเป็นจิตรู้
ฉลาดสะอาดบริสุทธิ์ อิสระจากกฎทั้งปวงอยู่เหนือกฎของกรรมหรือกฎของธ
รรมชาติ หรือ
เรียกอีกอย่างว่า จิตของพระอรหันต์ จิตของพระขีณาสพ ผู้หมดกิเลสอวิช
ชาตัณหา
อุปาทานบาปทั้งปวง
รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อารมณ์ดีร้ายทั้ง ๖ นี้ เป็นผู้มาทีหลัง
เป็นของผ่านไปมา เป็นของ
สมมุติ เป็นของปลอม ไม่ใช่ของจริง เป็นของร้อนเป็นของหนัก ถ้าจิตเราไปคิดเ
อาเป็นจริง
ก็ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ผิดหวังเป็นทุกข์ใจมิได้หยุดหย่อน รูปเสียง กลิ่น
รส สัมผัส
อารมณ์ทั้งหลายเป็นของสกปรกของชั่วคราวเป็นฝ่ายดำ เป็นสิ่งที่เราจะ
ต้องรู้เท่าทัน และ
กำจัดออกจากจิตทันที คือให้ว่างเปล่าจากของที่เป็นทุกข์เป็นโทษ จิตจะ
อยู่ว่างเปล่าเฉยๆ
ไม่ชินก็นึกถึงพระคุณความดีขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า นึกถึงฝั่งแดนทิ
พย
นิพพานเป็นสุขเลิศล้ำ นึกถึงร่างกายสมมุตินี้ตายโดนเผาทิ้งแน่นอน
แบบนี้จิตจะว่างจาก
ของหนัก ว่างจากความเครียด ความฟุ้งซ่าน ความวุ่นวายหรือปลอดภัย
จากอันตรายได้
เพราะจิตว่างสะอาด ปราศจาก โลภ โกรธ หลง เพราะมีแต่พระรัตนตรัย
พระนิพพานเต็ม
เปี่ยมอยู่ในจิต แถมอีกนิดมีเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้ง ๓ โลก ต้องการให้ทุกผู
้ทุกคนพ้นทุกข์
ได้เหมือนเรา
วิธีปฏิบัตินิโรธสัญญา หรือ ทำจิตให้ว่างจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน
บาปกรรม มี ๓ อย่าง
๑) โน้ม ใจเข้าหาความว่าง ด้วยการนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มีพระมหา
เมตตา มีพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ นำสัตว์ชี้ทางเข้าสู่พระนิพพาน
เริ่มระลึกถึง
ความว่างเปล่าไม่มีอะไร ทั้งโลกอากาศว่างเปล่า ธาตุว่างอยู่รอบ
ตัวเราเอิบอาบไปทั่ว เป็น
ธาตุอะตอม โอบอุ้มทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นธาตุเบา ธาตุเย็น ธาตุสงบ
ธาตุพอเพียง ธาตุแท้
๒) ทำจิตว่างด้วยสลัดขจัดทิ้งความคิดไม่ดีไร้สาระออกจากจิต
หรือปล่อยวางอารมณ์ดีชั่ว
ทั้งปวงออกจากจิตให้มีเพียงแต่คำว่ารู้ แต่ไม่นำเอามาคิดปรุงแต่งเป็นตั
วเราตัวเขา เป็นแต่
เพียงธาตุของโลก จิตเป็นธาตุเบาไม่เอาไปปนกับธาตุหนักๆของโลก กายก็
เป็นธาตุของ
โลกไม่ใช่ของจิต แต่จิตก็เพียงให้รู้ว่าจิตมาอาศัยอยู่ในกายบ้าน
สมมุติชั่วคราว ไม่เอามา
ปนกับจิต จิตส่วนจิต กายส่วนกาย ไม่ใช่อันเดียวกัน มีกายแล้วจิตก็ท
ำเป็นว่าไม่มี เพราะ
ไม่ช้ากายก็ตายสูญสลาย ไม่มีกายอีก เป็นของว่างๆ เพียรคิดสลัดกาย
อารมณ์ทั้งหลาย
ออกจากจิต จิตจะสว่างสะอาดจากกิเลสเฝ้าผูกพันยึดมั่นกายเรากายเขา
แต่ก็ยังคงทำ
หน้าที่การงาน สังคมครบถ้วน จิตใจสะอาดผ่องใส ร่างกายก็ไม่มีโรค
หรือโรคน้อย จิตก็จะ
แปรสภาพจากหนักเป็นเบา โปร่งสบาย จิตหยาบก็จะกลายเป็นจิตละเอียดส
ะอาดผ่องใส
ไม่มีความวุ่นวายจิตสงบนิ่งมีปัญญาดี
๓) วิธีทำจิตให้สะอาดว่างจากกิเลสแบบให้สังเกตหรือจับดูอารมณ์ตามค
วามเป็นจริง แต่มิ
ใช่ให้จับแบบยึดมั่นถือมั่น คือจิตมันชอบคิดเรื่องต่างๆอยู่เสมอ มันคิดอะไรก็เอา
เรื่องนั้น
แหละมาพิจารณาดูให้ลึกและไกลออกไป ให้เห็นความไม่คงที่ จะเป็นไป
ในทางที่ดีหรือไม่
ดีก็เท่ากันไม่มีอะไรเป็นจริงเป็นจัง เป็นแก่นสารย่อมถึงความแปรผันดั
บสูญเสมอกัน เงาใน
กระจกหรือเงาในน้ำมิใช่ของจริงฉันใด สรรพสังขาราทั้งหมดก็ไม่ใช่ของจ
ริงฉันนั้น หรือ
จะมองชีวิตทั้งหมดนี้เหมือนความฝันก็ได้ เพราะจุดจบของชีวิตคือความตาย
ความตาย
ของชีวิตร่างกายของคนนี่แหละ คือการตื่นจากความฝัน คือจิตออกจากร่า
งไปหาที่อยู่
ใหม่ ที่อยู่ใหม่ของเราท่านเที่ยงแท้แน่นอนไม่ยอมแปรผันอีกต่อไปคือ
แดนอมตะทิพย
นิพพาน
เมื่อ มาพิจารณารู้ความจริงของชีวิตร่างกายทุกผู้ทุกนามแล้ว ก็จะเห็น
ได้ว่าสิ่งที่มีอยู่เป็น
อยู่ทั้งคน สัตว์ สิ่งของ มีก็เท่ากับไม่มี คือว่างเปล่านั่นเอง เพราะสูญสลายไม่
ช้าก็เร็วเมื่อ
กำหนดจิตเห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเป็นของ ว่างเปล่า จิตก็จะเข้าถึงค
วามว่าง ธาตุว่าง
จากทุกสิ่งทุกอย่างในโลก เมื่อพิจารณาทบทวนถึงความไม่มีใ
นร่างกายเรากายเขา ขันธ์
๕ เรา ขันธ์ ๕ เขา มันมีแล้วก็เหมือนกับไม่มี เพราะแปรปรวนไม่เที่ยงแท้แน่นอน
ไม่จริง
เป็นของปลอมของสมมุติ หาตัวตนตัวเราตัวเขาไม่ได้ เพราะทุกอย่างมี
แต่เดินทางหาความ
ทรุดโทรม ผุพังสลายตายกันในที่สุด จิตก็จะหลุดจากกิเลสคือว่างจากค
วามทุกข์ยาก จิต
จะเป็นอิสรเสรี ไม่ยึดเกาะในสิ่งของจอมปลอมอีกต่อไป
ถึง แม้จิตจะยังอาศัยอยู่ในกาย แต่จิตไม่หลงรักว่าเป็นอันเดียวกับจิต
อย่าเอาจิตไปนึกว่า
มันมี รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ปล่อยไปเพียงแต่ผ่านมาผ่านไปเท่านั้น
ถ้าทรงอารมณ์อยู่
จิตไม่สนใจขันธ์ ๕ ของใครวางเฉยไม่ทุกข์ร้อน ทำงานทุกอย่างตามหน้าที่
อารมณ์เฉย
เป็นเอกัคตารมณ์ เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีสำหรับเรา เราไม่มีสำหรับก
าย จิตจะสะอาด
เบิกบานผ่องใสพ้นจากความยึดมั่นในของปลอมของทุกข์ของร้อนพระท่าน
เรียกว่า จิต
ของพระอรหันต์
วิธี ทำจิตให้ว่างจากกายเรากายเขาแบบนี้ เป็นวิธีลัดแบบง่าย
มีแต่พรหมวิหาร ๔ ไม่ยึด
ถืออารมณ์ใดๆมาไว้ในจิตมีความจำได้หมายรู้ก็เหมือนไม่มีความจำ
เพราะความจำอยู่ได้
ไม่นานไม่ช้าก็ลืม ประสาทสมองลืมง่าย ความคิดความจำ ความฟุ้งซ่าน
วิตกกังวลเป็น
เรื่องของกายให้สลัดทิ้ง ให้จิตเต็มไปด้วยพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จิต
จะเบา
บริสุทธิ์สะอาด จิตอันนี้เราจะตามรอยพระพุทธบาทเมื่อกายพังแตกสลาย
ผู้เพียรทำจิตให้
ว่างจากร่างกาย หรืออารมณ์ต่างๆแบบนี้เป็นแบบของพระอริยเจ้า
เป็นสมาธิเป็นวิปัสสนา
ญาณอยู่ด้วยกัน ทำได้ทุกเวลา ทุกอิริยาบถ นั่ง นอน ยืน เดิน ทำได้ทั้งที่อยู
่คนเดียวและ
อยู่แบบหมู่คณะ เป็นทางหลุดพ้นทุกข์ได้อย่างแน่นอน เป็นทางลัดตรงไป
สู่จุดหมายปลาย
ทางคือ พระนิพพาน
นิพพาน ธาตุ คือ นิโรธธาตุ อันเดียวกัน มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แม้ในจิตเราท่าน
ที่อยู่ในร่าง
กายที่สกปรกนี้ ทำจิตให้เข้าถึงพระนิพพานได้ทันทีทั้งๆที่ยังไม่ตาย นิพพาน
ไม่ใช่มนุษย์
โลก เทวโลก พรหมโลก แต่อยู่เหนือโลกทั้งสิ้น มีอยู่ทั่วไปถ้าจิตจิตดับทุกข์ด
ับขันธ์ ๕ ว่าง
จากกิเลสจะรู้สภาวะพระนิพพานทันทีนิโรธสัญญา คือทำจิตให้ว่าง
ไม่มีอารมณ์ใดๆทั้งปวง
คือเฉยๆ จิตจะสะอาดปล่อยวางจากทุกสิ่งทุกอย่างทั้งโลก รูป รส กลิ่น เสียง
สัมผัส จิตจะเ
เข้าสู่ภาวะ ที่เป็นจิตพุทธะดั้งเดิม จิตประภัสสรนิโรธสัญญา ทำจิตให้ว่าง
จากพันธะใดๆใน
โลก จะทำวิชชาให้สำเร็จด้วยฤทธิ์ก็ย่อมได้ เพราะจิตสงบทรงตัว
แต่ท่านที่เจริญความ
ว่างทางจิตแบบนี้ ท่านไม่ต้องการอิทธิฤทธิ์ใดๆ ความรู้พิเศษใดๆอีก ทั้งสิ้น
เพราะจิต
นิโรธสัญญามนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้รักษาโรคโดยท่านพระคุณเจ้าหลว
งพ่อพระดาบสสุมโน
มนต์ศักดิ์สิทธิ์
—————————————————————————————-
นิโรธสัญญา พระคิริมานนท์ อาพาธิ์ไข้หนักนอนเหนือเตียง
ทุกขเวทนาแรงกล้า พระพุทธองค์ตรัสให้พระอานนท์พุทธอุปถาก
นำเอาสัญญา๑๐ ประการไปแสดงให้พระคิริมานนท์ฟัง ครั้นท่านได้ฟังแล้ว
อาพาธิ์ทุกขเวทนาหนักก็หายทันที จึงถือสือกันมาว่าเป็นมนต์วิเศษศักดิ์สิทธิ์
ทั้งนี้จะเป็นเพราะนิโรธสัญญา เป็นสมาธิข้อปฎิบัติพิเศษ ให้ผู้ปฎิบัติบรรลุธรรม
โดยฉับพลันกระมัง
พระ สูตรๆ นี้ จะนำไปใช้เป็นธรรมโอสถรักษาคนไข้ก็ใช้สวด ๑๐๘
จบสวดเพียงนิโรธสัญญาบทเดียว ไม่ต้องสวดทั้งหมด ๑๐ บท (ดูตอนท้ายเล่มน
ี้) เพราะผู้ปฎิบัตินิโรธสัญญาข้อเดียวก็เท่ากับได้ทั้ง ๑๐ ข้อ
ถ้าจะทำ เป็นพิธี ให้สวดพร้อมกันหลายคนอย่างน้อย ๓ คน มีเชิญเทวดา
ด้วยบทสัคเคก่อนแล้วสรุปท้าย สัพเพสัตตา ภะวะตุสัพพ์ ทุกขัปปัตตา คนไข้
ให้นั่ง หรือนอนก็ได้ สงบฟังไปจนจบ อานุภาพแห่งมนต์ หรือพลังศักดิ์สิท์มีอยู่ก็
จะบรรดาลให้ผู้เจ็บป่วยหายได้ หรือคลายทุกข์ได้ใน ๓ วัน ๗ วัน โดยไม่ต้อง
ใช้ยาอื่น
อย่าลืม ผู้จะนำไปสวดรักษาคนไข้อื่นให้ทดลองใช้กับตัวเองเสียก่อน
อธิษฐานจิตแล้วสวด สวดให้ได้ ๑๐๘ จบหากผู้ใดจะนำมาใช้ประจำตัว
สวดวันละ ๑ จบ ๓ จบ ๙ จบ ได้เป็นการดีฯ
บทสวดนิโรธสัญญามีดังนี้
กะตะมาจานันทะ นิโรธะสัญญา อิธานันทะภิกขุ
อะรัญญะคะโตวา รุกขะมูละคะโต วา
สุญญาคาระคะโต วา อิติปะฏิสัญจิกขะติ
เอตัง สันตัง เอตัง ปะณีตัง
ยะทิทัง สัพพะสังขาระสะมะโถ
สัพพูปะธิปะฏินิสสัคโค
ตัณหักขะโย นิโรโธ นิพพานันติ
อะยัง วุจจะตานันทะ นิโรธะสัญญา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทุกข์ไม่ยั่งยืน สุขก็ไม่จีรัง จึงไม่ควรติดอยู่กับทุกข์และสุข
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 01, 2017 1:35:26pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
(T_T)1 ม.ค. 2017
หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่คงที่อยู่ได้ ทั้งกาย
และใจ
ทั้งสิ่งแวดล้อมภายนอกต่างๆ
หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่คงที่อยู่ได้ ทั้งกาย
และใจ
ทั้งสิ่งแวดล้อมภายนอกต่างๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.เผชิญหน้าผัสสะด้วยจิตใจยึดที่เป็นอิสระไม่เป็น
เผชิญหน้ากับทุกข์ด้วยใจที่เป็นทุกยึด
เผชิญหน้ากับทุกข์ด้วยใจที่เป็นทุกยึด
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าตนเองทำผิด และรู้ว่าตนเองทำผิด แต่ยังไม่เปลี่ยนแก้ให้เป็นไปทางที่ถูก ระวังไปกันบ่อรอด
ส่วนผู้ที่ทำผิด รู้ว่าตนเองกำลังทำผิด แล้วแก้ตัวใหม่ ให้มาในทางถูกต้องดี
อันนี่คือยุ
และถ้าพวกสู๋ เป็นเทวดา
ลูกกะสิออกมาเป็นเทวดา
ถ้าพวกสู๋เป็นหมา
ลูกกะสิออกมาเป็นหมา
ถ้าสู๋ด่ากัน ตีกัน นั่นละหมา เห็นบ่อหมามันตีกันกัดกัน
ลูกกะสิออกมาเป็นหมา ออกมาเป็นหมาแม่ หมาผู้
ใหญ่มามันกะสิกัดพ่อกัดแม่
พลานพ่อพลานแม่ให้ล้มจม
ให้บ่สำบายใจ ทุกข์อันใด๋สิทุกข์ซำเรื่องลูก
ถ้าสู๋บ่อด่ากัน บ่อตีกัน
ซื่อสัตย์ต่อกัน เฮ็ดโตดีๆเป็นตัวอย่างลูก ลูกกะสิออกมาเป็นคนเป็นเทวดาไป
ใหญ่มามันกะสิค้ำพ่อค้ำแม่ ให้ค้ำคูณ
ให้พ่อแม่สำบายใจให้สู๋มีสุขคือยุสวรรค์
เด้อให้เข้าใจ มีหยังกะต้องเว้ากันบอกกัน
มันจะได้ฮู้เรื่องฮู้เหตุ และเกิดความเข้าใจ
เพราะบ่มีญาญทิพย์สิได้ฮู้จิตฮู้ใจของอีกฝ่ายได้ กะเลยต้องถามบอกกัน
คึจัง ผัวเมียคู่หนึ่งไปตลาดนำกัน
ผุผัวชื่อ"นายฉลาด" ผุเมียชื่อ"นาง หน้ามน"
หมู่เมียเป็นผู้ชาย.
เห็นเมียนายฉลาดแล้ว กะเลยยิ้มให้...นางหน้ามน
นางหน้ามน เห็นคนฮู้จักยิ้มให้แล้ว กะเลยยิ้มให้คืนตามภาษามารยาท
ผู้ผัวกะคือนายฉลาด เห็นหมอนั่นยิ้มให้เมีย และเมียกะยิ้มให้หมอนั่น..
กะปรุงแต่งสังขารธรรมารม์ว่า
"โห่.. ยิ้มให้กันจังสิ มันรอบมีกิ๊กกันแล้ว โห.. มันสิสวมเขาให้เฮาตั๊วนิ
มึงละมื้อแลงนิ กุสิเมียนมัน
ให้มันหลาบ เต๋คึกระสอบทรายเบิ่ง"
#นี่คือคิดไปแบบอวิชชา บ่ฮู้จริง
ทั้งๆที่เขาเป็นคนฮู้จักกัน เป็นญาติกัน เป็นต้น
แต่อีกกรณีหนึ่ง เมียเริ่มสิมีชู้อิหลี
ผู้ผัวกะไว้ใจคักไว้ใจแน ปล่อยให้เขาสายสานสัมพันธ์กัน.
ทั้งๆที่เห็นแปลกๆมีพิรุด กะบอ เอ๊ะใจหยัง กอมันสิเป็นจังซั่นกะย้อนมีเหตุ
"นี่ถึงได้บอกว่าให้ถามกัน"
และผุเมียกะคึนางหน้ามล กะบ่อควรสิตามมารยาทคัก.
เห็นนักเลงขี้ยายิ้มให้..
กะยิ้มให้คืน.. พวกนักเลงเขากะสิบ่มักติแบบหนิ
นางหน้ามนหนิ กะเกินไป
แจกยิ้มให้ฮ้อดผู้ที่บ่ควร
อันนี้กะคือเว่านิทานอิ่งธรรมะให้ฟัง
#สาเหตุที่ชื่อ นายฉลาด ก็เพราะว่า ลาวคิดเรื่องใด๋ขึ้นมา ลาวเอาความคิดลาวเมิ๊ด เอาแต่ฮู้เจ้าของ ไปจุลูๆบ่ฟังไผ๋ คือบังไฟนิ อ้างแต่ว่าเจ้าของเป็นผู้นำ กะเลยเอาแต่ความคิดเจ้าของเป็นใหญ่คักโพด บ่อฮู้จักปรึกษาไผ๋
ถ้าแมนเป็นพ่อใหญ่บ้านกะเป็นได้บ่อดน
สาเหตุที่ชื่อ นางหนามน ก็เพราะว่า ลาวคาแต่งแต่หน้า แต่งแต่โต ทาลิฟใส่คิ้ว เบิ่งตีละทาลิฟสติกใส่คิ้วบ้าปานใด๋ จนเลยขอบเขต"ความควร" เลยความควรออกไป กลายเป็นบอควรซ้ำ
เด้อนี่ละนิทานธรรมะ
เป็นโอวาส จากพระหมู่ ถึงโยมสันติ
และอยู่ครองเรือนแล้ว
กะบอแมนว่าอยู่ครองเรือนซือๆ.
กะต้องฮู้จัก(สร้างบุญ
กุศลบารมีทั้ง10ทัศ ตามกำลังเจ้าของ)ให้เจ้าของ เพื่อเป็นเสบียงบุญ
จังสิเวี่ยนว่ายตายเกิด ไปเกิดในภพที่บ่อลำบาก
เพิลว่า ในสังสารวัฏนี้ ถ้าเคยทำบุญร่วมกัน100ครั้ง จังได้พอหน้ากันครั้งหนึ่ง คึจังขี่รถผ่านนำถนน เฮาขี่รถผ่านคนแปลกหน้า อยู่ท้องถนน เห็นหน้าคนแปลกหน้าปุ๊บ นั่นคือเฮาเคยทำบุญนำกันกับเขา 100 ครั้ง ตะหลายภพชาตินับถอยหลังกลับไป
แต่ผู้ที่ได้มาเป็นคู่กันหนิ ต้องเคยทำบุญร่วมกันมายาวนานหลายภพชาติหลายครั้งคัก คักกว่านั้นบักหลายเท่า
บุญหยัง
บุญใน 10 ข้อ นี่หละ
มี 10 ข้อ
ทาน
ศีล
เนกขัมมะ
ปัญญา
วิริยะ
ขันติ
อธิฐานะ
สัจจะ
เมตตา
อุเบกขา
นี่หละให้แบ่งเวลาในชีวิต ออกมาสร้างบารมีนำกัน
ถ้าวาค้าขาย ขายของ
ศีลข้อ อทินนา ลักหรือโกง บ่ควรลักหรือโกงเขา
เด้อ ถ้าเฮ็ดจนชินชนวิบากให้ผล
เป็นไปเพื่อทรัพย์พินาศล่มละลายหมด
และข้อ กาเม ถ้าผิด นี่แฮงตะย้านคัก
ตะสิคืนมาสมบูณร์ทางเพศได้ ใช้เวลาหลายชาติ
และต้องทุกข์เกี่ยวกับเรื่องคู่หลายชาติ จนวิบากคอยจางลง และจนเมิ๊ดกะต้องใช้เวลาเป็นชาติๆ
..
เรื่องศีล #พระก็ได้แต่แนะ แนะแล้วไม่เอา
ก็วางเฉยท๊อนตั่ว..
#สุดท้ายฝากให้เนม ข้อ 1, 3 เด้อ
"คนครองเรือนมีอารมณ์ทุกข์กันถ้วนหน้าเหมือนกันหมด
แต่ที่ไม่เหมือนคือ 1คนอดทนต่ออารมณ์ทุกข์นั่นได้
2คนอดทนต่ออารมณ์ทุกข์ไม่ได้ 3และคนค้นสติปัญญาในการแก้ปัญหาในเรื่องนั้นๆได้ถูกต้อง
4และคนค้นสติปัญญาในการแก้ปัญหาในเรื่องนั้นๆได้ไม่ถูกต้อง"
ส่วนผู้ที่ทำผิด รู้ว่าตนเองกำลังทำผิด แล้วแก้ตัวใหม่ ให้มาในทางถูกต้องดี
อันนี่คือยุ
และถ้าพวกสู๋ เป็นเทวดา
ลูกกะสิออกมาเป็นเทวดา
ถ้าพวกสู๋เป็นหมา
ลูกกะสิออกมาเป็นหมา
ถ้าสู๋ด่ากัน ตีกัน นั่นละหมา เห็นบ่อหมามันตีกันกัดกัน
ลูกกะสิออกมาเป็นหมา ออกมาเป็นหมาแม่ หมาผู้
ใหญ่มามันกะสิกัดพ่อกัดแม่
พลานพ่อพลานแม่ให้ล้มจม
ให้บ่สำบายใจ ทุกข์อันใด๋สิทุกข์ซำเรื่องลูก
ถ้าสู๋บ่อด่ากัน บ่อตีกัน
ซื่อสัตย์ต่อกัน เฮ็ดโตดีๆเป็นตัวอย่างลูก ลูกกะสิออกมาเป็นคนเป็นเทวดาไป
ใหญ่มามันกะสิค้ำพ่อค้ำแม่ ให้ค้ำคูณ
ให้พ่อแม่สำบายใจให้สู๋มีสุขคือยุสวรรค์
เด้อให้เข้าใจ มีหยังกะต้องเว้ากันบอกกัน
มันจะได้ฮู้เรื่องฮู้เหตุ และเกิดความเข้าใจ
เพราะบ่มีญาญทิพย์สิได้ฮู้จิตฮู้ใจของอีกฝ่ายได้ กะเลยต้องถามบอกกัน
คึจัง ผัวเมียคู่หนึ่งไปตลาดนำกัน
ผุผัวชื่อ"นายฉลาด" ผุเมียชื่อ"นาง หน้ามน"
หมู่เมียเป็นผู้ชาย.
เห็นเมียนายฉลาดแล้ว กะเลยยิ้มให้...นางหน้ามน
นางหน้ามน เห็นคนฮู้จักยิ้มให้แล้ว กะเลยยิ้มให้คืนตามภาษามารยาท
ผู้ผัวกะคือนายฉลาด เห็นหมอนั่นยิ้มให้เมีย และเมียกะยิ้มให้หมอนั่น..
กะปรุงแต่งสังขารธรรมารม์ว่า
"โห่.. ยิ้มให้กันจังสิ มันรอบมีกิ๊กกันแล้ว โห.. มันสิสวมเขาให้เฮาตั๊วนิ
มึงละมื้อแลงนิ กุสิเมียนมัน
ให้มันหลาบ เต๋คึกระสอบทรายเบิ่ง"
#นี่คือคิดไปแบบอวิชชา บ่ฮู้จริง
ทั้งๆที่เขาเป็นคนฮู้จักกัน เป็นญาติกัน เป็นต้น
แต่อีกกรณีหนึ่ง เมียเริ่มสิมีชู้อิหลี
ผู้ผัวกะไว้ใจคักไว้ใจแน ปล่อยให้เขาสายสานสัมพันธ์กัน.
ทั้งๆที่เห็นแปลกๆมีพิรุด กะบอ เอ๊ะใจหยัง กอมันสิเป็นจังซั่นกะย้อนมีเหตุ
"นี่ถึงได้บอกว่าให้ถามกัน"
และผุเมียกะคึนางหน้ามล กะบ่อควรสิตามมารยาทคัก.
เห็นนักเลงขี้ยายิ้มให้..
กะยิ้มให้คืน.. พวกนักเลงเขากะสิบ่มักติแบบหนิ
นางหน้ามนหนิ กะเกินไป
แจกยิ้มให้ฮ้อดผู้ที่บ่ควร
อันนี้กะคือเว่านิทานอิ่งธรรมะให้ฟัง
#สาเหตุที่ชื่อ นายฉลาด ก็เพราะว่า ลาวคิดเรื่องใด๋ขึ้นมา ลาวเอาความคิดลาวเมิ๊ด เอาแต่ฮู้เจ้าของ ไปจุลูๆบ่ฟังไผ๋ คือบังไฟนิ อ้างแต่ว่าเจ้าของเป็นผู้นำ กะเลยเอาแต่ความคิดเจ้าของเป็นใหญ่คักโพด บ่อฮู้จักปรึกษาไผ๋
ถ้าแมนเป็นพ่อใหญ่บ้านกะเป็นได้บ่อดน
สาเหตุที่ชื่อ นางหนามน ก็เพราะว่า ลาวคาแต่งแต่หน้า แต่งแต่โต ทาลิฟใส่คิ้ว เบิ่งตีละทาลิฟสติกใส่คิ้วบ้าปานใด๋ จนเลยขอบเขต"ความควร" เลยความควรออกไป กลายเป็นบอควรซ้ำ
เด้อนี่ละนิทานธรรมะ
เป็นโอวาส จากพระหมู่ ถึงโยมสันติ
และอยู่ครองเรือนแล้ว
กะบอแมนว่าอยู่ครองเรือนซือๆ.
กะต้องฮู้จัก(สร้างบุญ
กุศลบารมีทั้ง10ทัศ ตามกำลังเจ้าของ)ให้เจ้าของ เพื่อเป็นเสบียงบุญ
จังสิเวี่ยนว่ายตายเกิด ไปเกิดในภพที่บ่อลำบาก
เพิลว่า ในสังสารวัฏนี้ ถ้าเคยทำบุญร่วมกัน100ครั้ง จังได้พอหน้ากันครั้งหนึ่ง คึจังขี่รถผ่านนำถนน เฮาขี่รถผ่านคนแปลกหน้า อยู่ท้องถนน เห็นหน้าคนแปลกหน้าปุ๊บ นั่นคือเฮาเคยทำบุญนำกันกับเขา 100 ครั้ง ตะหลายภพชาตินับถอยหลังกลับไป
แต่ผู้ที่ได้มาเป็นคู่กันหนิ ต้องเคยทำบุญร่วมกันมายาวนานหลายภพชาติหลายครั้งคัก คักกว่านั้นบักหลายเท่า
บุญหยัง
บุญใน 10 ข้อ นี่หละ
มี 10 ข้อ
ทาน
ศีล
เนกขัมมะ
ปัญญา
วิริยะ
ขันติ
อธิฐานะ
สัจจะ
เมตตา
อุเบกขา
นี่หละให้แบ่งเวลาในชีวิต ออกมาสร้างบารมีนำกัน
ถ้าวาค้าขาย ขายของ
ศีลข้อ อทินนา ลักหรือโกง บ่ควรลักหรือโกงเขา
เด้อ ถ้าเฮ็ดจนชินชนวิบากให้ผล
เป็นไปเพื่อทรัพย์พินาศล่มละลายหมด
และข้อ กาเม ถ้าผิด นี่แฮงตะย้านคัก
ตะสิคืนมาสมบูณร์ทางเพศได้ ใช้เวลาหลายชาติ
และต้องทุกข์เกี่ยวกับเรื่องคู่หลายชาติ จนวิบากคอยจางลง และจนเมิ๊ดกะต้องใช้เวลาเป็นชาติๆ
..
เรื่องศีล #พระก็ได้แต่แนะ แนะแล้วไม่เอา
ก็วางเฉยท๊อนตั่ว..
#สุดท้ายฝากให้เนม ข้อ 1, 3 เด้อ
"คนครองเรือนมีอารมณ์ทุกข์กันถ้วนหน้าเหมือนกันหมด
แต่ที่ไม่เหมือนคือ 1คนอดทนต่ออารมณ์ทุกข์นั่นได้
2คนอดทนต่ออารมณ์ทุกข์ไม่ได้ 3และคนค้นสติปัญญาในการแก้ปัญหาในเรื่องนั้นๆได้ถูกต้อง
4และคนค้นสติปัญญาในการแก้ปัญหาในเรื่องนั้นๆได้ไม่ถูกต้อง"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เขียนบนไทม์ไลน์ของ Santi-Wanna Loveforever
#โอวาส โยมเพื่อน
ถ้าตนเองทำผิด และรู้ว่าตนเองทำผิด แต่ยังไม่เปลี่ยนแก้ให้เป็นไปทางที่ถูก ระวังไปกันบ่อรอด
ส่วนผู้ที่ทำผิด รู้ว่าตนเองกำลังทำผิด แล้วแก้ตัวใหม่ ให้มาในทางถูกต้องดี
อันนี่คือยุ
และถ้าพวกสู๋ เป็นเทวดา
ลูกกะสิออกมาเป็นเทวดา
ถ้าพวกสู๋เป็นหมา
ลูกกะสิออกมาเป็นหมา
ถ้าสู๋ด่ากัน ตีกัน นั่นละหมา เห็นบ่อหมามันตีกันกัดกัน
ลูกกะสิออกมาเป็นหมา ออกมาเป็นหมาแม่ หมาผู้
ใหญ่มามันกะสิกัดพ่อกัดแม่
พลานพ่อพลานแม่ให้ล้มจม
ให้บ่สำบายใจ ทุกข์อันใด๋สิทุกข์ซำเรื่องลูก
ถ้าสู๋บ่อด่ากัน บ่อตีกัน
ซื่อสัตย์ต่อกัน เฮ็ดโตดีๆเป็นตัวอย่างลูก ลูกกะสิออกมาเป็นคนเป็นเทวดาไป
ใหญ่มามันกะสิค้ำพ่อค้ำแม่ ให้ค้ำคูณ
ให้พ่อแม่สำบายใจให้สู๋มีสุขคือยุสวรรค์
เด้อให้เข้าใจ มีหยังกะต้องเว้ากันบอกกัน
มันจะได้ฮู้เรื่องฮู้เหตุ และเกิดความเข้าใจ
เพราะบ่มีญาญทิพย์สิได้ฮู้จิตฮู้ใจของอีกฝ่ายได้ กะเลยต้องถามบอกกัน
คึจัง ผัวเมียคู่หนึ่งไปตลาดนำกัน
ผุผัวชื่อ"นายฉลาด" ผุเมียชื่อ"นาง หน้ามน"
หมู่เมียเป็นผู้ชาย.
เห็นเมียนายฉลาดแล้ว กะเลยยิ้มให้...นางหน้ามน
นางหน้ามน เห็นคนฮู้จักยิ้มให้แล้ว กะเลยยิ้มให้คืนตามภาษามารยาท
ผู้ผัวกะคือนายฉลาด เห็นหมอนั่นยิ้มให้เมีย และเมียกะยิ้มให้หมอนั่น..
กะปรุงแต่งสังขารธรรมารม์ว่า
"โห่.. ยิ้มให้กันจังสิ มันรอบมีกิ๊กกันแล้ว โห.. มันสิสวมเขาให้เฮาตั๊วนิ
มึงละมื้อแลงนิ กุสิเมียนมัน
ให้มันหลาบ เต๋คึกระสอบทรายเบิ่ง"
#นี่คือคิดไปแบบอวิชชา บ่ฮู้จริง
ทั้งๆที่เขาเป็นคนฮู้จักกัน เป็นญาติกัน เป็นต้น
แต่อีกกรณีหนึ่ง เมียเริ่มสิมีชู้อิหลี
ผู้ผัวกะไว้ใจคักไว้ใจแน ปล่อยให้เขาสายสานสัมพันธ์กัน.
ทั้งๆที่เห็นแปลกๆมีพิรุด กะบอ เอ๊ะใจหยัง กอมันสิเป็นจังซั่นกะย้อนมีเหตุ
"นี่ถึงได้บอกว่าให้ถามกัน"
และผุเมียกะคึนางหน้ามล กะบ่อควรสิตามมารยาทคัก.
เห็นนักเลงขี้ยายิ้มให้..
กะยิ้มให้คืน.. พวกนักเลงเขากะสิบ่มักติแบบหนิ
นางหน้ามนหนิ กะเกินไป
แจกยิ้มให้ฮ้อดผู้ที่บ่ควร
อันนี้กะคือเว่านิทานอิ่งธรรมะให้ฟัง
#สาเหตุที่ชื่อ นายฉลาด ก็เพราะว่า ลาวคิดเรื่องใด๋ขึ้นมา ลาวเอาความคิดลาวเมิ๊ด เอาแต่ฮู้เจ้าของ ไปจุลูๆบ่ฟังไผ๋ คือบังไฟนิ อ้างแต่ว่าเจ้าของเป็นผู้นำ กะเลยเอาแต่ความคิดเจ้าของเป็นใหญ่คักโพด บ่อฮู้จักปรึกษาไผ๋
ถ้าแมนเป็นพ่อใหญ่บ้านกะเป็นได้บ่อดน
สาเหตุที่ชื่อ นางหนามน ก็เพราะว่า ลาวคาแต่งแต่หน้า แต่งแต่โต ทาลิฟใส่คิ้ว เบิ่งตีละทาลิฟสติกใส่คิ้วบ้าปานใด๋ จนเลยขอบเขต"ความควร" เลยความควรออกไป กลายเป็นบอควรซ้ำ
เด้อนี่ละนิทานธรรมะ
เป็นโอวาส จากพระหมู่ ถึงโยมสันติ
และอยู่ครองเรือนแล้ว
กะบอแมนว่าอยู่ครองเรือนซือๆ.
กะต้องฮู้จัก(สร้างบุญ
กุศลบารมีทั้ง10ทัศ ตามกำลังเจ้าของ)ให้เจ้าของ เพื่อเป็นเสบียงบุญ
จังสิเวี่ยนว่ายตายเกิด ไปเกิดในภพที่บ่อลำบาก
เพิลว่า ในสังสารวัฏนี้ ถ้าเคยทำบุญร่วมกัน100ครั้ง จังได้พอหน้ากันครั้งหนึ่ง คึจังขี่รถผ่านนำถนน เฮาขี่รถผ่านคนแปลกหน้า อยู่ท้องถนน เห็นหน้าคนแปลกหน้าปุ๊บ นั่นคือเฮาเคยทำบุญนำกันกับเขา 100 ครั้ง ตะหลายภพชาตินับถอยหลังกลับไป
แต่ผู้ที่ได้มาเป็นคู่กันหนิ ต้องเคยทำบุญร่วมกันมายาวนานหลายภพชาติหลายครั้งคัก คักกว่านั้นบักหลายเท่า
บุญหยัง
บุญใน 10 ข้อ นี่หละ
มี 10 ข้อ
ทาน
ศีล
เนกขัมมะ
ปัญญา
วิริยะ
ขันติ
อธิฐานะ
สัจจะ
เมตตา
อุเบกขา
นี่หละให้แบ่งเวลาในชีวิต ออกมาสร้างบารมีนำกัน
ถ้าวาค้าขาย ขายของ
ศีลข้อ อทินนา ลักหรือโกง บ่ควรลักหรือโกงเขา
เด้อ ถ้าเฮ็ดจนชินชนวิบากให้ผล
เป็นไปเพื่อทรัพย์พินาศล่มละลายหมด
และข้อ กาเม ถ้าผิด นี่แฮงตะย้านคัก
ตะสิคืนมาสมบูณร์ทางเพศได้ ใช้เวลาหลายชาติ
และต้องทุกข์เกี่ยวกับเรื่องคู่หลายชาติ จนวิบากคอยจางลง และจนเมิ๊ดกะต้องใช้เวลาเป็นชาติๆ
..
เรื่องศีล #พระก็ได้แต่แนะ แนะแล้วไม่เอา
ก็วางเฉยท๊อนตั่ว..
#สุดท้ายฝากให้เนม ข้อ 1, 3 เด้อ
"คนครองเรือนมีอารมณ์ทุกข์กันถ้วนหน้าเหมือนกันหมด
แต่ที่ไม่เหมือนคือ 1คนอดทนต่ออารมณ์ทุกข์นั่นได้
2คนอดทนต่ออารมณ์ทุกข์ไม่ได้ 3และคนค้นสติปัญญาในการแก้ปัญหาในเรื่องนั้นๆได้ถูกต้อง
4และคนค้นสติปัญญาในการแก้ปัญหาในเรื่องนั้นๆได้ไม่ถูกต้อง"
ถ้าตนเองทำผิด และรู้ว่าตนเองทำผิด แต่ยังไม่เปลี่ยนแก้ให้เป็นไปทางที่ถูก ระวังไปกันบ่อรอด
ส่วนผู้ที่ทำผิด รู้ว่าตนเองกำลังทำผิด แล้วแก้ตัวใหม่ ให้มาในทางถูกต้องดี
อันนี่คือยุ
และถ้าพวกสู๋ เป็นเทวดา
ลูกกะสิออกมาเป็นเทวดา
ถ้าพวกสู๋เป็นหมา
ลูกกะสิออกมาเป็นหมา
ถ้าสู๋ด่ากัน ตีกัน นั่นละหมา เห็นบ่อหมามันตีกันกัดกัน
ลูกกะสิออกมาเป็นหมา ออกมาเป็นหมาแม่ หมาผู้
ใหญ่มามันกะสิกัดพ่อกัดแม่
พลานพ่อพลานแม่ให้ล้มจม
ให้บ่สำบายใจ ทุกข์อันใด๋สิทุกข์ซำเรื่องลูก
ถ้าสู๋บ่อด่ากัน บ่อตีกัน
ซื่อสัตย์ต่อกัน เฮ็ดโตดีๆเป็นตัวอย่างลูก ลูกกะสิออกมาเป็นคนเป็นเทวดาไป
ใหญ่มามันกะสิค้ำพ่อค้ำแม่ ให้ค้ำคูณ
ให้พ่อแม่สำบายใจให้สู๋มีสุขคือยุสวรรค์
เด้อให้เข้าใจ มีหยังกะต้องเว้ากันบอกกัน
มันจะได้ฮู้เรื่องฮู้เหตุ และเกิดความเข้าใจ
เพราะบ่มีญาญทิพย์สิได้ฮู้จิตฮู้ใจของอีกฝ่ายได้ กะเลยต้องถามบอกกัน
คึจัง ผัวเมียคู่หนึ่งไปตลาดนำกัน
ผุผัวชื่อ"นายฉลาด" ผุเมียชื่อ"นาง หน้ามน"
หมู่เมียเป็นผู้ชาย.
เห็นเมียนายฉลาดแล้ว กะเลยยิ้มให้...นางหน้ามน
นางหน้ามน เห็นคนฮู้จักยิ้มให้แล้ว กะเลยยิ้มให้คืนตามภาษามารยาท
ผู้ผัวกะคือนายฉลาด เห็นหมอนั่นยิ้มให้เมีย และเมียกะยิ้มให้หมอนั่น..
กะปรุงแต่งสังขารธรรมารม์ว่า
"โห่.. ยิ้มให้กันจังสิ มันรอบมีกิ๊กกันแล้ว โห.. มันสิสวมเขาให้เฮาตั๊วนิ
มึงละมื้อแลงนิ กุสิเมียนมัน
ให้มันหลาบ เต๋คึกระสอบทรายเบิ่ง"
#นี่คือคิดไปแบบอวิชชา บ่ฮู้จริง
ทั้งๆที่เขาเป็นคนฮู้จักกัน เป็นญาติกัน เป็นต้น
แต่อีกกรณีหนึ่ง เมียเริ่มสิมีชู้อิหลี
ผู้ผัวกะไว้ใจคักไว้ใจแน ปล่อยให้เขาสายสานสัมพันธ์กัน.
ทั้งๆที่เห็นแปลกๆมีพิรุด กะบอ เอ๊ะใจหยัง กอมันสิเป็นจังซั่นกะย้อนมีเหตุ
"นี่ถึงได้บอกว่าให้ถามกัน"
และผุเมียกะคึนางหน้ามล กะบ่อควรสิตามมารยาทคัก.
เห็นนักเลงขี้ยายิ้มให้..
กะยิ้มให้คืน.. พวกนักเลงเขากะสิบ่มักติแบบหนิ
นางหน้ามนหนิ กะเกินไป
แจกยิ้มให้ฮ้อดผู้ที่บ่ควร
อันนี้กะคือเว่านิทานอิ่งธรรมะให้ฟัง
#สาเหตุที่ชื่อ นายฉลาด ก็เพราะว่า ลาวคิดเรื่องใด๋ขึ้นมา ลาวเอาความคิดลาวเมิ๊ด เอาแต่ฮู้เจ้าของ ไปจุลูๆบ่ฟังไผ๋ คือบังไฟนิ อ้างแต่ว่าเจ้าของเป็นผู้นำ กะเลยเอาแต่ความคิดเจ้าของเป็นใหญ่คักโพด บ่อฮู้จักปรึกษาไผ๋
ถ้าแมนเป็นพ่อใหญ่บ้านกะเป็นได้บ่อดน
สาเหตุที่ชื่อ นางหนามน ก็เพราะว่า ลาวคาแต่งแต่หน้า แต่งแต่โต ทาลิฟใส่คิ้ว เบิ่งตีละทาลิฟสติกใส่คิ้วบ้าปานใด๋ จนเลยขอบเขต"ความควร" เลยความควรออกไป กลายเป็นบอควรซ้ำ
เด้อนี่ละนิทานธรรมะ
เป็นโอวาส จากพระหมู่ ถึงโยมสันติ
และอยู่ครองเรือนแล้ว
กะบอแมนว่าอยู่ครองเรือนซือๆ.
กะต้องฮู้จัก(สร้างบุญ
กุศลบารมีทั้ง10ทัศ ตามกำลังเจ้าของ)ให้เจ้าของ เพื่อเป็นเสบียงบุญ
จังสิเวี่ยนว่ายตายเกิด ไปเกิดในภพที่บ่อลำบาก
เพิลว่า ในสังสารวัฏนี้ ถ้าเคยทำบุญร่วมกัน100ครั้ง จังได้พอหน้ากันครั้งหนึ่ง คึจังขี่รถผ่านนำถนน เฮาขี่รถผ่านคนแปลกหน้า อยู่ท้องถนน เห็นหน้าคนแปลกหน้าปุ๊บ นั่นคือเฮาเคยทำบุญนำกันกับเขา 100 ครั้ง ตะหลายภพชาตินับถอยหลังกลับไป
แต่ผู้ที่ได้มาเป็นคู่กันหนิ ต้องเคยทำบุญร่วมกันมายาวนานหลายภพชาติหลายครั้งคัก คักกว่านั้นบักหลายเท่า
บุญหยัง
บุญใน 10 ข้อ นี่หละ
มี 10 ข้อ
ทาน
ศีล
เนกขัมมะ
ปัญญา
วิริยะ
ขันติ
อธิฐานะ
สัจจะ
เมตตา
อุเบกขา
นี่หละให้แบ่งเวลาในชีวิต ออกมาสร้างบารมีนำกัน
ถ้าวาค้าขาย ขายของ
ศีลข้อ อทินนา ลักหรือโกง บ่ควรลักหรือโกงเขา
เด้อ ถ้าเฮ็ดจนชินชนวิบากให้ผล
เป็นไปเพื่อทรัพย์พินาศล่มละลายหมด
และข้อ กาเม ถ้าผิด นี่แฮงตะย้านคัก
ตะสิคืนมาสมบูณร์ทางเพศได้ ใช้เวลาหลายชาติ
และต้องทุกข์เกี่ยวกับเรื่องคู่หลายชาติ จนวิบากคอยจางลง และจนเมิ๊ดกะต้องใช้เวลาเป็นชาติๆ
..
เรื่องศีล #พระก็ได้แต่แนะ แนะแล้วไม่เอา
ก็วางเฉยท๊อนตั่ว..
#สุดท้ายฝากให้เนม ข้อ 1, 3 เด้อ
"คนครองเรือนมีอารมณ์ทุกข์กันถ้วนหน้าเหมือนกันหมด
แต่ที่ไม่เหมือนคือ 1คนอดทนต่ออารมณ์ทุกข์นั่นได้
2คนอดทนต่ออารมณ์ทุกข์ไม่ได้ 3และคนค้นสติปัญญาในการแก้ปัญหาในเรื่องนั้นๆได้ถูกต้อง
4และคนค้นสติปัญญาในการแก้ปัญหาในเรื่องนั้นๆได้ไม่ถูกต้อง"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"ลิงน้อย" ผู้กระโจนกระโดดออกไป มีตัณหา กับสิ่งภายนอก
ผ่านประตูทั้ง๕ คือ
ประตูตา
ประตูหู
ประตูจมูก
ประตูลิ้น
ประตูกาย
แล้วก็มา วิตก นู่นนี่นั่น ว่านั้นว่านี่ ปรุงแต่งสารพัด
ถ้าปราบ "ราคะ" ตัวเดียวได้
คือหมดความยินดีเพลิดเพลิน กับสิ่งภายนอก ทั้ง๕
ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส
"โทสะ" ก็ดับตามทันที่
เหมือนยิงนก ได้สองตัว
จะสบายแค่ไหน "พระอนาคามี"
#
ข้อปฏิบัติคือมรรค ได้แก ฝึก
กำหนดรู้ รูป
กำหนดรู้ เสียง
กำหนดรู้ กลิ่น
กำหนดรู้ รส
กำหนดรู้ สัมผัส
เห็นให้แจ้งว่า สิ่งที่ถูกรู้ ภายนอกนั้น มันไม่เที่ยง หลายๆหน ซ้ำๆซากๆ
ผ่านประตูทั้ง๕ คือ
ประตูตา
ประตูหู
ประตูจมูก
ประตูลิ้น
ประตูกาย
แล้วก็มา วิตก นู่นนี่นั่น ว่านั้นว่านี่ ปรุงแต่งสารพัด
ถ้าปราบ "ราคะ" ตัวเดียวได้
คือหมดความยินดีเพลิดเพลิน กับสิ่งภายนอก ทั้ง๕
ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส
"โทสะ" ก็ดับตามทันที่
เหมือนยิงนก ได้สองตัว
จะสบายแค่ไหน "พระอนาคามี"
#
ข้อปฏิบัติคือมรรค ได้แก ฝึก
กำหนดรู้ รูป
กำหนดรู้ เสียง
กำหนดรู้ กลิ่น
กำหนดรู้ รส
กำหนดรู้ สัมผัส
เห็นให้แจ้งว่า สิ่งที่ถูกรู้ ภายนอกนั้น มันไม่เที่ยง หลายๆหน ซ้ำๆซากๆ
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 02, 2017 7:02:43pm
วันนี้ คุณดังตฤณ เปิดโอกาส ให้ถามคำถาม
ใครสงสัย ก็ไปโพสถามได้
ส่วนเราเอง จึงถามว่า รูปสัญญเจตนา เป็นอย่างไร
ใครสงสัย ก็ไปโพสถามได้
ส่วนเราเอง จึงถามว่า รูปสัญญเจตนา เป็นอย่างไร
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 02, 2017 7:26:33pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ข้าพระเจ้าโพสธรรมะ
มีประโยชน์ในทางคลายทุกข์หรือบรรเทาทุกข์ บ้างไหม?
มีประโยชน์ในทางคลายทุกข์หรือบรรเทาทุกข์ บ้างไหม?
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 05, 2017 7:22:14pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
www.rabiangdoi.com/arsom/index.php?option=com_content&view=category&id=4&Itemid=15
หลักสูตร ครูสอนสมาธิ
หลักสูตร ครูสอนสมาธิ
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 09, 2017 8:24:10pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าตอนอยู่มัธยม มีพระวิทยากรมาอบรม
ถ้ากล่าวว่า...
ในเวลา เดินจงกลม นะ
"เราจะดูฝาเท้ากระทบพื้นเป็นหลัก" นะเด็กๆ
ในเวลา นั้งสมาธิ
"เราจะดูความรู้สึกที่ก้นสัมผัสอยู่กับพื้นเป็นหลัก" นะเด็กๆ
ในเวลาที่จะเน้นไปเจริญปัญญา
"เราจะดูความรู้สึกในปัจจุบันเดียวนี้เลย
รู้สึกอย่างไร ก็รู้ตามที่มันรู้สึกอยู่ในปัจจุบันนะเด็กๆ
....................................
ถ้าสุขอ่อนๆ อยู่
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู สุขอ่อนๆ
ไอ้ตัวความสุขอ่อนๆนั้นไม่ใช่เรานะเด็กๆ แต่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราไปรู้มันเข้า
ถ้าสุขอ่อนๆ ไม่อยู่. คือมันหายไปแล้ว
ก็รู้ว่าเดียวนี้ ไอ้ตัวสุขอ่อนๆนั้น หายไปแล้ว
ไอ้ตัวสุขอ่อนๆนั้น ไม่ใช่เรานะเด็กๆ แต่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราไปรู้เข้า
พระพุทธเจ้าท่านเคยสอนภิกษุในสมัยพุทธกาลอินเดีย ว่า "ไอ้ตัวสุขอ่อนๆ สุขกลางๆ สุขมากๆนั้น ไม่ใ่่ช่ของเรา ไม่ใช่ตัวเรา เราไม่ควรไปเข้าใจว่านั่นคือตัวเรา
....................................
ถ้าทุกข์อ่อนๆ อยู่
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู ทุกข์อ่อนๆ
ไอ้ตัวความทุกข์อ่อนๆนั้นไม่ใช่เรานะเด็กๆ แต่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราไปรู้มันเข้า
ถ้าทุกข์อ่อนๆ ไม่อยู่. คือมันหายไปแล้ว
ก็รู้ว่าเดียวนี้ ไอ้ตัวทุกข์อ่อนๆนั้น หายไปแล้ว
ไอ้ตัวทุกข์อ่อนๆนั้น ไม่ใช่เรานะเด็กๆ แต่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราไปรู้เข้า
พระพุทธเจ้าท่านเคยสอนภิกษุในสมัยพุทธกาลอินเดีย ว่า "ไอ้ตัวทุกข์อ่อนๆ ทุกข์กลางๆ ทุกข์มากๆนั้น ไม่ใ่่ช่ของเรา ไม่ใช่ตัวเรา เราไม่ควรไปเข้าใจว่านั่นคือตัวเรา
....................................
อารมณ์ใดๆที่มาแปรเปลี่ยน ให้เห็นที่ใจในปัจจุบัน ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ไหว
เปลี่ยนไปเรื่อยๆไม่มีหยุด นั่นคือ "อนัตตา"
ทุกสภาวะอารมณ์ล้วนเป็นอนัตตา
ถ้าสุขอ่อนๆ
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู สุขอ่อนๆอยู่
ถ้าสุขกลางๆ
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู สุขกลางๆอยู่
ถ้าสุขมาก
ก็รู้ว่าเดี่ยวนี้เรากำลังดู สุขมากอยู่
ถ้าทุกข์อ่อนๆ
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู ทุกข์อ่อนๆอยู่
ถ้าทุกข์ปานกลาง
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู ทุกข์ปานกลางอยู่
ถ้าทุกข์มาก
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู ทุกข์มากอยู่
ถ้ารู้สึกชอบพอใจนิดหน่อย
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู ความรู้สึกชอบพอใจนิดหน่อยอยู่
ถ้ารู้สึกชอบพอใจปานกลาง
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดูความรู้สึกชอบหรือพอใจปานกลางอยู่
ถ้ารู้สึกชอบพอใจมาก
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู ความรู้สึกชอบพอใจมากอยู่
ถ้ารู้สึกไม่พอใจไม่ชอบใจนิดหน่อย
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู ความรู้สึกไม่พอใจอยู่นิดหน่อย
ถ้ารู้สึกไม่พอใจปานกลาง
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู ความรู้สึกไม่พอใจปานกลางอยู่
ถ้ารู้สึกไม่พอใจมาก
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู ความรู้สึกไม่พอใจมากอยู่
เหล่านี้ล้วนเป็น "อนััตตา" นะเด็กๆ
ผู้ใดมีศรัทธา(ความเชื่อ) เชื่อว่า อารมณ์ต่างๆนาๆนั้น ไม่ใช่ของเรา
ไม่ใช่เรา อารมณ์นั้นไ่่ม่ใช่ตัวเรา.
จะเป็นเหตุให้พบความสุขสงบในอนาคต นะเด็กๆ
ส่วนผู้ใดหมดศรัทธา(ความเชื่อนี้)
พอเวลามีอารมณ์ต่างๆนาๆผ่านมา
เขาจะยึดถือว่านั่นของเรา นั่นเรา อารมณ์นั้นคือตัวเรา.
จะเป็นเหตุให้พบความทุกข์ร่ำไปในสังสารวัฏไม่มีที่จบสิ้นสุดเลย.... นะเด็กๆ
คงได้มีเพื่อนมาสายทางที่ประเสริฐนี้หลายคน
ถ้ากล่าวว่า...
ในเวลา เดินจงกลม นะ
"เราจะดูฝาเท้ากระทบพื้นเป็นหลัก" นะเด็กๆ
ในเวลา นั้งสมาธิ
"เราจะดูความรู้สึกที่ก้นสัมผัสอยู่กับพื้นเป็นหลัก" นะเด็กๆ
ในเวลาที่จะเน้นไปเจริญปัญญา
"เราจะดูความรู้สึกในปัจจุบันเดียวนี้เลย
รู้สึกอย่างไร ก็รู้ตามที่มันรู้สึกอยู่ในปัจจุบันนะเด็กๆ
....................................
ถ้าสุขอ่อนๆ อยู่
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู สุขอ่อนๆ
ไอ้ตัวความสุขอ่อนๆนั้นไม่ใช่เรานะเด็กๆ แต่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราไปรู้มันเข้า
ถ้าสุขอ่อนๆ ไม่อยู่. คือมันหายไปแล้ว
ก็รู้ว่าเดียวนี้ ไอ้ตัวสุขอ่อนๆนั้น หายไปแล้ว
ไอ้ตัวสุขอ่อนๆนั้น ไม่ใช่เรานะเด็กๆ แต่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราไปรู้เข้า
พระพุทธเจ้าท่านเคยสอนภิกษุในสมัยพุทธกาลอินเดีย ว่า "ไอ้ตัวสุขอ่อนๆ สุขกลางๆ สุขมากๆนั้น ไม่ใ่่ช่ของเรา ไม่ใช่ตัวเรา เราไม่ควรไปเข้าใจว่านั่นคือตัวเรา
....................................
ถ้าทุกข์อ่อนๆ อยู่
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู ทุกข์อ่อนๆ
ไอ้ตัวความทุกข์อ่อนๆนั้นไม่ใช่เรานะเด็กๆ แต่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราไปรู้มันเข้า
ถ้าทุกข์อ่อนๆ ไม่อยู่. คือมันหายไปแล้ว
ก็รู้ว่าเดียวนี้ ไอ้ตัวทุกข์อ่อนๆนั้น หายไปแล้ว
ไอ้ตัวทุกข์อ่อนๆนั้น ไม่ใช่เรานะเด็กๆ แต่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราไปรู้เข้า
พระพุทธเจ้าท่านเคยสอนภิกษุในสมัยพุทธกาลอินเดีย ว่า "ไอ้ตัวทุกข์อ่อนๆ ทุกข์กลางๆ ทุกข์มากๆนั้น ไม่ใ่่ช่ของเรา ไม่ใช่ตัวเรา เราไม่ควรไปเข้าใจว่านั่นคือตัวเรา
....................................
อารมณ์ใดๆที่มาแปรเปลี่ยน ให้เห็นที่ใจในปัจจุบัน ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ไหว
เปลี่ยนไปเรื่อยๆไม่มีหยุด นั่นคือ "อนัตตา"
ทุกสภาวะอารมณ์ล้วนเป็นอนัตตา
ถ้าสุขอ่อนๆ
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู สุขอ่อนๆอยู่
ถ้าสุขกลางๆ
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู สุขกลางๆอยู่
ถ้าสุขมาก
ก็รู้ว่าเดี่ยวนี้เรากำลังดู สุขมากอยู่
ถ้าทุกข์อ่อนๆ
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู ทุกข์อ่อนๆอยู่
ถ้าทุกข์ปานกลาง
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู ทุกข์ปานกลางอยู่
ถ้าทุกข์มาก
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู ทุกข์มากอยู่
ถ้ารู้สึกชอบพอใจนิดหน่อย
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู ความรู้สึกชอบพอใจนิดหน่อยอยู่
ถ้ารู้สึกชอบพอใจปานกลาง
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดูความรู้สึกชอบหรือพอใจปานกลางอยู่
ถ้ารู้สึกชอบพอใจมาก
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู ความรู้สึกชอบพอใจมากอยู่
ถ้ารู้สึกไม่พอใจไม่ชอบใจนิดหน่อย
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู ความรู้สึกไม่พอใจอยู่นิดหน่อย
ถ้ารู้สึกไม่พอใจปานกลาง
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู ความรู้สึกไม่พอใจปานกลางอยู่
ถ้ารู้สึกไม่พอใจมาก
ก็รู้ว่าเดียวนี้เรากำลังดู ความรู้สึกไม่พอใจมากอยู่
เหล่านี้ล้วนเป็น "อนััตตา" นะเด็กๆ
ผู้ใดมีศรัทธา(ความเชื่อ) เชื่อว่า อารมณ์ต่างๆนาๆนั้น ไม่ใช่ของเรา
ไม่ใช่เรา อารมณ์นั้นไ่่ม่ใช่ตัวเรา.
จะเป็นเหตุให้พบความสุขสงบในอนาคต นะเด็กๆ
ส่วนผู้ใดหมดศรัทธา(ความเชื่อนี้)
พอเวลามีอารมณ์ต่างๆนาๆผ่านมา
เขาจะยึดถือว่านั่นของเรา นั่นเรา อารมณ์นั้นคือตัวเรา.
จะเป็นเหตุให้พบความทุกข์ร่ำไปในสังสารวัฏไม่มีที่จบสิ้นสุดเลย.... นะเด็กๆ
คงได้มีเพื่อนมาสายทางที่ประเสริฐนี้หลายคน
** แจก CD ธรรมะ แนววัยรุุ่น .. ครับ ** (แจ้งที่อยู่ทางแชท) #(หมายเหตุ มีจำนวนจำกัด)
แผ่น(1)มีดังนี้
1.รักแท้มีจริง , 2.เกมกรรม ,
3.จิตจักรพรรดิ์ , 4.เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน ,
....../ซึ่งเป็นเสียงอ่านงานเขียนของคุณตังตฤณ
เป็นธรรมะระดับปูพื้นฐานแนวศีลธรรมจริยธรรม เหมาะสมกับวัยรุ่น
แผ่น (2)
เป็นการสอนภาวนา โดยหลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชฺโช
ที่ธรรดาและง่ายมากๆ แค่เรียนรู้กายเรียนรู้ใจในปัจจุบัน
ในชีวิตประจำวัน เหมาะกัยวัยรุ่นมาก
!"เรียกได้ว่าเป็นแผ่น" all in one" ครับ
เพราะผมได้ย่อขนาดไฟล์ลงจากหลายแผ่น เพื่อให้สามารถบรรจุอยู่ใน 2 แผ่นนี้ได้
แผ่น(1)มีดังนี้
1.รักแท้มีจริง , 2.เกมกรรม ,
3.จิตจักรพรรดิ์ , 4.เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน ,
....../ซึ่งเป็นเสียงอ่านงานเขียนของคุณตังตฤณ
เป็นธรรมะระดับปูพื้นฐานแนวศีลธรรมจริยธรรม เหมาะสมกับวัยรุ่น
แผ่น (2)
เป็นการสอนภาวนา โดยหลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชฺโช
ที่ธรรดาและง่ายมากๆ แค่เรียนรู้กายเรียนรู้ใจในปัจจุบัน
ในชีวิตประจำวัน เหมาะกัยวัยรุ่นมาก
!"เรียกได้ว่าเป็นแผ่น" all in one" ครับ
เพราะผมได้ย่อขนาดไฟล์ลงจากหลายแผ่น เพื่อให้สามารถบรรจุอยู่ใน 2 แผ่นนี้ได้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สาเหตุที่ สวย..หล่อ
มาจากนี้แน่ๆ
สาเหตุที่ ไม่สวย..ไม่หล่อ มาจากนี้แน่ๆ
อย่างเช่นถ้าเป็นชาติหนหลัง เคยอบรมความสวย/ความหล่อ โดยการ
เป็นผู้ที่ใฝ่ในกุศล ทาน ศีล เมตตา กรุณา เป็นต้น มามาก
ก็จะเกิดมาพร้อมกับชาติใหม่
ที่จิตใจอ่อนโอน
หน้าตาผิวพรรณดี
มีเสน่ต่อเพศตรงข้าม และแม้จะเป็นเพศเดียวกันก็ตาม
ก็จะรู้สึกว่าอยู่เหนือกว่า.. ในความสวย/ความหล่อ/ผิวพรรณ/โภคทรัพย์
ส่วนสาเหตุที่ไม่สวย..ไม่หล่อ มาจากตรงนี้แน่ๆ
จากนั้นประมาท ไม่เอาแล้วกุศล ทานศีลเมตตา เอาแต่งหน้าใส่เสื้อผ้าดีๆก็สวยหล่อต่อได้เหมือนกันละวะ
เมื่อสวย/เมื่อหล่อ/รวยแล้ว/มีความประมาท ก็มาหลงตัวหลงตน ทนงตนเหยียดหยามคนอื่น
อวดตัวตน ว่าตนสวย ว่าตนหล่อ
ไอ้คนนั้นอีคนนี้หน้าตาไม่ดีเหมือน.กา..เหมือนตุ่น.เหมือนพัดลม(หน้าใหญ่) ! ก็แว๋ะใส่..
มานะทิฏฐิเข้มดำจัด จำเริญล๋ะพ่อคุณเอ๋ย..
ทิศทางภพชาติข้างหน้า การได้อัตภาพก็จะเปลี่ยนไป.
เพราะจิตใจที่ชอบเหยียดหยามคนอื่น แว๋ะใส่คนอื่น รังเกลียดดูหมิ่น ยกขึ้นมาดูถูก เป็นต้นนั้น
จะเป็นเหตุให้ชาติต่อไป
ได้อัตภาพที่ไม่สวย/ไม่หล่อ แน่นอน เพราะจิตหยาบกระด้าง
แม้จะถือศีล๕ไปด้วย เหยียดหยามแว๋ะใส่คนอื่นไปด้วย
ก็ไม่ไหว เพราะเป็นมโนกรรม
เนืองจากการเหยียดหยามแว๋ะใส่คนอื่นเป็นการสร้างกรรมทางใจ
เพราะศีล๕แต่ละข้อ ไม่ใช่เป็นไปเพื่อมีรูปสวย หรือรูปหล่อโดยตรง แต่เป็นส่วนประกอบเฉพาะตน
ไม่ฆ่า เป็นเหตุให้อายุยืน แผลตามร่างกายไม่มี
ไม่ลัก เป็นเหตุให้ไม่พรากสิ่งที่ตนอันพึงจะได้ และได้แล้ว
ไม่ผิดกาม เป็นเหตุให้ไม่มีภัยเวรในเรื่องคู่เวรเช่น เจ้ากรรมนายเวรมาเป็นคู่
ไม่พูดโกหก ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดคำเหลวไหล เป็นเหตุให้วาจามีคนเชื่อถือ
คนฟังเข้าใจว่าสื่ออะไรออกมา
ปากสวยเข้ารูป เสียงไฟเราะ
การไม่โกธร เป็นเหตุให้ มีความสวย มีความหล่อ
เมื่อวิบาก(ผล)ของแต่ละข้อต่างกัน
คนสวย/คนหล่อ .กว่าจะออกมาเค้าโครงกระโหลกศรีษะเจริญเติบโตมาลักษณะทรงอย่างนั้น และโครงสร้างกระดูกภายในทรวดทรงอย่างนั้นไม่ใช่ง่าย
และมีผิวหนังที่ผสมระหว่างธาตุน้ำกับธาตุดินทรงไว้อย่างนั้นก็ไม่ใช่ง่ายๆ
กล่าวคือ ต้องเป็นคนที่เคยปฏิบัติตามนี้มาก่อน กลาง-มาก
ให้ผ้าอาภรแก่ผู้อื่นเป็นทาน เป็นเหตุให้มีผิวพรรณดี
ต้องเป็นคนที่เคย ให้อาหารเป็นทานแก่คนอื่น
จึงเป็นเหตุให้มีเนื้อมีหนัง(มาจากการกินอาหารนั่นแหละ)
ต้องเป็นคนที่สำรวมไม่ฆ่าสัตว์
จึงเป็นเหตุให้ ไม่มีแผลเป็นตามผิว อุบัติเหตุอันจะทำให้เสียโฉม
ต้องเป็นคนที่ไม่พูดโกหก
ต้องเป็นคนที่ไม่พูดส่อเสียด
ต้องเป็นคนที่ไม่พูดหยาบคาย
ต้องเป็นคนที่ไม่พูดคำเหลวไหล
จึงเป็นเหตุให้ปากสวยและฟันดี
มีความสมบูรณ์
ต้องเป็นคนที่ไม่มักโกธรผูกโกธร
จึงเป็นเหตุให้สวยหรือหล่อ
ต้องเป็นคนที่มีจิตใจภายในคือเมตตา ใจดี ออนโยน
จึงเป็นเหตุให้ มีการบำรุงผิวพรรณร่างกายให้แก่ช้า
#ในสมัยพุทธกาลตอนที่พระพุทธเจ้ายังมีชีวิตอยู่
พระนางมัลลิกา(มเหสีของพระเจ้าปัจเสนทิโกศล)
ทรงถามพระพุทธเจ้าว่า
"ทำอย่างไรถึงจะสวย ค้ะ"
พระพุทธเจ้าตอบว่า
"ต้องเป็นผู้ไม่มักโกธร แม้ถูกเขาว่าก็ไม่ขัดเคืองกระฟัดกระฯ"
จะเป็นเหตุให้สวย
#บุคคลที่จิตทรงอยู่ กับอารมณ์เมตตา หรือกรุณา หรือมุฑิตา หรืออุเบกขา บ่อยๆ
จะเป็นเหตุให้จิตมีการบำรุงร่างกายผิวพรรณ ให้ชุมชืน
ครูบาอาจารย์ท่านที่มีพรหมวิหาร
มาก ผิวพรรณท่านจะดีมาก มีสีอมชมพู
เนื่องจากการอยู่ในสมาธิ
ร่างกายจะถูกซ่อมแชม
#คติธรรม
การมีอารมณ์เมตตา แม้เพียงชั่วกาลลัดนิ้วมือเข้ามา สั้นๆไม่กี่วิ
พระพุทธเจ้าตรัสว่าอยู่ไม่เหินห่างจากฌาน คือใกล้จะเป็นฌานแล้ว
และฉันอาหารบิณฑบาตของชาวบ้านโดยไม่สูญเปล่าประโยชน์
(มีอานิสงค์และไม่เป็นหนี)
มาจากนี้แน่ๆ
สาเหตุที่ ไม่สวย..ไม่หล่อ มาจากนี้แน่ๆ
อย่างเช่นถ้าเป็นชาติหนหลัง เคยอบรมความสวย/ความหล่อ โดยการ
เป็นผู้ที่ใฝ่ในกุศล ทาน ศีล เมตตา กรุณา เป็นต้น มามาก
ก็จะเกิดมาพร้อมกับชาติใหม่
ที่จิตใจอ่อนโอน
หน้าตาผิวพรรณดี
มีเสน่ต่อเพศตรงข้าม และแม้จะเป็นเพศเดียวกันก็ตาม
ก็จะรู้สึกว่าอยู่เหนือกว่า.. ในความสวย/ความหล่อ/ผิวพรรณ/โภคทรัพย์
ส่วนสาเหตุที่ไม่สวย..ไม่หล่อ มาจากตรงนี้แน่ๆ
จากนั้นประมาท ไม่เอาแล้วกุศล ทานศีลเมตตา เอาแต่งหน้าใส่เสื้อผ้าดีๆก็สวยหล่อต่อได้เหมือนกันละวะ
เมื่อสวย/เมื่อหล่อ/รวยแล้ว/มีความประมาท ก็มาหลงตัวหลงตน ทนงตนเหยียดหยามคนอื่น
อวดตัวตน ว่าตนสวย ว่าตนหล่อ
ไอ้คนนั้นอีคนนี้หน้าตาไม่ดีเหมือน.กา..เหมือนตุ่น.เหมือนพัดลม(หน้าใหญ่) ! ก็แว๋ะใส่..
มานะทิฏฐิเข้มดำจัด จำเริญล๋ะพ่อคุณเอ๋ย..
ทิศทางภพชาติข้างหน้า การได้อัตภาพก็จะเปลี่ยนไป.
เพราะจิตใจที่ชอบเหยียดหยามคนอื่น แว๋ะใส่คนอื่น รังเกลียดดูหมิ่น ยกขึ้นมาดูถูก เป็นต้นนั้น
จะเป็นเหตุให้ชาติต่อไป
ได้อัตภาพที่ไม่สวย/ไม่หล่อ แน่นอน เพราะจิตหยาบกระด้าง
แม้จะถือศีล๕ไปด้วย เหยียดหยามแว๋ะใส่คนอื่นไปด้วย
ก็ไม่ไหว เพราะเป็นมโนกรรม
เนืองจากการเหยียดหยามแว๋ะใส่คนอื่นเป็นการสร้างกรรมทางใจ
เพราะศีล๕แต่ละข้อ ไม่ใช่เป็นไปเพื่อมีรูปสวย หรือรูปหล่อโดยตรง แต่เป็นส่วนประกอบเฉพาะตน
ไม่ฆ่า เป็นเหตุให้อายุยืน แผลตามร่างกายไม่มี
ไม่ลัก เป็นเหตุให้ไม่พรากสิ่งที่ตนอันพึงจะได้ และได้แล้ว
ไม่ผิดกาม เป็นเหตุให้ไม่มีภัยเวรในเรื่องคู่เวรเช่น เจ้ากรรมนายเวรมาเป็นคู่
ไม่พูดโกหก ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดคำเหลวไหล เป็นเหตุให้วาจามีคนเชื่อถือ
คนฟังเข้าใจว่าสื่ออะไรออกมา
ปากสวยเข้ารูป เสียงไฟเราะ
การไม่โกธร เป็นเหตุให้ มีความสวย มีความหล่อ
เมื่อวิบาก(ผล)ของแต่ละข้อต่างกัน
คนสวย/คนหล่อ .กว่าจะออกมาเค้าโครงกระโหลกศรีษะเจริญเติบโตมาลักษณะทรงอย่างนั้น และโครงสร้างกระดูกภายในทรวดทรงอย่างนั้นไม่ใช่ง่าย
และมีผิวหนังที่ผสมระหว่างธาตุน้ำกับธาตุดินทรงไว้อย่างนั้นก็ไม่ใช่ง่ายๆ
กล่าวคือ ต้องเป็นคนที่เคยปฏิบัติตามนี้มาก่อน กลาง-มาก
ให้ผ้าอาภรแก่ผู้อื่นเป็นทาน เป็นเหตุให้มีผิวพรรณดี
ต้องเป็นคนที่เคย ให้อาหารเป็นทานแก่คนอื่น
จึงเป็นเหตุให้มีเนื้อมีหนัง(มาจากการกินอาหารนั่นแหละ)
ต้องเป็นคนที่สำรวมไม่ฆ่าสัตว์
จึงเป็นเหตุให้ ไม่มีแผลเป็นตามผิว อุบัติเหตุอันจะทำให้เสียโฉม
ต้องเป็นคนที่ไม่พูดโกหก
ต้องเป็นคนที่ไม่พูดส่อเสียด
ต้องเป็นคนที่ไม่พูดหยาบคาย
ต้องเป็นคนที่ไม่พูดคำเหลวไหล
จึงเป็นเหตุให้ปากสวยและฟันดี
มีความสมบูรณ์
ต้องเป็นคนที่ไม่มักโกธรผูกโกธร
จึงเป็นเหตุให้สวยหรือหล่อ
ต้องเป็นคนที่มีจิตใจภายในคือเมตตา ใจดี ออนโยน
จึงเป็นเหตุให้ มีการบำรุงผิวพรรณร่างกายให้แก่ช้า
#ในสมัยพุทธกาลตอนที่พระพุทธเจ้ายังมีชีวิตอยู่
พระนางมัลลิกา(มเหสีของพระเจ้าปัจเสนทิโกศล)
ทรงถามพระพุทธเจ้าว่า
"ทำอย่างไรถึงจะสวย ค้ะ"
พระพุทธเจ้าตอบว่า
"ต้องเป็นผู้ไม่มักโกธร แม้ถูกเขาว่าก็ไม่ขัดเคืองกระฟัดกระฯ"
จะเป็นเหตุให้สวย
#บุคคลที่จิตทรงอยู่ กับอารมณ์เมตตา หรือกรุณา หรือมุฑิตา หรืออุเบกขา บ่อยๆ
จะเป็นเหตุให้จิตมีการบำรุงร่างกายผิวพรรณ ให้ชุมชืน
ครูบาอาจารย์ท่านที่มีพรหมวิหาร
มาก ผิวพรรณท่านจะดีมาก มีสีอมชมพู
เนื่องจากการอยู่ในสมาธิ
ร่างกายจะถูกซ่อมแชม
#คติธรรม
การมีอารมณ์เมตตา แม้เพียงชั่วกาลลัดนิ้วมือเข้ามา สั้นๆไม่กี่วิ
พระพุทธเจ้าตรัสว่าอยู่ไม่เหินห่างจากฌาน คือใกล้จะเป็นฌานแล้ว
และฉันอาหารบิณฑบาตของชาวบ้านโดยไม่สูญเปล่าประโยชน์
(มีอานิสงค์และไม่เป็นหนี)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ จันทร์สุดา เกษมสัตย์ และคนอื่นๆ อีก 43 คน
คุณได้แท็ก จันทร์สุดา เกษมสัตย์, Pat Thiranan, ก๊อปแก็ป มะสิงึด, Rungsun Kiayasuan, จำเนียร สมหมั่น, เจ็บอยู่ ที่ฉัน ฝรรอยู่ที่เทอร์, ความรัก ที่หายไป, คุนนายปรึกจังเศรษฐีใหม่ ฉันหรือเทอที่เปลี่ยนไป มองหาใครไม่เจอ, ชินกร หน่อแก้ว, ลีโอ เจ็บทุกครั้ง, คิดถึง ทั้งน้ำตา, กะต่าเทอร์โบ วั้ยก่อนดั้ยบ่, เจ็บจน ชินชา, เจ็บตรงที่เทอ แกล้งทามเปงรัก, นันฑิตา สจวตย์, คนของเธอ นะจ๊ะ ลัลล้าไม่เป็น, Anurak Kanpakdee, กัญญารัตน์ ปลุกใจ, กะหยั่งวา' ดา, เจมส์ เจน จูนจูน เจ๊าะเจ๊าะ, Pichitchai Siso, เจน' ตงนี้, เจษฏา แสงนวน, Cat Cat, เขมมิกา พรรณณี, ฉันไม่ไช่ หรือเธอไม่พอ, ชัชฏาภรณ์ สง่าโฉม, Suriya Siriwan, ครอบครัว' และหน้าที่, จัยกลาง ความเจ็บปวด, จันทราพร หนูแก้ว, คุณ และคุณเท่านั้น, ความจำสั้น แต่รักฉันยาว, แคทดี้ แคทดดี้ 'นู๋แคทดี้, จากนี้ไป จนนิรันดร์, ขอความฮักแหน่ ดั้ยบ้, Chatchawan Chinnawong, Na Na, จิตรัฐฎา บุญช่วย, Iffy Nattana Nammongkhun, ใจเธอ รู้ดี, จะทิ้งกัน ทำมั้ยมัยบอก, เขามีไหม่เรามีไหม่ ดั้ยเหมือนกาน และ คาวาอิ บอย
.😭
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
สถานที่: โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี (15.193922509505, 104.87506006805)
ที่อยู่: เทศบาลนครอุบลราชธานี 34190
สถานที่: โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี (15.193922509505, 104.87506006805)
ที่อยู่: เทศบาลนครอุบลราชธานี 34190
"อวิชชา ความไม่รู้ในอายตนะ ๖ ตามเป็นจริง"
อายตนะภายใน คือ
ตา หู จมูก ลิ้น กาย มนะ
อายตนะภายนอก คือ
รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธัมมารมณ์
มันเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
อายตนะภายใน คือ
ตา หู จมูก ลิ้น กาย มนะ
อายตนะภายนอก คือ
รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธัมมารมณ์
มันเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#พระพุทธเจ้าทรงใช้อิทธิฤทธิ์ เนรมิตหญิงงามอายุ ๑๖ ปี ให้โชว์ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ต่อหน้าภิกษุณีรูปนันทา
ให้เข้าใจว่า รูปขันธ์ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อย่างนี้
อ่านพระสูตรนี้ จะมีความเข้าใจ
เพราะพระพุทธเจ้า
ทรงใช้อิทธิฤทธิ์ เนรมิต หญิงงามพร้อมประดับอาภรอย่างงดงาม อายุราว ๑๖ ปี ให้มีการแปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆไม่หยุด จนถึงความแก่ปรากฏ จนถึงความเปื่อยเน่าปรากฏ
และดำเนินความเปลี่ยนแปลงต่อไป
" พระศาสดาทรงดำริว่า "วันนี้ รูปนันทาจักมาที่บำรุงของเรา ธรรมเทศนาเช่นไรหนอแล? จักเป็นที่สบายของเธอ" ทรงทำความตกลงพระหฤทัยว่า "รูปนันทานั่น หนักในรูป มีความเยื่อใยในอัตภาพอย่างรุนแรง การบรรเทาความเมาในรูปด้วยรูปนั่นแล เป็นที่สบายของเธอ ดุจการบ่งหนามด้วยหนามฉะนั้น"
ในเวลาที่พระนางเข้าไปสู่วิหาร ทรงนิรมิตหญิงมีรูปสวยพริ้งผู้หนึ่ง อายุราว ๑๖ปี นุ่งผ้าแดง ประดับแล้วด้วยอาภรณ์ทุกอย่าง ถือพัด ยืนถวายงานพัดอยู่ในที่ใกล้พระองค์ ด้วยกำลังพระฤทธิ์, ก็แล พระศาสดาและพระนางรูปนันทาเท่านั้น ทรงเห็นรูปหญิงนั้น.
พระนางเสด็จเข้าไปวิหารพร้อมกับภิกษุณีทั้งหลาย ทรงยืนข้างหลังพวกภิกษุณี ถวายบังคมพระศาสดาด้วยเบญจางคประดิษฐ์ นั่งในระหว่างพวกภิกษุณี ทรงแลดูพระศาสดาตั้งแต่พระบาท ทรงเห็นพระสรีระของพระศาสดาวิจิตรแล้วด้วยพระลักษณะ รุ่งเรืองด้วยอนุพยัญชนะ อันพระรัศมีวาหนึ่งแวดล้อมแล้ว ทรงแลดูพระพักตร์อันมีสิริดุจพระจันทร์เพ็ญ ได้ทรงเห็นรูปหญิงยืนอยู่ในที่ใกล้แล้ว.
พระนางทรงแลดูหญิงนั้นแล้ว ทรงแลดูอัตภาพ (ของตน) รู้สึกว่าตนเหมือนนางกา (ซึ่งอยู่) ข้างหน้านางพระยาหงส์ทอง. ก็จำเดิมแต่เวลาที่ (พระนาง) ทรงเห็นรูปอันสำเร็จแล้วด้วยฤทธิ์ทีเดียว พระเนตรทั้งสองของพระนางก็วิงเวียน. พระนางมีจิตอันสิริโฉมแห่งสรีรประเทศทั้งหมดดึงดูดไปแล้วว่า "โอ ผมของหญิงนี้ก็งาม, โอ หน้าผากก็งาม" ดังนี้ ได้มีสิเนหาในรูปนั้นอย่างรุนแรง.
พระศาสดาทรงทราบความยินดีอย่างสุดซึ้งในรูปนั้นของพระนาง พอเมื่อจะทรงแสดงธรรม จึงทรงแสดงรูปนั้นให้ล่วงภาวะของผู้มีอายุ ๑๖ ปี มีอายุราว ๒๐ ปี. พระนางรูปนันทาได้ทอดพระเนตร มีจิตเบื่อหน่ายหน่อยหนึ่งว่า "รูปนี้ไม่เหมือนรูปก่อนหนอ."
พระศาสดา(ทรงแสดงความแปรเปลี่ยน) ของหญิงนั้นโดยลำดับเทียว คือ เพศหญิงคลอดบุตรครั้งเดียว เพศหญิงกลางคน เพศหญิงแก่ เพศหญิงแก่คร่ำคร่าแล้วเพราะชรา.
แม้พระนางก็ทรงเบื่อหน่ายรูปนั้น ในเวลาที่ทรุดโทรมเพราะชราโดยลำดับเหมือนกัน ว่า "โอ รูปนี้หายไปแล้วๆ" (ครั้น) ทรงเห็นรูปนั้นมีฟันหัก ผมหงอก หลังโกง มีซี่โครงขึ้นดุจกลอน มีไม้เท้ายันข้างหน้า งกงันอยู่ ก็ทรงเบื่อหน่ายเหลือเกิน.
ลำดับนั้น พระศาสดาทรงแสดงรูปหญิงนั้นให้เป็นรูปอันพยาธิครอบงำ ในขณะนั้นเอง หญิงนั้นทิ้งไม้เท้าและพัดใบตาล ร้องเสียงขรม ล้มลงที่ภาคพื้น จมลงในมูตรและกรีสของตน กลิ้งเกลือกไปมา. พระนางรูปนันทาทรงเห็นหญิงนั้นแล้ว ทรงเบื่อหน่ายเต็มที.
พระศาสดาทรงแสดงมรณะของหญิงนั้นแล้ว. หญิงนั้นถึงความเป็นศพพองขึ้นในขณะนั้นเอง สายแห่งหนองและหมู่หนอนไหลออกจากทวารทั้ง ๙. คือ ตา หู จมูก อย่างละ ๒ ปาก ๑ ทวารหนัก ๑ ทวารเบา ๑ ฝูงสัตว์มีกาเป็นต้นรุมแย่งกันกินแล้ว.
____________________________
พระนางรูปนันทาทรงพิจารณาซากศพนั้นแล้ว ทรงเห็นอัตภาพโดยความเป็นสภาพไม่เที่ยงว่า "หญิงนี้ถึงความแก่ ถึงความเจ็บ ถึงความตาย ในที่นี้เอง, ความแก่ ความเจ็บและความตาย จักมาถึงแก่อัตภาพแม้นี้อย่างนั้นเหมือนกัน." และเพราะความที่อัตภาพเป็นสภาพอันพระนางทรงเห็นแล้วโดยความเป็นสภาพไม่เที่ยง(อนิจจัง)นั่นเอง อัตภาพนั้นจึงเป็นอันทรงเห็นแล้วโดยความเป็นทุกขัง โดยความเป็นอนัตตาทีเดียว."
ให้เข้าใจว่า รูปขันธ์ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อย่างนี้
อ่านพระสูตรนี้ จะมีความเข้าใจ
เพราะพระพุทธเจ้า
ทรงใช้อิทธิฤทธิ์ เนรมิต หญิงงามพร้อมประดับอาภรอย่างงดงาม อายุราว ๑๖ ปี ให้มีการแปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆไม่หยุด จนถึงความแก่ปรากฏ จนถึงความเปื่อยเน่าปรากฏ
และดำเนินความเปลี่ยนแปลงต่อไป
" พระศาสดาทรงดำริว่า "วันนี้ รูปนันทาจักมาที่บำรุงของเรา ธรรมเทศนาเช่นไรหนอแล? จักเป็นที่สบายของเธอ" ทรงทำความตกลงพระหฤทัยว่า "รูปนันทานั่น หนักในรูป มีความเยื่อใยในอัตภาพอย่างรุนแรง การบรรเทาความเมาในรูปด้วยรูปนั่นแล เป็นที่สบายของเธอ ดุจการบ่งหนามด้วยหนามฉะนั้น"
ในเวลาที่พระนางเข้าไปสู่วิหาร ทรงนิรมิตหญิงมีรูปสวยพริ้งผู้หนึ่ง อายุราว ๑๖ปี นุ่งผ้าแดง ประดับแล้วด้วยอาภรณ์ทุกอย่าง ถือพัด ยืนถวายงานพัดอยู่ในที่ใกล้พระองค์ ด้วยกำลังพระฤทธิ์, ก็แล พระศาสดาและพระนางรูปนันทาเท่านั้น ทรงเห็นรูปหญิงนั้น.
พระนางเสด็จเข้าไปวิหารพร้อมกับภิกษุณีทั้งหลาย ทรงยืนข้างหลังพวกภิกษุณี ถวายบังคมพระศาสดาด้วยเบญจางคประดิษฐ์ นั่งในระหว่างพวกภิกษุณี ทรงแลดูพระศาสดาตั้งแต่พระบาท ทรงเห็นพระสรีระของพระศาสดาวิจิตรแล้วด้วยพระลักษณะ รุ่งเรืองด้วยอนุพยัญชนะ อันพระรัศมีวาหนึ่งแวดล้อมแล้ว ทรงแลดูพระพักตร์อันมีสิริดุจพระจันทร์เพ็ญ ได้ทรงเห็นรูปหญิงยืนอยู่ในที่ใกล้แล้ว.
พระนางทรงแลดูหญิงนั้นแล้ว ทรงแลดูอัตภาพ (ของตน) รู้สึกว่าตนเหมือนนางกา (ซึ่งอยู่) ข้างหน้านางพระยาหงส์ทอง. ก็จำเดิมแต่เวลาที่ (พระนาง) ทรงเห็นรูปอันสำเร็จแล้วด้วยฤทธิ์ทีเดียว พระเนตรทั้งสองของพระนางก็วิงเวียน. พระนางมีจิตอันสิริโฉมแห่งสรีรประเทศทั้งหมดดึงดูดไปแล้วว่า "โอ ผมของหญิงนี้ก็งาม, โอ หน้าผากก็งาม" ดังนี้ ได้มีสิเนหาในรูปนั้นอย่างรุนแรง.
พระศาสดาทรงทราบความยินดีอย่างสุดซึ้งในรูปนั้นของพระนาง พอเมื่อจะทรงแสดงธรรม จึงทรงแสดงรูปนั้นให้ล่วงภาวะของผู้มีอายุ ๑๖ ปี มีอายุราว ๒๐ ปี. พระนางรูปนันทาได้ทอดพระเนตร มีจิตเบื่อหน่ายหน่อยหนึ่งว่า "รูปนี้ไม่เหมือนรูปก่อนหนอ."
พระศาสดา(ทรงแสดงความแปรเปลี่ยน) ของหญิงนั้นโดยลำดับเทียว คือ เพศหญิงคลอดบุตรครั้งเดียว เพศหญิงกลางคน เพศหญิงแก่ เพศหญิงแก่คร่ำคร่าแล้วเพราะชรา.
แม้พระนางก็ทรงเบื่อหน่ายรูปนั้น ในเวลาที่ทรุดโทรมเพราะชราโดยลำดับเหมือนกัน ว่า "โอ รูปนี้หายไปแล้วๆ" (ครั้น) ทรงเห็นรูปนั้นมีฟันหัก ผมหงอก หลังโกง มีซี่โครงขึ้นดุจกลอน มีไม้เท้ายันข้างหน้า งกงันอยู่ ก็ทรงเบื่อหน่ายเหลือเกิน.
ลำดับนั้น พระศาสดาทรงแสดงรูปหญิงนั้นให้เป็นรูปอันพยาธิครอบงำ ในขณะนั้นเอง หญิงนั้นทิ้งไม้เท้าและพัดใบตาล ร้องเสียงขรม ล้มลงที่ภาคพื้น จมลงในมูตรและกรีสของตน กลิ้งเกลือกไปมา. พระนางรูปนันทาทรงเห็นหญิงนั้นแล้ว ทรงเบื่อหน่ายเต็มที.
พระศาสดาทรงแสดงมรณะของหญิงนั้นแล้ว. หญิงนั้นถึงความเป็นศพพองขึ้นในขณะนั้นเอง สายแห่งหนองและหมู่หนอนไหลออกจากทวารทั้ง ๙. คือ ตา หู จมูก อย่างละ ๒ ปาก ๑ ทวารหนัก ๑ ทวารเบา ๑ ฝูงสัตว์มีกาเป็นต้นรุมแย่งกันกินแล้ว.
____________________________
พระนางรูปนันทาทรงพิจารณาซากศพนั้นแล้ว ทรงเห็นอัตภาพโดยความเป็นสภาพไม่เที่ยงว่า "หญิงนี้ถึงความแก่ ถึงความเจ็บ ถึงความตาย ในที่นี้เอง, ความแก่ ความเจ็บและความตาย จักมาถึงแก่อัตภาพแม้นี้อย่างนั้นเหมือนกัน." และเพราะความที่อัตภาพเป็นสภาพอันพระนางทรงเห็นแล้วโดยความเป็นสภาพไม่เที่ยง(อนิจจัง)นั่นเอง อัตภาพนั้นจึงเป็นอันทรงเห็นแล้วโดยความเป็นทุกขัง โดยความเป็นอนัตตาทีเดียว."
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เขียนบนไทม์ไลน์ของ Aphichat Norkaew
เจริญพร / โยมเพื่อน
วันเกิดไม่ควรเอาความเมาใส่ตัว
วันเกิดควรเอาแต่สิ่งที่ดีๆงามใส่ตัว
#หาทำบุญเด้อมื้อนิ
วันเกิดไม่ควรเอาความเมาใส่ตัว
วันเกิดควรเอาแต่สิ่งที่ดีๆงามใส่ตัว
#หาทำบุญเด้อมื้อนิ
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 16, 2017 3:33:37pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เจริญพร / โยมท่านใด
สนใจรับ [ CD ธรรมะไปศึกษา ]
* ธรรมะในภาคต้น, ปูพื้นฐานศีลธรรมจริยธรรม กรรมวิบากบาปบุญ (ดังตฤณ)
......................
*ธรรมะในภาคปลาย,
คือการปฏิบัติกรรมฐานภาวนา,เดินจงกลม,ทำสมาธิ,เจริญวิปัสนา
(หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชฺโช)
_________________________
โยมท่านใดมีความสนใจจะรับไว้ศึกษาเอง
โปรดแจ้ง ชื่อ-นามสกุล,และที่อยู่/
ตรงคอมเม้นด้านล่างนี่เลย เจริญพร...
>>>
หรืออีกช่องทางหนึ่ง
โดยให้เข้าไปดาวน์โหลดที่
>> ( CDแผ่น ๑ ) <<
https://drive.google.com/drive/folders/0B_EL0-13eOqDYkpra2NVeFo3SWM
>> ( CDแผ่น ๒ ) <<
https://drive.google.com/drive/folders/0B_EL0-13eOqDYzVVbDFIUVNmeGM
~ แชร์ต่อเป็นกุศลน่ะโยม ~
สนใจรับ [ CD ธรรมะไปศึกษา ]
* ธรรมะในภาคต้น, ปูพื้นฐานศีลธรรมจริยธรรม กรรมวิบากบาปบุญ (ดังตฤณ)
......................
*ธรรมะในภาคปลาย,
คือการปฏิบัติกรรมฐานภาวนา,เดินจงกลม,ทำสมาธิ,เจริญวิปัสนา
(หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชฺโช)
_________________________
โยมท่านใดมีความสนใจจะรับไว้ศึกษาเอง
โปรดแจ้ง ชื่อ-นามสกุล,และที่อยู่/
ตรงคอมเม้นด้านล่างนี่เลย เจริญพร...
>>>
หรืออีกช่องทางหนึ่ง
โดยให้เข้าไปดาวน์โหลดที่
>> ( CDแผ่น ๑ ) <<
https://drive.google.com/drive/folders/0B_EL0-13eOqDYkpra2NVeFo3SWM
>> ( CDแผ่น ๒ ) <<
https://drive.google.com/drive/folders/0B_EL0-13eOqDYzVVbDFIUVNmeGM
~ แชร์ต่อเป็นกุศลน่ะโยม ~
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เจริญพร / โยมท่านใด
สนใจรับ [ CD ธรรมะไปศึกษา ]
* ธรรมะในภาคต้น, ปูพื้นฐานศีลธรรมจริยธรรม กรรมวิบากบาปบุญ (ดังตฤณ)
......................
*ธรรมะในภาคปลาย,
คือการปฏิบัติกรรมฐานภาวนา,เดินจงกลม,ทำสมาธิ,เจริญวิปัสนา
(หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชฺโช)
_________________________
โยมท่านใดมีความสนใจจะรับไว้ศึกษาเอง
โปรดแจ้ง ชื่อ-นามสกุล,และที่อยู่/
ตรงคอมเม้นด้านล่างนี่เลย เจริญพร..
หมายเหตุ: ส่งให้ได้แค่ 50 ท่าน
ท่านที่เหลือมีอีกช่องทางหนึ่ง
โดยให้เข้าไปดาวน์โหลดที่
( CDแผ่น ๑ )
https://drive.google.com/drive/folders/0B_EL0-13eOqDYkpra2NVeFo3SWM
( CDแผ่น ๒ )
https://drive.google.com/drive/folders/0B_EL0-13eOqDYzVVbDFIUVNmeGM
สนใจรับ [ CD ธรรมะไปศึกษา ]
* ธรรมะในภาคต้น, ปูพื้นฐานศีลธรรมจริยธรรม กรรมวิบากบาปบุญ (ดังตฤณ)
......................
*ธรรมะในภาคปลาย,
คือการปฏิบัติกรรมฐานภาวนา,เดินจงกลม,ทำสมาธิ,เจริญวิปัสนา
(หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชฺโช)
_________________________
โยมท่านใดมีความสนใจจะรับไว้ศึกษาเอง
โปรดแจ้ง ชื่อ-นามสกุล,และที่อยู่/
ตรงคอมเม้นด้านล่างนี่เลย เจริญพร..
หมายเหตุ: ส่งให้ได้แค่ 50 ท่าน
ท่านที่เหลือมีอีกช่องทางหนึ่ง
โดยให้เข้าไปดาวน์โหลดที่
( CDแผ่น ๑ )
https://drive.google.com/drive/folders/0B_EL0-13eOqDYkpra2NVeFo3SWM
( CDแผ่น ๒ )
https://drive.google.com/drive/folders/0B_EL0-13eOqDYzVVbDFIUVNmeGM
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การจะทำสร้างบารมีทั้ง 10 ข้อ ไม่ใช่เกิดขึ้นได้ง่ายๆเลย
ถ้าไม่มีความคิด ปุ๊บ..!ขึ้นมาว่า
"สร้างบุญบารมี"
::ก็ไม่สามารถจะสร้างบารมีได้
ถ้ามีความคิด ปุ๊บ..ขึ้นมาว่า
"สร้างบุญบารมี"
แต่เจ้าไม่ทำตาม กลับวางเฉย
::ก็ไม่สามารถจะสร้างบารมีได้
ถ้ามีความคิด ปุ๊บ..ขึ้นมาว่า
"สร้างบารมี"
และเจ้าตัวก็พิจารณาว่า ตอนนี้ควรหรือไม่ควรหนอ?
ตอบตนเองว่า ตอนนี้ยังไม่ควรสร้างบารมี
::ก็ไม่สามารถจะสร้างบารมีได้
ถ้ามีความคิด ปุ๊บ..ขึ้นมาว่า
"สร้างบารมี"
และเจ้าตัวก็พิจารณาว่า
ตอนนี้ควรหรือไม่ควรหนอ?
ตอบตนเองว่า ตอนนี้ควรสร้างบารมีข้อนี้ๆ
::จึงได้สร้างบารมีข้อนั่นๆ
#บารมี มีอยู่ 10 ข้อ
๑ ทานบารมี
๒ ศีลบารมี
๓ เนกขัมมะบารมี
๔ ปัญญาบารมี
๕ วิริยะบารมี
๖ ขันติบารมี
๗ สัจจะบารมี
๘ อธิฐานะบารมี
๙ เมตตาบารมี
๑๐ อุเบกขาบารมี
อุปสรรคหรือสาเหตุของการที่บารมีทั้ง10ไม่สำเร็จ :
คือ จะสร้างบารมี
แต่ ไม่สร้างบารมี
"พรุ่งนี้วันพระ"
ถ้าไม่มีความคิด ปุ๊บ..!ขึ้นมาว่า
"สร้างบุญบารมี"
::ก็ไม่สามารถจะสร้างบารมีได้
ถ้ามีความคิด ปุ๊บ..ขึ้นมาว่า
"สร้างบุญบารมี"
แต่เจ้าไม่ทำตาม กลับวางเฉย
::ก็ไม่สามารถจะสร้างบารมีได้
ถ้ามีความคิด ปุ๊บ..ขึ้นมาว่า
"สร้างบารมี"
และเจ้าตัวก็พิจารณาว่า ตอนนี้ควรหรือไม่ควรหนอ?
ตอบตนเองว่า ตอนนี้ยังไม่ควรสร้างบารมี
::ก็ไม่สามารถจะสร้างบารมีได้
ถ้ามีความคิด ปุ๊บ..ขึ้นมาว่า
"สร้างบารมี"
และเจ้าตัวก็พิจารณาว่า
ตอนนี้ควรหรือไม่ควรหนอ?
ตอบตนเองว่า ตอนนี้ควรสร้างบารมีข้อนี้ๆ
::จึงได้สร้างบารมีข้อนั่นๆ
#บารมี มีอยู่ 10 ข้อ
๑ ทานบารมี
๒ ศีลบารมี
๓ เนกขัมมะบารมี
๔ ปัญญาบารมี
๕ วิริยะบารมี
๖ ขันติบารมี
๗ สัจจะบารมี
๘ อธิฐานะบารมี
๙ เมตตาบารมี
๑๐ อุเบกขาบารมี
อุปสรรคหรือสาเหตุของการที่บารมีทั้ง10ไม่สำเร็จ :
คือ จะสร้างบารมี
แต่ ไม่สร้างบารมี
"พรุ่งนี้วันพระ"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ลบสัตว์บุคคล ตัวตนเราเขาออก
ไม่ให้มีใน สิ่งที่วิญญาณเห็น
รูปะ
มีแต่เม็ดสีเคลื่อนไหวไปมา ไม่คงที่
ลบสัตว์บุคคล ตัวตนเราเขาออก
ไม่ให้มีใน เสียง
มีแต่ลักษณะของเสียงที่แตกต่างขึ้นๆลง
ไม่ให้มีใน สิ่งที่วิญญาณเห็น
รูปะ
มีแต่เม็ดสีเคลื่อนไหวไปมา ไม่คงที่
ลบสัตว์บุคคล ตัวตนเราเขาออก
ไม่ให้มีใน เสียง
มีแต่ลักษณะของเสียงที่แตกต่างขึ้นๆลง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าว่ามีอายุ 80 ปีแล้วตาย
ความจริงแล้ว เราไม่ได้ใช้ชีวิตครบ80ปีเลย
ตลอดทั้ง80ปี เราเสียเวลาให้กับการนอน
30ปี
ได้ใช้ชีวิตแค่ 50 ปี
#อะไรเป็นสิ่งที่ดี ที่เป็นประโยชน์แท้
ไม่เผาตนเองในภายหลัง
ให้รีบทำ สิ่งเหล่านั่น
เป็นสิ่งที่ดี
ให้แก้ไขสิ่งที่เป็นเหตุให้ทุกข์ออกไปเสีย
#สอนตนเอง
ความจริงแล้ว เราไม่ได้ใช้ชีวิตครบ80ปีเลย
ตลอดทั้ง80ปี เราเสียเวลาให้กับการนอน
30ปี
ได้ใช้ชีวิตแค่ 50 ปี
#อะไรเป็นสิ่งที่ดี ที่เป็นประโยชน์แท้
ไม่เผาตนเองในภายหลัง
ให้รีบทำ สิ่งเหล่านั่น
เป็นสิ่งที่ดี
ให้แก้ไขสิ่งที่เป็นเหตุให้ทุกข์ออกไปเสีย
#สอนตนเอง
อัพเดตเมื่อ ก.พ. 07, 2017 8:34:02pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การที่เรา พิจารณาว่าอารมณ์ มันไม่เที่ยง คือมันไม่คงที่
และเฝ้าสังเกตดูมันเปลี่ยนแปลง
จะเป็นเหตุให้ ใจเราเบาสบาย
คลายอารมณ์ความทุกข์ออกเรื่อยๆ ไม่หยุด
เหมือนกับเราออกมาจากกองไฟ
ถ้าใจเบาสบาย มันดีอย่างนี้
ก็ชื่อว่า เป็นผู้มีจิตใจเหนือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ถ้าต้องการให้ใจเบาสบาย
ไม่ใช่แค่เป็นผู้สังเกตดู อารมณ์อย่างเดียว
แต่ถ้าเราทำสมาธิด้วย
เช่น นั่งสมาธิตอนก่อนจะนอน 5 นาที คือเฝ้าสังเกตดูลมหายใจที่ไหลเข้า ลมหายใจที่ไหลออก เฝ้าดูอยู่เรื่อยๆ
ด้วยความวางเฉย
หรือนั่งสมาธิตอนใกล้สว่างช่วงเช้า 5 นาที
ว่า"พุทโธในใจไปพร้อมกับลมหายใจ
ว่า "...พุธ.. ตอนลมเข้า..."
ว่า "...โธ.. ตอนลมออก..."
เมื่อว่าในใจไปพร้อมกับลมเข้าลมออกอยู่เรื่อยๆแบบนี้แล้ว
ก็ถือว่าเราได้ทำสมาธิเพิ่มพลังกายเพิ่มพลังทางใจ
เมื่อปฏิบัติดังที่กล่าวแต่ต้นนี้แล้ว
จะเป็นเหตุให้มีผลพลอยได้คือ
1. สติสัมปชัญญะเกิดเพิ่มขึ้น
2. รู้สึกใจเบาโปร่งสบาย
3. ผิวพรรณอ่อนโยนและหน้าผ่องใส
4. สิว..ลดลง หรือหาย
5. แผลหายเร็ว
6. เกิดบุญกุศลกับตัวเองมาก
และเราบริโภคอาหารที่แม่ทำให้กิน แม่ย่อมได้บุญมาก
7. เพิ่มอายุไขตน
8. มีจิตใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำได้นาน
เช่นเขียนหนังสือ หรืออ่านหนังสือ หรือทำอะไรๆ
9. เหมือนความคิดถูกจัดให้เป็นระเบียบ
9. ได้สมาธิ(คือได้ฌาน)
10.ยังมีอื่นๆอีกมาก แต่ต้องใช้เวลา เช่นอาจเกิดญาณสัมผัสพิเศษต่างๆ
เช่น สามารถหยั่งรู้เรื่องราวในอนาคตได้
สามารถหยั่งรู้เรื่องราวในอดีตได้
เช่นเรื่องชาติก่อนของตน หรือของผู้อื่น หรือของสัตว์เดรัจฉาน
สามารถหยั่งรู้ความคิดของคนหรือสัตว์อื่นได้
สามารถใช้สมาธิที่ได้รักษาคนป่วยได้
11. สมาธิไม่เสื่อม ตายแล้ว
ย่อมเกิดเป็นเทพชั้นสูง
และเฝ้าสังเกตดูมันเปลี่ยนแปลง
จะเป็นเหตุให้ ใจเราเบาสบาย
คลายอารมณ์ความทุกข์ออกเรื่อยๆ ไม่หยุด
เหมือนกับเราออกมาจากกองไฟ
ถ้าใจเบาสบาย มันดีอย่างนี้
ก็ชื่อว่า เป็นผู้มีจิตใจเหนือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ถ้าต้องการให้ใจเบาสบาย
ไม่ใช่แค่เป็นผู้สังเกตดู อารมณ์อย่างเดียว
แต่ถ้าเราทำสมาธิด้วย
เช่น นั่งสมาธิตอนก่อนจะนอน 5 นาที คือเฝ้าสังเกตดูลมหายใจที่ไหลเข้า ลมหายใจที่ไหลออก เฝ้าดูอยู่เรื่อยๆ
ด้วยความวางเฉย
หรือนั่งสมาธิตอนใกล้สว่างช่วงเช้า 5 นาที
ว่า"พุทโธในใจไปพร้อมกับลมหายใจ
ว่า "...พุธ.. ตอนลมเข้า..."
ว่า "...โธ.. ตอนลมออก..."
เมื่อว่าในใจไปพร้อมกับลมเข้าลมออกอยู่เรื่อยๆแบบนี้แล้ว
ก็ถือว่าเราได้ทำสมาธิเพิ่มพลังกายเพิ่มพลังทางใจ
เมื่อปฏิบัติดังที่กล่าวแต่ต้นนี้แล้ว
จะเป็นเหตุให้มีผลพลอยได้คือ
1. สติสัมปชัญญะเกิดเพิ่มขึ้น
2. รู้สึกใจเบาโปร่งสบาย
3. ผิวพรรณอ่อนโยนและหน้าผ่องใส
4. สิว..ลดลง หรือหาย
5. แผลหายเร็ว
6. เกิดบุญกุศลกับตัวเองมาก
และเราบริโภคอาหารที่แม่ทำให้กิน แม่ย่อมได้บุญมาก
7. เพิ่มอายุไขตน
8. มีจิตใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำได้นาน
เช่นเขียนหนังสือ หรืออ่านหนังสือ หรือทำอะไรๆ
9. เหมือนความคิดถูกจัดให้เป็นระเบียบ
9. ได้สมาธิ(คือได้ฌาน)
10.ยังมีอื่นๆอีกมาก แต่ต้องใช้เวลา เช่นอาจเกิดญาณสัมผัสพิเศษต่างๆ
เช่น สามารถหยั่งรู้เรื่องราวในอนาคตได้
สามารถหยั่งรู้เรื่องราวในอดีตได้
เช่นเรื่องชาติก่อนของตน หรือของผู้อื่น หรือของสัตว์เดรัจฉาน
สามารถหยั่งรู้ความคิดของคนหรือสัตว์อื่นได้
สามารถใช้สมาธิที่ได้รักษาคนป่วยได้
11. สมาธิไม่เสื่อม ตายแล้ว
ย่อมเกิดเป็นเทพชั้นสูง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การที่เรา พิจารณาว่าอารมณ์ มันไม่เที่ยง คือมันไม่คงที่
และเฝ้าสังเกตดูมันเปลี่ยนแปลง
จะเป็นเหตุให้ ใจเราเบาสบาย
คลายอารมณ์ความทุกข์ออกเรื่อยๆ ไม่หยุด
เหมือนกับเราถอยออกมาจากกองไฟเรื่อยๆ
ถ้าใจเบาสบาย มันดีอย่างนี้
ก็ชื่อว่า เป็นผู้มีจิตใจเหนือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ถ้าต้องการให้ใจเบาสบาย
ไม่ใช่แค่เป็นผู้สังเกตดู อารมณ์อันไม่เที่ยงคงที่
ที่เป็นสิ่งที่ถูกเราไปรู้นั่น
แล้วพอ
แต่ถ้าเราทำสมาธิด้วย
เช่น นั่งสมาธิตอนก่อนจะนอน 5 นาที คือเฝ้าสังเกตดูลมหายใจที่ไหลเข้า ลมหายใจที่ไหลออก เฝ้าดูอยู่เรื่อยๆ
ด้วยความวางเฉย
หรือนั่งสมาธิตอนใกล้สว่างช่วงเช้า 5 นาที
ว่า"พุทโธในใจไปพร้อมกับลมหายใจ
ว่า "...พุธ.. ตอนลมเข้า..."
ว่า "...โธ.. ตอนลมออก..."
เมื่อว่าในใจไปพร้อมกับลมเข้าลมออกอยู่เรื่อยๆแบบนี้แล้ว
ก็ถือว่าเราได้ทำสมาธิเพิ่มพลังกายเพิ่มพลังทางใจ
เมื่อปฏิบัติดังที่กล่าวแต่ต้นนี้แล้ว
จะเป็นเหตุให้มีผลพลอยได้คือ
1. สติสัมปชัญญะเกิดเพิ่มขึ้น
2. รู้สึกใจเบาโปร่งสบาย
3. ผิวพรรณอ่อนโยนและหน้าผ่องใส
4. สิว..ลดลง หรือหาย
5. แผลหายเร็ว
6. เกิดบุญกุศลกับตัวเองมาก
และเราบริโภคอาหารที่ใครให้กิน เขาย่อมได้บุญมาก
7. เพิ่มอายุไขตน
8. มีจิตใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำได้นาน
เช่นเขียนหนังสือ หรืออ่านหนังสือ หรือทำอะไรๆ
9. เหมือนความคิดถูกจัดให้เป็นระเบียบ
9. ได้สมาธิ(คือได้ฌาน)
10.ยังมีอื่นๆอีกมาก แต่ต้องใช้เวลา เช่นอาจเกิดญาณสัมผัสพิเศษต่างๆ
เช่น สามารถหยั่งรู้เรื่องราวในอนาคตได้
สามารถหยั่งรู้เรื่องราวในอดีตได้
เช่นเรื่องชาติก่อนของตน หรือของผู้อื่น หรือของสัตว์เดรัจฉาน
สามารถหยั่งรู้ความคิดของคนหรือสัตว์อื่นได้
สามารถใช้สมาธิที่ได้รักษาคนป่วยได้
11. สมาธิไม่เสื่อม ตายแล้ว
ย่อมเกิดเป็นเทพชั้นสูง
และเฝ้าสังเกตดูมันเปลี่ยนแปลง
จะเป็นเหตุให้ ใจเราเบาสบาย
คลายอารมณ์ความทุกข์ออกเรื่อยๆ ไม่หยุด
เหมือนกับเราถอยออกมาจากกองไฟเรื่อยๆ
ถ้าใจเบาสบาย มันดีอย่างนี้
ก็ชื่อว่า เป็นผู้มีจิตใจเหนือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ถ้าต้องการให้ใจเบาสบาย
ไม่ใช่แค่เป็นผู้สังเกตดู อารมณ์อันไม่เที่ยงคงที่
ที่เป็นสิ่งที่ถูกเราไปรู้นั่น
แล้วพอ
แต่ถ้าเราทำสมาธิด้วย
เช่น นั่งสมาธิตอนก่อนจะนอน 5 นาที คือเฝ้าสังเกตดูลมหายใจที่ไหลเข้า ลมหายใจที่ไหลออก เฝ้าดูอยู่เรื่อยๆ
ด้วยความวางเฉย
หรือนั่งสมาธิตอนใกล้สว่างช่วงเช้า 5 นาที
ว่า"พุทโธในใจไปพร้อมกับลมหายใจ
ว่า "...พุธ.. ตอนลมเข้า..."
ว่า "...โธ.. ตอนลมออก..."
เมื่อว่าในใจไปพร้อมกับลมเข้าลมออกอยู่เรื่อยๆแบบนี้แล้ว
ก็ถือว่าเราได้ทำสมาธิเพิ่มพลังกายเพิ่มพลังทางใจ
เมื่อปฏิบัติดังที่กล่าวแต่ต้นนี้แล้ว
จะเป็นเหตุให้มีผลพลอยได้คือ
1. สติสัมปชัญญะเกิดเพิ่มขึ้น
2. รู้สึกใจเบาโปร่งสบาย
3. ผิวพรรณอ่อนโยนและหน้าผ่องใส
4. สิว..ลดลง หรือหาย
5. แผลหายเร็ว
6. เกิดบุญกุศลกับตัวเองมาก
และเราบริโภคอาหารที่ใครให้กิน เขาย่อมได้บุญมาก
7. เพิ่มอายุไขตน
8. มีจิตใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำได้นาน
เช่นเขียนหนังสือ หรืออ่านหนังสือ หรือทำอะไรๆ
9. เหมือนความคิดถูกจัดให้เป็นระเบียบ
9. ได้สมาธิ(คือได้ฌาน)
10.ยังมีอื่นๆอีกมาก แต่ต้องใช้เวลา เช่นอาจเกิดญาณสัมผัสพิเศษต่างๆ
เช่น สามารถหยั่งรู้เรื่องราวในอนาคตได้
สามารถหยั่งรู้เรื่องราวในอดีตได้
เช่นเรื่องชาติก่อนของตน หรือของผู้อื่น หรือของสัตว์เดรัจฉาน
สามารถหยั่งรู้ความคิดของคนหรือสัตว์อื่นได้
สามารถใช้สมาธิที่ได้รักษาคนป่วยได้
11. สมาธิไม่เสื่อม ตายแล้ว
ย่อมเกิดเป็นเทพชั้นสูง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่เอาอารมณ์เป็นที่พึ่ง
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่สรณะที่พึ่ง
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่สรณะที่พึ่ง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่ที่ โรงพยาบาลอำนาจเจริญ
สถานที่: โรงพยาบาลอำนาจเจริญ (15.864344456972, 104.6238674359)
ที่อยู่: เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ 37000
สถานที่: โรงพยาบาลอำนาจเจริญ (15.864344456972, 104.6238674359)
ที่อยู่: เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ 37000
(ที่นี่มีครบชุด ) เกิด แก่ เจ็บ ตาย
เด็กน้อยกะมี ผู้ใหญ่กะมี ผู้เฒ่ากะมี เห็นแล้วเป็นจังใด๋...
นี่ล๋ะอนาคตของร่างกายแต่ละส่วน
มือนุ่มๆนิ่มๆ แขนนุ่มๆนิ่มๆ
กะสิเหี้ยวหย่นเมิ๊ดทุกส่วนเลย
ผู้เห็นว่าร่างกายเมื่อมันเป็นอย่างนี้แล้ว
....
ให้รีบศึกษาวิธีภาวนาดูกายดูใจ
ให้เป็น อนิจจัง
พอรู้หลักแล้ว
จะเรียนไปด้วย จะทำงานไปด้วย
ก็เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตนแล้ว
มากแล้ว
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ให้เข้าไปในเว็บนี้ แล้วโหลดแผ่น๑๒และแผ่น๕๙มาฟังก่อน ให้เข้าใจ
www.dhamma.com/thdownloads/
หรือ www.dhamma.com/download/begintoend/
เด็กน้อยกะมี ผู้ใหญ่กะมี ผู้เฒ่ากะมี เห็นแล้วเป็นจังใด๋...
นี่ล๋ะอนาคตของร่างกายแต่ละส่วน
มือนุ่มๆนิ่มๆ แขนนุ่มๆนิ่มๆ
กะสิเหี้ยวหย่นเมิ๊ดทุกส่วนเลย
ผู้เห็นว่าร่างกายเมื่อมันเป็นอย่างนี้แล้ว
....
ให้รีบศึกษาวิธีภาวนาดูกายดูใจ
ให้เป็น อนิจจัง
พอรู้หลักแล้ว
จะเรียนไปด้วย จะทำงานไปด้วย
ก็เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตนแล้ว
มากแล้ว
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ให้เข้าไปในเว็บนี้ แล้วโหลดแผ่น๑๒และแผ่น๕๙มาฟังก่อน ให้เข้าใจ
www.dhamma.com/thdownloads/
หรือ www.dhamma.com/download/begintoend/
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ พระอริยะแห่งวัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ในสายหลวงปู่มั่น ภูริทฺตโต เดิมประวัติของท่านได้รับการรวมรวม-เรียบเรียงโดย พระนาค อตฺถวโร วัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ แต่บทความนี้ได้คัดมาจาก หนังสือธรรมโอวาทหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ซึ่งคุณแจ่ม เจิดจรัส ได้นำมารวบรวมเรียบเรียงไว้
เคยมีคำทำนายเกี่ยวกับเนื้อคู่ของหลวงปู่แหวน เมื่อสมัยที่เรียนมูลกัจจายน์ที่จังหวัดอุบลราชธานี ได้มีหมอดูทำนายว่า เนื้อคู่ของท่านจะมีรูปร่างสันทัด ผิวเนื้อขาวเหลือง ใบหน้ารูปใบโพธิ์ แต่ท่านก็ไม่ได้สนใจอะไร ด้วยชีวิตนี้ท่านได้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อพระศาสนาแล้ว จึงขอกล่าวถึงข้อความตอนหนึ่งในหนังสืออนุสรณ์หลวงปู่แหวน เกี่ยวกับในช่วงที่จิตของท่านนึกเห็นแต่หน้าของหญิงนางนั้น ที่สุดท่านก็ได้บังคับจิตของท่านให้หลุดออกจากห้วงนั้น โดยใช้อุบายธรรมพิจารณาเหตุผลในทีละอย่าง จนท่านก็ประสบความสำเร็จ เนื้อความในหนังสือที่ยกมากล่าวอ้างนี้ความว่า
วันหนึ่ง หลวงปู่แหวนได้มาพักบำเพ็ญอยู่ที่บ้านนาสอง เป็นหมู่บ้านที่ใหญ่พอสมควร พวกชาวบ้านถิ่นนั้นมีแปลกอยู่อย่างคือ เวลาเห็นพระไปบิณฑบาต พวกเขาจะป่าวร้องกันมาใส่บาตรว่า “มาเน้อมาใส่บาตร ญาธรรมมาแล้ว หาน้ำอ้อยน้ำตาลมาใส่บาตร ญาธรรมมาแล้ว ท่านชอบของหวาน” เมื่อได้ยินคนร้องประกาศเช่นนั้น ต่างก็เอาของมาใส่บาตรจนเต็ม พวกนี้เหมือนกับพวกไทยใหญ่ ไทยใหญ่ถ้าเห็นพระไปบิณฑบาต เขาจะใส่บาตรด้วยน้ำอ้อยน้ำตาลกับข้าวเช่นกัน พวกเขาถือว่าเจ้บุ๊นไม่กินเนื้อสัตว์ กินแต่ของหวาน แต่อย่างไรก็ตาม การฉันข้าวกับน้ำอ้อยน้ำตาลนั้นวันสองวันแรกก็ฉันได้ดี แต่วันที่สามที่สี่รู้สึกเบื่อ
วันหนึ่งใกล้ค่ำได้ไปสรงน้ำที่แม่น้ำงึม มีหญิงสองคนแม่ลูกถ่อเรือมาตามลำน้ำงึม ถึงที่พระกำลังสรงน้ำอยู่ ก็ชำเรืองตามาทางพระหนุ่ม เมื่อสายตาของทั้งฝ่ายประสานกันเข้า ก็มีอานุภาพลึกลับและรุนแรงพอที่จะตรึงคนทั้งสองฝ่ายให้ตะลึงไปได้ ระหว่างทางที่เดินกลับที่พักในใจยังคิดถึงหญิงงามนั้นอยู่
เมื่อมาถึงที่พัก จึงกลับได้สติหวนระลึกถึงคำนายของหมอดูเมื่อครั้งเรียนมูลกัจจายน์อยู่เมืองอุบล ที่ทำนายว่า “เนื้อคู่ของท่านอยู่ทางทิศนี้ รูปร่างสันทัด ผิวเนื้อขาวเหลือง ใบหน้าเหมือนใบโพธิ์” หญิงที่เราพบเห็นเมื่อตอนเย็นก็มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับคำทำนายของหมอดู เห็นจะเป็นหญิงคนนี้แน่ เพราะเมื่อเราเห็นเป็นครั้งแรกก็ทำให้เรามีจิตแปรปรวนแล้ว จึงตัดสินใจเดินทางกลับไทย เมื่อข้ามมายังฝั่งไทยได้ขึ้นไปทางอำเภอศรีเชียงใหม่ ไปพักอบรมตนอยู่ที่พระบาทเนินกุ่มใหม่ ไปพักอยู่ที่พระบาทเนินกุ่มหมากเป้ง
ณ ที่นั้นได้พบกับหลวงปู่มั่น ภูริทฺตโต ซึ่งท่านได้ปลีกตัวออกจากหมู่คณะ มาภาวนาอยู่บริเวณนั้น เมื่อได้พบกับอาจารย์อีก จึงดีใจมาก การพักอบรมตนอยู่กับหลวงปู่มั่น ก่อนเข้าพรรษาทำให้จิตสงบลง ไม่ฟุ้งซ่านเหมือนก่อน แต่ภาพของหญิงงามนั้นยังปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว แต่เมื่อเร่งภาวนาเข้าภาพนั้นก็สงบลง
หลังจากเข้าพรรษาแล้ว ตั้งใจปรารถความเพียรอย่างเต็มที่ การเร่งความเพียรในระยะแรก จิตที่ยังไม่มีอะไรมาวุ่นวายคงสงบตัวได้ง่าย มีอุบายทางปัญญาพอสมควรเมื่อเร่งความเพียรหนักเข้าเอาจริงเอาจังเข้า กิเลสก็เอาจริงเอาจังกับเราเหมือนกัน คือแทนที่จิตจะดำเนินไปตามที่เราต้องการ กลับพลิกไปหานางงามที่บ้านนาสอง ฝั่งแม่น้ำงึมนั้นอีก ทีแรกได้พยายามปราบด้วยอุบายต่างๆ แต่ไม่สำเร็จ ยิ่งเร่งความเพียรดูเหมือนเอาเชื้อไปใส่ไฟ ยิ่งกำเริบหนักเข้าไปอีก เผลอไม่ได้เป็นต้องหาหญิงนั้นทันที บางครั้งมันหนีออกไปซึ่งๆ หน้า คือขณะที่คิดอุบายการพิจารณาอยู่นั่นเอง มันก็วิ่งไปหาหญิงนั้นเอาซึ่งๆ หน้ากันทีเดียว
อุบายการปฏิบัติวิชาต่างๆ ที่นำมาใช้ในการทรมานจิตในครั้งนั้น เช่น เว้นการนอนเสีย มีเฉพาะเวลานั่ง ยืน เดิน ทำอยู่เช่นนั้นหลายวันหลายคืน คอยจับดูจิตว่ามันคลายความรักในหญิงนั้นแล้วหรือยัง ปรากฏว่าไม่ได้ผล จิตยังคงวิ่งออกไปหาหญิงงามอยู่เช่นเคย เผลอสติไม่ได้ ต่อมาเพิ่มไม่นั่งไม่นอน มีแต่ยืนกับเดิน ทำความเพียรอยู่อย่างนี้จิตมันก็ไม่ยอม มันคงไปตามเรื่องตามราวของมันเช่นเคย
คราวนี้เปลี่ยนวิธีใหม่เปลี่ยนเป็นอดอาหาร ไม่ฉันอาหารเลยเว้นไว้แต่น้ำ อุบายการพิจารณาก็เปลี่ยนใหม่ คราวนี้เพ่งเอากายของหญิงนั้น เป็นเป้าหมายในการพิจารณาหายคลายสติ โดยแยกยกพิจารณาทีละอย่างในอาการ ๓๒ ขึ้นโดยอนุโลมปฏิโลม พิจารณาเทียบเข้ามาหากายของตน พิจารณาให้เห็นถึงความเป็นจริงว่าอวัยวะอย่างนั้นๆ ของตนก็มี ของหญิงก็มี ทำไมจะต้องไปรักไปหลง ไปคิดถึง เพ่งพิจารณาทีละส่วนๆ พิจารณาอยู่อย่างนั้นทั้งกลางวันกลางคืนทุกอริยาบท การพิจารณาจนละเอียดอย่างไรขึ้นอยู่กับอุบายความแยบคายของปัญญาที่เกิดขึ้นในขณะนั้น
ตอนหนึ่งพิจารณามาถึงหนังได้ความว่า คนเราหลงอยู่ที่หนัง หนังเป็นเครื่องปกปิดสิ่งที่ไม่น่าดูไว้ ถ้าถลกหนังออก อวัยวะทุกส่วนก็หาส่วนที่น่าดูไม่ได้เลย เพ่งพินิจอยู่จนเห็นความเปื่อยเน่าผุพังสลายไป ไม่มีส่วนไหนที่จะถือว่าเป็นของมั่นคง ในขณะนั้นจิตซึ่งเคยโลดโผน โลดแล่นไปอย่างไม่มีจุดหมายมาก่อน พลันก็ยอมรับตามความจริง ตามเหตุผลของปัญญา ยอมตัวอย่างนักโทษผู้สำนึกผิด ยอมสารภาพถึงการทำตนแต่โดยดี ฉะนั้น นับแต่วินาทีการพิจารณาได้ยุติลง จิตยอมรับเหตุผลของปัญญาแล้ว
เพื่อเป็นการทดสอบว่า “จิตยอมแล้ว” จึงได้ส่งจิตออกไปหาหญิงนั้นหลายครั้ง จิตคงสงบตัวไม่ยอมออกไป ความกำเริบความทรนงตัว ความโลดโผนของจิต จึงถึงความสงบลงตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ไม่กำเริบอีกต่อไป จิตคงทรงเห็นตามสภาพความเป็นจริงของธรรมอยู่ทุกเมื่อ
นำมาจากบอร์ดเก่า โพสต์โดยคุณ poivang
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=4485
เคยมีคำทำนายเกี่ยวกับเนื้อคู่ของหลวงปู่แหวน เมื่อสมัยที่เรียนมูลกัจจายน์ที่จังหวัดอุบลราชธานี ได้มีหมอดูทำนายว่า เนื้อคู่ของท่านจะมีรูปร่างสันทัด ผิวเนื้อขาวเหลือง ใบหน้ารูปใบโพธิ์ แต่ท่านก็ไม่ได้สนใจอะไร ด้วยชีวิตนี้ท่านได้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อพระศาสนาแล้ว จึงขอกล่าวถึงข้อความตอนหนึ่งในหนังสืออนุสรณ์หลวงปู่แหวน เกี่ยวกับในช่วงที่จิตของท่านนึกเห็นแต่หน้าของหญิงนางนั้น ที่สุดท่านก็ได้บังคับจิตของท่านให้หลุดออกจากห้วงนั้น โดยใช้อุบายธรรมพิจารณาเหตุผลในทีละอย่าง จนท่านก็ประสบความสำเร็จ เนื้อความในหนังสือที่ยกมากล่าวอ้างนี้ความว่า
วันหนึ่ง หลวงปู่แหวนได้มาพักบำเพ็ญอยู่ที่บ้านนาสอง เป็นหมู่บ้านที่ใหญ่พอสมควร พวกชาวบ้านถิ่นนั้นมีแปลกอยู่อย่างคือ เวลาเห็นพระไปบิณฑบาต พวกเขาจะป่าวร้องกันมาใส่บาตรว่า “มาเน้อมาใส่บาตร ญาธรรมมาแล้ว หาน้ำอ้อยน้ำตาลมาใส่บาตร ญาธรรมมาแล้ว ท่านชอบของหวาน” เมื่อได้ยินคนร้องประกาศเช่นนั้น ต่างก็เอาของมาใส่บาตรจนเต็ม พวกนี้เหมือนกับพวกไทยใหญ่ ไทยใหญ่ถ้าเห็นพระไปบิณฑบาต เขาจะใส่บาตรด้วยน้ำอ้อยน้ำตาลกับข้าวเช่นกัน พวกเขาถือว่าเจ้บุ๊นไม่กินเนื้อสัตว์ กินแต่ของหวาน แต่อย่างไรก็ตาม การฉันข้าวกับน้ำอ้อยน้ำตาลนั้นวันสองวันแรกก็ฉันได้ดี แต่วันที่สามที่สี่รู้สึกเบื่อ
วันหนึ่งใกล้ค่ำได้ไปสรงน้ำที่แม่น้ำงึม มีหญิงสองคนแม่ลูกถ่อเรือมาตามลำน้ำงึม ถึงที่พระกำลังสรงน้ำอยู่ ก็ชำเรืองตามาทางพระหนุ่ม เมื่อสายตาของทั้งฝ่ายประสานกันเข้า ก็มีอานุภาพลึกลับและรุนแรงพอที่จะตรึงคนทั้งสองฝ่ายให้ตะลึงไปได้ ระหว่างทางที่เดินกลับที่พักในใจยังคิดถึงหญิงงามนั้นอยู่
เมื่อมาถึงที่พัก จึงกลับได้สติหวนระลึกถึงคำนายของหมอดูเมื่อครั้งเรียนมูลกัจจายน์อยู่เมืองอุบล ที่ทำนายว่า “เนื้อคู่ของท่านอยู่ทางทิศนี้ รูปร่างสันทัด ผิวเนื้อขาวเหลือง ใบหน้าเหมือนใบโพธิ์” หญิงที่เราพบเห็นเมื่อตอนเย็นก็มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับคำทำนายของหมอดู เห็นจะเป็นหญิงคนนี้แน่ เพราะเมื่อเราเห็นเป็นครั้งแรกก็ทำให้เรามีจิตแปรปรวนแล้ว จึงตัดสินใจเดินทางกลับไทย เมื่อข้ามมายังฝั่งไทยได้ขึ้นไปทางอำเภอศรีเชียงใหม่ ไปพักอบรมตนอยู่ที่พระบาทเนินกุ่มใหม่ ไปพักอยู่ที่พระบาทเนินกุ่มหมากเป้ง
ณ ที่นั้นได้พบกับหลวงปู่มั่น ภูริทฺตโต ซึ่งท่านได้ปลีกตัวออกจากหมู่คณะ มาภาวนาอยู่บริเวณนั้น เมื่อได้พบกับอาจารย์อีก จึงดีใจมาก การพักอบรมตนอยู่กับหลวงปู่มั่น ก่อนเข้าพรรษาทำให้จิตสงบลง ไม่ฟุ้งซ่านเหมือนก่อน แต่ภาพของหญิงงามนั้นยังปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว แต่เมื่อเร่งภาวนาเข้าภาพนั้นก็สงบลง
หลังจากเข้าพรรษาแล้ว ตั้งใจปรารถความเพียรอย่างเต็มที่ การเร่งความเพียรในระยะแรก จิตที่ยังไม่มีอะไรมาวุ่นวายคงสงบตัวได้ง่าย มีอุบายทางปัญญาพอสมควรเมื่อเร่งความเพียรหนักเข้าเอาจริงเอาจังเข้า กิเลสก็เอาจริงเอาจังกับเราเหมือนกัน คือแทนที่จิตจะดำเนินไปตามที่เราต้องการ กลับพลิกไปหานางงามที่บ้านนาสอง ฝั่งแม่น้ำงึมนั้นอีก ทีแรกได้พยายามปราบด้วยอุบายต่างๆ แต่ไม่สำเร็จ ยิ่งเร่งความเพียรดูเหมือนเอาเชื้อไปใส่ไฟ ยิ่งกำเริบหนักเข้าไปอีก เผลอไม่ได้เป็นต้องหาหญิงนั้นทันที บางครั้งมันหนีออกไปซึ่งๆ หน้า คือขณะที่คิดอุบายการพิจารณาอยู่นั่นเอง มันก็วิ่งไปหาหญิงนั้นเอาซึ่งๆ หน้ากันทีเดียว
อุบายการปฏิบัติวิชาต่างๆ ที่นำมาใช้ในการทรมานจิตในครั้งนั้น เช่น เว้นการนอนเสีย มีเฉพาะเวลานั่ง ยืน เดิน ทำอยู่เช่นนั้นหลายวันหลายคืน คอยจับดูจิตว่ามันคลายความรักในหญิงนั้นแล้วหรือยัง ปรากฏว่าไม่ได้ผล จิตยังคงวิ่งออกไปหาหญิงงามอยู่เช่นเคย เผลอสติไม่ได้ ต่อมาเพิ่มไม่นั่งไม่นอน มีแต่ยืนกับเดิน ทำความเพียรอยู่อย่างนี้จิตมันก็ไม่ยอม มันคงไปตามเรื่องตามราวของมันเช่นเคย
คราวนี้เปลี่ยนวิธีใหม่เปลี่ยนเป็นอดอาหาร ไม่ฉันอาหารเลยเว้นไว้แต่น้ำ อุบายการพิจารณาก็เปลี่ยนใหม่ คราวนี้เพ่งเอากายของหญิงนั้น เป็นเป้าหมายในการพิจารณาหายคลายสติ โดยแยกยกพิจารณาทีละอย่างในอาการ ๓๒ ขึ้นโดยอนุโลมปฏิโลม พิจารณาเทียบเข้ามาหากายของตน พิจารณาให้เห็นถึงความเป็นจริงว่าอวัยวะอย่างนั้นๆ ของตนก็มี ของหญิงก็มี ทำไมจะต้องไปรักไปหลง ไปคิดถึง เพ่งพิจารณาทีละส่วนๆ พิจารณาอยู่อย่างนั้นทั้งกลางวันกลางคืนทุกอริยาบท การพิจารณาจนละเอียดอย่างไรขึ้นอยู่กับอุบายความแยบคายของปัญญาที่เกิดขึ้นในขณะนั้น
ตอนหนึ่งพิจารณามาถึงหนังได้ความว่า คนเราหลงอยู่ที่หนัง หนังเป็นเครื่องปกปิดสิ่งที่ไม่น่าดูไว้ ถ้าถลกหนังออก อวัยวะทุกส่วนก็หาส่วนที่น่าดูไม่ได้เลย เพ่งพินิจอยู่จนเห็นความเปื่อยเน่าผุพังสลายไป ไม่มีส่วนไหนที่จะถือว่าเป็นของมั่นคง ในขณะนั้นจิตซึ่งเคยโลดโผน โลดแล่นไปอย่างไม่มีจุดหมายมาก่อน พลันก็ยอมรับตามความจริง ตามเหตุผลของปัญญา ยอมตัวอย่างนักโทษผู้สำนึกผิด ยอมสารภาพถึงการทำตนแต่โดยดี ฉะนั้น นับแต่วินาทีการพิจารณาได้ยุติลง จิตยอมรับเหตุผลของปัญญาแล้ว
เพื่อเป็นการทดสอบว่า “จิตยอมแล้ว” จึงได้ส่งจิตออกไปหาหญิงนั้นหลายครั้ง จิตคงสงบตัวไม่ยอมออกไป ความกำเริบความทรนงตัว ความโลดโผนของจิต จึงถึงความสงบลงตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ไม่กำเริบอีกต่อไป จิตคงทรงเห็นตามสภาพความเป็นจริงของธรรมอยู่ทุกเมื่อ
นำมาจากบอร์ดเก่า โพสต์โดยคุณ poivang
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=4485
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
... มาถึงตอนนี้มีเรื่องแปลก ๆ ที่ไม่น่าจะมีได้ แต่ก็ได้มีแทรกขึ้นในวงกรรมฐานมาแล้ว
สมัยท่านพักอยู่ในเขาที่เชียงใหม่ จึงขออภัยเขียนไว้บ้างตามที่ได้ยินมา
เพื่อเป็นข้อคิดและเป็นคติเตือนใจแก่ชาวเรา ต่างก็กำลังตกอยู่ในภาวะทำนองเดียวกัน
เรื่องนี้คิดว่า เป็นเรื่องกรรมกันโดยมาก บรรดาที่ได้ทราบกันในวงใกล้ชิด
มีท่านพระอาจารย์มั่น เป็นต้น ผู้ให้ข้อวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องนี้พอได้เป็นข้อคิดตลอดมา
พระอาจารย์รูปหนึ่งซึ่งเคยอยู่กับท่านอาจารย์มั่น เล่าให้ฟังว่า
บ่าย ๆ วันหนึ่งท่านกับพระอีกรูปหนึ่งไปอาบน้ำที่แอ่งหิน
ใกล้กับหนทางไปไร่ไปสวนของชาวบ้านแถบนั้น
แต่อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านมาก
ขณะลงอาบน้ำ เผอิญมีพวกสีกามาจากไร่ เดินผ่านมาที่ตรงนั้น
ซึ่งแต่ก่อนไม่เคยมีเลย พอพระรูปนั้นเจอเข้า
จิตก็เกิดแปรปรวนขึ้นมาทันทีทันใด โดยไม่ทันได้มีสติยับยั้งเอาเลย
จึงเกิดเป็นไฟราคะตัณหาเผาลนตัวเองขึ้น
ในขณะนั้นและร้อนสุมอยู่ตลอดไป
พยายามแก้ไขเท่าไรก็ไม่ตก ทั้งกลัวท่านอาจารย์จะทราบก็กลัว
ทั้งกลัวเจ้าตัวจะเสียไปเพราะเรื่องนี้ก็กลัว เลยทำให้พระรูปนั้นตั้งตัวไม่ติด
นับแต่ขณะนั้นไปถึงกลางคืน จนตลอดคืนที่พิจารณากันอยู่อย่างไม่หยุดยั้งลดละ
เพราะความไม่เคยเป็นมาก่อนเลย เพิ่งมาเจอเอาขณะนั้น ท่านจึงรู้สึกเป็นทุกข์มาก
ในคืนนั้นท่านอาจารย์ก็พิจารณาทราบเช่นกันว่า พระรูปนี้ไปเจอเอาของดีเข้าแล้ว
กำลังเกิดความกระวนกระวายด้วยความรักและความกลัว
ตลอดคืนมิได้หลับนอน ด้วยความพยายามแก้ไขอย่างสุดกำลัง
ตื่นเช้าขึ้นมาท่านก็มิได้ว่าอะไร เพราะทราบว่าเจ้าตัวกำลังกลัวท่านมากแล้ว
ถ้าไปว่าเข้า เดี๋ยวเกิดเป็นอะไรไปก็ยิ่งจะแย่เข้าไปอีก
ท่านแสดงอาการยิ้มต่อพระองค์นั้นขณะที่มาพบกันตอนเช้า
ดูอาการของเธอทั้งอายทั้งกลัวท่านมากแทบตัวสั่น
ท่านก็ทำอาการเป็นไม่รู้ไม่ชี้เฉย ๆ ไปเสีย
พอถึงเวลาบิณฑบาต ท่านเลยหาอุบายพูดเพื่ออะไรก็ยากจะเดาได้ถูก
ว่าท่าน…..กำลังเร่งภาวนาอย่างเอาจริงเอาจัง
จะเร่งต่อไปไม่ต้องไปบิณฑบาตก็ได้ ไปแต่พวกเราก็ยังได้
พระเพียงองค์เดียวจะเลี้ยงไม่ได้อย่างไร ท่านอยากภาวนาต่อก็ไปภาวนาเสีย
ภาวนาเผื่อหมู่คณะด้วยนะ แต่ท่านมิได้มองดูพระรูปนั้นเลย
เพราะท่านทราบดียิ่งกว่าพระรูปนั้นจะทราบเรื่องของตัวอยู่แล้ว
ว่าแล้วท่านก็นำหมู่คณะออกบิณฑบาต ส่วนพระรูปนั้นก็จำใจเข้าทางจงกรมทำความเพียร
ทั้งนี้ท่านทำเพื่ออนุเคราะห์พระที่เป็นขึ้นด้วยความบังเอิญ ไม่มีเจตนา
แต่สุดวิสัยจะห้ามได้ ท่านก็ทราบว่าพระรูปนั้นพยายามอยู่อย่างเต็มใจที่จะแก้เรื่องของตัว
จึงต้องหาอุบายช่วยด้วยวิธีต่าง ๆ โดยมิให้กระทบกระเทือนจิตใจเธอแต่อย่างใด
เวลากลับจากบิณฑบาตมาถึงที่พักแล้ว ก็พร้อมกันจัดอาหารใส่บาตรเธอ
และสั่งให้พระไปนิมนต์เธอมาฉัน หรือจะฉัน ณ ที่อยู่ของตนก็ได้ตามแต่สะดวก
พอทราบเธอก็รีบมาฉันร่วมหมู่คณะ ขณะเธอเดินมาท่านก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่มอง
แต่พูดอย่างนิ่มนวลอ่อนหวาน เพื่อประสานใจที่เป็นรอยร้าวตลอดมานั้น
ไม่ปรารภเรื่องที่จะทำให้เสียใจใด ๆ เลย
แม้เธอจะมาฉันร่วมหมู่คณะ แต่ก็ฉันได้นิดเดียว พอเป็นพิธีไม่ให้เสียมรรยาทเท่านั้น
วันนั้นพระที่อยู่ด้วยกันสองรูปคือรูปที่เล่านี้ด้วย เพราะแต่ก่อนท่านยังไม่ทราบเรื่อง
พากันเกิดความสงสัยโดยคิดว่า แต่ก่อนท่านอาจารย์ไม่เคยทำอย่างนี้กับใครเลย
แต่มาคราวนี้ท่านทำไมถึงทำอย่างนี้กับท่าน……นี้ ชะรอยท่านคงภาวนาดีแน่ ๆ
ท่านถึงได้ช่วยสนับสนุน พอได้โอกาสก็แอบไปหาท่าน…..นั้น
ถามถึงการภาวนาว่า ท่านอาจารย์ว่าท่านกำลังเร่งความเพียรจึงไม่ให้ไปบิณฑบาต
แต่ท่านมิได้บอกว่าท่านภาวนาดี
ที่นี่การภาวนาท่านเป็นอย่างไรบ้าง นิมนต์เล่าให้ผมฟังบ้าง
พระรูปนั้นก็ยิ้มแห้ง ๆ แล้วตอบว่าผมจะภาวนาดียังไง
ท่านอาจารย์เห็นคนจะตายท่านก็ทำท่าช่วยเสริมไป
ตามอุบายแห่งความฉลาดของท่านอย่างนั้นเอง
ผู้ถามเซ้าซี้ให้เล่าให้ฟังตามความจริง ต่างก็ไล่กันไปเลี่ยงกันมาอยู่พักหนึ่ง
และถามว่าที่ว่าท่านอาจารย์เห็นคนจะตายท่านก็ช่วยเสริมไว้นั้นจะตายอย่างไร
และช่วยเสริมอย่างไร? เมื่อทนไม่ไหวเธอก็กำชับว่า
ไม่ให้เล่าถวายท่านอาจารย์ทราบ เพราะท่านทราบเรื่องของผมละเอียดแล้ว
ยิ่งกว่าผมทราบเรื่องของตัวเป็นไหน ๆ ฉะนั้นผมจึงกลัวและอายท่านมาก
แล้วพูดต่อไปว่า วานนี้เราไปอาบน้ำด้วยกันที่แอ่งหิน
ท่านได้เห็นอะไรบ้างขณะกำลังจะอาบน้ำ รูปที่ถามตอบว่าก็ไม่เห็นเห็นอะไร
นอกจากผู้หญิงที่พากันมาจากไร่ผ่านไปบ้าน
ตอนพวกเรากำลังจะอาบน้ำนั้นเท่านั้น
พระที่ถูกถามตอบว่า นั่นแลท่านที่ผมจะตายอยู่ขณะนี้
จนถึงกับท่านอาจารย์ไม่ยอมให้ผมไปบิณฑบาต
ท่านกลัวจะไปสลบหรือตายอยู่ในบ้านขณะที่จะไปเจอเข้าอีกอย่างไรเล่า
ผมจะภาวนาดีอย่างไร ท่านทราบหรือยังว่าคนจะตายนั้นหรือคือคนภาวนาดี
องค์ที่ถามตกตะลึง โอ้โฮตายจริง ท่านไปเป็นอะไรกับเขาพวกนั้นเข้าล่ะ
รูปนั้นตอบว่า ผมจะไปเป็นอะไรกับเขา นอกจากไปขโมยรักเขาเข้าโดยไม่รู้สึกตัว
จนกรรมฐานแตกกระเจิงไปหมด ปรากฏแต่ความสวยงามกับความบ้ารักของผมเท่านั้น
เหยียบย่ำทำลายหัวใจผมแทบตายทั้งคืนเมื่อคืนนี้ แม้เดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ลดละเรื่องบ้านั่นเลย
ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรกับมัน ท่านช่วยผมหน่อยได้ไหม นับว่าเมตตาเอาบุญ
องค์ถาม เวลานี้ก็ยังไม่ลดลงบ้างหรือ? เปล่า เธอตอบ
ซึ่งเป็นคำที่น่าสงสารเอามากมาย
องค์ถาม ถ้าอย่างนั้นผมจะช่วยให้อุบายท่าน คือถ้าท่านไม่สามารรถระงับมันได้
ท่านฝืนอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร นอกจากมันจะกำเริบขึ้นเท่านั้น
ผมว่าท่านควรหลีกจากที่นี่ไปหาภาวนาเสียที่อื่นจะดีกว่า
ถ้าท่านไม่สามารถกราบเรียนท่านอาจารย์ได้ ผมจะช่วยกราบเรียนท่านให้
ว่าท่านประสงค์จะไปแสวงหาที่วิเวกใหม่ เพราะอยู่ที่นี่ไม่สบาย
เข้าใจว่าท่านคงจะอนุญาตทันที เพราะท่านก็ทราบเรื่องท่านดีอยู่แล้วโดยปริยาย
เป็นแต่ท่านยังไม่พูดเท่านั้น เกรงท่านจะอายท่าน
เธอก็เห็นดีด้วยและตกลงกันในขณะนั้น
พอตกเย็นท่านที่จะช่วยอนุเคราะห์ก็เข้าไปกราบเรียนท่านอาจารย์
ท่านก็อนุญาตทันที แต่มีปัญหาเหน็บแนมมาด้วยอย่างลึกลับว่า
โรคกรรมนี้มันหายยาก โรคที่มีเชื้อเดิมอยู่แล้วติดต่อลุกลามได้เร็ว
เท่านี้ท่านก็หยุดไม่พูดอะไรต่อไปอีก แม้ผู้ไปกราบเรียนก็ไม่เข้าใจปัญหาท่าน
เรื่องนี้ต่างคนต่างปิดกัน คือผู้เป็นก็ปิดท่านอาจารย์ ผู้อนุเคราะห์ช่วยเหลือก็ปิดท่านอีก
แม้ท่านอาจารย์เองก็ปิด ทั้งที่ทราบอย่างเต็มใจแล้วก็ทำเป็นเหมือนไม่ทราบ
ต่างคนต่างไม่ยอมบอกความจริงต่อกัน แต่ต่างฝ่ายต่างก็รู้เรื่องได้ดีด้วยกัน
วันหลังเธอก็เข้าไปกราบนมัสการลาท่าน
ท่านก็อนุญาตให้ไปด้วยดี โดยมิได้พูดเรื่องเธอแต่อย่างใด
เธอไปพักอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งไกลจากหมู่บ้านนั้นมาก
ถ้ามิใช่กรรมดังท่านอาจารย์ว่าจริง ๆ ก็คงหวังพ้นภัยได้แน่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อีก
แต่ก็เจ้ากรรม อนิจจาเป็นดังท่านว่าไม่ผิดแม้กระเบียดเดียว
พอเธอหายหน้าไปจากบ้านนั้นไม่นานนัก
ลูกศรที่อยู่ทางนี้ก็คงเจ้ากรรมอย่างเดียวกันอีก
อุตส่าห์ด้นดั้นเปะปะไปหาจนเจอเข้าจนได้
ซึ่งธรรมดาผู้หญิงป่าไม่เคยเป็นไปอย่างนั้น แต่ก็ได้เป็นไปแล้ว
จึงเป็นเรื่องน่าคิดอย่างยิ่ง
หลังจากท่านอาจารย์และหมู่คณะจากหมู่บ้านนั้นไปไม่นานนัก
ก็ทราบว่าพระองค์นั้นสึกเพราะดมยาสลบซ้ำ ๆ ซาก ๆ จนทนไม่ไหว
สุดท้ายกรรมก็พาหมุนกลับมาได้เสียเป็นคู่ผัวตัวเมียกัน
กับสาวงามชาวเขาเผ่ามูเซอคนนั้น ที่บ้านนั่นเอง
นับว่ากรรมเอาเสียจริง ๆ ถ้าไม่กรรมแล้วจะเป็นไปได้อย่างไร
เพราะเท่าที่พระองค์นั้นเล่าให้ฟังขณะที่ใจเริ่มกำเริบทีแรก
ก็เพิ่งเริ่มพบกันขณะเดียวเท่านั้น
มิได้เคยพบเห็นและพูดจาพาทีกันที่ไหนมาก่อนเลย
ข้อนี้บรรดาพระที่อยู่ร่วมกันมา ก็ยอมรับว่าเป็นความจริง
เพราะอยู่ด้วยกันในวัดตลอดเวลา มิได้ไปไหนมาไหนพอจะหลวมตัว
ทั้งก็อยู่กับท่านพระอาจารย์เสียเอง อันเป็นสถานที่ให้ความปลอดภัยตลอดมา
ไม่มีข้อที่น่าสงสัย นอกจากเจ้ากรรมหรือคู่บาปคู่บุญมาถึงเข้าเท่านั้น
เธอเล่าให้พระเคยอนุเคราะห์ฟังว่า เพียงประสาททางตากระทบกันเท่านั้น
มันเหมือนดมยาสลบเข้าไปไม่ได้สติสตังเอาเลย
ปรากฏแต่ความรักความผูกพันมัดจิตใจจนแทบจะหายใจไม่ออก
ทำให้จิตใจเซ่อซ่าไปตามอารมณ์นั้นจนตัวไม่เป็นตัวของตัว
และไม่มีเวลาลดหย่อนผ่อนคลายลงบ้างเลย
เมื่อเห็นท่าไม่ได้การก็พยายามปลีกตัวหนีไป เจ้าของยาก็ตามไปเยี่ยมคนไข้อีก
เรื่องก็เสร็จกันเท่านั้นเองจะไปที่ไหนรอด ใครไม่เคยถูกก็ดูยิ้มได้ ถ้าถูกเข้าก็รู้เอง
เพราะมิใช่พระสุนทรสมุทรพอจะเหาะออกจากทางทวารบนแห่งบ้านได้
ตามปกติพวกนี้ไม่คุ้นกับพระ แต่หากกรรมพาเป็นไปเอง
เรื่องกรรมนี้จึงไม่สิ้นสุดอยู่กับผู้ใด
เพราะกรรมมีอำนาจเหนือใครในโลกที่สร้างกรรม
พระอาจารย์ท่านทราบอย่างเต็มใจ
จึงต้องมีอุบายปฏิบัติต่อเธออย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำต่อผู้ใดมาก่อนเลย
แต่ก็คงสุดวิสัย ท่านจึงมิได้แนะอุบายอะไรเพื่อเธอให้ยิ่งไปกว่าที่อนุเคราะห์มาแล้วนั้น
เรื่องก็ลงเอยกันตรงที่เมื่อไปไม่รอดก็จำต้องจอดเรือ
ซึ่งเป็นคติธรรมของโลกที่อยู่ใต้อำนาจของกรรม
ดังนั้น จึงได้นำเรื่องนี้มาลงไว้เพื่อเป็นคติเตือนใจพวกเราที่อาจเป็นได้
หากเป็นการไม่สมควรประการใดก็หวังได้รับอภัยจากท่านผู้อ่านตามเคย ...
ประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
เรียบเรียงโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=45725
สมัยท่านพักอยู่ในเขาที่เชียงใหม่ จึงขออภัยเขียนไว้บ้างตามที่ได้ยินมา
เพื่อเป็นข้อคิดและเป็นคติเตือนใจแก่ชาวเรา ต่างก็กำลังตกอยู่ในภาวะทำนองเดียวกัน
เรื่องนี้คิดว่า เป็นเรื่องกรรมกันโดยมาก บรรดาที่ได้ทราบกันในวงใกล้ชิด
มีท่านพระอาจารย์มั่น เป็นต้น ผู้ให้ข้อวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องนี้พอได้เป็นข้อคิดตลอดมา
พระอาจารย์รูปหนึ่งซึ่งเคยอยู่กับท่านอาจารย์มั่น เล่าให้ฟังว่า
บ่าย ๆ วันหนึ่งท่านกับพระอีกรูปหนึ่งไปอาบน้ำที่แอ่งหิน
ใกล้กับหนทางไปไร่ไปสวนของชาวบ้านแถบนั้น
แต่อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านมาก
ขณะลงอาบน้ำ เผอิญมีพวกสีกามาจากไร่ เดินผ่านมาที่ตรงนั้น
ซึ่งแต่ก่อนไม่เคยมีเลย พอพระรูปนั้นเจอเข้า
จิตก็เกิดแปรปรวนขึ้นมาทันทีทันใด โดยไม่ทันได้มีสติยับยั้งเอาเลย
จึงเกิดเป็นไฟราคะตัณหาเผาลนตัวเองขึ้น
ในขณะนั้นและร้อนสุมอยู่ตลอดไป
พยายามแก้ไขเท่าไรก็ไม่ตก ทั้งกลัวท่านอาจารย์จะทราบก็กลัว
ทั้งกลัวเจ้าตัวจะเสียไปเพราะเรื่องนี้ก็กลัว เลยทำให้พระรูปนั้นตั้งตัวไม่ติด
นับแต่ขณะนั้นไปถึงกลางคืน จนตลอดคืนที่พิจารณากันอยู่อย่างไม่หยุดยั้งลดละ
เพราะความไม่เคยเป็นมาก่อนเลย เพิ่งมาเจอเอาขณะนั้น ท่านจึงรู้สึกเป็นทุกข์มาก
ในคืนนั้นท่านอาจารย์ก็พิจารณาทราบเช่นกันว่า พระรูปนี้ไปเจอเอาของดีเข้าแล้ว
กำลังเกิดความกระวนกระวายด้วยความรักและความกลัว
ตลอดคืนมิได้หลับนอน ด้วยความพยายามแก้ไขอย่างสุดกำลัง
ตื่นเช้าขึ้นมาท่านก็มิได้ว่าอะไร เพราะทราบว่าเจ้าตัวกำลังกลัวท่านมากแล้ว
ถ้าไปว่าเข้า เดี๋ยวเกิดเป็นอะไรไปก็ยิ่งจะแย่เข้าไปอีก
ท่านแสดงอาการยิ้มต่อพระองค์นั้นขณะที่มาพบกันตอนเช้า
ดูอาการของเธอทั้งอายทั้งกลัวท่านมากแทบตัวสั่น
ท่านก็ทำอาการเป็นไม่รู้ไม่ชี้เฉย ๆ ไปเสีย
พอถึงเวลาบิณฑบาต ท่านเลยหาอุบายพูดเพื่ออะไรก็ยากจะเดาได้ถูก
ว่าท่าน…..กำลังเร่งภาวนาอย่างเอาจริงเอาจัง
จะเร่งต่อไปไม่ต้องไปบิณฑบาตก็ได้ ไปแต่พวกเราก็ยังได้
พระเพียงองค์เดียวจะเลี้ยงไม่ได้อย่างไร ท่านอยากภาวนาต่อก็ไปภาวนาเสีย
ภาวนาเผื่อหมู่คณะด้วยนะ แต่ท่านมิได้มองดูพระรูปนั้นเลย
เพราะท่านทราบดียิ่งกว่าพระรูปนั้นจะทราบเรื่องของตัวอยู่แล้ว
ว่าแล้วท่านก็นำหมู่คณะออกบิณฑบาต ส่วนพระรูปนั้นก็จำใจเข้าทางจงกรมทำความเพียร
ทั้งนี้ท่านทำเพื่ออนุเคราะห์พระที่เป็นขึ้นด้วยความบังเอิญ ไม่มีเจตนา
แต่สุดวิสัยจะห้ามได้ ท่านก็ทราบว่าพระรูปนั้นพยายามอยู่อย่างเต็มใจที่จะแก้เรื่องของตัว
จึงต้องหาอุบายช่วยด้วยวิธีต่าง ๆ โดยมิให้กระทบกระเทือนจิตใจเธอแต่อย่างใด
เวลากลับจากบิณฑบาตมาถึงที่พักแล้ว ก็พร้อมกันจัดอาหารใส่บาตรเธอ
และสั่งให้พระไปนิมนต์เธอมาฉัน หรือจะฉัน ณ ที่อยู่ของตนก็ได้ตามแต่สะดวก
พอทราบเธอก็รีบมาฉันร่วมหมู่คณะ ขณะเธอเดินมาท่านก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่มอง
แต่พูดอย่างนิ่มนวลอ่อนหวาน เพื่อประสานใจที่เป็นรอยร้าวตลอดมานั้น
ไม่ปรารภเรื่องที่จะทำให้เสียใจใด ๆ เลย
แม้เธอจะมาฉันร่วมหมู่คณะ แต่ก็ฉันได้นิดเดียว พอเป็นพิธีไม่ให้เสียมรรยาทเท่านั้น
วันนั้นพระที่อยู่ด้วยกันสองรูปคือรูปที่เล่านี้ด้วย เพราะแต่ก่อนท่านยังไม่ทราบเรื่อง
พากันเกิดความสงสัยโดยคิดว่า แต่ก่อนท่านอาจารย์ไม่เคยทำอย่างนี้กับใครเลย
แต่มาคราวนี้ท่านทำไมถึงทำอย่างนี้กับท่าน……นี้ ชะรอยท่านคงภาวนาดีแน่ ๆ
ท่านถึงได้ช่วยสนับสนุน พอได้โอกาสก็แอบไปหาท่าน…..นั้น
ถามถึงการภาวนาว่า ท่านอาจารย์ว่าท่านกำลังเร่งความเพียรจึงไม่ให้ไปบิณฑบาต
แต่ท่านมิได้บอกว่าท่านภาวนาดี
ที่นี่การภาวนาท่านเป็นอย่างไรบ้าง นิมนต์เล่าให้ผมฟังบ้าง
พระรูปนั้นก็ยิ้มแห้ง ๆ แล้วตอบว่าผมจะภาวนาดียังไง
ท่านอาจารย์เห็นคนจะตายท่านก็ทำท่าช่วยเสริมไป
ตามอุบายแห่งความฉลาดของท่านอย่างนั้นเอง
ผู้ถามเซ้าซี้ให้เล่าให้ฟังตามความจริง ต่างก็ไล่กันไปเลี่ยงกันมาอยู่พักหนึ่ง
และถามว่าที่ว่าท่านอาจารย์เห็นคนจะตายท่านก็ช่วยเสริมไว้นั้นจะตายอย่างไร
และช่วยเสริมอย่างไร? เมื่อทนไม่ไหวเธอก็กำชับว่า
ไม่ให้เล่าถวายท่านอาจารย์ทราบ เพราะท่านทราบเรื่องของผมละเอียดแล้ว
ยิ่งกว่าผมทราบเรื่องของตัวเป็นไหน ๆ ฉะนั้นผมจึงกลัวและอายท่านมาก
แล้วพูดต่อไปว่า วานนี้เราไปอาบน้ำด้วยกันที่แอ่งหิน
ท่านได้เห็นอะไรบ้างขณะกำลังจะอาบน้ำ รูปที่ถามตอบว่าก็ไม่เห็นเห็นอะไร
นอกจากผู้หญิงที่พากันมาจากไร่ผ่านไปบ้าน
ตอนพวกเรากำลังจะอาบน้ำนั้นเท่านั้น
พระที่ถูกถามตอบว่า นั่นแลท่านที่ผมจะตายอยู่ขณะนี้
จนถึงกับท่านอาจารย์ไม่ยอมให้ผมไปบิณฑบาต
ท่านกลัวจะไปสลบหรือตายอยู่ในบ้านขณะที่จะไปเจอเข้าอีกอย่างไรเล่า
ผมจะภาวนาดีอย่างไร ท่านทราบหรือยังว่าคนจะตายนั้นหรือคือคนภาวนาดี
องค์ที่ถามตกตะลึง โอ้โฮตายจริง ท่านไปเป็นอะไรกับเขาพวกนั้นเข้าล่ะ
รูปนั้นตอบว่า ผมจะไปเป็นอะไรกับเขา นอกจากไปขโมยรักเขาเข้าโดยไม่รู้สึกตัว
จนกรรมฐานแตกกระเจิงไปหมด ปรากฏแต่ความสวยงามกับความบ้ารักของผมเท่านั้น
เหยียบย่ำทำลายหัวใจผมแทบตายทั้งคืนเมื่อคืนนี้ แม้เดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ลดละเรื่องบ้านั่นเลย
ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรกับมัน ท่านช่วยผมหน่อยได้ไหม นับว่าเมตตาเอาบุญ
องค์ถาม เวลานี้ก็ยังไม่ลดลงบ้างหรือ? เปล่า เธอตอบ
ซึ่งเป็นคำที่น่าสงสารเอามากมาย
องค์ถาม ถ้าอย่างนั้นผมจะช่วยให้อุบายท่าน คือถ้าท่านไม่สามารรถระงับมันได้
ท่านฝืนอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร นอกจากมันจะกำเริบขึ้นเท่านั้น
ผมว่าท่านควรหลีกจากที่นี่ไปหาภาวนาเสียที่อื่นจะดีกว่า
ถ้าท่านไม่สามารถกราบเรียนท่านอาจารย์ได้ ผมจะช่วยกราบเรียนท่านให้
ว่าท่านประสงค์จะไปแสวงหาที่วิเวกใหม่ เพราะอยู่ที่นี่ไม่สบาย
เข้าใจว่าท่านคงจะอนุญาตทันที เพราะท่านก็ทราบเรื่องท่านดีอยู่แล้วโดยปริยาย
เป็นแต่ท่านยังไม่พูดเท่านั้น เกรงท่านจะอายท่าน
เธอก็เห็นดีด้วยและตกลงกันในขณะนั้น
พอตกเย็นท่านที่จะช่วยอนุเคราะห์ก็เข้าไปกราบเรียนท่านอาจารย์
ท่านก็อนุญาตทันที แต่มีปัญหาเหน็บแนมมาด้วยอย่างลึกลับว่า
โรคกรรมนี้มันหายยาก โรคที่มีเชื้อเดิมอยู่แล้วติดต่อลุกลามได้เร็ว
เท่านี้ท่านก็หยุดไม่พูดอะไรต่อไปอีก แม้ผู้ไปกราบเรียนก็ไม่เข้าใจปัญหาท่าน
เรื่องนี้ต่างคนต่างปิดกัน คือผู้เป็นก็ปิดท่านอาจารย์ ผู้อนุเคราะห์ช่วยเหลือก็ปิดท่านอีก
แม้ท่านอาจารย์เองก็ปิด ทั้งที่ทราบอย่างเต็มใจแล้วก็ทำเป็นเหมือนไม่ทราบ
ต่างคนต่างไม่ยอมบอกความจริงต่อกัน แต่ต่างฝ่ายต่างก็รู้เรื่องได้ดีด้วยกัน
วันหลังเธอก็เข้าไปกราบนมัสการลาท่าน
ท่านก็อนุญาตให้ไปด้วยดี โดยมิได้พูดเรื่องเธอแต่อย่างใด
เธอไปพักอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งไกลจากหมู่บ้านนั้นมาก
ถ้ามิใช่กรรมดังท่านอาจารย์ว่าจริง ๆ ก็คงหวังพ้นภัยได้แน่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อีก
แต่ก็เจ้ากรรม อนิจจาเป็นดังท่านว่าไม่ผิดแม้กระเบียดเดียว
พอเธอหายหน้าไปจากบ้านนั้นไม่นานนัก
ลูกศรที่อยู่ทางนี้ก็คงเจ้ากรรมอย่างเดียวกันอีก
อุตส่าห์ด้นดั้นเปะปะไปหาจนเจอเข้าจนได้
ซึ่งธรรมดาผู้หญิงป่าไม่เคยเป็นไปอย่างนั้น แต่ก็ได้เป็นไปแล้ว
จึงเป็นเรื่องน่าคิดอย่างยิ่ง
หลังจากท่านอาจารย์และหมู่คณะจากหมู่บ้านนั้นไปไม่นานนัก
ก็ทราบว่าพระองค์นั้นสึกเพราะดมยาสลบซ้ำ ๆ ซาก ๆ จนทนไม่ไหว
สุดท้ายกรรมก็พาหมุนกลับมาได้เสียเป็นคู่ผัวตัวเมียกัน
กับสาวงามชาวเขาเผ่ามูเซอคนนั้น ที่บ้านนั่นเอง
นับว่ากรรมเอาเสียจริง ๆ ถ้าไม่กรรมแล้วจะเป็นไปได้อย่างไร
เพราะเท่าที่พระองค์นั้นเล่าให้ฟังขณะที่ใจเริ่มกำเริบทีแรก
ก็เพิ่งเริ่มพบกันขณะเดียวเท่านั้น
มิได้เคยพบเห็นและพูดจาพาทีกันที่ไหนมาก่อนเลย
ข้อนี้บรรดาพระที่อยู่ร่วมกันมา ก็ยอมรับว่าเป็นความจริง
เพราะอยู่ด้วยกันในวัดตลอดเวลา มิได้ไปไหนมาไหนพอจะหลวมตัว
ทั้งก็อยู่กับท่านพระอาจารย์เสียเอง อันเป็นสถานที่ให้ความปลอดภัยตลอดมา
ไม่มีข้อที่น่าสงสัย นอกจากเจ้ากรรมหรือคู่บาปคู่บุญมาถึงเข้าเท่านั้น
เธอเล่าให้พระเคยอนุเคราะห์ฟังว่า เพียงประสาททางตากระทบกันเท่านั้น
มันเหมือนดมยาสลบเข้าไปไม่ได้สติสตังเอาเลย
ปรากฏแต่ความรักความผูกพันมัดจิตใจจนแทบจะหายใจไม่ออก
ทำให้จิตใจเซ่อซ่าไปตามอารมณ์นั้นจนตัวไม่เป็นตัวของตัว
และไม่มีเวลาลดหย่อนผ่อนคลายลงบ้างเลย
เมื่อเห็นท่าไม่ได้การก็พยายามปลีกตัวหนีไป เจ้าของยาก็ตามไปเยี่ยมคนไข้อีก
เรื่องก็เสร็จกันเท่านั้นเองจะไปที่ไหนรอด ใครไม่เคยถูกก็ดูยิ้มได้ ถ้าถูกเข้าก็รู้เอง
เพราะมิใช่พระสุนทรสมุทรพอจะเหาะออกจากทางทวารบนแห่งบ้านได้
ตามปกติพวกนี้ไม่คุ้นกับพระ แต่หากกรรมพาเป็นไปเอง
เรื่องกรรมนี้จึงไม่สิ้นสุดอยู่กับผู้ใด
เพราะกรรมมีอำนาจเหนือใครในโลกที่สร้างกรรม
พระอาจารย์ท่านทราบอย่างเต็มใจ
จึงต้องมีอุบายปฏิบัติต่อเธออย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำต่อผู้ใดมาก่อนเลย
แต่ก็คงสุดวิสัย ท่านจึงมิได้แนะอุบายอะไรเพื่อเธอให้ยิ่งไปกว่าที่อนุเคราะห์มาแล้วนั้น
เรื่องก็ลงเอยกันตรงที่เมื่อไปไม่รอดก็จำต้องจอดเรือ
ซึ่งเป็นคติธรรมของโลกที่อยู่ใต้อำนาจของกรรม
ดังนั้น จึงได้นำเรื่องนี้มาลงไว้เพื่อเป็นคติเตือนใจพวกเราที่อาจเป็นได้
หากเป็นการไม่สมควรประการใดก็หวังได้รับอภัยจากท่านผู้อ่านตามเคย ...
ประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
เรียบเรียงโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=45725
อัพเดตเมื่อ ก.พ. 23, 2017 8:22:46am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระพรหม มีความสุขแบบใด
>มนุษย์ผู้ที่มีใจเมตตา
กรุณา มุฑิตา ฯ ก็มีความสุขเย็นเหมือนกับพระพรหมเหล่านั้น
สุขจากการให้
ละเอียดประณีตกว่าสุขจากการได้รับ
การคิดดี เป็นบ่อเกิดแห่งความสุข
การคิดไม่ดี เป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์
>มนุษย์ผู้ที่มีใจเมตตา
กรุณา มุฑิตา ฯ ก็มีความสุขเย็นเหมือนกับพระพรหมเหล่านั้น
สุขจากการให้
ละเอียดประณีตกว่าสุขจากการได้รับ
การคิดดี เป็นบ่อเกิดแห่งความสุข
การคิดไม่ดี เป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์
อัพเดตเมื่อ ก.พ. 28, 2017 8:23:29pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หลงในรูป กะบ่ได้ไปใส่
หลงในเสียง กะบอได้ไปใส
หลงในกลิ่น กะบอได้ไปใส
หลงในรส กะบอได้ไปใส
หลงในสัมผัสทางกาย กะบอได้ไปใส
หลงในธัมมารมณ์เรื่องนึกคิดทางใจ กะบอได้ไปใสดอก
อยู่เฝ้าขี้อยู่นี่หละ
ผู้เพิ้ลมีปัญญาหลาย พุ่นเพิ้ลไปอยู่สุทธาวาสห้าพุ้น
นอกจากนั้นแล้วเพิลกะเฮ็ดตามคำสอนพระพุทธเจ้า
ปฏิบัติตามคำสอนเพิล เจริญขึ้นไปจนอยู่พุ้น
บ่มีไผ๋วาเลย ว่าเพิ้ลเฮ็ดเห็นแก่โต
บ่มีไผ๋ว่าเลย ว่าเพิลบ่ดี
บ่มีไผ๋วาเลย ว่าเพิลบ่ปฏิบัติตามคำสอนเพิล
แล้วเฮากำลังเฮ็ดหยังอยู่เดี่ยวนี่
เกิดตายบ่แล้วเป็นจักเทือ
สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆตน
มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตาม มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
เขามืดกะย้อนกรรมของเขา
หลงในเสียง กะบอได้ไปใส
หลงในกลิ่น กะบอได้ไปใส
หลงในรส กะบอได้ไปใส
หลงในสัมผัสทางกาย กะบอได้ไปใส
หลงในธัมมารมณ์เรื่องนึกคิดทางใจ กะบอได้ไปใสดอก
อยู่เฝ้าขี้อยู่นี่หละ
ผู้เพิ้ลมีปัญญาหลาย พุ่นเพิ้ลไปอยู่สุทธาวาสห้าพุ้น
นอกจากนั้นแล้วเพิลกะเฮ็ดตามคำสอนพระพุทธเจ้า
ปฏิบัติตามคำสอนเพิล เจริญขึ้นไปจนอยู่พุ้น
บ่มีไผ๋วาเลย ว่าเพิ้ลเฮ็ดเห็นแก่โต
บ่มีไผ๋ว่าเลย ว่าเพิลบ่ดี
บ่มีไผ๋วาเลย ว่าเพิลบ่ปฏิบัติตามคำสอนเพิล
แล้วเฮากำลังเฮ็ดหยังอยู่เดี่ยวนี่
เกิดตายบ่แล้วเป็นจักเทือ
สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆตน
มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตาม มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
เขามืดกะย้อนกรรมของเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สิ่งที่เราพบเห็นครั้งแรก
มักจะเป็นอื่นเสมอ
การเกิดดับไม่เคยหยุดพักแม้แต่น้อย
มักจะเป็นอื่นเสมอ
การเกิดดับไม่เคยหยุดพักแม้แต่น้อย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#หมาหวงกระดูก
ที่ผ่านมา ได้ชิมได้ลิ้มรสกระดูกลักษณะจั่งซั่น แล้วกะหลงนอนแห่นยุคึหมาหนิ
ไปหาครูบาอาจารย์ กะจับเอากระดูกอันนี้ละโชว์ให้เพิ้ลเบิ่ง
(มันบ่ฮู้เลยว่า เพิลเบื่อเพิลหน่ายเพิลเปิดอาดหลาด มีแต่สิเอาทิ่ม)
ครูบาอาจายร์เพิลฮู้ เพิลกะเทศให้ฟัง
:
ด้วยอุบายของเพิ้ล
:
เฮาเอ้า... เฮ็ดตามแล้ว
กระดูกมันหายไป
วาแมนเฮ็ดตามแล้ว สิได้กระดูกเพิ่มเติมขึ้นมาอีก
(กลายเป็นหมา บ่มีกระดูกให้แห่น
กระดิ้นทุรนทุลาย ออกจากเพิ้ล นำหากระดูกที่เคยแห่น..)
พอคิดย้อนหลังไปแล้ว โง่จริงๆ
จะพยามยามรักษาจิตที่มันสว่างไว้ 555
#สลัดคืนเวทนา ด้วยเจตนา
#สลัดคืนเวทนา ด้วยจิตเขาเอง
ขณะนั่งทำงาน
อยู่ๆ จิตมันสลัดคืนเวทนาด้วยจิตเขาเอง
อันที่ว่า กระดูกๆ ก็คือ เวทนา นั่นแหละ
ที่ผ่านมา ได้ชิมได้ลิ้มรสกระดูกลักษณะจั่งซั่น แล้วกะหลงนอนแห่นยุคึหมาหนิ
ไปหาครูบาอาจารย์ กะจับเอากระดูกอันนี้ละโชว์ให้เพิ้ลเบิ่ง
(มันบ่ฮู้เลยว่า เพิลเบื่อเพิลหน่ายเพิลเปิดอาดหลาด มีแต่สิเอาทิ่ม)
ครูบาอาจายร์เพิลฮู้ เพิลกะเทศให้ฟัง
:
ด้วยอุบายของเพิ้ล
:
เฮาเอ้า... เฮ็ดตามแล้ว
กระดูกมันหายไป
วาแมนเฮ็ดตามแล้ว สิได้กระดูกเพิ่มเติมขึ้นมาอีก
(กลายเป็นหมา บ่มีกระดูกให้แห่น
กระดิ้นทุรนทุลาย ออกจากเพิ้ล นำหากระดูกที่เคยแห่น..)
พอคิดย้อนหลังไปแล้ว โง่จริงๆ
จะพยามยามรักษาจิตที่มันสว่างไว้ 555
#สลัดคืนเวทนา ด้วยเจตนา
#สลัดคืนเวทนา ด้วยจิตเขาเอง
ขณะนั่งทำงาน
อยู่ๆ จิตมันสลัดคืนเวทนาด้วยจิตเขาเอง
อันที่ว่า กระดูกๆ ก็คือ เวทนา นั่นแหละ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ช่วงพรรษาแรก ออกพรรษาใหม่ๆ
ทิสเกมส์ยังบ่สึกเลยตอนนั้น
ทิศเกมส์ : "ถ้าสิสึก กะเข้าไปบอกเพิลเด้อ"
ตอนนั้น อืม.. ?? ลังเล จะเอาไงดี ใจหนึ่งก็อยากสึก
เฮาอยากจะสึก.. สึกออกไปสักสามวันหรือเจ็ดวัน
แล้วหลังจากนั้น ไปบวชวัดป่า..
แต่ไม่กล้าสึกเพราะกลัวจะไม่ได้บวชอีก
แม้สึกปุ๊บ วันต่อมาบวชปั๊บ
เราก็ไม่กล้าเสี่ยง
เราเคยคิดจะสึก แล้วบวชต่อในวันถัดมา ห
เราก็ไม่กล้า เพราะนั่นยังประมาทอยู่
เพราะไม่มีอะไรมารับประกันว่า สึกแล้วจะได้บวชอีก
ไม่มีเลย
แม้จะวางแผนไว้แล้วว่า สึกวันจันทร์ ไปบวชวัดป่าวันอังคารต่อเลย ถ้ามันไม่เป็นไปตามนั้นละ
ขึ้นชื่อว่ากายหลุดจากผ้าเหลืองแล้ว สมณะสัญญาก็จะคลายหายไป(ความกำหนดหมายว่าเราเป็นสมณะ)
และสิ่งที่จะมาล่อใจให้ติดไปกับกามคุณ๕ นั้น มันอาจจะมาเป็นแน่ มาเป็นขบวน
เผลอๆ หญิงเนื้อคู่เก่า อาจมาเจอกันกับเรา
ตาต่อตา จิตต่อจิต มันก็จะไม่ได้ไปแต่งงานกันเหรอ
ดังนั้นจึงไม่กล้าสึกแม้วันเดียว
#พระอรหันต์ทุกๆพระองค์
ล้วนบำเพ็ญเนกขัมมะบารมี มาหลายภพชาติ
ถ้าขาดเนกขัมมะบารมีจะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ไม่ได้เลย
บุคคลที่บวชแล้ว ใจแข็งไม่ยอมสึก
นำกายนำใจไม่ให้ติดในรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัส
ย่อมได้เนกขัมมะบารมี
เมื่อพยายามออกจากกาม ปัญญาย่อมเกิด
ใจย่อมสว่าง
เปรียบเทียบได้เลยว่าสุขจากการที่มีใจสว่าง
มันดีกว่า สุขจากการได้เห็นสิ่งที่ถูกใจ
เช่น เห็นแฟนน่าหล่อ น่าสวย กำลังถือดอกไม้จะนำมาให้
มันดีกว่าสุขจากการมีเสียงอันชอบใจเข้าหู
มันดีกว่าสุขจากการมีกลิ่นหอมๆโชยมาถูกจมูก
มันดีกว่าสุขจากการที่รับประทานอาหารอันมีรสชาติถูกใจพญาลิ้น แซบเว้อคัก
มันดีกว่าสุขจากการ ได้ถูกต้องสิ่งที่นุ่มนิ่มน่าพอใจ
สุขเช่นนี้ เป็นสุขที่ไม่ควรกลัว
ธรรมใดเป็นไปเพื่อจมไปกับกามคุณ๕
เราอย่าได้ยึดติดธรรมนั้นเลย
เพราะคือเหตุเกิดทุกข์
#สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ยังไม่ชื่อว่าพ้นทุกข์
ทิสเกมส์ยังบ่สึกเลยตอนนั้น
ทิศเกมส์ : "ถ้าสิสึก กะเข้าไปบอกเพิลเด้อ"
ตอนนั้น อืม.. ?? ลังเล จะเอาไงดี ใจหนึ่งก็อยากสึก
เฮาอยากจะสึก.. สึกออกไปสักสามวันหรือเจ็ดวัน
แล้วหลังจากนั้น ไปบวชวัดป่า..
แต่ไม่กล้าสึกเพราะกลัวจะไม่ได้บวชอีก
แม้สึกปุ๊บ วันต่อมาบวชปั๊บ
เราก็ไม่กล้าเสี่ยง
เราเคยคิดจะสึก แล้วบวชต่อในวันถัดมา ห
เราก็ไม่กล้า เพราะนั่นยังประมาทอยู่
เพราะไม่มีอะไรมารับประกันว่า สึกแล้วจะได้บวชอีก
ไม่มีเลย
แม้จะวางแผนไว้แล้วว่า สึกวันจันทร์ ไปบวชวัดป่าวันอังคารต่อเลย ถ้ามันไม่เป็นไปตามนั้นละ
ขึ้นชื่อว่ากายหลุดจากผ้าเหลืองแล้ว สมณะสัญญาก็จะคลายหายไป(ความกำหนดหมายว่าเราเป็นสมณะ)
และสิ่งที่จะมาล่อใจให้ติดไปกับกามคุณ๕ นั้น มันอาจจะมาเป็นแน่ มาเป็นขบวน
เผลอๆ หญิงเนื้อคู่เก่า อาจมาเจอกันกับเรา
ตาต่อตา จิตต่อจิต มันก็จะไม่ได้ไปแต่งงานกันเหรอ
ดังนั้นจึงไม่กล้าสึกแม้วันเดียว
#พระอรหันต์ทุกๆพระองค์
ล้วนบำเพ็ญเนกขัมมะบารมี มาหลายภพชาติ
ถ้าขาดเนกขัมมะบารมีจะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ไม่ได้เลย
บุคคลที่บวชแล้ว ใจแข็งไม่ยอมสึก
นำกายนำใจไม่ให้ติดในรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัส
ย่อมได้เนกขัมมะบารมี
เมื่อพยายามออกจากกาม ปัญญาย่อมเกิด
ใจย่อมสว่าง
เปรียบเทียบได้เลยว่าสุขจากการที่มีใจสว่าง
มันดีกว่า สุขจากการได้เห็นสิ่งที่ถูกใจ
เช่น เห็นแฟนน่าหล่อ น่าสวย กำลังถือดอกไม้จะนำมาให้
มันดีกว่าสุขจากการมีเสียงอันชอบใจเข้าหู
มันดีกว่าสุขจากการมีกลิ่นหอมๆโชยมาถูกจมูก
มันดีกว่าสุขจากการที่รับประทานอาหารอันมีรสชาติถูกใจพญาลิ้น แซบเว้อคัก
มันดีกว่าสุขจากการ ได้ถูกต้องสิ่งที่นุ่มนิ่มน่าพอใจ
สุขเช่นนี้ เป็นสุขที่ไม่ควรกลัว
ธรรมใดเป็นไปเพื่อจมไปกับกามคุณ๕
เราอย่าได้ยึดติดธรรมนั้นเลย
เพราะคือเหตุเกิดทุกข์
#สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ยังไม่ชื่อว่าพ้นทุกข์
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"นั่งสมาธิ แล้วเป็นบ้า"
{กะย้อน หลงไปกับธัมมารมณ์}
{กะย้อน หลงไปกับธัมมารมณ์}
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การดูหนัง หรือดูละคร
คือการอ่านความคิดของผู้เขียนบท
การฟังเพลง คือการอ่านความคิดของคนแต่ง
การอ่านหนังสือ คือการอ่านความคิดของคนเขียน
ในบันดาการอ่านทั้งปวง
การอ่านที่ประเสริฐที่สุด คือการอ่านตัวเอง
อ่านกาย เช่น เวลาเดิน รู้ว่าฝาเท้ากระทบพื้น ผ้ากระทบกับผิวกาย ส่วนร่าง ส่วนกลาง ส่วนบน และเห็นรูปภาพข้างหน้าไปด้วย
อ่านใจ เช่น มีความรู้สึกเช่นใด ปรากฏให้รู้อยู่ในขณะนี้
ว่าไม่เที่ยง
#เมื่ออ่านตนเอง อย่างนี้ ย่อมได้กุศล
คือการอ่านความคิดของผู้เขียนบท
การฟังเพลง คือการอ่านความคิดของคนแต่ง
การอ่านหนังสือ คือการอ่านความคิดของคนเขียน
ในบันดาการอ่านทั้งปวง
การอ่านที่ประเสริฐที่สุด คือการอ่านตัวเอง
อ่านกาย เช่น เวลาเดิน รู้ว่าฝาเท้ากระทบพื้น ผ้ากระทบกับผิวกาย ส่วนร่าง ส่วนกลาง ส่วนบน และเห็นรูปภาพข้างหน้าไปด้วย
อ่านใจ เช่น มีความรู้สึกเช่นใด ปรากฏให้รู้อยู่ในขณะนี้
ว่าไม่เที่ยง
#เมื่ออ่านตนเอง อย่างนี้ ย่อมได้กุศล
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าเราอยากให้อารมณ์สงบ
เราต้องสงบก่อนอารมณ์
เมื่อเราสงบแล้ว อารมณ์ก็จะสงบตาม
เหมือนกับเราต้องเป็นตัวอย่างก่อน
อารมณ์จึงจะเริ่มคล้อยสงบตามเรา
แล้วสมาธิมันก็จะเกิดขึ้นตามมาเองเหมือนเงาตามตัว
โดยที่เราไม่ต้องดิ้นทะเยอทะยานส่งจิตออกนอก
เพื่อไปหาความสงบ อยากสงบ
แต่ให้เป็นผู้สงบก่อนอารมณ์
สมาธิแบบนี้เข้าใจว่า ตามคัมภีร์ คือ
อนิมิตตเจโตสมาธิ (สมาธิที่ไม่มีนิมิต)
ส่วนสมาธิที่มีนิมิต (นิมิตตเจโตสมาธิ) เช่น กสิณ อานาปานสติ บริกรรมพุทโธ ดูท้องพองยุบ เป็นต้น
#สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบนั้นไม่มี
#ทุกข์อื่นยิ่งกว่าความทุกข์ในนรกนั้นไม่มี
ท่านผู้ฉลาดทั้งหลาย รีบบำเพ็ญบารมีประดับจิตไว้เถิด
คือการฝึกไม่ถือสาสิ่งภายนอก อันได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่ถูกต้องกาย อันจะมายั่วยุให้เกิดความโกธรที่ใจ
อันจะมายัวยุให้เกิดความโมโหที่ใจ
อันจะมายัวยุให้เกิดความโลภที่ใจ
และเกิดความยึดมั่นถือมั่น ด้วยตัณหาอุปาทาน ว่า
นั่นคือสิ่งที่เที่ยง นั่นคือตัวเรา นั่นคือของเรา
เพราะพุทธเจ้าผู้มีสัพพัญญูตญาณ(รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง รู้ทุกเรื่องทั้งหมด)
ตรัสไว้ว่า
เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ตั้งแต่อเวจีมหานรก ขึ้นไปจนถึงพรหมโลก ไม่มีสิ่งใดเที่ยง ไม่มีสิ่งใดเป็นเรา ไม่มีสิ่งใดเป็นของเรา สิ่งทั้งหลายทั้งปวง
เราต้องสงบก่อนอารมณ์
เมื่อเราสงบแล้ว อารมณ์ก็จะสงบตาม
เหมือนกับเราต้องเป็นตัวอย่างก่อน
อารมณ์จึงจะเริ่มคล้อยสงบตามเรา
แล้วสมาธิมันก็จะเกิดขึ้นตามมาเองเหมือนเงาตามตัว
โดยที่เราไม่ต้องดิ้นทะเยอทะยานส่งจิตออกนอก
เพื่อไปหาความสงบ อยากสงบ
แต่ให้เป็นผู้สงบก่อนอารมณ์
สมาธิแบบนี้เข้าใจว่า ตามคัมภีร์ คือ
อนิมิตตเจโตสมาธิ (สมาธิที่ไม่มีนิมิต)
ส่วนสมาธิที่มีนิมิต (นิมิตตเจโตสมาธิ) เช่น กสิณ อานาปานสติ บริกรรมพุทโธ ดูท้องพองยุบ เป็นต้น
#สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบนั้นไม่มี
#ทุกข์อื่นยิ่งกว่าความทุกข์ในนรกนั้นไม่มี
ท่านผู้ฉลาดทั้งหลาย รีบบำเพ็ญบารมีประดับจิตไว้เถิด
คือการฝึกไม่ถือสาสิ่งภายนอก อันได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่ถูกต้องกาย อันจะมายั่วยุให้เกิดความโกธรที่ใจ
อันจะมายัวยุให้เกิดความโมโหที่ใจ
อันจะมายัวยุให้เกิดความโลภที่ใจ
และเกิดความยึดมั่นถือมั่น ด้วยตัณหาอุปาทาน ว่า
นั่นคือสิ่งที่เที่ยง นั่นคือตัวเรา นั่นคือของเรา
เพราะพุทธเจ้าผู้มีสัพพัญญูตญาณ(รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง รู้ทุกเรื่องทั้งหมด)
ตรัสไว้ว่า
เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ตั้งแต่อเวจีมหานรก ขึ้นไปจนถึงพรหมโลก ไม่มีสิ่งใดเที่ยง ไม่มีสิ่งใดเป็นเรา ไม่มีสิ่งใดเป็นของเรา สิ่งทั้งหลายทั้งปวง
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 17, 2017 6:56:27pm
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 17, 2017 7:01:12pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนที่มีความโกธรน้อย ย่อมมีความทุกข์ที่ใจน้อย
คนที่มีความโกธรมาก
ย่อมมีความทุกข์ร้อนที่ใจมาก
คนที่มีเมตตาน้อย
ย่อมมีความสุขที่ใจน้อย
คนที่มีความเมตตามาก
ย่อมมีความสุขเย็นที่ใจมาก
คนทุกข์ทั้งหลายลำพังเขาก็มีความทุกข์
เพราะประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักอยู่เนื่องๆแล้ว
นี่ถ้าเรายังไปซ้ำเติมให้เขามีทุกข์เพิ่มขึ้นมาอีก ก็จะไม่เหมือนนายนิรยะบาลทหารในเมืองนรกหรือ
#สัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นไปตามการกระทำ
คนที่มีความโกธรมาก
ย่อมมีความทุกข์ร้อนที่ใจมาก
คนที่มีเมตตาน้อย
ย่อมมีความสุขที่ใจน้อย
คนที่มีความเมตตามาก
ย่อมมีความสุขเย็นที่ใจมาก
คนทุกข์ทั้งหลายลำพังเขาก็มีความทุกข์
เพราะประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักอยู่เนื่องๆแล้ว
นี่ถ้าเรายังไปซ้ำเติมให้เขามีทุกข์เพิ่มขึ้นมาอีก ก็จะไม่เหมือนนายนิรยะบาลทหารในเมืองนรกหรือ
#สัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นไปตามการกระทำ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนเฮายากนำแต่แนวอื่นจนเป็นทุกข์
แต่บ่เคยยากนำสิฮู้วิธีดับทุกข์
พระสัทธรรมคำสอนปราบทุกข์
คือ สติปัฏฐานสี่ ยังมีอยู่เด้อ ให้รีบศึกไว้
เพราะต่อไปในภายภาคหน้าจะไม่มีคำสอนแบบนี้อีกนานเลย
พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปกว่าจะมาอุบัติตรัสสอนสติปัฏฐานสี่ก็ไม่รู้จะอีกกี่ล้านปี
ตอนนี้พระสัทธรรมคำสอนยังไม่อันตธานหายไปหมดสิ้น
ให้รีบศึกษาไว้เด้อ
สติปัฏฐานสี่ คือ?
...............
สิ่งที่เลิศที่ประเสริฐที่สุด
ที่มนุษย์คนหนึ่ง นั่งสมาธิแล้วรู้แจ้งรู้จริงทุกสิ่งทุกอย่าง ณ ใต้ต้นโพธิ์ที่อินเดีย เมื่อ ๒๕๐๐ กว่าปีที่ผ่านมา รู้จริงทุกที่ทุกเหตุการณ์ทั้งในอดีต ทั้งในอนาคต ทั้งในปัจจุบันอย่างไม่ผิดพลาดเลย
ในบันดาสิ่งที่รู้ทั้งหมดนั้น
สิ่งที่เลิษที่ประเสริฐที่สุด
คือ "นิพพาน"
และวิธีปฏิบัติเพื่อถึงซึ่งนิพพาน อันได้แก่ สติปัฏฐานสี่
#สัตว์ทั้งหลายต้องเกิดตายประสบทุกข์ข้ามภพข้ามชาติมายาวนาน
มากกว่าเม็ดทรายในท้องมหาสมุทรเสียอีก
แต่บ่เคยยากนำสิฮู้วิธีดับทุกข์
พระสัทธรรมคำสอนปราบทุกข์
คือ สติปัฏฐานสี่ ยังมีอยู่เด้อ ให้รีบศึกไว้
เพราะต่อไปในภายภาคหน้าจะไม่มีคำสอนแบบนี้อีกนานเลย
พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปกว่าจะมาอุบัติตรัสสอนสติปัฏฐานสี่ก็ไม่รู้จะอีกกี่ล้านปี
ตอนนี้พระสัทธรรมคำสอนยังไม่อันตธานหายไปหมดสิ้น
ให้รีบศึกษาไว้เด้อ
สติปัฏฐานสี่ คือ?
...............
สิ่งที่เลิศที่ประเสริฐที่สุด
ที่มนุษย์คนหนึ่ง นั่งสมาธิแล้วรู้แจ้งรู้จริงทุกสิ่งทุกอย่าง ณ ใต้ต้นโพธิ์ที่อินเดีย เมื่อ ๒๕๐๐ กว่าปีที่ผ่านมา รู้จริงทุกที่ทุกเหตุการณ์ทั้งในอดีต ทั้งในอนาคต ทั้งในปัจจุบันอย่างไม่ผิดพลาดเลย
ในบันดาสิ่งที่รู้ทั้งหมดนั้น
สิ่งที่เลิษที่ประเสริฐที่สุด
คือ "นิพพาน"
และวิธีปฏิบัติเพื่อถึงซึ่งนิพพาน อันได้แก่ สติปัฏฐานสี่
#สัตว์ทั้งหลายต้องเกิดตายประสบทุกข์ข้ามภพข้ามชาติมายาวนาน
มากกว่าเม็ดทรายในท้องมหาสมุทรเสียอีก
อนึ่ง ความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงที่เราได้รับอยู่ในขณะนี้ หลวงพ่อคิดว่า หากเปรียบเทียบกับความทุกข์ที่เราเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในมหรรณพภพสงสารแล้ว เป็นความทุกข์เพียงนิดเดียวเท่านั้น ส่วนความทุกข์ที่เราจะเวียนว่ายอยู่ในมหรรณพภพสงสารนั้น เป็นความทุกข์เหลือที่จะพรรณนาให้จบลงได้
เพราะฉะนั้น ก็ขอให้ท่านทั้งหลายจงเป็นเหมือนกับภิกษุใจเพชร ที่ท่านกล่าวไว้ในธรรมบท ขุททกนิกายว่า
มีพระภิกษุจำนวน ๓๐ รูป ได้เรียนพระกัมมัฏฐานเฉพาะพระโอษฐ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจบแล้ว ได้พากันออกป่าทั้ง ๓๐ รูป เมื่อถึงป่าแล้ว ก็ได้ตั้งสัจจะปฏิญญาต่อกันว่า
เราท่านทั้งหลายได้เรียนพระกัมมัฏฐานจากพระโอษฐ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาพร้อมกันแล้ว เรามาสู่สถานที่นี้เพื่อบำเพ็ญความเพียร เพราะฉะนั้น ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอให้เราอย่าพูดอย่าคุยกัน ให้อยู่ที่ละรูปๆ อย่าอยู่รวมกันถึง ๒ รูป ให้อยู่แห่งละรูปๆ ตั้งอกตั้งใจเจริญสมณธรรม เพื่อจะได้บรรลุอริยมรรคอริยผลตามเจตนารมณ์ที่เราท่านทั้งหลายตั้งไว้ เมื่อถึง ๑๕ วันเราจึงมาพบกันที่นี้ครั้งหนึ่งเพื่อลงอุโบสถ
นัดหมายกันแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันออกไปปฏิบัติพระกัมมัฏฐานอยู่ที่ละองค์ๆ ที่ละรูปๆ นั่นแหละ ไม่อยู่ที่เดียวกันถึงสองรูป
แต่อนิจจา พระภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นหาทราบไม่ว่า ในป่านั้นมีเจ้าป่ารักษาอยู่หรืออาศัยอยู่ พระภิกษุจำนวน ๓๐ รูปนั้นหารู้ไม่เลย เมื่อประพฤติปฏิบัติไป ประพฤติปฏิบัติพระกัมมัฏฐานไปตลอดคืนยันรุ่ง จวนจะสว่างก็จะพากันพักผ่อนหลับนอน เสือใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าป่า เสือใหญ่ตัวนั้นก็ย่องมาคาบพระภิกษุไปกินวันละรูปๆ ในขณะที่เสือคาบพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งไปกินนั้น พระภิกษุรูปนั้นก็หาได้ปริปากไม่ ไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือแม้แต่คำเดียว
เพราะเหตุไร
เพราะได้ตั้งสัจจะไว้แล้วว่าเราจะไม่พูดกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้เสือมันจะคาบไปกินก็ไม่พูด เพราะจะเป็นการผิดสัจจะที่ให้ไว้ต่อกัน เพราะว่าต่างรูปก็ต่างอยู่เฉพาะที่ของตน
ในขณะนั้น พระเถระผู้เป็นประธานในสงฆ์จึงเอ่ยเผยวาจาขึ้นว่า ท่านขอรับ เรื่องนี้เป็นเหตุให้ผมเกิดความฉงนสนเท่ห์ใจยิ่งนัก ชะรอยในป่านี้จะมีอันตรายอย่างใดอย่างหนึ่งแก่พวกเราเป็นแน่นอน เพราะฉะนั้น ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากว่ามีอะไรเกิดขึ้น ขอให้ร้องบอกกันเพื่อจะได้ช่วยเหลือกัน เสร็จแล้วก็ลงอุโบสถจบแล้วก็แยกย้ายกันไปประพฤติปฏิบัติพระกัมมัฏฐาน
วันนั้นเป็นวันพระอุโบสถ ต่างก็ประพฤติปฏิบัติธรรมยันรุ่งจนจะสว่าง และในขณะจวนๆ จะสว่างนั้น ภิกษุรูปหนึ่งก็เอนกายลงไป เผื่อว่าจะพักผ่อนหลับนอน แต่หาทราบไม่ว่า ในขณะนั้นมีเสือใหญ่ตัวหนึ่งอยู่ใกล้ๆ ท่าน จ้องที่จะตะครุบท่านไปกินอยู่แล้ว
ท่านก็ไม่ได้สนใจ คือไม่ได้สำรวจ ปฏิบัติธรรมมาแล้วก็เอนกายลงไป กำลังจะม่อยหลับไปนั้นแหละ เสือใหญ่ตัวนั้นก็ตะครุบท่านทันทีจะคาบไปกิน พอพระภิกษุรูปนั้นรู้สึกตัวขึ้นมาก็อยู่ในปากเสือแล้ว รู้ว่าตนอยู่ในปากเสือแล้ว ก็จึงร้องบอกว่า ท่านทั้งหลายช่วยผมด้วยๆ เสือจะคาบผมไปกินเสียแล้ว
พระภิกษุทั้งหลายที่ประพฤติปฏิบัติธรรมร่วมกัน ได้ยินสำเนียงเสียงร้องขอความช่วยเหลือ พระภิกษุทั้งหลายจำนวน ๑๔ รูป ก็วิ่งไล่ตามไป ไล่ตามไปๆ เสือก็คาบพระรูปนั้นวิ่งไปเรื่อย พระภิกษุทั้งหลายก็วิ่งไล่ไปเรื่อยๆ จนไปถึงตีนเขา เมื่อถึงตีนเขา เสือตัวนั้นก็คาบพระภิกษุรูปนั้นวิ่งขึ้นไปยอดเขา คือเป็นทาง ก็วิ่งขึ้นไปๆ จนถึงยอดเขา พระภิกษุที่ประพฤติปฏิบัติธรรมร่วมกันก็ไม่สามารถที่จะตามไปช่วย
ก็ได้แต่ร้องบอกอยู่ที่เชิงเขาว่า ท่านขอรับ ขอท่านอย่าได้น้อยใจว่า พวกผมทั้งหลายไม่ได้ตามมาช่วย พวกผมทั้งหลาย ตามมาช่วยท่านจนหมดความสามารถที่จะช่วย บัดนี้ผมทั้งหลายไม่สามารถที่จะตามไปช่วยท่านได้แล้ว เราท่านได้เรียนพระกัมมัฏฐานเฉพาะพระพักตร์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอท่านจงเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด
พระภิกษุรูปนั้น ซึ่งถูกเสือคาบอยู่ในขณะนั้น เสือมันก็วางพระภิกษุรูปนั้นไว้แล้ว พระภิกษุรูปนั้นก็ได้ฟังเสียงพระภิกษุเพื่อนๆ ที่ปฏิบัติธรรมร่วมกัน แว่วเสียงมาแต่ตีนเขา ก็มีสติสัมปชัญญะทันที ยึดเอา เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นอารมณ์ เจริญพระวิปัสสนากัมมัฏฐาน และในขณะนั้น เสือก็เริ่มกัดกินที่นิ้วเท้าของท่านแล้วกัดกินนิ้วเท้า กัดเข้าไปๆ กินเข้าไป
ท่านก็เจริญพระกัมมัฏฐานว่า ทุกข์หนอๆ ไปเรื่อย ทุกข์หนอๆ เจ็บหนอๆ ไปเรื่อย วิปัสสนาญาณก็เริ่มเกิดขึ้นจากญาณที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๙ ที่ ๑๐ ที่ ๑๑ พอเสือกัดกินเนื้อของท่านไปถึงข้อเท้าเท่านั้น ท่านก็ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน
แต่เมื่อท่านสำเร็จเป็นพระโสดาบันแล้ว ก็ยังไม่ลดละความพยายาม ยังมีขันติความอดทนเจริญพระวิปัสสนากัมมัฏฐานร่ำไปว่า ทุกข์หนอๆ เจ็บหนอๆ ไปเรื่อยๆ วิปัสสนาญาณก็เริ่มเกิดขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่ญาณที่ ๔ ตั้งแต่ญาณที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๙ ที่ ๑๐ ที่ ๑๑ เกิดไปเรื่อยๆ แก่กล้าขึ้นไปเรื่อยๆ ในขณะนั้นเสือก็กัดกินเนื้อของท่านไปเรื่อยๆ กัดกินเข้าไป กัดเข้าไป กินเข้าไป พอเสือกัดกินเนื้อของท่านไปถึงหัวเข่า ท่านก็ได้บรรลุเป็นพระสกทาคามี
แต่ถึงกระนั้น ท่านยังมีขันติความอดทนอย่างแรงกล้า ไม่ยอมลดละการเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน ยังกัดฟันอดทน ต่อสู้ เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานต่อไปใหม่ และในขณะนั้น เสือก็เริ่มกัดกินเนื้อของท่านไปเรื่อยๆ ท่านก็เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานไปเรื่อยๆ ว่า ทุกข์หนอๆ เจ็บหนอๆ ทุกข์หนอ เจ็บหนอไปเรื่อยๆ สลับกันไปเรื่อยๆ พอเสือกัดกินเนื้อของท่านไปถึงสะดือ ท่านก็ได้บรรลุเป็นพระอนาคามี
แต่พระภิกษุใจเพชรเหมือนดังท่านจะด่วนปรินิพพานนั้นก็ยังหาไม่ ท่านยังมีสติสัมปชัญญะ ยังมีชีวิตอยู่ ท่านเป็นผู้ประกอบไปด้วยอธิวาสนขันติ คืออดทนอย่างแรงกล้า ตายก็ยอมตาย แต่ไม่ยอมลดละการเจริญพระวิปัสสนากัมมัฏฐานเป็นเด็ดขาด ตายก็ให้มันตายอยู่ที่ปากเสือนี่ คาปากเสือนี่
ท่านก็ตั้งจิตตั้งใจ รวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ ทั้งกำลังกาย ทั้งกำลังใจ กำลังสติปัญญา เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานต่อ ทุกข์หนอๆ เจ็บหนอๆ ไปเรื่อยๆ เจริญไปๆ วิปัสสนาญาณก็สูงขึ้นตามลำดับๆ ตั้งแต่ญาณที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๙ ที่ ๑๐ ที่ ๑๑ ไปเรื่อยๆ เสือก็กัดกินเนื้อของท่านไปเรื่อยๆ ในขณะเสือกำลังจะกัดกินเนื้อหัวใจของท่านนั้นแหละ ท่านก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ คือได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
เมื่อได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านพิจารณาดูว่า เราบวชมานี้ ศีลของเราบริสุทธิ์ดีไหม ท่านพิจารณาไปๆ ว่า ศีลของเราบริสุทธิ์ดี ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย แต่เราประมาทไปหน่อยหนึ่งเท่านั้นแหละ จึงถูกเสือคาบมากินในที่นี้ แต่ช่างเถอะ เรื่องนี้แล้วๆ ไป แต่บัดนี้เราบังเอิญได้พระกัมมัฏฐานในส่วนเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน จนสามารถยึดเอา พระอรหันตคุณ ไว้ได้ในขันธสันดาน ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์
ท่านสรรเสริญคุณของพระอรหันต์อยู่ไม่ช้าไม่นานก็ปรินิพพาน พ้นจากชาติกันดาร ชรากันดาร พยาธิกันดาร มรณกันดาร ไม่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในมหรรณพภพสงสารอีกต่อไป ถึงโลกุตตรสุข
นี้แลท่านนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ความทุกข์ที่เราได้รับอยู่ในขณะนี้ หลวงพ่อคิดว่า ถ้าเปรียบเทียบกับความทุกข์ของภิกษุใจเพชรแล้ว ไม่เท่าเสี้ยวหนึ่งของท่าน เพราะเหตุนั้น ขอให้ท่านทั้งหลายอย่าได้ประมาท จงเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท
เพราะว่า การที่ท่านทั้งหลาย ได้เสียสละเวลามาประพฤติปฏิบัติ บ้างก็ลาญาติโยมมา บ้างก็ลาราชการมาบวช ก็ขอให้ท่านทั้งหลายถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท ถึงจะทุกข์ยากลำบากสักเพียงใดก็ตาม ก็ขอให้เราใช้อธิวาสนขันติ เจริญพระวิปัสสนากัมมัฏฐานต่อไป จนกว่าจะได้บรรลุอริยมรรคอริยผลขั้นสูงสุด หรือจนสามารถที่จะได้บรรลุอริยมรรคอริยผลขั้นปฐมมรรคเป็นอย่างต่ำ
ในเมื่อเราได้บรรลุอริยมรรคอริยผลในขั้นปฐมมรรคแล้วก็เป็นอันว่าเราไว้ใจได้ เราได้ใบประกันชีวิต จุติจากอัตภาพนี้แล้วก็จะไม่ไปสู่อบายภูมิทั้ง ๔ คือ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน เราเป็นผู้มีธรรมไม่กำเริบ เป็นผู้มีคติเที่ยง สัมโพธิปรายโน เราสามารถจะได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วปรินิพพานในวันข้างหน้า
เอาละท่านนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย เท่าที่หลวงพ่อได้น้อมนำเอาธรรมะเรื่อง สติกับโมหะ มาบรรยาย ก็เห็นว่าพอสมควรแก่เวลา จึงขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้.
หลวงพ่อพระราชปริยัตยากร (บุญเรือง สารโท) - วัดพิชโสภาราม
อนึ่ง ความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงที่เราได้รับอยู่ในขณะนี้ หลวงพ่อคิดว่า หากเปรียบเทียบกับความทุกข์ที่เราเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในมหรรณพภพสงสารแล้ว เป็นความทุกข์เพียงนิดเดียวเท่านั้น ส่วนความทุกข์ที่เราจะเวียนว่ายอยู่ในมหรรณพภพสงสารนั้น เป็นความทุกข์เหลือที่จะพรรณนาให้จบลงได้
เพราะฉะนั้น ก็ขอให้ท่านทั้งหลายจงเป็นเหมือนกับภิกษุใจเพชร ที่ท่านกล่าวไว้ในธรรมบท ขุททกนิกายว่า
มีพระภิกษุจำนวน ๓๐ รูป ได้เรียนพระกัมมัฏฐานเฉพาะพระโอษฐ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจบแล้ว ได้พากันออกป่าทั้ง ๓๐ รูป เมื่อถึงป่าแล้ว ก็ได้ตั้งสัจจะปฏิญญาต่อกันว่า
เราท่านทั้งหลายได้เรียนพระกัมมัฏฐานจากพระโอษฐ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาพร้อมกันแล้ว เรามาสู่สถานที่นี้เพื่อบำเพ็ญความเพียร เพราะฉะนั้น ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอให้เราอย่าพูดอย่าคุยกัน ให้อยู่ที่ละรูปๆ อย่าอยู่รวมกันถึง ๒ รูป ให้อยู่แห่งละรูปๆ ตั้งอกตั้งใจเจริญสมณธรรม เพื่อจะได้บรรลุอริยมรรคอริยผลตามเจตนารมณ์ที่เราท่านทั้งหลายตั้งไว้ เมื่อถึง ๑๕ วันเราจึงมาพบกันที่นี้ครั้งหนึ่งเพื่อลงอุโบสถ
นัดหมายกันแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันออกไปปฏิบัติพระกัมมัฏฐานอยู่ที่ละองค์ๆ ที่ละรูปๆ นั่นแหละ ไม่อยู่ที่เดียวกันถึงสองรูป
แต่อนิจจา พระภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นหาทราบไม่ว่า ในป่านั้นมีเจ้าป่ารักษาอยู่หรืออาศัยอยู่ พระภิกษุจำนวน ๓๐ รูปนั้นหารู้ไม่เลย เมื่อประพฤติปฏิบัติไป ประพฤติปฏิบัติพระกัมมัฏฐานไปตลอดคืนยันรุ่ง จวนจะสว่างก็จะพากันพักผ่อนหลับนอน เสือใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าป่า เสือใหญ่ตัวนั้นก็ย่องมาคาบพระภิกษุไปกินวันละรูปๆ ในขณะที่เสือคาบพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งไปกินนั้น พระภิกษุรูปนั้นก็หาได้ปริปากไม่ ไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือแม้แต่คำเดียว
เพราะเหตุไร
เพราะได้ตั้งสัจจะไว้แล้วว่าเราจะไม่พูดกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้เสือมันจะคาบไปกินก็ไม่พูด เพราะจะเป็นการผิดสัจจะที่ให้ไว้ต่อกัน เพราะว่าต่างรูปก็ต่างอยู่เฉพาะที่ของตน
ในขณะนั้น พระเถระผู้เป็นประธานในสงฆ์จึงเอ่ยเผยวาจาขึ้นว่า ท่านขอรับ เรื่องนี้เป็นเหตุให้ผมเกิดความฉงนสนเท่ห์ใจยิ่งนัก ชะรอยในป่านี้จะมีอันตรายอย่างใดอย่างหนึ่งแก่พวกเราเป็นแน่นอน เพราะฉะนั้น ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากว่ามีอะไรเกิดขึ้น ขอให้ร้องบอกกันเพื่อจะได้ช่วยเหลือกัน เสร็จแล้วก็ลงอุโบสถจบแล้วก็แยกย้ายกันไปประพฤติปฏิบัติพระกัมมัฏฐาน
วันนั้นเป็นวันพระอุโบสถ ต่างก็ประพฤติปฏิบัติธรรมยันรุ่งจนจะสว่าง และในขณะจวนๆ จะสว่างนั้น ภิกษุรูปหนึ่งก็เอนกายลงไป เผื่อว่าจะพักผ่อนหลับนอน แต่หาทราบไม่ว่า ในขณะนั้นมีเสือใหญ่ตัวหนึ่งอยู่ใกล้ๆ ท่าน จ้องที่จะตะครุบท่านไปกินอยู่แล้ว
ท่านก็ไม่ได้สนใจ คือไม่ได้สำรวจ ปฏิบัติธรรมมาแล้วก็เอนกายลงไป กำลังจะม่อยหลับไปนั้นแหละ เสือใหญ่ตัวนั้นก็ตะครุบท่านทันทีจะคาบไปกิน พอพระภิกษุรูปนั้นรู้สึกตัวขึ้นมาก็อยู่ในปากเสือแล้ว รู้ว่าตนอยู่ในปากเสือแล้ว ก็จึงร้องบอกว่า ท่านทั้งหลายช่วยผมด้วยๆ เสือจะคาบผมไปกินเสียแล้ว
พระภิกษุทั้งหลายที่ประพฤติปฏิบัติธรรมร่วมกัน ได้ยินสำเนียงเสียงร้องขอความช่วยเหลือ พระภิกษุทั้งหลายจำนวน ๑๔ รูป ก็วิ่งไล่ตามไป ไล่ตามไปๆ เสือก็คาบพระรูปนั้นวิ่งไปเรื่อย พระภิกษุทั้งหลายก็วิ่งไล่ไปเรื่อยๆ จนไปถึงตีนเขา เมื่อถึงตีนเขา เสือตัวนั้นก็คาบพระภิกษุรูปนั้นวิ่งขึ้นไปยอดเขา คือเป็นทาง ก็วิ่งขึ้นไปๆ จนถึงยอดเขา พระภิกษุที่ประพฤติปฏิบัติธรรมร่วมกันก็ไม่สามารถที่จะตามไปช่วย
ก็ได้แต่ร้องบอกอยู่ที่เชิงเขาว่า ท่านขอรับ ขอท่านอย่าได้น้อยใจว่า พวกผมทั้งหลายไม่ได้ตามมาช่วย พวกผมทั้งหลาย ตามมาช่วยท่านจนหมดความสามารถที่จะช่วย บัดนี้ผมทั้งหลายไม่สามารถที่จะตามไปช่วยท่านได้แล้ว เราท่านได้เรียนพระกัมมัฏฐานเฉพาะพระพักตร์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอท่านจงเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด
พระภิกษุรูปนั้น ซึ่งถูกเสือคาบอยู่ในขณะนั้น เสือมันก็วางพระภิกษุรูปนั้นไว้แล้ว พระภิกษุรูปนั้นก็ได้ฟังเสียงพระภิกษุเพื่อนๆ ที่ปฏิบัติธรรมร่วมกัน แว่วเสียงมาแต่ตีนเขา ก็มีสติสัมปชัญญะทันที ยึดเอา เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นอารมณ์ เจริญพระวิปัสสนากัมมัฏฐาน และในขณะนั้น เสือก็เริ่มกัดกินที่นิ้วเท้าของท่านแล้วกัดกินนิ้วเท้า กัดเข้าไปๆ กินเข้าไป
ท่านก็เจริญพระกัมมัฏฐานว่า ทุกข์หนอๆ ไปเรื่อย ทุกข์หนอๆ เจ็บหนอๆ ไปเรื่อย วิปัสสนาญาณก็เริ่มเกิดขึ้นจากญาณที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๙ ที่ ๑๐ ที่ ๑๑ พอเสือกัดกินเนื้อของท่านไปถึงข้อเท้าเท่านั้น ท่านก็ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน
แต่เมื่อท่านสำเร็จเป็นพระโสดาบันแล้ว ก็ยังไม่ลดละความพยายาม ยังมีขันติความอดทนเจริญพระวิปัสสนากัมมัฏฐานร่ำไปว่า ทุกข์หนอๆ เจ็บหนอๆ ไปเรื่อยๆ วิปัสสนาญาณก็เริ่มเกิดขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่ญาณที่ ๔ ตั้งแต่ญาณที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๙ ที่ ๑๐ ที่ ๑๑ เกิดไปเรื่อยๆ แก่กล้าขึ้นไปเรื่อยๆ ในขณะนั้นเสือก็กัดกินเนื้อของท่านไปเรื่อยๆ กัดกินเข้าไป กัดเข้าไป กินเข้าไป พอเสือกัดกินเนื้อของท่านไปถึงหัวเข่า ท่านก็ได้บรรลุเป็นพระสกทาคามี
แต่ถึงกระนั้น ท่านยังมีขันติความอดทนอย่างแรงกล้า ไม่ยอมลดละการเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน ยังกัดฟันอดทน ต่อสู้ เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานต่อไปใหม่ และในขณะนั้น เสือก็เริ่มกัดกินเนื้อของท่านไปเรื่อยๆ ท่านก็เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานไปเรื่อยๆ ว่า ทุกข์หนอๆ เจ็บหนอๆ ทุกข์หนอ เจ็บหนอไปเรื่อยๆ สลับกันไปเรื่อยๆ พอเสือกัดกินเนื้อของท่านไปถึงสะดือ ท่านก็ได้บรรลุเป็นพระอนาคามี
แต่พระภิกษุใจเพชรเหมือนดังท่านจะด่วนปรินิพพานนั้นก็ยังหาไม่ ท่านยังมีสติสัมปชัญญะ ยังมีชีวิตอยู่ ท่านเป็นผู้ประกอบไปด้วยอธิวาสนขันติ คืออดทนอย่างแรงกล้า ตายก็ยอมตาย แต่ไม่ยอมลดละการเจริญพระวิปัสสนากัมมัฏฐานเป็นเด็ดขาด ตายก็ให้มันตายอยู่ที่ปากเสือนี่ คาปากเสือนี่
ท่านก็ตั้งจิตตั้งใจ รวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ ทั้งกำลังกาย ทั้งกำลังใจ กำลังสติปัญญา เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานต่อ ทุกข์หนอๆ เจ็บหนอๆ ไปเรื่อยๆ เจริญไปๆ วิปัสสนาญาณก็สูงขึ้นตามลำดับๆ ตั้งแต่ญาณที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๙ ที่ ๑๐ ที่ ๑๑ ไปเรื่อยๆ เสือก็กัดกินเนื้อของท่านไปเรื่อยๆ ในขณะเสือกำลังจะกัดกินเนื้อหัวใจของท่านนั้นแหละ ท่านก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ คือได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
เมื่อได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านพิจารณาดูว่า เราบวชมานี้ ศีลของเราบริสุทธิ์ดีไหม ท่านพิจารณาไปๆ ว่า ศีลของเราบริสุทธิ์ดี ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย แต่เราประมาทไปหน่อยหนึ่งเท่านั้นแหละ จึงถูกเสือคาบมากินในที่นี้ แต่ช่างเถอะ เรื่องนี้แล้วๆ ไป แต่บัดนี้เราบังเอิญได้พระกัมมัฏฐานในส่วนเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน จนสามารถยึดเอา พระอรหันตคุณ ไว้ได้ในขันธสันดาน ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์
ท่านสรรเสริญคุณของพระอรหันต์อยู่ไม่ช้าไม่นานก็ปรินิพพาน พ้นจากชาติกันดาร ชรากันดาร พยาธิกันดาร มรณกันดาร ไม่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในมหรรณพภพสงสารอีกต่อไป ถึงโลกุตตรสุข
นี้แลท่านนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ความทุกข์ที่เราได้รับอยู่ในขณะนี้ หลวงพ่อคิดว่า ถ้าเปรียบเทียบกับความทุกข์ของภิกษุใจเพชรแล้ว ไม่เท่าเสี้ยวหนึ่งของท่าน เพราะเหตุนั้น ขอให้ท่านทั้งหลายอย่าได้ประมาท จงเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท
เพราะว่า การที่ท่านทั้งหลาย ได้เสียสละเวลามาประพฤติปฏิบัติ บ้างก็ลาญาติโยมมา บ้างก็ลาราชการมาบวช ก็ขอให้ท่านทั้งหลายถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท ถึงจะทุกข์ยากลำบากสักเพียงใดก็ตาม ก็ขอให้เราใช้อธิวาสนขันติ เจริญพระวิปัสสนากัมมัฏฐานต่อไป จนกว่าจะได้บรรลุอริยมรรคอริยผลขั้นสูงสุด หรือจนสามารถที่จะได้บรรลุอริยมรรคอริยผลขั้นปฐมมรรคเป็นอย่างต่ำ
ในเมื่อเราได้บรรลุอริยมรรคอริยผลในขั้นปฐมมรรคแล้วก็เป็นอันว่าเราไว้ใจได้ เราได้ใบประกันชีวิต จุติจากอัตภาพนี้แล้วก็จะไม่ไปสู่อบายภูมิทั้ง ๔ คือ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน เราเป็นผู้มีธรรมไม่กำเริบ เป็นผู้มีคติเที่ยง สัมโพธิปรายโน เราสามารถจะได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วปรินิพพานในวันข้างหน้า
เอาละท่านนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย เท่าที่หลวงพ่อได้น้อมนำเอาธรรมะเรื่อง สติกับโมหะ มาบรรยาย ก็เห็นว่าพอสมควรแก่เวลา จึงขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้.
หลวงพ่อพระราชปริยัตยากร (บุญเรือง สารโท) - วัดพิชโสภาราม
เพราะฉะนั้น ก็ขอให้ท่านทั้งหลายจงเป็นเหมือนกับภิกษุใจเพชร ที่ท่านกล่าวไว้ในธรรมบท ขุททกนิกายว่า
มีพระภิกษุจำนวน ๓๐ รูป ได้เรียนพระกัมมัฏฐานเฉพาะพระโอษฐ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจบแล้ว ได้พากันออกป่าทั้ง ๓๐ รูป เมื่อถึงป่าแล้ว ก็ได้ตั้งสัจจะปฏิญญาต่อกันว่า
เราท่านทั้งหลายได้เรียนพระกัมมัฏฐานจากพระโอษฐ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาพร้อมกันแล้ว เรามาสู่สถานที่นี้เพื่อบำเพ็ญความเพียร เพราะฉะนั้น ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอให้เราอย่าพูดอย่าคุยกัน ให้อยู่ที่ละรูปๆ อย่าอยู่รวมกันถึง ๒ รูป ให้อยู่แห่งละรูปๆ ตั้งอกตั้งใจเจริญสมณธรรม เพื่อจะได้บรรลุอริยมรรคอริยผลตามเจตนารมณ์ที่เราท่านทั้งหลายตั้งไว้ เมื่อถึง ๑๕ วันเราจึงมาพบกันที่นี้ครั้งหนึ่งเพื่อลงอุโบสถ
นัดหมายกันแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันออกไปปฏิบัติพระกัมมัฏฐานอยู่ที่ละองค์ๆ ที่ละรูปๆ นั่นแหละ ไม่อยู่ที่เดียวกันถึงสองรูป
แต่อนิจจา พระภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นหาทราบไม่ว่า ในป่านั้นมีเจ้าป่ารักษาอยู่หรืออาศัยอยู่ พระภิกษุจำนวน ๓๐ รูปนั้นหารู้ไม่เลย เมื่อประพฤติปฏิบัติไป ประพฤติปฏิบัติพระกัมมัฏฐานไปตลอดคืนยันรุ่ง จวนจะสว่างก็จะพากันพักผ่อนหลับนอน เสือใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าป่า เสือใหญ่ตัวนั้นก็ย่องมาคาบพระภิกษุไปกินวันละรูปๆ ในขณะที่เสือคาบพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งไปกินนั้น พระภิกษุรูปนั้นก็หาได้ปริปากไม่ ไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือแม้แต่คำเดียว
เพราะเหตุไร
เพราะได้ตั้งสัจจะไว้แล้วว่าเราจะไม่พูดกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้เสือมันจะคาบไปกินก็ไม่พูด เพราะจะเป็นการผิดสัจจะที่ให้ไว้ต่อกัน เพราะว่าต่างรูปก็ต่างอยู่เฉพาะที่ของตน
ในขณะนั้น พระเถระผู้เป็นประธานในสงฆ์จึงเอ่ยเผยวาจาขึ้นว่า ท่านขอรับ เรื่องนี้เป็นเหตุให้ผมเกิดความฉงนสนเท่ห์ใจยิ่งนัก ชะรอยในป่านี้จะมีอันตรายอย่างใดอย่างหนึ่งแก่พวกเราเป็นแน่นอน เพราะฉะนั้น ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากว่ามีอะไรเกิดขึ้น ขอให้ร้องบอกกันเพื่อจะได้ช่วยเหลือกัน เสร็จแล้วก็ลงอุโบสถจบแล้วก็แยกย้ายกันไปประพฤติปฏิบัติพระกัมมัฏฐาน
วันนั้นเป็นวันพระอุโบสถ ต่างก็ประพฤติปฏิบัติธรรมยันรุ่งจนจะสว่าง และในขณะจวนๆ จะสว่างนั้น ภิกษุรูปหนึ่งก็เอนกายลงไป เผื่อว่าจะพักผ่อนหลับนอน แต่หาทราบไม่ว่า ในขณะนั้นมีเสือใหญ่ตัวหนึ่งอยู่ใกล้ๆ ท่าน จ้องที่จะตะครุบท่านไปกินอยู่แล้ว
ท่านก็ไม่ได้สนใจ คือไม่ได้สำรวจ ปฏิบัติธรรมมาแล้วก็เอนกายลงไป กำลังจะม่อยหลับไปนั้นแหละ เสือใหญ่ตัวนั้นก็ตะครุบท่านทันทีจะคาบไปกิน พอพระภิกษุรูปนั้นรู้สึกตัวขึ้นมาก็อยู่ในปากเสือแล้ว รู้ว่าตนอยู่ในปากเสือแล้ว ก็จึงร้องบอกว่า ท่านทั้งหลายช่วยผมด้วยๆ เสือจะคาบผมไปกินเสียแล้ว
พระภิกษุทั้งหลายที่ประพฤติปฏิบัติธรรมร่วมกัน ได้ยินสำเนียงเสียงร้องขอความช่วยเหลือ พระภิกษุทั้งหลายจำนวน ๑๔ รูป ก็วิ่งไล่ตามไป ไล่ตามไปๆ เสือก็คาบพระรูปนั้นวิ่งไปเรื่อย พระภิกษุทั้งหลายก็วิ่งไล่ไปเรื่อยๆ จนไปถึงตีนเขา เมื่อถึงตีนเขา เสือตัวนั้นก็คาบพระภิกษุรูปนั้นวิ่งขึ้นไปยอดเขา คือเป็นทาง ก็วิ่งขึ้นไปๆ จนถึงยอดเขา พระภิกษุที่ประพฤติปฏิบัติธรรมร่วมกันก็ไม่สามารถที่จะตามไปช่วย
ก็ได้แต่ร้องบอกอยู่ที่เชิงเขาว่า ท่านขอรับ ขอท่านอย่าได้น้อยใจว่า พวกผมทั้งหลายไม่ได้ตามมาช่วย พวกผมทั้งหลาย ตามมาช่วยท่านจนหมดความสามารถที่จะช่วย บัดนี้ผมทั้งหลายไม่สามารถที่จะตามไปช่วยท่านได้แล้ว เราท่านได้เรียนพระกัมมัฏฐานเฉพาะพระพักตร์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอท่านจงเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด
พระภิกษุรูปนั้น ซึ่งถูกเสือคาบอยู่ในขณะนั้น เสือมันก็วางพระภิกษุรูปนั้นไว้แล้ว พระภิกษุรูปนั้นก็ได้ฟังเสียงพระภิกษุเพื่อนๆ ที่ปฏิบัติธรรมร่วมกัน แว่วเสียงมาแต่ตีนเขา ก็มีสติสัมปชัญญะทันที ยึดเอา เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นอารมณ์ เจริญพระวิปัสสนากัมมัฏฐาน และในขณะนั้น เสือก็เริ่มกัดกินที่นิ้วเท้าของท่านแล้วกัดกินนิ้วเท้า กัดเข้าไปๆ กินเข้าไป
ท่านก็เจริญพระกัมมัฏฐานว่า ทุกข์หนอๆ ไปเรื่อย ทุกข์หนอๆ เจ็บหนอๆ ไปเรื่อย วิปัสสนาญาณก็เริ่มเกิดขึ้นจากญาณที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๙ ที่ ๑๐ ที่ ๑๑ พอเสือกัดกินเนื้อของท่านไปถึงข้อเท้าเท่านั้น ท่านก็ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน
แต่เมื่อท่านสำเร็จเป็นพระโสดาบันแล้ว ก็ยังไม่ลดละความพยายาม ยังมีขันติความอดทนเจริญพระวิปัสสนากัมมัฏฐานร่ำไปว่า ทุกข์หนอๆ เจ็บหนอๆ ไปเรื่อยๆ วิปัสสนาญาณก็เริ่มเกิดขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่ญาณที่ ๔ ตั้งแต่ญาณที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๙ ที่ ๑๐ ที่ ๑๑ เกิดไปเรื่อยๆ แก่กล้าขึ้นไปเรื่อยๆ ในขณะนั้นเสือก็กัดกินเนื้อของท่านไปเรื่อยๆ กัดกินเข้าไป กัดเข้าไป กินเข้าไป พอเสือกัดกินเนื้อของท่านไปถึงหัวเข่า ท่านก็ได้บรรลุเป็นพระสกทาคามี
แต่ถึงกระนั้น ท่านยังมีขันติความอดทนอย่างแรงกล้า ไม่ยอมลดละการเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน ยังกัดฟันอดทน ต่อสู้ เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานต่อไปใหม่ และในขณะนั้น เสือก็เริ่มกัดกินเนื้อของท่านไปเรื่อยๆ ท่านก็เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานไปเรื่อยๆ ว่า ทุกข์หนอๆ เจ็บหนอๆ ทุกข์หนอ เจ็บหนอไปเรื่อยๆ สลับกันไปเรื่อยๆ พอเสือกัดกินเนื้อของท่านไปถึงสะดือ ท่านก็ได้บรรลุเป็นพระอนาคามี
แต่พระภิกษุใจเพชรเหมือนดังท่านจะด่วนปรินิพพานนั้นก็ยังหาไม่ ท่านยังมีสติสัมปชัญญะ ยังมีชีวิตอยู่ ท่านเป็นผู้ประกอบไปด้วยอธิวาสนขันติ คืออดทนอย่างแรงกล้า ตายก็ยอมตาย แต่ไม่ยอมลดละการเจริญพระวิปัสสนากัมมัฏฐานเป็นเด็ดขาด ตายก็ให้มันตายอยู่ที่ปากเสือนี่ คาปากเสือนี่
ท่านก็ตั้งจิตตั้งใจ รวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ ทั้งกำลังกาย ทั้งกำลังใจ กำลังสติปัญญา เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานต่อ ทุกข์หนอๆ เจ็บหนอๆ ไปเรื่อยๆ เจริญไปๆ วิปัสสนาญาณก็สูงขึ้นตามลำดับๆ ตั้งแต่ญาณที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๙ ที่ ๑๐ ที่ ๑๑ ไปเรื่อยๆ เสือก็กัดกินเนื้อของท่านไปเรื่อยๆ ในขณะเสือกำลังจะกัดกินเนื้อหัวใจของท่านนั้นแหละ ท่านก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ คือได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
เมื่อได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านพิจารณาดูว่า เราบวชมานี้ ศีลของเราบริสุทธิ์ดีไหม ท่านพิจารณาไปๆ ว่า ศีลของเราบริสุทธิ์ดี ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย แต่เราประมาทไปหน่อยหนึ่งเท่านั้นแหละ จึงถูกเสือคาบมากินในที่นี้ แต่ช่างเถอะ เรื่องนี้แล้วๆ ไป แต่บัดนี้เราบังเอิญได้พระกัมมัฏฐานในส่วนเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน จนสามารถยึดเอา พระอรหันตคุณ ไว้ได้ในขันธสันดาน ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์
ท่านสรรเสริญคุณของพระอรหันต์อยู่ไม่ช้าไม่นานก็ปรินิพพาน พ้นจากชาติกันดาร ชรากันดาร พยาธิกันดาร มรณกันดาร ไม่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในมหรรณพภพสงสารอีกต่อไป ถึงโลกุตตรสุข
นี้แลท่านนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ความทุกข์ที่เราได้รับอยู่ในขณะนี้ หลวงพ่อคิดว่า ถ้าเปรียบเทียบกับความทุกข์ของภิกษุใจเพชรแล้ว ไม่เท่าเสี้ยวหนึ่งของท่าน เพราะเหตุนั้น ขอให้ท่านทั้งหลายอย่าได้ประมาท จงเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท
เพราะว่า การที่ท่านทั้งหลาย ได้เสียสละเวลามาประพฤติปฏิบัติ บ้างก็ลาญาติโยมมา บ้างก็ลาราชการมาบวช ก็ขอให้ท่านทั้งหลายถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท ถึงจะทุกข์ยากลำบากสักเพียงใดก็ตาม ก็ขอให้เราใช้อธิวาสนขันติ เจริญพระวิปัสสนากัมมัฏฐานต่อไป จนกว่าจะได้บรรลุอริยมรรคอริยผลขั้นสูงสุด หรือจนสามารถที่จะได้บรรลุอริยมรรคอริยผลขั้นปฐมมรรคเป็นอย่างต่ำ
ในเมื่อเราได้บรรลุอริยมรรคอริยผลในขั้นปฐมมรรคแล้วก็เป็นอันว่าเราไว้ใจได้ เราได้ใบประกันชีวิต จุติจากอัตภาพนี้แล้วก็จะไม่ไปสู่อบายภูมิทั้ง ๔ คือ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน เราเป็นผู้มีธรรมไม่กำเริบ เป็นผู้มีคติเที่ยง สัมโพธิปรายโน เราสามารถจะได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วปรินิพพานในวันข้างหน้า
เอาละท่านนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย เท่าที่หลวงพ่อได้น้อมนำเอาธรรมะเรื่อง สติกับโมหะ มาบรรยาย ก็เห็นว่าพอสมควรแก่เวลา จึงขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้.
หลวงพ่อพระราชปริยัตยากร (บุญเรือง สารโท) - วัดพิชโสภาราม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ เรียนมาน้อย เลยสะกดคำว่า ถอย ไม่เป็น
คุณได้แท็ก เรียนมาน้อย เลยสะกดคำว่า ถอย ไม่เป็น
.😭
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทุกข์กะอยากพ้น
คนกะอยากซอย
โอ้ยน้อจิตใจ...
อยากพ้นทุกข์ คือสำเร็จอรหันต์ พร้อมกับ สัญญาเวทยิตนิโรธ
เอาไว้ถ้าโปรดคนทุกข์คนยาก
อยากช่วยคน
คืออยากให้เขาฮู้วิธีภาวนา
อย่างหน่อยมีความเข้าใจถืกต้องวา
" ความทุกข์ที่ปรากฏให้เห็นทางใจนั้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า นั่นบ่แมนเฮา
คนกะอยากซอย
โอ้ยน้อจิตใจ...
อยากพ้นทุกข์ คือสำเร็จอรหันต์ พร้อมกับ สัญญาเวทยิตนิโรธ
เอาไว้ถ้าโปรดคนทุกข์คนยาก
อยากช่วยคน
คืออยากให้เขาฮู้วิธีภาวนา
อย่างหน่อยมีความเข้าใจถืกต้องวา
" ความทุกข์ที่ปรากฏให้เห็นทางใจนั้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า นั่นบ่แมนเฮา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ร่างกายมนุษย์นี้เปรียบเสมือนเครื่องผลิตสิ่งสกปกออกมา
เอาน้ำสะอาดเข้าไป ก็ออกมาเป็นของสกปก
ตามทวารเบา และรู้ขุมขนทั้งหลาย
เอาอาหารเข้าไปเช่น ข้าวหอมมะลิหอมๆ เป็นต้น
ก็ออกมาเป็นขี้ ออกมาเป็นของสรกปก
ออกมาเป็นขี้หู ขี้ตา ขี้ปาก
ขี้ดัง
ถามต่อไปว่า ร่างกายที่สมมุติกันว่า
หญิง ว่า ชาย เป็นเครื่องผลิตสิ่งสกปกเหมือนกันไหม
ตอบ เหมือนกัน
ถามต่อไปว่า
ร่างกายที่สมมุติกันว่า
หมู หมา กาไก่ แมว
เป็นเครื่องผลิตสิ่งสกปกเหมือนกันไหม
ตอบ เหมือนกัน
แล้วเป็นหยังคึยังมีความพอใจในเครื่องผลิตสิ่งสกปกนี่ยุ
ตอบ มันหลงรูป
แล้วเป็นหยังมันคึหลงรูป
ตอบ อนุสัยความเคยชินเก่าพาหลง
แล้วสิแก้จังใด๋
ตอบ 1 เบิ่งกามราคะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
2 พิจารณาให้เขาใจ สิ่งที่มันไปหลง แยกแยะ ถามจิตตอบจิต
และ
การพ้นจากกามราคะมีประโยชน์ จังใด๋
การข้องติดในกามราคะมีโทษจังใด๋
เอาน้ำสะอาดเข้าไป ก็ออกมาเป็นของสกปก
ตามทวารเบา และรู้ขุมขนทั้งหลาย
เอาอาหารเข้าไปเช่น ข้าวหอมมะลิหอมๆ เป็นต้น
ก็ออกมาเป็นขี้ ออกมาเป็นของสรกปก
ออกมาเป็นขี้หู ขี้ตา ขี้ปาก
ขี้ดัง
ถามต่อไปว่า ร่างกายที่สมมุติกันว่า
หญิง ว่า ชาย เป็นเครื่องผลิตสิ่งสกปกเหมือนกันไหม
ตอบ เหมือนกัน
ถามต่อไปว่า
ร่างกายที่สมมุติกันว่า
หมู หมา กาไก่ แมว
เป็นเครื่องผลิตสิ่งสกปกเหมือนกันไหม
ตอบ เหมือนกัน
แล้วเป็นหยังคึยังมีความพอใจในเครื่องผลิตสิ่งสกปกนี่ยุ
ตอบ มันหลงรูป
แล้วเป็นหยังมันคึหลงรูป
ตอบ อนุสัยความเคยชินเก่าพาหลง
แล้วสิแก้จังใด๋
ตอบ 1 เบิ่งกามราคะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
2 พิจารณาให้เขาใจ สิ่งที่มันไปหลง แยกแยะ ถามจิตตอบจิต
และ
การพ้นจากกามราคะมีประโยชน์ จังใด๋
การข้องติดในกามราคะมีโทษจังใด๋
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การมองโลกต่างไปกับเมื่อก่อน
เมื่อก่อนสมัยเป็นนักเรียน ชอบแต่งหน้าทาครีมทาแป้งแต่งตัวอยู่มิได้ขาด หน้านี่ต้องขาว แขนนี่ต้องขาว
พอบวชได้พรรษาหนึ่ง
ได้ฟังธรรม ว่า "ร่างกายนี้เป็นของพญามาร เกิดจากอสุจิโน"
จากนั้นมาเราก็พยายามไม่ค่อยสนใจกับความสะอาดของร่างกาย ไม่สรงน้ำไม่อาบน้ำอยู่ครึ่งเดือนกว่าๆ
นอนนี่คันเลย หน้ามัน เดินบิณฑบาติหน้าไม่ต้องล้าง
เพราะใจมันอยากจะคลายความยึดติดในร่างกายนี้
พอมาพรรษา ๒ ก็ยังไม่ยอมรับนะว่า มันสกปก
แต่มันก็เป็นตามสภาพของมันอย่างนั้น
พอมาพรรษา ๓
เริ่มยอมรับแล้วว่า กายสกปก
ร่างกายมนุษย์นี้เปรียบเสมือนเครื่องผลิตสิ่งสกปกออกมา
เอาน้ำสะอาดเข้าไป ก็ออกมาเป็นของสกปก
ตามทวารเบา และรู้ขุมขนทั้งหลาย
เสื้อผ้าทั้งหลายเขาไม่ได้เหม็น ไม่ได้สกปก แต่โดนเหงื่อที่ออกมาจากรูขุมขนนี้แหละ ก่อนจะมาเป็นเหงื่อออกมามันก็อยู่ข้างไหน เหงื่อมันมาจากน้ำสะอาดที่กินเข้าไปทางปากนี่เอง กายนี้จึงเป็นสิ่งผลิตสิ่งสกปกออกมา
ถ้าน้ำต่างๆที่ออกมาจากกาย
น้ำเสลด น้ำลาย น้ำเยี่ยว น้ำเหงื่อ น้ำอุดจาระ น้ำตา น้ำหนอง ถ้ามันเป็นของสะอาด ทำไมไม่มีบรรจุแพ็คขาย
เอาอาหารเข้าไปเช่น ข้าวหอมมะลิหอมๆ เป็นต้น
ก็ออกมาเป็นขี้ ออกมาเป็นของสรกปก
ออกมาเป็นขี้หู ขี้ตา ขี้ปาก
ขี้ดัง
พวกขี้เหล่านี้เดิมทีก็มาจากอาหาร
ถ้าขี้เหล่านี้เป็นของสะอาด
ทำไมไม่มีบรรจุแพ็คขาย
ขี้ตา ขาย โลละ 2 บาท ก็ไม่เห็นมี
ขี้หู ขายโลละ 20 บาท ก็ไม่มี
ขี้จมูก ขายกองละ 2 บาท ก็ไม่มี
ขี้อุจจาระ ขายกองละ 10 บาทก็ไม่มี มีแต่จ้างเขามาเอาไปทิ้ง
ถามต่อไปว่า ร่างกายที่สมมุติกันว่า
หญิง ว่า ชาย เป็นเครื่องผลิตสิ่งสกปกเหมือนกันไหม
ตอบ : เหมือนกัน
ถามต่อไปว่า
ร่างกายที่สมมุติกันว่า
หมู หมา กาไก่ แมว
เป็นเครื่องผลิตสิ่งสกปกเหมือนกันไหม
ตอบ : เหมือนกัน
ธรรมสังคมโลกกียโลก
ซามวัยให้ ให้แต่งโต
...................
วัยกำลังให้ แต่งให้มันสวย
วัยกำลังให้ แต่งให้มันหล่อ
...................
วัยกำลังให้ ให้ฟาวหาผัว
วัยกำลังให้ ให้ฟาวหาเมีย
...................
วัยกำลังให้ ให้ฟาวเฮ็ดการเฮ็ดงานหาเงิน
...................
วัยกำลังให้ ให้ฟาวเรียนเขียนอ่านให้เข้าใจ
..................
วัยกำลังให้ ให้ฟาวเล่นเกมพัฒนาขึ้นไประดับเทพ
แต่ธรรมอีกฝ่ายหนึ่ง
วัยกำลังให้ ให้ฟาวศึกษาวิธีการภาวนา
.............
วัยกำลังให้ ให้ฟาวหัดเจริญสติ
............
วัยกำลังให้ ให้ฟาวเดินจงกรม
............
วัยกำลังให้ ให้ฟาวทำความเพียร
..........
วัยกำลังให้ ให้ฟาวยกไตรลักษณ์ขึ้น พิจารณาความเกิดดับของสิ่งที่บ่เที่ยง
เข็ดหลาบซะเด้อบาดหนิ
ขอนอบน้อมแด่...
พระพุทธเปิดธรรม...
พระธรรมเจิดจ้า...
พระสงฆ์สืบมา...
ในธรรมกระจ้างแจ้ง...
อนิจจังทุกขังอนัตตา..
มนุษย์ สะ เทวา สรรพ อนิจจัง
สรรพ ทุกขัง สรรพ อนัตตา.
(ในช่วง ๕ ปี จากนี้ ผู้ข้าจะไปอยู่สถานที่ ที่เอื้อต่อการปฏิบัติ
ขอให้ผู้ข้าสำเร็จความพ้นทุกข์ พร้อมกับสัญญาเวทยิตนิโรธเด้อ)
เมื่อก่อนสมัยเป็นนักเรียน ชอบแต่งหน้าทาครีมทาแป้งแต่งตัวอยู่มิได้ขาด หน้านี่ต้องขาว แขนนี่ต้องขาว
พอบวชได้พรรษาหนึ่ง
ได้ฟังธรรม ว่า "ร่างกายนี้เป็นของพญามาร เกิดจากอสุจิโน"
จากนั้นมาเราก็พยายามไม่ค่อยสนใจกับความสะอาดของร่างกาย ไม่สรงน้ำไม่อาบน้ำอยู่ครึ่งเดือนกว่าๆ
นอนนี่คันเลย หน้ามัน เดินบิณฑบาติหน้าไม่ต้องล้าง
เพราะใจมันอยากจะคลายความยึดติดในร่างกายนี้
พอมาพรรษา ๒ ก็ยังไม่ยอมรับนะว่า มันสกปก
แต่มันก็เป็นตามสภาพของมันอย่างนั้น
พอมาพรรษา ๓
เริ่มยอมรับแล้วว่า กายสกปก
ร่างกายมนุษย์นี้เปรียบเสมือนเครื่องผลิตสิ่งสกปกออกมา
เอาน้ำสะอาดเข้าไป ก็ออกมาเป็นของสกปก
ตามทวารเบา และรู้ขุมขนทั้งหลาย
เสื้อผ้าทั้งหลายเขาไม่ได้เหม็น ไม่ได้สกปก แต่โดนเหงื่อที่ออกมาจากรูขุมขนนี้แหละ ก่อนจะมาเป็นเหงื่อออกมามันก็อยู่ข้างไหน เหงื่อมันมาจากน้ำสะอาดที่กินเข้าไปทางปากนี่เอง กายนี้จึงเป็นสิ่งผลิตสิ่งสกปกออกมา
ถ้าน้ำต่างๆที่ออกมาจากกาย
น้ำเสลด น้ำลาย น้ำเยี่ยว น้ำเหงื่อ น้ำอุดจาระ น้ำตา น้ำหนอง ถ้ามันเป็นของสะอาด ทำไมไม่มีบรรจุแพ็คขาย
เอาอาหารเข้าไปเช่น ข้าวหอมมะลิหอมๆ เป็นต้น
ก็ออกมาเป็นขี้ ออกมาเป็นของสรกปก
ออกมาเป็นขี้หู ขี้ตา ขี้ปาก
ขี้ดัง
พวกขี้เหล่านี้เดิมทีก็มาจากอาหาร
ถ้าขี้เหล่านี้เป็นของสะอาด
ทำไมไม่มีบรรจุแพ็คขาย
ขี้ตา ขาย โลละ 2 บาท ก็ไม่เห็นมี
ขี้หู ขายโลละ 20 บาท ก็ไม่มี
ขี้จมูก ขายกองละ 2 บาท ก็ไม่มี
ขี้อุจจาระ ขายกองละ 10 บาทก็ไม่มี มีแต่จ้างเขามาเอาไปทิ้ง
ถามต่อไปว่า ร่างกายที่สมมุติกันว่า
หญิง ว่า ชาย เป็นเครื่องผลิตสิ่งสกปกเหมือนกันไหม
ตอบ : เหมือนกัน
ถามต่อไปว่า
ร่างกายที่สมมุติกันว่า
หมู หมา กาไก่ แมว
เป็นเครื่องผลิตสิ่งสกปกเหมือนกันไหม
ตอบ : เหมือนกัน
ธรรมสังคมโลกกียโลก
ซามวัยให้ ให้แต่งโต
...................
วัยกำลังให้ แต่งให้มันสวย
วัยกำลังให้ แต่งให้มันหล่อ
...................
วัยกำลังให้ ให้ฟาวหาผัว
วัยกำลังให้ ให้ฟาวหาเมีย
...................
วัยกำลังให้ ให้ฟาวเฮ็ดการเฮ็ดงานหาเงิน
...................
วัยกำลังให้ ให้ฟาวเรียนเขียนอ่านให้เข้าใจ
..................
วัยกำลังให้ ให้ฟาวเล่นเกมพัฒนาขึ้นไประดับเทพ
แต่ธรรมอีกฝ่ายหนึ่ง
วัยกำลังให้ ให้ฟาวศึกษาวิธีการภาวนา
.............
วัยกำลังให้ ให้ฟาวหัดเจริญสติ
............
วัยกำลังให้ ให้ฟาวเดินจงกรม
............
วัยกำลังให้ ให้ฟาวทำความเพียร
..........
วัยกำลังให้ ให้ฟาวยกไตรลักษณ์ขึ้น พิจารณาความเกิดดับของสิ่งที่บ่เที่ยง
เข็ดหลาบซะเด้อบาดหนิ
ขอนอบน้อมแด่...
พระพุทธเปิดธรรม...
พระธรรมเจิดจ้า...
พระสงฆ์สืบมา...
ในธรรมกระจ้างแจ้ง...
อนิจจังทุกขังอนัตตา..
มนุษย์ สะ เทวา สรรพ อนิจจัง
สรรพ ทุกขัง สรรพ อนัตตา.
(ในช่วง ๕ ปี จากนี้ ผู้ข้าจะไปอยู่สถานที่ ที่เอื้อต่อการปฏิบัติ
ขอให้ผู้ข้าสำเร็จความพ้นทุกข์ พร้อมกับสัญญาเวทยิตนิโรธเด้อ)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
ที่ใดมีเกลียด ที่นั่นมีทุกข์
ที่ใดมีตราชั่งและหัวมัน
ที่นั้นมีปล่อยวาง
#ช่างหัวมัน#
ที่ใดมีเกลียด ที่นั่นมีทุกข์
ที่ใดมีตราชั่งและหัวมัน
ที่นั้นมีปล่อยวาง
#ช่างหัวมัน#
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ขณะที่ปล่อยกระแสวาจา
ก็ปล่อยกระแสกิเลสออกมาด้วย
คือทั้งพูดทั้งโกธร
นี่คือปุถุชน
แต่พระอริยะชั้นสูง
ก็ปล่อยกระแสวาจาออกมาเช่นกัน
แต่ไม่ปล่อยกระแสลูกศรกิเลสตัณหาเสียดแทงออกมาด้วย
จึงไม่ร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ เมื่อพูดจา
ก็ปล่อยกระแสกิเลสออกมาด้วย
คือทั้งพูดทั้งโกธร
นี่คือปุถุชน
แต่พระอริยะชั้นสูง
ก็ปล่อยกระแสวาจาออกมาเช่นกัน
แต่ไม่ปล่อยกระแสลูกศรกิเลสตัณหาเสียดแทงออกมาด้วย
จึงไม่ร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ เมื่อพูดจา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เคียดให้แม่เจ้าของ มันไม่รู้บ้อวามันกำลัง ถ่มน้ำลายขึ้นฟ้าเหนือลม
มีแต่จะย้อนกลับมาหาเจ้าของ
น้ำลายกลับมาหายังไม่เท่าไร่นะ
แต่บาปนั้นแหละจะกลับมาหาตน
มีแต่จะย้อนกลับมาหาเจ้าของ
น้ำลายกลับมาหายังไม่เท่าไร่นะ
แต่บาปนั้นแหละจะกลับมาหาตน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
[๒๐๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่เกียจคร้านในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ชั่ว
ย่อมอยู่เป็นสุข ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ชั่ว ฯ
อย่างเช่น อาจารย์ที่สอนว่า ฆ่าสัตว์ไม่เป็นไรหรอก
ลักทรัพย์ไม่เป็นไรหรอก ประพฤผิดในกามไม่เป็นไรหรอก
พูดโกหกไม่เป็นไรหรอก พูดส่อเสียดไม่เป็นไรหรอก พูดคำหยาบไม่เป็นไรหรอก พูดเพ้อเจ้อไม่เป็นไรหรอก โลภไปเถอะไม่เป็นไรหรอก การผูกจิตอาฆาตพยาบาทผู้อื่นไม่เป็นไรหรอก บาบบุญไม่มีไม่ นรกสวรรค์ไม่มี ไม่ทำก็ไม่เป็นไรหรอก
ย่อมอยู่เป็นสุข ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ชั่ว ฯ
อย่างเช่น อาจารย์ที่สอนว่า ฆ่าสัตว์ไม่เป็นไรหรอก
ลักทรัพย์ไม่เป็นไรหรอก ประพฤผิดในกามไม่เป็นไรหรอก
พูดโกหกไม่เป็นไรหรอก พูดส่อเสียดไม่เป็นไรหรอก พูดคำหยาบไม่เป็นไรหรอก พูดเพ้อเจ้อไม่เป็นไรหรอก โลภไปเถอะไม่เป็นไรหรอก การผูกจิตอาฆาตพยาบาทผู้อื่นไม่เป็นไรหรอก บาบบุญไม่มีไม่ นรกสวรรค์ไม่มี ไม่ทำก็ไม่เป็นไรหรอก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สิเนรุสูตรที่ ๑
ทุกข์ของพระอริยบุคคลหมดไปมากกว่าที่เหลือ
[๑๗๔๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษเก็บก้อนหิน ประมาณเท่าเมล็ดถั่ว
เขียว ๗ ก้อนแห่งขุนเขาสิเนรุราช เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ก้อนหินประมาณเท่าเมล็ด
ถั่วเขียว ๗ ก้อนที่บุรุษเก็บแล้วกับขุนเขาสิเนรุราช อย่างไหนจะมากกว่ากัน? ภิกษุทั้งหลาย
กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขุนเขาสิเนรุราชมากกว่า ก้อนหินประมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว
๗ ก้อนที่บุรุษเก็บแล้ว น้อยกว่า เมื่อเทียบกับขุนเขาสิเนรุราชแล้ว ก้อนหินประมาณเท่าเมล็ด
ถั่วเขียว ๗ ก้อน ที่บุรุษนั้นเก็บไว้แล้ว ย่อมไม่ถึงซึ่งการนับ การเปรียบเทียบ หรือแม้ส่วน
เสี้ยว. พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทุกข์ของบุคคลผู้เป็นอริยสาวก สมบูรณ์ด้วยทิฏฐิ ตรัสรู้แล้ว
ผู้รู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาที่สิ้นไป หมดไปแล้ว มากกว่า
ที่ยังเหลือมีประมาณน้อย ย่อมไม่ถึงซึ่งการนับ การเปรียบเทียบ หรือแม้ส่วนเสี้ยว เมื่อเทียบ
กับกองทุกข์อันมีในก่อนที่สิ้นไป หมดไปแล้ว อย่างสูงเพียง ๗ ชาติ ฉันนั้นเหมือนกัน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า
นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบ สูตรที่ ๙
อภิสมยวรรคที่ ๖
นขสิขาสูตร
ว่าด้วยทุกข์ของพระอริยะเท่ากับฝุ่นที่ปลายเล็บ
[๑๗๔๗] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงช้อนฝุ่นเล็กน้อย ไว้ที่ปลายพระนขาแล้ว
ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้น
เป็นไฉน ฝุ่นเล็กน้อยที่ปลายเล็บที่เราช้อนขึ้นนี้กับมหาปฐพีนี้ อย่างไหนจะมากกว่ากัน? ภิกษุ
ทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มหาปฐพีมากกว่า ฝุ่นเล็กน้อยที่ปลายพระนขาอัน
พระผู้มีพระภาคทรงช้อนขึ้นนี้ มีประมาณน้อย เมื่อเทียบกับมหาปฐพีแล้ว ฝุ่นเล็กน้อยที่ปลาย
พระนขาที่พระผู้มีพระภาคช้อนขึ้นแล้ว ย่อมไม่ถึงซึ่งการนับ การเปรียบเทียบ หรือแม้ส่วนเสี้ยว.
พ. อย่างนั้นเหมือนกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทุกข์ของบุคคลผู้เป็นอริยสาวกผู้สมบูรณ์
ด้วยทิฏฐิ ผู้ตรัสรู้ ผู้รู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ที่สิ้นไป
หมดไป มากกว่า ที่ยังเหลือมีประมาณน้อย ย่อมไม่ถึงซึ่งการนับ การเปรียบเทียบ หรือแม้
ส่วนเสี้ยว เมื่อเทียบกับกองทุกข์อันมีในก่อนที่สิ้นไป หมดไปแล้ว อย่างสูงเพียง ๗ ชาติ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า
นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบ สูตรที่ ๑
ทุกข์ของพระอริยบุคคลหมดไปมากกว่าที่เหลือ
[๑๗๔๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษเก็บก้อนหิน ประมาณเท่าเมล็ดถั่ว
เขียว ๗ ก้อนแห่งขุนเขาสิเนรุราช เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ก้อนหินประมาณเท่าเมล็ด
ถั่วเขียว ๗ ก้อนที่บุรุษเก็บแล้วกับขุนเขาสิเนรุราช อย่างไหนจะมากกว่ากัน? ภิกษุทั้งหลาย
กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขุนเขาสิเนรุราชมากกว่า ก้อนหินประมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว
๗ ก้อนที่บุรุษเก็บแล้ว น้อยกว่า เมื่อเทียบกับขุนเขาสิเนรุราชแล้ว ก้อนหินประมาณเท่าเมล็ด
ถั่วเขียว ๗ ก้อน ที่บุรุษนั้นเก็บไว้แล้ว ย่อมไม่ถึงซึ่งการนับ การเปรียบเทียบ หรือแม้ส่วน
เสี้ยว. พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทุกข์ของบุคคลผู้เป็นอริยสาวก สมบูรณ์ด้วยทิฏฐิ ตรัสรู้แล้ว
ผู้รู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาที่สิ้นไป หมดไปแล้ว มากกว่า
ที่ยังเหลือมีประมาณน้อย ย่อมไม่ถึงซึ่งการนับ การเปรียบเทียบ หรือแม้ส่วนเสี้ยว เมื่อเทียบ
กับกองทุกข์อันมีในก่อนที่สิ้นไป หมดไปแล้ว อย่างสูงเพียง ๗ ชาติ ฉันนั้นเหมือนกัน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า
นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบ สูตรที่ ๙
อภิสมยวรรคที่ ๖
นขสิขาสูตร
ว่าด้วยทุกข์ของพระอริยะเท่ากับฝุ่นที่ปลายเล็บ
[๑๗๔๗] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงช้อนฝุ่นเล็กน้อย ไว้ที่ปลายพระนขาแล้ว
ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้น
เป็นไฉน ฝุ่นเล็กน้อยที่ปลายเล็บที่เราช้อนขึ้นนี้กับมหาปฐพีนี้ อย่างไหนจะมากกว่ากัน? ภิกษุ
ทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มหาปฐพีมากกว่า ฝุ่นเล็กน้อยที่ปลายพระนขาอัน
พระผู้มีพระภาคทรงช้อนขึ้นนี้ มีประมาณน้อย เมื่อเทียบกับมหาปฐพีแล้ว ฝุ่นเล็กน้อยที่ปลาย
พระนขาที่พระผู้มีพระภาคช้อนขึ้นแล้ว ย่อมไม่ถึงซึ่งการนับ การเปรียบเทียบ หรือแม้ส่วนเสี้ยว.
พ. อย่างนั้นเหมือนกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทุกข์ของบุคคลผู้เป็นอริยสาวกผู้สมบูรณ์
ด้วยทิฏฐิ ผู้ตรัสรู้ ผู้รู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ที่สิ้นไป
หมดไป มากกว่า ที่ยังเหลือมีประมาณน้อย ย่อมไม่ถึงซึ่งการนับ การเปรียบเทียบ หรือแม้
ส่วนเสี้ยว เมื่อเทียบกับกองทุกข์อันมีในก่อนที่สิ้นไป หมดไปแล้ว อย่างสูงเพียง ๗ ชาติ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า
นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบ สูตรที่ ๑
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#วิบากกรรมของผู้ทำทานแล้วเสียดาย
ในกาลครั้งหนึ่ง พระเจ้าปเสนทิโกศล ได้เสด็จไปเฝ้าศาสดา และได้กราบทูลว่า ที่พระองค์เสด็จมาช้านั้น ก็เพราะเมื่อเช้านี้ คฤหบดีผู้เป็นเศรษฐี ในกรุงสาวัตถี เป็นผู้ไม่มีบุตร ได้เสียชีวิต หาทายาทมิได้
ท้าวเธอจึงได้รับสั่งให้ขนทรัพย์สมบัติไปเก็บไว้ในราชสำนัก จากนั้นท้าวเธอได้กราบทูลถึงประวัติของเศรษฐีผู้นี้ว่า แม้ว่าจะเป็นเศรษฐี แต่เป็นคนตระหนี่ เมื่อตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ไม่เคยทำบุญให้ทาน ไม่ยอมจับจ่ายใช้สอยทรัพย์แม้เพื่อตนเอง
อาหารที่รับประทานในแต่ละวันก็มีแต่ข้าวปลายเกรียน และน้ำผักดอง เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เป็นเสื้อผ้าราคาถูกๆ รถที่ใช้โดยสารก็เป็นรถเก่าๆ เมื่อทรงสดับประวัติของเศรษฐีแล้ว พระศาสดาได้ตรัสกับพระราชาและประชาชนที่มาชุมนุมเพื่อฟังธรรม ถึงอดีตชาติของเศรษฐีผู้นี้ ซึ่งแม้ในครั้งนั้นก็เกิดเป็นเศรษฐีเหมือนกัน ว่า
วันหนึ่ง พระปัจเจกพุทธเจ้า ได้มายืนบิณฑบาตอยู่ที่หน้าบ้านของเศรษฐี เศรษฐีได้บอกภรรยาให้นำสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาถวายพระปัจเจกพุทธเจ้านั้น ฝ่ายภรรยาคิดว่านานๆ ครั้งที่สามีจะอนุญาตให้นางให้สิ่งใดหนึ่งหนึ่งแก่ใครๆ นางจึงได้นำอาหารอย่างดีไปใส่ลงในบาตรของพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อเศรษฐีเดินกลับมาพบพระปัจเจกพุทธเจ้าอีกครั้งหนึ่ง ก็ได้มองไปที่บาตรของท่าน เมื่อเห็นแต่อาหารดีๆ อยู่ในบาตร ก็คิดว่า
“พวกทาสหรือพวกกรรมกรกินอาหารนี้ยังดีกว่า เพราะว่าพวกเขาครั้นกินอาหารนี้แล้ว จะทำการงานให้เรา ส่วนสมณะนี้ครั้นไปกินแล้วก็จะนอนหลับ อาหารบิณฑบาตของเราสูญเปล่า”
นอกจากนั้นแล้ว เศรษฐีผู้นี้มีน้องชายซึ่งเป็นเศรษฐีเหมือนกัน ต้องการจะแย่งชิงสมบัติของน้องชายมาเป็นของตนทั้งหมด จึงได้วางแผนฆ่าบุตรชายของน้องชายซึ่งเป็นหลานแท้ๆ ของตนจนเสียชีวิต และเมื่อน้องชายเสียชีวิตแล้ว ก็ได้ยึดทรัพย์ทั้งหมดของน้องชายมาเป็นของตน เพราะกุศลกรรมจากการที่ได้ถวายอาหารบิณฑบาตแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า ทำให้เขาได้เป็นเศรษฐีในชาติปัจจุบัน แต่เพราะอกุศลกรรมคือนึกเสียใจที่ภรรยาได้ให้อาหารดีๆ แด่พระปัจเจกพุทธเจ้า ทำให้เขาไม่ต้องการจ่ายทรัพย์ใดๆ เพื่อตัวเขาเอง
และเพราะผลของอกุศลกรรมที่ฆ่าหลานชายเพื่อฮุบสมบัติ ทำให้เขาไปตกนรกอยู่เป็นเวลานานแสนนาน และเพราะผลกรรมที่เหลือ ทำให้เขาถูกยึดทรัพย์สมบัติไปเป็นของหลวง พฤติกรรมของเศรษฐีเข้าทำนองที่ว่า บุญเก่าหมดไป และบุญใหม่ไม่สั่งสม และเมื่อสิ้นชีวิตก็ได้ไปเสวยทุกข์ในมหาโรรุวนรก พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสดับพระดำรัสของพระศาสดาแล้ว จึงกราบทูลว่า
“พระเจ้าข้า น่าอัศจรรย์ นี้เป็นกรรมอันหนัก เศรษฐีนั้นเมื่อโภคะมีอยู่มากมาย แต่ไม่ใช้สอยด้วยตนเองเลย เมื่อพระพุทธเจ้าเช่นกับพระองค์ประทับอยู่ในวิหารใกล้ๆ ก็มิได้ทำบุญกรรม”
พระศาสดาตรัสว่า
“จริงอย่างนั้น มหาบพิตร ชื่อว่าผู้มีปัญญาทราม ได้โภคะทั้งหลายแล้ว ย่อมไม่แสวงหานิพพาน อนึ่ง ตัณหาซึ่งเกิดขึ้นเพราะอาศัยโภคะทั้งหลาย ย่อมฆ่าคนเหล่านั้นสิ้นกาลนาน”
จากนั้นพระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
โภคะทั้งหลาย ย่อมฆ่าคนทรามปัญญา
แต่ไม่ฆ่าคนผู้แสวงหาฝั่งโดยปกติ คนทรามปัญญา
ย่อมฆ่าตนเหมือนฆ่าคนอื่น
เพราะความทะยานอยากในโภคะ.
"เมื่อเรือนถูกไฟไหม้แล้ว เจ้าของเรือนขนเอาภาชนะใดออกไปได้ ภาชนะนั้นย่อมเป็นประโยชน์แก่เขา ส่วนสิ่งของที่มิได้ขนออกไป ย่อมไหม้ในไฟนั้น ฉันใด โลก (คือหมู่สัตว์) อันชราและมรณะเผาแล้ว ก็ฉันนั้น ควรนำออก (ซึ่งโภคสมบัติ) ด้วยการให้ทาน เพราะทานวัตถุที่บุคคลให้แล้ว ได้ชื่อว่านำออกดีแล้ว
ทานวัตถุที่บุคคลให้แล้วนั้นย่อมมีสุขเป็นผล ที่ยังมิได้ให้ย่อมไม่เป็นเหมือนเช่นนั้น โจรยังปล้นได้ พระราชายังริบได้ เพลิงยังไหม้ได้ หรือสูญหายไปได้ อนึ่งบุคคลจำต้องละร่างกายพร้อมด้วยสิ่งเครื่องอาศัยด้วยตายจากไป ผู้มีปัญญารู้ชัด ดั่งนี้แล้ว ควรใช้สอยและให้ทาน เมื่อได้ให้ทานและใช้สอยตามควรแล้ว จะไม่ถูกติฉิน เข้าถึง สถานที่อันเป็นสวรรค์"
ในกาลครั้งหนึ่ง พระเจ้าปเสนทิโกศล ได้เสด็จไปเฝ้าศาสดา และได้กราบทูลว่า ที่พระองค์เสด็จมาช้านั้น ก็เพราะเมื่อเช้านี้ คฤหบดีผู้เป็นเศรษฐี ในกรุงสาวัตถี เป็นผู้ไม่มีบุตร ได้เสียชีวิต หาทายาทมิได้
ท้าวเธอจึงได้รับสั่งให้ขนทรัพย์สมบัติไปเก็บไว้ในราชสำนัก จากนั้นท้าวเธอได้กราบทูลถึงประวัติของเศรษฐีผู้นี้ว่า แม้ว่าจะเป็นเศรษฐี แต่เป็นคนตระหนี่ เมื่อตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ไม่เคยทำบุญให้ทาน ไม่ยอมจับจ่ายใช้สอยทรัพย์แม้เพื่อตนเอง
อาหารที่รับประทานในแต่ละวันก็มีแต่ข้าวปลายเกรียน และน้ำผักดอง เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เป็นเสื้อผ้าราคาถูกๆ รถที่ใช้โดยสารก็เป็นรถเก่าๆ เมื่อทรงสดับประวัติของเศรษฐีแล้ว พระศาสดาได้ตรัสกับพระราชาและประชาชนที่มาชุมนุมเพื่อฟังธรรม ถึงอดีตชาติของเศรษฐีผู้นี้ ซึ่งแม้ในครั้งนั้นก็เกิดเป็นเศรษฐีเหมือนกัน ว่า
วันหนึ่ง พระปัจเจกพุทธเจ้า ได้มายืนบิณฑบาตอยู่ที่หน้าบ้านของเศรษฐี เศรษฐีได้บอกภรรยาให้นำสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาถวายพระปัจเจกพุทธเจ้านั้น ฝ่ายภรรยาคิดว่านานๆ ครั้งที่สามีจะอนุญาตให้นางให้สิ่งใดหนึ่งหนึ่งแก่ใครๆ นางจึงได้นำอาหารอย่างดีไปใส่ลงในบาตรของพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อเศรษฐีเดินกลับมาพบพระปัจเจกพุทธเจ้าอีกครั้งหนึ่ง ก็ได้มองไปที่บาตรของท่าน เมื่อเห็นแต่อาหารดีๆ อยู่ในบาตร ก็คิดว่า
“พวกทาสหรือพวกกรรมกรกินอาหารนี้ยังดีกว่า เพราะว่าพวกเขาครั้นกินอาหารนี้แล้ว จะทำการงานให้เรา ส่วนสมณะนี้ครั้นไปกินแล้วก็จะนอนหลับ อาหารบิณฑบาตของเราสูญเปล่า”
นอกจากนั้นแล้ว เศรษฐีผู้นี้มีน้องชายซึ่งเป็นเศรษฐีเหมือนกัน ต้องการจะแย่งชิงสมบัติของน้องชายมาเป็นของตนทั้งหมด จึงได้วางแผนฆ่าบุตรชายของน้องชายซึ่งเป็นหลานแท้ๆ ของตนจนเสียชีวิต และเมื่อน้องชายเสียชีวิตแล้ว ก็ได้ยึดทรัพย์ทั้งหมดของน้องชายมาเป็นของตน เพราะกุศลกรรมจากการที่ได้ถวายอาหารบิณฑบาตแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า ทำให้เขาได้เป็นเศรษฐีในชาติปัจจุบัน แต่เพราะอกุศลกรรมคือนึกเสียใจที่ภรรยาได้ให้อาหารดีๆ แด่พระปัจเจกพุทธเจ้า ทำให้เขาไม่ต้องการจ่ายทรัพย์ใดๆ เพื่อตัวเขาเอง
และเพราะผลของอกุศลกรรมที่ฆ่าหลานชายเพื่อฮุบสมบัติ ทำให้เขาไปตกนรกอยู่เป็นเวลานานแสนนาน และเพราะผลกรรมที่เหลือ ทำให้เขาถูกยึดทรัพย์สมบัติไปเป็นของหลวง พฤติกรรมของเศรษฐีเข้าทำนองที่ว่า บุญเก่าหมดไป และบุญใหม่ไม่สั่งสม และเมื่อสิ้นชีวิตก็ได้ไปเสวยทุกข์ในมหาโรรุวนรก พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสดับพระดำรัสของพระศาสดาแล้ว จึงกราบทูลว่า
“พระเจ้าข้า น่าอัศจรรย์ นี้เป็นกรรมอันหนัก เศรษฐีนั้นเมื่อโภคะมีอยู่มากมาย แต่ไม่ใช้สอยด้วยตนเองเลย เมื่อพระพุทธเจ้าเช่นกับพระองค์ประทับอยู่ในวิหารใกล้ๆ ก็มิได้ทำบุญกรรม”
พระศาสดาตรัสว่า
“จริงอย่างนั้น มหาบพิตร ชื่อว่าผู้มีปัญญาทราม ได้โภคะทั้งหลายแล้ว ย่อมไม่แสวงหานิพพาน อนึ่ง ตัณหาซึ่งเกิดขึ้นเพราะอาศัยโภคะทั้งหลาย ย่อมฆ่าคนเหล่านั้นสิ้นกาลนาน”
จากนั้นพระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
โภคะทั้งหลาย ย่อมฆ่าคนทรามปัญญา
แต่ไม่ฆ่าคนผู้แสวงหาฝั่งโดยปกติ คนทรามปัญญา
ย่อมฆ่าตนเหมือนฆ่าคนอื่น
เพราะความทะยานอยากในโภคะ.
"เมื่อเรือนถูกไฟไหม้แล้ว เจ้าของเรือนขนเอาภาชนะใดออกไปได้ ภาชนะนั้นย่อมเป็นประโยชน์แก่เขา ส่วนสิ่งของที่มิได้ขนออกไป ย่อมไหม้ในไฟนั้น ฉันใด โลก (คือหมู่สัตว์) อันชราและมรณะเผาแล้ว ก็ฉันนั้น ควรนำออก (ซึ่งโภคสมบัติ) ด้วยการให้ทาน เพราะทานวัตถุที่บุคคลให้แล้ว ได้ชื่อว่านำออกดีแล้ว
ทานวัตถุที่บุคคลให้แล้วนั้นย่อมมีสุขเป็นผล ที่ยังมิได้ให้ย่อมไม่เป็นเหมือนเช่นนั้น โจรยังปล้นได้ พระราชายังริบได้ เพลิงยังไหม้ได้ หรือสูญหายไปได้ อนึ่งบุคคลจำต้องละร่างกายพร้อมด้วยสิ่งเครื่องอาศัยด้วยตายจากไป ผู้มีปัญญารู้ชัด ดั่งนี้แล้ว ควรใช้สอยและให้ทาน เมื่อได้ให้ทานและใช้สอยตามควรแล้ว จะไม่ถูกติฉิน เข้าถึง สถานที่อันเป็นสวรรค์"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
บริหารตนให้ถูกกำจัดให้ถูกทำลาย เขาย่อมเป็นไปกับด้วยโทษ ถูกผู้รู้ติเตียน ทั้งได้ประสบ
บาปเป็นอันมากอีกด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษผู้ฉลาด เฉียบแหลม ปฏิบัติชอบในบุคคล
[๓๘๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อสัตบุรุษผู้เขลา ไม่เฉียบแหลม ปฏิบัติผิดในบุคคล ๒
จำพวก ย่อมบริหารตนให้ถูกกำจัด ให้ถูกทำลาย เขาย่อมเป็นไปกับด้วยโทษ ถูกผู้รู้ติเตียน
ทั้งได้ประสบบาปเป็นอันมากอีกด้วย บุคคล ๒จำพวกเป็นไฉน คือ มารดา ๑ บิดา ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อสัตบุรุษผู้เขลาไม่เฉียบแหลม ปฏิบัติผิดในบุคคล ๒ จำพวกนี้แล ย่อม๒ จำพวก ย่อมบริหารตนไม่ให้ถูกกำจัด ไม่ให้ถูกทำลาย เขาย่อมไม่มีโทษ ไม่ถูกผู้รู้ติเตียน
ทั้งได้ประสบบุญเป็นอันมากอีกด้วย บุคคล ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ มารดา ๑ บิดา ๑ ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษผู้ฉลาด เฉียบแหลมปฏิบัติชอบในบุคคล ๒ จำพวกนี้แล ย่อมบริหาร
ตนไม่ให้ถูกกำจัด ไม่ให้ถูกทำลาย เขาย่อมไม่มีโทษ ไม่ถูกผู้รู้ติเตียน ทั้งได้ประสบบุญเป็น
อันมากอีกด้วย ฯ
[๓๘๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อสัตบุรุษผู้เขลา ไม่เฉียบแหลม ปฏิบัติผิดในบุคคล ๒
จำพวก ย่อมบริหารตนให้ถูกกำจัด ให้ถูกทำลาย เขาย่อมเป็นไปกับด้วยโทษ ถูกผู้รู้ติเตียน
ทั้งได้ประสบบาปเป็นอันมากอีกด้วย บุคคล ๒จำพวกเป็นไฉน คือ พระตถาคต ๑ สาวก
ของพระตถาคต ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลายอสัตบุรุษผู้เขลา ไม่เฉียบแหลม ปฏิบัติผิดในบุคคล ๒
จำพวกนี้แล ย่อมบริหารตนให้ถูกจำกัด ให้ถูกทำลาย เขาย่อมเป็นไปกับด้วยโทษ ถูกผู้รู้ติเตียน
ทั้งได้ประสบบาปเป็นอันมากอีกด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษผู้ฉลาดเฉียบแหลมปฏิบัติชอบ
ในบุคคล ๒ จำพวก ย่อมบริหารตนไม่ให้ถูกกำจัด ไม่ให้ถูกทำลายเขาย่อมไม่มีโทษ ไม่ถูกผู้รู้
ติเตียน ทั้งได้ประสบบุญเป็นอันมากอีกด้วย บุคคล ๒จำพวกเป็นไฉน คือ พระตถาคต ๑
สาวกของพระตถาคต ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลายสัตบุรุษผู้ฉลาด เฉียบแหลม ปฏิบัติชอบในบุคคล
๒ จำพวกนี้แล ย่อมบริหารตนไม่ให้ถูกจำกัด ไม่ให้ถูกทำลาย เขาย่อมไม่มีโทษ ไม่ถูกผู้รู้ติเตียน
ทั้งได้ประสบบุญเป็นอันมากอีกด้วย ฯ
บาปเป็นอันมากอีกด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษผู้ฉลาด เฉียบแหลม ปฏิบัติชอบในบุคคล
[๓๘๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อสัตบุรุษผู้เขลา ไม่เฉียบแหลม ปฏิบัติผิดในบุคคล ๒
จำพวก ย่อมบริหารตนให้ถูกกำจัด ให้ถูกทำลาย เขาย่อมเป็นไปกับด้วยโทษ ถูกผู้รู้ติเตียน
ทั้งได้ประสบบาปเป็นอันมากอีกด้วย บุคคล ๒จำพวกเป็นไฉน คือ มารดา ๑ บิดา ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อสัตบุรุษผู้เขลาไม่เฉียบแหลม ปฏิบัติผิดในบุคคล ๒ จำพวกนี้แล ย่อม๒ จำพวก ย่อมบริหารตนไม่ให้ถูกกำจัด ไม่ให้ถูกทำลาย เขาย่อมไม่มีโทษ ไม่ถูกผู้รู้ติเตียน
ทั้งได้ประสบบุญเป็นอันมากอีกด้วย บุคคล ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ มารดา ๑ บิดา ๑ ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษผู้ฉลาด เฉียบแหลมปฏิบัติชอบในบุคคล ๒ จำพวกนี้แล ย่อมบริหาร
ตนไม่ให้ถูกกำจัด ไม่ให้ถูกทำลาย เขาย่อมไม่มีโทษ ไม่ถูกผู้รู้ติเตียน ทั้งได้ประสบบุญเป็น
อันมากอีกด้วย ฯ
[๓๘๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อสัตบุรุษผู้เขลา ไม่เฉียบแหลม ปฏิบัติผิดในบุคคล ๒
จำพวก ย่อมบริหารตนให้ถูกกำจัด ให้ถูกทำลาย เขาย่อมเป็นไปกับด้วยโทษ ถูกผู้รู้ติเตียน
ทั้งได้ประสบบาปเป็นอันมากอีกด้วย บุคคล ๒จำพวกเป็นไฉน คือ พระตถาคต ๑ สาวก
ของพระตถาคต ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลายอสัตบุรุษผู้เขลา ไม่เฉียบแหลม ปฏิบัติผิดในบุคคล ๒
จำพวกนี้แล ย่อมบริหารตนให้ถูกจำกัด ให้ถูกทำลาย เขาย่อมเป็นไปกับด้วยโทษ ถูกผู้รู้ติเตียน
ทั้งได้ประสบบาปเป็นอันมากอีกด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษผู้ฉลาดเฉียบแหลมปฏิบัติชอบ
ในบุคคล ๒ จำพวก ย่อมบริหารตนไม่ให้ถูกกำจัด ไม่ให้ถูกทำลายเขาย่อมไม่มีโทษ ไม่ถูกผู้รู้
ติเตียน ทั้งได้ประสบบุญเป็นอันมากอีกด้วย บุคคล ๒จำพวกเป็นไฉน คือ พระตถาคต ๑
สาวกของพระตถาคต ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลายสัตบุรุษผู้ฉลาด เฉียบแหลม ปฏิบัติชอบในบุคคล
๒ จำพวกนี้แล ย่อมบริหารตนไม่ให้ถูกจำกัด ไม่ให้ถูกทำลาย เขาย่อมไม่มีโทษ ไม่ถูกผู้รู้ติเตียน
ทั้งได้ประสบบุญเป็นอันมากอีกด้วย ฯ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การเจริญอานาปานสติสมาธิ
[๑๓๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน ใกล้เมืองกิมิลา ณ ที่นั้นแล
พระผู้มีพระภาคตรัสถามท่านพระกิมิละว่า ดูกรกิมิละ สมาธิอันสัมปยุตด้วยอานาปานสติ อัน
ภิกษุเจริญแล้วอย่างไร กระทำให้มากแล้วอย่างไร ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก? เมื่อพระผู้มี
พระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระกิมิละนิ่งอยู่.
[๑๓๕๖] แม้ครั้งที่สอง แม้ครั้งที่สาม พระผู้มีพระภาคก็ตรัสถามท่านกิมิละว่า ดูกร
กิมิละ สมาธิอันสัมปยุตด้วยอานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้วอย่างไร กระทำให้มากแล้วอย่างไร
ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก? ท่านพระกิมิละก็นิ่งอยู่.
[๑๓๕๗] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลพระผู้มี
พระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เป็นกาลสมควรที่พระองค์จะพึงตรัสสมาธิอันสัมปยุตด้วย
อานาปานสติ ข้าแต่พระสุคต เป็นกาลสมควรที่พระองค์จะพึงตรัสสมาธิอันสัมปยุตด้วยอานาปาน
สติ ภิกษุทั้งหลายได้ฟังต่อพระผู้มีพระภาคแล้วจักทรงจำไว้ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์
ถ้าเช่นนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ท่านพระอานนท์ทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว
พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า ดูกรอานนท์ สมาธิอันสัมปยุตด้วยอานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้ว
อย่างไร กระทำให้มากแล้วอย่างไร ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อยู่
ในป่าก็ดี อยู่ที่โคนไม้ก็ดี อยู่ที่เรือนว่างก็ดี นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า
เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า ฯลฯ ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความสละ
คืนหายใจออก เราจักพิจารณาเห็นโดยความสละคืนหายใจเข้า ดูกรอานนท์ สมาธิอันสัมปยุต
ด้วยอานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้วอย่างนี้ กระทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์
มาก. [๑๓๕๘] ดูกรอานนท์ สมัยใด ภิกษุเมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า หายใจออกยาว
หรือเมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจออกสั้น
หรือเมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้าสั้น ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลม
หายใจทั้งปวงหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมหายใจทั้งปวงหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขาร
หายใจเข้า สมัยนั้น ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ
พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะเรากล่าวกายอันหนึ่ง
ในบรรดากายทั้งหลาย ซึ่งได้แก่ลมหายใจออกและลมหายใจเข้า เพราะฉะนั้นแหละอานนท์
สมัยนั้น ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัด
อภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้.
[๑๓๕๙] ดูกรอานนท์ สมัยใด ภิกษุย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้ปีติ
หายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้ปีติหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็น
ผู้กำหนดรู้สุขหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้สุขหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า
เราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิตสังขารหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิตสังขาร
หายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับจิตสังขารหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับ
จิตสังขารหายใจเข้า สมัยนั้น ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ มีความเพียร มี
สัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะเรา
กล่าวเวทนาอันหนึ่งในบรรดาเวทนาทั้งหลาย ซึ่งได้แก่การกระทำไว้ในใจให้ดีซึ่งลมหายใจออก
และลมหายใจเข้า เพราะฉะนั้นแหละอานนท์ สมัยนั้น ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้.
[๑๓๖๐] ดูกรอานนท์ ในสมัยใด ภิกษุย่อมสำเหนียกว่า เราจักกำหนดรู้จิตหายใจ
ออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักกำหนดรู้จิตหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักทำจิตให้บันเทิง
หายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักทำจิตให้บันเทิงหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักตั้งจิตมั่นหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักตั้งจิตมั่นหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเปลื้องจิต
หายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเปลื้องจิตหายใจเข้า สมัยนั้น ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นจิต
ในจิตอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ข้อ
นั้นเพราะเหตุไร? เพราะเราไม่กล่าวซึ่งการเจริญสมาธิอันสัมปยุตด้วยอานาปานสติ สำหรับผู้มี
สติหลง ไม่มีสัมปชัญญะ เพราะฉะนั้นแหละ อานนท์ สมัยนั้น ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นจิตใน
จิตอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้.
[๑๓๖๑] ดูกรอานนท์ สมัยใด ภิกษุย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความ
เป็นของไม่เที่ยงหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยง
หายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความคลายกำหนัดหายใจออก ย่อมสำเหนียก
ว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความคลายกำหนัดหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดย
ความดับหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความดับหายใจเข้า ย่อมสำเหนียก
ว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความสละคืนหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดย
ความสละคืนหายใจเข้า สมัยนั้น ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มี
สัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ เธอเห็นการละอภิชฌาและโทมนัส
นั้นด้วยปัญญา จึงวางเฉยเสียได้ เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นแหละอานนท์ สมัยนั้น ภิกษุย่อม
พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัส
ในโลกเสียได้.
[๑๓๖๒] ดูกรอานนท์ เปรียบเหมือนมีกองดินใหญ่อยู่ที่หนทางใหญ่ ๔ แพร่ง ถ้า
เกวียนหรือรถผ่านมาในทิศบูรพา ก็ย่อมกระทบกองดินนั้น ถ้าผ่านมาในทิศปัจฉิม ทิศอุดร ทิศ
ทักษิณ ก็ย่อมกระทบกองดินนั้นเหมือนกัน ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อพิจารณาเห็น
กายในกายอยู่ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ พิจารณาเห็นธรรมใน
ธรรมอยู่ ย่อมจะกำจัดอกุศลธรรมอันลามกนั้นเสียได้.
จบ เอกธรรมวรรคที่ ๑.
[๑๓๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน ใกล้เมืองกิมิลา ณ ที่นั้นแล
พระผู้มีพระภาคตรัสถามท่านพระกิมิละว่า ดูกรกิมิละ สมาธิอันสัมปยุตด้วยอานาปานสติ อัน
ภิกษุเจริญแล้วอย่างไร กระทำให้มากแล้วอย่างไร ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก? เมื่อพระผู้มี
พระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระกิมิละนิ่งอยู่.
[๑๓๕๖] แม้ครั้งที่สอง แม้ครั้งที่สาม พระผู้มีพระภาคก็ตรัสถามท่านกิมิละว่า ดูกร
กิมิละ สมาธิอันสัมปยุตด้วยอานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้วอย่างไร กระทำให้มากแล้วอย่างไร
ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก? ท่านพระกิมิละก็นิ่งอยู่.
[๑๓๕๗] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลพระผู้มี
พระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เป็นกาลสมควรที่พระองค์จะพึงตรัสสมาธิอันสัมปยุตด้วย
อานาปานสติ ข้าแต่พระสุคต เป็นกาลสมควรที่พระองค์จะพึงตรัสสมาธิอันสัมปยุตด้วยอานาปาน
สติ ภิกษุทั้งหลายได้ฟังต่อพระผู้มีพระภาคแล้วจักทรงจำไว้ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์
ถ้าเช่นนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ท่านพระอานนท์ทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว
พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า ดูกรอานนท์ สมาธิอันสัมปยุตด้วยอานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้ว
อย่างไร กระทำให้มากแล้วอย่างไร ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อยู่
ในป่าก็ดี อยู่ที่โคนไม้ก็ดี อยู่ที่เรือนว่างก็ดี นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า
เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า ฯลฯ ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความสละ
คืนหายใจออก เราจักพิจารณาเห็นโดยความสละคืนหายใจเข้า ดูกรอานนท์ สมาธิอันสัมปยุต
ด้วยอานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้วอย่างนี้ กระทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์
มาก. [๑๓๕๘] ดูกรอานนท์ สมัยใด ภิกษุเมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า หายใจออกยาว
หรือเมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจออกสั้น
หรือเมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้าสั้น ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลม
หายใจทั้งปวงหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมหายใจทั้งปวงหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขาร
หายใจเข้า สมัยนั้น ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ
พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะเรากล่าวกายอันหนึ่ง
ในบรรดากายทั้งหลาย ซึ่งได้แก่ลมหายใจออกและลมหายใจเข้า เพราะฉะนั้นแหละอานนท์
สมัยนั้น ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัด
อภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้.
[๑๓๕๙] ดูกรอานนท์ สมัยใด ภิกษุย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้ปีติ
หายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้ปีติหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็น
ผู้กำหนดรู้สุขหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้สุขหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า
เราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิตสังขารหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิตสังขาร
หายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับจิตสังขารหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับ
จิตสังขารหายใจเข้า สมัยนั้น ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ มีความเพียร มี
สัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะเรา
กล่าวเวทนาอันหนึ่งในบรรดาเวทนาทั้งหลาย ซึ่งได้แก่การกระทำไว้ในใจให้ดีซึ่งลมหายใจออก
และลมหายใจเข้า เพราะฉะนั้นแหละอานนท์ สมัยนั้น ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้.
[๑๓๖๐] ดูกรอานนท์ ในสมัยใด ภิกษุย่อมสำเหนียกว่า เราจักกำหนดรู้จิตหายใจ
ออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักกำหนดรู้จิตหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักทำจิตให้บันเทิง
หายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักทำจิตให้บันเทิงหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักตั้งจิตมั่นหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักตั้งจิตมั่นหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเปลื้องจิต
หายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเปลื้องจิตหายใจเข้า สมัยนั้น ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นจิต
ในจิตอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ข้อ
นั้นเพราะเหตุไร? เพราะเราไม่กล่าวซึ่งการเจริญสมาธิอันสัมปยุตด้วยอานาปานสติ สำหรับผู้มี
สติหลง ไม่มีสัมปชัญญะ เพราะฉะนั้นแหละ อานนท์ สมัยนั้น ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นจิตใน
จิตอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้.
[๑๓๖๑] ดูกรอานนท์ สมัยใด ภิกษุย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความ
เป็นของไม่เที่ยงหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยง
หายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความคลายกำหนัดหายใจออก ย่อมสำเหนียก
ว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความคลายกำหนัดหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดย
ความดับหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความดับหายใจเข้า ย่อมสำเหนียก
ว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความสละคืนหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดย
ความสละคืนหายใจเข้า สมัยนั้น ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มี
สัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ เธอเห็นการละอภิชฌาและโทมนัส
นั้นด้วยปัญญา จึงวางเฉยเสียได้ เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นแหละอานนท์ สมัยนั้น ภิกษุย่อม
พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัส
ในโลกเสียได้.
[๑๓๖๒] ดูกรอานนท์ เปรียบเหมือนมีกองดินใหญ่อยู่ที่หนทางใหญ่ ๔ แพร่ง ถ้า
เกวียนหรือรถผ่านมาในทิศบูรพา ก็ย่อมกระทบกองดินนั้น ถ้าผ่านมาในทิศปัจฉิม ทิศอุดร ทิศ
ทักษิณ ก็ย่อมกระทบกองดินนั้นเหมือนกัน ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อพิจารณาเห็น
กายในกายอยู่ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ พิจารณาเห็นธรรมใน
ธรรมอยู่ ย่อมจะกำจัดอกุศลธรรมอันลามกนั้นเสียได้.
จบ เอกธรรมวรรคที่ ๑.
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
1.ในโลกนี้ไม่มีสถานที่ใดที่เราไม่เคยไปอยู่ และทุกสถานที่ที่เราเคยอยู่ก็ไม่ใช่ที่อยู่จริง
และในโลกนี้ก็ไม่เคยมีดินเม็ดไหน น้ำหยดใด ที่ไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของอัตภาพกายนี้เลย เพราะภพชาติที่เราเคยเวียนว่ายตายเกิดมีมากกว่าเม็ดทรายในมหาสมุทร นับชาติไม่ได้เลย จะกะว่าเท่านั่นปี เท่านี้แสนปี เท่านี้ล้านๆปี ไม่ได้เลย
และอัตภาพกายนี้ ก็ไม่ใช่เรา และ ไม่ใช่ของเรา มาตั้งแต่แรกแล้ว
เนื่องจากว่าการเกิดขึ้นของกายมนุษย์ครั้งแรกมีสาเหตุมาจาก อสุจิเข้าไปอยู่ในไข่ และมีวิญญาณมาปฏิสนธิ
ขอใช้คำว่า เข้าไปสิงอยู่ในอสุจิและไข่แล้วกันเพื่อให้เข้าใจง่ายเห็นภาพง่าย
แล้วมีวิบากและอาหารล่อเลี้ยงในครรณ์ของผู้เป็นแม่ก่อน เมื่อวิบากและอาหารล่อเลี้ยงพอสมควรแล้ว ก็พร้อมที่จะออกมาให้โลกภายนอกได้แลมองเห็นด้วยตา
2.จากนั้นกายก็เริ่มมีพัฒนาการในด้านอวัยวะส่วนต่างๆของกาย ทั้งภายในและภายนอก
เซลล์ที่เป็นส่วนประกอบในกายทุกส่วน เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ก็จะมีตัวใหม่เกิดขึ้นมาแทนทีเรื่อยๆไม่มีหยุด เรียกว่าแก่ชรา จนกว่าจะกลายเป็นดิน และตกอยู่ในสภาพอะไรมาทำให้เปลี่ยนแปลงไปก็ได้มีอิทธิพลก็ได้ เช่นกลายเป็นดินแล้ว ลมพัดมาก็พัดดินเม็ดนั้นให้เปลี่ยนตำแหน่ง ในตอนนี้สัตว์โลกพากันสมมุติกันว่าตายแล้วและไปเกิดใหม่แล้วตามยถากรรม
3.อาหาร
อาหารที่เคยเอาให้กายกิน ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกาย และกายก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของดินและน้ำ
4.จากนั้นต้นไม้
คือมีไม้ไผ่กอหนึ่ง มาเกิดหรือมีคนแถวนั้นมาปลูก แล้วไม้ไผ่นั้นย่อมยังรากลงไปที่ดินที่เคยเป็นอัตภาพของกายนั้น
ก็เลยงอกเป็นหน่อไม้ไผ่ขึ้นมา แล้วก็มีคนเอาไปขายหรือเอาไปทำเป็นอาหาร แกงหน่อไม้ ซุ๊ปหน่อไม้ เป็นต้น
5.ผู้เกิดใหม่ชาติที่สอง
และผู้ที่ตายใน ข้อ2 มาเกิดเป็นลูกของคนทำหน่อไม้เป็นอาหาร ผู้เป็นแม่ก็เอาซุปหน่อไม้ให้กิน
6.
และในโลกนี้ก็ไม่เคยมีดินเม็ดไหน น้ำหยดใด ที่ไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของอัตภาพกายนี้เลย เพราะภพชาติที่เราเคยเวียนว่ายตายเกิดมีมากกว่าเม็ดทรายในมหาสมุทร นับชาติไม่ได้เลย จะกะว่าเท่านั่นปี เท่านี้แสนปี เท่านี้ล้านๆปี ไม่ได้เลย
และอัตภาพกายนี้ ก็ไม่ใช่เรา และ ไม่ใช่ของเรา มาตั้งแต่แรกแล้ว
เนื่องจากว่าการเกิดขึ้นของกายมนุษย์ครั้งแรกมีสาเหตุมาจาก อสุจิเข้าไปอยู่ในไข่ และมีวิญญาณมาปฏิสนธิ
ขอใช้คำว่า เข้าไปสิงอยู่ในอสุจิและไข่แล้วกันเพื่อให้เข้าใจง่ายเห็นภาพง่าย
แล้วมีวิบากและอาหารล่อเลี้ยงในครรณ์ของผู้เป็นแม่ก่อน เมื่อวิบากและอาหารล่อเลี้ยงพอสมควรแล้ว ก็พร้อมที่จะออกมาให้โลกภายนอกได้แลมองเห็นด้วยตา
2.จากนั้นกายก็เริ่มมีพัฒนาการในด้านอวัยวะส่วนต่างๆของกาย ทั้งภายในและภายนอก
เซลล์ที่เป็นส่วนประกอบในกายทุกส่วน เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ก็จะมีตัวใหม่เกิดขึ้นมาแทนทีเรื่อยๆไม่มีหยุด เรียกว่าแก่ชรา จนกว่าจะกลายเป็นดิน และตกอยู่ในสภาพอะไรมาทำให้เปลี่ยนแปลงไปก็ได้มีอิทธิพลก็ได้ เช่นกลายเป็นดินแล้ว ลมพัดมาก็พัดดินเม็ดนั้นให้เปลี่ยนตำแหน่ง ในตอนนี้สัตว์โลกพากันสมมุติกันว่าตายแล้วและไปเกิดใหม่แล้วตามยถากรรม
3.อาหาร
อาหารที่เคยเอาให้กายกิน ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกาย และกายก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของดินและน้ำ
4.จากนั้นต้นไม้
คือมีไม้ไผ่กอหนึ่ง มาเกิดหรือมีคนแถวนั้นมาปลูก แล้วไม้ไผ่นั้นย่อมยังรากลงไปที่ดินที่เคยเป็นอัตภาพของกายนั้น
ก็เลยงอกเป็นหน่อไม้ไผ่ขึ้นมา แล้วก็มีคนเอาไปขายหรือเอาไปทำเป็นอาหาร แกงหน่อไม้ ซุ๊ปหน่อไม้ เป็นต้น
5.ผู้เกิดใหม่ชาติที่สอง
และผู้ที่ตายใน ข้อ2 มาเกิดเป็นลูกของคนทำหน่อไม้เป็นอาหาร ผู้เป็นแม่ก็เอาซุปหน่อไม้ให้กิน
6.
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#บุคคลที่มีพระคุณ 3 จำพวก
พหุการสูตร
[๔๖๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้ เป็นผู้มีอุปการะมากแก่บุคคลผู้อาศัย
๓ จำพวกเป็นไฉน คือ บุคคลอาศัยบุคคลใดแล้ว เป็นผู้ถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นสรณะ ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เป็นผู้มีอุปการะมากแก่บุคคลผู้อาศัย
อีกประการหนึ่ง บุคคลอาศัยบุคคลใดแล้ว ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้
ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เป็นผู้มีอุปการะ
มากแก่บุคคลผู้อาศัย
อีกประการหนึ่ง บุคคลอาศัยบุคคลใดแล้ว ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหา
อาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไปด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย บุคคลนี้เป็นผู้มีอุปการะมากแก่บุคคลผู้อาศัย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้แล เป็นผู้มีอุปการะมากแก่บุคคล ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย เรากล่าวว่า บุคคลอื่นจากบุคคล ๓ จำพวกนี้ จะเป็นผู้มีอุปการะมากแก่บุคคลนี้ หามิ
ได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมกล่าวว่า บุคคลนี้ทำการตอบแทน คือ ด้วยการกราบไหว้ การ
ลุกรับ การประนมมือไหว้ สามีจิกรรมการให้ผ้านุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรค แก่
บุคคล ๓ จำพวกนี้มิใช่ง่ายแล ฯ
พหุการสูตร
[๔๖๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้ เป็นผู้มีอุปการะมากแก่บุคคลผู้อาศัย
๓ จำพวกเป็นไฉน คือ บุคคลอาศัยบุคคลใดแล้ว เป็นผู้ถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นสรณะ ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เป็นผู้มีอุปการะมากแก่บุคคลผู้อาศัย
อีกประการหนึ่ง บุคคลอาศัยบุคคลใดแล้ว ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้
ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เป็นผู้มีอุปการะ
มากแก่บุคคลผู้อาศัย
อีกประการหนึ่ง บุคคลอาศัยบุคคลใดแล้ว ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหา
อาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไปด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย บุคคลนี้เป็นผู้มีอุปการะมากแก่บุคคลผู้อาศัย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้แล เป็นผู้มีอุปการะมากแก่บุคคล ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย เรากล่าวว่า บุคคลอื่นจากบุคคล ๓ จำพวกนี้ จะเป็นผู้มีอุปการะมากแก่บุคคลนี้ หามิ
ได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมกล่าวว่า บุคคลนี้ทำการตอบแทน คือ ด้วยการกราบไหว้ การ
ลุกรับ การประนมมือไหว้ สามีจิกรรมการให้ผ้านุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรค แก่
บุคคล ๓ จำพวกนี้มิใช่ง่ายแล ฯ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อริยทรัพย์ ๗ อย่าง
๑. สัทธาธนัง [ทรัพย์คือศรัทธา]
๒. สีลธนัง [ทรัพย์คือศีล]
๓. หิริธนัง [ทรัพย์คือหิริ]
๔. โอตตัปปธนัง [ทรัพย์คือโอตตัปปะ]
๕. สุตธนัง [ทรัพย์คือสุตะ]
๖. จาคธนัง [ทรัพย์คือจาคะ]
๗. ปัญญาธนัง [ทรัพย์คือปัญญา]
๑. สัทธาธนัง [ทรัพย์คือศรัทธา]
๒. สีลธนัง [ทรัพย์คือศีล]
๓. หิริธนัง [ทรัพย์คือหิริ]
๔. โอตตัปปธนัง [ทรัพย์คือโอตตัปปะ]
๕. สุตธนัง [ทรัพย์คือสุตะ]
๖. จาคธนัง [ทรัพย์คือจาคะ]
๗. ปัญญาธนัง [ทรัพย์คือปัญญา]
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#เหตุการค้าขายได้กำไร ไม่ได้กำไร
1.เป็นผู้มีดวงตา คือมีวิสัยทัศ คือรู้ว่าสินค้าสิ่งนี้ ซื้ออย่างนี้ ขายอย่างนี้ เป็นต้นทุนเท่าไร่ กำไรเท่านั้นเท่านี้
2.ฉลาด คือรู้แหล่งที่จะซื้อสินค้าได้ง่าย และไปขายยังที่มีสินค้าหาได้ยาก
3.ถึงพร้อมด้วยที่พึ่งที่อาศัย คือเคดิตดีมีที่กู้
และพระสารีบุตรได้ถามพระพุทธเจ้าว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้การค้า การขายอย่างเดียวกัน
พ่อค้าบ้างคนประกอบการค้าขายแล้ว แล้วขาดทุน
บ้างคนประกอบการค้าขายแล้ว แล้วได้กำไรไม่เท่าที่ประสงค์
บางคนประกอบการค้าขายแล้ว แล้วได้กำไรตามที่ประสงค์
ส่วนบ้างคนประกอบการค้าขายแล้ว แล้วได้กำไรยิ่งกว่าประสงค์
พระพุทธเจ้าตอบว่า
ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้เข้าไปหาสมณะก็ดีพรามณ์ก็ดี ปวารณาสมณะหรือพรามณ์นั้นให้บอกขอปัจจัยได้
บุคคนั้นปวารณาด้วยปัจจัยใด ไม่ให้ปัจจัยนั้นแก่สมณะหรือพรามณ์นั้น
บุคคลนั้นถ้าตายจากอัตตาภาพนั้นมาสู่ความเป็นอย่างนี้
หากประกอบการค้าขายอันใดย่อมขาดทุน
ส่วนบุคคลบ้างคนเข้าไปหาสมณะก็ดีพรามณ์ก็ดี ปวารณาสมณะหรือพรามณ์นั้นให้บอกขอปัจจัยได้
บุคคลนั้นปวารณาด้วยปัจจัยใดให้ปัจจัยนั้นไม่เท่าที่ประสงค์ บุคลนั้นถ้าตายจากอัตตาภาพนั้นมาสู่อัตตาภาพนี้
หากประกอบการค้าขายอันใดย่อมได้กำไรไม่เท่าที่ประสงค์
ส่วนบุคคลบางคนเข้าไปหาสณะก็ดีพรามณ์ก็ดี ปวารณาสมณะหรือพรามณ์นั้นให้บอกขอปัจจัยได้ บุคคลนั้นปวารณาด้วยปัจจัยใดให้ปัจจัยนั้นยิ่งกว่าที่ประสงค์ บุคคลนั่นถ้าตายจากอัตตาภาพนั้นมาสู่อัตตาภาพนี้ หากประกอบการค้าขายอันใดการค้าขายอันนั้นย่อมได้รับกำไรยิ่งกว่าที่ประสงค์
ดูกรสารีบุตรนี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัย ทีทำให้พ่อค้า ค้าขายอย่างเดียวกัน
พ่อค้าบ้างคนประกอบการค้าขายแล้ว แล้วขาดทุน
บ้างคนประกอบการค้าขายแล้ว แล้วได้กำไรไม่เท่าที่ประสงค์
บางคนประกอบการค้าขายแล้ว แล้วได้กำไรตามที่ประสงค์
ส่วนบ้างคนประกอบการค้าขายแล้ว แล้วได้กำไรมากยิ่งกว่าประสงค์
1.เป็นผู้มีดวงตา คือมีวิสัยทัศ คือรู้ว่าสินค้าสิ่งนี้ ซื้ออย่างนี้ ขายอย่างนี้ เป็นต้นทุนเท่าไร่ กำไรเท่านั้นเท่านี้
2.ฉลาด คือรู้แหล่งที่จะซื้อสินค้าได้ง่าย และไปขายยังที่มีสินค้าหาได้ยาก
3.ถึงพร้อมด้วยที่พึ่งที่อาศัย คือเคดิตดีมีที่กู้
และพระสารีบุตรได้ถามพระพุทธเจ้าว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้การค้า การขายอย่างเดียวกัน
พ่อค้าบ้างคนประกอบการค้าขายแล้ว แล้วขาดทุน
บ้างคนประกอบการค้าขายแล้ว แล้วได้กำไรไม่เท่าที่ประสงค์
บางคนประกอบการค้าขายแล้ว แล้วได้กำไรตามที่ประสงค์
ส่วนบ้างคนประกอบการค้าขายแล้ว แล้วได้กำไรยิ่งกว่าประสงค์
พระพุทธเจ้าตอบว่า
ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้เข้าไปหาสมณะก็ดีพรามณ์ก็ดี ปวารณาสมณะหรือพรามณ์นั้นให้บอกขอปัจจัยได้
บุคคนั้นปวารณาด้วยปัจจัยใด ไม่ให้ปัจจัยนั้นแก่สมณะหรือพรามณ์นั้น
บุคคลนั้นถ้าตายจากอัตตาภาพนั้นมาสู่ความเป็นอย่างนี้
หากประกอบการค้าขายอันใดย่อมขาดทุน
ส่วนบุคคลบ้างคนเข้าไปหาสมณะก็ดีพรามณ์ก็ดี ปวารณาสมณะหรือพรามณ์นั้นให้บอกขอปัจจัยได้
บุคคลนั้นปวารณาด้วยปัจจัยใดให้ปัจจัยนั้นไม่เท่าที่ประสงค์ บุคลนั้นถ้าตายจากอัตตาภาพนั้นมาสู่อัตตาภาพนี้
หากประกอบการค้าขายอันใดย่อมได้กำไรไม่เท่าที่ประสงค์
ส่วนบุคคลบางคนเข้าไปหาสณะก็ดีพรามณ์ก็ดี ปวารณาสมณะหรือพรามณ์นั้นให้บอกขอปัจจัยได้ บุคคลนั้นปวารณาด้วยปัจจัยใดให้ปัจจัยนั้นยิ่งกว่าที่ประสงค์ บุคคลนั่นถ้าตายจากอัตตาภาพนั้นมาสู่อัตตาภาพนี้ หากประกอบการค้าขายอันใดการค้าขายอันนั้นย่อมได้รับกำไรยิ่งกว่าที่ประสงค์
ดูกรสารีบุตรนี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัย ทีทำให้พ่อค้า ค้าขายอย่างเดียวกัน
พ่อค้าบ้างคนประกอบการค้าขายแล้ว แล้วขาดทุน
บ้างคนประกอบการค้าขายแล้ว แล้วได้กำไรไม่เท่าที่ประสงค์
บางคนประกอบการค้าขายแล้ว แล้วได้กำไรตามที่ประสงค์
ส่วนบ้างคนประกอบการค้าขายแล้ว แล้วได้กำไรมากยิ่งกว่าประสงค์
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#แสดงธรรมให้คนป่วยฟัง
สิริวัฑฒสูตร
ผู้เจริญสติปัฏฐาน ๔ ได้อนาคามิผล
[๗๘๗] สมัยหนึ่ง ท่านพระอานนท์อยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน
ใกล้พระนครราชคฤห์ ก็สมัยนั้น สิริวัฑฒคฤหบดีอาพาธ ได้รับทุกข์ เป็นไข้หนัก ครั้งนั้น
สิริวัฑฒคฤหบดีเรียกบุรุษคนหนึ่งมาสั่งว่า มานี่แน่ะบุรุษผู้เจริญ ท่านจงเข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว จงกราบเท้าทั้งสองของท่านด้วยเศียรเกล้า ตามคำของเราว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
สิริวัฑฒคฤหบดีอาพาธ ได้รับทุกข์ เป็นไข้หนัก เขาขอกราบเท้าทั้งสองของท่านพระอานนท์
ด้วยเศียรเกล้า ดังนี้ และจงเรียนอย่างนี้ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ได้โปรดเถิด ขอท่านพระอานนท์
จงอาศัยความอนุเคราะห์ เข้าไปยังนิเวศน์ของสิริวัฑฒคฤหบดีเถิด บุรุษนั้นรับคำสิริวัฑฒคฤหบดี
แล้ว จึงเข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึงที่อยู่ นมัสการท่านพระอานนท์แล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วน
ข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้เรียนท่านพระอานนท์ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ สิริวัฑฒคฤหบดีอาพาธ ได้รับ
ทุกข์ เป็นไข้หนัก ท่านขอกราบเท้าทั้งสองของท่านพระอานนท์ด้วยเศียรเกล้า และสั่งให้เรียน
อย่างนี้ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ได้โปรดเถิด ขอท่านพระอานนท์จงอาศัยความอนุเคราะห์ เข้าไป
ยังนิเวศน์ของสิริวัฑฒคฤหบดีเถิด ท่านพระอานนท์รับคำด้วยดุษณีภาพ.
[๗๘๘] ครั้งนั้น เวลาเช้า ท่านพระอานนท์นุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไปยังนิเวศน์
ของสิริวัฑฒคฤหบดี แล้วนั่งบนอาสนะที่เขาปูถวาย ครั้นแล้วได้ถามสิริวัฑฒคฤหบดีว่า:
[๗๘๙] ดูกรคฤหบดี ท่านพอจะอดทนได้หรือ พอจะยังอัตภาพให้เป็นไปได้หรือ
ทุกขเวทนาย่อมคลายลงไม่กำเริบขึ้นหรือ ความทุเลาปรากฏ ความกำเริบไม่ปรากฏหรือ? สิริวัฑฒ
คฤหบดีตอบว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ กระผมอดทนไม่ได้ ยังอัตภาพให้เป็นไปไม่ได้ ทุกขเวทนา
ของกระผมกำเริบหนัก ไม่เสื่อมคลายไปเลย ความกำเริบปรากฏอยู่ ความทุเลาไม่ปรากฏ.
[๗๙๐] อา. ดูกรคฤหบดี เพราะเหตุนั้นแหละ ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักพิจารณา
เห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย
จักพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... จักพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ... จักพิจารณาเห็นธรรมในธรรม
อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ดูกรคฤหบดี
ท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล.
[๗๙๑] สิ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ธรรมคือสติปัฏฐาน ๔ เหล่าใด ที่พระผู้มีพระภาคทรง
แสดงแล้ว ธรรมเหล่านั้นมีอยู่ในกระผม และกระผมย่อมเห็นชัดในธรรมเหล่านั้น ก็กระผม
ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสใน
โลกเสีย ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ... ย่อมพิจารณา
เห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย.[๗๙๒] ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็สังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ เหล่าใด ที่พระผู้มีพระ
ภาคทรงแสดงไว้ กระผมยังไม่แลเห็นสังโยชน์ข้อใดข้อหนึ่ง ที่ยังละไม่ได้แล้วในตน.
อา. ดูกรคฤหบดี เป็นลาภของท่าน ท่านได้ดีแล้ว อนาคามิผลอันท่านกระทำให้แจ้ง
แล้ว.
สิริวัฑฒสูตร
ผู้เจริญสติปัฏฐาน ๔ ได้อนาคามิผล
[๗๘๗] สมัยหนึ่ง ท่านพระอานนท์อยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน
ใกล้พระนครราชคฤห์ ก็สมัยนั้น สิริวัฑฒคฤหบดีอาพาธ ได้รับทุกข์ เป็นไข้หนัก ครั้งนั้น
สิริวัฑฒคฤหบดีเรียกบุรุษคนหนึ่งมาสั่งว่า มานี่แน่ะบุรุษผู้เจริญ ท่านจงเข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว จงกราบเท้าทั้งสองของท่านด้วยเศียรเกล้า ตามคำของเราว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
สิริวัฑฒคฤหบดีอาพาธ ได้รับทุกข์ เป็นไข้หนัก เขาขอกราบเท้าทั้งสองของท่านพระอานนท์
ด้วยเศียรเกล้า ดังนี้ และจงเรียนอย่างนี้ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ได้โปรดเถิด ขอท่านพระอานนท์
จงอาศัยความอนุเคราะห์ เข้าไปยังนิเวศน์ของสิริวัฑฒคฤหบดีเถิด บุรุษนั้นรับคำสิริวัฑฒคฤหบดี
แล้ว จึงเข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึงที่อยู่ นมัสการท่านพระอานนท์แล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วน
ข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้เรียนท่านพระอานนท์ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ สิริวัฑฒคฤหบดีอาพาธ ได้รับ
ทุกข์ เป็นไข้หนัก ท่านขอกราบเท้าทั้งสองของท่านพระอานนท์ด้วยเศียรเกล้า และสั่งให้เรียน
อย่างนี้ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ได้โปรดเถิด ขอท่านพระอานนท์จงอาศัยความอนุเคราะห์ เข้าไป
ยังนิเวศน์ของสิริวัฑฒคฤหบดีเถิด ท่านพระอานนท์รับคำด้วยดุษณีภาพ.
[๗๘๘] ครั้งนั้น เวลาเช้า ท่านพระอานนท์นุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไปยังนิเวศน์
ของสิริวัฑฒคฤหบดี แล้วนั่งบนอาสนะที่เขาปูถวาย ครั้นแล้วได้ถามสิริวัฑฒคฤหบดีว่า:
[๗๘๙] ดูกรคฤหบดี ท่านพอจะอดทนได้หรือ พอจะยังอัตภาพให้เป็นไปได้หรือ
ทุกขเวทนาย่อมคลายลงไม่กำเริบขึ้นหรือ ความทุเลาปรากฏ ความกำเริบไม่ปรากฏหรือ? สิริวัฑฒ
คฤหบดีตอบว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ กระผมอดทนไม่ได้ ยังอัตภาพให้เป็นไปไม่ได้ ทุกขเวทนา
ของกระผมกำเริบหนัก ไม่เสื่อมคลายไปเลย ความกำเริบปรากฏอยู่ ความทุเลาไม่ปรากฏ.
[๗๙๐] อา. ดูกรคฤหบดี เพราะเหตุนั้นแหละ ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักพิจารณา
เห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย
จักพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... จักพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ... จักพิจารณาเห็นธรรมในธรรม
อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ดูกรคฤหบดี
ท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล.
[๗๙๑] สิ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ธรรมคือสติปัฏฐาน ๔ เหล่าใด ที่พระผู้มีพระภาคทรง
แสดงแล้ว ธรรมเหล่านั้นมีอยู่ในกระผม และกระผมย่อมเห็นชัดในธรรมเหล่านั้น ก็กระผม
ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสใน
โลกเสีย ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ... ย่อมพิจารณา
เห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย.[๗๙๒] ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็สังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ เหล่าใด ที่พระผู้มีพระ
ภาคทรงแสดงไว้ กระผมยังไม่แลเห็นสังโยชน์ข้อใดข้อหนึ่ง ที่ยังละไม่ได้แล้วในตน.
อา. ดูกรคฤหบดี เป็นลาภของท่าน ท่านได้ดีแล้ว อนาคามิผลอันท่านกระทำให้แจ้ง
แล้ว.
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#เวทนาเกิดเพราะเหตุ
อรหันตสูตร
อินทรีย์ ๕ อาศัยผัสสะเกิดเวทนา
[๙๔๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อินทรีย์ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน? คือ สุขินทรีย์
... อุเปกขินทรีย์.
[๙๕๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สุขินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนาเกิดขึ้น
ภิกษุนั้นสบายกาย ก็รู้ชัดว่าสบายกาย ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะ เป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนานั้นแหละดับไป เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะนั้น คือ สุขินทรีย์ ที่อาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนา
เกิดขึ้นนั้น ย่อมดับไป สงบไป.
[๙๕๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทุกขินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนา
เกิดขึ้น ภิกษุนั้นไม่สบายกาย ก็รู้ชัดว่าเราไม่สบายกาย ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้ง
แห่งทุกขเวทนานั้นแหละดับไป เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะนั้น คือ ทุกขินทรีย์ที่อาศัยผัสสะอันเป็น
ที่ตั้งแห่งทุกขเวทนาเกิดขึ้นนั้น ย่อมดับไป สงบไป.
[๙๕๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โสมนัสสินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่ง
โสมนัสสเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุนั้นสบายใจ ก็รู้ชัดว่าเราสบายใจ ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะอันเป็น
ที่ตั้งแห่งโสมนัสสเวทนานั้นแหละดับไป เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะนั้น คือ โสมนัสสินทรีย์ที่อาศัย
ผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งโสมนัสสเวทนาเกิดขึ้นนั้น ย่อมดับไป สงบไป.
[๙๕๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทมนัสสินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่ง
โทสนัสสเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุไม่สบายใจ ก็รู้ชัดว่า เราไม่สบายใจ ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะ
อันเป็นที่ตั้งแห่งโทมนัสสเวทนานั้นแหละดับไป เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะนั้น คือ โทมนัสสินทรีย์
ที่อาศัยผัสสะ อันเป็นที่ตั้งแห่งโทมนัสสเวทนาเกิดขึ้นนั้น ย่อมดับไป สงบไป.
[๙๕๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุเปกขินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่ง
อุเบกขาเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุนั้นรู้สึกเฉยๆ ก็รู้ชัดว่า เรารู้สึกเฉยๆ ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะ
อันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขาเวทนานั้นแหละดับไป เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะนั้น คือ อุเปกขินทรีย์ที่
อาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขาเวทนาเกิดขึ้นนั้น ย่อมดับไป สงบไป.
[๙๕๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนไม้ ๒ อันเสียดสีกันจึงเกิดความร้อน เกิด
ไฟขึ้น เพราะแยกไม้ ๒ อันนั่นเองให้ออกจากกันเสีย ความร้อนที่เกิดเพราะความเสียดสี ย่อม
ดับสงบไป ฉันใด สุขินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะ อันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุนั้นสบาย
กาย ก็รู้ชัดว่า เราสบายกาย ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนานั้นแหละดับไป
เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะ คือ สุขินทรีย์ที่อาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนาเกิดขึ้นนั้น ย่อม
ดับไปสงบไป ทุกขินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนาเกิดขึ้น ฯลฯ โสมนัส
สินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งโสมนัสสเวทนาเกิดขึ้น ฯลฯ โสมนัสสินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งโทมนัสสเวทนาเกิดขึ้น ฯลฯ อุเปกขินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่ง
อุเบกขาเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุนั้นรู้สึกเฉยๆ ก็รู้ชัดว่า เรารู้สึกเฉยๆ ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะ
อันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขาเวทนานั้นแหละดับไป เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะนั้น คือ อุเปกขินทรีย์ที่
อาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขาเวทนาเกิดขึ้นนั้น ย่อมดับไป สงบไป ฉันนั้น เหมือนกัน.
จบ สูตรที่ ๙
อรหันตสูตร
อินทรีย์ ๕ อาศัยผัสสะเกิดเวทนา
[๙๔๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อินทรีย์ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน? คือ สุขินทรีย์
... อุเปกขินทรีย์.
[๙๕๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สุขินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนาเกิดขึ้น
ภิกษุนั้นสบายกาย ก็รู้ชัดว่าสบายกาย ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะ เป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนานั้นแหละดับไป เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะนั้น คือ สุขินทรีย์ ที่อาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนา
เกิดขึ้นนั้น ย่อมดับไป สงบไป.
[๙๕๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทุกขินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนา
เกิดขึ้น ภิกษุนั้นไม่สบายกาย ก็รู้ชัดว่าเราไม่สบายกาย ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้ง
แห่งทุกขเวทนานั้นแหละดับไป เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะนั้น คือ ทุกขินทรีย์ที่อาศัยผัสสะอันเป็น
ที่ตั้งแห่งทุกขเวทนาเกิดขึ้นนั้น ย่อมดับไป สงบไป.
[๙๕๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โสมนัสสินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่ง
โสมนัสสเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุนั้นสบายใจ ก็รู้ชัดว่าเราสบายใจ ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะอันเป็น
ที่ตั้งแห่งโสมนัสสเวทนานั้นแหละดับไป เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะนั้น คือ โสมนัสสินทรีย์ที่อาศัย
ผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งโสมนัสสเวทนาเกิดขึ้นนั้น ย่อมดับไป สงบไป.
[๙๕๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทมนัสสินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่ง
โทสนัสสเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุไม่สบายใจ ก็รู้ชัดว่า เราไม่สบายใจ ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะ
อันเป็นที่ตั้งแห่งโทมนัสสเวทนานั้นแหละดับไป เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะนั้น คือ โทมนัสสินทรีย์
ที่อาศัยผัสสะ อันเป็นที่ตั้งแห่งโทมนัสสเวทนาเกิดขึ้นนั้น ย่อมดับไป สงบไป.
[๙๕๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุเปกขินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่ง
อุเบกขาเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุนั้นรู้สึกเฉยๆ ก็รู้ชัดว่า เรารู้สึกเฉยๆ ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะ
อันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขาเวทนานั้นแหละดับไป เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะนั้น คือ อุเปกขินทรีย์ที่
อาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขาเวทนาเกิดขึ้นนั้น ย่อมดับไป สงบไป.
[๙๕๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนไม้ ๒ อันเสียดสีกันจึงเกิดความร้อน เกิด
ไฟขึ้น เพราะแยกไม้ ๒ อันนั่นเองให้ออกจากกันเสีย ความร้อนที่เกิดเพราะความเสียดสี ย่อม
ดับสงบไป ฉันใด สุขินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะ อันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุนั้นสบาย
กาย ก็รู้ชัดว่า เราสบายกาย ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนานั้นแหละดับไป
เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะ คือ สุขินทรีย์ที่อาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนาเกิดขึ้นนั้น ย่อม
ดับไปสงบไป ทุกขินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนาเกิดขึ้น ฯลฯ โสมนัส
สินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งโสมนัสสเวทนาเกิดขึ้น ฯลฯ โสมนัสสินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งโทมนัสสเวทนาเกิดขึ้น ฯลฯ อุเปกขินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่ง
อุเบกขาเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุนั้นรู้สึกเฉยๆ ก็รู้ชัดว่า เรารู้สึกเฉยๆ ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะ
อันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขาเวทนานั้นแหละดับไป เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะนั้น คือ อุเปกขินทรีย์ที่
อาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขาเวทนาเกิดขึ้นนั้น ย่อมดับไป สงบไป ฉันนั้น เหมือนกัน.
จบ สูตรที่ ๙
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#ว่าด้วยการแสดงฤทธิ์
อโยคุฬสูตร
ว่าด้วยการแสดงฤทธิ์
[๑๒๐๘] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่
ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มี
พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคทรงทราบอยู่หรือว่า พระองค์ทรงเข้าถึงพรหม
โลกด้วยพระฤทธิ์ พร้อมทั้งพระกายอันสำเร็จแต่ใจ?
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า เราทราบอยู่ อานนท์ ว่าเราเข้าถึงพรหมโลกด้วยฤทธิ์
พร้อมทั้งกายอันสำเร็จแต่ใจ.
อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาคทรงทราบอยู่หรือว่า พระองค์ทรงเข้าถึง
พรหมโลกด้วยพระฤทธิ์ พร้อมทั้งพระกายอันประกอบด้วยมหาภูตรูป ๔ นี้?
พ. เราทราบอยู่ อานนท์ ว่าเราเข้าถึงพรหมโลกด้วยฤทธิ์ พร้อมทั้งกายอันประกอบ
ด้วยมหาภูตรูป ๔ นี้.
[๑๒๐๙] อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า พระองค์ทรง
เข้าถึงพรหมโลกด้วยพระฤทธิ์ พร้อมทั้งพระกายอันสำเร็จด้วยใจ และทรงทราบว่า พระองค์ทรง
เข้าถึงพรหมโลกด้วยพระฤทธิ์ พร้อมทั้งพระกายอันประกอบด้วยมหาภูตรูป ๔ นี้ เป็นสิ่งน่า
อัศจรรย์ ทั้งไม่เคยมีมาแล้ว.
พ. ดูกรอานนท์ พระตถาคตทั้งหลายเป็นผู้อัศจรรย์ และประกอบด้วยธรรมอันน่า
อัศจรรย์ เป็นผู้ไม่เคยมีมา และประกอบด้วยธรรมอันไม่เคยมีมา.
[๑๒๑๐] ดูกรอานนท์ สมัยใด ตถาคตตั้งกายไว้ในจิต หรือตั้งจิตลงไว้ที่กาย ก้าว
ลงสู่สุขสัญญาและลหุสัญญาในกายอยู่ สมัยนั้น กายของตถาคตย่อมเบากว่าปกติ อ่อนกว่า
ปกติ ควรแก่การงานกว่าปกติ และผุดผ่องกว่าปกติ.
[๑๒๑๑] ดูกรอานนท์ เปรียบเหมือนก้อนเหล็กที่เผาไฟอยู่วันยังค่ำ ย่อมเบากว่า
ปกติ อ่อนกว่าปกติ ควรแก่การงานกว่าปกติ และผุดผ่องกว่าปกติ ฉันใด สมัยใด ตถาคต
ตั้งกายลงไว้ในจิต หรือตั้งจิตลงไว้ที่กาย ก้าวลงสู่สุขสัญญาและลหุสัญญาในกายอยู่ สมัยนั้น
กายของตถาคตย่อมเบากว่าปกติ อ่อนกว่าปกติ ควรแก่การงานกว่าปกติ และผุดผ่องกว่าปกติ
ฉันนั้นเหมือนกัน. [๑๒๑๒] ดูกรอานนท์ สมัยใด ตถาคตตั้งกายลงไว้ในจิต หรือตั้งจิตลงไว้ที่กาย
ก้าวลงสู่สุขสัญญาและลหุสัญญาในกายอยู่ สมัยนั้น กายของตถาคต ย่อมลอยจากแผ่นดินขึ้นสู่
อากาศได้โดยไม่ยากเลย ตถาคตนั้นย่อมแสดงฤทธิ์ได้หลายคน คือ คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้
หลายคนเป็นคนเดียวก็ได้ ฯลฯ ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้.
[๑๒๑๓] ดูกรอานนท์ เปรียบเหมือนปุยนุ่นหรือปุยฝ้าย ซึ่งเป็นเชื้อธาตุที่เบา ย่อม
ลอยจากแผ่นดินขึ้นสู่อากาศได้โดยไม่ยากเลย ฉันใด สมัยใด ตถาคตตั้งกายลงไว้ในจิต หรือ
ตั้งจิตลงไว้ที่กาย ก้าวลงสู่สุขสัญญาและลหุสัญญาอยู่ สมัยนั้น กายของตถาคตย่อมลอยจาก
แผ่นดินขึ้นสู่อากาศได้โดยไม่ยากเลย ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ
[๑๒๑๔] ดูกรอานนท์ สมัยนั้น กายของตถาคตย่อมลอยจากแผ่นดินขึ้นสู่อากาศได้
โดยไม่ยากเลย ตถาคตนั้นย่อมแสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง คือ คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้ หลาย
คนเป็นคนเดียวก็ได้ ฯลฯ ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้.
จบ สูตรที่ ๒
ภิกขุสุทธกสูตร
ว่าด้วยการเจริญอิทธิบาท
[๑๒๑๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อิทธิบาท ๔ เหล่านี้ อิทธิบาท ๔ เป็นไฉน? ภิกษุใน
ธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยฉันทสมาธิและปธานสังขาร ... วิริยสมาธิ ... จิตต
สมาธิ ... วิมังสาสมาธิและปธานสังขาร ดูกรภิกษุทั้งหลาย อิทธิบาท ๔ เหล่านี้แล.
[๑๒๑๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะได้เจริญ กระทำให้มากซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้แล
ภิกษุจึงกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป
ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่.
จบ สูตรที่ ๓
ผลสูตรที่ ๑
เจริญอิทธิบาทหวังผลได้ ๒ อย่าง
[๑๒๑๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อิทธิบาท ๔ เหล่านี้ อิทธิบาท ๔ เป็นไฉน? ภิกษุใน
ธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยฉันทสมาธิและปธานสังขาร ... วิริยสมาธิ ... จิตต
สมาธิ ... วิมังสาสมาธิและปธานสังขาร ดูกรภิกษุทั้งหลาย อิทธิบาท ๔ เหล่านี้แล. [๑๒๑๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะได้เจริญ ได้กระทำให้มากซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้
แล ภิกษุพึงหวังผลได้ ๒ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีความ
ถือมั่นเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี.
จบ สูตรที่ ๔
ทรงแสดงสิ่งที่น่าอัศจรรย์อันแท้จริงของพระองค์ ๑ (เมื่อได?ทรงสนทนากับพระอานนท? ถึงเรื่องอันเป?นอิทธิปาฏิหาริย?เกี่ยวกับการจุติและการประสูติ เป?นต?น ของพระองค? ว?าเป?นสิ่งที่น?าอัศจรรย?แล?ว ได?ทรงแสดงเรื่องที่เราควรจะเห็นว?าน?า อัศจรรย?ยิ่งไปกว?านั้นอีก ดังต?อไปนี้ :-) อานนท? ! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงทรงจําสิ่งอันน?าอัศจรรย? ไม?เคยมีมาแต?ก?อนของตถาคต ข?อนี้ไว?. อานนท? ! ในกรณีนี้คือ :- เวทนา เป?นของแจ?มแจ?งแก?ตถาคตแล?วจึงเกิดขึ้น แล?วจึงตั้งอยู? แล?วจึง ลับไป. สัญญา เป?นของแจ?มแจ?งแก?ตถาคตแล?วจึงเกิดขึ้น แล?วจึงตั้งอยู? แล?วจึง ลับไป. วิตก เป?นของแจ?มแจ?งแก?ตถาคตแล?วจึงเกิดขึ้น แล?วจึงตั้งอยู? แล?วจึง ลับไป.
________________________________ ๑. บาลี อัจฉริยอัพภูตธัมมสูตร อุปริ. ม. ๑๔/๒๕๔/๓๗๙. ตรัสแก?พระอานนท? ที่อุป?ฏฐานศาลา ณ เชตวนาราม.
ได้ตรัสรู้แล้ว –โปรดปัญจวัคคีย์ ๑๕๓
อานนท? ! เธอจงทรงจําสิ่งอันน?าอัศจรรย?ไม?เคยมีมาแต?ก?อนของตถาคต ข?อนี้แล. “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้อที่ว่า เวทนา เป?นของแจ?มแจ?งแก?พระผู?มีพระภาค แล?วจึงเกิดขึ้น แล?วจึงตั้งอยู? แล?วจึงลับไป, สัญญา เป?นของแจ?มแจ?งแก?พระผู?มีพระภาค แล?วจึงเกิดขึ้น แล?วจึงตั้งอยู? แล?วจึงลับไป, วิตก เป?นของแจ?มแจ?งแก?พระผู?มีพระภาค แล?วจึงเกิดขึ้น แล?วจึงตั้งอยู? แล?วจึงลับไป, แม้ใด; ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้อนี้ ข้าพระองค์ จะทรงจําไว้ว่า เป็นสิ่งอันน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาแต่ก่อนเกี่ยวกับพระผู้มีพระภาค, ดังนี้.”
ไม่ทรงติดแม้ในนิพพาน ๓ ภิกษุ ท. ! แม?ตถาคต ผู?เป?นพระอรหันต?ตรัสรู?ชอบเอง ก็รู?ชัดซึ่ง นิพพานตามความเป?นนิพพาน. ครั้นรู?นิพพานตามความเป?นนิพพานแล?ว
________________________________ ๑. บาลี จุตกฺก. อํ. ๒๑/๔๗/๓๕. ตรัสแก?วัสสการพราหมณ? สวนไผ?, ราชคฤห?. ๒. คือทรงบังคับจิตให?คิดหรือไม?ให?คิดก็ได? หรือให?คิดเฉพาะเรื่องใดก็ได?. ๓. บาลี มูลปริยายสูตร มู.ม. ๑๒/๑๐/๙. ตรัสแก?ภิกษุทั้งหลาย ที่โคนต?นสาละ ในป?าสุภวัน ใกล?เมืองอุกกัฏฐะ.
๑๕๖ พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ – ภาค ๓
ก็ไม?ทําความมั่นหมายซึ่งนิพพาน ไม?ทําความมั่นหมายในนิพพาน ไม?ทําความมั่นหมาย โดยความเป?นนิพพาน ไม?ทําความมั่นหมายว?า “นิพพานเป็นของเรา”, ไม?เพลิดเพลิน ลุ?มหลงในนิพพาน. ข?อนี้เพราะเหตุไรเล?า ? เพราะเหตุว?า นิพพานนั้นเป?นสิ่งที่ ตถาคตกําหนดรู?ทั่วถึงแล?ว. ภิกษุ ท. ! แม?ตถาคต ผู?เป?นพระอรหันต?ตรัสรู?ชอบเอง ก็รู?ชัดซึ่ง นิพพานตามความเป?นนิพพาน. ครั้นรู?นิพพานตามความเป?นนิพพานชัดแจ?งแล?ว ก็ไม?ทําความมั่นหมายซึ่งนิพพาน ไม?ทําความมั่นหมายในนิพพาน ไม?ทําความมั่นหมาย โดยความเป?นนิพพาน ไม?ทําความมั่นหมายว?า “นิพพานเป็นของเรา”, ไม?เพลิดเพลิน ลุ?มหลงในนิพพาน. ข?อนี้เพราะเหตุไรเล?า ? เรากล?าวว?า เพราะรู?ว?าความเพลิดเพลิน เป?นมูลแห?งทุกข? และเพราะมีภพจึงมีชาติ, เมื่อเกิดเป?นสัตว?แล?วต?องมีแก?และตาย. เพราะเหตุนั้นตถาคตจึงตรัสรู?อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เพราะตัณหาทั้งหลายสิ้นไป ปราศไป ดับไป สละไป ไถ?ถอนไป โดยประการทั้งปวง ดังนี้.
อโยคุฬสูตร
ว่าด้วยการแสดงฤทธิ์
[๑๒๐๘] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่
ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มี
พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคทรงทราบอยู่หรือว่า พระองค์ทรงเข้าถึงพรหม
โลกด้วยพระฤทธิ์ พร้อมทั้งพระกายอันสำเร็จแต่ใจ?
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า เราทราบอยู่ อานนท์ ว่าเราเข้าถึงพรหมโลกด้วยฤทธิ์
พร้อมทั้งกายอันสำเร็จแต่ใจ.
อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาคทรงทราบอยู่หรือว่า พระองค์ทรงเข้าถึง
พรหมโลกด้วยพระฤทธิ์ พร้อมทั้งพระกายอันประกอบด้วยมหาภูตรูป ๔ นี้?
พ. เราทราบอยู่ อานนท์ ว่าเราเข้าถึงพรหมโลกด้วยฤทธิ์ พร้อมทั้งกายอันประกอบ
ด้วยมหาภูตรูป ๔ นี้.
[๑๒๐๙] อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า พระองค์ทรง
เข้าถึงพรหมโลกด้วยพระฤทธิ์ พร้อมทั้งพระกายอันสำเร็จด้วยใจ และทรงทราบว่า พระองค์ทรง
เข้าถึงพรหมโลกด้วยพระฤทธิ์ พร้อมทั้งพระกายอันประกอบด้วยมหาภูตรูป ๔ นี้ เป็นสิ่งน่า
อัศจรรย์ ทั้งไม่เคยมีมาแล้ว.
พ. ดูกรอานนท์ พระตถาคตทั้งหลายเป็นผู้อัศจรรย์ และประกอบด้วยธรรมอันน่า
อัศจรรย์ เป็นผู้ไม่เคยมีมา และประกอบด้วยธรรมอันไม่เคยมีมา.
[๑๒๑๐] ดูกรอานนท์ สมัยใด ตถาคตตั้งกายไว้ในจิต หรือตั้งจิตลงไว้ที่กาย ก้าว
ลงสู่สุขสัญญาและลหุสัญญาในกายอยู่ สมัยนั้น กายของตถาคตย่อมเบากว่าปกติ อ่อนกว่า
ปกติ ควรแก่การงานกว่าปกติ และผุดผ่องกว่าปกติ.
[๑๒๑๑] ดูกรอานนท์ เปรียบเหมือนก้อนเหล็กที่เผาไฟอยู่วันยังค่ำ ย่อมเบากว่า
ปกติ อ่อนกว่าปกติ ควรแก่การงานกว่าปกติ และผุดผ่องกว่าปกติ ฉันใด สมัยใด ตถาคต
ตั้งกายลงไว้ในจิต หรือตั้งจิตลงไว้ที่กาย ก้าวลงสู่สุขสัญญาและลหุสัญญาในกายอยู่ สมัยนั้น
กายของตถาคตย่อมเบากว่าปกติ อ่อนกว่าปกติ ควรแก่การงานกว่าปกติ และผุดผ่องกว่าปกติ
ฉันนั้นเหมือนกัน. [๑๒๑๒] ดูกรอานนท์ สมัยใด ตถาคตตั้งกายลงไว้ในจิต หรือตั้งจิตลงไว้ที่กาย
ก้าวลงสู่สุขสัญญาและลหุสัญญาในกายอยู่ สมัยนั้น กายของตถาคต ย่อมลอยจากแผ่นดินขึ้นสู่
อากาศได้โดยไม่ยากเลย ตถาคตนั้นย่อมแสดงฤทธิ์ได้หลายคน คือ คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้
หลายคนเป็นคนเดียวก็ได้ ฯลฯ ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้.
[๑๒๑๓] ดูกรอานนท์ เปรียบเหมือนปุยนุ่นหรือปุยฝ้าย ซึ่งเป็นเชื้อธาตุที่เบา ย่อม
ลอยจากแผ่นดินขึ้นสู่อากาศได้โดยไม่ยากเลย ฉันใด สมัยใด ตถาคตตั้งกายลงไว้ในจิต หรือ
ตั้งจิตลงไว้ที่กาย ก้าวลงสู่สุขสัญญาและลหุสัญญาอยู่ สมัยนั้น กายของตถาคตย่อมลอยจาก
แผ่นดินขึ้นสู่อากาศได้โดยไม่ยากเลย ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ
[๑๒๑๔] ดูกรอานนท์ สมัยนั้น กายของตถาคตย่อมลอยจากแผ่นดินขึ้นสู่อากาศได้
โดยไม่ยากเลย ตถาคตนั้นย่อมแสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง คือ คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้ หลาย
คนเป็นคนเดียวก็ได้ ฯลฯ ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้.
จบ สูตรที่ ๒
ภิกขุสุทธกสูตร
ว่าด้วยการเจริญอิทธิบาท
[๑๒๑๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อิทธิบาท ๔ เหล่านี้ อิทธิบาท ๔ เป็นไฉน? ภิกษุใน
ธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยฉันทสมาธิและปธานสังขาร ... วิริยสมาธิ ... จิตต
สมาธิ ... วิมังสาสมาธิและปธานสังขาร ดูกรภิกษุทั้งหลาย อิทธิบาท ๔ เหล่านี้แล.
[๑๒๑๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะได้เจริญ กระทำให้มากซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้แล
ภิกษุจึงกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป
ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่.
จบ สูตรที่ ๓
ผลสูตรที่ ๑
เจริญอิทธิบาทหวังผลได้ ๒ อย่าง
[๑๒๑๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อิทธิบาท ๔ เหล่านี้ อิทธิบาท ๔ เป็นไฉน? ภิกษุใน
ธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยฉันทสมาธิและปธานสังขาร ... วิริยสมาธิ ... จิตต
สมาธิ ... วิมังสาสมาธิและปธานสังขาร ดูกรภิกษุทั้งหลาย อิทธิบาท ๔ เหล่านี้แล. [๑๒๑๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะได้เจริญ ได้กระทำให้มากซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้
แล ภิกษุพึงหวังผลได้ ๒ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีความ
ถือมั่นเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี.
จบ สูตรที่ ๔
ทรงแสดงสิ่งที่น่าอัศจรรย์อันแท้จริงของพระองค์ ๑ (เมื่อได?ทรงสนทนากับพระอานนท? ถึงเรื่องอันเป?นอิทธิปาฏิหาริย?เกี่ยวกับการจุติและการประสูติ เป?นต?น ของพระองค? ว?าเป?นสิ่งที่น?าอัศจรรย?แล?ว ได?ทรงแสดงเรื่องที่เราควรจะเห็นว?าน?า อัศจรรย?ยิ่งไปกว?านั้นอีก ดังต?อไปนี้ :-) อานนท? ! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงทรงจําสิ่งอันน?าอัศจรรย? ไม?เคยมีมาแต?ก?อนของตถาคต ข?อนี้ไว?. อานนท? ! ในกรณีนี้คือ :- เวทนา เป?นของแจ?มแจ?งแก?ตถาคตแล?วจึงเกิดขึ้น แล?วจึงตั้งอยู? แล?วจึง ลับไป. สัญญา เป?นของแจ?มแจ?งแก?ตถาคตแล?วจึงเกิดขึ้น แล?วจึงตั้งอยู? แล?วจึง ลับไป. วิตก เป?นของแจ?มแจ?งแก?ตถาคตแล?วจึงเกิดขึ้น แล?วจึงตั้งอยู? แล?วจึง ลับไป.
________________________________ ๑. บาลี อัจฉริยอัพภูตธัมมสูตร อุปริ. ม. ๑๔/๒๕๔/๓๗๙. ตรัสแก?พระอานนท? ที่อุป?ฏฐานศาลา ณ เชตวนาราม.
ได้ตรัสรู้แล้ว –โปรดปัญจวัคคีย์ ๑๕๓
อานนท? ! เธอจงทรงจําสิ่งอันน?าอัศจรรย?ไม?เคยมีมาแต?ก?อนของตถาคต ข?อนี้แล. “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้อที่ว่า เวทนา เป?นของแจ?มแจ?งแก?พระผู?มีพระภาค แล?วจึงเกิดขึ้น แล?วจึงตั้งอยู? แล?วจึงลับไป, สัญญา เป?นของแจ?มแจ?งแก?พระผู?มีพระภาค แล?วจึงเกิดขึ้น แล?วจึงตั้งอยู? แล?วจึงลับไป, วิตก เป?นของแจ?มแจ?งแก?พระผู?มีพระภาค แล?วจึงเกิดขึ้น แล?วจึงตั้งอยู? แล?วจึงลับไป, แม้ใด; ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้อนี้ ข้าพระองค์ จะทรงจําไว้ว่า เป็นสิ่งอันน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาแต่ก่อนเกี่ยวกับพระผู้มีพระภาค, ดังนี้.”
ไม่ทรงติดแม้ในนิพพาน ๓ ภิกษุ ท. ! แม?ตถาคต ผู?เป?นพระอรหันต?ตรัสรู?ชอบเอง ก็รู?ชัดซึ่ง นิพพานตามความเป?นนิพพาน. ครั้นรู?นิพพานตามความเป?นนิพพานแล?ว
________________________________ ๑. บาลี จุตกฺก. อํ. ๒๑/๔๗/๓๕. ตรัสแก?วัสสการพราหมณ? สวนไผ?, ราชคฤห?. ๒. คือทรงบังคับจิตให?คิดหรือไม?ให?คิดก็ได? หรือให?คิดเฉพาะเรื่องใดก็ได?. ๓. บาลี มูลปริยายสูตร มู.ม. ๑๒/๑๐/๙. ตรัสแก?ภิกษุทั้งหลาย ที่โคนต?นสาละ ในป?าสุภวัน ใกล?เมืองอุกกัฏฐะ.
๑๕๖ พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ – ภาค ๓
ก็ไม?ทําความมั่นหมายซึ่งนิพพาน ไม?ทําความมั่นหมายในนิพพาน ไม?ทําความมั่นหมาย โดยความเป?นนิพพาน ไม?ทําความมั่นหมายว?า “นิพพานเป็นของเรา”, ไม?เพลิดเพลิน ลุ?มหลงในนิพพาน. ข?อนี้เพราะเหตุไรเล?า ? เพราะเหตุว?า นิพพานนั้นเป?นสิ่งที่ ตถาคตกําหนดรู?ทั่วถึงแล?ว. ภิกษุ ท. ! แม?ตถาคต ผู?เป?นพระอรหันต?ตรัสรู?ชอบเอง ก็รู?ชัดซึ่ง นิพพานตามความเป?นนิพพาน. ครั้นรู?นิพพานตามความเป?นนิพพานชัดแจ?งแล?ว ก็ไม?ทําความมั่นหมายซึ่งนิพพาน ไม?ทําความมั่นหมายในนิพพาน ไม?ทําความมั่นหมาย โดยความเป?นนิพพาน ไม?ทําความมั่นหมายว?า “นิพพานเป็นของเรา”, ไม?เพลิดเพลิน ลุ?มหลงในนิพพาน. ข?อนี้เพราะเหตุไรเล?า ? เรากล?าวว?า เพราะรู?ว?าความเพลิดเพลิน เป?นมูลแห?งทุกข? และเพราะมีภพจึงมีชาติ, เมื่อเกิดเป?นสัตว?แล?วต?องมีแก?และตาย. เพราะเหตุนั้นตถาคตจึงตรัสรู?อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เพราะตัณหาทั้งหลายสิ้นไป ปราศไป ดับไป สละไป ไถ?ถอนไป โดยประการทั้งปวง ดังนี้.
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ว่าด้วยการตั้งอยู่แห่งพระสัทธรรม ได้นานและไม่นาน
ว่าด้วยการตั้งอยู่แห่งพระสัทธรรม[๗๗๐] นิทานต้นสูตรเหมือนกัน. ท่านพระภัททะนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้ถามพระอานนท์ว่า:
[๗๗๑] ดูกรท่านอานนท์ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องให้พระสัทธรรมตั้งอยู่
ไม่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว และอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องให้พระ
สัทธรรมตั้งอยู่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว?
ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดีละๆ ท่านภัททะ ท่านช่างคิด ช่างเฉียบแหลม ช่างไต่ถาม
เหมาะๆ ก็ท่านถามอย่างนี้หรือว่า ดูกรท่านอานนท์ อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องให้พระ
สัทธรรมตั้งอยู่ไม่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว และอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัย
เครื่องให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว.
ภ. อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ.
[๗๗๒] อา. ดูกรท่านผู้มีอายุ เพราะบุคคลไม่ได้เจริญ ไม่ได้กระทำให้มาก ซึ่งสติ
ปัฏฐาน ๔ พระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ไม่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว และเพราะ
บุคคลเจริญ กระทำให้มาก ซึ่งสติปัฏฐาน ๔ พระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคต
เสด็จปรินิพพานแล้ว สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายใน
กายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ย่อมพิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ... ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ดูกรท่านผู้มีอายุ เพราะ
บุคคลไม่ได้เจริญ ไม่ได้กระทำให้มาก ซึ่งสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้แล พระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ไม่ได้นาน
ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว และเพราะบุคคลได้เจริญ ได้กระทำให้มาก ซึ่งสติ
ปัฏฐาน ๔ เหล่านี้แล พระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว.
จบ สูตรที่ ๒
ปริหานสูตร
ว่าด้วยความเสื่อมแห่งพระสัทธรรม
[๗๗๓] สมัยหนึ่ง ท่านพระอานนท์และท่านพระภัททะ อยู่ ณ กุกกุฏาราม ใกล้
เมืองปาฏลีบุตร ครั้งนั้น ท่านพระภัททะออกจากที่เร้นในเวลาเย็น เข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึง
ที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระอานนท์ ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่
ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ถามท่านพระอานนท์ว่า:
[๗๗๔] ดูกรท่านอานนท์ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องทำให้พระสัทธรรม
เสื่อม อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องทำให้พระสัทธรรมไม่เสื่อม?
ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดีละๆ ท่านภัททะ ท่านช่างคิด ช่างเฉียบแหลม ช่างไต่
ถามเหมาะๆ ก็ท่านถามอย่างนี้หรือว่า ดูกรอานนท์ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องทำให้
พระสัทธรรมเสื่อม อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องทำให้พระสัทธรรมไม่เสื่อม.
ภ. อย่างนั้น ท่านผู้เจริญ.
[๗๗๕] อา. ดูกรท่านผู้มีอายุ เพราะบุคคลไม่ได้เจริญ ไม่ได้กระทำให้มาก ซึ่งสติ
ปัฏฐาน ๔ พระสัทธรรมจึงเสื่อม และเพราะบุคคลได้เจริญ ได้กระทำให้มาก ซึ่งสติปัฏฐาน ๔
พระสัทธรรมจึงไม่เสื่อม สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกาย
ในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย พิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ... พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร
มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ดูกรท่านผู้มีอายุ เพราะบุคคลไม่ได้
เจริญ ไม่ได้กระทำให้มาก ซึ่งสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้แล พระสัทธรรมจึงเสื่อม เพราะบุคคลได้
เจริญ ได้กระทำให้มาก ซึ่งสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้แล พระสัทธรรมจึงไม่เสื่อม.
จบ สูตรที่ ๓
ว่าด้วยการตั้งอยู่แห่งพระสัทธรรม[๗๗๐] นิทานต้นสูตรเหมือนกัน. ท่านพระภัททะนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้ถามพระอานนท์ว่า:
[๗๗๑] ดูกรท่านอานนท์ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องให้พระสัทธรรมตั้งอยู่
ไม่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว และอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องให้พระ
สัทธรรมตั้งอยู่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว?
ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดีละๆ ท่านภัททะ ท่านช่างคิด ช่างเฉียบแหลม ช่างไต่ถาม
เหมาะๆ ก็ท่านถามอย่างนี้หรือว่า ดูกรท่านอานนท์ อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องให้พระ
สัทธรรมตั้งอยู่ไม่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว และอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัย
เครื่องให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว.
ภ. อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ.
[๗๗๒] อา. ดูกรท่านผู้มีอายุ เพราะบุคคลไม่ได้เจริญ ไม่ได้กระทำให้มาก ซึ่งสติ
ปัฏฐาน ๔ พระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ไม่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว และเพราะ
บุคคลเจริญ กระทำให้มาก ซึ่งสติปัฏฐาน ๔ พระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคต
เสด็จปรินิพพานแล้ว สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายใน
กายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ย่อมพิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ... ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ดูกรท่านผู้มีอายุ เพราะ
บุคคลไม่ได้เจริญ ไม่ได้กระทำให้มาก ซึ่งสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้แล พระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ไม่ได้นาน
ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว และเพราะบุคคลได้เจริญ ได้กระทำให้มาก ซึ่งสติ
ปัฏฐาน ๔ เหล่านี้แล พระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว.
จบ สูตรที่ ๒
ปริหานสูตร
ว่าด้วยความเสื่อมแห่งพระสัทธรรม
[๗๗๓] สมัยหนึ่ง ท่านพระอานนท์และท่านพระภัททะ อยู่ ณ กุกกุฏาราม ใกล้
เมืองปาฏลีบุตร ครั้งนั้น ท่านพระภัททะออกจากที่เร้นในเวลาเย็น เข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึง
ที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระอานนท์ ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่
ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ถามท่านพระอานนท์ว่า:
[๗๗๔] ดูกรท่านอานนท์ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องทำให้พระสัทธรรม
เสื่อม อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องทำให้พระสัทธรรมไม่เสื่อม?
ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดีละๆ ท่านภัททะ ท่านช่างคิด ช่างเฉียบแหลม ช่างไต่
ถามเหมาะๆ ก็ท่านถามอย่างนี้หรือว่า ดูกรอานนท์ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องทำให้
พระสัทธรรมเสื่อม อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องทำให้พระสัทธรรมไม่เสื่อม.
ภ. อย่างนั้น ท่านผู้เจริญ.
[๗๗๕] อา. ดูกรท่านผู้มีอายุ เพราะบุคคลไม่ได้เจริญ ไม่ได้กระทำให้มาก ซึ่งสติ
ปัฏฐาน ๔ พระสัทธรรมจึงเสื่อม และเพราะบุคคลได้เจริญ ได้กระทำให้มาก ซึ่งสติปัฏฐาน ๔
พระสัทธรรมจึงไม่เสื่อม สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกาย
ในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย พิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ... พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร
มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ดูกรท่านผู้มีอายุ เพราะบุคคลไม่ได้
เจริญ ไม่ได้กระทำให้มาก ซึ่งสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้แล พระสัทธรรมจึงเสื่อม เพราะบุคคลได้
เจริญ ได้กระทำให้มาก ซึ่งสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้แล พระสัทธรรมจึงไม่เสื่อม.
จบ สูตรที่ ๓
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#ภิกษุยังศีลให้บริสุทธ์ยังไม่ได้ ไปขอกรรมฐานพระพุทธเจ้า
ภิกขุสูตร
ว่าด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ๔ โดยส่วน ๓
[๖๘๕] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่
ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มี
พระภาคว่า
[๖๘๖] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคโปรด
แสดงธรรมโดยย่อแก่ข้าพระองค์ ที่ข้าพระองค์ได้ฟังแล้ว พึงเป็นผู้ๆ เดียวหลีกออกจากหมู่ ไม่
ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวเถิด. พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ก็โมฆบุรุษบางพวกในโลกนี้ ย่อมเชื้อเชิญเราอย่างนี้เหมือนกัน
และเมื่อเรากล่าวธรรมแล้ว ย่อมสำคัญเราว่า เป็นผู้ควรติดตามไปเท่านั้น
ภิกษุนั้นทูลวิงวอนว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดแสดงธรรมโดย
ย่อแก่ข้าพระองค์ ขอพระสุคตโปรดแสดงธรรมโดยย่อแก่ข้าพระองค์ แม้ไฉน ข้าพระองค์พึงรู้
ทั่วถึงเนื้อความแห่งภาษิตของพระผู้มีพระภาค แม้ไฉน ข้าพระองค์พึงเป็นทายาทแห่งภาษิตของ
พระผู้มีพระภาค.
[๖๘๗] พ. ดูกรภิกษุ เพราะเหตุนั้นแหละ เธอจงยังเบื้องต้นในกุศลธรรมให้บริสุทธิ์
ก่อน เบื้องต้นของกุศลธรรมคืออะไร? คือ ศีลที่บริสุทธิ์ดี และความเห็นตรง เมื่อใด ศีล
ของเธอจักบริสุทธิ์ดี และความเห็นของเธอจักตรง เมื่อนั้น เธออาศัยศีล ตั้งอยู่ในศีลแล้ว
พึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ โดยส่วน ๓ สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน?
[๖๘๘] ดูกรภิกษุ เธอจงพิจารณาเห็นกายในกายภายในอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ
มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ๑ จงพิจารณาเห็นกายในกายภายนอกอยู่ มีความ
เพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ๑ จงพิจารณาเห็นกายใน
กายทั้งภายในภายนอกอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลก
เสีย ๑ จงพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาภายในอยู่ ... จงพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาภายนอกอยู่ ...
จงพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งภายในภายนอกอยู่ ... จงพิจารณาเห็นจิตในจิตภายในอยู่ ... จง
พิจารณาเห็นจิตในจิตภายนอกอยู่ ... จงพิจารณาเห็นจิตในจิตทั้งภายในภายนอกอยู่ ... จงพิจารณา
เห็นธรรมในธรรมภายในอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัส
ในโลกเสีย ๑ จงพิจารณาเห็นธรรมในธรรมภายนอกอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึง
กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ๑ จงพิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งภายในภายนอกอยู่ มี
ความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ๑.
[๖๘๙] ดูกรภิกษุ เมื่อใด เธออาศัยศีล ตั้งอยู่ในศีลแล้ว จักเจริญสติปัฏฐาน ๔
เหล่านี้ โดยส่วน ๓ อย่างนี้ เมื่อนั้น เธอพึงหวังความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลายอย่างเดียว
ตลอดคืนหรือวันอันจักมาถึง ไม่มีความเสื่อมเลย.
[๖๙๐] ครั้งนั้น ภิกษุนั้น ชื่นชม ยินดีภาษิตของพระผู้มีพระภาค ลุกจากอาสนะ
ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณแล้วหลีกไป เธอเป็นผู้ๆ เดียว หลีกออกจากหมู่ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยว ไม่นานนักก็ทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอด
เยี่ยม ซึ่งกุลบุตรทั้งหลายผู้ออกบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตน
เองใน ปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ก็แลภิกษุนั้น ได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ในจำนวน
พระอรหันต์ทั้งหลาย.
จบ สูตรที่ ๓
ภิกขุสูตร
ว่าด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ๔ โดยส่วน ๓
[๖๘๕] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่
ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มี
พระภาคว่า
[๖๘๖] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคโปรด
แสดงธรรมโดยย่อแก่ข้าพระองค์ ที่ข้าพระองค์ได้ฟังแล้ว พึงเป็นผู้ๆ เดียวหลีกออกจากหมู่ ไม่
ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวเถิด. พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ก็โมฆบุรุษบางพวกในโลกนี้ ย่อมเชื้อเชิญเราอย่างนี้เหมือนกัน
และเมื่อเรากล่าวธรรมแล้ว ย่อมสำคัญเราว่า เป็นผู้ควรติดตามไปเท่านั้น
ภิกษุนั้นทูลวิงวอนว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดแสดงธรรมโดย
ย่อแก่ข้าพระองค์ ขอพระสุคตโปรดแสดงธรรมโดยย่อแก่ข้าพระองค์ แม้ไฉน ข้าพระองค์พึงรู้
ทั่วถึงเนื้อความแห่งภาษิตของพระผู้มีพระภาค แม้ไฉน ข้าพระองค์พึงเป็นทายาทแห่งภาษิตของ
พระผู้มีพระภาค.
[๖๘๗] พ. ดูกรภิกษุ เพราะเหตุนั้นแหละ เธอจงยังเบื้องต้นในกุศลธรรมให้บริสุทธิ์
ก่อน เบื้องต้นของกุศลธรรมคืออะไร? คือ ศีลที่บริสุทธิ์ดี และความเห็นตรง เมื่อใด ศีล
ของเธอจักบริสุทธิ์ดี และความเห็นของเธอจักตรง เมื่อนั้น เธออาศัยศีล ตั้งอยู่ในศีลแล้ว
พึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ โดยส่วน ๓ สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน?
[๖๘๘] ดูกรภิกษุ เธอจงพิจารณาเห็นกายในกายภายในอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ
มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ๑ จงพิจารณาเห็นกายในกายภายนอกอยู่ มีความ
เพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ๑ จงพิจารณาเห็นกายใน
กายทั้งภายในภายนอกอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลก
เสีย ๑ จงพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาภายในอยู่ ... จงพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาภายนอกอยู่ ...
จงพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งภายในภายนอกอยู่ ... จงพิจารณาเห็นจิตในจิตภายในอยู่ ... จง
พิจารณาเห็นจิตในจิตภายนอกอยู่ ... จงพิจารณาเห็นจิตในจิตทั้งภายในภายนอกอยู่ ... จงพิจารณา
เห็นธรรมในธรรมภายในอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัส
ในโลกเสีย ๑ จงพิจารณาเห็นธรรมในธรรมภายนอกอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึง
กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ๑ จงพิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งภายในภายนอกอยู่ มี
ความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ๑.
[๖๘๙] ดูกรภิกษุ เมื่อใด เธออาศัยศีล ตั้งอยู่ในศีลแล้ว จักเจริญสติปัฏฐาน ๔
เหล่านี้ โดยส่วน ๓ อย่างนี้ เมื่อนั้น เธอพึงหวังความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลายอย่างเดียว
ตลอดคืนหรือวันอันจักมาถึง ไม่มีความเสื่อมเลย.
[๖๙๐] ครั้งนั้น ภิกษุนั้น ชื่นชม ยินดีภาษิตของพระผู้มีพระภาค ลุกจากอาสนะ
ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณแล้วหลีกไป เธอเป็นผู้ๆ เดียว หลีกออกจากหมู่ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยว ไม่นานนักก็ทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอด
เยี่ยม ซึ่งกุลบุตรทั้งหลายผู้ออกบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตน
เองใน ปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ก็แลภิกษุนั้น ได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ในจำนวน
พระอรหันต์ทั้งหลาย.
จบ สูตรที่ ๓
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เอโกว มัจโจ อัจเจติ เอโกว ชายเต กุเล
สังโยคปรมาเตวว สัมโภคา สัพพปาณินัง
จะตายก็ไปคนเดียว
จะเกิดก็มาคนเดียว
ความสัมพันธ์ของสัตว์ทั้งหลาย
ก็เพียงแค่ ! ได้มาพบปะเกี่ยวข้องกัน
ประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น ฯ
( พุทธพจน์ )
สังโยคปรมาเตวว สัมโภคา สัพพปาณินัง
จะตายก็ไปคนเดียว
จะเกิดก็มาคนเดียว
ความสัมพันธ์ของสัตว์ทั้งหลาย
ก็เพียงแค่ ! ได้มาพบปะเกี่ยวข้องกัน
ประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น ฯ
( พุทธพจน์ )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าภิกษุเจริญสัมมาสมาธิแม้ชั่วกาลเพียงลัดนิ้วมือ ภิกษุนี้เรากล่าวว่า อยู่ไม่
เหินห่างจากฌาน ทำตามคำสอนของพระศาสดา ปฏิบัติตามโอวาท ไม่ฉันบิณฑบาต
ของชาวแว่นแคว้นเปล่า จะป่วยกล่าวไปไยถึงผู้กระทำให้มากซึ่งสัมมาสมาธิเล่า ฯ
เหินห่างจากฌาน ทำตามคำสอนของพระศาสดา ปฏิบัติตามโอวาท ไม่ฉันบิณฑบาต
ของชาวแว่นแคว้นเปล่า จะป่วยกล่าวไปไยถึงผู้กระทำให้มากซึ่งสัมมาสมาธิเล่า ฯ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#พระพุทธเจ้าพยากรณ์ว่า ภิกษุในอนาคต เขาไม่สลดใจหรอกส่วนมาก
สัตว์ที่สลดใจในฐานะเป็นที่ตั้งแห่งความสลดใจ มีเป็นส่วนน้อย สัตว์
ที่ไม่สลดใจในฐานะเป็นที่ตั้งแห่งความสลดใจ มากกว่าโดยแท้ สัตว์ที่สลดใจ
เริ่มตั้งความเพียรโดยแยบคาย มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่สลดใจไม่เริ่มตั้งความเพียร
โดยแยบคาย มากกว่าโดยแท้
สัตว์ที่สลดใจในฐานะเป็นที่ตั้งแห่งความสลดใจ มีเป็นส่วนน้อย สัตว์
ที่ไม่สลดใจในฐานะเป็นที่ตั้งแห่งความสลดใจ มากกว่าโดยแท้ สัตว์ที่สลดใจ
เริ่มตั้งความเพียรโดยแยบคาย มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่สลดใจไม่เริ่มตั้งความเพียร
โดยแยบคาย มากกว่าโดยแท้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#พระพุทธเจ้าบอกให้ภิกษุเจริญสมถะวิปัสนา 3 เวลา
ปาปณิกสูตรที่ ๑
[๔๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าผู้ประกอบด้วยองค์ ๓ ประการ ไม่ควรจะได้โภคทรัพย์
ที่ยังไม่ได้ หรือเพื่อทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีขึ้น องค์ ๓ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย พ่อค้าในโลกนี้ เวลาเช้าไม่จัดแจงการงานโดยเอื้อเฟื้อ เวลาเที่ยงไม่จัดแจงการงาน
โดยเอื้อเฟื้อ เวลาเย็นไม่จัดแจงการงานโดยเอื้อเฟื้อ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าผู้ประกอบด้วย
องค์ ๓ ประการนี้แล ไม่ควรจะได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือเพื่อทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีขึ้น
ฉันใดดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เป็นผู้ไม่
ควรจะบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ หรือเพื่อทำกุศลธรรมที่ได้บรรลุแล้วให้เจริญมากขึ้น ธรรม
๓ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เวลาเช้าไม่อธิษฐานสมาธินิมิต
โดยเคารพ เวลาเที่ยงไม่อธิษฐานสมาธินิมิตโดยเคารพ เวลาเย็นไม่อธิษฐานสมาธินิมิตโดยเคารพ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย---ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้ เป็นผู้ไม่ควรจะบรรลุกุศลธรรมที่ยัง
ไม่ได้บรรลุ หรือเพื่อทำกุศลธรรมที่ได้บรรลุแล้วให้เจริญมากขึ้น ดูกรภิกษุทั้งหลายพ่อค้า
ผู้ประกอบด้วยองค์ ๓ ประการนี้แล สมควรจะได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือเพื่อทำโภคทรัพย์
ที่ได้แล้วให้ทวีมากขึ้น องค์ ๓ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าในโลกนี้ เวลาเช้าจัด
แจงการงานโดยเอื้อเฟื้อ เวลาเที่ยงจัดแจงการงานโดยเอื้อเฟื้อ เวลาเย็นจัดแจงการงานโดยเอื้อเฟื้อ
ดูกรภิกษุทั้งหลายพ่อค้าผู้ประกอบด้วยองค์ ๓ ประการนี้แล สมควรจะได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้
หรือเพื่อทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีมากขึ้น ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วย
ธรรม ๓ ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน สมควรจะได้บรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ หรือทำ
กุศลธรรมที่ได้บรรลุแล้วให้เจริญมากขึ้นธรรม ๓ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ
ในธรรมวินัยนี้ เวลาเช้าอธิษฐานสมาธินิมิตโดยเคารพ เวลาเที่ยงอธิษฐานสมาธินิมิตโดยเคารพเวลาเย็นอธิษฐานสมาธินิมิตโดยเคารพ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม๓ ประการ
นี้แล สมควรจะบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่บรรลุ หรือเพื่อทำกุศลธรรมที่ได้บรรลุแล้วให้เจริญมากขึ้น ฯ
ปาปณิกสูตรที่ ๑
[๔๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าผู้ประกอบด้วยองค์ ๓ ประการ ไม่ควรจะได้โภคทรัพย์
ที่ยังไม่ได้ หรือเพื่อทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีขึ้น องค์ ๓ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย พ่อค้าในโลกนี้ เวลาเช้าไม่จัดแจงการงานโดยเอื้อเฟื้อ เวลาเที่ยงไม่จัดแจงการงาน
โดยเอื้อเฟื้อ เวลาเย็นไม่จัดแจงการงานโดยเอื้อเฟื้อ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าผู้ประกอบด้วย
องค์ ๓ ประการนี้แล ไม่ควรจะได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือเพื่อทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีขึ้น
ฉันใดดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เป็นผู้ไม่
ควรจะบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ หรือเพื่อทำกุศลธรรมที่ได้บรรลุแล้วให้เจริญมากขึ้น ธรรม
๓ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เวลาเช้าไม่อธิษฐานสมาธินิมิต
โดยเคารพ เวลาเที่ยงไม่อธิษฐานสมาธินิมิตโดยเคารพ เวลาเย็นไม่อธิษฐานสมาธินิมิตโดยเคารพ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย---ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้ เป็นผู้ไม่ควรจะบรรลุกุศลธรรมที่ยัง
ไม่ได้บรรลุ หรือเพื่อทำกุศลธรรมที่ได้บรรลุแล้วให้เจริญมากขึ้น ดูกรภิกษุทั้งหลายพ่อค้า
ผู้ประกอบด้วยองค์ ๓ ประการนี้แล สมควรจะได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือเพื่อทำโภคทรัพย์
ที่ได้แล้วให้ทวีมากขึ้น องค์ ๓ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าในโลกนี้ เวลาเช้าจัด
แจงการงานโดยเอื้อเฟื้อ เวลาเที่ยงจัดแจงการงานโดยเอื้อเฟื้อ เวลาเย็นจัดแจงการงานโดยเอื้อเฟื้อ
ดูกรภิกษุทั้งหลายพ่อค้าผู้ประกอบด้วยองค์ ๓ ประการนี้แล สมควรจะได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้
หรือเพื่อทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีมากขึ้น ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วย
ธรรม ๓ ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน สมควรจะได้บรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ หรือทำ
กุศลธรรมที่ได้บรรลุแล้วให้เจริญมากขึ้นธรรม ๓ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ
ในธรรมวินัยนี้ เวลาเช้าอธิษฐานสมาธินิมิตโดยเคารพ เวลาเที่ยงอธิษฐานสมาธินิมิตโดยเคารพเวลาเย็นอธิษฐานสมาธินิมิตโดยเคารพ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม๓ ประการ
นี้แล สมควรจะบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่บรรลุ หรือเพื่อทำกุศลธรรมที่ได้บรรลุแล้วให้เจริญมากขึ้น ฯ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#พระบวชใหม่ ให้เจริญสติปัฏฐานสี่
โกสลสูตร
ว่าด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ๔
[๖๙๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พราหมณคามชื่อโกศล ในแคว้น
โกศล ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ฯลฯ แล้วได้ตรัสพระพุทธภาษิตนี้ว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายที่เป็นผู้มาใหม่ บวชยังไม่นาน เพิ่งมาสู่ธรรมวินัยนี้ อันเธอ
ทั้งหลายพึงให้สมาทาน พึงให้ตั้งอยู่ พึงให้ดำรงมั่นในการเจริญสติปัฏฐาน ๔ สติปัฏฐาน ๔
เป็นไฉน?
[๖๙๒] มาเถิด ผู้มีอายุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความ
เพียร มีสัมปชัญญะ มีธรรมเอกผุดขึ้น มีจิตผ่องใส มีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เดียว เพื่อรู้กาย
ตามความเป็นจริง จงพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... เพื่อรู้เวทนาตามความเป็นจริง จงพิจารณา
เห็นจิตในจิตอยู่ ... เพื่อรู้จิตตามความเป็นจริง จงพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร
มีสัมปชัญญะ มีธรรมเอกผุดขึ้น มีจิตผ่องใส มีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เดียว เพื่อรู้ธรรมตาม
ความเป็นจริง.
[๖๙๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ภิกษุทั้งหลายที่ยังเป็นเสขะ ยังไม่บรรลุอรหัต ปรารถนา
ความเกษมจากโยคะอันยอดเยี่ยม ก็ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ
มีธรรมเอกผุดขึ้น มีจิตผ่องใส มีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เดียว เพื่อกำหนดรู้กาย ย่อมพิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... เพื่อกำหนดรู้เวทนา ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ... เพื่อกำหนดรู้จิต
ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีธรรมเอกผุดขึ้น มีจิตผ่องใส
มีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เดียว เพื่อกำหนดรู้ธรรม.[๖๙๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ภิกษุทั้งหลายที่เป็นอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์
ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงแล้ว มีประโยชน์ตนถึงแล้วโดยลำดับ สิ้นสังโยชน์ที่จะนำ
ไปสู่ภพแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ก็ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร
มีสัมปชัญญะ มีธรรมเอกผุดขึ้น มีจิตผ่องใส มีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เดียว พรากจากกายแล้ว
ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... พรากจากเวทนาแล้ว ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ...
พรากจากจิตแล้ว ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีธรรมเอก
ผุดขึ้น มีจิตผ่องใส มีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เดียว พรากจากธรรมแล้ว.
[๖๙๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายที่เป็นผู้มาใหม่ บวชยังไม่นาน เพิ่งมาสู่ธรรม
วินัยนี้ อันเธอทั้งหลายพึงให้สมาทาน พึงให้ตั้งอยู่ พึงให้ดำรงมั่น ในการเจริญสติปัฏฐาน ๔
เหล่านี้.
จบ สูตรที่ ๔
โกสลสูตร
ว่าด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ๔
[๖๙๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พราหมณคามชื่อโกศล ในแคว้น
โกศล ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ฯลฯ แล้วได้ตรัสพระพุทธภาษิตนี้ว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายที่เป็นผู้มาใหม่ บวชยังไม่นาน เพิ่งมาสู่ธรรมวินัยนี้ อันเธอ
ทั้งหลายพึงให้สมาทาน พึงให้ตั้งอยู่ พึงให้ดำรงมั่นในการเจริญสติปัฏฐาน ๔ สติปัฏฐาน ๔
เป็นไฉน?
[๖๙๒] มาเถิด ผู้มีอายุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความ
เพียร มีสัมปชัญญะ มีธรรมเอกผุดขึ้น มีจิตผ่องใส มีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เดียว เพื่อรู้กาย
ตามความเป็นจริง จงพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... เพื่อรู้เวทนาตามความเป็นจริง จงพิจารณา
เห็นจิตในจิตอยู่ ... เพื่อรู้จิตตามความเป็นจริง จงพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร
มีสัมปชัญญะ มีธรรมเอกผุดขึ้น มีจิตผ่องใส มีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เดียว เพื่อรู้ธรรมตาม
ความเป็นจริง.
[๖๙๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ภิกษุทั้งหลายที่ยังเป็นเสขะ ยังไม่บรรลุอรหัต ปรารถนา
ความเกษมจากโยคะอันยอดเยี่ยม ก็ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ
มีธรรมเอกผุดขึ้น มีจิตผ่องใส มีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เดียว เพื่อกำหนดรู้กาย ย่อมพิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... เพื่อกำหนดรู้เวทนา ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ... เพื่อกำหนดรู้จิต
ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีธรรมเอกผุดขึ้น มีจิตผ่องใส
มีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เดียว เพื่อกำหนดรู้ธรรม.[๖๙๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ภิกษุทั้งหลายที่เป็นอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์
ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงแล้ว มีประโยชน์ตนถึงแล้วโดยลำดับ สิ้นสังโยชน์ที่จะนำ
ไปสู่ภพแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ก็ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร
มีสัมปชัญญะ มีธรรมเอกผุดขึ้น มีจิตผ่องใส มีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เดียว พรากจากกายแล้ว
ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... พรากจากเวทนาแล้ว ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ...
พรากจากจิตแล้ว ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีธรรมเอก
ผุดขึ้น มีจิตผ่องใส มีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เดียว พรากจากธรรมแล้ว.
[๖๙๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายที่เป็นผู้มาใหม่ บวชยังไม่นาน เพิ่งมาสู่ธรรม
วินัยนี้ อันเธอทั้งหลายพึงให้สมาทาน พึงให้ตั้งอยู่ พึงให้ดำรงมั่น ในการเจริญสติปัฏฐาน ๔
เหล่านี้.
จบ สูตรที่ ๔
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มรรคผลนิพพานบ่มี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#พระกายพระผู้มีพระภาคแก่แล้ว ชราวรรคที่ ๕
ชราสูตร
ว่าด้วยความแก่
[๙๖๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ปราสาทของนางวิสาขามิคารมารดา ใน
บุพพาราม ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากที่หลีกเร้นในเวลาเย็น
แล้วประทับนั่งผินพระปฤษฎางค์ผิงแดดในที่มีแสงแดดส่องมาจากทิศประจิมอยู่ ครั้งนั้น ท่านพระ
อานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว บีบนวดพระกาย
ของพระผู้มีพระภาคด้วยฝ่ามือพลางกราบทูลว่า
[๙๖๓] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาแล้ว เวลานี้พระฉวีวรรณของ
พระผู้มีพระภาคไม่บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนเมื่อก่อน พระสรีระก็หย่อนย่นเป็นเกลียว พระกายก็ค้อม
ไปข้างหน้า และความแปรปรวนของอินทรีย์ คือ พระจักษุ พระโสตะ พระฆานะ พระชิวหา
พระกาย ก็ปรากฏอยู่.
[๙๖๔] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ชราธรรมย่อมมีใน
ความเป็นหนุ่มสาว พยาธิธรรมย่อมมีในความไม่มีโรค มรณธรรมย่อมมีในชีวิต ผิวพรรณไม่
บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนเมื่อก่อน สรีระก็หย่อนย่นเป็นเกลียว กายก็ค้อมไปข้างหน้า และความ
แปรปรวนแห่งอินทรีย์ คือ จักษุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กาย ก็ปรากฏอยู่.
[๙๖๕] พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงได้
ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
ถึงท่านจะติความแก่อันเลวทราม ถึงท่านจะติความแก่อันทำให้ผิวพรรณ
ทรามไป รูปอันน่าพึงใจก็คงถูกความแก่ย่ำยีอยู่นั่นเอง แม้ผู้ใดพึงมีชีวิตอยู่
ได้ร้อยปี (ผู้นั้นก็ไม่พ้นความตายไปได้) สัตว์ทั้งปวงมีความตายเป็นเบื้อง
หน้า ความตายย่อมไม่ละเว้นอะไรๆ ย่อมย่ำยีทั้งหมดทีเดียว.
จบ สูตรที่ ๑
ชราสูตร
ว่าด้วยความแก่
[๙๖๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ปราสาทของนางวิสาขามิคารมารดา ใน
บุพพาราม ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากที่หลีกเร้นในเวลาเย็น
แล้วประทับนั่งผินพระปฤษฎางค์ผิงแดดในที่มีแสงแดดส่องมาจากทิศประจิมอยู่ ครั้งนั้น ท่านพระ
อานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว บีบนวดพระกาย
ของพระผู้มีพระภาคด้วยฝ่ามือพลางกราบทูลว่า
[๙๖๓] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาแล้ว เวลานี้พระฉวีวรรณของ
พระผู้มีพระภาคไม่บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนเมื่อก่อน พระสรีระก็หย่อนย่นเป็นเกลียว พระกายก็ค้อม
ไปข้างหน้า และความแปรปรวนของอินทรีย์ คือ พระจักษุ พระโสตะ พระฆานะ พระชิวหา
พระกาย ก็ปรากฏอยู่.
[๙๖๔] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ชราธรรมย่อมมีใน
ความเป็นหนุ่มสาว พยาธิธรรมย่อมมีในความไม่มีโรค มรณธรรมย่อมมีในชีวิต ผิวพรรณไม่
บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนเมื่อก่อน สรีระก็หย่อนย่นเป็นเกลียว กายก็ค้อมไปข้างหน้า และความ
แปรปรวนแห่งอินทรีย์ คือ จักษุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กาย ก็ปรากฏอยู่.
[๙๖๕] พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงได้
ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
ถึงท่านจะติความแก่อันเลวทราม ถึงท่านจะติความแก่อันทำให้ผิวพรรณ
ทรามไป รูปอันน่าพึงใจก็คงถูกความแก่ย่ำยีอยู่นั่นเอง แม้ผู้ใดพึงมีชีวิตอยู่
ได้ร้อยปี (ผู้นั้นก็ไม่พ้นความตายไปได้) สัตว์ทั้งปวงมีความตายเป็นเบื้อง
หน้า ความตายย่อมไม่ละเว้นอะไรๆ ย่อมย่ำยีทั้งหมดทีเดียว.
จบ สูตรที่ ๑
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#ผู้เห็นอริยะสัจสี่ดีแล้ว ย่อมไม่สะเทียนสทานกับวาทะของใคร คือมาคัดง้างให้ความเห็นแปรเป็นอื่น
วาทีสูตร
ผู้รู้ชัดตามเป็นจริง ไม่หวั่นไหวต่อผู้ยกวาทะ
[๑๗๒๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า
นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ถึงแม้สมณะหรือพราหมณ์ผู้มีความต้องการวาทะ ผู้
แสวงหาวาทะ พึงมาจากทิศบูรพา ... ทิศประจิม ... ทิศอุดร ... ทิศทักษิณ ด้วยประสงค์ว่า
จักยกวาทะของภิกษุนั้น ภิกษุนั้นจักสะเทือนสะท้านหรือหวั่นไหวต่อสมณะหรือพราหมณ์นั้นโดย
สหธรรม ข้อนี้มิใช่ฐานะที่จะมีได้ เปรียบเหมือนเสาหิน ๑๖ ศอก เสาหินนั้นมีรากลึกลงไป
ข้างล่าง ๘ ศอก ข้างบน ๘ ศอก ถึงแม้ลมฝนอย่างแรงจะพัดมาแต่ทิศบูรพา ... ทิศประจิม ...
ทิศอุดร ... ทิศทักษิณ ก็ไม่สะเทือนสะท้านหวั่นไหว ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะรากลึก
เพราะเสาหินเขาฝังไว้ดีแล้ว ฉันใด ก็ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ย่อมรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ
นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ถึงแม้สมณะหรือพราหมณ์ผู้ต้องการวาทะ ผู้แสวงหาวาทะ พึงมาจาก
ทิศบูรพา ... ทิศประจิม ... ทิศอุดร ... ทิศทักษิณ ด้วยประสงค์ว่า จักยกวาทะของภิกษุนั้นภิกษุนั้นจักสะเทือนสะท้านหรือหวั่นไหวต่อสมณะหรือพราหมณ์นั้นโดยสหธรรม ข้อนั้นมิใช่
ฐานะที่จะมีได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเห็นอริยสัจ ๔ ดีแล้ว ฉันนั้นเหมือนกัน อริยสัจ ๔
เป็นไฉน? คือ ทุกขอริยสัจ ฯลฯ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ
นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบ สูตรที่ ๑๐
จบ สีสปาปรรณวรรคที่ ๔
วาทีสูตร
ผู้รู้ชัดตามเป็นจริง ไม่หวั่นไหวต่อผู้ยกวาทะ
[๑๗๒๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า
นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ถึงแม้สมณะหรือพราหมณ์ผู้มีความต้องการวาทะ ผู้
แสวงหาวาทะ พึงมาจากทิศบูรพา ... ทิศประจิม ... ทิศอุดร ... ทิศทักษิณ ด้วยประสงค์ว่า
จักยกวาทะของภิกษุนั้น ภิกษุนั้นจักสะเทือนสะท้านหรือหวั่นไหวต่อสมณะหรือพราหมณ์นั้นโดย
สหธรรม ข้อนี้มิใช่ฐานะที่จะมีได้ เปรียบเหมือนเสาหิน ๑๖ ศอก เสาหินนั้นมีรากลึกลงไป
ข้างล่าง ๘ ศอก ข้างบน ๘ ศอก ถึงแม้ลมฝนอย่างแรงจะพัดมาแต่ทิศบูรพา ... ทิศประจิม ...
ทิศอุดร ... ทิศทักษิณ ก็ไม่สะเทือนสะท้านหวั่นไหว ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะรากลึก
เพราะเสาหินเขาฝังไว้ดีแล้ว ฉันใด ก็ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ย่อมรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ
นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ถึงแม้สมณะหรือพราหมณ์ผู้ต้องการวาทะ ผู้แสวงหาวาทะ พึงมาจาก
ทิศบูรพา ... ทิศประจิม ... ทิศอุดร ... ทิศทักษิณ ด้วยประสงค์ว่า จักยกวาทะของภิกษุนั้นภิกษุนั้นจักสะเทือนสะท้านหรือหวั่นไหวต่อสมณะหรือพราหมณ์นั้นโดยสหธรรม ข้อนั้นมิใช่
ฐานะที่จะมีได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเห็นอริยสัจ ๔ ดีแล้ว ฉันนั้นเหมือนกัน อริยสัจ ๔
เป็นไฉน? คือ ทุกขอริยสัจ ฯลฯ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ
นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบ สูตรที่ ๑๐
จบ สีสปาปรรณวรรคที่ ๔
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#บุคคลแสดงอสัสธรรมว่าเป็นธรรม ย่อมประสบบาปมิใช่บุญเป็นอันมากด้วย
[๑๓๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงอธรรมว่าธรรม ภิกษุ
เหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ไม่เป็นความสุขแก่ชนเป็น
อันมาก เพื่ออนัตถะมิใช่ประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อทุกข์แก่เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก และย่อมจะยังสัทธรรม
นี้ให้อันตรธาน ฯ
[๑๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงธรรมว่า อธรรม ฯลฯ
ที่แสดงสิ่งที่มิใช่วินัยว่า วินัย ฯลฯ ที่แสดงวินัยว่า มิใช่วินัย ฯลฯ ที่แสดง
พระดำรัสอันพระตถาคตมิได้ทรงภาษิต มิได้ตรัสไว้ว่า พระตถาคตทรงภาษิตไว้
ตรัสไว้ ฯลฯ ที่แสดงพระดำรัสอันพระตถาคตได้ทรงภาษิตไว้ ตรัสไว้ว่า พระ-
*ตถาคตมิได้ทรงภาษิตไว้ มิได้ตรัสไว้ ฯลฯ ที่แสดงกรรมอันพระตถาคตมิได้ทรง
สั่งสมว่า พระตถาคตทรงสั่งสม ฯลฯ ที่แสดงกรรมอันพระตถาคตได้ทรงสั่งสม
ไว้ว่า พระตถาคตมิได้ทรงสั่งสมไว้ ฯลฯ ที่แสดงสิ่งอันพระตถาคตมิได้ทรง
บัญญัติไว้ว่า พระตถาคตทรงบัญญัติไว้ ฯลฯ ที่แสดงสิ่งอันพระตถาคตทรงบัญญัติ
ไว้ว่า พระตถาคตมิได้ทรงบัญญัติไว้ ภิกษุเหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อไม่เป็น
ประโยชน์เกื้อกูล ไม่เป็นความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนัตถะใช่ประโยชน์
เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อทุกข์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบ
บาปใช่บุญเป็นอันมาก และย่อมยังสัทธรรมนี้ให้อันตรธาน ฯ
[๑๓๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงอธรรมว่าอธรรม ภิกษุ
เหล่านั้นชื่อว่า เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก
เพื่ออัตถะประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์
ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบุญเป็นอันมาก และย่อมดำรงสัทธรรมนี้ไว้มั่น ฯ
[๑๓๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงธรรมว่า ธรรม ฯลฯ ที่
แสดงสิ่งที่มิใช่วินัยว่า มิใช่วินัย ฯลฯ ที่แสดงวินัยว่า วินัย ฯลฯ ที่แสดง
พระดำรัสอันพระตถาคตมิได้ทรงภาษิต มิได้ตรัสไว้ว่า พระตถาคตมิได้ทรงภาษิต
มิได้ตรัสไว้ ฯลฯ ที่แสดงพระดำรัสอันพระตถาคตได้ทรงภาษิต ได้ตรัสไว้ว่า
พระตถาคตได้ทรงภาษิต ได้ตรัสไว้ ฯลฯ ที่แสดงกรรมที่พระตถาคตมิได้ทรง
สั่งสมว่า พระตถาคตมิได้ทรงสั่งสม ฯลฯ ที่แสดงกรรมอันพระตถาคตทรงสั่งสม
ว่า พระตถาคตทรงสั่งสม ฯลฯ ที่แสดงสิ่งอันพระตถาคตมิได้ทรงบัญญัติว่า
พระตถาคตมิได้ทรงบัญญัติ ฯลฯ ที่แสดงสิ่งอันพระตถาคตทรงบัญญัติว่า พระ-
*ตถาคตทรงบัญญัติ ภิกษุเหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อ
ความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออัตถะประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อ
ความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบุญเป็นอันมาก และย่อม
ดำรงสัทธรรมนี้ไว้มั่น ฯ
จบวรรคที่ ๑๑
[๑๓๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงอนาบัติว่า อาบัติ ฯลฯ ที่
แสดงอาบัติว่า อนาบัติ ฯลฯ ที่แสดงลหุกาบัติว่า เป็นครุกาบัติ ฯลฯ ที่แสดง
ครุกาบัติว่า เป็นลหุกาบัติ ฯลฯ ที่แสดงอาบัติชั่วหยาบว่า อาบัติไม่ชั่วหยาบ ฯลฯ
ที่แสดงอาบัติไม่ชั่วหยาบว่า อาบัติชั่วหยาบ ฯลฯ ที่แสดงอาบัติมีส่วนเหลือว่า
อาบัติไม่มีส่วนเหลือ ฯลฯ ที่แสดงอาบัติไม่มีส่วนเหลือว่า อาบัติมีส่วนเหลือ ฯลฯ
ที่แสดงอาบัติทำคืนได้ว่า อาบัติทำคืนไม่ได้ ฯลฯ ที่แสดงอาบัติทำคืนไม่ได้ว่า
อาบัติทำคืนได้ ภิกษุเหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อ
ไม่เป็นสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนัตถะใช่ประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก
เพื่อความทุกข์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบาปใช่บุญเป็นอันมาก
และย่อมทำให้สัทธรรมนี้อันตรธาน ฯ
[๑๓๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงอนาบัติว่า อนาบัติ ภิกษุ
เหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก
เพื่ออัตถะประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์
ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบุญเป็นอันมาก และย่อมดำรงสัทธรรมนี้ไว้มั่น ฯ
[๑๓๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงอาบัติว่า อาบัติ ภิกษุ
เหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก
เพื่ออัตถะประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์
ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบุญเป็นอันมาก และย่อมดำรงสัทธรรมนี้ไว้มั่น ฯ
[๑๓๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงลหุกาบัติว่า เป็นลหุ-
*กาบัติ ฯลฯ ที่แสดงครุกาบัติว่า เป็นครุกาบัติ ฯลฯ ที่แสดงอาบัติชั่วหยาบว่า
อาบัติชั่วหยาบ ฯลฯ ที่แสดงอาบัติไม่ชั่วหยาบว่า อาบัติไม่ชั่วหยาบ ฯลฯ ที่แสดง
อาบัติที่มีส่วนเหลือว่า อาบัติมีส่วนเหลือ ฯลฯ ที่แสดงอาบัติไม่มีส่วนเหลือว่า
อาบัติไม่มีส่วนเหลือ ฯลฯ ที่แสดงอาบัติทำคืนได้ว่า อาบัติทำคืนได้ ฯลฯ ที่แสดง
อาบัติทำคืนไม่ได้ว่า อาบัติทำคืนไม่ได้ ภิกษุเหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อ
ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออัตถะประโยชน์เกื้อกูลแก่
ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบุญ
เป็นอันมาก และย่อมดำรงสัทธรรมนี้ไว้มั่น ฯ
จบวรรคที่ ๑๒
[๑๓๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงอธรรมว่าธรรม ภิกษุ
เหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ไม่เป็นความสุขแก่ชนเป็น
อันมาก เพื่ออนัตถะมิใช่ประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อทุกข์แก่เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก และย่อมจะยังสัทธรรม
นี้ให้อันตรธาน ฯ
[๑๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงธรรมว่า อธรรม ฯลฯ
ที่แสดงสิ่งที่มิใช่วินัยว่า วินัย ฯลฯ ที่แสดงวินัยว่า มิใช่วินัย ฯลฯ ที่แสดง
พระดำรัสอันพระตถาคตมิได้ทรงภาษิต มิได้ตรัสไว้ว่า พระตถาคตทรงภาษิตไว้
ตรัสไว้ ฯลฯ ที่แสดงพระดำรัสอันพระตถาคตได้ทรงภาษิตไว้ ตรัสไว้ว่า พระ-
*ตถาคตมิได้ทรงภาษิตไว้ มิได้ตรัสไว้ ฯลฯ ที่แสดงกรรมอันพระตถาคตมิได้ทรง
สั่งสมว่า พระตถาคตทรงสั่งสม ฯลฯ ที่แสดงกรรมอันพระตถาคตได้ทรงสั่งสม
ไว้ว่า พระตถาคตมิได้ทรงสั่งสมไว้ ฯลฯ ที่แสดงสิ่งอันพระตถาคตมิได้ทรง
บัญญัติไว้ว่า พระตถาคตทรงบัญญัติไว้ ฯลฯ ที่แสดงสิ่งอันพระตถาคตทรงบัญญัติ
ไว้ว่า พระตถาคตมิได้ทรงบัญญัติไว้ ภิกษุเหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อไม่เป็น
ประโยชน์เกื้อกูล ไม่เป็นความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนัตถะใช่ประโยชน์
เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อทุกข์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบ
บาปใช่บุญเป็นอันมาก และย่อมยังสัทธรรมนี้ให้อันตรธาน ฯ
[๑๓๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงอธรรมว่าอธรรม ภิกษุ
เหล่านั้นชื่อว่า เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก
เพื่ออัตถะประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์
ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบุญเป็นอันมาก และย่อมดำรงสัทธรรมนี้ไว้มั่น ฯ
[๑๓๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงธรรมว่า ธรรม ฯลฯ ที่
แสดงสิ่งที่มิใช่วินัยว่า มิใช่วินัย ฯลฯ ที่แสดงวินัยว่า วินัย ฯลฯ ที่แสดง
พระดำรัสอันพระตถาคตมิได้ทรงภาษิต มิได้ตรัสไว้ว่า พระตถาคตมิได้ทรงภาษิต
มิได้ตรัสไว้ ฯลฯ ที่แสดงพระดำรัสอันพระตถาคตได้ทรงภาษิต ได้ตรัสไว้ว่า
พระตถาคตได้ทรงภาษิต ได้ตรัสไว้ ฯลฯ ที่แสดงกรรมที่พระตถาคตมิได้ทรง
สั่งสมว่า พระตถาคตมิได้ทรงสั่งสม ฯลฯ ที่แสดงกรรมอันพระตถาคตทรงสั่งสม
ว่า พระตถาคตทรงสั่งสม ฯลฯ ที่แสดงสิ่งอันพระตถาคตมิได้ทรงบัญญัติว่า
พระตถาคตมิได้ทรงบัญญัติ ฯลฯ ที่แสดงสิ่งอันพระตถาคตทรงบัญญัติว่า พระ-
*ตถาคตทรงบัญญัติ ภิกษุเหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อ
ความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออัตถะประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อ
ความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบุญเป็นอันมาก และย่อม
ดำรงสัทธรรมนี้ไว้มั่น ฯ
จบวรรคที่ ๑๑
[๑๓๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงอนาบัติว่า อาบัติ ฯลฯ ที่
แสดงอาบัติว่า อนาบัติ ฯลฯ ที่แสดงลหุกาบัติว่า เป็นครุกาบัติ ฯลฯ ที่แสดง
ครุกาบัติว่า เป็นลหุกาบัติ ฯลฯ ที่แสดงอาบัติชั่วหยาบว่า อาบัติไม่ชั่วหยาบ ฯลฯ
ที่แสดงอาบัติไม่ชั่วหยาบว่า อาบัติชั่วหยาบ ฯลฯ ที่แสดงอาบัติมีส่วนเหลือว่า
อาบัติไม่มีส่วนเหลือ ฯลฯ ที่แสดงอาบัติไม่มีส่วนเหลือว่า อาบัติมีส่วนเหลือ ฯลฯ
ที่แสดงอาบัติทำคืนได้ว่า อาบัติทำคืนไม่ได้ ฯลฯ ที่แสดงอาบัติทำคืนไม่ได้ว่า
อาบัติทำคืนได้ ภิกษุเหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อ
ไม่เป็นสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนัตถะใช่ประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก
เพื่อความทุกข์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบาปใช่บุญเป็นอันมาก
และย่อมทำให้สัทธรรมนี้อันตรธาน ฯ
[๑๓๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงอนาบัติว่า อนาบัติ ภิกษุ
เหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก
เพื่ออัตถะประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์
ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบุญเป็นอันมาก และย่อมดำรงสัทธรรมนี้ไว้มั่น ฯ
[๑๓๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงอาบัติว่า อาบัติ ภิกษุ
เหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก
เพื่ออัตถะประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์
ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบุญเป็นอันมาก และย่อมดำรงสัทธรรมนี้ไว้มั่น ฯ
[๑๓๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงลหุกาบัติว่า เป็นลหุ-
*กาบัติ ฯลฯ ที่แสดงครุกาบัติว่า เป็นครุกาบัติ ฯลฯ ที่แสดงอาบัติชั่วหยาบว่า
อาบัติชั่วหยาบ ฯลฯ ที่แสดงอาบัติไม่ชั่วหยาบว่า อาบัติไม่ชั่วหยาบ ฯลฯ ที่แสดง
อาบัติที่มีส่วนเหลือว่า อาบัติมีส่วนเหลือ ฯลฯ ที่แสดงอาบัติไม่มีส่วนเหลือว่า
อาบัติไม่มีส่วนเหลือ ฯลฯ ที่แสดงอาบัติทำคืนได้ว่า อาบัติทำคืนได้ ฯลฯ ที่แสดง
อาบัติทำคืนไม่ได้ว่า อาบัติทำคืนไม่ได้ ภิกษุเหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อ
ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออัตถะประโยชน์เกื้อกูลแก่
ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบุญ
เป็นอันมาก และย่อมดำรงสัทธรรมนี้ไว้มั่น ฯ
จบวรรคที่ ๑๒
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
[๕๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมัยใด จิตหดหู่ สมัยนั้น มิใช่กาลเพื่อเจริญปัสสัทธิ
สัมโพชฌงค์ มิใช่กาลเพื่อเจริญสมาธิสัมโพชฌงค์ ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะจิตหดหู่ จิตที่
หดหู่นั้น ยากที่จะให้ตั้งขึ้นได้ด้วยธรรมเหล่านั้น เปรียบเหมือนบุรุษต้องการจะก่อไฟดวงน้อยให้ลุก
โพลง เขาจึงใส่หญ้าสด โคมัยสด ไม้สด พ่นน้ำ และโรยฝุ่นลงในไฟนั้น บุรุษนั้นจะ
สามารถก่อไฟดวงน้อยให้ลุกโพลงขึ้นได้หรือหนอ?
ภิ. ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า.
พ. ฉันนั้นเหมือนกัน ภิกษุทั้งหลาย สมัยใด จิตหดหู่ สมัยนั้นมิใช่กาลเพื่อเจริญ
ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ มิใช่กาลเพื่อเจริญสมาธิสัมโพชฌงค์ มิใช่กาลเพื่อเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์
ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะจิตหดหู่ จิตที่หดหู่นั้น ยากที่จะให้ตั้งขึ้นได้ด้วยธรรมเหล่านั้น.
[๕๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมัยใด จิตหดหู่ สมัยนั้น เป็นกาลเพื่อเจริญธัมม
วิจยสัมโพชฌงค์ เป็นกาลเพื่อเจริญวิริยสัมโพชฌงค์ เป็นกาลเพื่อเจริญปีติสัมโพชฌงค์ ข้อนั้น
เพราะเหตุไร? เพราะจิตหดหู่ จิตที่หดหู่นั้น ให้ตั้งขึ้นได้ง่ายด้วยธรรมเหล่านั้น เปรียบเหมือน
บุรุษต้องการจะก่อไฟดวงน้อยให้ลุกโพลง เขาจึงใส่หญ้าแห้ง โคมัยแห้ง ไม้แห้ง เอาปากเป่า
และไม่โรยฝุ่นในไฟนั้น บุรุษนั้นสามารถจะก่อไฟดวงน้อยให้ลุกโพลงขึ้นได้หรือหนอ?
ภิ. ได้ พระเจ้าข้า ฯ
พ. ฉันนั้นเหมือนกัน ภิกษุทั้งหลาย สมัยใด จิตหดหู่ สมัยนั้นเป็นกาลเพื่อเจริญ
ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ เป็นกาลเพื่อเจริญวิริยสัมโพชฌงค์ เป็นกาลเพื่อเจริญปีติสัมโพชฌงค์
ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะจิตหดหู่ จิตที่หดหู่นั้น ให้ตั้งขึ้นได้ง่ายด้วยธรรมเหล่านั้น.
[๕๗๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมัยใด จิตฟุ้งซ่าน สมัยนั้น มิใช่กาลเพื่อเจริญ
ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ มิใช่กาลเพื่อเจริญวิริยสัมโพชฌงค์ มิใช่กาลเพื่อเจริญปีติสัมโพชฌงค์ ข้อ
นั้นเพราะเหตุไร? เพราะจิตฟุ้งซ่าน จิตฟุ้งซ่านนั้น ยากที่จะให้สงบได้ด้วยธรรมเหล่านั้น เปรียบ
เหมือนบุรุษต้องการจะดับไฟกองใหญ่ เขาจึงใส่หญ้าแห้ง โคมัยแห้ง ไม้แห้ง เอาปากเป่า และ
ไม่โรยฝุ่นลงไปในกองไฟใหญ่นั้น บุรุษนั้นสามารถจะดับไฟกองใหญ่ได้หรือหนอ?
ภิ. ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า.
พ. ฉันนั้นเหมือนกัน ภิกษุทั้งหลาย สมัยใด จิตฟุ้งซ่าน สมัยนั้นมิใช่กาลเพื่อเจริญ
ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ มิใช่กาลเพื่อเจริญวิริยสัมโพชฌงค์ มิใช่กาลเพื่อเจริญปีติสัมโพชฌงค์
ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะจิตฟุ้งซ่าน จิตที่ฟุ้งซ่านนั้น ยากที่จะให้สงบได้ด้วยธรรมเหล่านั้น.
[๕๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมัยใด จิตฟุ้งซ่าน สมัยนั้น เป็นกาลเพื่อเจริญ
ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ เป็นกาลเพื่อเจริญสมาธิสัมโพชฌงค์ เป็นกาลเพื่อเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์
ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะจิตฟุ้งซ่าน จิตที่ฟุ้งซ่านนั้น ให้สงบได้ง่ายด้วยธรรมเหล่านั้น เปรียบ
เหมือนบุรุษต้องการจะดับไฟกองใหญ่ เขาจึงใส่หญ้าสด โคมัยสด ไม้สด พ่นน้ำ และโรยฝุ่น
ลงในกองไฟใหญ่นั้น บุรุษนั้นจะสามารถดับกองไฟกองใหญ่นั้นได้หรือหนอ?
ภิ. ได้ พระเจ้าข้า.
พ. ฉันนั้นเหมือนกัน ภิกษุทั้งหลาย สมัยใด จิตฟุ้งซ่าน สมัยนั้นเป็นกาลเพื่อ
เจริญปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ เป็นกาลเพื่อเจริญสมาธิสัมโพชฌงค์ เป็นกาลเพื่อเจริญอุเบกขา
สัมโพชฌงค์ ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะจิตฟุ้งซ่าน จิตที่ฟุ้งซ่านนั้น ให้สงบได้ง่ายด้วยธรรม
เหล่านั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวสติแลว่า มีประโยชน์ในที่ทั้งปวง.
สัมโพชฌงค์ มิใช่กาลเพื่อเจริญสมาธิสัมโพชฌงค์ ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะจิตหดหู่ จิตที่
หดหู่นั้น ยากที่จะให้ตั้งขึ้นได้ด้วยธรรมเหล่านั้น เปรียบเหมือนบุรุษต้องการจะก่อไฟดวงน้อยให้ลุก
โพลง เขาจึงใส่หญ้าสด โคมัยสด ไม้สด พ่นน้ำ และโรยฝุ่นลงในไฟนั้น บุรุษนั้นจะ
สามารถก่อไฟดวงน้อยให้ลุกโพลงขึ้นได้หรือหนอ?
ภิ. ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า.
พ. ฉันนั้นเหมือนกัน ภิกษุทั้งหลาย สมัยใด จิตหดหู่ สมัยนั้นมิใช่กาลเพื่อเจริญ
ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ มิใช่กาลเพื่อเจริญสมาธิสัมโพชฌงค์ มิใช่กาลเพื่อเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์
ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะจิตหดหู่ จิตที่หดหู่นั้น ยากที่จะให้ตั้งขึ้นได้ด้วยธรรมเหล่านั้น.
[๕๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมัยใด จิตหดหู่ สมัยนั้น เป็นกาลเพื่อเจริญธัมม
วิจยสัมโพชฌงค์ เป็นกาลเพื่อเจริญวิริยสัมโพชฌงค์ เป็นกาลเพื่อเจริญปีติสัมโพชฌงค์ ข้อนั้น
เพราะเหตุไร? เพราะจิตหดหู่ จิตที่หดหู่นั้น ให้ตั้งขึ้นได้ง่ายด้วยธรรมเหล่านั้น เปรียบเหมือน
บุรุษต้องการจะก่อไฟดวงน้อยให้ลุกโพลง เขาจึงใส่หญ้าแห้ง โคมัยแห้ง ไม้แห้ง เอาปากเป่า
และไม่โรยฝุ่นในไฟนั้น บุรุษนั้นสามารถจะก่อไฟดวงน้อยให้ลุกโพลงขึ้นได้หรือหนอ?
ภิ. ได้ พระเจ้าข้า ฯ
พ. ฉันนั้นเหมือนกัน ภิกษุทั้งหลาย สมัยใด จิตหดหู่ สมัยนั้นเป็นกาลเพื่อเจริญ
ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ เป็นกาลเพื่อเจริญวิริยสัมโพชฌงค์ เป็นกาลเพื่อเจริญปีติสัมโพชฌงค์
ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะจิตหดหู่ จิตที่หดหู่นั้น ให้ตั้งขึ้นได้ง่ายด้วยธรรมเหล่านั้น.
[๕๗๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมัยใด จิตฟุ้งซ่าน สมัยนั้น มิใช่กาลเพื่อเจริญ
ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ มิใช่กาลเพื่อเจริญวิริยสัมโพชฌงค์ มิใช่กาลเพื่อเจริญปีติสัมโพชฌงค์ ข้อ
นั้นเพราะเหตุไร? เพราะจิตฟุ้งซ่าน จิตฟุ้งซ่านนั้น ยากที่จะให้สงบได้ด้วยธรรมเหล่านั้น เปรียบ
เหมือนบุรุษต้องการจะดับไฟกองใหญ่ เขาจึงใส่หญ้าแห้ง โคมัยแห้ง ไม้แห้ง เอาปากเป่า และ
ไม่โรยฝุ่นลงไปในกองไฟใหญ่นั้น บุรุษนั้นสามารถจะดับไฟกองใหญ่ได้หรือหนอ?
ภิ. ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า.
พ. ฉันนั้นเหมือนกัน ภิกษุทั้งหลาย สมัยใด จิตฟุ้งซ่าน สมัยนั้นมิใช่กาลเพื่อเจริญ
ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ มิใช่กาลเพื่อเจริญวิริยสัมโพชฌงค์ มิใช่กาลเพื่อเจริญปีติสัมโพชฌงค์
ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะจิตฟุ้งซ่าน จิตที่ฟุ้งซ่านนั้น ยากที่จะให้สงบได้ด้วยธรรมเหล่านั้น.
[๕๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมัยใด จิตฟุ้งซ่าน สมัยนั้น เป็นกาลเพื่อเจริญ
ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ เป็นกาลเพื่อเจริญสมาธิสัมโพชฌงค์ เป็นกาลเพื่อเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์
ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะจิตฟุ้งซ่าน จิตที่ฟุ้งซ่านนั้น ให้สงบได้ง่ายด้วยธรรมเหล่านั้น เปรียบ
เหมือนบุรุษต้องการจะดับไฟกองใหญ่ เขาจึงใส่หญ้าสด โคมัยสด ไม้สด พ่นน้ำ และโรยฝุ่น
ลงในกองไฟใหญ่นั้น บุรุษนั้นจะสามารถดับกองไฟกองใหญ่นั้นได้หรือหนอ?
ภิ. ได้ พระเจ้าข้า.
พ. ฉันนั้นเหมือนกัน ภิกษุทั้งหลาย สมัยใด จิตฟุ้งซ่าน สมัยนั้นเป็นกาลเพื่อ
เจริญปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ เป็นกาลเพื่อเจริญสมาธิสัมโพชฌงค์ เป็นกาลเพื่อเจริญอุเบกขา
สัมโพชฌงค์ ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะจิตฟุ้งซ่าน จิตที่ฟุ้งซ่านนั้น ให้สงบได้ง่ายด้วยธรรม
เหล่านั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวสติแลว่า มีประโยชน์ในที่ทั้งปวง.
ขณะนั่งสมาธิ อานาปานสติ รู้ลมหายใจ
ถ้ามีวิตก วิจารณ์ อันได้แก่ความคิดนึก
ให้รู้ว่ามันผ่านมาผ่านไป เมื่อความคิดผ่านไปแล้ว ก็ให้รู้ที่ลมหายใจ
เมื่อความคิดมันมาอีก มันผ่านไปอีกแล้ว ก็ให้รู้ที่ลมหายใจ
ขณะนั่งสมาธิ อานาปานสติ รู้ลมหายใจ
ถ้ามีวิตก วิจารณ์ อันได้แก่ความคิดนึก
ให้รู้ว่ามันผ่านมาผ่านไป เมื่อความคิดผ่านไปแล้ว ก็ให้รู้ที่ลมหายใจ
เมื่อความคิดมันมาอีก มันผ่านไปอีกแล้ว ก็ให้รู้ที่ลมหายใจ
ถ้ามีวิตก วิจารณ์ อันได้แก่ความคิดนึก
ให้รู้ว่ามันผ่านมาผ่านไป เมื่อความคิดผ่านไปแล้ว ก็ให้รู้ที่ลมหายใจ
เมื่อความคิดมันมาอีก มันผ่านไปอีกแล้ว ก็ให้รู้ที่ลมหายใจ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สัตว์ทั้งหลายทำกรรม๓ (กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม) ท่องเที่ยวไปมาในที่ต่างๆ
ก็เพื่อให้ได้มีการประจวบกับรูปในลักษณะนั้นๆ
ก็เพื่อให้ได้มีการประจวบกับเสียงในลักษณะนั้นๆ
ก็เพื่อให้ได้มีการประจวบกับกลิ่นในลักษณะนั้นๆ
ก็เพื่อให้ได้มีการประจวบกับรสในลักษณะนั้นๆ
ก็เพื่อให้ได้มีการประจวบกับโผฏฐัพพะในลักษณะนั้นๆ
ก็เพื่อให้ได้มีการประจวบกับเวทนาในลักษณะนั้นๆ
ก็เพื่อให้ได้มีการประจวบกับธัมมารมณ์ในลักษณะนั้นๆ
ก็ในเมื่อขณะที่ประจวบกับรูป ฯ ประจวบกับเสียง ฯ ประจวบกับกลิ่น ฯ ประจวบรส ฯ ประจวบสิ่งที่มากระทบผิว
แระจวบกับความนึกคิด
ย่อมเกิดกุศลบ้าง เกิดอกุศลบ้าง
เกิดอัพยากตบ้าง
ถ้าในชีวิตนี้ส่วนมากเกิดแต่อกุศล ถือว่าไม่ดีนะ ต้องแก้ เพราะถ้าปล่อยให้จิตมันเคยชินอยู่แต่กับอกุศล มันอันตรายเรื่องภพชาติ ธรรมชาติของจิตชอบไหลลงต่ำ
คือชอบไหลไปอกุศล
อกุศลคือโลภะ (ความโลภ) ให้ผล ตอนตายก็ไปเกิดเป็นเปตร
อกุศลคือโทสะ(ความโกธร ความเกลียด)ให้ผลตอนตาย ก็ไปเกิดเป็นสัตว์นรก
อกุศลคือโมหะ (ความขาดสติ เม่อลอย) ให้ผลตอนตาย
ก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
ลองสำรวจดูที่ใจ ส่วนมากเกิดตัวไหน
ถ้าเกิดแต่ความโลภ นั่นอาจแสดงว่าเราเคยไปเปตรมายาวนาน แล้วพึ่งจะได้มาเป็นมนุษย์ ความเคยชินในความโลภมากนั้น จึงติดมา
ดังนั้นเราต้องหนีห่างจากเปตรให้ได้
ถ้าเป็นเปตรนี่มันทุกข์มากๆนะ
โดยการรู้จักเอื้อเฟื่อเผื่อแผ่ รู้จักสละออกให้ทานอย่างสม่ำเสมอ มากบ้างน้อยบาง ตามโอกาสและเหตุการณ์
คือเน้นให้อย่างสบายใจ ไม่เน้นรับ
ถ้าเกิดแต่ความโกธร ความเกลียด
นั่นอาจแสดงว่าเราเคยไปเป็นสัตว์นรกเกิดตายในขุมต่างๆมาแล้วตลอดกาลยาวนาน
แล้วพึ่งจะได้มาเป็นมนุษย์ ความเคยชินในความโกธรจึงติดเนื่อในขันธ์สันดาร
ดังนั้นเราต้องหนีห่างจากสัตว์นรกให้ได้
ถ้าไปตกนี่ เวลาในนรกมันยาวนานมากนะ ขุมตื้นที่สุด1วัน1คืนของเขา เท่ากับ 9 ล้านปีมนุษย์
และการลงโทษลงทัณฑ์นี่พวกนายนิรยะบาลเขาทำโหดร้ายมากนะ จนพระพุทธเจ้าตรัสกับสาวกว่า "เราไม่เคยเห็นการจองจำอื่นใดที่เจ็บปวดทรมาณและโหดร้ายทารุณมาก เหมือนการถูกจองจำอยู่ในนรก"
ดังนั้นเราต้องรู้จักมีเมตตาอารีต่อคนต่อสัตว์ให้มากๆ คิดสงสารให้มาก ให้อภัยให้มากๆ ปล่อยวางให้มากๆ
ถ้าเกิดแต่ความหลงลืมขาดสติ เม่อลอย ฟุ้งซ่านจัด
ไหลไปกับความคิด
นั่นอาจแสดงว่าเราเคยไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานติดต่อกันหลายภพหลายชาติ
แล้วพึ่งจะได้มาเป็นมนุษย์
จึงมีความเคยชินในการหลงลืมสติเม่อลอยบ่อย
ดั่งนั้นเราต้องหนีห่างออกจาก การเป็นสัตว์เดรัจฉานให้ได้
โดยให้เราเลิกเหล้าซะ เพราะเหล้าเพิ่มโมหะโดยตรง
และฝึกสติให้มากๆ เช่น อานาปานสติ มีสติรู้ลมหายใจเข้า มีสติรู้ลมหายใจออก บ่อยๆทุกวัน
และให้สนใจศึกษาวิธีฝึกเจริญสติตามที่พระพุทธเจ้าได้ประทานไว้ให้ "คือฝึกสติปัฏฐาน๔"
ฐานที่ตั้งของจิต๔ฐานนี้
ฐานกาย ฐานเวทนา ฐานจิต ฐานธรรม
ให้เราดูจากปัจจุบัน ถ้าเห็นฐานไหนชัด
ก็ให้ดูฐานนั้นเป็นหลัก
เมื่อชาตินี่เรามีการภาวนา
อยู่ในชีวิตประจำวัน
ภพชาติใหม่ก็มีแต่จะสดใส
และเป็นเพิ่มอุปนิสัยในมรรคผลต่อไปในอนาคตอีกด้วย
ก็เพื่อให้ได้มีการประจวบกับรูปในลักษณะนั้นๆ
ก็เพื่อให้ได้มีการประจวบกับเสียงในลักษณะนั้นๆ
ก็เพื่อให้ได้มีการประจวบกับกลิ่นในลักษณะนั้นๆ
ก็เพื่อให้ได้มีการประจวบกับรสในลักษณะนั้นๆ
ก็เพื่อให้ได้มีการประจวบกับโผฏฐัพพะในลักษณะนั้นๆ
ก็เพื่อให้ได้มีการประจวบกับเวทนาในลักษณะนั้นๆ
ก็เพื่อให้ได้มีการประจวบกับธัมมารมณ์ในลักษณะนั้นๆ
ก็ในเมื่อขณะที่ประจวบกับรูป ฯ ประจวบกับเสียง ฯ ประจวบกับกลิ่น ฯ ประจวบรส ฯ ประจวบสิ่งที่มากระทบผิว
แระจวบกับความนึกคิด
ย่อมเกิดกุศลบ้าง เกิดอกุศลบ้าง
เกิดอัพยากตบ้าง
ถ้าในชีวิตนี้ส่วนมากเกิดแต่อกุศล ถือว่าไม่ดีนะ ต้องแก้ เพราะถ้าปล่อยให้จิตมันเคยชินอยู่แต่กับอกุศล มันอันตรายเรื่องภพชาติ ธรรมชาติของจิตชอบไหลลงต่ำ
คือชอบไหลไปอกุศล
อกุศลคือโลภะ (ความโลภ) ให้ผล ตอนตายก็ไปเกิดเป็นเปตร
อกุศลคือโทสะ(ความโกธร ความเกลียด)ให้ผลตอนตาย ก็ไปเกิดเป็นสัตว์นรก
อกุศลคือโมหะ (ความขาดสติ เม่อลอย) ให้ผลตอนตาย
ก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
ลองสำรวจดูที่ใจ ส่วนมากเกิดตัวไหน
ถ้าเกิดแต่ความโลภ นั่นอาจแสดงว่าเราเคยไปเปตรมายาวนาน แล้วพึ่งจะได้มาเป็นมนุษย์ ความเคยชินในความโลภมากนั้น จึงติดมา
ดังนั้นเราต้องหนีห่างจากเปตรให้ได้
ถ้าเป็นเปตรนี่มันทุกข์มากๆนะ
โดยการรู้จักเอื้อเฟื่อเผื่อแผ่ รู้จักสละออกให้ทานอย่างสม่ำเสมอ มากบ้างน้อยบาง ตามโอกาสและเหตุการณ์
คือเน้นให้อย่างสบายใจ ไม่เน้นรับ
ถ้าเกิดแต่ความโกธร ความเกลียด
นั่นอาจแสดงว่าเราเคยไปเป็นสัตว์นรกเกิดตายในขุมต่างๆมาแล้วตลอดกาลยาวนาน
แล้วพึ่งจะได้มาเป็นมนุษย์ ความเคยชินในความโกธรจึงติดเนื่อในขันธ์สันดาร
ดังนั้นเราต้องหนีห่างจากสัตว์นรกให้ได้
ถ้าไปตกนี่ เวลาในนรกมันยาวนานมากนะ ขุมตื้นที่สุด1วัน1คืนของเขา เท่ากับ 9 ล้านปีมนุษย์
และการลงโทษลงทัณฑ์นี่พวกนายนิรยะบาลเขาทำโหดร้ายมากนะ จนพระพุทธเจ้าตรัสกับสาวกว่า "เราไม่เคยเห็นการจองจำอื่นใดที่เจ็บปวดทรมาณและโหดร้ายทารุณมาก เหมือนการถูกจองจำอยู่ในนรก"
ดังนั้นเราต้องรู้จักมีเมตตาอารีต่อคนต่อสัตว์ให้มากๆ คิดสงสารให้มาก ให้อภัยให้มากๆ ปล่อยวางให้มากๆ
ถ้าเกิดแต่ความหลงลืมขาดสติ เม่อลอย ฟุ้งซ่านจัด
ไหลไปกับความคิด
นั่นอาจแสดงว่าเราเคยไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานติดต่อกันหลายภพหลายชาติ
แล้วพึ่งจะได้มาเป็นมนุษย์
จึงมีความเคยชินในการหลงลืมสติเม่อลอยบ่อย
ดั่งนั้นเราต้องหนีห่างออกจาก การเป็นสัตว์เดรัจฉานให้ได้
โดยให้เราเลิกเหล้าซะ เพราะเหล้าเพิ่มโมหะโดยตรง
และฝึกสติให้มากๆ เช่น อานาปานสติ มีสติรู้ลมหายใจเข้า มีสติรู้ลมหายใจออก บ่อยๆทุกวัน
และให้สนใจศึกษาวิธีฝึกเจริญสติตามที่พระพุทธเจ้าได้ประทานไว้ให้ "คือฝึกสติปัฏฐาน๔"
ฐานที่ตั้งของจิต๔ฐานนี้
ฐานกาย ฐานเวทนา ฐานจิต ฐานธรรม
ให้เราดูจากปัจจุบัน ถ้าเห็นฐานไหนชัด
ก็ให้ดูฐานนั้นเป็นหลัก
เมื่อชาตินี่เรามีการภาวนา
อยู่ในชีวิตประจำวัน
ภพชาติใหม่ก็มีแต่จะสดใส
และเป็นเพิ่มอุปนิสัยในมรรคผลต่อไปในอนาคตอีกด้วย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สิ่งใดดับไปแล้ว
สิ่งใดเกิดขึ้นมาแทน
..รู้ให้ทัน
เหมือนเรายืนอยู่บนสะพานลอย
แล้วดูรถที่วิ่งผ่านไป
คันสีแดงวิ่งมาแล้ว...
คันสีแดงกำลังวิ่งผ่าน..
คันสีแดงวิ่งผ่านไป...
คันสีขาววิ่งมาแล้ว...
คันสีขาวกำลังวิ่งผ่าน..
คันสีขาววิ่งผ่านไปแล้ว..
อารมณ์สุขมาแล้ว
อารมณ์สุขหายไปแล้ว
อารมณ์ทุกข์มาแล้ว
อารมณ์ทุกข์หายไปแล้ว
สิ่งใดดับไปแล้ว
คืออารมณ์สุขดับหายไปแล้ว
สิ่งใดเกิดขึ้นมาแทน
คืออารมณ์ทุกข์เกิดขึ้นมาแล้ว
สิ่งใดดับไปแล้ว
คืออารมณ์ทุกข์ดับหายไปแล้ว
สิ่งใดเกิดขึ้นมาแทน
คืออารมณ์สุขเกิดขึ้นมาแล้ว
#สิ่งที่เกิดขึ้น แล้วดับไป นั่นไม่ใช่เรา
สิ่งใดเกิดขึ้นมาแทน
..รู้ให้ทัน
เหมือนเรายืนอยู่บนสะพานลอย
แล้วดูรถที่วิ่งผ่านไป
คันสีแดงวิ่งมาแล้ว...
คันสีแดงกำลังวิ่งผ่าน..
คันสีแดงวิ่งผ่านไป...
คันสีขาววิ่งมาแล้ว...
คันสีขาวกำลังวิ่งผ่าน..
คันสีขาววิ่งผ่านไปแล้ว..
อารมณ์สุขมาแล้ว
อารมณ์สุขหายไปแล้ว
อารมณ์ทุกข์มาแล้ว
อารมณ์ทุกข์หายไปแล้ว
สิ่งใดดับไปแล้ว
คืออารมณ์สุขดับหายไปแล้ว
สิ่งใดเกิดขึ้นมาแทน
คืออารมณ์ทุกข์เกิดขึ้นมาแล้ว
สิ่งใดดับไปแล้ว
คืออารมณ์ทุกข์ดับหายไปแล้ว
สิ่งใดเกิดขึ้นมาแทน
คืออารมณ์สุขเกิดขึ้นมาแล้ว
#สิ่งที่เกิดขึ้น แล้วดับไป นั่นไม่ใช่เรา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เราไม่อยากเป็นคนประเภท (อาภัพ)
คือพบพระศาสนาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธะเจ้าแล้ว
แต่ไม่พบของดีเลิษ
การที่ใครก็ตามยังชอบเสพกามอยู่ ปัญญาในธรรมขั้นสูงจะไม่เกิดได้เลย โดยเฉพาะขั้นฌานสมาธิ สมาบัติ
คือพบพระศาสนาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธะเจ้าแล้ว
แต่ไม่พบของดีเลิษ
การที่ใครก็ตามยังชอบเสพกามอยู่ ปัญญาในธรรมขั้นสูงจะไม่เกิดได้เลย โดยเฉพาะขั้นฌานสมาธิ สมาบัติ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หนึ่งเดือนในป่าพง (ตอนที่๑)
พระมงคลกิตติธาดา (อมร เขมจิตฺโต)
วัดป่าวิเวก (ธรรมชาน์) จ.อุบลราชธานี
สมัยเมื่อข้าพเจ้าเป็นครูสอนปริยัติธรรมอยู่ เมื่อพักจากการสอนแล้ว บางวันตอนเย็นๆ ก็นึกถึงพระที่ท่านอยู่ป่า เกิดความสงสัยว่า "พระกรรมฐาน ท่านมีอะไรดีหรือ ทั้งๆ ที่ท่านไม่ค่อยได้ศึกษาปริยัติธรรม ท่านอาศัยอยู่ในป่าก็ยังมีญาติโยมอุตส่าห์เดินทางไปหาเป็นจำนวนมาก เขาพากันไปด้วยความศรัทธาเลื่อมใส ท่านคงมีอะไรดีอยู่กระมัง"
ความสงสัยนี้มักเกิดขึ้นแล้วเกิดขึ้นอีก ข้าพเจ้ายังหาคำตอบไม่ได้นับเป็นเวลาหลายปี บางทีความสงสัยชนิดนี้ อาจจะเกิดขึ้นแก่เพื่อนมนุษย์ผู้ยังไม่เคยเข้าไปสัมผัสอีกเป็นจำนวนมาก ท่านผู้อ่านหาคำตอบที่ถูกต้องได้แล้วหรือยังเล่า ดูเหมือนยังมีบรรพชิตผู้เป็นนักแสดงธรรม ยังพูดแรงไปกว่านั้นอีกว่า
"พระกรรมฐานจะมีดีอะไร มัวแต่นั่งหลับตาอยู่ในป่า ไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนธรรมะ จะไปรู้อะไร ดูแต่อาตมาสิ...ขนาดพระไตรปิฎกอ่านอยู่ทุกวันก็ยังลืมเลย" ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของท่านรูปนั้น มันเป็นการหมิ่นเหม่ต่ออันตราย ดูจะเป็นการประมาทต่อการปฏิบัติธรรมของเหล่าพระอริยสาวกไป ข้าพเจ้าคิดว่า "อาหารใดที่เรายังไม่ได้ลิ้มชิมรส เราจะปฏิเสธอาหารนั้นไม่ดีไม่มีประโยชน์เหมือนกับอาหารที่เราได้รับประทานอยู่เป็นประจำ หาเป็นการสมควรไม่..."
บางครั้งเคยนึกถึงคำขอบรรพชา ที่เคยกล่าวต่อหน้าพระอุปัชฌาย์ ก่อนที่ท่านจะให้ครองผ้ากาสาวพัสตร์ซึ่งพอจะแปลได้ว่า "ท่านขอรับ กรุณาบวชให้กระผมด้วย เพื่อกระผมจะได้ทำการสลัดออกจากความทุกข์ทั้งมวล และเพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน..." จึงได้ปรารภกับตัวเองว่า "เอ นี่...เราจะเอายังไงดี บวชมาก็หลายปี จะไม่เป็นการโกหกตัวเอง โกหกพระอุปัชฌาย์ไปหรือ"
ดังนั้น เมื่อถึงหน้าแล้ง ปี พ.ศ. 2510 ข้าพเจ้าจึงได้เดินทางไปอบรมวิปัสสนากรรมฐานอยู่ที่วัดปริณายกและวัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ รู้สึกว่าได้รับหลักการปฏิบัติจากครูบาอาจารย์ซึ่งมี หลวงพ่อเจ้าคุณพระเทพสิทธิมุนี เป็นประธาน โดยได้รับความเมตตาจากท่านเป็นอย่างดีและก็ได้ตั้งใจไว้ว่า เรามีที่พักผ่อนทางจิตใจในยามว่างจากการสอนแห่งหนึ่งแล้ว หน้าแล้งจะมาปฏิบัติอีก แต่ก็ยังมีอีกแห่งหนึ่งซึ่งเราเคยตั้งใจไว้ว่าจะเข้าไปศึกษาหาประสบการณ์ ที่นั่นคือ
วัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งอยู่ไม่ไกล ไปมาพอสะดวก ได้ทราบว่าเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในป่า ท่านมีลูกศิษย์ลูกหามาก เราควรจะเข้าไปทดลองดู
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2511 ข้าพเจ้าจึงออกเดินทางมุ่งสู่หนองป่าพง ความจริงข้าพเจ้ายังมิได้ตั้งใจว่าจะไปอยู่ที่นั่นแน่นอน เป็นเพียงจะไปทดลองดูเพราะยังไม่แน่ใจเลยว่า อาหารที่นั่น จะมีรสถูกปากถูกใจเราหรือเปล่า เรายังไม่เคยชิมดู
เมื่อเดินทางมาถึงประตูหน้าวัด เวลาประมาณ 5 โมงเย็น พอจะย่างเข้าสู่เขตวัดก็เจอป้ายแผ่นใหญ่เขียนไว้ว่า แดนเคารพ พุทธศาสนิกชนทุกเพศ ทุกชั้น เพื่อหายพยศ ลดมานะ ละทิฏฐิ มีข้อปฏิบัติเรียงลำดับเป็นข้อๆ ลงไป จากข้อที่ 1 ถึงข้อที่ 9 ซึ่งท่านผู้เคยไปเยี่ยมวัดหนองป่าพง คงได้อ่านกันมาแล้ว...เมื่ออ่านป้ายจบก่อนจะก้าวเข้าเขตวัด คิดได้ว่า พระวัดป่าท่านถือวินัยเคร่ง ท่านไม่รับเงินทอง ไม่เก็บไว้เป็นของส่วนตน เรามีติดย่ามมาด้วย จะทำอย่างไรดี จึงตัดสินใจว่า "เอาไว้ในย่ามไม่เหมาะ เพราะเราใช้ย่ามทุกวัน ไปปะปนกับท่านดูไม่เหมาะ สู้เก็บไว้ในกระเป๋าดีกว่า"
ข้าพเจ้าจึงบอกสามเณรที่ถือกระเป๋ามาส่ง ให้วางกระเป๋าลง แล้วจึงหยิบซองปัจจัย 4-5 ซอง ออกจากย่าม ไขกุญแจเปิดกระเป๋าเอาซุกลงไว้ก้นกระเป๋า รูดซิบ ล็อคกุญแจเรียบร้อยแล้วเดินเข้าวัดไป ได้รับความแปลกตา แปลกใจ เห็นภายในวัด ลานวัดสะอาด มีร่มไม้ป่าไม้มาก เย็นสบายดี ความรู้สึกบอกว่า เหมือนเราได้เข้ามาสู่แดนอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเราไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน มองเห็นพระสงฆ์สามเณรหลายรูปกำลังทำกิจวัตรด้วยอาการสำรวมสังวรไม่ได้ยินเสียงพูดคุยกัน ทุกรูปทรงผ้าสีแก่นขนุนดูช่างเข้ากับธรรมชาติเหลือเกิน
ข้าพเจ้าเดินเข้าสู่ศาลาโรงธรรม ให้สามเณรวางกระเป๋าไว้บนเตียงด้านขวามือ กราบพระประธาน มองดูพระพักตร์พระประธานคล้ายได้รายงานตัวว่า "กระผมเป็นอาคันตุกะพึ่งมาสู่ถิ่นนี้เป็นครั้งแรก ขอแสดงคารวะพึ่งร่มพุทธธรรม" มีภิกษุรูปหนึ่งเดินเข้ามาในศาลา จึงถามท่านว่า "ท่านอาจารย์อยู่ไหม" ได้รับตอบว่า "ท่านเพิ่งกลับจากกิจนิมนต์ข้างนอก นิมนต์ไปพบท่านที่กุฏิ" ข้าพเจ้าจึงออกจากศาลา เดินชมต้นไม้ ป่าไม้ ไปเรื่อยๆ มองเห็นไก่ป่า 5-6 ตัวกำลังคุ้ยเขี่ยกินอาหาร พอมันเห็นข้าพเจ้าเดินผ่านไป ทุกตัวเตรียมพร้อมที่จะบินหนี มันคงคิดว่า "ท่านผู้นี้ไม่ใช่เจ้าถิ่น ดูสิผ้าต่างจากที่เคยเห็น ไว้ใจไม่ได้อาจจะมีอันตราย"
ข้าพเจ้ามองดูมันพลางเดินพลางพร้อมกับนึกในใจว่า "หากินไปเถิดเจ้าไก่ป่าเอ๋ย ถึงสีผ้าของข้าจะต่างจากที่เจ้าเคยเห็นก็จริง แต่ข้ามาอย่างมิตร ไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่พวกเจ้าหรอก" เพราะเป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้เห็นไก่ป่า มันมีอยู่จำนวนมากเสียด้วย มันพากันอยู่กับธรรมชาติ อยู่อย่างอิสระ ไม่มีพันธะใดๆ อาศัยยอดไม้เป็นเรือนนอน
เมื่อข้าพเจ้าไปถึงใต้ถุนกุฏิหลวงพ่อ เห็นท่านนั่งอยู่จึงเข้าไปกราบท่าน ท่านจึงถามว่า "เอ...ใคร...มาจากไหน" ท่านคงจำไม่ได้ เพราะเคยพบกับท่านครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว ข้าพเจ้าจึงกราบเรียนให้ท่านทราบ
"อ้อ...ท่านมหารึ มาธุระอะไรล่ะ"
ท่านถาม
"กระผมตั้งใจมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ขอรับ"
ข้าพเจ้ากราบเรียน
"มาอยู่กับผมก็ได้...แต่อย่ามีลับลมคมใน"
ท่านพูดช้าๆ ฟังเย็นๆ
พอได้ฟังคำพูดของท่าน ข้าพเจ้าถึงกับสะดุ้ง มีความรู้สึกหวั่นใจ เพราะรู้ตัวดีว่าเอาของผิดวินัยเข้ามา แต่ก็ข่มใจเรียนท่านไปว่า "ขอรับ...ถ้ากระผมทำผิด บกพร่อง ผิดพลาด นิมนต์ขนาบได้เต็มที่"
เอาอะไรมาบ้างล่ะ" ท่านถาม
"ก็มีผ้าสบง จีวรสำหรับผลัดเปลี่ยน และบริขารเล็กๆ น้อยๆ "
"ไม่ได้เอาบาตรมารึ" หลวงพ่อถามพร้อมกับมองหน้า
"เปล่า ขอรับ" ข้าพเจ้าตอบท่าน
"อ้าว ทำไมล่ะ เป็นมหา สอนไปสอนมา ทิ้งบาตรแล้วหรือ..."
"กระผมยังไม่ทราบกฎระเบียบของทางนี้ ขอรับ" ข้าพเจ้าตอบ
หลวงพ่อท่านพูดต่อไปว่า "บาตรเป็นบริขารชิ้นแรกที่พระอุปัชฌาย์แนะนำให้รู้จักและมอบให้ สำหรับใช้ใส่บริขารแทนกระเป๋าในคราวเดินทาง (เดินธุดงค์) ใช้เป็นภาชนะใส่อาหารเวลาฉัน ใช้เป็นภาชนะตักน้ำฉัน น้ำใช้ ในคราวธุดงค์"
ข้าพเจ้าสงบใจฟังท่านพูด แต่ก็นึกค้านในใจว่า "ที่ท่านพูดก็ถูกของท่าน สำหรับพระกรรมฐานเท่านั้นหรอก แต่สำหรับพระนักเรียนใครจะเอาไป มันเกะกะ เก้งกาง ไม่สะดวก ไม่ทันสมัย" แต่เอ...นี่เรากลายเป็นคนลืมบริขารชิ้นแรก ที่พระอุปัชฌาย์มอบให้เสียแล้ว จึงถูกท่านติงเอา
"เคยฉันในบาตรไหม..."
"ไม่เคย ขอรับ"
"เคยฉันหนเดียวไหม"
"ไม่เคย ขอรับ"
"ทีนี้ เมื่อเรียนมามาก สอนมามากแล้ว ลองทำตามพระพุทธเจ้าดูก่อนนะ" หลวงพ่อพูดต่อ "เราเคยเรียนธรรมะในกระดาษ รู้ธรรมะตามกระดาษ สอบความรู้ในกระดาษและท่านก็รับรองความรู้ด้วยกระดาษ ซึ่งเราเคยผ่านมาแล้ว เมื่อเรามาปฏิบัติก็จะทราบได้เองว่า ธรรมะที่เกิดจากสัญญา (เรียน จำได้) กับธรรมะที่เกิดจากการภาวนา มันต่างกันมากอยู่ มันมีความละเอียดต่างกัน...
มันเหมือนกับคนหนึ่งมีรูปม้าหลายๆ แผ่น อีกคนหนึ่งมีม้าตัวเดียว ถึงคราวออกเดินทาง คนที่มีม้าตัวเดียวยังดีกว่าคนที่มีม้าหลายแผ่น เพราะอันหนึ่งมันใช้ได้ อันหนึ่งใช้ไม่ได้ เรื่องนี้ผู้มาประพฤติปฏิบัติย่อมรู้ได้เอง ไม่ใช่เรื่องบอกกัน"
ข้าพเจ้าตั้งใจฟังหลวงพ่อท่านให้โอวาทด้วยความซาบซึ้ง มันเป็นคำพูดที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อน ประกอบกับเสียงของท่าน ฟังชัดถ้อยชัดคำ ช้าๆ นุ่มนวล เยือกเย็น หลั่งออกมาจากใจที่เปี่ยมด้วยเมตตา
หลวงพ่อจึงหันไปสั่งสามเณร ให้ไปเอากระเป๋าที่ศาลามาให้ ขณะที่หลวงพ่อปรารภเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อีกไม่นานสามเณรก็หิ้วกระเป๋าเดินเข้ามาถึงชานกุฏิ และแล้วสิ่งที่ไม่นึกคิดก็ปรากฏขึ้น ข้าพเจ้ามองไปดูกระเป๋า เห็นซิบแตกออกหมด ใจหายวาบ...
น่าแปลกใจ น่าอัศจรรย์ใจอะไรเช่นนี้...ซิบกระเป๋าเรารูดปิดล็อคกุญแจเรียบร้อย ก่อนจะหิ้วผ่านเข้ามาในเขตวัด มันแตกออกได้อย่างไรกัน ทั้งๆ ที่กุญแจยังล็อคอยู่ หรือว่าซิบแตกตั้งแต่หลวงพ่อพูดว่า "อย่ามีลับลมคมใน..." เป็นไปได้หรือนี่ แต่ว่ามันเป็นไปแล้ว เอ...นี่เราคงโดนท่านลองดีเข้าแล้ว
ข้าพเจ้าเริ่มหัวใจสั่น...เริ่มมีความเคารพเลื่อมใสหลวงพ่อมากขึ้น นึกละอายใจ ไม่กล้ามองหน้าท่าน เพราะเข้าใจว่าท่านคงทราบแล้วว่า เราเอาของผิดวินัยเข้ามา ท่านทิ้งช่วงแห่งคำพูดไว้ชั่วระยะหนึ่ง ดูเหมือนหลวงพ่อจะทราบว่า ภายในจิตใจของข้าพเจ้ากำลังวุ่นวาย สับสน สะดุ้ง หวั่นไหว แล้วท่านก็พูดต่อ "การเป็นอยู่ที่นี่เราอยู่กับธรรมชาติ อยู่อย่างสบายไม่มีอะไรมาก เมื่อมาอยู่ด้วยกันก็อย่าแบกพัดแบกยศ แบกคัมภีร์เข้ามา เอาทิ้งไว้นอกวัดเสียก่อนโน่น เพราะถ้าบ่ามันหนักแล้วจะรับของใหม่ไม่ได้อีก จะดูอะไรต้องดูให้นานๆ นะ ดูเพียงเดี๋ยวเดียวก็จะไม่เห็น"
เมื่อท่านให้ข้อคิดพอสมควรแล้ว ท่านจึงสั่งให้ไปพักที่กุฏิสร้างใหม่ อยู่ทางทิศตะวันตกนับจากกุฏิของท่านไปเป็นหลังที่ 3 เมื่อขึ้นไปบนกุฏิ ข้าพเจ้ารีบเปลื้องจีวรออก ก้มลงตรวจดูซิบล้วงเอากุญแจในย่ามมาไข รูดซิปเข้าไป ก็เข้าที่ดีเหมือนเดิม มันน่าแปลกใจอะไรเช่นนี้ มากราบหลวงพ่อไม่ถึงชั่วโมงก็โดนท่านปราบเสียแล้ว ท่านผู้อ่านอาจจะค้านว่าซิบเก่าชำรุดมันจึงเป็นเช่นนั้น ข้าพเจ้าขอยืนยันว่ายังใหม่แน่ เพราะเพิ่งซื้อมายังไม่ถึงเดือน
เมื่อข้าพเจ้ามาอยู่วัดหนองป่าพง ก็เริ่มได้รับความรู้ ความเข้าใจใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จากการฉันวันละสองมื้อมาเป็นวันละมื้อ เพราะก่อนมาอยู่เคยคิดไว้ว่าเราคงไม่ไหวแน่เพราะร่างกายเราอ่อนแอ
หลวงพ่อท่านได้เมตตาข้าพเจ้าเป็นพิเศษอยู่หลายอย่าง เช่น บาตรเก่าของท่าน ท่านใช้มาเป็นเวลาสิบปี พึ่งเปลี่ยนใหม่เมื่อปี 2510 ท่านเก็บไว้ในตู้ พอข้าพเจ้าไปอยู่ ท่านก็สั่งให้เอามาให้ข้าพเจ้าใช้ บาตรลูกนี้มีอายุเกือบเท่าอายุของข้าพเจ้า และท่านสั่งให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ติดตามท่านเวลาออกบิณฑบาตเป็นประจำ ซึ่งผู้เป็นอาคันตุกะน้อยรูปนักที่จะได้รับอนุญาตเช่นนั้น
ตอนเย็นหลังจากทำวัตรเสร็จแล้ว ศิษย์ผู้ใคร่ต่อการฟังโอวาทก็ทยอยกันไปหาท่านที่กุฏิซึ่งหลวงพ่อนั่งรออยู่เกือบจะกล่าวได้ว่าแทบทุกวัน พวกเราจึงได้ฟังธรรมนอกธรรมาสน์เป็นส่วนมาก รู้สึกว่าเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติธรรม ขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่ต้องเรียนธรรม ท่านพูดไปๆ ก็ไปตรงกับเรื่องของเราเอง
เวลาออกบิณฑบาตเดินตามหลังท่านไป ก็ได้ฟังธรรมะไปด้วย ล้วนแต่เป็นคติเป็นแนวทางส่งเสริมการปฏิบัติธรรมได้ดี จะเรียกว่าฟังธรรมเคลื่อนที่ก็เห็นจะถูก เมื่ออยู่กับท่านหลายวันเข้า ความพอใจ ชอบใจ ในการรับฟังและในข้อวัตรปฏิบัติก็มีมากขึ้น เรื่องบางเรื่องที่เราเคยเรียนมาไม่เข้าใจ กลับได้รับความเข้าใจ แม้แต่พระวินัยบางข้อที่เคยสงสัยก็ได้รับความเข้าใจดีขึ้น
ตกหลุมพราง
พอได้เจอคำว่าตกหลุมพราง บางท่านอาจจะตกใจไปว่า เอ...ที่วัดป่าพงมีการขุดหลุมพรางคอยดักคนเข้าไปให้ตกด้วยหรือ เปล่าหรอก...ที่ว่าหลุมพรางน่ะ มิได้หมายความว่าเป็นหลุมพรางทางภาคพื้นดิน แต่มันเป็นหลุมพรางทางอากาศ (ทางคำพูด)
ต่างหาก ติดตามไปก็คงเข้าใจได้เอง
เช้าวันหนึ่ง ขณะที่ข้าพเจ้าติดตามหลวงพ่อเข้าไปบิณฑบาต พอไปถึงทางเลี้ยวซ้าย หลวงพ่อเดินชะลอเหมือนคอยจังหวะให้ข้าพเจ้าไปถึง พอเดินไปทัน ท่านเหลียวไปดูบ้านหลังหนึ่งซึ่งชำรุดเก่าคร่ำคร่า เป็นบ้านช่างไม้รับจ้างปลูกเรือน ข้าพเจ้ามองตามท่าน ทันใดนั้นก็ได้ยินท่านพูดว่า "เอ...บ้านช่างไม้นี่เก่าชำรุดเสียจริงนะ"
ข้าพเจ้าจึงคล้อยเสริมตามขึ้นว่า "เป็นช่างไม้มีฝีมือ มีคนมาจ้างบ่อย คงจะยังไม่มีเวลาทำของตนเอง"
หลวงพ่อหันมามองข้าพเจ้าพร้อมกับพูดว่า "เราก็เหมือนกันนั่นแหละ มัวแต่สอนเขา"
เอาเข้าแล้วไหมล่ะ เราเผลอไปตกหลุมพรางของท่านเข้า...ข้าพเจ้าได้ยินท่านพูดถึงกับสะอึกรู้สึกกินใจถึงใจ ไม่นึกว่าจะโดนท่านสอนธรรมะแบบเคลื่อนที่อย่างนี้ แต่ก็ดีแล้วทำให้ได้ข้อคิดจากที่ท่านเตือนสติ ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ เดินตามหลังท่านไป ใจก็หวนระลึกถึงเรื่องๆ หนึ่ง ซึ่งมีอยู่ในหนังสือธรรมบทว่า
มีภิกษุ 2 รูปเป็นเพื่อนกัน ออกบวชพร้อมกันตั้งใจบวชถวายชีวิตในพระศาสนา ได้อยู่ศึกษาข้อวัตรต่างๆ อันนักบวชจะพึงรู้พึงทำให้ถูกต้องตามแบบสมณะที่ดีพึงทำ อยู่จำพรรษาในสำนักอุปัชฌาย์ จนมีพรรษากาลพอสมควรที่จะปกครองตนเองได้แล้ว
รูปหนึ่งคิดว่า ตนมีอายุเข้าเขตวัยกลางคนแล้วยากที่ศึกษาปริยัติธรรมให้จบบริบูรณ์แบบได้ จึงได้ศึกษาแนวทางแห่งการปฏิบัติจนเป็นที่เข้าใจแล้ว กราบทูลลาพระพุทธองค์มุ่งสู่ป่าเพื่อปฏิบัติธรรม
อีกรูปหนึ่งคิดว่า ตนพอมีกำลังจะศึกษาปริยัติธรรมได้ จึงตั้งใจศึกษาจดจำพระสูตรต่างๆ จนครบพระไตรปิฏก เที่ยวบอกธรรมสอนธรรมในที่ต่างๆ จนมีลูกศิษย์นับเป็นจำนวนร้อยๆ เมื่อมีคนรู้จักมาก ลาภสักการะต่างๆ เกิดขึ้นเป็นผลพลอยได้ติดตามมามากขึ้นๆ ท่านก็พอใจ อิ่มใจ และภาคภูมิใจในความมีลาภสักการะ และลูกศิษย์ลูกหามากเช่นนั้น เมื่อนึกถึงกิตติศัพท์และเสียงเยินยอที่ตนได้รับ ก็ทำให้ท่านสบายใจ เป็นการเพียงพอแล้วสำหรับสิ่งที่ตนได้รับ เมื่อได้เข้ามาบวชในพระศาสนา
ส่วนภิกษุที่เข้าไปอยู่ในป่า ตั้งใจบำเพ็ญภาวนา เดินจงกรม นั่งสมาธิ พิจารณาธรรมะ ให้เห็นเป็นของไม่เที่ยงทนได้ยาก มิได้อยู่ในอำนาจของตน มีแล้วหาไม่ เกิดแล้วดับไป บางโอกาสก็สาธยายอาการ 32 พิจารณาตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมา ตั้งแต่ปลายผมลงไปจรดปลายเท้า แยกแยะออกเป็นส่วนๆ ตั้งแต่ ขน ผม เล็บ ฟัน หนัง ไปจนถึงเยื่อมันสมองในกระโหลกศีรษะ ให้เห็นเป็นของปฏิกูลพึงรังเกียจไม่น่าเอา ไม่น่าเป็น ซึ่งมีอยู่ในกายตนและกายของคนอื่น เมื่อมันยังเคลื่อนไหวไปมาได้ก็ยังพอน่าดูน่าชม และพอสิ้นลมเมื่อไร ก็เป็นของไม่น่าปรารถนา ถึงแม้จะมีการรวมตัวเป็นกลุ่มเป็นก้อนอยู่ ก็มีการเกิดดับอยู่เป็นประจำ ไม่จีรั่งยั่งยืน
วันคืนผ่านไป ท่านบำเพ็ญเพียรด้วยความบากบั่นไปเรื่อยๆ โดยอาศัยขันติธรรมเป็นที่ตั้ง ยึดเอาหลักศีลสมาธิ ปัญญา เป็นเส้นทางเดินจนความยึดมั่นถือมั่นจางคลายหายไปหมดสิ้น จิตหลุดพ้นแล้วจากอาสวะอย่างสิ้นเชิง จนท่านเปลี่ยนภาวะจากปุถุชนเป็นพระอริยบุคคล ในขั้นอรหันต์ขีณาสพไปแล้ว จึงนับว่าพระอรหันต์สาวกของพระพุทธองค์ได้เพิ่มจำนวนขึ้นอีก 1 รูป ท่านอยู่ในลักษณะสำรวมกาย วาจา ใจ พักผ่อนอิริยาบถ ดื่มรสแห่งวิมุตติสุขอยู่ในราวป่าเป็นเวลานานพอสมควรแก่สันติสุขที่เกิดขึ้นนั้นๆ
ได้มีภิกษุจำนวนหลายรูป และหลายครั้ง ได้ทูลลาพระพุทธองค์ มุ่งหน้าสู่ป่า อันเป็นสำนักพระขีณาสพเถระ เข้าฝากตัวเป็นศิษย์อยู่ ประพฤติปฏิบัติธรรม ตั้งอยู่ในโอวาท ไม่ประมาท มีความอดทน ขยันหมั่นเพียร ไม่ท้อถอย ถือเอาข้อวัตรปฏิบัติที่พระอาจารย์ดำเนินมาเป็นแนวทาง เดินตามบาทแห่งพระอรหันต์ ไม่นานวันท่านเหล่านั้นก็ได้รู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรม กลายเป็นพระอรหันต์ไปหมดทุกรูป
เมื่อสาวกเหล่านั้น ผู้อยู่จบพรหมจรรย์ดังที่ตนตั้งปณิธาน จึงกราบพระเถระผู้เฒ่าซึ่งเป็นอาจารย์คืนสู่เชตวัน พระเถระได้แนะนำวิธีการเข้ากราบบังคมทูลพระศาสดา และการเข้านมัสการพระเถระผู้ใหญ่ ให้ไปนมัสการพระเถระผู้สหายของพระอาจารย์
นับเป็นเวลาหลายครั้ง ที่พระเถระเจ้าถิ่น ผู้หยิ่งในเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นพหูสูต ลำพองใจในความมีลาภสักการะ สรรเสริญ สุข อยู่ในท่ามกลางสานุศิษย์นับเป็นจำนวนร้อยๆ จิตใจของท่านนับวันแต่จะพองขึ้น ด้วยอำนาจแห่งทิฐิมานะที่พอกเอาไว้ประดุจดังลูกโป่งที่อัดด้วยลม
พอมีพระภิกษุที่มาจากป่ามากราบนมัสการและเรียนท่านว่า "พระอาจารย์ของพวกผมขอฝากนมัสการใต้เท้าขอรับ"
"ใครกันนะ...ที่เป็นอาจารย์ของพวกคุณ"
พระเถระถามด้วยท่าทางผึ่งผาย
"พระอาจารย์ที่เป็นสหายคู่นาคของใต้เท้า...ขอรับ" พระสาวกเหล่านั้นตอบ
"ก็อะไรกันเล่า...ที่พวกคุณได้เรียนจากภิกษุรูปนั้น ธรรมะบทหนึ่ง หมวดหนึ่ง หรือว่าปิฎกไหนบ้าง ในพระไตรปิฎก"
พระเถระถามเป็นเชิงข่มด้วยภูมิปริยัติ และท่านได้คิดเลยเถิดไปอีกว่า "เพื่อนของเรา บวชพร้อมกัน อยู่ด้วยกันไม่กี่ปีก็หนีเข้าป่า ไม่ได้ศึกษาปริยัติธรรมเหมือนเรา เห็นจะไม่รู้แม้แต่คาถาหนึ่งของธรรมะ ก็ยังอุตส่าห์มีลูกศิษย์หลายรูป เอาเถอะ...มาเยี่ยมเมื่อไรจะไล่ให้จนเสียที..."
ความเข้าใจของท่านผู้คงแก่เรียน ในสมัยพระพุทธกาลก็ยังมีถึงเพียงนี้ ไฉนเล่า ในสมัยปัจจุบัน จะไม่พึงเกิดมีขึ้นอีก นี่หรือ...คือความมืดในแสงสว่าง ท่านผู้รู้โปรดได้พิจารณาหาความเป็นจริงกันเถิด
ครั้นต่อมา ท่านพระเถรผู้ขีณาสพ จึงออกจากป่าเพื่อไปเฝ้าพระพุทธองค์ พอมาถึงวัดเชตวัน เก็บบาตรและบริขารอื่นไว้ในสำนักของพระเถระผู้สหาย ไปถวายบังคมพระศาสดาและนมัสการพระเถระผู้ใหญ่ที่อยู่ในเชตวัน เสร็จแล้วจึงกลับมายังที่อยู่ของพระเถระเจ้าถิ่น หลังจากได้ทำปฏิสันถาร ด้วยอาคันตุกะวัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระเถระผู้เจ้าถิ่น ซึ่งนั่ง ณ อาสนะเสมอกัน ข้างๆ พระเถระที่มาจากป่า ขณะนั้นจึงคิดว่า "ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้ถามปัญหาธรรมะ เพื่อเป็นการวัดภูมิดูให้รู้แน่ว่า ใครจะเด่นดังกว่าใครอยู่ในท่ามกลางสานุศิษย์ทั้งสองฝ่ายในวันนี้"
พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยพระหฤทัยว่า
"ภิกษุรูปนี้จะก้าวร้าวลูกของเรา ผู้ซึ่งมีคุณธรรมสูง เธอจะตกนรกเสียเปล่า"
ด้วยทรงมีพระเมตตาต่อพระเถระ พระองค์จึงทรงทำเป็นดำเนินผ่านมา จนถึงที่สังฆสันนิบาตแห่งนั้น ทรงประทับนั่งเรียบร้อยแล้ว ยังมิทันที่พระเถระจะถามปัญหา พระองค์ก็ตรัสถามเสียเอง
ครั้งแรกก็ทรงถามปัญหาธรรม ในขั้นปฐมฌานกับพระเถระเจ้าถิ่น เมื่อท่านทูลตอบไม่ได้ จึงทรงตรัสถามในขั้นรูปสมาบัติ อรูปสมาบัติ เป็นลำดับขึ้นไป พระเถระก็ทูลตอบไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว
พระพุทธองค์จึงทรงผินพระพักตร์ไปถามพระเถระผู้ขีณาสพ ที่มาจากป่า พระเถระก็ทูลตอบได้หมด จนเป็นที่พอพระทัย ที่นั้นพระองค์จึงทรงตรัสถามในขั้นโสดาปัตติมรรค พระเถระเจ้าถิ่นทูลตอบไม่ได้ ถามพระเถระผู้ขีณาสพทูลตอบได้
พระพุทธองค์จึงทรงประทานสาธุการว่า สาธุ...
พระองค์จึงทรงตรัสถามในเรื่องมรรคผลสูงขึ้นเป็นลำดับ พระเถระเจ้าถิ่นก็จนปัญญามิอาจสามารถกราบทูลตอบได้
ส่วนพระเถระผู้ขีณาสพทูลตอบได้ทุกข้อ
พระองค์ทรงพอพระทัย จึงทรงประทานสาธุการอีก 3 ครั้ง สาธุ...สาธุ...สาธุ...บรรดาเหล่าเทพยาดาฟ้าดินจนถึงพรหมโลกรวมทั้งนาค ครุฑ คนธรรพ์ ได้ฟังพระสุรเสียงสาธุการของพระพุทธองค์ต่างก็ชื่นชมยินดี ได้เปล่งสาธุการดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วจักรวาล
บรรดาลูกศิษย์ของพระเถระเจ้าถิ่น พอได้ยินและได้เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น แทนที่จะอนุโมทนาสาธุการด้วยแต่กลับเข้าใจผิดด้วยอกุศลจิต จึงพากันซุบซิบนินทาว่า "อะไรกันนี่ พระพุทธองค์ทรงทำอย่างไรกัน แค่พระหลวงตาแก่อยู่ในป่าเพิ่งกลับมา ไม่ได้ศึกษาปริยัติธรรมอะไร เพียงตอบปัญหาได้ 4-5 ข้อ ก็ประทานสาธุการเสียยกใหญ่ ส่วนอาจารย์ของพวกเราได้ศึกษาปริยัติธรรมมามาก จนจบพระไตรปิฎก เที่ยวสอนธรรม สวดธรรมมานาน จนมีลูกศิษย์ลูกหานับเป็นร้อยๆ คำน้อยหนึ่งที่พระองค์จะทรงสรรเสริญก็ไม่มี"
พระพุทธองค์ทรงทราบวาระจิตอันเป็นอกุศลของภิกษุเหล่านั้น จึงทรงตรัสเตือนด้วยพระเมตตา "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาจารย์ของพวกเธอนั้น เปรียบเหมือนคนรับจ้างเลี้ยงโครักษาโคเพื่อผู้อื่น เพียงเพื่อค่าจ้างประจำวัน ส่วน (มะมะปุตโต)
ลูกของพ่อ (ทรงหมายถึงพระเถระขีณาสพ)
เป็นเช่นเดียวกับเจ้าของโค ย่อมมีสิทธิในตัวโค และได้ดื่มน้ำนมโคตามใจชอบ"
พระองค์ทรงตรัสเพิ่มเติมอีก พอสรุปได้ว่า "ผู้ใดได้เรียนพระพุทธพจน์ที่มีประโยชน์ไว้มาก แล้วนำพระพุทธพจน์นั้นไปสั่งสอนผู้อื่น แม้จะได้ลาภสักการะและเสียงเยินยอมากก็ตาม เมื่อเขายังประมาทอยู่ ไม่ประพฤติปฏิบัติตามพุทธพจน์นั้น ผู้นั้นย่อมไม่ได้รับสันติสุขที่แท้จริง
ส่วนผู้ใด ถึงจะไม่ได้เรียนพุทธพจน์มาก ไม่ได้สอนมาก แต่หากประพฤติปฏิบัติตามพุทธพจน์นั้นจนรู้แจ้งชัด ละสนิมในใจ คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลงได้ มีจิตหลุดพ้นดีแล้ว หมดความยึดถือในโลกไหนๆ ผู้นั้นย่อมได้รับสันติสุขที่แท้จริง"
จากพระดำรัสที่ทรงตรัสสอนมานี้ พระพุทธองค์มุ่งส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชน ได้เรียนรู้ธรรมแล้วนำไปปฏิบัติจนเกิดผลขึ้นมา มิใช่ให้เรียนรู้ไว้เพียงเพื่ออวดอ้างหรือประดับบารมีตนเท่านั้น เพราะคุณธรรมจะไม่ปรากฏผลเท่าที่ควร เปรียบเหมือนคนเตรียมเดินทาง ได้ศึกษาหาเส้นทางจากแผนที่แล้วก็ต้องออกเดินทาง โดยอาศัยแผนที่นั้นเป็นหลัก มิใช่ว่าเรียนรู้แล้วนอนกอดแผนที่ หรือเอาแผนที่ออกอวดอ้างกันอยู่ไม่ยอมออกเดินทาง ประโยชน์ย่อมมีน้อยเต็มที
อนึ่ง ผู้เขียนแผนที่ภูมิประเทศนั้น ไม่มีใครสามารถเขียนบอกละเอียดถึงเส้นทางว่า เท่านั้นวา เท่านั้นเส้น มีสิ่งนั้นๆ อยู่ จะบอกได้แต่จุดสำคัญๆ พอเป็นแนวทาง ผู้ออกเดินทางเท่านั้ย่อมรู้เห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่ข้างทางได้ละเอียดดี และจดจำได้ติดตา เพราะประสพพบเห็นด้วยตนเอง (ปัจจัตตัง) ดีกว่าดูในแผนที่หลายร้อยเท่านัก การรู้ธรรมตามหนังสือ กับการรู้ธรรมด้วยการภาวนาย่อมมีค่าต่างกันเช่นนั้น เพราะเหตุนี้เอง พระองค์จึงทรงตรัสเปรียบพระเถระ
2 รูปนั้นไว้ว่า รูปหนึ่งเปรียบเหมือนลุกจ้างรับเลี้ยงโค อีกรูปหนึ่งเปรียบเหมือนเจ้าของโค
เป็นอันว่าคำพูดของหลวงพ่อเพียงประโยคสั้นๆ ว่า "เราก็เหมือนกันนั่นแหละ มัวแต่สอนเขา" มันเข้าไปสั่นสะเทือนอยู่ในจิต จนต้องคิดทบทวนถึงอดีตที่ผ่านมา บางวันแม้จะเดินจงกรมหรือนั่งสมาธิอยู่ หรือแม้แต่ทำกิจวัตรอย่างอื่นอยู่ จิตมันก็วิ่งไปรับเอาคำว่า "ลูกจ้าง" กับ
"ลูกของพ่อ" มาพิจารณาครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งคิดไปว่า "เราบวชเพื่ออะไร เพื่อพ้นทุกข์ หรือเพื่อเพิ่มทุกข์"
ความห่วงหน้าห่วงหลังก็เกิดขึ้น มันเกิดสู้รบกันอยู่ในจิตผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ เราต้องการพบบ่อน้ำก็พบแล้ว เราต้องการพบบ่อเพชร บ่อพลอย ก็พบแล้ว ลงมือตัก ลงมือขุดหรือยัง...อยากได้ของใหม่ แต่ไม่อยากวางของเก่า ห่วงวัดก็ห่วง ห่วงโยมก็ห่วง ถ้าเราจากไปกลัวสำนักเรียนจะร้าง กลัวญาติโยมจะเสียใจ...
พระมงคลกิตติธาดา (อมร เขมจิตฺโต)
วัดป่าวิเวก (ธรรมชาน์) จ.อุบลราชธานี
สมัยเมื่อข้าพเจ้าเป็นครูสอนปริยัติธรรมอยู่ เมื่อพักจากการสอนแล้ว บางวันตอนเย็นๆ ก็นึกถึงพระที่ท่านอยู่ป่า เกิดความสงสัยว่า "พระกรรมฐาน ท่านมีอะไรดีหรือ ทั้งๆ ที่ท่านไม่ค่อยได้ศึกษาปริยัติธรรม ท่านอาศัยอยู่ในป่าก็ยังมีญาติโยมอุตส่าห์เดินทางไปหาเป็นจำนวนมาก เขาพากันไปด้วยความศรัทธาเลื่อมใส ท่านคงมีอะไรดีอยู่กระมัง"
ความสงสัยนี้มักเกิดขึ้นแล้วเกิดขึ้นอีก ข้าพเจ้ายังหาคำตอบไม่ได้นับเป็นเวลาหลายปี บางทีความสงสัยชนิดนี้ อาจจะเกิดขึ้นแก่เพื่อนมนุษย์ผู้ยังไม่เคยเข้าไปสัมผัสอีกเป็นจำนวนมาก ท่านผู้อ่านหาคำตอบที่ถูกต้องได้แล้วหรือยังเล่า ดูเหมือนยังมีบรรพชิตผู้เป็นนักแสดงธรรม ยังพูดแรงไปกว่านั้นอีกว่า
"พระกรรมฐานจะมีดีอะไร มัวแต่นั่งหลับตาอยู่ในป่า ไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนธรรมะ จะไปรู้อะไร ดูแต่อาตมาสิ...ขนาดพระไตรปิฎกอ่านอยู่ทุกวันก็ยังลืมเลย" ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของท่านรูปนั้น มันเป็นการหมิ่นเหม่ต่ออันตราย ดูจะเป็นการประมาทต่อการปฏิบัติธรรมของเหล่าพระอริยสาวกไป ข้าพเจ้าคิดว่า "อาหารใดที่เรายังไม่ได้ลิ้มชิมรส เราจะปฏิเสธอาหารนั้นไม่ดีไม่มีประโยชน์เหมือนกับอาหารที่เราได้รับประทานอยู่เป็นประจำ หาเป็นการสมควรไม่..."
บางครั้งเคยนึกถึงคำขอบรรพชา ที่เคยกล่าวต่อหน้าพระอุปัชฌาย์ ก่อนที่ท่านจะให้ครองผ้ากาสาวพัสตร์ซึ่งพอจะแปลได้ว่า "ท่านขอรับ กรุณาบวชให้กระผมด้วย เพื่อกระผมจะได้ทำการสลัดออกจากความทุกข์ทั้งมวล และเพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน..." จึงได้ปรารภกับตัวเองว่า "เอ นี่...เราจะเอายังไงดี บวชมาก็หลายปี จะไม่เป็นการโกหกตัวเอง โกหกพระอุปัชฌาย์ไปหรือ"
ดังนั้น เมื่อถึงหน้าแล้ง ปี พ.ศ. 2510 ข้าพเจ้าจึงได้เดินทางไปอบรมวิปัสสนากรรมฐานอยู่ที่วัดปริณายกและวัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ รู้สึกว่าได้รับหลักการปฏิบัติจากครูบาอาจารย์ซึ่งมี หลวงพ่อเจ้าคุณพระเทพสิทธิมุนี เป็นประธาน โดยได้รับความเมตตาจากท่านเป็นอย่างดีและก็ได้ตั้งใจไว้ว่า เรามีที่พักผ่อนทางจิตใจในยามว่างจากการสอนแห่งหนึ่งแล้ว หน้าแล้งจะมาปฏิบัติอีก แต่ก็ยังมีอีกแห่งหนึ่งซึ่งเราเคยตั้งใจไว้ว่าจะเข้าไปศึกษาหาประสบการณ์ ที่นั่นคือ
วัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งอยู่ไม่ไกล ไปมาพอสะดวก ได้ทราบว่าเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในป่า ท่านมีลูกศิษย์ลูกหามาก เราควรจะเข้าไปทดลองดู
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2511 ข้าพเจ้าจึงออกเดินทางมุ่งสู่หนองป่าพง ความจริงข้าพเจ้ายังมิได้ตั้งใจว่าจะไปอยู่ที่นั่นแน่นอน เป็นเพียงจะไปทดลองดูเพราะยังไม่แน่ใจเลยว่า อาหารที่นั่น จะมีรสถูกปากถูกใจเราหรือเปล่า เรายังไม่เคยชิมดู
เมื่อเดินทางมาถึงประตูหน้าวัด เวลาประมาณ 5 โมงเย็น พอจะย่างเข้าสู่เขตวัดก็เจอป้ายแผ่นใหญ่เขียนไว้ว่า แดนเคารพ พุทธศาสนิกชนทุกเพศ ทุกชั้น เพื่อหายพยศ ลดมานะ ละทิฏฐิ มีข้อปฏิบัติเรียงลำดับเป็นข้อๆ ลงไป จากข้อที่ 1 ถึงข้อที่ 9 ซึ่งท่านผู้เคยไปเยี่ยมวัดหนองป่าพง คงได้อ่านกันมาแล้ว...เมื่ออ่านป้ายจบก่อนจะก้าวเข้าเขตวัด คิดได้ว่า พระวัดป่าท่านถือวินัยเคร่ง ท่านไม่รับเงินทอง ไม่เก็บไว้เป็นของส่วนตน เรามีติดย่ามมาด้วย จะทำอย่างไรดี จึงตัดสินใจว่า "เอาไว้ในย่ามไม่เหมาะ เพราะเราใช้ย่ามทุกวัน ไปปะปนกับท่านดูไม่เหมาะ สู้เก็บไว้ในกระเป๋าดีกว่า"
ข้าพเจ้าจึงบอกสามเณรที่ถือกระเป๋ามาส่ง ให้วางกระเป๋าลง แล้วจึงหยิบซองปัจจัย 4-5 ซอง ออกจากย่าม ไขกุญแจเปิดกระเป๋าเอาซุกลงไว้ก้นกระเป๋า รูดซิบ ล็อคกุญแจเรียบร้อยแล้วเดินเข้าวัดไป ได้รับความแปลกตา แปลกใจ เห็นภายในวัด ลานวัดสะอาด มีร่มไม้ป่าไม้มาก เย็นสบายดี ความรู้สึกบอกว่า เหมือนเราได้เข้ามาสู่แดนอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเราไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน มองเห็นพระสงฆ์สามเณรหลายรูปกำลังทำกิจวัตรด้วยอาการสำรวมสังวรไม่ได้ยินเสียงพูดคุยกัน ทุกรูปทรงผ้าสีแก่นขนุนดูช่างเข้ากับธรรมชาติเหลือเกิน
ข้าพเจ้าเดินเข้าสู่ศาลาโรงธรรม ให้สามเณรวางกระเป๋าไว้บนเตียงด้านขวามือ กราบพระประธาน มองดูพระพักตร์พระประธานคล้ายได้รายงานตัวว่า "กระผมเป็นอาคันตุกะพึ่งมาสู่ถิ่นนี้เป็นครั้งแรก ขอแสดงคารวะพึ่งร่มพุทธธรรม" มีภิกษุรูปหนึ่งเดินเข้ามาในศาลา จึงถามท่านว่า "ท่านอาจารย์อยู่ไหม" ได้รับตอบว่า "ท่านเพิ่งกลับจากกิจนิมนต์ข้างนอก นิมนต์ไปพบท่านที่กุฏิ" ข้าพเจ้าจึงออกจากศาลา เดินชมต้นไม้ ป่าไม้ ไปเรื่อยๆ มองเห็นไก่ป่า 5-6 ตัวกำลังคุ้ยเขี่ยกินอาหาร พอมันเห็นข้าพเจ้าเดินผ่านไป ทุกตัวเตรียมพร้อมที่จะบินหนี มันคงคิดว่า "ท่านผู้นี้ไม่ใช่เจ้าถิ่น ดูสิผ้าต่างจากที่เคยเห็น ไว้ใจไม่ได้อาจจะมีอันตราย"
ข้าพเจ้ามองดูมันพลางเดินพลางพร้อมกับนึกในใจว่า "หากินไปเถิดเจ้าไก่ป่าเอ๋ย ถึงสีผ้าของข้าจะต่างจากที่เจ้าเคยเห็นก็จริง แต่ข้ามาอย่างมิตร ไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่พวกเจ้าหรอก" เพราะเป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้เห็นไก่ป่า มันมีอยู่จำนวนมากเสียด้วย มันพากันอยู่กับธรรมชาติ อยู่อย่างอิสระ ไม่มีพันธะใดๆ อาศัยยอดไม้เป็นเรือนนอน
เมื่อข้าพเจ้าไปถึงใต้ถุนกุฏิหลวงพ่อ เห็นท่านนั่งอยู่จึงเข้าไปกราบท่าน ท่านจึงถามว่า "เอ...ใคร...มาจากไหน" ท่านคงจำไม่ได้ เพราะเคยพบกับท่านครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว ข้าพเจ้าจึงกราบเรียนให้ท่านทราบ
"อ้อ...ท่านมหารึ มาธุระอะไรล่ะ"
ท่านถาม
"กระผมตั้งใจมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ขอรับ"
ข้าพเจ้ากราบเรียน
"มาอยู่กับผมก็ได้...แต่อย่ามีลับลมคมใน"
ท่านพูดช้าๆ ฟังเย็นๆ
พอได้ฟังคำพูดของท่าน ข้าพเจ้าถึงกับสะดุ้ง มีความรู้สึกหวั่นใจ เพราะรู้ตัวดีว่าเอาของผิดวินัยเข้ามา แต่ก็ข่มใจเรียนท่านไปว่า "ขอรับ...ถ้ากระผมทำผิด บกพร่อง ผิดพลาด นิมนต์ขนาบได้เต็มที่"
เอาอะไรมาบ้างล่ะ" ท่านถาม
"ก็มีผ้าสบง จีวรสำหรับผลัดเปลี่ยน และบริขารเล็กๆ น้อยๆ "
"ไม่ได้เอาบาตรมารึ" หลวงพ่อถามพร้อมกับมองหน้า
"เปล่า ขอรับ" ข้าพเจ้าตอบท่าน
"อ้าว ทำไมล่ะ เป็นมหา สอนไปสอนมา ทิ้งบาตรแล้วหรือ..."
"กระผมยังไม่ทราบกฎระเบียบของทางนี้ ขอรับ" ข้าพเจ้าตอบ
หลวงพ่อท่านพูดต่อไปว่า "บาตรเป็นบริขารชิ้นแรกที่พระอุปัชฌาย์แนะนำให้รู้จักและมอบให้ สำหรับใช้ใส่บริขารแทนกระเป๋าในคราวเดินทาง (เดินธุดงค์) ใช้เป็นภาชนะใส่อาหารเวลาฉัน ใช้เป็นภาชนะตักน้ำฉัน น้ำใช้ ในคราวธุดงค์"
ข้าพเจ้าสงบใจฟังท่านพูด แต่ก็นึกค้านในใจว่า "ที่ท่านพูดก็ถูกของท่าน สำหรับพระกรรมฐานเท่านั้นหรอก แต่สำหรับพระนักเรียนใครจะเอาไป มันเกะกะ เก้งกาง ไม่สะดวก ไม่ทันสมัย" แต่เอ...นี่เรากลายเป็นคนลืมบริขารชิ้นแรก ที่พระอุปัชฌาย์มอบให้เสียแล้ว จึงถูกท่านติงเอา
"เคยฉันในบาตรไหม..."
"ไม่เคย ขอรับ"
"เคยฉันหนเดียวไหม"
"ไม่เคย ขอรับ"
"ทีนี้ เมื่อเรียนมามาก สอนมามากแล้ว ลองทำตามพระพุทธเจ้าดูก่อนนะ" หลวงพ่อพูดต่อ "เราเคยเรียนธรรมะในกระดาษ รู้ธรรมะตามกระดาษ สอบความรู้ในกระดาษและท่านก็รับรองความรู้ด้วยกระดาษ ซึ่งเราเคยผ่านมาแล้ว เมื่อเรามาปฏิบัติก็จะทราบได้เองว่า ธรรมะที่เกิดจากสัญญา (เรียน จำได้) กับธรรมะที่เกิดจากการภาวนา มันต่างกันมากอยู่ มันมีความละเอียดต่างกัน...
มันเหมือนกับคนหนึ่งมีรูปม้าหลายๆ แผ่น อีกคนหนึ่งมีม้าตัวเดียว ถึงคราวออกเดินทาง คนที่มีม้าตัวเดียวยังดีกว่าคนที่มีม้าหลายแผ่น เพราะอันหนึ่งมันใช้ได้ อันหนึ่งใช้ไม่ได้ เรื่องนี้ผู้มาประพฤติปฏิบัติย่อมรู้ได้เอง ไม่ใช่เรื่องบอกกัน"
ข้าพเจ้าตั้งใจฟังหลวงพ่อท่านให้โอวาทด้วยความซาบซึ้ง มันเป็นคำพูดที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อน ประกอบกับเสียงของท่าน ฟังชัดถ้อยชัดคำ ช้าๆ นุ่มนวล เยือกเย็น หลั่งออกมาจากใจที่เปี่ยมด้วยเมตตา
หลวงพ่อจึงหันไปสั่งสามเณร ให้ไปเอากระเป๋าที่ศาลามาให้ ขณะที่หลวงพ่อปรารภเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อีกไม่นานสามเณรก็หิ้วกระเป๋าเดินเข้ามาถึงชานกุฏิ และแล้วสิ่งที่ไม่นึกคิดก็ปรากฏขึ้น ข้าพเจ้ามองไปดูกระเป๋า เห็นซิบแตกออกหมด ใจหายวาบ...
น่าแปลกใจ น่าอัศจรรย์ใจอะไรเช่นนี้...ซิบกระเป๋าเรารูดปิดล็อคกุญแจเรียบร้อย ก่อนจะหิ้วผ่านเข้ามาในเขตวัด มันแตกออกได้อย่างไรกัน ทั้งๆ ที่กุญแจยังล็อคอยู่ หรือว่าซิบแตกตั้งแต่หลวงพ่อพูดว่า "อย่ามีลับลมคมใน..." เป็นไปได้หรือนี่ แต่ว่ามันเป็นไปแล้ว เอ...นี่เราคงโดนท่านลองดีเข้าแล้ว
ข้าพเจ้าเริ่มหัวใจสั่น...เริ่มมีความเคารพเลื่อมใสหลวงพ่อมากขึ้น นึกละอายใจ ไม่กล้ามองหน้าท่าน เพราะเข้าใจว่าท่านคงทราบแล้วว่า เราเอาของผิดวินัยเข้ามา ท่านทิ้งช่วงแห่งคำพูดไว้ชั่วระยะหนึ่ง ดูเหมือนหลวงพ่อจะทราบว่า ภายในจิตใจของข้าพเจ้ากำลังวุ่นวาย สับสน สะดุ้ง หวั่นไหว แล้วท่านก็พูดต่อ "การเป็นอยู่ที่นี่เราอยู่กับธรรมชาติ อยู่อย่างสบายไม่มีอะไรมาก เมื่อมาอยู่ด้วยกันก็อย่าแบกพัดแบกยศ แบกคัมภีร์เข้ามา เอาทิ้งไว้นอกวัดเสียก่อนโน่น เพราะถ้าบ่ามันหนักแล้วจะรับของใหม่ไม่ได้อีก จะดูอะไรต้องดูให้นานๆ นะ ดูเพียงเดี๋ยวเดียวก็จะไม่เห็น"
เมื่อท่านให้ข้อคิดพอสมควรแล้ว ท่านจึงสั่งให้ไปพักที่กุฏิสร้างใหม่ อยู่ทางทิศตะวันตกนับจากกุฏิของท่านไปเป็นหลังที่ 3 เมื่อขึ้นไปบนกุฏิ ข้าพเจ้ารีบเปลื้องจีวรออก ก้มลงตรวจดูซิบล้วงเอากุญแจในย่ามมาไข รูดซิปเข้าไป ก็เข้าที่ดีเหมือนเดิม มันน่าแปลกใจอะไรเช่นนี้ มากราบหลวงพ่อไม่ถึงชั่วโมงก็โดนท่านปราบเสียแล้ว ท่านผู้อ่านอาจจะค้านว่าซิบเก่าชำรุดมันจึงเป็นเช่นนั้น ข้าพเจ้าขอยืนยันว่ายังใหม่แน่ เพราะเพิ่งซื้อมายังไม่ถึงเดือน
เมื่อข้าพเจ้ามาอยู่วัดหนองป่าพง ก็เริ่มได้รับความรู้ ความเข้าใจใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จากการฉันวันละสองมื้อมาเป็นวันละมื้อ เพราะก่อนมาอยู่เคยคิดไว้ว่าเราคงไม่ไหวแน่เพราะร่างกายเราอ่อนแอ
หลวงพ่อท่านได้เมตตาข้าพเจ้าเป็นพิเศษอยู่หลายอย่าง เช่น บาตรเก่าของท่าน ท่านใช้มาเป็นเวลาสิบปี พึ่งเปลี่ยนใหม่เมื่อปี 2510 ท่านเก็บไว้ในตู้ พอข้าพเจ้าไปอยู่ ท่านก็สั่งให้เอามาให้ข้าพเจ้าใช้ บาตรลูกนี้มีอายุเกือบเท่าอายุของข้าพเจ้า และท่านสั่งให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ติดตามท่านเวลาออกบิณฑบาตเป็นประจำ ซึ่งผู้เป็นอาคันตุกะน้อยรูปนักที่จะได้รับอนุญาตเช่นนั้น
ตอนเย็นหลังจากทำวัตรเสร็จแล้ว ศิษย์ผู้ใคร่ต่อการฟังโอวาทก็ทยอยกันไปหาท่านที่กุฏิซึ่งหลวงพ่อนั่งรออยู่เกือบจะกล่าวได้ว่าแทบทุกวัน พวกเราจึงได้ฟังธรรมนอกธรรมาสน์เป็นส่วนมาก รู้สึกว่าเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติธรรม ขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่ต้องเรียนธรรม ท่านพูดไปๆ ก็ไปตรงกับเรื่องของเราเอง
เวลาออกบิณฑบาตเดินตามหลังท่านไป ก็ได้ฟังธรรมะไปด้วย ล้วนแต่เป็นคติเป็นแนวทางส่งเสริมการปฏิบัติธรรมได้ดี จะเรียกว่าฟังธรรมเคลื่อนที่ก็เห็นจะถูก เมื่ออยู่กับท่านหลายวันเข้า ความพอใจ ชอบใจ ในการรับฟังและในข้อวัตรปฏิบัติก็มีมากขึ้น เรื่องบางเรื่องที่เราเคยเรียนมาไม่เข้าใจ กลับได้รับความเข้าใจ แม้แต่พระวินัยบางข้อที่เคยสงสัยก็ได้รับความเข้าใจดีขึ้น
ตกหลุมพราง
พอได้เจอคำว่าตกหลุมพราง บางท่านอาจจะตกใจไปว่า เอ...ที่วัดป่าพงมีการขุดหลุมพรางคอยดักคนเข้าไปให้ตกด้วยหรือ เปล่าหรอก...ที่ว่าหลุมพรางน่ะ มิได้หมายความว่าเป็นหลุมพรางทางภาคพื้นดิน แต่มันเป็นหลุมพรางทางอากาศ (ทางคำพูด)
ต่างหาก ติดตามไปก็คงเข้าใจได้เอง
เช้าวันหนึ่ง ขณะที่ข้าพเจ้าติดตามหลวงพ่อเข้าไปบิณฑบาต พอไปถึงทางเลี้ยวซ้าย หลวงพ่อเดินชะลอเหมือนคอยจังหวะให้ข้าพเจ้าไปถึง พอเดินไปทัน ท่านเหลียวไปดูบ้านหลังหนึ่งซึ่งชำรุดเก่าคร่ำคร่า เป็นบ้านช่างไม้รับจ้างปลูกเรือน ข้าพเจ้ามองตามท่าน ทันใดนั้นก็ได้ยินท่านพูดว่า "เอ...บ้านช่างไม้นี่เก่าชำรุดเสียจริงนะ"
ข้าพเจ้าจึงคล้อยเสริมตามขึ้นว่า "เป็นช่างไม้มีฝีมือ มีคนมาจ้างบ่อย คงจะยังไม่มีเวลาทำของตนเอง"
หลวงพ่อหันมามองข้าพเจ้าพร้อมกับพูดว่า "เราก็เหมือนกันนั่นแหละ มัวแต่สอนเขา"
เอาเข้าแล้วไหมล่ะ เราเผลอไปตกหลุมพรางของท่านเข้า...ข้าพเจ้าได้ยินท่านพูดถึงกับสะอึกรู้สึกกินใจถึงใจ ไม่นึกว่าจะโดนท่านสอนธรรมะแบบเคลื่อนที่อย่างนี้ แต่ก็ดีแล้วทำให้ได้ข้อคิดจากที่ท่านเตือนสติ ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ เดินตามหลังท่านไป ใจก็หวนระลึกถึงเรื่องๆ หนึ่ง ซึ่งมีอยู่ในหนังสือธรรมบทว่า
มีภิกษุ 2 รูปเป็นเพื่อนกัน ออกบวชพร้อมกันตั้งใจบวชถวายชีวิตในพระศาสนา ได้อยู่ศึกษาข้อวัตรต่างๆ อันนักบวชจะพึงรู้พึงทำให้ถูกต้องตามแบบสมณะที่ดีพึงทำ อยู่จำพรรษาในสำนักอุปัชฌาย์ จนมีพรรษากาลพอสมควรที่จะปกครองตนเองได้แล้ว
รูปหนึ่งคิดว่า ตนมีอายุเข้าเขตวัยกลางคนแล้วยากที่ศึกษาปริยัติธรรมให้จบบริบูรณ์แบบได้ จึงได้ศึกษาแนวทางแห่งการปฏิบัติจนเป็นที่เข้าใจแล้ว กราบทูลลาพระพุทธองค์มุ่งสู่ป่าเพื่อปฏิบัติธรรม
อีกรูปหนึ่งคิดว่า ตนพอมีกำลังจะศึกษาปริยัติธรรมได้ จึงตั้งใจศึกษาจดจำพระสูตรต่างๆ จนครบพระไตรปิฏก เที่ยวบอกธรรมสอนธรรมในที่ต่างๆ จนมีลูกศิษย์นับเป็นจำนวนร้อยๆ เมื่อมีคนรู้จักมาก ลาภสักการะต่างๆ เกิดขึ้นเป็นผลพลอยได้ติดตามมามากขึ้นๆ ท่านก็พอใจ อิ่มใจ และภาคภูมิใจในความมีลาภสักการะ และลูกศิษย์ลูกหามากเช่นนั้น เมื่อนึกถึงกิตติศัพท์และเสียงเยินยอที่ตนได้รับ ก็ทำให้ท่านสบายใจ เป็นการเพียงพอแล้วสำหรับสิ่งที่ตนได้รับ เมื่อได้เข้ามาบวชในพระศาสนา
ส่วนภิกษุที่เข้าไปอยู่ในป่า ตั้งใจบำเพ็ญภาวนา เดินจงกรม นั่งสมาธิ พิจารณาธรรมะ ให้เห็นเป็นของไม่เที่ยงทนได้ยาก มิได้อยู่ในอำนาจของตน มีแล้วหาไม่ เกิดแล้วดับไป บางโอกาสก็สาธยายอาการ 32 พิจารณาตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมา ตั้งแต่ปลายผมลงไปจรดปลายเท้า แยกแยะออกเป็นส่วนๆ ตั้งแต่ ขน ผม เล็บ ฟัน หนัง ไปจนถึงเยื่อมันสมองในกระโหลกศีรษะ ให้เห็นเป็นของปฏิกูลพึงรังเกียจไม่น่าเอา ไม่น่าเป็น ซึ่งมีอยู่ในกายตนและกายของคนอื่น เมื่อมันยังเคลื่อนไหวไปมาได้ก็ยังพอน่าดูน่าชม และพอสิ้นลมเมื่อไร ก็เป็นของไม่น่าปรารถนา ถึงแม้จะมีการรวมตัวเป็นกลุ่มเป็นก้อนอยู่ ก็มีการเกิดดับอยู่เป็นประจำ ไม่จีรั่งยั่งยืน
วันคืนผ่านไป ท่านบำเพ็ญเพียรด้วยความบากบั่นไปเรื่อยๆ โดยอาศัยขันติธรรมเป็นที่ตั้ง ยึดเอาหลักศีลสมาธิ ปัญญา เป็นเส้นทางเดินจนความยึดมั่นถือมั่นจางคลายหายไปหมดสิ้น จิตหลุดพ้นแล้วจากอาสวะอย่างสิ้นเชิง จนท่านเปลี่ยนภาวะจากปุถุชนเป็นพระอริยบุคคล ในขั้นอรหันต์ขีณาสพไปแล้ว จึงนับว่าพระอรหันต์สาวกของพระพุทธองค์ได้เพิ่มจำนวนขึ้นอีก 1 รูป ท่านอยู่ในลักษณะสำรวมกาย วาจา ใจ พักผ่อนอิริยาบถ ดื่มรสแห่งวิมุตติสุขอยู่ในราวป่าเป็นเวลานานพอสมควรแก่สันติสุขที่เกิดขึ้นนั้นๆ
ได้มีภิกษุจำนวนหลายรูป และหลายครั้ง ได้ทูลลาพระพุทธองค์ มุ่งหน้าสู่ป่า อันเป็นสำนักพระขีณาสพเถระ เข้าฝากตัวเป็นศิษย์อยู่ ประพฤติปฏิบัติธรรม ตั้งอยู่ในโอวาท ไม่ประมาท มีความอดทน ขยันหมั่นเพียร ไม่ท้อถอย ถือเอาข้อวัตรปฏิบัติที่พระอาจารย์ดำเนินมาเป็นแนวทาง เดินตามบาทแห่งพระอรหันต์ ไม่นานวันท่านเหล่านั้นก็ได้รู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรม กลายเป็นพระอรหันต์ไปหมดทุกรูป
เมื่อสาวกเหล่านั้น ผู้อยู่จบพรหมจรรย์ดังที่ตนตั้งปณิธาน จึงกราบพระเถระผู้เฒ่าซึ่งเป็นอาจารย์คืนสู่เชตวัน พระเถระได้แนะนำวิธีการเข้ากราบบังคมทูลพระศาสดา และการเข้านมัสการพระเถระผู้ใหญ่ ให้ไปนมัสการพระเถระผู้สหายของพระอาจารย์
นับเป็นเวลาหลายครั้ง ที่พระเถระเจ้าถิ่น ผู้หยิ่งในเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นพหูสูต ลำพองใจในความมีลาภสักการะ สรรเสริญ สุข อยู่ในท่ามกลางสานุศิษย์นับเป็นจำนวนร้อยๆ จิตใจของท่านนับวันแต่จะพองขึ้น ด้วยอำนาจแห่งทิฐิมานะที่พอกเอาไว้ประดุจดังลูกโป่งที่อัดด้วยลม
พอมีพระภิกษุที่มาจากป่ามากราบนมัสการและเรียนท่านว่า "พระอาจารย์ของพวกผมขอฝากนมัสการใต้เท้าขอรับ"
"ใครกันนะ...ที่เป็นอาจารย์ของพวกคุณ"
พระเถระถามด้วยท่าทางผึ่งผาย
"พระอาจารย์ที่เป็นสหายคู่นาคของใต้เท้า...ขอรับ" พระสาวกเหล่านั้นตอบ
"ก็อะไรกันเล่า...ที่พวกคุณได้เรียนจากภิกษุรูปนั้น ธรรมะบทหนึ่ง หมวดหนึ่ง หรือว่าปิฎกไหนบ้าง ในพระไตรปิฎก"
พระเถระถามเป็นเชิงข่มด้วยภูมิปริยัติ และท่านได้คิดเลยเถิดไปอีกว่า "เพื่อนของเรา บวชพร้อมกัน อยู่ด้วยกันไม่กี่ปีก็หนีเข้าป่า ไม่ได้ศึกษาปริยัติธรรมเหมือนเรา เห็นจะไม่รู้แม้แต่คาถาหนึ่งของธรรมะ ก็ยังอุตส่าห์มีลูกศิษย์หลายรูป เอาเถอะ...มาเยี่ยมเมื่อไรจะไล่ให้จนเสียที..."
ความเข้าใจของท่านผู้คงแก่เรียน ในสมัยพระพุทธกาลก็ยังมีถึงเพียงนี้ ไฉนเล่า ในสมัยปัจจุบัน จะไม่พึงเกิดมีขึ้นอีก นี่หรือ...คือความมืดในแสงสว่าง ท่านผู้รู้โปรดได้พิจารณาหาความเป็นจริงกันเถิด
ครั้นต่อมา ท่านพระเถรผู้ขีณาสพ จึงออกจากป่าเพื่อไปเฝ้าพระพุทธองค์ พอมาถึงวัดเชตวัน เก็บบาตรและบริขารอื่นไว้ในสำนักของพระเถระผู้สหาย ไปถวายบังคมพระศาสดาและนมัสการพระเถระผู้ใหญ่ที่อยู่ในเชตวัน เสร็จแล้วจึงกลับมายังที่อยู่ของพระเถระเจ้าถิ่น หลังจากได้ทำปฏิสันถาร ด้วยอาคันตุกะวัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระเถระผู้เจ้าถิ่น ซึ่งนั่ง ณ อาสนะเสมอกัน ข้างๆ พระเถระที่มาจากป่า ขณะนั้นจึงคิดว่า "ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้ถามปัญหาธรรมะ เพื่อเป็นการวัดภูมิดูให้รู้แน่ว่า ใครจะเด่นดังกว่าใครอยู่ในท่ามกลางสานุศิษย์ทั้งสองฝ่ายในวันนี้"
พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยพระหฤทัยว่า
"ภิกษุรูปนี้จะก้าวร้าวลูกของเรา ผู้ซึ่งมีคุณธรรมสูง เธอจะตกนรกเสียเปล่า"
ด้วยทรงมีพระเมตตาต่อพระเถระ พระองค์จึงทรงทำเป็นดำเนินผ่านมา จนถึงที่สังฆสันนิบาตแห่งนั้น ทรงประทับนั่งเรียบร้อยแล้ว ยังมิทันที่พระเถระจะถามปัญหา พระองค์ก็ตรัสถามเสียเอง
ครั้งแรกก็ทรงถามปัญหาธรรม ในขั้นปฐมฌานกับพระเถระเจ้าถิ่น เมื่อท่านทูลตอบไม่ได้ จึงทรงตรัสถามในขั้นรูปสมาบัติ อรูปสมาบัติ เป็นลำดับขึ้นไป พระเถระก็ทูลตอบไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว
พระพุทธองค์จึงทรงผินพระพักตร์ไปถามพระเถระผู้ขีณาสพ ที่มาจากป่า พระเถระก็ทูลตอบได้หมด จนเป็นที่พอพระทัย ที่นั้นพระองค์จึงทรงตรัสถามในขั้นโสดาปัตติมรรค พระเถระเจ้าถิ่นทูลตอบไม่ได้ ถามพระเถระผู้ขีณาสพทูลตอบได้
พระพุทธองค์จึงทรงประทานสาธุการว่า สาธุ...
พระองค์จึงทรงตรัสถามในเรื่องมรรคผลสูงขึ้นเป็นลำดับ พระเถระเจ้าถิ่นก็จนปัญญามิอาจสามารถกราบทูลตอบได้
ส่วนพระเถระผู้ขีณาสพทูลตอบได้ทุกข้อ
พระองค์ทรงพอพระทัย จึงทรงประทานสาธุการอีก 3 ครั้ง สาธุ...สาธุ...สาธุ...บรรดาเหล่าเทพยาดาฟ้าดินจนถึงพรหมโลกรวมทั้งนาค ครุฑ คนธรรพ์ ได้ฟังพระสุรเสียงสาธุการของพระพุทธองค์ต่างก็ชื่นชมยินดี ได้เปล่งสาธุการดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วจักรวาล
บรรดาลูกศิษย์ของพระเถระเจ้าถิ่น พอได้ยินและได้เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น แทนที่จะอนุโมทนาสาธุการด้วยแต่กลับเข้าใจผิดด้วยอกุศลจิต จึงพากันซุบซิบนินทาว่า "อะไรกันนี่ พระพุทธองค์ทรงทำอย่างไรกัน แค่พระหลวงตาแก่อยู่ในป่าเพิ่งกลับมา ไม่ได้ศึกษาปริยัติธรรมอะไร เพียงตอบปัญหาได้ 4-5 ข้อ ก็ประทานสาธุการเสียยกใหญ่ ส่วนอาจารย์ของพวกเราได้ศึกษาปริยัติธรรมมามาก จนจบพระไตรปิฎก เที่ยวสอนธรรม สวดธรรมมานาน จนมีลูกศิษย์ลูกหานับเป็นร้อยๆ คำน้อยหนึ่งที่พระองค์จะทรงสรรเสริญก็ไม่มี"
พระพุทธองค์ทรงทราบวาระจิตอันเป็นอกุศลของภิกษุเหล่านั้น จึงทรงตรัสเตือนด้วยพระเมตตา "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาจารย์ของพวกเธอนั้น เปรียบเหมือนคนรับจ้างเลี้ยงโครักษาโคเพื่อผู้อื่น เพียงเพื่อค่าจ้างประจำวัน ส่วน (มะมะปุตโต)
ลูกของพ่อ (ทรงหมายถึงพระเถระขีณาสพ)
เป็นเช่นเดียวกับเจ้าของโค ย่อมมีสิทธิในตัวโค และได้ดื่มน้ำนมโคตามใจชอบ"
พระองค์ทรงตรัสเพิ่มเติมอีก พอสรุปได้ว่า "ผู้ใดได้เรียนพระพุทธพจน์ที่มีประโยชน์ไว้มาก แล้วนำพระพุทธพจน์นั้นไปสั่งสอนผู้อื่น แม้จะได้ลาภสักการะและเสียงเยินยอมากก็ตาม เมื่อเขายังประมาทอยู่ ไม่ประพฤติปฏิบัติตามพุทธพจน์นั้น ผู้นั้นย่อมไม่ได้รับสันติสุขที่แท้จริง
ส่วนผู้ใด ถึงจะไม่ได้เรียนพุทธพจน์มาก ไม่ได้สอนมาก แต่หากประพฤติปฏิบัติตามพุทธพจน์นั้นจนรู้แจ้งชัด ละสนิมในใจ คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลงได้ มีจิตหลุดพ้นดีแล้ว หมดความยึดถือในโลกไหนๆ ผู้นั้นย่อมได้รับสันติสุขที่แท้จริง"
จากพระดำรัสที่ทรงตรัสสอนมานี้ พระพุทธองค์มุ่งส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชน ได้เรียนรู้ธรรมแล้วนำไปปฏิบัติจนเกิดผลขึ้นมา มิใช่ให้เรียนรู้ไว้เพียงเพื่ออวดอ้างหรือประดับบารมีตนเท่านั้น เพราะคุณธรรมจะไม่ปรากฏผลเท่าที่ควร เปรียบเหมือนคนเตรียมเดินทาง ได้ศึกษาหาเส้นทางจากแผนที่แล้วก็ต้องออกเดินทาง โดยอาศัยแผนที่นั้นเป็นหลัก มิใช่ว่าเรียนรู้แล้วนอนกอดแผนที่ หรือเอาแผนที่ออกอวดอ้างกันอยู่ไม่ยอมออกเดินทาง ประโยชน์ย่อมมีน้อยเต็มที
อนึ่ง ผู้เขียนแผนที่ภูมิประเทศนั้น ไม่มีใครสามารถเขียนบอกละเอียดถึงเส้นทางว่า เท่านั้นวา เท่านั้นเส้น มีสิ่งนั้นๆ อยู่ จะบอกได้แต่จุดสำคัญๆ พอเป็นแนวทาง ผู้ออกเดินทางเท่านั้ย่อมรู้เห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่ข้างทางได้ละเอียดดี และจดจำได้ติดตา เพราะประสพพบเห็นด้วยตนเอง (ปัจจัตตัง) ดีกว่าดูในแผนที่หลายร้อยเท่านัก การรู้ธรรมตามหนังสือ กับการรู้ธรรมด้วยการภาวนาย่อมมีค่าต่างกันเช่นนั้น เพราะเหตุนี้เอง พระองค์จึงทรงตรัสเปรียบพระเถระ
2 รูปนั้นไว้ว่า รูปหนึ่งเปรียบเหมือนลุกจ้างรับเลี้ยงโค อีกรูปหนึ่งเปรียบเหมือนเจ้าของโค
เป็นอันว่าคำพูดของหลวงพ่อเพียงประโยคสั้นๆ ว่า "เราก็เหมือนกันนั่นแหละ มัวแต่สอนเขา" มันเข้าไปสั่นสะเทือนอยู่ในจิต จนต้องคิดทบทวนถึงอดีตที่ผ่านมา บางวันแม้จะเดินจงกรมหรือนั่งสมาธิอยู่ หรือแม้แต่ทำกิจวัตรอย่างอื่นอยู่ จิตมันก็วิ่งไปรับเอาคำว่า "ลูกจ้าง" กับ
"ลูกของพ่อ" มาพิจารณาครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งคิดไปว่า "เราบวชเพื่ออะไร เพื่อพ้นทุกข์ หรือเพื่อเพิ่มทุกข์"
ความห่วงหน้าห่วงหลังก็เกิดขึ้น มันเกิดสู้รบกันอยู่ในจิตผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ เราต้องการพบบ่อน้ำก็พบแล้ว เราต้องการพบบ่อเพชร บ่อพลอย ก็พบแล้ว ลงมือตัก ลงมือขุดหรือยัง...อยากได้ของใหม่ แต่ไม่อยากวางของเก่า ห่วงวัดก็ห่วง ห่วงโยมก็ห่วง ถ้าเราจากไปกลัวสำนักเรียนจะร้าง กลัวญาติโยมจะเสียใจ...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หนึ่งเดือนในป่าพง ๕
พระมงคลกิตติธาดา (อมร เขมจิตฺโต)
วัดป่าวิเวก (ธรรมชาน์) จ.อุบลราชธานี
a8a8a8a8a8a8a8a8a8a
เมื่อพระภิกษุสามเณรและญาติโยม กราบนมัสการหลวงพ่อแล้ว ก็พากันแยกย้ายไปชมสถานที่ ตลอดทั้งสำนักชี ได้เวลาพอสมควรแล้วจึงพากันกลับบ้าน ทุกท่านก่อนลากลับมองมายังข้าพเจ้าด้วยความอาลัยอาวรณ์ จนข้าพเจ้าไม่กล้าสบสายตา เพราะความสงสารเห็นใจแต่ก็ไม่ลืมสงสารชีวิตตนเอง จึงรำพึงในใจว่า
จากกันเพียงแต่ได้ ห่างกาย
ชีพอยู่ยังมั่นหมาย พบบ้าง
จากกันเพราะความตาย
จากยิ่ง ไกลนา
จรจากเพราะกรรมสร้าง
ส่งให้ไกลแสน ลาก่อนทุกท่านผู้ เคยเห็น
เคยอยู่ร่วมสุขเย็น ค่ำเช้า
ลาจากเพราะจำเป็น
เพื่อก่อ กุศลนา
อย่าโศกอาลัยเศร้า บ่ได้ไกลเหลือ
ก่อนที่จะยุติการบันทึก ก็ขอเสริมอีกสักนิด เพื่อเป็นข้อคิดแก่ท่านผู้อ่าน เมื่อข้าพเจ้าได้เข้ามาอยู่ในแวดวงของผู้ปฏิบัติธรรมอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว พรรษาแรกที่ได้มาอยู่ใกล้ท่านผู้มีคุณธรรมสูง ท่านใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย ก็ทำให้เกิดความสบายใจ เบาใจ และโปร่งใจไปอีกแบบหนึ่ง ซึ่งท่านผู้ไม่เคยสัมผัสย่อมไม่มีทางเข้าใจได้
บางครั้งเกิดความคิดว่า ชีวิตความเป็นมาของหลวงพ่อชา ตั้งแต่หนุ่มจนเข้าวัยกลางคน ท่านอุตส่าห์ดั้นด้นไปศึกษาด้านปริยัติธรรมต่างถิ่น แล้วก็ออกปฏิบัติธรรม จนกระทั่งได้กลับมาอยู่เป็นครูบาอาจารย์เช่นนี้ ท่านเคยผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มามาก ปัญหาต่างๆ ย่อมเกิด เป็นเหตุให้หาทางแก้ ซึ่งท่านได้ผ่านพ้นมาแล้วด้วยดี ควรที่เราจะได้รับทราบ เพื่อจะเป็นอุบายสอนตัวเราเองจะได้รู้วิธีแก้ปัญหา ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นมาในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน ทั้งเป็นการเพิ่มความรู้ ในขณะที่อยู่ในระยะปฏิบัติธรรม
บางวันหลังจากทำกิจวัตรเรียบร้อยแล้ว ตอนเย็นจึงพากันไปกราบหลวงพ่อที่กุฏิ ได้ฟังธรรมเป็นข้อคิดในการประพฤติปฏิบัติ ขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้น โดยที่เรายังไม่ต้องเรียนถาม ท่านพูดไปๆ ก็ตรงเป้าของเราพอดี เมื่อได้เวลาพอสมควร เพื่อนๆ เขากลับไปบำเพ็ญเพียรส่วนข้าพเจ้ายังไม่กลับ จึงได้กราบเรียนถามท่านว่า "กระผมอยากทราบว่า เมื่อคราวหลวงพ่อออกปฏิบัติธรรมครั้งแรกนั้นทำอย่างไร? เดินทางไปศึกษากับครูบาอาจารย์ที่ไหน?
และมีอุปสรรคอย่างไรบ้าง ขอความเมตตาจากหลวงพ่อ ขอรับทราบ..." หลวงพ่อท่านได้เล่าให้ฟัง รู้สึกว่า น่าฟัง น่าคิด น่าศึกษามาก เมื่อพอสมควรแล้วจึงกราบลาท่านกลับกุฏิและได้บันทึกไว้
อีก ๒-๓ วันต่อมา ก็เข้าไปหาท่าน ท่านก็เล่าให้ฟัง ซึ่งรู้สึกซาบซึ้งในการปฏิปทาที่ท่านดำเนินมา ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อศิษย์ทั้งหลาย น่าจะได้รับทราบเอาไว้ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป นับเป็นเวลาหลายครั้งที่ข้าพเจ้าได้รับฟังประวัติการปฏิบัติธรรมาของหลวงพ่อและบันทึกไว้เพื่อเตือนความจำ
ต่อมาเมื่อได้ทราบว่ามีข้าราชการผู้ใหญ่จากกรุงเทพฯจะนำกฐินขึ้นมาทอดที่วัดหนองป่าพง ข้าพเจ้าจึงได้ปรารภกับเพื่อนๆ ว่า น่าจะได้พิมพ์ประวัติหลวงพ่อออกเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์แก่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ต่างก็มีความเห็นสอดคล้องกัน ข้าพเจ้าจึงเข้ากราบเรียนให้ท่านทราบ ครั้งแรกหลวงพ่อพูดว่า "จะพิมพ์อยู่หรือ ไม่เห็นมีอะไรนัก" ข้าพเจ้าจึงกราบเรียนว่า "หลวงพ่อขอรับ ปฏิปทาที่หลวงพ่อเคยดำเนินมาเป็นเวลาตั้งหลายปี ล้วนแต่มีของดีพอที่จะเป็นครูสอนบรรดาศิษย์ทั้งหลาย ให้ได้รู้แนวทางที่จะเดินตามเป็นอย่างดี จะเป็นการเพิ่มกำลังใจให้แก่ท่านผู้กำลังปฏิบัติ และแก่ผู้ใคร่ต่อการปฏิบัติซึ่งมีประโยชน์มาก ถ้าหากหลวงพ่อไม่เมตตาอนุญาต ปฏิปทาที่หลวงพ่อเคยดำเนินมาฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ จนสำเร็จได้ จะหายกลายเป็นอากาศธาตุไป แต่ถ้าหลวงพ่ออนุญาตให้นำออกเผยแพร่ กระผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์มาก อีกอย่างหนึ่งจะเป็นการให้ข้อคิด แก่ท่านผู้ได้ศึกษาปริยัติธรรมมาแล้ว ได้พิจารณาอย่างมีเหตุผล จะได้เข้าใจถึงคุณค่าของการปฏิบัติ แล้วจะได้เดินทางตามที่พระพุทธองค์ทรงยกย่องไว้ จนได้รับความสุข สงบ ร่มเย็น ตามสมควร"
เมื่อหลวงพ่อได้พิจารณาดูแล้ว เห็นว่าเป็นประโยชน์ท่านจึงอนุญาตให้รวบรวมจัดพิมพ์ขึ้นเป็นครั้งแรก และทันแจกในงานทอดกฐินปี พ.ศ.
๒๕๑๑ พอดี ดังนั้น "สุภัททานุสรณ์" จึงได้มีโอกาสปรากฏแก่สายตาของผู้สนใจใฝ่ธรรม ตั้งแต่ปีนั้นมา
ในเวลาต่อมาได้มีพระภิกษุสามเณร ตลอดทั้งญาติโยมที่ทราบเรื่อง ได้มุ่งหน้าสู่วัดหนองป่าพง เพื่อกราบไหว้ ฟังธรรม จำศีล และบำเพ็ญภาวนา เป็นจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกอย่างหนึ่ง ข้าพเจ้าพิจารณาเห็นว่า ได้มีกุลบุตรผู้เกิดศรัทธาเลื่อมใส ใคร่จะบวชในพระศาสนา มาสมัครเป็นนาคมากขึ้น รู้สึกว่าการฝึกซ้อมนาคตลอดทั้งคู่สวดนาค
(พระกรรมวาจาจารย์ และพระอนุสาวนาจารย์) ยังไม่ค่อยเรียบร้อย หลวงพ่อจึงมอบให้ข้าพเจ้าฝึกหัดอบรมให้เข้ารูปเข้ารอยดีพอสมควร
อนึ่ง วัดหนองป่าพง เป็นที่พักสงฆ์มานาน
(พ.ศ. ๒๔๙๗) ทั้งๆ ที่เป็นสถานที่ฝึกอบรม กาย วาจา ใจ แก่พุทธศาสนิกชนเป็นอย่างดี เป็นที่พึ่งทางใจ เกิดผลเป็นสันติสุขแก่หมู่มนุษย์เป็นจำนวนมาก หากแต่ว่ายังเป็นวัดที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ข้าพเจ้าได้กราบเรียนหารือหลวงพ่อเสนอขอให้ดำเนินการขออนุญาตสร้างและตั้งวัดให้ถูกต้อง หลวงพ่อก็เห็นสมควรจึงมอบให้ดำเนินการ พวกศิษย์ได้รวบรวมหลักฐาน เอกสารดำเนินการขอสร้าง ขอตั้งวัดให้ถูกต้องต่อไป และได้รับอนุญาตจากทางราชการเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่หลวงพ่อมีบัญชาให้ข้าพเจ้ามาอยู่ที่วัดป่าวิเวก (ธรรมชาน์) อันเป็นสาขาที่ ๗ เป็นสาขาใหม่ของวัดหนองป่าพง และเป็นปีที่ข้าพเจ้ามาอยู่พึ่งบารมีของหลวงพ่อครบ ๒ พรรษาพอดี...
ถึงแม้ท่านจะส่งข้าพเจ้ามาอยู่สาขาใหม่ แต่ถ้าหากท่านมีกิจธุระจำเป็นที่จะต้องใช้ ท่านก็สั่งให้เข้าไปรับใช้ท่านเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเวลาในพรรษาหรือนอกพรรษา ข้าพเจ้าเองก็ได้ตั้งใจจะรับใช้ท่านตามกำลังความสามารถ เนื่องจากได้รับเมตตาธรรมจากหลวงพ่ออย่างล้นเหลือ
ข้าพเจ้าขอจบ "หนึ่งเดือนในป่าพง"
ลงเพียงแค่นี้ แม้จะเลยหนึ่งเดือนไปหน่อยๆ ท่านผู้อ่านก็คงพลอยได้ทราบอะไรเพิ่มขึ้นอีก คงจะไม่รำคาญดอกกระมัง...
เกิดขึ้นตั้งอยู่แล้ว ดับไป
แปรเปลี่ยนแลเลื่อนไหล บ่ยั้ง
ในโลกสรรพสิ่งใด คงที่ อยู่ฤา
ตรองตริจดจ่อตั้ง หมั่นน้อมดูตน ท่านเทอญ.
พระมงคลกิตติธาดา (อมร เขมจิตฺโต)
วัดป่าวิเวก (ธรรมชาน์) จ.อุบลราชธานี
a8a8a8a8a8a8a8a8a8a
เมื่อพระภิกษุสามเณรและญาติโยม กราบนมัสการหลวงพ่อแล้ว ก็พากันแยกย้ายไปชมสถานที่ ตลอดทั้งสำนักชี ได้เวลาพอสมควรแล้วจึงพากันกลับบ้าน ทุกท่านก่อนลากลับมองมายังข้าพเจ้าด้วยความอาลัยอาวรณ์ จนข้าพเจ้าไม่กล้าสบสายตา เพราะความสงสารเห็นใจแต่ก็ไม่ลืมสงสารชีวิตตนเอง จึงรำพึงในใจว่า
จากกันเพียงแต่ได้ ห่างกาย
ชีพอยู่ยังมั่นหมาย พบบ้าง
จากกันเพราะความตาย
จากยิ่ง ไกลนา
จรจากเพราะกรรมสร้าง
ส่งให้ไกลแสน ลาก่อนทุกท่านผู้ เคยเห็น
เคยอยู่ร่วมสุขเย็น ค่ำเช้า
ลาจากเพราะจำเป็น
เพื่อก่อ กุศลนา
อย่าโศกอาลัยเศร้า บ่ได้ไกลเหลือ
ก่อนที่จะยุติการบันทึก ก็ขอเสริมอีกสักนิด เพื่อเป็นข้อคิดแก่ท่านผู้อ่าน เมื่อข้าพเจ้าได้เข้ามาอยู่ในแวดวงของผู้ปฏิบัติธรรมอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว พรรษาแรกที่ได้มาอยู่ใกล้ท่านผู้มีคุณธรรมสูง ท่านใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย ก็ทำให้เกิดความสบายใจ เบาใจ และโปร่งใจไปอีกแบบหนึ่ง ซึ่งท่านผู้ไม่เคยสัมผัสย่อมไม่มีทางเข้าใจได้
บางครั้งเกิดความคิดว่า ชีวิตความเป็นมาของหลวงพ่อชา ตั้งแต่หนุ่มจนเข้าวัยกลางคน ท่านอุตส่าห์ดั้นด้นไปศึกษาด้านปริยัติธรรมต่างถิ่น แล้วก็ออกปฏิบัติธรรม จนกระทั่งได้กลับมาอยู่เป็นครูบาอาจารย์เช่นนี้ ท่านเคยผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มามาก ปัญหาต่างๆ ย่อมเกิด เป็นเหตุให้หาทางแก้ ซึ่งท่านได้ผ่านพ้นมาแล้วด้วยดี ควรที่เราจะได้รับทราบ เพื่อจะเป็นอุบายสอนตัวเราเองจะได้รู้วิธีแก้ปัญหา ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นมาในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน ทั้งเป็นการเพิ่มความรู้ ในขณะที่อยู่ในระยะปฏิบัติธรรม
บางวันหลังจากทำกิจวัตรเรียบร้อยแล้ว ตอนเย็นจึงพากันไปกราบหลวงพ่อที่กุฏิ ได้ฟังธรรมเป็นข้อคิดในการประพฤติปฏิบัติ ขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้น โดยที่เรายังไม่ต้องเรียนถาม ท่านพูดไปๆ ก็ตรงเป้าของเราพอดี เมื่อได้เวลาพอสมควร เพื่อนๆ เขากลับไปบำเพ็ญเพียรส่วนข้าพเจ้ายังไม่กลับ จึงได้กราบเรียนถามท่านว่า "กระผมอยากทราบว่า เมื่อคราวหลวงพ่อออกปฏิบัติธรรมครั้งแรกนั้นทำอย่างไร? เดินทางไปศึกษากับครูบาอาจารย์ที่ไหน?
และมีอุปสรรคอย่างไรบ้าง ขอความเมตตาจากหลวงพ่อ ขอรับทราบ..." หลวงพ่อท่านได้เล่าให้ฟัง รู้สึกว่า น่าฟัง น่าคิด น่าศึกษามาก เมื่อพอสมควรแล้วจึงกราบลาท่านกลับกุฏิและได้บันทึกไว้
อีก ๒-๓ วันต่อมา ก็เข้าไปหาท่าน ท่านก็เล่าให้ฟัง ซึ่งรู้สึกซาบซึ้งในการปฏิปทาที่ท่านดำเนินมา ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อศิษย์ทั้งหลาย น่าจะได้รับทราบเอาไว้ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป นับเป็นเวลาหลายครั้งที่ข้าพเจ้าได้รับฟังประวัติการปฏิบัติธรรมาของหลวงพ่อและบันทึกไว้เพื่อเตือนความจำ
ต่อมาเมื่อได้ทราบว่ามีข้าราชการผู้ใหญ่จากกรุงเทพฯจะนำกฐินขึ้นมาทอดที่วัดหนองป่าพง ข้าพเจ้าจึงได้ปรารภกับเพื่อนๆ ว่า น่าจะได้พิมพ์ประวัติหลวงพ่อออกเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์แก่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ต่างก็มีความเห็นสอดคล้องกัน ข้าพเจ้าจึงเข้ากราบเรียนให้ท่านทราบ ครั้งแรกหลวงพ่อพูดว่า "จะพิมพ์อยู่หรือ ไม่เห็นมีอะไรนัก" ข้าพเจ้าจึงกราบเรียนว่า "หลวงพ่อขอรับ ปฏิปทาที่หลวงพ่อเคยดำเนินมาเป็นเวลาตั้งหลายปี ล้วนแต่มีของดีพอที่จะเป็นครูสอนบรรดาศิษย์ทั้งหลาย ให้ได้รู้แนวทางที่จะเดินตามเป็นอย่างดี จะเป็นการเพิ่มกำลังใจให้แก่ท่านผู้กำลังปฏิบัติ และแก่ผู้ใคร่ต่อการปฏิบัติซึ่งมีประโยชน์มาก ถ้าหากหลวงพ่อไม่เมตตาอนุญาต ปฏิปทาที่หลวงพ่อเคยดำเนินมาฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ จนสำเร็จได้ จะหายกลายเป็นอากาศธาตุไป แต่ถ้าหลวงพ่ออนุญาตให้นำออกเผยแพร่ กระผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์มาก อีกอย่างหนึ่งจะเป็นการให้ข้อคิด แก่ท่านผู้ได้ศึกษาปริยัติธรรมมาแล้ว ได้พิจารณาอย่างมีเหตุผล จะได้เข้าใจถึงคุณค่าของการปฏิบัติ แล้วจะได้เดินทางตามที่พระพุทธองค์ทรงยกย่องไว้ จนได้รับความสุข สงบ ร่มเย็น ตามสมควร"
เมื่อหลวงพ่อได้พิจารณาดูแล้ว เห็นว่าเป็นประโยชน์ท่านจึงอนุญาตให้รวบรวมจัดพิมพ์ขึ้นเป็นครั้งแรก และทันแจกในงานทอดกฐินปี พ.ศ.
๒๕๑๑ พอดี ดังนั้น "สุภัททานุสรณ์" จึงได้มีโอกาสปรากฏแก่สายตาของผู้สนใจใฝ่ธรรม ตั้งแต่ปีนั้นมา
ในเวลาต่อมาได้มีพระภิกษุสามเณร ตลอดทั้งญาติโยมที่ทราบเรื่อง ได้มุ่งหน้าสู่วัดหนองป่าพง เพื่อกราบไหว้ ฟังธรรม จำศีล และบำเพ็ญภาวนา เป็นจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกอย่างหนึ่ง ข้าพเจ้าพิจารณาเห็นว่า ได้มีกุลบุตรผู้เกิดศรัทธาเลื่อมใส ใคร่จะบวชในพระศาสนา มาสมัครเป็นนาคมากขึ้น รู้สึกว่าการฝึกซ้อมนาคตลอดทั้งคู่สวดนาค
(พระกรรมวาจาจารย์ และพระอนุสาวนาจารย์) ยังไม่ค่อยเรียบร้อย หลวงพ่อจึงมอบให้ข้าพเจ้าฝึกหัดอบรมให้เข้ารูปเข้ารอยดีพอสมควร
อนึ่ง วัดหนองป่าพง เป็นที่พักสงฆ์มานาน
(พ.ศ. ๒๔๙๗) ทั้งๆ ที่เป็นสถานที่ฝึกอบรม กาย วาจา ใจ แก่พุทธศาสนิกชนเป็นอย่างดี เป็นที่พึ่งทางใจ เกิดผลเป็นสันติสุขแก่หมู่มนุษย์เป็นจำนวนมาก หากแต่ว่ายังเป็นวัดที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ข้าพเจ้าได้กราบเรียนหารือหลวงพ่อเสนอขอให้ดำเนินการขออนุญาตสร้างและตั้งวัดให้ถูกต้อง หลวงพ่อก็เห็นสมควรจึงมอบให้ดำเนินการ พวกศิษย์ได้รวบรวมหลักฐาน เอกสารดำเนินการขอสร้าง ขอตั้งวัดให้ถูกต้องต่อไป และได้รับอนุญาตจากทางราชการเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่หลวงพ่อมีบัญชาให้ข้าพเจ้ามาอยู่ที่วัดป่าวิเวก (ธรรมชาน์) อันเป็นสาขาที่ ๗ เป็นสาขาใหม่ของวัดหนองป่าพง และเป็นปีที่ข้าพเจ้ามาอยู่พึ่งบารมีของหลวงพ่อครบ ๒ พรรษาพอดี...
ถึงแม้ท่านจะส่งข้าพเจ้ามาอยู่สาขาใหม่ แต่ถ้าหากท่านมีกิจธุระจำเป็นที่จะต้องใช้ ท่านก็สั่งให้เข้าไปรับใช้ท่านเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเวลาในพรรษาหรือนอกพรรษา ข้าพเจ้าเองก็ได้ตั้งใจจะรับใช้ท่านตามกำลังความสามารถ เนื่องจากได้รับเมตตาธรรมจากหลวงพ่ออย่างล้นเหลือ
ข้าพเจ้าขอจบ "หนึ่งเดือนในป่าพง"
ลงเพียงแค่นี้ แม้จะเลยหนึ่งเดือนไปหน่อยๆ ท่านผู้อ่านก็คงพลอยได้ทราบอะไรเพิ่มขึ้นอีก คงจะไม่รำคาญดอกกระมัง...
เกิดขึ้นตั้งอยู่แล้ว ดับไป
แปรเปลี่ยนแลเลื่อนไหล บ่ยั้ง
ในโลกสรรพสิ่งใด คงที่ อยู่ฤา
ตรองตริจดจ่อตั้ง หมั่นน้อมดูตน ท่านเทอญ.
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 27, 2017 4:02:30pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าเป็นมนุษย์ผู้ชาย หรืออมุษย์ผู้ชาย
ที่คิดจะฆ่าเรา คิดจะทำร้ายเรา นั้นคือนายเวร
ถ้าเป็นมนุษย์ผู้หญิง หรืออมุษย์ผูุ้หญิง
ที่คิดจะฆ่าเรา คิดจะทำร้ายเรา
ต้องเรียกนั่นว่า "นางเวร"
ก็คือยังเป็นเพียงผู้ที่คิดจะทำร้ายเรา แต่ยังไม่ทำกรรม
แต่ถ้าต่อมา นายเวรหรือนางเวรนั้น เริ่มทำกรรมร้ายกับเรา
นี้เรียกว่า "เจ้ากรรม"
ลักษณะ เช่น คำว่า "เจ้านาย" ก็แปลว่า ผู้บังคับบัญชา
ส่วนคำว่า "เจ้ากรรม" แปลว่า ผู้ทำกรรม(กรรม แปลว่า การกระทำ)
ในที่นี้"เจ้ากรรม ก็คือผู้ทำกรรมไม่ดีให้แก่เรา
ใน5ทาง
1 ทางรูป
2 ทางเสียง
3 ทางกลิ่น
4 ทางรส
5 สัมผัส
แล้วมาสู่ความเสียใจ
ที่คิดจะฆ่าเรา คิดจะทำร้ายเรา นั้นคือนายเวร
ถ้าเป็นมนุษย์ผู้หญิง หรืออมุษย์ผูุ้หญิง
ที่คิดจะฆ่าเรา คิดจะทำร้ายเรา
ต้องเรียกนั่นว่า "นางเวร"
ก็คือยังเป็นเพียงผู้ที่คิดจะทำร้ายเรา แต่ยังไม่ทำกรรม
แต่ถ้าต่อมา นายเวรหรือนางเวรนั้น เริ่มทำกรรมร้ายกับเรา
นี้เรียกว่า "เจ้ากรรม"
ลักษณะ เช่น คำว่า "เจ้านาย" ก็แปลว่า ผู้บังคับบัญชา
ส่วนคำว่า "เจ้ากรรม" แปลว่า ผู้ทำกรรม(กรรม แปลว่า การกระทำ)
ในที่นี้"เจ้ากรรม ก็คือผู้ทำกรรมไม่ดีให้แก่เรา
ใน5ทาง
1 ทางรูป
2 ทางเสียง
3 ทางกลิ่น
4 ทางรส
5 สัมผัส
แล้วมาสู่ความเสียใจ
หากยาก แผ่น #MP3 ธรรมะหลวงพ่อชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง เสียงจริง 100%
ขนาด 584 MB ขอเชิญดาวน์โหลดไปฟัง ณ ลิงค์นี้
https://drive.google.com/open?id=0B_EL0-13eOqDTGFYZXRZaUpYNUk
ขนาด 584 MB ขอเชิญดาวน์โหลดไปฟัง ณ ลิงค์นี้
https://drive.google.com/open?id=0B_EL0-13eOqDTGFYZXRZaUpYNUk
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 27, 2017 4:51:18pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ปัจจยวัตตสูตร
[๔๘๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่พิจารณาเห็นอำนาจประโยชน์ ๓ประการ ควรอย่างยิ่ง
ที่จะแสดงธรรมแก่คนอื่นๆ อำนาจประโยชน์ ๓ ประการเป็นไฉน
คือ 1. ผู้แสดงธรรมรู้แจ้งอรรถด้วย รู้แจ้งธรรมด้วย
2. มุ่งให้ผู้ฟังธรรมรู้แจ้งอรรถด้วย รู้แจ้งธรรมด้วย
3. ผู้แสดงธรรมและผู้ที่ฟังธรรมทั้งสองฝ่าย รู้แจ้งอรรถด้วย รู้แจ้งธรรด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่พิจารณาเห็น
อำนาจประโยชน์ ๓ ประการนี้แล ควรอย่างยิ่งที่จะแสดงธรรมแก่คนอื่นๆ ฯ
๑ แสดงธรรม ในที่นี้หมายถึงแสดงอริยสัจ ๔ ประการ (องฺ.ติก.อ. ๒/๔๓/๑๕๒-๓)
๒ รู้แจ้งอรรถ ในที่นี้หมายถึงรู้อรรถกถา (องฺ.ติก.อ. ๒/๔๓/๑๕๒-๓)
๓ รู้แจ้งธรรม ในที่นี้หมายถึงรู้ธรรมบาลี คือพุทธพจน์ (องฺ.ติก.อ. ๒/๔๓/๑๕๒-๓)
[๔๘๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่พิจารณาเห็นอำนาจประโยชน์ ๓ประการ ควรอย่างยิ่ง
ที่จะแสดงธรรมแก่คนอื่นๆ อำนาจประโยชน์ ๓ ประการเป็นไฉน
คือ 1. ผู้แสดงธรรมรู้แจ้งอรรถด้วย รู้แจ้งธรรมด้วย
2. มุ่งให้ผู้ฟังธรรมรู้แจ้งอรรถด้วย รู้แจ้งธรรมด้วย
3. ผู้แสดงธรรมและผู้ที่ฟังธรรมทั้งสองฝ่าย รู้แจ้งอรรถด้วย รู้แจ้งธรรด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่พิจารณาเห็น
อำนาจประโยชน์ ๓ ประการนี้แล ควรอย่างยิ่งที่จะแสดงธรรมแก่คนอื่นๆ ฯ
๑ แสดงธรรม ในที่นี้หมายถึงแสดงอริยสัจ ๔ ประการ (องฺ.ติก.อ. ๒/๔๓/๑๕๒-๓)
๒ รู้แจ้งอรรถ ในที่นี้หมายถึงรู้อรรถกถา (องฺ.ติก.อ. ๒/๔๓/๑๕๒-๓)
๓ รู้แจ้งธรรม ในที่นี้หมายถึงรู้ธรรมบาลี คือพุทธพจน์ (องฺ.ติก.อ. ๒/๔๓/๑๕๒-๓)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การตัดสินใจไปในครั้งนี้
ไม่ได้เกี่ยวกับใครแนะนำ ว่าให้ไปตรงนั้นนะ ตรงนี้นะ
แต่เราเองอยากไปสถานที่นั้น
แม้จะมีคำแนะนำภายหลัง
ครูบาอาจารย์บางท่าน ชวนเราไปอยู่เพชบูรณ์
ครูบาอาจารย์บางท่านชวนเราไปอยู่อุบล
ครูบาอาจารย์บางท่านแนะเราไปอยู่ชลบุรี
ครูบาอาจารย์บางท่านแนะเราไปอยู่ร้อยเอ็ด
ครูบาอาจารย์บางท่านบอกต่อไป
เดียวพาไปฝากสกลนคร
ส่วนใจเรานั้นอยากออกไปอยู่ป่าคนเดียว ไม่อยากมีเพื่อนวุ่นวาย
แต่ก็เห็นแก่วินัย คือศึกษายังไม่แตก
จึงยอมทิ้งการไปอยู่ป่าคนเดียว
แล้วไปอยู่ในท่ามกลางหมู่สงฆ์ผู้เพรียบพร้อมไปด้วยวินัย
อีกทั้งใจนี้มันดิ้นอยากจะไปนานแล้ว แต่คาเกรงใจ ไม่กล้าบอกความประสงค์
เมื่อไปแล้ว ก็ไม่ใช่ว่า ไปแล้วหายวับไม่กลับมาอีกเลย
เว้นเสียแต่ตายก่อนเท่านั่นแหละ
เมื่อเช้านี่พิจารณาภพชาติที่ผ่านมา และภพชาติที่จะมีต่อไป
มันรู้สึกเหนื่อยใจที่จะเกิดต่อไปไม่รู้จบ
การไม่เกิดอีก เป็นธรรมที่เลิษที่สุด
#เราคิดพิจารณานะ
ไม่ได้เกี่ยวกับใครแนะนำ ว่าให้ไปตรงนั้นนะ ตรงนี้นะ
แต่เราเองอยากไปสถานที่นั้น
แม้จะมีคำแนะนำภายหลัง
ครูบาอาจารย์บางท่าน ชวนเราไปอยู่เพชบูรณ์
ครูบาอาจารย์บางท่านชวนเราไปอยู่อุบล
ครูบาอาจารย์บางท่านแนะเราไปอยู่ชลบุรี
ครูบาอาจารย์บางท่านแนะเราไปอยู่ร้อยเอ็ด
ครูบาอาจารย์บางท่านบอกต่อไป
เดียวพาไปฝากสกลนคร
ส่วนใจเรานั้นอยากออกไปอยู่ป่าคนเดียว ไม่อยากมีเพื่อนวุ่นวาย
แต่ก็เห็นแก่วินัย คือศึกษายังไม่แตก
จึงยอมทิ้งการไปอยู่ป่าคนเดียว
แล้วไปอยู่ในท่ามกลางหมู่สงฆ์ผู้เพรียบพร้อมไปด้วยวินัย
อีกทั้งใจนี้มันดิ้นอยากจะไปนานแล้ว แต่คาเกรงใจ ไม่กล้าบอกความประสงค์
เมื่อไปแล้ว ก็ไม่ใช่ว่า ไปแล้วหายวับไม่กลับมาอีกเลย
เว้นเสียแต่ตายก่อนเท่านั่นแหละ
เมื่อเช้านี่พิจารณาภพชาติที่ผ่านมา และภพชาติที่จะมีต่อไป
มันรู้สึกเหนื่อยใจที่จะเกิดต่อไปไม่รู้จบ
การไม่เกิดอีก เป็นธรรมที่เลิษที่สุด
#เราคิดพิจารณานะ
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 28, 2017 12:05:33am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Chonlachai Duangkaeo
คุณได้แท็ก Chonlachai Duangkaeo
.😭
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 04, 2017 10:32:26pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ได้เกิดเป็นมนุษย์ ก็เป็นโอกาสงดงามแล้ว เพราะมีคุณสมบัติพิเศษมาพร้อมให้ด้วย คือสติ คือกล้าหาญ คือเหมาะแก่การประพฤติพรหมจรร ระดับหนึ่ง จะสร้างเพิ่มขึ้นเองอีกให้สมบูณร์ไหม เท่านั้น
ได้ออกบรรพชา ด้วยเหตุอันใดก็ตาม ก็ถือว่า ได้โอกาสอันงดงามแล้ว
ได้ทราบหัวข้อธรรม หัวข้อกรรมฐาน วิธีปฏิบัติในการดำเนิน จากแหล่งต่างๆ อาทิ พระไตรปิฏก คำเทศณ์สอนจากครูบาอาจารย์ จากหนังสือ ฯลฯ เป็นต้น
ได้ทราบแล้ว คือถือว่าได้เป็นผู้มีบุญได้สดับมรรคธรรม อันเป็นหนทางให้ดำเนินทางจิตใจ ถึงความบริสุทธิ์ ก็เป็นสิ่งที่งดงามและคุ้มค่าที่สุดแล้ว ที่ได้พบแสงธรรมฝ่ายวิวัฏฏะ หมุนกลับจากความสกปกโสโคลกมืดดำ มาสู้ความบริสุทธิ์สว่างใสสะอาด ปราศจากมลทิน
โอกาสก็ดี ก็งามแล้ว
อะไรๆ ก็ล้วนเอื้อให้แล้ว
ทั้งญาติโยมก็เอื้อให้แล้วในเรื่องปัจจัย๔
ครูบาอาจารย์ก็เอื้อให้แล้ว ในด้านให้กรรมฐานอบรมพัฒนาให้สูงขึ้น
อะไรๆๆๆ ก็พร้อมไปหมด เอื้อไปหมด สบายกว่าสมัยอดีตพุทธกาลเสียอีก ไฟฟ้าก็มี น้ำท่าน้ำอาบก็มี อาหารการกินปานะต่างๆอันเป็นตัวหนุนกาย เสนาสนะที่กั้นสิ่งอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการบำเพ็ญทำความสงบ ต่อการบำเพ็ญวิปัสนาก็เอื้อแล้ว
ห้องน้ำห้องท่าถ่ายหนักถ่ายเบาก็สดวกสบายไม่ต้องลำบากลำบน
หนังสือหนังหา แนววิธีเจริญมรรคออกจากความมืดก็มีถมไป
ความบำบากจากสิ่งภายนอก รบกวนจากโจรบ้าง สัตว์ร้ายบ้าง เสือบ้าง ก็ไม่มี
มีความพร้อมให้ให้ทำกรรมฐานให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์แล้ว มีสิ่งเอื้อดีต่อการเจริญกรรมฐานแล้ว
โดยเฉพาะ คุณสมบัติที่ติดมาด้วยสำหรับผู้ได้เกิดเป็นมนุษย์ คือสติ ความกล้าหาญ การประพฤติประเสริฐ คือทำความบริสุทธิแห่งตนได้ โดยง่ายกว่าเหล่าสัตว์ภพภูมิอื่น
เหลือแต่เธออย่างเดียว
เพราะนอกนั้นป้ายบอกทางมีเพียบพร้อมแล้ว ไม่บกพร่องใดๆ
บางท่านบางองค์ ปัายบอกทางไม่มาก หรือมีไม่กี่ป้าย ต้องลำบากอย่างมาก
แต่นี่เรา ป้ายบอกทาง มีเยอะถมเถไปหมด ตั้งแต่ที่ยืนอยู่ จนบอกไปถึง ที่ๆสุดท้าย คือจุดหมาย
นอกจากนั้นยังไม่พอ ยังมีเสียงให้ถามตอบเกี่ยวกับทางอีก เรียกว่ามีสิ่งที่วิเศษตั้ง๒อย่าง ในขณะเดียวกันในระหว่างทาง
สิงสาราสัตว์ข้างทางก็ไม่ไม่ ทางนั้นสะอาดโล่งเตือนไปหมด หนามก็ไม่มี รองเท้าก็มี รถก็มี น้ำมันก็มี เสบียงก็มี แสงส่องทางคือพระอาทิตย์ก็มี แสงจันทร์ก็มี ไฟฉายก็มี หิ่งห้อยก็มี เทียนก็มี ตะเกียงก็มี ไฟแช็กก็มี เชื้อเพลิงก็มี อะไรๆก็มีพร้อมไปหมดแล้ว เหลืออย่างเดียวคือก้าวขาเดินไป แค่นี้แหละคุณหนู คุณหนูอย่าลืมนะว่าโอกาสงามเช่นนี้ หาได้ยากยิ่ง เหลือแต่คุณหนูจะก้าวเท้าเดิน หรือจะให้ครูบาอาจารย์นั่งจับขายก จับขาก้าว จับขาวาง
ได้ออกบรรพชา ด้วยเหตุอันใดก็ตาม ก็ถือว่า ได้โอกาสอันงดงามแล้ว
ได้ทราบหัวข้อธรรม หัวข้อกรรมฐาน วิธีปฏิบัติในการดำเนิน จากแหล่งต่างๆ อาทิ พระไตรปิฏก คำเทศณ์สอนจากครูบาอาจารย์ จากหนังสือ ฯลฯ เป็นต้น
ได้ทราบแล้ว คือถือว่าได้เป็นผู้มีบุญได้สดับมรรคธรรม อันเป็นหนทางให้ดำเนินทางจิตใจ ถึงความบริสุทธิ์ ก็เป็นสิ่งที่งดงามและคุ้มค่าที่สุดแล้ว ที่ได้พบแสงธรรมฝ่ายวิวัฏฏะ หมุนกลับจากความสกปกโสโคลกมืดดำ มาสู้ความบริสุทธิ์สว่างใสสะอาด ปราศจากมลทิน
โอกาสก็ดี ก็งามแล้ว
อะไรๆ ก็ล้วนเอื้อให้แล้ว
ทั้งญาติโยมก็เอื้อให้แล้วในเรื่องปัจจัย๔
ครูบาอาจารย์ก็เอื้อให้แล้ว ในด้านให้กรรมฐานอบรมพัฒนาให้สูงขึ้น
อะไรๆๆๆ ก็พร้อมไปหมด เอื้อไปหมด สบายกว่าสมัยอดีตพุทธกาลเสียอีก ไฟฟ้าก็มี น้ำท่าน้ำอาบก็มี อาหารการกินปานะต่างๆอันเป็นตัวหนุนกาย เสนาสนะที่กั้นสิ่งอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการบำเพ็ญทำความสงบ ต่อการบำเพ็ญวิปัสนาก็เอื้อแล้ว
ห้องน้ำห้องท่าถ่ายหนักถ่ายเบาก็สดวกสบายไม่ต้องลำบากลำบน
หนังสือหนังหา แนววิธีเจริญมรรคออกจากความมืดก็มีถมไป
ความบำบากจากสิ่งภายนอก รบกวนจากโจรบ้าง สัตว์ร้ายบ้าง เสือบ้าง ก็ไม่มี
มีความพร้อมให้ให้ทำกรรมฐานให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์แล้ว มีสิ่งเอื้อดีต่อการเจริญกรรมฐานแล้ว
โดยเฉพาะ คุณสมบัติที่ติดมาด้วยสำหรับผู้ได้เกิดเป็นมนุษย์ คือสติ ความกล้าหาญ การประพฤติประเสริฐ คือทำความบริสุทธิแห่งตนได้ โดยง่ายกว่าเหล่าสัตว์ภพภูมิอื่น
เหลือแต่เธออย่างเดียว
เพราะนอกนั้นป้ายบอกทางมีเพียบพร้อมแล้ว ไม่บกพร่องใดๆ
บางท่านบางองค์ ปัายบอกทางไม่มาก หรือมีไม่กี่ป้าย ต้องลำบากอย่างมาก
แต่นี่เรา ป้ายบอกทาง มีเยอะถมเถไปหมด ตั้งแต่ที่ยืนอยู่ จนบอกไปถึง ที่ๆสุดท้าย คือจุดหมาย
นอกจากนั้นยังไม่พอ ยังมีเสียงให้ถามตอบเกี่ยวกับทางอีก เรียกว่ามีสิ่งที่วิเศษตั้ง๒อย่าง ในขณะเดียวกันในระหว่างทาง
สิงสาราสัตว์ข้างทางก็ไม่ไม่ ทางนั้นสะอาดโล่งเตือนไปหมด หนามก็ไม่มี รองเท้าก็มี รถก็มี น้ำมันก็มี เสบียงก็มี แสงส่องทางคือพระอาทิตย์ก็มี แสงจันทร์ก็มี ไฟฉายก็มี หิ่งห้อยก็มี เทียนก็มี ตะเกียงก็มี ไฟแช็กก็มี เชื้อเพลิงก็มี อะไรๆก็มีพร้อมไปหมดแล้ว เหลืออย่างเดียวคือก้าวขาเดินไป แค่นี้แหละคุณหนู คุณหนูอย่าลืมนะว่าโอกาสงามเช่นนี้ หาได้ยากยิ่ง เหลือแต่คุณหนูจะก้าวเท้าเดิน หรือจะให้ครูบาอาจารย์นั่งจับขายก จับขาก้าว จับขาวาง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทางก็ ได้ทางงามกว่าคนอื่น
ทางก็ ดีกว่าคนอื่น
ทางก็ ง่ายกว่าคนอื่น
ทางก็ ดีกว่าคนอื่น
ทางก็ ง่ายกว่าคนอื่น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เห็นแล้วปรุงแต่งความหมายเอง แล้วหลงถือเอาความหมายนั้น มาปรุงแต่งจิตตนต่อ
กับทั้งยุ่งย้ากใจ เหมือนเส้นด้ายที่ยุ่ง
สร้างความหมายเอง
หลงความหมายเอง
กับทั้งยุ่งย้ากใจ เหมือนเส้นด้ายที่ยุ่ง
สร้างความหมายเอง
หลงความหมายเอง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หัวข้อ :บางครั้งเราก็หลงอยู่ในความรู้สึกของตัวเอง
หัวข้อ *หลงอยู่ในความคิดตนเอง จนสับสนวุ่นวาย
หัวข้อ *หลงอยู่ในความคิดตนเอง จนสับสนวุ่นวาย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ปรุงแต่ง ให้ความหมายเจ้าของ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อสัญญาหมายว่า จะเป็นเรื่องร้าย ไม่ดี
= ก็ หงุดหงิด ไม่ชอบ
เมื่อสัญญาหมายว่า จะเป็น
เรื่องดี
= ก็ ยินดี พอใจ
การอุเบกขา วางเฉย
ต่อสัญญาทั้งดีและไม่ดี ต่อเรื่องดีและไม่ดี แล้วปฏิบัติมรรคผ่าเข้าใส่เลย นี่แลประเสริฐกว่า การมัวยินดียินร้าย เพราะสัญญาเป็นเหตุ
#พระอนาคาสะอาดสว่างเหมือนผู้อยู่ในสุทธาวาส๕ ไม่ราคะไม่มีโทสะ
= ก็ หงุดหงิด ไม่ชอบ
เมื่อสัญญาหมายว่า จะเป็น
เรื่องดี
= ก็ ยินดี พอใจ
การอุเบกขา วางเฉย
ต่อสัญญาทั้งดีและไม่ดี ต่อเรื่องดีและไม่ดี แล้วปฏิบัติมรรคผ่าเข้าใส่เลย นี่แลประเสริฐกว่า การมัวยินดียินร้าย เพราะสัญญาเป็นเหตุ
#พระอนาคาสะอาดสว่างเหมือนผู้อยู่ในสุทธาวาส๕ ไม่ราคะไม่มีโทสะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สร้างปรุงแต่งบัญญัติ ความหมาย
แล้วกะหลง ที่ตนเองปรุงแต่ง สร้างความหมาย
แล้วกะหลง ที่ตนเองปรุงแต่ง สร้างความหมาย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
{ความเห็นใหม่}
๑การไม่พอ ความคิด จัดเป็นโทสะอย่างอ่อน (ก็คงไม่ถูกเพราะโทสะคิกเป็นกิเลสอกุศล การไม่พอใจความคิดจัดเป็นฝ่าย ไม่พอใจความคิดเฉยๆ ไม่ใช่เป็นโทสะ)
๒การพอใจ ความคิด จัดเป็นราคะอย่าง
อ่อน
๓การเฉย ต่อ ความคิด จัดเป็นอุเบกขาสัมโพชฌงค์ แน่ๆ
ความคิดบางลักษณะ พระอนาคามีเจ้า
คงหมดแล้ว ไม่มี คือความคิดในเรื่องกาม
เหลือแต่สามข้อข้างบน
อย่างเช่น จิตมีลักษณะพอใจ ปรุงแต่ง
มานะ ออกมา
๑การไม่พอ ความคิด จัดเป็นโทสะอย่างอ่อน (ก็คงไม่ถูกเพราะโทสะคิกเป็นกิเลสอกุศล การไม่พอใจความคิดจัดเป็นฝ่าย ไม่พอใจความคิดเฉยๆ ไม่ใช่เป็นโทสะ)
๒การพอใจ ความคิด จัดเป็นราคะอย่าง
อ่อน
๓การเฉย ต่อ ความคิด จัดเป็นอุเบกขาสัมโพชฌงค์ แน่ๆ
ความคิดบางลักษณะ พระอนาคามีเจ้า
คงหมดแล้ว ไม่มี คือความคิดในเรื่องกาม
เหลือแต่สามข้อข้างบน
อย่างเช่น จิตมีลักษณะพอใจ ปรุงแต่ง
มานะ ออกมา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หลวงพ่อเลี่ยม
"การปฏิบัติ ไม่ใช่ว่า จะต้องนั่งอย่างเดียว"
"การปฏิบัติ ไม่ใช่ว่า จะต้องนั่งอย่างเดียว"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อยากรู้ไหมว่า ก่อนวันตาย ๑ วัน สภาพร่างกายเป็นอย่างไร?
หลวงปู่ดู่ กล่าว ในช่วงตอนบ่ายวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๓๓ ต่อคณะศิษย์ ว่า "ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายที่ไม่เจ็บปวดเลย ถ้าเป็นคนอื่นคงเข้าห้องไอซียูไปนานแล้ว"
วันต่อมาเป็นวันที่ ๑๗ ต่อนตี ๕ ท่านก็มรณะภาพลง อายุได้ ๘๕ ปี ๘ เดือน
พรรษา ๖๕
เมื่อทราบแล้ว จงเตรียมการรับมือไว้ ด้วยสมาธิระดับฌาน มีหรือยัง
หลวงปู่ดู่ กล่าว ในช่วงตอนบ่ายวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๓๓ ต่อคณะศิษย์ ว่า "ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายที่ไม่เจ็บปวดเลย ถ้าเป็นคนอื่นคงเข้าห้องไอซียูไปนานแล้ว"
วันต่อมาเป็นวันที่ ๑๗ ต่อนตี ๕ ท่านก็มรณะภาพลง อายุได้ ๘๕ ปี ๘ เดือน
พรรษา ๖๕
เมื่อทราบแล้ว จงเตรียมการรับมือไว้ ด้วยสมาธิระดับฌาน มีหรือยัง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้า สมมุติทั้งปวง มาจาก การปรุงแต่ง ที่ดันออกมาจากด้านในต้นกำเนิดจุดเริ่มต้นแห่งการปรุงแต่งภพ
ถ้าย้อนลงไปจุดกำเนิดต้นตอแห่งการปรุงแต่ง อะไรจะเกิดขึ้น
ถ้าย้อนลงไปจุดกำเนิดต้นตอแห่งการปรุงแต่ง อะไรจะเกิดขึ้น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตัดกระแส ความหลงสมมุติ ไปเรื่อยๆ สักวันคงจะแจ้ง.... สังขาระนิโรโธ วิญญาณะนิโรธา ฯลฯ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อะไรเป็นตัวผลิต วิญญาณ ออกมา
อะไรเป็นตัวผลิดสังขาร ออกมาอะไรเป็นตัวผลิตสัญญาออกมา อะไรเป็นตัวผลิตเวทนา ออกมา
ฯลฯ
มันออกมาจากไหน
มันลอกคราบได้ เหมือนงูลอกคราบหรืออย่างไร
มันออกมาจากถ้ำ หรือ อย่างไร
ตอบ: อุททัจจะ
อะไรเป็นตัวผลิดสังขาร ออกมาอะไรเป็นตัวผลิตสัญญาออกมา อะไรเป็นตัวผลิตเวทนา ออกมา
ฯลฯ
มันออกมาจากไหน
มันลอกคราบได้ เหมือนงูลอกคราบหรืออย่างไร
มันออกมาจากถ้ำ หรือ อย่างไร
ตอบ: อุททัจจะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
จะไปยังไงต่อไป ตอบ: พระอรหันต์ เป็นผู้สมบูรณ์ แล้วด้วยสติ เป็นสติอัตตะโนมัติ แล้ว
ตอนนี้จะอยู่ตรงไหนก็ตาม ให้ดู สติ มันอัตตโนมัติแล้วหรือยัง
นิวรณ์๕ อันเป็นอาหารของอวิชชา
ขาดสิ้นแล้วหรือยัง ความหลงการปรุงแต่งสมมุติความหมายต่างๆ มันเข้มแค่ไหน อ่อนแค่ไหน
ตอนนี้จะอยู่ตรงไหนก็ตาม ให้ดู สติ มันอัตตโนมัติแล้วหรือยัง
นิวรณ์๕ อันเป็นอาหารของอวิชชา
ขาดสิ้นแล้วหรือยัง ความหลงการปรุงแต่งสมมุติความหมายต่างๆ มันเข้มแค่ไหน อ่อนแค่ไหน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พุทธปรินิพพาน
[๑๔๑] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า
ดูกรอานนท์บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ปาพจน์มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวกเราไม่มีก็ข้อนี้พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็น ศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา
ดูกรอานนท์ บัดนี้ พวกภิกษุยัง เรียกกันและกันด้วยวาทะว่า อาวุโส ฉันใด โดยกาลล่วงไปแห่งเรา ไม่ควรเรียกกัน ฉันนั้น ภิกษุผู้แก่กว่า พึงเรียกภิกษุผู้อ่อนกว่า โดยชื่อหรือโคตรหรือโดยวาทะว่า อาวุโส แต่ภิกษุผู้อ่อนกว่าพึงเรียกภิกษุผู้แก่กว่าว่า ภันเต หรืออายัสมา
ดูกรอานนท์ โดยล่วงไปแห่งเราสงฆ์จำนงอยู่ ก็จงถอนสิกขาบทเล็กน้อยเสียบ้างได้ โดยล่วงไป แห่งเรา พึงลงพรหมทัณฑ์แก่ฉันนภิกษุ
ท่านพระอานนท์กราบทูลถามว่า ข้าแต่ พระองค์ผู้เจริญ ก็พรหมทัณฑ์เป็นไฉน
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรอานนท์ ฉันนภิกษุพึงพูดได้ตามที่ตนปรารถนา ภิกษุทั้งหลายไม่พึงว่า ไม่พึงกล่าว ไม่พึง สั่งสอน ฯ
[๑๔๒] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมารับสั่งว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลายความสงสัยเคลือแคลงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ใน มรรค หรือในข้อปฏิบัติ จะพึงมี บ้างแก่ภิกษุ แม้รูปหนึ่ง พวกเธอจงถามเถิด อย่าได้มีความร้อนใจภายหลังว่า พระศาสดาอยู่เฉพาะหน้าเราแล้ว ยังมิอาจ ทูลถามพระผู้มีพระภาคในที่เฉพาะพระพักตร์ เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นพากันนิ่ง แม้ครั้งที่สอง ... แม้ครั้งที่สาม พระผู้มีพระภาครับสั่ง กะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสงสัยเคลือบแคลงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในมรรค หรือในข้อปฏิบัติจะพึงมีบ้างแก่ภิกษุแม้รูปหนึ่ง พวกเธอจงถามเถิด อย่าได้มีความร้อนใจในภายหลังว่า พระศาสดาอยู่เฉพาะหน้าเรา แล้ว เรายังมิอาจทูลถามพระผู้มีพระภาคในที่เฉพาะพระพักตร์ แม้ครั้งที่สามภิกษุ เหล่านั้น ก็พากันนิ่ง ฯ
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บางทีพวกเธอ ไม่ถาม แม้เพราะความเคารพในพระศาสดา แม้ภิกษุผู้เป็นสหาย ก็จงบอกแก่ภิกษุผู้สหายเถิด เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุพวกนั้น พากันนิ่ง ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาแล้ว ข้าพระองค์เลื่อมใส ในภิกษุสงฆ์อย่างนี้ว่า ความสงสัยเคลือบแคลงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในมรรค หรือ ในข้อปฏิบัติ มิได้มีแก่ภิกษุแม้รูปหนึ่ง ในภิกษุสงฆ์นี้ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกร อานนท์ เธอพูดเพราะความเลื่อมใสตถาคตหยั่งรู้ในข้อนี้เหมือนกันว่า ความสงสัย เคลือบแคลงใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในมรรค หรือในข้อปฏิบัติ มิได้มีแก่ภิกษุแม้รูปหนึ่ง ในภิกษุสงฆ์นี้ บรรดาภิกษุ ๕๐๐ รูปนี้ ภิกษุรูปที่ต่ำที่สุด ก็เป็นโสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงมีอันจะตรัสรู้ในภายหน้า ฯ
[๑๔๓] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาท ให้ถึงพร้อมเถิด ฯ
นี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต ฯ
[๑๔๔] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงเข้าปฐมฌานออกจากปฐมฌาน แล้ว ทรงเข้า ทุติยฌาน ออกจากทุติยฌานแล้ว ทรงเข้าตติยฌาน ออกจาก ตติยฌานแล้ว ทรงเข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานแล้ว ทรงเข้าอากาสนัญจาย ตนะ ออกจากอากาสนัญจายตนสมาบัติแล้ว ทรง เข้าวิญญาณัญจายตนะ ออกจาก วิญญาณัญจายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าอากิญจัญญายตนะ ออกจาก อากิญจัญญายตน สมาบัติแล้ว ทรงเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ ออกจากเนวสัญญานาสัญญายตน สมาบัติแล้ว ทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ ฯ
ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ได้กล่าวถามท่านพระอนุรุทธะว่าพระผู้มีพระภาคเสด็จ ปรินิพพานแล้วหรือ ท่านพระอนุรุทธะตอบว่าอานนท์ผู้มีอายุ พระผู้มีพระภาคยังไม่เสด็จ ปรินิพพาน ทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ ฯ
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติแล้ว ทรง เข้าเนวสัญญานา สัญญายตนะ ออกจากเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าอากิญจัญญายตนะ ออกจาก อากิญจัญญายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าวิญญาณัญ จายตนะ ออกจากวิญญานัญจายตนสมาบัติแล้วทรงเข้าอากาสานัญจายตนะ ออกจากอากาสนัญจายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าจตุตถฌาน ออกจาก จตุตถฌานแล้ว ทรงเข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว ทรงเข้าทุติยฌานออกจากทุติยฌาน แล้ว ทรงเข้าปฐมฌาน ออกจากปฐมฌานแล้ว ทรงเข้าทุติยฌาน ออกจาก ทุติยฌานแล้ว ทรงเข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว ทรงเข้าจตุตถฌาน พระผู้มีพระภาคออกจากจตุตถฌานแล้ว เสด็จปรินิพพานในลำดับ (แห่งการพิจารณาองค์จตุตถฌานนั้น) ฯ
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๐
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
หน้าที่ ๑๒๓-๑๒๔ ข้อที่ ๑๔๑ - ๑๔๔
[๑๔๑] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า
ดูกรอานนท์บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ปาพจน์มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวกเราไม่มีก็ข้อนี้พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็น ศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา
ดูกรอานนท์ บัดนี้ พวกภิกษุยัง เรียกกันและกันด้วยวาทะว่า อาวุโส ฉันใด โดยกาลล่วงไปแห่งเรา ไม่ควรเรียกกัน ฉันนั้น ภิกษุผู้แก่กว่า พึงเรียกภิกษุผู้อ่อนกว่า โดยชื่อหรือโคตรหรือโดยวาทะว่า อาวุโส แต่ภิกษุผู้อ่อนกว่าพึงเรียกภิกษุผู้แก่กว่าว่า ภันเต หรืออายัสมา
ดูกรอานนท์ โดยล่วงไปแห่งเราสงฆ์จำนงอยู่ ก็จงถอนสิกขาบทเล็กน้อยเสียบ้างได้ โดยล่วงไป แห่งเรา พึงลงพรหมทัณฑ์แก่ฉันนภิกษุ
ท่านพระอานนท์กราบทูลถามว่า ข้าแต่ พระองค์ผู้เจริญ ก็พรหมทัณฑ์เป็นไฉน
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรอานนท์ ฉันนภิกษุพึงพูดได้ตามที่ตนปรารถนา ภิกษุทั้งหลายไม่พึงว่า ไม่พึงกล่าว ไม่พึง สั่งสอน ฯ
[๑๔๒] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมารับสั่งว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลายความสงสัยเคลือแคลงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ใน มรรค หรือในข้อปฏิบัติ จะพึงมี บ้างแก่ภิกษุ แม้รูปหนึ่ง พวกเธอจงถามเถิด อย่าได้มีความร้อนใจภายหลังว่า พระศาสดาอยู่เฉพาะหน้าเราแล้ว ยังมิอาจ ทูลถามพระผู้มีพระภาคในที่เฉพาะพระพักตร์ เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นพากันนิ่ง แม้ครั้งที่สอง ... แม้ครั้งที่สาม พระผู้มีพระภาครับสั่ง กะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสงสัยเคลือบแคลงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในมรรค หรือในข้อปฏิบัติจะพึงมีบ้างแก่ภิกษุแม้รูปหนึ่ง พวกเธอจงถามเถิด อย่าได้มีความร้อนใจในภายหลังว่า พระศาสดาอยู่เฉพาะหน้าเรา แล้ว เรายังมิอาจทูลถามพระผู้มีพระภาคในที่เฉพาะพระพักตร์ แม้ครั้งที่สามภิกษุ เหล่านั้น ก็พากันนิ่ง ฯ
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บางทีพวกเธอ ไม่ถาม แม้เพราะความเคารพในพระศาสดา แม้ภิกษุผู้เป็นสหาย ก็จงบอกแก่ภิกษุผู้สหายเถิด เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุพวกนั้น พากันนิ่ง ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาแล้ว ข้าพระองค์เลื่อมใส ในภิกษุสงฆ์อย่างนี้ว่า ความสงสัยเคลือบแคลงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในมรรค หรือ ในข้อปฏิบัติ มิได้มีแก่ภิกษุแม้รูปหนึ่ง ในภิกษุสงฆ์นี้ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกร อานนท์ เธอพูดเพราะความเลื่อมใสตถาคตหยั่งรู้ในข้อนี้เหมือนกันว่า ความสงสัย เคลือบแคลงใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในมรรค หรือในข้อปฏิบัติ มิได้มีแก่ภิกษุแม้รูปหนึ่ง ในภิกษุสงฆ์นี้ บรรดาภิกษุ ๕๐๐ รูปนี้ ภิกษุรูปที่ต่ำที่สุด ก็เป็นโสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงมีอันจะตรัสรู้ในภายหน้า ฯ
[๑๔๓] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาท ให้ถึงพร้อมเถิด ฯ
นี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต ฯ
[๑๔๔] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงเข้าปฐมฌานออกจากปฐมฌาน แล้ว ทรงเข้า ทุติยฌาน ออกจากทุติยฌานแล้ว ทรงเข้าตติยฌาน ออกจาก ตติยฌานแล้ว ทรงเข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานแล้ว ทรงเข้าอากาสนัญจาย ตนะ ออกจากอากาสนัญจายตนสมาบัติแล้ว ทรง เข้าวิญญาณัญจายตนะ ออกจาก วิญญาณัญจายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าอากิญจัญญายตนะ ออกจาก อากิญจัญญายตน สมาบัติแล้ว ทรงเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ ออกจากเนวสัญญานาสัญญายตน สมาบัติแล้ว ทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ ฯ
ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ได้กล่าวถามท่านพระอนุรุทธะว่าพระผู้มีพระภาคเสด็จ ปรินิพพานแล้วหรือ ท่านพระอนุรุทธะตอบว่าอานนท์ผู้มีอายุ พระผู้มีพระภาคยังไม่เสด็จ ปรินิพพาน ทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ ฯ
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติแล้ว ทรง เข้าเนวสัญญานา สัญญายตนะ ออกจากเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าอากิญจัญญายตนะ ออกจาก อากิญจัญญายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าวิญญาณัญ จายตนะ ออกจากวิญญานัญจายตนสมาบัติแล้วทรงเข้าอากาสานัญจายตนะ ออกจากอากาสนัญจายตนสมาบัติแล้ว ทรงเข้าจตุตถฌาน ออกจาก จตุตถฌานแล้ว ทรงเข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว ทรงเข้าทุติยฌานออกจากทุติยฌาน แล้ว ทรงเข้าปฐมฌาน ออกจากปฐมฌานแล้ว ทรงเข้าทุติยฌาน ออกจาก ทุติยฌานแล้ว ทรงเข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว ทรงเข้าจตุตถฌาน พระผู้มีพระภาคออกจากจตุตถฌานแล้ว เสด็จปรินิพพานในลำดับ (แห่งการพิจารณาองค์จตุตถฌานนั้น) ฯ
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๐
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
หน้าที่ ๑๒๓-๑๒๔ ข้อที่ ๑๔๑ - ๑๔๔
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#เมตตาอัปปมัญญาภาวนา
บทสวดแผ่เมตตา เมตตาอัปปมัญญาภาวนา (บทแผ่เมตตาโดยไม่มีประมาณ)
เป็นบทสวดการแผ่้เมตตาขั้นสูง ให้ตั้งแต่ เทวดา พระอริยเจ้า ภิกษุ โยคี นักบวช มนุษย์ อมนุษย์ ไปถึง อสูร ภูติ เปรต วิญญาน และ สัตว์ รวมครบ ทุกพวก ทุกเหล่า ทั้งสามโลก ทุกทิศ ตั้งแต่สวรรค์ ถึงนรกภูมิ
อานิสงส์ อัปปมัญญา ๔
การเจริญ อัปปมัญญาพรหมวิหาร ๔ นั้น เป็นกิจที่ควรกระทำโดยแท้ เพราะเป็นธรรมอันเย็นใจของสัตว์โลกทั่วไป ตลอดถึงบิดามารดาวงศาคณาญาติ มิตรสหายและสัตว์ทุกจำพวก อีกประการหนึ่งพรหมวิหารนี้ เมื่อทำให้เกิดในใจจริงๆ แล้ว ย่อมระงับเวรภัยพยาบาทได้โดยเด็ดขาด ฉะนั้นพระศาสดาจารย์จึงเตือนพระภิกษุทั้งหลายว่า
เมตฺตาย ภิกฺขเว เจโตวิมุตฺติยา อาเสวิตาย ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฺฐิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธาน เอกาทสานิสํสา ปาฏิกงฺขา กตเม เอกาทส สุขํ สุปติ สุขํ ปฏิพุชฺฌติ น ปาปกํ สุปินํ ปสฺสติ มนุสฺสายํ ปิโย โหติ อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ เทวตา รกฺขนฺติ นาสฺส อคฺคิ วา วิสํ วา สตฺถํ วา กมติ ตุวฏํ จิตฺตํ สมาธิยิ มุขวณฺโณ วิปฺปสีทติ อสมฺมุฬฺโห กาลํ กโรติ อุตฺตรึ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต พฺรหฺมโลกูปโค โหติฯ
แปลเนื้อความว่า
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย (ในธรรมวินัยนี้) ความหลุดพ้นวิเศษ (จากพยาบาทและเวรภัย)ด้วยอำนาจแห่งจิตเมตตา ที่บุคคลซ้องเสพแล้วโดยชอบ กระทำให้เกิดมีขึ้นแก่ตน และกระทำให้มากแล้ว ทำกระแสจิตเดินเหมือนยาน (ที่ให้สำเร็จการไปในสถานที่ต้องการ ) ทำให้เป็นวัตถุแล้ว มิได้หยุดยั้งแห่งการทำจิตและได้สะสมขึ้นแล้ว ปรารถให้สม่ำเสมอ (ไม่ให้เผลอตัวในอิริยาบถทั้ง ๔ แล้ว) บุคคลผู้นั้นหวังอานิสงส์ได้ ๑๑ ประการ ดังนี้
๑.นอนหลับสบาย
๒.ตื่นขึ้นก็สบาย
๓.ไม่ฝันร้าย
๔.คนรัก
๕.อมนุษย์รัก
๖.เทวดารัก
๖.คุ้มกันอันตราย
๗.จิตตั้งมั่น
๘.ผิวพรรณผ่องใส
๑๐.ไม่ตายอย่างหลงใหลลืมสติ
๑๑.ถ้าไม่บรรลุนิพพานเมื่อตายจะไปสู่พรหมโลก
และย่อมได้ความเย็นใจ คือ ทำการงานทางกายก็ดี พูดทางวาจาก็ดี คิดทางใจก็ดี ให้มีเมตตาจิตอยู่ทุกเมื่อ ย่อมเป็นไปเพื่อพ้นทุกข์ดังนี้ ถ้าใครเจริญอยู่เป็นนิตย์ ย่อมมีอำนาจทำให้สัตว์ทั้งหลาย รับความเย็นใจไปจากจิตของบุคคลที่มีเมตตานั้น ด้วยเหตุนั้นผู้ทำสมาธิจำเป็นต้องทำโดยแท้ ที่จำต้องทำให้มีขึ้นพร้อมทั้งกายวาจาใจ บางแห่งท่านให้เจริญแก่ท่านผู้มีโทสะจริต แต่ในที่นี้จะเป็นจริตอะไรก็ตาม จำจะต้องทำก่อน ถ้าจริตเป็นโทสะอยู่แล้วยิ่งจะสะดวกเข้าในการทำสมาธิจิต
พรหมวิหารนี้นัยหนึ่งท่านเรียกว่า พรหม ๔ หน้า หรือกำแพงสี่ทิศ เป็นเครื่องล้อมจิตโดยรอบ ถ้าใครทำให้มีขึ้นแล้ว จิตดวงนั้นย่อมไม่มีภัยเลย ถ้าจะพูดถึงการบำเพ็ญบุญกิริยาวัตถุแล้วก็ดีมาก เป็นต้นว่าทำทานด้วยเมตตาจิต รักษาศีลด้วยเมตตาจิต ทำสมาธิด้วยเมตตาจิต เมื่อทำได้เช่นนี้ย่อมได้รับกุศลอันแรงกล้า เมตตาจิตนี้เปรียบประหนึ่งว่า เมล็ดฝนที่สะอาดตกลงมาจากท้องฟ้า แล้วยังให้ผลแก่ติณชาติ รุกขชาติงอกงามแช่มชื่นเต็มที่ และเป็นที่ตั้งของมนุษย์ทุกเหล่า เหตุนั้นผู้แสวงบุญควรตรวจดูจิตขอตนอยู่เสมอๆ ว่า เรามีเมตตาจิตหรือไม่ เพื่อจะได้กระทำบำเพ็ญให้มีขึ้นทางกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ให้ถูกทางแห่งความสุขต่อไป ข้อสำคัญ เมตตานี้สำคัญมากที่จิต ถ้าจิตไม่มีเมตตาแล้ว รักษากายวาจายาก ถ้าหากจิตประกอบด้วยเมตตาจริงๆ แล้ว ความเศร้าหมองย่อมไม่มีแก่กายและวาจา กายวาจาเขาย่อมไม่รับ จิตจะเป็นผู้รับเอาผลชั่วทั้งหมด
--------------------------------------
#บทสวดแผ่เมตตา เมตตาอัปปมัญญาภาวนา
อะหัง อะเวโร โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ปราศจากเวร)
อัพยาปัชโฌ โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน)
อะนีโฆ โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ)
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ (ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ)
มะมะ มาตาปิตุ ( ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า )
อาจาริยา จะ ญาติมิตตา ( จะ ครูอาจารย์ และญาติมิตร )
สะพราหมะจาริโน จะ ( ผู้ประพฤติธรรมทั้งปวง )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปริหะรันตุ (ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ)
อิมัสมิง อาราเม สัพเพ โยคิโน (ขอให้ท่านโยคี ( ผู้ทรงสมาธิ) ทั้งปวงในเขตนี้ )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
อิมัสมิง อาราเม สัพเพ ภิกขู ( ขอพระภิกษทั้งหลายทั้งปวงที่อยู่ในเขตนี้ )
สามะเณรา จะ ( และสามเณร )
อุปาสะกา อุปาสิกายา จะ ( ทั้งอุบาสกและ อุบาสิกา )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
อัมหากัง จะตุปัจจายะทายะกา ( ขอทายกทายิกา ผู้ให้ปัจจัย๔ แก่พวกเราทั้งหลาย )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
อัมหากัง อารักขา เทวาตา ( ขอเทวดาผู้อารักขาเราทั้งหลาย )
อิมัสมิง วิหาเร ( ในวิหารแห่งนี้ )
อิมัสมิง อาวาเส ( ในอาวาสแห่งนี้ )
อิมัสมิง อาราเม ( ในอารามแห่งนี้ )
อารักขา เทวาตา ( ขอเทวาผู้รักษาสถานที่เหล่านี้ )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
สัพเพ สัตตา ( ขอสัตว์ทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ ปาณา ( ขอสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย )
สัพเพ ภูตา ( ขอภูติทั้งหลาย )
สัพเพ ปุคคะลา ( ขอบุคคลทั้งหลาย )
สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา ( ขอผู้มีอัตภาพทั้งหลาย )
สัพพา อิตถีโย ( ขอสตรีทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ ปุริสา ( ขอบุรุษทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ อริยา ( ขอพระอริยเจ้าทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ อนริยา ( ขอผู้ยังไม่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ เทวา ( ขอเทวาทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ มนุสสา ( ขอมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ วินิปาติกา ( ขอสัตว์วินิปาติกะทั้งหลาย ทั้งปวง )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน)
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
ทุกขา มุจจันตุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายจงปราศจากความทุกข์ )
ยถา ลัทธาสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ ( จงอย่าพลัดพรากจากสมบัติที่ได้มา )
กัมมัสสะกา ( ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น )
ปุรถิมายะ ทิสายะ ( ขอสัตว์ทั้งปวง ในทิศบูรพา ( ทิศตะวันออก )
ปัจฉิมายะ ทิสายะ ( ในทิศปัจฉิม ( ทิศตะวันตก )
อุตตรายะ ทิสายะ ( ในทิศอุดร ( ทิศเหนือ )
ทักขิณายะ ทิสายะ ( ในทิศทักษิณ ( ทิศใต้ )
ปุรถิมายะ อนุทิสายะ ( ในทิศอาคเนย์ ( ทิศตะวันออกเฉียงใต้ )
ปัจฉิมายะ อนุทิสายะ ( ในทิศพายัพ ( ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ )
อุตตระ อนุทิสายะ ( ในทิศอิสาน ( ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ )
ทักขิณายะ อนุทิสายะ ( ในทิศหรดี ( ตะวันตกเฉียงใต้ )
เหฎฐิมายะ ทิสายะ ( ในทิศเบื้องล่าง )
อุปาริมายะ ทิสายะ ( ในทิศเบื้องบน )
สัพเพ สัตตา ( ขอสัตว์ทั้งหลาย )
สัพเพ ปาณา ( ขอสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย )
สัพเพ ภูตา ( ขอภูติทั้งหลาย )
สัพเพ ปุคคะลา ( ขอบุคคลทั้งหลาย )
สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา ( ขอผู้มีอัตภาพทั้งหลาย )
สัพพา อิตถีโย ( ขอสตรีทั้งหลาย )
สัพเพ ปุริสา ( ขอบุรุษทั้งหลาย )
สัพเพ อริยา ( ขอพระอริยเจ้าทั้งหลาย )
สัพเพ อนริยา ( ขอผู้ยังไม่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย )
สัพเพ เทวา ( ขอเทวา ทั้งหลาย )
สัพเพ มนุสสา ( ขอมนุษย์ทั้งหลาย )
สัพเพ วินิปาติกา ( ขอสัตว์วินิปาติกะทั้งหลาย )
อะเวรา โหนตุ ( อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย )
อะนีฆา โหนตุ ( อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย )
สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ( จงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
ทุกขา มุจจันตุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายจงปราศจากความทุกข์ )
ยถา ลัทธา สัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ ( จงอย่าพลัดพรากจากสมบัติที่ได้มา )
กัมมัสสะกา ( ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น )
อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( และสัตว์ที่อยู่สูงขึ้นไปจนถึงภวัคคภูมิ )
อโธ ยาวะ อวิจจิโต ( และสัตว์ที่อยู่เบื้องล่างจนถึงอเวจีมหานรก )
สมันตา จักกะวาเลสุ ( สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล )
เย สัตตา ปถวิจารา ( ไม่ว่าสัตว์ใดที่อุบัติบนพื้นปฐพี )
อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ และอุปัทวันตราย )
อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( ขอสัตว์ที่อยู่สูงขึ้นไปถึงภวัคคภูมิ )
อโธ ยาวะ อวิจจิโต ( และสัตว์อยู่เบื้องล่างในอเวจีมหานรก )
สมันตา จักกะวาเลสุ ( สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล )
เย สัตตา อุทักเขจารา ( ขอสัตว์ทั้งหลายผู้เกิดในน้ำ )
อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงอย่าได้เบียดเบียนใครเลย อย่าได้มีเวรกับใครเลย )
นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ ปราศจากอุปัทวันตราย )
อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( ขอสัตว์ในโลกธาตุอื่น ที่อยูเบื้องบนคือภวัคคภูมิลงมา )
อโธ ยาวะ อวิจิโต ( ตั้งแต่อเวจีมหานรกขึ้นไป )
สมันตา จักกะวาเฬสุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายในจักรวาลโดยรอบๆ )
เย สัตตา ปถวิจารา ( ไม่ว่าสัตว์ใดที่อุบัติบนพื้นปฐพี )
อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงอย่าได้เบียดเบียนใครเลย อย่าได้มีเวรกับใครเลย )
นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ ปราศจากอุปัทวันตราย ทั้งสิ้นเทอญฯ )
---------------------------
ป.ล.ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ
: เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
mk007
10/12/59
บทสวดแผ่เมตตา เมตตาอัปปมัญญาภาวนา (บทแผ่เมตตาโดยไม่มีประมาณ)
เป็นบทสวดการแผ่้เมตตาขั้นสูง ให้ตั้งแต่ เทวดา พระอริยเจ้า ภิกษุ โยคี นักบวช มนุษย์ อมนุษย์ ไปถึง อสูร ภูติ เปรต วิญญาน และ สัตว์ รวมครบ ทุกพวก ทุกเหล่า ทั้งสามโลก ทุกทิศ ตั้งแต่สวรรค์ ถึงนรกภูมิ
อานิสงส์ อัปปมัญญา ๔
การเจริญ อัปปมัญญาพรหมวิหาร ๔ นั้น เป็นกิจที่ควรกระทำโดยแท้ เพราะเป็นธรรมอันเย็นใจของสัตว์โลกทั่วไป ตลอดถึงบิดามารดาวงศาคณาญาติ มิตรสหายและสัตว์ทุกจำพวก อีกประการหนึ่งพรหมวิหารนี้ เมื่อทำให้เกิดในใจจริงๆ แล้ว ย่อมระงับเวรภัยพยาบาทได้โดยเด็ดขาด ฉะนั้นพระศาสดาจารย์จึงเตือนพระภิกษุทั้งหลายว่า
เมตฺตาย ภิกฺขเว เจโตวิมุตฺติยา อาเสวิตาย ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฺฐิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธาน เอกาทสานิสํสา ปาฏิกงฺขา กตเม เอกาทส สุขํ สุปติ สุขํ ปฏิพุชฺฌติ น ปาปกํ สุปินํ ปสฺสติ มนุสฺสายํ ปิโย โหติ อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ เทวตา รกฺขนฺติ นาสฺส อคฺคิ วา วิสํ วา สตฺถํ วา กมติ ตุวฏํ จิตฺตํ สมาธิยิ มุขวณฺโณ วิปฺปสีทติ อสมฺมุฬฺโห กาลํ กโรติ อุตฺตรึ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต พฺรหฺมโลกูปโค โหติฯ
แปลเนื้อความว่า
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย (ในธรรมวินัยนี้) ความหลุดพ้นวิเศษ (จากพยาบาทและเวรภัย)ด้วยอำนาจแห่งจิตเมตตา ที่บุคคลซ้องเสพแล้วโดยชอบ กระทำให้เกิดมีขึ้นแก่ตน และกระทำให้มากแล้ว ทำกระแสจิตเดินเหมือนยาน (ที่ให้สำเร็จการไปในสถานที่ต้องการ ) ทำให้เป็นวัตถุแล้ว มิได้หยุดยั้งแห่งการทำจิตและได้สะสมขึ้นแล้ว ปรารถให้สม่ำเสมอ (ไม่ให้เผลอตัวในอิริยาบถทั้ง ๔ แล้ว) บุคคลผู้นั้นหวังอานิสงส์ได้ ๑๑ ประการ ดังนี้
๑.นอนหลับสบาย
๒.ตื่นขึ้นก็สบาย
๓.ไม่ฝันร้าย
๔.คนรัก
๕.อมนุษย์รัก
๖.เทวดารัก
๖.คุ้มกันอันตราย
๗.จิตตั้งมั่น
๘.ผิวพรรณผ่องใส
๑๐.ไม่ตายอย่างหลงใหลลืมสติ
๑๑.ถ้าไม่บรรลุนิพพานเมื่อตายจะไปสู่พรหมโลก
และย่อมได้ความเย็นใจ คือ ทำการงานทางกายก็ดี พูดทางวาจาก็ดี คิดทางใจก็ดี ให้มีเมตตาจิตอยู่ทุกเมื่อ ย่อมเป็นไปเพื่อพ้นทุกข์ดังนี้ ถ้าใครเจริญอยู่เป็นนิตย์ ย่อมมีอำนาจทำให้สัตว์ทั้งหลาย รับความเย็นใจไปจากจิตของบุคคลที่มีเมตตานั้น ด้วยเหตุนั้นผู้ทำสมาธิจำเป็นต้องทำโดยแท้ ที่จำต้องทำให้มีขึ้นพร้อมทั้งกายวาจาใจ บางแห่งท่านให้เจริญแก่ท่านผู้มีโทสะจริต แต่ในที่นี้จะเป็นจริตอะไรก็ตาม จำจะต้องทำก่อน ถ้าจริตเป็นโทสะอยู่แล้วยิ่งจะสะดวกเข้าในการทำสมาธิจิต
พรหมวิหารนี้นัยหนึ่งท่านเรียกว่า พรหม ๔ หน้า หรือกำแพงสี่ทิศ เป็นเครื่องล้อมจิตโดยรอบ ถ้าใครทำให้มีขึ้นแล้ว จิตดวงนั้นย่อมไม่มีภัยเลย ถ้าจะพูดถึงการบำเพ็ญบุญกิริยาวัตถุแล้วก็ดีมาก เป็นต้นว่าทำทานด้วยเมตตาจิต รักษาศีลด้วยเมตตาจิต ทำสมาธิด้วยเมตตาจิต เมื่อทำได้เช่นนี้ย่อมได้รับกุศลอันแรงกล้า เมตตาจิตนี้เปรียบประหนึ่งว่า เมล็ดฝนที่สะอาดตกลงมาจากท้องฟ้า แล้วยังให้ผลแก่ติณชาติ รุกขชาติงอกงามแช่มชื่นเต็มที่ และเป็นที่ตั้งของมนุษย์ทุกเหล่า เหตุนั้นผู้แสวงบุญควรตรวจดูจิตขอตนอยู่เสมอๆ ว่า เรามีเมตตาจิตหรือไม่ เพื่อจะได้กระทำบำเพ็ญให้มีขึ้นทางกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ให้ถูกทางแห่งความสุขต่อไป ข้อสำคัญ เมตตานี้สำคัญมากที่จิต ถ้าจิตไม่มีเมตตาแล้ว รักษากายวาจายาก ถ้าหากจิตประกอบด้วยเมตตาจริงๆ แล้ว ความเศร้าหมองย่อมไม่มีแก่กายและวาจา กายวาจาเขาย่อมไม่รับ จิตจะเป็นผู้รับเอาผลชั่วทั้งหมด
--------------------------------------
#บทสวดแผ่เมตตา เมตตาอัปปมัญญาภาวนา
อะหัง อะเวโร โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ปราศจากเวร)
อัพยาปัชโฌ โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน)
อะนีโฆ โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ)
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ (ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ)
มะมะ มาตาปิตุ ( ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า )
อาจาริยา จะ ญาติมิตตา ( จะ ครูอาจารย์ และญาติมิตร )
สะพราหมะจาริโน จะ ( ผู้ประพฤติธรรมทั้งปวง )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปริหะรันตุ (ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ)
อิมัสมิง อาราเม สัพเพ โยคิโน (ขอให้ท่านโยคี ( ผู้ทรงสมาธิ) ทั้งปวงในเขตนี้ )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
อิมัสมิง อาราเม สัพเพ ภิกขู ( ขอพระภิกษทั้งหลายทั้งปวงที่อยู่ในเขตนี้ )
สามะเณรา จะ ( และสามเณร )
อุปาสะกา อุปาสิกายา จะ ( ทั้งอุบาสกและ อุบาสิกา )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
อัมหากัง จะตุปัจจายะทายะกา ( ขอทายกทายิกา ผู้ให้ปัจจัย๔ แก่พวกเราทั้งหลาย )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
อัมหากัง อารักขา เทวาตา ( ขอเทวดาผู้อารักขาเราทั้งหลาย )
อิมัสมิง วิหาเร ( ในวิหารแห่งนี้ )
อิมัสมิง อาวาเส ( ในอาวาสแห่งนี้ )
อิมัสมิง อาราเม ( ในอารามแห่งนี้ )
อารักขา เทวาตา ( ขอเทวาผู้รักษาสถานที่เหล่านี้ )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
สัพเพ สัตตา ( ขอสัตว์ทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ ปาณา ( ขอสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย )
สัพเพ ภูตา ( ขอภูติทั้งหลาย )
สัพเพ ปุคคะลา ( ขอบุคคลทั้งหลาย )
สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา ( ขอผู้มีอัตภาพทั้งหลาย )
สัพพา อิตถีโย ( ขอสตรีทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ ปุริสา ( ขอบุรุษทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ อริยา ( ขอพระอริยเจ้าทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ อนริยา ( ขอผู้ยังไม่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ เทวา ( ขอเทวาทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ มนุสสา ( ขอมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งปวง )
สัพเพ วินิปาติกา ( ขอสัตว์วินิปาติกะทั้งหลาย ทั้งปวง )
อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน)
อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ )
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
ทุกขา มุจจันตุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายจงปราศจากความทุกข์ )
ยถา ลัทธาสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ ( จงอย่าพลัดพรากจากสมบัติที่ได้มา )
กัมมัสสะกา ( ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น )
ปุรถิมายะ ทิสายะ ( ขอสัตว์ทั้งปวง ในทิศบูรพา ( ทิศตะวันออก )
ปัจฉิมายะ ทิสายะ ( ในทิศปัจฉิม ( ทิศตะวันตก )
อุตตรายะ ทิสายะ ( ในทิศอุดร ( ทิศเหนือ )
ทักขิณายะ ทิสายะ ( ในทิศทักษิณ ( ทิศใต้ )
ปุรถิมายะ อนุทิสายะ ( ในทิศอาคเนย์ ( ทิศตะวันออกเฉียงใต้ )
ปัจฉิมายะ อนุทิสายะ ( ในทิศพายัพ ( ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ )
อุตตระ อนุทิสายะ ( ในทิศอิสาน ( ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ )
ทักขิณายะ อนุทิสายะ ( ในทิศหรดี ( ตะวันตกเฉียงใต้ )
เหฎฐิมายะ ทิสายะ ( ในทิศเบื้องล่าง )
อุปาริมายะ ทิสายะ ( ในทิศเบื้องบน )
สัพเพ สัตตา ( ขอสัตว์ทั้งหลาย )
สัพเพ ปาณา ( ขอสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย )
สัพเพ ภูตา ( ขอภูติทั้งหลาย )
สัพเพ ปุคคะลา ( ขอบุคคลทั้งหลาย )
สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา ( ขอผู้มีอัตภาพทั้งหลาย )
สัพพา อิตถีโย ( ขอสตรีทั้งหลาย )
สัพเพ ปุริสา ( ขอบุรุษทั้งหลาย )
สัพเพ อริยา ( ขอพระอริยเจ้าทั้งหลาย )
สัพเพ อนริยา ( ขอผู้ยังไม่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย )
สัพเพ เทวา ( ขอเทวา ทั้งหลาย )
สัพเพ มนุสสา ( ขอมนุษย์ทั้งหลาย )
สัพเพ วินิปาติกา ( ขอสัตว์วินิปาติกะทั้งหลาย )
อะเวรา โหนตุ ( อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย )
อัพยาปัชฌา โหนตุ ( อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย )
อะนีฆา โหนตุ ( อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย )
สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ( จงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ )
ทุกขา มุจจันตุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายจงปราศจากความทุกข์ )
ยถา ลัทธา สัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ ( จงอย่าพลัดพรากจากสมบัติที่ได้มา )
กัมมัสสะกา ( ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น )
อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( และสัตว์ที่อยู่สูงขึ้นไปจนถึงภวัคคภูมิ )
อโธ ยาวะ อวิจจิโต ( และสัตว์ที่อยู่เบื้องล่างจนถึงอเวจีมหานรก )
สมันตา จักกะวาเลสุ ( สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล )
เย สัตตา ปถวิจารา ( ไม่ว่าสัตว์ใดที่อุบัติบนพื้นปฐพี )
อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน )
นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ และอุปัทวันตราย )
อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( ขอสัตว์ที่อยู่สูงขึ้นไปถึงภวัคคภูมิ )
อโธ ยาวะ อวิจจิโต ( และสัตว์อยู่เบื้องล่างในอเวจีมหานรก )
สมันตา จักกะวาเลสุ ( สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล )
เย สัตตา อุทักเขจารา ( ขอสัตว์ทั้งหลายผู้เกิดในน้ำ )
อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงอย่าได้เบียดเบียนใครเลย อย่าได้มีเวรกับใครเลย )
นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ ปราศจากอุปัทวันตราย )
อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( ขอสัตว์ในโลกธาตุอื่น ที่อยูเบื้องบนคือภวัคคภูมิลงมา )
อโธ ยาวะ อวิจิโต ( ตั้งแต่อเวจีมหานรกขึ้นไป )
สมันตา จักกะวาเฬสุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายในจักรวาลโดยรอบๆ )
เย สัตตา ปถวิจารา ( ไม่ว่าสัตว์ใดที่อุบัติบนพื้นปฐพี )
อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงอย่าได้เบียดเบียนใครเลย อย่าได้มีเวรกับใครเลย )
นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ ปราศจากอุปัทวันตราย ทั้งสิ้นเทอญฯ )
---------------------------
ป.ล.ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ
: เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
mk007
10/12/59
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"สิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรทำความผูกพัน เพราะเป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้วอย่างแท้จริง
แม้กระทำความผูกพันและมั่นใจในสิ่งนั้นกลับมาเป็นปัจจุบันก็เป็นไปไม่ได้
ผู้ทำความสำคัญมั่นหมายนั้นเป็นทุกข์แต่ผู้เดียวโดยความไม่สมหวังตลอดไป
อนาคตที่ยังมาไม่ถึงนั้นเป็นสิ่งไม่ควรไปยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องเช่นกัน อดีตปล่อยไว้ตามอดีต
อนาคตปล่อยไว้ตามกาลของมัน
ปัจจุบันเท่านั้นจะสำเร็จประโยชน์ได้เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ ไม่สุดวิสัย"
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
แม้กระทำความผูกพันและมั่นใจในสิ่งนั้นกลับมาเป็นปัจจุบันก็เป็นไปไม่ได้
ผู้ทำความสำคัญมั่นหมายนั้นเป็นทุกข์แต่ผู้เดียวโดยความไม่สมหวังตลอดไป
อนาคตที่ยังมาไม่ถึงนั้นเป็นสิ่งไม่ควรไปยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องเช่นกัน อดีตปล่อยไว้ตามอดีต
อนาคตปล่อยไว้ตามกาลของมัน
ปัจจุบันเท่านั้นจะสำเร็จประโยชน์ได้เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ ไม่สุดวิสัย"
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่ละพยายาม แม้ยาวนานชั่วกัปกัลป์!! ย้อนเล่า "สุเมธ ดาบส"บุรุษผู้ได้รับคำนายว่า อีก ๔ อสงไขแสนกัป ดาบสผู้นี้จะได้เป็นองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า !
ในสมัยพระทีปังกรพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ของเราทรงถือกำเนิดในตระกูลพราหมณ์ มีชื่อว่า สุเมธ เป็นผู้คงแก่เรียนเชี่ยวชาญในศาสตร์ทั้งหลายที่มีอยู่ในศาสนาพราหมณ์ เมื่อบิดามารดาละโลกไปแล้ว เบื่อหน่ายในการเวียนว่ายตายเกิด จึงสละทรัพย์ถวายพระราชาใช้บำรุงบ้านเมือง แล้วออกบวชเป็นดาบสอยู่ในป่าหิมพานต์ ทำความเพียรอยู่ ๗ วัน บรรลุฌาน อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ มีความสุขในการเข้าฌาน
วันหนึ่งท่านสุเมธดาบสออกจากฌานสมาบัติ เหาะไปในอากาศ เห็นชาวเมืองช่วยกันแผ้วถางหนทาง และปรับพื้นที่ให้เป็นทางเดินกันอยู่มากมาย จึงลงจากอากาศไปสอบถาม ได้รับคำตอบว่าเตรียมหนทางให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยเหล่าภิกษุสงฆ์อรหันตสาวก ๔ แสนรูป เสด็จบิณฑบาตตามที่ชาวเมืองทูลอาราธนาไว้
เมื่อสุเมธดาบสได้ยินคำว่า พุทธะ ก็มีความปีติตื่นเต้นยินดีเป็นที่ยิ่ง จึงขอมีส่วนร่วมในการทำทางบ้าง ชาวเมืองแบ่งส่วนที่เป็นโคลนตมให้ เพราะเห็นว่าเป็นผู้มีฤทธิ์เหาะได้ แต่สุเมธดาบสต้องการให้ได้บุญกุศลมาก จึงกระทำด้วยเรี่ยวแรงของตนเองไม่ยอมใช้ฤทธิ์ พยายามขนดินมาถมทาง ในขณะทำงานก็เปล่งคำว่า "พุทโธ พุทโธ" ด้วยความปีติตลอดเวลา
จนกระทั่งถึงเวลาพระบรมศาสดาเสด็จมา หนทางส่วนที่เป็นของสุเมธดาบสยังทำไม่เสร็จ เป็นที่โคลนตมเฉอะแฉะอยู่เท่าช่วงตัว สุเมธดาบสตัดสินใจใช้ร่างกายของตนเองนอนบนเลนทอดร่างต่างสะพาน มองดูพระพุทธลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการ พร้อมด้วยอนุพยัญชนะ(ส่วนปลีกย่อย) ๘๐ พระบรมศาสดามีพระรูปโฉมงดงามยิ่งนัก พระสรีระล้อมรอบด้วยพระรัศมีแปลบปลาบประดุจสายฟ้า
เหล่ามนุษย์และเทพยดาต่างพากันแซ่ซ้องสาธุการ ตามเสด็จพระองค์มามากมายเหลือคณานับ ดาบสเห็นแล้วพลันปรารถนาจะเป็นเช่นองค์พระบรมศาสดานั้น ไม่ต้องการเป็นพระอรหันต์ซึ่งสามารถเป็นได้ในชาตินั้น จึงอธิษฐานจิตขออำนาจบุญกุศลที่ตนใช้ร่างกายต่างสะพานให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จผ่านพร้อมพระขีณาสพอีก ๔ แสนรูป บันดาลให้ได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณ เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต
พระทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาถึง ประทับยืนอยู่ชิดศีรษะสุเมธดาบส ทรงทราบว่า ดาบสโพธิสัตว์กำลังกระทำอธิการอยู่ พร้อมทั้งเปล่งวาจาปรารถนาพุทธภูมิ พระองค์ทรงตรวจไปในอนาคตตังสญาณว่า ดาบสผู้นี้จะสมปรารถนา จึงตรัสพยากรณ์ว่า
"นับแต่นี้ต่อไปเป็นเวลา ๔ อสงไขแสนกัป สุเมธดาบสผู้นี้จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า"
นับแต่เวียนว่ายตายเกิดสร้างบารมีมานับชาติไม่ถ้วน ชาตินี้เป็นชาติแรกที่พระโพธิสัตว์ของเรา ได้รับพุทธพยากรณ์ สุเมธดาบสดีใจเป็นล้นพ้น เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า พระพุทธเจ้าตรัสคำใดต้องเป็นไปตามนั้น เหล่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายได้ยินพระพุทธพยากรณ์นั้น ก็พากันดีใจถ้วนหน้า ว่าถ้าหากพวกตนยังไม่สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานในชาตินี้ ก็จะไม่ท้อถอย จะเร่งสร้างบารมีเรื่อยไปทุกภพทุกชาติ แล้วจะได้ไปบรรลุธรรมในชาติที่สุเมธดาบสบังเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เรียบเรียงโดย
จินต์จุฑา เจนสระคู : สำนักข่าวทีนิวส์
ในสมัยพระทีปังกรพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ของเราทรงถือกำเนิดในตระกูลพราหมณ์ มีชื่อว่า สุเมธ เป็นผู้คงแก่เรียนเชี่ยวชาญในศาสตร์ทั้งหลายที่มีอยู่ในศาสนาพราหมณ์ เมื่อบิดามารดาละโลกไปแล้ว เบื่อหน่ายในการเวียนว่ายตายเกิด จึงสละทรัพย์ถวายพระราชาใช้บำรุงบ้านเมือง แล้วออกบวชเป็นดาบสอยู่ในป่าหิมพานต์ ทำความเพียรอยู่ ๗ วัน บรรลุฌาน อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ มีความสุขในการเข้าฌาน
วันหนึ่งท่านสุเมธดาบสออกจากฌานสมาบัติ เหาะไปในอากาศ เห็นชาวเมืองช่วยกันแผ้วถางหนทาง และปรับพื้นที่ให้เป็นทางเดินกันอยู่มากมาย จึงลงจากอากาศไปสอบถาม ได้รับคำตอบว่าเตรียมหนทางให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยเหล่าภิกษุสงฆ์อรหันตสาวก ๔ แสนรูป เสด็จบิณฑบาตตามที่ชาวเมืองทูลอาราธนาไว้
เมื่อสุเมธดาบสได้ยินคำว่า พุทธะ ก็มีความปีติตื่นเต้นยินดีเป็นที่ยิ่ง จึงขอมีส่วนร่วมในการทำทางบ้าง ชาวเมืองแบ่งส่วนที่เป็นโคลนตมให้ เพราะเห็นว่าเป็นผู้มีฤทธิ์เหาะได้ แต่สุเมธดาบสต้องการให้ได้บุญกุศลมาก จึงกระทำด้วยเรี่ยวแรงของตนเองไม่ยอมใช้ฤทธิ์ พยายามขนดินมาถมทาง ในขณะทำงานก็เปล่งคำว่า "พุทโธ พุทโธ" ด้วยความปีติตลอดเวลา
จนกระทั่งถึงเวลาพระบรมศาสดาเสด็จมา หนทางส่วนที่เป็นของสุเมธดาบสยังทำไม่เสร็จ เป็นที่โคลนตมเฉอะแฉะอยู่เท่าช่วงตัว สุเมธดาบสตัดสินใจใช้ร่างกายของตนเองนอนบนเลนทอดร่างต่างสะพาน มองดูพระพุทธลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการ พร้อมด้วยอนุพยัญชนะ(ส่วนปลีกย่อย) ๘๐ พระบรมศาสดามีพระรูปโฉมงดงามยิ่งนัก พระสรีระล้อมรอบด้วยพระรัศมีแปลบปลาบประดุจสายฟ้า
เหล่ามนุษย์และเทพยดาต่างพากันแซ่ซ้องสาธุการ ตามเสด็จพระองค์มามากมายเหลือคณานับ ดาบสเห็นแล้วพลันปรารถนาจะเป็นเช่นองค์พระบรมศาสดานั้น ไม่ต้องการเป็นพระอรหันต์ซึ่งสามารถเป็นได้ในชาตินั้น จึงอธิษฐานจิตขออำนาจบุญกุศลที่ตนใช้ร่างกายต่างสะพานให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จผ่านพร้อมพระขีณาสพอีก ๔ แสนรูป บันดาลให้ได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณ เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต
พระทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาถึง ประทับยืนอยู่ชิดศีรษะสุเมธดาบส ทรงทราบว่า ดาบสโพธิสัตว์กำลังกระทำอธิการอยู่ พร้อมทั้งเปล่งวาจาปรารถนาพุทธภูมิ พระองค์ทรงตรวจไปในอนาคตตังสญาณว่า ดาบสผู้นี้จะสมปรารถนา จึงตรัสพยากรณ์ว่า
"นับแต่นี้ต่อไปเป็นเวลา ๔ อสงไขแสนกัป สุเมธดาบสผู้นี้จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า"
นับแต่เวียนว่ายตายเกิดสร้างบารมีมานับชาติไม่ถ้วน ชาตินี้เป็นชาติแรกที่พระโพธิสัตว์ของเรา ได้รับพุทธพยากรณ์ สุเมธดาบสดีใจเป็นล้นพ้น เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า พระพุทธเจ้าตรัสคำใดต้องเป็นไปตามนั้น เหล่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายได้ยินพระพุทธพยากรณ์นั้น ก็พากันดีใจถ้วนหน้า ว่าถ้าหากพวกตนยังไม่สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานในชาตินี้ ก็จะไม่ท้อถอย จะเร่งสร้างบารมีเรื่อยไปทุกภพทุกชาติ แล้วจะได้ไปบรรลุธรรมในชาติที่สุเมธดาบสบังเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เรียบเรียงโดย
จินต์จุฑา เจนสระคู : สำนักข่าวทีนิวส์
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ให้สิ่งที่ดีแก่ผู้อื่น ผู้อื่นย่อมให้สิ่งที่ดีแก่เรา.
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระอนาคามี สิ้น โอรัมภาคิยะสังโยชน์ อุบัติ บน ชั้นสุทธาวาท พรหมโลก โอ หนอ......
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนจะหมดสวย หมดหล่อ เมื่อรู้จักสิ่งที่หนังบังไว้
คนจะหมดสวย หมดหล่อ เมื่อรู้จัก สิ่งที่เนื้อบังไว้
คนจะหมดสวย หมดหล่อ เมื่อรู้สิ่งที่กระดูกล้อมไว้
คนจะหมดว่าไม่สวย ไม่งาม
เมื่อรู้ว่า คิดหมายไปเอง
คนจะหมดสวย หมดหล่อ เมื่อรู้จัก สิ่งที่เนื้อบังไว้
คนจะหมดสวย หมดหล่อ เมื่อรู้สิ่งที่กระดูกล้อมไว้
คนจะหมดว่าไม่สวย ไม่งาม
เมื่อรู้ว่า คิดหมายไปเอง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ายหญิง คือ ขี้ดิน ขี้น้ำ ขี้ไฟ ขี้ลม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อะไรๆก็คิดไปเองทั้งนั้น.
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อไม่ยึดมั่นถือมัน สิ่งที่คิดไปเอง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คิดปรุงแต่งไปเอง ทุกข์ไปเอง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เห็นรูปแล้ว เกิดเวทนา เกิดการปรุงแต่งคิดสมมุติความขึ้นมา
เห็น ความคิดสมมุติความหมาย ที่๑ นั้นแล้ว
จึงเกิด การปรุงแต่งสมมุติความหมาย ที่๒ ขึ้นมา
เห็นความคิดที่๒แล้ว จึงเกิดความคิดที่๓ออกมา เห็นความคิดที่๓นั้นแล้ว จึงเกิดความคิดที่๕ออกมา
มโนสัมผัส เที่ยงหรือไม่เที่ยง
เห็น ความคิดสมมุติความหมาย ที่๑ นั้นแล้ว
จึงเกิด การปรุงแต่งสมมุติความหมาย ที่๒ ขึ้นมา
เห็นความคิดที่๒แล้ว จึงเกิดความคิดที่๓ออกมา เห็นความคิดที่๓นั้นแล้ว จึงเกิดความคิดที่๕ออกมา
มโนสัมผัส เที่ยงหรือไม่เที่ยง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ความง่วง เป็นเรื่องของทางรูปขันธ์
จิตนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ง่วง เพราะมันคิดปรุงแต่งทั้งกลางวันแลกลางคืน
จิตนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ง่วง เพราะมันคิดปรุงแต่งทั้งกลางวันแลกลางคืน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วาดภาพขึ้นมาแล้ว เกิดความพอใจ และต่อด้วยตัณหา คือภวตัณหา
วาดภาพแล้ว เกิดความไม่พอใจ และต่อด้วยตัณหาคือ วิภวะตัณ
วาดภาพแล้ว เกิดความไม่พอใจ และต่อด้วยตัณหาคือ วิภวะตัณ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ใครว่า วิญญาณขันธ์ไม่อันตราย
วิญญาณ เหมือนบุรุษไปรษณีย์
ที่นำข้อมูล มาให้ ถ้าไม่มีข้อมูล ก็ไม่มีการปรุงแต่งสมมุติความหมายขึ้นมา
ก็จะไม่มีวิตักกะ
ก็วิญญาณ มันเป็นของบริษัทจิตตะอวิชชา
วิญญาณที่ออกมาจากบริษัทจิตตะอวิชชา จะให้เอาป้ายคำว่า(บริสุทธิ์)
แขวนคอนายวิญญาณคนนี้ได้หรือ นายคนนี้ยังไม่บริสุทธิ์นะ
วิญญาณ เหมือนบุรุษไปรษณีย์
ที่นำข้อมูล มาให้ ถ้าไม่มีข้อมูล ก็ไม่มีการปรุงแต่งสมมุติความหมายขึ้นมา
ก็จะไม่มีวิตักกะ
ก็วิญญาณ มันเป็นของบริษัทจิตตะอวิชชา
วิญญาณที่ออกมาจากบริษัทจิตตะอวิชชา จะให้เอาป้ายคำว่า(บริสุทธิ์)
แขวนคอนายวิญญาณคนนี้ได้หรือ นายคนนี้ยังไม่บริสุทธิ์นะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
5 ต.ค. 2017
แม้เหตุปัจจัย ให้เกิดรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ไม่เที่ยง
เป็นภาวะบีบคั้น เป็นอนัตตา
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เกิดจาก สิ่งที่ไม่เที่ยงฯ
แล้ว รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จักเป็นของเที่ยงไม่ได้ เช่นกัน
แม้เหตุปัจจัย ให้เกิดรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ไม่เที่ยง
เป็นภาวะบีบคั้น เป็นอนัตตา
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เกิดจาก สิ่งที่ไม่เที่ยงฯ
แล้ว รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จักเป็นของเที่ยงไม่ได้ เช่นกัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ถ้ายังไม่ถึงอริยะ รูปที่เห็นอยู่นี้
จะแปรสภาพเป็น รูปานิรยะภูมิ
ถ้ายังไม่ถึงอริยะ เสียงที่เห็นอยู่นี้
จะแปรสภาพเป็น สัทธานิรยะภูมิ
ถ้ายังไม่ถึงอริยะ กลิ่นที่เห็นอยู่นี้
จะแปรสภาพเป็น คัณธานิรยะภูมิ
ถ้ายังไม่ถึงอริยะ รสที่เห็นอยู่นี้
จะแปรสภาพเป็น ระสานิรยะภูมิ
ถ้ายังไม่ถึงอริยะ โผฏฐัพพะที่เห็นอยู่นี้ จะแปรสภาพเป็น โผฏฐัพพานิรยะภูมิ
ฯลฯ
ท่านจงรีบ จงขวานขวาย พรากความพอใจ ที่มีต่อรูป เสียง กลิ่น รส
โผฏฐัพพะ เสียให้เร็วพลันเถิด
เพราะมันจะแปรสภาพเป็นภัยในอนาคต
ท่านจงฆ่ากามสัญญา ทิ้งเสีย
คือฆ่าความพอใจในความคิด ยินดีกับรูปเสียง กับเสียง กับกลิ่น กับรส
กับปโผฏฐัพพะ
หรือถ้าสามารถยิ่งขึ้นไปอีกได้ ท่านจงฆ่า ความพอใจ ในธรรมารมณ์
ทิ้งเสีย
จะแปรสภาพเป็น รูปานิรยะภูมิ
ถ้ายังไม่ถึงอริยะ เสียงที่เห็นอยู่นี้
จะแปรสภาพเป็น สัทธานิรยะภูมิ
ถ้ายังไม่ถึงอริยะ กลิ่นที่เห็นอยู่นี้
จะแปรสภาพเป็น คัณธานิรยะภูมิ
ถ้ายังไม่ถึงอริยะ รสที่เห็นอยู่นี้
จะแปรสภาพเป็น ระสานิรยะภูมิ
ถ้ายังไม่ถึงอริยะ โผฏฐัพพะที่เห็นอยู่นี้ จะแปรสภาพเป็น โผฏฐัพพานิรยะภูมิ
ฯลฯ
ท่านจงรีบ จงขวานขวาย พรากความพอใจ ที่มีต่อรูป เสียง กลิ่น รส
โผฏฐัพพะ เสียให้เร็วพลันเถิด
เพราะมันจะแปรสภาพเป็นภัยในอนาคต
ท่านจงฆ่ากามสัญญา ทิ้งเสีย
คือฆ่าความพอใจในความคิด ยินดีกับรูปเสียง กับเสียง กับกลิ่น กับรส
กับปโผฏฐัพพะ
หรือถ้าสามารถยิ่งขึ้นไปอีกได้ ท่านจงฆ่า ความพอใจ ในธรรมารมณ์
ทิ้งเสีย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ถ้ายังไม่ถึงอริยะ รูปที่เห็นอยู่นี้
จะแปรสภาพเป็น รูปานิรยะภูมิ
ถ้ายังไม่ถึงอริยะ เสียงที่เห็นอยู่นี้
จะแปรสภาพเป็น สัทธานิรยะภูมิ
ถ้ายังไม่ถึงอริยะ กลิ่นที่เห็นอยู่นี้
จะแปรสภาพเป็น คัณธานิรยะภูมิ
ถ้ายังไม่ถึงอริยะ รสที่เห็นอยู่นี้
จะแปรสภาพเป็น ระสานิรยะภูมิ
ถ้ายังไม่ถึงอริยะ โผฏฐัพพะที่เห็นอยู่นี้ จะแปรสภาพเป็น โผฏฐัพพานิรยะภูมิ
ฯลฯ
ท่านจงรีบ จงขวานขวาย พรากความพอใจ ที่มีต่อรูป เสียง กลิ่น รส
โผฏฐัพพะ เสียให้เร็วพลันเถิด
เพราะมันจะแปรสภาพเป็นภัยในอนาคต
ท่านจงลบกามสัญญา ทิ้งเสีย
คือลบความพอใจในความคิด ยินดีกับรูป กับเสียง กับกลิ่น กับรส กับโผฏฐัพพะ
หรือถ้าสามารถยิ่งขึ้นไปอีกได้ ท่านจงลบความพอใจ ในธรรมารมณ์ ทิ้งเสีย
จะแปรสภาพเป็น รูปานิรยะภูมิ
ถ้ายังไม่ถึงอริยะ เสียงที่เห็นอยู่นี้
จะแปรสภาพเป็น สัทธานิรยะภูมิ
ถ้ายังไม่ถึงอริยะ กลิ่นที่เห็นอยู่นี้
จะแปรสภาพเป็น คัณธานิรยะภูมิ
ถ้ายังไม่ถึงอริยะ รสที่เห็นอยู่นี้
จะแปรสภาพเป็น ระสานิรยะภูมิ
ถ้ายังไม่ถึงอริยะ โผฏฐัพพะที่เห็นอยู่นี้ จะแปรสภาพเป็น โผฏฐัพพานิรยะภูมิ
ฯลฯ
ท่านจงรีบ จงขวานขวาย พรากความพอใจ ที่มีต่อรูป เสียง กลิ่น รส
โผฏฐัพพะ เสียให้เร็วพลันเถิด
เพราะมันจะแปรสภาพเป็นภัยในอนาคต
ท่านจงลบกามสัญญา ทิ้งเสีย
คือลบความพอใจในความคิด ยินดีกับรูป กับเสียง กับกลิ่น กับรส กับโผฏฐัพพะ
หรือถ้าสามารถยิ่งขึ้นไปอีกได้ ท่านจงลบความพอใจ ในธรรมารมณ์ ทิ้งเสีย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ธรรมไหนๆก็ไม่มีหรอก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
~ การคิดว่า ไม่มีอะไร ก็เป็นความคิด
การคิดว่า มีอะไร ก็เป็นความคิด
ถ้าก้าวล่วงความคิด ไม่ถือไว้
ความคิดก็จะแปรเป็นกระบวนการ เปลี่ยนแปลง เกิดดับไป
การคิดว่า มีอะไร ก็เป็นความคิด
ถ้าก้าวล่วงความคิด ไม่ถือไว้
ความคิดก็จะแปรเป็นกระบวนการ เปลี่ยนแปลง เกิดดับไป
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลาทำความสงบ ถ้ามีข้อธรรมใดๆโผ่ขึ้นมาก็ตาม อย่าไปใสใจ ให้กลับมาใส่ใจที่ความสงบ
เมื่อถึงเวลาออกจากสมาธิแล้ว
ถ้าประสงค์จะทราบข้ออรรถธรรมนั้น ค่อยทำการระลึกถอยหลังไป
เมื่อถึงเวลาออกจากสมาธิแล้ว
ถ้าประสงค์จะทราบข้ออรรถธรรมนั้น ค่อยทำการระลึกถอยหลังไป
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.คิดถือไว้เอาเอง ลุเบิงต้องลำบากกะย้อนมีมัน ฮึย.. เน๋าะถ้าแมนมีมื
อวิเศษปัดกวาดธาตุ๔ แยกออกไปจากจิตตั้งหาก
คึสิตาสว่างเติบหน้อ
อวิเศษปัดกวาดธาตุ๔ แยกออกไปจากจิตตั้งหาก
คึสิตาสว่างเติบหน้อ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กายสะอาด แต่จิตสกปกด้วยความหลงโลภ ด้วยความหลงโกธ ด้วยความหลงโง่
จึงทำวิชชาให้เกิดขึ้นไม่ได้
ต่อเมื่อมาหัดมีสติที่รู้ความเคลือนไหวของกาย อย่างสังเกตเห็น ไอ้อาการกายไหวๆนี่หรือที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่ใช่ของเรา
เมื่อนั้นความหลงโง่ก็เริ่มทุเลาลง ความหลงโกธรก็ทุเลาลง ความหลงโลภก็ทุเลาลง
จึงทำวิชชาให้เกิดขึ้นไม่ได้
ต่อเมื่อมาหัดมีสติที่รู้ความเคลือนไหวของกาย อย่างสังเกตเห็น ไอ้อาการกายไหวๆนี่หรือที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่ใช่ของเรา
เมื่อนั้นความหลงโง่ก็เริ่มทุเลาลง ความหลงโกธรก็ทุเลาลง ความหลงโลภก็ทุเลาลง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ในระหว่างช่วงเข้าพรรษา ๔ ที่วัดหนองป่าพง สำหรับสิ่งที่ดูแปลกไม่เคยเห็น
คือในวัดหนองป่าพงนั้นจากที่ได้สัมผัสมีดังนี้คือ
๐ เมื่อทำผิดแล้ว มีการบอกการเตือน
ถ้าไม่แก้ไงก็เตือนชี้บอกอยู่อย่างนั้น
๐ หนังสือธรรมมะเยอะมาก
๐ พวกอาหารไม่บกพร่อง มีเยอะหลายเมนู เลือกได้ตามปรถนา ขนม นม เพียบ
๐ เสนาสนะที่อยู่จัดเป็นหลังๆ ระยะห่างๆกัน อยู่ใครอยู่มัน
๐ ผ้าบริขาร เครื่องนุ่งห่ม มีให้เบิก
๐ พวกยาต่างๆรักษาแผล และโรคต่างๆ ที่คิดว่าจะเกิดขึ้นเมื่ออยู่ในป่า มีมาก
๐ ในวัดนั้น มีพระโพธิ์สัตว์ด้วย
เราได้สละบาตรที่ใช้ออกไป และท่านก็รับไว้ด้วย
๐ ข้อวัตร นั่งสมาธิ ๓ เวลา เช้า เที่ยง เย็น
๐ ข้อวัตรกราบพระ เมื่อเข้าไปนั่งในหอฉันและตอนก่อนออกหอฉัน พร้อมกัน
๐ มีผู้ที่เป็นประธานสงฆ์ มีคุณสมบัติพิเศษ ท่านมีเมตตามาก ประมาณว่า
เราเข้าใจว่า ท่านจะหยั่งดูวาระจิตของแต่ละองค์ๆ ว่ามีความเป็นอย่างไร ภูมิธรรมอย่างไร ภาวนาถึงจุดนี้แล้ว จุดนั้นแล้ว และจากนั้นท่านก็เทศณ์รวมกันไปคราวเดียวเลย เทศณ์ครั้งเดียว แต่ละคนได้ธรรมไปต่างขั้นต่างภูมิกัน
ถ้าจะพิมพ์ข้ออื่นอีกให้หมด คงใช้เวลานาน จึงพอแค่นี้ก่อน
และสิ่งที่น่าภูมิใจที่สุดมากๆเลย คือ
{ท่าน แนะ อสุภะสัญญา
ท่านแนะ อุเบกขา
ท่าน แนะ กายคตาสติกรรมฐาน
ท่าน แนะ กายาสติปัฏฐาน
ท่าน แนะ โยนิโสมนสิการ
ท่าน แนะ อนิจสัญญา ไปที่ขันธ์๕
สุดท้าย ท่านแนะ ซ้ากศพ ก็เป็นแต่สักว่ากาย สักแต่ว่ารูปขันธ์}
นี่คือสิ่งที่เป็นคุณค่ามากๆเลย
#ณ ตอนนี้ ไม่ได้อยู่หนองป่าพงแล้ว
และคิดว่าจะมุ่งเดินทางไป ระยอง แต่ติดธุระนิดๆหน่อยๆในอุบลอยู่
คือในวัดหนองป่าพงนั้นจากที่ได้สัมผัสมีดังนี้คือ
๐ เมื่อทำผิดแล้ว มีการบอกการเตือน
ถ้าไม่แก้ไงก็เตือนชี้บอกอยู่อย่างนั้น
๐ หนังสือธรรมมะเยอะมาก
๐ พวกอาหารไม่บกพร่อง มีเยอะหลายเมนู เลือกได้ตามปรถนา ขนม นม เพียบ
๐ เสนาสนะที่อยู่จัดเป็นหลังๆ ระยะห่างๆกัน อยู่ใครอยู่มัน
๐ ผ้าบริขาร เครื่องนุ่งห่ม มีให้เบิก
๐ พวกยาต่างๆรักษาแผล และโรคต่างๆ ที่คิดว่าจะเกิดขึ้นเมื่ออยู่ในป่า มีมาก
๐ ในวัดนั้น มีพระโพธิ์สัตว์ด้วย
เราได้สละบาตรที่ใช้ออกไป และท่านก็รับไว้ด้วย
๐ ข้อวัตร นั่งสมาธิ ๓ เวลา เช้า เที่ยง เย็น
๐ ข้อวัตรกราบพระ เมื่อเข้าไปนั่งในหอฉันและตอนก่อนออกหอฉัน พร้อมกัน
๐ มีผู้ที่เป็นประธานสงฆ์ มีคุณสมบัติพิเศษ ท่านมีเมตตามาก ประมาณว่า
เราเข้าใจว่า ท่านจะหยั่งดูวาระจิตของแต่ละองค์ๆ ว่ามีความเป็นอย่างไร ภูมิธรรมอย่างไร ภาวนาถึงจุดนี้แล้ว จุดนั้นแล้ว และจากนั้นท่านก็เทศณ์รวมกันไปคราวเดียวเลย เทศณ์ครั้งเดียว แต่ละคนได้ธรรมไปต่างขั้นต่างภูมิกัน
ถ้าจะพิมพ์ข้ออื่นอีกให้หมด คงใช้เวลานาน จึงพอแค่นี้ก่อน
และสิ่งที่น่าภูมิใจที่สุดมากๆเลย คือ
{ท่าน แนะ อสุภะสัญญา
ท่านแนะ อุเบกขา
ท่าน แนะ กายคตาสติกรรมฐาน
ท่าน แนะ กายาสติปัฏฐาน
ท่าน แนะ โยนิโสมนสิการ
ท่าน แนะ อนิจสัญญา ไปที่ขันธ์๕
สุดท้าย ท่านแนะ ซ้ากศพ ก็เป็นแต่สักว่ากาย สักแต่ว่ารูปขันธ์}
นี่คือสิ่งที่เป็นคุณค่ามากๆเลย
#ณ ตอนนี้ ไม่ได้อยู่หนองป่าพงแล้ว
และคิดว่าจะมุ่งเดินทางไป ระยอง แต่ติดธุระนิดๆหน่อยๆในอุบลอยู่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ในโลกนี้ วัตถุทั้งหลาย หาแก่นสารบ่ได้เลยน้อ...
พอสิเป็นแก่นสารแน กะมีแต่ทางจิตใจ
พอสิเป็นแก่นสารแน กะมีแต่ทางจิตใจ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.เมื่อเช้า ให้ธรรมะโยม#
โยม ถ้าอยากได้บุญหลาย
ก่อนนอนให้นึกถึงภาพเจ้าของที่ใส่บาตรตอนเช้า นึกก่อนนอนทุกมื้อ
..บ่อพอ2 นาทีดอก
โยมเขาก็ฟัง
จากนั้นคงบอกลูกชายให้ไปใส่บาต
ลูกชายเขาก็วิ่งมาใส่บาตรให้ เพราะตอนแรกไม่ได้ใส่ให้
ที่สอนเช่นนี้
ความจริงแล้ว เป็นการสอนโยมปฏิบัติธรรม
ให้มีจิตเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา
นี้เหมาะมากๆ กรรมฐานสำหรับคนชอบทำทาน มีใส่บาตรเป็นต้น
แต่ขี้เกียจรักษาศีล ขี้เกลียจนั่งสมาธิ
คือมันเป็นการฝึกกสิณชนิดหนึ่ง เมื่อทำจนชำนาญแล้ว เขาอาจ
จะขยายนิมิตสีเองได้ในอนาคต ถ้าจิตแก้กล้า
คำสอนพระพุทธเจ้าช่างลึกซึ่งละเอียดประณีตนัก สมกับท่านว่าบัณฑิตเท่า
นั้นจึงจะเข้าใจได้
โยม ถ้าอยากได้บุญหลาย
ก่อนนอนให้นึกถึงภาพเจ้าของที่ใส่บาตรตอนเช้า นึกก่อนนอนทุกมื้อ
..บ่อพอ2 นาทีดอก
โยมเขาก็ฟัง
จากนั้นคงบอกลูกชายให้ไปใส่บาต
ลูกชายเขาก็วิ่งมาใส่บาตรให้ เพราะตอนแรกไม่ได้ใส่ให้
ที่สอนเช่นนี้
ความจริงแล้ว เป็นการสอนโยมปฏิบัติธรรม
ให้มีจิตเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญา
นี้เหมาะมากๆ กรรมฐานสำหรับคนชอบทำทาน มีใส่บาตรเป็นต้น
แต่ขี้เกียจรักษาศีล ขี้เกลียจนั่งสมาธิ
คือมันเป็นการฝึกกสิณชนิดหนึ่ง เมื่อทำจนชำนาญแล้ว เขาอาจ
จะขยายนิมิตสีเองได้ในอนาคต ถ้าจิตแก้กล้า
คำสอนพระพุทธเจ้าช่างลึกซึ่งละเอียดประณีตนัก สมกับท่านว่าบัณฑิตเท่า
นั้นจึงจะเข้าใจได้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทำทาน หรือทำกุศลใดๆก็ตาม จะต้องอธิฐานว่า "ขอให้เป็นเหตุปัยจัยให้ลุถึงความสิ้นทุกข์จริงๆด้วยเถิด" ลักษณะอย่างนี้
หรือ "ขอให้เป็นเหตุปัจจัยให้ถึงพระนิพพานด้วยเถิด"
หรือ"ขอให้เป็นเหตุปัจจัยให้สำเร็จมรรคผลด้วยเถิด"
อันใดก็ได้ แม้พระพุทธเจ้าเอง ถ้าท่านทำบุญกุศลต่างๆ แล้วไม่อธิฐาน ขอสรรพัญญูตะญาณ คือขอให้ได้สำเร็จโพธิ์ญาณ ตรัสรู้ธรรมทั้งปวง ท่านก็คงไม่ต่างจากสัตว์ทั้งหลายที่ทองเที่ยวอยู่ในวัฏฏะสงสาร คือเมื่อทำบุญแล้ว ผลบุญก็ให้ผล ให้ผลแล้วก็หวดไป เหมือนผัวเมียคู่หนึ่งที่บุญบารมีเยอะมาก มากจนพอจะสามารถบรรลุธรรมได้ แต่ ไม่ได้บรรลุธรรมอะไรเลย เพราะพระพุทธเจ้ายังไม่ได้ตรัสรู้และบอกมรรคคา
คือว่าพระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ประมาณว่า
ดูกร อานนท์เธอเห็น สามีภรรยาแก่เฒ่าทั้งสองนั้นไหม
พระอานนท์ตอบว่า เห็นพระเจ้าข้า
ดูกร อานนท์ในช่วงวัยต้นถ้าเขาทั้งสอง ขวานขวายในกิจการงานทางโลก เขาจะได้เป็นเศษฐีอันดับที่2ในประเทศนี้
และถ้าช่วงวัยต้นเขาไม่เอาทางโลก แต่กลับออกบวชพระพฤติธรรม ผู้ชายจะสำเร็จอรหันต์ ส่วนผู้หญิงจะสำเร็จอนาคามี
และถ้าหากแม้นว่าช่วงวัยต้นเขาไม่ออกบวชประพฤติธรรม แต่ช่วงวัยกลางออกบวชประพฤติธรรม ผู้ชายจะสำเร็จอนาคามี
ส่วนผู้หญิงจะสำเร็จสกิทาคามี
และถ้าหากแม้นว่าวัยกลางไม่ออกบวชประพฤติธรรม แต่ช่วงวัยสุดท้ายเขาทั้งสองออกบวชประพฤติธรรม ผู้ชายจะสำเร็จสกิทาคามี ส่วนผู้หญิงจะสำเร็จโสดาบัน ฯลฯ
แต่ว่าตอนนี้เขาทั้งสองแก่ชรามากแล้ว บุญกุศลเหล่านั้นก็ให้ผลไปแล้ว หมดไปแล้ว
สมกับหลวงปู่เหรียญเทศณ์ว่า "บุญจะหมดไปได้ ก็ต่อเมื่อมันมาให้ผลแล้วเสร็จสิ้นไป"
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า "การสั่งสมบุญนำสุขมาให้"
ดังนั้น
จึงจะเป็นการทำทานที่ถูกต้อง ต้องทำด้วยใจที่ดี และอธิฐานด้วย
ครั้งหนึ่งเคยได้ขึ้นธรรมาส เทศณ์ในศาลาวัดหนองป่าพง ตอนวันพระ (ในฐานะพระที่มาจำพรรษาที่นี้ครั้งแรก ทุกองค์จะต้องได้ขึ้นเทศณ์ เป็นเวลา 15-20 นาที ) แต่พอขึ้นเทศณ์จริง อาตมาเทศณ์จนถึงเที่ยงคืน เทศณ์รื่องลักษณนี้แหละ
จนพระมหาเถระให้สัญญาณระฆัง และว่า เที่ยงคืนแล้ว วันต่อๆมาก็มีทั้งติ ทั้งชม เกี่ยวกับการที่ขึ้นเทศณ์ในครั้งนั้น
หรือ "ขอให้เป็นเหตุปัจจัยให้ถึงพระนิพพานด้วยเถิด"
หรือ"ขอให้เป็นเหตุปัจจัยให้สำเร็จมรรคผลด้วยเถิด"
อันใดก็ได้ แม้พระพุทธเจ้าเอง ถ้าท่านทำบุญกุศลต่างๆ แล้วไม่อธิฐาน ขอสรรพัญญูตะญาณ คือขอให้ได้สำเร็จโพธิ์ญาณ ตรัสรู้ธรรมทั้งปวง ท่านก็คงไม่ต่างจากสัตว์ทั้งหลายที่ทองเที่ยวอยู่ในวัฏฏะสงสาร คือเมื่อทำบุญแล้ว ผลบุญก็ให้ผล ให้ผลแล้วก็หวดไป เหมือนผัวเมียคู่หนึ่งที่บุญบารมีเยอะมาก มากจนพอจะสามารถบรรลุธรรมได้ แต่ ไม่ได้บรรลุธรรมอะไรเลย เพราะพระพุทธเจ้ายังไม่ได้ตรัสรู้และบอกมรรคคา
คือว่าพระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ประมาณว่า
ดูกร อานนท์เธอเห็น สามีภรรยาแก่เฒ่าทั้งสองนั้นไหม
พระอานนท์ตอบว่า เห็นพระเจ้าข้า
ดูกร อานนท์ในช่วงวัยต้นถ้าเขาทั้งสอง ขวานขวายในกิจการงานทางโลก เขาจะได้เป็นเศษฐีอันดับที่2ในประเทศนี้
และถ้าช่วงวัยต้นเขาไม่เอาทางโลก แต่กลับออกบวชพระพฤติธรรม ผู้ชายจะสำเร็จอรหันต์ ส่วนผู้หญิงจะสำเร็จอนาคามี
และถ้าหากแม้นว่าช่วงวัยต้นเขาไม่ออกบวชประพฤติธรรม แต่ช่วงวัยกลางออกบวชประพฤติธรรม ผู้ชายจะสำเร็จอนาคามี
ส่วนผู้หญิงจะสำเร็จสกิทาคามี
และถ้าหากแม้นว่าวัยกลางไม่ออกบวชประพฤติธรรม แต่ช่วงวัยสุดท้ายเขาทั้งสองออกบวชประพฤติธรรม ผู้ชายจะสำเร็จสกิทาคามี ส่วนผู้หญิงจะสำเร็จโสดาบัน ฯลฯ
แต่ว่าตอนนี้เขาทั้งสองแก่ชรามากแล้ว บุญกุศลเหล่านั้นก็ให้ผลไปแล้ว หมดไปแล้ว
สมกับหลวงปู่เหรียญเทศณ์ว่า "บุญจะหมดไปได้ ก็ต่อเมื่อมันมาให้ผลแล้วเสร็จสิ้นไป"
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า "การสั่งสมบุญนำสุขมาให้"
ดังนั้น
จึงจะเป็นการทำทานที่ถูกต้อง ต้องทำด้วยใจที่ดี และอธิฐานด้วย
ครั้งหนึ่งเคยได้ขึ้นธรรมาส เทศณ์ในศาลาวัดหนองป่าพง ตอนวันพระ (ในฐานะพระที่มาจำพรรษาที่นี้ครั้งแรก ทุกองค์จะต้องได้ขึ้นเทศณ์ เป็นเวลา 15-20 นาที ) แต่พอขึ้นเทศณ์จริง อาตมาเทศณ์จนถึงเที่ยงคืน เทศณ์รื่องลักษณนี้แหละ
จนพระมหาเถระให้สัญญาณระฆัง และว่า เที่ยงคืนแล้ว วันต่อๆมาก็มีทั้งติ ทั้งชม เกี่ยวกับการที่ขึ้นเทศณ์ในครั้งนั้น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โปรดญาติ... ๒ รายนี้ก่อน
แล้วจั่งเดินทางไปหาครูบาอาจารย์ต่อ
แล้วจั่งเดินทางไปหาครูบาอาจารย์ต่อ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โลภ โกธร หลง ชัวคราว คิดกันไปว่าจริง
แต่แท้ที่จริง โลภ โกธร หลง มันชั่วมันคราว
โลภ โกธร มันคราวเหมือนน้ำเชื้อมารดาบิดา
หลง มันคราวเหมือนยังไม่เข้าใจจิตชั่วคราว
บุคคลใด
ให้ทานออกไปด้วยใจที่ดี
พร้อมอธิฐานขอให้ตนมีความสุข และขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายมีส่วนความสุขนี้ด้วย และขอให้สิ้นทุกข์ใจอย่างถาวร
บุคคลนั้นชื่อ ทำทาน อย่างไม่เสียเปล่า
แต่แท้ที่จริง โลภ โกธร หลง มันชั่วมันคราว
โลภ โกธร มันคราวเหมือนน้ำเชื้อมารดาบิดา
หลง มันคราวเหมือนยังไม่เข้าใจจิตชั่วคราว
บุคคลใด
ให้ทานออกไปด้วยใจที่ดี
พร้อมอธิฐานขอให้ตนมีความสุข และขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายมีส่วนความสุขนี้ด้วย และขอให้สิ้นทุกข์ใจอย่างถาวร
บุคคลนั้นชื่อ ทำทาน อย่างไม่เสียเปล่า
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สิ่งนี้ยังไม่เคยเห็นใครทำเลย
คือ ถ่ายภาพ โฉมหน้าทุกวันๆ
ตื่นขึ้นก็ยกกล้องขึ้นมา ถ่ายภาพหนังหน้าอันนี้ ถ่ายแล้วก็จัดเก็บไว้ เป็น รูปภาพใบหน้าอนิจจัง_000.jpg
วันต่อมาก็ถ่ายอีก จัดเก็บ
เป็นชื่อ รูปภาพใบหน้าอนิจจัง_001
ถ่ายอยู่อย่างนี้เรื่อยๆ ไปจนถึง แก่ชรา ตาย
จากนั้นให้ช่างมัลติมีเดียกราฟฟิก นำรูปภาพเหล่านั้นมา ทำเป็นวิธีโอเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงอนิจจังของร่างกายนี้ โดยให้เร่งSpeed ความเร็วให้มากๆ และเผ่ยแผ่ไปให้ต่างประ
คือ ถ่ายภาพ โฉมหน้าทุกวันๆ
ตื่นขึ้นก็ยกกล้องขึ้นมา ถ่ายภาพหนังหน้าอันนี้ ถ่ายแล้วก็จัดเก็บไว้ เป็น รูปภาพใบหน้าอนิจจัง_000.jpg
วันต่อมาก็ถ่ายอีก จัดเก็บ
เป็นชื่อ รูปภาพใบหน้าอนิจจัง_001
ถ่ายอยู่อย่างนี้เรื่อยๆ ไปจนถึง แก่ชรา ตาย
จากนั้นให้ช่างมัลติมีเดียกราฟฟิก นำรูปภาพเหล่านั้นมา ทำเป็นวิธีโอเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงอนิจจังของร่างกายนี้ โดยให้เร่งSpeed ความเร็วให้มากๆ และเผ่ยแผ่ไปให้ต่างประ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าการปฏิบัติธรรมแล้ว ทำให้เเกิดความรู้เห็นแปลกๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การมีดีกว่าไม่มี
การไม่มีดีกว่าการมี
การมีดีกว่าไม่มี กล่าวคือ
การมีมรรคมีองค์แปด
ดีกว่าการไม่มีมรรคมีองค์แปดเป็นสิ่งที่ดี
การไม่มีดีกว่าการมี กล่าวคือ
การไม่มีขันธ์ทั้งห้า
ดีกว่ากว่าการมีขันธ์ทั้งห้า
ธรรมะ เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ประพฤติ มีความงดงาม
การไม่มีดีกว่าการมี
การมีดีกว่าไม่มี กล่าวคือ
การมีมรรคมีองค์แปด
ดีกว่าการไม่มีมรรคมีองค์แปดเป็นสิ่งที่ดี
การไม่มีดีกว่าการมี กล่าวคือ
การไม่มีขันธ์ทั้งห้า
ดีกว่ากว่าการมีขันธ์ทั้งห้า
ธรรมะ เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ประพฤติ มีความงดงาม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.สิใช้คำว่า" บ้า "คักน้อ... คนเฮา
ได้บอ ?
มนุษย์แล่นดิ้นหา ๒ อย่าง
๑ สุขกาย ๒ สุขใจ
แต่บ่ฮู้จักวิธีให้ถึงสุขนั้นอิหลี
บัดสิฮู้จัก กะย้อนธรรมของพระพุทธเจ้า
สุขกาย คือ ทุกข์อ่อนๆ
สุขใจ คือ ทุกข์อ่อนๆ
อุเบกขาสัมโพชฌงค์ คือบันใดสู้
ความสันติสุขอย่างแท้จริง
ได้บอ ?
มนุษย์แล่นดิ้นหา ๒ อย่าง
๑ สุขกาย ๒ สุขใจ
แต่บ่ฮู้จักวิธีให้ถึงสุขนั้นอิหลี
บัดสิฮู้จัก กะย้อนธรรมของพระพุทธเจ้า
สุขกาย คือ ทุกข์อ่อนๆ
สุขใจ คือ ทุกข์อ่อนๆ
อุเบกขาสัมโพชฌงค์ คือบันใดสู้
ความสันติสุขอย่างแท้จริง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ความโออวด มายา สารถัย เป็นสิ่งที่อย่าให้มี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เห็นรูปแล้วเอามา ปรุงแต่งเสพอยู่ในบ้าน เสพแล้วๆกะเซา ออกไปหาอารมณ์ใหม่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนไทยว่า "ฝน"
ฝรั่งว่า "เรน"
สมมุติภาษาขึ้นมา บัญญัติใส่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์
สมมุติแล้ว กะหลง ถือมั่นอย่างแรงกล้า
อันนี้ต้องเอิ้นว่า "ฝนตกเท่านั้น" จะเรียกเป็นอย่างอื่นไม่ได้
ฝรั่ง อันนี้ต้องเรียกว่า "เรน ตก เท่านั้น" จะเรียกเป็นชื่ออื่นผิดแล้ว
ถ้าจะว่ากันจริงๆ เม็ดน้ำที่ตกลงมาจากฟ้า
เขาก็ไม่ได้พูดว่า "ข้าพระเจ้าชื่อ ฝน"
เขาก็ไม่ได้บอกว่า "ข้าพระเจ้าชื่อ เรน"
โอ้ย.... เล่นบักตั้งชื่อให้สิ่งภายนอก และภายใน เมื่อหลงสมมุติภาษาอยู่ แล้วจะเซาหลงสมมุติบัญญัติอันเป็นขันธ์ทั้ง๕ ได้ยุติ
ฝรั่งว่า "เรน"
สมมุติภาษาขึ้นมา บัญญัติใส่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์
สมมุติแล้ว กะหลง ถือมั่นอย่างแรงกล้า
อันนี้ต้องเอิ้นว่า "ฝนตกเท่านั้น" จะเรียกเป็นอย่างอื่นไม่ได้
ฝรั่ง อันนี้ต้องเรียกว่า "เรน ตก เท่านั้น" จะเรียกเป็นชื่ออื่นผิดแล้ว
ถ้าจะว่ากันจริงๆ เม็ดน้ำที่ตกลงมาจากฟ้า
เขาก็ไม่ได้พูดว่า "ข้าพระเจ้าชื่อ ฝน"
เขาก็ไม่ได้บอกว่า "ข้าพระเจ้าชื่อ เรน"
โอ้ย.... เล่นบักตั้งชื่อให้สิ่งภายนอก และภายใน เมื่อหลงสมมุติภาษาอยู่ แล้วจะเซาหลงสมมุติบัญญัติอันเป็นขันธ์ทั้ง๕ ได้ยุติ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าจิตสรรพสัตว์ ไม่หลงซึ้งกันและกันแล้ว ก็จะมีความอิสระทางใจ
แต่เพราะหลงรูปกายอันเป็นสมบัติภายนอกของผู้อื่น จึงติดแหงก เหมือนเนื้อติดบ่วงฉันนั้น
ด้วยเหตุนี้เองพระสัมมาสัมพุทธะจึงตรัสวาจาสอน ให้พิจารณา กายก้อนนี้ ทั้งเบื่องบนและเบื่อล่าง ทั้งด้านด้านนอกและเข้าไปด้านในใต้ผิว ให้เกิดความเห็นว่ากายนี้มาจากอาหาร และเดิมทีเป็นสัมภาระธาตุแห่งมารดาบิดา ในคราวที่ร่วมเพศกัน เห็นให้ได้ว่า กายนี้ไม่ใช่เรา กายนี้ไม่ใช่ของเรา อันเป็นสัมมัปปัญญา
แต่เพราะหลงรูปกายอันเป็นสมบัติภายนอกของผู้อื่น จึงติดแหงก เหมือนเนื้อติดบ่วงฉันนั้น
ด้วยเหตุนี้เองพระสัมมาสัมพุทธะจึงตรัสวาจาสอน ให้พิจารณา กายก้อนนี้ ทั้งเบื่องบนและเบื่อล่าง ทั้งด้านด้านนอกและเข้าไปด้านในใต้ผิว ให้เกิดความเห็นว่ากายนี้มาจากอาหาร และเดิมทีเป็นสัมภาระธาตุแห่งมารดาบิดา ในคราวที่ร่วมเพศกัน เห็นให้ได้ว่า กายนี้ไม่ใช่เรา กายนี้ไม่ใช่ของเรา อันเป็นสัมมัปปัญญา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คำสอนใด เป็นไปเพื่อให้เกิดการเข้าใจ
เกี่ยวกับการละนิวรณ์๕ หรือ โลภ โกธร หลง คำสอนนั้นแม่เด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเน่ที่เพิ่งพูดได้ในวันนั้นพูดขึ้นมาลอยๆ
อาตมาก็จะฟัง
จะกล่าวป่วยไปใย ถึงบุคคลที่เป็นผู้ศึกมาก่อน ปฏิบัติมาก่อน แล้วถ่ายถอด
เกี่ยวกับการละนิวรณ์๕ หรือ โลภ โกธร หลง คำสอนนั้นแม่เด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเน่ที่เพิ่งพูดได้ในวันนั้นพูดขึ้นมาลอยๆ
อาตมาก็จะฟัง
จะกล่าวป่วยไปใย ถึงบุคคลที่เป็นผู้ศึกมาก่อน ปฏิบัติมาก่อน แล้วถ่ายถอด
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ความแก่ ซ่อนอยู่ในความหนุ่มสาว
ความเจ็บป่วย ซ่อนอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง
ความไม่งาม ซ่อนอยู่ในความงาม
ความไม่หล่อ ซ่อนอยู่ในความหล่อ
ความไม่เต่งตึง ซ่อนอยู่ในความเตงตึง
ความหน้ายาน ซ่อนอยู่ในหน้าเตงตึง
คนแก่ซ่อนอยู่ในเด็ก
คนตายซ่อนอยู่ในคนเกิด
มี เกิด แล้ว มี ตาย
มี ชาติ แล้ว มี มรณะ
แค่นี้แหละหนอ ชีวิตร่างกาย
ให้ฮู้จักไปทำบุญแนเด้อ อย่าสิหลงความงามความหล่อของร
่างกายคักเด้อ ให้ฮู้จักทำบุญกุศลแนเด้อ
ความเจ็บป่วย ซ่อนอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง
ความไม่งาม ซ่อนอยู่ในความงาม
ความไม่หล่อ ซ่อนอยู่ในความหล่อ
ความไม่เต่งตึง ซ่อนอยู่ในความเตงตึง
ความหน้ายาน ซ่อนอยู่ในหน้าเตงตึง
คนแก่ซ่อนอยู่ในเด็ก
คนตายซ่อนอยู่ในคนเกิด
มี เกิด แล้ว มี ตาย
มี ชาติ แล้ว มี มรณะ
แค่นี้แหละหนอ ชีวิตร่างกาย
ให้ฮู้จักไปทำบุญแนเด้อ อย่าสิหลงความงามความหล่อของร
่างกายคักเด้อ ให้ฮู้จักทำบุญกุศลแนเด้อ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
."สิ่ง"สิ่งหนึ่ง ซึ่งบุคคล พึงรู้แจ้ง เป็นสิ่งที่ไม่ปรากฏการณ์ ไม่มีที่สุด
แต่มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงโดยรอบ นั้นมีอยู่
ใน "สิ่งนั้น" นั่นแหละ ความยาว ความสั้นความเล็ก ความใหญ่ ความงาม
ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้
ใน "สิ่ง"นั่นแหละ นามรูปย่อมดับสนิท ไม่มีเศษเหลือ นามรูปดับสนิทใน"สิ่ง"นี้
เพราะการดับสนิทของวิญญาณ
แต่มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงโดยรอบ นั้นมีอยู่
ใน "สิ่งนั้น" นั่นแหละ ความยาว ความสั้นความเล็ก ความใหญ่ ความงาม
ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้
ใน "สิ่ง"นั่นแหละ นามรูปย่อมดับสนิท ไม่มีเศษเหลือ นามรูปดับสนิทใน"สิ่ง"นี้
เพราะการดับสนิทของวิญญาณ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.สารีบุตร เรานั้นนอนในป่าช้า ทับกระดูกแห่งซ้ากศพทั้งหลาย
ฝูงเด็กเลี้ยงโค เข้ามาใกล้เรา โห่ร้องใส่หูเราบ้าง ถ่ายมูตรรดบ้าง ซัดฝุ่น
ใส่บ้าง เอาไม้แหลมๆทิ่มช่องหูบ้าง สารีบุตร เราไม่รู้สึก ซึ่งจิตอันเป็นบาป
ต่อเด็กเลี้ยงโคทั้งหลายเหล่านั้น
แม้ด้วยการทำความคิดนึกให้เกิดขึ้น
สารีบุตร นี่เป็นวัตรในการอยู่อุเบกขาของเรา
ฝูงเด็กเลี้ยงโค เข้ามาใกล้เรา โห่ร้องใส่หูเราบ้าง ถ่ายมูตรรดบ้าง ซัดฝุ่น
ใส่บ้าง เอาไม้แหลมๆทิ่มช่องหูบ้าง สารีบุตร เราไม่รู้สึก ซึ่งจิตอันเป็นบาป
ต่อเด็กเลี้ยงโคทั้งหลายเหล่านั้น
แม้ด้วยการทำความคิดนึกให้เกิดขึ้น
สารีบุตร นี่เป็นวัตรในการอยู่อุเบกขาของเรา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าภิกษุทั้งหลายเหล่านี้ พึงอยู่โดยชอบไซร้ โลกก็จะไม่ว่าง จากพระอรหันต์ทั้งหลาย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนผู้ขอ ย่อมไม่เป็นที่รักของผู้ถูกขอ
คนผู้ถูกขอ เมื่อไม่ให้ ก็ย่อมไม่เป็นที่รักของผู้ขอ
เพราะฉะนั้น ข้าพระเจ้าจึไม่ขอท่าน
ขออย่าให้ข้าพระเจ้าเป็นที่เกลียดชังของท่านเลย
คนผู้ถูกขอ เมื่อไม่ให้ ก็ย่อมไม่เป็นที่รักของผู้ขอ
เพราะฉะนั้น ข้าพระเจ้าจึไม่ขอท่าน
ขออย่าให้ข้าพระเจ้าเป็นที่เกลียดชังของท่านเลย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อนาคตก็ยังอยู่ในส่วนของอนาคต
เราไม่สามารถเร่งให้มันมาเกิดในปัจจุบันได้
อนาคตบางอย่างเราปราถนา
อนาคตบางอย่างเราไม่ปราถนา
_________________________
อนาคตที่เราปราถนาก็คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่ชวนให้น่าพอใจ
ก็มีความดิ้นรนอยากจะให้พรุ่งนี้เร็วๆ จนเป็นทุกข์ในปัจจุบัน เพราะไม่สามารถให้อนาคตคือพรุ่งนี้มาอยู่ในปัจจุบันในวันนี้ได้
_________________
อนาคตที่เราไม่ปราถนาก็คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่ชวนให้ไม่น่าพอใจ
ก็มีความเศร้าโศกใจหวาดหวั่นเกิดขึ้นในปัจจุบัน ทั้งๆที่เป็นเรื่องของอนาคต จะหวาดหวั่นก็ไม่ได้อะไร
แทนที่จะตั้งสติหยุดลงในวินาที ณ ปัจจุบันนี้ รู้สึกทั่วถึงกาย ว่ากำลังหายใจเข้าหรือหายใจออกอยู่
ออกจากโลกของความคิดเสียได้ชั่วแว๊บหนึ่งก็ยังดี
เพื่อพักผ่อนจิตให้สบาย สงบจากความคิดเสียก่อน
แล้วจึงโน้มจิตพิจารณาแก้ปัญหาในเรื่องนั้นๆ
เราไม่สามารถเร่งให้มันมาเกิดในปัจจุบันได้
อนาคตบางอย่างเราปราถนา
อนาคตบางอย่างเราไม่ปราถนา
_________________________
อนาคตที่เราปราถนาก็คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่ชวนให้น่าพอใจ
ก็มีความดิ้นรนอยากจะให้พรุ่งนี้เร็วๆ จนเป็นทุกข์ในปัจจุบัน เพราะไม่สามารถให้อนาคตคือพรุ่งนี้มาอยู่ในปัจจุบันในวันนี้ได้
_________________
อนาคตที่เราไม่ปราถนาก็คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่ชวนให้ไม่น่าพอใจ
ก็มีความเศร้าโศกใจหวาดหวั่นเกิดขึ้นในปัจจุบัน ทั้งๆที่เป็นเรื่องของอนาคต จะหวาดหวั่นก็ไม่ได้อะไร
แทนที่จะตั้งสติหยุดลงในวินาที ณ ปัจจุบันนี้ รู้สึกทั่วถึงกาย ว่ากำลังหายใจเข้าหรือหายใจออกอยู่
ออกจากโลกของความคิดเสียได้ชั่วแว๊บหนึ่งก็ยังดี
เพื่อพักผ่อนจิตให้สบาย สงบจากความคิดเสียก่อน
แล้วจึงโน้มจิตพิจารณาแก้ปัญหาในเรื่องนั้นๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ธรรมะจะมีค่ามาก สำหรับผู้อยู่ในภูมิจิตที่พร้อมจะรับธรรมในขั้นนั้นๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
อนาคตก็ยังอยู่ในส่วนของอนาคต
เราไม่สามารถเร่งให้มันมาเกิดในปัจจุบันได้
อนาคตบางอย่างเราปราถนา
อนาคตบางอย่างเราไม่ปราถนา
_________________________
อนาคตที่เราปราถนาก็คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่ชวนให้น่าพอใจ
ก็มีความดิ้นรนอยากจะให้พรุ่งนี้เร็วๆ จนเป็นทุกข์ในปัจจุบัน เพราะไม่สามารถให้อนาคตคือพรุ่งนี้มาอยู่ในปัจจุบันในวันนี้ได้
_________________
อนาคตที่เราไม่ปราถนาก็คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่ชวนให้ไม่น่าพอใจ
ก็มีความเศร้าโศกใจหวาดหวั่นเกิดขึ้นในปัจจุบัน ทั้งๆที่เป็นเรื่องของอนาคต จะหวาดหวั่นก็ไม่ได้อะไร
แทนที่จะตั้งสติหยุดลงในวินาที ณ ปัจจุบันนี้ รู้สึกทั่วถึงกาย ว่ากำลังหายใจเข้าหรือหายใจออกอยู่
ออกจากโลกของความคิดเสียได้ชั่วแว๊บหนึ่งก็ยังดี
เพื่อพักผ่อนจิตให้สบาย สงบจากความคิดเสียก่อน
แล้วจึงโน้มจิตพิจารณาแก้ปัญหาในเรื่องนั้นๆ
เราไม่สามารถเร่งให้มันมาเกิดในปัจจุบันได้
อนาคตบางอย่างเราปราถนา
อนาคตบางอย่างเราไม่ปราถนา
_________________________
อนาคตที่เราปราถนาก็คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่ชวนให้น่าพอใจ
ก็มีความดิ้นรนอยากจะให้พรุ่งนี้เร็วๆ จนเป็นทุกข์ในปัจจุบัน เพราะไม่สามารถให้อนาคตคือพรุ่งนี้มาอยู่ในปัจจุบันในวันนี้ได้
_________________
อนาคตที่เราไม่ปราถนาก็คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่ชวนให้ไม่น่าพอใจ
ก็มีความเศร้าโศกใจหวาดหวั่นเกิดขึ้นในปัจจุบัน ทั้งๆที่เป็นเรื่องของอนาคต จะหวาดหวั่นก็ไม่ได้อะไร
แทนที่จะตั้งสติหยุดลงในวินาที ณ ปัจจุบันนี้ รู้สึกทั่วถึงกาย ว่ากำลังหายใจเข้าหรือหายใจออกอยู่
ออกจากโลกของความคิดเสียได้ชั่วแว๊บหนึ่งก็ยังดี
เพื่อพักผ่อนจิตให้สบาย สงบจากความคิดเสียก่อน
แล้วจึงโน้มจิตพิจารณาแก้ปัญหาในเรื่องนั้นๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ท่านที่สามารถอยู่เหนือ"อารมณ์ได้
ท่านเหล่านั้น ไม่เดือดร้อนกับเสียง
แต่สามารถ "อยู่เหนือมันได้" และทำงานตามปกติของท่านต่อไปได้โดยไม่เดือดเป็นทุกข์ใจไปกับเสียง
แม้ รูป กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมะ ก็เช่นนัยเดียวกัน เพราะท่านเหล่านั้นมีสัมมาสมาธิตั้งมั่นดีแล้ว
พูดแล้วก็
นึกถึงหลวงพ่อชา ที่ท่านว่า คนหลงโลกคือคนหลงอารมณ์"
ท่านเหล่านั้น ไม่เดือดร้อนกับเสียง
แต่สามารถ "อยู่เหนือมันได้" และทำงานตามปกติของท่านต่อไปได้โดยไม่เดือดเป็นทุกข์ใจไปกับเสียง
แม้ รูป กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมะ ก็เช่นนัยเดียวกัน เพราะท่านเหล่านั้นมีสัมมาสมาธิตั้งมั่นดีแล้ว
พูดแล้วก็
นึกถึงหลวงพ่อชา ที่ท่านว่า คนหลงโลกคือคนหลงอารมณ์"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"ความยาก เป็นเหตุให้เกิดทุกข์"
ถ้าเราทำอะไร โดยมีความอยากมากๆ
ใจย่อมเร้าร้อน..หรือร้อนรน
........
แต่ถ้าเราทำอะไรด้วย"ความพอดี"
ใจย่อมไม่เร้าร้อน..
เพราะเป็นใจที่ดำเนินทางสายกลาง ใจจึงไม่เป็นทุกข์ร้อน หรือร้อนรน
#อยาใจด้าน
#อย่าใจอ่อนแอ
#แต่ให้ใจ อยู่ในความพอดี
ถ้าเราทำอะไร โดยมีความอยากมากๆ
ใจย่อมเร้าร้อน..หรือร้อนรน
........
แต่ถ้าเราทำอะไรด้วย"ความพอดี"
ใจย่อมไม่เร้าร้อน..
เพราะเป็นใจที่ดำเนินทางสายกลาง ใจจึงไม่เป็นทุกข์ร้อน หรือร้อนรน
#อยาใจด้าน
#อย่าใจอ่อนแอ
#แต่ให้ใจ อยู่ในความพอดี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ธรรมะมีการโพส๒ระดับ หรือแสดงธรรม๒ระดับ
๑ โพสตามสภาวะธรรม เปิดเผยออกมา
๒ โพสแก้ปัญหาให้กับผู้อื่น
๑ )โพสตามสภาวะธรรม เช่น พระพุทธเจ้าแสดงปัจจยาการธรรมที่อาศัยกันและกันเกิดขึ้น และกระบวนการหลุดพ้นแห่งจิตตั้งแต่การเดินมรรคจนถึงหลุดพ้น
และสภาวะองค์ธรรมในสมาธิระดับต่างๆ และอื่นๆก็น่าจะมีอีก
๒ )โพสแก้ปัญหาให้กับผู้อื่น เช่น พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมแก่นางวิสาขา ว่าด้วย มีวัตถุอันเป็นที่รัก100 ย่อมมีวัตถุอันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์๑๐๐
และแสดงผลของการให้ทาน ให้กับนายที่ถวายอาหารให้แก่พระภิกษุสงฆ์ แล้วให้ด้วยความโกธรเคียง พระพุทธองค์จึงตรัสว่า เม็ดข้าวเม็ดเดียวที่พระภิกษุผู้สำรวมรับไปแล้ว ย่อมเป็นเหตุให้บันเทิงในโลกสวรรค์หลังจากตายแล้ว
และแสดงธรรมปลอบพระอานนท์ที่ร้องไห้ ที่เสียใจว่า พระพุทธองค์จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
๑ โพสตามสภาวะธรรม เปิดเผยออกมา
๒ โพสแก้ปัญหาให้กับผู้อื่น
๑ )โพสตามสภาวะธรรม เช่น พระพุทธเจ้าแสดงปัจจยาการธรรมที่อาศัยกันและกันเกิดขึ้น และกระบวนการหลุดพ้นแห่งจิตตั้งแต่การเดินมรรคจนถึงหลุดพ้น
และสภาวะองค์ธรรมในสมาธิระดับต่างๆ และอื่นๆก็น่าจะมีอีก
๒ )โพสแก้ปัญหาให้กับผู้อื่น เช่น พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมแก่นางวิสาขา ว่าด้วย มีวัตถุอันเป็นที่รัก100 ย่อมมีวัตถุอันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์๑๐๐
และแสดงผลของการให้ทาน ให้กับนายที่ถวายอาหารให้แก่พระภิกษุสงฆ์ แล้วให้ด้วยความโกธรเคียง พระพุทธองค์จึงตรัสว่า เม็ดข้าวเม็ดเดียวที่พระภิกษุผู้สำรวมรับไปแล้ว ย่อมเป็นเหตุให้บันเทิงในโลกสวรรค์หลังจากตายแล้ว
และแสดงธรรมปลอบพระอานนท์ที่ร้องไห้ ที่เสียใจว่า พระพุทธองค์จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มันอยากเข้าไปยึดอดีต วาเป็นเฮา ทั้งๆที่ก็เป็นได้แค่ อตีตังสญาณ แต่มันทะลึ่งจะมีอุปาทานในส่วนของอดีตตะธรรม ให้เป็นมันให้ได้
มันบ้าหรือเปล่า มันโดนโมหะ ม่อม
มันบ้าหรือเปล่า มันโดนโมหะ ม่อม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถาม : "ฉันเกิดในรัชกาลที่๙"
แล้วถ้า ไม่ปฏิบัติตามความพอเพียง ที่ท่านสอน มีแต่ฟุ้งเฟ้อเหอเหิม ความพอเพียงอยู่ง่ายกินง่ายนี้ไม่มี
ถ้ามีคนถามว่า "ในหลวงเกิดมาเพื่อประโยชน์ของชนหมู่มาก ทรงสร้างวิถีทางให้ดำเนินตาม เพื่อให้ชีวิตมีความสุขจากการเป็นอยู่อย่างพอเพียง คุณได้ประโยชน์อะไร จากการได้ทราบวิถีเส้นทางแห่งความเป็นอยู่อย่างพอเพียง?
ตอบ : ฉันเกิดทันผืนแผ่นดินรัชกาลที่๙ แต่ฉันไม่ได้ทำตามคำสอนท่านที่ว่าให้เป็นอยู่ใช้สอยอย่างพอเพียง
เลย
ถาม : แล้วท่านได้ประโยชน์อะไรกับคำสอนท่าน ท่านเกิดมาทันคำสอนท่าน แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสอนท่าน สรุปท่านได้ประโยชน์จากการเกิดทันคำสอนพ่อหลวงไหมเนี๊ย
ตอบ : .........
แล้วถ้า ไม่ปฏิบัติตามความพอเพียง ที่ท่านสอน มีแต่ฟุ้งเฟ้อเหอเหิม ความพอเพียงอยู่ง่ายกินง่ายนี้ไม่มี
ถ้ามีคนถามว่า "ในหลวงเกิดมาเพื่อประโยชน์ของชนหมู่มาก ทรงสร้างวิถีทางให้ดำเนินตาม เพื่อให้ชีวิตมีความสุขจากการเป็นอยู่อย่างพอเพียง คุณได้ประโยชน์อะไร จากการได้ทราบวิถีเส้นทางแห่งความเป็นอยู่อย่างพอเพียง?
ตอบ : ฉันเกิดทันผืนแผ่นดินรัชกาลที่๙ แต่ฉันไม่ได้ทำตามคำสอนท่านที่ว่าให้เป็นอยู่ใช้สอยอย่างพอเพียง
เลย
ถาม : แล้วท่านได้ประโยชน์อะไรกับคำสอนท่าน ท่านเกิดมาทันคำสอนท่าน แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสอนท่าน สรุปท่านได้ประโยชน์จากการเกิดทันคำสอนพ่อหลวงไหมเนี๊ย
ตอบ : .........
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 27, 2017 3:47:31pm
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 27, 2017 3:47:41pm
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 27, 2017 5:09:09pm
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 28, 2017 1:24:42am
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 28, 2017 1:34:04am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้ระบุว่าตัวเขาเองปลอดภัยดีในช่วงที่เกิด น้ำท่วมในภาคเหนือและภาคกลางของไทย
สถานที่: Sukhothai Thani (14.051330743518, 101.513671875)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผู้ลืมบุญคุณ ผู้นั้นจะเจริญหรือ
วันอังคาร กลับ ^_______^
วันอังคาร กลับ ^_______^
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.พวกหน้าสวย หน้าหล่อ ไม่เหมาะกับการเป็นตำรวจหรอก เหมาะเป็นหมอ
แต่เพราะกรรมบางอย่างเหวี่ยงให้ต้องเป็นตำรวจ
พวกหนัาไม่สวย หน้าไม่หล่อ ไม่เหมาะกับการเป็นหมอหรอก เหมาะ
เป็นตำรวจ แต่เพราะกรรมบางอย่างเหวี่ยงให้ต้องเป็นหมอ
คนเป็นหมอแท้จิตใจต้องดี โอบอ้อมอารี มีเมตตา กรุณา ปรถนาให้
เขาหายทุกข์กายอยู่เสมอ ต่อมากลายเป็นวางเฉย
คนเป็นหมอเทียมจิตใจโห้ดเหี้ยม โอบอ้อมอารีไม่มี วางเฉยไม่มี
ทำงานรังเกลียดผู้ป่วย
แต่เพราะกรรมบางอย่างเหวี่ยงให้ต้องเป็นตำรวจ
พวกหนัาไม่สวย หน้าไม่หล่อ ไม่เหมาะกับการเป็นหมอหรอก เหมาะ
เป็นตำรวจ แต่เพราะกรรมบางอย่างเหวี่ยงให้ต้องเป็นหมอ
คนเป็นหมอแท้จิตใจต้องดี โอบอ้อมอารี มีเมตตา กรุณา ปรถนาให้
เขาหายทุกข์กายอยู่เสมอ ต่อมากลายเป็นวางเฉย
คนเป็นหมอเทียมจิตใจโห้ดเหี้ยม โอบอ้อมอารีไม่มี วางเฉยไม่มี
ทำงานรังเกลียดผู้ป่วย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ กิตติคุณ พลหาญ และคนอื่นๆ อีก 6 คน
คุณได้แท็ก กิตติคุณ พลหาญ, ก๊อปแก็ป มะสิงึด, Fluk Camera Man, Chonlachai Duangkaeo, Dowpaky Dao, Vissarut NorKaew และ Naree Maneenat
#ดูกรนางนันทา (หรือฟังนะ นางนันทา)
#ท่านจงดูร่างกายอันกระสับกระส่าย
#ไม่สะอาดเน่าเปื่อย
#จงอบรมจิตให้ตั้งมั่นด้วยดี
#มีอารมณ์เป็นหนึ่งด้วยอสุภสัญญา
#ร่างกายนี้ฉันใด
#ร่างกายของท่านก็ฉันนั้น
#ร่างกายเป็นของเน่าเปื่อย
#มีกลิ่นเหม็นฟุ้งไป
#อันพวกชลพาลปรารถนากันยิ่งนัก
#เมื่อท่านพิจารณาร่างกายนี้
#อย่างไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันก
ลางคืนแทงตลอดแล้ว
#จักเห็นด้วยปัญญาของตนได้
#เมื่อเราเป็นผู้ไม่ประมาท
#ค้นคว้าอยู่โดยอุบายอันแยบคาย
#จึงเห็นกายนี้ทั้งภายในและภายนอก
#ตามความเป็นจริง
#ทีนั้นเราจึงเบื่อหน่ายในกาย
#และคลายความกำหนัดในภายใน
#เป็นผู้ไม่ประมาท
#ไม่เกาะเกี่ยวในสิ่งใด
#เป็นผู้สงบระงับดับสนิทแล้ว
นันทาเถรีคาถา เถรี ขุ ๒๖/๓๙๖/๔๔๒
#ท่านจงดูร่างกายอันกระสับกระส่าย
#ไม่สะอาดเน่าเปื่อย
#จงอบรมจิตให้ตั้งมั่นด้วยดี
#มีอารมณ์เป็นหนึ่งด้วยอสุภสัญญา
#ร่างกายนี้ฉันใด
#ร่างกายของท่านก็ฉันนั้น
#ร่างกายเป็นของเน่าเปื่อย
#มีกลิ่นเหม็นฟุ้งไป
#อันพวกชลพาลปรารถนากันยิ่งนัก
#เมื่อท่านพิจารณาร่างกายนี้
#อย่างไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันก
ลางคืนแทงตลอดแล้ว
#จักเห็นด้วยปัญญาของตนได้
#เมื่อเราเป็นผู้ไม่ประมาท
#ค้นคว้าอยู่โดยอุบายอันแยบคาย
#จึงเห็นกายนี้ทั้งภายในและภายนอก
#ตามความเป็นจริง
#ทีนั้นเราจึงเบื่อหน่ายในกาย
#และคลายความกำหนัดในภายใน
#เป็นผู้ไม่ประมาท
#ไม่เกาะเกี่ยวในสิ่งใด
#เป็นผู้สงบระงับดับสนิทแล้ว
นันทาเถรีคาถา เถรี ขุ ๒๖/๓๙๖/๔๔๒
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 30, 2017 4:01:01pm
คุณได้แท็ก Naree Maneenat
สถานที่: วัดชัยมงคลบ้านหนองยอ ตำบลจิกดู่ อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ (15.587627795203, 104.57143039385)
ที่อยู่: Amnat, Amnat Charoen
.มาฮ้อดวัดหนองยอแล้วเด้อ ถ้าจะมาสนทนาธรรมกะมาเด้อ
แต่อย่ามาหาถามเลขถามหวย ถามเรื่องทางโลก เรื่องทางธรรมถา
มมาโหล้ด เป็นหยังปานนี้คึยังบ่สึก ถามโหล้ด แต่อย่าถามเรื่องโลกเช่น
ดาราคนนี้งามบอ เพลงนั่นมวนบอ หนังเรื่องนั้นมวนบอ ฯลฯ อย่าถาม
# จิตใจอาตมา มันบ่คือเก่า
คำเว้าคำจา ท่าทางกิริยามารยาท สำรวมไว้ดีที่สุด
(ป้ายอยู่หน้าวัดหนองป่าพง เพิลเขียนไว้ประมาณว่า สตรีบ่สำรวม บ่
เป็นตาเบิ่ง)
อาตมาว่า สตรีนุ่งสั้นเข้าวัด ตะน่าสมเพดคัก
ดังนั้นอย่านุ่งกระโปงมา
แต่อย่ามาหาถามเลขถามหวย ถามเรื่องทางโลก เรื่องทางธรรมถา
มมาโหล้ด เป็นหยังปานนี้คึยังบ่สึก ถามโหล้ด แต่อย่าถามเรื่องโลกเช่น
ดาราคนนี้งามบอ เพลงนั่นมวนบอ หนังเรื่องนั้นมวนบอ ฯลฯ อย่าถาม
# จิตใจอาตมา มันบ่คือเก่า
คำเว้าคำจา ท่าทางกิริยามารยาท สำรวมไว้ดีที่สุด
(ป้ายอยู่หน้าวัดหนองป่าพง เพิลเขียนไว้ประมาณว่า สตรีบ่สำรวม บ่
เป็นตาเบิ่ง)
อาตมาว่า สตรีนุ่งสั้นเข้าวัด ตะน่าสมเพดคัก
ดังนั้นอย่านุ่งกระโปงมา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.เพราะราคะเหือดแห้งไป จึงเป็นเหตุให้จิตปฏิวัฏเลิกแคร์สิ่งภายนอกเรื่อยๆ
ดังเช่นพระอนาคาเพราะราคะที่มีต่อร่างกายเหือดแห้งหายไปหมดทั้งเชื้อ
ท่านจึงบอกให้คนนำศาตรามาฆ่าตนเอง ไม่แค่แคร์ร่างกายนี้แล้ว
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใจความหนึ่ง ประมาณว่า "บุคคลย่อมรักตนเองมากกว่า
รักคนอื่น"
ดังนั้นเมื่อหมดราคะที่แผ่ซ่านไปกับรูปขันธ์ภายใน คือหมดรักร่างกายนี้แล้ว
ก็หมดรักร่างกายคนอื่นด้วย สมกับที่พระอาจารย์ เขมโก ธมฺมวิตกฺก ว่าไว้
พระอนาคามี ร่างกายหยุดการสร้างอสุจิ แต่มาผลิตเซลล์สมองแทน
ดังเช่นพระอนาคาเพราะราคะที่มีต่อร่างกายเหือดแห้งหายไปหมดทั้งเชื้อ
ท่านจึงบอกให้คนนำศาตรามาฆ่าตนเอง ไม่แค่แคร์ร่างกายนี้แล้ว
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใจความหนึ่ง ประมาณว่า "บุคคลย่อมรักตนเองมากกว่า
รักคนอื่น"
ดังนั้นเมื่อหมดราคะที่แผ่ซ่านไปกับรูปขันธ์ภายใน คือหมดรักร่างกายนี้แล้ว
ก็หมดรักร่างกายคนอื่นด้วย สมกับที่พระอาจารย์ เขมโก ธมฺมวิตกฺก ว่าไว้
พระอนาคามี ร่างกายหยุดการสร้างอสุจิ แต่มาผลิตเซลล์สมองแทน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผ้หญิงนุ่งสั้นเข้าวัด มันน่าสมเพด
ผู้หญิงนุ่งสั้นใส่บาต มันน่าสมเพด
### เมื่อ ###
### รู้ ###
### ว่า ###
### ผลกรรม ""
### จาก###
### การ ###
### นุ่งสั้น##
### ใส่บาต หรือ เข้าวัดทำบุญ##
### แล้วให้พระที่ยังไม่หมดราคะเห็น #็#
# # คุณจะเสียใจ## และรู้สึกผิด
# ปิดท้าย ความหมายโพส
ชอบทำบุญ แต่ทำให้ศาสนาอันตรธานโดยคาดไม่ถึง
ผู้หญิงนุ่งสั้นใส่บาต มันน่าสมเพด
### เมื่อ ###
### รู้ ###
### ว่า ###
### ผลกรรม ""
### จาก###
### การ ###
### นุ่งสั้น##
### ใส่บาต หรือ เข้าวัดทำบุญ##
### แล้วให้พระที่ยังไม่หมดราคะเห็น #็#
# # คุณจะเสียใจ## และรู้สึกผิด
# ปิดท้าย ความหมายโพส
ชอบทำบุญ แต่ทำให้ศาสนาอันตรธานโดยคาดไม่ถึง
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 31, 2017 4:37:38pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ยอม... ความเป็นไปต่างๆนาๆ ของสตฺวนามฺ
ปรุงแต่งกระแสนี้A ย่อมบังเกิดอัตภาพชาย
ปรุงแต่งกระแสนี้B ย่อมบังเกิดอัตภาพหญิง
พวกผิดศีลข้อกาเม เมื่อตอนที่ทำผิดอยู่ในอัตภาพชาย ต่อไปผลวิบากกรรมของกาผิดศีลข้อกาเม จะบันดาลจิตให้ปรุงแต่งกระแสB และปฏิสนธิ และเกิดการมีอัตภาพหญิง(คือร่างกายเป็นหญิง)
ปรุงแต่งกระแสนี้A ย่อมบังเกิดอัตภาพชาย
ปรุงแต่งกระแสนี้B ย่อมบังเกิดอัตภาพหญิง
พวกผิดศีลข้อกาเม เมื่อตอนที่ทำผิดอยู่ในอัตภาพชาย ต่อไปผลวิบากกรรมของกาผิดศีลข้อกาเม จะบันดาลจิตให้ปรุงแต่งกระแสB และปฏิสนธิ และเกิดการมีอัตภาพหญิง(คือร่างกายเป็นหญิง)
อัพเดตเมื่อ ต.ค. 31, 2017 10:12:49pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้แชร์ความทรงจำ
8 ปีที่แล้ว
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พ.ย. 01, 2013 7:42:36pm
[วันที่1ครูให้การบ้านนัดส่งวันที่9} - [วันที่2ไปเล่น ปล เล่นแบบกังวนใจ -3 -4 -5 -6 - 7- }
วันที่8[รีบทำแบบสุดๆ} -วันที่9ส่ง]
กับ
[วันที่1ครูให้การบ้าน} - [วันที่2เริ่มทำ ปล จนเสร็จ} - วันที่3ไปเล่นแบบอิสระ -4 -5 -6 - 7- 8-}
วันที่9ส่ง]
จะเลือกแบบไหน
คิดถึงน้องสาวจังเลย อิอิ กลับบ้านวันไหน มาสอนพี่พูดเขมร หน่อยน่ะ 55
ได้คำเดียว กระเดาๆ แปลว่าร้อนๆ อิอิ
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 01, 2017 10:19:02am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
นรกคือ สถานที่ที่ให้ไปอยู่สัก3นาที ก็ไม่ไหว
สวรรค์คือ สถานที่ที่น่าอยู่มาก
เหตุปัจจัยให้เข้าถึงสวรรค์ คือศีลสมาธิ
สวรรค์คือ สถานที่ที่น่าอยู่มาก
เหตุปัจจัยให้เข้าถึงสวรรค์ คือศีลสมาธิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การทำทาน โดยไม่มีศีล จะเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดในสวรรค์ไม่ได้เลย
ดังนั้นศีลจึงจำเป็นทุกครั้งก่อนการถวายทาน
ดังนั้นศีลจึงจำเป็นทุกครั้งก่อนการถวายทาน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้แชร์ความทรงจำ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตอนเฮ็ดตอนทำบ่ย้าน
บัดฮู้ว่าสิได้รับผลวิบากของการทำบ่ดีนั่น บัดย้าน..บ่มัก
เจตนาฆ่าเขา คือฆ่าเรา
บัดฮู้ว่าสิได้รับผลวิบากของการทำบ่ดีนั่น บัดย้าน..บ่มัก
เจตนาฆ่าเขา คือฆ่าเรา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กายคตาสติสูตร เจริญแล้วต้องข้ามความสงบไปหาเป้าหมาย คือต้องเบื่อร่างกายนี้ ทั้งกายใน กายนอก
(ต้องนิพพิทาหายติดสีที่เห็นทางมโนทวาร)
(ต้องนิพพิทาหายติดสีที่เห็นทางมโนทวาร)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตอนนี้คุณหายใจเข้าหรือหายใจออก?
และร่างกายกำลังอยู่ในท่าไหน?
ยืน หรือ นอน ?
และร่างกายกำลังอยู่ในท่าไหน?
ยืน หรือ นอน ?
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าไม่มีหนังหน้า ก็ไม่หล่อแล้ว...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.เจริญกายคาสติสูตร เพื่อให้ลงกันได้กับครูธรรมมานุปัสนาๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เจริญกายคตาสติสูตรแล้ว แล้วผลออกมาเป็นเวทนาจิตอย่างไร
ถ้าเวทนาจิตเป็นกุศล ๒ ถือว่าถูก
กล่าวคือ สุขเวทนาเพราะจิตปราศจากราคะและโทสะ
กล่าวคือ อุเบกขาเวทนาเพราะจิตมีความสงบระดับสี่
แล้ว เอาเวทนาจิต ไปตรวจกับ ครูธรรมมานุปัสนา
(ครูธรรมมาตีกรอบไว้หลายอัน ตั้งแต่กรอบขันธ์๕ ไปจนถึงกรอบโพชฌงค์เจ็ด
จะตรวจเฉพาะกับกรอบนิวรณ์ไม่ได้ เพราะถ้าคิดว่าแค่ไม่มีนิวรณ์ก็
บรรรลุธรรมได้ แล้วฤษีสมัยก่อนพุทธกาลเข้าได้ฌานก็ปลอดนิวรณ์แล้วทำไม
ไม่บรรลุอรหันต์หรืออนาคา ฯ ได้เลย
ถ้าเวทนาจิตเป็นกุศล ๒ ถือว่าถูก
กล่าวคือ สุขเวทนาเพราะจิตปราศจากราคะและโทสะ
กล่าวคือ อุเบกขาเวทนาเพราะจิตมีความสงบระดับสี่
แล้ว เอาเวทนาจิต ไปตรวจกับ ครูธรรมมานุปัสนา
(ครูธรรมมาตีกรอบไว้หลายอัน ตั้งแต่กรอบขันธ์๕ ไปจนถึงกรอบโพชฌงค์เจ็ด
จะตรวจเฉพาะกับกรอบนิวรณ์ไม่ได้ เพราะถ้าคิดว่าแค่ไม่มีนิวรณ์ก็
บรรรลุธรรมได้ แล้วฤษีสมัยก่อนพุทธกาลเข้าได้ฌานก็ปลอดนิวรณ์แล้วทำไม
ไม่บรรลุอรหันต์หรืออนาคา ฯ ได้เลย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระพุทธเจ้าว่า
""""_______สัตว์ _______""""
(สัตว์ = พวกตกนรก พวกเป็นเดรัจฉาน พวกเป็นอสูร พวกเป็นมนุษย์ พวกเป็นเทวดา พวกเป็นพรหม)
""______ทั้งหลาย_____""
""______มีกรรม_______""
""______เป็นของๆตน_____"
""______มีกรรมเป็นผู้ให้ผล ฯ _____"
บุคคลใดทำกรรมชั่ว กรรมย่อมให้ผลชั่ว
มีทุคติเป็นที่ไป
บุคคลใดทำกรรมดี กรรมย่อมให้ผลดี
มีสุคติเป็นที่ไป
""""_______สัตว์ _______""""
(สัตว์ = พวกตกนรก พวกเป็นเดรัจฉาน พวกเป็นอสูร พวกเป็นมนุษย์ พวกเป็นเทวดา พวกเป็นพรหม)
""______ทั้งหลาย_____""
""______มีกรรม_______""
""______เป็นของๆตน_____"
""______มีกรรมเป็นผู้ให้ผล ฯ _____"
บุคคลใดทำกรรมชั่ว กรรมย่อมให้ผลชั่ว
มีทุคติเป็นที่ไป
บุคคลใดทำกรรมดี กรรมย่อมให้ผลดี
มีสุคติเป็นที่ไป
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ สมณะ ในดง
คุณได้แท็ก สมณะ ในดง
(ปล.ถ้าไม่มีเหตุ ให้เป็นอย่างอื่น )
เหลืออีก 11 วัน
วันที่ 15 ตอนเย็น
เดี๋ยวไปจับเส้นให้เด้อครับอาจารย์
เหลืออีก 11 วัน
วันที่ 15 ตอนเย็น
เดี๋ยวไปจับเส้นให้เด้อครับอาจารย์
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
(แนะนำคนทำแท้ง)
ให้ไปหาซื้อ พระพุทธชินราชองค์เล็กมา
...ห้อยคอซะ...
ให้ไปหาซื้อ พระพุทธชินราชองค์เล็กมา
...ห้อยคอซะ...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
บัดยามสิตายกะย้อนบ่นึกหาบุญกุศลที่เคยเฮ็ดไว้นั่นหละ จั่งวะเป็นผีเป็นเปตร
พวกใด๋ยามตายนึกถึงบุญไปสุคติภพ
พวกใด๋ยามตายนึกถึงบุญไปสุคติภพ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Praiwapa May
คุณได้แท็ก Praiwapa May
มื้อลุนสิเว้าอานิสงค์ของการเฮ็ดงานพยาบาลให้ฟัง คึสิตืมกำลังใจได้แนเติบ
แต่อย่าไปหามักยามยุป้อมหน้าประตูคนหนุ่มๆนั่นเด้อละ ขะเจ้าพาไปเฮ็ดนาตากแดดเด๊ะ ก้วยลูกยุอู่ โอโอ๊ะๆๆ นอนสะหล้า หลับตาแม่สิก่อม อย่าเด๊ะ มักยุเบาะตากแดดคิดเอา
แต่อย่าไปหามักยามยุป้อมหน้าประตูคนหนุ่มๆนั่นเด้อละ ขะเจ้าพาไปเฮ็ดนาตากแดดเด๊ะ ก้วยลูกยุอู่ โอโอ๊ะๆๆ นอนสะหล้า หลับตาแม่สิก่อม อย่าเด๊ะ มักยุเบาะตากแดดคิดเอา
กว่าจะเป็น พระพุธโธ ผู้รู้แจ้งความจริงทุกสรรพสิ่งอันเป็นความจริงทั้งปวง ต้องบากบั่นสร้างบารมีบำเพ็ญมา 4 อสงไข กำไรอีกแสนกัป และมาชาติชุดท้าย ทำทุกขกิริยานานถึง 6 ปี จึงเกิดมรรคญาณ ฯ และออกมาเป็นตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ประกาศธรรมานุปัสนา
ในยุคมนุษย์อายุไขถอยลงจาก แปดหมื่นปี มา 100 ปี
พุทธศาสนาจะมีปรากฏอยู่ครั้งสุดท้ายในยุคมนุษย์อายุถอยลงไปถึง ..... ปี ฟ้าวเด้อๆ ทำความเพียรเด้อ จักนอยเมิ๊ดแสงธรรมมานุปัสนาเด๊ะบาด อย่าสิคิดว่าอีกดน มันไกลเข้าไปทุกทีๆ ไผ๋อยากหนีออกจาก วังวนเกิดตายบ่แล้วจบจักเทือ ให้เจริญกายคตาสติสูตรเด้อ แล้วเวทนาและจิตจะดีใช้ได้ เอาไปตรวจกับธรรมมนุปัสนากะจะลงกันได้ คือละอกุศลก็เพราะเจริญกายคตาสติสูตร กุศลเกิดแทนกะเพราะเจริญกายคตาสติสูตร เจริญกุศลให้ยิ่งๆขึ้นไปมันกะแมนเจริญกายคตาสติสูตรยิ่งๆขึ้นไปนั่นหละ
พระพุทโธ เพิลตรัสรับรองไว้
ธรรมอันหนึ่ง ที่เจริญให้บริบูรณ์แล้ว
ย่อมถึงอมตะ หรือนิพพาน คือ กายคตาสติ
กว่าจะเป็น พระพุธโธ ผู้รู้แจ้งความจริงทุกสรรพสิ่งอันเป็นความจริงทั้งปวง ต้องบากบั่นสร้างบารมีบำเพ็ญมา 4 อสงไข กำไรอีกแสนกัป และมาชาติชุดท้าย ทำทุกขกิริยานานถึง 6 ปี จึงเกิดมรรคญาณ ฯ และออกมาเป็นตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ประกาศธรรมานุปัสนา
ในยุคมนุษย์อายุไขถอยลงจาก แปดหมื่นปี มา 100 ปี
พุทธศาสนาจะมีปรากฏอยู่ครั้งสุดท้ายในยุคมนุษย์อายุถอยลงไปถึง ..... ปี ฟ้าวเด้อๆ ทำความเพียรเด้อ จักนอยเมิ๊ดแสงธรรมมานุปัสนาเด๊ะบาด อย่าสิคิดว่าอีกดน มันไกลเข้าไปทุกทีๆ ไผ๋อยากหนีออกจาก วังวนเกิดตายบ่แล้วจบจักเทือ ให้เจริญกายคตาสติสูตรเด้อ แล้วเวทนาและจิตจะดีใช้ได้ เอาไปตรวจกับธรรมมนุปัสนากะจะลงกันได้ คือละอกุศลก็เพราะเจริญกายคตาสติสูตร กุศลเกิดแทนกะเพราะเจริญกายคตาสติสูตร เจริญกุศลให้ยิ่งๆขึ้นไปมันกะแมนเจริญกายคตาสติสูตรยิ่งๆขึ้นไปนั่นหละ
พระพุทโธ เพิลตรัสรับรองไว้
ธรรมอันหนึ่ง ที่เจริญให้บริบูรณ์แล้ว
ย่อมถึงอมตะ หรือนิพพาน คือ กายคตาสติ
ในยุคมนุษย์อายุไขถอยลงจาก แปดหมื่นปี มา 100 ปี
พุทธศาสนาจะมีปรากฏอยู่ครั้งสุดท้ายในยุคมนุษย์อายุถอยลงไปถึง ..... ปี ฟ้าวเด้อๆ ทำความเพียรเด้อ จักนอยเมิ๊ดแสงธรรมมานุปัสนาเด๊ะบาด อย่าสิคิดว่าอีกดน มันไกลเข้าไปทุกทีๆ ไผ๋อยากหนีออกจาก วังวนเกิดตายบ่แล้วจบจักเทือ ให้เจริญกายคตาสติสูตรเด้อ แล้วเวทนาและจิตจะดีใช้ได้ เอาไปตรวจกับธรรมมนุปัสนากะจะลงกันได้ คือละอกุศลก็เพราะเจริญกายคตาสติสูตร กุศลเกิดแทนกะเพราะเจริญกายคตาสติสูตร เจริญกุศลให้ยิ่งๆขึ้นไปมันกะแมนเจริญกายคตาสติสูตรยิ่งๆขึ้นไปนั่นหละ
พระพุทโธ เพิลตรัสรับรองไว้
ธรรมอันหนึ่ง ที่เจริญให้บริบูรณ์แล้ว
ย่อมถึงอมตะ หรือนิพพาน คือ กายคตาสติ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้โปรดสัตว์ในเฟส พอแหละ
หรือยังมีใครอีก...
หรือยังมีใครอีก...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทุกข์ใจ มันกะคือความกังวลใจ น้อยใจ ฯ นั่นหละ
กะซางมักมักปรุงแต่งสร้างขึ้นมาเผาใจเจ้าของ
อยากหมดทุกข์ กะตั้องเซาปรุงแต่งกระทุกข์ออกมา แต่ให้ปรุงแต่งกระแสสุขออกมาแทน เฮ็ดเป็นบ๋อ
กะซางมักมักปรุงแต่งสร้างขึ้นมาเผาใจเจ้าของ
อยากหมดทุกข์ กะตั้องเซาปรุงแต่งกระทุกข์ออกมา แต่ให้ปรุงแต่งกระแสสุขออกมาแทน เฮ็ดเป็นบ๋อ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าแมนไปปักกลดอยู่บริเวรแถวป้าช้าเจ็ก
คึที่ผ่านมา
คึสิเป็นหนาวคัก
นึกหาผีหลอกคนจีนนั่นเด้ จั่งแมนมีบุญคุณหลาย
คึที่ผ่านมา
คึสิเป็นหนาวคัก
นึกหาผีหลอกคนจีนนั่นเด้ จั่งแมนมีบุญคุณหลาย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
" อิติปิโส อาโป" เพราะเหตุอย่างนี้ จึงว่า "น้ำ"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ช่วงที่ผ่านมาเราไปปักกลดอยู่ท้ายกลมทางหลวงเขต๒อุบล ห่างจากสุสานคนจีนประมาณ80ก้าว
เราไปอยู่ที่นั่น รู้สึกเป็นมิตรกับผี มากกว่าคน
ต่อมาเดินทางกลับมาวัดสังกัด
จึงทำบุญอุทิศให้เขาเพราะเขามีบุญคุณมาก
ถ้าไม่มีเขา อาจไม่มีเหตุการณ์อย่างนั้น ในวันนั้น
และต่อมาเดินทางกลับมาวัดเดิม
ก็มีพระเล่าให้ฟังว่า พระกรรมวาจาที่สวดบวชให้เราเมื่อปี2557 มรณะภาพลง และพระที่ทำนายชีวิตเราก็มรณะภาพลง
โอ้ สังขาร บ่เที่ยงน้อ
ทั้ง๒ท่านล้วนเป็นผู้มีคุณกับเรา คนอื่นกฟ้มีคุณอยู่
ความคิดเรา " เกี่ยวกับบุคคลที่ตายไปแล้วทั้ง๒ท่าน 1. ปู่เม้า เป็นเทพ
2. อาจารย์โมก เป็นเทพ
แถม 3แม่ใหญ่หนู เป็นเทพธิดา
สิแมนหรือบอแมนลองไปตรวจกับหมอธรรมเบิ่ง
ส่วนข้าพระเจ้าเอง คิดว่า ถูกทั้ง3ข้อ
เราไปอยู่ที่นั่น รู้สึกเป็นมิตรกับผี มากกว่าคน
ต่อมาเดินทางกลับมาวัดสังกัด
จึงทำบุญอุทิศให้เขาเพราะเขามีบุญคุณมาก
ถ้าไม่มีเขา อาจไม่มีเหตุการณ์อย่างนั้น ในวันนั้น
และต่อมาเดินทางกลับมาวัดเดิม
ก็มีพระเล่าให้ฟังว่า พระกรรมวาจาที่สวดบวชให้เราเมื่อปี2557 มรณะภาพลง และพระที่ทำนายชีวิตเราก็มรณะภาพลง
โอ้ สังขาร บ่เที่ยงน้อ
ทั้ง๒ท่านล้วนเป็นผู้มีคุณกับเรา คนอื่นกฟ้มีคุณอยู่
ความคิดเรา " เกี่ยวกับบุคคลที่ตายไปแล้วทั้ง๒ท่าน 1. ปู่เม้า เป็นเทพ
2. อาจารย์โมก เป็นเทพ
แถม 3แม่ใหญ่หนู เป็นเทพธิดา
สิแมนหรือบอแมนลองไปตรวจกับหมอธรรมเบิ่ง
ส่วนข้าพระเจ้าเอง คิดว่า ถูกทั้ง3ข้อ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ดึกๆเช่นนี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนที่ไม่หลับนอนตอนกลางคืน มีอยู่๕จำพวก
๑ พระราชาผู้ทำการใคร่ครวนพิจารณาแก้ปัญหาราชฎร
๒ โจรผู้กำลังทำการรอบเข้าหวังลักขโมยของ
๓ หญิงผู้มีจิตอยากร่วมเพศกับชาย
๔ ชายผู้มีจิตอยากร่วมเพศกับหญิง
๕ สมณะผู้ประกอบความเพียรหวังซึ่งโมกษะธรรม (หวังความหลุดพ้นจากทุกข์ทางใจ)
๑ พระราชาผู้ทำการใคร่ครวนพิจารณาแก้ปัญหาราชฎร
๒ โจรผู้กำลังทำการรอบเข้าหวังลักขโมยของ
๓ หญิงผู้มีจิตอยากร่วมเพศกับชาย
๔ ชายผู้มีจิตอยากร่วมเพศกับหญิง
๕ สมณะผู้ประกอบความเพียรหวังซึ่งโมกษะธรรม (หวังความหลุดพ้นจากทุกข์ทางใจ)
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 05, 2017 11:53:22pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ชาตินี้ หัวใจยกให้ธรรมะของพระพุทโธไปแล้ว
เหลือแต่ให้ใจกลายเป็นอนุพุธโธ
เหลือแต่ให้ใจกลายเป็นอนุพุธโธ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
งานที่ยิ่งใหญ่มีอยู่ ๒ อย่าง
๑ งานช่วยคนให้ออกมาดี
๒ งานช่วยตนให้ออกมาดี
๑ งานช่วยคนให้ออกมาดี
๒ งานช่วยตนให้ออกมาดี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผู้หญิงสมัยนี้ หน้าตาดีเยอะแยะ
แต่ที่ใจนี่สิใช้ไม่ได้เลย
ไม่เหมือนพวกพยาบาลบางคนแม้หน้าตาดูไม่ดี แต่จิตใจเปี่ยมไปด้วยความกรุณาและเมตตา
แต่ที่ใจนี่สิใช้ไม่ได้เลย
ไม่เหมือนพวกพยาบาลบางคนแม้หน้าตาดูไม่ดี แต่จิตใจเปี่ยมไปด้วยความกรุณาและเมตตา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ผู้หญิงสมัยนี้หน้าตาดีเยอะแยะ
แต่ที่ใจนี่สิใช้ไม่ได้เลย
ไม่เหมือนพวกพยาบาลบางคนแม้หน้าตาดูไม่ดี แต่จิตใจเปี่ยมไปด้วยความกรุณาเมตตา
แต่ที่ใจนี่สิใช้ไม่ได้เลย
ไม่เหมือนพวกพยาบาลบางคนแม้หน้าตาดูไม่ดี แต่จิตใจเปี่ยมไปด้วยความกรุณาเมตตา
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 06, 2017 2:01:35am
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 06, 2017 2:02:24am
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 06, 2017 2:03:29am
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 06, 2017 2:04:32am
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 06, 2017 2:05:10am
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 06, 2017 2:05:48am
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 06, 2017 2:06:35am
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 06, 2017 2:07:57am
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 06, 2017 2:08:48am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.การฝนอภิญญา
อตีตังสญาณ (ความยั่งรู้อนาคต) ฝนโดยการ มนสิการความเป็น
ไปของขันธ์๕ในส่วนอดีต
อนาคตังสญาณ (ความหยั่งรู้อดีต) ฝนโดยการ มนสิการความเป็น
ไปของขันธ์๕ในส่วนอนาคต
บ่มอาสวักขยญาณ โดยการมนสิการความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความ
ไม่มีอะไรยึดถือไว้ได้ ของขันธ์๕
อตีตังสญาณ (ความยั่งรู้อนาคต) ฝนโดยการ มนสิการความเป็น
ไปของขันธ์๕ในส่วนอดีต
อนาคตังสญาณ (ความหยั่งรู้อดีต) ฝนโดยการ มนสิการความเป็น
ไปของขันธ์๕ในส่วนอนาคต
บ่มอาสวักขยญาณ โดยการมนสิการความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความ
ไม่มีอะไรยึดถือไว้ได้ ของขันธ์๕
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ใจที่เศร้าหมอง จะแก้ปัญหาชีวิตได้ดี
นั้นไม่มีเลย แต่ใจที่ผ่องใส่สบายจึงจะแก้ปัญหาชีวิตได้ เข้าวัดทำบุญแก้เคล็ดแนเด้อ อย่าสิคิดมากกังวนมาก ให้คิดวาต่อไปจังใดน้อชีวิตเฮาจังสิดี
นั้นไม่มีเลย แต่ใจที่ผ่องใส่สบายจึงจะแก้ปัญหาชีวิตได้ เข้าวัดทำบุญแก้เคล็ดแนเด้อ อย่าสิคิดมากกังวนมาก ให้คิดวาต่อไปจังใดน้อชีวิตเฮาจังสิดี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เวลาเดินจรงกลม ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ อย่าเข้ามากวนคนเดินจรงกลมหลาย #ถ้าไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ก็รู้เถิดว่า เวลาพระเดินจรงกลม ไม่ควรมาชวนถามเลขถามหวยน่ะ เพราะฉันไม่รู้เลขหวย ไม่มากวนเวลานี้น่ะ😊😊
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ร่างกายหาแก่นสารบ่ได้ดอก จักนอยกะเหียวคึแห้งคึผิวผู้เฒ่า
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กะยังวาจิตใจมันบ่คึเก่าๆ มันทรงคึจั่งนักเลง ตะกี้ยานผีบักคัก แต่เดี๋ยวนี้กล้าเว้าแงฮ้อดผี กะยังวามันบอคึเก่าจิตใจ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คิดบ่ดี กะจัดเป็น มิจฉาสังกับโป
เว้าบ่ดี กะจัดเป็น มิจฉาวาจา
คนมันทุกข์ย้อนคิดบ่เป็น คิดเป็นแต่ผลิตทุกข์ทุกข์ขึ้นมา มันบ่คิดไปทางสัมมาสังกับโป คือคิดไปทางเกิดเมตตาตน คือคิดไปทางบ่เบียดเบียนจิตใจเจ้าของ คือคิดไปทางบ่ทำร้ายใจเจ้าของ
แต่มันคิดตรงข้ามกับพระพุทธเจ้าให้คิด มันกะทุกข์แล้ว บ่ว่าสิเป็นมนุษย์หรือเทวดากะตาม
เว้าบ่ดี กะจัดเป็น มิจฉาวาจา
คนมันทุกข์ย้อนคิดบ่เป็น คิดเป็นแต่ผลิตทุกข์ทุกข์ขึ้นมา มันบ่คิดไปทางสัมมาสังกับโป คือคิดไปทางเกิดเมตตาตน คือคิดไปทางบ่เบียดเบียนจิตใจเจ้าของ คือคิดไปทางบ่ทำร้ายใจเจ้าของ
แต่มันคิดตรงข้ามกับพระพุทธเจ้าให้คิด มันกะทุกข์แล้ว บ่ว่าสิเป็นมนุษย์หรือเทวดากะตาม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เขียนบนไทม์ไลน์ของ Sawitree Rakwong
ติ้งบอกพ่อใหญ่อุงแนเด้อ
๑ กระดูกอย่าเอาเข้าธาตุเมิ๊ด ให้ลูกแต่ละคนแบ่งกันเอาไว้
เอาไว้เถิ่งเฮียน และเอาไว้บ้านพักนำ และเอาไว้หน้ารถใหญ่นำ
๒ งานทำบุญร้อยวัน อย่าเอาหมูมาฆ่า แต่ให้ซื้อเอาอันที่เขาฆ่าแล้ว
#เพิลยุชั้นดาวดึง
๑ กระดูกอย่าเอาเข้าธาตุเมิ๊ด ให้ลูกแต่ละคนแบ่งกันเอาไว้
เอาไว้เถิ่งเฮียน และเอาไว้บ้านพักนำ และเอาไว้หน้ารถใหญ่นำ
๒ งานทำบุญร้อยวัน อย่าเอาหมูมาฆ่า แต่ให้ซื้อเอาอันที่เขาฆ่าแล้ว
#เพิลยุชั้นดาวดึง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เขียนบนไทม์ไลน์ของ จักรกฤช รากวงศ์
ฟี้บอกพ่อใหญ่เป๊ดแนเด้อ
๑ กระดูกแม่อย่าเอาเข้าธาตุเมิ๊ด ให้ลูกแต่ละคนแบ่งกันเอาไว้
เอาไว้เถิ่งเฮียน และเอาไว้บ้านพักนำ และเอาไว้หน้ารถใหญ่นำ
๒ งานทำบุญร้อยวัน อย่าเอาหมูมาฆ่า แต่ให้ซื้อเอาอันที่เขาฆ่าแล้ว
#เพิลยุชั้นดาวดึง
๑ กระดูกแม่อย่าเอาเข้าธาตุเมิ๊ด ให้ลูกแต่ละคนแบ่งกันเอาไว้
เอาไว้เถิ่งเฮียน และเอาไว้บ้านพักนำ และเอาไว้หน้ารถใหญ่นำ
๒ งานทำบุญร้อยวัน อย่าเอาหมูมาฆ่า แต่ให้ซื้อเอาอันที่เขาฆ่าแล้ว
#เพิลยุชั้นดาวดึง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เฮาบ่สงสัย ว่านรกเป็นจังใด๋ เฮาบ่สงสัยว่าสวรรค์เป็นจังใด๋
เฮาบ่สงสัยว่าพญายมเป็นหน้าจังใด๋ เฮาบ่สงสัยว่านายนิรยะบาลเป็นจัง
ใด๋ เฮาบ่สงสัยว่าพระอินทร์เป็นหน้าจังใด เฮาบ่สงสัยวากลิ
่นโตเทวดาหอมจังใด๋
ถ้าขี้ค้านทำสมาธิจิตให้ปราจากนิวรณ๕
จ้างห้ากะบอได้อภิญญา
อภิญญา กะพวก หูทิพย์ ตาทิพย์ ฮู้ใจผู้อื่น ฮู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ฮู้เหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นแล้ว ฯลฯ
เฮาบ่สงสัยว่าพญายมเป็นหน้าจังใด๋ เฮาบ่สงสัยว่านายนิรยะบาลเป็นจัง
ใด๋ เฮาบ่สงสัยว่าพระอินทร์เป็นหน้าจังใด เฮาบ่สงสัยวากลิ
่นโตเทวดาหอมจังใด๋
ถ้าขี้ค้านทำสมาธิจิตให้ปราจากนิวรณ๕
จ้างห้ากะบอได้อภิญญา
อภิญญา กะพวก หูทิพย์ ตาทิพย์ ฮู้ใจผู้อื่น ฮู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ฮู้เหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นแล้ว ฯลฯ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ปู่ทรวง ที่คนให้ฉายาเพิลว่า เทวดาเดินดิน : เพิ้ลมีอภิญญา เพิลบ่ออวดเรื่อ
งว่ามีตาทิพย์ หูทิพย์ ฯลฯ
เฮาพอเข้าใจแล้วเพราะอะไร
๑ ถ้าคนบ่เชื่อ ปรามาทว่าเป็นบ้า มันกะบาป
๒ เฮ็ดให้เจ้าของบ่มีเวลาอบรมภาวนา คารับแขก
งว่ามีตาทิพย์ หูทิพย์ ฯลฯ
เฮาพอเข้าใจแล้วเพราะอะไร
๑ ถ้าคนบ่เชื่อ ปรามาทว่าเป็นบ้า มันกะบาป
๒ เฮ็ดให้เจ้าของบ่มีเวลาอบรมภาวนา คารับแขก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตายแล้วจังสิฮู้ว่า จิตใจพระแต่ละองค์เป็นจังใด๋ พลังงานเป็นจังใด๋แต่ละองค์
ถ้ายังบอฮันตายฮู้ยากเดิบ ถ้าบอบำเพ็ญสมาธิจนเกิดอภิญญา หยั่งทราบจิตใจผู้อื่นได้
ถ้ายังบอฮันตายฮู้ยากเดิบ ถ้าบอบำเพ็ญสมาธิจนเกิดอภิญญา หยั่งทราบจิตใจผู้อื่นได้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
7 พ.ย. 2017
"รู้สิ่งใด แล้วติดสิ่งนั้น ก็เป็นสมมุติ
แต่ถ้ารู้สิ่งใดแล้ว ไม่ติดสิ่งที่รู้
ก็จะเป็นวิมุตติ โดยอัตโนมัติ”
-:- หลวงปู่ทา จารุธัมโม
"รู้สิ่งใด แล้วติดสิ่งนั้น ก็เป็นสมมุติ
แต่ถ้ารู้สิ่งใดแล้ว ไม่ติดสิ่งที่รู้
ก็จะเป็นวิมุตติ โดยอัตโนมัติ”
-:- หลวงปู่ทา จารุธัมโม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
7 พ.ย. 2017
ถ้าจิตเรามีอภิญญาบ้างข้อ อย่างเช่นมีตาทิพย์สามารถมองเห็
นพวกกายละเอียด เช่น ผี เปตร อสูร เทวดา แล้วถ้าเราบอกโยมว่า "
ข้าพนะเจ้ามีตาทิพย์" เป็นอาบัติปาจิตตี คือมีความผิดทางพระวินัย แต่
ถ้าตาทิพย์ไม่มีเลยไปบอกว่ามี และถ้าไม่ตรงกับอนนาบัติก็จะมีค
วามผิดขั้นหนักสุดๆคือพระวินัยบัญญัติไล่ออกจากการเป็นพระไปเลยในขณะ
นั้นทันที
พระมงคล
ถ้าจิตเรามีอภิญญาบ้างข้อ อย่างเช่นมีตาทิพย์สามารถมองเห็
นพวกกายละเอียด เช่น ผี เปตร อสูร เทวดา แล้วถ้าเราบอกโยมว่า "
ข้าพนะเจ้ามีตาทิพย์" เป็นอาบัติปาจิตตี คือมีความผิดทางพระวินัย แต่
ถ้าตาทิพย์ไม่มีเลยไปบอกว่ามี และถ้าไม่ตรงกับอนนาบัติก็จะมีค
วามผิดขั้นหนักสุดๆคือพระวินัยบัญญัติไล่ออกจากการเป็นพระไปเลยในขณะ
นั้นทันที
พระมงคล
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พินัยกรรม
- คำสั่งสุดท้ายของบุคคลที่แสดงเจตนายกทรัพย์สินของตนให้แก่ผู้อื่น หรือวางข้อกำหนดเกี่ยวกับทรัพย์สินของตนอันจะมีผลบังคับ เมื่อตนได้ตายไปแล้ว
คุณสมบัติของผู้ทำพินัยกรรมได้
- ต้องมีอายุ ๑๕ ปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยต้องไม่เป็นบุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นผู้ไร้ความสามารถ และต้องทำด้วยตนเอง
บุคคลที่จะเป็นพยานในพินัยกรรมได้
- บรรลุนิติภาวะแล้ว
- ต้องไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือบุคคลที่ศาลได้สั่งให้เป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ
- ต้องไม่เป็นคนหูหนวก เป็นใบ้ หรือตาบอดทั้งสองข้าง (พยานในพินัยกรรมตลอดจนคู่สมรสของพยานจะเป็นผู้รับพินัยกรรมไม่ได้)
ผู้เขียนพินัยกรรม
- ในกรณีที่ผู้ทำพินัยกรรมไม่ได้เขียนเอง อาจให้ผู้อื่นเขียนตามคำสั่งของตนก็ได้ โดยให้ผู้เขียนลงชื่อว่าเป็นผู้เขียน แต่ทั้งผู้เขียนและคู่สมรสของผู้เขียนจะเป็นผู้รับพินัยกรรมไม่ได้
แบบของพินัยกรรม
พินัยกรรมเขียนเองทั้งฉบับ
- ผู้ทำพินัยกรรมต้องเขียนข้อความทั้งหมดด้วยตนเอง
- ลง วัน เดือน ปี ที่ทำพินัยกรรม
- ผู้ทำพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อ (ลายเซ็น) ไว้ในพินัยกรรมจะลงลายพิมพ์นิ้วมือไม่ได้
พินัยกรรมแบบธรรมดา
- ทำเป็นหนังสือ ผู้ทำจะใช้เขียนหรือพิมพ์เอง หรือจะให้คนอื่นเขียนหรือพิมพ์แทนก็ได้
- ลง วัน เดือน ปี ในขณะที่ทำพินัยกรรมนั้น
- ผู้ทำพินัยกรรมต้องเซ็นชื่อต่อหน้าพยานอย่างน้อย ๒ คนพร้อมกัน ถ้าจะพิมพ์ลายนิ้วมือต้องมีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือเพิ่มต่างหากจากพยานเดิมอีก ๒ คน
พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง
- ผู้ทำพินัยกรรมต้องไปติดต่อที่สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอแห่งใดก็ได้
- ผู้ทำพินัยกรรมต้องแจ้งข้อความที่ประสงค์จะให้ปรากฏในพินัยกรรมให้ผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอ แล้วแต่กรณี และต่อหน้าพยานอีกอย่างน้อย ๒ คน พร้อมกัน
- เมื่อผู้อำนวยการเขต หรือนายอำเภอแล้วแต่กรณีจดข้อความตามที่ผู้ทำพินัยกรรมแจ้งให้ทราบและอ่านให้ผู้ทำพินัยกรรมฟังแล้ว ผู้ทำพินัยกรรมและพยานต้องลงลายมือชื่อไว้
- ผู้อำนวยการเขต หรือนายอำเภอ แล้วแต่กรณีต้องลงลายมือชื่อ วัน เดือน ปี ทั้งลงไว้ ด้วยตนเองเป็นสำคัญว่าพินัยกรรมได้ทำขึ้นถูกต้องตามขั้นตอนดังกล่าวแล้วประทับตราตำแหน่งไว้เป็นสำคัญ
- ผู้ทำพินัยกรรมลงลายมือชื่อขอรับพินัยกรรมที่ทำขึ้นนั้นในสมุดทะเบียน หรือจะมอบไว้กับผู้อำนวยการเขต หรือนายอำเภอ ก็จะได้ใบรับพินัยกรรมยึดถือไว้
พินัยกรรมแบบเอกสารลับ
- ผู้ทำพินัยกรรมจะทำพินัยกรรมโดยเขียนเองทั้งฉบับ หรือให้ผู้อื่นเขียนให้ก็ได้ แต่ต้องลงลายมือชื่อในพินัยกรรมแล้วปิดผนึก
- ลงลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมคาบรอยผนึกนั้น
- นำพินัยกรรมที่ผนึกนั้นไปแสดงต่อ ผู้อำนวยการเขต ณ สำนักงานเขต หรือนายอำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอแห่งใดก็ได้ พร้อมด้วยพยานอย่างน้อย ๒ คน
- ให้ถ้อยคำต่อบุคคลทั้งหมดว่าเป็นพินัยกรรมของตน
- ผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอจะจดถ้อยคำของผู้ทำพินัยกรรม วัน เดือน ปี ที่นำมาแสดงไว้บนซอง และประทับตราประจำตำแหน่ง แล้วผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอแล้วแต่กรณี, ผู้ทำพินัยกรรม และพยานจะต้องลงลายมือชื่อบนซองนั้น
- พินัยกรรมแบบนี้จะฝากไว้ที่สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอที่ทำพินัยกรรมหรือรับไปก็ได้ เช่นเดียวกับพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง
หลักฐานที่ต้องนำไปแสดงต่อสำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอ
- เอกสารสิทธิต่างๆ ที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน
- บัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
ค่าธรรมเนียม
พินัยกรรมที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการจัดทำ มี ๒ แบบ คือ
พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง
- ทำในสำนักงาน ๕๐ บาท
- ทำนอกสำนักงาน ๑๐๐ บาท
- สำเนาคู่ฉบับๆ ละ ๑๐ บาท
- ค่าพยานไม่เกินวันละ ๕๐ บาท
พินัยกรรมแบบเอกสารลับ
- ค่าธรรมเนียม ๒๐ บาท
- ค่าพยานไม่เกินวันละ ๕๐ บาท
- คำสั่งสุดท้ายของบุคคลที่แสดงเจตนายกทรัพย์สินของตนให้แก่ผู้อื่น หรือวางข้อกำหนดเกี่ยวกับทรัพย์สินของตนอันจะมีผลบังคับ เมื่อตนได้ตายไปแล้ว
คุณสมบัติของผู้ทำพินัยกรรมได้
- ต้องมีอายุ ๑๕ ปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยต้องไม่เป็นบุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นผู้ไร้ความสามารถ และต้องทำด้วยตนเอง
บุคคลที่จะเป็นพยานในพินัยกรรมได้
- บรรลุนิติภาวะแล้ว
- ต้องไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือบุคคลที่ศาลได้สั่งให้เป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ
- ต้องไม่เป็นคนหูหนวก เป็นใบ้ หรือตาบอดทั้งสองข้าง (พยานในพินัยกรรมตลอดจนคู่สมรสของพยานจะเป็นผู้รับพินัยกรรมไม่ได้)
ผู้เขียนพินัยกรรม
- ในกรณีที่ผู้ทำพินัยกรรมไม่ได้เขียนเอง อาจให้ผู้อื่นเขียนตามคำสั่งของตนก็ได้ โดยให้ผู้เขียนลงชื่อว่าเป็นผู้เขียน แต่ทั้งผู้เขียนและคู่สมรสของผู้เขียนจะเป็นผู้รับพินัยกรรมไม่ได้
แบบของพินัยกรรม
พินัยกรรมเขียนเองทั้งฉบับ
- ผู้ทำพินัยกรรมต้องเขียนข้อความทั้งหมดด้วยตนเอง
- ลง วัน เดือน ปี ที่ทำพินัยกรรม
- ผู้ทำพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อ (ลายเซ็น) ไว้ในพินัยกรรมจะลงลายพิมพ์นิ้วมือไม่ได้
พินัยกรรมแบบธรรมดา
- ทำเป็นหนังสือ ผู้ทำจะใช้เขียนหรือพิมพ์เอง หรือจะให้คนอื่นเขียนหรือพิมพ์แทนก็ได้
- ลง วัน เดือน ปี ในขณะที่ทำพินัยกรรมนั้น
- ผู้ทำพินัยกรรมต้องเซ็นชื่อต่อหน้าพยานอย่างน้อย ๒ คนพร้อมกัน ถ้าจะพิมพ์ลายนิ้วมือต้องมีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือเพิ่มต่างหากจากพยานเดิมอีก ๒ คน
พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง
- ผู้ทำพินัยกรรมต้องไปติดต่อที่สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอแห่งใดก็ได้
- ผู้ทำพินัยกรรมต้องแจ้งข้อความที่ประสงค์จะให้ปรากฏในพินัยกรรมให้ผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอ แล้วแต่กรณี และต่อหน้าพยานอีกอย่างน้อย ๒ คน พร้อมกัน
- เมื่อผู้อำนวยการเขต หรือนายอำเภอแล้วแต่กรณีจดข้อความตามที่ผู้ทำพินัยกรรมแจ้งให้ทราบและอ่านให้ผู้ทำพินัยกรรมฟังแล้ว ผู้ทำพินัยกรรมและพยานต้องลงลายมือชื่อไว้
- ผู้อำนวยการเขต หรือนายอำเภอ แล้วแต่กรณีต้องลงลายมือชื่อ วัน เดือน ปี ทั้งลงไว้ ด้วยตนเองเป็นสำคัญว่าพินัยกรรมได้ทำขึ้นถูกต้องตามขั้นตอนดังกล่าวแล้วประทับตราตำแหน่งไว้เป็นสำคัญ
- ผู้ทำพินัยกรรมลงลายมือชื่อขอรับพินัยกรรมที่ทำขึ้นนั้นในสมุดทะเบียน หรือจะมอบไว้กับผู้อำนวยการเขต หรือนายอำเภอ ก็จะได้ใบรับพินัยกรรมยึดถือไว้
พินัยกรรมแบบเอกสารลับ
- ผู้ทำพินัยกรรมจะทำพินัยกรรมโดยเขียนเองทั้งฉบับ หรือให้ผู้อื่นเขียนให้ก็ได้ แต่ต้องลงลายมือชื่อในพินัยกรรมแล้วปิดผนึก
- ลงลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมคาบรอยผนึกนั้น
- นำพินัยกรรมที่ผนึกนั้นไปแสดงต่อ ผู้อำนวยการเขต ณ สำนักงานเขต หรือนายอำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอแห่งใดก็ได้ พร้อมด้วยพยานอย่างน้อย ๒ คน
- ให้ถ้อยคำต่อบุคคลทั้งหมดว่าเป็นพินัยกรรมของตน
- ผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอจะจดถ้อยคำของผู้ทำพินัยกรรม วัน เดือน ปี ที่นำมาแสดงไว้บนซอง และประทับตราประจำตำแหน่ง แล้วผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอแล้วแต่กรณี, ผู้ทำพินัยกรรม และพยานจะต้องลงลายมือชื่อบนซองนั้น
- พินัยกรรมแบบนี้จะฝากไว้ที่สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอที่ทำพินัยกรรมหรือรับไปก็ได้ เช่นเดียวกับพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง
หลักฐานที่ต้องนำไปแสดงต่อสำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอ
- เอกสารสิทธิต่างๆ ที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน
- บัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
ค่าธรรมเนียม
พินัยกรรมที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการจัดทำ มี ๒ แบบ คือ
พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง
- ทำในสำนักงาน ๕๐ บาท
- ทำนอกสำนักงาน ๑๐๐ บาท
- สำเนาคู่ฉบับๆ ละ ๑๐ บาท
- ค่าพยานไม่เกินวันละ ๕๐ บาท
พินัยกรรมแบบเอกสารลับ
- ค่าธรรมเนียม ๒๐ บาท
- ค่าพยานไม่เกินวันละ ๕๐ บาท
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หลังจากการไปอยู่อาศัยที่หนองป่าพง วารินชำราบ แล้วออกมา จิตใจไม่เหมือนเดิม
หลังจากไปอยู่อาศัยบริเวรแถวสุสานคนจีนข้างๆขนส่งอุบล แล้วออกมา จิตใจไม่เหมือนเดิม
มันเปลี่ยนไป....
หลังจากไปอยู่อาศัยบริเวรแถวสุสานคนจีนข้างๆขนส่งอุบล แล้วออกมา จิตใจไม่เหมือนเดิม
มันเปลี่ยนไป....
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 07, 2017 12:09:16pm
ญาตปริญญา..
หลวงพ่อเลี่ยมน่ะชี้ ให้ปหานะปริญญา
หลวงพ่อเลี่ยมน่ะชี้ ให้ปหานะปริญญา
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 07, 2017 12:14:18pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วาสนาเฮาจังแมนหลายน้อ.....
มีพระอรหันต์ตั้ง 3 องค์ เยี่ยมให้ธรรมะ
มีพระอรหันต์ตั้ง 3 องค์ เยี่ยมให้ธรรมะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เขียนบนไทม์ไลน์ของ สมัย เกษมสัตย์
วันศีลน้อย สิเข้าไปฉันข้าวเช้าในบ้านใด้บอน้อ บอกบิ๊กนำ
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 10, 2017 2:50:46pm
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 10, 2017 2:51:52pm
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 10, 2017 3:02:51pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพราะมีการปรุงแต่ง 2 ประเภท
จึงมีกาย 2 ประเภท
กล่าวคือ กายแบบชาย๑ กายแบบหญิง๑
แต่ไม่ว่าจะเป็นกายชนิดใดก็ตาม ก็ล้วนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และมา
จากอาหาร อาหารก็มาจากซากผักซากพืชรวมเกาะกันขึ้นและระบา
ยออกอยู่ตลอดเวลา
คนที่เป็นกายแบบชาย ชาติต่อไปอยากเป็นกายแบบหญิง มีวิธีดังนี้
คือถือศีล๕แล้วอธิฐานขอให้เป็นกายแบบหญิงในชาติต่อไป
ส่วนคนที่เป็นกายแบบหญิง ชาติต่อไปอยากเป็นกายแบบชาย มีวิธีดังนี้คือ
คือศีล๕แล้วอธิฐานขอให้เป็นกายแบบหญิงในชาติต่อไป
# เพราะจิตที่มีศีลนั้นมันเป็นเหตุให้ใจสงบ
เพราะใจที่มีศีลสมาทานไว้แล้ว มันเป็นใจที่เป็นกุศล
จึงสามารถทำกิจได้ แม้พระโพธิสัตว์ก็อธิฐานขอรู้ความจริงของทุกสิ่
งทุกอย่าง (สัพพัญญูตญาณ) ก็อธิฐานด้วยจิตที่มีศีล
จิตที่มีศีล มันคือจิตที่เป็นลักษณะ อโลภะ อโทสะ อโมหะ
# พระโพธิ์สัตว์ผู้ประเสริฐแก้ตัวอักษรใหม่
เพราะจิตแค่ระดับศีลก็ใช้การได้แล้ว และจิตปราศจากนิวรณ์ก็ใช้ได้เช่นกัน
ก็คือได้ทั้งสองลักษณะจิตเลย
จึงมีกาย 2 ประเภท
กล่าวคือ กายแบบชาย๑ กายแบบหญิง๑
แต่ไม่ว่าจะเป็นกายชนิดใดก็ตาม ก็ล้วนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และมา
จากอาหาร อาหารก็มาจากซากผักซากพืชรวมเกาะกันขึ้นและระบา
ยออกอยู่ตลอดเวลา
คนที่เป็นกายแบบชาย ชาติต่อไปอยากเป็นกายแบบหญิง มีวิธีดังนี้
คือถือศีล๕แล้วอธิฐานขอให้เป็นกายแบบหญิงในชาติต่อไป
ส่วนคนที่เป็นกายแบบหญิง ชาติต่อไปอยากเป็นกายแบบชาย มีวิธีดังนี้คือ
คือศีล๕แล้วอธิฐานขอให้เป็นกายแบบหญิงในชาติต่อไป
# เพราะจิตที่มีศีลนั้นมันเป็นเหตุให้ใจสงบ
เพราะใจที่มีศีลสมาทานไว้แล้ว มันเป็นใจที่เป็นกุศล
จึงสามารถทำกิจได้ แม้พระโพธิสัตว์ก็อธิฐานขอรู้ความจริงของทุกสิ่
งทุกอย่าง (สัพพัญญูตญาณ) ก็อธิฐานด้วยจิตที่มีศีล
จิตที่มีศีล มันคือจิตที่เป็นลักษณะ อโลภะ อโทสะ อโมหะ
# พระโพธิ์สัตว์ผู้ประเสริฐแก้ตัวอักษรใหม่
เพราะจิตแค่ระดับศีลก็ใช้การได้แล้ว และจิตปราศจากนิวรณ์ก็ใช้ได้เช่นกัน
ก็คือได้ทั้งสองลักษณะจิตเลย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เขียนบนไทม์ไลน์ของ Wichitchai Piankla
เอาไว้มื้อลุนก่อนน้อ จั่งคุยสนทนาธรรมต่อ ต่อไปหลวงพี่สิได้ไปอยู่แถวชิดยุดอก จั่งคุยกันสดๆแฮงเป็นผลดี
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เพราะความสงบใจ เป็นบ่อเกิดแห่งคุณงามความดีทั้งปวง ความฉลาดทั้งปวง
สุคติทั้งปวง และสุขในปัจจุบัน
สุคติทั้งปวง และสุขในปัจจุบัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ รู้สึกเป็นที่รักกับ สมัย เกษมสัตย์
คุณได้แท็ก สมัย เกษมสัตย์
ขอบคุณโยมสมัยมากๆ ( สั้นๆแค่นี้แหละ)
แต่ถึงสิสั้นๆแค่นี้ ให้ลองระลึกนึกถึงว่า มันเรื่องอิหยังน้อเพิ้ลคึขอบคุณเฮา แล้วอาจสิฮู้ว่า เฮาเป็นผู้มีบุญคุณของเพิล เพิลจั่งขอบคุณเฮา...
แต่ถึงสิสั้นๆแค่นี้ ให้ลองระลึกนึกถึงว่า มันเรื่องอิหยังน้อเพิ้ลคึขอบคุณเฮา แล้วอาจสิฮู้ว่า เฮาเป็นผู้มีบุญคุณของเพิล เพิลจั่งขอบคุณเฮา...
ขอบคุณครูอ้อมหลายๆ ที่ให้อาตมายืมNotebook มาไรท์แผ่น ( cd ธรรมะ วัยรุ่น ) มื้ออื่นยามแลงพุ่นเด้อ จั่งสิเอาไปคืน เป็นตะได้บุญหลายยุดอก
#เคยยืม notebook ครูอ้อมหลายเทือแล้ว
#โฟเดอร์ ไฟล์ธรรมะที่ค้างยุเครื่อง ยามว่างๆ กะเปิดฟังแนเด้อ ครูกะฟังได้คึกัน จังสิได้มีความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับการรัก พอมันบ่สมหวัง กะฟังการภาวนาคลายทุกข์ใจ ยุในแผ่นนั่นละ
ไอสไตรว่า ศาตร์ทุกศาตร์ถ้าขาด พุทธศาตร์พัง
#เคยยืม notebook ครูอ้อมหลายเทือแล้ว
#โฟเดอร์ ไฟล์ธรรมะที่ค้างยุเครื่อง ยามว่างๆ กะเปิดฟังแนเด้อ ครูกะฟังได้คึกัน จังสิได้มีความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับการรัก พอมันบ่สมหวัง กะฟังการภาวนาคลายทุกข์ใจ ยุในแผ่นนั่นละ
ไอสไตรว่า ศาตร์ทุกศาตร์ถ้าขาด พุทธศาตร์พัง
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 11, 2017 5:27:36pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ เรียนมาน้อย เลยสะกดคำว่า ถอย ไม่เป็น และ Wichitchai Piankla
คุณได้แท็ก เรียนมาน้อย เลยสะกดคำว่า ถอย ไม่เป็น และ Wichitchai Piankla
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
บอกแล้วบ่เชื่อ กะตามใจเด้อ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คือไม่ใช่แสงสว่างของแท้
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ช่วงสี่ทุ่ม แถวๆบริเวร 4ทุ่ม15 นาที
มีโยมผู้ชายคนหนึ่งคิดลักษณะอย่างนี้มาหาอาตมา
ว่า
"กูสิได้เลิกกับเมียอิหรีบ้อ..."
หรือถ้าเว้ามวลๆกะวา
"ฉันจะได้เลิกกับแฟนจริงๆเหรอเนีย"
และโยมผู้ชายคนนั้นก็มีความสงสัยเกี่ยวกับพระองค์หนึ่ง
ซึ่งพระองค์นั่นกะคืออาตมาเอง
แนะ "ถ้าโยมบออยากเลิกกับเมีย กะให้เฮ็ดเหตุปัจจัยใหม่ เมื่อเฮ็ดเหตุปัจจัย
ใหม่ผลมันกะสิเปลี่ยนไป จากที่จะได้เลิกกัน มันกะสิยังอยู่นำกันต่อ
ผู้ที่พยากรณ์ แล้วตรงเป๊ะตามที่พยากรณ์นั้นเลย มีแต่พระอรหันตส
ัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
และอาตมาเองก็ไม่ใช่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพยากรณ์อะไร จะทำเหตุอย่างไร
มันก็ออกมาเหมือนพระสัมมาสัมพุทธะพยากรณ์ไว้ไม่มีผิด
# แต่ถ้าอาตมาบอเว้าหยัง นั่นหละมันสิเลิกกันตามนั่น#
เฮาบ่น่าไปเกี่ยวข้องเลย..
มันเป็นเหมือนดาบสองคม
คมแรกบาดเจ้าของ
คมสองบาดผู้อื่น
คมแรกบาดเจ้าของกะคือ ให้เจ้าของยุ่งยากซือๆ
คมสองบาดผู้อื่น กะคือถ้าเขาคิดบ่เป็น ปรุงแต่งกระแสจิตออกมาบ่เป็น
มาสาดใส่เฮามันสิเป็นกรรมหนักในรอบที่ได้เกิดมา
มีโยมผู้ชายคนหนึ่งคิดลักษณะอย่างนี้มาหาอาตมา
ว่า
"กูสิได้เลิกกับเมียอิหรีบ้อ..."
หรือถ้าเว้ามวลๆกะวา
"ฉันจะได้เลิกกับแฟนจริงๆเหรอเนีย"
และโยมผู้ชายคนนั้นก็มีความสงสัยเกี่ยวกับพระองค์หนึ่ง
ซึ่งพระองค์นั่นกะคืออาตมาเอง
แนะ "ถ้าโยมบออยากเลิกกับเมีย กะให้เฮ็ดเหตุปัจจัยใหม่ เมื่อเฮ็ดเหตุปัจจัย
ใหม่ผลมันกะสิเปลี่ยนไป จากที่จะได้เลิกกัน มันกะสิยังอยู่นำกันต่อ
ผู้ที่พยากรณ์ แล้วตรงเป๊ะตามที่พยากรณ์นั้นเลย มีแต่พระอรหันตส
ัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
และอาตมาเองก็ไม่ใช่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพยากรณ์อะไร จะทำเหตุอย่างไร
มันก็ออกมาเหมือนพระสัมมาสัมพุทธะพยากรณ์ไว้ไม่มีผิด
# แต่ถ้าอาตมาบอเว้าหยัง นั่นหละมันสิเลิกกันตามนั่น#
เฮาบ่น่าไปเกี่ยวข้องเลย..
มันเป็นเหมือนดาบสองคม
คมแรกบาดเจ้าของ
คมสองบาดผู้อื่น
คมแรกบาดเจ้าของกะคือ ให้เจ้าของยุ่งยากซือๆ
คมสองบาดผู้อื่น กะคือถ้าเขาคิดบ่เป็น ปรุงแต่งกระแสจิตออกมาบ่เป็น
มาสาดใส่เฮามันสิเป็นกรรมหนักในรอบที่ได้เกิดมา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Pat Thiranan
คุณได้แท็ก Pat Thiranan
ถ้าคิดบ่ซื่อต่อกันแล้ว ต่อไปมันกะสิเว้าบอซื่อต่อกัน ต่อไปมันกะสิเฮ็ดอิหยังบ่ซื่อต่อกัน
ัดังนั้น ความคิดให้ระวังไว้ ถ้าความคิดขึ้นมาว่า "ป๋ากะน้า มีกิ๊กกะน้า" ให้ละความคิดจั่งสีทิ้มโหลด
อย่าเลี้ยงมันไว้
ถ้ามันขึ้นมาดู๋ ระวังใจสิเฮ็ดตามความคิด
แต่ความคิดวา เฮ็ดจั่งใด๋ชีวิตคู่จั่งสิเจริญน้อ
ความคิดลักษณะนี้ คิดขึ้นขึ้นมาดู๋ๆแฮงดี
นี่คือธรรมะสำหรับพวกครองเรือน
ัดังนั้น ความคิดให้ระวังไว้ ถ้าความคิดขึ้นมาว่า "ป๋ากะน้า มีกิ๊กกะน้า" ให้ละความคิดจั่งสีทิ้มโหลด
อย่าเลี้ยงมันไว้
ถ้ามันขึ้นมาดู๋ ระวังใจสิเฮ็ดตามความคิด
แต่ความคิดวา เฮ็ดจั่งใด๋ชีวิตคู่จั่งสิเจริญน้อ
ความคิดลักษณะนี้ คิดขึ้นขึ้นมาดู๋ๆแฮงดี
นี่คือธรรมะสำหรับพวกครองเรือน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การหาผุใหม่มันกะต้องเริ่มปรับโตใหม่ ลำพังการปรับโตใหม่มันยังบ่ยากปานใด๋ แต่การปรับใจใหม่ จูนใจใหม่ หม่องนี่หละมันเป็นงานหนัก
เพราะว่าความเดิมเรื่องๆเก่ามันมักสิผุดขึ้นมา ให้ทราบอยู่เสมอ ถ้าใจไม่แข็งพอก็ไม่เหมาะกับการเริ่มใหม่
แต่ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วมีแต่จะชวนกันลงนรก ต้องใจแข็งไว้ สุดท้ายใจก็ทะลุผ่านออกมาได้ เป็นอิสระ
ถ้าจะหาทุกข์ใหม่คือหาคนใหม่อีก ก็พิจารนาดูกายวาจาใจเขาให้ดี ดูนานๆและอย่าให้ตนพลาดท่า
เพราะว่าความเดิมเรื่องๆเก่ามันมักสิผุดขึ้นมา ให้ทราบอยู่เสมอ ถ้าใจไม่แข็งพอก็ไม่เหมาะกับการเริ่มใหม่
แต่ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วมีแต่จะชวนกันลงนรก ต้องใจแข็งไว้ สุดท้ายใจก็ทะลุผ่านออกมาได้ เป็นอิสระ
ถ้าจะหาทุกข์ใหม่คือหาคนใหม่อีก ก็พิจารนาดูกายวาจาใจเขาให้ดี ดูนานๆและอย่าให้ตนพลาดท่า
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Naree Maneenat
คุณได้แท็ก Naree Maneenat
โยมครูนารี อ่านหนังสือธรรมะที่อาตมาเอาให้จบละเบาะน้อ..?
เบิ่งลายมือเจ้าของแล้ว เส้นชีวิตมันคึสั้นแท้น้อ....
คำนวนคร่าวๆเบิ่งแล้ว คึสิได้มีโอกาสอยู่ทำบุญกุศลแค่ช่วงแถว 70 ถึง 80 ปี แล้วกะขาดใจตาย..
แค่นี้หรือชีวิตเฮา
และการจะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้อีก ในคัมภีร์อภิธรรมปิฏก เพิลว่า ต้องเป็นจิตลักษณะ อโลภะ อโทสะ อโมหะ กะคือบ่โลภ บ่มีโกธร บ่มีการขาดสติแท้ จึงจะเข้าท้องผู้หญิงที่จะตั้งครรภ์ได้ (จั่งสิสามารถเป็นลูกของพ่อแม่คู่หนึ่งๆได้)
ถ้าบ่แมนเป็นจิตลักษณะดังว่าแล้ว มันสิไปเข้าท้องหมาแม่ แมวแม่ งัวแม่ กะเป็นหมาน้อยแมวน้อยงัวน้อยนั่นแล่ว กะคือเป็นการเกิดแบบทุคติภพ
....อาตมาอยากต่ออายุไขเจ้าของ กะเลยว่าสิซอยเพิลสร้างโรงบาล แฮงกำลังถึงมันสิบ่หลายกะตาม 3,000 กะสิซอยและซอยบอกต่อ ชาตินี้จั่งสิได้จำไว้ว่ากุกะเคยสร้างโรงบาลตั้วหนิ มาเด้อผุใด๋สิฮ่วมนำ
ประกาศเด้อ บ่แมนเรี่ยไร
ผู้ใด๋อยากสร้างโรงพยาบาลแน ตอนนี้เพิลสร้างไปแล้วแต่กะยังขาดปัจจัยยุ(เงินนั่นหละ) โรงพยาบาลสังคม. จ.หนองคาย
#เนื้อหามาจากเว็บเด้อ
"ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่ามหากุศล "สมทบทุนสร้างอาคารผู้ป่วยในและอุปกรณ์การแพทย์ ๕๐,๐๐๐ กองๆละ ๑,๐๐๐ บาท" ณ โรงพยาบาลสังคม จ.หนองคาย วันอาทิศย์ ที่ 21 พฤษภาคม 2560 ประธานฝ่ายสงฆ์ หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก (วัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี) ประธานฝ่ายฆราวาส นายสุชาติ นพวรรณ (ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย) นายชยาวุธ จันทร (ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี) นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ (ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น) นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ (ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม) นายคุมพล บรรเทาทุกข์ (ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย) นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ (บริษัท ที พี ไอ) นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา (นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย) พล.ต.กนก ภู่ม่วง (ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 อุดรธานี)
#(วีดีโอกราฟฟิก)
จำลองโรงพยาบาลสังคม เป็นตะเบิงยุทันสมัยดี
https://youtu.be/JemdPzdag0w
เป็นโรงพยาบาลขนาด ๓๐ เตียง เปิดให้บริการแก่ประชาชนในเขตอำเภอสังคม และอำเภอใกล้เคียง เช่น อ.นายูง อ.ปากชม รวมถึงประชาชนจาก สปป.ลาว ที่ยากไร้ ไม่มีค่ารักษาพยาบาล ปัจจุบันมีผู้ป่วย มารับบริการมากขึ้นทุกปีแต่โรงพยาบาลไม่สามารถรับรองได้เพียงพอ รวมถึงไม่มีพื้นที่เป็นสัดส่วนสำหรับการดูแลรักษาพระภิกษุ สามเณรที่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล หลวงพ่อจันมี อนาลโย ท่านพระครูสุทธิญาณโสภณ และท่าน ผอ.โรงพยาบาลสังคม จึงได้จัดจั้งโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วย "ตึกอนาลโยเมตตา (หลวงพ่อจันมี)"
#วัตถุประสงค์โครงการ
๑. เพื่อขยายพื้นที่ และเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลสังคม ในการรองรับการให้บริการผู้ป่วย ผู้รับบริการในเขตอำเภอสังคม พื้นที่อำเภอใกล้เคียง และประเทศเพื่อนบ้าน
๒.เพื่อให้พื้นที่สำหรับบริการพระภิกษุ สามเณรเป็นสัดส่วนมากขึ้น
#อยากอ่านหลายๆกดเข้านี่เลย: http://www.analayometta.com/index.php
สร้างนำแล้วมันสิได้หยัง? กะได้แนวเหยี๋ยวบ่เห็น
กะคือบุญกุศลนั่นเอง
พุทธพจน์(คำเว้าพระพุทธเจ้า)
ตรัสว่า >>>>>
(อายุโท พะละโท ธีโร วัณณะโท ปะฏิภาณะโท)
ผู้มีปัญญา ให้อายุ ให้กำลัง ให้วรรณะ ให้ปฏิภาณ
(สุขัสสะ ทาตา เมธาวี สุขัง โส อะธิคัจฉะติ)
ผู้มีปัญญา ให้ความสุข ย่อมได้ประสพสุข
(อายุง ทัตวา พะลัง วัณณัง สุขัญจะ ปะฏิภาณะโท)
บุคคลผู้ให้อายุ พละ วรรณะ สุขะ แลปฏิภาณ
(ทีฆายุ ยะสะวา โหติ ยัตถะ ยัตถูปะปัชชะตีติ ฯ)
บังเกิดในที่ใดๆย่อมเป็นผู้มีอายุยืน มียศในที่นั้นๆ ดังนี้
สร้างโรงบาลให้คนตั้งมากตั้งหลายมาเข้ารับการรักษาโรคกายต่างๆ เพราะร่างกายนี้มันฮังทุกข์คักๆแนๆ ปวดเงี่ยว บ่ได้เงี่ยวกะทุกข์
ปวดขี้ บ่ได้ขี้กะทุกข์
หิ้วน้ำ บ่ได้กินกะทุกข์
หิ้วอาหาร บ่ได้กินกะทุกข์
กินอาหารมันคาคอ กะทุกข์
กลืนอาหารลงแล้ว มันบ่ย้อยกะทุกข์
มันย้อยแล้ว มันสิออกทางล่างปวดขี้กะทุกข์
ขี้บ่ออกกะได้สวนก้น มันกะทุกข์
ถ้าพิจารณาดีๆแล้ว มันทุกข์เพราะการที่จิตมาสิงอยู่กับ (อสุจิและไข่) (วิทยว่า ไซโกส ) ( บาลีว่า กลละ )
และถ้าพิจารณาดีๆคักๆ ย้อนจิตปรุงแต่งกระแสกามภพ กะเลยต้องไปกามภพ
คำนวนคร่าวๆเบิ่งแล้ว คึสิได้มีโอกาสอยู่ทำบุญกุศลแค่ช่วงแถว 70 ถึง 80 ปี แล้วกะขาดใจตาย..
แค่นี้หรือชีวิตเฮา
และการจะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้อีก ในคัมภีร์อภิธรรมปิฏก เพิลว่า ต้องเป็นจิตลักษณะ อโลภะ อโทสะ อโมหะ กะคือบ่โลภ บ่มีโกธร บ่มีการขาดสติแท้ จึงจะเข้าท้องผู้หญิงที่จะตั้งครรภ์ได้ (จั่งสิสามารถเป็นลูกของพ่อแม่คู่หนึ่งๆได้)
ถ้าบ่แมนเป็นจิตลักษณะดังว่าแล้ว มันสิไปเข้าท้องหมาแม่ แมวแม่ งัวแม่ กะเป็นหมาน้อยแมวน้อยงัวน้อยนั่นแล่ว กะคือเป็นการเกิดแบบทุคติภพ
....อาตมาอยากต่ออายุไขเจ้าของ กะเลยว่าสิซอยเพิลสร้างโรงบาล แฮงกำลังถึงมันสิบ่หลายกะตาม 3,000 กะสิซอยและซอยบอกต่อ ชาตินี้จั่งสิได้จำไว้ว่ากุกะเคยสร้างโรงบาลตั้วหนิ มาเด้อผุใด๋สิฮ่วมนำ
ประกาศเด้อ บ่แมนเรี่ยไร
ผู้ใด๋อยากสร้างโรงพยาบาลแน ตอนนี้เพิลสร้างไปแล้วแต่กะยังขาดปัจจัยยุ(เงินนั่นหละ) โรงพยาบาลสังคม. จ.หนองคาย
#เนื้อหามาจากเว็บเด้อ
"ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่ามหากุศล "สมทบทุนสร้างอาคารผู้ป่วยในและอุปกรณ์การแพทย์ ๕๐,๐๐๐ กองๆละ ๑,๐๐๐ บาท" ณ โรงพยาบาลสังคม จ.หนองคาย วันอาทิศย์ ที่ 21 พฤษภาคม 2560 ประธานฝ่ายสงฆ์ หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก (วัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี) ประธานฝ่ายฆราวาส นายสุชาติ นพวรรณ (ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย) นายชยาวุธ จันทร (ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี) นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ (ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น) นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ (ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม) นายคุมพล บรรเทาทุกข์ (ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย) นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ (บริษัท ที พี ไอ) นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา (นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย) พล.ต.กนก ภู่ม่วง (ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 อุดรธานี)
#(วีดีโอกราฟฟิก)
จำลองโรงพยาบาลสังคม เป็นตะเบิงยุทันสมัยดี
https://youtu.be/JemdPzdag0w
เป็นโรงพยาบาลขนาด ๓๐ เตียง เปิดให้บริการแก่ประชาชนในเขตอำเภอสังคม และอำเภอใกล้เคียง เช่น อ.นายูง อ.ปากชม รวมถึงประชาชนจาก สปป.ลาว ที่ยากไร้ ไม่มีค่ารักษาพยาบาล ปัจจุบันมีผู้ป่วย มารับบริการมากขึ้นทุกปีแต่โรงพยาบาลไม่สามารถรับรองได้เพียงพอ รวมถึงไม่มีพื้นที่เป็นสัดส่วนสำหรับการดูแลรักษาพระภิกษุ สามเณรที่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล หลวงพ่อจันมี อนาลโย ท่านพระครูสุทธิญาณโสภณ และท่าน ผอ.โรงพยาบาลสังคม จึงได้จัดจั้งโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วย "ตึกอนาลโยเมตตา (หลวงพ่อจันมี)"
#วัตถุประสงค์โครงการ
๑. เพื่อขยายพื้นที่ และเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลสังคม ในการรองรับการให้บริการผู้ป่วย ผู้รับบริการในเขตอำเภอสังคม พื้นที่อำเภอใกล้เคียง และประเทศเพื่อนบ้าน
๒.เพื่อให้พื้นที่สำหรับบริการพระภิกษุ สามเณรเป็นสัดส่วนมากขึ้น
#อยากอ่านหลายๆกดเข้านี่เลย: http://www.analayometta.com/index.php
สร้างนำแล้วมันสิได้หยัง? กะได้แนวเหยี๋ยวบ่เห็น
กะคือบุญกุศลนั่นเอง
พุทธพจน์(คำเว้าพระพุทธเจ้า)
ตรัสว่า >>>>>
(อายุโท พะละโท ธีโร วัณณะโท ปะฏิภาณะโท)
ผู้มีปัญญา ให้อายุ ให้กำลัง ให้วรรณะ ให้ปฏิภาณ
(สุขัสสะ ทาตา เมธาวี สุขัง โส อะธิคัจฉะติ)
ผู้มีปัญญา ให้ความสุข ย่อมได้ประสพสุข
(อายุง ทัตวา พะลัง วัณณัง สุขัญจะ ปะฏิภาณะโท)
บุคคลผู้ให้อายุ พละ วรรณะ สุขะ แลปฏิภาณ
(ทีฆายุ ยะสะวา โหติ ยัตถะ ยัตถูปะปัชชะตีติ ฯ)
บังเกิดในที่ใดๆย่อมเป็นผู้มีอายุยืน มียศในที่นั้นๆ ดังนี้
สร้างโรงบาลให้คนตั้งมากตั้งหลายมาเข้ารับการรักษาโรคกายต่างๆ เพราะร่างกายนี้มันฮังทุกข์คักๆแนๆ ปวดเงี่ยว บ่ได้เงี่ยวกะทุกข์
ปวดขี้ บ่ได้ขี้กะทุกข์
หิ้วน้ำ บ่ได้กินกะทุกข์
หิ้วอาหาร บ่ได้กินกะทุกข์
กินอาหารมันคาคอ กะทุกข์
กลืนอาหารลงแล้ว มันบ่ย้อยกะทุกข์
มันย้อยแล้ว มันสิออกทางล่างปวดขี้กะทุกข์
ขี้บ่ออกกะได้สวนก้น มันกะทุกข์
ถ้าพิจารณาดีๆแล้ว มันทุกข์เพราะการที่จิตมาสิงอยู่กับ (อสุจิและไข่) (วิทยว่า ไซโกส ) ( บาลีว่า กลละ )
และถ้าพิจารณาดีๆคักๆ ย้อนจิตปรุงแต่งกระแสกามภพ กะเลยต้องไปกามภพ
เบิ่งลายมือเจ้าของแล้ว เส้นชีวิตมันคึสั้นแท้น้อ....
คำนวนคร่าวๆเบิ่งแล้ว คึสิได้มีโอกาสอยู่ทำบุญกุศลแค่ช่วงแถว 70 ถึง 80 ปี แล้วกะขาดใจตาย..
แค่นี้หรือชีวิตเฮา
และการจะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้อีก ในคัมภีร์อภิธรรมปิฏก เพิลว่า ต้องเป็นจิตลักษณะ อโลภะ อโทสะ อโมหะ กะคือบ่โลภ บ่มีโกธร บ่มีการขาดสติแท้ จึงจะเข้าท้องผู้หญิงที่จะตั้งครรภ์ได้ (จั่งสิสามารถเป็นลูกของพ่อแม่คู่หนึ่งๆได้)
ถ้าบ่แมนเป็นจิตลักษณะดังว่าแล้ว มันสิไปเข้าท้องหมาแม่ แมวแม่ งัวแม่ กะเป็นหมาน้อยแมวน้อยงัวน้อยนั่นแล่ว กะคือเป็นการเกิดแบบทุคติภพ
....อาตมาอยากต่ออายุไขเจ้าของ กะเลยว่าสิซอยเพิลสร้างโรงบาล แฮงกำลังถึงมันสิบ่หลายกะตาม 3,000 กะสิซอยและซอยบอกต่อ ชาตินี้จั่งสิได้จำไว้ว่ากุกะเคยสร้างโรงบาลตั้วหนิ มาเด้อผุใด๋สิฮ่วมนำ
ประกาศเด้อ บ่แมนเรี่ยไร
ผู้ใด๋อยากสร้างโรงพยาบาลแน ตอนนี้เพิลสร้างไปแล้วแต่กะยังขาดปัจจัยยุ(เงินนั่นหละ) โรงพยาบาลสังคม. จ.หนองคาย
#เนื้อหามาจากเว็บเด้อ
"ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่ามหากุศล "สมทบทุนสร้างอาคารผู้ป่วยในและอุปกรณ์การแพทย์ ๕๐,๐๐๐ กองๆละ ๑,๐๐๐ บาท" ณ โรงพยาบาลสังคม จ.หนองคาย วันอาทิศย์ ที่ 21 พฤษภาคม 2560 ประธานฝ่ายสงฆ์ หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก (วัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี) ประธานฝ่ายฆราวาส นายสุชาติ นพวรรณ (ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย) นายชยาวุธ จันทร (ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี) นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ (ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น) นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ (ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม) นายคุมพล บรรเทาทุกข์ (ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย) นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ (บริษัท ที พี ไอ) นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา (นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย) พล.ต.กนก ภู่ม่วง (ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 อุดรธานี)
#(วีดีโอกราฟฟิก)
จำลองโรงพยาบาลสังคม เป็นตะเบิงยุทันสมัยดี
https://youtu.be/JemdPzdag0w
เป็นโรงพยาบาลขนาด ๓๐ เตียง เปิดให้บริการแก่ประชาชนในเขตอำเภอสังคม และอำเภอใกล้เคียง เช่น อ.นายูง อ.ปากชม รวมถึงประชาชนจาก สปป.ลาว ที่ยากไร้ ไม่มีค่ารักษาพยาบาล ปัจจุบันมีผู้ป่วย มารับบริการมากขึ้นทุกปีแต่โรงพยาบาลไม่สามารถรับรองได้เพียงพอ รวมถึงไม่มีพื้นที่เป็นสัดส่วนสำหรับการดูแลรักษาพระภิกษุ สามเณรที่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล หลวงพ่อจันมี อนาลโย ท่านพระครูสุทธิญาณโสภณ และท่าน ผอ.โรงพยาบาลสังคม จึงได้จัดจั้งโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วย "ตึกอนาลโยเมตตา (หลวงพ่อจันมี)"
#วัตถุประสงค์โครงการ
๑. เพื่อขยายพื้นที่ และเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลสังคม ในการรองรับการให้บริการผู้ป่วย ผู้รับบริการในเขตอำเภอสังคม พื้นที่อำเภอใกล้เคียง และประเทศเพื่อนบ้าน
๒.เพื่อให้พื้นที่สำหรับบริการพระภิกษุ สามเณรเป็นสัดส่วนมากขึ้น
#อยากอ่านหลายๆกดเข้านี่เลย: http://www.analayometta.com/index.php
สร้างนำแล้วมันสิได้หยัง? กะได้แนวเหยี๋ยวบ่เห็น
กะคือบุญกุศลนั่นเอง
พุทธพจน์(คำเว้าพระพุทธเจ้า)
ตรัสว่า >>>>>
(อายุโท พะละโท ธีโร วัณณะโท ปะฏิภาณะโท)
ผู้มีปัญญา ให้อายุ ให้กำลัง ให้วรรณะ ให้ปฏิภาณ
(สุขัสสะ ทาตา เมธาวี สุขัง โส อะธิคัจฉะติ)
ผู้มีปัญญา ให้ความสุข ย่อมได้ประสพสุข
(อายุง ทัตวา พะลัง วัณณัง สุขัญจะ ปะฏิภาณะโท)
บุคคลผู้ให้อายุ พละ วรรณะ สุขะ แลปฏิภาณ
(ทีฆายุ ยะสะวา โหติ ยัตถะ ยัตถูปะปัชชะตีติ ฯ)
บังเกิดในที่ใดๆย่อมเป็นผู้มีอายุยืน มียศในที่นั้นๆ ดังนี้
สร้างโรงบาลให้คนตั้งมากตั้งหลายมาเข้ารับการรักษาโรคกายต่างๆ เพราะร่างกายนี้มันฮังทุกข์คักๆแนๆ ปวดเงี่ยว บ่ได้เงี่ยวกะทุกข์
ปวดขี้ บ่ได้ขี้กะทุกข์
หิ้วน้ำ บ่ได้กินกะทุกข์
หิ้วอาหาร บ่ได้กินกะทุกข์
กินอาหารมันคาคอ กะทุกข์
กลืนอาหารลงแล้ว มันบ่ย้อยกะทุกข์
มันย้อยแล้ว มันสิออกทางล่างปวดขี้กะทุกข์
ขี้บ่ออกกะได้สวนก้น มันกะทุกข์
ถ้าพิจารณาดีๆแล้ว มันทุกข์เพราะการที่จิตมาสิงอยู่กับ (อสุจิและไข่) (วิทยว่า ไซโกส ) ( บาลีว่า กลละ )
และถ้าพิจารณาดีๆคักๆ ย้อนจิตปรุงแต่งกระแสกามภพ กะเลยต้องไปกามภพ
คำนวนคร่าวๆเบิ่งแล้ว คึสิได้มีโอกาสอยู่ทำบุญกุศลแค่ช่วงแถว 70 ถึง 80 ปี แล้วกะขาดใจตาย..
แค่นี้หรือชีวิตเฮา
และการจะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้อีก ในคัมภีร์อภิธรรมปิฏก เพิลว่า ต้องเป็นจิตลักษณะ อโลภะ อโทสะ อโมหะ กะคือบ่โลภ บ่มีโกธร บ่มีการขาดสติแท้ จึงจะเข้าท้องผู้หญิงที่จะตั้งครรภ์ได้ (จั่งสิสามารถเป็นลูกของพ่อแม่คู่หนึ่งๆได้)
ถ้าบ่แมนเป็นจิตลักษณะดังว่าแล้ว มันสิไปเข้าท้องหมาแม่ แมวแม่ งัวแม่ กะเป็นหมาน้อยแมวน้อยงัวน้อยนั่นแล่ว กะคือเป็นการเกิดแบบทุคติภพ
....อาตมาอยากต่ออายุไขเจ้าของ กะเลยว่าสิซอยเพิลสร้างโรงบาล แฮงกำลังถึงมันสิบ่หลายกะตาม 3,000 กะสิซอยและซอยบอกต่อ ชาตินี้จั่งสิได้จำไว้ว่ากุกะเคยสร้างโรงบาลตั้วหนิ มาเด้อผุใด๋สิฮ่วมนำ
ประกาศเด้อ บ่แมนเรี่ยไร
ผู้ใด๋อยากสร้างโรงพยาบาลแน ตอนนี้เพิลสร้างไปแล้วแต่กะยังขาดปัจจัยยุ(เงินนั่นหละ) โรงพยาบาลสังคม. จ.หนองคาย
#เนื้อหามาจากเว็บเด้อ
"ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่ามหากุศล "สมทบทุนสร้างอาคารผู้ป่วยในและอุปกรณ์การแพทย์ ๕๐,๐๐๐ กองๆละ ๑,๐๐๐ บาท" ณ โรงพยาบาลสังคม จ.หนองคาย วันอาทิศย์ ที่ 21 พฤษภาคม 2560 ประธานฝ่ายสงฆ์ หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก (วัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี) ประธานฝ่ายฆราวาส นายสุชาติ นพวรรณ (ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย) นายชยาวุธ จันทร (ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี) นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ (ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น) นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ (ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม) นายคุมพล บรรเทาทุกข์ (ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย) นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ (บริษัท ที พี ไอ) นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา (นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย) พล.ต.กนก ภู่ม่วง (ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 อุดรธานี)
#(วีดีโอกราฟฟิก)
จำลองโรงพยาบาลสังคม เป็นตะเบิงยุทันสมัยดี
https://youtu.be/JemdPzdag0w
เป็นโรงพยาบาลขนาด ๓๐ เตียง เปิดให้บริการแก่ประชาชนในเขตอำเภอสังคม และอำเภอใกล้เคียง เช่น อ.นายูง อ.ปากชม รวมถึงประชาชนจาก สปป.ลาว ที่ยากไร้ ไม่มีค่ารักษาพยาบาล ปัจจุบันมีผู้ป่วย มารับบริการมากขึ้นทุกปีแต่โรงพยาบาลไม่สามารถรับรองได้เพียงพอ รวมถึงไม่มีพื้นที่เป็นสัดส่วนสำหรับการดูแลรักษาพระภิกษุ สามเณรที่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล หลวงพ่อจันมี อนาลโย ท่านพระครูสุทธิญาณโสภณ และท่าน ผอ.โรงพยาบาลสังคม จึงได้จัดจั้งโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วย "ตึกอนาลโยเมตตา (หลวงพ่อจันมี)"
#วัตถุประสงค์โครงการ
๑. เพื่อขยายพื้นที่ และเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลสังคม ในการรองรับการให้บริการผู้ป่วย ผู้รับบริการในเขตอำเภอสังคม พื้นที่อำเภอใกล้เคียง และประเทศเพื่อนบ้าน
๒.เพื่อให้พื้นที่สำหรับบริการพระภิกษุ สามเณรเป็นสัดส่วนมากขึ้น
#อยากอ่านหลายๆกดเข้านี่เลย: http://www.analayometta.com/index.php
สร้างนำแล้วมันสิได้หยัง? กะได้แนวเหยี๋ยวบ่เห็น
กะคือบุญกุศลนั่นเอง
พุทธพจน์(คำเว้าพระพุทธเจ้า)
ตรัสว่า >>>>>
(อายุโท พะละโท ธีโร วัณณะโท ปะฏิภาณะโท)
ผู้มีปัญญา ให้อายุ ให้กำลัง ให้วรรณะ ให้ปฏิภาณ
(สุขัสสะ ทาตา เมธาวี สุขัง โส อะธิคัจฉะติ)
ผู้มีปัญญา ให้ความสุข ย่อมได้ประสพสุข
(อายุง ทัตวา พะลัง วัณณัง สุขัญจะ ปะฏิภาณะโท)
บุคคลผู้ให้อายุ พละ วรรณะ สุขะ แลปฏิภาณ
(ทีฆายุ ยะสะวา โหติ ยัตถะ ยัตถูปะปัชชะตีติ ฯ)
บังเกิดในที่ใดๆย่อมเป็นผู้มีอายุยืน มียศในที่นั้นๆ ดังนี้
สร้างโรงบาลให้คนตั้งมากตั้งหลายมาเข้ารับการรักษาโรคกายต่างๆ เพราะร่างกายนี้มันฮังทุกข์คักๆแนๆ ปวดเงี่ยว บ่ได้เงี่ยวกะทุกข์
ปวดขี้ บ่ได้ขี้กะทุกข์
หิ้วน้ำ บ่ได้กินกะทุกข์
หิ้วอาหาร บ่ได้กินกะทุกข์
กินอาหารมันคาคอ กะทุกข์
กลืนอาหารลงแล้ว มันบ่ย้อยกะทุกข์
มันย้อยแล้ว มันสิออกทางล่างปวดขี้กะทุกข์
ขี้บ่ออกกะได้สวนก้น มันกะทุกข์
ถ้าพิจารณาดีๆแล้ว มันทุกข์เพราะการที่จิตมาสิงอยู่กับ (อสุจิและไข่) (วิทยว่า ไซโกส ) ( บาลีว่า กลละ )
และถ้าพิจารณาดีๆคักๆ ย้อนจิตปรุงแต่งกระแสกามภพ กะเลยต้องไปกามภพ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ความคิดเรา "ทำสังฆทาน หรือทำบุญร้อยวันให้ผุตาย
สิ่งที่ควรสิมีคือ
1ผ้าไตร (อย่างน้อย๑ไตร) ถ้าครบพระได้แฮงดี
2อาหารหวานคราว (อย่างน้อย ปิ่นโต๑ปิ่น) ถ้าครบพระได้แฮงดี
3น้ำขวดสะอาด (อย่างน้อย 1 แพค) หลายแพ็กแฮงดี
4แนวสิให้คนเกิดสัมมาสติขึ้นมา เมื่อประสบ
เช่น หนังสือธรรมะที่อ่านแล้ว เกิดสติปัญญาฮู้ว่าสิ่งภายนอกบ่เที่ยง ร่างกายบ่เที่ยง ความรู้สึกทางใจบ่เที่ยง (บ่ต้องใช้พระพุทธรูปกะได้ ถ้าบอมีงบพอ พระพุทธรูปกะเป็นอุบายต้อนให้คนเกิดพุทธานุสติ)
5คันฮ่ม(่ร่มกันแดดกันฟนนั่นหละ)
สิ่งที่ควรสิมีคือ
1ผ้าไตร (อย่างน้อย๑ไตร) ถ้าครบพระได้แฮงดี
2อาหารหวานคราว (อย่างน้อย ปิ่นโต๑ปิ่น) ถ้าครบพระได้แฮงดี
3น้ำขวดสะอาด (อย่างน้อย 1 แพค) หลายแพ็กแฮงดี
4แนวสิให้คนเกิดสัมมาสติขึ้นมา เมื่อประสบ
เช่น หนังสือธรรมะที่อ่านแล้ว เกิดสติปัญญาฮู้ว่าสิ่งภายนอกบ่เที่ยง ร่างกายบ่เที่ยง ความรู้สึกทางใจบ่เที่ยง (บ่ต้องใช้พระพุทธรูปกะได้ ถ้าบอมีงบพอ พระพุทธรูปกะเป็นอุบายต้อนให้คนเกิดพุทธานุสติ)
5คันฮ่ม(่ร่มกันแดดกันฟนนั่นหละ)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าทุกคนเห็นนรกแล้วเห็นสัตว์นรกแล้ว
และก็ถ้าทุกคนเห็นสวรรค์และนางฟ้าเทพบุตรแล้ว
อิหยังสิเกิดขึ้น
๑ ผู้ชายสิบ่มักผุงิง และผุงิงสิบ่มักผุชาย
แต่สิมักเทพธิดา และมักเทพบุตร เว้าง่ายๆความกำหนัดทางเพศคลายลง
มนุษย์กะสิเริ่มขาดเผ่าพันธ์
๒ คนสิบ่กล้าฆ่าหมูฆ่าหมา แม้แต่ปลา
ประมาณว่า ขอยอมตายเพราะอดอาหาร ดีกว่าฆ่าหมูแล้ว ต้องไปโดนนายนิรยะบาลโหดฆ่าทำร้ายทารุณ
อันนี้กะจิตปรุงแต่ง...
และก็ถ้าทุกคนเห็นสวรรค์และนางฟ้าเทพบุตรแล้ว
อิหยังสิเกิดขึ้น
๑ ผู้ชายสิบ่มักผุงิง และผุงิงสิบ่มักผุชาย
แต่สิมักเทพธิดา และมักเทพบุตร เว้าง่ายๆความกำหนัดทางเพศคลายลง
มนุษย์กะสิเริ่มขาดเผ่าพันธ์
๒ คนสิบ่กล้าฆ่าหมูฆ่าหมา แม้แต่ปลา
ประมาณว่า ขอยอมตายเพราะอดอาหาร ดีกว่าฆ่าหมูแล้ว ต้องไปโดนนายนิรยะบาลโหดฆ่าทำร้ายทารุณ
อันนี้กะจิตปรุงแต่ง...
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 12, 2017 10:47:24pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนเฮานี่มีแนวเมื่อยต่างกันเน้าะ
.........................
บ้างเหนื่อยการทำงานทางกาย
บ้างเหนื่อยการทำงานทางใจ
แต่วิธีพัก บ่ต่างกัน
บ้างว่าวิธีพักกะคือ "ตาย"
แต่พักอิหลีกะคือ "นิพพาน
"หมดปฏิสนธิวิญญาณ"
ัขันธ์ห้าบ่มีการปรากฏ นั่นหละ "คือที่สุดแห่งทุกข์"
.........................
บ้างเหนื่อยการทำงานทางกาย
บ้างเหนื่อยการทำงานทางใจ
แต่วิธีพัก บ่ต่างกัน
บ้างว่าวิธีพักกะคือ "ตาย"
แต่พักอิหลีกะคือ "นิพพาน
"หมดปฏิสนธิวิญญาณ"
ัขันธ์ห้าบ่มีการปรากฏ นั่นหละ "คือที่สุดแห่งทุกข์"
@[100001398447853:2048:Naree Maneenat]
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 13, 2017 6:33:44pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.
ธรรมะในวันวาเลนไทน์
ถ้าคนที่เขาเป็นแฟนกันแล้ว เราอย่าไปเกี่ยวข้องแบบจีบ
หรือแบบขอคบ หรือยุให้เขาแตกกันนะ ทำนองว่า เขาเลิกกันเพราะผี๋มือเรา
ผี๋ปากเรา" ฝี๋เท้าเรา"
แต่ถ้าเขาหรือเธอคนนั้น
มีคนมาจีบเยอะเลย
มีคนมาขอคบด้วยเยอะเลย แต่เขาหรือเธอคนนั้น
ยังไม่ตอบตกลงเป็นแฟนกันกับใคร
นั่นแสดงว่าเขายังโสด..
(หรือเรียกภาษาสมัยใหม่ว่า เขากำลังอ่านหนังสืออยู่)
# คนที่ขอคบนั่นแหละเรียกว่าหนังสือ "
"""เด็กรุ่นใหม่ ไฟแรงใจร้อน"" อ่านได้เล่มหนึ่ง เล่มสอง เล่มสาม ก็เลือกเล่มสาม
เพราะไม่รู้ว่าเล่มต่อไปจะมีไหม? เล่มต่อไปจะเหมือนอย่างนี้ไหม?
-ถ้ายังมีราคะอยู่ เล่มต่อไปก็มี..ไม่ควรใจร้อน
เล่มต่อไปจะเหมือนอย่างนี้ไหม
-ในโลกนี้ไม่มีใครนิสัยเหมือนกัน
มีแต่ต่างกันมาก ต่างกันน้อย หรือคล้ายกัน
ควรเลือกคบคนที่นิสัยคล้ายกันกับเรา"
แต่ถ้าหากเราไม่ดี แต่แฟนเป็นคนดี
เราต้องปรับนิสัยไปให้คล้ายแฟน
ถ้าเราไม่ดี แล้วเราก็หาคนที่พื้นนิสัยไม่ดีคล้ายเรา
อย่างนี้ มีแต่ฉุดกันและกันให้ตกต่ำ"
"คนที่ใช่ต้องต้องเจอกันในเวลาที่มีสิทธิ์ เวลาที่ไม่มีสิทธิ์ต่อให้เคยครองคู่กันมา
เป็นล้านชาติ ถ้าชาตินี้เขาพลัดไปมีคู่ซะแล้ว ยังไงก็ไม่ใช่
แต่ถ้าเขาเป็นคู่เก่าคู่บุญบารมีเก่าเรา
เขาหรือเธอคนนั้นจะแยกย้ายกันเอง
โดยที่คุณไม่ได้มีส่วนในการทำให้เขาเลิกกันแม้แต่นิดเลย
บุคคลเป็นมนุษย์เราต้องมีเป้าหมาย ที่จะทำให้ชีวิตจิตใจตนเองเจริญขึ้น
ถึงจะมีตัวล่อมากมาย ที่ล่อให้เราหักเหออกนอกเส้นทางเป้าหมายนั้น
เราต้องคอยเตือนตนเองอยู่เสมอๆ
ว่าอย่าหลงไปกับ" ตัวล่อ" นะ
วันวาเลนไทน์ เห็นข่าวนี้แล้วสลดใจนะ
ฝ่ายชายยิงฝ่ายหญิงตาย แล้วยิงตัวเองอีกทีให้ตายตาม
นี่คงไม่ใช่คู่บุญ แต่เป็นคู่กรรม
ปัญหานี้คงไม่ใช่เพราะวันวาเลนไทน์ วันนี้
แต่เพราะต้นเหตุ ตั้งแต่เริ่มต้นตั้งแต่แรก
ที่ไม่เลือกคนที่นิสัยใจคอคล้ายกัน จึงไม่รู้พื้นนิสัยกัน
ก็เกิดการแตกแยก
# ยิงสนั่นห้างดังเมืองนนท์ วาเลนไทน์เลือดตาย2เจ็บ1
เดลีนีวส์ - 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา
____________
ผู้หญิงหรือผู้ชายที่เข้ามาขณะที่เรายังไม่ได้เลิกกับแฟน ส่วนใหญ่จะเป็นค
ู่กรรมคู่เวรไม่ใช่คู่บุญหรอก
ถ้าเอามาอยู่ด้วยกัน ช่วงต้นจะไม่เห็นอะไรหรอก ต่อเมื่อผูกผันเริ่มจะแกะยาก
จึงจะเริ่มเห็นหลายๆอย่าง ความคิดไม่ตรงกัน ขัดใจกัน ทะเลาะกัน ยังมีใจคิด
จะไปรักไปจีบคนอื่นเผื่อไว้อีกอยู่
ส่วนคู่บุญไม่ใช่อย่างนั้นเลย
คู่บุญนั้นจะมีจิตใจคล้ายๆกัน
ปรับใจเข้าหากันง่าย มีอะไรที่คล้ายๆกัน เช่น สมมุติว่า ไปตลาดด้วยกัน
เดินไปด้วยกันฝ่ายหญิงซื้อของใช้ต่างๆ ตามที่ประสงค์จะซื้อแล้ว
และก่อนกลับซื้อลูกชิ้น 5 ไม้ กะจะกินไปเดินไป
้
ฝ่ายชายก็ซื้อของใช้ตามที่ประสงค์จะมาซื้อแล้ว และซื้อใส้กรอก 10 ไม้
กะว่าจะเอาไปกินที่บ้าน
้
ขณะที่เดินออกมาจากตลาด เจอ(หมาอทาน)ตัวหนึ่งอยู่ข้างทา
งดูท่าคงกำลังหิ้ว น้ำลายไหลเลย เหมือนขออาหารกิน
๑.
ฝ่ายหญิงเห็นปุ๊บก็คิดว่า "น่าสงสาร" ก็แบ่งลูกชิ้นให้หมาไม้หนึ่ง
ฝ่ายชาย เห็นปุ๊บก็คิดว่า"มันหิวควรจะเอาใส้กรอกให้มันสักไม้หนึ่ง"
ทั้งสองคนนี้แวบแรกมีความคิดแบบนี้ โดยไม่ได้กดดันบังคับซึ่งกันและกันเลย
นี่คือ1ตัวอย่าง ของผู้ที่มีความเชื่อคล้ายกัน
ไปกันได้รอด เจอกันอีกในชาติหน้า
๒.
แต่ถ้าฝ่ายหญิงแบ่งเอาให้หมา และฝ่ายชายก็คิดว่า "เอ่อแม้แต่แฟนเ
ราก็เอาให้ ถึงเราก็ควรจะเอาให้มันเหมือนกัน"
อันนี้เรียกว่าศรัทธาไล่เรียงกัน
อยู่ด้วยกันก็รอด ชาติหน้าก็เจอกันอีก
๓.
แต่ถ้าฝ่ายหญิงแบ่งให้หมา
และฝ่ายชายก็คิดว่า"
เอาไปให้มันทำไม เฮ้อ.."
อันนี้เรียกว่า ศรัทธาความเชื่อต่อสิ่งนั้นไม่เสมอกัน
พวกนี้ถึงจะฝืนอยู่ด้วยเพราะเหตุผลบางอย่าง ก็ยากที่จะไปกันรอด
เพราะขนาดแค่นี้ความคิดยังไม่เข้ากันหรือน้อมไปในทางเดียวกันได้ เลย
ต่อไปก็มีแต่จะทะเลาะกันบ้านแตก หย่ากัน ตีกันฆ่ากันตาย
คู่บุญบารมีไม่ใช่แค่ศรัทธาความเชื่อเท่านั้นที่เหมือนกันหรือคล้ายกันเอนไป
ในทางเดียวกัน
แต่ในเรื่องศีลก็มีจิตน้อมไปในทิศทางเดียวกัน หรือคล้ายๆกัน
เช่นไม่ชอบเบียดเบียนใคร
ไม่ชอบพูดโกหกทำร้ายใส่ไฟใคร
ไม่คิดที่จะมั่วเพศเล่นๆ กับใครคนอื่น เหมือนสัตว์เดรัจฉาน พวกหมา พวกแมว
องค์รวมของคู่บุญบารมีเก่า จะมีอยู่๔ ข้อ ๑.ศรัทธา ๒.ศีล
๓.จาคะ ๔ ปัญญา
เรื่องปัญญาก็คล้ายๆกันในการแก้ปัญหาสถานะการณ์ต่างๆในชีวิตต่างลง
กันได้
้
เรื่องบุญจาคะก็มีใจน้อมไปคล้ายๆกัน คือชอบทำบุญ
คู่บุญบารมีเก่าเป็นอย่างนี้
คบกันอยู่ด้วยกันแล้วเจริญยังยืนตั้งแต่ยังไม่แต่งดีตั้งแต่แรกจนวันตาย ไม่มีจน
ไม่มีบ้านแตก ถ้าท้องก็เป็นพวกเทวดานางฟ้ามาเป็นลูก
คู่บุญบารมีเก่านั้นหายากมาก
ส่วนมากที่อยู่กันรอดในปัจจุบันต้องทำแบบข้อ๒
คือปรับความเข้าหากัน
จูนจิตใจเข้าหากัน
เมื่อจูนจิตใจเข้าหากันมันก็ยากที่จะทะเลาะกัน
ผู้หญิงใช้เงินเก่ง แต่ฝ่ายชายชอบประหยัดมันก็อยู่ด้วยกันยาก
อันนี้ผู้หญิงต้องปรับตัว
แต่ถ้าไม่ปรับตัว
ฝ่ายชายเขาหมดความอดทน
ขอเลิก ไม่ไหวสำหรับจะคบกับเธอต่อ
ขอโสดดีกว่า
จนเจอผู้หญิงที่นิสัยคล้ายกันกับตนคือชอบประหยัด มันก็ไปกันได้รอด
คำเสริมบทความ
# ยิ่งมีความตรงกันหลายอย่าง
ยิ่งมีโอกาสไปด้วยกันรอดจนถึงแก
่(หมาอทาน) คือหมาที่ในหลายภพชาติที่เคยได้เกิดเป็นคน
ไม่ทำบุญทำทานเลย)
__________
"คนที่ใช่ต้องต้องเจอกันในเวลาที่มีสิทธิ์? เวลาที่ไม่มีสิทธิ์ต่อให้เคยครองคู่
กันมาเป็นล้านชาติ ถ้าชาตินี้เขาพลัดไปมีคู่ซะแล้ว ยังไงก็ไม่ใช่"
เขาต้องอยู่ในฐานะที่ว่าง(โสด)เท่านั้น นั่นถึงจะมีโอกาสพอเป็นไปได้ว่า
เขาหรือเธอเป็นคู่บุญบารมีเก่าในอดีต
แต่ถ้าเขายังครองคู่ถือแขนเป็นแฟนกันอยู่
แล้วคุณเจอปุ๊บ ! ใจมันรายงานบอกว่า " นั่นแหละใช่ ใช่เนื้อคู่เราใช่แน่ๆ"
ถ้าเชื่อความคิดนั้น.. อะไรจะเกิด?
"ก็ไปแย่งมานะสิ" เป็นการผูกเวรเลย บาปด้วย
แต่ถ้าเขาเป็นคู่เก่าคู่บุญบารมีเก่าเรา
เขาหรือเธอคนนั้นจะแยกย้ายกันเอง
โดยที่คุณไม่ได้มีส่วนในการทำให้เขาเลิกกันแม้แต่นิดเลย
แล้วจะมีเหตุให้คุณได้เกี่ยวข้องกับเขาหรือเธอเอง(กรรมเวี่ยงมาเจอกัน)
แต่การได้เกี่ยวข้องกันนั้น ไม่ใช่หมายถึงว่าเขาจะเป็นคู่เสมอไป
ถ้าเขาเป็นคู่บุญเก่า
ถ้าเจอคู่บารมีเก่าที่เคยอยู่กินกันมาหลายภพชาติ
"เห็นปุ๊บ มีความกำหนัดอยากร่วมเพศ อยากจีบเพื่อเอาให้ได้"
นี่ไม่ใช่แล้ว
จะไม่มีความคิดหรือความรู้สึกแบบนี้วนอยู่แต่ในหัว เป็นไปไม่ได้เลย
ว่านั่นคือคู่บุญบารมีเก่าเรา
# คู่ในสมัยนี้ มีแต่คู่ปรับ
ปรับตัวเขาหากัน เรียกว่าสร้างเส้นทางกรรมดีให้เกี่ยวโยงได้อยู่ด้วยกัน
ได้นานๆ อย่างเช่น เอาใส่ใส่ซึ่งกันและกันดี ไม่นอกใจกัน แอบมีไปกั๊ก
________
ช่วงพรรษาแรก ออกพรรษาใหม่ๆ
ทิสเกมส์ยังบ่สึกเลยตอนนั้น
ทิศเกมส์ : "ถ้าสิสึก กะเข้าไปบอกเพิลเด้อ"
ตอนนั้น อืม.. ?? ลังเล จะเอาไงดี ใจหนึ่งก็อยากสึก
เฮาอยากจะสึก.. สึกออกไปสักสามวันหรือเจ็ดวัน
แล้วหลังจากนั้น ไปบวชวัดป่า..
แต่ไม่กล้าสึกเพราะกลัวจะไม่ได้บวชอีก
แม้สึกปุ๊บ วันต่อมาบวชปั๊บ
เราก็ไม่กล้าเสี่ยง
เราเคยคิดจะสึก แล้วบวชต่อในวันถัดมา ห
เราก็ไม่กล้า เพราะนั่นยังประมาทอยู่
เพราะไม่มีอะไรมารับประกันว่า สึกแล้วจะได้บวชอีก
ไม่มีเลย
แม้จะวางแผนไว้แล้วว่า สึกวันจันทร์ ไปบวชวัดป่าวันอังคารต่อเลย ถ้ามันไม่
เป็นไปตามนั้นละ
ขึ้นชื่อว่ากายหลุดจากผ้าเหลืองแล้ว สมณะสัญญาก็จะคลายหายไป(
ความกำหนดหมายว่าเราเป็นสมณะ)
และสิ่งที่จะมาล่อใจให้ติดไปกับกามคุณ๕ นั้น มันอาจจะมาเป็นแน่ มา
เป็นขบวน
เผลอๆ หญิงเนื้อคู่เก่า อาจมาเจอกันกับเรา
ตาต่อตา จิตต่อจิต มันก็จะไม่ได้ไปแต่งงานกันเหรอ
ดังนั้นจึงไม่กล้าสึกแม้วันเดียว
# พระอรหันต์ทุกๆพระองค์
ล้วนบำเพ็ญเนกขัมมะบารมี มาหลายภพชาติ
ถ้าขาดเนกขัมมะบารมีจะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ไม่ได้เลย
บุคคลที่บวชแล้ว ใจแข็งไม่ยอมสึก
นำกายนำใจไม่ให้ติดในรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัส
ย่อมได้เนกขัมมะบารมี
เมื่อพยายามออกจากกาม ปัญญาย่อมเกิด
ใจย่อมสว่าง
เปรียบเทียบได้เลยว่าสุขจากการที่มีใจสว่าง
มันดีกว่า สุขจากการได้เห็นสิ่งที่ถูกใจ
เช่น เห็นแฟนน่าหล่อ น่าสวย กำลังถือดอกไม้จะนำมาให้
มันดีกว่าสุขจากการมีเสียงอันชอบใจเข้าหู
มันดีกว่าสุขจากการมีกลิ่นหอมๆโชยมาถูกจมูก
มันดีกว่าสุขจากการที่รับประทานอาหารอันมีรสชาติถูกใจพญาลิ้น
แซบเว้อคัก
มันดีกว่าสุขจากการ ได้ถูกต้องสิ่งที่นุ่มนิ่มน่าพอใจ
สุขเช่นนี้ เป็นสุขที่ไม่ควรกลัว
ธรรมใดเป็นไปเพื่อจมไปกับกามคุณ๕
เราอย่าได้ยึดติดธรรมนั้นเลย
เพราะคือเหตุเกิดทุกข์
# สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ยังไม่ชื่อว่าพ้นทุกข์
________
คุ้มแล้วหรือที่ต้องเหนื่อย ให้ชีวิตในเฟซบุ๊กดูดีมีหน้ามีตาขนาดนี้
ตอนนี้คนคงกำลังคิดว่า ตนเองมีตัวตนอยู่อยู่สองแห่ง....
ในเฟซเป็นแห่งที่สอง คือเรานี่เองเป็นผู้อยู่ในเฟส รูปโปรไฟล์หายก็
ร้อนกระวนกระวาย น้ำตาไหลนองหน้า ทั้งที่ร่างกายตัวเองยังดีๆอยู่
เขากดไลค์ให้มากใจก็ฟู เห็นเขาไลค์ให้น้อยก็น้อยใจ(เศร้าหมอง)
และการที่ใจเราจะมีความสุขได้ต้องขึ้นอยู่กับผู้อื่นตลอดเลยหรือ
ทำไมเราต้องเอาความสุขของเราไปฝากไว้ที่คนอื่นด้วย
ต้องรอให้เขาทำดีกับเรา เราถึงจะมีความสุขได้หรอ
เราจะสุข เราจะทุกข์ ต้องให้ขึ้นอยู่กับคนอื่นตลอดเลยหรือ
นี่มันใช่ชีวิตเราไหมเนี๊ย ชักจะงง ??
เราจะออกแบบจิตใจเรา ในฉบับของเรา ไม่ให้ทุกข์ ไปกับสิ่งต่างๆไม่ได้รึ
ทั้งสเตตัสเวลาโพส ไม่ต้องโกหกให้ดูดีไม่ได้หรือ
เราได้อะไรกับมาบ้าง ที่แน่ๆเลยคือเวลาเสียไปแน่อน เสียเวลาแต่งรูป
เสียเวลาพิมพ์ตัวหนังสือ
บางคนในหน้าเฟซของตัวเองดูดี้ดี แต่ที่อยู่ของตนเองหรือห้องลกรังไปหมด
ข้าวของกระจัดกระจ่าย ไม่เก็บ ที่นอนไม่เคยเอามาซักผ้าห่มไม่เ
คยตากเคยซัก
การงานหมกไว้ ถ้วยจานแช่ไว้จนลืมน้ำเน่าก็มี ต้องเสียการงานเ
พราะเฟซบุ๊ก
และต้องพิมพ์ข้อความให้ความหวังคนโดยเฉพาะคนที่น่าตาดี
หรือพิมพ์หลอกโกหกคน(มุสาวาทา)เพืออะไรก็ไม่รู้
ยังจะเป็นวิบากกรรมด้านไม่ดีให้ตนเองอีก ทั้งที่ไม่ได้พูดออกปากมีเสียง
ก็มีวิบากถึง ๘ ข้อ
๑.จะพูดไม่ชัด ๒.ฟันจะไม่เป็นระเบียบ ๓.ปากจะเหม็นมาก ๔.กลิ่นตัวจะเหม็น
๕.ตาจะไม่อยู่ในระดับปกติ ๖.กล่าววาจาด้วยปลายลิ้นและปลายปาก ๗.
ท่าทางไม่สง่าผ่าเผย พูดอย่างหนึ่งคนเข้าใจไปอีกอย่างอื่น ๘.จิตบิดเบี้ยว
ถ้าไม่ให้ผลในชาติปัจจุบัน ก็ให้ผลในชาติหน้า หรือในชาติถัดๆไป
นี้ก็คือหลัการให้ผลของกรรม
และบางคนทำดีไม่ได้ดี ก็หมดศรัทธาความเชื่อเลย บาปคงไม่มีบุญคงไม่มี
เพราะไม่เข้าใจการให้ผลของกรรม จะขอยกเรื่องที่เป็นข่าวในช่วงนี้ขึ้นมา
ดาราชื่อ ปอ ที่เสียชีวิตในโรงพยาบาล
ได้มีชายผุ้หนึ่ง (ขอเรียกนามว่าผู้เห็นก็แล้วกัน)
เขาบอกประมาณว่า ปอเคยเกิดเป็นราชมัลในสมัยอยุธยา ได้ฆ่าคน
โดยทุบกระดูกจนเละ แล้วจับถ่วงน้ำให้ตาย เจ้ากรรมนายเวรท
ี่มาเอาชีวิตก็คือชายในครั้งนั้น
ที่ปอฆ่า
ดู้ถิด ปอ หน้าตาดีขนาดไหน บ่งบอกว่าเป็นบุญจากการเคยรักษา
ศีลมาก่อน ดาราที่สวยๆหล่อๆทุกคนก็เหมือนกัน เพราะเคยเอาบุญจ
ากการรักษาศีลทั้งสิ้น
แต่ถึงกระนั้นบาปเก่าๆก็ยังตามมาให้ผลคร่าชีวิต ปอ ไปได้
ถ้าหากสามารถรู้ล่วงหน้าได้ ก่อนเวลาปอจะตาย 1 ปี
จะแนะนำ ให้เจริญสติภาวนาดูกายดุใจ แบบหลวงพ่อปราโมทย์
แล้วภาวนาไปเรื่อยอธิฐานจิตอุทิศบุญใช้หนีไปด้วย
ยิ่งภาวนาดวงยิ่งออกจากความมืดเปลี่ยนไปทางดีทางสว่าง
เลยเถิดไปกันใหญ่แล้วกลับมาที่เฟซบุ๊กต่อ เวลาโพส
ไม่ควรเป็นโพสที่โกหก ไม่ควรเป้นโพสที่ส่อเสียดผู้อื่นยุให้คนตีกันทะเลาะกัน
ไม่ชอบหน้ากัน ไม่ควรเป้นโพสที่หยาบคาย(คือเหมือนพูดหยาบคาย
กระทบกระเทียบเสียดสีผู้อื่น
และอีกข้อคือ ไม่ควรโพสเรื่องไร้สาระ ข้อนี้เห็นจะทำยากเพราะเคยเป็นโยม
แต่เมื่อรู้วิบากของข้อนี้แล้ว อาจสามารถทำได้
พูดจาไม่มีประโยชนื วิบากคือ ไม่มีผู้เลื่อมใสในคำพูดของตน
ถ้าเราสำรวมวาจา ๔ ข้อนี้
๑.มุสาวาท (โกหก)
๒.ปิสุนาวาส (ยุให้คนแตกกัน)
๓.ผรุสสาวาท (พูดคำหยาบคาย)
๔.สัมผัปปลาปะ (พูดเพ้อเจอ ไร่สาระ)
เราจะมีอำนาจทางปาก คนจะเชื่อคำพูดเรา จะเป็นวาจาที่ศักดิสิทธิ์
ธรรมะในวันวาเลนไทน์
ถ้าคนที่เขาเป็นแฟนกันแล้ว เราอย่าไปเกี่ยวข้องแบบจีบ
หรือแบบขอคบ หรือยุให้เขาแตกกันนะ ทำนองว่า เขาเลิกกันเพราะผี๋มือเรา
ผี๋ปากเรา" ฝี๋เท้าเรา"
แต่ถ้าเขาหรือเธอคนนั้น
มีคนมาจีบเยอะเลย
มีคนมาขอคบด้วยเยอะเลย แต่เขาหรือเธอคนนั้น
ยังไม่ตอบตกลงเป็นแฟนกันกับใคร
นั่นแสดงว่าเขายังโสด..
(หรือเรียกภาษาสมัยใหม่ว่า เขากำลังอ่านหนังสืออยู่)
# คนที่ขอคบนั่นแหละเรียกว่าหนังสือ "
"""เด็กรุ่นใหม่ ไฟแรงใจร้อน"" อ่านได้เล่มหนึ่ง เล่มสอง เล่มสาม ก็เลือกเล่มสาม
เพราะไม่รู้ว่าเล่มต่อไปจะมีไหม? เล่มต่อไปจะเหมือนอย่างนี้ไหม?
-ถ้ายังมีราคะอยู่ เล่มต่อไปก็มี..ไม่ควรใจร้อน
เล่มต่อไปจะเหมือนอย่างนี้ไหม
-ในโลกนี้ไม่มีใครนิสัยเหมือนกัน
มีแต่ต่างกันมาก ต่างกันน้อย หรือคล้ายกัน
ควรเลือกคบคนที่นิสัยคล้ายกันกับเรา"
แต่ถ้าหากเราไม่ดี แต่แฟนเป็นคนดี
เราต้องปรับนิสัยไปให้คล้ายแฟน
ถ้าเราไม่ดี แล้วเราก็หาคนที่พื้นนิสัยไม่ดีคล้ายเรา
อย่างนี้ มีแต่ฉุดกันและกันให้ตกต่ำ"
"คนที่ใช่ต้องต้องเจอกันในเวลาที่มีสิทธิ์ เวลาที่ไม่มีสิทธิ์ต่อให้เคยครองคู่กันมา
เป็นล้านชาติ ถ้าชาตินี้เขาพลัดไปมีคู่ซะแล้ว ยังไงก็ไม่ใช่
แต่ถ้าเขาเป็นคู่เก่าคู่บุญบารมีเก่าเรา
เขาหรือเธอคนนั้นจะแยกย้ายกันเอง
โดยที่คุณไม่ได้มีส่วนในการทำให้เขาเลิกกันแม้แต่นิดเลย
บุคคลเป็นมนุษย์เราต้องมีเป้าหมาย ที่จะทำให้ชีวิตจิตใจตนเองเจริญขึ้น
ถึงจะมีตัวล่อมากมาย ที่ล่อให้เราหักเหออกนอกเส้นทางเป้าหมายนั้น
เราต้องคอยเตือนตนเองอยู่เสมอๆ
ว่าอย่าหลงไปกับ" ตัวล่อ" นะ
วันวาเลนไทน์ เห็นข่าวนี้แล้วสลดใจนะ
ฝ่ายชายยิงฝ่ายหญิงตาย แล้วยิงตัวเองอีกทีให้ตายตาม
นี่คงไม่ใช่คู่บุญ แต่เป็นคู่กรรม
ปัญหานี้คงไม่ใช่เพราะวันวาเลนไทน์ วันนี้
แต่เพราะต้นเหตุ ตั้งแต่เริ่มต้นตั้งแต่แรก
ที่ไม่เลือกคนที่นิสัยใจคอคล้ายกัน จึงไม่รู้พื้นนิสัยกัน
ก็เกิดการแตกแยก
# ยิงสนั่นห้างดังเมืองนนท์ วาเลนไทน์เลือดตาย2เจ็บ1
เดลีนีวส์ - 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา
____________
ผู้หญิงหรือผู้ชายที่เข้ามาขณะที่เรายังไม่ได้เลิกกับแฟน ส่วนใหญ่จะเป็นค
ู่กรรมคู่เวรไม่ใช่คู่บุญหรอก
ถ้าเอามาอยู่ด้วยกัน ช่วงต้นจะไม่เห็นอะไรหรอก ต่อเมื่อผูกผันเริ่มจะแกะยาก
จึงจะเริ่มเห็นหลายๆอย่าง ความคิดไม่ตรงกัน ขัดใจกัน ทะเลาะกัน ยังมีใจคิด
จะไปรักไปจีบคนอื่นเผื่อไว้อีกอยู่
ส่วนคู่บุญไม่ใช่อย่างนั้นเลย
คู่บุญนั้นจะมีจิตใจคล้ายๆกัน
ปรับใจเข้าหากันง่าย มีอะไรที่คล้ายๆกัน เช่น สมมุติว่า ไปตลาดด้วยกัน
เดินไปด้วยกันฝ่ายหญิงซื้อของใช้ต่างๆ ตามที่ประสงค์จะซื้อแล้ว
และก่อนกลับซื้อลูกชิ้น 5 ไม้ กะจะกินไปเดินไป
้
ฝ่ายชายก็ซื้อของใช้ตามที่ประสงค์จะมาซื้อแล้ว และซื้อใส้กรอก 10 ไม้
กะว่าจะเอาไปกินที่บ้าน
้
ขณะที่เดินออกมาจากตลาด เจอ(หมาอทาน)ตัวหนึ่งอยู่ข้างทา
งดูท่าคงกำลังหิ้ว น้ำลายไหลเลย เหมือนขออาหารกิน
๑.
ฝ่ายหญิงเห็นปุ๊บก็คิดว่า "น่าสงสาร" ก็แบ่งลูกชิ้นให้หมาไม้หนึ่ง
ฝ่ายชาย เห็นปุ๊บก็คิดว่า"มันหิวควรจะเอาใส้กรอกให้มันสักไม้หนึ่ง"
ทั้งสองคนนี้แวบแรกมีความคิดแบบนี้ โดยไม่ได้กดดันบังคับซึ่งกันและกันเลย
นี่คือ1ตัวอย่าง ของผู้ที่มีความเชื่อคล้ายกัน
ไปกันได้รอด เจอกันอีกในชาติหน้า
๒.
แต่ถ้าฝ่ายหญิงแบ่งเอาให้หมา และฝ่ายชายก็คิดว่า "เอ่อแม้แต่แฟนเ
ราก็เอาให้ ถึงเราก็ควรจะเอาให้มันเหมือนกัน"
อันนี้เรียกว่าศรัทธาไล่เรียงกัน
อยู่ด้วยกันก็รอด ชาติหน้าก็เจอกันอีก
๓.
แต่ถ้าฝ่ายหญิงแบ่งให้หมา
และฝ่ายชายก็คิดว่า"
เอาไปให้มันทำไม เฮ้อ.."
อันนี้เรียกว่า ศรัทธาความเชื่อต่อสิ่งนั้นไม่เสมอกัน
พวกนี้ถึงจะฝืนอยู่ด้วยเพราะเหตุผลบางอย่าง ก็ยากที่จะไปกันรอด
เพราะขนาดแค่นี้ความคิดยังไม่เข้ากันหรือน้อมไปในทางเดียวกันได้ เลย
ต่อไปก็มีแต่จะทะเลาะกันบ้านแตก หย่ากัน ตีกันฆ่ากันตาย
คู่บุญบารมีไม่ใช่แค่ศรัทธาความเชื่อเท่านั้นที่เหมือนกันหรือคล้ายกันเอนไป
ในทางเดียวกัน
แต่ในเรื่องศีลก็มีจิตน้อมไปในทิศทางเดียวกัน หรือคล้ายๆกัน
เช่นไม่ชอบเบียดเบียนใคร
ไม่ชอบพูดโกหกทำร้ายใส่ไฟใคร
ไม่คิดที่จะมั่วเพศเล่นๆ กับใครคนอื่น เหมือนสัตว์เดรัจฉาน พวกหมา พวกแมว
องค์รวมของคู่บุญบารมีเก่า จะมีอยู่๔ ข้อ ๑.ศรัทธา ๒.ศีล
๓.จาคะ ๔ ปัญญา
เรื่องปัญญาก็คล้ายๆกันในการแก้ปัญหาสถานะการณ์ต่างๆในชีวิตต่างลง
กันได้
้
เรื่องบุญจาคะก็มีใจน้อมไปคล้ายๆกัน คือชอบทำบุญ
คู่บุญบารมีเก่าเป็นอย่างนี้
คบกันอยู่ด้วยกันแล้วเจริญยังยืนตั้งแต่ยังไม่แต่งดีตั้งแต่แรกจนวันตาย ไม่มีจน
ไม่มีบ้านแตก ถ้าท้องก็เป็นพวกเทวดานางฟ้ามาเป็นลูก
คู่บุญบารมีเก่านั้นหายากมาก
ส่วนมากที่อยู่กันรอดในปัจจุบันต้องทำแบบข้อ๒
คือปรับความเข้าหากัน
จูนจิตใจเข้าหากัน
เมื่อจูนจิตใจเข้าหากันมันก็ยากที่จะทะเลาะกัน
ผู้หญิงใช้เงินเก่ง แต่ฝ่ายชายชอบประหยัดมันก็อยู่ด้วยกันยาก
อันนี้ผู้หญิงต้องปรับตัว
แต่ถ้าไม่ปรับตัว
ฝ่ายชายเขาหมดความอดทน
ขอเลิก ไม่ไหวสำหรับจะคบกับเธอต่อ
ขอโสดดีกว่า
จนเจอผู้หญิงที่นิสัยคล้ายกันกับตนคือชอบประหยัด มันก็ไปกันได้รอด
คำเสริมบทความ
# ยิ่งมีความตรงกันหลายอย่าง
ยิ่งมีโอกาสไปด้วยกันรอดจนถึงแก
่(หมาอทาน) คือหมาที่ในหลายภพชาติที่เคยได้เกิดเป็นคน
ไม่ทำบุญทำทานเลย)
__________
"คนที่ใช่ต้องต้องเจอกันในเวลาที่มีสิทธิ์? เวลาที่ไม่มีสิทธิ์ต่อให้เคยครองคู่
กันมาเป็นล้านชาติ ถ้าชาตินี้เขาพลัดไปมีคู่ซะแล้ว ยังไงก็ไม่ใช่"
เขาต้องอยู่ในฐานะที่ว่าง(โสด)เท่านั้น นั่นถึงจะมีโอกาสพอเป็นไปได้ว่า
เขาหรือเธอเป็นคู่บุญบารมีเก่าในอดีต
แต่ถ้าเขายังครองคู่ถือแขนเป็นแฟนกันอยู่
แล้วคุณเจอปุ๊บ ! ใจมันรายงานบอกว่า " นั่นแหละใช่ ใช่เนื้อคู่เราใช่แน่ๆ"
ถ้าเชื่อความคิดนั้น.. อะไรจะเกิด?
"ก็ไปแย่งมานะสิ" เป็นการผูกเวรเลย บาปด้วย
แต่ถ้าเขาเป็นคู่เก่าคู่บุญบารมีเก่าเรา
เขาหรือเธอคนนั้นจะแยกย้ายกันเอง
โดยที่คุณไม่ได้มีส่วนในการทำให้เขาเลิกกันแม้แต่นิดเลย
แล้วจะมีเหตุให้คุณได้เกี่ยวข้องกับเขาหรือเธอเอง(กรรมเวี่ยงมาเจอกัน)
แต่การได้เกี่ยวข้องกันนั้น ไม่ใช่หมายถึงว่าเขาจะเป็นคู่เสมอไป
ถ้าเขาเป็นคู่บุญเก่า
ถ้าเจอคู่บารมีเก่าที่เคยอยู่กินกันมาหลายภพชาติ
"เห็นปุ๊บ มีความกำหนัดอยากร่วมเพศ อยากจีบเพื่อเอาให้ได้"
นี่ไม่ใช่แล้ว
จะไม่มีความคิดหรือความรู้สึกแบบนี้วนอยู่แต่ในหัว เป็นไปไม่ได้เลย
ว่านั่นคือคู่บุญบารมีเก่าเรา
# คู่ในสมัยนี้ มีแต่คู่ปรับ
ปรับตัวเขาหากัน เรียกว่าสร้างเส้นทางกรรมดีให้เกี่ยวโยงได้อยู่ด้วยกัน
ได้นานๆ อย่างเช่น เอาใส่ใส่ซึ่งกันและกันดี ไม่นอกใจกัน แอบมีไปกั๊ก
________
ช่วงพรรษาแรก ออกพรรษาใหม่ๆ
ทิสเกมส์ยังบ่สึกเลยตอนนั้น
ทิศเกมส์ : "ถ้าสิสึก กะเข้าไปบอกเพิลเด้อ"
ตอนนั้น อืม.. ?? ลังเล จะเอาไงดี ใจหนึ่งก็อยากสึก
เฮาอยากจะสึก.. สึกออกไปสักสามวันหรือเจ็ดวัน
แล้วหลังจากนั้น ไปบวชวัดป่า..
แต่ไม่กล้าสึกเพราะกลัวจะไม่ได้บวชอีก
แม้สึกปุ๊บ วันต่อมาบวชปั๊บ
เราก็ไม่กล้าเสี่ยง
เราเคยคิดจะสึก แล้วบวชต่อในวันถัดมา ห
เราก็ไม่กล้า เพราะนั่นยังประมาทอยู่
เพราะไม่มีอะไรมารับประกันว่า สึกแล้วจะได้บวชอีก
ไม่มีเลย
แม้จะวางแผนไว้แล้วว่า สึกวันจันทร์ ไปบวชวัดป่าวันอังคารต่อเลย ถ้ามันไม่
เป็นไปตามนั้นละ
ขึ้นชื่อว่ากายหลุดจากผ้าเหลืองแล้ว สมณะสัญญาก็จะคลายหายไป(
ความกำหนดหมายว่าเราเป็นสมณะ)
และสิ่งที่จะมาล่อใจให้ติดไปกับกามคุณ๕ นั้น มันอาจจะมาเป็นแน่ มา
เป็นขบวน
เผลอๆ หญิงเนื้อคู่เก่า อาจมาเจอกันกับเรา
ตาต่อตา จิตต่อจิต มันก็จะไม่ได้ไปแต่งงานกันเหรอ
ดังนั้นจึงไม่กล้าสึกแม้วันเดียว
# พระอรหันต์ทุกๆพระองค์
ล้วนบำเพ็ญเนกขัมมะบารมี มาหลายภพชาติ
ถ้าขาดเนกขัมมะบารมีจะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ไม่ได้เลย
บุคคลที่บวชแล้ว ใจแข็งไม่ยอมสึก
นำกายนำใจไม่ให้ติดในรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัส
ย่อมได้เนกขัมมะบารมี
เมื่อพยายามออกจากกาม ปัญญาย่อมเกิด
ใจย่อมสว่าง
เปรียบเทียบได้เลยว่าสุขจากการที่มีใจสว่าง
มันดีกว่า สุขจากการได้เห็นสิ่งที่ถูกใจ
เช่น เห็นแฟนน่าหล่อ น่าสวย กำลังถือดอกไม้จะนำมาให้
มันดีกว่าสุขจากการมีเสียงอันชอบใจเข้าหู
มันดีกว่าสุขจากการมีกลิ่นหอมๆโชยมาถูกจมูก
มันดีกว่าสุขจากการที่รับประทานอาหารอันมีรสชาติถูกใจพญาลิ้น
แซบเว้อคัก
มันดีกว่าสุขจากการ ได้ถูกต้องสิ่งที่นุ่มนิ่มน่าพอใจ
สุขเช่นนี้ เป็นสุขที่ไม่ควรกลัว
ธรรมใดเป็นไปเพื่อจมไปกับกามคุณ๕
เราอย่าได้ยึดติดธรรมนั้นเลย
เพราะคือเหตุเกิดทุกข์
# สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ยังไม่ชื่อว่าพ้นทุกข์
________
คุ้มแล้วหรือที่ต้องเหนื่อย ให้ชีวิตในเฟซบุ๊กดูดีมีหน้ามีตาขนาดนี้
ตอนนี้คนคงกำลังคิดว่า ตนเองมีตัวตนอยู่อยู่สองแห่ง....
ในเฟซเป็นแห่งที่สอง คือเรานี่เองเป็นผู้อยู่ในเฟส รูปโปรไฟล์หายก็
ร้อนกระวนกระวาย น้ำตาไหลนองหน้า ทั้งที่ร่างกายตัวเองยังดีๆอยู่
เขากดไลค์ให้มากใจก็ฟู เห็นเขาไลค์ให้น้อยก็น้อยใจ(เศร้าหมอง)
และการที่ใจเราจะมีความสุขได้ต้องขึ้นอยู่กับผู้อื่นตลอดเลยหรือ
ทำไมเราต้องเอาความสุขของเราไปฝากไว้ที่คนอื่นด้วย
ต้องรอให้เขาทำดีกับเรา เราถึงจะมีความสุขได้หรอ
เราจะสุข เราจะทุกข์ ต้องให้ขึ้นอยู่กับคนอื่นตลอดเลยหรือ
นี่มันใช่ชีวิตเราไหมเนี๊ย ชักจะงง ??
เราจะออกแบบจิตใจเรา ในฉบับของเรา ไม่ให้ทุกข์ ไปกับสิ่งต่างๆไม่ได้รึ
ทั้งสเตตัสเวลาโพส ไม่ต้องโกหกให้ดูดีไม่ได้หรือ
เราได้อะไรกับมาบ้าง ที่แน่ๆเลยคือเวลาเสียไปแน่อน เสียเวลาแต่งรูป
เสียเวลาพิมพ์ตัวหนังสือ
บางคนในหน้าเฟซของตัวเองดูดี้ดี แต่ที่อยู่ของตนเองหรือห้องลกรังไปหมด
ข้าวของกระจัดกระจ่าย ไม่เก็บ ที่นอนไม่เคยเอามาซักผ้าห่มไม่เ
คยตากเคยซัก
การงานหมกไว้ ถ้วยจานแช่ไว้จนลืมน้ำเน่าก็มี ต้องเสียการงานเ
พราะเฟซบุ๊ก
และต้องพิมพ์ข้อความให้ความหวังคนโดยเฉพาะคนที่น่าตาดี
หรือพิมพ์หลอกโกหกคน(มุสาวาทา)เพืออะไรก็ไม่รู้
ยังจะเป็นวิบากกรรมด้านไม่ดีให้ตนเองอีก ทั้งที่ไม่ได้พูดออกปากมีเสียง
ก็มีวิบากถึง ๘ ข้อ
๑.จะพูดไม่ชัด ๒.ฟันจะไม่เป็นระเบียบ ๓.ปากจะเหม็นมาก ๔.กลิ่นตัวจะเหม็น
๕.ตาจะไม่อยู่ในระดับปกติ ๖.กล่าววาจาด้วยปลายลิ้นและปลายปาก ๗.
ท่าทางไม่สง่าผ่าเผย พูดอย่างหนึ่งคนเข้าใจไปอีกอย่างอื่น ๘.จิตบิดเบี้ยว
ถ้าไม่ให้ผลในชาติปัจจุบัน ก็ให้ผลในชาติหน้า หรือในชาติถัดๆไป
นี้ก็คือหลัการให้ผลของกรรม
และบางคนทำดีไม่ได้ดี ก็หมดศรัทธาความเชื่อเลย บาปคงไม่มีบุญคงไม่มี
เพราะไม่เข้าใจการให้ผลของกรรม จะขอยกเรื่องที่เป็นข่าวในช่วงนี้ขึ้นมา
ดาราชื่อ ปอ ที่เสียชีวิตในโรงพยาบาล
ได้มีชายผุ้หนึ่ง (ขอเรียกนามว่าผู้เห็นก็แล้วกัน)
เขาบอกประมาณว่า ปอเคยเกิดเป็นราชมัลในสมัยอยุธยา ได้ฆ่าคน
โดยทุบกระดูกจนเละ แล้วจับถ่วงน้ำให้ตาย เจ้ากรรมนายเวรท
ี่มาเอาชีวิตก็คือชายในครั้งนั้น
ที่ปอฆ่า
ดู้ถิด ปอ หน้าตาดีขนาดไหน บ่งบอกว่าเป็นบุญจากการเคยรักษา
ศีลมาก่อน ดาราที่สวยๆหล่อๆทุกคนก็เหมือนกัน เพราะเคยเอาบุญจ
ากการรักษาศีลทั้งสิ้น
แต่ถึงกระนั้นบาปเก่าๆก็ยังตามมาให้ผลคร่าชีวิต ปอ ไปได้
ถ้าหากสามารถรู้ล่วงหน้าได้ ก่อนเวลาปอจะตาย 1 ปี
จะแนะนำ ให้เจริญสติภาวนาดูกายดุใจ แบบหลวงพ่อปราโมทย์
แล้วภาวนาไปเรื่อยอธิฐานจิตอุทิศบุญใช้หนีไปด้วย
ยิ่งภาวนาดวงยิ่งออกจากความมืดเปลี่ยนไปทางดีทางสว่าง
เลยเถิดไปกันใหญ่แล้วกลับมาที่เฟซบุ๊กต่อ เวลาโพส
ไม่ควรเป็นโพสที่โกหก ไม่ควรเป้นโพสที่ส่อเสียดผู้อื่นยุให้คนตีกันทะเลาะกัน
ไม่ชอบหน้ากัน ไม่ควรเป้นโพสที่หยาบคาย(คือเหมือนพูดหยาบคาย
กระทบกระเทียบเสียดสีผู้อื่น
และอีกข้อคือ ไม่ควรโพสเรื่องไร้สาระ ข้อนี้เห็นจะทำยากเพราะเคยเป็นโยม
แต่เมื่อรู้วิบากของข้อนี้แล้ว อาจสามารถทำได้
พูดจาไม่มีประโยชนื วิบากคือ ไม่มีผู้เลื่อมใสในคำพูดของตน
ถ้าเราสำรวมวาจา ๔ ข้อนี้
๑.มุสาวาท (โกหก)
๒.ปิสุนาวาส (ยุให้คนแตกกัน)
๓.ผรุสสาวาท (พูดคำหยาบคาย)
๔.สัมผัปปลาปะ (พูดเพ้อเจอ ไร่สาระ)
เราจะมีอำนาจทางปาก คนจะเชื่อคำพูดเรา จะเป็นวาจาที่ศักดิสิทธิ์
กระผมได้ร่วมสร้างโรงพยาบาล กับพ่อแม่ครูบาอาจารย์.
กำลังประมาณ สามพันกว่าบาท
กระผมอธิฐานมีใจความในลักษณะว่า "ขอให้ข้าพระเจ้ามีอายุไขยืนยาว เพื่ออยู่ช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา
กำลังประมาณ สามพันกว่าบาท
กระผมอธิฐานมีใจความในลักษณะว่า "ขอให้ข้าพระเจ้ามีอายุไขยืนยาว เพื่ออยู่ช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 15, 2017 4:33:20pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ิจิตใจเฮา มันคึแปลกแท้น้อ
คล้ายๆว่า มันบออยากสอนผุใด๋แล้ว
มันเมื่อยสอนมาโด้น...กะบอจัก
คึจั่งมันบอแล้ว....ในการสอนธรรมบารมี
คึจังมันทรงอยากวางเฉย...มันเมื่อย...อยากพักผ่อน
ครั้งสุดท้าย..
(ในสติปัฏฐานสี่ กะคือ
1.กายา 2.เวทนา 3.จิตตา 4.ธรรมมา
กายา คือ สิ่งที่ต้องทำให้มากเจริญให้มาก
ืคือการทำตามที่ กายคตาสติสูตรบอกไว้
ไปหาอ่านดูเองกายคตาสติสูตร
ในกายคตาสูตร ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่า มีมรรคคะสัญญา๒ประเภท
(คือมรรคคะสัญญาที่เป็นไปกับนาม๑ และมรรคสัญญาที่เป็นไปกับรูป๑
หรืออย่างที่หลวงตามหาบัวว่า สังขารฝ่ายมรรค กับ สังขารฝ่ายสมุทัย.
แต่อันนี้มุ้งไปที่สังขารฝ่ายมรรค ตามความเห็นของท่าน)
ถ้าเป็นเราๆจะใช้ ศัพท์ทางปริยัติว่า สัญญาฝ่ายมรรค" ดั่งเช่น
สัญญา๑๐ประการ.mp3
รูปสัญญา คือ อานาปานสติ ลงไปจนถึง สัมปะซันยะบรรพะ
นามสัญญาน คือ จตุธาตุววัฏฐาน ลงไปจนถึง อัฏฐิกะสัญญา และสัญญาที่
อยู่นอกพระสูตรนี้อีก อาทิ วรรณะกสิณนิมิต อาทิกรรมฐาน๔๐ ไปดูจะเห็นว่า
มีมรรคสัญญา๒ประเภท คือ นาม กับ รูป )
อาทิ สัญญา๑๐ประการ(เฉพาะส่วนที่เป็นนาม เช่น สัพพะสังขารเรสุ
อนภิรตะสัญญา)
อาทิ สัญญาว่าเป็นดังหัวฝี
อาทิ สัญญาว่าเป็นดั่งลูกศร
อาทิ ฯลฯ โดยอาการสิบหรือสิบสองนี่แหละ
และอาทิ สัญญาเห็นสุขโดยความเป็นทุกข์ เห็นทุกข์โดยความเป็นสิ่งเสียดแ
ทง
และอาทิ สัญญาว่ารูปเป็นของร้อน
เสียงเป็นของร้อน
และ อนิจสัญญา ทุกขะสัญญา อนัตตะสัญญา
ที่พระสารีบุตร พิจารณาเวทนาในตอนที่พัดให้พระพุทธเจ้านั้น นั่นก็
เป็นนามสัญญา
แต่ท่านพิจารณาว่า เวทนาเป็นลูกศรหรือไม่อันนี้ก็ไม่ทราบ
แต่ว่าระดับบำเพ็ญบารมีมาเพื่อเป็นอัครสาวกผู้เรืองทางด้านปัญญา
ท่านคงตัดตรงเลย คือตัดตรงไปที่ อนิจสัญญา ทุกขสัญญา อนัตตะสัญญา
แล้วเกิดภาวะที่ส่งต่อมาจนถึงนิพพิทาจนถึงหลุดพ้นจากการหลงปรุง
แต่งราคะกิเลส โทสะกิเลส โมหะกิเลส กามภพสังโยชน์ รูปภพสังโยชน์
อรูปภพสังโยชน์
ส่วนมากมรรคะสัญญา พระพุทธเจ้าจะชอบตรัสมากกว่า อริยสัจข้ออื่น
มรรคสัญญามันก็คือมรรคสัจนั่นเอง
ถ้าไปอ่านดูในพระสูตรที่ว่าด้วยกับขันธ์๕ หรืออายตนะ๑๒
พระพุทธองค์จะตรัสมรรคสัญญาไว้หลายชนิด
ทั้งนี้เพราะ สัตว์มีสัญญาหนักไปทางต่างๆ ต่างกัน เช่น พระจุลปันถก
ท่านเหมาะหนักไปทางสัญญา รโชหะระนัง ระชังหะระติ
เช่น พระที่เป็นสัทธวิหารของพระสารีบุตร
ที่พระสารีบุตรให้กรรมฐานไม่ถูกจริต แล้วนำไปเข้าเฝ้าพระพุทธ
คล้ายๆว่า มันบออยากสอนผุใด๋แล้ว
มันเมื่อยสอนมาโด้น...กะบอจัก
คึจั่งมันบอแล้ว....ในการสอนธรรมบารมี
คึจังมันทรงอยากวางเฉย...มันเมื่อย...อยากพักผ่อน
ครั้งสุดท้าย..
(ในสติปัฏฐานสี่ กะคือ
1.กายา 2.เวทนา 3.จิตตา 4.ธรรมมา
กายา คือ สิ่งที่ต้องทำให้มากเจริญให้มาก
ืคือการทำตามที่ กายคตาสติสูตรบอกไว้
ไปหาอ่านดูเองกายคตาสติสูตร
ในกายคตาสูตร ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่า มีมรรคคะสัญญา๒ประเภท
(คือมรรคคะสัญญาที่เป็นไปกับนาม๑ และมรรคสัญญาที่เป็นไปกับรูป๑
หรืออย่างที่หลวงตามหาบัวว่า สังขารฝ่ายมรรค กับ สังขารฝ่ายสมุทัย.
แต่อันนี้มุ้งไปที่สังขารฝ่ายมรรค ตามความเห็นของท่าน)
ถ้าเป็นเราๆจะใช้ ศัพท์ทางปริยัติว่า สัญญาฝ่ายมรรค" ดั่งเช่น
สัญญา๑๐ประการ.mp3
รูปสัญญา คือ อานาปานสติ ลงไปจนถึง สัมปะซันยะบรรพะ
นามสัญญาน คือ จตุธาตุววัฏฐาน ลงไปจนถึง อัฏฐิกะสัญญา และสัญญาที่
อยู่นอกพระสูตรนี้อีก อาทิ วรรณะกสิณนิมิต อาทิกรรมฐาน๔๐ ไปดูจะเห็นว่า
มีมรรคสัญญา๒ประเภท คือ นาม กับ รูป )
อาทิ สัญญา๑๐ประการ(เฉพาะส่วนที่เป็นนาม เช่น สัพพะสังขารเรสุ
อนภิรตะสัญญา)
อาทิ สัญญาว่าเป็นดังหัวฝี
อาทิ สัญญาว่าเป็นดั่งลูกศร
อาทิ ฯลฯ โดยอาการสิบหรือสิบสองนี่แหละ
และอาทิ สัญญาเห็นสุขโดยความเป็นทุกข์ เห็นทุกข์โดยความเป็นสิ่งเสียดแ
ทง
และอาทิ สัญญาว่ารูปเป็นของร้อน
เสียงเป็นของร้อน
และ อนิจสัญญา ทุกขะสัญญา อนัตตะสัญญา
ที่พระสารีบุตร พิจารณาเวทนาในตอนที่พัดให้พระพุทธเจ้านั้น นั่นก็
เป็นนามสัญญา
แต่ท่านพิจารณาว่า เวทนาเป็นลูกศรหรือไม่อันนี้ก็ไม่ทราบ
แต่ว่าระดับบำเพ็ญบารมีมาเพื่อเป็นอัครสาวกผู้เรืองทางด้านปัญญา
ท่านคงตัดตรงเลย คือตัดตรงไปที่ อนิจสัญญา ทุกขสัญญา อนัตตะสัญญา
แล้วเกิดภาวะที่ส่งต่อมาจนถึงนิพพิทาจนถึงหลุดพ้นจากการหลงปรุง
แต่งราคะกิเลส โทสะกิเลส โมหะกิเลส กามภพสังโยชน์ รูปภพสังโยชน์
อรูปภพสังโยชน์
ส่วนมากมรรคะสัญญา พระพุทธเจ้าจะชอบตรัสมากกว่า อริยสัจข้ออื่น
มรรคสัญญามันก็คือมรรคสัจนั่นเอง
ถ้าไปอ่านดูในพระสูตรที่ว่าด้วยกับขันธ์๕ หรืออายตนะ๑๒
พระพุทธองค์จะตรัสมรรคสัญญาไว้หลายชนิด
ทั้งนี้เพราะ สัตว์มีสัญญาหนักไปทางต่างๆ ต่างกัน เช่น พระจุลปันถก
ท่านเหมาะหนักไปทางสัญญา รโชหะระนัง ระชังหะระติ
เช่น พระที่เป็นสัทธวิหารของพระสารีบุตร
ที่พระสารีบุตรให้กรรมฐานไม่ถูกจริต แล้วนำไปเข้าเฝ้าพระพุทธ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ความแก่ และความตาย ย่อมครอบงำสิ่งปวง ทั้งรูปธรรมและนามธรรม กล่าวคือ รูปธรรมคือภาวะทางร่างกาย นามธรรมคือภาวะทางจิต
รูปธรรมแก่คือ การเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุด ผิวหนังเปลี่ยนแปลงตลอด ตลอดถึงอวัยะทุกๆส่วน
นามธรรมแก่คือ ความรู้สึกสุข ก็มีการแก่ชราแล้วตายหายไป กลายเป็นความรู้สึกทุกข์แล้วความรู้สึกทุกข์ก็แก่ชราแล้วตายหายไป กลายเป็นความรู้สึกเฉยๆแล้วความรู้สึกเฉยๆก็แก่ชราแล้วตายหายไป กลายเป็นความรู้สึกสุขแล้วก็กลายเป็นความรู้สึกทุกข์แล้วก็กลายเป็นความรู้สึกไม่สุขไม่ทุกข์คือเฉยๆ
เมื่อบุคคลเกิดปัญญารู้ว่า ชีวิตฉบับฆราวาสนั่นวุ่นวาย การประพฤติพรหมจรรประเสริฐกว่า เขาควรขวานขวายในการทำตามมรรคาของพระพุทธะศาสดา ชีวิตของเขาจึงจะไม่เป็นโมฆะในศาสนา
การประพฤติคือ มีสติเห็นร่างกายเดิน มีสติเห็นร่างกายเคลื่อนไหว มีสติเห็นร่างกายกำลังอยู่ในท่านั่ง เป็นต้น
รูปธรรมแก่คือ การเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุด ผิวหนังเปลี่ยนแปลงตลอด ตลอดถึงอวัยะทุกๆส่วน
นามธรรมแก่คือ ความรู้สึกสุข ก็มีการแก่ชราแล้วตายหายไป กลายเป็นความรู้สึกทุกข์แล้วความรู้สึกทุกข์ก็แก่ชราแล้วตายหายไป กลายเป็นความรู้สึกเฉยๆแล้วความรู้สึกเฉยๆก็แก่ชราแล้วตายหายไป กลายเป็นความรู้สึกสุขแล้วก็กลายเป็นความรู้สึกทุกข์แล้วก็กลายเป็นความรู้สึกไม่สุขไม่ทุกข์คือเฉยๆ
เมื่อบุคคลเกิดปัญญารู้ว่า ชีวิตฉบับฆราวาสนั่นวุ่นวาย การประพฤติพรหมจรรประเสริฐกว่า เขาควรขวานขวายในการทำตามมรรคาของพระพุทธะศาสดา ชีวิตของเขาจึงจะไม่เป็นโมฆะในศาสนา
การประพฤติคือ มีสติเห็นร่างกายเดิน มีสติเห็นร่างกายเคลื่อนไหว มีสติเห็นร่างกายกำลังอยู่ในท่านั่ง เป็นต้น
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 16, 2017 1:33:07pm
โยมหลาน คิดถืกต้องแล้ว เมตตา อภัย เป็นคุณสมบัติของบุคคลผู้มีใจงาม..
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 17, 2017 4:24:08am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ สมณะ ในดง
คุณได้แท็ก สมณะ ในดง
ผมอยากเป็นพระอนาคามี..
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ สมณะ ในดง
คุณได้แท็ก สมณะ ในดง
มัจจุราชย่อมมองไม่เห็นบุคคลผู้ไม่ถือมั่นอาการสำคัญมั่นหมาย ทั้งสำคัญว่าเราเป็นอย่างนั้น ทั้งสำคัญว่าเขาเป็นอย่างนั้น อาจารย์ว่าจั่งใด๋ครับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ สมัย เกษมสัตย์
คุณได้แท็ก สมัย เกษมสัตย์
ถ้ามืออื่น อาตมาไปเยี่ยมโยมแม่ใหญ่ผอง...มื้ออื่น .ต้องปฏิบัติต่ออาตมาให้มันถืกต้อง บ่ซั่นบาปกินหัวเด๊ะ ผุใด๋มักเว้ากระทบกระเทียบเสียดแทงใจผุอื่นด้วยความถือว่ากูเป็นอ้ายหมู่ กูเก่ง เป็นต้น ให้เว้าดีๆนำพระเด้อ
(การที่เอาผุนั่นผุนี่มาอ้าง เอาเรื่องแม่ใหญ่ผองมาอ้าง เอาสถานะการณ์จั่งซั่นจั่งซี่มาอ้าง เอาสถานะการว่าแม่ใหญ่ผองป่วยมาอ้าง แล้วเฮ็ดโตเฮ็ดวาจา เว้าแบบคึคนบ่ฮู้จักการกิริยาที่ควรปฏิบัติต่อพระ)
(เป็นสิ่งที่ผิด สิได้สิ่งที่บ่น่าปราถนามาสู่จิตใจ)
อาตมาจิตมันเบาะคึเก่าแล้ว อันนี้กะเตือนไว้ซือๆ บอกเครือญาติที่อยู่แถวนั่นเด้อโยมพ่อใหญ่ไหม
(การที่เอาผุนั่นผุนี่มาอ้าง เอาเรื่องแม่ใหญ่ผองมาอ้าง เอาสถานะการณ์จั่งซั่นจั่งซี่มาอ้าง เอาสถานะการว่าแม่ใหญ่ผองป่วยมาอ้าง แล้วเฮ็ดโตเฮ็ดวาจา เว้าแบบคึคนบ่ฮู้จักการกิริยาที่ควรปฏิบัติต่อพระ)
(เป็นสิ่งที่ผิด สิได้สิ่งที่บ่น่าปราถนามาสู่จิตใจ)
อาตมาจิตมันเบาะคึเก่าแล้ว อันนี้กะเตือนไว้ซือๆ บอกเครือญาติที่อยู่แถวนั่นเด้อโยมพ่อใหญ่ไหม
สำนักสงฆ์ป่าดอนยาง (ในคลิบหมาขาหัก พร้อมธรรมะ) ไผ๋อยากช่วยหมากะเบิ่งเด้อ เบิ่งแล้วเฮ็ดนำ
สำนักสงฆ์ป่าดอนยาง (ในคลิบหมาขาหัก พร้อมธรรมะ) ไผ๋อยากช่วยหมากะเบิ่งเด้อ เบิ่งแล้วเฮ็ดนำ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เขียนบนไทม์ไลน์ของ จันทราพร เกษมสัตย์
เดี่ยวนี้ยุใส่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ชีวิตนี้มีอะไรตั้งเยอะแยะ มีเกิดแก่เจ็บตายไปแล้วตั้งหลายคน
เหลือแต่อาตมาตั๊วบาดหนิสิเฒ่าแก่ตายไปหน้า
เหลือแต่อาตมาตั๊วบาดหนิสิเฒ่าแก่ตายไปหน้า
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เขียนบนไทม์ไลน์ของ Paiboon Duangkaew
เบิดร์แมนบอหนอ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.การเป็นพระนี่ต้องอยากนำปากนำท้อง เทิ่งยามเช้า เทิ่งยามบ่าย
ถ้ามันอยากนำผุอื่นปานนั้น มันกะเป็นตะฟ้าวภาวนาให้ฮ้อดอนาคามี
เร็วๆยุเนาะ
แล้วอธิฐานขอให้ไฟไหมร่างกายให้บ่เหลือซ้ากหยังเลยไปโผ่ยุสุทธา
วาสเสวยฌานแล้วนิพพานคาสุทธาวาส
ถ้ามันอยากนำผุอื่นปานนั้น มันกะเป็นตะฟ้าวภาวนาให้ฮ้อดอนาคามี
เร็วๆยุเนาะ
แล้วอธิฐานขอให้ไฟไหมร่างกายให้บ่เหลือซ้ากหยังเลยไปโผ่ยุสุทธา
วาสเสวยฌานแล้วนิพพานคาสุทธาวาส
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การช่วยคนอื่น
มีช่วยทางกาย คือช่วยทำเหตุให้เขาสุขกาย
มีช่วยทางใจ คือช่วยทำเหตุให้เขาสุขใจ
่ส่วนมากเรามักจะช่วยทำเหตุให้สุขใจ (ในคนที่พอจะช่วยได้ วางเฉยกับคนที่แบบว่าถ้าเข้าไปยุ่งแล้วเขาจะบาปมากกว่าเดิม)
มีช่วยทางกาย คือช่วยทำเหตุให้เขาสุขกาย
มีช่วยทางใจ คือช่วยทำเหตุให้เขาสุขใจ
่ส่วนมากเรามักจะช่วยทำเหตุให้สุขใจ (ในคนที่พอจะช่วยได้ วางเฉยกับคนที่แบบว่าถ้าเข้าไปยุ่งแล้วเขาจะบาปมากกว่าเดิม)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระอริยะอยู่ที่ใด
พระอริยะจะเป็นบุคคลที่มีทั้งคุณทั้งโทษต่อผู้กระทำกรรมกับท่าน
ถ้าทำกายกรรมดีด้วย วจีกรรมดีด้วย มโนกรรมดีด้วย ต่อท่าน อันนี้เรียกว่ามีคุณ
แต่
ถ้าทำกายกรรมไม่ดี วจีกรรมไม่ดี มโนกรรมไม่ดี
ต่อท่านอันนี้เรียกว่ามีโทษ
พระอริยะจะเป็นบุคคลที่มีทั้งคุณทั้งโทษต่อผู้กระทำกรรมกับท่าน
ถ้าทำกายกรรมดีด้วย วจีกรรมดีด้วย มโนกรรมดีด้วย ต่อท่าน อันนี้เรียกว่ามีคุณ
แต่
ถ้าทำกายกรรมไม่ดี วจีกรรมไม่ดี มโนกรรมไม่ดี
ต่อท่านอันนี้เรียกว่ามีโทษ
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 18, 2017 9:53:34pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
มิจฉาสังกับโป เป็นเหตุให้ทุกข์ใจ
สัมมาสังกับโป เป็นเหตุให้สุขใจ
สัมมาสังกับโป เป็นเหตุให้สุขใจ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สมัยอดีตที่ล่วงไปแล้ว...
แปรปรวนไปแล้ว ดับไปแล้ว
คราวนั้นครูบาเอ เข้าไปฉันจังหันในบ้าน(งานอุทิศบุญให้ดวงวิญญาณยุป่าเจ็ก)
ครูบาเอได้ถวายบริขารเป็นจำนวนมากให้แก่พระภิกษุองค์หนึ่ง
พร้อมทั้งกล่าวคำอธิฐานที่สุดยอดเลย
ยังบ่พอ ตอนแลงกะยังมีแถมอีก
#ซำนี้กะบอเสียชาติเกิดแล้วทิสเอ
แปรปรวนไปแล้ว ดับไปแล้ว
คราวนั้นครูบาเอ เข้าไปฉันจังหันในบ้าน(งานอุทิศบุญให้ดวงวิญญาณยุป่าเจ็ก)
ครูบาเอได้ถวายบริขารเป็นจำนวนมากให้แก่พระภิกษุองค์หนึ่ง
พร้อมทั้งกล่าวคำอธิฐานที่สุดยอดเลย
ยังบ่พอ ตอนแลงกะยังมีแถมอีก
#ซำนี้กะบอเสียชาติเกิดแล้วทิสเอ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Naree Maneenat
คุณได้แท็ก Naree Maneenat
ขับรถประมาทแท้ ปล่อยมือ บ่เหยี่ยวเบิ่งถนน แต่มาเหยี่ยวเบิ่งพระ และนมัสการพระ.. __/\__
________
ฮู้บอตายในขณะนั่นไปเกิดใส..
________
ฮู้บอตายในขณะนั่นไปเกิดใส..
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.19 พ.ย. 2017
คำสอนครูบาอาจารย์องค์หนึ่ง
"ท่านวาพระพุทธเจ้าเพิลไปนำแก้บอ คนที่เข้าใจเพิลผิด คนที่คิดบ่ดี"ท่านวาพระพุทธเจ้าเพิลไปนำแก้บอ คนที่เข้าใจเพิลผิด คนที่คิดบ่ดีกับเพิล"
# มักหลาย ช่วงประโยคข้างบนนี้
# ครั้งสุดท้าย #
ถ้าไม่มีเจโตปริญญาณ (ญาณรอบรู้จิตผู้อื่น)
ควรหละติสิไปวา ผุนั่นผุนี้ป้วง ผุ่นั่นผุนี่เป็นบ้าเป็นบอ
ความเป็นไปทางกายของแต่ละคนมันย่อมแตกต่างกัน น้ำเสียงกะยังต่างกัน
ความถนัดกะยังต่างกัน การเลือกเส้นทางกะยังต่างกัน กะย้อนจิตถืกอบร
มมาบ่คือกัน
พวกใด๋ชาติก่อนมันเคยค้าขาย แมนมาชาตินี้ใจมันกะน้อมอยากค้าขาย
พวกใด๋ชาติก่อนมันเคยมักใส่บาต แมนมาชาตินี้มันกะอยากหาแนวทาน
พวกใด๋ขี้ถี่ในชาติก่อน แมนมาชาตินี้มันกะบ่อยากทำทาน
บ่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่นที่เป็นความเคยชินของจิตเก่า(อนุสัย และ นิสัย)
: อนุสัยคือความเคยชินที่ไม่ดีของจิต คือชอบคิดให้จิตใจตนเองเศร้าหมอง
: นิสัยคือความเคยชินที่ดีของจิต
ถ้าชาติก่อนมันมักทางสวยทางงาม แมนมาชาตินี้มันกะมักสวยมักงาม
กะจั่งวะพระพุทธองค์ให้เอาอสุภกรรมฐานไปแก้จิตเป็นส่วนหลาย
ถ้าชาติก่อนมันมักทางโกธรทางเกลียดทางซัง
แมนมาชาตินี้มันกะมักโกธรมักเกลียดมักซัง
กะจังวะพระพุทธองค์ ให้เอาเมตตากรรมฐานไปแก้จิตเป็นส่วนหลาย
ถ้ามักประมาทเพลิดเพลินกับโลกคัก
กะใช้มรณานุสติกรรมฐาน เข้าไปฆ่านันทิ
ถ้าอยากมีเจโตปริญญาณ กะบำเพ็ญทิพย์จักขุญาญสะก่อน
อาโลกสัญญาเป็นเหตุให้เกิดทิพย์จักษุญาณ
# เฮาหละงึด ถ้าคนบ่มีญาณฮู้จิตผุอื่น ไปวาผุนั่นเป็นบ้า
ตะขนาดขอทานบางคนทำทรงคึคนบ้า แต่ที่จริงแล้วเป็นตำรวจกะยังมี
แล้วพระที่นิสัยแปลกๆบ่คึหมู่กะสิหาว่าเป็นบ้าซั่นติ
1 เฮามักยุคนเดียว บ่มักวุ่นวายกับไผ๋
2 เฮาบ่ค่อยติดในบุคคลใด๋
ช่วง3ปีที่ต้องเฮ็ดงานเอกสารยุวัด (เฮาบ่มักเลย แต่ทนเฮ็ด)
นาย ก : บักบ้ามึงมาหาขอทานยุนี้เฮ็ดหยัง
นาย ข : ผมเป็นตำรวจผมไม่ได้บ้า
นาย ก : กูบ่เชื่อมึงดอก
นาย ข : บ่เชื่อกะแล้วแต่ วิบากกรรมไผ๋วิบากกรรมมันรับผิดชอบแทนกันบ่ได้
นาย ก : ผมเชื่อแล้วว่าท่านเป็นตำรวจไม่ได้บ้า แล้วมีวิธีแก้เค
ล็ดไหมที่ผมผมหาว่าท่านบ้า
นาย ข : ผมเป็นตำรวจ ไม่ใช่พระจะรู้มาแต่ที่ไหน
# อาตมารู้วิธีแก้ คือ
คำสอนครูบาอาจารย์องค์หนึ่ง
"ท่านวาพระพุทธเจ้าเพิลไปนำแก้บอ คนที่เข้าใจเพิลผิด คนที่คิดบ่ดี"ท่านวาพระพุทธเจ้าเพิลไปนำแก้บอ คนที่เข้าใจเพิลผิด คนที่คิดบ่ดีกับเพิล"
# มักหลาย ช่วงประโยคข้างบนนี้
# ครั้งสุดท้าย #
ถ้าไม่มีเจโตปริญญาณ (ญาณรอบรู้จิตผู้อื่น)
ควรหละติสิไปวา ผุนั่นผุนี้ป้วง ผุ่นั่นผุนี่เป็นบ้าเป็นบอ
ความเป็นไปทางกายของแต่ละคนมันย่อมแตกต่างกัน น้ำเสียงกะยังต่างกัน
ความถนัดกะยังต่างกัน การเลือกเส้นทางกะยังต่างกัน กะย้อนจิตถืกอบร
มมาบ่คือกัน
พวกใด๋ชาติก่อนมันเคยค้าขาย แมนมาชาตินี้ใจมันกะน้อมอยากค้าขาย
พวกใด๋ชาติก่อนมันเคยมักใส่บาต แมนมาชาตินี้มันกะอยากหาแนวทาน
พวกใด๋ขี้ถี่ในชาติก่อน แมนมาชาตินี้มันกะบ่อยากทำทาน
บ่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่นที่เป็นความเคยชินของจิตเก่า(อนุสัย และ นิสัย)
: อนุสัยคือความเคยชินที่ไม่ดีของจิต คือชอบคิดให้จิตใจตนเองเศร้าหมอง
: นิสัยคือความเคยชินที่ดีของจิต
ถ้าชาติก่อนมันมักทางสวยทางงาม แมนมาชาตินี้มันกะมักสวยมักงาม
กะจั่งวะพระพุทธองค์ให้เอาอสุภกรรมฐานไปแก้จิตเป็นส่วนหลาย
ถ้าชาติก่อนมันมักทางโกธรทางเกลียดทางซัง
แมนมาชาตินี้มันกะมักโกธรมักเกลียดมักซัง
กะจังวะพระพุทธองค์ ให้เอาเมตตากรรมฐานไปแก้จิตเป็นส่วนหลาย
ถ้ามักประมาทเพลิดเพลินกับโลกคัก
กะใช้มรณานุสติกรรมฐาน เข้าไปฆ่านันทิ
ถ้าอยากมีเจโตปริญญาณ กะบำเพ็ญทิพย์จักขุญาญสะก่อน
อาโลกสัญญาเป็นเหตุให้เกิดทิพย์จักษุญาณ
# เฮาหละงึด ถ้าคนบ่มีญาณฮู้จิตผุอื่น ไปวาผุนั่นเป็นบ้า
ตะขนาดขอทานบางคนทำทรงคึคนบ้า แต่ที่จริงแล้วเป็นตำรวจกะยังมี
แล้วพระที่นิสัยแปลกๆบ่คึหมู่กะสิหาว่าเป็นบ้าซั่นติ
1 เฮามักยุคนเดียว บ่มักวุ่นวายกับไผ๋
2 เฮาบ่ค่อยติดในบุคคลใด๋
ช่วง3ปีที่ต้องเฮ็ดงานเอกสารยุวัด (เฮาบ่มักเลย แต่ทนเฮ็ด)
นาย ก : บักบ้ามึงมาหาขอทานยุนี้เฮ็ดหยัง
นาย ข : ผมเป็นตำรวจผมไม่ได้บ้า
นาย ก : กูบ่เชื่อมึงดอก
นาย ข : บ่เชื่อกะแล้วแต่ วิบากกรรมไผ๋วิบากกรรมมันรับผิดชอบแทนกันบ่ได้
นาย ก : ผมเชื่อแล้วว่าท่านเป็นตำรวจไม่ได้บ้า แล้วมีวิธีแก้เค
ล็ดไหมที่ผมผมหาว่าท่านบ้า
นาย ข : ผมเป็นตำรวจ ไม่ใช่พระจะรู้มาแต่ที่ไหน
# อาตมารู้วิธีแก้ คือ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.เฮาจะเดินทางไประยอง.... เพราะสาเหตุคือ
____
เฮาเชื่อวา พระอาจารย์ อนันต์ อกิณจโณ เจ้าอาวาสวัดหมาบจันทร์ ซึ่ง
เป็นวัดสาขาหนองป่าพง
(และเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดระยอง แห่งที่๒) อ.เมือง จ.ระยอง
เพิลเป็นพระอรหันต์ พร้อมอภิญญาบ้างข้อ
ดังนี้คือ
ทิพย์จักษุ(ตาทิพย์)อันเป็นอภิญญาข้อที่...
ทิพย์โสตะ(หูทิพย์)อันเป็นอภิญญาข้อที่...
เจโตปริญญาณ(ฮู้จิตใจผุอื่นได้ว่าเป็นอย่างไร)อันเป็นอภิญญาข้อที่...
อนาคตังสญาณ(ฮู้เหตุการณ์ในอนาคต)อันเป็นอภิญญาข้อที่...
อดีตังสญาณ(ฮู้เหตุการณ์ในอดีตของคนอื่น)อันเป็นอภิญญาข้อที่
อาเทศะนาปาฏิหารย์ (ฮู้ความคิดผุอื่น)
# คนบ้าสิใด๋อยากไปแนวนี่
# มันคนบ่บ้าคักๆตั๊วอยากไปแนวน
____
เฮาเชื่อวา พระอาจารย์ อนันต์ อกิณจโณ เจ้าอาวาสวัดหมาบจันทร์ ซึ่ง
เป็นวัดสาขาหนองป่าพง
(และเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดระยอง แห่งที่๒) อ.เมือง จ.ระยอง
เพิลเป็นพระอรหันต์ พร้อมอภิญญาบ้างข้อ
ดังนี้คือ
ทิพย์จักษุ(ตาทิพย์)อันเป็นอภิญญาข้อที่...
ทิพย์โสตะ(หูทิพย์)อันเป็นอภิญญาข้อที่...
เจโตปริญญาณ(ฮู้จิตใจผุอื่นได้ว่าเป็นอย่างไร)อันเป็นอภิญญาข้อที่...
อนาคตังสญาณ(ฮู้เหตุการณ์ในอนาคต)อันเป็นอภิญญาข้อที่...
อดีตังสญาณ(ฮู้เหตุการณ์ในอดีตของคนอื่น)อันเป็นอภิญญาข้อที่
อาเทศะนาปาฏิหารย์ (ฮู้ความคิดผุอื่น)
# คนบ้าสิใด๋อยากไปแนวนี่
# มันคนบ่บ้าคักๆตั๊วอยากไปแนวน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เฮามันอยู่บ่ได้เอง...
กะย้อนใจนี่หละมันอยู่บ่ได้
คึจั่งยุในกุฏี มีไผ๋บอที่สามารถสิอยู่แต่ในกุฏีได้
กะย้อนใจนี่หละมันอยู่บ่ได้
คึจั่งยุในกุฏี มีไผ๋บอที่สามารถสิอยู่แต่ในกุฏีได้
มื้อนี้ไปศูนย์ภาคสิบ(บ่แมนไปตรวจข้อสอบเด้อ)
โอ้ย..จั่งแมนหลายคักวัตถุมงคล (พวกพ่อค้าแม่ค้าจักมาแต่จังหวัดใด๋แน)
พระพุทธเมตตามาใหม่
และหลวงปู่ทวด และพระแก้วมรกต พระพุทธชินราช เป็นตะเอามาปลุกเสกยุ
มื้อนี้ไปศูนย์ภาคสิบ(บ่แมนไปตรวจข้อสอบเด้อ)
โอ้ย..จั่งแมนหลายคักวัตถุมงคล (พวกพ่อค้าแม่ค้าจักมาแต่จังหวัดใด๋แน)
พระพุทธเมตตามาใหม่
และหลวงปู่ทวด และพระแก้วมรกต พระพุทธชินราช เป็นตะเอามาปลุกเสกยุ
โอ้ย..จั่งแมนหลายคักวัตถุมงคล (พวกพ่อค้าแม่ค้าจักมาแต่จังหวัดใด๋แน)
พระพุทธเมตตามาใหม่
และหลวงปู่ทวด และพระแก้วมรกต พระพุทธชินราช เป็นตะเอามาปลุกเสกยุ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
จั่งแมนหลายคัก หลายแน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ความรู้สึกของการถืกเว้าพื้นมันเป็นจั่งใด๋กะคึสิฮู้หละเนาะบาดหนิ
ชั่วมันกะเรื่องของเขา ดีมันกะเรื่องของเขา
เขาเฮ็ดดีเขาก็จักได้ดี
เขาเฮ็ดชั่วเขาก็จักได้ชั่ว
บาดนี้อย่าไปเว้าพื้นผุอื่น
เฮาเว้าพื้นผุอื่น มันกะสิมีผุเว้าพื้นเฮาคืน
เฮาตั๋วผุอื่น มันกะสิมีผุตั๋วเฮาคืน
ชั่วมันกะเรื่องของเขา ดีมันกะเรื่องของเขา
เขาเฮ็ดดีเขาก็จักได้ดี
เขาเฮ็ดชั่วเขาก็จักได้ชั่ว
บาดนี้อย่าไปเว้าพื้นผุอื่น
เฮาเว้าพื้นผุอื่น มันกะสิมีผุเว้าพื้นเฮาคืน
เฮาตั๋วผุอื่น มันกะสิมีผุตั๋วเฮาคืน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ความคิดเฮา เป็นหยังการเฮ็ดสังฆทานคึบอมีผ้าจักไตรหนึ่ง
กับข้าวเฮาคิดว่าได้แค่อิ่ม
ผ้าไตรเฮาคิดว่าสามารถปลี่ยนกายผีเป็นกายเทพ
(เฉพาะปรทัตตูปชีวีเปตร เปตรจำพวกที่สามารถรับผลทักขิไณยจากญาติทางสายโลหิตที่อยู่ทางโลกมนุษย์ได้)
กับข้าวเฮาคิดว่าได้แค่อิ่ม
ผ้าไตรเฮาคิดว่าสามารถปลี่ยนกายผีเป็นกายเทพ
(เฉพาะปรทัตตูปชีวีเปตร เปตรจำพวกที่สามารถรับผลทักขิไณยจากญาติทางสายโลหิตที่อยู่ทางโลกมนุษย์ได้)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สิเฮ็ดสมาบัติแปด มันสมควรบอสิอยู่ในสถานที่ ท่ามกลางความมีเสียงอึกกะทึกอื้ออึ่ง
"แต่ปฐมฌาน พระพุทธเจ้ากะว่า เสียงเป็นปฏิปัก"
"แต่ปฐมฌาน พระพุทธเจ้ากะว่า เสียงเป็นปฏิปัก"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไม่เป็นตามสัญญาอะไร
และไม่มีสัญญาอะไรให้เป็น
ไม่เป็นตามการกำหนดหมายใดๆ
และไม่มีการกำหนดหมายใดๆให้เป็น
และไม่มีสัญญาอะไรให้เป็น
ไม่เป็นตามการกำหนดหมายใดๆ
และไม่มีการกำหนดหมายใดๆให้เป็น
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 21, 2017 4:10:59pm
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 21, 2017 5:43:21pm
สมัยบวชพรรษาแรก(เรายังติดกล้อง) จึงได้ถ่ายบันทึกไว้ นึกย้อนหลังไปหาอดีตแล้ว มันแว็บเดียวเท่านั้น (ทั่งนี้เพราะนึกปุ๊บเจอปั๊บจึงว่าเร็ว)
สมัยบวชพรรษาแรก(เรายังติดกล้อง) จึงได้ถ่ายบันทึกไว้ นึกย้อนหลังไปหาอดีตแล้ว มันแว็บเดียวเท่านั้น (ทั่งนี้เพราะนึกปุ๊บเจอปั๊บจึงว่าเร็ว)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.สัจจะธรรม อันเป็นสภาวะปรมัตถ์ ปัญจขันธา มีอยู่แบบแบบอนิจจัง
ตัวการสำคัญคือ สังขารขันธ์
สังขารขันธ์ ปรุงแต่งให้สำเร็จออกมาเป็นรูปขันธ์ อานาปา
สังขารขันธ์ ปรุงแต่งให้สำเร็จออกมาเป็นเวทนาในจิตตา
สังขารขันธ์ ปรุงแต่งให้สำเร็จออกมาเป็นสัญญ๖ และมรรคสัญญา
สังขารขันธ์ ปรุงแต่งให้สำเร็จออกมาเป็นเจตนา๖
สังขารขันธ์ ปรุงแต่งให้สำเร็จออกมาเป็นวิญญาณ๖
ตัวการสำคัญคือ สังขารขันธ์
สังขารขันธ์ ปรุงแต่งให้สำเร็จออกมาเป็นรูปขันธ์ อานาปา
สังขารขันธ์ ปรุงแต่งให้สำเร็จออกมาเป็นเวทนาในจิตตา
สังขารขันธ์ ปรุงแต่งให้สำเร็จออกมาเป็นสัญญ๖ และมรรคสัญญา
สังขารขันธ์ ปรุงแต่งให้สำเร็จออกมาเป็นเจตนา๖
สังขารขันธ์ ปรุงแต่งให้สำเร็จออกมาเป็นวิญญาณ๖
มนุษย์ชมพูทวีปในยุคสมัยที่ต่างกันจะมีร่างกายสูงต่ำต่างกันด้วย ขึ้นอยู่กับอายุขัยของมนุษย์ในยุคนั้น อายุมากร่างกายสูงใหญ่ อายุน้อยร่างกายเตี้ยเล็ก ดูได้จากขนาดพระวรกายของพระพุทธเจ้าที่อุบัติในยุคสมัยต่างๆ คือ
พระทีปังกร อายุขัยแสนปี สูง ๘๐ ศอก
พระโกณฑัญญะ อายุขัยแสนปี สูง ๘๘ ศอก
พระมังคละ อายุขัยเก้าหมื่น สูง ๘๘ ศอก
พระสุมนะ อายุขัยเก้าหมื่น สูง ๙๐ ศอก
พระเรวตะ อายุขัยหกหมื่น สูง ๘๐ ศอก
พระโสภิตะ อายุขัยเก้าหมื่น สูง ๕๘ ศอก
พระอโนมทัสสี อายุขัยแสนปี สูง ๕๘ ศอก
พระปทุมะ อายุขัยแสนปี สูง ๕๘ ศอก
พระนารทะ อายุขัยเก้าหมื่นปี สูง ๘๘ ศอก
พระปทุมุตระ อายุขัยแสนปี สูง ๕๘ ศอก
พระสุเมธะ อายุขัยเก้าหมื่นปี สูง ๘๘ ศอก
พระสุชาตะ อายุขัยเก้าหมื่นปี สูง ๕๐ ศอก
พระปิยทัสสี อายุขัยเก้าหมื่นปี สูง ๘๐ ศอก
พระอัตถะทัสสี อายุขัยแสนปี สูง ๘๐ ศอก
พระธรรมทัสสี อายุขัยแสนปี สูง ๘๐ ศอก
พระสิทธัตถะ อายุขัยแสนปี สูง ๖๐ ศอก
พระติสสะ อายุขัยแสนปี สูง ๖๐ ศอก
พระปุสสะ อายุขัยเก้าหมื่นปี สูง ๕๘ ศอก
พระวิปัสสี อายุขัยแปดหมื่นปี สูง ๘๐ ศอก
พระสิขี อายุขัยเจ็ดหมื่นปี สูง ๗๐ ศอก
พระเวสภู อายุขัยหกหมื่นปี สูง ๖๐ ศอก
พระกกุสันธะ อายุขัยสี่หมื่นปี สูง ๔๐ ศอก
พระโกนาคมนะ อายุขัยสามหมื่นปี สูง ๓๐ ศอก
พระกัสสปะ สองหมื่นปี สูง ๒๐ ศอก
และพระพุทธโคดมยุคปัจจุบัน อายุแปดสิบปี สูง ๔ ศอก
(อายุมนุษย์ยุคนี้มันน้อย น้อยก็ยังพากันขี้เกลียดทำสมาธิ และพิจารณาขันธ์๕ลงสู่ อนิจจัง สมาธินั่นแหละคือศีล)
คนทั้งหลายที่ไม่ใช่พระโสดาบันจะรอดจากอบายภูมิได้ด้วยวิธีไหน ถ้าไม่ใช่สมถะและวิปัสนา
https://sites.google.com/site/beammiethitiporn/x-nawa-di/khnad-rangkay-khxng-mnusy-chmphu-thwip?mobile=true
มนุษย์ชมพูทวีปในยุคสมัยที่ต่างกันจะมีร่างกายสูงต่ำต่างกันด้วย ขึ้นอยู่กับอายุขัยของมนุษย์ในยุคนั้น อายุมากร่างกายสูงใหญ่ อายุน้อยร่างกายเตี้ยเล็ก ดูได้จากขนาดพระวรกายของพระพุทธเจ้าที่อุบัติในยุคสมัยต่างๆ คือ
พระทีปังกร อายุขัยแสนปี สูง ๘๐ ศอก
พระโกณฑัญญะ อายุขัยแสนปี สูง ๘๘ ศอก
พระมังคละ อายุขัยเก้าหมื่น สูง ๘๘ ศอก
พระสุมนะ อายุขัยเก้าหมื่น สูง ๙๐ ศอก
พระเรวตะ อายุขัยหกหมื่น สูง ๘๐ ศอก
พระโสภิตะ อายุขัยเก้าหมื่น สูง ๕๘ ศอก
พระอโนมทัสสี อายุขัยแสนปี สูง ๕๘ ศอก
พระปทุมะ อายุขัยแสนปี สูง ๕๘ ศอก
พระนารทะ อายุขัยเก้าหมื่นปี สูง ๘๘ ศอก
พระปทุมุตระ อายุขัยแสนปี สูง ๕๘ ศอก
พระสุเมธะ อายุขัยเก้าหมื่นปี สูง ๘๘ ศอก
พระสุชาตะ อายุขัยเก้าหมื่นปี สูง ๕๐ ศอก
พระปิยทัสสี อายุขัยเก้าหมื่นปี สูง ๘๐ ศอก
พระอัตถะทัสสี อายุขัยแสนปี สูง ๘๐ ศอก
พระธรรมทัสสี อายุขัยแสนปี สูง ๘๐ ศอก
พระสิทธัตถะ อายุขัยแสนปี สูง ๖๐ ศอก
พระติสสะ อายุขัยแสนปี สูง ๖๐ ศอก
พระปุสสะ อายุขัยเก้าหมื่นปี สูง ๕๘ ศอก
พระวิปัสสี อายุขัยแปดหมื่นปี สูง ๘๐ ศอก
พระสิขี อายุขัยเจ็ดหมื่นปี สูง ๗๐ ศอก
พระเวสภู อายุขัยหกหมื่นปี สูง ๖๐ ศอก
พระกกุสันธะ อายุขัยสี่หมื่นปี สูง ๔๐ ศอก
พระโกนาคมนะ อายุขัยสามหมื่นปี สูง ๓๐ ศอก
พระกัสสปะ สองหมื่นปี สูง ๒๐ ศอก
และพระพุทธโคดมยุคปัจจุบัน อายุแปดสิบปี สูง ๔ ศอก
(อายุมนุษย์ยุคนี้มันน้อย น้อยก็ยังพากันขี้เกลียดทำสมาธิ และพิจารณาขันธ์๕ลงสู่ อนิจจัง สมาธินั่นแหละคือศีล)
คนทั้งหลายที่ไม่ใช่พระโสดาบันจะรอดจากอบายภูมิได้ด้วยวิธีไหน ถ้าไม่ใช่สมถะและวิปัสนา
https://sites.google.com/site/beammiethitiporn/x-nawa-di/khnad-rangkay-khxng-mnusy-chmphu-thwip?mobile=true
พระทีปังกร อายุขัยแสนปี สูง ๘๐ ศอก
พระโกณฑัญญะ อายุขัยแสนปี สูง ๘๘ ศอก
พระมังคละ อายุขัยเก้าหมื่น สูง ๘๘ ศอก
พระสุมนะ อายุขัยเก้าหมื่น สูง ๙๐ ศอก
พระเรวตะ อายุขัยหกหมื่น สูง ๘๐ ศอก
พระโสภิตะ อายุขัยเก้าหมื่น สูง ๕๘ ศอก
พระอโนมทัสสี อายุขัยแสนปี สูง ๕๘ ศอก
พระปทุมะ อายุขัยแสนปี สูง ๕๘ ศอก
พระนารทะ อายุขัยเก้าหมื่นปี สูง ๘๘ ศอก
พระปทุมุตระ อายุขัยแสนปี สูง ๕๘ ศอก
พระสุเมธะ อายุขัยเก้าหมื่นปี สูง ๘๘ ศอก
พระสุชาตะ อายุขัยเก้าหมื่นปี สูง ๕๐ ศอก
พระปิยทัสสี อายุขัยเก้าหมื่นปี สูง ๘๐ ศอก
พระอัตถะทัสสี อายุขัยแสนปี สูง ๘๐ ศอก
พระธรรมทัสสี อายุขัยแสนปี สูง ๘๐ ศอก
พระสิทธัตถะ อายุขัยแสนปี สูง ๖๐ ศอก
พระติสสะ อายุขัยแสนปี สูง ๖๐ ศอก
พระปุสสะ อายุขัยเก้าหมื่นปี สูง ๕๘ ศอก
พระวิปัสสี อายุขัยแปดหมื่นปี สูง ๘๐ ศอก
พระสิขี อายุขัยเจ็ดหมื่นปี สูง ๗๐ ศอก
พระเวสภู อายุขัยหกหมื่นปี สูง ๖๐ ศอก
พระกกุสันธะ อายุขัยสี่หมื่นปี สูง ๔๐ ศอก
พระโกนาคมนะ อายุขัยสามหมื่นปี สูง ๓๐ ศอก
พระกัสสปะ สองหมื่นปี สูง ๒๐ ศอก
และพระพุทธโคดมยุคปัจจุบัน อายุแปดสิบปี สูง ๔ ศอก
(อายุมนุษย์ยุคนี้มันน้อย น้อยก็ยังพากันขี้เกลียดทำสมาธิ และพิจารณาขันธ์๕ลงสู่ อนิจจัง สมาธินั่นแหละคือศีล)
คนทั้งหลายที่ไม่ใช่พระโสดาบันจะรอดจากอบายภูมิได้ด้วยวิธีไหน ถ้าไม่ใช่สมถะและวิปัสนา
https://sites.google.com/site/beammiethitiporn/x-nawa-di/khnad-rangkay-khxng-mnusy-chmphu-thwip?mobile=true
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 22, 2017 9:01:10am
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 22, 2017 9:02:26am
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 22, 2017 9:02:27am
สมถะก็คือสงบ สงบก็คือสมาธิ สมาธิก็คือจิตที่ไม่มีอกุศล จิตที่ไม่มีอกุศลก็คือไม่มีนิวรณ์
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 22, 2017 9:03:20am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไปเที่ยวนี้ถ้าไม่ได้ อนาคาขึ้นไป จะไม่กลับมาง่ายๆ
พระที่อยากเป็นอริยะบุคคล ควรส่งเสริม ไม่ใช่ขวางกั้น
พระที่อยากเป็นอริยะบุคคล ควรส่งเสริม ไม่ใช่ขวางกั้น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.วิสัยของผู้ได้อภิญญา คนภายนอกบ่เข้าใจดอก ว่าเป็นหยังเพิลคึเฮ็ดจั่งซั่น
จั่งซี่ ตะกี้เฮาแฮงคิดไปทัวไปทีบกับปู่หนู (ตะสิโตนเจ้าของคึกันตอนนั้น)
แต่ว่าผลของการคิดเช่นนั้นมันบ่แมนอนันตริยะกรรม แต่ถ้าเป็นอนันต
ริยะกรรมบ่รอด ปฏิสนธิวิณญาณดวงใหม่ไปโผ่อยู่นรกแน่นอน
ถ้าหากว่าตรวจสอบตนเองว่า กูไม่ได้ทำอนันตริยะกรรม กะอย่าพึ่งคิดว่า
กุสิตกนรก
มันยังมีวิธีแก้อยู่ มันเป็นวิธีที่พระพุทธเจ้าบอกพระโกกาลิกะ พระโกกาลิกะมีจิ
ตอาฆาตไม่ชอบในพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ
พระพุทธเจ้ารู้จึงตรัสบอกพระโกกาลิกะว่า .โกกาลิกะเธอจงทำจิตให้เลื่อมใส
่ในสารีบุตรและโมคคัลลานะเถิด มันก็แค่นี้ มันก็คือสัมมาสังกับโป
ในองค์มรรคข้อที่สอง
จั่งซี่ ตะกี้เฮาแฮงคิดไปทัวไปทีบกับปู่หนู (ตะสิโตนเจ้าของคึกันตอนนั้น)
แต่ว่าผลของการคิดเช่นนั้นมันบ่แมนอนันตริยะกรรม แต่ถ้าเป็นอนันต
ริยะกรรมบ่รอด ปฏิสนธิวิณญาณดวงใหม่ไปโผ่อยู่นรกแน่นอน
ถ้าหากว่าตรวจสอบตนเองว่า กูไม่ได้ทำอนันตริยะกรรม กะอย่าพึ่งคิดว่า
กุสิตกนรก
มันยังมีวิธีแก้อยู่ มันเป็นวิธีที่พระพุทธเจ้าบอกพระโกกาลิกะ พระโกกาลิกะมีจิ
ตอาฆาตไม่ชอบในพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ
พระพุทธเจ้ารู้จึงตรัสบอกพระโกกาลิกะว่า .โกกาลิกะเธอจงทำจิตให้เลื่อมใส
่ในสารีบุตรและโมคคัลลานะเถิด มันก็แค่นี้ มันก็คือสัมมาสังกับโป
ในองค์มรรคข้อที่สอง
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 23, 2017 8:04:52pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ความไม่เพลินในอายตนะ คือความหลุดพ้นจากทุกข์
-บาลี สฬา. สํ. ๑๘/๑๖/๑๙.
ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดไม่เพลิดเพลินกับตา ผู้นั้นชื่อว่า
ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ผู้ใดไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้นย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์.
ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดไม่เพลิดเพลินกับหู ผู้นั้นชื่อว่า
ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ผู้ใดไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้นย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์.
ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดไม่เพลิดเพลินกับจมูก ผู้นั้นชื่อว่า ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ผู้ใดไม่เพลิดเพลินอยู่ใน สิ่งที่เป็นทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้นย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์.
ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดไม่เพลิดเพลินกับลิ้น ผู้นั้นชื่อว่า
ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ผู้ใดไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้นย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์.
ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดไม่เพลิดเพลินกับกาย ผู้นั้นชื่อว่า
ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ผู้ใดไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้นย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์.
ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดไม่เพลิดเพลินกับใจ ผู้นั้นชื่อว่า
ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ผู้ใดไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้นย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์
#ความเข้าใจ คือ ตรัสชี้ว่า วิญญาณขันธ์ เป็นสิ่งแปรปรวน ไม่น่าเพลิดเพลินหรอก
-บาลี สฬา. สํ. ๑๘/๑๖/๑๙.
ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดไม่เพลิดเพลินกับตา ผู้นั้นชื่อว่า
ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ผู้ใดไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้นย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์.
ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดไม่เพลิดเพลินกับหู ผู้นั้นชื่อว่า
ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ผู้ใดไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้นย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์.
ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดไม่เพลิดเพลินกับจมูก ผู้นั้นชื่อว่า ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ผู้ใดไม่เพลิดเพลินอยู่ใน สิ่งที่เป็นทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้นย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์.
ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดไม่เพลิดเพลินกับลิ้น ผู้นั้นชื่อว่า
ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ผู้ใดไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้นย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์.
ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดไม่เพลิดเพลินกับกาย ผู้นั้นชื่อว่า
ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ผู้ใดไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้นย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์.
ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดไม่เพลิดเพลินกับใจ ผู้นั้นชื่อว่า
ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ผู้ใดไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้นย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์
#ความเข้าใจ คือ ตรัสชี้ว่า วิญญาณขันธ์ เป็นสิ่งแปรปรวน ไม่น่าเพลิดเพลินหรอก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครด่า ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ cr: ประสิทธิ์
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครด่า ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ cr: ประสิทธิ์
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"หากชีวิตมันเรียบง่ายเราคงไม่เริ่มต้นด้วยการร้องไห้ เมื่อลืมตาดูโลก"
ธรรมะโดนใจจากเพื่อนในระบบเฟซบุ๊ก: > ใบเฟิรน์ <
สามารถขยายความออกมาได้ดังนี้ ... เอาตั้งแต่เกิดเลย ถ้าหากวาดหวังว่าชีวิตนี้จักได้เสวยแต่ความสุขปานดั่งเทพธิดาเทพบุตรเหมือนอยู่บนสวรรค์เท่านั้น เมื่อเขาทำใจไว้ผิดเช่นนี้แล้ว ทำความเห็นไว้ผิดเช่นนี้แล้ว ในยามหรือเวลาที่เขาประสบกับความไม่สมปราถนาหรือความล้มเหลวเขาจะเป็นทุกข์มากจะซึมเศร้าใจมากกว่าคนที่รู้จัก"ความเป็นธรรมดาของชีวิตมนุษย์" เพราะคนที่รู้จักว่า มนุษย์นั้นมันมาเข้าท้องแม่ เกิดใส่โลกธรรม๘ชัดๆ ไม่อาจรอดพ้นจากโลกธรรม๘นี้ไปได้
โลกธรรม 8 หมายถึง ธรรมดาของ คนที่เกิดมาอยู่ในโลก เรื่องของโลก ธรรมชาติของโลกที่ครอบงำสัตว์โลก และสัตว์โลกต้องเป็นไปตามธรรมดานี้ 8 ประการอันประกอบด้วย
โลกธรรมฝ่าย อิฏฐารมณ์ คือฝ่ายน่าพอใจของมนุษย์ เป็นที่รักเป็นที่ปรารถนา
และฝ่ายอนิฏฐารมณ์ คือฝ่ายที่ไม่น่าพอใจของมนุษย์ ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่ปรารถนา
1. มีลาภ เสื่อมลาภ
หมายความว่า ได้ผลประโยชน์ ได้มาซึ่งโภคทรัพย์
เแล้วมีเหตุให้เสียลาภไป ไม่อาจเอาดำรงไว้อยู่ได้
2. มียศ เสื่อมยศ
หมายความว่า ได้รับฐานันดรสูงศักดิ์ขึ้น ได้อำนาจเป็นใหญ่เป็นโต แล้วถูกลดอำนาจความเป็นใหญ่ลงมา หรือไล่ออก
3. มีสรรเสริญ มีนินทา
คือ ได้ยิน ได้ฟัง คำสรรเสริญคำชมเชย คำยกย่อง เป็นที่น่าพอใจ แล้วต่อมาถูกตำหนิติเตียนว่าไม่ดี ถูกติฉินนินทา หรือถูกกล่าวร้ายให้เสียหาย
4. มีสุข มีทุกข์ คือ ได้ความสบายกาย สบายใจ ความเบิกบาน บันเทิงใจร่าเริงใจ แล้วต่อมาได้รับทุกขเวทนา คือเศร้าใจทุกข์ใจ และทรมานกาย
#เมื่อเข้าใจว่าชีวิตมนุษย์โดยรวมแล้วตกอยู่กับภาวะเช่นนี้ ก็เป็นอันว่าเข้าใจอริยะสัจข้อที่๑ อันได้แก่ ทุกขอริยสัจ แปลว่าความจริงอันเป็นสัจธรรมคือความทุกข์
และถ้าศึกษาเพิ่มเติมไปว่า "ที่ทุกข์ใจนี่มันเพราะอะไร" เพราะการดิ้นรนทะยานอยากให้สมปราถนามากเกินไป ไม่อยากแบบพอดี แต่มีความอยากมาก จึงกลายเป็นตัณหา
ธรรมะโดนใจจากเพื่อนในระบบเฟซบุ๊ก: > ใบเฟิรน์ <
สามารถขยายความออกมาได้ดังนี้ ... เอาตั้งแต่เกิดเลย ถ้าหากวาดหวังว่าชีวิตนี้จักได้เสวยแต่ความสุขปานดั่งเทพธิดาเทพบุตรเหมือนอยู่บนสวรรค์เท่านั้น เมื่อเขาทำใจไว้ผิดเช่นนี้แล้ว ทำความเห็นไว้ผิดเช่นนี้แล้ว ในยามหรือเวลาที่เขาประสบกับความไม่สมปราถนาหรือความล้มเหลวเขาจะเป็นทุกข์มากจะซึมเศร้าใจมากกว่าคนที่รู้จัก"ความเป็นธรรมดาของชีวิตมนุษย์" เพราะคนที่รู้จักว่า มนุษย์นั้นมันมาเข้าท้องแม่ เกิดใส่โลกธรรม๘ชัดๆ ไม่อาจรอดพ้นจากโลกธรรม๘นี้ไปได้
โลกธรรม 8 หมายถึง ธรรมดาของ คนที่เกิดมาอยู่ในโลก เรื่องของโลก ธรรมชาติของโลกที่ครอบงำสัตว์โลก และสัตว์โลกต้องเป็นไปตามธรรมดานี้ 8 ประการอันประกอบด้วย
โลกธรรมฝ่าย อิฏฐารมณ์ คือฝ่ายน่าพอใจของมนุษย์ เป็นที่รักเป็นที่ปรารถนา
และฝ่ายอนิฏฐารมณ์ คือฝ่ายที่ไม่น่าพอใจของมนุษย์ ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่ปรารถนา
1. มีลาภ เสื่อมลาภ
หมายความว่า ได้ผลประโยชน์ ได้มาซึ่งโภคทรัพย์
เแล้วมีเหตุให้เสียลาภไป ไม่อาจเอาดำรงไว้อยู่ได้
2. มียศ เสื่อมยศ
หมายความว่า ได้รับฐานันดรสูงศักดิ์ขึ้น ได้อำนาจเป็นใหญ่เป็นโต แล้วถูกลดอำนาจความเป็นใหญ่ลงมา หรือไล่ออก
3. มีสรรเสริญ มีนินทา
คือ ได้ยิน ได้ฟัง คำสรรเสริญคำชมเชย คำยกย่อง เป็นที่น่าพอใจ แล้วต่อมาถูกตำหนิติเตียนว่าไม่ดี ถูกติฉินนินทา หรือถูกกล่าวร้ายให้เสียหาย
4. มีสุข มีทุกข์ คือ ได้ความสบายกาย สบายใจ ความเบิกบาน บันเทิงใจร่าเริงใจ แล้วต่อมาได้รับทุกขเวทนา คือเศร้าใจทุกข์ใจ และทรมานกาย
#เมื่อเข้าใจว่าชีวิตมนุษย์โดยรวมแล้วตกอยู่กับภาวะเช่นนี้ ก็เป็นอันว่าเข้าใจอริยะสัจข้อที่๑ อันได้แก่ ทุกขอริยสัจ แปลว่าความจริงอันเป็นสัจธรรมคือความทุกข์
และถ้าศึกษาเพิ่มเติมไปว่า "ที่ทุกข์ใจนี่มันเพราะอะไร" เพราะการดิ้นรนทะยานอยากให้สมปราถนามากเกินไป ไม่อยากแบบพอดี แต่มีความอยากมาก จึงกลายเป็นตัณหา
นึกถึงสมัยเคยไปเดินด้วยกับกับพระครูโกวิท (ทำให้อาตมาเข้าใจว่า น้ำธรรมดา เป็นสิ่งที่มีค่ากว่าเงินและทองเมื่ออยู่ในป่า)
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 25, 2017 9:16:22am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"คนสองคนเกลียดกัน
ก็เหมือนถูกขังไว้ในห้องมืดเดียวกัน
ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเท่ากัน
ฝ่ายใดถอนความเกลียดได้ก่อน
ก็เหมือนหลุดจากห้องมืดได้ก่อน
ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันได้ก่อน"
หนังสือ - ใจใหม่ -
ก็เหมือนถูกขังไว้ในห้องมืดเดียวกัน
ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเท่ากัน
ฝ่ายใดถอนความเกลียดได้ก่อน
ก็เหมือนหลุดจากห้องมืดได้ก่อน
ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันได้ก่อน"
หนังสือ - ใจใหม่ -
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
" คนเราต้องอยู่กับความจริง "
ธรรมะโดนใจจากเพื่อนในระบบเฟซบุ๊ก >>
Nam Nueng <<
สามารถขยายความออกมาได้ดังนี้
คือ ไม่ว่าชีวิตเราจะเป็นอย่างไร ประสบกับสิ่งใด ทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่ไม่ดี ที่ผ่านเข้ามาให้เราได้รับรู้รับทราบ สิ่งเหล่านั้นก็ล้วนแต่ไม่เที่ยง แต่ว่าคนเรานั้นไม่ยอมรับความจริงอันนี้โดยปริยาย แต่กลับพยายามจะทำให้มันเที่ยงให้ได้ อย่างเช่น ไม่อยากแก่ ไม่อยากชรา ทั้งๆที่ไม่สามารถจะห้ามมันได้ ดังนั้นสัตว์ทั้งหลายจึงไม่อยากยอมรับความจริงในข้อนี้ ว่ามันเป็นเช่นนี้จริงๆ
กับทั้งความสุขความทุกข์ที่เกิดขึ้น ก็ล้วนแต่ไม่เที่ยง แต่สัตว์นั้นจะเอาสุขอันไม่เที่ยงนั้นให้เที่ยงให้ได้ มันจะได้แต่ที่ไหน พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ยึดสุขไว้ แต่ทรงสอนให้ทำเหตุให้เกิดความสุขต่างหาก เพราะสิ่งทั้งหลายเกิดแต่เหตุ ดังนั้นพระองค์จึงมุ้งสอนให้ไปทำเหตุให้มันดี แล้วผลมันก็จะดีตามเหตุ มันก็แค่นี้ เมื่อรู้ว่าความจริงคืออนิจจังไม่เที่ยง แล้วก็ยอมรับอยู่กับความจริงนี้ด้วยใจที่เป็นกลางวางเฉยอย่างอุเบกขาสัมโพชฌงค์ นิพพิทามันจะเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเหตุให้เกิดนิพพิทาคือ เห็นซ้ำๆซากๆว่าไม่เที่ยง ด้วยใจอุเบกขา
ธรรมะโดนใจจากเพื่อนในระบบเฟซบุ๊ก >>
Nam Nueng <<
สามารถขยายความออกมาได้ดังนี้
คือ ไม่ว่าชีวิตเราจะเป็นอย่างไร ประสบกับสิ่งใด ทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่ไม่ดี ที่ผ่านเข้ามาให้เราได้รับรู้รับทราบ สิ่งเหล่านั้นก็ล้วนแต่ไม่เที่ยง แต่ว่าคนเรานั้นไม่ยอมรับความจริงอันนี้โดยปริยาย แต่กลับพยายามจะทำให้มันเที่ยงให้ได้ อย่างเช่น ไม่อยากแก่ ไม่อยากชรา ทั้งๆที่ไม่สามารถจะห้ามมันได้ ดังนั้นสัตว์ทั้งหลายจึงไม่อยากยอมรับความจริงในข้อนี้ ว่ามันเป็นเช่นนี้จริงๆ
กับทั้งความสุขความทุกข์ที่เกิดขึ้น ก็ล้วนแต่ไม่เที่ยง แต่สัตว์นั้นจะเอาสุขอันไม่เที่ยงนั้นให้เที่ยงให้ได้ มันจะได้แต่ที่ไหน พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ยึดสุขไว้ แต่ทรงสอนให้ทำเหตุให้เกิดความสุขต่างหาก เพราะสิ่งทั้งหลายเกิดแต่เหตุ ดังนั้นพระองค์จึงมุ้งสอนให้ไปทำเหตุให้มันดี แล้วผลมันก็จะดีตามเหตุ มันก็แค่นี้ เมื่อรู้ว่าความจริงคืออนิจจังไม่เที่ยง แล้วก็ยอมรับอยู่กับความจริงนี้ด้วยใจที่เป็นกลางวางเฉยอย่างอุเบกขาสัมโพชฌงค์ นิพพิทามันจะเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเหตุให้เกิดนิพพิทาคือ เห็นซ้ำๆซากๆว่าไม่เที่ยง ด้วยใจอุเบกขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้ายังมีความเคารพต่อหลวงพี่ หลวงพี่สิขออันหนึ่ง ข้อเดียว "อย่าพึ่งเฮ็ดเขาท้อง"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คาถาท้าววิรูปักมหาราช (กันงูและพญานาคที่ดุร้าย)
" มะหาราชาวิรูปักเข
จะมิตตากันละยานะธัมเม"
" มะหาราชาวิรูปักเข
จะมิตตากันละยานะธัมเม"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.7
ที่สุดของความรู้
ที่สุดของระดับความรู้
มันคือ ความรู้ว่า " ร่างกายและใจ ไม่เที่ยง "
พระพุทธเจ้าบำเพ็ญปัญญาบารมีจนถึงขั้น "ปรมัตถบารมี" จึงเกิดความรู้ช
ั้นสูงสุดขึ้นมาว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง แปรปรวน
สลายตัวตลอดเวลา
พระปัจเจกทรงบำเพ็ญปัญบารมีจนถึงขั้นสูงสุด "จึงเกิดความรู้ชั้นสูงสุดขึ้นม
าว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง แปรปรวน
สลายตัวตลอดเวลา
พระอรหันต์ก็ทรงบำเพ็ญปัญญาบารมีจนถึงขั้นสูง
"จึงเกิดความรู้ชั้นสูงสุดขึ้นมาว่า ขันธ์๕ มันอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
สมัยที่พระพุทธเจ้า ยังมีพระชนชีพอยู่ ท่านเองสมัยเป็นพระโพธิสัตว์ เคย
เป็นอาจายร์ทิศาปาโมก เคยเป็นพ่อค้า เคยเป็นฤษี เคยเป็นท้าวสักกะ เคย
เป็นพรหม เคยเป็นสัตว์เดรัจฉานพญานาค พญาวานร พญาปลาช่อน
พูดงายๆก็คือทรงศึกษาความรู้มามากมายหลายวิชาแล้ว
ในหลายภพชาติ และในระยะเวลาหลายกัป หลายอสงไขย
ตอนที่ย้อนถอยลงหาเบื้องต้นของสังสารวัฏ พระองค์คงตรวจดูแล้วในศาตร์
ความรู้ทั้งปวงว่า
ความรู้เหล่านั้นไม่ใช่ความรู้ชั้นสูง
ต่อเมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้สัพพัญญูตญาณแล้ว
จึงกล้าให้ค่าว่า อันนี้เป็นความรู้ระดับนี้ๆ
อันนี้เป็นความรู้ระดับนั้นๆ
ความรู้ชั้นสูงคืออริยสัจสี่ อันเป็นความรู้ที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธะ
ยกขึ้นมาว่า ใครรู้อันนี้เรียนจบอันนี้ สุดยอดกว่าการรู้เข้าใจเรียนจบอันอื่น
ที่สุดของความรู้
ที่สุดของระดับความรู้
มันคือ ความรู้ว่า " ร่างกายและใจ ไม่เที่ยง "
พระพุทธเจ้าบำเพ็ญปัญญาบารมีจนถึงขั้น "ปรมัตถบารมี" จึงเกิดความรู้ช
ั้นสูงสุดขึ้นมาว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง แปรปรวน
สลายตัวตลอดเวลา
พระปัจเจกทรงบำเพ็ญปัญบารมีจนถึงขั้นสูงสุด "จึงเกิดความรู้ชั้นสูงสุดขึ้นม
าว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง แปรปรวน
สลายตัวตลอดเวลา
พระอรหันต์ก็ทรงบำเพ็ญปัญญาบารมีจนถึงขั้นสูง
"จึงเกิดความรู้ชั้นสูงสุดขึ้นมาว่า ขันธ์๕ มันอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
สมัยที่พระพุทธเจ้า ยังมีพระชนชีพอยู่ ท่านเองสมัยเป็นพระโพธิสัตว์ เคย
เป็นอาจายร์ทิศาปาโมก เคยเป็นพ่อค้า เคยเป็นฤษี เคยเป็นท้าวสักกะ เคย
เป็นพรหม เคยเป็นสัตว์เดรัจฉานพญานาค พญาวานร พญาปลาช่อน
พูดงายๆก็คือทรงศึกษาความรู้มามากมายหลายวิชาแล้ว
ในหลายภพชาติ และในระยะเวลาหลายกัป หลายอสงไขย
ตอนที่ย้อนถอยลงหาเบื้องต้นของสังสารวัฏ พระองค์คงตรวจดูแล้วในศาตร์
ความรู้ทั้งปวงว่า
ความรู้เหล่านั้นไม่ใช่ความรู้ชั้นสูง
ต่อเมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้สัพพัญญูตญาณแล้ว
จึงกล้าให้ค่าว่า อันนี้เป็นความรู้ระดับนี้ๆ
อันนี้เป็นความรู้ระดับนั้นๆ
ความรู้ชั้นสูงคืออริยสัจสี่ อันเป็นความรู้ที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธะ
ยกขึ้นมาว่า ใครรู้อันนี้เรียนจบอันนี้ สุดยอดกว่าการรู้เข้าใจเรียนจบอันอื่น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"ผู้หญิง จะหมดสวยเมื่อเอาผัว"
สาเหตุเพราะ "อืม..มันแต่งกับกูแล้วเป็นของกูแล้ว มันคงไม่หนีไปไหน" ขี้เกลียดแต่งสวยแล้ว ไม่มีอารมณ์แล้ว ทำหน้าแบบหน้าแม่บ้าน หอบลูกโทรมๆนี่แหละ
ผู้ชายถ้าคิดว่า "มีลูกแล้วจะมีความสุข"
"หนักกว่าเลี้ยงหมาอีก"
สาเหตุเพราะ "อืม..มันแต่งกับกูแล้วเป็นของกูแล้ว มันคงไม่หนีไปไหน" ขี้เกลียดแต่งสวยแล้ว ไม่มีอารมณ์แล้ว ทำหน้าแบบหน้าแม่บ้าน หอบลูกโทรมๆนี่แหละ
ผู้ชายถ้าคิดว่า "มีลูกแล้วจะมีความสุข"
"หนักกว่าเลี้ยงหมาอีก"
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 27, 2017 5:12:16pm
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 27, 2017 5:33:04pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.อันนี้เฮาพิมพ์ขึ้นมา สอนหลานโดยเฉพาะ เพื่อกันมันจากหมู่เพื่อกันมันจ
ากผุสาว แต่อยู่ที่โตมันแล้วมันสิเลือกเอาอันใด๋ "มึงอย่าสิไปหาเฮ็ด
เขาท้องก่อนบวช กูบอกซำนี่หละ กุแฮงบ่คอยมักยุ่งกับไผ๋ เห็นบอแต่ตอนกุเ
ป็นโยม กุมักไปเล่นนำพุนั่นผุนี่บอ กุมักเลาะไปเล่นนำเฮียนบักนั่นบักนี้บอ
มึงเห็นกูมักขี่รถมอเตอร์ไซเลาะบอ หมอลำซิ่งตึ่งๆอยู่ในหมู่บ้านกุ
กะบ่อค่อยสนใจยุ กูหวังดีกับมึงจังมายุ่งกับมึงบ่อแมนหวังร้าย
เฟสชื่อ "สด ใส" ส่วนชื่อ "ทักษิณ เกษมสัตย์ ' แต่มันบล๊อกอาตมาแล้ว...
แท๊กกะเลยหลุดไปนำ อาตมากะสิบอสมัคเฟสใหม่ไปแอดมันดอก (
ถ้ามันอยากเป็นหมู่ให้มันมาแอดอาตมาเอง)
ตะสมัยอาตมายังบ่ฮั่นได้บวช มันกับอาตมามักเล่นนำกันสนิทกันปานอ้าย
กับน้อง พ่อมันเป็นอ้ายแม่อาตมา
มันหนิหัวดีฉลาดเฉียบแหลมดี ไหวพริบปฏิพานดี
ทันคน แต่บ่อทันผู้ที่ได้อภิญญาญาณดอก
ผู้ที่เพิลได้อภิญญาในข้อที่ฮู้อนาคตคน ถ้าเพิ้ลสิน้อมเบิ่งชีวิตทักษิณ ว่าสิ
เป็นจั่งใด๋ สิเจอเหตุการณ์นัั่นนี้ จั่งซั่นจั่งซี้ เพิลกะสามารถฮู้้ได้
อีก 5 ปี มึงต้องบวช แล้วมาอยู่กับกู
(ขออภัยที่ภาษาบ่อสุภาพ)
ากผุสาว แต่อยู่ที่โตมันแล้วมันสิเลือกเอาอันใด๋ "มึงอย่าสิไปหาเฮ็ด
เขาท้องก่อนบวช กูบอกซำนี่หละ กุแฮงบ่คอยมักยุ่งกับไผ๋ เห็นบอแต่ตอนกุเ
ป็นโยม กุมักไปเล่นนำพุนั่นผุนี่บอ กุมักเลาะไปเล่นนำเฮียนบักนั่นบักนี้บอ
มึงเห็นกูมักขี่รถมอเตอร์ไซเลาะบอ หมอลำซิ่งตึ่งๆอยู่ในหมู่บ้านกุ
กะบ่อค่อยสนใจยุ กูหวังดีกับมึงจังมายุ่งกับมึงบ่อแมนหวังร้าย
เฟสชื่อ "สด ใส" ส่วนชื่อ "ทักษิณ เกษมสัตย์ ' แต่มันบล๊อกอาตมาแล้ว...
แท๊กกะเลยหลุดไปนำ อาตมากะสิบอสมัคเฟสใหม่ไปแอดมันดอก (
ถ้ามันอยากเป็นหมู่ให้มันมาแอดอาตมาเอง)
ตะสมัยอาตมายังบ่ฮั่นได้บวช มันกับอาตมามักเล่นนำกันสนิทกันปานอ้าย
กับน้อง พ่อมันเป็นอ้ายแม่อาตมา
มันหนิหัวดีฉลาดเฉียบแหลมดี ไหวพริบปฏิพานดี
ทันคน แต่บ่อทันผู้ที่ได้อภิญญาญาณดอก
ผู้ที่เพิลได้อภิญญาในข้อที่ฮู้อนาคตคน ถ้าเพิ้ลสิน้อมเบิ่งชีวิตทักษิณ ว่าสิ
เป็นจั่งใด๋ สิเจอเหตุการณ์นัั่นนี้ จั่งซั่นจั่งซี้ เพิลกะสามารถฮู้้ได้
อีก 5 ปี มึงต้องบวช แล้วมาอยู่กับกู
(ขออภัยที่ภาษาบ่อสุภาพ)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สอนบักทักษิณ เกษมสัตย์ เด้อหนิ
(ภาษาบ่สุภาพ) มันเว้ากับเฮาปานเฮาเป็นของเล่นเด้เย้า..
วัยนี้มัก"ม่วน"... ม่วนกะให้มันลงหม่อง"แมน"นำแนเด้อเหล่า
บ่แม่น"ม่วน"แล้ว ... ลงหม่อง"บ่แมน"
เป็นเอดส์ตุ่มขึ้นหำจ่อยตายคึหมาขี้เหี้ยนข้างทาง นี่กะบ่คือเด้อ
บ่แม่น"ม่วน"แล้ว ... แหกโค้งลงข้างทาง หัวใส่ก้อนหินกระโหลกแตกตายดับเป็นศพคาที่ นี่กะบ่คือเด้อ
ไปเบิ่งหมอลำซิ่งคึกัน หลวงพี่มีเทคนิคให้วา
ให้คิดถึงความปลอดภัยของใบหน้าให้ดีซั้นเสียหล่อ
.จักไผ๋เป็นไผ๋ ร้อยพ่อพันแม่. ที่เต้นอยู่หน้าฮ่าน
คนที่เต้นอยู่หน้าฮ่านเขาอาจมาหน้าฮ่านด้วยหวังม่วนกะมี
คนที่เต้นอยู่หน้าฮ่านเขาอาจเขามาหน้าฮ่านด้วยหวังร้ายกะมี
และระบบรักษาความปลอดภัยเข้าเบิ่งหมอลำซิ้งบ่อคึสนามบินเด้อ.. มันบ่อละเอียดคึสนามบิน
ไปเบิ่งหมอลำน้ำกรดลักเทใส่ในขวดเบียร์กะใด้ มีดสั้นเอากระดาษชิดชูพันห่อไว้กะใด้ แนวอื่นกะคงจะมีให้ระวังไว้ รักษาโตให้ดี ถ้าไปเบิ่งหมอลำแล้วบาดเจ็บ นั่นเอิ้นว่ารักษาตัวไม่เป็น คาแต่รื่นระเริงเฮฮาไปกับเสียงเพลง แต่ศรัตรูที่เขาหมายหัวเฮาไว้แล้ว เขาบ่ได้มุ่งเฮฮาสนุกสนานเด้อ เขาถ้าเขารอจังหวะที่เหมาะจะลงมือใส่เฮา
และแม้แต่หมู่กันถ้าเมามาอย่าสิไว้ใจจักบัก เพราะว่าที่ผ่านมาที่เคยอยู่นำกัน เฮาอาจสิเฮ็ดอิหยังที่ไปกระทบมันโดยที่เฮาบ่ฮู้ โดยที่เราเผลอทำไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ หรือทำยอกกันเล่นๆ แต่มันถือเอาเป็นจริงเป็นจังแล้วยึดถือไว้
ยามเมามันอาจสิแสดงออกมาทางกายทวาร วจีทวาร
บัดยามมันเมาถามมันเบิ่งโหล้ดหมู่แต่ละคน แต่เฮาอย่าเมาเด๊ะ แล้วถาม
"เฮาถามซือๆเด้อ.มึงเคยคิดบ่พอใจอิหยังกับกูยุเบาะว้ะ มีเรื่องอิหยังบ่พอใจเกี่ยวกับกูเว้ามา"
อันนี้กะเว้าให้ฟังซือๆ ตะผัวเมียฮักกันแท้ๆฝ่ายหนึ่งกะยังกล้าลอบฆ่ากันได้ แล้วพะสาหมู่มันสิบ่กล้าเฮ็ดคึกันเบาะ อันนี้กะคือเรื่องการคบหมู่ กะต้องเบิ่งให้ดิดี ยามเฮาหลับมันจั่งบ่อล๋อยปาดคอเฮา
อ่านเบิ่งแล้วถ้าคิดว่า "หลวงพี่มองโลกในแง่ร้ายเกินไป"
กะอ่านต่อไปอีก
ถ้ามักม่วน ม่วนกะม่วนถืกจังหวะผุสาวไข่ตกไปแล้ว(วันปลอด)
ถ้ามักม่วนขี่รถ มันกะม่วนอิหลีบิด80เก้าสิบร้อย
หลุมบ่มี สวัสดิภาพถึงที่หมายปลอดภัยทุกครั้ง
เรื่องหมูคึกัน มีแต่ผุดีๆ ดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง
มีหยังกะสู่กันกิน ยามเฮาหิวจนไส้สิขาดกะมีหมู่คอยเสาะแสวงหามาเลี้ยง ถ้าแมนเฮาถืกตีขาหักเหยียบระเบิดขาขาด นอนยุโรงบาลกะสิแม่นหมู่นิหละไปเฝ้าป้อนข้าวต้ม พยุงเข้าห้องน้ำ บัดยามหายแล้วขากะขาด กะสิแม่นหมู่ฮั่นหละสิดูแล
นี่คือมองโลกในแง่ดี
ฉะนั้นอย่ายอมเสียสละร่างกายเพื่อหมู่เด็ดขาด
อย่าสิโง่ตายแทนหมู่
หัวหมู่สิถืกอิดาบ อย่าเอาหัวเจ้าของไปรับแทน.
แต่เรื่องอื่นๆกะต้องพิจารณาเอาเอง ว่าเห็นสมควรบอ ..เอ้..นี้ควรเสียสละเพื่อหมู่วะ เฮากะคึสิบ่ยุ่งยากคักปานใด๋ดอกหน่า
เฮาต้องรอบรู้ทั้งแง่ดีทั้งแง่ร้าย
(ช่วงนี้ให้รักษาโตให้ดีเด้อ)
(ภาษาบ่สุภาพ) มันเว้ากับเฮาปานเฮาเป็นของเล่นเด้เย้า..
วัยนี้มัก"ม่วน"... ม่วนกะให้มันลงหม่อง"แมน"นำแนเด้อเหล่า
บ่แม่น"ม่วน"แล้ว ... ลงหม่อง"บ่แมน"
เป็นเอดส์ตุ่มขึ้นหำจ่อยตายคึหมาขี้เหี้ยนข้างทาง นี่กะบ่คือเด้อ
บ่แม่น"ม่วน"แล้ว ... แหกโค้งลงข้างทาง หัวใส่ก้อนหินกระโหลกแตกตายดับเป็นศพคาที่ นี่กะบ่คือเด้อ
ไปเบิ่งหมอลำซิ่งคึกัน หลวงพี่มีเทคนิคให้วา
ให้คิดถึงความปลอดภัยของใบหน้าให้ดีซั้นเสียหล่อ
.จักไผ๋เป็นไผ๋ ร้อยพ่อพันแม่. ที่เต้นอยู่หน้าฮ่าน
คนที่เต้นอยู่หน้าฮ่านเขาอาจมาหน้าฮ่านด้วยหวังม่วนกะมี
คนที่เต้นอยู่หน้าฮ่านเขาอาจเขามาหน้าฮ่านด้วยหวังร้ายกะมี
และระบบรักษาความปลอดภัยเข้าเบิ่งหมอลำซิ้งบ่อคึสนามบินเด้อ.. มันบ่อละเอียดคึสนามบิน
ไปเบิ่งหมอลำน้ำกรดลักเทใส่ในขวดเบียร์กะใด้ มีดสั้นเอากระดาษชิดชูพันห่อไว้กะใด้ แนวอื่นกะคงจะมีให้ระวังไว้ รักษาโตให้ดี ถ้าไปเบิ่งหมอลำแล้วบาดเจ็บ นั่นเอิ้นว่ารักษาตัวไม่เป็น คาแต่รื่นระเริงเฮฮาไปกับเสียงเพลง แต่ศรัตรูที่เขาหมายหัวเฮาไว้แล้ว เขาบ่ได้มุ่งเฮฮาสนุกสนานเด้อ เขาถ้าเขารอจังหวะที่เหมาะจะลงมือใส่เฮา
และแม้แต่หมู่กันถ้าเมามาอย่าสิไว้ใจจักบัก เพราะว่าที่ผ่านมาที่เคยอยู่นำกัน เฮาอาจสิเฮ็ดอิหยังที่ไปกระทบมันโดยที่เฮาบ่ฮู้ โดยที่เราเผลอทำไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ หรือทำยอกกันเล่นๆ แต่มันถือเอาเป็นจริงเป็นจังแล้วยึดถือไว้
ยามเมามันอาจสิแสดงออกมาทางกายทวาร วจีทวาร
บัดยามมันเมาถามมันเบิ่งโหล้ดหมู่แต่ละคน แต่เฮาอย่าเมาเด๊ะ แล้วถาม
"เฮาถามซือๆเด้อ.มึงเคยคิดบ่พอใจอิหยังกับกูยุเบาะว้ะ มีเรื่องอิหยังบ่พอใจเกี่ยวกับกูเว้ามา"
อันนี้กะเว้าให้ฟังซือๆ ตะผัวเมียฮักกันแท้ๆฝ่ายหนึ่งกะยังกล้าลอบฆ่ากันได้ แล้วพะสาหมู่มันสิบ่กล้าเฮ็ดคึกันเบาะ อันนี้กะคือเรื่องการคบหมู่ กะต้องเบิ่งให้ดิดี ยามเฮาหลับมันจั่งบ่อล๋อยปาดคอเฮา
อ่านเบิ่งแล้วถ้าคิดว่า "หลวงพี่มองโลกในแง่ร้ายเกินไป"
กะอ่านต่อไปอีก
ถ้ามักม่วน ม่วนกะม่วนถืกจังหวะผุสาวไข่ตกไปแล้ว(วันปลอด)
ถ้ามักม่วนขี่รถ มันกะม่วนอิหลีบิด80เก้าสิบร้อย
หลุมบ่มี สวัสดิภาพถึงที่หมายปลอดภัยทุกครั้ง
เรื่องหมูคึกัน มีแต่ผุดีๆ ดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง
มีหยังกะสู่กันกิน ยามเฮาหิวจนไส้สิขาดกะมีหมู่คอยเสาะแสวงหามาเลี้ยง ถ้าแมนเฮาถืกตีขาหักเหยียบระเบิดขาขาด นอนยุโรงบาลกะสิแม่นหมู่นิหละไปเฝ้าป้อนข้าวต้ม พยุงเข้าห้องน้ำ บัดยามหายแล้วขากะขาด กะสิแม่นหมู่ฮั่นหละสิดูแล
นี่คือมองโลกในแง่ดี
ฉะนั้นอย่ายอมเสียสละร่างกายเพื่อหมู่เด็ดขาด
อย่าสิโง่ตายแทนหมู่
หัวหมู่สิถืกอิดาบ อย่าเอาหัวเจ้าของไปรับแทน.
แต่เรื่องอื่นๆกะต้องพิจารณาเอาเอง ว่าเห็นสมควรบอ ..เอ้..นี้ควรเสียสละเพื่อหมู่วะ เฮากะคึสิบ่ยุ่งยากคักปานใด๋ดอกหน่า
เฮาต้องรอบรู้ทั้งแง่ดีทั้งแง่ร้าย
(ช่วงนี้ให้รักษาโตให้ดีเด้อ)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ Pui Chutima
คุณได้แท็ก Pui Chutima
โยมป้าปุ๋ย
อาตมาสิขอลาเฟซบุ๊ก จักช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนเด้อ
มีอิหยังจำเป็นกะจั่งติดต่อมาทางไลน์เด้อ
อาตมาสิขอลาเฟซบุ๊ก จักช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนเด้อ
มีอิหยังจำเป็นกะจั่งติดต่อมาทางไลน์เด้อ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.2017
"พระมีหน้าที่รักษาใจ ไม่ให้เกิดบาปอกุศลขึ้น"
เคยโพสไว้ที่ไลน์ " เมื่อ Mar 18, 2016 / 16:25
"ชีวิตไม่ใช่ของเล่น จงอย่าทำเล่นเล่นกับชีวิต"
ระหว่างที่เกิด ถึงตาย
จะจนหรือรวย จะสวยหรือหล่อ
ระหว่างที่เกิดถึงตายนี้
สาระของเขาอยู่ตรงนี้
๑.บุญกุศล
๒.สติ ระลึกได้ในกายในใจในปัจจุบัน
๓.ปัญญาในการเห็นว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา
ร่างกายบุคคลอื่นก็ไม่ใช่ของเขา
และเห็นอารมรมณ์ทั้งหลายที่ผลัดเปลี่ยน
กันมาให้เรารู้ ทั้งสุข, ทุกข์, เฉยๆ, ผ่านมาผ่านไป
เหมือนลมพัดจิต
ลมเย็นพัดผ่านมาก็รู้สึกสุข
ลมร้อนพัดผ่านมาก็รู้สึกทุกข์
ลมไม่เย็นไม่ร้อนผ่านมาก็รู้สึกเฉยๆ
ลมทั้ง 3 อย่างนี้ คือ (สุข) (ทุกข์) (เฉยๆ)
ผ่านมาผ่านไป ไม่คงที่
ผู้ใดเห็นว่าไม่ใช่ของเรา
นั้นแหละคือผู้ไม่เกิดมาไม่ตายเปล่า ไม่เกิดมาเล่นๆเปล่าๆ
คือเกิดมาไม่ได้สาระ
พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า "โมฆะบุรุษ"
คือคนที่เกิดมาโมฆะชีวิต"
# กายนี้เจริญไปหาความตายแท้ๆ
พระก็เจริญไปหาความตายในคาบผ้าเหลือง
ฆราวาสก็เจริญไปหาความตายในคาบเสื้อผ้านุ่งห่มแ
บบชาวบ้าน
คนทำงานก็เจริญไปหาความตายในคาบเสื้อผ้านุ่งห่ม
แบบคนงาน
คนรวยก็เจริญไปหาความตายในคาบเสื้อผ้าดีๆในบ้าน
หลังใหญ่ๆมีเงินรวยๆ
คนจนก็เจริญไปหาความตายในสภาพคนจน
ต้นไม้ทุกต้นก็เกิดมาเจริญไปหาความตายแท้ๆ
โอ้.... ควรแท้ ที่จะมุ่งถือเอาสาระประโยชน์จาก 3 ข้อ
(หากได้ออกบวช แล้วปฏิบัติไตรสิกขาธรรมยิ่งสุดยอดในชีวิตนี้เลย)
"พระมีหน้าที่รักษาใจ ไม่ให้เกิดบาปอกุศลขึ้น"
เคยโพสไว้ที่ไลน์ " เมื่อ Mar 18, 2016 / 16:25
"ชีวิตไม่ใช่ของเล่น จงอย่าทำเล่นเล่นกับชีวิต"
ระหว่างที่เกิด ถึงตาย
จะจนหรือรวย จะสวยหรือหล่อ
ระหว่างที่เกิดถึงตายนี้
สาระของเขาอยู่ตรงนี้
๑.บุญกุศล
๒.สติ ระลึกได้ในกายในใจในปัจจุบัน
๓.ปัญญาในการเห็นว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา
ร่างกายบุคคลอื่นก็ไม่ใช่ของเขา
และเห็นอารมรมณ์ทั้งหลายที่ผลัดเปลี่ยน
กันมาให้เรารู้ ทั้งสุข, ทุกข์, เฉยๆ, ผ่านมาผ่านไป
เหมือนลมพัดจิต
ลมเย็นพัดผ่านมาก็รู้สึกสุข
ลมร้อนพัดผ่านมาก็รู้สึกทุกข์
ลมไม่เย็นไม่ร้อนผ่านมาก็รู้สึกเฉยๆ
ลมทั้ง 3 อย่างนี้ คือ (สุข) (ทุกข์) (เฉยๆ)
ผ่านมาผ่านไป ไม่คงที่
ผู้ใดเห็นว่าไม่ใช่ของเรา
นั้นแหละคือผู้ไม่เกิดมาไม่ตายเปล่า ไม่เกิดมาเล่นๆเปล่าๆ
คือเกิดมาไม่ได้สาระ
พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า "โมฆะบุรุษ"
คือคนที่เกิดมาโมฆะชีวิต"
# กายนี้เจริญไปหาความตายแท้ๆ
พระก็เจริญไปหาความตายในคาบผ้าเหลือง
ฆราวาสก็เจริญไปหาความตายในคาบเสื้อผ้านุ่งห่มแ
บบชาวบ้าน
คนทำงานก็เจริญไปหาความตายในคาบเสื้อผ้านุ่งห่ม
แบบคนงาน
คนรวยก็เจริญไปหาความตายในคาบเสื้อผ้าดีๆในบ้าน
หลังใหญ่ๆมีเงินรวยๆ
คนจนก็เจริญไปหาความตายในสภาพคนจน
ต้นไม้ทุกต้นก็เกิดมาเจริญไปหาความตายแท้ๆ
โอ้.... ควรแท้ ที่จะมุ่งถือเอาสาระประโยชน์จาก 3 ข้อ
(หากได้ออกบวช แล้วปฏิบัติไตรสิกขาธรรมยิ่งสุดยอดในชีวิตนี้เลย)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ไปติดวิปัสนูปกิเลส โดยบ่ฮู้โต
# หลวงปู่กมลเป็นผู้
เทศณ์บอก#
# หลวงปู่กมลเป็นผู้
เทศณ์บอก#
สวด "อาฏานาฏิยะสูตร "
อัพเดตเมื่อ พ.ย. 28, 2017 6:19:04pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#คาถาเมตตา#
พุทธา คุณา เมตตา
พุทธา คุณา เมตตา
ซามมีขาดี กะ เดินจรงกม แน บัดยามบ่มีขาแล้ว
มันสิย่างใด้บอละบาดหนิ @คนขาดีขี้คร้านยางจงกรม@
เมื่อเตื่อนคนอื่น ย่อมมีวิบาก คือมีสิ่งมาเตือนเราให้ทำความเพียร
มันสิย่างใด้บอละบาดหนิ @คนขาดีขี้คร้านยางจงกรม@
เมื่อเตื่อนคนอื่น ย่อมมีวิบาก คือมีสิ่งมาเตือนเราให้ทำความเพียร
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ สมัย เกษมสัตย์
คุณได้แท็ก สมัย เกษมสัตย์
มื้ออื่นอาตมา สิปิดเฟซบุ๊ก พักการเล่นเฟซบุ๊ก จั๊ก 2 เดือน
แต่ไลน์บ่ปิด มีหยังกะจั่งไลน์มาเด้อ
แต่ไลน์บ่ปิด มีหยังกะจั่งไลน์มาเด้อ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เราออกแบบชีวิตใหม่อยู่ตลอดเวลา
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 07, 2017 5:16:34pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ จันทร์สุดา เกษมสัตย์
คุณได้แท็ก จันทร์สุดา เกษมสัตย์
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ผู้ใดถูกกล่าวสรรเสริญ.
.ผู้นั่นก็ย่อมมีโอกาส.
.ถูกกล่าวนินทา.
.ผู้นั่นก็ย่อมมีโอกาส.
.ถูกกล่าวนินทา.
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 09, 2017 7:30:56pm
1. เมื่อวาน
ไม่สามารถกลับไป
แก้ไขอะไรได้
จึงมีวันพรุ่งนี้
ให้เราได้ทำสิ่งดีๆต่อไป
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
2. คนเดียวเท่านั้น
ที่จะช่วยให้คุณผ่าน
ทุกปัญหาได้
คือ "ตัวคุณ"
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
3. เรื่องวุ่นวายบนโลก
มีอยู่ 2 อย่างเท่านั้นคือ
"ไปหลงรัก" และ
"ไปหลงเกลียด"
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
4. ความสบายใจ
ไม่ได้เกิดจาก
ทำทุกสิ่งให้ได้ดังใจ
แต่เกิดจากใจ
ที่ยอมรับว่า ไม่มีอะไร
ที่จะได้ดังใจเราไปทั้งหมด
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
5. ต่างคนต่างความคิด
ต่างจิตต่างใจ
อย่าดูถูกความคิดใคร
ถ้าความคิดต่าง
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
6. อ่านหนังสือออก สำคัญ
อ่านเหตุการณ์ออก สำคัญกว่า
อ่านคนอื่นออก สำคัญยิ่ง
อ่านตนเองออก สำคัญที่สุด
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
7. ถ้าคิดได้ ให้ช่วยคิด
ถ้าคิดไม่ได้ ให้ช่วยทำ
ถ้าทำไม่ได้ ให้ความร่วมมือ
ถ้าร่วมมือไม่ได้ ให้กำลังใจ
แม้ให้กำลังใจไม่ได้
ให้สงบนิ่ง
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
8. ละได้ ใจก็สะอาด
วางได้ ใจก็โล่ง
ปลงได้ ใจก็เย็น
อภัยได้ ใจก็สงบ
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
9. เงาจันทร์ เกิดจาก
ความนิ่งของน้ำ ฉันใด
ปัญญา เกิดจาก
ความนิ่งของใจ ฉันนั้น
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
10. ไม่ใช่ความทุกข์
ที่ทำให้เราคิดมาก
แต่เป็นเพราะเราคิดมาก
ทำให้เกิดความทุกข์
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
11. รู้จักให้ รู้จักรับ
รู้จักปรับ รู้จักให้อภัย
รู้จักแบ่ง รู้จักได้
รู้จักแข็ง รู้จักคลาย
ชีวิตจะเบาสบาย
และมีความสุข
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
12. หาที่สงบร้อยที่
ยังไม่ดีเท่าสงบที่ใจตน
รู้จักคนร้อยคน
ไม่ดีเท่ารู้จักตน
เพียงคนเดียว
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
13. เมื่อมี จงรู้จักให้
เมื่อได้ จงรู้จักพอ
เมื่อขอ จงรู้คุณค่า
คนเราเกิดมา ถึงเวลา
.........ก็ ต้องจากไป
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
14. สิ่งที่ย้อนไม่ได้ คือเวลา
สิ่งที่หนีไม่ได้ คือความตาย
สิ่งที่ชื้อไม่ได้ คือ สุขภาพ&ชีวิต
สิ่งที่มองไม่เห็น คือใจคน
สิ่งที่ต้องอดทน คือใจตัวเอง
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
15. ไฟไม่ได้ร้อน
ถ้าเราไม่เอาตัวเข้าไปใกล้
ทุกข์ใดๆก็ไม่ทำให้เราหนัก
ถ้าเราไม่เอาใจเข้าไปแบก
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
16. กำลังใจอาจหาได้
จากคนรอบข้าง
แต่ความเข้มแข็ง
เราต้องสร้างมันขึ้นเอง
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
17. บางครั้งกำลังใจ
นอกจากจะมีไว้ให้ใครๆ
ก็ต้องเก็บไว้ให้ตัวเองด้วย
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
18. เมื่อตัดสินใจ
ที่จะเดินไปข้างหน้า
ก็อย่าหวั่นไหวกับปัญหา
ที่จะต้องพบเจอ
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
19. คนมีปัญญา
มักมองเห็นโอกาส
ในทุกๆปัญหา
คนขาดปัญญา
มักมองเห็นปัญหา
ในทุกๆโอกาส
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
20. ทุกครั้งที่เรา ไม่เข้าใจกัน
ไม่ผิดที่จะโกรธ
แต่ผิดที่เราไม่ขอโทษกัน
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
21. จงเป็นคนดี
คนเก่งและมีความสุข
แค่นี้ก็เป็นคนโดยสมบูรณ์แล้ว
═══════════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════════
สมเด็จพระสังฆราช
แชร์ไปได้บุญ
1. เมื่อวาน
ไม่สามารถกลับไป
แก้ไขอะไรได้
จึงมีวันพรุ่งนี้
ให้เราได้ทำสิ่งดีๆต่อไป
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
2. คนเดียวเท่านั้น
ที่จะช่วยให้คุณผ่าน
ทุกปัญหาได้
คือ "ตัวคุณ"
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
3. เรื่องวุ่นวายบนโลก
มีอยู่ 2 อย่างเท่านั้นคือ
"ไปหลงรัก" และ
"ไปหลงเกลียด"
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
4. ความสบายใจ
ไม่ได้เกิดจาก
ทำทุกสิ่งให้ได้ดังใจ
แต่เกิดจากใจ
ที่ยอมรับว่า ไม่มีอะไร
ที่จะได้ดังใจเราไปทั้งหมด
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
5. ต่างคนต่างความคิด
ต่างจิตต่างใจ
อย่าดูถูกความคิดใคร
ถ้าความคิดต่าง
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
6. อ่านหนังสือออก สำคัญ
อ่านเหตุการณ์ออก สำคัญกว่า
อ่านคนอื่นออก สำคัญยิ่ง
อ่านตนเองออก สำคัญที่สุด
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
7. ถ้าคิดได้ ให้ช่วยคิด
ถ้าคิดไม่ได้ ให้ช่วยทำ
ถ้าทำไม่ได้ ให้ความร่วมมือ
ถ้าร่วมมือไม่ได้ ให้กำลังใจ
แม้ให้กำลังใจไม่ได้
ให้สงบนิ่ง
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
8. ละได้ ใจก็สะอาด
วางได้ ใจก็โล่ง
ปลงได้ ใจก็เย็น
อภัยได้ ใจก็สงบ
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
9. เงาจันทร์ เกิดจาก
ความนิ่งของน้ำ ฉันใด
ปัญญา เกิดจาก
ความนิ่งของใจ ฉันนั้น
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
10. ไม่ใช่ความทุกข์
ที่ทำให้เราคิดมาก
แต่เป็นเพราะเราคิดมาก
ทำให้เกิดความทุกข์
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
11. รู้จักให้ รู้จักรับ
รู้จักปรับ รู้จักให้อภัย
รู้จักแบ่ง รู้จักได้
รู้จักแข็ง รู้จักคลาย
ชีวิตจะเบาสบาย
และมีความสุข
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
12. หาที่สงบร้อยที่
ยังไม่ดีเท่าสงบที่ใจตน
รู้จักคนร้อยคน
ไม่ดีเท่ารู้จักตน
เพียงคนเดียว
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
13. เมื่อมี จงรู้จักให้
เมื่อได้ จงรู้จักพอ
เมื่อขอ จงรู้คุณค่า
คนเราเกิดมา ถึงเวลา
.........ก็ ต้องจากไป
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
14. สิ่งที่ย้อนไม่ได้ คือเวลา
สิ่งที่หนีไม่ได้ คือความตาย
สิ่งที่ชื้อไม่ได้ คือ สุขภาพ&ชีวิต
สิ่งที่มองไม่เห็น คือใจคน
สิ่งที่ต้องอดทน คือใจตัวเอง
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
15. ไฟไม่ได้ร้อน
ถ้าเราไม่เอาตัวเข้าไปใกล้
ทุกข์ใดๆก็ไม่ทำให้เราหนัก
ถ้าเราไม่เอาใจเข้าไปแบก
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
16. กำลังใจอาจหาได้
จากคนรอบข้าง
แต่ความเข้มแข็ง
เราต้องสร้างมันขึ้นเอง
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
17. บางครั้งกำลังใจ
นอกจากจะมีไว้ให้ใครๆ
ก็ต้องเก็บไว้ให้ตัวเองด้วย
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
18. เมื่อตัดสินใจ
ที่จะเดินไปข้างหน้า
ก็อย่าหวั่นไหวกับปัญหา
ที่จะต้องพบเจอ
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
19. คนมีปัญญา
มักมองเห็นโอกาส
ในทุกๆปัญหา
คนขาดปัญญา
มักมองเห็นปัญหา
ในทุกๆโอกาส
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
20. ทุกครั้งที่เรา ไม่เข้าใจกัน
ไม่ผิดที่จะโกรธ
แต่ผิดที่เราไม่ขอโทษกัน
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
21. จงเป็นคนดี
คนเก่งและมีความสุข
แค่นี้ก็เป็นคนโดยสมบูรณ์แล้ว
═══════════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════════
สมเด็จพระสังฆราช
แชร์ไปได้บุญ
ไม่สามารถกลับไป
แก้ไขอะไรได้
จึงมีวันพรุ่งนี้
ให้เราได้ทำสิ่งดีๆต่อไป
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
2. คนเดียวเท่านั้น
ที่จะช่วยให้คุณผ่าน
ทุกปัญหาได้
คือ "ตัวคุณ"
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
3. เรื่องวุ่นวายบนโลก
มีอยู่ 2 อย่างเท่านั้นคือ
"ไปหลงรัก" และ
"ไปหลงเกลียด"
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
4. ความสบายใจ
ไม่ได้เกิดจาก
ทำทุกสิ่งให้ได้ดังใจ
แต่เกิดจากใจ
ที่ยอมรับว่า ไม่มีอะไร
ที่จะได้ดังใจเราไปทั้งหมด
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
5. ต่างคนต่างความคิด
ต่างจิตต่างใจ
อย่าดูถูกความคิดใคร
ถ้าความคิดต่าง
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
6. อ่านหนังสือออก สำคัญ
อ่านเหตุการณ์ออก สำคัญกว่า
อ่านคนอื่นออก สำคัญยิ่ง
อ่านตนเองออก สำคัญที่สุด
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
7. ถ้าคิดได้ ให้ช่วยคิด
ถ้าคิดไม่ได้ ให้ช่วยทำ
ถ้าทำไม่ได้ ให้ความร่วมมือ
ถ้าร่วมมือไม่ได้ ให้กำลังใจ
แม้ให้กำลังใจไม่ได้
ให้สงบนิ่ง
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
8. ละได้ ใจก็สะอาด
วางได้ ใจก็โล่ง
ปลงได้ ใจก็เย็น
อภัยได้ ใจก็สงบ
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
9. เงาจันทร์ เกิดจาก
ความนิ่งของน้ำ ฉันใด
ปัญญา เกิดจาก
ความนิ่งของใจ ฉันนั้น
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
10. ไม่ใช่ความทุกข์
ที่ทำให้เราคิดมาก
แต่เป็นเพราะเราคิดมาก
ทำให้เกิดความทุกข์
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
11. รู้จักให้ รู้จักรับ
รู้จักปรับ รู้จักให้อภัย
รู้จักแบ่ง รู้จักได้
รู้จักแข็ง รู้จักคลาย
ชีวิตจะเบาสบาย
และมีความสุข
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
12. หาที่สงบร้อยที่
ยังไม่ดีเท่าสงบที่ใจตน
รู้จักคนร้อยคน
ไม่ดีเท่ารู้จักตน
เพียงคนเดียว
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
13. เมื่อมี จงรู้จักให้
เมื่อได้ จงรู้จักพอ
เมื่อขอ จงรู้คุณค่า
คนเราเกิดมา ถึงเวลา
.........ก็ ต้องจากไป
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
14. สิ่งที่ย้อนไม่ได้ คือเวลา
สิ่งที่หนีไม่ได้ คือความตาย
สิ่งที่ชื้อไม่ได้ คือ สุขภาพ&ชีวิต
สิ่งที่มองไม่เห็น คือใจคน
สิ่งที่ต้องอดทน คือใจตัวเอง
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
15. ไฟไม่ได้ร้อน
ถ้าเราไม่เอาตัวเข้าไปใกล้
ทุกข์ใดๆก็ไม่ทำให้เราหนัก
ถ้าเราไม่เอาใจเข้าไปแบก
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
16. กำลังใจอาจหาได้
จากคนรอบข้าง
แต่ความเข้มแข็ง
เราต้องสร้างมันขึ้นเอง
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
17. บางครั้งกำลังใจ
นอกจากจะมีไว้ให้ใครๆ
ก็ต้องเก็บไว้ให้ตัวเองด้วย
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
18. เมื่อตัดสินใจ
ที่จะเดินไปข้างหน้า
ก็อย่าหวั่นไหวกับปัญหา
ที่จะต้องพบเจอ
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
19. คนมีปัญญา
มักมองเห็นโอกาส
ในทุกๆปัญหา
คนขาดปัญญา
มักมองเห็นปัญหา
ในทุกๆโอกาส
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
20. ทุกครั้งที่เรา ไม่เข้าใจกัน
ไม่ผิดที่จะโกรธ
แต่ผิดที่เราไม่ขอโทษกัน
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════
21. จงเป็นคนดี
คนเก่งและมีความสุข
แค่นี้ก็เป็นคนโดยสมบูรณ์แล้ว
═══════════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════════
สมเด็จพระสังฆราช
แชร์ไปได้บุญ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าสิเอานิพพาน
ต้องยอม
สละคู่บุญบารมีเก่า
....ให้คนอื่น....
ต้องยอม
สละคู่บุญบารมีเก่า
....ให้คนอื่น....
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 11, 2017 8:43:39am
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 11, 2017 12:36:41pm
อยากให้ฮู้วิธีประเคนของเด้.....
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 11, 2017 12:42:33pm
สถานที่: โรงพยาบาลหัวตะพาน อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ (15.695825035529, 104.49251668254)
ที่อยู่: 176 หมู่7 ต.รัตนวารี อ.หัวตะพาน, Hua Taphan, Amnat Charoen
ชั่งน้ำหนัก... ผลออกมา 61 kg
@ โรงพยาบาลหัวตะพาน
ส่วนที่เป็นธาตุดิน คง 35 kg
ส่วนที่เป็นธาตุน้ำ คง 26 kg
ส่วนธาตุลมและธาตุไฟ 0 kg
@ โรงพยาบาลหัวตะพาน
ส่วนที่เป็นธาตุดิน คง 35 kg
ส่วนที่เป็นธาตุน้ำ คง 26 kg
ส่วนธาตุลมและธาตุไฟ 0 kg
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
11 ธ.ค. 2017
สมกับพระพุทธเจ้าว่า
บุคคลหาได้ยากในโลก ๓ จำพวก
๑. พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
๒. บุคคลผู้ประกาศธรรมวินัยของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
๓. บุคคลผู้กตัญญูกตเวที
ในข้อ๑ เรามีความคิดเห็นเพิ่มเติมขึ้นมาว่า
แม้พระโพธิ์สัตว์ พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันตสาวก ก็หายาก
(แต่พระพุทธเจ้าท่านทรงสรุปลงให้สั้นเฉยๆ)
ในข้อ๒ เรามีความคิดเห็นเพิ่มเติมขึ้นมาว่า
"หายากจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แม้มีก็น้อย
เพราะส่วนมากคงไม่ใช่ประกาสธรรวินัยแท้ แต่เป็นธรรมวินัยเทียม
ในข้อ๓ เรามีความคิดเห็นเพิ่มเติมขึ้นมาว่า
"ย่อมต้องเป็นอย่างนี้เป็นอย่างที่พระพุทธองค์พยากรณ์ไว้แล้วเป็นธรรมดา
คือช่วงอายุไขมนุษย์ขาลง จาก 100 ปี ลงไปหา 10 ปี หมู่สัตว์บางจำพวก
จะเลวขึ้นเรื่อยๆ จะทำการสมสู่กันเยี่ยงเป็ดผสมพันธ์กัน แม้แม่กับลูก แม่พ่อ
กับลูก และจะมีความกำหนดหมายว่า แม่เป็นสัตว์ สามารถฆ่าได้ พ่อ
เป็นสัตว์สามารถฆ่าได้
ตอนนี้ก็มีข่าวแล้ว เรื่องแม่กับลูกเอากัน พ่อกับลูกเอากัน พ่อฆ่าลูก แม่ฆ่าลูก
ลูกฆ่าพ่อ ลูกฆ่าแม่
แล้วจะให้มีลูกกตัญญูกตเวทีอย่างแพ่หลายได้อย่างไร
ในยุคนี้ใครสามารถช่วยตนเองขึ้นไปพักบนสวรรค์ได้ ปลอดภัยระดับหนึ่งเลย
เพราะคนส่วนใหญ่ในยุคนี้ มีแนวโน้มจะไปทุคติภูมิสูงกว่าไปสุคติภูมิ
ไม่เชื่อก็พิจารณาดูการกระทำของคนในยุคนี้ดูสิเป็นอย่างไร
เอาอกุศลกรรมบทเทียบ
สมกับพระพุทธเจ้าว่า
บุคคลหาได้ยากในโลก ๓ จำพวก
๑. พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
๒. บุคคลผู้ประกาศธรรมวินัยของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
๓. บุคคลผู้กตัญญูกตเวที
ในข้อ๑ เรามีความคิดเห็นเพิ่มเติมขึ้นมาว่า
แม้พระโพธิ์สัตว์ พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันตสาวก ก็หายาก
(แต่พระพุทธเจ้าท่านทรงสรุปลงให้สั้นเฉยๆ)
ในข้อ๒ เรามีความคิดเห็นเพิ่มเติมขึ้นมาว่า
"หายากจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แม้มีก็น้อย
เพราะส่วนมากคงไม่ใช่ประกาสธรรวินัยแท้ แต่เป็นธรรมวินัยเทียม
ในข้อ๓ เรามีความคิดเห็นเพิ่มเติมขึ้นมาว่า
"ย่อมต้องเป็นอย่างนี้เป็นอย่างที่พระพุทธองค์พยากรณ์ไว้แล้วเป็นธรรมดา
คือช่วงอายุไขมนุษย์ขาลง จาก 100 ปี ลงไปหา 10 ปี หมู่สัตว์บางจำพวก
จะเลวขึ้นเรื่อยๆ จะทำการสมสู่กันเยี่ยงเป็ดผสมพันธ์กัน แม้แม่กับลูก แม่พ่อ
กับลูก และจะมีความกำหนดหมายว่า แม่เป็นสัตว์ สามารถฆ่าได้ พ่อ
เป็นสัตว์สามารถฆ่าได้
ตอนนี้ก็มีข่าวแล้ว เรื่องแม่กับลูกเอากัน พ่อกับลูกเอากัน พ่อฆ่าลูก แม่ฆ่าลูก
ลูกฆ่าพ่อ ลูกฆ่าแม่
แล้วจะให้มีลูกกตัญญูกตเวทีอย่างแพ่หลายได้อย่างไร
ในยุคนี้ใครสามารถช่วยตนเองขึ้นไปพักบนสวรรค์ได้ ปลอดภัยระดับหนึ่งเลย
เพราะคนส่วนใหญ่ในยุคนี้ มีแนวโน้มจะไปทุคติภูมิสูงกว่าไปสุคติภูมิ
ไม่เชื่อก็พิจารณาดูการกระทำของคนในยุคนี้ดูสิเป็นอย่างไร
เอาอกุศลกรรมบทเทียบ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ในขณะที่โยมอ้ายต๋องมาส่ง...
เฮาเว้ากับเพิลขึ้นมาเลยโดยที่เพิลบอได้ถามอิหยัง
เฮา: ถ้าจิตใจคึเก่า สึกตะดนแล้ว
ปานนี้ยุโรงงานบริษัท2หมื่นแล้ว
กะย้อนมันบอคึเก่านั่นหละ
ถ้ามันคือเก่า สึกไปตะดนแล้ว"
โยมอ้ายต๋อง: "กะแล้วแต่หม่อม"
เฮา: บุคคลที่มองการณ์ไกล ระหว่างให้แม่ทุกข์ชาตินี้แต่สุขชาติหน้า อัน
ใด๋ดีกว่ากัน
เฮาเว้ากับเพิลขึ้นมาเลยโดยที่เพิลบอได้ถามอิหยัง
เฮา: ถ้าจิตใจคึเก่า สึกตะดนแล้ว
ปานนี้ยุโรงงานบริษัท2หมื่นแล้ว
กะย้อนมันบอคึเก่านั่นหละ
ถ้ามันคือเก่า สึกไปตะดนแล้ว"
โยมอ้ายต๋อง: "กะแล้วแต่หม่อม"
เฮา: บุคคลที่มองการณ์ไกล ระหว่างให้แม่ทุกข์ชาตินี้แต่สุขชาติหน้า อัน
ใด๋ดีกว่ากัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
บุคคลที่เฮาบ่ออยากต้อนรับ บ่ออยากสุงสิงนำ
บ่ต้องการซะเว้าง่ายๆ มากวนมาซ้ำเติมสือๆ มาแบบบ่แมนนักปราชญ์
> ถ้ามาแล้ว มายกเรื่องในอดีตที่มันผิดพลาดไปแล้วบ่สามารถไปดัดไปแปลงมันใด้แล้ว ยกขึ้นมาฮ้ายยกขึ้นมาโจมตียกขึ้นมาแง แล้วกะหนี อย่ามา เชิญไปไกลๆโลด
> ถ้ามาแล้ว มายกเรื่องในอดีตที่มันผิดพลาดไปแล้วบ่สามารถไปดัดไปแปลงมันใด้แล้ว ยกขึ้นมาฮ้ายยกขึ้นมาโจมตียกขึ้นมาแง แล้วกะชี้แนะแนวทางในการแก้ปัญหา มาใด้
> ถ้ามาแล้ว บ่อยกเรื่องในอดีตที่มันผิดพลาดไปแล้วบ่สามารถไปดัดไปแปลงมันใด้แล้ว บ่อยกขึ้นมาฮ้ายบ่อยกขึ้นมาโจมตีบ่อยกขึ้นมาแง แต่ชี้แนะแนวทางในการแก้ปัญหาเลย อันนี้มาใด้
#เลือกคัดกรองผู้มาเด้หนิ
บ่ต้องการซะเว้าง่ายๆ มากวนมาซ้ำเติมสือๆ มาแบบบ่แมนนักปราชญ์
> ถ้ามาแล้ว มายกเรื่องในอดีตที่มันผิดพลาดไปแล้วบ่สามารถไปดัดไปแปลงมันใด้แล้ว ยกขึ้นมาฮ้ายยกขึ้นมาโจมตียกขึ้นมาแง แล้วกะหนี อย่ามา เชิญไปไกลๆโลด
> ถ้ามาแล้ว มายกเรื่องในอดีตที่มันผิดพลาดไปแล้วบ่สามารถไปดัดไปแปลงมันใด้แล้ว ยกขึ้นมาฮ้ายยกขึ้นมาโจมตียกขึ้นมาแง แล้วกะชี้แนะแนวทางในการแก้ปัญหา มาใด้
> ถ้ามาแล้ว บ่อยกเรื่องในอดีตที่มันผิดพลาดไปแล้วบ่สามารถไปดัดไปแปลงมันใด้แล้ว บ่อยกขึ้นมาฮ้ายบ่อยกขึ้นมาโจมตีบ่อยกขึ้นมาแง แต่ชี้แนะแนวทางในการแก้ปัญหาเลย อันนี้มาใด้
#เลือกคัดกรองผู้มาเด้หนิ
."เพราะชีวิตเป็นของเรา
ความสุขอยู่ที่เรา
มิใช่อยู่ที่ใคร
อย่ายึดติดที่ใครหรือสิ่งใด"
เพิ่มเติม : แม้ความทุกข์ใจ เราก็สร้างมันขึ้นมาด้วยจิต
แม้ความสุขใจ เราก็สร้างมันขึ้นมาด้วยจิต
แม้ความเฉยๆไม่สุขไม่ทุกข์ เราก็สร้างมันขึ้นมาด้วยจิต
เมื่อใด๋ปราบความหลงเสียได้ เมื่อนั้นหมดการหลงสร้างทุกข์ขึ้นมาเผาใจ"
Pratthana Duangmala
."เพราะชีวิตเป็นของเรา
ความสุขอยู่ที่เรา
มิใช่อยู่ที่ใคร
อย่ายึดติดที่ใครหรือสิ่งใด"
เพิ่มเติม : แม้ความทุกข์ใจ เราก็สร้างมันขึ้นมาด้วยจิต
แม้ความสุขใจ เราก็สร้างมันขึ้นมาด้วยจิต
แม้ความเฉยๆไม่สุขไม่ทุกข์ เราก็สร้างมันขึ้นมาด้วยจิต
เมื่อใด๋ปราบความหลงเสียได้ เมื่อนั้นหมดการหลงสร้างทุกข์ขึ้นมาเผาใจ"
Pratthana Duangmala
ความสุขอยู่ที่เรา
มิใช่อยู่ที่ใคร
อย่ายึดติดที่ใครหรือสิ่งใด"
เพิ่มเติม : แม้ความทุกข์ใจ เราก็สร้างมันขึ้นมาด้วยจิต
แม้ความสุขใจ เราก็สร้างมันขึ้นมาด้วยจิต
แม้ความเฉยๆไม่สุขไม่ทุกข์ เราก็สร้างมันขึ้นมาด้วยจิต
เมื่อใด๋ปราบความหลงเสียได้ เมื่อนั้นหมดการหลงสร้างทุกข์ขึ้นมาเผาใจ"
Pratthana Duangmala
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมื่อยังมีโอกาสให้แก้ไข
ก็จงขวานขวายแก้ไข
เมื่อหมดโอกาสให้แก้ไข
แม้อยากแก้ไข มันก็ไม่มีโอกาสนะ
ก็จงขวานขวายแก้ไข
เมื่อหมดโอกาสให้แก้ไข
แม้อยากแก้ไข มันก็ไม่มีโอกาสนะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ จันทร์สุดา เกษมสัตย์ และคนอื่นๆ อีก 27 คน
คุณได้แท็ก จันทร์สุดา เกษมสัตย์, Pat Thiranan, Rungsun Kiayasuan, BaiFern Lyy, จันทราพร เกษมสัตย์, เรียนมาน้อย เลยสะกดคำว่า ถอย ไม่เป็น, Sawitree Rakwong, จตุพล หน่อแก้ว, Pu Pratthana, กลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, Dowpaky Dao, Santi-Wanna Loveforever, Kung Patcharin, Pui Chutima, สมัย เกษมสัตย์, Prapatsorn Aom'Sri, Naree Maneenat, Wichitchai Piankla, จิดาภา ศิริวาลย์, Praiwapa May, Wili Rakwong, กมล เกษมสัตย์, พัชรินทร์ เกษมสัตย์, Preeter Moss, Kong Kong, Patcharee Punaree, Noy Kunkanhok และ นัทชา ขันแก้ว
.12 ธ.ค. 2017
พระปฏาจาราเถรี(ภิกษุณีผู้ทุกข์ทรมานมากที่สุด)
................................................
“ปฏาจารา” พระสาวิการูปหนึ่ง
เป็นธิดาของเศรษฐีในกรุงสาวัตถีเป็นหญิงรูปร่างงดงามและได้รับก
ารเลี้ยงดูอย่างดี
ครั้นนางมีอายุได้ 16 ปีได้หลงรักชายคนใช้ในบ้านของตนเอง
ต่อมาบิดามารดาได้จัดเตรียมหาชายหนุ่มในชนชั้นเดียวกันมาแต่งงาน
ด้วยนางจึงได้นัดแนะให้ชายคนใช้พาหนี แล้วไปสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยใ
นชนบทอันทุรกันดารแห่งหนึ่ง ชีวิตเริ่มแรกของนางปฏาจารามีคว
ามสุขมาก เพราะได้อยู่ใกล้ชิดกับชายคนรัก
เวลาผ่านไปไม่นาน นางปฏาจาราตั้งครรภ์ ครั้นถึงเวลาใกล้คลอดนางมี
ความกังวลใจ เพราะไม่มีบิดามารดาและญาติอยู่ใกล้ชิด นางจึงขอร้องให้
สามีพากลับไปหาบิดามารดา สามีปฏิเสธคำขอร้อง เพราะกลัวเกรงบิ
ดามารดาของนางจะเอาโทษ
นางจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพียงลำพัง นางได้คลอดบุตรคนแรก
ในระหว่างทางเมื่อสามีตามไปพบ เขาได้ชี้แจงเหตุผลต่างๆ
จนพานางกลับบ้านสำเร็จ
เวลาต่อมา นางได้ตั้งครรภ์อีกเป็นครั้งที่สองและได้ขอร้องสามีเหมือนครั้งก่อน
แต่สามีปฏิเสธคำขอร้องเช่นนั้นอีกนางจึงพาบุตรน้อยผู้กำลังหัดเดินหนีออก
จากบ้าน
ในระหว่างทางนางปวดท้องอย่างรุนแรง เพราะกำลังจะคลอดบุตรฝน
ได้ตกลงมาอย่างหนัก สามีตามไปพบนางดิ้นทุรนทุรายอยู
่ท่ามกลางสายฝนจึงไปตัดไม้เพื่อนำมาทำที่กำบังฝนชั่วคราว แต่
เขาถูกงูพิษกัดถึงแก่ความตาย
นางปฏาจาราคลอดบุตรด้วยความยากลำบาก แล้วนางอุ้มทารก
และจูงบุตรน้อยตามไปพบศพของสามีจึงมีความเศร้าโศกเสียใจมาก
นางตัดสินใจจะพาบุตรไปหาบิดามารดาในเมือง
เมื่อนางมาถึงลำธารใหญ่ที่น้ำกำลังไหลเชี่ยวนางไม่อาจจะพาบุตรข
้ามน้ำพร้อมกันได้ จึงให้บุตรคนโตยืนรอที่ฝั่งข้างหนึ่งแล้วอุ้มทา
รกแรกเกิดเดินข้ามน้ำไปอีกฝั่งหนึ่ง และวางทารกน้อยไว้ที่อันเหมาะสม
ขณะเดินข้ามน้ำมาถึงกลางน้ำ เพื่อรับบุตรคนโตนางเห็นเหยี่ยว
ตัวหนึ่งกำลังบินโฉบลงเพื่อจิกทารก เพราะมันเข้าใจว่าเป็นก้อนเนื้อนาง
จึงยกมือขึ้นไล่เหยี่ยว แต่ไม่อาจช่วยชีวิตทารกน้อยได้ เพราะเหยี่ยวมอง
ไม่เห็นอาการของนางที่ขับไล่จึงเฉี่ยวทารกน้อยของนางไป
บุตรคนโตมองเห็นนางยกมือขึ้นทั้งสองข้าง ก็เข้าใจว่ามารดาเรียกตน
จึงก้าวลงสู่แม่น้ำอันเชี่ยวและถูกน้ำพัดพาหายไป
นางปฏาจาราได้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในเวลาใกล้กัน แต่นางยังตั้งสต
ิได้นางเดินร้องไห้เข้าไปสู่เมืองสาวัตถีและได้ทราบข่าวจากชาวเ
มืองคนหนึ่งในระหว่างทางว่าลมและฝนได้พัดเรือนบิดามารดาของนางพ
ังทลาย และเจ้าของบ้านก็ตายไปด้วย
ครั้นเมื่อนางทราบช่าวเช่นนี้ ก็ไม่อาจตั้งสติได้ นางสลัดผ้านุ่งทิ้งแล้ววิ่งบ่นเ
พ้อด้วยร่างกายอันเปลือยเปล่า เข้าไปวัดพระเชตวันมหาวิหารขณะท
ี่พระพุทธเจ้ากำลังทรงแสดงธรรมอยู่ท่ามกลางบริษัทประชาชนเห็นนาง
แล้วร้องบอกกันว่าคนบ้าๆ อย่าให้เข้ามา
พระพุทธองค์ตรัสว่าปล่อยให้นางเข้ามาเถิด แล้วตรัสเรียกเต
ือนสตินางกลับได้สติ เกิดความละอายนั่งลง ใครคนหนึ่งในที่ประชุมนั้นโยนผ้
าให้นางนุ่งห่มพระองค์ทรงแสดงธรรมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดกับนาง
โดยย่อว่า ปิยชนมีบุตรเป็นต้น ไม่สามารถข้องกับคนที่ตายแล้วได้
ผู้รักษาศีลแล้วพึงชำระทางไปพระนิพพาน
นางฟังพระธรรมเทศนา อันแสดงถึงความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่งพิจารณาไ
ปตามพระธรรมเทศนานั้นแล้วได้บรรลุโสดาปัตติผล และทูลขออุปสมบท
พระองค์จึงทรงอนุญาตให้นางบวชในสำนักนางภิกษุณี
ต่อมานางภิกษุณีปฏาจาราได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพร
ะพุทธองค์ว่าคนที่ไม่เห็นความเสื่อมสิ้นไปในเบญจขันธ์ แม้มีชีวิตอยู่ร้อยปีก็
ไม่ประเสริฐเท่าคนที่มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวแต่มองเห็นความเสื่อมสิ้นไป
ในเบญจขันธ์ เมื่อจบพระธรรมเทศนานางภิกษุณีปฏาจาราก็ได้บรรล
ุพระอรหัตผล
พระปฏาจาราเถรีมีความชำนาญในพระวินัยมากจนได้รับการยกย่อง
จากพระพุทธเจ้าว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายผู้ทรงพระวินัย
และพระปฏาจาราเถรีได้เป็นกำลังในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
พระปฏาจาราเถรีมีคุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ดังนี้
1. เป็นผู้มีความตั้งใจจริง นิสัยตั้งใจจริง ต้องทำตามที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จนี้
ได้มีมาตั้งแต่พระปฏาจาราเถรียังเป็นเด็กสาวแต่เนื่องจากยังขาด
ประสบการณ์และขาดวิจารณญาณ จึงทำให้ผิดพลาดในชีวิตโดยสังเกต
ได้ว่า นางตั้งใจจะแต่งงานกับขายคนที่ตนรักไม่ต้องการแต่งงานกับคนที่บ
ิดามารดาเลือกให้ ก็ต้องทำให้ได้
แต่เมื่อได้บวชเป็นนางภิกษุณีแล้วนางได้สานต่อความตั้งใจนั้นในทางที่ถูก
ต้องนั่นคือความตั้งใจศึกษาพระวินัยปิฎกให้เชี่ยวชาญ ก็ไม่ลดละความพย
ายามนางได้ใช้วิริยะอุตสาหะเป็นอย่างมาก จนกระทั่งสำเร็จ
ตามปรารถนาได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้าให้เป็นผู้เลิศกว่านางภิกษุณีรูป
อื่นในด้านผู้ทรงพระวินัย
2. เป็นผู้แนะแนวชีวิตที่ดี ชีวิตของนางปฏาจาราเถรี เป็นชีวิตที่มาก
ด้วยประสบการณ์ได้ผ่านมาทั้งความสุข ความสมหวัง และความทุกข์ควา
มผิดหวังอย่างสาหัสจนเกือบกลายเป็นคนบ้าเสียสติถาวร
เมื่อนางได้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตแห่งชีวิตเข้ามาสู่ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนา
แล้วประสบการณ์เหล่านั้นกลับเป็นประโยชน์แก่นางและคนอื่น คือสตรีอื่นๆที่
มีปัญหาชีวิตพากันมาขอคำแนะนำ นางได้ให้คำแนะนำที่ดี และ
ช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาเหล่านั้น จนกระทั่งได้รับยกย่องว่า “เป็นครูยิ่งใหญ่”
ของพวกเขา
• เสริมสาระ
สตรีอินเดียในสมัยโบราณนิยมคลอดบุตรที่บ้านสกุลเดิมของตน
ธรรมเนียมพราหมณ์อย่างหนึ่งมีว่า หญิงใดจะให้กำเนิดบุตรต้องกลับไ
ปคลอดที่บ้านสกุลเดิมของตน หาคลอดที่บ้านของสามีไม่ การเชื่อเช่นนี้อาจ
เนื่องมาจากเหตุผลบางอย่างเพราะตามปกติหญิงที่กำลังจะให้กำเนิดบุตร
นั้น มีความต้องการความอบอุ่นทางใจต้องการคนช่วยเหลือ และคอย
เป็นห่วงเป็นใยความอบอุ่นเช่นนี้อาจหาได้ยากจากญาติของฝ่ายสามีตรง
กันข้ามหญิงนั้นจะรู้สึกสบายใจและอบอุ่นใจมาก หากได้อยู่ใกล้ญ
าติพี่น้องของตนเองซึ่งรักและเข้าใจเธอมากกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ โดย รศ.ดนัย ไชยโยธา
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 172 เมษายน 2558โดย กองบรรณาธิการ)
พระปฏาจาราเถรี(ภิกษุณีผู้ทุกข์ทรมานมากที่สุด)
................................................
“ปฏาจารา” พระสาวิการูปหนึ่ง
เป็นธิดาของเศรษฐีในกรุงสาวัตถีเป็นหญิงรูปร่างงดงามและได้รับก
ารเลี้ยงดูอย่างดี
ครั้นนางมีอายุได้ 16 ปีได้หลงรักชายคนใช้ในบ้านของตนเอง
ต่อมาบิดามารดาได้จัดเตรียมหาชายหนุ่มในชนชั้นเดียวกันมาแต่งงาน
ด้วยนางจึงได้นัดแนะให้ชายคนใช้พาหนี แล้วไปสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยใ
นชนบทอันทุรกันดารแห่งหนึ่ง ชีวิตเริ่มแรกของนางปฏาจารามีคว
ามสุขมาก เพราะได้อยู่ใกล้ชิดกับชายคนรัก
เวลาผ่านไปไม่นาน นางปฏาจาราตั้งครรภ์ ครั้นถึงเวลาใกล้คลอดนางมี
ความกังวลใจ เพราะไม่มีบิดามารดาและญาติอยู่ใกล้ชิด นางจึงขอร้องให้
สามีพากลับไปหาบิดามารดา สามีปฏิเสธคำขอร้อง เพราะกลัวเกรงบิ
ดามารดาของนางจะเอาโทษ
นางจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพียงลำพัง นางได้คลอดบุตรคนแรก
ในระหว่างทางเมื่อสามีตามไปพบ เขาได้ชี้แจงเหตุผลต่างๆ
จนพานางกลับบ้านสำเร็จ
เวลาต่อมา นางได้ตั้งครรภ์อีกเป็นครั้งที่สองและได้ขอร้องสามีเหมือนครั้งก่อน
แต่สามีปฏิเสธคำขอร้องเช่นนั้นอีกนางจึงพาบุตรน้อยผู้กำลังหัดเดินหนีออก
จากบ้าน
ในระหว่างทางนางปวดท้องอย่างรุนแรง เพราะกำลังจะคลอดบุตรฝน
ได้ตกลงมาอย่างหนัก สามีตามไปพบนางดิ้นทุรนทุรายอยู
่ท่ามกลางสายฝนจึงไปตัดไม้เพื่อนำมาทำที่กำบังฝนชั่วคราว แต่
เขาถูกงูพิษกัดถึงแก่ความตาย
นางปฏาจาราคลอดบุตรด้วยความยากลำบาก แล้วนางอุ้มทารก
และจูงบุตรน้อยตามไปพบศพของสามีจึงมีความเศร้าโศกเสียใจมาก
นางตัดสินใจจะพาบุตรไปหาบิดามารดาในเมือง
เมื่อนางมาถึงลำธารใหญ่ที่น้ำกำลังไหลเชี่ยวนางไม่อาจจะพาบุตรข
้ามน้ำพร้อมกันได้ จึงให้บุตรคนโตยืนรอที่ฝั่งข้างหนึ่งแล้วอุ้มทา
รกแรกเกิดเดินข้ามน้ำไปอีกฝั่งหนึ่ง และวางทารกน้อยไว้ที่อันเหมาะสม
ขณะเดินข้ามน้ำมาถึงกลางน้ำ เพื่อรับบุตรคนโตนางเห็นเหยี่ยว
ตัวหนึ่งกำลังบินโฉบลงเพื่อจิกทารก เพราะมันเข้าใจว่าเป็นก้อนเนื้อนาง
จึงยกมือขึ้นไล่เหยี่ยว แต่ไม่อาจช่วยชีวิตทารกน้อยได้ เพราะเหยี่ยวมอง
ไม่เห็นอาการของนางที่ขับไล่จึงเฉี่ยวทารกน้อยของนางไป
บุตรคนโตมองเห็นนางยกมือขึ้นทั้งสองข้าง ก็เข้าใจว่ามารดาเรียกตน
จึงก้าวลงสู่แม่น้ำอันเชี่ยวและถูกน้ำพัดพาหายไป
นางปฏาจาราได้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในเวลาใกล้กัน แต่นางยังตั้งสต
ิได้นางเดินร้องไห้เข้าไปสู่เมืองสาวัตถีและได้ทราบข่าวจากชาวเ
มืองคนหนึ่งในระหว่างทางว่าลมและฝนได้พัดเรือนบิดามารดาของนางพ
ังทลาย และเจ้าของบ้านก็ตายไปด้วย
ครั้นเมื่อนางทราบช่าวเช่นนี้ ก็ไม่อาจตั้งสติได้ นางสลัดผ้านุ่งทิ้งแล้ววิ่งบ่นเ
พ้อด้วยร่างกายอันเปลือยเปล่า เข้าไปวัดพระเชตวันมหาวิหารขณะท
ี่พระพุทธเจ้ากำลังทรงแสดงธรรมอยู่ท่ามกลางบริษัทประชาชนเห็นนาง
แล้วร้องบอกกันว่าคนบ้าๆ อย่าให้เข้ามา
พระพุทธองค์ตรัสว่าปล่อยให้นางเข้ามาเถิด แล้วตรัสเรียกเต
ือนสตินางกลับได้สติ เกิดความละอายนั่งลง ใครคนหนึ่งในที่ประชุมนั้นโยนผ้
าให้นางนุ่งห่มพระองค์ทรงแสดงธรรมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดกับนาง
โดยย่อว่า ปิยชนมีบุตรเป็นต้น ไม่สามารถข้องกับคนที่ตายแล้วได้
ผู้รักษาศีลแล้วพึงชำระทางไปพระนิพพาน
นางฟังพระธรรมเทศนา อันแสดงถึงความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่งพิจารณาไ
ปตามพระธรรมเทศนานั้นแล้วได้บรรลุโสดาปัตติผล และทูลขออุปสมบท
พระองค์จึงทรงอนุญาตให้นางบวชในสำนักนางภิกษุณี
ต่อมานางภิกษุณีปฏาจาราได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพร
ะพุทธองค์ว่าคนที่ไม่เห็นความเสื่อมสิ้นไปในเบญจขันธ์ แม้มีชีวิตอยู่ร้อยปีก็
ไม่ประเสริฐเท่าคนที่มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวแต่มองเห็นความเสื่อมสิ้นไป
ในเบญจขันธ์ เมื่อจบพระธรรมเทศนานางภิกษุณีปฏาจาราก็ได้บรรล
ุพระอรหัตผล
พระปฏาจาราเถรีมีความชำนาญในพระวินัยมากจนได้รับการยกย่อง
จากพระพุทธเจ้าว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายผู้ทรงพระวินัย
และพระปฏาจาราเถรีได้เป็นกำลังในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
พระปฏาจาราเถรีมีคุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ดังนี้
1. เป็นผู้มีความตั้งใจจริง นิสัยตั้งใจจริง ต้องทำตามที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จนี้
ได้มีมาตั้งแต่พระปฏาจาราเถรียังเป็นเด็กสาวแต่เนื่องจากยังขาด
ประสบการณ์และขาดวิจารณญาณ จึงทำให้ผิดพลาดในชีวิตโดยสังเกต
ได้ว่า นางตั้งใจจะแต่งงานกับขายคนที่ตนรักไม่ต้องการแต่งงานกับคนที่บ
ิดามารดาเลือกให้ ก็ต้องทำให้ได้
แต่เมื่อได้บวชเป็นนางภิกษุณีแล้วนางได้สานต่อความตั้งใจนั้นในทางที่ถูก
ต้องนั่นคือความตั้งใจศึกษาพระวินัยปิฎกให้เชี่ยวชาญ ก็ไม่ลดละความพย
ายามนางได้ใช้วิริยะอุตสาหะเป็นอย่างมาก จนกระทั่งสำเร็จ
ตามปรารถนาได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้าให้เป็นผู้เลิศกว่านางภิกษุณีรูป
อื่นในด้านผู้ทรงพระวินัย
2. เป็นผู้แนะแนวชีวิตที่ดี ชีวิตของนางปฏาจาราเถรี เป็นชีวิตที่มาก
ด้วยประสบการณ์ได้ผ่านมาทั้งความสุข ความสมหวัง และความทุกข์ควา
มผิดหวังอย่างสาหัสจนเกือบกลายเป็นคนบ้าเสียสติถาวร
เมื่อนางได้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตแห่งชีวิตเข้ามาสู่ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนา
แล้วประสบการณ์เหล่านั้นกลับเป็นประโยชน์แก่นางและคนอื่น คือสตรีอื่นๆที่
มีปัญหาชีวิตพากันมาขอคำแนะนำ นางได้ให้คำแนะนำที่ดี และ
ช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาเหล่านั้น จนกระทั่งได้รับยกย่องว่า “เป็นครูยิ่งใหญ่”
ของพวกเขา
• เสริมสาระ
สตรีอินเดียในสมัยโบราณนิยมคลอดบุตรที่บ้านสกุลเดิมของตน
ธรรมเนียมพราหมณ์อย่างหนึ่งมีว่า หญิงใดจะให้กำเนิดบุตรต้องกลับไ
ปคลอดที่บ้านสกุลเดิมของตน หาคลอดที่บ้านของสามีไม่ การเชื่อเช่นนี้อาจ
เนื่องมาจากเหตุผลบางอย่างเพราะตามปกติหญิงที่กำลังจะให้กำเนิดบุตร
นั้น มีความต้องการความอบอุ่นทางใจต้องการคนช่วยเหลือ และคอย
เป็นห่วงเป็นใยความอบอุ่นเช่นนี้อาจหาได้ยากจากญาติของฝ่ายสามีตรง
กันข้ามหญิงนั้นจะรู้สึกสบายใจและอบอุ่นใจมาก หากได้อยู่ใกล้ญ
าติพี่น้องของตนเองซึ่งรักและเข้าใจเธอมากกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ โดย รศ.ดนัย ไชยโยธา
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 172 เมษายน 2558โดย กองบรรณาธิการ)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อยู่กับ Pat Thiranan และคนอื่นๆ อีก 15 คน
คุณได้แท็ก Pat Thiranan, Bowling Sunisa Kengnok, BaiFern Lyy, จันทราพร เกษมสัตย์, จตุพล หน่อแก้ว, Dowpaky Dao, จำเนียร สมหมั่น, Santi-Wanna Loveforever, กมล เกษมสัตย์, จิดาภา ศิริวาลย์, สมัย เกษมสัตย์, Wili Rakwong, Pui Chutima, พัชรินทร์ เกษมสัตย์, Wichitchai Piankla และ Wanna-Santi Loveforever
.😭
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
หน้าที่ของลูกผู้อยู่ในผ้ากาสาวะพัด
คือนำมารดาบิดาให้มีศรัธา/ศีล/สุตตะ/จาคะ/ปัญญา/
ส่วนลูกที่ยังอยู่ในเพศฆราวาส
เรื่องทิศหก
คือนำมารดาบิดาให้มีศรัธา/ศีล/สุตตะ/จาคะ/ปัญญา/
ส่วนลูกที่ยังอยู่ในเพศฆราวาส
เรื่องทิศหก
สิหาเวลาไปเยี่ยมยุดอกเด้อ
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 12, 2017 6:24:13pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าคนไทยพากันสมมุตินิยมชมชอบ คนผิวดำทั้งหมด
ครีมปรับสีผิวให้ขาวคงขายไม่ออก
ส่วนครีมปรับสีผิวให้ดำคงขายออก
ฉันใดก็ฉันนั้น
ถ้าคนนิยมรักษาใจให้ขาวสะอาดเป็นกุศล
.บาปอกุศลคงเจ้งไม่มีใครทำ ทั้งทางกาย วาจา ฯ
ภพภูมิที่เป็นทุคติคงหายไป
คนทั้งหลายก็มีสุคติเป็นที่ไปกันทั้งหมด
ไม่ต้องมีการมาเสวยวิบากกรรมชั่ว ต่างๆ นาๆ ที่เคยหลงทำไว้ ด้วยสิ่งบีบคั่น
ให้ทำแบบต่างๆ
ที่ต้องทำบาปมันก็เพราะเหตุคืออยากได้ความสุขจากการประสบกับ รูป
เสียง กลิ่น รส สัมผัส นั่นเองเป็นส่วนใหญ่
.. ในเมื่อถ้ามีแต่คนพากันสนใจมุ่งมั่นใส่ใจแต่ความสุขแบบนี้กันเป็นจำมาก
แล้วละทิ้งความสุขที่แจ๋วกว่านั้นอีก
จึงต้องแสวงหาเหตุ ที่จะทำให้ให้ได้ประสบกับมัน
คือประสบกับรูป ที่น่าพอใจ
ประสบกับเสียง ที่น่าพอใจ
ประสบกับกลิ่น ที่น่าพอใจ
ประสบกับรส ที่น่าพอใจ
ประสบกับสัมผัส ที่น่าพอใจ
ถ้าแสวงหามันมาได้โดยถูกต้อง ก็ไม่บาป
ถ้าแสวงหามันมาได้โดยไม่ถูกต้อง ก็บาป
แสวงถูกต้องคือ กายวาจาสุจริต
แต่ถ้าละทิ้งสุขที่ต้องอาศัยเหตุภายนอกเป็นตัวการณ์ใหญ่
ข้ามไปหาทำเหตุให้เจอความสุขที่ยิ่งใหญ่สุดแจ๋ว
อันได้แก่ การทำใจให้สงบ ระงับจากความฟุ้งซ่านซัดส่าย ระงับอารมณ์ที่ก
่อกวนให้ปวดหัว ระงับอารมณ์ที่ที่ให้ท่อแท้ ระงับอารมณ์ที่ทำให้หมดแรงใจ
ระงับอารมณ์ที่อยากจนไม่รู้จักหยุดไม่รู้จักพอในการทะเยอทะยานท
ี่จะเอามาครอบครองอย่างเดียว
ก็จะมีความสุขในระดับยิ่งใหญ่สุดแจ๋ว
(อันเรียกว่า เนกขัมมะสุข)
ครีมปรับสีผิวให้ขาวคงขายไม่ออก
ส่วนครีมปรับสีผิวให้ดำคงขายออก
ฉันใดก็ฉันนั้น
ถ้าคนนิยมรักษาใจให้ขาวสะอาดเป็นกุศล
.บาปอกุศลคงเจ้งไม่มีใครทำ ทั้งทางกาย วาจา ฯ
ภพภูมิที่เป็นทุคติคงหายไป
คนทั้งหลายก็มีสุคติเป็นที่ไปกันทั้งหมด
ไม่ต้องมีการมาเสวยวิบากกรรมชั่ว ต่างๆ นาๆ ที่เคยหลงทำไว้ ด้วยสิ่งบีบคั่น
ให้ทำแบบต่างๆ
ที่ต้องทำบาปมันก็เพราะเหตุคืออยากได้ความสุขจากการประสบกับ รูป
เสียง กลิ่น รส สัมผัส นั่นเองเป็นส่วนใหญ่
.. ในเมื่อถ้ามีแต่คนพากันสนใจมุ่งมั่นใส่ใจแต่ความสุขแบบนี้กันเป็นจำมาก
แล้วละทิ้งความสุขที่แจ๋วกว่านั้นอีก
จึงต้องแสวงหาเหตุ ที่จะทำให้ให้ได้ประสบกับมัน
คือประสบกับรูป ที่น่าพอใจ
ประสบกับเสียง ที่น่าพอใจ
ประสบกับกลิ่น ที่น่าพอใจ
ประสบกับรส ที่น่าพอใจ
ประสบกับสัมผัส ที่น่าพอใจ
ถ้าแสวงหามันมาได้โดยถูกต้อง ก็ไม่บาป
ถ้าแสวงหามันมาได้โดยไม่ถูกต้อง ก็บาป
แสวงถูกต้องคือ กายวาจาสุจริต
แต่ถ้าละทิ้งสุขที่ต้องอาศัยเหตุภายนอกเป็นตัวการณ์ใหญ่
ข้ามไปหาทำเหตุให้เจอความสุขที่ยิ่งใหญ่สุดแจ๋ว
อันได้แก่ การทำใจให้สงบ ระงับจากความฟุ้งซ่านซัดส่าย ระงับอารมณ์ที่ก
่อกวนให้ปวดหัว ระงับอารมณ์ที่ที่ให้ท่อแท้ ระงับอารมณ์ที่ทำให้หมดแรงใจ
ระงับอารมณ์ที่อยากจนไม่รู้จักหยุดไม่รู้จักพอในการทะเยอทะยานท
ี่จะเอามาครอบครองอย่างเดียว
ก็จะมีความสุขในระดับยิ่งใหญ่สุดแจ๋ว
(อันเรียกว่า เนกขัมมะสุข)
ธรรมะโดนใจ / ประจำวันที่ 12 ธันวาคม 2560
_____________________
"มัวแต่ดูแลหัวใจคนอื่น
มากเกินไป...
จนบางทีก็ลืมคิดว่า
เราเองก็มี "หัวใจ" ที่ต้องดูแล
__________________________
สามารถขยายหัวข้อออกมาได้ดังนี้
" ถ้าคนเรามุ่งดูแลผู้อื่นเป็นอย่างดี ด้วยการดูแลเขาให้
เป็นสุขทางกาย หรือ ด้วยการดูแลเขาให้เป็นสุขทางใจ
โดยฝ่ายเดียว จนเกิดความเหนื่อยใจ
เมื่อยหล้าท่อแท้ขึ้นมา
ในเวลาเช่นนั้น ควรที่จะหยุดเราควรที่จะพักไว้ชัวคราวก่อน
ไม่ควรทำการต่อ
เพราะมันเหมือนกับการเดินเข้าไปในห้องที่มีควัณ
ไฟฟุ้งตลบอบอวน ควันเต็มห้องเช่นนั้น ถ้าเราจะฝืนหายใจต่อไป
ในห้องนั้น เราคงสิ้นใจตายในที่สุดถ้าไม่ถอ
ยออกมาสูดอากาสที่บริสุทธิ์
อันนี้ฉันใดก็ฉันนั้น
จิตใจเรา เราจะปล่อยให้มันถูกสีดำย้อม ย้อมจนดำปิ๊ดปี๋
เหมือนถ่านไม่ได้
แต่เราควรทำการย้อมใจเรานี้ ให้เป็นสีขาว ขาวเหมือนปุยเมฆ
บนท้องฟ้าเลย
การย้อมใจให้ขาวนั้น ก็คือการหัดถือศีลเป็นข้อๆไป ทำให้ได้ข้อ
ใดข้อหนึ่งก่อน แล้วให้พึ่งธรรมะหัดฟังธรรมะปลอบใจตน
เมื่อยามเจอสถานการณ์ที่ให้เราหลงปรุงแต่งสร้าง
ทุกข์ขึ้นมาเผาใจตน จะได้มีที่เกาะมีที่พึ่งในการบร
รเทาเศร้าทุกข์
ใจสะอาดสะอ้าน ด้วยปัญญาในธรรม
" สุขกว่า " การมีคนมาเอาอกเอาใจเป็นร้อยเป็นพันคน
ธรรมะโดนใจ / ประจำวันที่ 12 ธันวาคม 2560
_____________________
"มัวแต่ดูแลหัวใจคนอื่น
มากเกินไป...
จนบางทีก็ลืมคิดว่า
เราเองก็มี "หัวใจ" ที่ต้องดูแล
__________________________
สามารถขยายหัวข้อออกมาได้ดังนี้
" ถ้าคนเรามุ่งดูแลผู้อื่นเป็นอย่างดี ด้วยการดูแลเขาให้
เป็นสุขทางกาย หรือ ด้วยการดูแลเขาให้เป็นสุขทางใจ
โดยฝ่ายเดียว จนเกิดความเหนื่อยใจ
เมื่อยหล้าท่อแท้ขึ้นมา
ในเวลาเช่นนั้น ควรที่จะหยุดเราควรที่จะพักไว้ชัวคราวก่อน
ไม่ควรทำการต่อ
เพราะมันเหมือนกับการเดินเข้าไปในห้องที่มีควัณ
ไฟฟุ้งตลบอบอวน ควันเต็มห้องเช่นนั้น ถ้าเราจะฝืนหายใจต่อไป
ในห้องนั้น เราคงสิ้นใจตายในที่สุดถ้าไม่ถอ
ยออกมาสูดอากาสที่บริสุทธิ์
อันนี้ฉันใดก็ฉันนั้น
จิตใจเรา เราจะปล่อยให้มันถูกสีดำย้อม ย้อมจนดำปิ๊ดปี๋
เหมือนถ่านไม่ได้
แต่เราควรทำการย้อมใจเรานี้ ให้เป็นสีขาว ขาวเหมือนปุยเมฆ
บนท้องฟ้าเลย
การย้อมใจให้ขาวนั้น ก็คือการหัดถือศีลเป็นข้อๆไป ทำให้ได้ข้อ
ใดข้อหนึ่งก่อน แล้วให้พึ่งธรรมะหัดฟังธรรมะปลอบใจตน
เมื่อยามเจอสถานการณ์ที่ให้เราหลงปรุงแต่งสร้าง
ทุกข์ขึ้นมาเผาใจตน จะได้มีที่เกาะมีที่พึ่งในการบร
รเทาเศร้าทุกข์
ใจสะอาดสะอ้าน ด้วยปัญญาในธรรม
" สุขกว่า " การมีคนมาเอาอกเอาใจเป็นร้อยเป็นพันคน
_____________________
"มัวแต่ดูแลหัวใจคนอื่น
มากเกินไป...
จนบางทีก็ลืมคิดว่า
เราเองก็มี "หัวใจ" ที่ต้องดูแล
__________________________
สามารถขยายหัวข้อออกมาได้ดังนี้
" ถ้าคนเรามุ่งดูแลผู้อื่นเป็นอย่างดี ด้วยการดูแลเขาให้
เป็นสุขทางกาย หรือ ด้วยการดูแลเขาให้เป็นสุขทางใจ
โดยฝ่ายเดียว จนเกิดความเหนื่อยใจ
เมื่อยหล้าท่อแท้ขึ้นมา
ในเวลาเช่นนั้น ควรที่จะหยุดเราควรที่จะพักไว้ชัวคราวก่อน
ไม่ควรทำการต่อ
เพราะมันเหมือนกับการเดินเข้าไปในห้องที่มีควัณ
ไฟฟุ้งตลบอบอวน ควันเต็มห้องเช่นนั้น ถ้าเราจะฝืนหายใจต่อไป
ในห้องนั้น เราคงสิ้นใจตายในที่สุดถ้าไม่ถอ
ยออกมาสูดอากาสที่บริสุทธิ์
อันนี้ฉันใดก็ฉันนั้น
จิตใจเรา เราจะปล่อยให้มันถูกสีดำย้อม ย้อมจนดำปิ๊ดปี๋
เหมือนถ่านไม่ได้
แต่เราควรทำการย้อมใจเรานี้ ให้เป็นสีขาว ขาวเหมือนปุยเมฆ
บนท้องฟ้าเลย
การย้อมใจให้ขาวนั้น ก็คือการหัดถือศีลเป็นข้อๆไป ทำให้ได้ข้อ
ใดข้อหนึ่งก่อน แล้วให้พึ่งธรรมะหัดฟังธรรมะปลอบใจตน
เมื่อยามเจอสถานการณ์ที่ให้เราหลงปรุงแต่งสร้าง
ทุกข์ขึ้นมาเผาใจตน จะได้มีที่เกาะมีที่พึ่งในการบร
รเทาเศร้าทุกข์
ใจสะอาดสะอ้าน ด้วยปัญญาในธรรม
" สุขกว่า " การมีคนมาเอาอกเอาใจเป็นร้อยเป็นพันคน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.พระพุทธเจ้า ตรัส :
อานนท์ ถ้าตัณหาอันได้แก่
รูปตัณหา (ตัณหาในรูป)
สัททตัณหา (ตัณหาในเสียง)
คันธตัณหา (ตัณหาในกลิ่น)
รสตัณหา (ตัณหาในรส)
โผฏฐัพพะตัณหา (ตัณหาในสิ่งถูกต้องสัมผัส)
ธรรมตัณหา (ตัณหาเกี่ยวกับสิ่งที่แจ้งด้วยมโน)
ไม่มีเลย ไม่เกิดขึ้นเลย ไม่มีตลอดเวลา ไม่มีแก่ใครๆเลย
เมื่อไม่มีในที่ไหนๆแล้ว
ก็เมื่อตัณหาไม่มีโดยประการทั้งปวงเช่นนี้
เพราะความที่ดับตัณหาแล้ว
อุปทานจะเกิดขึ้นได้หรือไม่อานนท์
พระอานนท์ ตอบ : "ไม่เกิดขึ้นพระเจ้าข้า"
ธัมมัตถาธิบาย
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องตาเห็นรูป
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องหูได้ยินเสียง
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องจมูกได้ถูกกลิ่น
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องลิ้นได้ลิ้มรส
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องกายได้ถูกต้องโผฏฐัพพะ
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องใจที่หมายแล้วทำการปรุงแต่งต่อ
สร้างนึกเรื่องราวต่างๆขึ้นมา
ความสะดุ้งดินรนก็คือ
เมื่อเห็นว่าสิ่งใดเป็นที่รักใคร่พอใจ
ทางตา ทางหู
ทางจมูก ทางลิ้น
ทางกาย ทางใจ
ก็ดิ้นรนทะเทอทะยานอยากประสบ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เรื่องราว
ในใจดีๆ แบบนั้น
เมื่อเห็นว่ารูปนี้ เสียงแบบนี้ กลิ่นแบบนี้ รสแบบนี้ สัมผัสแบบนี้ เรื่องราวในใจแบ
บนี้ มันเป็นที่ไม่น่าพอใจเลย
ก็ดิ้นรนทะเทอทะยานอยาก... ไม่อยากประสบพบ.. อยากให้พ้นจากตัวไป..
หรืออยากให้เราพ้นจากมันไป..
[ กามตัณหา ]
อยากได้เจอรูปอย่างนั้น อยากได้ฟังเสียงอย่างนั้น อยากได้กลิ่นอย่างนั้น
อยากได้รสชาติอย่างนั่น
อยากจะได้สัมผัสอย่างนั้นๆ # นี้จัดเป็นกามตัณหา #
[ ภวตัณหา ]
เมื่อได้เจอรูปตามที่อยากตามที่ประสงค์แล้ว ก็อยากให้รูปลัก
ษณะอย่างนี้คงอยู่กับเรานานๆหรือตลอดเวลา # นี้จัดเป็นรูปตัณหา #
เมื่อได้ฟังเสียงตามที่อยากตามที่ประสงค์แล้ว ก็อยากให้เสียงล
ักษณะอย่างนี้คงอยู่กับเรานานๆหรือตลอดเวลา # นี้จัดเป็นสัทธะตัณหา
เมื่อได้กลิ่นตามที่ตนอยากตามที่ตนประสงค์แล้ว
ก็อยากให้กลิ่นลักษณะอย่างนี้คงอยู่กับเรานานๆหรือตลอดไป
# นี้เรียกว่าคัณธะตัณหา
เมื่อได้ลิ้มรสชาติตามที่ตนอยากตามที่ตนได้เคยประสงค์ไว้ ก็อยาก
ให้รสชาติลักษณะอย่างนี้คงอยู่กับเรานานๆหรือตลอดไป # นี้เรียกว่าระสะ
ตัณหา
เมื่อได้โผฏฐัพพะคือการได้ถูกต้องกับสัมผัสทางกายที่อ่อนนุ่มดี(เสื่อ,หมอน,ที่
นอน,เบาะ,โชฟา) ที่แข็งดี (พวกมาลัยรถ , โทรศัพท์มือถือ , เงินเหรียญ ,
สร้อยทอง , สร้อยเพรช , โต๊ะเฟอร์นิเจอที่แข็งแรงดี , ขั้นบันไดที่แข็งแรงดี ,
แทบเล็ตที่แข็งแรงทนทาน , หัวเข็มขลัด , ช้อนซ้อม ช้อนตัก , ทับพี , กะทะ ,
ไม้ตะเกียบ , เป็นต้น
ตามที่ตนอยากตามที่ตนเคยประสงค์ไว้ ก็อยากให้อันนี้อ่อนนุ่ม
หรือแข็งแรงดีนั้น คงอยู่กับเรานานๆหรือตลอดไป # นี้เรียกว่าโผฏฐัพพะตัณหา
#
เมื่อได้รู้แจ้งเวทนาสุขทางใจที่ดีๆ ตามที่ได้เคยประสงค์ไว้ แล้วก็อยากให้สุ
ขเวทนาลักษณะอย่างนี้คงอยู่กับเรานานๆหรือตลอดไป # นี้เรียกว่าธัมม
ะตัณหา
_____
เมื่อได้รู้แจ้งอาการกำหนดหมาย อันเป็นเหตุให้สุขเวทนาเกิดขึ้นก็ชื่นเชยชม
แล้วก็อยากให้อาการกำหนดหมายลักษณะอย่างนี้ คงอยู่กับเรานานๆ
หรือตลอดไป # นี้เรียกว่าธัมมะตัณหา
_____
เมื่อได้รู้แจ้งเจตนาที่ดีอันเป็นเหตุให้สุขใจ ก็ชื่นเชยชม แล้วก็อยากให้เจ
ตนาลักษณะอย่างนี้ คงอยู่กับเรานานๆหรือตลอดไป # นี้เรียกว่าธัมม
ะตัณหา
[ วิภวตัณหา มีเหตุการเกิดอย่างนี้ ]
คือ เบื้องต้น ไม่อยากประสบกับรูปในลักษณะอย่างนั้นอย่างนี้
คือ เบื้องต้น ไม่อยากประสบกับเสียงในลักษณะอย่างนั้นอย่างนี้
คือ เบื้องต้น ไม่อยากประสบกับกลิ่นในลักษณะ
อย่างนั้นอย่างนี้
คือ เบื้องต้น ไม่อยากประสบกับรสในลักษณะ
อย่างนั้นอย่างนี้
คือ เบื้องต้น ไม่อยากประสบกับโผฏฐัพพะในลักษณะ อย่างนั้นอย่างนี้
แต่ว่าในเมื่อถ้ามันมีเหตุปัจจัยที่จะต้องให้ประสบกับรูป เสียง กลิ่น รส โปฏฐัพพะ
ลักษณะนั้นแน่ๆ
เมื่อประสบแล้ว ก็เกิดความทุกข์ใจ เมื่อเกิดความทุกข์ใจแล้ว จึงไม่อยากให้ทุ
กข์คงอยู่กับเรา แต่อยากให้มันหายจากไป # อันนี้เรียกว่าภวตัณหา #
ก็คือตัวสมุทัยนั่นเอง ตัวสมุทัยเป็นตัวการใหญ่ให้เกิด ปฏิจสมุปบาท
สายทุกขะสะมุทะวาระ(สายเกิดทุกข์)
ส่วนการปฏิบัติไตรสิกขา คืออริยะมรรคมีองค์แปด หรือกายคตาสติสูตร
หรือมรรคคาแบบต่างๆที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอน จัดเป็นมรรคสัจ
ทำตามมรรคคาอย่างถูกต้อง จึงเป็นเหตุให้เกิดปฏิจสมุปบาทสาย
ทุกขะนิโรธะวาระ (สายทุกข์ดับ)
พระพุทธเจ้า ตรัส :
“มิคชาละ รูปที่พึงรู้แจ้งทางตา
ที่น่าปราถนา น่าใคร่ น่าพาใจให้กำหนัดมีอยู่
ถ้าภิกษุยังเพลิดเพลิน
หรือเชยชม หรือยึดติดรูปนั้นอยู่ ความเพลิดเพลินย่อมเกิดขึ้น
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินเกิด ทุกข์จึงเกิด’
เสียง ที่พึงรู้แจ้งทางหูที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
กลิ่น ที่พึงรู้แจ้งทางจมูกที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
รส ที่พึงรู้แจ้งทางลิ้นที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
โผฏฐัพพะที่พึงรู้แจ้งทางกายที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
ธรรมารมณ์( ์(เรื่องราวต่างๆนาๆอันเกิดจากการกำหนดหมายและคิด
ความคิดปรุงแต่ง) ที่พึงรู้แจ้งทางใจที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวน
ให้รัก
ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัดมีอยู่
ถ้าภิกษุยังเพลิดเพลิน เชยชม ยึดติดธรรมารมณ์นั้น
อยู่ เมื่อเธอเพลิดเพลิน เชยชม ยึดติดธรรมารมณ์นั้น ความเพลิดเพลินย่อม
เกิดขึ้น เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินเกิด ทุกข์จึงเกิด’
ดูกรมิคชาละ รูป
ที่พึงรู้แจ้งทางตาที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้ใคร่
พาใจให้กำหนัดมีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดรูปนั้นอยู่ เมื่อ
เธอไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดรูปนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
เสียง ที่พึงรู้แจ้งทางหูที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุ
ไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดเสียงนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
กลิ่น ที่พึงรู้แจ้งทางจมูกที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุ
ไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดกลิ่นนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
รส
ที่พึงรู้แจ้งทางลิ้นที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิ
ดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดรสนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
โผฏฐัพพะ
ที่พึงรู้แจ้งทางกายที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิ
ดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดโผฏฐัพพะนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
ธรรมารมณ์[เรื่องราวต่างๆนาๆอันเกิดจากการหมาย(สัญญา)และคิดควา
มคิดปรุงแต่ง(สังขาร)]ที่พึงรู้แจ้งทางใจที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ
ชวนให้รัก ชักให้
ใคร่ พาใจให้กำหนัดมีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดธรรมาร
มณ์
นั้นอยู่ เมื่อเธอไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดธรรมารมณ์นั้น ความ
เพลิดเพลินย่อมดับไป เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ”
ครั้งนั้นแล ท่านพระมิคชาละยินดีอนุโมทนาภาษิตของพระผู้มี
พระภาค ลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณแล้ว
หลีกไป
ครั้งนั้นแล ท่านพระมิคชาละหลีกออกจากหมู่ อยู่แต่ผู้เดียว ไม่ประมาท มี
ความ
เพียร มีตนอันส่งไปแล้ว ทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ที่กุลบุตร
ทั้งหลายออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
ในปัจจุบัน
เข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จ
แล้ว
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี และท่านพระมิคชาละได้เป็นพระอรห
ันต์องค์หนึ่ง
ในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย ฉะนี้แล ฯ
ศาสนากำลังสั่นคลอน
___/\___ ___/\___ ____/\____
อานนท์ ถ้าตัณหาอันได้แก่
รูปตัณหา (ตัณหาในรูป)
สัททตัณหา (ตัณหาในเสียง)
คันธตัณหา (ตัณหาในกลิ่น)
รสตัณหา (ตัณหาในรส)
โผฏฐัพพะตัณหา (ตัณหาในสิ่งถูกต้องสัมผัส)
ธรรมตัณหา (ตัณหาเกี่ยวกับสิ่งที่แจ้งด้วยมโน)
ไม่มีเลย ไม่เกิดขึ้นเลย ไม่มีตลอดเวลา ไม่มีแก่ใครๆเลย
เมื่อไม่มีในที่ไหนๆแล้ว
ก็เมื่อตัณหาไม่มีโดยประการทั้งปวงเช่นนี้
เพราะความที่ดับตัณหาแล้ว
อุปทานจะเกิดขึ้นได้หรือไม่อานนท์
พระอานนท์ ตอบ : "ไม่เกิดขึ้นพระเจ้าข้า"
ธัมมัตถาธิบาย
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องตาเห็นรูป
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องหูได้ยินเสียง
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องจมูกได้ถูกกลิ่น
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องลิ้นได้ลิ้มรส
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องกายได้ถูกต้องโผฏฐัพพะ
ตัณหานั้นได้แก่ ความสะดุ้งดิ้นรน ในเรื่องใจที่หมายแล้วทำการปรุงแต่งต่อ
สร้างนึกเรื่องราวต่างๆขึ้นมา
ความสะดุ้งดินรนก็คือ
เมื่อเห็นว่าสิ่งใดเป็นที่รักใคร่พอใจ
ทางตา ทางหู
ทางจมูก ทางลิ้น
ทางกาย ทางใจ
ก็ดิ้นรนทะเทอทะยานอยากประสบ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เรื่องราว
ในใจดีๆ แบบนั้น
เมื่อเห็นว่ารูปนี้ เสียงแบบนี้ กลิ่นแบบนี้ รสแบบนี้ สัมผัสแบบนี้ เรื่องราวในใจแบ
บนี้ มันเป็นที่ไม่น่าพอใจเลย
ก็ดิ้นรนทะเทอทะยานอยาก... ไม่อยากประสบพบ.. อยากให้พ้นจากตัวไป..
หรืออยากให้เราพ้นจากมันไป..
[ กามตัณหา ]
อยากได้เจอรูปอย่างนั้น อยากได้ฟังเสียงอย่างนั้น อยากได้กลิ่นอย่างนั้น
อยากได้รสชาติอย่างนั่น
อยากจะได้สัมผัสอย่างนั้นๆ # นี้จัดเป็นกามตัณหา #
[ ภวตัณหา ]
เมื่อได้เจอรูปตามที่อยากตามที่ประสงค์แล้ว ก็อยากให้รูปลัก
ษณะอย่างนี้คงอยู่กับเรานานๆหรือตลอดเวลา # นี้จัดเป็นรูปตัณหา #
เมื่อได้ฟังเสียงตามที่อยากตามที่ประสงค์แล้ว ก็อยากให้เสียงล
ักษณะอย่างนี้คงอยู่กับเรานานๆหรือตลอดเวลา # นี้จัดเป็นสัทธะตัณหา
เมื่อได้กลิ่นตามที่ตนอยากตามที่ตนประสงค์แล้ว
ก็อยากให้กลิ่นลักษณะอย่างนี้คงอยู่กับเรานานๆหรือตลอดไป
# นี้เรียกว่าคัณธะตัณหา
เมื่อได้ลิ้มรสชาติตามที่ตนอยากตามที่ตนได้เคยประสงค์ไว้ ก็อยาก
ให้รสชาติลักษณะอย่างนี้คงอยู่กับเรานานๆหรือตลอดไป # นี้เรียกว่าระสะ
ตัณหา
เมื่อได้โผฏฐัพพะคือการได้ถูกต้องกับสัมผัสทางกายที่อ่อนนุ่มดี(เสื่อ,หมอน,ที่
นอน,เบาะ,โชฟา) ที่แข็งดี (พวกมาลัยรถ , โทรศัพท์มือถือ , เงินเหรียญ ,
สร้อยทอง , สร้อยเพรช , โต๊ะเฟอร์นิเจอที่แข็งแรงดี , ขั้นบันไดที่แข็งแรงดี ,
แทบเล็ตที่แข็งแรงทนทาน , หัวเข็มขลัด , ช้อนซ้อม ช้อนตัก , ทับพี , กะทะ ,
ไม้ตะเกียบ , เป็นต้น
ตามที่ตนอยากตามที่ตนเคยประสงค์ไว้ ก็อยากให้อันนี้อ่อนนุ่ม
หรือแข็งแรงดีนั้น คงอยู่กับเรานานๆหรือตลอดไป # นี้เรียกว่าโผฏฐัพพะตัณหา
#
เมื่อได้รู้แจ้งเวทนาสุขทางใจที่ดีๆ ตามที่ได้เคยประสงค์ไว้ แล้วก็อยากให้สุ
ขเวทนาลักษณะอย่างนี้คงอยู่กับเรานานๆหรือตลอดไป # นี้เรียกว่าธัมม
ะตัณหา
_____
เมื่อได้รู้แจ้งอาการกำหนดหมาย อันเป็นเหตุให้สุขเวทนาเกิดขึ้นก็ชื่นเชยชม
แล้วก็อยากให้อาการกำหนดหมายลักษณะอย่างนี้ คงอยู่กับเรานานๆ
หรือตลอดไป # นี้เรียกว่าธัมมะตัณหา
_____
เมื่อได้รู้แจ้งเจตนาที่ดีอันเป็นเหตุให้สุขใจ ก็ชื่นเชยชม แล้วก็อยากให้เจ
ตนาลักษณะอย่างนี้ คงอยู่กับเรานานๆหรือตลอดไป # นี้เรียกว่าธัมม
ะตัณหา
[ วิภวตัณหา มีเหตุการเกิดอย่างนี้ ]
คือ เบื้องต้น ไม่อยากประสบกับรูปในลักษณะอย่างนั้นอย่างนี้
คือ เบื้องต้น ไม่อยากประสบกับเสียงในลักษณะอย่างนั้นอย่างนี้
คือ เบื้องต้น ไม่อยากประสบกับกลิ่นในลักษณะ
อย่างนั้นอย่างนี้
คือ เบื้องต้น ไม่อยากประสบกับรสในลักษณะ
อย่างนั้นอย่างนี้
คือ เบื้องต้น ไม่อยากประสบกับโผฏฐัพพะในลักษณะ อย่างนั้นอย่างนี้
แต่ว่าในเมื่อถ้ามันมีเหตุปัจจัยที่จะต้องให้ประสบกับรูป เสียง กลิ่น รส โปฏฐัพพะ
ลักษณะนั้นแน่ๆ
เมื่อประสบแล้ว ก็เกิดความทุกข์ใจ เมื่อเกิดความทุกข์ใจแล้ว จึงไม่อยากให้ทุ
กข์คงอยู่กับเรา แต่อยากให้มันหายจากไป # อันนี้เรียกว่าภวตัณหา #
ก็คือตัวสมุทัยนั่นเอง ตัวสมุทัยเป็นตัวการใหญ่ให้เกิด ปฏิจสมุปบาท
สายทุกขะสะมุทะวาระ(สายเกิดทุกข์)
ส่วนการปฏิบัติไตรสิกขา คืออริยะมรรคมีองค์แปด หรือกายคตาสติสูตร
หรือมรรคคาแบบต่างๆที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอน จัดเป็นมรรคสัจ
ทำตามมรรคคาอย่างถูกต้อง จึงเป็นเหตุให้เกิดปฏิจสมุปบาทสาย
ทุกขะนิโรธะวาระ (สายทุกข์ดับ)
พระพุทธเจ้า ตรัส :
“มิคชาละ รูปที่พึงรู้แจ้งทางตา
ที่น่าปราถนา น่าใคร่ น่าพาใจให้กำหนัดมีอยู่
ถ้าภิกษุยังเพลิดเพลิน
หรือเชยชม หรือยึดติดรูปนั้นอยู่ ความเพลิดเพลินย่อมเกิดขึ้น
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินเกิด ทุกข์จึงเกิด’
เสียง ที่พึงรู้แจ้งทางหูที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
กลิ่น ที่พึงรู้แจ้งทางจมูกที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
รส ที่พึงรู้แจ้งทางลิ้นที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
โผฏฐัพพะที่พึงรู้แจ้งทางกายที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ฯ
ธรรมารมณ์( ์(เรื่องราวต่างๆนาๆอันเกิดจากการกำหนดหมายและคิด
ความคิดปรุงแต่ง) ที่พึงรู้แจ้งทางใจที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวน
ให้รัก
ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัดมีอยู่
ถ้าภิกษุยังเพลิดเพลิน เชยชม ยึดติดธรรมารมณ์นั้น
อยู่ เมื่อเธอเพลิดเพลิน เชยชม ยึดติดธรรมารมณ์นั้น ความเพลิดเพลินย่อม
เกิดขึ้น เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินเกิด ทุกข์จึงเกิด’
ดูกรมิคชาละ รูป
ที่พึงรู้แจ้งทางตาที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้ใคร่
พาใจให้กำหนัดมีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดรูปนั้นอยู่ เมื่อ
เธอไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดรูปนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
เสียง ที่พึงรู้แจ้งทางหูที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุ
ไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดเสียงนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
กลิ่น ที่พึงรู้แจ้งทางจมูกที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุ
ไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดกลิ่นนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
รส
ที่พึงรู้แจ้งทางลิ้นที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิ
ดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดรสนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
โผฏฐัพพะ
ที่พึงรู้แจ้งทางกายที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ฯ มีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิ
ดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดโผฏฐัพพะนั้น ความเพลิดเพลินย่อมดับไป
เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ’
ธรรมารมณ์[เรื่องราวต่างๆนาๆอันเกิดจากการหมาย(สัญญา)และคิดควา
มคิดปรุงแต่ง(สังขาร)]ที่พึงรู้แจ้งทางใจที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ
ชวนให้รัก ชักให้
ใคร่ พาใจให้กำหนัดมีอยู่ ถ้าภิกษุไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดธรรมาร
มณ์
นั้นอยู่ เมื่อเธอไม่เพลิดเพลิน ไม่เชยชม ไม่ยึดติดธรรมารมณ์นั้น ความ
เพลิดเพลินย่อมดับไป เรากล่าวว่า ‘เพราะความเพลิดเพลินดับ ทุกข์จึงดับ”
ครั้งนั้นแล ท่านพระมิคชาละยินดีอนุโมทนาภาษิตของพระผู้มี
พระภาค ลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณแล้ว
หลีกไป
ครั้งนั้นแล ท่านพระมิคชาละหลีกออกจากหมู่ อยู่แต่ผู้เดียว ไม่ประมาท มี
ความ
เพียร มีตนอันส่งไปแล้ว ทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ที่กุลบุตร
ทั้งหลายออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
ในปัจจุบัน
เข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จ
แล้ว
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี และท่านพระมิคชาละได้เป็นพระอรห
ันต์องค์หนึ่ง
ในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย ฉะนี้แล ฯ
ศาสนากำลังสั่นคลอน
___/\___ ___/\___ ____/\____
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนที่ไม่มีธรรมะเวลาทุกข์ใจ
เขาจะโทษว่า
มันเกิดขึ้นจาก อายตนะภายนอก๕ คือรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพะ(สิ่งที่มาถูก
ต้องกาย) เป็นต้นเหตุ
ส่วนคนที่มีธรรมะ+มีปัญญา เขาจะไม่โทษอายตนะภายนอก๕ แต่เขาจะ
เข้าใจว่า
มันเกิดขึ้นจาก การหลงปรุงแต่งกระแสนิวรณ์ขึ้นมาเผาใจให้ทุกข์..มิสุขใจเลย
จากนั้นเขาจะ สวดมนต์เพื่อเปลี่ยนการปรุงแต่งใหม่ ให้เป็นการปรุงแ
ต่งตามบทสวดมนต์ หรือเดินจรงกม หรือทำสมาธิ หรือปฏิบัติธรรม
ตามหมวดข้อธรรมต่างๆอันเป็นมรรค หรือพิจารณาว่าเวทนาไม่เที่ยงแน่ๆ
เมื่อทุกข์มาแล้วก็จะจากไปไม่สามารถทนอยู่กับเราได้ตลอดเวลา
และเมื่อสุขมาแล้วก็จะจากไปไม่สามารถทนอยู่กับเราได้ตลอดเวลา แล้ว
เป็นผู้ไม่ติดสุขติดทุกข์ แล้วดำรงไว้ซึ่งแต่อุเบกขาไม่สุขไม่ทุกข์บ่อยๆ
เขาจะโทษว่า
มันเกิดขึ้นจาก อายตนะภายนอก๕ คือรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพะ(สิ่งที่มาถูก
ต้องกาย) เป็นต้นเหตุ
ส่วนคนที่มีธรรมะ+มีปัญญา เขาจะไม่โทษอายตนะภายนอก๕ แต่เขาจะ
เข้าใจว่า
มันเกิดขึ้นจาก การหลงปรุงแต่งกระแสนิวรณ์ขึ้นมาเผาใจให้ทุกข์..มิสุขใจเลย
จากนั้นเขาจะ สวดมนต์เพื่อเปลี่ยนการปรุงแต่งใหม่ ให้เป็นการปรุงแ
ต่งตามบทสวดมนต์ หรือเดินจรงกม หรือทำสมาธิ หรือปฏิบัติธรรม
ตามหมวดข้อธรรมต่างๆอันเป็นมรรค หรือพิจารณาว่าเวทนาไม่เที่ยงแน่ๆ
เมื่อทุกข์มาแล้วก็จะจากไปไม่สามารถทนอยู่กับเราได้ตลอดเวลา
และเมื่อสุขมาแล้วก็จะจากไปไม่สามารถทนอยู่กับเราได้ตลอดเวลา แล้ว
เป็นผู้ไม่ติดสุขติดทุกข์ แล้วดำรงไว้ซึ่งแต่อุเบกขาไม่สุขไม่ทุกข์บ่อยๆ
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 14, 2017 8:17:11am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ลงในไทม์ไลน์ของ Sophon Piyadhammo
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนเราเมื่อจะรัก ย่อมรักสิ่งที่ไม่เที่ยง
คนเราเมื่อจะรัก ย่อมรักสิ่งที่ต้องแก่
คนเราเมื่อจะรัก ย่อมรักสิ่งที่ต้องเจ็บ
คนเราเมื่อจะรัก ย่อมรักสิ่งที่ต้องตายเป็นธรรมดา
คนเราเมื่อจะเกลียด ย่อมเกลียดสิ่งที่ไม่เที่ยง
คนเราเมื่อจะเกลียด ย่อมเกลียดสิ่งที่ต้องแก่
คนเราเมื่อจะเกลียด ย่อมเกลียดสิ่งที่ต้องเจ็บ
คนเราเมื่อจะเกลียด ย่อมเกลียดสิ่งที่ต้องตายเป็นธรรมดา
เมื่อหลงรัก... และหลงชัง... อยู่แบบนี้
ใจเขาก็ไม่พบความสุข
คนเราเมื่อจะรัก ย่อมรักสิ่งที่ต้องแก่
คนเราเมื่อจะรัก ย่อมรักสิ่งที่ต้องเจ็บ
คนเราเมื่อจะรัก ย่อมรักสิ่งที่ต้องตายเป็นธรรมดา
คนเราเมื่อจะเกลียด ย่อมเกลียดสิ่งที่ไม่เที่ยง
คนเราเมื่อจะเกลียด ย่อมเกลียดสิ่งที่ต้องแก่
คนเราเมื่อจะเกลียด ย่อมเกลียดสิ่งที่ต้องเจ็บ
คนเราเมื่อจะเกลียด ย่อมเกลียดสิ่งที่ต้องตายเป็นธรรมดา
เมื่อหลงรัก... และหลงชัง... อยู่แบบนี้
ใจเขาก็ไม่พบความสุข
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.# ความคิด #
คือสิ่งที่เป็นตัวก่อสุขก็ทุกข์""
บางครั้งก่อสุขเผาใจตนเอง ด้วยไฟเย็น
บางครั้งก่อทุกข์เผาใจตนเอง ด้วยไฟร้อน
เบื้องต้นดับไฟร้อน ต่อมาดับไฟเย็น
แล้วอยู่กับความไม่เย็นไม่ร้อนนั้น
อย่างมีสต
คือสิ่งที่เป็นตัวก่อสุขก็ทุกข์""
บางครั้งก่อสุขเผาใจตนเอง ด้วยไฟเย็น
บางครั้งก่อทุกข์เผาใจตนเอง ด้วยไฟร้อน
เบื้องต้นดับไฟร้อน ต่อมาดับไฟเย็น
แล้วอยู่กับความไม่เย็นไม่ร้อนนั้น
อย่างมีสต
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ซื่อตรงต่อตนเอง...รู้...ผิดคือผิด ถูกคือถูก ตามเหตุที่กระทำ
.. เมื่อซื่อตรง ต่อตนเองได้แล้ว
แล้วจงตอบคำถามตนเองต่อไปนี้
เราทำผิดเพราะอะไร?
ทำไมสิ่งที่เราทำถึงผิด?
เพราะเหตุใดเราจึงกระทำผิดนั้น?
เพราะ ความรุ้สึกช่วงนั้นเป็นอย่างไร?? ...เพราะตามความรุ้สึกไม่ทันใช่
มั้ยเห็นอีกทีเปนกิริยาอาการทางกายไปแล้ว???
ต้องซื่อตรงต่อตนเอง???
.. เมื่อซื่อตรง ต่อตนเองได้แล้ว
แล้วจงตอบคำถามตนเองต่อไปนี้
เราทำผิดเพราะอะไร?
ทำไมสิ่งที่เราทำถึงผิด?
เพราะเหตุใดเราจึงกระทำผิดนั้น?
เพราะ ความรุ้สึกช่วงนั้นเป็นอย่างไร?? ...เพราะตามความรุ้สึกไม่ทันใช่
มั้ยเห็นอีกทีเปนกิริยาอาการทางกายไปแล้ว???
ต้องซื่อตรงต่อตนเอง???
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตำแหน่งพิกัด 354.734
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
17 ธ.ค. 2017
การฝึกทิพย์จักขุ
เบื้องต้น ให้ทำความสะอาดบริเวรที่อยูโดยรอบ เช่น ล้างห้องน้ำ เก็บขยะ
กวาดใบไม้ออกจากใต้ถุนที่อยู่
แล้วอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้สะอาด
๒ . ให้มองดวงไฟ ที่ไม่รุนแรงเป็นอันตรายต่อประสาทตาต่อดวงตา เช่น
พระอาทิตย์ยามเย็นสีแดงๆใกล้จะลับขอบฟ้า หรือดวงจันทร์บนท้องฟ้าที่ส่องแ
สง หรือดวงหลอดไฟวงกลม 5 วัตถ์ หรือจุดเทียนขึ้นมาแล้วมองดูเปลวไฟ เป็นต้น
๓ . เมื่อมองแล้ว มองค้างไว้อย่ากระพริบตาเร็ว ให้ฝืนมองให้นานๆเท่าที่
จะทำได้ แต่อย่าให้ถึงตาแห้งแต่อย่าให้ถึงน้ำตาไหล ก็คืออย่าให้ถึงกับ
ใช้ดวงตาอย่างเกินขีดจำกัดพอดี การกระพริบตาเร็วๆโดยธรรมชาตินั้น
ถือว่าเป็นการอ่อนแอในทางฝึกบริกรรมนิมิต
๔ . เมื่อมองดูแสงอย่างสบายสบายใจแล้ว
จะหลับตาหรือไม่หลับตาก็ตาม แต่ถ้าเริ่มฝึกควรหลับตา ย่อมจะเห็นนิมิต
รูปสัญญา สีน้ำเงินบ้าง สีเขียวบ้าง และสีอื่น ชัดกว่าการไม่หลับตา
๖ . ให้พยายามเห็นภาพสีนั้นให้จัดเจน อย่าอยากให้มันใหญ่ อย่าอยาก
ให้มันเล็ก อย่าพึ่งฝึกขยายนิมิต
แต่ให้ฝึกดูสีให้ชัดเจน เหมือนตื่นขึ้นมาแล้วมองบริเวรโดยรอบย่อมเห็นภา
พสิ่งต่างๆเป็นมัวๆต่อเมื่อล้างหน้าล้างตาแล้ว มองดูบริเวรโดยรอบใหม่
ย่อมเห็นชัดเจนกว่าเดิม อันนี้ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อนิมิตสีเกิดขึ้นทางมโนทวารแล้ว
ให้เห็นให้ชัดเจนจนมันหายไปเอง แล้วก็ลืมตาดูใหม่ แล้วก็หลับตาลง
ถ้าลืมตามองแล้วหลับตาเร็ว นิมิตจะปรากฏไม่นาน
แต่ถ้าลืมตาแล้วมองนานค่อยหลับตา นิมิตจะปรากฏนานจึงค่อยๆหายไป
ดังนั้นก็ต้องลองฝืนลืมตาดูนานๆหาความพอดีของลูกตาว่า
>ฝืนไม่หลับตาระดับนี้ทำให้แสบตาทำให้น้ำตาไหลคงเป็นการทำให้ตา
ลำบากเกินไป
>ฝืนไม่หลับตาระดับนี้ทำให้ตาลำบากน้อยที่สุด อันนี้ควรทำ
>ส่วนการทำให้ตาสบายคือการหลับตาการลืมตาอย่างท
ี่เป็นตามธรรมชาติ
๗ . การฝึกขยายนิมิต
สีที่ควรขยายคือ สีขาว หรือแล้วแต่จริตว่าถูกโฉลกกับสีใดเป็นพิเศษในบร
รดาสีทั้งปวง
ขยายให้บังสีภาพต่างๆทางมโนทวาร
หรือเรียกว่าทับสีไปเรื่อยๆ จากที่ภาพทางมโนทวารมีลายสี ก็ใส้สีขาวสีดสี
ขาดไปทับให้เต็ม เมื่อสีขาวเต็มแล้วจะใส่สีแดงระบายทัยสีขาวก็ย่อมได้
แล้วฝึกเอาสีทับสีไปเรื่อยๆ แต่อย่าใช้สีดำ เขียว เหลือง แดง ส้ม ขมพู น้ำเงิน
ม่วง ทอง ฟ้า ขาว เป็นต้น
เบื้องต้นนั้นจะลองทับสีในนิมิตสีเล็กๆก่อนก็ย่อมได้
ถ้าผ่านการฝึกให้เห็นสัชัดเจนแล้ว
___
เพราะะการจะเห็นเทวดา มันจะเห็นผ่านทางภาพช้อนขึ้นมาท
างมโนทวาร เหมือนเห็นภาพสีที่ช้อนขึ้นมาหลังจากเพ่งมองพระอาทิตย์
แล้วหันหลังให้พระอาทิตย์
___
ส่วนจะรู้วาระจิตผู้อื่น ต้องเอานิมิตวงกลมไปครอบคนที่อยู่ตรงหน้าอันนี้
ว่าตามตำรา
การฝึกทิพย์จักขุ
เบื้องต้น ให้ทำความสะอาดบริเวรที่อยูโดยรอบ เช่น ล้างห้องน้ำ เก็บขยะ
กวาดใบไม้ออกจากใต้ถุนที่อยู่
แล้วอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้สะอาด
๒ . ให้มองดวงไฟ ที่ไม่รุนแรงเป็นอันตรายต่อประสาทตาต่อดวงตา เช่น
พระอาทิตย์ยามเย็นสีแดงๆใกล้จะลับขอบฟ้า หรือดวงจันทร์บนท้องฟ้าที่ส่องแ
สง หรือดวงหลอดไฟวงกลม 5 วัตถ์ หรือจุดเทียนขึ้นมาแล้วมองดูเปลวไฟ เป็นต้น
๓ . เมื่อมองแล้ว มองค้างไว้อย่ากระพริบตาเร็ว ให้ฝืนมองให้นานๆเท่าที่
จะทำได้ แต่อย่าให้ถึงตาแห้งแต่อย่าให้ถึงน้ำตาไหล ก็คืออย่าให้ถึงกับ
ใช้ดวงตาอย่างเกินขีดจำกัดพอดี การกระพริบตาเร็วๆโดยธรรมชาตินั้น
ถือว่าเป็นการอ่อนแอในทางฝึกบริกรรมนิมิต
๔ . เมื่อมองดูแสงอย่างสบายสบายใจแล้ว
จะหลับตาหรือไม่หลับตาก็ตาม แต่ถ้าเริ่มฝึกควรหลับตา ย่อมจะเห็นนิมิต
รูปสัญญา สีน้ำเงินบ้าง สีเขียวบ้าง และสีอื่น ชัดกว่าการไม่หลับตา
๖ . ให้พยายามเห็นภาพสีนั้นให้จัดเจน อย่าอยากให้มันใหญ่ อย่าอยาก
ให้มันเล็ก อย่าพึ่งฝึกขยายนิมิต
แต่ให้ฝึกดูสีให้ชัดเจน เหมือนตื่นขึ้นมาแล้วมองบริเวรโดยรอบย่อมเห็นภา
พสิ่งต่างๆเป็นมัวๆต่อเมื่อล้างหน้าล้างตาแล้ว มองดูบริเวรโดยรอบใหม่
ย่อมเห็นชัดเจนกว่าเดิม อันนี้ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อนิมิตสีเกิดขึ้นทางมโนทวารแล้ว
ให้เห็นให้ชัดเจนจนมันหายไปเอง แล้วก็ลืมตาดูใหม่ แล้วก็หลับตาลง
ถ้าลืมตามองแล้วหลับตาเร็ว นิมิตจะปรากฏไม่นาน
แต่ถ้าลืมตาแล้วมองนานค่อยหลับตา นิมิตจะปรากฏนานจึงค่อยๆหายไป
ดังนั้นก็ต้องลองฝืนลืมตาดูนานๆหาความพอดีของลูกตาว่า
>ฝืนไม่หลับตาระดับนี้ทำให้แสบตาทำให้น้ำตาไหลคงเป็นการทำให้ตา
ลำบากเกินไป
>ฝืนไม่หลับตาระดับนี้ทำให้ตาลำบากน้อยที่สุด อันนี้ควรทำ
>ส่วนการทำให้ตาสบายคือการหลับตาการลืมตาอย่างท
ี่เป็นตามธรรมชาติ
๗ . การฝึกขยายนิมิต
สีที่ควรขยายคือ สีขาว หรือแล้วแต่จริตว่าถูกโฉลกกับสีใดเป็นพิเศษในบร
รดาสีทั้งปวง
ขยายให้บังสีภาพต่างๆทางมโนทวาร
หรือเรียกว่าทับสีไปเรื่อยๆ จากที่ภาพทางมโนทวารมีลายสี ก็ใส้สีขาวสีดสี
ขาดไปทับให้เต็ม เมื่อสีขาวเต็มแล้วจะใส่สีแดงระบายทัยสีขาวก็ย่อมได้
แล้วฝึกเอาสีทับสีไปเรื่อยๆ แต่อย่าใช้สีดำ เขียว เหลือง แดง ส้ม ขมพู น้ำเงิน
ม่วง ทอง ฟ้า ขาว เป็นต้น
เบื้องต้นนั้นจะลองทับสีในนิมิตสีเล็กๆก่อนก็ย่อมได้
ถ้าผ่านการฝึกให้เห็นสัชัดเจนแล้ว
___
เพราะะการจะเห็นเทวดา มันจะเห็นผ่านทางภาพช้อนขึ้นมาท
างมโนทวาร เหมือนเห็นภาพสีที่ช้อนขึ้นมาหลังจากเพ่งมองพระอาทิตย์
แล้วหันหลังให้พระอาทิตย์
___
ส่วนจะรู้วาระจิตผู้อื่น ต้องเอานิมิตวงกลมไปครอบคนที่อยู่ตรงหน้าอันนี้
ว่าตามตำรา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ อยู่กับ BaiFern Lyy
คุณได้แท็ก BaiFern Lyy
BaiFern Lyy อ่านแชทแน อ่านแล้วบอกหมู่นำกะดี
ให้คนป่วยนับเลข 1 - 10 ~ 10 - 1 ทวนขึ้นทวนลง ผลคือ
คนป่วยเกิดอุปจารสมาธิ+บุญ ขึ้นที่ใจ และทำให้มีส่วนช่วย
ให้หายปวดเมื่อย
ให้คนป่วยนับเลข 1 - 10 ~ 10 - 1 ทวนขึ้นทวนลง ผลคือ
คนป่วยเกิดอุปจารสมาธิ+บุญ ขึ้นที่ใจ และทำให้มีส่วนช่วย
ให้หายปวดเมื่อย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.โลกธรรมแปด ฝ่ายอิฏฐารมณ์
คือสิ่งที่มนุษย์ส่วนมากต้องการ
คือ " มีลาภ มียศ มีสรรเสริญ มีสุข "
แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไม่ให้เอาใจไปยึดติดกับโลกธรรมแปด
ทั้งฝ่ายไม่ดี และฝ่ายดี
ไปเป็นลำดับ เพื่อที่ว่าเมื่อลาภอันตรธานหายไป กลายเป็นผู้ไม่มีลาภ จะ
ได้ไม่เป็นผู้ทุกข์ใจ
ข้ออื่นๆ มีนัยยะเช่นเดียวกัน
ส่วนข้อที่ว่า ไม่ให้ติดสุขนั้น เบื้องต้นพระพุทธองค์ทรงชี้ไปที่กามมะสุข ไม่
ใช่ฌานนะสุข
แต่ถ้าผ่านกามมะสุขไปแล้ว ก็ทรงให้พิจารณาองค์ฌานว่าอนิจจัง ทุกขัง
อนัตตา เพื่อข้ามภูมิจิตที่เป็นแบบพระพรหม
คือสิ่งที่มนุษย์ส่วนมากต้องการ
คือ " มีลาภ มียศ มีสรรเสริญ มีสุข "
แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไม่ให้เอาใจไปยึดติดกับโลกธรรมแปด
ทั้งฝ่ายไม่ดี และฝ่ายดี
ไปเป็นลำดับ เพื่อที่ว่าเมื่อลาภอันตรธานหายไป กลายเป็นผู้ไม่มีลาภ จะ
ได้ไม่เป็นผู้ทุกข์ใจ
ข้ออื่นๆ มีนัยยะเช่นเดียวกัน
ส่วนข้อที่ว่า ไม่ให้ติดสุขนั้น เบื้องต้นพระพุทธองค์ทรงชี้ไปที่กามมะสุข ไม่
ใช่ฌานนะสุข
แต่ถ้าผ่านกามมะสุขไปแล้ว ก็ทรงให้พิจารณาองค์ฌานว่าอนิจจัง ทุกขัง
อนัตตา เพื่อข้ามภูมิจิตที่เป็นแบบพระพรหม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.19 ธ.ค. 2017
ความคิด ทุกความคิด
จะถูกแบ่งออกเป็น ๓ ลักษณะ
๑ . ลักษณะที่เป็นกุศล
๒ . ลักษณะที่เป็นอกุศล
๓ . ลักษณะที่ไม่ใช่ทั้งกุศลและอกุศล
เมื่อความคิดที่เป็นกุศลเป็นตัวนำวาจา เมื่อพูดออกมาย่อมเป็นบุญเฉพาะตน
ไม่ว่าจะเป็นคำใดก็ตาม
เมื่อความคิดที่เป็นกุศลเป็นตัวนำกาย เมื่อทำอะไรออกไปก็ตามย่อมเป็นบ
ุญเฉพาะตน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม
เมื่อความคิดที่เป็นอกุศลเป็นตัวนำวาจา เมื่อพูดออกมาย่อม
เป็นบาปเฉพาะตน ไม่ว่าจะเป็นคำใดก็ตาม
เมื่อความคิดที่เป็นอกุศลเป็นตัวนำกาย เมื่อทำอะไรออกไปก็ตามย่อมเป็นบ
าปเฉพาะตน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม
ความคิดทุกความคิดเกิดจาก สังขาร ที่ปรุงแต่งให้มีขันธ์๕ เกิดขึ้นมา
# บุคคลใดสำรวมความคิด ฝึกคิดในแง่ดี ย่อมมีใจเป็นสุข เพราะอำนาจแห่งส
ัมมาสังกัปโป#
อันเป็นองค์ที่๒ ของมรรคมีองค์๘
ความคิด ทุกความคิด
จะถูกแบ่งออกเป็น ๓ ลักษณะ
๑ . ลักษณะที่เป็นกุศล
๒ . ลักษณะที่เป็นอกุศล
๓ . ลักษณะที่ไม่ใช่ทั้งกุศลและอกุศล
เมื่อความคิดที่เป็นกุศลเป็นตัวนำวาจา เมื่อพูดออกมาย่อมเป็นบุญเฉพาะตน
ไม่ว่าจะเป็นคำใดก็ตาม
เมื่อความคิดที่เป็นกุศลเป็นตัวนำกาย เมื่อทำอะไรออกไปก็ตามย่อมเป็นบ
ุญเฉพาะตน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม
เมื่อความคิดที่เป็นอกุศลเป็นตัวนำวาจา เมื่อพูดออกมาย่อม
เป็นบาปเฉพาะตน ไม่ว่าจะเป็นคำใดก็ตาม
เมื่อความคิดที่เป็นอกุศลเป็นตัวนำกาย เมื่อทำอะไรออกไปก็ตามย่อมเป็นบ
าปเฉพาะตน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม
ความคิดทุกความคิดเกิดจาก สังขาร ที่ปรุงแต่งให้มีขันธ์๕ เกิดขึ้นมา
# บุคคลใดสำรวมความคิด ฝึกคิดในแง่ดี ย่อมมีใจเป็นสุข เพราะอำนาจแห่งส
ัมมาสังกัปโป#
อันเป็นองค์ที่๒ ของมรรคมีองค์๘
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ไผ๋กะตามอย่ามาหาขอเลขเฮา
# อย่าสิเอาเงินมาเสี่ยงกับพระน้อย คึฉัน #
# อย่าสิเอาเงินมาเสี่ยงกับพระน้อย คึฉัน #
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คนที่จะบอกเลขบอกหวยถูกตัวมีอยู่ 1 ประเภท
1. คนมีอนาคตังสญาณ อย่างบ่ผิด กะคือคนที่ฮู้เหตุการณ์ในอนาคตอย่าง
ไม่ผิด จึงสมารถทราบเหตุการในวันหวยออกได้ ว่าเลขตัวไหน
1. คนมีอนาคตังสญาณ อย่างบ่ผิด กะคือคนที่ฮู้เหตุการณ์ในอนาคตอย่าง
ไม่ผิด จึงสมารถทราบเหตุการในวันหวยออกได้ ว่าเลขตัวไหน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ความรัก กับความรวย
อะไรจะดีกว่ากัน
ความรักนั้นถ้ารักกันจริงแล้วช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการหาสิ่
งเลี้ยงชีพอย่างสุจริต ย่อมเป็นความสุขทางใจแม้ทุกข์กาย และยังเป็นการฝึ
กสำรวมในศีลข้อกาเม
ส่วนถ้าเลือกอยู่ที่ ที่อยู่ดีกินดีโดยที่ไม่ได้รักอาเสี่ยเงินล้านเลย
แต่ยอมทอดตนลงเป็นฝ่ายอ่อนให้เขาเป็นฝ่ายใหญ่ แล้วยอมทำตามทุก
อย่างอย่างว่าง่าย และคิดว่าสักวันก็จะรักกันไปเอง อันนี้รู้สึกจะไม่ใช่
เพราะขนาดเจอกันใหม่ๆความรู้สึกแรกยังบอกว่า "ไอ้คนนี้ไม่ใช่ แม้จะรวยก็
ไม่ใช่" แต่ก็จะยอมฝืนไปอยู่ด้วยให้ได้ แม้จะอยู่ด้วยกันก็จืดไม่มีรสรั
กหวานแหววเหมือนคนที่เขาต่างรักกัน ดังนั้นความรักจึงต้องอาศัยความ
รักของอีกฝ่ายหนึ่งตอบด้วย ไม่งั้นเหมือนการตบมือข้างเดียวย่อมไม่แฮบปี้เสียง
ไม่ดัง
ความรักไม่ใช่การร่วมเพศ
ความรักไม่ใช่การมานั่งดูกันวันๆไม่ทำอะไร
แต่ความรักคือการ ทำให้ตนและอีกฝ่ายมีความสุขในการเลี้ยงชีพ คือ สุข
จากการณ์ประสบกับรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่ได้มาโดยธรรม
อะไรจะดีกว่ากัน
ความรักนั้นถ้ารักกันจริงแล้วช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการหาสิ่
งเลี้ยงชีพอย่างสุจริต ย่อมเป็นความสุขทางใจแม้ทุกข์กาย และยังเป็นการฝึ
กสำรวมในศีลข้อกาเม
ส่วนถ้าเลือกอยู่ที่ ที่อยู่ดีกินดีโดยที่ไม่ได้รักอาเสี่ยเงินล้านเลย
แต่ยอมทอดตนลงเป็นฝ่ายอ่อนให้เขาเป็นฝ่ายใหญ่ แล้วยอมทำตามทุก
อย่างอย่างว่าง่าย และคิดว่าสักวันก็จะรักกันไปเอง อันนี้รู้สึกจะไม่ใช่
เพราะขนาดเจอกันใหม่ๆความรู้สึกแรกยังบอกว่า "ไอ้คนนี้ไม่ใช่ แม้จะรวยก็
ไม่ใช่" แต่ก็จะยอมฝืนไปอยู่ด้วยให้ได้ แม้จะอยู่ด้วยกันก็จืดไม่มีรสรั
กหวานแหววเหมือนคนที่เขาต่างรักกัน ดังนั้นความรักจึงต้องอาศัยความ
รักของอีกฝ่ายหนึ่งตอบด้วย ไม่งั้นเหมือนการตบมือข้างเดียวย่อมไม่แฮบปี้เสียง
ไม่ดัง
ความรักไม่ใช่การร่วมเพศ
ความรักไม่ใช่การมานั่งดูกันวันๆไม่ทำอะไร
แต่ความรักคือการ ทำให้ตนและอีกฝ่ายมีความสุขในการเลี้ยงชีพ คือ สุข
จากการณ์ประสบกับรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่ได้มาโดยธรรม
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 20, 2017 5:43:39am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
กะเพราะปรุงแต่งใจไปต่างๆนาๆ จึงเป็นเหตุให้มีสัตว์ประเภทต่างๆนาๆ
ถ้าไม่ฝึกปรุงแต่งใจให้ถูกทางตามที่พระผู้รู้สอนแล้ว
ก็ย่อมมีโอกาสไปเกิดเป็นสัตว์จำพวกตะขาบ แมลงป่อง นกเค้าแมว หนู เป็นต้น
เมื่อรู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธะทรงประกาสธรรมฝ่ายปรุงแต่ง อันได้แก่อริมรร
คมีองค์แปด ก็คือย่นลงมาให้เหลือสาม คือ ปัญญา สมาธิ ศีล หรือ ศีล สมาธิ
ปัญญา ก็ควรที่จะฝึกดำเนินตามนั้น ดีกว่าไม่ฝึกเลย
เมื่อฝึกๆไปเรื่อยๆย่อมมีอุปสรรคเป็นธรรมดา แต่ข้ามได้เร็วหรือช้าหรือข้ามไม่
ได้เลย ก็อยู่ที่กำลังทางใจอันเรียกว่าบารมีทางใจว่าหนักแหน่นแค่ไหน
เมื่อข้ามระดับที่หนึ่งไปแล้ว ย่อมง่ายย่อมสบาย
เพราะการปฏิบัติฝึกปรุงแต่งธรรมที่ตรงกันข้ามกับนิวรณ์มีแต่สบายไปเรื่อย จน
ถึงที่สุดแห่งความสบาย
กล่าวคือสิ้นเหตุแห่งความทุกข์ใจ
ดังนั้นการฝึกภาวนาใครเริ่มฝึก ผู้นั้นย่อมจะหมดทุกข์ไปหน้า
ถ้าไม่ฝึกปรุงแต่งใจให้ถูกทางตามที่พระผู้รู้สอนแล้ว
ก็ย่อมมีโอกาสไปเกิดเป็นสัตว์จำพวกตะขาบ แมลงป่อง นกเค้าแมว หนู เป็นต้น
เมื่อรู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธะทรงประกาสธรรมฝ่ายปรุงแต่ง อันได้แก่อริมรร
คมีองค์แปด ก็คือย่นลงมาให้เหลือสาม คือ ปัญญา สมาธิ ศีล หรือ ศีล สมาธิ
ปัญญา ก็ควรที่จะฝึกดำเนินตามนั้น ดีกว่าไม่ฝึกเลย
เมื่อฝึกๆไปเรื่อยๆย่อมมีอุปสรรคเป็นธรรมดา แต่ข้ามได้เร็วหรือช้าหรือข้ามไม่
ได้เลย ก็อยู่ที่กำลังทางใจอันเรียกว่าบารมีทางใจว่าหนักแหน่นแค่ไหน
เมื่อข้ามระดับที่หนึ่งไปแล้ว ย่อมง่ายย่อมสบาย
เพราะการปฏิบัติฝึกปรุงแต่งธรรมที่ตรงกันข้ามกับนิวรณ์มีแต่สบายไปเรื่อย จน
ถึงที่สุดแห่งความสบาย
กล่าวคือสิ้นเหตุแห่งความทุกข์ใจ
ดังนั้นการฝึกภาวนาใครเริ่มฝึก ผู้นั้นย่อมจะหมดทุกข์ไปหน้า
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 20, 2017 11:20:10am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
20 ธ.ค. 2017
งานปฏิบัติธรรมที่หนองป่าพง เราอาจต้องลาทุกคน ทั้งมารดา,และพี่สาว,
พี่เขย,ยาย ชาวบ้าน,และครูบาอาจารย์เพื่อไป... เรื่องจากกันย่อม
เป็นธรรมดา จะอยู่ด้วยกันแม้ร้อยปี ตายแล้วก็ต้องจากกัน เมื่อตอนที่มีชีวิตอยู่ก็
ยังมีความจำเป็นที่จะต้องจากกัน
เช่น แม่บ้านจากลูกไปทำงาน หรือลูกจากแม่ไปเรียน หรือทั้งพ่อและแม่
จากลูกไปหาเงิน ทิ้งลูกไว้กับบ้าน
งานปฏิบัติธรรมที่หนองป่าพง เราอาจต้องลาทุกคน ทั้งมารดา,และพี่สาว,
พี่เขย,ยาย ชาวบ้าน,และครูบาอาจารย์เพื่อไป... เรื่องจากกันย่อม
เป็นธรรมดา จะอยู่ด้วยกันแม้ร้อยปี ตายแล้วก็ต้องจากกัน เมื่อตอนที่มีชีวิตอยู่ก็
ยังมีความจำเป็นที่จะต้องจากกัน
เช่น แม่บ้านจากลูกไปทำงาน หรือลูกจากแม่ไปเรียน หรือทั้งพ่อและแม่
จากลูกไปหาเงิน ทิ้งลูกไว้กับบ้าน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าอาบน้ำได้ ควรอาบ
เพราะจะนอนสบายอุ่นดีกว่าการไม่อาบ เพราะเหงื่อที่อุดตันรูขุมขนถูก
ชำระไป จึงสบายกาย
ถ้าไม่อาจอาบน้ำได้ ควรเช็ดตัว เพื่อให้น้ำไปถูกเหงื่อที่อุดรูขุมขนสลายไป
เพราะจะนอนสบายอุ่นดีกว่าการไม่อาบ เพราะเหงื่อที่อุดตันรูขุมขนถูก
ชำระไป จึงสบายกาย
ถ้าไม่อาจอาบน้ำได้ ควรเช็ดตัว เพื่อให้น้ำไปถูกเหงื่อที่อุดรูขุมขนสลายไป
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 20, 2017 8:12:37pm
อัพเดตเมื่อ ส.ค. 15, 2021 9:42:21pm
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 20, 2017 9:13:11pm
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 21, 2017 4:46:06am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทุกศาสนาสอนให้เป็นคนชอบการกระทำที่เป็นบุญกุศล...
ทั้งพุทธ , ทั้งคริส , ทั้งอิสราม , มีศาสนาไหนบ้างจะโด่งดังได้ โดยสอน
ให้ชอบทำบาปอกุศล
เพราะการทำบาปอกุศลย่อมมีความทุกข์ใจเป็นผลอย่างรวดเร็ว
แล้วมนุษย์ทุกคนก็ไม่ชอบความทุกข์ ต่างเกลียดต่างไม่อยากประสบพบทุกข์
อันนี้คือสรุปใจความสำคัญของแต่ละศาสนาที่ดี
คือ > สอนให้เจริญขึ้นไปๆ แต่มีเฉพาะพุทธศาสนาเท่านั้น ที่ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
คือสอนให้ทำกุศลให้ถึงความบริบูรณ์แล้ว แล้วให้ปล่อยวางกุศล
เรียกว่าลอยบาป..ลอยบุญ#
คือถึงความบริสุทธิที่แท้จริง อันมีความหมายคือ "นิพพาน"
ทั้งพุทธ , ทั้งคริส , ทั้งอิสราม , มีศาสนาไหนบ้างจะโด่งดังได้ โดยสอน
ให้ชอบทำบาปอกุศล
เพราะการทำบาปอกุศลย่อมมีความทุกข์ใจเป็นผลอย่างรวดเร็ว
แล้วมนุษย์ทุกคนก็ไม่ชอบความทุกข์ ต่างเกลียดต่างไม่อยากประสบพบทุกข์
อันนี้คือสรุปใจความสำคัญของแต่ละศาสนาที่ดี
คือ > สอนให้เจริญขึ้นไปๆ แต่มีเฉพาะพุทธศาสนาเท่านั้น ที่ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
คือสอนให้ทำกุศลให้ถึงความบริบูรณ์แล้ว แล้วให้ปล่อยวางกุศล
เรียกว่าลอยบาป..ลอยบุญ#
คือถึงความบริสุทธิที่แท้จริง อันมีความหมายคือ "นิพพาน"
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 21, 2017 8:12:01am
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 21, 2017 8:12:36am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
แฟนกับอนาคต
การเลือกอนาคตที่ดีของเรา ย่อมถูกต้องกว่าเลือกแฟน
การเลือกอนาคตที่ดีของเรา ย่อมถูกต้องกว่าเลือกแฟน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าฝึกปรุงแต่งกระแสถึง "อากิณจัญญายตนะ"
จนรอบรู้ว่าเป็นภาวะเช่นไร
คงจะเห็นหนทางไป "เนวสัญญานาสัญญายตนะ"
เมื่อฝึกมนสิการจิตให้เป็นลักษณะอากิณบ่อยๆ
สักวันคงพลิกกลายไปเป็นเนวะสัญญานาสัญญายตนะ
จนรอบรู้ว่าเป็นภาวะเช่นไร
คงจะเห็นหนทางไป "เนวสัญญานาสัญญายตนะ"
เมื่อฝึกมนสิการจิตให้เป็นลักษณะอากิณบ่อยๆ
สักวันคงพลิกกลายไปเป็นเนวะสัญญานาสัญญายตนะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าเฮาได้สัญญาเวทยิตะนิโรธ"
เฮาสิโปรดแม่ก่อนหมู่... ค่าอัตภาพร่างกาย
และพิจารณาหาคนที่มีบุญคุณต่อเฮาช่วงที่เฮากำลังมุ่งหน้าไปทางธรรม
และพิจารณาหาคนที่เป็นมนุษย์ที่ประสงค์จะเป็นพระพุทธเจ้า และอัครสาวกซ้ายขวา
เว้าง่ายๆกะคือ ต้องพิจารณาอีก
แต่เบื้องต้นถ้าแมนฮ้อด สิโปรดแม่ก่อน
_____
พระอนาคากะสามารถปรุงแต่งขึ้นไปฮ้อดฌานแปด
และเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ พระอนาคาบ่ต้องรอให้ถึงอรหันต์กะเข้าได้
___________________________________
เฮาอยากเผยเรื่องของแม่เฮาจัก๒ข้อพอ
ไผ๋สิบ่เชื่อกะบอบังคับให้เชื่อดอก..
๑ . แม่เฮาบ่เคยเว้าใส่หูเฮาขอให้เฮาสึก ทั้งๆที่เป็นตะขอให้สึก
๒ . มีผุเว้าให้ฟังว่า "
แม่เฮาเพิลมาสร้างบารมีซือๆและล๊อกเป้าหมายไว้แล้วว่า
"สิไปบรรลุธรรมในศาสนาพระศรีอารย์"
เฮาสิโปรดแม่ก่อนหมู่... ค่าอัตภาพร่างกาย
และพิจารณาหาคนที่มีบุญคุณต่อเฮาช่วงที่เฮากำลังมุ่งหน้าไปทางธรรม
และพิจารณาหาคนที่เป็นมนุษย์ที่ประสงค์จะเป็นพระพุทธเจ้า และอัครสาวกซ้ายขวา
เว้าง่ายๆกะคือ ต้องพิจารณาอีก
แต่เบื้องต้นถ้าแมนฮ้อด สิโปรดแม่ก่อน
_____
พระอนาคากะสามารถปรุงแต่งขึ้นไปฮ้อดฌานแปด
และเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ พระอนาคาบ่ต้องรอให้ถึงอรหันต์กะเข้าได้
___________________________________
เฮาอยากเผยเรื่องของแม่เฮาจัก๒ข้อพอ
ไผ๋สิบ่เชื่อกะบอบังคับให้เชื่อดอก..
๑ . แม่เฮาบ่เคยเว้าใส่หูเฮาขอให้เฮาสึก ทั้งๆที่เป็นตะขอให้สึก
๒ . มีผุเว้าให้ฟังว่า "
แม่เฮาเพิลมาสร้างบารมีซือๆและล๊อกเป้าหมายไว้แล้วว่า
"สิไปบรรลุธรรมในศาสนาพระศรีอารย์"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.วันๆไม่ทำอะไร เผยความคิดปรุงแต่ง ออกเป็นข้อความ เพื่อ......
การเผยความคิดปรุงแต่ง
ถ้าคิดปรุงแต่งเรื่องๆดีแล้วเผยออกไป ก็ดีนะ
____
คิดดี + ทำตามความคิดที่ดี ย่อมด
การเผยความคิดปรุงแต่ง
ถ้าคิดปรุงแต่งเรื่องๆดีแล้วเผยออกไป ก็ดีนะ
____
คิดดี + ทำตามความคิดที่ดี ย่อมด
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้ขออนุญาติ ปู่จง กับ แม่ออกที่มาใส่บาตรยุวัด
(ประวัติศาสตร์คึสิบ่อซ้ำรอยเนาะเที่ยวนี่ )
ฉัน : ปู่งานปฏิบัติธรรมหนองป่าพง ผมขออนุญาติไปเด้อปู่
ปูจง : ไปโล้ด.. ไปในทางดีแนวนี่
ฉัน : ครับปู่
ฉัน : แม่ออกอาตมาสิขอลาเด้อบาด
แม่ออก : สิไปใส่หละบาดหนิ
ฉัน : ไปงานปฏิบัติธรรมยุหนองป่าพง ไปกะสิกลับมายุดอก แม่ออกไปนำบอ
แม่ออก : โอ้ย.. เข้าวัดบ่หลม ไปโล้ด..
บาดนี้สิไปขอแม่ใหญ่ตุ๊กับยายผองและขอญาติ
ในการเดินทางไปเด้บาดหนิ
#โพสโชว์ไว้คนจั่งสิบ่หลงเข้าใจผิดซ้ำๆซากๆ ว่าไปบ่บอก
(ประวัติศาสตร์คึสิบ่อซ้ำรอยเนาะเที่ยวนี่ )
ฉัน : ปู่งานปฏิบัติธรรมหนองป่าพง ผมขออนุญาติไปเด้อปู่
ปูจง : ไปโล้ด.. ไปในทางดีแนวนี่
ฉัน : ครับปู่
ฉัน : แม่ออกอาตมาสิขอลาเด้อบาด
แม่ออก : สิไปใส่หละบาดหนิ
ฉัน : ไปงานปฏิบัติธรรมยุหนองป่าพง ไปกะสิกลับมายุดอก แม่ออกไปนำบอ
แม่ออก : โอ้ย.. เข้าวัดบ่หลม ไปโล้ด..
บาดนี้สิไปขอแม่ใหญ่ตุ๊กับยายผองและขอญาติ
ในการเดินทางไปเด้บาดหนิ
#โพสโชว์ไว้คนจั่งสิบ่หลงเข้าใจผิดซ้ำๆซากๆ ว่าไปบ่บอก
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.30 นาทีแรก
ฉันจะให้เด็ก นั่งสมาธินับเลข
30 นาทีหลัง
จะให้ธรรมะ
> วิบากของสมาธิ
ขยายความ อ่าวันนี้เด็กๆได้ทำสมาธิแบบนับเลขกันทุกคนไหมน้อ คนไหนที่
ไม่ได้ทำก็พลาดบุญไปเลยนะเมื้อกี้ ถ้าใจเรามีความสงบเช่นนี้จะน้อม
ไปเพื่อพิจารณาแก้ปัญญาชีวิต หรือแก้ปัญหาเรื่องบททดสอบ ก็ย่อมจะมี
ความทะลุปุโปร่งดีกว่าใจที่วุ่นวาย ดังนั้นก่อนที่เราจะต้องใช้ความคิด
ในการแก้ปัญหาเรื่องอะไรก็ตาม เช่น อีก 5 นาที จะเข้าห้องสอบ
นักเรียนก็แค่ทำสมาธิแบบนับเลขในใจ แล้วค่อยค่อยเข้าห้อง
> เรื่องอาชีพ และวิบากของแต่ละอาชีพ (แนะนำอาชีพให้)
~ ใครเป็นคนชอบสัตว์ รักสัตว์ มีความเอ็นดูกรุณาต่อสัตว์มาก เช่นหมา แมว
นี่ให้อาหารทุกวันเลย
แม้มันจะไม่สวย และเป็นคนที่ไม่ชอบเบียดเบียนใคร แต่กลับชอบช่วยเหลือคน
อันนี้ควรเรียนเน้นหนักไปด้านสายหมอหรือพยาบาล
~ ส่วนใครเป็นคนชอบความยุติธรรม ความซื่อตรง
แม้จะเป็นอย่างไรก็ตาม ยึดหลักความยุติธรรมไว้ก่อน อย่างเช่น
เพื่อนขโมยเงินเพื่อนแล้วเราเห็นหมดทุกอย่าง ก็ทนไม่ไหวที่จะต้องไปบอกเพื่อน
คนที่ขโมยให้เอาไปคืนเพื่อน แม้บอกแล้วไม่คืน ก็ไปบอกคนที่ถูกขโมยว่า "คน
นั้นขโมย" ไม่เห็นแก่อะไรทั้งนั้นเห็นแก่ความยุติธรรมเป็นหลัก ควรเรียนเน้นหนั
กไปที่สังคมคณิตหรือธนายความหรือเป็นศาลตัดสิน หรือตำรวจ เป็นต้น
~ ส่วนใครที่เป็นคนรู้อะไรแล้ว ก็อยากจะให้คนอื่นรู้ตาม เช่นรู้วิธีแก้โ
จทย์เลขการบ้านข้อนี้ ๆ และข้อนี้ๆ ก็อยากให้เพื่อนได้รู้ตามถึงวิธ
ีการแกก้โจทย์
อันนี้ควรไปสายครู เพราะใจเหมาะแก่การให้ความรู้ผู้อื่น
> เรื่องธาตุอัธยาศัย (แนะนำการคบเพื่อนให้)
~ ทุกคนคงเคยเห็นการคบเพื่อนที่มีอัธยาศัยต่างกัน
เพื่อนบางคนชอบพูดๆจนไม่รู้จักหยุดไม่รู้จักประมาณ แต่เพื่อนอีกคนหนึ่ง
ไม่ชอบพูดเยอะ อันนี้คือความแตกต่างของธาตุนิสัย
การคบเพื่อนพระอาจารย์มีหลักให้ 2 ข้อ
1. ถ้าเราคบกับเพื่อนคนใดแล้ว รู้สึกว่ามันไม่ทำให้เราลำบากใจ
ทุกข์ใจเจ็บซ้ำน้ำใจ และแม้มันไม่ได้ประคบประหงมทำให้เราเหมือนมารดา
ประคบประหงมอย่างมีความสุข ก็ไม่ควรทิ้งเพื่อนแบบนี้ไป
2 . ถ้าเราคบกับเพื่อนคนใด๋แล้ว รู้สึกว่ามันทำให้เราลำบากใจทุกข์ใจเจ็บ
ซ้ำน้ำใจ แม้พยายามปรับตัวแล้ว
อันนี้เราควรพิจารณา ยิ่งถ้าเพื่อนเป็นตัวเหตุให้การเรียนแย่ลง
ยิ่งควรพิจารณาแล้วว่าจะหาวิธีออกไปอย่างไร
> การออกกำลังกายให้ได้สมาธิและได้บุญ (แนะนำประโยชน์ในทางธรรม)
~ การออกกำลังกายให้ได้บุญ มันอยู่ที่ความเข้าใจว่าอะไรเป็นตัวบุญ เช่น
ถ้าสมมุติเราไปเดินสัก30นาที ที่สวนสาธารณะหนองบัว เดินไปเรื่อยๆสังเกตรู้
ความเคลื่อนไหวของร่างกายไปด้วย อย่างมีสติสัมปชัญญะแล้วใจมันเกิด
ความสงบก็คือตัวบุญเกิดขึ้นแล้ว เป็นการปฏิบัติธรรมไปในตัวด้วย
คือเดินจรงกมนั่นเอง
และยังเป็นเหตุให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ดีกว่าการไปเป็น
ทาสยาบ้ายาอี ร่างกายอ่อนแอผาบผอมเหมือนคนเป็นโรค
อันนี้คืออกกำลังกายแล้วอุปจาระสมาธิเกิดขึ้นจะมีความสุขกว่าเสพยาบ้า
> เรื่องเนื้อคู่ ต้องอยู่ในสถานะต่างฝ่ายต่างว่างโสด (แนะแนวเรื่องคู่บารมี)
~ ไหนใครมีแฟนแล้วบ้าง ไหนใครยังโสด
วันนี้จะมาแนะให้เข้าใจเรื่องคู่บารมี
เรื่องคู่ปรับ
เรื่องคู่แบบเจ้ากรรมนายเวร
คู่บารมี ถ้าเห็นกันครั้งเดียวเมื่อรู้ความแล้ว รู้จักรักหญิงรักชายเป็นแล้ว ถ้า
ได้เจอกันตากับตาประสานกัน ความรู้สึกเก่าจะเชื่อมต่อกัน อย่างกะว่า
ต้องไปอยู่ด้วยให้ได้ไม่สามารถจะมีใครในตำแหน่งสามีหรือภรรยาได้ และ
ความรักที่มีให้ต่อคนที่กำลังคบอยู่ ณ ตอนนี้ หลุดหายไปหมดเลย
คู่เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเจอกันแล้วคบกัน ก็มักแต่จะมีปัญหาเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ทุกข์ใจอยู่เสมอ แม้บอก
ให้แก้ตัวก็เหมือนพูดกับควายเหมือนพูดกับชะนี แล้วจะทำอะไรก็มีแต่ขัดกันลง
กันไม่ได้ ตบตีกัน ผูชายตีผุหญิงอย่างกะกะสอบมวย เอามีดมาขู่เอาเ
รื่องเสียๆหายมาขู่ถ้าจะเลิก เช่นเหมือนในหนังละคร ขณะที่มีอะไรกัน
ก็แอบบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เมื่อเอาไว้เป็นขู่ว่าถ้าจะหนีถ้าจะเลิกจะเปิดเ
ผยคลิบนี้ อันนี้เราให้มันใจเลยว่าไม่ใช่คู่บุญบารมีแนนอน
สุดท้าย พระอาจารย์จะแนะให้เลือก
ระหว่างเพื่อน กับการเรียนที่ดีของเรา
ถ้าจำเป็นต้องเลือกจริงๆอย่างเด็ดขาด ควรเลือกการเรียนที่ดี ถ้า
สามารถแนะเพื่อนให้การเรียนดีขึ้นก็ควร
15 นาทีหลังทำสมาธิอีก
ฉันจะให้เด็ก นั่งสมาธินับเลข
30 นาทีหลัง
จะให้ธรรมะ
> วิบากของสมาธิ
ขยายความ อ่าวันนี้เด็กๆได้ทำสมาธิแบบนับเลขกันทุกคนไหมน้อ คนไหนที่
ไม่ได้ทำก็พลาดบุญไปเลยนะเมื้อกี้ ถ้าใจเรามีความสงบเช่นนี้จะน้อม
ไปเพื่อพิจารณาแก้ปัญญาชีวิต หรือแก้ปัญหาเรื่องบททดสอบ ก็ย่อมจะมี
ความทะลุปุโปร่งดีกว่าใจที่วุ่นวาย ดังนั้นก่อนที่เราจะต้องใช้ความคิด
ในการแก้ปัญหาเรื่องอะไรก็ตาม เช่น อีก 5 นาที จะเข้าห้องสอบ
นักเรียนก็แค่ทำสมาธิแบบนับเลขในใจ แล้วค่อยค่อยเข้าห้อง
> เรื่องอาชีพ และวิบากของแต่ละอาชีพ (แนะนำอาชีพให้)
~ ใครเป็นคนชอบสัตว์ รักสัตว์ มีความเอ็นดูกรุณาต่อสัตว์มาก เช่นหมา แมว
นี่ให้อาหารทุกวันเลย
แม้มันจะไม่สวย และเป็นคนที่ไม่ชอบเบียดเบียนใคร แต่กลับชอบช่วยเหลือคน
อันนี้ควรเรียนเน้นหนักไปด้านสายหมอหรือพยาบาล
~ ส่วนใครเป็นคนชอบความยุติธรรม ความซื่อตรง
แม้จะเป็นอย่างไรก็ตาม ยึดหลักความยุติธรรมไว้ก่อน อย่างเช่น
เพื่อนขโมยเงินเพื่อนแล้วเราเห็นหมดทุกอย่าง ก็ทนไม่ไหวที่จะต้องไปบอกเพื่อน
คนที่ขโมยให้เอาไปคืนเพื่อน แม้บอกแล้วไม่คืน ก็ไปบอกคนที่ถูกขโมยว่า "คน
นั้นขโมย" ไม่เห็นแก่อะไรทั้งนั้นเห็นแก่ความยุติธรรมเป็นหลัก ควรเรียนเน้นหนั
กไปที่สังคมคณิตหรือธนายความหรือเป็นศาลตัดสิน หรือตำรวจ เป็นต้น
~ ส่วนใครที่เป็นคนรู้อะไรแล้ว ก็อยากจะให้คนอื่นรู้ตาม เช่นรู้วิธีแก้โ
จทย์เลขการบ้านข้อนี้ ๆ และข้อนี้ๆ ก็อยากให้เพื่อนได้รู้ตามถึงวิธ
ีการแกก้โจทย์
อันนี้ควรไปสายครู เพราะใจเหมาะแก่การให้ความรู้ผู้อื่น
> เรื่องธาตุอัธยาศัย (แนะนำการคบเพื่อนให้)
~ ทุกคนคงเคยเห็นการคบเพื่อนที่มีอัธยาศัยต่างกัน
เพื่อนบางคนชอบพูดๆจนไม่รู้จักหยุดไม่รู้จักประมาณ แต่เพื่อนอีกคนหนึ่ง
ไม่ชอบพูดเยอะ อันนี้คือความแตกต่างของธาตุนิสัย
การคบเพื่อนพระอาจารย์มีหลักให้ 2 ข้อ
1. ถ้าเราคบกับเพื่อนคนใดแล้ว รู้สึกว่ามันไม่ทำให้เราลำบากใจ
ทุกข์ใจเจ็บซ้ำน้ำใจ และแม้มันไม่ได้ประคบประหงมทำให้เราเหมือนมารดา
ประคบประหงมอย่างมีความสุข ก็ไม่ควรทิ้งเพื่อนแบบนี้ไป
2 . ถ้าเราคบกับเพื่อนคนใด๋แล้ว รู้สึกว่ามันทำให้เราลำบากใจทุกข์ใจเจ็บ
ซ้ำน้ำใจ แม้พยายามปรับตัวแล้ว
อันนี้เราควรพิจารณา ยิ่งถ้าเพื่อนเป็นตัวเหตุให้การเรียนแย่ลง
ยิ่งควรพิจารณาแล้วว่าจะหาวิธีออกไปอย่างไร
> การออกกำลังกายให้ได้สมาธิและได้บุญ (แนะนำประโยชน์ในทางธรรม)
~ การออกกำลังกายให้ได้บุญ มันอยู่ที่ความเข้าใจว่าอะไรเป็นตัวบุญ เช่น
ถ้าสมมุติเราไปเดินสัก30นาที ที่สวนสาธารณะหนองบัว เดินไปเรื่อยๆสังเกตรู้
ความเคลื่อนไหวของร่างกายไปด้วย อย่างมีสติสัมปชัญญะแล้วใจมันเกิด
ความสงบก็คือตัวบุญเกิดขึ้นแล้ว เป็นการปฏิบัติธรรมไปในตัวด้วย
คือเดินจรงกมนั่นเอง
และยังเป็นเหตุให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ดีกว่าการไปเป็น
ทาสยาบ้ายาอี ร่างกายอ่อนแอผาบผอมเหมือนคนเป็นโรค
อันนี้คืออกกำลังกายแล้วอุปจาระสมาธิเกิดขึ้นจะมีความสุขกว่าเสพยาบ้า
> เรื่องเนื้อคู่ ต้องอยู่ในสถานะต่างฝ่ายต่างว่างโสด (แนะแนวเรื่องคู่บารมี)
~ ไหนใครมีแฟนแล้วบ้าง ไหนใครยังโสด
วันนี้จะมาแนะให้เข้าใจเรื่องคู่บารมี
เรื่องคู่ปรับ
เรื่องคู่แบบเจ้ากรรมนายเวร
คู่บารมี ถ้าเห็นกันครั้งเดียวเมื่อรู้ความแล้ว รู้จักรักหญิงรักชายเป็นแล้ว ถ้า
ได้เจอกันตากับตาประสานกัน ความรู้สึกเก่าจะเชื่อมต่อกัน อย่างกะว่า
ต้องไปอยู่ด้วยให้ได้ไม่สามารถจะมีใครในตำแหน่งสามีหรือภรรยาได้ และ
ความรักที่มีให้ต่อคนที่กำลังคบอยู่ ณ ตอนนี้ หลุดหายไปหมดเลย
คู่เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเจอกันแล้วคบกัน ก็มักแต่จะมีปัญหาเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ทุกข์ใจอยู่เสมอ แม้บอก
ให้แก้ตัวก็เหมือนพูดกับควายเหมือนพูดกับชะนี แล้วจะทำอะไรก็มีแต่ขัดกันลง
กันไม่ได้ ตบตีกัน ผูชายตีผุหญิงอย่างกะกะสอบมวย เอามีดมาขู่เอาเ
รื่องเสียๆหายมาขู่ถ้าจะเลิก เช่นเหมือนในหนังละคร ขณะที่มีอะไรกัน
ก็แอบบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เมื่อเอาไว้เป็นขู่ว่าถ้าจะหนีถ้าจะเลิกจะเปิดเ
ผยคลิบนี้ อันนี้เราให้มันใจเลยว่าไม่ใช่คู่บุญบารมีแนนอน
สุดท้าย พระอาจารย์จะแนะให้เลือก
ระหว่างเพื่อน กับการเรียนที่ดีของเรา
ถ้าจำเป็นต้องเลือกจริงๆอย่างเด็ดขาด ควรเลือกการเรียนที่ดี ถ้า
สามารถแนะเพื่อนให้การเรียนดีขึ้นก็ควร
15 นาทีหลังทำสมาธิอีก
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 22, 2017 10:39:40am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันนี้เราสอบผ่าน.. คือสามารถทำให้เด็ก 600 กว่าคนมีจิตรวมลงเป็นสมาธิระดับต้นได้ แม่จะเป็นช่วงระยะเวลาไม่นาน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คำสอนหลวงตามหาบัว แท้จริงคนที่มีความสุขกับคนที่มีความทุกข์ต่างก
ันนิดเดียว
1. คนหนึ่งมองหาสิ่งที่ขาด
อีกคนมีความสุขกับสิ่งที่มี
2. คนหนึ่งมองหาแต่วิธีลืม
อีกคนทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
3. คนหนึ่งไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
อีกคนเข้าใจว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลง
4. คนหนึ่งหนีไปสุดขอบฟ้าเพื่อดับทุกข์
อีกคนเรียนรู้ว่าทุกข์อยู่ที่ใจ
5. คนหนึ่งมัวแต่นั่งเสียใจกับคนที่จากไป
อีกคนขอบใจกับคนที่ยังอยู่ข้างๆ
6. คนหนึ่งมองหาแต่ความรัก
อีกคนเข้าใจว่าจริงๆ แล้วไม่มีคนรักก็ไม่ทุกข์
7. คนหนึ่งคิดแต่ครอบครอง
อีกคนเข้าใจว่าการไม่ครอบครองก็จะไม่สูญเสีย
8. คนหนึ่งพูดไม่คิดกับคนที่รัก
อีกคนคิดก่อนพูดกับคนที่รัก
9. คนหนึ่งคิดแต่ว่าตัวเองไม่มีค่า
อีกคนเห็นค่าคนที่รู้ค่าตัวเอง
10.คนหนึ่งเก็บทุกเรื่องมาคิด
อีกคนอภัยทุกเรื่องก่อนนอน
# เด่น อกาลิโก
ันนิดเดียว
1. คนหนึ่งมองหาสิ่งที่ขาด
อีกคนมีความสุขกับสิ่งที่มี
2. คนหนึ่งมองหาแต่วิธีลืม
อีกคนทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
3. คนหนึ่งไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
อีกคนเข้าใจว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลง
4. คนหนึ่งหนีไปสุดขอบฟ้าเพื่อดับทุกข์
อีกคนเรียนรู้ว่าทุกข์อยู่ที่ใจ
5. คนหนึ่งมัวแต่นั่งเสียใจกับคนที่จากไป
อีกคนขอบใจกับคนที่ยังอยู่ข้างๆ
6. คนหนึ่งมองหาแต่ความรัก
อีกคนเข้าใจว่าจริงๆ แล้วไม่มีคนรักก็ไม่ทุกข์
7. คนหนึ่งคิดแต่ครอบครอง
อีกคนเข้าใจว่าการไม่ครอบครองก็จะไม่สูญเสีย
8. คนหนึ่งพูดไม่คิดกับคนที่รัก
อีกคนคิดก่อนพูดกับคนที่รัก
9. คนหนึ่งคิดแต่ว่าตัวเองไม่มีค่า
อีกคนเห็นค่าคนที่รู้ค่าตัวเอง
10.คนหนึ่งเก็บทุกเรื่องมาคิด
อีกคนอภัยทุกเรื่องก่อนนอน
# เด่น อกาลิโก
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 23, 2017 1:01:32pm
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 23, 2017 1:44:23pm
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 24, 2017 5:07:43am
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 24, 2017 9:44:23am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เมตตาจนกลายเป็นตัณหา...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
นึกถึงคำเว้า โยมพ่อหมาน(บ้านหนองมะทอ)
สิสร้างอิหยังกะด้อกะเดี้ย...
คึบ่สร้างบักหัวใจเจ้าของให้มันดี....
สิสร้างอิหยังกะด้อกะเดี้ย...
คึบ่สร้างบักหัวใจเจ้าของให้มันดี....
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 25, 2017 8:41:39pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.คนทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆตน
แม้จะอยู่ในครอบครัวเดียวกัน
ก็ยังมีกรรมวิบากให้ผลของใครของมัน
เช่นผัว ถูกโจรปล้นล่วงเอาเงินในกระเป๋าตังไปหมด แถมโดนชกต่อยหน้
าบูดหน้าบวม
แต่ในเวลาขณะช่วงเดียวกัน เมียถูกล๊อตเตอร์รี่รางวาลที่หนึ่ง
อันนี้ให้ดูเอาเถิด... ว่ามันต่างกันราวฟ้ากับดิน
# พระเจ้าสุทโธทนะเป็นพระราชาแห่งเมืองกะบินละพัด
แต่ในเวลาขณะเดียวกัน เจ้าชายสิดทัดถะเกิดความหยั่งรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
ทั้งรูปธรรม ทั้งนามธรรม
ดูเถิด กรรมวิบากต่างกันแค่ไหน
แม้จะอยู่ในครอบครัวเดียวกัน
ก็ยังมีกรรมวิบากให้ผลของใครของมัน
เช่นผัว ถูกโจรปล้นล่วงเอาเงินในกระเป๋าตังไปหมด แถมโดนชกต่อยหน้
าบูดหน้าบวม
แต่ในเวลาขณะช่วงเดียวกัน เมียถูกล๊อตเตอร์รี่รางวาลที่หนึ่ง
อันนี้ให้ดูเอาเถิด... ว่ามันต่างกันราวฟ้ากับดิน
# พระเจ้าสุทโธทนะเป็นพระราชาแห่งเมืองกะบินละพัด
แต่ในเวลาขณะเดียวกัน เจ้าชายสิดทัดถะเกิดความหยั่งรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
ทั้งรูปธรรม ทั้งนามธรรม
ดูเถิด กรรมวิบากต่างกันแค่ไหน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
สละผ้าเหลือง ช่วยได้แค่ครอบครัว
แต่เป็นการทิ้งศาสนาเห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง
ดังนั้นถ้าจะให้ฉันไปเส้นทางเด็ดเดี่ยวในการปฏิบัติ
ถ้ากำลังไม่พอย่อมติดหล่ม
แต่ถ้ากำลังพอ..ฉันอาจทะทุถึงขั้นต่อไป
แต่ถ้าฉันลงมือเลือกเลยว่าจะไปสายวิทยากร มันคือสายช่วยครอบครัวไปด้วยช่วยเผยแผ่ไปสู่ระบบราชการไปด้วย ฉันจะมีทั้งเงินแต่อาจจะไปช้า ไปอย่างค่อยๆ ช่วงแรกอาจจะลำบากถ้าไปสายวิทยากร แต่ในขณะเดียวกันฉันก็คงศึกษาปริยัติไปด้วย และฝึกสมาธิไปด้วย เรียกว่าใน 1 อาทิตย์ ทำประโยชน์ออกมาได้หลายนัย
แต่ถ้าไปเส้นทางแห่งการปฏิบัติ ฉันจะรับไหวหรือไม่ต่อเรื่องครอบครัว ถ้าทะลุก็คงไม่มีปัญหาคือรอดพ้น
อิสระทางใจ รอเวลาตายเพื่อรับรางวัลแค่นั้น
แต่ถ้ากำลังไม่แรงไม่ทะลุ
๑ ฉันอาจต้องพึ่งครูบาอาจารย์เล่าให้ท่านฟัง
๒ ฉันอาจออกมาหาบรรยายธรรมเริ่มไปสายวิทยากร
(หรืออาจจะมีคำแนะนำดีๆจากท่านผู้บอกก็อาจเป็นได้) แค่นี้แหละ
แต่จะให้ยอมแพ้สละผ้าเหลืองนั้นไม่มี
แต่เป็นการทิ้งศาสนาเห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง
ดังนั้นถ้าจะให้ฉันไปเส้นทางเด็ดเดี่ยวในการปฏิบัติ
ถ้ากำลังไม่พอย่อมติดหล่ม
แต่ถ้ากำลังพอ..ฉันอาจทะทุถึงขั้นต่อไป
แต่ถ้าฉันลงมือเลือกเลยว่าจะไปสายวิทยากร มันคือสายช่วยครอบครัวไปด้วยช่วยเผยแผ่ไปสู่ระบบราชการไปด้วย ฉันจะมีทั้งเงินแต่อาจจะไปช้า ไปอย่างค่อยๆ ช่วงแรกอาจจะลำบากถ้าไปสายวิทยากร แต่ในขณะเดียวกันฉันก็คงศึกษาปริยัติไปด้วย และฝึกสมาธิไปด้วย เรียกว่าใน 1 อาทิตย์ ทำประโยชน์ออกมาได้หลายนัย
แต่ถ้าไปเส้นทางแห่งการปฏิบัติ ฉันจะรับไหวหรือไม่ต่อเรื่องครอบครัว ถ้าทะลุก็คงไม่มีปัญหาคือรอดพ้น
อิสระทางใจ รอเวลาตายเพื่อรับรางวัลแค่นั้น
แต่ถ้ากำลังไม่แรงไม่ทะลุ
๑ ฉันอาจต้องพึ่งครูบาอาจารย์เล่าให้ท่านฟัง
๒ ฉันอาจออกมาหาบรรยายธรรมเริ่มไปสายวิทยากร
(หรืออาจจะมีคำแนะนำดีๆจากท่านผู้บอกก็อาจเป็นได้) แค่นี้แหละ
แต่จะให้ยอมแพ้สละผ้าเหลืองนั้นไม่มี
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 26, 2017 7:17:06pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ตระกูลเครื่อญาติ เฮาสงเคราะห์ให้เมิดทุกคนแล้ว
ยังการสงเคราะห์เจ้าของ ชาตินี้ขี้ฮ้ายที่สุด ขออนาคามีกะพอ
ยังการสงเคราะห์เจ้าของ ชาตินี้ขี้ฮ้ายที่สุด ขออนาคามีกะพอ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
โยมแม่ควรปรึกษาเรื่องปัญหาต่างๆกับโยมลุงลอง
โยมพี่สาวควรปรึกษาปัญหาเรื่องผัวกับโยมป้าปุ๋ย
โยมพี่สาวควรปรึกษาปัญหาเรื่องผัวกับโยมป้าปุ๋ย
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 26, 2017 8:43:08pm
สถานที่: วัดบ้านโนนผักหวาน ตำบลจิกดู่ อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ (15.574463941102, 104.55728666302)
ที่อยู่: Ban Kok, Ubon Ratchathani
บิณฺฑะปาตังฺ... = บิณฑบาตร
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 27, 2017 12:10:57pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คาถาธรรมบทพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาล
# ผู้ที่พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว แต่ปล่อยโอกาสนั้นให้ผ่านไป โดยไม่
สนใจโอวาทของพระองค์ ผู้นั้นเป็นคนไม่มีบุญ เปรียบเหมือนคนทำร้ายสิริที่เข้
ามาหาตนถึงบนที่นอนแล้วขับไล่ไสส่งออกไป
# ผู้ที่พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว แต่ปล่อยโอกาสนั้นให้ผ่านไป โดยไม่
สนใจโอวาทของพระองค์ ผู้นั้นเป็นคนไม่มีบุญ เปรียบเหมือนคนทำร้ายสิริที่เข้
ามาหาตนถึงบนที่นอนแล้วขับไล่ไสส่งออกไป
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ความแตกต่างทั้งหลายเกิดขึ้นจากความคิดเรา...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.เพราะสมาธิตั้งแต่ อากาสา ขึ้นไป ถึง อากิณ
........
สามารถบัญญัติได้ว่า เป็นอรูป เว้นตรงนี้ก่อน
ตรงคำว่าอรูป อรูปก็คือนาม
......
และจะใส่คำว่า "สัญญา หรือ สัญญี" ลงตามท้าย
ก็ย่อมถูกคลองแห่งการบัญญัติ
แต่ "สภาวะ " อันที่เลยอากิณขึ้นไปอีก....
จะใช้ศัพท์บัญญัติว่า "มีสัญญาน่ะ " ย่อมผิดทันที
......
นี่ก็แสดงว่า "ไม่กำหนดหมายใดๆ" ถ้ามีการกำหนดหม
ายขึ้นมา จะกลายเป็นมีสัญญา(สัญญาแปลว่าก
ำหนดหมาย) จะเป็นอรูป๓ข้อต้นทันทีที่มีการกำหนดหมาย ]
ด้านล่างต่อไปนี้คนละหัวข้อธรรม
[ แต่... สาเหตุที่ต้องมีคำว่า " ไม่มีการกำหนดหมาย ก็ไม่ใช่ "
นั่น
........?
สามารถขยายข้อความออกมาว่า
บุคคลผู้ที่ยังไม่สำเร็จสัญญาเวทยิตนิโรธ
แม้จะอยู่ในน้ำ แม้จะอยู่ในไฟ แม้จะอยู่ในดิน แม้จะอยู่ในลม แม้จะ
อยู่ในภพใดๆก็ตาม แม้จะเป็นช่วงปฏิสนธิ แม้จะเป็นช่วงจุติ ย่อม
ยังมีสัญญา (อันนี้ตอบใส่ไปที่เรื่องสมาธิ มิได้ตอบไปที่เร
ื่องสัญญาขันธ์เกิดดับ แต่เป็นคำตอบที่มุ่งแสดงให้เห็นว่า
"คนที่ไม่มีสัญญา คือคนเข้านิโรธสมาบัติเท่านั้น
และอาจรวมไปถึงผู้ที่ปรินิพพานแล้ว
.......
ส่วน สัญญาขันธ์ในส่วนของเรื่องปัญจขันธ์ สัญญาย่อมเปลี่ย
นแปลงเป็น รูปสัญญาบ้าง สัทธะสัญญาบ้าง
คัณธะสัญญาบ้าง ระสะสัญญาบ้าง โผฏฐัพพะสัญญาบ้าง
ธัมมะสัญญาบ้าง เปลี่ยนอย่างคาดคะเนตายตัวไม่ได้เลย
สัญญาย่อมเปลี่ยนแปลงลักษณะไปเรื่อยๆไม่มีอะไร่คั่น
แม้เจตนาก็มีนัยคล้ายกัน คือบ้างเป็นรูปสัญเจตนา บ้าง
เป็นสัทธสัญญเจตนา บ้างเป็นคัณธสัญญเจตนา บ้าง
เป็นโผฏฐัพพะสัญญาเจตนา บ้างเป็นธัมมะสัญญเจตนา
แม้วิญญาณก็นัยคล้ายๆกัน บ้างเป็นจักขุวิญญา บ้าง
เป็นโสตะวิญญาณ บ้างเป็นฆานะวิญญาณ บ้างเป็นชิวหาวิ
ญญาณ บ้างเป็นกายยะวิญญาณ บ้างเป็นมโนวิณวิณญาณ
หาความตายตัวของมันได้ยาก แม้เวทนาก็หาความตายตัว
ได้ยาก บ้างเป็นจักขุสัมผัสสะชาเวทนา บ้างเป็นโสตะสัม
ผัสสะชาเวทนา บ้างเป็นฆานะสัมผัสสะชาเวทนา บ้าง
เป็นชิวหาสัมผัสสะชาเวทนา บ้างเป็นกายยะสั
มผัสสชาเวทนา บ้างเป็นมโนสัมผัสสะชาเวทนา แม้เจตนาที่
เป็นไปกับกายก็หาความแน่นอนตายตัวได้ยาก บ้างจงใจ
ให้กายขยับไหวอย่างนั้นอย่างนี้ จะกล่าวป่วยไปใยถึงการหา
ความแนนอนตายตัวในการจงใจให้นามเป็นลักษณะอย่าง
นั้นอย่างนี้
วิญญาณไม่สามารถรับรู้พร้อมกันได้ทั้งหก
เจตนาก็ไม่สามารถเกิดพร้อมกันได้ทั้งหก
สัญญาก็ไม่สามารถเกิดพร้อมกันได้ทั้งหก
เวทนาก็ไม่สามารถเกิดพร้อมกันได้ ทั้งสามเวทนา
สะขาเวทนาก็ไม่สามารถเกิดพร้อมกันได้ทั้งหก
รูปขันธ์นั้นเกิดดับตามความละเอียดของมัน
เช่น เส้นเกสา มันเกิดดับตามความเปลี่ยนแปลงของมัน
ตับ มันเกิดดับตามการเปลี่ยนแปลงของมัน
แท้อาการอื่นๆ
ที่เป็นอาการ๓๒ ย่อมเกิดดับตามการเปลี่ยนแปลงของมัน
........
สามารถบัญญัติได้ว่า เป็นอรูป เว้นตรงนี้ก่อน
ตรงคำว่าอรูป อรูปก็คือนาม
......
และจะใส่คำว่า "สัญญา หรือ สัญญี" ลงตามท้าย
ก็ย่อมถูกคลองแห่งการบัญญัติ
แต่ "สภาวะ " อันที่เลยอากิณขึ้นไปอีก....
จะใช้ศัพท์บัญญัติว่า "มีสัญญาน่ะ " ย่อมผิดทันที
......
นี่ก็แสดงว่า "ไม่กำหนดหมายใดๆ" ถ้ามีการกำหนดหม
ายขึ้นมา จะกลายเป็นมีสัญญา(สัญญาแปลว่าก
ำหนดหมาย) จะเป็นอรูป๓ข้อต้นทันทีที่มีการกำหนดหมาย ]
ด้านล่างต่อไปนี้คนละหัวข้อธรรม
[ แต่... สาเหตุที่ต้องมีคำว่า " ไม่มีการกำหนดหมาย ก็ไม่ใช่ "
นั่น
........?
สามารถขยายข้อความออกมาว่า
บุคคลผู้ที่ยังไม่สำเร็จสัญญาเวทยิตนิโรธ
แม้จะอยู่ในน้ำ แม้จะอยู่ในไฟ แม้จะอยู่ในดิน แม้จะอยู่ในลม แม้จะ
อยู่ในภพใดๆก็ตาม แม้จะเป็นช่วงปฏิสนธิ แม้จะเป็นช่วงจุติ ย่อม
ยังมีสัญญา (อันนี้ตอบใส่ไปที่เรื่องสมาธิ มิได้ตอบไปที่เร
ื่องสัญญาขันธ์เกิดดับ แต่เป็นคำตอบที่มุ่งแสดงให้เห็นว่า
"คนที่ไม่มีสัญญา คือคนเข้านิโรธสมาบัติเท่านั้น
และอาจรวมไปถึงผู้ที่ปรินิพพานแล้ว
.......
ส่วน สัญญาขันธ์ในส่วนของเรื่องปัญจขันธ์ สัญญาย่อมเปลี่ย
นแปลงเป็น รูปสัญญาบ้าง สัทธะสัญญาบ้าง
คัณธะสัญญาบ้าง ระสะสัญญาบ้าง โผฏฐัพพะสัญญาบ้าง
ธัมมะสัญญาบ้าง เปลี่ยนอย่างคาดคะเนตายตัวไม่ได้เลย
สัญญาย่อมเปลี่ยนแปลงลักษณะไปเรื่อยๆไม่มีอะไร่คั่น
แม้เจตนาก็มีนัยคล้ายกัน คือบ้างเป็นรูปสัญเจตนา บ้าง
เป็นสัทธสัญญเจตนา บ้างเป็นคัณธสัญญเจตนา บ้าง
เป็นโผฏฐัพพะสัญญาเจตนา บ้างเป็นธัมมะสัญญเจตนา
แม้วิญญาณก็นัยคล้ายๆกัน บ้างเป็นจักขุวิญญา บ้าง
เป็นโสตะวิญญาณ บ้างเป็นฆานะวิญญาณ บ้างเป็นชิวหาวิ
ญญาณ บ้างเป็นกายยะวิญญาณ บ้างเป็นมโนวิณวิณญาณ
หาความตายตัวของมันได้ยาก แม้เวทนาก็หาความตายตัว
ได้ยาก บ้างเป็นจักขุสัมผัสสะชาเวทนา บ้างเป็นโสตะสัม
ผัสสะชาเวทนา บ้างเป็นฆานะสัมผัสสะชาเวทนา บ้าง
เป็นชิวหาสัมผัสสะชาเวทนา บ้างเป็นกายยะสั
มผัสสชาเวทนา บ้างเป็นมโนสัมผัสสะชาเวทนา แม้เจตนาที่
เป็นไปกับกายก็หาความแน่นอนตายตัวได้ยาก บ้างจงใจ
ให้กายขยับไหวอย่างนั้นอย่างนี้ จะกล่าวป่วยไปใยถึงการหา
ความแนนอนตายตัวในการจงใจให้นามเป็นลักษณะอย่าง
นั้นอย่างนี้
วิญญาณไม่สามารถรับรู้พร้อมกันได้ทั้งหก
เจตนาก็ไม่สามารถเกิดพร้อมกันได้ทั้งหก
สัญญาก็ไม่สามารถเกิดพร้อมกันได้ทั้งหก
เวทนาก็ไม่สามารถเกิดพร้อมกันได้ ทั้งสามเวทนา
สะขาเวทนาก็ไม่สามารถเกิดพร้อมกันได้ทั้งหก
รูปขันธ์นั้นเกิดดับตามความละเอียดของมัน
เช่น เส้นเกสา มันเกิดดับตามความเปลี่ยนแปลงของมัน
ตับ มันเกิดดับตามการเปลี่ยนแปลงของมัน
แท้อาการอื่นๆ
ที่เป็นอาการ๓๒ ย่อมเกิดดับตามการเปลี่ยนแปลงของมัน
โนนปลาคอน้อย....
โนนปลาคอน้อย....
อัพเดตเมื่อ ธ.ค. 28, 2017 12:25:33pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
"อยากมีคนใหม่ "
"แต่ยังเกรงใจคนเก่ายุ"
(แสดงว่าใจยังมีคนเก่ายุ)
(แต่ถ้าคิดแล้วว่าคนเก่ามันไม่ใช่จริงๆ
ต้องใจนักเลงพอ)
"อยากมีคนใหม่"
"ต้องกล้าทิ้งคนเก่า"
เมื่อทิ้งแล้ว ก็ต้องพิจารณาอีกรอบหนึ่งว่า
"เอ้... พระพุทธเจ้าตรัสว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์"
ตอนนี้เราทิ้งคนเก่าไปแล้ว และยังไม่ได้รักกับคนใหม่" ลอง
อยู่อย่างอิสระสักพักหนึ่ง เพื่อเอาไว้เปรียบเทียบว่า
ระหว่างมีแฟน กับไม่มีแฟน มันความรู้สึกเป็นยังไง
อะไรน้อ เป็นสุขสบายกว่ากัน..
อยู่คนเดียว ถ้าเปลี่ยนความเหงาให้เป็นความสันโดดไม่ข้องเกี
่ยวกับใครทางใจ คงจะอิสระทางใจไม่มากก็น้อย
"แต่ยังเกรงใจคนเก่ายุ"
(แสดงว่าใจยังมีคนเก่ายุ)
(แต่ถ้าคิดแล้วว่าคนเก่ามันไม่ใช่จริงๆ
ต้องใจนักเลงพอ)
"อยากมีคนใหม่"
"ต้องกล้าทิ้งคนเก่า"
เมื่อทิ้งแล้ว ก็ต้องพิจารณาอีกรอบหนึ่งว่า
"เอ้... พระพุทธเจ้าตรัสว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์"
ตอนนี้เราทิ้งคนเก่าไปแล้ว และยังไม่ได้รักกับคนใหม่" ลอง
อยู่อย่างอิสระสักพักหนึ่ง เพื่อเอาไว้เปรียบเทียบว่า
ระหว่างมีแฟน กับไม่มีแฟน มันความรู้สึกเป็นยังไง
อะไรน้อ เป็นสุขสบายกว่ากัน..
อยู่คนเดียว ถ้าเปลี่ยนความเหงาให้เป็นความสันโดดไม่ข้องเกี
่ยวกับใครทางใจ คงจะอิสระทางใจไม่มากก็น้อย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ลงในไทม์ไลน์ของ คุณแม่หนูสิน แม่พระมงคลชัยเจ้าค่ะ
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น
แอบถ่ายเด้อหนิ
แอบถ่ายเด้อหนิ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ก่อนเฮาจะจากไป.. เฮาสิสามารถเป็นเหตุให้ปู่จงได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโนนผักหวานได้บอนอ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ทุกข์ใจหายไปเวลาใดบ้าง
หนึ่งเวลาหลับ สองเวลาดีใจ
สามเวลาขาดสติเช่นเมาเหล้า
สี่เวลาได้ประสบกับรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ ที่ถูกใจ
ห้าเวลาหลงลืมปรุงแต่งทุกข์
เจ็ดเวลาปฏิบัติธรรมเป็น
หนึ่งเวลาหลับ สองเวลาดีใจ
สามเวลาขาดสติเช่นเมาเหล้า
สี่เวลาได้ประสบกับรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ ที่ถูกใจ
ห้าเวลาหลงลืมปรุงแต่งทุกข์
เจ็ดเวลาปฏิบัติธรรมเป็น
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถ้าจะคิดประมาณว่า "พระองค์นี่คึสิมักยุ่งกับเฮาคักโพดแท้"
#เฮาแค่เตือนว่าอย่าลืมปฏิบัติธรรมเด้อ
#เฮาแค่เตือนว่าอย่าลืมปฏิบัติธรรมเด้อ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ฉันมาอยู่ที่วัดโนนผักหวานในฐานะ พระอาคัณตุกะ ซึ่งแปลว่า ผู้จรมา หรือแวะมา หรือพระแขก มิใช่พระประจำวัดโนนผักหวาน ถ้าจะมาอยู่วัดโนนผักหวานเลย คือมาเป็นพระวัดโนนผักหวานเลย ฉันต้องย้ายสังกัดวัดใหม่ ตอนนี้ในใบสุทธิ(บัตรประชาชนพระ)สังกัดวัด ของพระมงคลชัย กิตฺติโสภโณ คือ สังกัดวัดหนองยอ มิใช่สังกัดวัดโนนผักหวาน
ดังนั้นวันนี้ฉันจะขอลา ภิกษุเจ้าถิ่นในอาวาสวัดโนนผักหวาน เพราะฉันมาอยู่ที่นี้และได้ทำประโยชน์ให้ด้วย เช่น ฉันช่วยบอกบุญญาติโยมที่อุบล เขาก็ร่วมบุญด้วย ประมาณ 5,500 + ซึ่งฉันก็ได้นำไปให้หลวงปู่จงแล้ว ส่วนคนที่ได้ใส่บาตรให้เราในช่วงที่เรามาอยู่ที่วัดโนนผักหวานก็ถือว่าเป็นบุญของเขา เขาจะคิดอะไรยังไงก็ตามเกี่ยวกับเรา เมื่อเขาถึงความสิ้นอายุไขของเขา ถ้าเขาเป็นผีแล้วเห็นเราเขาจะรู้เอง ถ้าเขาเป็นเทวดาแล้วเห็นเราเขาก็จะรู้เอง
ว่ากระแสจิตฉันมันเป็นอย่างไร
ส่วนคนที่ไม่ได้ใส่บาตรให้เราเลย ชาติก่อนคงไม่ได้สร้างวาสนาด้วยกันมาก่อน จึงไม่ได้เกือหนุนกัน
ต่อไปชีวิตเราจะเป็นอย่างไร ?
ก็ในส่วนของอนาคต
ฉันคิดว่าวันนี้ฉันจะเดินทางไปหนองป่าพง เพื่อไปหาสถานที่ปักกลดหรือทำกุฏีผ้าจีวร (ดังนั้นวันที่ 1 มกราคม ฉันจึงไม่ได้ไปบิณฑบาตรด้วย)
สิ่งที่ฉันจะทำต่อไปคือ
1 .ไปบอกพระในอาวาส เรื่องขอลา
2 .ไปบอกผู้ใหญ่บ้านหรือชาวบ้าน เรื่องขอลา
ดังนั้นวันนี้ฉันจะขอลา ภิกษุเจ้าถิ่นในอาวาสวัดโนนผักหวาน เพราะฉันมาอยู่ที่นี้และได้ทำประโยชน์ให้ด้วย เช่น ฉันช่วยบอกบุญญาติโยมที่อุบล เขาก็ร่วมบุญด้วย ประมาณ 5,500 + ซึ่งฉันก็ได้นำไปให้หลวงปู่จงแล้ว ส่วนคนที่ได้ใส่บาตรให้เราในช่วงที่เรามาอยู่ที่วัดโนนผักหวานก็ถือว่าเป็นบุญของเขา เขาจะคิดอะไรยังไงก็ตามเกี่ยวกับเรา เมื่อเขาถึงความสิ้นอายุไขของเขา ถ้าเขาเป็นผีแล้วเห็นเราเขาจะรู้เอง ถ้าเขาเป็นเทวดาแล้วเห็นเราเขาก็จะรู้เอง
ว่ากระแสจิตฉันมันเป็นอย่างไร
ส่วนคนที่ไม่ได้ใส่บาตรให้เราเลย ชาติก่อนคงไม่ได้สร้างวาสนาด้วยกันมาก่อน จึงไม่ได้เกือหนุนกัน
ต่อไปชีวิตเราจะเป็นอย่างไร ?
ก็ในส่วนของอนาคต
ฉันคิดว่าวันนี้ฉันจะเดินทางไปหนองป่าพง เพื่อไปหาสถานที่ปักกลดหรือทำกุฏีผ้าจีวร (ดังนั้นวันที่ 1 มกราคม ฉันจึงไม่ได้ไปบิณฑบาตรด้วย)
สิ่งที่ฉันจะทำต่อไปคือ
1 .ไปบอกพระในอาวาส เรื่องขอลา
2 .ไปบอกผู้ใหญ่บ้านหรือชาวบ้าน เรื่องขอลา
คุณได้แท็ก อริญชยา สมหมั่น และ คุณแม่หนูสิน แม่พระมงคลชัยเจ้าค่ะ
ปีใหม่ ..... ขอให้โยมแม่และโยมพี่สาว มีสุขภาพร่างกายใจแข็งแรง
คือ ปีที่อะไรๆก็คล้ายๆปีเก่า
คือทุกสิ่งล่วงไปเป็นอดีตตลอดเวลา และเกิดปัจจุบันขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ
คือ ปีที่อะไรๆก็คล้ายๆปีเก่า
คือทุกสิ่งล่วงไปเป็นอดีตตลอดเวลา และเกิดปัจจุบันขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ
สถานที่: วัดหนองป่าพง (15.15929288715, 104.82826037166)
ที่อยู่: เทศบาลนครอุบลราชธานี
@ตอนนี้พักอยู่ใน วัดหนองป่าพง
วันนี้ได้ฟังหลวงพ่อสุดถวิล และหลวงพ่อเลี่ยมท่านเทศณ์แสดงธรรมะ
........
เมื่อคืนมาถึงหน้าวัดหนองป่าพงเวลาประมาณแถวสี่ทุ่มเด้อ
...........
วันนี้ได้ฟังหลวงพ่อสุดถวิล และหลวงพ่อเลี่ยมท่านเทศณ์แสดงธรรมะ
........
เมื่อคืนมาถึงหน้าวัดหนองป่าพงเวลาประมาณแถวสี่ทุ่มเด้อ
...........
.ความแก่..ซ่อน..อยู่ในความหนุ่มสาว
ความตาย..ซ่อน..อยู่ในความเกิด
# สัจจะธรรมความจริงของร่างกายเป็นเช่นนี้
ควรหาทำโอกาสในการให้ตนได้ปฏิบัติธรรมบ้าง
ในวันที่ ๑๒ - ๑๗ มกราคม นี้ ที่วัดหนองป่าพง มีงานปฏิบัติธรรม
อาจาริยะบูชา ซึ่งครบรอบ ๑๐๐ ปี ที่หลวงปู่ชา ท่านจากไป
ท่านผู้ใดประสงค์จะเดินทางมา ควรเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งเต้น
เสื้อผ้า สบู่ยาสีฟัน ผ้านุ่งผ้าขาว และไฟฉาย (ไม่ควรใส่สร้อย
เพชรสร้อยทองมาด้วย) อาหารฟรี เพราะมีโรงทานเพียบ
.ความแก่..ซ่อน..อยู่ในความหนุ่มสาว
ความตาย..ซ่อน..อยู่ในความเกิด
# สัจจะธรรมความจริงของร่างกายเป็นเช่นนี้
ควรหาทำโอกาสในการให้ตนได้ปฏิบัติธรรมบ้าง
ในวันที่ ๑๒ - ๑๗ มกราคม นี้ ที่วัดหนองป่าพง มีงานปฏิบัติธรรม
อาจาริยะบูชา ซึ่งครบรอบ ๑๐๐ ปี ที่หลวงปู่ชา ท่านจากไป
ท่านผู้ใดประสงค์จะเดินทางมา ควรเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งเต้น
เสื้อผ้า สบู่ยาสีฟัน ผ้านุ่งผ้าขาว และไฟฉาย (ไม่ควรใส่สร้อย
เพชรสร้อยทองมาด้วย) อาหารฟรี เพราะมีโรงทานเพียบ
ความตาย..ซ่อน..อยู่ในความเกิด
# สัจจะธรรมความจริงของร่างกายเป็นเช่นนี้
ควรหาทำโอกาสในการให้ตนได้ปฏิบัติธรรมบ้าง
ในวันที่ ๑๒ - ๑๗ มกราคม นี้ ที่วัดหนองป่าพง มีงานปฏิบัติธรรม
อาจาริยะบูชา ซึ่งครบรอบ ๑๐๐ ปี ที่หลวงปู่ชา ท่านจากไป
ท่านผู้ใดประสงค์จะเดินทางมา ควรเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งเต้น
เสื้อผ้า สบู่ยาสีฟัน ผ้านุ่งผ้าขาว และไฟฉาย (ไม่ควรใส่สร้อย
เพชรสร้อยทองมาด้วย) อาหารฟรี เพราะมีโรงทานเพียบ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.สุขเวทนาและทุกขเวทนามันก็คือจิต
อทุกขมสุขเวทนามันก็คือจิต
เวทนาทั้งปวงมีเหตุมาจากสัญญี
สัญญีมีเหตุมาจากสังขาร
อทุกขมสุขเวทนามันก็คือจิต
เวทนาทั้งปวงมีเหตุมาจากสัญญี
สัญญีมีเหตุมาจากสังขาร
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 04, 2018 8:42:09pm
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 05, 2018 11:40:57am
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 05, 2018 11:55:15am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.สังขะตะธัม คือธรรมฝ่ายปรุงแต่ง คืออาการที่จิตมีลักษณะปรุง
ให้มีวิญญาณ ปรุงให้มีเวทนา
ปรุงให้มีสัญญา ปรุงให้มีเจตนา
ปรุงให้มีมโนกรรม ปรุงให้มีวจีกรรม
ปรุงให้มีกายกรรม เรียกว่าปรุงให้มีปัจจยาการอิทัปปัจยตา (
ธรรมที่อาศัยกันและกันเกิดขึ้น)
หรือปรุงแต่งให้มีปฏิจสมุปบาทสายทุกขะสมุทัย
และปรุงแต่งให้มีปฏิจสมุบาปสายทุกขะนิโรธ
________________________________________
อะสังขะตะธัม คือธรรมชาติที่สิ่งๆหนึ่งหยุดการปรุงแต่ง
หยุดการทะเยอทะยาน หยุดการสัญญี ธรรมชาติอันนั้น
ใช้ศัพท์ว่า "จิต"
เรียกว่าจิตหยุดการปรุงแต่ง
หยุดการปรุงแต่งปฏิจสมุปบาทสายทุกขะสมุทัยหยุดก
ารปรุงแต่งปฏิจสมุปบาทสายทุกขะนิโรธ
.................
สังขะตะธัม มีกับโสดาบันบุคคล
สังขะตะธัม มีกับสกิทาคามีบุคคล
สังขะตะธัม มีกับอนาคามีบุคคล
สังขะตะธัม มีกับอรหันตะบุคคล
(แต่สังขะตะธัม ที่มีกับอนาคามีบุคคล และ อรหันตะบุคคล
เป็นสายทุกขะนิโรธ ....
ทั้งนี้เพราะอนาคามีบุคคลทุกประเภท จิตพ้นจากนิวรณ์
แล้วอย่างสิ้นเชิง แม้ประเภทที่จิตไม่ได้ถึงปฐมฌาณ แต่เมื่อก่อน
จะทำกาละจิตย่อมรวมเป็นฌานก่อนเพื่อไปเกิดชั้นสุทธาวาส
....
และอนาคามีบุคคลประเภทที่จิตไม่ได้ฌาน
แล้วมีการยังดำเนินชีวิตอยู่คือยังไม่ตาย จิตย่อมมีอุปจาร
ะสมาธิล่อเลี้ยงไว้เสมอ ด้วยเหตุนี้นี่เองนิวรณ์๕จึงเกิดไม่ได้
(อุปจาระสมาธิ ก็มีตั้ง ๗ ระดับ อันนี้นอกคัมภีร์)
๑. มะนุดสาอุปจาระสมาธิภูมิ
๒. จาตุมะหาราชิกาอุปจาระสมาธิภูมิ
๓. ตาวะติงสาอุปจาระสมาธิภูมิ
๔. ยามาอุปจาระสมาธิภูมิ
๕. ตุสิตาอุปจาระสมาธิภูมิ
๖. นิมมานอระตีอุปจาระสมาธิภูมิ
๗. ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีอุปจาระสมาธิภูมิ
อนาคามีบุคคลที่ไม่ได้ฌาน จะมีอุปจาระสมาธิระดับ สูงสุดคือ
ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีอุปจาระสมาธิภูมิ
ระดับต่ำสุดคือ จาตุมะหาราชิกาอุปจาระสมาธิภูมิ
อรหันตะบุคคลที่ไม่ได้ฌาน ก็มีอุปจาระสมาธิในระดับเหมือนอ
นาคามีบุคคลแต่ประณีตกว่า
สกิทาคามีบุคคลที่ไม่ได้ฌาน ก็มีอุปจาระสมาธิทั้ง๗ระดับล่อเ
ลี้ยง แต่บางขณะมีราคะจิต แต่บางขณะมีโทสะจิต รวม
ความว่า สกิทาคามีบุคคล มีนิวรณ์๕และมีอุปจาระสมาธิทุกร
ะดับสลับผลัดกัน
แต่พระสัมมาสัมพุทธะตรัสไว้ ว่า "ทำราคะโทสะเบาบาง"
การที่ราคะและโทสะเบาบางได้ก็เพราะเหตุที่โมหะจ
างคลายไปอีกระดับ"
โสดาบันบุคคลที่ไม่ได้ฌาน ก็ในลักษณะทำนองคล้ายกัน
กับสกิทาคามีบุคคล แต่อุปจาระสมาธิของสกิคามีบุคคล
เกิดบ่อยกว่าโสดาบันบุคคล
และปัญญาในการรอบรู้ธรรมฝ่ายมรรคที่เป็นเหตุดับ
ปฏิจสมุปบาทสายทุกขะนิโรธเฉพาะตัวเริ่มปรากฏว่ามี
และเริ่มออกเดินนำจิตเข้าไปใส่มรรคทางที่รอบรู้เฉพาะตัวนั้น
ส่วนอนาคามีบุคคลรอบรู้ธรรมฝ่ายมรรคที่เป็นเหตุ
ให้ดับปฏิจสมุปบาทสายทุกขะนิโรธและออกเดินนำจิตเข้าไป
แล้วแต่ยังไม่เสร็จกิจ เพราะถ้าเสร็จกิจก็เป็นอรหันต์
ส่วนอรหันตะบุคคลรอบรู้ธรรมฝ่ายมรรคที่เป็นเหตุให้ดับปฏิจสมุปบ
าทสายทุกขะนิโรธและออกเดินนำจิตเข้าไปแล้วและจบ
เสร็จสิ้นกิจนั้นแล้ว
ส่วนโสดาบันบุคคลจิตเดิมแท้รู้มรรคที่เป็นเหตุให้ดับปฏิจสมุปบา
ทสายทุกขะนิโรธแต่เพราะราคะโทสะโมหะนั้นยังมีอยู่
ยังชอบอยากรู้นั่นอยากรู้นี่ ก็คืออุถัธจะยังมีกำลังมากในการ
แพร่ออกมา
...............................................................
อภิญญาจิต จะเกิดขึ้นในระดับเทวะตาจิตอุปจาระสมาธิภูมิ
อภิญญาจิต จะเกิดขึ้นในระดับพรหมจิตอับปะนาสมาธิภูมิ
__________
อรหันตะบุคคล เมื่อทำกาลกิริยาคือตาย
ปฏิจสมุปบาทสายทุกขสมุทัยย่อมดับสิ้นหายไป
เพราะเหตุที่สายปฏิจสมุปบาทดับหายไปจึงเรียกว่า "
อะสังขะตะธัม"
ให้มีวิญญาณ ปรุงให้มีเวทนา
ปรุงให้มีสัญญา ปรุงให้มีเจตนา
ปรุงให้มีมโนกรรม ปรุงให้มีวจีกรรม
ปรุงให้มีกายกรรม เรียกว่าปรุงให้มีปัจจยาการอิทัปปัจยตา (
ธรรมที่อาศัยกันและกันเกิดขึ้น)
หรือปรุงแต่งให้มีปฏิจสมุปบาทสายทุกขะสมุทัย
และปรุงแต่งให้มีปฏิจสมุบาปสายทุกขะนิโรธ
________________________________________
อะสังขะตะธัม คือธรรมชาติที่สิ่งๆหนึ่งหยุดการปรุงแต่ง
หยุดการทะเยอทะยาน หยุดการสัญญี ธรรมชาติอันนั้น
ใช้ศัพท์ว่า "จิต"
เรียกว่าจิตหยุดการปรุงแต่ง
หยุดการปรุงแต่งปฏิจสมุปบาทสายทุกขะสมุทัยหยุดก
ารปรุงแต่งปฏิจสมุปบาทสายทุกขะนิโรธ
.................
สังขะตะธัม มีกับโสดาบันบุคคล
สังขะตะธัม มีกับสกิทาคามีบุคคล
สังขะตะธัม มีกับอนาคามีบุคคล
สังขะตะธัม มีกับอรหันตะบุคคล
(แต่สังขะตะธัม ที่มีกับอนาคามีบุคคล และ อรหันตะบุคคล
เป็นสายทุกขะนิโรธ ....
ทั้งนี้เพราะอนาคามีบุคคลทุกประเภท จิตพ้นจากนิวรณ์
แล้วอย่างสิ้นเชิง แม้ประเภทที่จิตไม่ได้ถึงปฐมฌาณ แต่เมื่อก่อน
จะทำกาละจิตย่อมรวมเป็นฌานก่อนเพื่อไปเกิดชั้นสุทธาวาส
....
และอนาคามีบุคคลประเภทที่จิตไม่ได้ฌาน
แล้วมีการยังดำเนินชีวิตอยู่คือยังไม่ตาย จิตย่อมมีอุปจาร
ะสมาธิล่อเลี้ยงไว้เสมอ ด้วยเหตุนี้นี่เองนิวรณ์๕จึงเกิดไม่ได้
(อุปจาระสมาธิ ก็มีตั้ง ๗ ระดับ อันนี้นอกคัมภีร์)
๑. มะนุดสาอุปจาระสมาธิภูมิ
๒. จาตุมะหาราชิกาอุปจาระสมาธิภูมิ
๓. ตาวะติงสาอุปจาระสมาธิภูมิ
๔. ยามาอุปจาระสมาธิภูมิ
๕. ตุสิตาอุปจาระสมาธิภูมิ
๖. นิมมานอระตีอุปจาระสมาธิภูมิ
๗. ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีอุปจาระสมาธิภูมิ
อนาคามีบุคคลที่ไม่ได้ฌาน จะมีอุปจาระสมาธิระดับ สูงสุดคือ
ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีอุปจาระสมาธิภูมิ
ระดับต่ำสุดคือ จาตุมะหาราชิกาอุปจาระสมาธิภูมิ
อรหันตะบุคคลที่ไม่ได้ฌาน ก็มีอุปจาระสมาธิในระดับเหมือนอ
นาคามีบุคคลแต่ประณีตกว่า
สกิทาคามีบุคคลที่ไม่ได้ฌาน ก็มีอุปจาระสมาธิทั้ง๗ระดับล่อเ
ลี้ยง แต่บางขณะมีราคะจิต แต่บางขณะมีโทสะจิต รวม
ความว่า สกิทาคามีบุคคล มีนิวรณ์๕และมีอุปจาระสมาธิทุกร
ะดับสลับผลัดกัน
แต่พระสัมมาสัมพุทธะตรัสไว้ ว่า "ทำราคะโทสะเบาบาง"
การที่ราคะและโทสะเบาบางได้ก็เพราะเหตุที่โมหะจ
างคลายไปอีกระดับ"
โสดาบันบุคคลที่ไม่ได้ฌาน ก็ในลักษณะทำนองคล้ายกัน
กับสกิทาคามีบุคคล แต่อุปจาระสมาธิของสกิคามีบุคคล
เกิดบ่อยกว่าโสดาบันบุคคล
และปัญญาในการรอบรู้ธรรมฝ่ายมรรคที่เป็นเหตุดับ
ปฏิจสมุปบาทสายทุกขะนิโรธเฉพาะตัวเริ่มปรากฏว่ามี
และเริ่มออกเดินนำจิตเข้าไปใส่มรรคทางที่รอบรู้เฉพาะตัวนั้น
ส่วนอนาคามีบุคคลรอบรู้ธรรมฝ่ายมรรคที่เป็นเหตุ
ให้ดับปฏิจสมุปบาทสายทุกขะนิโรธและออกเดินนำจิตเข้าไป
แล้วแต่ยังไม่เสร็จกิจ เพราะถ้าเสร็จกิจก็เป็นอรหันต์
ส่วนอรหันตะบุคคลรอบรู้ธรรมฝ่ายมรรคที่เป็นเหตุให้ดับปฏิจสมุปบ
าทสายทุกขะนิโรธและออกเดินนำจิตเข้าไปแล้วและจบ
เสร็จสิ้นกิจนั้นแล้ว
ส่วนโสดาบันบุคคลจิตเดิมแท้รู้มรรคที่เป็นเหตุให้ดับปฏิจสมุปบา
ทสายทุกขะนิโรธแต่เพราะราคะโทสะโมหะนั้นยังมีอยู่
ยังชอบอยากรู้นั่นอยากรู้นี่ ก็คืออุถัธจะยังมีกำลังมากในการ
แพร่ออกมา
...............................................................
อภิญญาจิต จะเกิดขึ้นในระดับเทวะตาจิตอุปจาระสมาธิภูมิ
อภิญญาจิต จะเกิดขึ้นในระดับพรหมจิตอับปะนาสมาธิภูมิ
__________
อรหันตะบุคคล เมื่อทำกาลกิริยาคือตาย
ปฏิจสมุปบาทสายทุกขสมุทัยย่อมดับสิ้นหายไป
เพราะเหตุที่สายปฏิจสมุปบาทดับหายไปจึงเรียกว่า "
อะสังขะตะธัม"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.การอยู่ในป่าคนเดียว มันก็มีความสุขอีกแบบหนึ่งหนอ ....
เพราะอย่างนี้หรือเปล่าหลวงปู่มั่น ท่านจึงชอบอยู่ผู้เดียว
ในป่าคราวแสวงหาธรรมอันเป็นเหตุถึงอรหันตภูมิหรืออาสวัก
ขญาณ
____________________
แต่การอยู่ผู้เดียวกับการอยู่กับครูบาอาจารย์ผู้มีจิตหลุดพ้นแล
้วพร้อมด้วยอภิญญาในด้านรอบรู้จิตของศิษย์เป็นอย่างดีทั้งในอดี
ตและปัจจุบัน และให้คำแนะอุบายขนาบสอน ย่อมก้าวไปได้ใว
กว่า
..... แต่ก็อยู่ที่กรรมและบารมีด้วย ว่าจะได้อยู่กับท่านไหม หรือได้
อยู่แล้วจะได้อยู่นานแค่ไหน
เพราะอย่างนี้หรือเปล่าหลวงปู่มั่น ท่านจึงชอบอยู่ผู้เดียว
ในป่าคราวแสวงหาธรรมอันเป็นเหตุถึงอรหันตภูมิหรืออาสวัก
ขญาณ
____________________
แต่การอยู่ผู้เดียวกับการอยู่กับครูบาอาจารย์ผู้มีจิตหลุดพ้นแล
้วพร้อมด้วยอภิญญาในด้านรอบรู้จิตของศิษย์เป็นอย่างดีทั้งในอดี
ตและปัจจุบัน และให้คำแนะอุบายขนาบสอน ย่อมก้าวไปได้ใว
กว่า
..... แต่ก็อยู่ที่กรรมและบารมีด้วย ว่าจะได้อยู่กับท่านไหม หรือได้
อยู่แล้วจะได้อยู่นานแค่ไหน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.เมื่อไร่รู้ว่ารักในความสงบ..
เมื่อนั้นควรทำเหตุแห่งความสงบนั้นอยู่เนืองๆ
เพราะความสุขนั้น
ย่อมมาจาก "สันติ"
ซึ่งแปลว่า "สงบ หรือ ความสงบ"
และความสงบนั้น เกิดขึ้นมาต่อจาก"ศีล"นั่นเอง
สมกับที่พระสัมมาสัมพุทธะตรัสไว้ว่า "บุคคลผู้มีศีล ตายแล้ว
ย่อมเข้าถึง สุขคติโลกสวรรค์
# ศีลอันเป็นองค์มรรคนั่นเอง
เมื่อนั้นควรทำเหตุแห่งความสงบนั้นอยู่เนืองๆ
เพราะความสุขนั้น
ย่อมมาจาก "สันติ"
ซึ่งแปลว่า "สงบ หรือ ความสงบ"
และความสงบนั้น เกิดขึ้นมาต่อจาก"ศีล"นั่นเอง
สมกับที่พระสัมมาสัมพุทธะตรัสไว้ว่า "บุคคลผู้มีศีล ตายแล้ว
ย่อมเข้าถึง สุขคติโลกสวรรค์
# ศีลอันเป็นองค์มรรคนั่นเอง
สถานที่: วัดชัยมงคลบ้านหนองยอ ตำบลจิกดู่ อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ (15.587627795203, 104.57143039385)
ที่อยู่: Amnat, Amnat Charoen
นอนไม่ค่อยหลับ.... น้อ
เป็นนำย้อนกินกาแฟโยมป้าเมียพ่อหมานบ้านหนองมะทอ เบาะน้อ...
เป็นนำย้อนกินกาแฟโยมป้าเมียพ่อหมานบ้านหนองมะทอ เบาะน้อ...
สถานที่: วัดชัยมงคลบ้านหนองยอ ตำบลจิกดู่ อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ (15.587627795203, 104.57143039385)
ที่อยู่: Amnat, Amnat Charoen
มาฮ้อดแต่ช่วงบ่าย...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ แชร์วิดีโอจากเพลย์ลิสต์ ธรรมะจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 12, 2018 6:27:37am
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 12, 2018 6:30:12am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ แชร์วิดีโอจากเพลย์ลิสต์ ธรรมะจากหลวงพ่อจรัญ
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 12, 2018 6:33:35am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้แพร่ภาพสด
นั่งรถตู้ไปขนส่งอุบล
นั่งรถตู้ไปขนส่งอุบล
กราฟฟิก สอนเดินจรงกลมอย่างเข้าใจง่าย เชิญกดคลิกชม
( www.facebook.com/Dungtrin )
กราฟฟิก สอนเดินจรงกลมอย่างเข้าใจง่าย เชิญกดคลิกชม
( www.facebook.com/Dungtrin )
( www.facebook.com/Dungtrin )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้แพร่ภาพสด
สองข้างทางก่อนจะไปถึงหน้าวัดหนองป่าพงครับ..
#คนกะจั่งแมนมางานปฏิบัติธรรมหนองป่าพงหลายคักหลายแน ... ขออนุโมทนากับทุกท่านที่มีจิตใจเป็นกุศลมาเพื่อตั้งใจประพฤติปฏิบัติขลัดเกลากิเลส ตัวราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ออกจากใจ
สองข้างทางก่อนจะไปถึงหน้าวัดหนองป่าพงครับ..
#คนกะจั่งแมนมางานปฏิบัติธรรมหนองป่าพงหลายคักหลายแน ... ขออนุโมทนากับทุกท่านที่มีจิตใจเป็นกุศลมาเพื่อตั้งใจประพฤติปฏิบัติขลัดเกลากิเลส ตัวราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ออกจากใจ
#คนกะจั่งแมนมางานปฏิบัติธรรมหนองป่าพงหลายคักหลายแน ... ขออนุโมทนากับทุกท่านที่มีจิตใจเป็นกุศลมาเพื่อตั้งใจประพฤติปฏิบัติขลัดเกลากิเลส ตัวราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ออกจากใจ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.# เมื่อหญิงคนหนึ่งชะตากำลังขาด
# ท่านพ่อลีก็เลยให้หวย … # หวังได้เงินรางวัลช่วยค่าทำศพ !!
“กวง ตั้งศรีงามสง่า” ลูกศิษย์ของ “ท่านพ่อลี ธัมมธโร” เคยเล่า
ให้ฟังว่า
มีโยมผู้หญิงคนหนึ่งไปขอหวยจากท่านพ่อลี ท่านจึงเขียนเลข
ใส่กระดาษ ม้วนกลม ๆ แล้วส่งให้เธอ เธอรับไว้ด้วยความดีใจ
กราบลาท่านแล้วก็รีบกลับไปทันที
นายกวงเห็นดังนั้นก็รีบลุกขึ้นเพื่อจะตามไปขอดูเลขหวย
เพราะปกติไม่เคยเห็นท่านพ่อลีทำเช่นนี้กับใคร แต่ในขณะที่
เขากำลังจะวิ่งตามผู้หญิงคนนั้น ท่านพ่อลีก็ถามว่า
“กวง…มึงจะไปไหน?”
“จะไปเอาเลขจากยายคนนั้น”
ท่านพ่อลีก็ห้ามว่า
“อย่า… อย่าไปเอาเป็นอันขาด!!”
แล้วท่านพ่อลีก็อธิบายให้นายกวงฟังว่า
“กวง… กูจะบอกให้มึงฟัง โยมผู้หญิงคนนั้นน่ะเธอหมดอายุขัยแล้ว
นอกจากเธอจะหมดอายุขัยแล้วก็ยังยากจนมากด้วย
เราพิจารณาเห็นแล้วสงสาร เราก็เลยสงเคราะห์เขา เมื่อ
เขาถูกหวยแล้ว เขาก็จะตาย เงินที่ถูกหวยนั่นแหละจะเป็นเงิ
นทำศพของเขาเอง และลูกหลานของเขาจะได้ไม่ต้องลำบาก
หลังจากวันหวยออกแล้ว ลูกชายของผู้หญิงคนนั้นก็ไปหาท่
านพ่อลีที่วัด กราบเรียนท่านว่า
“ท่านพ่อ… แม่ผมถูกหวยหลายหมื่นบาท แต่แม่ก็เสียชีวิตแล้ว!!”
ท่านพ่อลีตอบว่า
“เออ… มึงเอาเงินนั้นทำฌาปนกิจศพให้แม่มึงนะ”
นี่คือเมตตาธรรมที่ท่านพ่อลีมีให้เสมอสำหรับมนุษย์ทุกเพศทุกวัย
… เมื่อใครเข้ามาในข่ายแห่งญาณที่ท่านพอจะช่วยได้ ท่านจะ
ไม่ปล่อยผ่านเลยไป
ที่มา : “ท่านพ่อลี ธัมมธโร พระอริยเจ้าผู้มีพลังจิตแก่กล้า”
# ท่านพ่อลีก็เลยให้หวย … # หวังได้เงินรางวัลช่วยค่าทำศพ !!
“กวง ตั้งศรีงามสง่า” ลูกศิษย์ของ “ท่านพ่อลี ธัมมธโร” เคยเล่า
ให้ฟังว่า
มีโยมผู้หญิงคนหนึ่งไปขอหวยจากท่านพ่อลี ท่านจึงเขียนเลข
ใส่กระดาษ ม้วนกลม ๆ แล้วส่งให้เธอ เธอรับไว้ด้วยความดีใจ
กราบลาท่านแล้วก็รีบกลับไปทันที
นายกวงเห็นดังนั้นก็รีบลุกขึ้นเพื่อจะตามไปขอดูเลขหวย
เพราะปกติไม่เคยเห็นท่านพ่อลีทำเช่นนี้กับใคร แต่ในขณะที่
เขากำลังจะวิ่งตามผู้หญิงคนนั้น ท่านพ่อลีก็ถามว่า
“กวง…มึงจะไปไหน?”
“จะไปเอาเลขจากยายคนนั้น”
ท่านพ่อลีก็ห้ามว่า
“อย่า… อย่าไปเอาเป็นอันขาด!!”
แล้วท่านพ่อลีก็อธิบายให้นายกวงฟังว่า
“กวง… กูจะบอกให้มึงฟัง โยมผู้หญิงคนนั้นน่ะเธอหมดอายุขัยแล้ว
นอกจากเธอจะหมดอายุขัยแล้วก็ยังยากจนมากด้วย
เราพิจารณาเห็นแล้วสงสาร เราก็เลยสงเคราะห์เขา เมื่อ
เขาถูกหวยแล้ว เขาก็จะตาย เงินที่ถูกหวยนั่นแหละจะเป็นเงิ
นทำศพของเขาเอง และลูกหลานของเขาจะได้ไม่ต้องลำบาก
หลังจากวันหวยออกแล้ว ลูกชายของผู้หญิงคนนั้นก็ไปหาท่
านพ่อลีที่วัด กราบเรียนท่านว่า
“ท่านพ่อ… แม่ผมถูกหวยหลายหมื่นบาท แต่แม่ก็เสียชีวิตแล้ว!!”
ท่านพ่อลีตอบว่า
“เออ… มึงเอาเงินนั้นทำฌาปนกิจศพให้แม่มึงนะ”
นี่คือเมตตาธรรมที่ท่านพ่อลีมีให้เสมอสำหรับมนุษย์ทุกเพศทุกวัย
… เมื่อใครเข้ามาในข่ายแห่งญาณที่ท่านพอจะช่วยได้ ท่านจะ
ไม่ปล่อยผ่านเลยไป
ที่มา : “ท่านพ่อลี ธัมมธโร พระอริยเจ้าผู้มีพลังจิตแก่กล้า”
#กราฟฟิคคอมพิวเตอร์
สอนทำอานาปานสติ เชิญชมครับ
( www.facebook.com/Dungtrin )
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.ทุกวันนี้ แค่คำพูด
คนมันไม่ค่อยจะเชื่อ.. จึงต้องอาศัยหลักฐาน
และการเห็น
คนมันไม่ค่อยจะเชื่อ.. จึงต้องอาศัยหลักฐาน
และการเห็น
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 14, 2018 10:53:23am
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 15, 2018 8:17:57pm
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 16, 2018 6:06:05pm
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 17, 2018 5:53:41am
#ปีที่แล้ว
ครั้งหนึ่งเดินทางไปเผยแผ่คำสอนพระพุทธเจ้า
ในโรงเรียนนารีนุกูล โดยนำป้ายที่ติดสติ๊กเกอร์เป็นตัวอักษรธรรมสอนเจริญสติสัมปชัญญะ ไปมอบให้ รร นารีนุกูล
แล้วที่นี้เหตุการมันปุ๊บบับคาดไม่ถึง ว่าวันนั้นครูกิตติพงษ์พูดว่า "สอนแทนไหมครับ" อาตมาก็เลยย้อนถามว่าแล้วมันจะไม่เป็นการแย่งการสอนหรือ
...
จากนั้นก็ได้สอนวิชชาพระพุทธศานา แต่เราไม่ได้สอนเกี่ยวกับพระสูตรธรรมมาก แต่เจาะจงลงไปที่สอนนั่งสมาธิมากกว่า โดยให้บริกรรมนับเลขในใจ
ครั้งหนึ่งเดินทางไปเผยแผ่คำสอนพระพุทธเจ้า
ในโรงเรียนนารีนุกูล โดยนำป้ายที่ติดสติ๊กเกอร์เป็นตัวอักษรธรรมสอนเจริญสติสัมปชัญญะ ไปมอบให้ รร นารีนุกูล
แล้วที่นี้เหตุการมันปุ๊บบับคาดไม่ถึง ว่าวันนั้นครูกิตติพงษ์พูดว่า "สอนแทนไหมครับ" อาตมาก็เลยย้อนถามว่าแล้วมันจะไม่เป็นการแย่งการสอนหรือ
...
จากนั้นก็ได้สอนวิชชาพระพุทธศานา แต่เราไม่ได้สอนเกี่ยวกับพระสูตรธรรมมาก แต่เจาะจงลงไปที่สอนนั่งสมาธิมากกว่า โดยให้บริกรรมนับเลขในใจ
กระผมกำลังเดินทางไประยอง ครับ
และต่อด้วยวัดมาบจันทร์ (สาขาวัดหนองป่าพงครับ)
การไปครั้งนี้โทรลาทางโทรศัพท์กับพระอุปชฌาย์แล้ว
และโทรลาทางโทรศัพท์กับโยมแม่แล้วครับ
และทั้งสองท่านก็อนุญาติในการเดินทางไปแล้วครับ
แต่ไม่ได้พิมพ์เป็นเอกสารอนุญาติการเดินทาง
และมีหลักฐานโดยการบันทึกเสียงไว้ด้วยครับ
และมีเอกสารสำเนาบัตรประชาชนของพระอุปัชฌายด้วยครับ ส่วนของผมมีบัตรประชนใบสุทธิ ใบขับขี่ และมีหนังสือที่แจกภายในงานอาจาริยะบูชาหนองป่าพงด้วยครับ และหนังสือทะเบียนวัดจะเป็นเกี่ยวกับรายชื่อวัดสาขาหนองป่าพงทั้งในไทยและต่างประเทศ ปัจจัยประมาณ
และ
กระผมกำลังเดินทางไประยอง ครับ
และต่อด้วยวัดมาบจันทร์ (สาขาวัดหนองป่าพงครับ)
การไปครั้งนี้โทรลาทางโทรศัพท์กับพระอุปชฌาย์แล้ว
และโทรลาทางโทรศัพท์กับโยมแม่แล้วครับ
และทั้งสองท่านก็อนุญาติในการเดินทางไปแล้วครับ
แต่ไม่ได้พิมพ์เป็นเอกสารอนุญาติการเดินทาง
และมีหลักฐานโดยการบันทึกเสียงไว้ด้วยครับ
และมีเอกสารสำเนาบัตรประชาชนของพระอุปัชฌายด้วยครับ ส่วนของผมมีบัตรประชนใบสุทธิ ใบขับขี่ และมีหนังสือที่แจกภายในงานอาจาริยะบูชาหนองป่าพงด้วยครับ และหนังสือทะเบียนวัดจะเป็นเกี่ยวกับรายชื่อวัดสาขาหนองป่าพงทั้งในไทยและต่างประเทศ ปัจจัยประมาณ
และ
และต่อด้วยวัดมาบจันทร์ (สาขาวัดหนองป่าพงครับ)
การไปครั้งนี้โทรลาทางโทรศัพท์กับพระอุปชฌาย์แล้ว
และโทรลาทางโทรศัพท์กับโยมแม่แล้วครับ
และทั้งสองท่านก็อนุญาติในการเดินทางไปแล้วครับ
แต่ไม่ได้พิมพ์เป็นเอกสารอนุญาติการเดินทาง
และมีหลักฐานโดยการบันทึกเสียงไว้ด้วยครับ
และมีเอกสารสำเนาบัตรประชาชนของพระอุปัชฌายด้วยครับ ส่วนของผมมีบัตรประชนใบสุทธิ ใบขับขี่ และมีหนังสือที่แจกภายในงานอาจาริยะบูชาหนองป่าพงด้วยครับ และหนังสือทะเบียนวัดจะเป็นเกี่ยวกับรายชื่อวัดสาขาหนองป่าพงทั้งในไทยและต่างประเทศ ปัจจัยประมาณ
และ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ครั้งหนึ่งในปีที่แล้วกระผมเคยไปบรรยายธรรมที่ โรงเรียนเบ็ญจมะมหาราช อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
(เด็กประมาณ 600 กว่าคน ) โอ้.... สุดยอดเลย
(เด็กประมาณ 600 กว่าคน ) โอ้.... สุดยอดเลย
ปีที่แล้วได้มีโอกาสได้ขึ้นไปบรรยายธรรมที่หอประชุม โรงเรียนเบ็ญจมะมหาราช อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ เด็กประมาณ 600 กว่าคน
(บรรยายเรื่องการทำสมาธิและวิบากกรรมของแต่ละอาชีพ) ฉันเกือบตาย
(บรรยายเรื่องการทำสมาธิและวิบากกรรมของแต่ละอาชีพ) ฉันเกือบตาย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.การถ่ายภาพ คือการสร้างหน้าสำหรับบุคคลผู้ต้องการมี
ไว้สร้างหน้า
..................................
แต่การถ่ายภาพของบุคคลผู้เอาไว้เป็นไม้เด็ดยืนยันความจริง
ให้คนเชื่อนั่นก็ม
ไว้สร้างหน้า
..................................
แต่การถ่ายภาพของบุคคลผู้เอาไว้เป็นไม้เด็ดยืนยันความจริง
ให้คนเชื่อนั่นก็ม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้ไปที่ Nakhon Ratchasima, Thailand
สถานที่: Nakhon Ratchasima, Thailand (15.0412905509, 102.100639703)
สถานที่: Nakhon Ratchasima, Thailand (15.0412905509, 102.100639703)
ถึงนครราชสีมาแล้ว...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
18 ม.ค. 2018
ถาม : สัญญาขันธ์ คืออย่างไร ?
ตอบ : พระพุทธเจ้าทรงเผยให้ไว้แล้วในบาลีเฉพาะ รูปะสัญญา
สีเขียว สีขาว สีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน ฯลฯ
มันก็คือ การตั้งชื่อ ให้กับสิ่งที่เห็นทางตานั่นแหละ คือรูปะสัญญา
ส่วนการตั้งชื่อให้กับสิ่งที่เห็นทางมโนทวาร คือธัมมะสัญญา
การตั้งชื่อให้กับสิ่งที่ห็นทางหูนั่นแหละคือ สัทธะสัญญา
การตั้งชื่อให้กับสิ่งที่เห็นทางจมูกนั่นแหละคือ คัณธะสัญญา
การตั้งชื่อให้กับสิ่งที่เห็นทางลิ้นนั่นแหละคือ ระสะสัญญา
การตั้งชื่อให้กับสิ่งที่เห็นทางกายนั่นแหละคือ โผฏฐัพพะสัญญา
คำว่า "เห็น" ควรใช้คำว่า (วิญญาณะ หรือ วิญญาณ )
ถาม : สัญญาขันธ์ คืออย่างไร ?
ตอบ : พระพุทธเจ้าทรงเผยให้ไว้แล้วในบาลีเฉพาะ รูปะสัญญา
สีเขียว สีขาว สีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน ฯลฯ
มันก็คือ การตั้งชื่อ ให้กับสิ่งที่เห็นทางตานั่นแหละ คือรูปะสัญญา
ส่วนการตั้งชื่อให้กับสิ่งที่เห็นทางมโนทวาร คือธัมมะสัญญา
การตั้งชื่อให้กับสิ่งที่ห็นทางหูนั่นแหละคือ สัทธะสัญญา
การตั้งชื่อให้กับสิ่งที่เห็นทางจมูกนั่นแหละคือ คัณธะสัญญา
การตั้งชื่อให้กับสิ่งที่เห็นทางลิ้นนั่นแหละคือ ระสะสัญญา
การตั้งชื่อให้กับสิ่งที่เห็นทางกายนั่นแหละคือ โผฏฐัพพะสัญญา
คำว่า "เห็น" ควรใช้คำว่า (วิญญาณะ หรือ วิญญาณ )
สถานที่: สถานีขนส่งใหม่ จังหวัดระยอง (12.701030240197, 101.21582883454)
ที่อยู่: Ban Map Ta Phut, Rayong
เมื่อวานขึ้นรถจากขนส่งอุบลราชธานี 5 โมงเย็น
มาถึงขนส่งระยอง ประมาณ 6 - 7 โมงเช้า
มาถึงขนส่งระยอง ประมาณ 6 - 7 โมงเช้า
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
. การดูใจตนเอง ก็คือดูจิตตนเอง
"ใจ" กับ "จิต" ว่าตามความจริงต้องโยงไปที่บาลี
คำว่า"ใจ" ในบาลี จะใช้คำว่า "มโน"
ส่วนคำว่า"จิต" ในบาลี จะใช้อยู่หลายคำ เช่น จิตเต จิตโต
เจโต จิตตัง จิตตะ โดยรวมแล้วจิตก็คือ นามมะขันธ์๓ถ้าว
่าตามสติปัฏฐาน
ถ้าว่าตามอภิธรรมจิตคือ "วิญญาณ"
"ใจ" กับ "จิต" ว่าตามความจริงต้องโยงไปที่บาลี
คำว่า"ใจ" ในบาลี จะใช้คำว่า "มโน"
ส่วนคำว่า"จิต" ในบาลี จะใช้อยู่หลายคำ เช่น จิตเต จิตโต
เจโต จิตตัง จิตตะ โดยรวมแล้วจิตก็คือ นามมะขันธ์๓ถ้าว
่าตามสติปัฏฐาน
ถ้าว่าตามอภิธรรมจิตคือ "วิญญาณ"
อัพเดตเมื่อ ม.ค. 20, 2018 3:40:19am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
.รูปขันธ์นี่มันเป็นก้อนทุกข์หนอ
เพราะมันแปรปรวน เอาแนเอานอนกับมันไม่ได้ เดี๋ยวมันก็เจ็บ
ตรงนู้น เดี๋ยวมันก็เจ็บตรงนั้น เดี๋ยวมันก็เจ็บตรงนี้ เดี๋ยวอีกหน่อยม
ันก็แก่ชราให้คนอื่นเห็น เดี๋ยวอีกหน่อยมันก็นอนแน่นิ่งถึงแก่
ความตายให้คนอื่นเห็น มีธาตุทั้ง๔มารวมกันขึ้นมา จึงกลาย
เป็นร่างกายแห่งความเจ็บและความตาย
ผู้ใดเห็นว่าร่างนี้เป็นตัวทุกข์ ให้สุขน้อยกว่าทุกข์
พึ่งรีบทำการเบื่อหน่ายคลายความติดใจ คลายความเห็นว่า
เป็นของให้สุขเสมอตลอดไป คลายความยึดถือว่าเป็นเรา ว่า
เป็นของเรา เรียกว่าสลัดทิ้งด้วยทิฏฐิก่อน แล้วต่อไปจิตคงสลัด
ความเห็นผิดว่าเป็นเราว่าเป็นของเราทิ้งอย่างถาวร แม้ยังอยู่
กับกายยังไม่ตาย ความเห็นถูกย่อมเป็นตัวนำองค์มรรคทั้งปวง
ให้สมบูรณ
เพราะมันแปรปรวน เอาแนเอานอนกับมันไม่ได้ เดี๋ยวมันก็เจ็บ
ตรงนู้น เดี๋ยวมันก็เจ็บตรงนั้น เดี๋ยวมันก็เจ็บตรงนี้ เดี๋ยวอีกหน่อยม
ันก็แก่ชราให้คนอื่นเห็น เดี๋ยวอีกหน่อยมันก็นอนแน่นิ่งถึงแก่
ความตายให้คนอื่นเห็น มีธาตุทั้ง๔มารวมกันขึ้นมา จึงกลาย
เป็นร่างกายแห่งความเจ็บและความตาย
ผู้ใดเห็นว่าร่างนี้เป็นตัวทุกข์ ให้สุขน้อยกว่าทุกข์
พึ่งรีบทำการเบื่อหน่ายคลายความติดใจ คลายความเห็นว่า
เป็นของให้สุขเสมอตลอดไป คลายความยึดถือว่าเป็นเรา ว่า
เป็นของเรา เรียกว่าสลัดทิ้งด้วยทิฏฐิก่อน แล้วต่อไปจิตคงสลัด
ความเห็นผิดว่าเป็นเราว่าเป็นของเราทิ้งอย่างถาวร แม้ยังอยู่
กับกายยังไม่ตาย ความเห็นถูกย่อมเป็นตัวนำองค์มรรคทั้งปวง
ให้สมบูรณ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
25 ม.ค. 2018
ที่ใดมีจิต ที่นั่นมีทุกข
ที่ใดมีจิต ที่นั่นมีทุกข
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
# อาการกามตัณหา
"เพราะจิตตะตัณหานั้นเป็นตัวเหตุเริ่ม
คือมันปรุงแต่งรูปานามมารมณ์ สัทธานามมารมณ์
คัณธานามมารมณ์ รสนามมารมณ์ โผฏฐัพพะนามมารม
ณ์ภายในขึ้นมาก แล้วจึงออกไปเป็นกายกรรม นำสิ่งนั้นมาเพื่อ
ให้ได้ประสบกับอายตนะภายใน๕ข้อ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย
ในลักษณะที่เหมือนหรือคล้ายรูปานามมาอารมณ์/
สัทธานามมารมณ์/คัณธานามมารมณ์/ระสานามมารมณ์/
โผฏฐัพพานามมารมณ์ ที่ปรุงแต่งขึ้น
นี่แลคือ "อาการกามตัณกา"
"เพราะจิตตะตัณหานั้นเป็นตัวเหตุเริ่ม
คือมันปรุงแต่งรูปานามมารมณ์ สัทธานามมารมณ์
คัณธานามมารมณ์ รสนามมารมณ์ โผฏฐัพพะนามมารม
ณ์ภายในขึ้นมาก แล้วจึงออกไปเป็นกายกรรม นำสิ่งนั้นมาเพื่อ
ให้ได้ประสบกับอายตนะภายใน๕ข้อ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย
ในลักษณะที่เหมือนหรือคล้ายรูปานามมาอารมณ์/
สัทธานามมารมณ์/คัณธานามมารมณ์/ระสานามมารมณ์/
โผฏฐัพพานามมารมณ์ ที่ปรุงแต่งขึ้น
นี่แลคือ "อาการกามตัณกา"
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ถาม#
เมื่อดำรงจิตให้เป็นลักษณะอุปจาระสมาธิหรืออัปนาสมาธิ
แล้วเพื่อเป็นบาทฐานให้มีกำลัง...
แล้วน้อมจิตให้เป็นลักษณะพิจารณาวิญญาณขันธ์(ธร
รมชาติรู้แจ้ง) ว่ามีการแปรปรวน ไม่ใช่เรา
สังขารขันธ์ (เจตนาความคิดความนึก และการปรุงแต่ง)
ว่ามีการแปรปรวน ไม่ใช่เรา
สัญญาขันธ์(กำหนดหมายบัญญัติ) ว่ามีการแปรปรวน ไม่
ใช่เรา
เวทนาขันธ์ (ความสุข ความทุกข์ ความไม่สุขความไม่ทุกข์)
ว่ามีการแปรปรวน
รูปขันธ์ (ร่างกาย) ไม่ใช่เรา
ขันธ์ทั้งปวงมีการแปรปรวน ไม่ใช่เรา
เมื่อน้อมจิตไปเป็นลักษณะนี้ก็จะไม่เหลือเราเลย
หมดกันไม่มีอะไรเหลือให้เป็นเราเลย เหลือแต่ขันธ์ที่แปรปรวน
เหลือแต่สิ่งที่แปรปรวน
ใช่อย่างนี้หรือเปล่าที่ในคัมภีร์ท่านว่า น้อมจิตไปเพื่ออ
าสวักขยญาณ
แต่นี้มันไม่ใช่อยู่ในฌานสี่
มันจะเป็นตะทังควิมุติ(หลุดพ้นชั่วคราว) ถ้าฐานจิตเป็นอุ
ปจาระสมาธิ
แต่ถ้าฐานจิตเป็นอัปนา อาจทะลุตทังควิมุติไปสู่สมุทเสธวิมุติ(
หลุดพ้นอย่างสิ้นอาวสะ) ใช่ ใช่ไหมครับ
คำตอบ#
อุปจาระสมาธิก็บรรลุธรรมได้ แต่ปัญญาต้องแรง
และสร้างฐานอุปจาระสมาธิไว้นานๆเพื่อให้มีกำลังให้มาก แม้
ไม่ถึงอัปนาก็สามารถตัดกิเลสได้
เพียงแต่ต้องมั่นขยันน้อมจิตไปในลักษณะนั้นให้คล่องแคล้ว...
เมื่อดำรงจิตให้เป็นลักษณะอุปจาระสมาธิหรืออัปนาสมาธิ
แล้วเพื่อเป็นบาทฐานให้มีกำลัง...
แล้วน้อมจิตให้เป็นลักษณะพิจารณาวิญญาณขันธ์(ธร
รมชาติรู้แจ้ง) ว่ามีการแปรปรวน ไม่ใช่เรา
สังขารขันธ์ (เจตนาความคิดความนึก และการปรุงแต่ง)
ว่ามีการแปรปรวน ไม่ใช่เรา
สัญญาขันธ์(กำหนดหมายบัญญัติ) ว่ามีการแปรปรวน ไม่
ใช่เรา
เวทนาขันธ์ (ความสุข ความทุกข์ ความไม่สุขความไม่ทุกข์)
ว่ามีการแปรปรวน
รูปขันธ์ (ร่างกาย) ไม่ใช่เรา
ขันธ์ทั้งปวงมีการแปรปรวน ไม่ใช่เรา
เมื่อน้อมจิตไปเป็นลักษณะนี้ก็จะไม่เหลือเราเลย
หมดกันไม่มีอะไรเหลือให้เป็นเราเลย เหลือแต่ขันธ์ที่แปรปรวน
เหลือแต่สิ่งที่แปรปรวน
ใช่อย่างนี้หรือเปล่าที่ในคัมภีร์ท่านว่า น้อมจิตไปเพื่ออ
าสวักขยญาณ
แต่นี้มันไม่ใช่อยู่ในฌานสี่
มันจะเป็นตะทังควิมุติ(หลุดพ้นชั่วคราว) ถ้าฐานจิตเป็นอุ
ปจาระสมาธิ
แต่ถ้าฐานจิตเป็นอัปนา อาจทะลุตทังควิมุติไปสู่สมุทเสธวิมุติ(
หลุดพ้นอย่างสิ้นอาวสะ) ใช่ ใช่ไหมครับ
คำตอบ#
อุปจาระสมาธิก็บรรลุธรรมได้ แต่ปัญญาต้องแรง
และสร้างฐานอุปจาระสมาธิไว้นานๆเพื่อให้มีกำลังให้มาก แม้
ไม่ถึงอัปนาก็สามารถตัดกิเลสได้
เพียงแต่ต้องมั่นขยันน้อมจิตไปในลักษณะนั้นให้คล่องแคล้ว...
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ความดีใจ คือ กามมะสุขันลิกานุโยค
ความเสียใจ คือ อัตตะกิละมะฐานุโยค
ส่วนสุดทั้งสองนี้ ให้ละ คืออย่าเดิน
แล้วพึงเป็นผู้มี"สติ" ให้บ่อยเนือง
ความเสียใจ คือ อัตตะกิละมะฐานุโยค
ส่วนสุดทั้งสองนี้ ให้ละ คืออย่าเดิน
แล้วพึงเป็นผู้มี"สติ" ให้บ่อยเนือง
คุณได้แท็ก หนูสิน สมหมั่น, Bat Bat Wisetkaew และ สมัย เกษมสัตย์
@กระผมอยู่ระยองนะครับตอนนี้
ขอให้เข้าใจตรงกันนะครับ
......
โยมแม่ไลน์มาถามว่า: อยู่ที่ไหน ? ทำไมคนเขาถึงพูดกันว่าพบเจออยู่แถวบ้าน
........ @โยมพ่อใหญ่สมัย ถ้าว่างๆได้เข้าไปบ้านโยมแม่ใหญ่ตุ๊ บอกชี้แจ้งให้เพิลฮู้แนเด้อว่า แอพพิเคชั่น google map ไอ้จุดเขียวๆ มันคือตำแหน่งที่อยู่ของผู้ใช้โทรศัพท์ในขณะนั้น ถ้าว่างๆได้เข้าไป บอกเพิลแน่เด้อ
@กะยังว่าอยู่ระยองๆ บ่ได้อยู่เขตภาคอีสานดอกเดี่ยวนี่ อำนาจ อุบล มุกดาหาร อุดร ฯลฯ บ่ได้อยู่แถวนั่นดอก ตอนนี้อยู่ระยอง อยู่ในกุฏีหลังนี้แหละ รับทราบเด้อ............
ขอให้เข้าใจตรงกันนะครับ
......
โยมแม่ไลน์มาถามว่า: อยู่ที่ไหน ? ทำไมคนเขาถึงพูดกันว่าพบเจออยู่แถวบ้าน
........ @โยมพ่อใหญ่สมัย ถ้าว่างๆได้เข้าไปบ้านโยมแม่ใหญ่ตุ๊ บอกชี้แจ้งให้เพิลฮู้แนเด้อว่า แอพพิเคชั่น google map ไอ้จุดเขียวๆ มันคือตำแหน่งที่อยู่ของผู้ใช้โทรศัพท์ในขณะนั้น ถ้าว่างๆได้เข้าไป บอกเพิลแน่เด้อ
@กะยังว่าอยู่ระยองๆ บ่ได้อยู่เขตภาคอีสานดอกเดี่ยวนี่ อำนาจ อุบล มุกดาหาร อุดร ฯลฯ บ่ได้อยู่แถวนั่นดอก ตอนนี้อยู่ระยอง อยู่ในกุฏีหลังนี้แหละ รับทราบเด้อ............
.17 ก.พ. 2018
กรรม และ วิบาก คือสิ่งที่เที่ยงตรง
เพราะเมื่อมีกรรมย่อมมีวิบาก
ทำดีก็คือทำกรรมดี มีวิบากคือผลเป็นกุศลทันที
ทำบาปก็คือทำกรรมไม่ดี มีวิบากคือผลเป็นอกุศลทันที แต่ให้ผลภายใน3ก
าล
คือ1.ให้ผลทันทีหลังทำเสร็จในชาตินี้
2.ให้ผลในชาติที่ทำ ในเวลาใดเวลาหนึ่ง
3.ให้ผลในชาติถัดๆไปหลังชาติหนึ่งไป โดยระบุไม่ได้ว่าจะเป็นชาติที่เท่าไร่
เจริญพร/
.17 ก.พ. 2018
กรรม และ วิบาก คือสิ่งที่เที่ยงตรง
เพราะเมื่อมีกรรมย่อมมีวิบาก
ทำดีก็คือทำกรรมดี มีวิบากคือผลเป็นกุศลทันที
ทำบาปก็คือทำกรรมไม่ดี มีวิบากคือผลเป็นอกุศลทันที แต่ให้ผลภายใน3ก
าล
คือ1.ให้ผลทันทีหลังทำเสร็จในชาตินี้
2.ให้ผลในชาติที่ทำ ในเวลาใดเวลาหนึ่ง
3.ให้ผลในชาติถัดๆไปหลังชาติหนึ่งไป โดยระบุไม่ได้ว่าจะเป็นชาติที่เท่าไร่
เจริญพร/
กรรม และ วิบาก คือสิ่งที่เที่ยงตรง
เพราะเมื่อมีกรรมย่อมมีวิบาก
ทำดีก็คือทำกรรมดี มีวิบากคือผลเป็นกุศลทันที
ทำบาปก็คือทำกรรมไม่ดี มีวิบากคือผลเป็นอกุศลทันที แต่ให้ผลภายใน3ก
าล
คือ1.ให้ผลทันทีหลังทำเสร็จในชาตินี้
2.ให้ผลในชาติที่ทำ ในเวลาใดเวลาหนึ่ง
3.ให้ผลในชาติถัดๆไปหลังชาติหนึ่งไป โดยระบุไม่ได้ว่าจะเป็นชาติที่เท่าไร่
เจริญพร/
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
การมนสิการว่า มีสิ่งๆนั้นเที่ยงอันคือต้นเดิมฐานเดิม
ตัวต้นเดิมของปัจยาการเที่ยง ขัดต่ออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทันที
แต่การมนสิการว่าเป็นปัจยาการ ที่เกิดต่อมาจาก
อีกปัจยาการหนึ่ง อันบาลีบอกว่า อิสมัสสมิง อิทังโหติ หรือ
อาการปฏิจสมุปบาทธรรม (จักขุ/โสตะ/ฆานะ/ชิวหา/กายยะ
/~วิญญาณ) ปัจจยา แปรสภาพเป็น (มโนวิญญาณ คู่กับ
รูปานามมารมณ์ สัทธานามมารมณ์ คัณธานามมารมณ์
ระสานามมารมณ์ โผฏฐัพพานามมารมณ์ ) ปัจจยา
แปรสภาพเป็น ( มโนวิญญาณ คู่กับ เวทนาที่เกิดต่อ
นามมารมณ์นั้นๆ เช่น มโนวิญญาณกับรูปานามารมณ์ ปัจยา
เวทนา ที่เป็นสุขบ้าง ที่เป็นทุกข์บ้าง ที่ไม่ใช่สุขไม่มใช่ทุกข์บ้าง
)
ปรุงแต่งวิญญาณออกมา ~ ปรุงแต่งบัญญัติหมายออกมา ~
ปรุงแต่งการคิดเกี่ยวกับที่บัญญัติหมายเป็นความคิดออกมา ~
ผัสสะ ปัจจยา วิญญาณ
ตัวต้นเดิมของปัจยาการเที่ยง ขัดต่ออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทันที
แต่การมนสิการว่าเป็นปัจยาการ ที่เกิดต่อมาจาก
อีกปัจยาการหนึ่ง อันบาลีบอกว่า อิสมัสสมิง อิทังโหติ หรือ
อาการปฏิจสมุปบาทธรรม (จักขุ/โสตะ/ฆานะ/ชิวหา/กายยะ
/~วิญญาณ) ปัจจยา แปรสภาพเป็น (มโนวิญญาณ คู่กับ
รูปานามมารมณ์ สัทธานามมารมณ์ คัณธานามมารมณ์
ระสานามมารมณ์ โผฏฐัพพานามมารมณ์ ) ปัจจยา
แปรสภาพเป็น ( มโนวิญญาณ คู่กับ เวทนาที่เกิดต่อ
นามมารมณ์นั้นๆ เช่น มโนวิญญาณกับรูปานามารมณ์ ปัจยา
เวทนา ที่เป็นสุขบ้าง ที่เป็นทุกข์บ้าง ที่ไม่ใช่สุขไม่มใช่ทุกข์บ้าง
)
ปรุงแต่งวิญญาณออกมา ~ ปรุงแต่งบัญญัติหมายออกมา ~
ปรุงแต่งการคิดเกี่ยวกับที่บัญญัติหมายเป็นความคิดออกมา ~
ผัสสะ ปัจจยา วิญญาณ
การมนสิการว่า มีสิ่งๆหนึ่งนั้นเที่ยง อันคือต้นเดิมฐา
นเดิมของปัจยาการปฏิจสมุบาป ธรรมที่อาศัยกันและกันเกิดขึ้น
ขัดต่อหลักอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่จะนำพาให้พ้นไปจาก
ความทุกข์ในวัฏฏะสงสารไปได
นเดิมของปัจยาการปฏิจสมุบาป ธรรมที่อาศัยกันและกันเกิดขึ้น
ขัดต่อหลักอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่จะนำพาให้พ้นไปจาก
ความทุกข์ในวัฏฏะสงสารไปได
อัพเดตเมื่อ ก.พ. 18, 2018 10:02:30pm
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
19 ก.พ. 2018
“...ปกติเวลาเทพบุตรเทพธิดาจะจุติลงมาเป็นมนุษย์ ทุกองค์มีความตั้งใจ
จะลงมาสร้างคุณงามความดีเพื่อยกภูมิของตนให้สูงขึ้น แต่พอมาเป็นมนุษย์
จะลืม และหลงไปในอบายมุขในโลก ไม่สร้างกรรมดีตามที่ตั้งใจ ซ้ำกลับ
ต้องตกต่ำลงกว่าที่ตนเคยเสวยสุขอยู่เสียอีก
บนสวรรค์เมืองแมนแดนสวรรค์ท่านว่า สุขทุกขณะจิต ส่วนผู้เสวยบาปต
้องลงนรก ลำพังความเดือดร้อนจากไฟนรก ก็แสนสาหัส ไม่ต้องถูกลงทัณ
ฑ์ทรมาน ชาวนรกก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกกันอยู่แล้ว ในนรกท่านก็ว่าเป็นทุกข์
ไม่มีเวลาสุข ทุกขณะจิตเช่นกัน
พวกเราเองเป็นอย่างไร สว่างมา สว่างไป หรือ สว่างมา มืดไป หรือ มืดมา
สว่างไป หรือ มืดมา มืดไป
ทรัพย์สมบัติทุกชิ้นที่หามาจากโลกนี้ ยศตำแหน่งหน้าที่การงาน
คำสรรเสริญติชมทุกสรรพเสียง ความสุขรื่นรมย์ทุกประการ คนรัก สัตว์เลี้ยง
สิ่งของที่สะสม ห่วงหาอาลัย สุดท้ายคืนโลกหมด เหมือนฝันไปจำต้องตื่น
เหมือนอายุงานที่จำต้องเกษียณ ประกันชีวิตที่ทำชาตินี้ ควรเป็นศีล สมาธิ
ปัญญา เพื่อเอาไปใช้ในชาติหน้าได้จริง...”
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
วัดอรัญญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม
“...ปกติเวลาเทพบุตรเทพธิดาจะจุติลงมาเป็นมนุษย์ ทุกองค์มีความตั้งใจ
จะลงมาสร้างคุณงามความดีเพื่อยกภูมิของตนให้สูงขึ้น แต่พอมาเป็นมนุษย์
จะลืม และหลงไปในอบายมุขในโลก ไม่สร้างกรรมดีตามที่ตั้งใจ ซ้ำกลับ
ต้องตกต่ำลงกว่าที่ตนเคยเสวยสุขอยู่เสียอีก
บนสวรรค์เมืองแมนแดนสวรรค์ท่านว่า สุขทุกขณะจิต ส่วนผู้เสวยบาปต
้องลงนรก ลำพังความเดือดร้อนจากไฟนรก ก็แสนสาหัส ไม่ต้องถูกลงทัณ
ฑ์ทรมาน ชาวนรกก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกกันอยู่แล้ว ในนรกท่านก็ว่าเป็นทุกข์
ไม่มีเวลาสุข ทุกขณะจิตเช่นกัน
พวกเราเองเป็นอย่างไร สว่างมา สว่างไป หรือ สว่างมา มืดไป หรือ มืดมา
สว่างไป หรือ มืดมา มืดไป
ทรัพย์สมบัติทุกชิ้นที่หามาจากโลกนี้ ยศตำแหน่งหน้าที่การงาน
คำสรรเสริญติชมทุกสรรพเสียง ความสุขรื่นรมย์ทุกประการ คนรัก สัตว์เลี้ยง
สิ่งของที่สะสม ห่วงหาอาลัย สุดท้ายคืนโลกหมด เหมือนฝันไปจำต้องตื่น
เหมือนอายุงานที่จำต้องเกษียณ ประกันชีวิตที่ทำชาตินี้ ควรเป็นศีล สมาธิ
ปัญญา เพื่อเอาไปใช้ในชาติหน้าได้จริง...”
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
วัดอรัญญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
20 ก.พ. 2018
ถ้ามีสติมาก เมื่อพูดจาออกไป เมื่อฉันบิณฑบาต เมื่อกายเคลื่อนไหว
จะเหมือนกับว่า อาการพวกนั้นอยู่ต่างหาก คือเป็นคนละส่วนกับตัวรู้ .
นี่แสดงว่า เพราะเหตุคือ สติมันเท่าทันปัจจุบัน
และถ้าเห็นความคิดอันเรียกว่า วิตักกะ เกิดดับ และเหมือนกับว่า
มีจิตที่ทราบอยู่ต่างหาก
นั่นก็แสดงว่า เพราะเหตุคือ สติมันทันปัจจุบัน
และทราบแล้วถ้าไม่หลงไปกับมัน
ก็จะเป็นสติที่ต่อเนื่องไม่หลุดลอยไปกับความคิดนึก
___________________
และอาการสำคัญมั่นหมายว่าอย่างนั้นอย่างนี้ คือให้ค่าต่อรูปที่เห็น
ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ บ้างว่าสกปก บ้างว่าไม่สกปก บ้างว่าน่ารักสวย
บ้างว่าไม่น่ารักไม่สวย บ้างว่านี่ขนมมะตาล และบ้างว่าอื่นๆต่างๆนาๆ
แต่ที่เด็ดไม่ง่ายเลยคืออายตนะภายนอกที่ข้อที่หก ตัวนี้มันไม่ธรรมดา
รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ยังพอรู้การที่มันทำความสำคัญมั่นหมาย
ให้ค่าสมมุติชื่อบัญญัติใส่
.__________________________________________
ถ้าพบธัมมารมณ์แล้วให้สักแต่ว่า
สักแต่ว่าเป็นธัมมารมณ์ ธัมมารมณ์ก็เปลี่ยนแปลงแปรเปลี่ยน เป็นไตรลักษณ์
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เห็นมันแล้ว ก็เป็นเพี่ยงแต่เห็น
เมื่อพบเรื่องราวความคิดแล้ว
ก็เป็นสักแต่ว่าเรื่องราวความคิด ที่เปลี่ยนแปลง อนิจจัง ทุกขังทนอยู่ในส
ภาพเดิมบอใด้
___________________________________
ถ้ามีสติมาก เมื่อพูดจาออกไป เมื่อฉันบิณฑบาต เมื่อกายเคลื่อนไหว
จะเหมือนกับว่า อาการพวกนั้นอยู่ต่างหาก คือเป็นคนละส่วนกับตัวรู้ .
นี่แสดงว่า เพราะเหตุคือ สติมันเท่าทันปัจจุบัน
และถ้าเห็นความคิดอันเรียกว่า วิตักกะ เกิดดับ และเหมือนกับว่า
มีจิตที่ทราบอยู่ต่างหาก
นั่นก็แสดงว่า เพราะเหตุคือ สติมันทันปัจจุบัน
และทราบแล้วถ้าไม่หลงไปกับมัน
ก็จะเป็นสติที่ต่อเนื่องไม่หลุดลอยไปกับความคิดนึก
___________________
และอาการสำคัญมั่นหมายว่าอย่างนั้นอย่างนี้ คือให้ค่าต่อรูปที่เห็น
ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ บ้างว่าสกปก บ้างว่าไม่สกปก บ้างว่าน่ารักสวย
บ้างว่าไม่น่ารักไม่สวย บ้างว่านี่ขนมมะตาล และบ้างว่าอื่นๆต่างๆนาๆ
แต่ที่เด็ดไม่ง่ายเลยคืออายตนะภายนอกที่ข้อที่หก ตัวนี้มันไม่ธรรมดา
รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ยังพอรู้การที่มันทำความสำคัญมั่นหมาย
ให้ค่าสมมุติชื่อบัญญัติใส่
.__________________________________________
ถ้าพบธัมมารมณ์แล้วให้สักแต่ว่า
สักแต่ว่าเป็นธัมมารมณ์ ธัมมารมณ์ก็เปลี่ยนแปลงแปรเปลี่ยน เป็นไตรลักษณ์
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เห็นมันแล้ว ก็เป็นเพี่ยงแต่เห็น
เมื่อพบเรื่องราวความคิดแล้ว
ก็เป็นสักแต่ว่าเรื่องราวความคิด ที่เปลี่ยนแปลง อนิจจัง ทุกขังทนอยู่ในส
ภาพเดิมบอใด้
___________________________________
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
23 ก.พ. 2018
ทุกข์เพราะอยากได้ (รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ มาประสบ หรือเอา ตา หู
จมูก ลิ้น กาย ไปประสบ)
เรียกว่ากามตัณหา
ทุกข์เพราะอยากให้สภาวะที่กำลังประสบอยู่ (ทั้งฝ่ายรูปธรรมและนามธรรม
ฝ่ายรูปธรรมคือ
รูปะ กำลังประสบกับรูปที่พร้อมด้วยฉันทราคะ
สัทธะ กำลังประสบกับเสียงที่พร้อมด้วยฉันทราคะ
ฯลฯ กำลังประสบกับกับโผฏฐัพพะที่พร้อมด้วยฉันทราคะ
ฝ่ายนามธรรมคือ กำลังประสบกับสุขเวทนาที่พร้อมด้วยฉันทราคะ ฯลฯ)
ต้องการให้ทรงอยู่ เรียกว่าภวตัณหา
ทุกข์เพราะอยากให้สภาวะที่กำลังประสบอยู่ (เหมือนกับภาวะตัณหาแต่ต่าง
กันที่ตรงกันข้าม) ต้องการให้หายไป เรียกว่าวิภวตัณหา
ทุกข์เพราะอยากได้ (รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ มาประสบ หรือเอา ตา หู
จมูก ลิ้น กาย ไปประสบ)
เรียกว่ากามตัณหา
ทุกข์เพราะอยากให้สภาวะที่กำลังประสบอยู่ (ทั้งฝ่ายรูปธรรมและนามธรรม
ฝ่ายรูปธรรมคือ
รูปะ กำลังประสบกับรูปที่พร้อมด้วยฉันทราคะ
สัทธะ กำลังประสบกับเสียงที่พร้อมด้วยฉันทราคะ
ฯลฯ กำลังประสบกับกับโผฏฐัพพะที่พร้อมด้วยฉันทราคะ
ฝ่ายนามธรรมคือ กำลังประสบกับสุขเวทนาที่พร้อมด้วยฉันทราคะ ฯลฯ)
ต้องการให้ทรงอยู่ เรียกว่าภวตัณหา
ทุกข์เพราะอยากให้สภาวะที่กำลังประสบอยู่ (เหมือนกับภาวะตัณหาแต่ต่าง
กันที่ตรงกันข้าม) ต้องการให้หายไป เรียกว่าวิภวตัณหา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พิมพ์คำว่าโพสสุดท้าย โดย#ทหารเทพ
๑. ยังหลงปรุงแต่งลมหายใจอยู่
๒. เจ้าเป็นมาร มารคือกิเลส
๓. กำลังปรุงแต่งอยู่
๑. ยังหลงปรุงแต่งลมหายใจอยู่
๒. เจ้าเป็นมาร มารคือกิเลส
๓. กำลังปรุงแต่งอยู่
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ที่อาตมากลับมานี้
คือมีพระให้กลับไปปฏิบัติที่ป่าช้าใหญ่แถวบ้านตนเอง...
พระท่านไม่ได้เอ่ยปากบอกให้กลับไปอยู่วัดเดิมสักหน่อย ขอให้เข้าใจกันนะ ok นะ
คือมีพระให้กลับไปปฏิบัติที่ป่าช้าใหญ่แถวบ้านตนเอง...
พระท่านไม่ได้เอ่ยปากบอกให้กลับไปอยู่วัดเดิมสักหน่อย ขอให้เข้าใจกันนะ ok นะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#รวมมาให้อ่านเกี่ยวกับด้านดีๆของหลวงปู่เดือนชัย ธมฺมวิจโย กับนักข่าว
ได้ยินพระเล่าว่าเรื่องนี้มันเป็นกฏแห่งกรรมที่จะเกิดขึ้นกับปู่หนู
นี่ก็แสดงว่าแก้ไขให้อ่อนกำลังลงได้เท่านี้
แล้ว
พูดถึงนักข่าวก็สงสารนะส่วนที่พูดจาเป็นอกุศลแบบนั้นคงหนีไม่พ้น
แต่ก็มีกุศลกรรมด้วยนะตามที่ฟัง เพราะข่าวนี้
เห็นนะว่ามีทั้งวจีกรรมที่เป็นบุญกุศล อาชีพนักข่าวเป็นบุญเหมือนกันนะเพราะเป็นอาชีพที่สุจริตไม่ได้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดโกหก ดื่มเหล้า แต่ระวังบิดเบียนข่าวหรือสร้างข่าวพูดข่าวเพื่อทำลายคนอื่น และให้คนดีเขาแตกสามามัคคีกัน มันจะเป็น ผรุสาวาจา ปิสุนะวาจา
ถ้าพูดถึงต้นเหตุปัจจัยมาจากไหนมาจาก
คนลงพื้นที่ไปทำข่าว คนเขียนข่าว > คนตัดต่อคลิปที่ออกแนวให้นักประกาศข่าวเข้าใจว่าเล่นไสยศาสตร์มนต์ดำศาสตร์มืด >คนประกาศข่าว> ก็พูดทำให้คนเข้าใจว่าปู่หนูทำอะไรที่เป็นพระที่เลวทรามทำบาปกรรม ทั้งๆที่ไม่ใช่อย่างนั้น
ก็พิจารณานะว่า เขาเหล่านี้ไปทำกรรมอะไรมาจึงต้องได้ทำหน้าที่นี้ ทำให้คนดูเกิดมิจฉาทิฏฐิเข้าใจผิดว่าเป็นพระแนวเลวแบบนี้
ก็คงเป็นกรรมใหม่ที่สมัครเข้าไป
พูดถึงการทำงานสายนี้ มันมีนะที่จะเป็นบาป และเป็นบุญ
คนเขียนเจตนายังไงตั้งใจให้พินาศไหม ถ้าตั้งใจก็บาป
คนตัดต่อเจตนายังไงตั้งใจให้พินาศไหม คนพูดออกทีวีเจตนายังไง
มันพ่วงกันไปหมดนะ เป็นพหุลกรรมส่งต่อกันไปเรื่อยๆ จนไปถึงคนดูก็เข้าใจผิดแล้วคอมเม้นในแนวอกุศล ส่วนคนที่เห็นว่าประพฤติไม่ควรและไม่ใช่การทำบาปแล้วอยู่เฉยๆก็รอดตัวไป
นึกถึงเรื่องหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กับศิษย์อยู่ในป่า แล้วมีชาวบ้านเขาเข้าใจผิดคิดว่าท่านกับศิษย์เป็นเสือเย็น คือเป็นเสือร้ายแปลงร่างเป็นมนุษย์จะกินคน
เขาก็ไปเล่ากันต่อเป็นวจีกรรม มโนกรรม
หลวงปู่มั่นทั้งที่ท่านอยู่ที่นั้นกับศิษย์ก็ลำบากเรื่องอาหารบิณฑบาตรอยู่แล้ว
ก็ยังไม่ย้ายไปที่อื่นเพราะถ้าท่านไปจะไม่ได้แก้ความเห็นผิดมิจฉาทิฏฐิของพวกชาวบ้านที่เข้าใจว่าท่านกับศิษย์เป็นสภาวะอะไรที่ไม่ดีอย่างร้ายแรงเป็นเสือเย็นดุร้ายจะกินชาวบ้าน ถ้าท่านไปเวลาตายชาวบ้านเหล่านี้จะไปเกิดเป็นเสือ
ท่านก็เลนอยู่ต่อหาอุบายช่วยแก้ไขให้เข้าใจท่านใหม่ว่าเป็นผู้มีธรรมมีศีลที่บริสุทธิ์เป็นพระ ต่อมาท่านก็ทำให้ชาวบ้านเข้าใจท่านใหม่ ไปหาอ่านเอาเรื่องเต็มๆนะยาวมาก
ต่อไปถ้ามีข่าวแนวเกี่ยวกับคนรักษาศีลแต่ประพฤติที่ไม่เป็นบาป แต่เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรก็ให้ใช้ใจที่เป็นกลางๆพูดไปเ้วยความที่คิดว่าถูกต้องตามธรรมตรงๆว่าไม่ควรอย่างนั้นอย่างนี้
นึกแล้วทำไมคณะสงฆ์ไม่ส่งหนังสือเอกสารแจ้งไปวัดถ้ำจารย์ครูภิหินต่างก่อน
ว่าทำไม่เหมาะอย่างนั้นอย่างนี้นะ และต่อด้วยเดินทางขึ้นไปด้วยกันเป็นหมู่สงฆ์สักถามถึงเหตุผลก่อน ถ้าเป็นสิ่งไม่ควรก็ให้ละแล้วสวดประกาศท่ามกลางสงฆ์เลย
นี่ขับให้ออกจากจังหวัดมุกดาหารเลย
เคยได้ยินแต่ในพระไตรปิฏกผิดสังฆาทิเสสข้อนั้นแค่ขับออกจากวัดนั้น
ปู่หนูก็ไม่ได้ปาราชิกสักข้อเลย
สังฆาทิเสสสักข้อก็ไม่ใช่
เคยเห็นแต่สิกขาบท สังฆาทิเสสข้อนั้นที่พระพุทธเจ้าให้พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะพร้อมกับพระอีกๆหลายรูป ไปบอกให้พระที่ประพฤติไม่เหมาะสม
ให้เลิกประพฤติและขับไล่ออกไปจากวัดนั้น
แต่ถ้าดูในอรรถกถาแล้ว
ถ้าประจบคฤหัส จะต้องบอกแล้วสวดกรรมวาจาให้เลิกถอนการประพฤตินั้น ถ้าไม่เลิกจะปรับอาบัติไปเรื่อยๆ จนถึงสังฆาทิเสส ถ้าติดสังฆาทิเสทแล้วก็ต้องเข้าปริวาสกรรม ขอมานัตตะ
ส่วนเรื่องปาจิตตีย์ข้อรับเงินมันมีหลายวัดนะปัจจุบัน แต่รับแล้วเอาไปทำประโยชน์
ความจริงคาถาอาคมเรียนไว้ป้องกันตัวและช่วยคนนิดหน่อยก็ดีนะ แล้วก็ประพฤติปฏิบัติธรรมไป และไม่ผิดสิกขาบทปาราชิกหรือสังฆาทิเสสเลย แต่มันอาจจะส่อไปเข้าเดรัจฉานวิชชาถ้าทำมาก แยกศัพออกมา [ ติรฉานัง = เดรัจฉาน แปลว่าไปแบบทางขวาง ไปแนวขวาง ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือสัตว์หมาแมวงูมันจะไปแบบขวางๆต่อพื้นโลก ไม่ตรงๆเหยียดขึ้นเหมือนมนุษย์ที่เดินไปแบบตรงๆต่อพื้นโลกไม่ไปแบบขวางๆเหมือนสัตว์ประมาณนี้พอเข้าใจไหม)
[วิชา = ศาตร์วิชา แปลว่าอะไรอันนี้ง่ายมากแปลแล้ว]
ที่จริงความหมายคือตั้งสำนักเป็นเดรัจฉานวิชาเต็มๆเลย เป็นหมองู หมอแมลงป่อง หมอผีทำกระเทยให้เป็นชาย ทำนายดวงดาว เยอะแยะเลยไปหาอ่านเอง แต่ส่วนสำคัญเลยก็คือถ้าเล่นคาถาอาคมแล้วไม่เจริญภาวนาเลย เรียกว่าเป็นเดรัจฉานวิชาแท้จริงๆ
ก็จะไม่ต่างกับคนที่เกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธศานาและไม่รู้จักเจริญภาวนาอบรมจิตให้บรรลุอริยธรรมเลย
พระพุทธเจ้าจึงห้ามไว้อย่าไปสนใจนัก
แต่ถ้าเราอ่านเกร็ดประวัติครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น เช่นหลวงปู่ตื้อตอนที่ท่านยังไม่บรรลุอรหันต์ ช่วงที่ท่านออกธุดงท่านจะมีวิชาอาคมไว้ป้องกันตัวจากเหล่าอมนุษย์และพวกอื่นๆ ท่านก็ปลุกเสกว่านออกไปนะ แล้วท่านก็นั่งภาวนาของท่านต่อ ถ้าถามว่าผิดสิกขาบทไหมก็ไม่ผิด ถามว่าเรียนแล้วป้องกันตัวและช่วยคนอื่นนิดหน่อย ไม่ได้ไปตั้งสำนักช่วยคนอย่างเดียวจนไม่ปฏิบัติภาวนาอะไรเลย
มันเป็นสิ่งที่พอรับได้นะถ้าเป็นมุมมองนักปฏิบัติธรรม แต่ก็ไม่รู้ว่าทุกคนไหม
และสุดๆเลยคือองค์หลวงปู่ตื้อท่านก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ด้วยการภาวนาจนปัญญาแก่รอบตัดสังโยชน์สิบประการขาด สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ไม่ได้สำเร็จเพราะวิชาอาคมหรอกนะ
แต่วิชาอาคมก็มีส่วนดีนะ
นึกถึงหลวงปู่แหวน สุจิณโน กับพระเพื่อนที่ไปธุดงด้วยกันในป่า
สมัยที่ท่านยังไม่บรรลุธรรม
ทั้งที่ท่านก็ศีลบริสุทธิ์ ปฏิบัติภาวนาเป็น ด้วย ท่านถูกผีเข้าสิง แต่ดีหน่อยพระเพื่อนหาอุบายวิธีไล่ออกไปได้
ด้วยใช้ดนไฟจี้ให้กลัว ผีจึงออก ถ้าผีไม่ออกเลยองค์หลวงปู่แหวนคงไม่ได้ปฏิบัติภาวนาและคงไม่ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
นี่ถ้าเพื่อนพระท่านมีคาถาวิชาอาคมไล่ผีออกไปโดยใช้คาถาหรือของขลังบางอย่าง ก็คงง่ายเลยเช่น สายสินหลวงปู่องค์หนึ่งที่โคราช ที่ผีต่างกลัวกันมาก อย่าไปติเตียนท่านนะจิตท่านไม่ธรรมดา
พูดมาแล้วก็สงสารนักข่าวด้วย และสงสารแฟนคลับของช่องนั้นด้วย
ที่คอมเม้นแนวอกุศล นึกถึงวัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่างแล้ว
แต่ก่อนเมื่อหลายปีแล้วก็สพายบาตร ย่าม เต้น ขึ้นรถไปวัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่าง วัดนี้จะอยู่บนภูเขาระดับกลาง ไม่อยู่สูงมาก รวมช่วงที่อยู่ในวัดก็เกือบอาทิตย์หนึ่ง
ไปกางเต้นบนโขดหินนั่งทำสมาธิ ไปพักอยู่วัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่างอยู่หลายวัน ไปสองครั้ง
วัตรปฏิบัติภายในวัดเท่าที่ทราบก็มีปกติๆทั่วๆไปนะ มีทำวัตรเช้าสวดมนต์ตามหนังสือสวดมนต์ภาษาบาลี ทั้งบทอุทิศบุญ และบทอื่นๆ
แต่พอสวดเสร็จแล้ว พระกับลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสจะสวดมนตร์ธรรมบันลุบรรลดาลกันต่อ
เป็นภาษาที่ฟังแล้วไม่รู้ว่าแปลว่าอะไรเหมือนกัน ทั้งพระทั้งโยมสวดได้แต่เราสวดไม่ได้เพราะไม่ได้แต่งขันธ์เรียนกับหลวงปู่หนู
แล้วต่อมาพอสวดเสร็จ ก็ได้ไปจัดเตรียมที่ฉัน วางขาบาตร หากระโถน หาน้ำขวดมาตั้งรอไว้ฉัน
แล้วก็ขึ้นรถโยมพาลงไปเดินบิณฑบาตรในหมู่บ้านโคกหินกองข้างล่าง เวลาโยมใส่บาตรก็ปกตินะ พระก็ให้พรย่อๆ อภิวทานาสี ลิดสะนิดจัง วุฒฑาปะจายิโนจัตตาโร ธัมมาวัตทันติ อายุวัณโณสุขังพะลัง ให้พรเสร็จก็เดินบิณฑบาตรไปต่อเรื่อยๆ จนหมดที่รับบิณฑบาตร
เสร็จแล้วก็ขึ้นรถกะบะกลับขึ้นมาบนศาลา ก็ถ่ายบาตรเอากับข้าวเอาอาหารออกจากบาตร ไปใส่ไว้ที่กล้องข้าวใหญ่ๆส่วนพวกกับก็ไว้ในถาดใหญ่
จากนั้นก็กลับไปกุฏิตนจะเข้าห้องน้ำสงน้ำอะไรก็ตามสบายแล้วแต่เลยในช่วงนี้
และระหว่างนี้รอโยมที่ตามมาถวายที่วัดอีก ก็จะมีโยมผู้หญิงอุปฐากพระในวัดทำอาหารเสริมเพิ่มเติมจากที่ได้จากบิณฑบาตร ก็เหมือนที่วัดอื่นนะ ก็รอเวลาฉันภัตตาอาหาร
พอถึงเวลาแล้วก็มาที่ศาลา ล้างเท้าขึ้นบนศาลากราบพระประธานนั่งบนผ้านิสีทนะผ้ารองนั่ง แล้วก็กล่าวนำให้ญาตโยมสมาทานศีล และกล่าวคำถวายอาหาร เสร็จแล้วก็สวดสัพพีและอื่นๆอีกต่อด้วยอิมินากวาดน้ำ
และก็ลงมือฉันอาหารในบาตร จะใช้ซ้อนหรือไม่ใช้ก็แล้วแต่
ฉันเสร็จก็เก็บกระโถนและเอาบาตรไปล้าง เซ็ดบาตรฯลฯ
จากนั้นก็กลับกุฏิใครกุฏิมันเอาบาตรไปตากแดด และเก็บบาตร เสร็จ
ก็ออกมาพูดคุยกันกับหมู่พระที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ พระบางองค์ก็กำลังแกะสลักไม้เพื่อทำของขลัง .ก็คุยสนทนาด้วยเรื่องทั่วๆไป
ก็กลับขึ้นไปบนภูเข้าเต้นนั่งสมาธิ ฟังเทศณ์ในโทรศัพท์ต่อ
ตกค่ำก็มีการสวดมนต์ทำวัตร์เย็นเหมือนที่วัดอื่นๆสวด สวดบทนั่นบทนี้ในหนังสือมีหลายบทเลย แต่สุดท้ายบทที่สวดจะเป็นสวดธัมบันลุบันดาลกัน ส่วนเราก็นั่งฟัง
คือถ้าคนที่ไม่ได้แต่งขันธ์ครูเรียนมนต์นี้จะสวดไม่ได้เลย เราก็ได้แต่ฟังว่านี่มันภาษาอะไรนะบาลีหรือเขมรหรือภาษาขอมก็ไม่อาจทราบได้ว่าคือภาษาอะไร
พอเสร็จแล้วก็ กลับกุฏิใครกุฏิมันแยกย้าย ส่วนเราขึ้นไปบนโขดหินนั่งสมาธิ อุทิศบุญ แล้วจากนั้นก็ฟังเทศณ์ แล้วก็จำวัดนอน ตื่นมาอีกวัน ก็จะคล้ายๆแบบนี้วัตรปฏิบัติภายในวัด
ก็ป็นบางวันก็เห็นพระรับแขกคือมีโยมที่มาให้ดูนั่นดูนี่ แต่งขันธ์๕มา ท่านก็ดูให้หลับตาสักพักแล้วก็พูดๆๆ ก็คงเป็นการดูดวง อันนี้ครูบากลิ้งนะเป็นศิษย์หลวงปู่ที่ดู ไม่ใช่ปู่หนู
ที่มาครั้งแรกๆเลยก็มีโยมมาขอเลขกับปู่หนู
มาเป็น 10 กว่าคนเลย ก็ได้นั่งฟังอยู่ในนั้นด้วย
ท่านก็พูดๆออกมาเรื่องอื่นๆด้วยๆเรื่องที่จำได้เลยก็คือ ท่านพูดประมาณว่า""ถ้าเรามองดินที่ใกล้ๆเท้าที่เหยียบ สายตาเราก็จะเห็นดินสุดเพียงเท่านี้
แต่ถ้าเรายิ่งมองระยะไกลออกไปเท่าไร่
เราจะเห็นสิ่งต่างๆเยอะแยะเลย"
(สิ่งต่างๆนั้นก็คือ วัตถุที่เป็นเหตุให้ก่อกิเลส ที่จะล่อให้ใจเราเป็นทุกข์)
พอพูดธรรมะเปรยๆเสร็จ ต่อมา ก็บอกข้างล่างข้างบน โยมก็จดๆไว้
ต่อมามันก็ออกเป๊ะๆนะ2ตัว
เท่าที่รู้ก็คือทั้งใบ้ให้ตีความเอง และบอกตรงๆเลย ปู่หนูจะเป็นแบบว่าเวลาท่านพูดจะมีพูดทีเล่นทีจริง เห็นข่าวแล้ว "เรื่องสั่งอาหารทางไลน์ คิดว่ามันไม่จริงหรอกที่ท่านสั่งอาหารทางไลน์ เพราะมีโยมอุปฐากวัดทำอาหารที่อยู่ในโรงครัวอยู่ โยมอุปฐากแต่ละคนนิสัยดีจิตใจนะ พูดจาดีใจดี บางคนก็เป็นเจ้าของปั้มน้ำมัน เรื่องขาดอาหารบิณฑบาตรนี่น่าจะยาก
เพราะแค่ลงไปเดินบิณฑบาตรแล้วขึ้นมาก็ต้องมีข้าวอาหารผลไม้ติดมาบ้างแหละ ข้าวก็เหลือตั้งเยอะที่โยมใส่บาตรที่เอามารวมในกล้องข้าวใหญ่ๆเดียวกัน
ถ้าไปดูคลิบเต็มๆที่เพื่อนปู่หนูให้สัมภาษ์ ฟังดูดีๆมันคือพูดทีเล่นนะ เพื่อนปู่หนูก็ยังบอกเลยอาจเป็นพูดที่เล่น และก็เรื่องที่เพื่อนปู่หนูพูดล้วนพูดแต่เรื่องสมัยเก่าหลายปีแล้วทั้งนั้น เรื่องภายในใจรู้หรือไม่ก็ไม่ทราบ ว่าท่านก็มีกรรมฐานอยู่เหมือนกัน
ลูกศิษย์ภายในวัดทั้งที่เป็นพระและนุ่งขาว ต่างรู้เรื่องภายในว่ามีอะไร ขนาดเราเองมาจากที่อื่นเห็นและประสบกับตัวเองเลยว่า ปู่หนูนี่มีอะไรที่พิเศษกว่าท่านอื่นๆ เท่าที่เคยประสบคือเรื่องการให้เลข ที่คนมาขอเพิงขอให้ท่านบอกหวย คนที่ถูกเลขเพราะปู่หนูนี่เยอะมาก พูดจาปากต่อปากข้ามจังหวัด ก็เลยมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะเพราะอย่างนี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ หรือเพราะที่ท่านไปโผดผายช่วยเหลือทั้งเรื่องแก้มนต์ดำ แก้ของที่มันเคยเข้าตัวเขา ทำพิธีนู้นนี่นั้นในการช่วยเขา แ้วลเขาเกิดความศรัทธาจึงมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะแยะมาก ทั้งรถคันนั้นก็ลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสซื้อถวายให้ เรื่องอดอยากไม่มีอะไรฉันเป็นไปไม่ได้หรอก
เห็นนักข่าวตัดต่อออกเอาเฉพาะให้เข้าใจว่าสั่งทางไลน์ เห็นแล้วทำให้คนเข้าใจผิดนะ จะบาปไม่บาปก็อยู่ที่ว่าจิตคิดยังไงจึงตัดเอาเฉพาะแค่นั้น
ต่อมาหลายปีก็คิดๆอยู่นะว่าเราจะเอาธัมบันลุบันดาลไหมนะ จะได้สัมผัสอะไรแปลกๆภายนอกได้เร็วๆ โดยไม่ต้องทำสมาธิถึงฌานแล้วทะลุอภิญญา
เพราะอภิญญาตาทิพย์หูทิพย์ก็ยังไม่มี ถ้าสวดธัมบันลุบันดาลแล้วจะได้สัมผัสเรื่องแปลกๆของคนอื่นโดยไม่ต้องมีอภิญญาเลยน่าสนนะ ก็คิดแบบนี้ในสมัยนั้น วิชาธรรมบันลุบรรดาลนี่มันมีผลทำให้มีความสามารถที่เหนือกว่าคนทั่วไป แต่ต้องสวดมนต์บันลุบันดาล
ลูกศิษย์ท่านบางคนได้แล้วก็สัมผัสอะไรภายนอกได้ ก็อัศจรรย์อยู่ว่ามันเริ่มรู้สิ่งแปลกๆภายนอกได้ยังไง คนนี้ๆเป็นคนยังไงมันจะสัมผัสได้ แต่ต่อมาห่างหายไปไม่ค่อยได้สวด ก็สัมผัสอะไรไม่ได้ อันนี้คือเขาเล่าให้ฟัง
มีหลายองค์นะลูกศิษย์ปู่หนูที่ได้วิชชาแล้ว สามารถทำนู้นนี่นั่นได้ ทั้งตั้งศาลพระภูมิ แก้มนต์ดำ แก้คุณไสย์ ตรวจกรรม ปลุกเสกของขลังให้มีอำนาจ เรื่องของขลังถ้ามีไว้กันพวกผีก็ไม่เสียหายนะ หลวงปู่มั่นท่านก็เมตตาอนุโลมทำให้ฆราวาสคนหนึ่งที่มาขอท่าน หวลงปู่ดูล อตุโล ท่านก็เมตตาไปปลุกเสกของขลังให้นะ ถ้ามองเรื่องปลุกเสกดีๆรู้ไหมว่าทางพระคิดยังไงแต่ก็คงไม่ทุกองค์ มันเป็นเรื่องธรรมดาๆไปแล้วนะเพราะปลุกเสกวัตถุมงคลมันคืออัดพลังจิตปะจุลงในนั้น ทำให้มีอานุภาพในทางต่างๆแล้วแต่จะใช้ลักษณะจิตแบบไหนทำ ยันต์หลวงปู่มั่นคนลองนำไปทดสอบก็ยิงปืนไม่ได้เลย ลองหาอ่านดู
มีป้านักปฏิบัติธรรมคนหนึ่งที่ชอบโดนผีมาก่อกวน พอเขามีของขลังคือกริช แล้วผีก็กลัวไม่มาก่อกวนป้าแกอีกเลยเวลานอน เรื่องปลุกเสกนี่มีมาแต่สมัยโบราณแล้ว เช่นควยธนูนี่เป็นอะไรที่ใช้ในทางให้เป็นบาปก็ได้ แต่พระสงฆ์ท่านไม่ปลุกเสกไปในทางที่ไม่ดี ไม่ให้ผลร้ายต่อผู้มีของขลัง ต่อไปนี้อย่าติเตียนเพราะจะเป็นบาปกรรมหนัก เรียกว่าติเตียนพระอริยะเจ้า อ่านแล้วมองเป็นเรื่องเฉยๆ พระอริยะท่านก็มีนะที่ท่านปลุกเสกของขลัง เพื่อประโยชน์บางอย่าง เพราะโยมมาขอให้ท่านเมตตาทำให้ เช่นที่หลวงปู่มั่นภูริทัตโต เรื่องยันต์ องค์อื่นๆอีกเท่าที่รู้ แต่ไม่ขอพูด
สายปู่หนูนี่เป็นสายขาว สายแก้ สายช่วยคน ช่วยคนก็ได้บุญบารมีอีกแบบหนึ่งนะ เรียกว่าเมตตาทำสิ่งที่ดีต่อผู้อื่น
จะต่างจากอีกสายที่ใช้วิชาอาคมทำคุณไสย์ดำใส่คนในบางครั้งให้ได้รับความเดือนร้อน เช่นตะปู ใบมีดโกน ซากสัตว์ทำใส่ร่างกาย ปลุกควยธนูทำร้าย คือแค่ปลุกเสกควยธนูเฉยๆแต่ไม่ใช้ไปลำลายคนอื่นยังไม่บาป
แต่คนที่มีวิชาสายดำเขาไม่ได้ทำแต่สิ่งที่ไม่ดีเป็นบาปถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เรื่องดีเขาก็ทำ พวกเราอย่าไปจ้างให้ไปทำของใส่คนที่เราเกลียดไม่ชอบนะ เราบาป คนทำก็บาป คนถูกทำของใส่ก็เป็นทุกข์
ในบางครั้งคนถูกทำของใส่มาให้ลูกศิษย์ปู่หนูแก้ ถอดของออกจากกายสังขาร ก็มีเศษผมเศษตะปูอะไรออกมากับไข่ ฯลฯ ก็แปลกนะมันเข้าไปอยู่ในใข่นั่นได้ยังไง
แต่วิชาธัมบันลุบันดาลนี้ถ้าเรียนมีข้อห้ามด้วย ถ้าจะเรียนตั้งแต่งขันธ์ครูมีอะไรหลายอย่างเลย มีพาน มีดอกไม้ ธูปเทียน ฯลฯและอื่นๆอีกหลายอย่างกว่านี้ ข้อห้ามก็มีหลายข้อ
ถ้าทำผิดแล้วมันจะเป็นผลร้ายต่อตนด้วย หน้าจะดำค้ำสุขภาพไม่ดีทันตาเห็น ถ้าไม่แก้จะเป็นผลไม่ดีต่อร่างกายไปเรื่อยๆ เหมือนโดนมนต์ดำ วิธีการแก้รักษากายก็ยุ่งยาก สายขาวมีข้อห้ามทำ ส่วนเรื่องสายดำนี่ไม่รู้เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องสนใจ
แต่ก่อนศึกษาวิชาอาคมคาถามนต์ตรานะ คิดว่าจะเรียนไว้ป้องกันตัวถ้ามีภัยจากอมุษย์ภูตผีภายนอก ก็เริ่มศึกษาทดลองด้วยศีลที่บริสุทธิแล้วทดลองสวดคาถาพอสวดแล้วรู้มีพลังงานบางอย่างเกิดขึ้นภายในกายร้อนๆ แต่พอสวดอีกบทจะรู้สึกเย็นๆๆกาย มันก็แปลกดีนะ และเคยโดนผีอัมพูดไม่ได้ขยับไม่ได้ ก็สวดคาถาบทหนึ่งในใจก็ปรากฏว่าผีมันก็ไป ก็เลยมองว่ามันเป็นของดีอีกอย่างไว้ช่วยตนเอง เพราะไม่ได้อภิญญามีอิธิฤทธิ์
แต่สุดท้ายก็เลิกศึกษาเล่าเรียน
ส่วนเรื่องภายในใจปู่หนูนี่ท่านมีธรรมภายในใจคือท่านมีศีลภายในที่บริสุทธิ์นะ ถึงแม้สิ่งที่ท่านทำมันจะเป็นโลกะวัชชะชาวโลกติเตียน แต่การกระทำเหล่านั่นไม่ใช่เป็นการทำบาป เพราะท่านไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดโกหก ไม่ดื่มเหล้า แต่กินเอ็มร้อยฉันกาแฟอยู่ ก็ปกตินะและอื่นๆอีกที่เป็นศีลในกุศลกรรมบทสิบ ส่วนข้อจิตใจนี่ไม่รู้ว่าท่านทำได้บริสุทธิ์ไหมหรือไม่อย่างไร
เพราะถ้าถ้ายังไม่ใช่พระอนาคามีหรือพระอรหันต์ศีลทางจิตจะมีหลุดบ้างก็คงเป็นเรื่องธรรมดาของทุกคน มีโกรธขึ้นมา มีโลภะขึ้นมา ก็ต้องละทิ้ง ศีลทางจิตคือไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่ให้มีนิวรณ์ เพราะทุกคนถ้ายังจิตไม่ตั้งมั่นเป็นสมาธิตลอดเวลามันอาจมีโลภโกรธขึ้นมา เราต่างต้องสู้กับกิเลสของตนให้ชนะไม่ว่าจะเป็นพระหรือโยม
จะสมาทานหรือไม่สมาทานรักษาศีลแม้ไม่ได้สมาทานถือศีล แต่ถ้าทำผิดมันบาปทันทีนะ โกรธขึ้นมาก็บาปทีหนึ่ง น่าเบื่อกิเลสนะถ้าหนีเข้านิพพานมันง่ายคงไปหมดแล้ว
แต่บารมียังไม่เต็มก็ต้องสร้างบำเพ็ญให้เต็มต่อไป
เมตตาบารมียังไม่เต็มก็ต้องมั่นเจริญเมตตาบ่อยๆ น่าคิดนะคนเราไม่รู้ว่าตัวเองบารมีเต็มแล้วหรือยัง ขาดบารมีข้อไหนที่ยังไม่เต็ม ศีลบารมียังไม่เต็มก็ต้องบำเพ็ญอีก
ศีลภายในคือศีลทางกายและวาจาและทางใจที่เป็นวิบากให้ผลกับจิตเป็นกุศลโดยตรง
ที่ว่าเป็นวิบากให้กับจิตโดยตรงนี้ก็คือ คือถ้าทำก็มีวิบากคือสุคติภพ ถ้าผิดจะนำให้ไปเกิดในอบายภูมิ อันนี้เรียกว่าศีลภายใน ให้ลองไปดูในมรรคมีองค์ 8 ที่เป็นฝ่ายสัมมามรรค มันจะมีศีลเกี่ยวกับข้อประพฤติทางกายที่บริสุทธิ์ เรียกว่า ศีลบริสุทธิ์ทางกาย การไม่ฆ่าสัตว์ไม่ลักทรัพย์ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่ดื่มเหล้า เป็นต้น
ส่วนศีลบริสุทธิ์ทางวาจาก็คือ ไม่พูดเท็จพูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ ความจริงการพูดใส่ร้ายใส่ความการพูดว่าให้ใครในแบบจิตสัมปยุต ด้วยอกุศลเจตสิก มันผิดศีลทางวาจาทั้งนั้น
อันนี้ก็คือเป็นศีลทางวาจานะ อันนี้จะเป็นวิบากนำให้ไปเกิดในสุคติภูมิ แล้วเป็นฐานให้อบรมจิตขึ้นสู่สมาธิปัญญาต่อไปได้
และก็สุดท้ายเลยคือเป็นศีลทางจิตก็คือการไม่ให้บาปอกุศลเกิดขึ้นที่จิต ระวังป้องกันไม่ให้จิตเกิดบาปอกุศลขึ้น เช่นไม่ปรุงแต่งความโกรธ แล้วก็ไม่ปรุงแต่งความโลภ ไม่ปรุงแต่งกระแสจิตที่สัมปยุต วิหิงสาอกุศลคือเบียดเบียน ไม่ปรุงแต่งกระแสจิตที่สัมปยุตกามพยาบาท
แล้วก็ไม่ให้เกิดนิวรณ์ ไม่ให้เกิดอภิฌา ไม่ให้เกิดโทมัส เป็นต้น นี่ก็คือเป็นศีลจริงๆเรียกว่าเป็นศีลในองค์มรรค เป็นศีลแท้ที่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ท่านสอน
ให้ยึดตัวนี้เป็นหลัก
ส่วนศีลภายนอก เรียกว่าเป็นศีลที่บัญญัติเกี่ยวกับเรื่องเกี่ยวกับความเป็นอยู่ ความเป็นอยู่ของหมู่สงฆ์คณะสงฆ์ เพื่อให้มีความเรียบร้อยอยู่ด้วยกันด้วยความสงบสุข และให้ศาสนามีการดำรงไปต่อได้ด้วยดี ถ้าหากฆราวาสเห็นว่าไม่สมควรตำหนิติเตียนเรียกว่าโลกวัตชะ ทำผิดแล้วชาวโลกติเตียน
อย่างเช่น รับเงินในสมัยนี้ชาวบ้านเขาไม่ค่อยติเตียนพระแล้วเห็นเป็นเรื่องธรรมดาๆ แต่ไม่ทุกหมู่บ้านนะ ฉันอาหารในเวลาวิการณ์ พรากของเขียว ตัดไม้ดายหญ้า มีจีวรล่วงอรุณ พวกนี้ถ้าผิดมันไม่ได้เป็นวิบากกรรมที่ส่งให้ไปเกิดในอบายภูมิโดยตรง
เพราะอย่างนี้ฆราวาสที่เข้าวัดฟังธรรมกินข้าวเย็น ไปตัดไม้ทำฟืนตัดหญ้าตามทุงนา รับเงินเดือน จึงไม่มีวิบากนำไปเกิดในอบายภูมิ๔เพราะเหตุนี้ แต่พระนี่ถ้าคิดกังวลว่าไม่ควรแล้วไปทำ แล้วใจเกี่ยวเนื่องเป็นอกุศลอันนี้เป็นวิบากตายแล้วไปอบายภูิมิได้
ดังเช่นเรื่อง เอกปัตตะนาคราช ที่สมัยแต่ก่อนเป็นพระแล้วเผลอพรากของเขียวทำตระไครน้ำขาด แล้วไม่ได้ปลงอาบัติก่อนตายชะวะนะจิตยกอารมณ์เรื่องพรากตะไคร้น้ำขาดขึ้นมาสัมปยุตแล้วเศร้าหมอง ตายแล้วจึงไปเกิดเป็นนาคเดรัจฉาน ไม่ใช่นาคเทวดาที่บรรลุอริยะธรรมได้
----------------------------
เรื่องอธิกรณ์นะ ถ้ามีเรื่องอธิกรณ์เอาง่ายๆเลยสรุปเลยแล้วกันนะ ในการขับไล่ท่านเนี่ย ไม่รู้นะว่าพินิจพิจารณาจากดุลพินิจข้อไหน ถ้าเอาวินัยตรวจสอบจริงๆนะก็ให้พิจารณาใช้อธิกรณ์สมถะระงับ ระงับอธิกรณ์เรื่องนั้นๆที่เกิดขึ้นในหมู่สงฆ์ บอกกล่าวด้วยวาจาก่อน หรือส่งหนังสือแจ้งไปบอกก่อน ถึงเรื่องที่ทำว่าเป็นยังไงๆ
เช่นเรื่องพระรับเงินมีพระอาจารย์รูปหนึ่งสวดปาฏิโมกได้รู้วินัยมากบอกใช้ วิธีกลบไว้ด้วยหญ้า ฟังแล้วควรให้จัดหาโยมคนวัดเป็นคนรับแทน ถ้าหาได้นะ เวลาจะใช้ค่อยบอกโยม
กิจภายในหมู่สงฆ์มีหลายเรื่องมาก ทั้งการทำสังฆกรรม สวดปาฏิโมก ฯลฯ เกี่ยวกับบิณฑบาตก็มี ต้องนุ่งผ้าห่มผ้าให้พอดี ฉันอาหารในเวลาที่ควร ก็คือไม่เลยเที่ยง ทั้งที่แต่ก่อนในพระไตรปิฏกพระอุทายีฉันได้เช้า เที่ยง เย็น เลย
แต่ต่อมาพระพุทธเจ้าตัดมื้อเย็นออก และต่อมาก็ตัดมื้อเที่ยงออก ตอนนี้พระเลยได้ฉันแค่เวลาเช้าไปจนถึงก่อนเที่ยง
ข้อห้ามเยอะนะ ไม่รับเงิน ไม่ปล่อยให้ผ้าจีวรล่วงอรุณ ถ้าไม่ได้อยู่กับตัว ห้ามตัดหญ้าดายหญ้า ห้ามขุดดิน ห้ามขึ้นต้นไม้ถ้าไม่จำเป็น ห้ามก่อไฟ ห้ามอยู่กับผู้หญิงสองต่อสอง เป็นต้น
แล้วที่สำคัญก็คือห้ามเล่าเรียนคัมภีโลกายตนะ ก็คือเป็นคัมภีร์เกี่ยวกับศาสต์ทางโลก เป็นคัมภีร์ศาสตร์อื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับคำสอนที่เนื่องด้วยอบรมจิตให้เป็นศีลสมาธิปัญญา
พระพุทธเจ้าทรงปรับอาบัติเป็นทฺุกกฺฏหรือว่าทุกกฎ คำว่าทุกกฏฺไม่ได้หมายถึงทุกข้อนะ
แต่มันเป็นภาษาบาลีแปลว่าทำไม่ดีนะ
หนึ่งเลยก็คือรับซอง เงิน สิกขาบทข้อนี้เนี่ยก็เคยอ่านนะ หลวงพ่อฤาษีลิงดำนี่คิดว่าข้อนี้น่ะเป็นข้อที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ถอนออกได้ เพราะว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป อันนี้จริงๆอ่านมา ในเรื่องการรับเงินก็เห็นพระรูปหนึ่งรับนะรับสมัยพรรษา 1 บวชเสร็จ ในบ้านมีคนตายไปสวดอภิธรรม ซองเยอะมากๆ พอรับแล้วไม่ได้รับเอาไปทำเรื่องไม่ดีเลย
ก็เห็นมีแต่เอาไปทำประโยชน์นะ เติมเงินสมัครเน็ตฟังเทศณ์ อ่านธรรมะ อื่นๆอีก จนมาพิจารณาว่าถ้าพระรูปนี้ไม่รับเงินและมาสมัครเน็ตนี่จะรู้ธรรมะและส่งต่อยอดจนถึงได้อ่านคัมภีร์พระไตรปิฏกในแอพ etipitaka ใน play store ไหมนะ จะได้ฟังเทศณ์ไม่นะ และค้นหาข้อธรรมที่สงสัยไม่นะ ได้คำตอบว่า น่าจะยาก
คือถ้าบวชในวัดที่เคร่งวินัยข้อห้ามรับเงิน ก็คงไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ตมือถือและอาจจะไม่ได้เล่นโทรศัพท์เลย
ส่วนปู่หนูแต่ก่อนที่ไปวัดท่านก็ถวายซองให้ฝากกับศิษย์ไว้ก็เอาไปทำประโยชน์นะ ไม่ได้เอาไปทำเรื่องไม่ดี ถ้าพูดถึงเรื่องพระรับเงินมีหลายวัดนะมันจะยาวก็ไม่ขอพูดมาก
แต่คิดว่าการให้โยมรับแทนแล้วเวลาจะใช้ค่อยบอก มันยุงยากยุนะ มันไม่เหมือนรับไว้เองเวลาจะใช้ก็ใช้ได้เลย แต่ภายหลังก็จำเป็นต้องทำตามสิกขาบท
พระรูปนนี้เวลาใช้เงินก็มีแต่ทำประโยชน์ สร้างบุญ สร้างโรงพยาบาล ทำcdธรรมแจกตามที่ต่างๆหมดไปหลายหมื่นเลยนะ จะว่าบาปคงไม่ถูกเพราะจิตคนละดวงกับอกุศลจิต ไม่ใช่อกุศลจิตเจตสิก
สำหรับปู่หนูถ้าท่านใช้เงินก็คงจะเป็นในการทำประโยชน์สร้างบารมี เรื่องฆ่าสัตว์ไม่เคยเห็น เรืีองขโมยก็ยังไม่เคยเห็น คือศีล๕ไม่เคยเห็นท่านผิด ศีล8ก็เหมือนกัน ส่วนศีลข้ออื่นๆไม่รู้ไม่ได้อยู่กับท่านตลอด อันที่เป็นบาปท่านคงไม่ทำ
ท่านก็มีแต่ไปช่วยคนนะ ไปช่วยคนช่วยยังไงรู้ไหมเขานิมนต์ให้ไปทำพิธีนู่นนี่นั่นท่านก็ไป และก็ไปในธุระเกี่ยวกับธรรมของท่าน ก็ไม่อยากพูดมากนะ ทั้งเรื่องอสุภะพิจารณากายท่านก็บอกนะ เหมือนว่าท่านเอาทั้งธัมบันลุบันดาลและกรรมฐานธรรมในพระไตรปิฏก
ขอสรุปว่าปู่หนูอยู่สายขาว พระองค์ไหนโดนของหรือฆราวาสคนไหนโดนของผีเข้าเป็นต้นไปหาท่านได้ แต่ก่อนสมัยพุทธกาลก็มีนะพระถูกทำของใส่ถูกทำยาแฝดใส่ พระพุทธเจ้าก็ตรัสบอกวิธีแก้ว่าให้ไปเอาดินใต้ผานไถที่เขาไถดิน นำมากิน ก็ทำตามและก็หายจากเสน่ยาแฝดนั้น
และก็ตอนนี้ก็มีคนตำหนิติเตียนเรื่องนี่มาก ที่ว่าสื่อวิญญาณ อวดอุตริความจริงแล้วไม่ควรใช้คำว่าสื่อวิญญาณนะ รู้จักไหมคำว่าวิญญาณ วิญญาณในความหมายของพุทธศาสนาในจริงๆมันคือวิญญาณธาตุ ก็คือธาตุรู้ หรือว่าธรรมชาติที่รู้รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ ความหมายของวิญญาณในพุทธศาสนาแบบนี้
ส่วนความหมายที่คนเข้าใจกันอยู่ในทุกวันนี้ไม่ทุกคนนะ
"วิญญาณมันคือภาวะอย่างหนึ่งหรือว่าพลังงานอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นที่ออกจากร่างของคนตาย อันนี้ใช่ไหมที่เข้าใจกันว่าเป็นวิญญาณ แต่ในความหมายทางพุทธศาสนาเนี่ยเขาไม่ได้เรียกวิญญาณนะ
เขาเรียกว่าเปรต เปตะซึ่งแปลว่าผู้ละไปจากโลกนี้แล้ว
เรื่องอวดอุตริ ทำท่าที ร้อง หมุนตัว 70 กว่ารอบ ทำท่าทางต่างๆนั้น มันไม่ใช่อวดอุตริที่ไม่มีในตนตามพระวินัยปิฏกว่าไว้นะ
คนที่เคยถูกผีสิงร่าง หรือเทพลงประทับ หรือถูกผีอัมบังคับร่างกายไม่ได้จะพอเข้าใจว่ามันเป็นยังไง
ดวงธรรมประทับร่าง นั้นคือจิตของเทพเทวดาลงมาแทรกในร่างกายท่าน แทรกแบบครึ่ง จะทำให้รู้สึกตัวแต่บังคับร่างกายตัวเองไม่ได้ ถ้าแทรกแบบเต็มตัวเลยจะไม่รับรู้ว่าตัวเองทำอะไรจับจิตของเทพที่มาประทับไม่ได้เลย ความจริงท่านจะปิดไว้ไม่ให้จิตเทพภายนอกมาแทรกก็ได้มีวิธี แต่นี่ท่านเปิดไว้เพราะว่ามันมีประโยชน์บางอย่างในการทำพิธี เช่น เทพที่ฤทธิ์มากมาช่วยปลุกเสขวัตถุ นาคที่ฤทธิ์มากมาช่วยปลุกเสก เป็นต้น
ที่ว่าเรื่องดวงทำมาเข้าร่างประทับร่างหรือที่เข้าใจเป็นว่าวิญญาณมาเข้าร่างมันไม่ใช่
มันคือจิตเทพเทวดามาประทับแทรกเข้าร่างทำพิธีในขณะนั้น
ก่อนอื่นขออธิบายให้ฟังก่อนนะว่า มนุษย์เราทุกคนนะ ถ้าสมมุติว่าไม่ได้ปิดร่างไว้ ก็คือมันก็เหมือนเปิดหน้าต่างหรือช่องไว้ อะไรก็มาสิงได้ หรือมาประทับได้ แทรกเข้ามาในกายได้ ทั้งพวกคนที่ตายแล้ว ก็มาเข้าแทรกได้ หรือจะเป็นเทพ ก็สามารถมาแทรกได้
อย่างเช่น เช่นเวลาเรานอนหลับ แล้วเกิดความฝัน ฝันว่ามีใครมาบอกเลข 1 2 3 4 ให้อุบายไปซื้อเลข หรือ ฝันว่าพรุ่งนี้จะมีญาติมาหา ฝันว่ามีคนบอกว่าให้ระวังอันตรายที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เหล่านี้เป็นต้นนะ เป็นภาวะของจิตภายนอก ที่เข้ามาแทรกในกายส่วนศรีษะของเรา แล้วก็ปรุงแต่งปรุงแต่งไว้ใส่หัวแล้วพอเราตื่นขึ้นมา เรานึกระลึกถอยหลังไปตอนเมื่อคืนที่หลับนอนแล้วเราก็รับรู้ว่ามันเป็นภาวะความฝัน
เป็นการฝันว่า เลข 1234 เป็นต้น อันนี้ก็คือเป็นข้อมูลของสิ่งที่เข้ามาแทรกเขาทิ้งไว้ ไม่ใช่ความคิดปรุงแต่งของเราหรอก ถ้าไม่มีอะไรแทรกเลยเวลานอนแล้วฝันปรุงแต่งไปเองอันนี้ใช่อยู่
แล้วทีนี้เอาจริงๆแล้วมันก็ออก 1234 จริงๆ โดยที่เราเองก็ไม่ได้มีความรู้ความสามารถความพิเศษอะไรเลย แต่กับ ไปซื้อเลขแล้วถูก นี่ก็คือเป็นข้อมูลความคิดของผู้ที่เขามาแทรกแล้วปรุงแต่งไว้ในหัวของเรา
ส่วนถ้าเราไม่อยากให้มีอะไรมาเข้าแทรกร่างเราเข้าฝันเราหรือว่าเข้าสิงเรานะ ก็ต้องทำพิธีอุดไว้ก็คือไม่ให้อะไรเข้ามาแทรกร่างเราได้ก็คือว่าเมื่ออุดไว้มันเข้าไม่ได้แล้ว
ส่วนมากถ้าเป็นเทพที่ลงมาประทับเกี่ยวกับมนุษย์เนี่ย ก็ต้องเป็นเทพที่มีบุญสัมพันธ์กันหรือว่ามีบางอย่างสัมพันธ์ต่อกัน ถึงได้มามีส่วนเนื่องด้วยกันแบบนี้ เวลาเทวดามาแทรกเข้าร่างถ้าเข้้าแบบไม่เต็มจะเป็นภาวะกลางๆ เราจะรู้สึกถึงพลังของเขาว่าจิตระดับนี้เย็นเป็นฌานสว่างใส
จิตเราจะหลุดจากฐานเดิมบ้างแล้วและรับรู้ตัวพลังงานของเทพได้ว่าจิตเขามันเป็นยังไง มันเย็นๆ มันไม่เฉยๆเหมือนเรา
และก็เวลาที่ร่างกายเคลื่อนไหวมันมาจากเทพที่ทำการเคลื่อนไหวไม่ใช่เรา เวลาปากมันขยับพูดก็เช่นเดียวกัน
แต่ถ้าเข้าแทรกแบบเต็มเลยจะไม่รับรู้อะไรเลยว่าในขณะนั้นร่างกายเคลื่อนไหวอะไรพูดอะไรออกไปบ้าง ต่อเมื่อเขาออกจากร่างแล้วเรามานึกย้อนถอยหลังดูจึงรู้ แต่ก็มีแบบนึกๆยังไงก็จำไม่ได้เหมือนกัน
ขณะที่มีอะไรมาประทับน่ะมันจะแบ่งเป็น 2 ระดับนะ ก็คือถ้าสมมุติว่าท่านมาประทับแบบเข้าจนมิดชิดคือแทรกจิตของเราเข้าไปอยู่ในฐานเดิมเลย เราจะไม่สามารถรับรู้หรือจำอะไรได้เลยว่าในขณะนั้นน่ะเราเป็นยังไง มันจะจำอะไรไม่ได้เลย แต่ถ้าออกไปแล้วเนี่ย เรามานึกถอยหลังดูว่าเป็นยังไงยังไง
คิดอันนั้นอันนี้ไว้มันก็จะลงสู่หัวของเราเราถึงจะไปดูได้ว่าตอนนั้นน่ะท่านคิดอะไรทำอะไรอยู่ เรียกว่าแทรกแบบเต็ม
แต่ถ้าสมมุติว่ามาเข้าแทรกแบบกลางๆก็คือไม่แทรกมาก ก็จะอยู่กลางๆแบบนี้ คือในระดับที่สามารถที่จะให้เกิดการรับรู้กันได้นะคุยกันได้ระหว่างสองฝ่ายระหว่างฝ่ายผู้ที่ถูกประทับสิงแล้วก็ผู้ที่มาเข้าสิง ก็จะคุยกันได้
ส่วนมากที่ที่เรานอนกัน แล้วมีจิตอื่นมาแทรกเราได้ในเวลานอน จะเป็นการแทรกแบบ แบบไม่เต็ม หรือจะแทรกแบบมิดชิดเต็มก็ได้ อันนี้ก็คือเป็นการเข้าประทับแบบเต็ม ทำให้จิตเราถอยกลับไปอยู่ตรงที่ฐานๆเดิม ส่วนถ้าเป็นอีกแบบนึงก็จะสามารถจับจิตกันได้ แล้วก็รู้ตัวนะว่าทำอะไร เคลื่อนไหวยังไง พูดอะไร แต่ว่าบังคับไม่ได้ เหมือนอาการเหล่านั้นมันเป็นไปเองของมัน พูดออกไปเองของมัน โดยที่ไม่ใช่เราเป็นผู้ทำ เราก็อยู่เฉยๆ
อันนี้ก็อธิบายว่าเพราะว่าผู้ที่สิงอยู่นะเป็นตัวทำไม่ใช่เราทำ อันนี้ก็คือในสมัยก่อนน่ะ
หลังจากนั้นหลังจากนั้นผ่านไปก็ได้เริ่มมาศึกษาตำราทางพุทธศาสนา อ่านมากขึ้น ฟังเทศน์ ในวิธีปฏิบัติ ในการทำสมาธิ ในการทำวิปัสสนา เดินจงกรม แล้วก็การกำหนดสัญญาต่างๆ ทั้งอนิจจสัญญา อสุภสัญญา อาทีนวะสัญญา เยอะมาก ก็เลยอ่านพระสุตตันตปิฎก อ่านพระสุตตันตปิฎกจนมาถึงเล่มที่ 22 ก็สุดยอดมากเลยถือว่าเป็นคนมีบุญมากที่ได้อ่านคำสอนพระพุทธเจ้าได้มากขนาดนี้
แล้วจากนั้นน่ะก็มาอ่านพระวินัยปิฎก อ่านพระวินัยปิฎก อ่านมาหลายเล่มเหมือนกัน เหลือเล่มสุดท้ายที่ยังอ่านไม่จบ
ถ้าจบเล่มสุดท้ายนี้น่าจะรู้และครอบคลุมเยอะ ส่วนอภิธรรมนี่ อ่านไม่จบเลย เริ่มอ่านเล่มแรกไปแล้ว แต่ว่าอ่านไม่จบ ส่วนชาดกนี่ก็อ่านไม่จบ อ่านไม่จบเลย
ตอนนี้ก็เลยมาสรุปได้ว่าก็คือรู้ในวิธีการทำสมาธิแล้ว ในการน้อมจิตไปทำวิปัสสนา ที่จะขอเล่าให้ฟังก็คือ ถ้าเราทำจะมาทีละมันมันจะทำให้ใจเราสงบ อย่างเช่นนั้นรู้ลมหายใจเข้าออกมันจะรวมๆเข้ามารู้สึกรู้ตัวเข้ามาฐานจิตเดิมมากขึ้นๆเรื่อยๆ ตีวงแคบเข้ามาเรื่อยๆเข้ามาเรื่อยๆ รู้สึกตัวมากขึ้น แล้วทีนี้ต่อไปมันก็จะเกิดภาวะใจประณีตมากขึ้นนะครับ
มันจะเป็นปิติแล้วที่นี่มีอาการพองเหมือนว่าเราอ่ะตัวพองขยายใหญ่ อันนี้เขาเรียกว่าปิตินะครับผม แล้วก็การนั่งสมาธิแต่ละครั้งมันก็จะไม่เหมือนกันเนาะ นั่งข้างนั่งไปมันก็จะไปไปเรื่อยๆนะไปถึงฌานก็มี ถ้าเป็นขั้นชานี้จะมีความสุขมากนะเป็นมันจะเป็นเย็นๆแล้วก็เป็นกระแสความสุขที่แปลกๆไม่เคยพบเคยเห็นประมาณว่ามีสุขมากไม่ต้องกินข้าวซัก 3 วันก็ได้ถ้าอยู่กับสภาวะนี้
ครับส่วนการเจริญปัญญา ก็พิจารณาเกี่ยวกับร่างกาย หรือนามธรรม กายภายในกายภายนอก เห็นผู้หญิงสวยๆหรือชายหล่อๆเราก็มองไปถึงข้างในตับไตไส้พุงกระดูกกระเดี้ยวอะไรทำนองเนี้ยแล้วก็น้องไปว่ามันเป็นภาวะที่ไม่น่ายินดีไม่น่ารักใคร่ไม่น่าให้เกิดความกำหนัด
หรือว่าจะปรุงแต่งให้เกิดเป็นภาพทางใจว่าตัวเขาอ่ะมีพวกหนอนพวกแมลงวันน่ะพวกอะไรต่างๆแล้วไม่ให้เกิดความลุามลงเนี่ย อันนี้คืออสุภะนะครับที่ทำ แต่มันก็มีหลายหมวดนะครับที่เป็นอสุภอันนี้ก็คือพูดยังไม่หมด
การสำรวมอินทรีย์สำรวมตาหูจมูกลิ้นกายและก็ใจ ไม่ให้มันเกิดอกุศลทางใจไม่ให้มันเกิดบาปขึ้นมาเพราะว่าถ้าเราเกิดบาปขึ้นมาทางใจน่ะก็จะไปผิดศีลเกี่ยวกับทางจิตใจในองค์มรรคทันที ถ้ามีบาปทางใจแล้วเราต้องรีบละทิ้ง
การพูดจาเราก็ต้องระมัดระวัง พูดด้วยใจที่หวังดี อย่าพูดด้วยใจที่หวังร้าย จะปลอดภัย
เพราะลักษณะเจตสิกจะเป็นกุศลจิตถ้าเราพูดด้วยหวังดีนะมันคือวจีกรรมที่ประกอบำปด้วยเมตตา โดยเฉพาะบุคคลท่านที่มีศีลภายในองค์มรรค ถ้าเราไปด่า ด่าว่าไอ้ขอทานเนี่ยเหยียดหยามเลย ไอ้ขอทานไอ้รับเงินอย่างนี้ ต่อไปเนี่ยมันจะมีวิบากอย่างหนึ่ง
ถ้าเราไปด่าว่าให้พระปัจเจกแบบนี้ กรรมจะส่งไปนรกได้ และต้องกรรมจะจะทำให้เรากลายเป็นขอทาน 500 กว่าชาติ แต่ถ้าว่าให้ผู้ที่ได้ฌานมีอภิญญา๕ อาจไม่ตกนรก แต่ตองเกิดเป็นขอทาน500ชาติ
นึกขึ้นได้อย่างเช่นที่พระนางอะไรนะที่เป็นภิกษุณีนะครับ เป็นภิกษุณีอรหันต์นะครับแต่ว่าท่านเป็นคนหลังค่อมที่ท่านเป็นคนหลังค่อมก็เพราะว่ามีในสมัยหนูนานแล้วหลายชาติหลายภพหลายชาติเลย ท่านเห็นพระปัจเจกหลังค่อม แล้วท่านก็ทำอาการล้อเลียนทำท่าหลังค่อมล้อเลียนพระปัจเจก แล้วทีนี้ผลของการล้อเลียนนั้นน่ะ มันส่งผลให้ท่าน เป็นคนหลังค่อมอยู่ 500 ชาติ
หรืออย่างเช่น ที่พระพุทธเจ้านะ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้เลย พระองค์กับภิกษุ500รูปที่ต้องได้ฉันแต่ข้าวแดงตลอด1พรรษา เพราะกรรมที่แต่ก่อนหลายภพหลายชาติแล้ว ท่านกับภิกษุเหล่านี้เคยไปพูดกล่าวด้วยจิตที่ไม่ใช่กุศลจิตที่หวังดี ว่า"ท่านจงเคี้ยว จงกินแต่ข้าวแดง"
ถึงชาติที่ท่านตรัสรู้รู้ความจริงในสิ่งที่เป็นประโยชน์มากที่สุดที่มนุษย์ควรรู้ คือการดับรูปนาม หมดทุกข์เป็นบรมสุขเรียกว่านิพพาน เป็นสิ่งที่ประเสริฐมากที่สุด แต่ต้องเข้าถึงด้วยการบำเพ็ญบารมี10ปฏิบัติกรรมฐาน จนถึงอริยะเป็นจิตแบบพระอรหันต์ แม้จะเป็นพระหรือไม่ก็ตาม
รู้สึกสงสารนักประกาศข่าวช่องๆหนึ่งที่ทำพฤติกรรมเลียนแบบเช่นนั้น ต่อไปอย่าทำอีกจะดีต่อตนเอง และประทับใจที่นักประกาศข่าวคนนี้ที่พูดได้ดีมากและเป็นประโยชน์ต่อพุทธศานาด้วย
แต่ก็สงสารที่ไปเลียนแบบเช่นนั้นและคนคอมเม้นแนวเชิงลบแบบอกุศลอีกเยอะแยะเลย
ที่ทำพฤติกรรมแบบนั้นก็คงตำหนิคิดว่าไม่ควร ก็ถ้าเราแสดงความคิดเห็นด้วยใจที่เป็นกลางว่าท่านทำไม่ควร มันก็ไม่บาปนะ แต่ถ้าเราแสดงความคิดเห็นด้วยมุ่งให้เสียหายหรือทำลายมันจะทำให้บาป
ถ้าเราอยู่เฉยๆ ไม่แสดงความคิดเห็นว่าด้วยจิตที่เนื่องด้วยอกุศลจะเป็นการแสดงความคิดเห็นด้วยใจที่บริสุทธิ์
แต่นี่ไม่ระวังตัวเองเลย ถ้ามีข่าวแนวนี้ออกมาถ้าไม่ชอบอยู่เฉยๆยังจะดีกว่าไปคอมเม้นด่าพระ พระที่ใจบริสุทธิ์แต่ทำสิ่งที่ไม่เหมาะไม่สมควรก็มีนะในสมัยก่อน เช่นพระอรหันต์ไปแสดงธรรมให้นางภิกษุณีจนค่ำ แค่นี้ก็เป็นเรื่องมีมูลเหตุให้นำไปบอกพระพุทธเจ้าและก็บัญญัติสิกขาบทห้ามพระไปสอนธรรมภิกษุณีจนค่ำ ถ้าทำผิดปรับอาบัติปาจิตตีย์
คือแม้ว่าจะเป็นอรหันต์หรือพระปุถุชนไปสอนธรรมภิกษุณีจนค่ำ ก็ถูกปรับอาบัติ เนื่องด้วยเป็นสิ่งที่ไม่ควรเพราะไปคนเดียวแต่อยู่กับภิกษุณีซึ่งเป็นสตรี ท่านก็เลยปรับเป็นอาบัติไว้
และเรื่องไสยศาสตร์ที่พระมีวิชาอาคมไว้ป้องกันตัวมันก็เป็นเรื่องธรรมดาๆนะ มีไว้ก็ดีนะ เช่นคาถาต่อกระดูก คาถาหยุดเลือด คากันพวกผี คาถานี่มีเยอะนะ ถ้าเป็นแต่ก่อนมีนาคนะที่ใช้ฤทธิปะทะกันกับพระสาคตะ พระสาคตะนี่ได้อภิญญามีฤทธิ์ นาคนั่นก็บังหวนไฟออกมาใส่พระสาคตะจะเอาถึงตายเลยว่างั้น
ส่วนพระสาคตะก็ใช้ฤทธิบังหวนป้องกัน จนในที่สุดพระสาคตะก็ปราบนาคตัวนั้นที่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนได้ นาคนั้นก็ยอมสยบพ่ายแพ้ไป แต่ถ้าเป็นในสมัยนี้นาคที่ประสงค์ร้ายต่อพระก็มีนะ เช่นในสมัยหลวงปู่มั่นกับศิษย์อยู่ในป่า ก็มีพญานาคผู้ไม่เลื่อมใสในพระ มาปล่อยพิษลงในน้ำไว้ เพื่อว่าถ้าพระกลุ่มนี้มาใช้น้ำจะได้โดนพิษของตนได้รับความทุกข์ไปจะได้หนีไปอยู่ที่อื่น
แต่หลวงปู่มั่นท่านหยั่งทราบด้วยญาณจึงเรียกพญานาคตัวนั่นมาแล้วแสดงธรรมให้ฟัง แล้วบอกให้ไปถอนพิษออกจากแหล่งน้ำนั้น ก็ทำตามที่หลวงปู่มั่นบอก
แต่ถ้าเป็นหลวงปู่ตื้อนี่ท่านใช้วิชาอาคมกับพญานาคด้วยนะด้วยเหตุผลของท่านบางอย่างไปหาอ่านเอาเด้อ ถ้าเป็นพระเราไปอยู่ในป่าไม่มีฤทธิ์เลยไม่มีวิชชาอาคมเลย ถ้าโดนพวกอมนุษย์หรือนาคพวกที่ไม่ศรัทธาจะมาทำร้ายนี่เสร็จเลยนะ ถ้าเรียนไว้ป้องกันตัวนิดหน่อยก็ดีนะ
เวลาเห็นพระผิดวินัยภายนอกระดับเบาเช่น ปาจิฺตติยํง ทุกกฺฏ เห็นแล้วเฉยๆนะ เพราะสิกขาบทเล็กน้อย มีบ้างข้อที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ถอนออกไม่ต้องปฏิบัติได้ เมื่อสงฆ์พร้อมใจกันจำนงถอน อันนี้คือในครั้งสมัยพุทธกาลท่านอนุญาติไว้ แต่ทางพระอรหันต์มีพระมหากัสสปะ พระอุบาลี พระอานนท์ และพระอรหันต์องค์อื่นๆอีกทั้งหมดมีความเห็นไม่ตรงกันว่าสิกขาบทเล็กน้อยคือทุกกฏหรือปาจิตตีย์ข้อไหนที่พระพุทธองค์หมายถึง ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่า
มาเรื่องพระที่ศีลภายในบริสุทธิ์
ก็จะเรียกว่าศีลในองค์มรรค แต่ถ้าศีลขอบเขตที่เป็นภายนอก ไม่บริสุทธิ์ เช่นรับเงิน จีวรล่วงอรุน ฉันอาหารที่เป็นของเมื่อวาน ถึงวันเข้าพรรษาแต่ไม่ได้เข้า เป็นต้น อันนี้คือยกตัวอย่างนะ
ถ้าใจเห็นว่าเป็นธรรมจึงทำลงไป แม้ผิดภายนอกแต่ไม่มีวิบากนำไปอบาย แต่ถ้าในภายหลังใจมันเศร้าหมองเพราะเรื่องนี้แล้วตาย อันนี้ไป ดังนั้นอย่ากังวล ถ้าหาอ่านเกร็ดประวัติครูบาอาจารย์จะรู้ว่า บางองค์ท่านฉันเลยเที่ยงเพราะอนุเคราะห์ผีที่ตายแล้วก็มี ถ้าไม่รีบสงเคราะห์จะไม่ทัน
ถ้าใครดูข่าวแล้ว อย่าพูดเชิงให้ตัวเองเป็นบาปมีวิบากทีหลังเหมือนเขาเหล่านั้นนะ
คือย้ำอีกที ศีลที่เป็นวิบากแท้ปู่หนูไม่ได้ผิด ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม โกหก ดื่มสุรา ศีลวิบากแท้อันนี้ปู่ไม่ได้ผิด
แต่ศีลประเภทที่อยู่นอกเหนือจากการให้ผลทางจิตโดยตรง เช่น รับเงิน ตัดหญ้า อาบน้ำเอากายถูต้นไม้ ไม่ได้อยู่กับผ้าจีวรแล้วล่วงคืน เป็นต้น ผลของการทำอันนี้ผิดสิกขาบทก็ยังไม่ใช่วิบากนำไปสู่อบายโดยตรง ถ้าไม่กงวลเหมือนเอกปัตตะนาคราช
(ถ้าผิดศีล๕ และอกุศลกรรมบทสิบ)
อกุศลกรรมบทสิบมันก็คือฝ่ายมิจฉามรรคนั่นเอง
ในมรรคมีองค์แปดมันมี2ฝ่าย
1.ฝ่ายสัมมา
2.ฝ่ายมิจฉา
สายอวิชชาสังขารวิญญาณนามรูปอายะตนะผัสสะฯลฯ อุปทาน ~ฯลฯ คือฝ่ายมิจฉามรรคเป็นอกุศล
สายวิชชา~ฯลฯ คือฝ่ายสัมมามรรคเป็นกุศล
หลวงปู่หนูนี่ท่านรู้วาระจิตด้วยนะ
จึงสามารถหยั่งรู้ความคิดคนอื่นได้
และย้อนถอยไปดูเหตุการณ์อดีตของเราได้ อันนี้ประสบการณ์ตรง ท่านสามารถรู้ความคิดของคนอื่นได้เพราะมาจากธัมบันลุบันดาลหรือไม่ หรือเป็นเจโตปริญญาณอภิญญาก็ไม่ทราบ เพราะการรู้ความคิดคนอื่นได้ไม่ได้มีเฉพาะผู้ได้อภิญญาข้อเจโตปริญญาณเท่านั้นนะ มันมีอีกวิชชาหนึ่งในพระไตรปิฏกบอกไว้อยู่ ทำให้สามารถรู้ใจคนอื่นได้ โดยที่ไม่ใจเจโตปริญญาณ
ส่วนธรรมบรรลุบันดาลที่เป็นธรรมเก่าภาษาเก่าแก่
มันเป็นประโยชน์ในการใช้สร้างบารมีของท่าน ในการช่วยคนอื่น ที่ท่านทำก็มีเยอะนะ คนที่โดนมนต์ดำท่านก็แก้ออกให้ดำ แก้คุณไสย์ ฯลฯ ท่านอยู่ในสายขาวนะ ไม่ใข่สายดำที่ทำของใส่คน
ท่านก็พิจารณากายลงไตรลักษณ์นะตามที่ฟังท่านเทศณ์
ลูกศิษย์บางองค์ของท่านที่เรียนธัมบันลุบันดาลก็สามารถสวดได้และมีความรู้พิเศษสัมผัสรู้เรื่องเกี่ยวกับคนอื่นได้ แม้ไม่ได้อภิญญาข้อเจโตปริญญาณเลย หรือญาณที่ทำให้รู้เกี่ยวกับนิสัยคนอื่นเลย
บางองค์ก็สามารถรับรู้เกี่ยวกับตัวของคนๆหนึ่งได้โดยสัมผัสจากการต้องจับแขน ดังเช่นครูบากลิ้งลูกศิษย์หลวงปู่หนู
ปัจจุบันลาสิกขาไปแล้ว
แต่หลวงปู่หนูนี่ไม่ต้องจับก็รู้เรื่องเกี่ยวกับเราได้..
ปกติในเวลาที่เห็นองค์อื่นมีวิชาด้านอื่นด้วยก็เงียบๆ เช่นอ่านประวัติหลวงปูตื้อสมัยท่านบำเพ็ญเพียร ก็มีวิชาอาคมนะตามที่อ่าน การที่พระท่านไปทางอื่นด้วยก็คงมีเหตุผลของท่าน หรืออาจจะ เช่น อาจเป็นกรรมจัดสรรให้ต้องได้รู้และเรียนเกี่ยวกับธรรมบันลุบันดาน เช่น ไปกล่าวกับพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธะว่า ท่านจงเรียนมนต์แนวนี้ๆสวดมนต์แนวนี้ใน(แบบสัมปยุตประกอบพร้อมด้วยอกุศลจิตเจตสิก) เมื่อวิบากให้ผลจะทำให้ต้องได้เล่าเรียนมนต์แบบนี้สวดมนต์แบบนี้
(เทียบกับ เหมือนในพระสูตรที่ว่า "แต่ก่อนพระองค์กับภิกษุ500รูปนี้ เคยไปพูดบอกแนวอกุศลจิตกับภิกษุสงฆ์ที่มีพระอริยะอยู่ในนั้น "ท่านจงเคี้ยวจงกินแต่ข้าวแดง" ผลกรรมอันนั้นมาส่งผลในชาติที่เป็นพระพุทธะเจ้าแล้ว ทำให้ท่านกับภิกษุ500รูปได้ฉันแต่ข้าวแดงตลอด1พรรษา (ไม่ได้ฉันเนื้อฉันผักเลย)
ส่วนเรื่องดวงธรรมประทับ
มันเป็นสิ่งที่ชาวเทพเทวาไม่อยากให้มนุษย์รู้มากในเรื่องนี้ แต่จะพูดนิดหน่อย
ดวงธรรมคือ มีหลายรูปร่าง แต่เป็นพลังงานทิพย์เหมือนกัน ต่างกันที่ความละเอียด ดวงวงกลมสีสว่างจ้า ดวงวงกลมสีขาว สีอื่นๆเป็นต้น เหล่านี้คืออัตภาพทิพย์ของผู้อยู่ในสุคติภูมิที่เนรมิตให้อัตภาพเป็นเช่นนั้น สามารถเนรมิตให้เท่าปลายเข็มก็ได้ ดั่งในเวลาฟังธรรม เทวดาจะเนรมิตกายให้เล็กๆแล้วมีแสงรัสมีออกมาที่เห็นเป็นดวงสว่างๆนั่นแหละ
พญานาค เทวดา ก็เนรมิตแปลงกายได้เหมือนกัน แต่ไม่ลงร่างมนุษย์มั่วชัวนะ ยิ่งคนถือศีลปฏิบัติธรรม ลงประทับแล้วเบียดเบียนไม่ได้เลยเพราะจะโดนลงทัณฑ์ มนุษย์บางคนก็ถูกร่ายมนต์เปิดก่อนเพื่อให้เข้าประทับร่างได้ โดยที่ไม่ต้องรับขันธ์ เช่นเวลาเรานอนแล้วฝันว่ามีคนมาบอกให้ทำบุญให้หน่อย หรือ ฝันว่าซื้อเลขตัวนี้นะหนู หรือต่อไปให้ระมัดระวังตัวนะจะมีอันตราย เป็นต้น
แล้วพอตื่นขึ้นมานึกย้อนหลัง
ฝันว่าอะไรนะ ความจริงมันมีทั้งปรุงแต่งไปเอง และมีจิตภายนอกเข้ามาแทรกหัว
แล้วฝังเรื่องราวทิ้งไว้ พอตื่นขึ้นมานึกย้อนหลังไปดูเข้าใจว่าเป็นฝัน แต่ความจริงคือมันคือความรู้ของเทพที่ทิ้งไว้ในหัวก็มี
เรื่องที่เห็นว่าเป็นหลวงปู่เดินหมุนๆ70กว่ารอบนั่นคือจิตภายนอกเขามาประทับทำพิธี จะว่าท่านเป็นคนวนหมุน70กว่ารอบคงไม่ได้นะและเสียงที่ร้องออกมาด้วย คือเวลาเทพจีนลงประทับก็จะพูดภาษาจีน ถ้าเป็นเทพเก่าๆอินเดียก็จะพูดแบบที่แตกต่างกันออกไป
ก็คิดว่าท่านกำลังบำเพ็ญบารมีข้อให้คนอื่นได้มีทรัพย์ จัดสงเคราะห์เข้าในทะสะบารมีข้อ เมตตาช่วยคนให้มีทรัพย์ เป็นต้น
คนเราแต่ละคนเคยบำเพ็ญบารมีกันมาหมดทุกคน แต่เต็มแล้วหรือยังอันนี้รู้ได้ยากยุ เช่นให้เงินขอทาน เรียกว่าทานบารมี เช่น บริจากเลือด เรียกว่าทานอุปบารมี
ใครว่าปู่หนูมีธัมบันลุบันดาลไม่ใช่นะ
ในสมัยช่วงที่มีพระบวชใหม่ไปอยู่กับปู่หนูปู่หนูก็บอกให้ไปอยู่กุฏิแล้วบริกรรมพุทโธ ต่อมาพระองค์นั้นก็พุทโธๆ แล้วจนถึงภาวะลมหายใจไม่ปรากฏ แล้วตกใจ ต่อมาในที่สุดพระองค์นั้นก็ถึงภาวะไม่มีลมหายใจปรากฏ อันนี้คือพระองค์นั้นเล่าให้ฟัง ถ้านำมาตีความน่าจะเป็นสภาวะในฌาน
ถ้าใจบริสุทธิ์เป็นศีลอยู่ณภายใน คือรักษาจิตไม่ให้เกิดนิวรณ์๕ ครอบงำ
แล้วไปสงเคราะห์ช่วยผี
คือมีโยมเอาอาหารมาถวายท่านในเวลาที่ไม่ลงตัวเท่าไร แล้วท่านเมตตาฉันอาหารหารนั้นซึ่งเป็นเวลาเลยเที่ยงไปแล้ว ถ้าท่านไม่รีบสงเคราะห์ผีตัวนี้ จะไม่ทัน(ผีตัวนี้อาจจะไปเกิดใหม่เป็นสัตว์เดรัจฉาน )
แล้วท่านก็ฉันในเวลาเลยเที่ยงไปแล้ว
ต่อมาจนกลายเป็นเรื่องเกิดขึ้น
ลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ จึงนำไปเล่าให้ หลวงปู่ดู่พรหม ปัญโญ ฟัง
หลวงปู่ดู่ ก็ได้พูดประมาณว่า
"อย่าไปติเตียนหรือว่าให้ท่านเป็นคนไม่ดี เดี๋ยวจะเป็นบาปเป็นกรรม ท่านทำเพื่อสงเคราะห์ช่วนผี"
ถ้าอีกองค์คือ หลวงปู่เจี๊ยะ อันนี้ก็มีเรื่องประมาณว่าทำไม่เหมาะสม
พระก็นำไปเล่าให้หลวงตาพระมหาบัวฟัง
หลวงตาพระมหาบัวก็บอกว่า
"อย่าไปติเตียนท่านนะ มันจะเป็นบาปเป็นกรรม"
พูดถึงวิชาธัมบันลุบันดาล
มันก็มีประโยชน์ในทางช่วยคนอยู่นะ เช่น ถ้านักข่าวโดนมนต์ดำ โดนของ โดนจ้างให้ทำคุณไสย์ใส่ โดนทำเสน่ใส่ ก็ถอนได้แก้ได้ และอื่นๆอีก
ถ้าไปถามเรื่องแนวนี้กับพระในวัดองค์ที่ไม่มีการประพฤติปฏิบัติทางจิต อยู่แค่ศีล
มีแต่ฉันแล้วก็จำวัดนอนไม่เจริญสมาธิปัญญาขึ้นไป จะรู้นั้นรู้นี่ยาก ถ้าไม่มีผู้เล่าให้ฟัง
#สาธุ รวมมาให้อ่าน
การช่วยเหลือเป็นบุญ
ได้ยินพระเล่าว่าเรื่องนี้มันเป็นกฏแห่งกรรมที่จะเกิดขึ้นกับปู่หนู
นี่ก็แสดงว่าแก้ไขให้อ่อนกำลังลงได้เท่านี้
แล้ว
พูดถึงนักข่าวก็สงสารนะส่วนที่พูดจาเป็นอกุศลแบบนั้นคงหนีไม่พ้น
แต่ก็มีกุศลกรรมด้วยนะตามที่ฟัง เพราะข่าวนี้
เห็นนะว่ามีทั้งวจีกรรมที่เป็นบุญกุศล อาชีพนักข่าวเป็นบุญเหมือนกันนะเพราะเป็นอาชีพที่สุจริตไม่ได้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดโกหก ดื่มเหล้า แต่ระวังบิดเบียนข่าวหรือสร้างข่าวพูดข่าวเพื่อทำลายคนอื่น และให้คนดีเขาแตกสามามัคคีกัน มันจะเป็น ผรุสาวาจา ปิสุนะวาจา
ถ้าพูดถึงต้นเหตุปัจจัยมาจากไหนมาจาก
คนลงพื้นที่ไปทำข่าว คนเขียนข่าว > คนตัดต่อคลิปที่ออกแนวให้นักประกาศข่าวเข้าใจว่าเล่นไสยศาสตร์มนต์ดำศาสตร์มืด >คนประกาศข่าว> ก็พูดทำให้คนเข้าใจว่าปู่หนูทำอะไรที่เป็นพระที่เลวทรามทำบาปกรรม ทั้งๆที่ไม่ใช่อย่างนั้น
ก็พิจารณานะว่า เขาเหล่านี้ไปทำกรรมอะไรมาจึงต้องได้ทำหน้าที่นี้ ทำให้คนดูเกิดมิจฉาทิฏฐิเข้าใจผิดว่าเป็นพระแนวเลวแบบนี้
ก็คงเป็นกรรมใหม่ที่สมัครเข้าไป
พูดถึงการทำงานสายนี้ มันมีนะที่จะเป็นบาป และเป็นบุญ
คนเขียนเจตนายังไงตั้งใจให้พินาศไหม ถ้าตั้งใจก็บาป
คนตัดต่อเจตนายังไงตั้งใจให้พินาศไหม คนพูดออกทีวีเจตนายังไง
มันพ่วงกันไปหมดนะ เป็นพหุลกรรมส่งต่อกันไปเรื่อยๆ จนไปถึงคนดูก็เข้าใจผิดแล้วคอมเม้นในแนวอกุศล ส่วนคนที่เห็นว่าประพฤติไม่ควรและไม่ใช่การทำบาปแล้วอยู่เฉยๆก็รอดตัวไป
นึกถึงเรื่องหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กับศิษย์อยู่ในป่า แล้วมีชาวบ้านเขาเข้าใจผิดคิดว่าท่านกับศิษย์เป็นเสือเย็น คือเป็นเสือร้ายแปลงร่างเป็นมนุษย์จะกินคน
เขาก็ไปเล่ากันต่อเป็นวจีกรรม มโนกรรม
หลวงปู่มั่นทั้งที่ท่านอยู่ที่นั้นกับศิษย์ก็ลำบากเรื่องอาหารบิณฑบาตรอยู่แล้ว
ก็ยังไม่ย้ายไปที่อื่นเพราะถ้าท่านไปจะไม่ได้แก้ความเห็นผิดมิจฉาทิฏฐิของพวกชาวบ้านที่เข้าใจว่าท่านกับศิษย์เป็นสภาวะอะไรที่ไม่ดีอย่างร้ายแรงเป็นเสือเย็นดุร้ายจะกินชาวบ้าน ถ้าท่านไปเวลาตายชาวบ้านเหล่านี้จะไปเกิดเป็นเสือ
ท่านก็เลนอยู่ต่อหาอุบายช่วยแก้ไขให้เข้าใจท่านใหม่ว่าเป็นผู้มีธรรมมีศีลที่บริสุทธิ์เป็นพระ ต่อมาท่านก็ทำให้ชาวบ้านเข้าใจท่านใหม่ ไปหาอ่านเอาเรื่องเต็มๆนะยาวมาก
ต่อไปถ้ามีข่าวแนวเกี่ยวกับคนรักษาศีลแต่ประพฤติที่ไม่เป็นบาป แต่เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรก็ให้ใช้ใจที่เป็นกลางๆพูดไปเ้วยความที่คิดว่าถูกต้องตามธรรมตรงๆว่าไม่ควรอย่างนั้นอย่างนี้
นึกแล้วทำไมคณะสงฆ์ไม่ส่งหนังสือเอกสารแจ้งไปวัดถ้ำจารย์ครูภิหินต่างก่อน
ว่าทำไม่เหมาะอย่างนั้นอย่างนี้นะ และต่อด้วยเดินทางขึ้นไปด้วยกันเป็นหมู่สงฆ์สักถามถึงเหตุผลก่อน ถ้าเป็นสิ่งไม่ควรก็ให้ละแล้วสวดประกาศท่ามกลางสงฆ์เลย
นี่ขับให้ออกจากจังหวัดมุกดาหารเลย
เคยได้ยินแต่ในพระไตรปิฏกผิดสังฆาทิเสสข้อนั้นแค่ขับออกจากวัดนั้น
ปู่หนูก็ไม่ได้ปาราชิกสักข้อเลย
สังฆาทิเสสสักข้อก็ไม่ใช่
เคยเห็นแต่สิกขาบท สังฆาทิเสสข้อนั้นที่พระพุทธเจ้าให้พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะพร้อมกับพระอีกๆหลายรูป ไปบอกให้พระที่ประพฤติไม่เหมาะสม
ให้เลิกประพฤติและขับไล่ออกไปจากวัดนั้น
แต่ถ้าดูในอรรถกถาแล้ว
ถ้าประจบคฤหัส จะต้องบอกแล้วสวดกรรมวาจาให้เลิกถอนการประพฤตินั้น ถ้าไม่เลิกจะปรับอาบัติไปเรื่อยๆ จนถึงสังฆาทิเสส ถ้าติดสังฆาทิเสทแล้วก็ต้องเข้าปริวาสกรรม ขอมานัตตะ
ส่วนเรื่องปาจิตตีย์ข้อรับเงินมันมีหลายวัดนะปัจจุบัน แต่รับแล้วเอาไปทำประโยชน์
ความจริงคาถาอาคมเรียนไว้ป้องกันตัวและช่วยคนนิดหน่อยก็ดีนะ แล้วก็ประพฤติปฏิบัติธรรมไป และไม่ผิดสิกขาบทปาราชิกหรือสังฆาทิเสสเลย แต่มันอาจจะส่อไปเข้าเดรัจฉานวิชชาถ้าทำมาก แยกศัพออกมา [ ติรฉานัง = เดรัจฉาน แปลว่าไปแบบทางขวาง ไปแนวขวาง ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือสัตว์หมาแมวงูมันจะไปแบบขวางๆต่อพื้นโลก ไม่ตรงๆเหยียดขึ้นเหมือนมนุษย์ที่เดินไปแบบตรงๆต่อพื้นโลกไม่ไปแบบขวางๆเหมือนสัตว์ประมาณนี้พอเข้าใจไหม)
[วิชา = ศาตร์วิชา แปลว่าอะไรอันนี้ง่ายมากแปลแล้ว]
ที่จริงความหมายคือตั้งสำนักเป็นเดรัจฉานวิชาเต็มๆเลย เป็นหมองู หมอแมลงป่อง หมอผีทำกระเทยให้เป็นชาย ทำนายดวงดาว เยอะแยะเลยไปหาอ่านเอง แต่ส่วนสำคัญเลยก็คือถ้าเล่นคาถาอาคมแล้วไม่เจริญภาวนาเลย เรียกว่าเป็นเดรัจฉานวิชาแท้จริงๆ
ก็จะไม่ต่างกับคนที่เกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธศานาและไม่รู้จักเจริญภาวนาอบรมจิตให้บรรลุอริยธรรมเลย
พระพุทธเจ้าจึงห้ามไว้อย่าไปสนใจนัก
แต่ถ้าเราอ่านเกร็ดประวัติครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น เช่นหลวงปู่ตื้อตอนที่ท่านยังไม่บรรลุอรหันต์ ช่วงที่ท่านออกธุดงท่านจะมีวิชาอาคมไว้ป้องกันตัวจากเหล่าอมนุษย์และพวกอื่นๆ ท่านก็ปลุกเสกว่านออกไปนะ แล้วท่านก็นั่งภาวนาของท่านต่อ ถ้าถามว่าผิดสิกขาบทไหมก็ไม่ผิด ถามว่าเรียนแล้วป้องกันตัวและช่วยคนอื่นนิดหน่อย ไม่ได้ไปตั้งสำนักช่วยคนอย่างเดียวจนไม่ปฏิบัติภาวนาอะไรเลย
มันเป็นสิ่งที่พอรับได้นะถ้าเป็นมุมมองนักปฏิบัติธรรม แต่ก็ไม่รู้ว่าทุกคนไหม
และสุดๆเลยคือองค์หลวงปู่ตื้อท่านก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ด้วยการภาวนาจนปัญญาแก่รอบตัดสังโยชน์สิบประการขาด สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ไม่ได้สำเร็จเพราะวิชาอาคมหรอกนะ
แต่วิชาอาคมก็มีส่วนดีนะ
นึกถึงหลวงปู่แหวน สุจิณโน กับพระเพื่อนที่ไปธุดงด้วยกันในป่า
สมัยที่ท่านยังไม่บรรลุธรรม
ทั้งที่ท่านก็ศีลบริสุทธิ์ ปฏิบัติภาวนาเป็น ด้วย ท่านถูกผีเข้าสิง แต่ดีหน่อยพระเพื่อนหาอุบายวิธีไล่ออกไปได้
ด้วยใช้ดนไฟจี้ให้กลัว ผีจึงออก ถ้าผีไม่ออกเลยองค์หลวงปู่แหวนคงไม่ได้ปฏิบัติภาวนาและคงไม่ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
นี่ถ้าเพื่อนพระท่านมีคาถาวิชาอาคมไล่ผีออกไปโดยใช้คาถาหรือของขลังบางอย่าง ก็คงง่ายเลยเช่น สายสินหลวงปู่องค์หนึ่งที่โคราช ที่ผีต่างกลัวกันมาก อย่าไปติเตียนท่านนะจิตท่านไม่ธรรมดา
พูดมาแล้วก็สงสารนักข่าวด้วย และสงสารแฟนคลับของช่องนั้นด้วย
ที่คอมเม้นแนวอกุศล นึกถึงวัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่างแล้ว
แต่ก่อนเมื่อหลายปีแล้วก็สพายบาตร ย่าม เต้น ขึ้นรถไปวัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่าง วัดนี้จะอยู่บนภูเขาระดับกลาง ไม่อยู่สูงมาก รวมช่วงที่อยู่ในวัดก็เกือบอาทิตย์หนึ่ง
ไปกางเต้นบนโขดหินนั่งทำสมาธิ ไปพักอยู่วัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่างอยู่หลายวัน ไปสองครั้ง
วัตรปฏิบัติภายในวัดเท่าที่ทราบก็มีปกติๆทั่วๆไปนะ มีทำวัตรเช้าสวดมนต์ตามหนังสือสวดมนต์ภาษาบาลี ทั้งบทอุทิศบุญ และบทอื่นๆ
แต่พอสวดเสร็จแล้ว พระกับลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสจะสวดมนตร์ธรรมบันลุบรรลดาลกันต่อ
เป็นภาษาที่ฟังแล้วไม่รู้ว่าแปลว่าอะไรเหมือนกัน ทั้งพระทั้งโยมสวดได้แต่เราสวดไม่ได้เพราะไม่ได้แต่งขันธ์เรียนกับหลวงปู่หนู
แล้วต่อมาพอสวดเสร็จ ก็ได้ไปจัดเตรียมที่ฉัน วางขาบาตร หากระโถน หาน้ำขวดมาตั้งรอไว้ฉัน
แล้วก็ขึ้นรถโยมพาลงไปเดินบิณฑบาตรในหมู่บ้านโคกหินกองข้างล่าง เวลาโยมใส่บาตรก็ปกตินะ พระก็ให้พรย่อๆ อภิวทานาสี ลิดสะนิดจัง วุฒฑาปะจายิโนจัตตาโร ธัมมาวัตทันติ อายุวัณโณสุขังพะลัง ให้พรเสร็จก็เดินบิณฑบาตรไปต่อเรื่อยๆ จนหมดที่รับบิณฑบาตร
เสร็จแล้วก็ขึ้นรถกะบะกลับขึ้นมาบนศาลา ก็ถ่ายบาตรเอากับข้าวเอาอาหารออกจากบาตร ไปใส่ไว้ที่กล้องข้าวใหญ่ๆส่วนพวกกับก็ไว้ในถาดใหญ่
จากนั้นก็กลับไปกุฏิตนจะเข้าห้องน้ำสงน้ำอะไรก็ตามสบายแล้วแต่เลยในช่วงนี้
และระหว่างนี้รอโยมที่ตามมาถวายที่วัดอีก ก็จะมีโยมผู้หญิงอุปฐากพระในวัดทำอาหารเสริมเพิ่มเติมจากที่ได้จากบิณฑบาตร ก็เหมือนที่วัดอื่นนะ ก็รอเวลาฉันภัตตาอาหาร
พอถึงเวลาแล้วก็มาที่ศาลา ล้างเท้าขึ้นบนศาลากราบพระประธานนั่งบนผ้านิสีทนะผ้ารองนั่ง แล้วก็กล่าวนำให้ญาตโยมสมาทานศีล และกล่าวคำถวายอาหาร เสร็จแล้วก็สวดสัพพีและอื่นๆอีกต่อด้วยอิมินากวาดน้ำ
และก็ลงมือฉันอาหารในบาตร จะใช้ซ้อนหรือไม่ใช้ก็แล้วแต่
ฉันเสร็จก็เก็บกระโถนและเอาบาตรไปล้าง เซ็ดบาตรฯลฯ
จากนั้นก็กลับกุฏิใครกุฏิมันเอาบาตรไปตากแดด และเก็บบาตร เสร็จ
ก็ออกมาพูดคุยกันกับหมู่พระที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ พระบางองค์ก็กำลังแกะสลักไม้เพื่อทำของขลัง .ก็คุยสนทนาด้วยเรื่องทั่วๆไป
ก็กลับขึ้นไปบนภูเข้าเต้นนั่งสมาธิ ฟังเทศณ์ในโทรศัพท์ต่อ
ตกค่ำก็มีการสวดมนต์ทำวัตร์เย็นเหมือนที่วัดอื่นๆสวด สวดบทนั่นบทนี้ในหนังสือมีหลายบทเลย แต่สุดท้ายบทที่สวดจะเป็นสวดธัมบันลุบันดาลกัน ส่วนเราก็นั่งฟัง
คือถ้าคนที่ไม่ได้แต่งขันธ์ครูเรียนมนต์นี้จะสวดไม่ได้เลย เราก็ได้แต่ฟังว่านี่มันภาษาอะไรนะบาลีหรือเขมรหรือภาษาขอมก็ไม่อาจทราบได้ว่าคือภาษาอะไร
พอเสร็จแล้วก็ กลับกุฏิใครกุฏิมันแยกย้าย ส่วนเราขึ้นไปบนโขดหินนั่งสมาธิ อุทิศบุญ แล้วจากนั้นก็ฟังเทศณ์ แล้วก็จำวัดนอน ตื่นมาอีกวัน ก็จะคล้ายๆแบบนี้วัตรปฏิบัติภายในวัด
ก็ป็นบางวันก็เห็นพระรับแขกคือมีโยมที่มาให้ดูนั่นดูนี่ แต่งขันธ์๕มา ท่านก็ดูให้หลับตาสักพักแล้วก็พูดๆๆ ก็คงเป็นการดูดวง อันนี้ครูบากลิ้งนะเป็นศิษย์หลวงปู่ที่ดู ไม่ใช่ปู่หนู
ที่มาครั้งแรกๆเลยก็มีโยมมาขอเลขกับปู่หนู
มาเป็น 10 กว่าคนเลย ก็ได้นั่งฟังอยู่ในนั้นด้วย
ท่านก็พูดๆออกมาเรื่องอื่นๆด้วยๆเรื่องที่จำได้เลยก็คือ ท่านพูดประมาณว่า""ถ้าเรามองดินที่ใกล้ๆเท้าที่เหยียบ สายตาเราก็จะเห็นดินสุดเพียงเท่านี้
แต่ถ้าเรายิ่งมองระยะไกลออกไปเท่าไร่
เราจะเห็นสิ่งต่างๆเยอะแยะเลย"
(สิ่งต่างๆนั้นก็คือ วัตถุที่เป็นเหตุให้ก่อกิเลส ที่จะล่อให้ใจเราเป็นทุกข์)
พอพูดธรรมะเปรยๆเสร็จ ต่อมา ก็บอกข้างล่างข้างบน โยมก็จดๆไว้
ต่อมามันก็ออกเป๊ะๆนะ2ตัว
เท่าที่รู้ก็คือทั้งใบ้ให้ตีความเอง และบอกตรงๆเลย ปู่หนูจะเป็นแบบว่าเวลาท่านพูดจะมีพูดทีเล่นทีจริง เห็นข่าวแล้ว "เรื่องสั่งอาหารทางไลน์ คิดว่ามันไม่จริงหรอกที่ท่านสั่งอาหารทางไลน์ เพราะมีโยมอุปฐากวัดทำอาหารที่อยู่ในโรงครัวอยู่ โยมอุปฐากแต่ละคนนิสัยดีจิตใจนะ พูดจาดีใจดี บางคนก็เป็นเจ้าของปั้มน้ำมัน เรื่องขาดอาหารบิณฑบาตรนี่น่าจะยาก
เพราะแค่ลงไปเดินบิณฑบาตรแล้วขึ้นมาก็ต้องมีข้าวอาหารผลไม้ติดมาบ้างแหละ ข้าวก็เหลือตั้งเยอะที่โยมใส่บาตรที่เอามารวมในกล้องข้าวใหญ่ๆเดียวกัน
ถ้าไปดูคลิบเต็มๆที่เพื่อนปู่หนูให้สัมภาษ์ ฟังดูดีๆมันคือพูดทีเล่นนะ เพื่อนปู่หนูก็ยังบอกเลยอาจเป็นพูดที่เล่น และก็เรื่องที่เพื่อนปู่หนูพูดล้วนพูดแต่เรื่องสมัยเก่าหลายปีแล้วทั้งนั้น เรื่องภายในใจรู้หรือไม่ก็ไม่ทราบ ว่าท่านก็มีกรรมฐานอยู่เหมือนกัน
ลูกศิษย์ภายในวัดทั้งที่เป็นพระและนุ่งขาว ต่างรู้เรื่องภายในว่ามีอะไร ขนาดเราเองมาจากที่อื่นเห็นและประสบกับตัวเองเลยว่า ปู่หนูนี่มีอะไรที่พิเศษกว่าท่านอื่นๆ เท่าที่เคยประสบคือเรื่องการให้เลข ที่คนมาขอเพิงขอให้ท่านบอกหวย คนที่ถูกเลขเพราะปู่หนูนี่เยอะมาก พูดจาปากต่อปากข้ามจังหวัด ก็เลยมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะเพราะอย่างนี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ หรือเพราะที่ท่านไปโผดผายช่วยเหลือทั้งเรื่องแก้มนต์ดำ แก้ของที่มันเคยเข้าตัวเขา ทำพิธีนู้นนี่นั้นในการช่วยเขา แ้วลเขาเกิดความศรัทธาจึงมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะแยะมาก ทั้งรถคันนั้นก็ลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสซื้อถวายให้ เรื่องอดอยากไม่มีอะไรฉันเป็นไปไม่ได้หรอก
เห็นนักข่าวตัดต่อออกเอาเฉพาะให้เข้าใจว่าสั่งทางไลน์ เห็นแล้วทำให้คนเข้าใจผิดนะ จะบาปไม่บาปก็อยู่ที่ว่าจิตคิดยังไงจึงตัดเอาเฉพาะแค่นั้น
ต่อมาหลายปีก็คิดๆอยู่นะว่าเราจะเอาธัมบันลุบันดาลไหมนะ จะได้สัมผัสอะไรแปลกๆภายนอกได้เร็วๆ โดยไม่ต้องทำสมาธิถึงฌานแล้วทะลุอภิญญา
เพราะอภิญญาตาทิพย์หูทิพย์ก็ยังไม่มี ถ้าสวดธัมบันลุบันดาลแล้วจะได้สัมผัสเรื่องแปลกๆของคนอื่นโดยไม่ต้องมีอภิญญาเลยน่าสนนะ ก็คิดแบบนี้ในสมัยนั้น วิชาธรรมบันลุบรรดาลนี่มันมีผลทำให้มีความสามารถที่เหนือกว่าคนทั่วไป แต่ต้องสวดมนต์บันลุบันดาล
ลูกศิษย์ท่านบางคนได้แล้วก็สัมผัสอะไรภายนอกได้ ก็อัศจรรย์อยู่ว่ามันเริ่มรู้สิ่งแปลกๆภายนอกได้ยังไง คนนี้ๆเป็นคนยังไงมันจะสัมผัสได้ แต่ต่อมาห่างหายไปไม่ค่อยได้สวด ก็สัมผัสอะไรไม่ได้ อันนี้คือเขาเล่าให้ฟัง
มีหลายองค์นะลูกศิษย์ปู่หนูที่ได้วิชชาแล้ว สามารถทำนู้นนี่นั่นได้ ทั้งตั้งศาลพระภูมิ แก้มนต์ดำ แก้คุณไสย์ ตรวจกรรม ปลุกเสกของขลังให้มีอำนาจ เรื่องของขลังถ้ามีไว้กันพวกผีก็ไม่เสียหายนะ หลวงปู่มั่นท่านก็เมตตาอนุโลมทำให้ฆราวาสคนหนึ่งที่มาขอท่าน หวลงปู่ดูล อตุโล ท่านก็เมตตาไปปลุกเสกของขลังให้นะ ถ้ามองเรื่องปลุกเสกดีๆรู้ไหมว่าทางพระคิดยังไงแต่ก็คงไม่ทุกองค์ มันเป็นเรื่องธรรมดาๆไปแล้วนะเพราะปลุกเสกวัตถุมงคลมันคืออัดพลังจิตปะจุลงในนั้น ทำให้มีอานุภาพในทางต่างๆแล้วแต่จะใช้ลักษณะจิตแบบไหนทำ ยันต์หลวงปู่มั่นคนลองนำไปทดสอบก็ยิงปืนไม่ได้เลย ลองหาอ่านดู
มีป้านักปฏิบัติธรรมคนหนึ่งที่ชอบโดนผีมาก่อกวน พอเขามีของขลังคือกริช แล้วผีก็กลัวไม่มาก่อกวนป้าแกอีกเลยเวลานอน เรื่องปลุกเสกนี่มีมาแต่สมัยโบราณแล้ว เช่นควยธนูนี่เป็นอะไรที่ใช้ในทางให้เป็นบาปก็ได้ แต่พระสงฆ์ท่านไม่ปลุกเสกไปในทางที่ไม่ดี ไม่ให้ผลร้ายต่อผู้มีของขลัง ต่อไปนี้อย่าติเตียนเพราะจะเป็นบาปกรรมหนัก เรียกว่าติเตียนพระอริยะเจ้า อ่านแล้วมองเป็นเรื่องเฉยๆ พระอริยะท่านก็มีนะที่ท่านปลุกเสกของขลัง เพื่อประโยชน์บางอย่าง เพราะโยมมาขอให้ท่านเมตตาทำให้ เช่นที่หลวงปู่มั่นภูริทัตโต เรื่องยันต์ องค์อื่นๆอีกเท่าที่รู้ แต่ไม่ขอพูด
สายปู่หนูนี่เป็นสายขาว สายแก้ สายช่วยคน ช่วยคนก็ได้บุญบารมีอีกแบบหนึ่งนะ เรียกว่าเมตตาทำสิ่งที่ดีต่อผู้อื่น
จะต่างจากอีกสายที่ใช้วิชาอาคมทำคุณไสย์ดำใส่คนในบางครั้งให้ได้รับความเดือนร้อน เช่นตะปู ใบมีดโกน ซากสัตว์ทำใส่ร่างกาย ปลุกควยธนูทำร้าย คือแค่ปลุกเสกควยธนูเฉยๆแต่ไม่ใช้ไปลำลายคนอื่นยังไม่บาป
แต่คนที่มีวิชาสายดำเขาไม่ได้ทำแต่สิ่งที่ไม่ดีเป็นบาปถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เรื่องดีเขาก็ทำ พวกเราอย่าไปจ้างให้ไปทำของใส่คนที่เราเกลียดไม่ชอบนะ เราบาป คนทำก็บาป คนถูกทำของใส่ก็เป็นทุกข์
ในบางครั้งคนถูกทำของใส่มาให้ลูกศิษย์ปู่หนูแก้ ถอดของออกจากกายสังขาร ก็มีเศษผมเศษตะปูอะไรออกมากับไข่ ฯลฯ ก็แปลกนะมันเข้าไปอยู่ในใข่นั่นได้ยังไง
แต่วิชาธัมบันลุบันดาลนี้ถ้าเรียนมีข้อห้ามด้วย ถ้าจะเรียนตั้งแต่งขันธ์ครูมีอะไรหลายอย่างเลย มีพาน มีดอกไม้ ธูปเทียน ฯลฯและอื่นๆอีกหลายอย่างกว่านี้ ข้อห้ามก็มีหลายข้อ
ถ้าทำผิดแล้วมันจะเป็นผลร้ายต่อตนด้วย หน้าจะดำค้ำสุขภาพไม่ดีทันตาเห็น ถ้าไม่แก้จะเป็นผลไม่ดีต่อร่างกายไปเรื่อยๆ เหมือนโดนมนต์ดำ วิธีการแก้รักษากายก็ยุ่งยาก สายขาวมีข้อห้ามทำ ส่วนเรื่องสายดำนี่ไม่รู้เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องสนใจ
แต่ก่อนศึกษาวิชาอาคมคาถามนต์ตรานะ คิดว่าจะเรียนไว้ป้องกันตัวถ้ามีภัยจากอมุษย์ภูตผีภายนอก ก็เริ่มศึกษาทดลองด้วยศีลที่บริสุทธิแล้วทดลองสวดคาถาพอสวดแล้วรู้มีพลังงานบางอย่างเกิดขึ้นภายในกายร้อนๆ แต่พอสวดอีกบทจะรู้สึกเย็นๆๆกาย มันก็แปลกดีนะ และเคยโดนผีอัมพูดไม่ได้ขยับไม่ได้ ก็สวดคาถาบทหนึ่งในใจก็ปรากฏว่าผีมันก็ไป ก็เลยมองว่ามันเป็นของดีอีกอย่างไว้ช่วยตนเอง เพราะไม่ได้อภิญญามีอิธิฤทธิ์
แต่สุดท้ายก็เลิกศึกษาเล่าเรียน
ส่วนเรื่องภายในใจปู่หนูนี่ท่านมีธรรมภายในใจคือท่านมีศีลภายในที่บริสุทธิ์นะ ถึงแม้สิ่งที่ท่านทำมันจะเป็นโลกะวัชชะชาวโลกติเตียน แต่การกระทำเหล่านั่นไม่ใช่เป็นการทำบาป เพราะท่านไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดโกหก ไม่ดื่มเหล้า แต่กินเอ็มร้อยฉันกาแฟอยู่ ก็ปกตินะและอื่นๆอีกที่เป็นศีลในกุศลกรรมบทสิบ ส่วนข้อจิตใจนี่ไม่รู้ว่าท่านทำได้บริสุทธิ์ไหมหรือไม่อย่างไร
เพราะถ้าถ้ายังไม่ใช่พระอนาคามีหรือพระอรหันต์ศีลทางจิตจะมีหลุดบ้างก็คงเป็นเรื่องธรรมดาของทุกคน มีโกรธขึ้นมา มีโลภะขึ้นมา ก็ต้องละทิ้ง ศีลทางจิตคือไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่ให้มีนิวรณ์ เพราะทุกคนถ้ายังจิตไม่ตั้งมั่นเป็นสมาธิตลอดเวลามันอาจมีโลภโกรธขึ้นมา เราต่างต้องสู้กับกิเลสของตนให้ชนะไม่ว่าจะเป็นพระหรือโยม
จะสมาทานหรือไม่สมาทานรักษาศีลแม้ไม่ได้สมาทานถือศีล แต่ถ้าทำผิดมันบาปทันทีนะ โกรธขึ้นมาก็บาปทีหนึ่ง น่าเบื่อกิเลสนะถ้าหนีเข้านิพพานมันง่ายคงไปหมดแล้ว
แต่บารมียังไม่เต็มก็ต้องสร้างบำเพ็ญให้เต็มต่อไป
เมตตาบารมียังไม่เต็มก็ต้องมั่นเจริญเมตตาบ่อยๆ น่าคิดนะคนเราไม่รู้ว่าตัวเองบารมีเต็มแล้วหรือยัง ขาดบารมีข้อไหนที่ยังไม่เต็ม ศีลบารมียังไม่เต็มก็ต้องบำเพ็ญอีก
ศีลภายในคือศีลทางกายและวาจาและทางใจที่เป็นวิบากให้ผลกับจิตเป็นกุศลโดยตรง
ที่ว่าเป็นวิบากให้กับจิตโดยตรงนี้ก็คือ คือถ้าทำก็มีวิบากคือสุคติภพ ถ้าผิดจะนำให้ไปเกิดในอบายภูมิ อันนี้เรียกว่าศีลภายใน ให้ลองไปดูในมรรคมีองค์ 8 ที่เป็นฝ่ายสัมมามรรค มันจะมีศีลเกี่ยวกับข้อประพฤติทางกายที่บริสุทธิ์ เรียกว่า ศีลบริสุทธิ์ทางกาย การไม่ฆ่าสัตว์ไม่ลักทรัพย์ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่ดื่มเหล้า เป็นต้น
ส่วนศีลบริสุทธิ์ทางวาจาก็คือ ไม่พูดเท็จพูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ ความจริงการพูดใส่ร้ายใส่ความการพูดว่าให้ใครในแบบจิตสัมปยุต ด้วยอกุศลเจตสิก มันผิดศีลทางวาจาทั้งนั้น
อันนี้ก็คือเป็นศีลทางวาจานะ อันนี้จะเป็นวิบากนำให้ไปเกิดในสุคติภูมิ แล้วเป็นฐานให้อบรมจิตขึ้นสู่สมาธิปัญญาต่อไปได้
และก็สุดท้ายเลยคือเป็นศีลทางจิตก็คือการไม่ให้บาปอกุศลเกิดขึ้นที่จิต ระวังป้องกันไม่ให้จิตเกิดบาปอกุศลขึ้น เช่นไม่ปรุงแต่งความโกรธ แล้วก็ไม่ปรุงแต่งความโลภ ไม่ปรุงแต่งกระแสจิตที่สัมปยุต วิหิงสาอกุศลคือเบียดเบียน ไม่ปรุงแต่งกระแสจิตที่สัมปยุตกามพยาบาท
แล้วก็ไม่ให้เกิดนิวรณ์ ไม่ให้เกิดอภิฌา ไม่ให้เกิดโทมัส เป็นต้น นี่ก็คือเป็นศีลจริงๆเรียกว่าเป็นศีลในองค์มรรค เป็นศีลแท้ที่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ท่านสอน
ให้ยึดตัวนี้เป็นหลัก
ส่วนศีลภายนอก เรียกว่าเป็นศีลที่บัญญัติเกี่ยวกับเรื่องเกี่ยวกับความเป็นอยู่ ความเป็นอยู่ของหมู่สงฆ์คณะสงฆ์ เพื่อให้มีความเรียบร้อยอยู่ด้วยกันด้วยความสงบสุข และให้ศาสนามีการดำรงไปต่อได้ด้วยดี ถ้าหากฆราวาสเห็นว่าไม่สมควรตำหนิติเตียนเรียกว่าโลกวัตชะ ทำผิดแล้วชาวโลกติเตียน
อย่างเช่น รับเงินในสมัยนี้ชาวบ้านเขาไม่ค่อยติเตียนพระแล้วเห็นเป็นเรื่องธรรมดาๆ แต่ไม่ทุกหมู่บ้านนะ ฉันอาหารในเวลาวิการณ์ พรากของเขียว ตัดไม้ดายหญ้า มีจีวรล่วงอรุณ พวกนี้ถ้าผิดมันไม่ได้เป็นวิบากกรรมที่ส่งให้ไปเกิดในอบายภูมิโดยตรง
เพราะอย่างนี้ฆราวาสที่เข้าวัดฟังธรรมกินข้าวเย็น ไปตัดไม้ทำฟืนตัดหญ้าตามทุงนา รับเงินเดือน จึงไม่มีวิบากนำไปเกิดในอบายภูมิ๔เพราะเหตุนี้ แต่พระนี่ถ้าคิดกังวลว่าไม่ควรแล้วไปทำ แล้วใจเกี่ยวเนื่องเป็นอกุศลอันนี้เป็นวิบากตายแล้วไปอบายภูิมิได้
ดังเช่นเรื่อง เอกปัตตะนาคราช ที่สมัยแต่ก่อนเป็นพระแล้วเผลอพรากของเขียวทำตระไครน้ำขาด แล้วไม่ได้ปลงอาบัติก่อนตายชะวะนะจิตยกอารมณ์เรื่องพรากตะไคร้น้ำขาดขึ้นมาสัมปยุตแล้วเศร้าหมอง ตายแล้วจึงไปเกิดเป็นนาคเดรัจฉาน ไม่ใช่นาคเทวดาที่บรรลุอริยะธรรมได้
----------------------------
เรื่องอธิกรณ์นะ ถ้ามีเรื่องอธิกรณ์เอาง่ายๆเลยสรุปเลยแล้วกันนะ ในการขับไล่ท่านเนี่ย ไม่รู้นะว่าพินิจพิจารณาจากดุลพินิจข้อไหน ถ้าเอาวินัยตรวจสอบจริงๆนะก็ให้พิจารณาใช้อธิกรณ์สมถะระงับ ระงับอธิกรณ์เรื่องนั้นๆที่เกิดขึ้นในหมู่สงฆ์ บอกกล่าวด้วยวาจาก่อน หรือส่งหนังสือแจ้งไปบอกก่อน ถึงเรื่องที่ทำว่าเป็นยังไงๆ
เช่นเรื่องพระรับเงินมีพระอาจารย์รูปหนึ่งสวดปาฏิโมกได้รู้วินัยมากบอกใช้ วิธีกลบไว้ด้วยหญ้า ฟังแล้วควรให้จัดหาโยมคนวัดเป็นคนรับแทน ถ้าหาได้นะ เวลาจะใช้ค่อยบอกโยม
กิจภายในหมู่สงฆ์มีหลายเรื่องมาก ทั้งการทำสังฆกรรม สวดปาฏิโมก ฯลฯ เกี่ยวกับบิณฑบาตก็มี ต้องนุ่งผ้าห่มผ้าให้พอดี ฉันอาหารในเวลาที่ควร ก็คือไม่เลยเที่ยง ทั้งที่แต่ก่อนในพระไตรปิฏกพระอุทายีฉันได้เช้า เที่ยง เย็น เลย
แต่ต่อมาพระพุทธเจ้าตัดมื้อเย็นออก และต่อมาก็ตัดมื้อเที่ยงออก ตอนนี้พระเลยได้ฉันแค่เวลาเช้าไปจนถึงก่อนเที่ยง
ข้อห้ามเยอะนะ ไม่รับเงิน ไม่ปล่อยให้ผ้าจีวรล่วงอรุณ ถ้าไม่ได้อยู่กับตัว ห้ามตัดหญ้าดายหญ้า ห้ามขุดดิน ห้ามขึ้นต้นไม้ถ้าไม่จำเป็น ห้ามก่อไฟ ห้ามอยู่กับผู้หญิงสองต่อสอง เป็นต้น
แล้วที่สำคัญก็คือห้ามเล่าเรียนคัมภีโลกายตนะ ก็คือเป็นคัมภีร์เกี่ยวกับศาสต์ทางโลก เป็นคัมภีร์ศาสตร์อื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับคำสอนที่เนื่องด้วยอบรมจิตให้เป็นศีลสมาธิปัญญา
พระพุทธเจ้าทรงปรับอาบัติเป็นทฺุกกฺฏหรือว่าทุกกฎ คำว่าทุกกฏฺไม่ได้หมายถึงทุกข้อนะ
แต่มันเป็นภาษาบาลีแปลว่าทำไม่ดีนะ
หนึ่งเลยก็คือรับซอง เงิน สิกขาบทข้อนี้เนี่ยก็เคยอ่านนะ หลวงพ่อฤาษีลิงดำนี่คิดว่าข้อนี้น่ะเป็นข้อที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ถอนออกได้ เพราะว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป อันนี้จริงๆอ่านมา ในเรื่องการรับเงินก็เห็นพระรูปหนึ่งรับนะรับสมัยพรรษา 1 บวชเสร็จ ในบ้านมีคนตายไปสวดอภิธรรม ซองเยอะมากๆ พอรับแล้วไม่ได้รับเอาไปทำเรื่องไม่ดีเลย
ก็เห็นมีแต่เอาไปทำประโยชน์นะ เติมเงินสมัครเน็ตฟังเทศณ์ อ่านธรรมะ อื่นๆอีก จนมาพิจารณาว่าถ้าพระรูปนี้ไม่รับเงินและมาสมัครเน็ตนี่จะรู้ธรรมะและส่งต่อยอดจนถึงได้อ่านคัมภีร์พระไตรปิฏกในแอพ etipitaka ใน play store ไหมนะ จะได้ฟังเทศณ์ไม่นะ และค้นหาข้อธรรมที่สงสัยไม่นะ ได้คำตอบว่า น่าจะยาก
คือถ้าบวชในวัดที่เคร่งวินัยข้อห้ามรับเงิน ก็คงไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ตมือถือและอาจจะไม่ได้เล่นโทรศัพท์เลย
ส่วนปู่หนูแต่ก่อนที่ไปวัดท่านก็ถวายซองให้ฝากกับศิษย์ไว้ก็เอาไปทำประโยชน์นะ ไม่ได้เอาไปทำเรื่องไม่ดี ถ้าพูดถึงเรื่องพระรับเงินมีหลายวัดนะมันจะยาวก็ไม่ขอพูดมาก
แต่คิดว่าการให้โยมรับแทนแล้วเวลาจะใช้ค่อยบอก มันยุงยากยุนะ มันไม่เหมือนรับไว้เองเวลาจะใช้ก็ใช้ได้เลย แต่ภายหลังก็จำเป็นต้องทำตามสิกขาบท
พระรูปนนี้เวลาใช้เงินก็มีแต่ทำประโยชน์ สร้างบุญ สร้างโรงพยาบาล ทำcdธรรมแจกตามที่ต่างๆหมดไปหลายหมื่นเลยนะ จะว่าบาปคงไม่ถูกเพราะจิตคนละดวงกับอกุศลจิต ไม่ใช่อกุศลจิตเจตสิก
สำหรับปู่หนูถ้าท่านใช้เงินก็คงจะเป็นในการทำประโยชน์สร้างบารมี เรื่องฆ่าสัตว์ไม่เคยเห็น เรืีองขโมยก็ยังไม่เคยเห็น คือศีล๕ไม่เคยเห็นท่านผิด ศีล8ก็เหมือนกัน ส่วนศีลข้ออื่นๆไม่รู้ไม่ได้อยู่กับท่านตลอด อันที่เป็นบาปท่านคงไม่ทำ
ท่านก็มีแต่ไปช่วยคนนะ ไปช่วยคนช่วยยังไงรู้ไหมเขานิมนต์ให้ไปทำพิธีนู่นนี่นั่นท่านก็ไป และก็ไปในธุระเกี่ยวกับธรรมของท่าน ก็ไม่อยากพูดมากนะ ทั้งเรื่องอสุภะพิจารณากายท่านก็บอกนะ เหมือนว่าท่านเอาทั้งธัมบันลุบันดาลและกรรมฐานธรรมในพระไตรปิฏก
ขอสรุปว่าปู่หนูอยู่สายขาว พระองค์ไหนโดนของหรือฆราวาสคนไหนโดนของผีเข้าเป็นต้นไปหาท่านได้ แต่ก่อนสมัยพุทธกาลก็มีนะพระถูกทำของใส่ถูกทำยาแฝดใส่ พระพุทธเจ้าก็ตรัสบอกวิธีแก้ว่าให้ไปเอาดินใต้ผานไถที่เขาไถดิน นำมากิน ก็ทำตามและก็หายจากเสน่ยาแฝดนั้น
และก็ตอนนี้ก็มีคนตำหนิติเตียนเรื่องนี่มาก ที่ว่าสื่อวิญญาณ อวดอุตริความจริงแล้วไม่ควรใช้คำว่าสื่อวิญญาณนะ รู้จักไหมคำว่าวิญญาณ วิญญาณในความหมายของพุทธศาสนาในจริงๆมันคือวิญญาณธาตุ ก็คือธาตุรู้ หรือว่าธรรมชาติที่รู้รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ ความหมายของวิญญาณในพุทธศาสนาแบบนี้
ส่วนความหมายที่คนเข้าใจกันอยู่ในทุกวันนี้ไม่ทุกคนนะ
"วิญญาณมันคือภาวะอย่างหนึ่งหรือว่าพลังงานอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นที่ออกจากร่างของคนตาย อันนี้ใช่ไหมที่เข้าใจกันว่าเป็นวิญญาณ แต่ในความหมายทางพุทธศาสนาเนี่ยเขาไม่ได้เรียกวิญญาณนะ
เขาเรียกว่าเปรต เปตะซึ่งแปลว่าผู้ละไปจากโลกนี้แล้ว
เรื่องอวดอุตริ ทำท่าที ร้อง หมุนตัว 70 กว่ารอบ ทำท่าทางต่างๆนั้น มันไม่ใช่อวดอุตริที่ไม่มีในตนตามพระวินัยปิฏกว่าไว้นะ
คนที่เคยถูกผีสิงร่าง หรือเทพลงประทับ หรือถูกผีอัมบังคับร่างกายไม่ได้จะพอเข้าใจว่ามันเป็นยังไง
ดวงธรรมประทับร่าง นั้นคือจิตของเทพเทวดาลงมาแทรกในร่างกายท่าน แทรกแบบครึ่ง จะทำให้รู้สึกตัวแต่บังคับร่างกายตัวเองไม่ได้ ถ้าแทรกแบบเต็มตัวเลยจะไม่รับรู้ว่าตัวเองทำอะไรจับจิตของเทพที่มาประทับไม่ได้เลย ความจริงท่านจะปิดไว้ไม่ให้จิตเทพภายนอกมาแทรกก็ได้มีวิธี แต่นี่ท่านเปิดไว้เพราะว่ามันมีประโยชน์บางอย่างในการทำพิธี เช่น เทพที่ฤทธิ์มากมาช่วยปลุกเสขวัตถุ นาคที่ฤทธิ์มากมาช่วยปลุกเสก เป็นต้น
ที่ว่าเรื่องดวงทำมาเข้าร่างประทับร่างหรือที่เข้าใจเป็นว่าวิญญาณมาเข้าร่างมันไม่ใช่
มันคือจิตเทพเทวดามาประทับแทรกเข้าร่างทำพิธีในขณะนั้น
ก่อนอื่นขออธิบายให้ฟังก่อนนะว่า มนุษย์เราทุกคนนะ ถ้าสมมุติว่าไม่ได้ปิดร่างไว้ ก็คือมันก็เหมือนเปิดหน้าต่างหรือช่องไว้ อะไรก็มาสิงได้ หรือมาประทับได้ แทรกเข้ามาในกายได้ ทั้งพวกคนที่ตายแล้ว ก็มาเข้าแทรกได้ หรือจะเป็นเทพ ก็สามารถมาแทรกได้
อย่างเช่น เช่นเวลาเรานอนหลับ แล้วเกิดความฝัน ฝันว่ามีใครมาบอกเลข 1 2 3 4 ให้อุบายไปซื้อเลข หรือ ฝันว่าพรุ่งนี้จะมีญาติมาหา ฝันว่ามีคนบอกว่าให้ระวังอันตรายที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เหล่านี้เป็นต้นนะ เป็นภาวะของจิตภายนอก ที่เข้ามาแทรกในกายส่วนศรีษะของเรา แล้วก็ปรุงแต่งปรุงแต่งไว้ใส่หัวแล้วพอเราตื่นขึ้นมา เรานึกระลึกถอยหลังไปตอนเมื่อคืนที่หลับนอนแล้วเราก็รับรู้ว่ามันเป็นภาวะความฝัน
เป็นการฝันว่า เลข 1234 เป็นต้น อันนี้ก็คือเป็นข้อมูลของสิ่งที่เข้ามาแทรกเขาทิ้งไว้ ไม่ใช่ความคิดปรุงแต่งของเราหรอก ถ้าไม่มีอะไรแทรกเลยเวลานอนแล้วฝันปรุงแต่งไปเองอันนี้ใช่อยู่
แล้วทีนี้เอาจริงๆแล้วมันก็ออก 1234 จริงๆ โดยที่เราเองก็ไม่ได้มีความรู้ความสามารถความพิเศษอะไรเลย แต่กับ ไปซื้อเลขแล้วถูก นี่ก็คือเป็นข้อมูลความคิดของผู้ที่เขามาแทรกแล้วปรุงแต่งไว้ในหัวของเรา
ส่วนถ้าเราไม่อยากให้มีอะไรมาเข้าแทรกร่างเราเข้าฝันเราหรือว่าเข้าสิงเรานะ ก็ต้องทำพิธีอุดไว้ก็คือไม่ให้อะไรเข้ามาแทรกร่างเราได้ก็คือว่าเมื่ออุดไว้มันเข้าไม่ได้แล้ว
ส่วนมากถ้าเป็นเทพที่ลงมาประทับเกี่ยวกับมนุษย์เนี่ย ก็ต้องเป็นเทพที่มีบุญสัมพันธ์กันหรือว่ามีบางอย่างสัมพันธ์ต่อกัน ถึงได้มามีส่วนเนื่องด้วยกันแบบนี้ เวลาเทวดามาแทรกเข้าร่างถ้าเข้้าแบบไม่เต็มจะเป็นภาวะกลางๆ เราจะรู้สึกถึงพลังของเขาว่าจิตระดับนี้เย็นเป็นฌานสว่างใส
จิตเราจะหลุดจากฐานเดิมบ้างแล้วและรับรู้ตัวพลังงานของเทพได้ว่าจิตเขามันเป็นยังไง มันเย็นๆ มันไม่เฉยๆเหมือนเรา
และก็เวลาที่ร่างกายเคลื่อนไหวมันมาจากเทพที่ทำการเคลื่อนไหวไม่ใช่เรา เวลาปากมันขยับพูดก็เช่นเดียวกัน
แต่ถ้าเข้าแทรกแบบเต็มเลยจะไม่รับรู้อะไรเลยว่าในขณะนั้นร่างกายเคลื่อนไหวอะไรพูดอะไรออกไปบ้าง ต่อเมื่อเขาออกจากร่างแล้วเรามานึกย้อนถอยหลังดูจึงรู้ แต่ก็มีแบบนึกๆยังไงก็จำไม่ได้เหมือนกัน
ขณะที่มีอะไรมาประทับน่ะมันจะแบ่งเป็น 2 ระดับนะ ก็คือถ้าสมมุติว่าท่านมาประทับแบบเข้าจนมิดชิดคือแทรกจิตของเราเข้าไปอยู่ในฐานเดิมเลย เราจะไม่สามารถรับรู้หรือจำอะไรได้เลยว่าในขณะนั้นน่ะเราเป็นยังไง มันจะจำอะไรไม่ได้เลย แต่ถ้าออกไปแล้วเนี่ย เรามานึกถอยหลังดูว่าเป็นยังไงยังไง
คิดอันนั้นอันนี้ไว้มันก็จะลงสู่หัวของเราเราถึงจะไปดูได้ว่าตอนนั้นน่ะท่านคิดอะไรทำอะไรอยู่ เรียกว่าแทรกแบบเต็ม
แต่ถ้าสมมุติว่ามาเข้าแทรกแบบกลางๆก็คือไม่แทรกมาก ก็จะอยู่กลางๆแบบนี้ คือในระดับที่สามารถที่จะให้เกิดการรับรู้กันได้นะคุยกันได้ระหว่างสองฝ่ายระหว่างฝ่ายผู้ที่ถูกประทับสิงแล้วก็ผู้ที่มาเข้าสิง ก็จะคุยกันได้
ส่วนมากที่ที่เรานอนกัน แล้วมีจิตอื่นมาแทรกเราได้ในเวลานอน จะเป็นการแทรกแบบ แบบไม่เต็ม หรือจะแทรกแบบมิดชิดเต็มก็ได้ อันนี้ก็คือเป็นการเข้าประทับแบบเต็ม ทำให้จิตเราถอยกลับไปอยู่ตรงที่ฐานๆเดิม ส่วนถ้าเป็นอีกแบบนึงก็จะสามารถจับจิตกันได้ แล้วก็รู้ตัวนะว่าทำอะไร เคลื่อนไหวยังไง พูดอะไร แต่ว่าบังคับไม่ได้ เหมือนอาการเหล่านั้นมันเป็นไปเองของมัน พูดออกไปเองของมัน โดยที่ไม่ใช่เราเป็นผู้ทำ เราก็อยู่เฉยๆ
อันนี้ก็อธิบายว่าเพราะว่าผู้ที่สิงอยู่นะเป็นตัวทำไม่ใช่เราทำ อันนี้ก็คือในสมัยก่อนน่ะ
หลังจากนั้นหลังจากนั้นผ่านไปก็ได้เริ่มมาศึกษาตำราทางพุทธศาสนา อ่านมากขึ้น ฟังเทศน์ ในวิธีปฏิบัติ ในการทำสมาธิ ในการทำวิปัสสนา เดินจงกรม แล้วก็การกำหนดสัญญาต่างๆ ทั้งอนิจจสัญญา อสุภสัญญา อาทีนวะสัญญา เยอะมาก ก็เลยอ่านพระสุตตันตปิฎก อ่านพระสุตตันตปิฎกจนมาถึงเล่มที่ 22 ก็สุดยอดมากเลยถือว่าเป็นคนมีบุญมากที่ได้อ่านคำสอนพระพุทธเจ้าได้มากขนาดนี้
แล้วจากนั้นน่ะก็มาอ่านพระวินัยปิฎก อ่านพระวินัยปิฎก อ่านมาหลายเล่มเหมือนกัน เหลือเล่มสุดท้ายที่ยังอ่านไม่จบ
ถ้าจบเล่มสุดท้ายนี้น่าจะรู้และครอบคลุมเยอะ ส่วนอภิธรรมนี่ อ่านไม่จบเลย เริ่มอ่านเล่มแรกไปแล้ว แต่ว่าอ่านไม่จบ ส่วนชาดกนี่ก็อ่านไม่จบ อ่านไม่จบเลย
ตอนนี้ก็เลยมาสรุปได้ว่าก็คือรู้ในวิธีการทำสมาธิแล้ว ในการน้อมจิตไปทำวิปัสสนา ที่จะขอเล่าให้ฟังก็คือ ถ้าเราทำจะมาทีละมันมันจะทำให้ใจเราสงบ อย่างเช่นนั้นรู้ลมหายใจเข้าออกมันจะรวมๆเข้ามารู้สึกรู้ตัวเข้ามาฐานจิตเดิมมากขึ้นๆเรื่อยๆ ตีวงแคบเข้ามาเรื่อยๆเข้ามาเรื่อยๆ รู้สึกตัวมากขึ้น แล้วทีนี้ต่อไปมันก็จะเกิดภาวะใจประณีตมากขึ้นนะครับ
มันจะเป็นปิติแล้วที่นี่มีอาการพองเหมือนว่าเราอ่ะตัวพองขยายใหญ่ อันนี้เขาเรียกว่าปิตินะครับผม แล้วก็การนั่งสมาธิแต่ละครั้งมันก็จะไม่เหมือนกันเนาะ นั่งข้างนั่งไปมันก็จะไปไปเรื่อยๆนะไปถึงฌานก็มี ถ้าเป็นขั้นชานี้จะมีความสุขมากนะเป็นมันจะเป็นเย็นๆแล้วก็เป็นกระแสความสุขที่แปลกๆไม่เคยพบเคยเห็นประมาณว่ามีสุขมากไม่ต้องกินข้าวซัก 3 วันก็ได้ถ้าอยู่กับสภาวะนี้
ครับส่วนการเจริญปัญญา ก็พิจารณาเกี่ยวกับร่างกาย หรือนามธรรม กายภายในกายภายนอก เห็นผู้หญิงสวยๆหรือชายหล่อๆเราก็มองไปถึงข้างในตับไตไส้พุงกระดูกกระเดี้ยวอะไรทำนองเนี้ยแล้วก็น้องไปว่ามันเป็นภาวะที่ไม่น่ายินดีไม่น่ารักใคร่ไม่น่าให้เกิดความกำหนัด
หรือว่าจะปรุงแต่งให้เกิดเป็นภาพทางใจว่าตัวเขาอ่ะมีพวกหนอนพวกแมลงวันน่ะพวกอะไรต่างๆแล้วไม่ให้เกิดความลุามลงเนี่ย อันนี้คืออสุภะนะครับที่ทำ แต่มันก็มีหลายหมวดนะครับที่เป็นอสุภอันนี้ก็คือพูดยังไม่หมด
การสำรวมอินทรีย์สำรวมตาหูจมูกลิ้นกายและก็ใจ ไม่ให้มันเกิดอกุศลทางใจไม่ให้มันเกิดบาปขึ้นมาเพราะว่าถ้าเราเกิดบาปขึ้นมาทางใจน่ะก็จะไปผิดศีลเกี่ยวกับทางจิตใจในองค์มรรคทันที ถ้ามีบาปทางใจแล้วเราต้องรีบละทิ้ง
การพูดจาเราก็ต้องระมัดระวัง พูดด้วยใจที่หวังดี อย่าพูดด้วยใจที่หวังร้าย จะปลอดภัย
เพราะลักษณะเจตสิกจะเป็นกุศลจิตถ้าเราพูดด้วยหวังดีนะมันคือวจีกรรมที่ประกอบำปด้วยเมตตา โดยเฉพาะบุคคลท่านที่มีศีลภายในองค์มรรค ถ้าเราไปด่า ด่าว่าไอ้ขอทานเนี่ยเหยียดหยามเลย ไอ้ขอทานไอ้รับเงินอย่างนี้ ต่อไปเนี่ยมันจะมีวิบากอย่างหนึ่ง
ถ้าเราไปด่าว่าให้พระปัจเจกแบบนี้ กรรมจะส่งไปนรกได้ และต้องกรรมจะจะทำให้เรากลายเป็นขอทาน 500 กว่าชาติ แต่ถ้าว่าให้ผู้ที่ได้ฌานมีอภิญญา๕ อาจไม่ตกนรก แต่ตองเกิดเป็นขอทาน500ชาติ
นึกขึ้นได้อย่างเช่นที่พระนางอะไรนะที่เป็นภิกษุณีนะครับ เป็นภิกษุณีอรหันต์นะครับแต่ว่าท่านเป็นคนหลังค่อมที่ท่านเป็นคนหลังค่อมก็เพราะว่ามีในสมัยหนูนานแล้วหลายชาติหลายภพหลายชาติเลย ท่านเห็นพระปัจเจกหลังค่อม แล้วท่านก็ทำอาการล้อเลียนทำท่าหลังค่อมล้อเลียนพระปัจเจก แล้วทีนี้ผลของการล้อเลียนนั้นน่ะ มันส่งผลให้ท่าน เป็นคนหลังค่อมอยู่ 500 ชาติ
หรืออย่างเช่น ที่พระพุทธเจ้านะ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้เลย พระองค์กับภิกษุ500รูปที่ต้องได้ฉันแต่ข้าวแดงตลอด1พรรษา เพราะกรรมที่แต่ก่อนหลายภพหลายชาติแล้ว ท่านกับภิกษุเหล่านี้เคยไปพูดกล่าวด้วยจิตที่ไม่ใช่กุศลจิตที่หวังดี ว่า"ท่านจงเคี้ยว จงกินแต่ข้าวแดง"
ถึงชาติที่ท่านตรัสรู้รู้ความจริงในสิ่งที่เป็นประโยชน์มากที่สุดที่มนุษย์ควรรู้ คือการดับรูปนาม หมดทุกข์เป็นบรมสุขเรียกว่านิพพาน เป็นสิ่งที่ประเสริฐมากที่สุด แต่ต้องเข้าถึงด้วยการบำเพ็ญบารมี10ปฏิบัติกรรมฐาน จนถึงอริยะเป็นจิตแบบพระอรหันต์ แม้จะเป็นพระหรือไม่ก็ตาม
รู้สึกสงสารนักประกาศข่าวช่องๆหนึ่งที่ทำพฤติกรรมเลียนแบบเช่นนั้น ต่อไปอย่าทำอีกจะดีต่อตนเอง และประทับใจที่นักประกาศข่าวคนนี้ที่พูดได้ดีมากและเป็นประโยชน์ต่อพุทธศานาด้วย
แต่ก็สงสารที่ไปเลียนแบบเช่นนั้นและคนคอมเม้นแนวเชิงลบแบบอกุศลอีกเยอะแยะเลย
ที่ทำพฤติกรรมแบบนั้นก็คงตำหนิคิดว่าไม่ควร ก็ถ้าเราแสดงความคิดเห็นด้วยใจที่เป็นกลางว่าท่านทำไม่ควร มันก็ไม่บาปนะ แต่ถ้าเราแสดงความคิดเห็นด้วยมุ่งให้เสียหายหรือทำลายมันจะทำให้บาป
ถ้าเราอยู่เฉยๆ ไม่แสดงความคิดเห็นว่าด้วยจิตที่เนื่องด้วยอกุศลจะเป็นการแสดงความคิดเห็นด้วยใจที่บริสุทธิ์
แต่นี่ไม่ระวังตัวเองเลย ถ้ามีข่าวแนวนี้ออกมาถ้าไม่ชอบอยู่เฉยๆยังจะดีกว่าไปคอมเม้นด่าพระ พระที่ใจบริสุทธิ์แต่ทำสิ่งที่ไม่เหมาะไม่สมควรก็มีนะในสมัยก่อน เช่นพระอรหันต์ไปแสดงธรรมให้นางภิกษุณีจนค่ำ แค่นี้ก็เป็นเรื่องมีมูลเหตุให้นำไปบอกพระพุทธเจ้าและก็บัญญัติสิกขาบทห้ามพระไปสอนธรรมภิกษุณีจนค่ำ ถ้าทำผิดปรับอาบัติปาจิตตีย์
คือแม้ว่าจะเป็นอรหันต์หรือพระปุถุชนไปสอนธรรมภิกษุณีจนค่ำ ก็ถูกปรับอาบัติ เนื่องด้วยเป็นสิ่งที่ไม่ควรเพราะไปคนเดียวแต่อยู่กับภิกษุณีซึ่งเป็นสตรี ท่านก็เลยปรับเป็นอาบัติไว้
และเรื่องไสยศาสตร์ที่พระมีวิชาอาคมไว้ป้องกันตัวมันก็เป็นเรื่องธรรมดาๆนะ มีไว้ก็ดีนะ เช่นคาถาต่อกระดูก คาถาหยุดเลือด คากันพวกผี คาถานี่มีเยอะนะ ถ้าเป็นแต่ก่อนมีนาคนะที่ใช้ฤทธิปะทะกันกับพระสาคตะ พระสาคตะนี่ได้อภิญญามีฤทธิ์ นาคนั่นก็บังหวนไฟออกมาใส่พระสาคตะจะเอาถึงตายเลยว่างั้น
ส่วนพระสาคตะก็ใช้ฤทธิบังหวนป้องกัน จนในที่สุดพระสาคตะก็ปราบนาคตัวนั้นที่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนได้ นาคนั้นก็ยอมสยบพ่ายแพ้ไป แต่ถ้าเป็นในสมัยนี้นาคที่ประสงค์ร้ายต่อพระก็มีนะ เช่นในสมัยหลวงปู่มั่นกับศิษย์อยู่ในป่า ก็มีพญานาคผู้ไม่เลื่อมใสในพระ มาปล่อยพิษลงในน้ำไว้ เพื่อว่าถ้าพระกลุ่มนี้มาใช้น้ำจะได้โดนพิษของตนได้รับความทุกข์ไปจะได้หนีไปอยู่ที่อื่น
แต่หลวงปู่มั่นท่านหยั่งทราบด้วยญาณจึงเรียกพญานาคตัวนั่นมาแล้วแสดงธรรมให้ฟัง แล้วบอกให้ไปถอนพิษออกจากแหล่งน้ำนั้น ก็ทำตามที่หลวงปู่มั่นบอก
แต่ถ้าเป็นหลวงปู่ตื้อนี่ท่านใช้วิชาอาคมกับพญานาคด้วยนะด้วยเหตุผลของท่านบางอย่างไปหาอ่านเอาเด้อ ถ้าเป็นพระเราไปอยู่ในป่าไม่มีฤทธิ์เลยไม่มีวิชชาอาคมเลย ถ้าโดนพวกอมนุษย์หรือนาคพวกที่ไม่ศรัทธาจะมาทำร้ายนี่เสร็จเลยนะ ถ้าเรียนไว้ป้องกันตัวนิดหน่อยก็ดีนะ
เวลาเห็นพระผิดวินัยภายนอกระดับเบาเช่น ปาจิฺตติยํง ทุกกฺฏ เห็นแล้วเฉยๆนะ เพราะสิกขาบทเล็กน้อย มีบ้างข้อที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ถอนออกไม่ต้องปฏิบัติได้ เมื่อสงฆ์พร้อมใจกันจำนงถอน อันนี้คือในครั้งสมัยพุทธกาลท่านอนุญาติไว้ แต่ทางพระอรหันต์มีพระมหากัสสปะ พระอุบาลี พระอานนท์ และพระอรหันต์องค์อื่นๆอีกทั้งหมดมีความเห็นไม่ตรงกันว่าสิกขาบทเล็กน้อยคือทุกกฏหรือปาจิตตีย์ข้อไหนที่พระพุทธองค์หมายถึง ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่า
มาเรื่องพระที่ศีลภายในบริสุทธิ์
ก็จะเรียกว่าศีลในองค์มรรค แต่ถ้าศีลขอบเขตที่เป็นภายนอก ไม่บริสุทธิ์ เช่นรับเงิน จีวรล่วงอรุน ฉันอาหารที่เป็นของเมื่อวาน ถึงวันเข้าพรรษาแต่ไม่ได้เข้า เป็นต้น อันนี้คือยกตัวอย่างนะ
ถ้าใจเห็นว่าเป็นธรรมจึงทำลงไป แม้ผิดภายนอกแต่ไม่มีวิบากนำไปอบาย แต่ถ้าในภายหลังใจมันเศร้าหมองเพราะเรื่องนี้แล้วตาย อันนี้ไป ดังนั้นอย่ากังวล ถ้าหาอ่านเกร็ดประวัติครูบาอาจารย์จะรู้ว่า บางองค์ท่านฉันเลยเที่ยงเพราะอนุเคราะห์ผีที่ตายแล้วก็มี ถ้าไม่รีบสงเคราะห์จะไม่ทัน
ถ้าใครดูข่าวแล้ว อย่าพูดเชิงให้ตัวเองเป็นบาปมีวิบากทีหลังเหมือนเขาเหล่านั้นนะ
คือย้ำอีกที ศีลที่เป็นวิบากแท้ปู่หนูไม่ได้ผิด ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม โกหก ดื่มสุรา ศีลวิบากแท้อันนี้ปู่ไม่ได้ผิด
แต่ศีลประเภทที่อยู่นอกเหนือจากการให้ผลทางจิตโดยตรง เช่น รับเงิน ตัดหญ้า อาบน้ำเอากายถูต้นไม้ ไม่ได้อยู่กับผ้าจีวรแล้วล่วงคืน เป็นต้น ผลของการทำอันนี้ผิดสิกขาบทก็ยังไม่ใช่วิบากนำไปสู่อบายโดยตรง ถ้าไม่กงวลเหมือนเอกปัตตะนาคราช
(ถ้าผิดศีล๕ และอกุศลกรรมบทสิบ)
อกุศลกรรมบทสิบมันก็คือฝ่ายมิจฉามรรคนั่นเอง
ในมรรคมีองค์แปดมันมี2ฝ่าย
1.ฝ่ายสัมมา
2.ฝ่ายมิจฉา
สายอวิชชาสังขารวิญญาณนามรูปอายะตนะผัสสะฯลฯ อุปทาน ~ฯลฯ คือฝ่ายมิจฉามรรคเป็นอกุศล
สายวิชชา~ฯลฯ คือฝ่ายสัมมามรรคเป็นกุศล
หลวงปู่หนูนี่ท่านรู้วาระจิตด้วยนะ
จึงสามารถหยั่งรู้ความคิดคนอื่นได้
และย้อนถอยไปดูเหตุการณ์อดีตของเราได้ อันนี้ประสบการณ์ตรง ท่านสามารถรู้ความคิดของคนอื่นได้เพราะมาจากธัมบันลุบันดาลหรือไม่ หรือเป็นเจโตปริญญาณอภิญญาก็ไม่ทราบ เพราะการรู้ความคิดคนอื่นได้ไม่ได้มีเฉพาะผู้ได้อภิญญาข้อเจโตปริญญาณเท่านั้นนะ มันมีอีกวิชชาหนึ่งในพระไตรปิฏกบอกไว้อยู่ ทำให้สามารถรู้ใจคนอื่นได้ โดยที่ไม่ใจเจโตปริญญาณ
ส่วนธรรมบรรลุบันดาลที่เป็นธรรมเก่าภาษาเก่าแก่
มันเป็นประโยชน์ในการใช้สร้างบารมีของท่าน ในการช่วยคนอื่น ที่ท่านทำก็มีเยอะนะ คนที่โดนมนต์ดำท่านก็แก้ออกให้ดำ แก้คุณไสย์ ฯลฯ ท่านอยู่ในสายขาวนะ ไม่ใข่สายดำที่ทำของใส่คน
ท่านก็พิจารณากายลงไตรลักษณ์นะตามที่ฟังท่านเทศณ์
ลูกศิษย์บางองค์ของท่านที่เรียนธัมบันลุบันดาลก็สามารถสวดได้และมีความรู้พิเศษสัมผัสรู้เรื่องเกี่ยวกับคนอื่นได้ แม้ไม่ได้อภิญญาข้อเจโตปริญญาณเลย หรือญาณที่ทำให้รู้เกี่ยวกับนิสัยคนอื่นเลย
บางองค์ก็สามารถรับรู้เกี่ยวกับตัวของคนๆหนึ่งได้โดยสัมผัสจากการต้องจับแขน ดังเช่นครูบากลิ้งลูกศิษย์หลวงปู่หนู
ปัจจุบันลาสิกขาไปแล้ว
แต่หลวงปู่หนูนี่ไม่ต้องจับก็รู้เรื่องเกี่ยวกับเราได้..
ปกติในเวลาที่เห็นองค์อื่นมีวิชาด้านอื่นด้วยก็เงียบๆ เช่นอ่านประวัติหลวงปูตื้อสมัยท่านบำเพ็ญเพียร ก็มีวิชาอาคมนะตามที่อ่าน การที่พระท่านไปทางอื่นด้วยก็คงมีเหตุผลของท่าน หรืออาจจะ เช่น อาจเป็นกรรมจัดสรรให้ต้องได้รู้และเรียนเกี่ยวกับธรรมบันลุบันดาน เช่น ไปกล่าวกับพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธะว่า ท่านจงเรียนมนต์แนวนี้ๆสวดมนต์แนวนี้ใน(แบบสัมปยุตประกอบพร้อมด้วยอกุศลจิตเจตสิก) เมื่อวิบากให้ผลจะทำให้ต้องได้เล่าเรียนมนต์แบบนี้สวดมนต์แบบนี้
(เทียบกับ เหมือนในพระสูตรที่ว่า "แต่ก่อนพระองค์กับภิกษุ500รูปนี้ เคยไปพูดบอกแนวอกุศลจิตกับภิกษุสงฆ์ที่มีพระอริยะอยู่ในนั้น "ท่านจงเคี้ยวจงกินแต่ข้าวแดง" ผลกรรมอันนั้นมาส่งผลในชาติที่เป็นพระพุทธะเจ้าแล้ว ทำให้ท่านกับภิกษุ500รูปได้ฉันแต่ข้าวแดงตลอด1พรรษา (ไม่ได้ฉันเนื้อฉันผักเลย)
ส่วนเรื่องดวงธรรมประทับ
มันเป็นสิ่งที่ชาวเทพเทวาไม่อยากให้มนุษย์รู้มากในเรื่องนี้ แต่จะพูดนิดหน่อย
ดวงธรรมคือ มีหลายรูปร่าง แต่เป็นพลังงานทิพย์เหมือนกัน ต่างกันที่ความละเอียด ดวงวงกลมสีสว่างจ้า ดวงวงกลมสีขาว สีอื่นๆเป็นต้น เหล่านี้คืออัตภาพทิพย์ของผู้อยู่ในสุคติภูมิที่เนรมิตให้อัตภาพเป็นเช่นนั้น สามารถเนรมิตให้เท่าปลายเข็มก็ได้ ดั่งในเวลาฟังธรรม เทวดาจะเนรมิตกายให้เล็กๆแล้วมีแสงรัสมีออกมาที่เห็นเป็นดวงสว่างๆนั่นแหละ
พญานาค เทวดา ก็เนรมิตแปลงกายได้เหมือนกัน แต่ไม่ลงร่างมนุษย์มั่วชัวนะ ยิ่งคนถือศีลปฏิบัติธรรม ลงประทับแล้วเบียดเบียนไม่ได้เลยเพราะจะโดนลงทัณฑ์ มนุษย์บางคนก็ถูกร่ายมนต์เปิดก่อนเพื่อให้เข้าประทับร่างได้ โดยที่ไม่ต้องรับขันธ์ เช่นเวลาเรานอนแล้วฝันว่ามีคนมาบอกให้ทำบุญให้หน่อย หรือ ฝันว่าซื้อเลขตัวนี้นะหนู หรือต่อไปให้ระมัดระวังตัวนะจะมีอันตราย เป็นต้น
แล้วพอตื่นขึ้นมานึกย้อนหลัง
ฝันว่าอะไรนะ ความจริงมันมีทั้งปรุงแต่งไปเอง และมีจิตภายนอกเข้ามาแทรกหัว
แล้วฝังเรื่องราวทิ้งไว้ พอตื่นขึ้นมานึกย้อนหลังไปดูเข้าใจว่าเป็นฝัน แต่ความจริงคือมันคือความรู้ของเทพที่ทิ้งไว้ในหัวก็มี
เรื่องที่เห็นว่าเป็นหลวงปู่เดินหมุนๆ70กว่ารอบนั่นคือจิตภายนอกเขามาประทับทำพิธี จะว่าท่านเป็นคนวนหมุน70กว่ารอบคงไม่ได้นะและเสียงที่ร้องออกมาด้วย คือเวลาเทพจีนลงประทับก็จะพูดภาษาจีน ถ้าเป็นเทพเก่าๆอินเดียก็จะพูดแบบที่แตกต่างกันออกไป
ก็คิดว่าท่านกำลังบำเพ็ญบารมีข้อให้คนอื่นได้มีทรัพย์ จัดสงเคราะห์เข้าในทะสะบารมีข้อ เมตตาช่วยคนให้มีทรัพย์ เป็นต้น
คนเราแต่ละคนเคยบำเพ็ญบารมีกันมาหมดทุกคน แต่เต็มแล้วหรือยังอันนี้รู้ได้ยากยุ เช่นให้เงินขอทาน เรียกว่าทานบารมี เช่น บริจากเลือด เรียกว่าทานอุปบารมี
ใครว่าปู่หนูมีธัมบันลุบันดาลไม่ใช่นะ
ในสมัยช่วงที่มีพระบวชใหม่ไปอยู่กับปู่หนูปู่หนูก็บอกให้ไปอยู่กุฏิแล้วบริกรรมพุทโธ ต่อมาพระองค์นั้นก็พุทโธๆ แล้วจนถึงภาวะลมหายใจไม่ปรากฏ แล้วตกใจ ต่อมาในที่สุดพระองค์นั้นก็ถึงภาวะไม่มีลมหายใจปรากฏ อันนี้คือพระองค์นั้นเล่าให้ฟัง ถ้านำมาตีความน่าจะเป็นสภาวะในฌาน
ถ้าใจบริสุทธิ์เป็นศีลอยู่ณภายใน คือรักษาจิตไม่ให้เกิดนิวรณ์๕ ครอบงำ
แล้วไปสงเคราะห์ช่วยผี
คือมีโยมเอาอาหารมาถวายท่านในเวลาที่ไม่ลงตัวเท่าไร แล้วท่านเมตตาฉันอาหารหารนั้นซึ่งเป็นเวลาเลยเที่ยงไปแล้ว ถ้าท่านไม่รีบสงเคราะห์ผีตัวนี้ จะไม่ทัน(ผีตัวนี้อาจจะไปเกิดใหม่เป็นสัตว์เดรัจฉาน )
แล้วท่านก็ฉันในเวลาเลยเที่ยงไปแล้ว
ต่อมาจนกลายเป็นเรื่องเกิดขึ้น
ลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ จึงนำไปเล่าให้ หลวงปู่ดู่พรหม ปัญโญ ฟัง
หลวงปู่ดู่ ก็ได้พูดประมาณว่า
"อย่าไปติเตียนหรือว่าให้ท่านเป็นคนไม่ดี เดี๋ยวจะเป็นบาปเป็นกรรม ท่านทำเพื่อสงเคราะห์ช่วนผี"
ถ้าอีกองค์คือ หลวงปู่เจี๊ยะ อันนี้ก็มีเรื่องประมาณว่าทำไม่เหมาะสม
พระก็นำไปเล่าให้หลวงตาพระมหาบัวฟัง
หลวงตาพระมหาบัวก็บอกว่า
"อย่าไปติเตียนท่านนะ มันจะเป็นบาปเป็นกรรม"
พูดถึงวิชาธัมบันลุบันดาล
มันก็มีประโยชน์ในทางช่วยคนอยู่นะ เช่น ถ้านักข่าวโดนมนต์ดำ โดนของ โดนจ้างให้ทำคุณไสย์ใส่ โดนทำเสน่ใส่ ก็ถอนได้แก้ได้ และอื่นๆอีก
ถ้าไปถามเรื่องแนวนี้กับพระในวัดองค์ที่ไม่มีการประพฤติปฏิบัติทางจิต อยู่แค่ศีล
มีแต่ฉันแล้วก็จำวัดนอนไม่เจริญสมาธิปัญญาขึ้นไป จะรู้นั้นรู้นี่ยาก ถ้าไม่มีผู้เล่าให้ฟัง
#สาธุ รวมมาให้อ่าน
การช่วยเหลือเป็นบุญ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
2 หลวงปู่มั่นท่านก็เมตตาอนุโลมทำให้ฆราวาสคนหนึ่งที่มาขอท่าน หวลงปู่ดูล อตุโล ท่านก็เมตตาไปปลุกเสกของขลังให้นะ ถ้ามองเรื่องปลุกเสกดีๆรู้ไหมว่าทางพระคิดยังไงแต่ก็คงไม่ทุกองค์ มันเป็นเรื่องธรรมดาๆไปแล้วนะเพราะปลุกเสกวัตถุมงคลมันคืออัดพลังจิตปะจุลงในนั้น ทำให้มีอานุภาพในทางต่างๆแล้วแต่จะใช้ลักษณะจิตแบบไหนทำ ยันต์หลวงปู่มั่นคนลองนำไปทดสอบก็ยิงปืนไม่ได้เลย ลองหาอ่านดู
มีป้านักปฏิบัติธรรมคนหนึ่งที่ชอบโดนผีมาก่อกวน พอเขามีของขลังคือกริช แล้วผีก็กลัวไม่มาก่อกวนป้าแกอีกเลยเวลานอน เรื่องปลุกเสกนี่มีมาแต่สมัยโบราณแล้ว เช่นควยธนูนี่เป็นอะไรที่ใช้ในทางให้เป็นบาปก็ได้ แต่พระสงฆ์ท่านไม่ปลุกเสกไปในทางที่ไม่ดี ไม่ให้ผลร้ายต่อผู้มีของขลัง ต่อไปนี้อย่าติเตียนเพราะจะเป็นบาปกรรมหนัก เรียกว่าติเตียนพระอริยะเจ้า อ่านแล้วมองเป็นเรื่องเฉยๆ พระอริยะท่านก็มีนะที่ท่านปลุกเสกของขลัง เพื่อประโยชน์บางอย่าง เพราะโยมมาขอให้ท่านเมตตาทำให้ เช่นที่หลวงปู่มั่นภูริทัตโต เรื่องยันต์ องค์อื่นๆอีกเท่าที่รู้ แต่ไม่ขอพูด
สายปู่หนูนี่เป็นสายขาว สายแก้ สายช่วยคน ช่วยคนก็ได้บุญบารมีอีกแบบหนึ่งนะ เรียกว่าเมตตาทำสิ่งที่ดีต่อผู้อื่น
จะต่างจากอีกสายที่ใช้วิชาอาคมทำคุณไสย์ดำใส่คนในบางครั้งให้ได้รับความเดือนร้อน เช่นตะปู ใบมีดโกน ซากสัตว์ทำใส่ร่างกาย ปลุกควยธนูทำร้าย คือแค่ปลุกเสกควยธนูเฉยๆแต่ไม่ใช้ไปลำลายคนอื่นยังไม่บาป
แต่คนที่มีวิชาสายดำเขาไม่ได้ทำแต่สิ่งที่ไม่ดีเป็นบาปถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เรื่องดีเขาก็ทำ พวกเราอย่าไปจ้างให้ไปทำของใส่คนที่เราเกลียดไม่ชอบนะ เราบาป คนทำก็บาป คนถูกทำของใส่ก็เป็นทุกข์
ในบางครั้งคนถูกทำของใส่มาให้ลูกศิษย์ปู่หนูแก้ ถอดของออกจากกายสังขาร ก็มีเศษผมเศษตะปูอะไรออกมากับไข่ ฯลฯ ก็แปลกนะมันเข้าไปอยู่ในใข่นั่นได้ยังไง
แต่วิชาธัมบันลุบันดาลนี้ถ้าเรียนมีข้อห้ามด้วย ถ้าจะเรียนตั้งแต่งขันธ์ครูมีอะไรหลายอย่างเลย มีพาน มีดอกไม้ ธูปเทียน ฯลฯและอื่นๆอีกหลายอย่างกว่านี้ ข้อห้ามก็มีหลายข้อ
ถ้าทำผิดแล้วมันจะเป็นผลร้ายต่อตนด้วย หน้าจะดำค้ำสุขภาพไม่ดีทันตาเห็น ถ้าไม่แก้จะเป็นผลไม่ดีต่อร่างกายไปเรื่อยๆ เหมือนโดนมนต์ดำ วิธีการแก้รักษากายก็ยุ่งยาก สายขาวมีข้อห้ามทำ ส่วนเรื่องสายดำนี่ไม่รู้เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องสนใจ
แต่ก่อนศึกษาวิชาอาคมคาถามนต์ตรานะ คิดว่าจะเรียนไว้ป้องกันตัวถ้ามีภัยจากอมุษย์ภูตผีภายนอก ก็เริ่มศึกษาทดลองด้วยศีลที่บริสุทธิแล้วทดลองสวดคาถาพอสวดแล้วรู้มีพลังงานบางอย่างเกิดขึ้นภายในกายร้อนๆ แต่พอสวดอีกบทจะรู้สึกเย็นๆๆกาย มันก็แปลกดีนะ และเคยโดนผีอัมพูดไม่ได้ขยับไม่ได้ ก็สวดคาถาบทหนึ่งในใจก็ปรากฏว่าผีมันก็ไป ก็เลยมองว่ามันเป็นของดีอีกอย่างไว้ช่วยตนเอง เพราะไม่ได้อภิญญามีอิธิฤทธิ์
แต่สุดท้ายก็เลิกศึกษาเล่าเรียน
ส่วนเรื่องภายในใจปู่หนูนี่ท่านมีธรรมภายในใจคือท่านมีศีลภายในที่บริสุทธิ์นะ ถึงแม้สิ่งที่ท่านทำมันจะเป็นโลกะวัชชะชาวโลกติเตียน แต่การกระทำเหล่านั่นไม่ใช่เป็นการทำบาป เพราะท่านไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดโกหก ไม่ดื่มเหล้า แต่กินเอ็มร้อยฉันกาแฟอยู่ ก็ปกตินะและอื่นๆอีกที่เป็นศีลในกุศลกรรมบทสิบ ส่วนข้อจิตใจนี่ไม่รู้ว่าท่านทำได้บริสุทธิ์ไหมหรือไม่อย่างไร
เพราะถ้าถ้ายังไม่ใช่พระอนาคามีหรือพระอรหันต์ศีลทางจิตจะมีหลุดบ้างก็คงเป็นเรื่องธรรมดาของทุกคน มีโกรธขึ้นมา มีโลภะขึ้นมา ก็ต้องละทิ้ง ศีลทางจิตคือไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่ให้มีนิวรณ์ เพราะทุกคนถ้ายังจิตไม่ตั้งมั่นเป็นสมาธิตลอดเวลามันอาจมีโลภโกรธขึ้นมา เราต่างต้องสู้กับกิเลสของตนให้ชนะไม่ว่าจะเป็นพระหรือโยม
จะสมาทานหรือไม่สมาทานรักษาศีลแม้ไม่ได้สมาทานถือศีล แต่ถ้าทำผิดมันบาปทันทีนะ โกรธขึ้นมาก็บาปทีหนึ่ง น่าเบื่อกิเลสนะถ้าหนีเข้านิพพานมันง่ายคงไปหมดแล้ว
แต่บารมียังไม่เต็มก็ต้องสร้างบำเพ็ญให้เต็มต่อไป
เมตตาบารมียังไม่เต็มก็ต้องมั่นเจริญเมตตาบ่อยๆ น่าคิดนะคนเราไม่รู้ว่าตัวเองบารมีเต็มแล้วหรือยัง ขาดบารมีข้อไหนที่ยังไม่เต็ม ศีลบารมียังไม่เต็มก็ต้องบำเพ็ญอีก
ศีลภายในคือศีลทางกายและวาจาและทางใจที่เป็นวิบากให้ผลกับจิตเป็นกุศลโดยตรง
ที่ว่าเป็นวิบากให้กับจิตโดยตรงนี้ก็คือ คือถ้าทำก็มีวิบากคือสุคติภพ ถ้าผิดจะนำให้ไปเกิดในอบายภูมิ อันนี้เรียกว่าศีลภายใน ให้ลองไปดูในมรรคมีองค์ 8 ที่เป็นฝ่ายสัมมามรรค มันจะมีศีลเกี่ยวกับข้อประพฤติทางกายที่บริสุทธิ์ เรียกว่า ศีลบริสุทธิ์ทางกาย การไม่ฆ่าสัตว์ไม่ลักทรัพย์ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่ดื่มเหล้า เป็นต้น
ส่วนศีลบริสุทธิ์ทางวาจาก็คือ ไม่พูดเท็จพูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ ความจริงการพูดใส่ร้ายใส่ความการพูดว่าให้ใครในแบบจิตสัมปยุต ด้วยอกุศลเจตสิก มันผิดศีลทางวาจาทั้งนั้น
อันนี้ก็คือเป็นศีลทางวาจานะ อันนี้จะเป็นวิบากนำให้ไปเกิดในสุคติภูมิ แล้วเป็นฐานให้อบรมจิตขึ้นสู่สมาธิปัญญาต่อไปได้
และก็สุดท้ายเลยคือเป็นศีลทางจิตก็คือการไม่ให้บาปอกุศลเกิดขึ้นที่จิต ระวังป้องกันไม่ให้จิตเกิดบาปอกุศลขึ้น เช่นไม่ปรุงแต่งความโกรธ แล้วก็ไม่ปรุงแต่งความโลภ ไม่ปรุงแต่งกระแสจิตที่สัมปยุต วิหิงสาอกุศลคือเบียดเบียน ไม่ปรุงแต่งกระแสจิตที่สัมปยุตกามพยาบาท
แล้วก็ไม่ให้เกิดนิวรณ์ ไม่ให้เกิดอภิฌา ไม่ให้เกิดโทมัส เป็นต้น นี่ก็คือเป็นศีลจริงๆเรียกว่าเป็นศีลในองค์มรรค เป็นศีลแท้ที่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ท่านสอน
ให้ยึดตัวนี้เป็นหลัก
ส่วนศีลภายนอก เรียกว่าเป็นศีลที่บัญญัติเกี่ยวกับเรื่องเกี่ยวกับความเป็นอยู่ ความเป็นอยู่ของหมู่สงฆ์คณะสงฆ์ เพื่อให้มีความเรียบร้อยอยู่ด้วยกันด้วยความสงบสุข และให้ศาสนามีการดำรงไปต่อได้ด้วยดี ถ้าหากฆราวาสเห็นว่าไม่สมควรตำหนิติเตียนเรียกว่าโลกวัตชะ ทำผิดแล้วชาวโลกติเตียน
อย่างเช่น รับเงินในสมัยนี้ชาวบ้านเขาไม่ค่อยติเตียนพระแล้วเห็นเป็นเรื่องธรรมดาๆ แต่ไม่ทุกหมู่บ้านนะ ฉันอาหารในเวลาวิการณ์ พรากของเขียว ตัดไม้ดายหญ้า มีจีวรล่วงอรุณ พวกนี้ถ้าผิดมันไม่ได้เป็นวิบากกรรมที่ส่งให้ไปเกิดในอบายภูมิโดยตรง
เพราะอย่างนี้ฆราวาสที่เข้าวัดฟังธรรมกินข้าวเย็น ไปตัดไม้ทำฟืนตัดหญ้าตามทุงนา รับเงินเดือน จึงไม่มีวิบากนำไปเกิดในอบายภูมิ๔เพราะเหตุนี้ แต่พระนี่ถ้าคิดกังวลว่าไม่ควรแล้วไปทำ แล้วใจเกี่ยวเนื่องเป็นอกุศลอันนี้เป็นวิบากตายแล้วไปอบายภูิมิได้
ดังเช่นเรื่อง เอกปัตตะนาคราช ที่สมัยแต่ก่อนเป็นพระแล้วเผลอพรากของเขียวทำตระไครน้ำขาด แล้วไม่ได้ปลงอาบัติก่อนตายชะวะนะจิตยกอารมณ์เรื่องพรากตะไคร้น้ำขาดขึ้นมาสัมปยุตแล้วเศร้าหมอง ตายแล้วจึงไปเกิดเป็นนาคเดรัจฉาน ไม่ใช่นาคเทวดาที่บรรลุอริยะธรรมได้
----------------------------
เรื่องอธิกรณ์นะ ถ้ามีเรื่องอธิกรณ์เอาง่ายๆเลยสรุปเลยแล้วกันนะ ในการขับไล่ท่านเนี่ย ไม่รู้นะว่าพินิจพิจารณาจากดุลพินิจข้อไหน ถ้าเอาวินัยตรวจสอบจริงๆนะก็ให้พิจารณาใช้อธิกรณ์สมถะระงับ ระงับอธิกรณ์เรื่องนั้นๆที่เกิดขึ้นในหมู่สงฆ์ บอกกล่าวด้วยวาจาก่อน หรือส่งหนังสือแจ้งไปบอกก่อน ถึงเรื่องที่ทำว่าเป็นยังไงๆ
เช่นเรื่องพระรับเงินมีพระอาจารย์รูปหนึ่งสวดปาฏิโมกได้รู้วินัยมากบอกใช้ วิธีกลบไว้ด้วยหญ้า ฟังแล้วควรให้จัดหาโยมคนวัดเป็นคนรับแทน ถ้าหาได้นะ เวลาจะใช้ค่อยบอกโยม
กิจภายในหมู่สงฆ์มีหลายเรื่องมาก ทั้งการทำสังฆกรรม สวดปาฏิโมก ฯลฯ เกี่ยวกับบิณฑบาตก็มี ต้องนุ่งผ้าห่มผ้าให้พอดี ฉันอาหารในเวลาที่ควร ก็คือไม่เลยเที่ยง ทั้งที่แต่ก่อนในพระไตรปิฏกพระอุทายีฉันได้เช้า เที่ยง เย็น เลย
แต่ต่อมาพระพุทธเจ้าตัดมื้อเย็นออก และต่อมาก็ตัดมื้อเที่ยงออก ตอนนี้พระเลยได้ฉันแค่เวลาเช้าไปจนถึงก่อนเที่ยง
ข้อห้ามเยอะนะ ไม่รับเงิน ไม่ปล่อยให้ผ้าจีวรล่วงอรุณ ถ้าไม่ได้อยู่กับตัว ห้ามตัดหญ้าดายหญ้า ห้ามขุดดิน ห้ามขึ้นต้นไม้ถ้าไม่จำเป็น ห้ามก่อไฟ ห้ามอยู่กับผู้หญิงสองต่อสอง เป็นต้น
แล้วที่สำคัญก็คือห้ามเล่าเรียนคัมภีโลกายตนะ ก็คือเป็นคัมภีร์เกี่ยวกับศาสต์ทางโลก เป็นคัมภีร์ศาสตร์อื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับคำสอนที่เนื่องด้วยอบรมจิตให้เป็นศีลสมาธิปัญญา
พระพุทธเจ้าทรงปรับอาบัติเป็นทฺุกกฺฏหรือว่าทุกกฎ คำว่าทุกกฏฺไม่ได้หมายถึงทุกข้อนะ
แต่มันเป็นภาษาบาลีแปลว่าทำไม่ดีนะ
หนึ่งเลยก็คือรับซอง เงิน สิกขาบทข้อนี้เนี่ยก็เคยอ่านนะ หลวงพ่อฤาษีลิงดำนี่คิดว่าข้อนี้น่ะเป็นข้อที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ถอนออกได้ เพราะว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป อันนี้จริงๆอ่านมา ในเรื่องการรับเงินก็เห็นพระรูปหนึ่งรับนะรับสมัยพรรษา 1 บวชเสร็จ ในบ้านมีคนตายไปสวดอภิธรรม ซองเยอะมากๆ พอรับแล้วไม่ได้รับเอาไปทำเรื่องไม่ดีเลย
ก็เห็นมีแต่เอาไปทำประโยชน์นะ เติมเงินสมัครเน็ตฟังเทศณ์ อ่านธรรมะ อื่นๆอีก จนมาพิจารณาว่าถ้าพระรูปนี้ไม่รับเงินและมาสมัครเน็ตนี่จะรู้ธรรมะและส่งต่อยอดจนถึงได้อ่านคัมภีร์พระไตรปิฏกในแอพ etipitaka ใน play store ไหมนะ จะได้ฟังเทศณ์ไม่นะ และค้นหาข้อธรรมที่สงสัยไม่นะ ได้คำตอบว่า น่าจะยาก
คือถ้าบวชในวัดที่เคร่งวินัยข้อห้ามรับเงิน ก็คงไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ตมือถือและอาจจะไม่ได้เล่นโทรศัพท์เลย
ส่วนปู่หนูแต่ก่อนที่ไปวัดท่านก็ถวายซองให้ฝากกับศิษย์ไว้ก็เอาไปทำประโยชน์นะ ไม่ได้เอาไปทำเรื่องไม่ดี ถ้าพูดถึงเรื่องพระรับเงินมีหลายวัดนะมันจะยาวก็ไม่ขอพูดมาก
แต่คิดว่าการให้โยมรับแทนแล้วเวลาจะใช้ค่อยบอก มันยุงยากยุนะ มันไม่เหมือนรับไว้เองเวลาจะใช้ก็ใช้ได้เลย แต่ภายหลังก็จำเป็นต้องทำตามสิกขาบท
พระรูปนนี้เวลาใช้เงินก็มีแต่ทำประโยชน์ สร้างบุญ สร้างโรงพยาบาล ทำcdธรรมแจกตามที่ต่างๆหมดไปหลายหมื่นเลยนะ จะว่าบาปคงไม่ถูกเพราะจิตคนละดวงกับอกุศลจิต ไม่ใช่อกุศลจิตเจตสิก
สำหรับปู่หนูถ้าท่านใช้เงินก็คงจะเป็นในการทำประโยชน์สร้างบารมี เรื่องฆ่าสัตว์ไม่เคยเห็น เรืีองขโมยก็ยังไม่เคยเห็น คือศีล๕ไม่เคยเห็นท่านผิด ศีล8ก็เหมือนกัน ส่วนศีลข้ออื่นๆไม่รู้ไม่ได้อยู่กับท่านตลอด อันที่เป็นบาปท่านคงไม่ทำ
ท่านก็มีแต่ไปช่วยคนนะ ไปช่วยคนช่วยยังไงรู้ไหมเขานิมนต์ให้ไปทำพิธีนู่นนี่นั่นท่านก็ไป และก็ไปในธุระเกี่ยวกับธรรมของท่าน ก็ไม่อยากพูดมากนะ ทั้งเรื่องอสุภะพิจารณากายท่านก็บอกนะ เหมือนว่าท่านเอาทั้งธัมบันลุบันดาลและกรรมฐานธรรมในพระไตรปิฏก
ขอสรุปว่าปู่หนูอยู่สายขาว พระองค์ไหนโดนของหรือฆราวาสคนไหนโดนของผีเข้าเป็นต้นไปหาท่านได้ แต่ก่อนสมัยพุทธกาลก็มีนะพระถูกทำของใส่ถูกทำยาแฝดใส่ พระพุทธเจ้าก็ตรัสบอกวิธีแก้ว่าให้ไปเอาดินใต้ผานไถที่เขาไถดิน นำมากิน ก็ทำตามและก็หายจากเสน่ยาแฝดนั้น
และก็ตอนนี้ก็มีคนตำหนิติเตียนเรื่องนี่มาก ที่ว่าสื่อวิญญาณ อวดอุตริความจริงแล้วไม่ควรใช้คำว่าสื่อวิญญาณนะ รู้จักไหมคำว่าวิญญาณ วิญญาณในความหมายของพุทธศาสนาในจริงๆมันคือวิญญาณธาตุ ก็คือธาตุรู้ หรือว่าธรรมชาติที่รู้รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ ความหมายของวิญญาณในพุทธศาสนาแบบนี้
ส่วนความหมายที่คนเข้าใจกันอยู่ในทุกวันนี้ไม่ทุกคนนะ
"วิญญาณมันคือภาวะอย่างหนึ่งหรือว่าพลังงานอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นที่ออกจากร่างของคนตาย อันนี้ใช่ไหมที่เข้าใจกันว่าเป็นวิญญาณ แต่ในความหมายทางพุทธศาสนาเนี่ยเขาไม่ได้เรียกวิญญาณนะ
เขาเรียกว่าเปรต เปตะซึ่งแปลว่าผู้ละไปจากโลกนี้แล้ว
เรื่องอวดอุตริ ทำท่าที ร้อง หมุนตัว 70 กว่ารอบ ทำท่าทางต่างๆนั้น มันไม่ใช่อวดอุตริที่ไม่มีในตนตามพระวินัยปิฏกว่าไว้นะ
คนที่เคยถูกผีสิงร่าง หรือเทพลงประทับ หรือถูกผีอัมบังคับร่างกายไม่ได้จะพอเข้าใจว่ามันเป็นยังไง
ดวงธรรมประทับร่าง นั้นคือจิตของเทพเทวดาลงมาแทรกในร่างกายท่าน แทรกแบบครึ่ง จะทำให้รู้สึกตัวแต่บังคับร่างกายตัวเองไม่ได้ ถ้าแทรกแบบเต็มตัวเลยจะไม่รับรู้ว่าตัวเองทำอะไรจับจิตของเทพที่มาประทับไม่ได้เลย ความจริงท่านจะปิดไว้ไม่ให้จิตเทพภายนอกมาแทรกก็ได้มีวิธี แต่นี่ท่านเปิดไว้เพราะว่ามันมีประโยชน์บางอย่างในการทำพิธี เช่น เทพที่ฤทธิ์มากมาช่วยปลุกเสขวัตถุ นาคที่ฤทธิ์มากมาช่วยปลุกเสก เป็นต้น
ที่ว่าเรื่องดวงทำมาเข้าร่างประทับร่างหรือที่เข้าใจเป็นว่าวิญญาณมาเข้าร่างมันไม่ใช่
มันคือจิตเทพเทวดามาประทับแทรกเข้าร่างทำพิธีในขณะนั้น
ก่อนอื่นขออธิบายให้ฟังก่อนนะว่า มนุษย์เราทุกคนนะ ถ้าสมมุติว่าไม่ได้ปิดร่างไว้ ก็คือมันก็เหมือนเปิดหน้าต่างหรือช่องไว้ อะไรก็มาสิงได้ หรือมาประทับได้ แทรกเข้ามาในกายได้ ทั้งพวกคนที่ตายแล้ว ก็มาเข้าแทรกได้ หรือจะเป็นเทพ ก็สามารถมาแทรกได้
อย่างเช่น เช่นเวลาเรานอนหลับ แล้วเกิดความฝัน ฝันว่ามีใครมาบอกเลข 1 2 3 4 ให้อุบายไปซื้อเลข หรือ ฝันว่าพรุ่งนี้จะมีญาติมาหา ฝันว่ามีคนบอกว่าให้ระวังอันตรายที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เหล่านี้เป็นต้นนะ เป็นภาวะของจิตภายนอก ที่เข้ามาแทรกในกายส่วนศรีษะของเรา แล้วก็ปรุงแต่งปรุงแต่งไว้ใส่หัวแล้วพอเราตื่นขึ้นมา เรานึกระลึกถอยหลังไปตอนเมื่อคืนที่หลับนอนแล้วเราก็รับรู้ว่ามันเป็นภาวะความฝัน
เป็นการฝันว่า เลข 1234 เป็นต้น อันนี้ก็คือเป็นข้อมูลของสิ่งที่เข้ามาแทรกเขาทิ้งไว้ ไม่ใช่ความคิดปรุงแต่งของเราหรอก ถ้าไม่มีอะไรแทรกเลยเวลานอนแล้วฝันปรุงแต่งไปเองอันนี้ใช่อยู่
แล้วทีนี้เอาจริงๆแล้วมันก็ออก 1234 จริงๆ โดยที่เราเองก็ไม่ได้มีความรู้ความสามารถความพิเศษอะไรเลย แต่กับ ไปซื้อเลขแล้วถูก นี่ก็คือเป็นข้อมูลความคิดของผู้ที่เขามาแทรกแล้วปรุงแต่งไว้ในหัวของเรา
ส่วนถ้าเราไม่อยากให้มีอะไรมาเข้าแทรกร่างเราเข้าฝันเราหรือว่าเข้าสิงเรานะ ก็ต้องทำพิธีอุดไว้ก็คือไม่ให้อะไรเข้ามาแทรกร่างเราได้ก็คือว่าเมื่ออุดไว้มันเข้าไม่ได้แล้ว
ส่วนมากถ้าเป็นเทพที่ลงมาประทับเกี่ยวกับมนุษย์เนี่ย ก็ต้องเป็นเทพที่มีบุญสัมพันธ์กันหรือว่ามีบางอย่างสัมพันธ์ต่อกัน ถึงได้มามีส่วนเนื่องด้วยกันแบบนี้ เวลาเทวดามาแทรกเข้าร่างถ้าเข้้าแบบไม่เต็มจะเป็นภาวะกลางๆ เราจะรู้สึกถึงพลังของเขาว่าจิตระดับนี้เย็นเป็นฌานสว่างใส
จิตเราจะหลุดจากฐานเดิมบ้างแล้วและรับรู้ตัวพลังงานของเทพได้ว่าจิตเขามันเป็นยังไง มันเย็นๆ มันไม่เฉยๆเหมือนเรา
และก็เวลาที่ร่างกายเคลื่อนไหวมันมาจากเทพที่ทำการเคลื่อนไหวไม่ใช่เรา เวลาปากมันขยับพูดก็เช่นเดียวกัน
แต่ถ้าเข้าแทรกแบบเต็มเลยจะไม่รับรู้อะไรเลยว่าในขณะนั้นร่างกายเคลื่อนไหวอะไรพูดอะไรออกไปบ้าง ต่อเมื่อเขาออกจากร่างแล้วเรามานึกย้อนถอยหลังดูจึงรู้ แต่ก็มีแบบนึกๆยังไงก็จำไม่ได้เหมือนกัน
ขณะที่มีอะไรมาประทับน่ะมันจะแบ่งเป็น 2 ระดับนะ ก็คือถ้าสมมุติว่าท่านมาประทับแบบเข้าจนมิดชิดคือแทรกจิตของเราเข้าไปอยู่ในฐานเดิมเลย เราจะไม่สามารถรับรู้หรือจำอะไรได้เลยว่าในขณะนั้นน่ะเราเป็นยังไง มันจะจำอะไรไม่ได้เลย แต่ถ้าออกไปแล้วเนี่ย เรามานึกถอยหลังดูว่าเป็นยังไงยังไง
คิดอันนั้นอันนี้ไว้มันก็จะลงสู่หัวของเราเราถึงจะไปดูได้ว่าตอนนั้นน่ะท่านคิดอะไรทำอะไรอยู่ เรียกว่าแทรกแบบเต็ม
แต่ถ้าสมมุติว่ามาเข้าแทรกแบบกลางๆก็คือไม่แทรกมาก ก็จะอยู่กลางๆแบบนี้ คือในระดับที่สามารถที่จะให้เกิดการรับรู้กันได้นะคุยกันได้ระหว่างสองฝ่ายระหว่างฝ่ายผู้ที่ถูกประทับสิงแล้วก็ผู้ที่มาเข้าสิง ก็จะคุยกันได้
ส่วนมากที่ที่เรานอนกัน แล้วมีจิตอื่นมาแทรกเราได้ในเวลานอน จะเป็นการแทรกแบบ แบบไม่เต็ม หรือจะแทรกแบบมิดชิดเต็มก็ได้ อันนี้ก็คือเป็นการเข้าประทับแบบเต็ม ทำให้จิตเราถอยกลับไปอยู่ตรงที่ฐานๆเดิม ส่วนถ้าเป็นอีกแบบนึงก็จะสามารถจับจิตกันได้ แล้วก็รู้ตัวนะว่าทำอะไร เคลื่อนไหวยังไง พูดอะไร แต่ว่าบังคับไม่ได้ เหมือนอาการเหล่านั้นมันเป็นไปเองของมัน พูดออกไปเองของมัน โดยที่ไม่ใช่เราเป็นผู้ทำ เราก็อยู่เฉยๆ
อันนี้ก็อธิบายว่าเพราะว่าผู้ที่สิงอยู่นะเป็นตัวทำไม่ใช่เราทำ อันนี้ก็คือในสมัยก่อนน่ะ
หลังจากนั้นหลังจากนั้นผ่านไปก็ได้เริ่มมาศึกษาตำราทางพุทธศาสนา อ่านมากขึ้น ฟังเทศน์ ในวิธีปฏิบัติ ในการทำสมาธิ ในการทำวิปัสสนา เดินจงกรม แล้วก็การกำหนดสัญญาต่างๆ ทั้งอนิจจสัญญา อสุภสัญญา อาทีนวะสัญญา เยอะมาก ก็เลยอ่านพระสุตตันตปิฎก อ่านพระสุตตันตปิฎกจนมาถึงเล่มที่ 22 ก็สุดยอดมากเลยถือว่าเป็นคนมีบุญมากที่ได้อ่านคำสอนพระพุทธเจ้าได้มากขนาดนี้
แล้วจากนั้นน่ะก็มาอ่านพระวินัยปิฎก อ่านพระวินัยปิฎก อ่านมาหลายเล่มเหมือนกัน เหลือเล่มสุดท้ายที่ยังอ่านไม่จบ
ถ้าจบเล่มสุดท้ายนี้น่าจะรู้และครอบคลุมเยอะ ส่วนอภิธรรมนี่ อ่านไม่จบเลย เริ่มอ่านเล่มแรกไปแล้ว แต่ว่าอ่านไม่จบ ส่วนชาดกนี่ก็อ่านไม่จบ อ่านไม่จบเลย
ตอนนี้ก็เลยมาสรุปได้ว่าก็คือรู้ในวิธีการทำสมาธิแล้ว ในการน้อมจิตไปทำวิปัสสนา ที่จะขอเล่าให้ฟังก็คือ ถ้าเราทำจะมาทีละมันมันจะทำให้ใจเราสงบ อย่างเช่นนั้นรู้ลมหายใจเข้าออกมันจะรวมๆเข้ามารู้สึกรู้ตัวเข้ามาฐานจิตเดิมมากขึ้นๆเรื่อยๆ ตีวงแคบเข้ามาเรื่อยๆเข้ามาเรื่อยๆ รู้สึกตัวมากขึ้น แล้วทีนี้ต่อไปมันก็จะเกิดภาวะใจประณีตมากขึ้นนะครับ
มันจะเป็นปิติแล้วที่นี่มีอาการพองเหมือนว่าเราอ่ะตัวพองขยายใหญ่ อันนี้เขาเรียกว่าปิตินะครับผม แล้วก็การนั่งสมาธิแต่ละครั้งมันก็จะไม่เหมือนกันเนาะ นั่งข้างนั่งไปมันก็จะไปไปเรื่อยๆนะไปถึงฌานก็มี ถ้าเป็นขั้นชานี้จะมีความสุขมากนะเป็นมันจะเป็นเย็นๆแล้วก็เป็นกระแสความสุขที่แปลกๆไม่เคยพบเคยเห็นประมาณว่ามีสุขมากไม่ต้องกินข้าวซัก 3 วันก็ได้ถ้าอยู่กับสภาวะนี้
ครับส่วนการเจริญปัญญา ก็พิจารณาเกี่ยวกับร่างกาย หรือนามธรรม กายภายในกายภายนอก เห็นผู้หญิงสวยๆหรือชายหล่อๆเราก็มองไปถึงข้างในตับไตไส้พุงกระดูกกระเดี้ยวอะไรทำนองเนี้ยแล้วก็น้องไปว่ามันเป็นภาวะที่ไม่น่ายินดีไม่น่ารักใคร่ไม่น่าให้เกิดความกำหนัด
หรือว่าจะปรุงแต่งให้เกิดเป็นภาพทางใจว่าตัวเขาอ่ะมีพวกหนอนพวกแมลงวันน่ะพวกอะไรต่างๆแล้วไม่ให้เกิดความลุามลงเนี่ย อันนี้คืออสุภะนะครับที่ทำ แต่มันก็มีหลายหมวดนะครับที่เป็นอสุภอันนี้ก็คือพูดยังไม่หมด
การสำรวมอินทรีย์สำรวมตาหูจมูกลิ้นกายและก็ใจ ไม่ให้มันเกิดอกุศลทางใจไม่ให้มันเกิดบาปขึ้นมาเพราะว่าถ้าเราเกิดบาปขึ้นมาทางใจน่ะก็จะไปผิดศีลเกี่ยวกับทางจิตใจในองค์มรรคทันที ถ้ามีบาปทางใจแล้วเราต้องรีบละทิ้ง
การพูดจาเราก็ต้องระมัดระวัง พูดด้วยใจที่หวังดี อย่าพูดด้วยใจที่หวังร้าย จะปลอดภัย
เพราะลักษณะเจตสิกจะเป็นกุศลจิตถ้าเราพูดด้วยหวังดีนะมันคือวจีกรรมที่ประกอบำปด้วยเมตตา โดยเฉพาะบุคคลท่านที่มีศีลภายในองค์มรรค ถ้าเราไปด่า ด่าว่าไอ้ขอทานเนี่ยเหยียดหยามเลย ไอ้ขอทานไอ้รับเงินอย่างนี้ ต่อไปเนี่ยมันจะมีวิบากอย่างหนึ่ง
ถ้าเราไปด่าว่าให้พระปัจเจกแบบนี้ กรรมจะส่งไปนรกได้ และต้องกรรมจะจะทำให้เรากลายเป็นขอทาน 500 กว่าชาติ แต่ถ้าว่าให้ผู้ที่ได้ฌานมีอภิญญา๕ อาจไม่ตกนรก แต่ตองเกิดเป็นขอทาน500ชาติ
นึกขึ้นได้อย่างเช่นที่พระนางอะไรนะที่เป็นภิกษุณีนะครับ เป็นภิกษุณีอรหันต์นะครับแต่ว่าท่านเป็นคนหลังค่อมที่ท่านเป็นคนหลังค่อมก็เพราะว่ามีในสมัยหนูนานแล้วหลายชาติหลายภพหลายชาติเลย ท่านเห็นพระปัจเจกหลังค่อม แล้วท่านก็ทำอาการล้อเลียนทำท่าหลังค่อมล้อเลียนพระปัจเจก แล้วทีนี้ผลของการล้อเลียนนั้นน่ะ มันส่งผลให้ท่าน เป็นคนหลังค่อมอยู่ 500 ชาติ
หรืออย่างเช่น ที่พระพุทธเจ้านะ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้เลย พระองค์กับภิกษุ500รูปที่ต้องได้ฉันแต่ข้าวแดงตลอด1พรรษา เพราะกรรมที่แต่ก่อนหลายภพหลายชาติแล้ว ท่านกับภิกษุเหล่านี้เคยไปพูดกล่าวด้วยจิตที่ไม่ใช่กุศลจิตที่หวังดี ว่า"ท่านจงเคี้ยว จงกินแต่ข้าวแดง"
ถึงชาติที่ท่านตรัสรู้รู้ความจริงในสิ่งที่เป็นประโยชน์มากที่สุดที่มนุษย์ควรรู้ คือการดับรูปนาม หมดทุกข์เป็นบรมสุขเรียกว่านิพพาน เป็นสิ่งที่ประเสริฐมากที่สุด แต่ต้องเข้าถึงด้วยการบำเพ็ญบารมี10ปฏิบัติกรรมฐาน จนถึงอริยะเป็นจิตแบบพระอรหันต์ แม้จะเป็นพระหรือไม่ก็ตาม
รู้สึกสงสารนักประกาศข่าวช่องๆหนึ่งที่ทำพฤติกรรมเลียนแบบเช่นนั้น ต่อไปอย่าทำอีกจะดีต่อตนเอง และประทับใจที่นักประกาศข่าวคนนี้ที่พูดได้ดีมากและเป็นประโยชน์ต่อพุทธศานาด้วย
แต่ก็สงสารที่ไปเลียนแบบเช่นนั้นและคนคอมเม้นแนวเชิงลบแบบอกุศลอีกเยอะแยะเลย
ที่ทำพฤติกรรมแบบนั้นก็คงตำหนิคิดว่าไม่ควร ก็ถ้าเราแสดงความคิดเห็นด้วยใจที่เป็นกลางว่าท่านทำไม่ควร มันก็ไม่บาปนะ แต่ถ้าเราแสดงความคิดเห็นด้วยมุ่งให้เสียหายหรือทำลายมันจะทำให้บาป
ถ้าเราอยู่เฉยๆ ไม่แสดงความคิดเห็นว่าด้วยจิตที่เนื่องด้วยอกุศลจะเป็นการแสดงความคิดเห็นด้วยใจที่บริสุทธิ์
แต่นี่ไม่ระวังตัวเองเลย ถ้ามีข่าวแนวนี้ออกมาถ้าไม่ชอบอยู่เฉยๆยังจะดีกว่าไปคอมเม้นด่าพระ พระที่ใจบริสุทธิ์แต่ทำสิ่งที่ไม่เหมาะไม่สมควรก็มีนะในสมัยก่อน เช่นพระอรหันต์ไปแสดงธรรมให้นางภิกษุณีจนค่ำ แค่นี้ก็เป็นเรื่องมีมูลเหตุให้นำไปบอกพระพุทธเจ้าและก็บัญญัติสิกขาบทห้ามพระไปสอนธรรมภิกษุณีจนค่ำ ถ้าทำผิดปรับอาบัติปาจิตตีย์
คือแม้ว่าจะเป็นอรหันต์หรือพระปุถุชนไปสอนธรรมภิกษุณีจนค่ำ ก็ถูกปรับอาบัติ เนื่องด้วยเป็นสิ่งที่ไม่ควรเพราะไปคนเดียวแต่อยู่กับภิกษุณีซึ่งเป็นสตรี ท่านก็เลยปรับเป็นอาบัติไว้
และเรื่องไสยศาสตร์ที่พระมีวิชาอาคมไว้ป้องกันตัวมันก็เป็นเรื่องธรรมดาๆนะ มีไว้ก็ดีนะ เช่นคาถาต่อกระดูก คาถาหยุดเลือด คากันพวกผี คาถานี่มีเยอะนะ ถ้าเป็นแต่ก่อนมีนาคนะที่ใช้ฤทธิปะทะกันกับพระสาคตะ พระสาคตะนี่ได้อภิญญามีฤทธิ์ นาคนั่นก็บังหวนไฟออกมาใส่พระสาคตะจะเอาถึงตายเลยว่างั้น
ส่วนพระสาคตะก็ใช้ฤทธิบังหวนป้องกัน จนในที่สุดพระสาคตะก็ปราบนาคตัวนั้นที่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนได้ นาคนั้นก็ยอมสยบพ่ายแพ้ไป แต่ถ้าเป็นในสมัยนี้นาคที่ประสงค์ร้ายต่อพระก็มีนะ เช่นในสมัยหลวงปู่มั่นกับศิษย์อยู่ในป่า ก็มีพญานาคผู้ไม่เลื่อมใสในพระ มาปล่อยพิษลงในน้ำไว้ เพื่อว่าถ้าพระกลุ่มนี้มาใช้น้ำจะได้โดนพิษของตนได้รับความทุกข์ไปจะได้หนีไปอยู่ที่อื่น
แต่หลวงปู่มั่นท่านหยั่งทราบด้วยญาณจึงเรียกพญานาคตัวนั่นมาแล้วแสดงธรรมให้ฟัง แล้วบอกให้ไปถอนพิษออกจากแหล่งน้ำนั้น ก็ทำตามที่หลวงปู่มั่นบอก
แต่ถ้าเป็นหลวงปู่ตื้อนี่ท่านใช้วิชาอาคมกับพญานาคด้วยนะด้วยเหตุผลของท่านบางอย่างไปหาอ่านเอาเด้อ ถ้าเป็นพระเราไปอยู่ในป่าไม่มีฤทธิ์เลยไม่มีวิชชาอาคมเลย ถ้าโดนพวกอมนุษย์หรือนาคพวกที่ไม่ศรัทธาจะมาทำร้ายนี่เสร็จเลยนะ ถ้าเรียนไว้ป้องกันตัวนิดหน่อยก็ดีนะ
เวลาเห็นพระผิดวินัยภายนอกระดับเบาเช่น ปาจิฺตติยํง ทุกกฺฏ เห็นแล้วเฉยๆนะ เพราะสิกขาบทเล็กน้อย มีบ้างข้อที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ถอนออกไม่ต้องปฏิบัติได้ เมื่อสงฆ์พร้อมใจกันจำนงถอน อันนี้คือในครั้งสมัยพุทธกาลท่านอนุญาติไว้ แต่ทางพระอรหันต์มีพระมหากัสสปะ พระอุบาลี พระอานนท์ และพระอรหันต์องค์อื่นๆอีกทั้งหมดมีความเห็นไม่ตรงกันว่าสิกขาบทเล็กน้อยคือทุกกฏหรือปาจิตตีย์ข้อไหนที่พระพุทธองค์หมายถึง ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่า
มาเรื่องพระที่ศีลภายในบริสุทธิ์
ก็จะเรียกว่าศีลในองค์มรรค แต่ถ้าศีลขอบเขตที่เป็นภายนอก ไม่บริสุทธิ์ เช่นรับเงิน จีวรล่วงอรุน ฉันอาหารที่เป็นของเมื่อวาน ถึงวันเข้าพรรษาแต่ไม่ได้เข้า เป็นต้น อันนี้คือยกตัวอย่างนะ
ถ้าใจเห็นว่าเป็นธรรมจึงทำลงไป แม้ผิดภายนอกแต่ไม่มีวิบากนำไปอบาย แต่ถ้าในภายหลังใจมันเศร้าหมองเพราะเรื่องนี้แล้วตาย อันนี้ไป ดังนั้นอย่ากังวล ถ้าหาอ่านเกร็ดประวัติครูบาอาจารย์จะรู้ว่า บางองค์ท่านฉันเลยเที่ยงเพราะอนุเคราะห์ผีที่ตายแล้วก็มี ถ้าไม่รีบสงเคราะห์จะไม่ทัน
ถ้าใครดูข่าวแล้ว อย่าพูดเชิงให้ตัวเองเป็นบาปมีวิบากทีหลังเหมือนเขาเหล่านั้นนะ
คือย้ำอีกที ศีลที่เป็นวิบากแท้ปู่หนูไม่ได้ผิด ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม โกหก ดื่มสุรา ศีลวิบากแท้อันนี้ปู่ไม่ได้ผิด
แต่ศีลประเภทที่อยู่นอกเหนือจากการให้ผลทางจิตโดยตรง เช่น รับเงิน ตัดหญ้า อาบน้ำเอากายถูต้นไม้ ไม่ได้อยู่กับผ้าจีวรแล้วล่วงคืน เป็นต้น ผลของการทำอันนี้ผิดสิกขาบทก็ยังไม่ใช่วิบากนำไปสู่อบายโดยตรง ถ้าไม่กงวลเหมือนเอกปัตตะนาคราช
(ถ้าผิดศีล๕ และอกุศลกรรมบทสิบ)
อกุศลกรรมบทสิบมันก็คือฝ่ายมิจฉามรรคนั่นเอง
ในมรรคมีองค์แปดมันมี2ฝ่าย
1.ฝ่ายสัมมา
2.ฝ่ายมิจฉา
สายอวิชชาสังขารวิญญาณนามรูปอายะตนะผัสสะฯลฯ อุปทาน ~ฯลฯ คือฝ่ายมิจฉามรรคเป็นอกุศล
สายวิชชา~ฯลฯ คือฝ่ายสัมมามรรคเป็นกุศล
หลวงปู่หนูนี่ท่านรู้วาระจิตด้วยนะ
จึงสามารถหยั่งรู้ความคิดคนอื่นได้
และย้อนถอยไปดูเหตุการณ์อดีตของเราได้ อันนี้ประสบการณ์ตรง ท่านสามารถรู้ความคิดของคนอื่นได้เพราะมาจากธัมบันลุบันดาลหรือไม่ หรือเป็นเจโตปริญญาณอภิญญาก็ไม่ทราบ เพราะการรู้ความคิดคนอื่นได้ไม่ได้มีเฉพาะผู้ได้อภิญญาข้อเจโตปริญญาณเท่านั้นนะ มันมีอีกวิชชาหนึ่งในพระไตรปิฏกบอกไว้อยู่ ทำให้สามารถรู้ใจคนอื่นได้ โดยที่ไม่ใจเจโตปริญญาณ
ส่วนธรรมบรรลุบันดาลที่เป็นธรรมเก่าภาษาเก่าแก่
มันเป็นประโยชน์ในการใช้สร้างบารมีของท่าน ในการช่วยคนอื่น ที่ท่านทำก็มีเยอะนะ คนที่โดนมนต์ดำท่านก็แก้ออกให้ดำ แก้คุณไสย์ ฯลฯ ท่านอยู่ในสายขาวนะ ไม่ใข่สายดำที่ทำของใส่คน
ท่านก็พิจารณากายลงไตรลักษณ์นะตามที่ฟังท่านเทศณ์
ลูกศิษย์บางองค์ของท่านที่เรียนธัมบันลุบันดาลก็สามารถสวดได้และมีความรู้พิเศษสัมผัสรู้เรื่องเกี่ยวกับคนอื่นได้ แม้ไม่ได้อภิญญาข้อเจโตปริญญาณเลย หรือญาณที่ทำให้รู้เกี่ยวกับนิสัยคนอื่นเลย
บางองค์ก็สามารถรับรู้เกี่ยวกับตัวของคนๆหนึ่งได้โดยสัมผัสจากการต้องจับแขน ดังเช่นครูบากลิ้งลูกศิษย์หลวงปู่หนู
ปัจจุบันลาสิกขาไปแล้ว
แต่หลวงปู่หนูนี่ไม่ต้องจับก็รู้เรื่องเกี่ยวกับเราได้..
ปกติในเวลาที่เห็นองค์อื่นมีวิชาด้านอื่นด้วยก็เงียบๆ เช่นอ่านประวัติหลวงปูตื้อสมัยท่านบำเพ็ญเพียร ก็มีวิชาอาคมนะตามที่อ่าน การที่พระท่านไปทางอื่นด้วยก็คงมีเหตุผลของท่าน หรืออาจจะ เช่น อาจเป็นกรรมจัดสรรให้ต้องได้รู้และเรียนเกี่ยวกับธรรมบันลุบันดาน เช่น ไปกล่าวกับพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธะว่า ท่านจงเรียนมนต์แนวนี้ๆสวดมนต์แนวนี้ใน(แบบสัมปยุตประกอบพร้อมด้วยอกุศลจิตเจตสิก) เมื่อวิบากให้ผลจะทำให้ต้องได้เล่าเรียนมนต์แบบนี้สวดมนต์แบบนี้
(เทียบกับ เหมือนในพระสูตรที่ว่า "แต่ก่อนพระองค์กับภิกษุ500รูปนี้ เคยไปพูดบอกแนวอกุศลจิตกับภิกษุสงฆ์ที่มีพระอริยะอยู่ในนั้น "ท่านจงเคี้ยวจงกินแต่ข้าวแดง" ผลกรรมอันนั้นมาส่งผลในชาติที่เป็นพระพุทธะเจ้าแล้ว ทำให้ท่านกับภิกษุ500รูปได้ฉันแต่ข้าวแดงตลอด1พรรษา (ไม่ได้ฉันเนื้อฉันผักเลย)
ส่วนเรื่องดวงธรรมประทับ
มันเป็นสิ่งที่ชาวเทพเทวาไม่อยากให้มนุษย์รู้มากในเรื่องนี้ แต่จะพูดนิดหน่อย
ดวงธรรมคือ มีหลายรูปร่าง แต่เป็นพลังงานทิพย์เหมือนกัน ต่างกันที่ความละเอียด ดวงวงกลมสีสว่างจ้า ดวงวงกลมสีขาว สีอื่นๆเป็นต้น เหล่านี้คืออัตภาพทิพย์ของผู้อยู่ในสุคติภูมิที่เนรมิตให้อัตภาพเป็นเช่นนั้น สามารถเนรมิตให้เท่าปลายเข็มก็ได้ ดั่งในเวลาฟังธรรม เทวดาจะเนรมิตกายให้เล็กๆแล้วมีแสงรัสมีออกมาที่เห็นเป็นดวงสว่างๆนั่นแหละ
พญานาค เทวดา ก็เนรมิตแปลงกายได้เหมือนกัน แต่ไม่ลงร่างมนุษย์มั่วชัวนะ ยิ่งคนถือศีลปฏิบัติธรรม ลงประทับแล้วเบียดเบียนไม่ได้เลยเพราะจะโดนลงทัณฑ์ มนุษย์บางคนก็ถูกร่ายมนต์เปิดก่อนเพื่อให้เข้าประทับร่างได้ โดยที่ไม่ต้องรับขันธ์ เช่นเวลาเรานอนแล้วฝันว่ามีคนมาบอกให้ทำบุญให้หน่อย หรือ ฝันว่าซื้อเลขตัวนี้นะหนู หรือต่อไปให้ระมัดระวังตัวนะจะมีอันตราย เป็นต้น
แล้วพอตื่นขึ้นมานึกย้อนหลัง
ฝันว่าอะไรนะ ความจริงมันมีทั้งปรุงแต่งไปเอง และมีจิตภายนอกเข้ามาแทรกหัว
แล้วฝังเรื่องราวทิ้งไว้ พอตื่นขึ้นมานึกย้อนหลังไปดูเข้าใจว่าเป็นฝัน แต่ความจริงคือมันคือความรู้ของเทพที่ทิ้งไว้ในหัวก็มี
เรื่องที่เห็นว่าเป็นหลวงปู่เดินหมุนๆ70กว่ารอบนั่นคือจิตภายนอกเขามาประทับทำพิธี จะว่าท่านเป็นคนวนหมุน70กว่ารอบคงไม่ได้นะและเสียงที่ร้องออกมาด้วย คือเวลาเทพจีนลงประทับก็จะพูดภาษาจีน ถ้าเป็นเทพเก่าๆอินเดียก็จะพูดแบบที่แตกต่างกันออกไป
ก็คิดว่าท่านกำลังบำเพ็ญบารมีข้อให้คนอื่นได้มีทรัพย์ จัดสงเคราะห์เข้าในทะสะบารมีข้อ เมตตาช่วยคนให้มีทรัพย์ เป็นต้น
คนเราแต่ละคนเคยบำเพ็ญบารมีกันมาหมดทุกคน แต่เต็มแล้วหรือยังอันนี้รู้ได้ยากยุ เช่นให้เงินขอทาน เรียกว่าทานบารมี เช่น บริจากเลือด เรียกว่าทานอุปบารมี
ใครว่าปู่หนูมีธัมบันลุบันดาลไม่ใช่นะ
ในสมัยช่วงที่มีพระบวชใหม่ไปอยู่กับปู่หนูปู่หนูก็บอกให้ไปอยู่กุฏิแล้วบริกรรมพุทโธ ต่อมาพระองค์นั้นก็พุทโธๆ แล้วจนถึงภาวะลมหายใจไม่ปรากฏ แล้วตกใจ ต่อมาในที่สุดพระองค์นั้นก็ถึงภาวะไม่มีลมหายใจปรากฏ อันนี้คือพระองค์นั้นเล่าให้ฟัง ถ้านำมาตีความน่าจะเป็นสภาวะในฌาน
ถ้าใจบริสุทธิ์เป็นศีลอยู่ณภายใน คือรักษาจิตไม่ให้เกิดนิวรณ์๕ ครอบงำ
แล้วไปสงเคราะห์ช่วยผี
คือมีโยมเอาอาหารมาถวายท่านในเวลาที่ไม่ลงตัวเท่าไร แล้วท่านเมตตาฉันอาหารหารนั้นซึ่งเป็นเวลาเลยเที่ยงไปแล้ว ถ้าท่านไม่รีบสงเคราะห์ผีตัวนี้ จะไม่ทัน(ผีตัวนี้อาจจะไปเกิดใหม่เป็นสัตว์เดรัจฉาน )
แล้วท่านก็ฉันในเวลาเลยเที่ยงไปแล้ว
ต่อมาจนกลายเป็นเรื่องเกิดขึ้น
ลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ จึงนำไปเล่าให้ หลวงปู่ดู่พรหม ปัญโญ ฟัง
หลวงปู่ดู่ ก็ได้พูดประมาณว่า
"อย่าไปติเตียนหรือว่าให้ท่านเป็นคนไม่ดี เดี๋ยวจะเป็นบาปเป็นกรรม ท่านทำเพื่อสงเคราะห์ช่วนผี"
ถ้าอีกองค์คือ หลวงปู่เจี๊ยะ อันนี้ก็มีเรื่องประมาณว่าทำไม่เหมาะสม
พระก็นำไปเล่าให้หลวงตาพระมหาบัวฟัง
หลวงตาพระมหาบัวก็บอกว่า
"อย่าไปติเตียนท่านนะ มันจะเป็นบาปเป็นกรรม"
พูดถึงวิชาธัมบันลุบันดาล
มันก็มีประโยชน์ในทางช่วยคนอยู่นะ เช่น ถ้านักข่าวโดนมนต์ดำ โดนของ โดนจ้างให้ทำคุณไสย์ใส่ โดนทำเสน่ใส่ ก็ถอนได้แก้ได้ และอื่นๆอีก
ถ้าไปถามเรื่องแนวนี้กับพระในวัดองค์ที่ไม่มีการประพฤติปฏิบัติทางจิต อยู่แค่ศีล
มีแต่ฉันแล้วก็จำวัดนอนไม่เจริญสมาธิปัญญาขึ้นไป จะรู้นั้นรู้นี่ยาก ถ้าไม่มีผู้เล่าให้ฟัง
#สาธุ รวมมาให้อ่าน
การช่วยเหลือเป็นบุญ
มีป้านักปฏิบัติธรรมคนหนึ่งที่ชอบโดนผีมาก่อกวน พอเขามีของขลังคือกริช แล้วผีก็กลัวไม่มาก่อกวนป้าแกอีกเลยเวลานอน เรื่องปลุกเสกนี่มีมาแต่สมัยโบราณแล้ว เช่นควยธนูนี่เป็นอะไรที่ใช้ในทางให้เป็นบาปก็ได้ แต่พระสงฆ์ท่านไม่ปลุกเสกไปในทางที่ไม่ดี ไม่ให้ผลร้ายต่อผู้มีของขลัง ต่อไปนี้อย่าติเตียนเพราะจะเป็นบาปกรรมหนัก เรียกว่าติเตียนพระอริยะเจ้า อ่านแล้วมองเป็นเรื่องเฉยๆ พระอริยะท่านก็มีนะที่ท่านปลุกเสกของขลัง เพื่อประโยชน์บางอย่าง เพราะโยมมาขอให้ท่านเมตตาทำให้ เช่นที่หลวงปู่มั่นภูริทัตโต เรื่องยันต์ องค์อื่นๆอีกเท่าที่รู้ แต่ไม่ขอพูด
สายปู่หนูนี่เป็นสายขาว สายแก้ สายช่วยคน ช่วยคนก็ได้บุญบารมีอีกแบบหนึ่งนะ เรียกว่าเมตตาทำสิ่งที่ดีต่อผู้อื่น
จะต่างจากอีกสายที่ใช้วิชาอาคมทำคุณไสย์ดำใส่คนในบางครั้งให้ได้รับความเดือนร้อน เช่นตะปู ใบมีดโกน ซากสัตว์ทำใส่ร่างกาย ปลุกควยธนูทำร้าย คือแค่ปลุกเสกควยธนูเฉยๆแต่ไม่ใช้ไปลำลายคนอื่นยังไม่บาป
แต่คนที่มีวิชาสายดำเขาไม่ได้ทำแต่สิ่งที่ไม่ดีเป็นบาปถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เรื่องดีเขาก็ทำ พวกเราอย่าไปจ้างให้ไปทำของใส่คนที่เราเกลียดไม่ชอบนะ เราบาป คนทำก็บาป คนถูกทำของใส่ก็เป็นทุกข์
ในบางครั้งคนถูกทำของใส่มาให้ลูกศิษย์ปู่หนูแก้ ถอดของออกจากกายสังขาร ก็มีเศษผมเศษตะปูอะไรออกมากับไข่ ฯลฯ ก็แปลกนะมันเข้าไปอยู่ในใข่นั่นได้ยังไง
แต่วิชาธัมบันลุบันดาลนี้ถ้าเรียนมีข้อห้ามด้วย ถ้าจะเรียนตั้งแต่งขันธ์ครูมีอะไรหลายอย่างเลย มีพาน มีดอกไม้ ธูปเทียน ฯลฯและอื่นๆอีกหลายอย่างกว่านี้ ข้อห้ามก็มีหลายข้อ
ถ้าทำผิดแล้วมันจะเป็นผลร้ายต่อตนด้วย หน้าจะดำค้ำสุขภาพไม่ดีทันตาเห็น ถ้าไม่แก้จะเป็นผลไม่ดีต่อร่างกายไปเรื่อยๆ เหมือนโดนมนต์ดำ วิธีการแก้รักษากายก็ยุ่งยาก สายขาวมีข้อห้ามทำ ส่วนเรื่องสายดำนี่ไม่รู้เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องสนใจ
แต่ก่อนศึกษาวิชาอาคมคาถามนต์ตรานะ คิดว่าจะเรียนไว้ป้องกันตัวถ้ามีภัยจากอมุษย์ภูตผีภายนอก ก็เริ่มศึกษาทดลองด้วยศีลที่บริสุทธิแล้วทดลองสวดคาถาพอสวดแล้วรู้มีพลังงานบางอย่างเกิดขึ้นภายในกายร้อนๆ แต่พอสวดอีกบทจะรู้สึกเย็นๆๆกาย มันก็แปลกดีนะ และเคยโดนผีอัมพูดไม่ได้ขยับไม่ได้ ก็สวดคาถาบทหนึ่งในใจก็ปรากฏว่าผีมันก็ไป ก็เลยมองว่ามันเป็นของดีอีกอย่างไว้ช่วยตนเอง เพราะไม่ได้อภิญญามีอิธิฤทธิ์
แต่สุดท้ายก็เลิกศึกษาเล่าเรียน
ส่วนเรื่องภายในใจปู่หนูนี่ท่านมีธรรมภายในใจคือท่านมีศีลภายในที่บริสุทธิ์นะ ถึงแม้สิ่งที่ท่านทำมันจะเป็นโลกะวัชชะชาวโลกติเตียน แต่การกระทำเหล่านั่นไม่ใช่เป็นการทำบาป เพราะท่านไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดโกหก ไม่ดื่มเหล้า แต่กินเอ็มร้อยฉันกาแฟอยู่ ก็ปกตินะและอื่นๆอีกที่เป็นศีลในกุศลกรรมบทสิบ ส่วนข้อจิตใจนี่ไม่รู้ว่าท่านทำได้บริสุทธิ์ไหมหรือไม่อย่างไร
เพราะถ้าถ้ายังไม่ใช่พระอนาคามีหรือพระอรหันต์ศีลทางจิตจะมีหลุดบ้างก็คงเป็นเรื่องธรรมดาของทุกคน มีโกรธขึ้นมา มีโลภะขึ้นมา ก็ต้องละทิ้ง ศีลทางจิตคือไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่ให้มีนิวรณ์ เพราะทุกคนถ้ายังจิตไม่ตั้งมั่นเป็นสมาธิตลอดเวลามันอาจมีโลภโกรธขึ้นมา เราต่างต้องสู้กับกิเลสของตนให้ชนะไม่ว่าจะเป็นพระหรือโยม
จะสมาทานหรือไม่สมาทานรักษาศีลแม้ไม่ได้สมาทานถือศีล แต่ถ้าทำผิดมันบาปทันทีนะ โกรธขึ้นมาก็บาปทีหนึ่ง น่าเบื่อกิเลสนะถ้าหนีเข้านิพพานมันง่ายคงไปหมดแล้ว
แต่บารมียังไม่เต็มก็ต้องสร้างบำเพ็ญให้เต็มต่อไป
เมตตาบารมียังไม่เต็มก็ต้องมั่นเจริญเมตตาบ่อยๆ น่าคิดนะคนเราไม่รู้ว่าตัวเองบารมีเต็มแล้วหรือยัง ขาดบารมีข้อไหนที่ยังไม่เต็ม ศีลบารมียังไม่เต็มก็ต้องบำเพ็ญอีก
ศีลภายในคือศีลทางกายและวาจาและทางใจที่เป็นวิบากให้ผลกับจิตเป็นกุศลโดยตรง
ที่ว่าเป็นวิบากให้กับจิตโดยตรงนี้ก็คือ คือถ้าทำก็มีวิบากคือสุคติภพ ถ้าผิดจะนำให้ไปเกิดในอบายภูมิ อันนี้เรียกว่าศีลภายใน ให้ลองไปดูในมรรคมีองค์ 8 ที่เป็นฝ่ายสัมมามรรค มันจะมีศีลเกี่ยวกับข้อประพฤติทางกายที่บริสุทธิ์ เรียกว่า ศีลบริสุทธิ์ทางกาย การไม่ฆ่าสัตว์ไม่ลักทรัพย์ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่ดื่มเหล้า เป็นต้น
ส่วนศีลบริสุทธิ์ทางวาจาก็คือ ไม่พูดเท็จพูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ ความจริงการพูดใส่ร้ายใส่ความการพูดว่าให้ใครในแบบจิตสัมปยุต ด้วยอกุศลเจตสิก มันผิดศีลทางวาจาทั้งนั้น
อันนี้ก็คือเป็นศีลทางวาจานะ อันนี้จะเป็นวิบากนำให้ไปเกิดในสุคติภูมิ แล้วเป็นฐานให้อบรมจิตขึ้นสู่สมาธิปัญญาต่อไปได้
และก็สุดท้ายเลยคือเป็นศีลทางจิตก็คือการไม่ให้บาปอกุศลเกิดขึ้นที่จิต ระวังป้องกันไม่ให้จิตเกิดบาปอกุศลขึ้น เช่นไม่ปรุงแต่งความโกรธ แล้วก็ไม่ปรุงแต่งความโลภ ไม่ปรุงแต่งกระแสจิตที่สัมปยุต วิหิงสาอกุศลคือเบียดเบียน ไม่ปรุงแต่งกระแสจิตที่สัมปยุตกามพยาบาท
แล้วก็ไม่ให้เกิดนิวรณ์ ไม่ให้เกิดอภิฌา ไม่ให้เกิดโทมัส เป็นต้น นี่ก็คือเป็นศีลจริงๆเรียกว่าเป็นศีลในองค์มรรค เป็นศีลแท้ที่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ท่านสอน
ให้ยึดตัวนี้เป็นหลัก
ส่วนศีลภายนอก เรียกว่าเป็นศีลที่บัญญัติเกี่ยวกับเรื่องเกี่ยวกับความเป็นอยู่ ความเป็นอยู่ของหมู่สงฆ์คณะสงฆ์ เพื่อให้มีความเรียบร้อยอยู่ด้วยกันด้วยความสงบสุข และให้ศาสนามีการดำรงไปต่อได้ด้วยดี ถ้าหากฆราวาสเห็นว่าไม่สมควรตำหนิติเตียนเรียกว่าโลกวัตชะ ทำผิดแล้วชาวโลกติเตียน
อย่างเช่น รับเงินในสมัยนี้ชาวบ้านเขาไม่ค่อยติเตียนพระแล้วเห็นเป็นเรื่องธรรมดาๆ แต่ไม่ทุกหมู่บ้านนะ ฉันอาหารในเวลาวิการณ์ พรากของเขียว ตัดไม้ดายหญ้า มีจีวรล่วงอรุณ พวกนี้ถ้าผิดมันไม่ได้เป็นวิบากกรรมที่ส่งให้ไปเกิดในอบายภูมิโดยตรง
เพราะอย่างนี้ฆราวาสที่เข้าวัดฟังธรรมกินข้าวเย็น ไปตัดไม้ทำฟืนตัดหญ้าตามทุงนา รับเงินเดือน จึงไม่มีวิบากนำไปเกิดในอบายภูมิ๔เพราะเหตุนี้ แต่พระนี่ถ้าคิดกังวลว่าไม่ควรแล้วไปทำ แล้วใจเกี่ยวเนื่องเป็นอกุศลอันนี้เป็นวิบากตายแล้วไปอบายภูิมิได้
ดังเช่นเรื่อง เอกปัตตะนาคราช ที่สมัยแต่ก่อนเป็นพระแล้วเผลอพรากของเขียวทำตระไครน้ำขาด แล้วไม่ได้ปลงอาบัติก่อนตายชะวะนะจิตยกอารมณ์เรื่องพรากตะไคร้น้ำขาดขึ้นมาสัมปยุตแล้วเศร้าหมอง ตายแล้วจึงไปเกิดเป็นนาคเดรัจฉาน ไม่ใช่นาคเทวดาที่บรรลุอริยะธรรมได้
----------------------------
เรื่องอธิกรณ์นะ ถ้ามีเรื่องอธิกรณ์เอาง่ายๆเลยสรุปเลยแล้วกันนะ ในการขับไล่ท่านเนี่ย ไม่รู้นะว่าพินิจพิจารณาจากดุลพินิจข้อไหน ถ้าเอาวินัยตรวจสอบจริงๆนะก็ให้พิจารณาใช้อธิกรณ์สมถะระงับ ระงับอธิกรณ์เรื่องนั้นๆที่เกิดขึ้นในหมู่สงฆ์ บอกกล่าวด้วยวาจาก่อน หรือส่งหนังสือแจ้งไปบอกก่อน ถึงเรื่องที่ทำว่าเป็นยังไงๆ
เช่นเรื่องพระรับเงินมีพระอาจารย์รูปหนึ่งสวดปาฏิโมกได้รู้วินัยมากบอกใช้ วิธีกลบไว้ด้วยหญ้า ฟังแล้วควรให้จัดหาโยมคนวัดเป็นคนรับแทน ถ้าหาได้นะ เวลาจะใช้ค่อยบอกโยม
กิจภายในหมู่สงฆ์มีหลายเรื่องมาก ทั้งการทำสังฆกรรม สวดปาฏิโมก ฯลฯ เกี่ยวกับบิณฑบาตก็มี ต้องนุ่งผ้าห่มผ้าให้พอดี ฉันอาหารในเวลาที่ควร ก็คือไม่เลยเที่ยง ทั้งที่แต่ก่อนในพระไตรปิฏกพระอุทายีฉันได้เช้า เที่ยง เย็น เลย
แต่ต่อมาพระพุทธเจ้าตัดมื้อเย็นออก และต่อมาก็ตัดมื้อเที่ยงออก ตอนนี้พระเลยได้ฉันแค่เวลาเช้าไปจนถึงก่อนเที่ยง
ข้อห้ามเยอะนะ ไม่รับเงิน ไม่ปล่อยให้ผ้าจีวรล่วงอรุณ ถ้าไม่ได้อยู่กับตัว ห้ามตัดหญ้าดายหญ้า ห้ามขุดดิน ห้ามขึ้นต้นไม้ถ้าไม่จำเป็น ห้ามก่อไฟ ห้ามอยู่กับผู้หญิงสองต่อสอง เป็นต้น
แล้วที่สำคัญก็คือห้ามเล่าเรียนคัมภีโลกายตนะ ก็คือเป็นคัมภีร์เกี่ยวกับศาสต์ทางโลก เป็นคัมภีร์ศาสตร์อื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับคำสอนที่เนื่องด้วยอบรมจิตให้เป็นศีลสมาธิปัญญา
พระพุทธเจ้าทรงปรับอาบัติเป็นทฺุกกฺฏหรือว่าทุกกฎ คำว่าทุกกฏฺไม่ได้หมายถึงทุกข้อนะ
แต่มันเป็นภาษาบาลีแปลว่าทำไม่ดีนะ
หนึ่งเลยก็คือรับซอง เงิน สิกขาบทข้อนี้เนี่ยก็เคยอ่านนะ หลวงพ่อฤาษีลิงดำนี่คิดว่าข้อนี้น่ะเป็นข้อที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ถอนออกได้ เพราะว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป อันนี้จริงๆอ่านมา ในเรื่องการรับเงินก็เห็นพระรูปหนึ่งรับนะรับสมัยพรรษา 1 บวชเสร็จ ในบ้านมีคนตายไปสวดอภิธรรม ซองเยอะมากๆ พอรับแล้วไม่ได้รับเอาไปทำเรื่องไม่ดีเลย
ก็เห็นมีแต่เอาไปทำประโยชน์นะ เติมเงินสมัครเน็ตฟังเทศณ์ อ่านธรรมะ อื่นๆอีก จนมาพิจารณาว่าถ้าพระรูปนี้ไม่รับเงินและมาสมัครเน็ตนี่จะรู้ธรรมะและส่งต่อยอดจนถึงได้อ่านคัมภีร์พระไตรปิฏกในแอพ etipitaka ใน play store ไหมนะ จะได้ฟังเทศณ์ไม่นะ และค้นหาข้อธรรมที่สงสัยไม่นะ ได้คำตอบว่า น่าจะยาก
คือถ้าบวชในวัดที่เคร่งวินัยข้อห้ามรับเงิน ก็คงไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ตมือถือและอาจจะไม่ได้เล่นโทรศัพท์เลย
ส่วนปู่หนูแต่ก่อนที่ไปวัดท่านก็ถวายซองให้ฝากกับศิษย์ไว้ก็เอาไปทำประโยชน์นะ ไม่ได้เอาไปทำเรื่องไม่ดี ถ้าพูดถึงเรื่องพระรับเงินมีหลายวัดนะมันจะยาวก็ไม่ขอพูดมาก
แต่คิดว่าการให้โยมรับแทนแล้วเวลาจะใช้ค่อยบอก มันยุงยากยุนะ มันไม่เหมือนรับไว้เองเวลาจะใช้ก็ใช้ได้เลย แต่ภายหลังก็จำเป็นต้องทำตามสิกขาบท
พระรูปนนี้เวลาใช้เงินก็มีแต่ทำประโยชน์ สร้างบุญ สร้างโรงพยาบาล ทำcdธรรมแจกตามที่ต่างๆหมดไปหลายหมื่นเลยนะ จะว่าบาปคงไม่ถูกเพราะจิตคนละดวงกับอกุศลจิต ไม่ใช่อกุศลจิตเจตสิก
สำหรับปู่หนูถ้าท่านใช้เงินก็คงจะเป็นในการทำประโยชน์สร้างบารมี เรื่องฆ่าสัตว์ไม่เคยเห็น เรืีองขโมยก็ยังไม่เคยเห็น คือศีล๕ไม่เคยเห็นท่านผิด ศีล8ก็เหมือนกัน ส่วนศีลข้ออื่นๆไม่รู้ไม่ได้อยู่กับท่านตลอด อันที่เป็นบาปท่านคงไม่ทำ
ท่านก็มีแต่ไปช่วยคนนะ ไปช่วยคนช่วยยังไงรู้ไหมเขานิมนต์ให้ไปทำพิธีนู่นนี่นั่นท่านก็ไป และก็ไปในธุระเกี่ยวกับธรรมของท่าน ก็ไม่อยากพูดมากนะ ทั้งเรื่องอสุภะพิจารณากายท่านก็บอกนะ เหมือนว่าท่านเอาทั้งธัมบันลุบันดาลและกรรมฐานธรรมในพระไตรปิฏก
ขอสรุปว่าปู่หนูอยู่สายขาว พระองค์ไหนโดนของหรือฆราวาสคนไหนโดนของผีเข้าเป็นต้นไปหาท่านได้ แต่ก่อนสมัยพุทธกาลก็มีนะพระถูกทำของใส่ถูกทำยาแฝดใส่ พระพุทธเจ้าก็ตรัสบอกวิธีแก้ว่าให้ไปเอาดินใต้ผานไถที่เขาไถดิน นำมากิน ก็ทำตามและก็หายจากเสน่ยาแฝดนั้น
และก็ตอนนี้ก็มีคนตำหนิติเตียนเรื่องนี่มาก ที่ว่าสื่อวิญญาณ อวดอุตริความจริงแล้วไม่ควรใช้คำว่าสื่อวิญญาณนะ รู้จักไหมคำว่าวิญญาณ วิญญาณในความหมายของพุทธศาสนาในจริงๆมันคือวิญญาณธาตุ ก็คือธาตุรู้ หรือว่าธรรมชาติที่รู้รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ ความหมายของวิญญาณในพุทธศาสนาแบบนี้
ส่วนความหมายที่คนเข้าใจกันอยู่ในทุกวันนี้ไม่ทุกคนนะ
"วิญญาณมันคือภาวะอย่างหนึ่งหรือว่าพลังงานอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นที่ออกจากร่างของคนตาย อันนี้ใช่ไหมที่เข้าใจกันว่าเป็นวิญญาณ แต่ในความหมายทางพุทธศาสนาเนี่ยเขาไม่ได้เรียกวิญญาณนะ
เขาเรียกว่าเปรต เปตะซึ่งแปลว่าผู้ละไปจากโลกนี้แล้ว
เรื่องอวดอุตริ ทำท่าที ร้อง หมุนตัว 70 กว่ารอบ ทำท่าทางต่างๆนั้น มันไม่ใช่อวดอุตริที่ไม่มีในตนตามพระวินัยปิฏกว่าไว้นะ
คนที่เคยถูกผีสิงร่าง หรือเทพลงประทับ หรือถูกผีอัมบังคับร่างกายไม่ได้จะพอเข้าใจว่ามันเป็นยังไง
ดวงธรรมประทับร่าง นั้นคือจิตของเทพเทวดาลงมาแทรกในร่างกายท่าน แทรกแบบครึ่ง จะทำให้รู้สึกตัวแต่บังคับร่างกายตัวเองไม่ได้ ถ้าแทรกแบบเต็มตัวเลยจะไม่รับรู้ว่าตัวเองทำอะไรจับจิตของเทพที่มาประทับไม่ได้เลย ความจริงท่านจะปิดไว้ไม่ให้จิตเทพภายนอกมาแทรกก็ได้มีวิธี แต่นี่ท่านเปิดไว้เพราะว่ามันมีประโยชน์บางอย่างในการทำพิธี เช่น เทพที่ฤทธิ์มากมาช่วยปลุกเสขวัตถุ นาคที่ฤทธิ์มากมาช่วยปลุกเสก เป็นต้น
ที่ว่าเรื่องดวงทำมาเข้าร่างประทับร่างหรือที่เข้าใจเป็นว่าวิญญาณมาเข้าร่างมันไม่ใช่
มันคือจิตเทพเทวดามาประทับแทรกเข้าร่างทำพิธีในขณะนั้น
ก่อนอื่นขออธิบายให้ฟังก่อนนะว่า มนุษย์เราทุกคนนะ ถ้าสมมุติว่าไม่ได้ปิดร่างไว้ ก็คือมันก็เหมือนเปิดหน้าต่างหรือช่องไว้ อะไรก็มาสิงได้ หรือมาประทับได้ แทรกเข้ามาในกายได้ ทั้งพวกคนที่ตายแล้ว ก็มาเข้าแทรกได้ หรือจะเป็นเทพ ก็สามารถมาแทรกได้
อย่างเช่น เช่นเวลาเรานอนหลับ แล้วเกิดความฝัน ฝันว่ามีใครมาบอกเลข 1 2 3 4 ให้อุบายไปซื้อเลข หรือ ฝันว่าพรุ่งนี้จะมีญาติมาหา ฝันว่ามีคนบอกว่าให้ระวังอันตรายที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เหล่านี้เป็นต้นนะ เป็นภาวะของจิตภายนอก ที่เข้ามาแทรกในกายส่วนศรีษะของเรา แล้วก็ปรุงแต่งปรุงแต่งไว้ใส่หัวแล้วพอเราตื่นขึ้นมา เรานึกระลึกถอยหลังไปตอนเมื่อคืนที่หลับนอนแล้วเราก็รับรู้ว่ามันเป็นภาวะความฝัน
เป็นการฝันว่า เลข 1234 เป็นต้น อันนี้ก็คือเป็นข้อมูลของสิ่งที่เข้ามาแทรกเขาทิ้งไว้ ไม่ใช่ความคิดปรุงแต่งของเราหรอก ถ้าไม่มีอะไรแทรกเลยเวลานอนแล้วฝันปรุงแต่งไปเองอันนี้ใช่อยู่
แล้วทีนี้เอาจริงๆแล้วมันก็ออก 1234 จริงๆ โดยที่เราเองก็ไม่ได้มีความรู้ความสามารถความพิเศษอะไรเลย แต่กับ ไปซื้อเลขแล้วถูก นี่ก็คือเป็นข้อมูลความคิดของผู้ที่เขามาแทรกแล้วปรุงแต่งไว้ในหัวของเรา
ส่วนถ้าเราไม่อยากให้มีอะไรมาเข้าแทรกร่างเราเข้าฝันเราหรือว่าเข้าสิงเรานะ ก็ต้องทำพิธีอุดไว้ก็คือไม่ให้อะไรเข้ามาแทรกร่างเราได้ก็คือว่าเมื่ออุดไว้มันเข้าไม่ได้แล้ว
ส่วนมากถ้าเป็นเทพที่ลงมาประทับเกี่ยวกับมนุษย์เนี่ย ก็ต้องเป็นเทพที่มีบุญสัมพันธ์กันหรือว่ามีบางอย่างสัมพันธ์ต่อกัน ถึงได้มามีส่วนเนื่องด้วยกันแบบนี้ เวลาเทวดามาแทรกเข้าร่างถ้าเข้้าแบบไม่เต็มจะเป็นภาวะกลางๆ เราจะรู้สึกถึงพลังของเขาว่าจิตระดับนี้เย็นเป็นฌานสว่างใส
จิตเราจะหลุดจากฐานเดิมบ้างแล้วและรับรู้ตัวพลังงานของเทพได้ว่าจิตเขามันเป็นยังไง มันเย็นๆ มันไม่เฉยๆเหมือนเรา
และก็เวลาที่ร่างกายเคลื่อนไหวมันมาจากเทพที่ทำการเคลื่อนไหวไม่ใช่เรา เวลาปากมันขยับพูดก็เช่นเดียวกัน
แต่ถ้าเข้าแทรกแบบเต็มเลยจะไม่รับรู้อะไรเลยว่าในขณะนั้นร่างกายเคลื่อนไหวอะไรพูดอะไรออกไปบ้าง ต่อเมื่อเขาออกจากร่างแล้วเรามานึกย้อนถอยหลังดูจึงรู้ แต่ก็มีแบบนึกๆยังไงก็จำไม่ได้เหมือนกัน
ขณะที่มีอะไรมาประทับน่ะมันจะแบ่งเป็น 2 ระดับนะ ก็คือถ้าสมมุติว่าท่านมาประทับแบบเข้าจนมิดชิดคือแทรกจิตของเราเข้าไปอยู่ในฐานเดิมเลย เราจะไม่สามารถรับรู้หรือจำอะไรได้เลยว่าในขณะนั้นน่ะเราเป็นยังไง มันจะจำอะไรไม่ได้เลย แต่ถ้าออกไปแล้วเนี่ย เรามานึกถอยหลังดูว่าเป็นยังไงยังไง
คิดอันนั้นอันนี้ไว้มันก็จะลงสู่หัวของเราเราถึงจะไปดูได้ว่าตอนนั้นน่ะท่านคิดอะไรทำอะไรอยู่ เรียกว่าแทรกแบบเต็ม
แต่ถ้าสมมุติว่ามาเข้าแทรกแบบกลางๆก็คือไม่แทรกมาก ก็จะอยู่กลางๆแบบนี้ คือในระดับที่สามารถที่จะให้เกิดการรับรู้กันได้นะคุยกันได้ระหว่างสองฝ่ายระหว่างฝ่ายผู้ที่ถูกประทับสิงแล้วก็ผู้ที่มาเข้าสิง ก็จะคุยกันได้
ส่วนมากที่ที่เรานอนกัน แล้วมีจิตอื่นมาแทรกเราได้ในเวลานอน จะเป็นการแทรกแบบ แบบไม่เต็ม หรือจะแทรกแบบมิดชิดเต็มก็ได้ อันนี้ก็คือเป็นการเข้าประทับแบบเต็ม ทำให้จิตเราถอยกลับไปอยู่ตรงที่ฐานๆเดิม ส่วนถ้าเป็นอีกแบบนึงก็จะสามารถจับจิตกันได้ แล้วก็รู้ตัวนะว่าทำอะไร เคลื่อนไหวยังไง พูดอะไร แต่ว่าบังคับไม่ได้ เหมือนอาการเหล่านั้นมันเป็นไปเองของมัน พูดออกไปเองของมัน โดยที่ไม่ใช่เราเป็นผู้ทำ เราก็อยู่เฉยๆ
อันนี้ก็อธิบายว่าเพราะว่าผู้ที่สิงอยู่นะเป็นตัวทำไม่ใช่เราทำ อันนี้ก็คือในสมัยก่อนน่ะ
หลังจากนั้นหลังจากนั้นผ่านไปก็ได้เริ่มมาศึกษาตำราทางพุทธศาสนา อ่านมากขึ้น ฟังเทศน์ ในวิธีปฏิบัติ ในการทำสมาธิ ในการทำวิปัสสนา เดินจงกรม แล้วก็การกำหนดสัญญาต่างๆ ทั้งอนิจจสัญญา อสุภสัญญา อาทีนวะสัญญา เยอะมาก ก็เลยอ่านพระสุตตันตปิฎก อ่านพระสุตตันตปิฎกจนมาถึงเล่มที่ 22 ก็สุดยอดมากเลยถือว่าเป็นคนมีบุญมากที่ได้อ่านคำสอนพระพุทธเจ้าได้มากขนาดนี้
แล้วจากนั้นน่ะก็มาอ่านพระวินัยปิฎก อ่านพระวินัยปิฎก อ่านมาหลายเล่มเหมือนกัน เหลือเล่มสุดท้ายที่ยังอ่านไม่จบ
ถ้าจบเล่มสุดท้ายนี้น่าจะรู้และครอบคลุมเยอะ ส่วนอภิธรรมนี่ อ่านไม่จบเลย เริ่มอ่านเล่มแรกไปแล้ว แต่ว่าอ่านไม่จบ ส่วนชาดกนี่ก็อ่านไม่จบ อ่านไม่จบเลย
ตอนนี้ก็เลยมาสรุปได้ว่าก็คือรู้ในวิธีการทำสมาธิแล้ว ในการน้อมจิตไปทำวิปัสสนา ที่จะขอเล่าให้ฟังก็คือ ถ้าเราทำจะมาทีละมันมันจะทำให้ใจเราสงบ อย่างเช่นนั้นรู้ลมหายใจเข้าออกมันจะรวมๆเข้ามารู้สึกรู้ตัวเข้ามาฐานจิตเดิมมากขึ้นๆเรื่อยๆ ตีวงแคบเข้ามาเรื่อยๆเข้ามาเรื่อยๆ รู้สึกตัวมากขึ้น แล้วทีนี้ต่อไปมันก็จะเกิดภาวะใจประณีตมากขึ้นนะครับ
มันจะเป็นปิติแล้วที่นี่มีอาการพองเหมือนว่าเราอ่ะตัวพองขยายใหญ่ อันนี้เขาเรียกว่าปิตินะครับผม แล้วก็การนั่งสมาธิแต่ละครั้งมันก็จะไม่เหมือนกันเนาะ นั่งข้างนั่งไปมันก็จะไปไปเรื่อยๆนะไปถึงฌานก็มี ถ้าเป็นขั้นชานี้จะมีความสุขมากนะเป็นมันจะเป็นเย็นๆแล้วก็เป็นกระแสความสุขที่แปลกๆไม่เคยพบเคยเห็นประมาณว่ามีสุขมากไม่ต้องกินข้าวซัก 3 วันก็ได้ถ้าอยู่กับสภาวะนี้
ครับส่วนการเจริญปัญญา ก็พิจารณาเกี่ยวกับร่างกาย หรือนามธรรม กายภายในกายภายนอก เห็นผู้หญิงสวยๆหรือชายหล่อๆเราก็มองไปถึงข้างในตับไตไส้พุงกระดูกกระเดี้ยวอะไรทำนองเนี้ยแล้วก็น้องไปว่ามันเป็นภาวะที่ไม่น่ายินดีไม่น่ารักใคร่ไม่น่าให้เกิดความกำหนัด
หรือว่าจะปรุงแต่งให้เกิดเป็นภาพทางใจว่าตัวเขาอ่ะมีพวกหนอนพวกแมลงวันน่ะพวกอะไรต่างๆแล้วไม่ให้เกิดความลุามลงเนี่ย อันนี้คืออสุภะนะครับที่ทำ แต่มันก็มีหลายหมวดนะครับที่เป็นอสุภอันนี้ก็คือพูดยังไม่หมด
การสำรวมอินทรีย์สำรวมตาหูจมูกลิ้นกายและก็ใจ ไม่ให้มันเกิดอกุศลทางใจไม่ให้มันเกิดบาปขึ้นมาเพราะว่าถ้าเราเกิดบาปขึ้นมาทางใจน่ะก็จะไปผิดศีลเกี่ยวกับทางจิตใจในองค์มรรคทันที ถ้ามีบาปทางใจแล้วเราต้องรีบละทิ้ง
การพูดจาเราก็ต้องระมัดระวัง พูดด้วยใจที่หวังดี อย่าพูดด้วยใจที่หวังร้าย จะปลอดภัย
เพราะลักษณะเจตสิกจะเป็นกุศลจิตถ้าเราพูดด้วยหวังดีนะมันคือวจีกรรมที่ประกอบำปด้วยเมตตา โดยเฉพาะบุคคลท่านที่มีศีลภายในองค์มรรค ถ้าเราไปด่า ด่าว่าไอ้ขอทานเนี่ยเหยียดหยามเลย ไอ้ขอทานไอ้รับเงินอย่างนี้ ต่อไปเนี่ยมันจะมีวิบากอย่างหนึ่ง
ถ้าเราไปด่าว่าให้พระปัจเจกแบบนี้ กรรมจะส่งไปนรกได้ และต้องกรรมจะจะทำให้เรากลายเป็นขอทาน 500 กว่าชาติ แต่ถ้าว่าให้ผู้ที่ได้ฌานมีอภิญญา๕ อาจไม่ตกนรก แต่ตองเกิดเป็นขอทาน500ชาติ
นึกขึ้นได้อย่างเช่นที่พระนางอะไรนะที่เป็นภิกษุณีนะครับ เป็นภิกษุณีอรหันต์นะครับแต่ว่าท่านเป็นคนหลังค่อมที่ท่านเป็นคนหลังค่อมก็เพราะว่ามีในสมัยหนูนานแล้วหลายชาติหลายภพหลายชาติเลย ท่านเห็นพระปัจเจกหลังค่อม แล้วท่านก็ทำอาการล้อเลียนทำท่าหลังค่อมล้อเลียนพระปัจเจก แล้วทีนี้ผลของการล้อเลียนนั้นน่ะ มันส่งผลให้ท่าน เป็นคนหลังค่อมอยู่ 500 ชาติ
หรืออย่างเช่น ที่พระพุทธเจ้านะ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้เลย พระองค์กับภิกษุ500รูปที่ต้องได้ฉันแต่ข้าวแดงตลอด1พรรษา เพราะกรรมที่แต่ก่อนหลายภพหลายชาติแล้ว ท่านกับภิกษุเหล่านี้เคยไปพูดกล่าวด้วยจิตที่ไม่ใช่กุศลจิตที่หวังดี ว่า"ท่านจงเคี้ยว จงกินแต่ข้าวแดง"
ถึงชาติที่ท่านตรัสรู้รู้ความจริงในสิ่งที่เป็นประโยชน์มากที่สุดที่มนุษย์ควรรู้ คือการดับรูปนาม หมดทุกข์เป็นบรมสุขเรียกว่านิพพาน เป็นสิ่งที่ประเสริฐมากที่สุด แต่ต้องเข้าถึงด้วยการบำเพ็ญบารมี10ปฏิบัติกรรมฐาน จนถึงอริยะเป็นจิตแบบพระอรหันต์ แม้จะเป็นพระหรือไม่ก็ตาม
รู้สึกสงสารนักประกาศข่าวช่องๆหนึ่งที่ทำพฤติกรรมเลียนแบบเช่นนั้น ต่อไปอย่าทำอีกจะดีต่อตนเอง และประทับใจที่นักประกาศข่าวคนนี้ที่พูดได้ดีมากและเป็นประโยชน์ต่อพุทธศานาด้วย
แต่ก็สงสารที่ไปเลียนแบบเช่นนั้นและคนคอมเม้นแนวเชิงลบแบบอกุศลอีกเยอะแยะเลย
ที่ทำพฤติกรรมแบบนั้นก็คงตำหนิคิดว่าไม่ควร ก็ถ้าเราแสดงความคิดเห็นด้วยใจที่เป็นกลางว่าท่านทำไม่ควร มันก็ไม่บาปนะ แต่ถ้าเราแสดงความคิดเห็นด้วยมุ่งให้เสียหายหรือทำลายมันจะทำให้บาป
ถ้าเราอยู่เฉยๆ ไม่แสดงความคิดเห็นว่าด้วยจิตที่เนื่องด้วยอกุศลจะเป็นการแสดงความคิดเห็นด้วยใจที่บริสุทธิ์
แต่นี่ไม่ระวังตัวเองเลย ถ้ามีข่าวแนวนี้ออกมาถ้าไม่ชอบอยู่เฉยๆยังจะดีกว่าไปคอมเม้นด่าพระ พระที่ใจบริสุทธิ์แต่ทำสิ่งที่ไม่เหมาะไม่สมควรก็มีนะในสมัยก่อน เช่นพระอรหันต์ไปแสดงธรรมให้นางภิกษุณีจนค่ำ แค่นี้ก็เป็นเรื่องมีมูลเหตุให้นำไปบอกพระพุทธเจ้าและก็บัญญัติสิกขาบทห้ามพระไปสอนธรรมภิกษุณีจนค่ำ ถ้าทำผิดปรับอาบัติปาจิตตีย์
คือแม้ว่าจะเป็นอรหันต์หรือพระปุถุชนไปสอนธรรมภิกษุณีจนค่ำ ก็ถูกปรับอาบัติ เนื่องด้วยเป็นสิ่งที่ไม่ควรเพราะไปคนเดียวแต่อยู่กับภิกษุณีซึ่งเป็นสตรี ท่านก็เลยปรับเป็นอาบัติไว้
และเรื่องไสยศาสตร์ที่พระมีวิชาอาคมไว้ป้องกันตัวมันก็เป็นเรื่องธรรมดาๆนะ มีไว้ก็ดีนะ เช่นคาถาต่อกระดูก คาถาหยุดเลือด คากันพวกผี คาถานี่มีเยอะนะ ถ้าเป็นแต่ก่อนมีนาคนะที่ใช้ฤทธิปะทะกันกับพระสาคตะ พระสาคตะนี่ได้อภิญญามีฤทธิ์ นาคนั่นก็บังหวนไฟออกมาใส่พระสาคตะจะเอาถึงตายเลยว่างั้น
ส่วนพระสาคตะก็ใช้ฤทธิบังหวนป้องกัน จนในที่สุดพระสาคตะก็ปราบนาคตัวนั้นที่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนได้ นาคนั้นก็ยอมสยบพ่ายแพ้ไป แต่ถ้าเป็นในสมัยนี้นาคที่ประสงค์ร้ายต่อพระก็มีนะ เช่นในสมัยหลวงปู่มั่นกับศิษย์อยู่ในป่า ก็มีพญานาคผู้ไม่เลื่อมใสในพระ มาปล่อยพิษลงในน้ำไว้ เพื่อว่าถ้าพระกลุ่มนี้มาใช้น้ำจะได้โดนพิษของตนได้รับความทุกข์ไปจะได้หนีไปอยู่ที่อื่น
แต่หลวงปู่มั่นท่านหยั่งทราบด้วยญาณจึงเรียกพญานาคตัวนั่นมาแล้วแสดงธรรมให้ฟัง แล้วบอกให้ไปถอนพิษออกจากแหล่งน้ำนั้น ก็ทำตามที่หลวงปู่มั่นบอก
แต่ถ้าเป็นหลวงปู่ตื้อนี่ท่านใช้วิชาอาคมกับพญานาคด้วยนะด้วยเหตุผลของท่านบางอย่างไปหาอ่านเอาเด้อ ถ้าเป็นพระเราไปอยู่ในป่าไม่มีฤทธิ์เลยไม่มีวิชชาอาคมเลย ถ้าโดนพวกอมนุษย์หรือนาคพวกที่ไม่ศรัทธาจะมาทำร้ายนี่เสร็จเลยนะ ถ้าเรียนไว้ป้องกันตัวนิดหน่อยก็ดีนะ
เวลาเห็นพระผิดวินัยภายนอกระดับเบาเช่น ปาจิฺตติยํง ทุกกฺฏ เห็นแล้วเฉยๆนะ เพราะสิกขาบทเล็กน้อย มีบ้างข้อที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ถอนออกไม่ต้องปฏิบัติได้ เมื่อสงฆ์พร้อมใจกันจำนงถอน อันนี้คือในครั้งสมัยพุทธกาลท่านอนุญาติไว้ แต่ทางพระอรหันต์มีพระมหากัสสปะ พระอุบาลี พระอานนท์ และพระอรหันต์องค์อื่นๆอีกทั้งหมดมีความเห็นไม่ตรงกันว่าสิกขาบทเล็กน้อยคือทุกกฏหรือปาจิตตีย์ข้อไหนที่พระพุทธองค์หมายถึง ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่า
มาเรื่องพระที่ศีลภายในบริสุทธิ์
ก็จะเรียกว่าศีลในองค์มรรค แต่ถ้าศีลขอบเขตที่เป็นภายนอก ไม่บริสุทธิ์ เช่นรับเงิน จีวรล่วงอรุน ฉันอาหารที่เป็นของเมื่อวาน ถึงวันเข้าพรรษาแต่ไม่ได้เข้า เป็นต้น อันนี้คือยกตัวอย่างนะ
ถ้าใจเห็นว่าเป็นธรรมจึงทำลงไป แม้ผิดภายนอกแต่ไม่มีวิบากนำไปอบาย แต่ถ้าในภายหลังใจมันเศร้าหมองเพราะเรื่องนี้แล้วตาย อันนี้ไป ดังนั้นอย่ากังวล ถ้าหาอ่านเกร็ดประวัติครูบาอาจารย์จะรู้ว่า บางองค์ท่านฉันเลยเที่ยงเพราะอนุเคราะห์ผีที่ตายแล้วก็มี ถ้าไม่รีบสงเคราะห์จะไม่ทัน
ถ้าใครดูข่าวแล้ว อย่าพูดเชิงให้ตัวเองเป็นบาปมีวิบากทีหลังเหมือนเขาเหล่านั้นนะ
คือย้ำอีกที ศีลที่เป็นวิบากแท้ปู่หนูไม่ได้ผิด ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม โกหก ดื่มสุรา ศีลวิบากแท้อันนี้ปู่ไม่ได้ผิด
แต่ศีลประเภทที่อยู่นอกเหนือจากการให้ผลทางจิตโดยตรง เช่น รับเงิน ตัดหญ้า อาบน้ำเอากายถูต้นไม้ ไม่ได้อยู่กับผ้าจีวรแล้วล่วงคืน เป็นต้น ผลของการทำอันนี้ผิดสิกขาบทก็ยังไม่ใช่วิบากนำไปสู่อบายโดยตรง ถ้าไม่กงวลเหมือนเอกปัตตะนาคราช
(ถ้าผิดศีล๕ และอกุศลกรรมบทสิบ)
อกุศลกรรมบทสิบมันก็คือฝ่ายมิจฉามรรคนั่นเอง
ในมรรคมีองค์แปดมันมี2ฝ่าย
1.ฝ่ายสัมมา
2.ฝ่ายมิจฉา
สายอวิชชาสังขารวิญญาณนามรูปอายะตนะผัสสะฯลฯ อุปทาน ~ฯลฯ คือฝ่ายมิจฉามรรคเป็นอกุศล
สายวิชชา~ฯลฯ คือฝ่ายสัมมามรรคเป็นกุศล
หลวงปู่หนูนี่ท่านรู้วาระจิตด้วยนะ
จึงสามารถหยั่งรู้ความคิดคนอื่นได้
และย้อนถอยไปดูเหตุการณ์อดีตของเราได้ อันนี้ประสบการณ์ตรง ท่านสามารถรู้ความคิดของคนอื่นได้เพราะมาจากธัมบันลุบันดาลหรือไม่ หรือเป็นเจโตปริญญาณอภิญญาก็ไม่ทราบ เพราะการรู้ความคิดคนอื่นได้ไม่ได้มีเฉพาะผู้ได้อภิญญาข้อเจโตปริญญาณเท่านั้นนะ มันมีอีกวิชชาหนึ่งในพระไตรปิฏกบอกไว้อยู่ ทำให้สามารถรู้ใจคนอื่นได้ โดยที่ไม่ใจเจโตปริญญาณ
ส่วนธรรมบรรลุบันดาลที่เป็นธรรมเก่าภาษาเก่าแก่
มันเป็นประโยชน์ในการใช้สร้างบารมีของท่าน ในการช่วยคนอื่น ที่ท่านทำก็มีเยอะนะ คนที่โดนมนต์ดำท่านก็แก้ออกให้ดำ แก้คุณไสย์ ฯลฯ ท่านอยู่ในสายขาวนะ ไม่ใข่สายดำที่ทำของใส่คน
ท่านก็พิจารณากายลงไตรลักษณ์นะตามที่ฟังท่านเทศณ์
ลูกศิษย์บางองค์ของท่านที่เรียนธัมบันลุบันดาลก็สามารถสวดได้และมีความรู้พิเศษสัมผัสรู้เรื่องเกี่ยวกับคนอื่นได้ แม้ไม่ได้อภิญญาข้อเจโตปริญญาณเลย หรือญาณที่ทำให้รู้เกี่ยวกับนิสัยคนอื่นเลย
บางองค์ก็สามารถรับรู้เกี่ยวกับตัวของคนๆหนึ่งได้โดยสัมผัสจากการต้องจับแขน ดังเช่นครูบากลิ้งลูกศิษย์หลวงปู่หนู
ปัจจุบันลาสิกขาไปแล้ว
แต่หลวงปู่หนูนี่ไม่ต้องจับก็รู้เรื่องเกี่ยวกับเราได้..
ปกติในเวลาที่เห็นองค์อื่นมีวิชาด้านอื่นด้วยก็เงียบๆ เช่นอ่านประวัติหลวงปูตื้อสมัยท่านบำเพ็ญเพียร ก็มีวิชาอาคมนะตามที่อ่าน การที่พระท่านไปทางอื่นด้วยก็คงมีเหตุผลของท่าน หรืออาจจะ เช่น อาจเป็นกรรมจัดสรรให้ต้องได้รู้และเรียนเกี่ยวกับธรรมบันลุบันดาน เช่น ไปกล่าวกับพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธะว่า ท่านจงเรียนมนต์แนวนี้ๆสวดมนต์แนวนี้ใน(แบบสัมปยุตประกอบพร้อมด้วยอกุศลจิตเจตสิก) เมื่อวิบากให้ผลจะทำให้ต้องได้เล่าเรียนมนต์แบบนี้สวดมนต์แบบนี้
(เทียบกับ เหมือนในพระสูตรที่ว่า "แต่ก่อนพระองค์กับภิกษุ500รูปนี้ เคยไปพูดบอกแนวอกุศลจิตกับภิกษุสงฆ์ที่มีพระอริยะอยู่ในนั้น "ท่านจงเคี้ยวจงกินแต่ข้าวแดง" ผลกรรมอันนั้นมาส่งผลในชาติที่เป็นพระพุทธะเจ้าแล้ว ทำให้ท่านกับภิกษุ500รูปได้ฉันแต่ข้าวแดงตลอด1พรรษา (ไม่ได้ฉันเนื้อฉันผักเลย)
ส่วนเรื่องดวงธรรมประทับ
มันเป็นสิ่งที่ชาวเทพเทวาไม่อยากให้มนุษย์รู้มากในเรื่องนี้ แต่จะพูดนิดหน่อย
ดวงธรรมคือ มีหลายรูปร่าง แต่เป็นพลังงานทิพย์เหมือนกัน ต่างกันที่ความละเอียด ดวงวงกลมสีสว่างจ้า ดวงวงกลมสีขาว สีอื่นๆเป็นต้น เหล่านี้คืออัตภาพทิพย์ของผู้อยู่ในสุคติภูมิที่เนรมิตให้อัตภาพเป็นเช่นนั้น สามารถเนรมิตให้เท่าปลายเข็มก็ได้ ดั่งในเวลาฟังธรรม เทวดาจะเนรมิตกายให้เล็กๆแล้วมีแสงรัสมีออกมาที่เห็นเป็นดวงสว่างๆนั่นแหละ
พญานาค เทวดา ก็เนรมิตแปลงกายได้เหมือนกัน แต่ไม่ลงร่างมนุษย์มั่วชัวนะ ยิ่งคนถือศีลปฏิบัติธรรม ลงประทับแล้วเบียดเบียนไม่ได้เลยเพราะจะโดนลงทัณฑ์ มนุษย์บางคนก็ถูกร่ายมนต์เปิดก่อนเพื่อให้เข้าประทับร่างได้ โดยที่ไม่ต้องรับขันธ์ เช่นเวลาเรานอนแล้วฝันว่ามีคนมาบอกให้ทำบุญให้หน่อย หรือ ฝันว่าซื้อเลขตัวนี้นะหนู หรือต่อไปให้ระมัดระวังตัวนะจะมีอันตราย เป็นต้น
แล้วพอตื่นขึ้นมานึกย้อนหลัง
ฝันว่าอะไรนะ ความจริงมันมีทั้งปรุงแต่งไปเอง และมีจิตภายนอกเข้ามาแทรกหัว
แล้วฝังเรื่องราวทิ้งไว้ พอตื่นขึ้นมานึกย้อนหลังไปดูเข้าใจว่าเป็นฝัน แต่ความจริงคือมันคือความรู้ของเทพที่ทิ้งไว้ในหัวก็มี
เรื่องที่เห็นว่าเป็นหลวงปู่เดินหมุนๆ70กว่ารอบนั่นคือจิตภายนอกเขามาประทับทำพิธี จะว่าท่านเป็นคนวนหมุน70กว่ารอบคงไม่ได้นะและเสียงที่ร้องออกมาด้วย คือเวลาเทพจีนลงประทับก็จะพูดภาษาจีน ถ้าเป็นเทพเก่าๆอินเดียก็จะพูดแบบที่แตกต่างกันออกไป
ก็คิดว่าท่านกำลังบำเพ็ญบารมีข้อให้คนอื่นได้มีทรัพย์ จัดสงเคราะห์เข้าในทะสะบารมีข้อ เมตตาช่วยคนให้มีทรัพย์ เป็นต้น
คนเราแต่ละคนเคยบำเพ็ญบารมีกันมาหมดทุกคน แต่เต็มแล้วหรือยังอันนี้รู้ได้ยากยุ เช่นให้เงินขอทาน เรียกว่าทานบารมี เช่น บริจากเลือด เรียกว่าทานอุปบารมี
ใครว่าปู่หนูมีธัมบันลุบันดาลไม่ใช่นะ
ในสมัยช่วงที่มีพระบวชใหม่ไปอยู่กับปู่หนูปู่หนูก็บอกให้ไปอยู่กุฏิแล้วบริกรรมพุทโธ ต่อมาพระองค์นั้นก็พุทโธๆ แล้วจนถึงภาวะลมหายใจไม่ปรากฏ แล้วตกใจ ต่อมาในที่สุดพระองค์นั้นก็ถึงภาวะไม่มีลมหายใจปรากฏ อันนี้คือพระองค์นั้นเล่าให้ฟัง ถ้านำมาตีความน่าจะเป็นสภาวะในฌาน
ถ้าใจบริสุทธิ์เป็นศีลอยู่ณภายใน คือรักษาจิตไม่ให้เกิดนิวรณ์๕ ครอบงำ
แล้วไปสงเคราะห์ช่วยผี
คือมีโยมเอาอาหารมาถวายท่านในเวลาที่ไม่ลงตัวเท่าไร แล้วท่านเมตตาฉันอาหารหารนั้นซึ่งเป็นเวลาเลยเที่ยงไปแล้ว ถ้าท่านไม่รีบสงเคราะห์ผีตัวนี้ จะไม่ทัน(ผีตัวนี้อาจจะไปเกิดใหม่เป็นสัตว์เดรัจฉาน )
แล้วท่านก็ฉันในเวลาเลยเที่ยงไปแล้ว
ต่อมาจนกลายเป็นเรื่องเกิดขึ้น
ลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ จึงนำไปเล่าให้ หลวงปู่ดู่พรหม ปัญโญ ฟัง
หลวงปู่ดู่ ก็ได้พูดประมาณว่า
"อย่าไปติเตียนหรือว่าให้ท่านเป็นคนไม่ดี เดี๋ยวจะเป็นบาปเป็นกรรม ท่านทำเพื่อสงเคราะห์ช่วนผี"
ถ้าอีกองค์คือ หลวงปู่เจี๊ยะ อันนี้ก็มีเรื่องประมาณว่าทำไม่เหมาะสม
พระก็นำไปเล่าให้หลวงตาพระมหาบัวฟัง
หลวงตาพระมหาบัวก็บอกว่า
"อย่าไปติเตียนท่านนะ มันจะเป็นบาปเป็นกรรม"
พูดถึงวิชาธัมบันลุบันดาล
มันก็มีประโยชน์ในทางช่วยคนอยู่นะ เช่น ถ้านักข่าวโดนมนต์ดำ โดนของ โดนจ้างให้ทำคุณไสย์ใส่ โดนทำเสน่ใส่ ก็ถอนได้แก้ได้ และอื่นๆอีก
ถ้าไปถามเรื่องแนวนี้กับพระในวัดองค์ที่ไม่มีการประพฤติปฏิบัติทางจิต อยู่แค่ศีล
มีแต่ฉันแล้วก็จำวัดนอนไม่เจริญสมาธิปัญญาขึ้นไป จะรู้นั้นรู้นี่ยาก ถ้าไม่มีผู้เล่าให้ฟัง
#สาธุ รวมมาให้อ่าน
การช่วยเหลือเป็นบุญ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
1 #รวมมาให้อ่านเกี่ยวกับด้านดีๆของหลวงปู่เดือนชัย ธมฺมวิจโย กับนักข่าว
ได้ยินพระเล่าว่าเรื่องนี้มันเป็นกฏแห่งกรรมที่จะเกิดขึ้นกับปู่หนู
นี่ก็แสดงว่าแก้ไขให้อ่อนกำลังลงได้เท่านี้
แล้ว
พูดถึงนักข่าวก็สงสารนะส่วนที่พูดจาเป็นอกุศลแบบนั้นคงหนีไม่พ้น
แต่ก็มีกุศลกรรมด้วยนะตามที่ฟัง เพราะข่าวนี้
เห็นนะว่ามีทั้งวจีกรรมที่เป็นบุญกุศล อาชีพนักข่าวเป็นบุญเหมือนกันนะเพราะเป็นอาชีพที่สุจริตไม่ได้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดโกหก ดื่มเหล้า แต่ระวังบิดเบียนข่าวหรือสร้างข่าวพูดข่าวเพื่อทำลายคนอื่น และให้คนดีเขาแตกสามามัคคีกัน มันจะเป็น ผรุสาวาจา ปิสุนะวาจา
ถ้าพูดถึงต้นเหตุปัจจัยมาจากไหนมาจาก
คนลงพื้นที่ไปทำข่าว คนเขียนข่าว > คนตัดต่อคลิปที่ออกแนวให้นักประกาศข่าวเข้าใจว่าเล่นไสยศาสตร์มนต์ดำศาสตร์มืด >คนประกาศข่าว> ก็พูดทำให้คนเข้าใจว่าปู่หนูทำอะไรที่เป็นพระที่เลวทรามทำบาปกรรม ทั้งๆที่ไม่ใช่อย่างนั้น
ก็พิจารณานะว่า เขาเหล่านี้ไปทำกรรมอะไรมาจึงต้องได้ทำหน้าที่นี้ ทำให้คนดูเกิดมิจฉาทิฏฐิเข้าใจผิดว่าเป็นพระแนวเลวแบบนี้
ก็คงเป็นกรรมใหม่ที่สมัครเข้าไป
พูดถึงการทำงานสายนี้ มันมีนะที่จะเป็นบาป และเป็นบุญ
คนเขียนเจตนายังไงตั้งใจให้พินาศไหม ถ้าตั้งใจก็บาป
คนตัดต่อเจตนายังไงตั้งใจให้พินาศไหม คนพูดออกทีวีเจตนายังไง
มันพ่วงกันไปหมดนะ เป็นพหุลกรรมส่งต่อกันไปเรื่อยๆ จนไปถึงคนดูก็เข้าใจผิดแล้วคอมเม้นในแนวอกุศล ส่วนคนที่เห็นว่าประพฤติไม่ควรและไม่ใช่การทำบาปแล้วอยู่เฉยๆก็รอดตัวไป
นึกถึงเรื่องหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กับศิษย์อยู่ในป่า แล้วมีชาวบ้านเขาเข้าใจผิดคิดว่าท่านกับศิษย์เป็นเสือเย็น คือเป็นเสือร้ายแปลงร่างเป็นมนุษย์จะกินคน
เขาก็ไปเล่ากันต่อเป็นวจีกรรม มโนกรรม
หลวงปู่มั่นทั้งที่ท่านอยู่ที่นั้นกับศิษย์ก็ลำบากเรื่องอาหารบิณฑบาตรอยู่แล้ว
ก็ยังไม่ย้ายไปที่อื่นเพราะถ้าท่านไปจะไม่ได้แก้ความเห็นผิดมิจฉาทิฏฐิของพวกชาวบ้านที่เข้าใจว่าท่านกับศิษย์เป็นสภาวะอะไรที่ไม่ดีอย่างร้ายแรงเป็นเสือเย็นดุร้ายจะกินชาวบ้าน ถ้าท่านไปเวลาตายชาวบ้านเหล่านี้จะไปเกิดเป็นเสือ
ท่านก็เลนอยู่ต่อหาอุบายช่วยแก้ไขให้เข้าใจท่านใหม่ว่าเป็นผู้มีธรรมมีศีลที่บริสุทธิ์เป็นพระ ต่อมาท่านก็ทำให้ชาวบ้านเข้าใจท่านใหม่ ไปหาอ่านเอาเรื่องเต็มๆนะยาวมาก
ต่อไปถ้ามีข่าวแนวเกี่ยวกับคนรักษาศีลแต่ประพฤติที่ไม่เป็นบาป แต่เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรก็ให้ใช้ใจที่เป็นกลางๆพูดไปเ้วยความที่คิดว่าถูกต้องตามธรรมตรงๆว่าไม่ควรอย่างนั้นอย่างนี้
นึกแล้วทำไมคณะสงฆ์ไม่ส่งหนังสือเอกสารแจ้งไปวัดถ้ำจารย์ครูภิหินต่างก่อน
ว่าทำไม่เหมาะอย่างนั้นอย่างนี้นะ และต่อด้วยเดินทางขึ้นไปด้วยกันเป็นหมู่สงฆ์สักถามถึงเหตุผลก่อน ถ้าเป็นสิ่งไม่ควรก็ให้ละแล้วสวดประกาศท่ามกลางสงฆ์เลย
นี่ขับให้ออกจากจังหวัดมุกดาหารเลย
เคยได้ยินแต่ในพระไตรปิฏกผิดสังฆาทิเสสข้อนั้นแค่ขับออกจากวัดนั้น
ปู่หนูก็ไม่ได้ปาราชิกสักข้อเลย
สังฆาทิเสสสักข้อก็ไม่ใช่
เคยเห็นแต่สิกขาบท สังฆาทิเสสข้อนั้นที่พระพุทธเจ้าให้พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะพร้อมกับพระอีกๆหลายรูป ไปบอกให้พระที่ประพฤติไม่เหมาะสม
ให้เลิกประพฤติและขับไล่ออกไปจากวัดนั้น
แต่ถ้าดูในอรรถกถาแล้ว
ถ้าประจบคฤหัส จะต้องบอกแล้วสวดกรรมวาจาให้เลิกถอนการประพฤตินั้น ถ้าไม่เลิกจะปรับอาบัติไปเรื่อยๆ จนถึงสังฆาทิเสส ถ้าติดสังฆาทิเสทแล้วก็ต้องเข้าปริวาสกรรม ขอมานัตตะ
ส่วนเรื่องปาจิตตีย์ข้อรับเงินมันมีหลายวัดนะปัจจุบัน แต่รับแล้วเอาไปทำประโยชน์
ความจริงคาถาอาคมเรียนไว้ป้องกันตัวและช่วยคนนิดหน่อยก็ดีนะ แล้วก็ประพฤติปฏิบัติธรรมไป และไม่ผิดสิกขาบทปาราชิกหรือสังฆาทิเสสเลย แต่มันอาจจะส่อไปเข้าเดรัจฉานวิชชาถ้าทำมาก แยกศัพออกมา [ ติรฉานัง = เดรัจฉาน แปลว่าไปแบบทางขวาง ไปแนวขวาง ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือสัตว์หมาแมวงูมันจะไปแบบขวางๆต่อพื้นโลก ไม่ตรงๆเหยียดขึ้นเหมือนมนุษย์ที่เดินไปแบบตรงๆต่อพื้นโลกไม่ไปแบบขวางๆเหมือนสัตว์ประมาณนี้พอเข้าใจไหม)
[วิชา = ศาตร์วิชา แปลว่าอะไรอันนี้ง่ายมากแปลแล้ว]
ที่จริงความหมายคือตั้งสำนักเป็นเดรัจฉานวิชาเต็มๆเลย เป็นหมองู หมอแมลงป่อง หมอผีทำกระเทยให้เป็นชาย ทำนายดวงดาว เยอะแยะเลยไปหาอ่านเอง แต่ส่วนสำคัญเลยก็คือถ้าเล่นคาถาอาคมแล้วไม่เจริญภาวนาเลย เรียกว่าเป็นเดรัจฉานวิชาแท้จริงๆ
ก็จะไม่ต่างกับคนที่เกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธศานาและไม่รู้จักเจริญภาวนาอบรมจิตให้บรรลุอริยธรรมเลย
พระพุทธเจ้าจึงห้ามไว้อย่าไปสนใจนัก
แต่ถ้าเราอ่านเกร็ดประวัติครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น เช่นหลวงปู่ตื้อตอนที่ท่านยังไม่บรรลุอรหันต์ ช่วงที่ท่านออกธุดงท่านจะมีวิชาอาคมไว้ป้องกันตัวจากเหล่าอมนุษย์และพวกอื่นๆ ท่านก็ปลุกเสกว่านออกไปนะ แล้วท่านก็นั่งภาวนาของท่านต่อ ถ้าถามว่าผิดสิกขาบทไหมก็ไม่ผิด ถามว่าเรียนแล้วป้องกันตัวและช่วยคนอื่นนิดหน่อย ไม่ได้ไปตั้งสำนักช่วยคนอย่างเดียวจนไม่ปฏิบัติภาวนาอะไรเลย
มันเป็นสิ่งที่พอรับได้นะถ้าเป็นมุมมองนักปฏิบัติธรรม แต่ก็ไม่รู้ว่าทุกคนไหม
และสุดๆเลยคือองค์หลวงปู่ตื้อท่านก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ด้วยการภาวนาจนปัญญาแก่รอบตัดสังโยชน์สิบประการขาด สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ไม่ได้สำเร็จเพราะวิชาอาคมหรอกนะ
แต่วิชาอาคมก็มีส่วนดีนะ
นึกถึงหลวงปู่แหวน สุจิณโน กับพระเพื่อนที่ไปธุดงด้วยกันในป่า
สมัยที่ท่านยังไม่บรรลุธรรม
ทั้งที่ท่านก็ศีลบริสุทธิ์ ปฏิบัติภาวนาเป็น ด้วย ท่านถูกผีเข้าสิง แต่ดีหน่อยพระเพื่อนหาอุบายวิธีไล่ออกไปได้
ด้วยใช้ดนไฟจี้ให้กลัว ผีจึงออก ถ้าผีไม่ออกเลยองค์หลวงปู่แหวนคงไม่ได้ปฏิบัติภาวนาและคงไม่ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
นี่ถ้าเพื่อนพระท่านมีคาถาวิชาอาคมไล่ผีออกไปโดยใช้คาถาหรือของขลังบางอย่าง ก็คงง่ายเลยเช่น สายสินหลวงปู่องค์หนึ่งที่โคราช ที่ผีต่างกลัวกันมาก อย่าไปติเตียนท่านนะจิตท่านไม่ธรรมดา
พูดมาแล้วก็สงสารนักข่าวด้วย และสงสารแฟนคลับของช่องนั้นด้วย
ที่คอมเม้นแนวอกุศล นึกถึงวัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่างแล้ว
แต่ก่อนเมื่อหลายปีแล้วก็สพายบาตร ย่าม เต้น ขึ้นรถไปวัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่าง วัดนี้จะอยู่บนภูเขาระดับกลาง ไม่อยู่สูงมาก รวมช่วงที่อยู่ในวัดก็เกือบอาทิตย์หนึ่ง
ไปกางเต้นบนโขดหินนั่งทำสมาธิ ไปพักอยู่วัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่างอยู่หลายวัน ไปสองครั้ง
วัตรปฏิบัติภายในวัดเท่าที่ทราบก็มีปกติๆทั่วๆไปนะ มีทำวัตรเช้าสวดมนต์ตามหนังสือสวดมนต์ภาษาบาลี ทั้งบทอุทิศบุญ และบทอื่นๆ
แต่พอสวดเสร็จแล้ว พระกับลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสจะสวดมนตร์ธรรมบันลุบรรลดาลกันต่อ
เป็นภาษาที่ฟังแล้วไม่รู้ว่าแปลว่าอะไรเหมือนกัน ทั้งพระทั้งโยมสวดได้แต่เราสวดไม่ได้เพราะไม่ได้แต่งขันธ์เรียนกับหลวงปู่หนู
แล้วต่อมาพอสวดเสร็จ ก็ได้ไปจัดเตรียมที่ฉัน วางขาบาตร หากระโถน หาน้ำขวดมาตั้งรอไว้ฉัน
แล้วก็ขึ้นรถโยมพาลงไปเดินบิณฑบาตรในหมู่บ้านโคกหินกองข้างล่าง เวลาโยมใส่บาตรก็ปกตินะ พระก็ให้พรย่อๆ อภิวทานาสี ลิดสะนิดจัง วุฒฑาปะจายิโนจัตตาโร ธัมมาวัตทันติ อายุวัณโณสุขังพะลัง ให้พรเสร็จก็เดินบิณฑบาตรไปต่อเรื่อยๆ จนหมดที่รับบิณฑบาตร
เสร็จแล้วก็ขึ้นรถกะบะกลับขึ้นมาบนศาลา ก็ถ่ายบาตรเอากับข้าวเอาอาหารออกจากบาตร ไปใส่ไว้ที่กล้องข้าวใหญ่ๆส่วนพวกกับก็ไว้ในถาดใหญ่
จากนั้นก็กลับไปกุฏิตนจะเข้าห้องน้ำสงน้ำอะไรก็ตามสบายแล้วแต่เลยในช่วงนี้
และระหว่างนี้รอโยมที่ตามมาถวายที่วัดอีก ก็จะมีโยมผู้หญิงอุปฐากพระในวัดทำอาหารเสริมเพิ่มเติมจากที่ได้จากบิณฑบาตร ก็เหมือนที่วัดอื่นนะ ก็รอเวลาฉันภัตตาอาหาร
พอถึงเวลาแล้วก็มาที่ศาลา ล้างเท้าขึ้นบนศาลากราบพระประธานนั่งบนผ้านิสีทนะผ้ารองนั่ง แล้วก็กล่าวนำให้ญาตโยมสมาทานศีล และกล่าวคำถวายอาหาร เสร็จแล้วก็สวดสัพพีและอื่นๆอีกต่อด้วยอิมินากวาดน้ำ
และก็ลงมือฉันอาหารในบาตร จะใช้ซ้อนหรือไม่ใช้ก็แล้วแต่
ฉันเสร็จก็เก็บกระโถนและเอาบาตรไปล้าง เซ็ดบาตรฯลฯ
จากนั้นก็กลับกุฏิใครกุฏิมันเอาบาตรไปตากแดด และเก็บบาตร เสร็จ
ก็ออกมาพูดคุยกันกับหมู่พระที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ พระบางองค์ก็กำลังแกะสลักไม้เพื่อทำของขลัง .ก็คุยสนทนาด้วยเรื่องทั่วๆไป
ก็กลับขึ้นไปบนภูเข้าเต้นนั่งสมาธิ ฟังเทศณ์ในโทรศัพท์ต่อ
ตกค่ำก็มีการสวดมนต์ทำวัตร์เย็นเหมือนที่วัดอื่นๆสวด สวดบทนั่นบทนี้ในหนังสือมีหลายบทเลย แต่สุดท้ายบทที่สวดจะเป็นสวดธัมบันลุบันดาลกัน ส่วนเราก็นั่งฟัง
คือถ้าคนที่ไม่ได้แต่งขันธ์ครูเรียนมนต์นี้จะสวดไม่ได้เลย เราก็ได้แต่ฟังว่านี่มันภาษาอะไรนะบาลีหรือเขมรหรือภาษาขอมก็ไม่อาจทราบได้ว่าคือภาษาอะไร
พอเสร็จแล้วก็ กลับกุฏิใครกุฏิมันแยกย้าย ส่วนเราขึ้นไปบนโขดหินนั่งสมาธิ อุทิศบุญ แล้วจากนั้นก็ฟังเทศณ์ แล้วก็จำวัดนอน ตื่นมาอีกวัน ก็จะคล้ายๆแบบนี้วัตรปฏิบัติภายในวัด
ก็ป็นบางวันก็เห็นพระรับแขกคือมีโยมที่มาให้ดูนั่นดูนี่ แต่งขันธ์๕มา ท่านก็ดูให้หลับตาสักพักแล้วก็พูดๆๆ ก็คงเป็นการดูดวง อันนี้ครูบากลิ้งนะเป็นศิษย์หลวงปู่ที่ดู ไม่ใช่ปู่หนู
ที่มาครั้งแรกๆเลยก็มีโยมมาขอเลขกับปู่หนู
มาเป็น 10 กว่าคนเลย ก็ได้นั่งฟังอยู่ในนั้นด้วย
ท่านก็พูดๆออกมาเรื่องอื่นๆด้วยๆเรื่องที่จำได้เลยก็คือ ท่านพูดประมาณว่า""ถ้าเรามองดินที่ใกล้ๆเท้าที่เหยียบ สายตาเราก็จะเห็นดินสุดเพียงเท่านี้
แต่ถ้าเรายิ่งมองระยะไกลออกไปเท่าไร่
เราจะเห็นสิ่งต่างๆเยอะแยะเลย"
(สิ่งต่างๆนั้นก็คือ วัตถุที่เป็นเหตุให้ก่อกิเลส ที่จะล่อให้ใจเราเป็นทุกข์)
พอพูดธรรมะเปรยๆเสร็จ ต่อมา ก็บอกข้างล่างข้างบน โยมก็จดๆไว้
ต่อมามันก็ออกเป๊ะๆนะ2ตัว
เท่าที่รู้ก็คือทั้งใบ้ให้ตีความเอง และบอกตรงๆเลย ปู่หนูจะเป็นแบบว่าเวลาท่านพูดจะมีพูดทีเล่นทีจริง เห็นข่าวแล้ว "เรื่องสั่งอาหารทางไลน์ คิดว่ามันไม่จริงหรอกที่ท่านสั่งอาหารทางไลน์ เพราะมีโยมอุปฐากวัดทำอาหารที่อยู่ในโรงครัวอยู่ โยมอุปฐากแต่ละคนนิสัยดีจิตใจนะ พูดจาดีใจดี บางคนก็เป็นเจ้าของปั้มน้ำมัน เรื่องขาดอาหารบิณฑบาตรนี่น่าจะยาก
เพราะแค่ลงไปเดินบิณฑบาตรแล้วขึ้นมาก็ต้องมีข้าวอาหารผลไม้ติดมาบ้างแหละ ข้าวก็เหลือตั้งเยอะที่โยมใส่บาตรที่เอามารวมในกล้องข้าวใหญ่ๆเดียวกัน
ถ้าไปดูคลิบเต็มๆที่เพื่อนปู่หนูให้สัมภาษ์ ฟังดูดีๆมันคือพูดทีเล่นนะ เพื่อนปู่หนูก็ยังบอกเลยอาจเป็นพูดที่เล่น และก็เรื่องที่เพื่อนปู่หนูพูดล้วนพูดแต่เรื่องสมัยเก่าหลายปีแล้วทั้งนั้น เรื่องภายในใจรู้หรือไม่ก็ไม่ทราบ ว่าท่านก็มีกรรมฐานอยู่เหมือนกัน
ลูกศิษย์ภายในวัดทั้งที่เป็นพระและนุ่งขาว ต่างรู้เรื่องภายในว่ามีอะไร ขนาดเราเองมาจากที่อื่นเห็นและประสบกับตัวเองเลยว่า ปู่หนูนี่มีอะไรที่พิเศษกว่าท่านอื่นๆ เท่าที่เคยประสบคือเรื่องการให้เลข ที่คนมาขอเพิงขอให้ท่านบอกหวย คนที่ถูกเลขเพราะปู่หนูนี่เยอะมาก พูดจาปากต่อปากข้ามจังหวัด ก็เลยมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะเพราะอย่างนี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ หรือเพราะที่ท่านไปโผดผายช่วยเหลือทั้งเรื่องแก้มนต์ดำ แก้ของที่มันเคยเข้าตัวเขา ทำพิธีนู้นนี่นั้นในการช่วยเขา แ้วลเขาเกิดความศรัทธาจึงมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะแยะมาก ทั้งรถคันนั้นก็ลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสซื้อถวายให้ เรื่องอดอยากไม่มีอะไรฉันเป็นไปไม่ได้หรอก
เห็นนักข่าวตัดต่อออกเอาเฉพาะให้เข้าใจว่าสั่งทางไลน์ เห็นแล้วทำให้คนเข้าใจผิดนะ จะบาปไม่บาปก็อยู่ที่ว่าจิตคิดยังไงจึงตัดเอาเฉพาะแค่นั้น
ต่อมาหลายปีก็คิดๆอยู่นะว่าเราจะเอาธัมบันลุบันดาลไหมนะ จะได้สัมผัสอะไรแปลกๆภายนอกได้เร็วๆ โดยไม่ต้องทำสมาธิถึงฌานแล้วทะลุอภิญญา
เพราะอภิญญาตาทิพย์หูทิพย์ก็ยังไม่มี ถ้าสวดธัมบันลุบันดาลแล้วจะได้สัมผัสเรื่องแปลกๆของคนอื่นโดยไม่ต้องมีอภิญญาเลยน่าสนนะ ก็คิดแบบนี้ในสมัยนั้น วิชาธรรมบันลุบรรดาลนี่มันมีผลทำให้มีความสามารถที่เหนือกว่าคนทั่วไป แต่ต้องสวดมนต์บันลุบันดาล
ลูกศิษย์ท่านบางคนได้แล้วก็สัมผัสอะไรภายนอกได้ ก็อัศจรรย์อยู่ว่ามันเริ่มรู้สิ่งแปลกๆภายนอกได้ยังไง คนนี้ๆเป็นคนยังไงมันจะสัมผัสได้ แต่ต่อมาห่างหายไปไม่ค่อยได้สวด ก็สัมผัสอะไรไม่ได้ อันนี้คือเขาเล่าให้ฟัง
มีหลายองค์นะลูกศิษย์ปู่หนูที่ได้วิชชาแล้ว สามารถทำนู้นนี่นั่นได้ ทั้งตั้งศาลพระภูมิ แก้มนต์ดำ แก้คุณไสย์ ตรวจกรรม ปลุกเสกของขลังให้มีอำนาจ เรื่องของขลังถ้ามีไว้กันพวกผีก็ไม่เสียหายนะ
ได้ยินพระเล่าว่าเรื่องนี้มันเป็นกฏแห่งกรรมที่จะเกิดขึ้นกับปู่หนู
นี่ก็แสดงว่าแก้ไขให้อ่อนกำลังลงได้เท่านี้
แล้ว
พูดถึงนักข่าวก็สงสารนะส่วนที่พูดจาเป็นอกุศลแบบนั้นคงหนีไม่พ้น
แต่ก็มีกุศลกรรมด้วยนะตามที่ฟัง เพราะข่าวนี้
เห็นนะว่ามีทั้งวจีกรรมที่เป็นบุญกุศล อาชีพนักข่าวเป็นบุญเหมือนกันนะเพราะเป็นอาชีพที่สุจริตไม่ได้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดโกหก ดื่มเหล้า แต่ระวังบิดเบียนข่าวหรือสร้างข่าวพูดข่าวเพื่อทำลายคนอื่น และให้คนดีเขาแตกสามามัคคีกัน มันจะเป็น ผรุสาวาจา ปิสุนะวาจา
ถ้าพูดถึงต้นเหตุปัจจัยมาจากไหนมาจาก
คนลงพื้นที่ไปทำข่าว คนเขียนข่าว > คนตัดต่อคลิปที่ออกแนวให้นักประกาศข่าวเข้าใจว่าเล่นไสยศาสตร์มนต์ดำศาสตร์มืด >คนประกาศข่าว> ก็พูดทำให้คนเข้าใจว่าปู่หนูทำอะไรที่เป็นพระที่เลวทรามทำบาปกรรม ทั้งๆที่ไม่ใช่อย่างนั้น
ก็พิจารณานะว่า เขาเหล่านี้ไปทำกรรมอะไรมาจึงต้องได้ทำหน้าที่นี้ ทำให้คนดูเกิดมิจฉาทิฏฐิเข้าใจผิดว่าเป็นพระแนวเลวแบบนี้
ก็คงเป็นกรรมใหม่ที่สมัครเข้าไป
พูดถึงการทำงานสายนี้ มันมีนะที่จะเป็นบาป และเป็นบุญ
คนเขียนเจตนายังไงตั้งใจให้พินาศไหม ถ้าตั้งใจก็บาป
คนตัดต่อเจตนายังไงตั้งใจให้พินาศไหม คนพูดออกทีวีเจตนายังไง
มันพ่วงกันไปหมดนะ เป็นพหุลกรรมส่งต่อกันไปเรื่อยๆ จนไปถึงคนดูก็เข้าใจผิดแล้วคอมเม้นในแนวอกุศล ส่วนคนที่เห็นว่าประพฤติไม่ควรและไม่ใช่การทำบาปแล้วอยู่เฉยๆก็รอดตัวไป
นึกถึงเรื่องหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กับศิษย์อยู่ในป่า แล้วมีชาวบ้านเขาเข้าใจผิดคิดว่าท่านกับศิษย์เป็นเสือเย็น คือเป็นเสือร้ายแปลงร่างเป็นมนุษย์จะกินคน
เขาก็ไปเล่ากันต่อเป็นวจีกรรม มโนกรรม
หลวงปู่มั่นทั้งที่ท่านอยู่ที่นั้นกับศิษย์ก็ลำบากเรื่องอาหารบิณฑบาตรอยู่แล้ว
ก็ยังไม่ย้ายไปที่อื่นเพราะถ้าท่านไปจะไม่ได้แก้ความเห็นผิดมิจฉาทิฏฐิของพวกชาวบ้านที่เข้าใจว่าท่านกับศิษย์เป็นสภาวะอะไรที่ไม่ดีอย่างร้ายแรงเป็นเสือเย็นดุร้ายจะกินชาวบ้าน ถ้าท่านไปเวลาตายชาวบ้านเหล่านี้จะไปเกิดเป็นเสือ
ท่านก็เลนอยู่ต่อหาอุบายช่วยแก้ไขให้เข้าใจท่านใหม่ว่าเป็นผู้มีธรรมมีศีลที่บริสุทธิ์เป็นพระ ต่อมาท่านก็ทำให้ชาวบ้านเข้าใจท่านใหม่ ไปหาอ่านเอาเรื่องเต็มๆนะยาวมาก
ต่อไปถ้ามีข่าวแนวเกี่ยวกับคนรักษาศีลแต่ประพฤติที่ไม่เป็นบาป แต่เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรก็ให้ใช้ใจที่เป็นกลางๆพูดไปเ้วยความที่คิดว่าถูกต้องตามธรรมตรงๆว่าไม่ควรอย่างนั้นอย่างนี้
นึกแล้วทำไมคณะสงฆ์ไม่ส่งหนังสือเอกสารแจ้งไปวัดถ้ำจารย์ครูภิหินต่างก่อน
ว่าทำไม่เหมาะอย่างนั้นอย่างนี้นะ และต่อด้วยเดินทางขึ้นไปด้วยกันเป็นหมู่สงฆ์สักถามถึงเหตุผลก่อน ถ้าเป็นสิ่งไม่ควรก็ให้ละแล้วสวดประกาศท่ามกลางสงฆ์เลย
นี่ขับให้ออกจากจังหวัดมุกดาหารเลย
เคยได้ยินแต่ในพระไตรปิฏกผิดสังฆาทิเสสข้อนั้นแค่ขับออกจากวัดนั้น
ปู่หนูก็ไม่ได้ปาราชิกสักข้อเลย
สังฆาทิเสสสักข้อก็ไม่ใช่
เคยเห็นแต่สิกขาบท สังฆาทิเสสข้อนั้นที่พระพุทธเจ้าให้พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะพร้อมกับพระอีกๆหลายรูป ไปบอกให้พระที่ประพฤติไม่เหมาะสม
ให้เลิกประพฤติและขับไล่ออกไปจากวัดนั้น
แต่ถ้าดูในอรรถกถาแล้ว
ถ้าประจบคฤหัส จะต้องบอกแล้วสวดกรรมวาจาให้เลิกถอนการประพฤตินั้น ถ้าไม่เลิกจะปรับอาบัติไปเรื่อยๆ จนถึงสังฆาทิเสส ถ้าติดสังฆาทิเสทแล้วก็ต้องเข้าปริวาสกรรม ขอมานัตตะ
ส่วนเรื่องปาจิตตีย์ข้อรับเงินมันมีหลายวัดนะปัจจุบัน แต่รับแล้วเอาไปทำประโยชน์
ความจริงคาถาอาคมเรียนไว้ป้องกันตัวและช่วยคนนิดหน่อยก็ดีนะ แล้วก็ประพฤติปฏิบัติธรรมไป และไม่ผิดสิกขาบทปาราชิกหรือสังฆาทิเสสเลย แต่มันอาจจะส่อไปเข้าเดรัจฉานวิชชาถ้าทำมาก แยกศัพออกมา [ ติรฉานัง = เดรัจฉาน แปลว่าไปแบบทางขวาง ไปแนวขวาง ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือสัตว์หมาแมวงูมันจะไปแบบขวางๆต่อพื้นโลก ไม่ตรงๆเหยียดขึ้นเหมือนมนุษย์ที่เดินไปแบบตรงๆต่อพื้นโลกไม่ไปแบบขวางๆเหมือนสัตว์ประมาณนี้พอเข้าใจไหม)
[วิชา = ศาตร์วิชา แปลว่าอะไรอันนี้ง่ายมากแปลแล้ว]
ที่จริงความหมายคือตั้งสำนักเป็นเดรัจฉานวิชาเต็มๆเลย เป็นหมองู หมอแมลงป่อง หมอผีทำกระเทยให้เป็นชาย ทำนายดวงดาว เยอะแยะเลยไปหาอ่านเอง แต่ส่วนสำคัญเลยก็คือถ้าเล่นคาถาอาคมแล้วไม่เจริญภาวนาเลย เรียกว่าเป็นเดรัจฉานวิชาแท้จริงๆ
ก็จะไม่ต่างกับคนที่เกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธศานาและไม่รู้จักเจริญภาวนาอบรมจิตให้บรรลุอริยธรรมเลย
พระพุทธเจ้าจึงห้ามไว้อย่าไปสนใจนัก
แต่ถ้าเราอ่านเกร็ดประวัติครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น เช่นหลวงปู่ตื้อตอนที่ท่านยังไม่บรรลุอรหันต์ ช่วงที่ท่านออกธุดงท่านจะมีวิชาอาคมไว้ป้องกันตัวจากเหล่าอมนุษย์และพวกอื่นๆ ท่านก็ปลุกเสกว่านออกไปนะ แล้วท่านก็นั่งภาวนาของท่านต่อ ถ้าถามว่าผิดสิกขาบทไหมก็ไม่ผิด ถามว่าเรียนแล้วป้องกันตัวและช่วยคนอื่นนิดหน่อย ไม่ได้ไปตั้งสำนักช่วยคนอย่างเดียวจนไม่ปฏิบัติภาวนาอะไรเลย
มันเป็นสิ่งที่พอรับได้นะถ้าเป็นมุมมองนักปฏิบัติธรรม แต่ก็ไม่รู้ว่าทุกคนไหม
และสุดๆเลยคือองค์หลวงปู่ตื้อท่านก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ด้วยการภาวนาจนปัญญาแก่รอบตัดสังโยชน์สิบประการขาด สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ไม่ได้สำเร็จเพราะวิชาอาคมหรอกนะ
แต่วิชาอาคมก็มีส่วนดีนะ
นึกถึงหลวงปู่แหวน สุจิณโน กับพระเพื่อนที่ไปธุดงด้วยกันในป่า
สมัยที่ท่านยังไม่บรรลุธรรม
ทั้งที่ท่านก็ศีลบริสุทธิ์ ปฏิบัติภาวนาเป็น ด้วย ท่านถูกผีเข้าสิง แต่ดีหน่อยพระเพื่อนหาอุบายวิธีไล่ออกไปได้
ด้วยใช้ดนไฟจี้ให้กลัว ผีจึงออก ถ้าผีไม่ออกเลยองค์หลวงปู่แหวนคงไม่ได้ปฏิบัติภาวนาและคงไม่ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
นี่ถ้าเพื่อนพระท่านมีคาถาวิชาอาคมไล่ผีออกไปโดยใช้คาถาหรือของขลังบางอย่าง ก็คงง่ายเลยเช่น สายสินหลวงปู่องค์หนึ่งที่โคราช ที่ผีต่างกลัวกันมาก อย่าไปติเตียนท่านนะจิตท่านไม่ธรรมดา
พูดมาแล้วก็สงสารนักข่าวด้วย และสงสารแฟนคลับของช่องนั้นด้วย
ที่คอมเม้นแนวอกุศล นึกถึงวัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่างแล้ว
แต่ก่อนเมื่อหลายปีแล้วก็สพายบาตร ย่าม เต้น ขึ้นรถไปวัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่าง วัดนี้จะอยู่บนภูเขาระดับกลาง ไม่อยู่สูงมาก รวมช่วงที่อยู่ในวัดก็เกือบอาทิตย์หนึ่ง
ไปกางเต้นบนโขดหินนั่งทำสมาธิ ไปพักอยู่วัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่างอยู่หลายวัน ไปสองครั้ง
วัตรปฏิบัติภายในวัดเท่าที่ทราบก็มีปกติๆทั่วๆไปนะ มีทำวัตรเช้าสวดมนต์ตามหนังสือสวดมนต์ภาษาบาลี ทั้งบทอุทิศบุญ และบทอื่นๆ
แต่พอสวดเสร็จแล้ว พระกับลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสจะสวดมนตร์ธรรมบันลุบรรลดาลกันต่อ
เป็นภาษาที่ฟังแล้วไม่รู้ว่าแปลว่าอะไรเหมือนกัน ทั้งพระทั้งโยมสวดได้แต่เราสวดไม่ได้เพราะไม่ได้แต่งขันธ์เรียนกับหลวงปู่หนู
แล้วต่อมาพอสวดเสร็จ ก็ได้ไปจัดเตรียมที่ฉัน วางขาบาตร หากระโถน หาน้ำขวดมาตั้งรอไว้ฉัน
แล้วก็ขึ้นรถโยมพาลงไปเดินบิณฑบาตรในหมู่บ้านโคกหินกองข้างล่าง เวลาโยมใส่บาตรก็ปกตินะ พระก็ให้พรย่อๆ อภิวทานาสี ลิดสะนิดจัง วุฒฑาปะจายิโนจัตตาโร ธัมมาวัตทันติ อายุวัณโณสุขังพะลัง ให้พรเสร็จก็เดินบิณฑบาตรไปต่อเรื่อยๆ จนหมดที่รับบิณฑบาตร
เสร็จแล้วก็ขึ้นรถกะบะกลับขึ้นมาบนศาลา ก็ถ่ายบาตรเอากับข้าวเอาอาหารออกจากบาตร ไปใส่ไว้ที่กล้องข้าวใหญ่ๆส่วนพวกกับก็ไว้ในถาดใหญ่
จากนั้นก็กลับไปกุฏิตนจะเข้าห้องน้ำสงน้ำอะไรก็ตามสบายแล้วแต่เลยในช่วงนี้
และระหว่างนี้รอโยมที่ตามมาถวายที่วัดอีก ก็จะมีโยมผู้หญิงอุปฐากพระในวัดทำอาหารเสริมเพิ่มเติมจากที่ได้จากบิณฑบาตร ก็เหมือนที่วัดอื่นนะ ก็รอเวลาฉันภัตตาอาหาร
พอถึงเวลาแล้วก็มาที่ศาลา ล้างเท้าขึ้นบนศาลากราบพระประธานนั่งบนผ้านิสีทนะผ้ารองนั่ง แล้วก็กล่าวนำให้ญาตโยมสมาทานศีล และกล่าวคำถวายอาหาร เสร็จแล้วก็สวดสัพพีและอื่นๆอีกต่อด้วยอิมินากวาดน้ำ
และก็ลงมือฉันอาหารในบาตร จะใช้ซ้อนหรือไม่ใช้ก็แล้วแต่
ฉันเสร็จก็เก็บกระโถนและเอาบาตรไปล้าง เซ็ดบาตรฯลฯ
จากนั้นก็กลับกุฏิใครกุฏิมันเอาบาตรไปตากแดด และเก็บบาตร เสร็จ
ก็ออกมาพูดคุยกันกับหมู่พระที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ พระบางองค์ก็กำลังแกะสลักไม้เพื่อทำของขลัง .ก็คุยสนทนาด้วยเรื่องทั่วๆไป
ก็กลับขึ้นไปบนภูเข้าเต้นนั่งสมาธิ ฟังเทศณ์ในโทรศัพท์ต่อ
ตกค่ำก็มีการสวดมนต์ทำวัตร์เย็นเหมือนที่วัดอื่นๆสวด สวดบทนั่นบทนี้ในหนังสือมีหลายบทเลย แต่สุดท้ายบทที่สวดจะเป็นสวดธัมบันลุบันดาลกัน ส่วนเราก็นั่งฟัง
คือถ้าคนที่ไม่ได้แต่งขันธ์ครูเรียนมนต์นี้จะสวดไม่ได้เลย เราก็ได้แต่ฟังว่านี่มันภาษาอะไรนะบาลีหรือเขมรหรือภาษาขอมก็ไม่อาจทราบได้ว่าคือภาษาอะไร
พอเสร็จแล้วก็ กลับกุฏิใครกุฏิมันแยกย้าย ส่วนเราขึ้นไปบนโขดหินนั่งสมาธิ อุทิศบุญ แล้วจากนั้นก็ฟังเทศณ์ แล้วก็จำวัดนอน ตื่นมาอีกวัน ก็จะคล้ายๆแบบนี้วัตรปฏิบัติภายในวัด
ก็ป็นบางวันก็เห็นพระรับแขกคือมีโยมที่มาให้ดูนั่นดูนี่ แต่งขันธ์๕มา ท่านก็ดูให้หลับตาสักพักแล้วก็พูดๆๆ ก็คงเป็นการดูดวง อันนี้ครูบากลิ้งนะเป็นศิษย์หลวงปู่ที่ดู ไม่ใช่ปู่หนู
ที่มาครั้งแรกๆเลยก็มีโยมมาขอเลขกับปู่หนู
มาเป็น 10 กว่าคนเลย ก็ได้นั่งฟังอยู่ในนั้นด้วย
ท่านก็พูดๆออกมาเรื่องอื่นๆด้วยๆเรื่องที่จำได้เลยก็คือ ท่านพูดประมาณว่า""ถ้าเรามองดินที่ใกล้ๆเท้าที่เหยียบ สายตาเราก็จะเห็นดินสุดเพียงเท่านี้
แต่ถ้าเรายิ่งมองระยะไกลออกไปเท่าไร่
เราจะเห็นสิ่งต่างๆเยอะแยะเลย"
(สิ่งต่างๆนั้นก็คือ วัตถุที่เป็นเหตุให้ก่อกิเลส ที่จะล่อให้ใจเราเป็นทุกข์)
พอพูดธรรมะเปรยๆเสร็จ ต่อมา ก็บอกข้างล่างข้างบน โยมก็จดๆไว้
ต่อมามันก็ออกเป๊ะๆนะ2ตัว
เท่าที่รู้ก็คือทั้งใบ้ให้ตีความเอง และบอกตรงๆเลย ปู่หนูจะเป็นแบบว่าเวลาท่านพูดจะมีพูดทีเล่นทีจริง เห็นข่าวแล้ว "เรื่องสั่งอาหารทางไลน์ คิดว่ามันไม่จริงหรอกที่ท่านสั่งอาหารทางไลน์ เพราะมีโยมอุปฐากวัดทำอาหารที่อยู่ในโรงครัวอยู่ โยมอุปฐากแต่ละคนนิสัยดีจิตใจนะ พูดจาดีใจดี บางคนก็เป็นเจ้าของปั้มน้ำมัน เรื่องขาดอาหารบิณฑบาตรนี่น่าจะยาก
เพราะแค่ลงไปเดินบิณฑบาตรแล้วขึ้นมาก็ต้องมีข้าวอาหารผลไม้ติดมาบ้างแหละ ข้าวก็เหลือตั้งเยอะที่โยมใส่บาตรที่เอามารวมในกล้องข้าวใหญ่ๆเดียวกัน
ถ้าไปดูคลิบเต็มๆที่เพื่อนปู่หนูให้สัมภาษ์ ฟังดูดีๆมันคือพูดทีเล่นนะ เพื่อนปู่หนูก็ยังบอกเลยอาจเป็นพูดที่เล่น และก็เรื่องที่เพื่อนปู่หนูพูดล้วนพูดแต่เรื่องสมัยเก่าหลายปีแล้วทั้งนั้น เรื่องภายในใจรู้หรือไม่ก็ไม่ทราบ ว่าท่านก็มีกรรมฐานอยู่เหมือนกัน
ลูกศิษย์ภายในวัดทั้งที่เป็นพระและนุ่งขาว ต่างรู้เรื่องภายในว่ามีอะไร ขนาดเราเองมาจากที่อื่นเห็นและประสบกับตัวเองเลยว่า ปู่หนูนี่มีอะไรที่พิเศษกว่าท่านอื่นๆ เท่าที่เคยประสบคือเรื่องการให้เลข ที่คนมาขอเพิงขอให้ท่านบอกหวย คนที่ถูกเลขเพราะปู่หนูนี่เยอะมาก พูดจาปากต่อปากข้ามจังหวัด ก็เลยมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะเพราะอย่างนี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ หรือเพราะที่ท่านไปโผดผายช่วยเหลือทั้งเรื่องแก้มนต์ดำ แก้ของที่มันเคยเข้าตัวเขา ทำพิธีนู้นนี่นั้นในการช่วยเขา แ้วลเขาเกิดความศรัทธาจึงมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะแยะมาก ทั้งรถคันนั้นก็ลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสซื้อถวายให้ เรื่องอดอยากไม่มีอะไรฉันเป็นไปไม่ได้หรอก
เห็นนักข่าวตัดต่อออกเอาเฉพาะให้เข้าใจว่าสั่งทางไลน์ เห็นแล้วทำให้คนเข้าใจผิดนะ จะบาปไม่บาปก็อยู่ที่ว่าจิตคิดยังไงจึงตัดเอาเฉพาะแค่นั้น
ต่อมาหลายปีก็คิดๆอยู่นะว่าเราจะเอาธัมบันลุบันดาลไหมนะ จะได้สัมผัสอะไรแปลกๆภายนอกได้เร็วๆ โดยไม่ต้องทำสมาธิถึงฌานแล้วทะลุอภิญญา
เพราะอภิญญาตาทิพย์หูทิพย์ก็ยังไม่มี ถ้าสวดธัมบันลุบันดาลแล้วจะได้สัมผัสเรื่องแปลกๆของคนอื่นโดยไม่ต้องมีอภิญญาเลยน่าสนนะ ก็คิดแบบนี้ในสมัยนั้น วิชาธรรมบันลุบรรดาลนี่มันมีผลทำให้มีความสามารถที่เหนือกว่าคนทั่วไป แต่ต้องสวดมนต์บันลุบันดาล
ลูกศิษย์ท่านบางคนได้แล้วก็สัมผัสอะไรภายนอกได้ ก็อัศจรรย์อยู่ว่ามันเริ่มรู้สิ่งแปลกๆภายนอกได้ยังไง คนนี้ๆเป็นคนยังไงมันจะสัมผัสได้ แต่ต่อมาห่างหายไปไม่ค่อยได้สวด ก็สัมผัสอะไรไม่ได้ อันนี้คือเขาเล่าให้ฟัง
มีหลายองค์นะลูกศิษย์ปู่หนูที่ได้วิชชาแล้ว สามารถทำนู้นนี่นั่นได้ ทั้งตั้งศาลพระภูมิ แก้มนต์ดำ แก้คุณไสย์ ตรวจกรรม ปลุกเสกของขลังให้มีอำนาจ เรื่องของขลังถ้ามีไว้กันพวกผีก็ไม่เสียหายนะ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
2 - 3 หลวงปู่มั่นท่านก็เมตตาอนุโลมทำให้ฆราวาสคนหนึ่งที่มาขอท่าน หวลงปู่ดูล อตุโล ท่านก็เมตตาไปปลุกเสกของขลังให้นะ ถ้ามองเรื่องปลุกเสกดีๆรู้ไหมว่าทางพระคิดยังไงแต่ก็คงไม่ทุกองค์ มันเป็นเรื่องธรรมดาๆไปแล้วนะเพราะปลุกเสกวัตถุมงคลมันคืออัดพลังจิตปะจุลงในนั้น ทำให้มีอานุภาพในทางต่างๆแล้วแต่จะใช้ลักษณะจิตแบบไหนทำ ยันต์หลวงปู่มั่นคนลองนำไปทดสอบก็ยิงปืนไม่ได้เลย ลองหาอ่านดู
มีป้านักปฏิบัติธรรมคนหนึ่งที่ชอบโดนผีมาก่อกวน พอเขามีของขลังคือกริช แล้วผีก็กลัวไม่มาก่อกวนป้าแกอีกเลยเวลานอน เรื่องปลุกเสกนี่มีมาแต่สมัยโบราณแล้ว เช่นควยธนูนี่เป็นอะไรที่ใช้ในทางให้เป็นบาปก็ได้ แต่พระสงฆ์ท่านไม่ปลุกเสกไปในทางที่ไม่ดี ไม่ให้ผลร้ายต่อผู้มีของขลัง ต่อไปนี้อย่าติเตียนเพราะจะเป็นบาปกรรมหนัก เรียกว่าติเตียนพระอริยะเจ้า อ่านแล้วมองเป็นเรื่องเฉยๆ พระอริยะท่านก็มีนะที่ท่านปลุกเสกของขลัง เพื่อประโยชน์บางอย่าง เพราะโยมมาขอให้ท่านเมตตาทำให้ เช่นที่หลวงปู่มั่นภูริทัตโต เรื่องยันต์ องค์อื่นๆอีกเท่าที่รู้ แต่ไม่ขอพูด
สายปู่หนูนี่เป็นสายขาว สายแก้ สายช่วยคน ช่วยคนก็ได้บุญบารมีอีกแบบหนึ่งนะ เรียกว่าเมตตาทำสิ่งที่ดีต่อผู้อื่น
จะต่างจากอีกสายที่ใช้วิชาอาคมทำคุณไสย์ดำใส่คนในบางครั้งให้ได้รับความเดือนร้อน เช่นตะปู ใบมีดโกน ซากสัตว์ทำใส่ร่างกาย ปลุกควยธนูทำร้าย คือแค่ปลุกเสกควยธนูเฉยๆแต่ไม่ใช้ไปลำลายคนอื่นยังไม่บาป
แต่คนที่มีวิชาสายดำเขาไม่ได้ทำแต่สิ่งที่ไม่ดีเป็นบาปถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เรื่องดีเขาก็ทำ พวกเราอย่าไปจ้างให้ไปทำของใส่คนที่เราเกลียดไม่ชอบนะ เราบาป คนทำก็บาป คนถูกทำของใส่ก็เป็นทุกข์
ในบางครั้งคนถูกทำของใส่มาให้ลูกศิษย์ปู่หนูแก้ ถอดของออกจากกายสังขาร ก็มีเศษผมเศษตะปูอะไรออกมากับไข่ ฯลฯ ก็แปลกนะมันเข้าไปอยู่ในใข่นั่นได้ยังไง
แต่วิชาธัมบันลุบันดาลนี้ถ้าเรียนมีข้อห้ามด้วย ถ้าจะเรียนตั้งแต่งขันธ์ครูมีอะไรหลายอย่างเลย มีพาน มีดอกไม้ ธูปเทียน ฯลฯและอื่นๆอีกหลายอย่างกว่านี้ ข้อห้ามก็มีหลายข้อ
ถ้าทำผิดแล้วมันจะเป็นผลร้ายต่อตนด้วย หน้าจะดำค้ำสุขภาพไม่ดีทันตาเห็น ถ้าไม่แก้จะเป็นผลไม่ดีต่อร่างกายไปเรื่อยๆ เหมือนโดนมนต์ดำ วิธีการแก้รักษากายก็ยุ่งยาก สายขาวมีข้อห้ามทำ ส่วนเรื่องสายดำนี่ไม่รู้เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องสนใจ
แต่ก่อนศึกษาวิชาอาคมคาถามนต์ตรานะ คิดว่าจะเรียนไว้ป้องกันตัวถ้ามีภัยจากอมุษย์ภูตผีภายนอก ก็เริ่มศึกษาทดลองด้วยศีลที่บริสุทธิแล้วทดลองสวดคาถาพอสวดแล้วรู้มีพลังงานบางอย่างเกิดขึ้นภายในกายร้อนๆ แต่พอสวดอีกบทจะรู้สึกเย็นๆๆกาย มันก็แปลกดีนะ และเคยโดนผีอัมพูดไม่ได้ขยับไม่ได้ ก็สวดคาถาบทหนึ่งในใจก็ปรากฏว่าผีมันก็ไป ก็เลยมองว่ามันเป็นของดีอีกอย่างไว้ช่วยตนเอง เพราะไม่ได้อภิญญามีอิธิฤทธิ์
แต่สุดท้ายก็เลิกศึกษาเล่าเรียน
ส่วนเรื่องภายในใจปู่หนูนี่ท่านมีธรรมภายในใจคือท่านมีศีลภายในที่บริสุทธิ์นะ ถึงแม้สิ่งที่ท่านทำมันจะเป็นโลกะวัชชะชาวโลกติเตียน แต่การกระทำเหล่านั่นไม่ใช่เป็นการทำบาป เพราะท่านไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดโกหก ไม่ดื่มเหล้า แต่กินเอ็มร้อยฉันกาแฟอยู่ ก็ปกตินะและอื่นๆอีกที่เป็นศีลในกุศลกรรมบทสิบ ส่วนข้อจิตใจนี่ไม่รู้ว่าท่านทำได้บริสุทธิ์ไหมหรือไม่อย่างไร
เพราะถ้าถ้ายังไม่ใช่พระอนาคามีหรือพระอรหันต์ศีลทางจิตจะมีหลุดบ้างก็คงเป็นเรื่องธรรมดาของทุกคน มีโกรธขึ้นมา มีโลภะขึ้นมา ก็ต้องละทิ้ง ศีลทางจิตคือไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่ให้มีนิวรณ์ เพราะทุกคนถ้ายังจิตไม่ตั้งมั่นเป็นสมาธิตลอดเวลามันอาจมีโลภโกรธขึ้นมา เราต่างต้องสู้กับกิเลสของตนให้ชนะไม่ว่าจะเป็นพระหรือโยม
จะสมาทานหรือไม่สมาทานรักษาศีลแม้ไม่ได้สมาทานถือศีล แต่ถ้าทำผิดมันบาปทันทีนะ โกรธขึ้นมาก็บาปทีหนึ่ง น่าเบื่อกิเลสนะถ้าหนีเข้านิพพานมันง่ายคงไปหมดแล้ว
แต่บารมียังไม่เต็มก็ต้องสร้างบำเพ็ญให้เต็มต่อไป
เมตตาบารมียังไม่เต็มก็ต้องมั่นเจริญเมตตาบ่อยๆ น่าคิดนะคนเราไม่รู้ว่าตัวเองบารมีเต็มแล้วหรือยัง ขาดบารมีข้อไหนที่ยังไม่เต็ม ศีลบารมียังไม่เต็มก็ต้องบำเพ็ญอีก
ศีลภายในคือศีลทางกายและวาจาและทางใจที่เป็นวิบากให้ผลกับจิตเป็นกุศลโดยตรง
ที่ว่าเป็นวิบากให้กับจิตโดยตรงนี้ก็คือ คือถ้าทำก็มีวิบากคือสุคติภพ ถ้าผิดจะนำให้ไปเกิดในอบายภูมิ อันนี้เรียกว่าศีลภายใน ให้ลองไปดูในมรรคมีองค์ 8 ที่เป็นฝ่ายสัมมามรรค มันจะมีศีลเกี่ยวกับข้อประพฤติทางกายที่บริสุทธิ์ เรียกว่า ศีลบริสุทธิ์ทางกาย การไม่ฆ่าสัตว์ไม่ลักทรัพย์ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่ดื่มเหล้า เป็นต้น
ส่วนศีลบริสุทธิ์ทางวาจาก็คือ ไม่พูดเท็จพูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ ความจริงการพูดใส่ร้ายใส่ความการพูดว่าให้ใครในแบบจิตสัมปยุต ด้วยอกุศลเจตสิก มันผิดศีลทางวาจาทั้งนั้น
อันนี้ก็คือเป็นศีลทางวาจานะ อันนี้จะเป็นวิบากนำให้ไปเกิดในสุคติภูมิ แล้วเป็นฐานให้อบรมจิตขึ้นสู่สมาธิปัญญาต่อไปได้
และก็สุดท้ายเลยคือเป็นศีลทางจิตก็คือการไม่ให้บาปอกุศลเกิดขึ้นที่จิต ระวังป้องกันไม่ให้จิตเกิดบาปอกุศลขึ้น เช่นไม่ปรุงแต่งความโกรธ แล้วก็ไม่ปรุงแต่งความโลภ ไม่ปรุงแต่งกระแสจิตที่สัมปยุต วิหิงสาอกุศลคือเบียดเบียน ไม่ปรุงแต่งกระแสจิตที่สัมปยุตกามพยาบาท
แล้วก็ไม่ให้เกิดนิวรณ์ ไม่ให้เกิดอภิฌา ไม่ให้เกิดโทมัส เป็นต้น นี่ก็คือเป็นศีลจริงๆเรียกว่าเป็นศีลในองค์มรรค เป็นศีลแท้ที่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ท่านสอน
ให้ยึดตัวนี้เป็นหลัก
ส่วนศีลภายนอก เรียกว่าเป็นศีลที่บัญญัติเกี่ยวกับเรื่องเกี่ยวกับความเป็นอยู่ ความเป็นอยู่ของหมู่สงฆ์คณะสงฆ์ เพื่อให้มีความเรียบร้อยอยู่ด้วยกันด้วยความสงบสุข และให้ศาสนามีการดำรงไปต่อได้ด้วยดี ถ้าหากฆราวาสเห็นว่าไม่สมควรตำหนิติเตียนเรียกว่าโลกวัตชะ ทำผิดแล้วชาวโลกติเตียน
อย่างเช่น รับเงินในสมัยนี้ชาวบ้านเขาไม่ค่อยติเตียนพระแล้วเห็นเป็นเรื่องธรรมดาๆ แต่ไม่ทุกหมู่บ้านนะ ฉันอาหารในเวลาวิการณ์ พรากของเขียว ตัดไม้ดายหญ้า มีจีวรล่วงอรุณ พวกนี้ถ้าผิดมันไม่ได้เป็นวิบากกรรมที่ส่งให้ไปเกิดในอบายภูมิโดยตรง
เพราะอย่างนี้ฆราวาสที่เข้าวัดฟังธรรมกินข้าวเย็น ไปตัดไม้ทำฟืนตัดหญ้าตามทุงนา รับเงินเดือน จึงไม่มีวิบากนำไปเกิดในอบายภูมิ๔เพราะเหตุนี้ แต่พระนี่ถ้าคิดกังวลว่าไม่ควรแล้วไปทำ แล้วใจเกี่ยวเนื่องเป็นอกุศลอันนี้เป็นวิบากตายแล้วไปอบายภูิมิได้
ดังเช่นเรื่อง เอกปัตตะนาคราช ที่สมัยแต่ก่อนเป็นพระแล้วเผลอพรากของเขียวทำตระไครน้ำขาด แล้วไม่ได้ปลงอาบัติก่อนตายชะวะนะจิตยกอารมณ์เรื่องพรากตะไคร้น้ำขาดขึ้นมาสัมปยุตแล้วเศร้าหมอง ตายแล้วจึงไปเกิดเป็นนาคเดรัจฉาน ไม่ใช่นาคเทวดาที่บรรลุอริยะธรรมได้
----------------------------
เรื่องอธิกรณ์นะ ถ้ามีเรื่องอธิกรณ์เอาง่ายๆเลยสรุปเลยแล้วกันนะ ในการขับไล่ท่านเนี่ย ไม่รู้นะว่าพินิจพิจารณาจากดุลพินิจข้อไหน ถ้าเอาวินัยตรวจสอบจริงๆนะก็ให้พิจารณาใช้อธิกรณ์สมถะระงับ ระงับอธิกรณ์เรื่องนั้นๆที่เกิดขึ้นในหมู่สงฆ์ บอกกล่าวด้วยวาจาก่อน หรือส่งหนังสือแจ้งไปบอกก่อน ถึงเรื่องที่ทำว่าเป็นยังไงๆ
เช่นเรื่องพระรับเงินมีพระอาจารย์รูปหนึ่งสวดปาฏิโมกได้รู้วินัยมากบอกใช้ วิธีกลบไว้ด้วยหญ้า ฟังแล้วควรให้จัดหาโยมคนวัดเป็นคนรับแทน ถ้าหาได้นะ เวลาจะใช้ค่อยบอกโยม
กิจภายในหมู่สงฆ์มีหลายเรื่องมาก ทั้งการทำสังฆกรรม สวดปาฏิโมก ฯลฯ เกี่ยวกับบิณฑบาตก็มี ต้องนุ่งผ้าห่มผ้าให้พอดี ฉันอาหารในเวลาที่ควร ก็คือไม่เลยเที่ยง ทั้งที่แต่ก่อนในพระไตรปิฏกพระอุทายีฉันได้เช้า เที่ยง เย็น เลย
แต่ต่อมาพระพุทธเจ้าตัดมื้อเย็นออก และต่อมาก็ตัดมื้อเที่ยงออก ตอนนี้พระเลยได้ฉันแค่เวลาเช้าไปจนถึงก่อนเที่ยง
ข้อห้ามเยอะนะ ไม่รับเงิน ไม่ปล่อยให้ผ้าจีวรล่วงอรุณ ถ้าไม่ได้อยู่กับตัว ห้ามตัดหญ้าดายหญ้า ห้ามขุดดิน ห้ามขึ้นต้นไม้ถ้าไม่จำเป็น ห้ามก่อไฟ ห้ามอยู่กับผู้หญิงสองต่อสอง เป็นต้น
แล้วที่สำคัญก็คือห้ามเล่าเรียนคัมภีโลกายตนะ ก็คือเป็นคัมภีร์เกี่ยวกับศาสต์ทางโลก เป็นคัมภีร์ศาสตร์อื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับคำสอนที่เนื่องด้วยอบรมจิตให้เป็นศีลสมาธิปัญญา
พระพุทธเจ้าทรงปรับอาบัติเป็นทฺุกกฺฏหรือว่าทุกกฎ คำว่าทุกกฏฺไม่ได้หมายถึงทุกข้อนะ
แต่มันเป็นภาษาบาลีแปลว่าทำไม่ดีนะ
หนึ่งเลยก็คือรับซอง เงิน สิกขาบทข้อนี้เนี่ยก็เคยอ่านนะ หลวงพ่อฤาษีลิงดำนี่คิดว่าข้อนี้น่ะเป็นข้อที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ถอนออกได้ เพราะว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป อันนี้จริงๆอ่านมา ในเรื่องการรับเงินก็เห็นพระรูปหนึ่งรับนะรับสมัยพรรษา 1 บวชเสร็จ ในบ้านมีคนตายไปสวดอภิธรรม ซองเยอะมากๆ พอรับแล้วไม่ได้รับเอาไปทำเรื่องไม่ดีเลย
ก็เห็นมีแต่เอาไปทำประโยชน์นะ เติมเงินสมัครเน็ตฟังเทศณ์ อ่านธรรมะ อื่นๆอีก จนมาพิจารณาว่าถ้าพระรูปนี้ไม่รับเงินและมาสมัครเน็ตนี่จะรู้ธรรมะและส่งต่อยอดจนถึงได้อ่านคัมภีร์พระไตรปิฏกในแอพ etipitaka ใน play store ไหมนะ จะได้ฟังเทศณ์ไม่นะ และค้นหาข้อธรรมที่สงสัยไม่นะ ได้คำตอบว่า น่าจะยาก
คือถ้าบวชในวัดที่เคร่งวินัยข้อห้ามรับเงิน ก็คงไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ตมือถือและอาจจะไม่ได้เล่นโทรศัพท์เลย
ส่วนปู่หนูแต่ก่อนที่ไปวัดท่านก็ถวายซองให้ฝากกับศิษย์ไว้ก็เอาไปทำประโยชน์นะ ไม่ได้เอาไปทำเรื่องไม่ดี ถ้าพูดถึงเรื่องพระรับเงินมีหลายวัดนะมันจะยาวก็ไม่ขอพูดมาก
แต่คิดว่าการให้โยมรับแทนแล้วเวลาจะใช้ค่อยบอก มันยุงยากยุนะ มันไม่เหมือนรับไว้เองเวลาจะใช้ก็ใช้ได้เลย แต่ภายหลังก็จำเป็นต้องทำตามสิกขาบท
พระรูปนนี้เวลาใช้เงินก็มีแต่ทำประโยชน์ สร้างบุญ สร้างโรงพยาบาล ทำcdธรรมแจกตามที่ต่างๆหมดไปหลายหมื่นเลยนะ จะว่าบาปคงไม่ถูกเพราะจิตคนละดวงกับอกุศลจิต ไม่ใช่อกุศลจิตเจตสิก
สำหรับปู่หนูถ้าท่านใช้เงินก็คงจะเป็นในการทำประโยชน์สร้างบารมี เรื่องฆ่าสัตว์ไม่เคยเห็น เรืีองขโมยก็ยังไม่เคยเห็น คือศีล๕ไม่เคยเห็นท่านผิด ศีล8ก็เหมือนกัน ส่วนศีลข้ออื่นๆไม่รู้ไม่ได้อยู่กับท่านตลอด อันที่เป็นบาปท่านคงไม่ทำ
ท่านก็มีแต่ไปช่วยคนนะ ไปช่วยคนช่วยยังไงรู้ไหมเขานิมนต์ให้ไปทำพิธีนู่นนี่นั่นท่านก็ไป และก็ไปในธุระเกี่ยวกับธรรมของท่าน ก็ไม่อยากพูดมากนะ ทั้งเรื่องอสุภะพิจารณากายท่านก็บอกนะ เหมือนว่าท่านเอาทั้งธัมบันลุบันดาลและกรรมฐานธรรมในพระไตรปิฏก
ขอสรุปว่าปู่หนูอยู่สายขาว พระองค์ไหนโดนของหรือฆราวาสคนไหนโดนของผีเข้าเป็นต้นไปหาท่านได้ แต่ก่อนสมัยพุทธกาลก็มีนะพระถูกทำของใส่ถูกทำยาแฝดใส่ พระพุทธเจ้าก็ตรัสบอกวิธีแก้ว่าให้ไปเอาดินใต้ผานไถที่เขาไถดิน นำมากิน ก็ทำตามและก็หายจากเสน่ยาแฝดนั้น
และก็ตอนนี้ก็มีคนตำหนิติเตียนเรื่องนี่มาก ที่ว่าสื่อวิญญาณ อวดอุตริความจริงแล้วไม่ควรใช้คำว่าสื่อวิญญาณนะ รู้จักไหมคำว่าวิญญาณ วิญญาณในความหมายของพุทธศาสนาในจริงๆมันคือวิญญาณธาตุ ก็คือธาตุรู้ หรือว่าธรรมชาติที่รู้รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ ความหมายของวิญญาณในพุทธศาสนาแบบนี้
ส่วนความหมายที่คนเข้าใจกันอยู่ในทุกวันนี้ไม่ทุกคนนะ
"วิญญาณมันคือภาวะอย่างหนึ่งหรือว่าพลังงานอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นที่ออกจากร่างของคนตาย อันนี้ใช่ไหมที่เข้าใจกันว่าเป็นวิญญาณ แต่ในความหมายทางพุทธศาสนาเนี่ยเขาไม่ได้เรียกวิญญาณนะ
เขาเรียกว่าเปรต เปตะซึ่งแปลว่าผู้ละไปจากโลกนี้แล้ว
เรื่องอวดอุตริ ทำท่าที ร้อง หมุนตัว 70 กว่ารอบ ทำท่าทางต่างๆนั้น มันไม่ใช่อวดอุตริที่ไม่มีในตนตามพระวินัยปิฏกว่าไว้นะ
คนที่เคยถูกผีสิงร่าง หรือเทพลงประทับ หรือถูกผีอัมบังคับร่างกายไม่ได้จะพอเข้าใจว่ามันเป็นยังไง
ดวงธรรมประทับร่าง นั้นคือจิตของเทพเทวดาลงมาแทรกในร่างกายท่าน แทรกแบบครึ่ง จะทำให้รู้สึกตัวแต่บังคับร่างกายตัวเองไม่ได้ ถ้าแทรกแบบเต็มตัวเลยจะไม่รับรู้ว่าตัวเองทำอะไรจับจิตของเทพที่มาประทับไม่ได้เลย ความจริงท่านจะปิดไว้ไม่ให้จิตเทพภายนอกมาแทรกก็ได้มีวิธี แต่นี่ท่านเปิดไว้เพราะว่ามันมีประโยชน์บางอย่างในการทำพิธี เช่น เทพที่ฤทธิ์มากมาช่วยปลุกเสขวัตถุ นาคที่ฤทธิ์มากมาช่วยปลุกเสก เป็นต้น
ที่ว่าเรื่องดวงทำมาเข้าร่างประทับร่างหรือที่เข้าใจเป็นว่าวิญญาณมาเข้าร่างมันไม่ใช่
มันคือจิตเทพเทวดามาประทับแทรกเข้าร่างทำพิธีในขณะนั้น
ก่อนอื่นขออธิบายให้ฟังก่อนนะว่า มนุษย์เราทุกคนนะ ถ้าสมมุติว่าไม่ได้ปิดร่างไว้ ก็คือมันก็เหมือนเปิด
มีป้านักปฏิบัติธรรมคนหนึ่งที่ชอบโดนผีมาก่อกวน พอเขามีของขลังคือกริช แล้วผีก็กลัวไม่มาก่อกวนป้าแกอีกเลยเวลานอน เรื่องปลุกเสกนี่มีมาแต่สมัยโบราณแล้ว เช่นควยธนูนี่เป็นอะไรที่ใช้ในทางให้เป็นบาปก็ได้ แต่พระสงฆ์ท่านไม่ปลุกเสกไปในทางที่ไม่ดี ไม่ให้ผลร้ายต่อผู้มีของขลัง ต่อไปนี้อย่าติเตียนเพราะจะเป็นบาปกรรมหนัก เรียกว่าติเตียนพระอริยะเจ้า อ่านแล้วมองเป็นเรื่องเฉยๆ พระอริยะท่านก็มีนะที่ท่านปลุกเสกของขลัง เพื่อประโยชน์บางอย่าง เพราะโยมมาขอให้ท่านเมตตาทำให้ เช่นที่หลวงปู่มั่นภูริทัตโต เรื่องยันต์ องค์อื่นๆอีกเท่าที่รู้ แต่ไม่ขอพูด
สายปู่หนูนี่เป็นสายขาว สายแก้ สายช่วยคน ช่วยคนก็ได้บุญบารมีอีกแบบหนึ่งนะ เรียกว่าเมตตาทำสิ่งที่ดีต่อผู้อื่น
จะต่างจากอีกสายที่ใช้วิชาอาคมทำคุณไสย์ดำใส่คนในบางครั้งให้ได้รับความเดือนร้อน เช่นตะปู ใบมีดโกน ซากสัตว์ทำใส่ร่างกาย ปลุกควยธนูทำร้าย คือแค่ปลุกเสกควยธนูเฉยๆแต่ไม่ใช้ไปลำลายคนอื่นยังไม่บาป
แต่คนที่มีวิชาสายดำเขาไม่ได้ทำแต่สิ่งที่ไม่ดีเป็นบาปถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เรื่องดีเขาก็ทำ พวกเราอย่าไปจ้างให้ไปทำของใส่คนที่เราเกลียดไม่ชอบนะ เราบาป คนทำก็บาป คนถูกทำของใส่ก็เป็นทุกข์
ในบางครั้งคนถูกทำของใส่มาให้ลูกศิษย์ปู่หนูแก้ ถอดของออกจากกายสังขาร ก็มีเศษผมเศษตะปูอะไรออกมากับไข่ ฯลฯ ก็แปลกนะมันเข้าไปอยู่ในใข่นั่นได้ยังไง
แต่วิชาธัมบันลุบันดาลนี้ถ้าเรียนมีข้อห้ามด้วย ถ้าจะเรียนตั้งแต่งขันธ์ครูมีอะไรหลายอย่างเลย มีพาน มีดอกไม้ ธูปเทียน ฯลฯและอื่นๆอีกหลายอย่างกว่านี้ ข้อห้ามก็มีหลายข้อ
ถ้าทำผิดแล้วมันจะเป็นผลร้ายต่อตนด้วย หน้าจะดำค้ำสุขภาพไม่ดีทันตาเห็น ถ้าไม่แก้จะเป็นผลไม่ดีต่อร่างกายไปเรื่อยๆ เหมือนโดนมนต์ดำ วิธีการแก้รักษากายก็ยุ่งยาก สายขาวมีข้อห้ามทำ ส่วนเรื่องสายดำนี่ไม่รู้เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องสนใจ
แต่ก่อนศึกษาวิชาอาคมคาถามนต์ตรานะ คิดว่าจะเรียนไว้ป้องกันตัวถ้ามีภัยจากอมุษย์ภูตผีภายนอก ก็เริ่มศึกษาทดลองด้วยศีลที่บริสุทธิแล้วทดลองสวดคาถาพอสวดแล้วรู้มีพลังงานบางอย่างเกิดขึ้นภายในกายร้อนๆ แต่พอสวดอีกบทจะรู้สึกเย็นๆๆกาย มันก็แปลกดีนะ และเคยโดนผีอัมพูดไม่ได้ขยับไม่ได้ ก็สวดคาถาบทหนึ่งในใจก็ปรากฏว่าผีมันก็ไป ก็เลยมองว่ามันเป็นของดีอีกอย่างไว้ช่วยตนเอง เพราะไม่ได้อภิญญามีอิธิฤทธิ์
แต่สุดท้ายก็เลิกศึกษาเล่าเรียน
ส่วนเรื่องภายในใจปู่หนูนี่ท่านมีธรรมภายในใจคือท่านมีศีลภายในที่บริสุทธิ์นะ ถึงแม้สิ่งที่ท่านทำมันจะเป็นโลกะวัชชะชาวโลกติเตียน แต่การกระทำเหล่านั่นไม่ใช่เป็นการทำบาป เพราะท่านไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดโกหก ไม่ดื่มเหล้า แต่กินเอ็มร้อยฉันกาแฟอยู่ ก็ปกตินะและอื่นๆอีกที่เป็นศีลในกุศลกรรมบทสิบ ส่วนข้อจิตใจนี่ไม่รู้ว่าท่านทำได้บริสุทธิ์ไหมหรือไม่อย่างไร
เพราะถ้าถ้ายังไม่ใช่พระอนาคามีหรือพระอรหันต์ศีลทางจิตจะมีหลุดบ้างก็คงเป็นเรื่องธรรมดาของทุกคน มีโกรธขึ้นมา มีโลภะขึ้นมา ก็ต้องละทิ้ง ศีลทางจิตคือไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่ให้มีนิวรณ์ เพราะทุกคนถ้ายังจิตไม่ตั้งมั่นเป็นสมาธิตลอดเวลามันอาจมีโลภโกรธขึ้นมา เราต่างต้องสู้กับกิเลสของตนให้ชนะไม่ว่าจะเป็นพระหรือโยม
จะสมาทานหรือไม่สมาทานรักษาศีลแม้ไม่ได้สมาทานถือศีล แต่ถ้าทำผิดมันบาปทันทีนะ โกรธขึ้นมาก็บาปทีหนึ่ง น่าเบื่อกิเลสนะถ้าหนีเข้านิพพานมันง่ายคงไปหมดแล้ว
แต่บารมียังไม่เต็มก็ต้องสร้างบำเพ็ญให้เต็มต่อไป
เมตตาบารมียังไม่เต็มก็ต้องมั่นเจริญเมตตาบ่อยๆ น่าคิดนะคนเราไม่รู้ว่าตัวเองบารมีเต็มแล้วหรือยัง ขาดบารมีข้อไหนที่ยังไม่เต็ม ศีลบารมียังไม่เต็มก็ต้องบำเพ็ญอีก
ศีลภายในคือศีลทางกายและวาจาและทางใจที่เป็นวิบากให้ผลกับจิตเป็นกุศลโดยตรง
ที่ว่าเป็นวิบากให้กับจิตโดยตรงนี้ก็คือ คือถ้าทำก็มีวิบากคือสุคติภพ ถ้าผิดจะนำให้ไปเกิดในอบายภูมิ อันนี้เรียกว่าศีลภายใน ให้ลองไปดูในมรรคมีองค์ 8 ที่เป็นฝ่ายสัมมามรรค มันจะมีศีลเกี่ยวกับข้อประพฤติทางกายที่บริสุทธิ์ เรียกว่า ศีลบริสุทธิ์ทางกาย การไม่ฆ่าสัตว์ไม่ลักทรัพย์ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่ดื่มเหล้า เป็นต้น
ส่วนศีลบริสุทธิ์ทางวาจาก็คือ ไม่พูดเท็จพูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ ความจริงการพูดใส่ร้ายใส่ความการพูดว่าให้ใครในแบบจิตสัมปยุต ด้วยอกุศลเจตสิก มันผิดศีลทางวาจาทั้งนั้น
อันนี้ก็คือเป็นศีลทางวาจานะ อันนี้จะเป็นวิบากนำให้ไปเกิดในสุคติภูมิ แล้วเป็นฐานให้อบรมจิตขึ้นสู่สมาธิปัญญาต่อไปได้
และก็สุดท้ายเลยคือเป็นศีลทางจิตก็คือการไม่ให้บาปอกุศลเกิดขึ้นที่จิต ระวังป้องกันไม่ให้จิตเกิดบาปอกุศลขึ้น เช่นไม่ปรุงแต่งความโกรธ แล้วก็ไม่ปรุงแต่งความโลภ ไม่ปรุงแต่งกระแสจิตที่สัมปยุต วิหิงสาอกุศลคือเบียดเบียน ไม่ปรุงแต่งกระแสจิตที่สัมปยุตกามพยาบาท
แล้วก็ไม่ให้เกิดนิวรณ์ ไม่ให้เกิดอภิฌา ไม่ให้เกิดโทมัส เป็นต้น นี่ก็คือเป็นศีลจริงๆเรียกว่าเป็นศีลในองค์มรรค เป็นศีลแท้ที่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ท่านสอน
ให้ยึดตัวนี้เป็นหลัก
ส่วนศีลภายนอก เรียกว่าเป็นศีลที่บัญญัติเกี่ยวกับเรื่องเกี่ยวกับความเป็นอยู่ ความเป็นอยู่ของหมู่สงฆ์คณะสงฆ์ เพื่อให้มีความเรียบร้อยอยู่ด้วยกันด้วยความสงบสุข และให้ศาสนามีการดำรงไปต่อได้ด้วยดี ถ้าหากฆราวาสเห็นว่าไม่สมควรตำหนิติเตียนเรียกว่าโลกวัตชะ ทำผิดแล้วชาวโลกติเตียน
อย่างเช่น รับเงินในสมัยนี้ชาวบ้านเขาไม่ค่อยติเตียนพระแล้วเห็นเป็นเรื่องธรรมดาๆ แต่ไม่ทุกหมู่บ้านนะ ฉันอาหารในเวลาวิการณ์ พรากของเขียว ตัดไม้ดายหญ้า มีจีวรล่วงอรุณ พวกนี้ถ้าผิดมันไม่ได้เป็นวิบากกรรมที่ส่งให้ไปเกิดในอบายภูมิโดยตรง
เพราะอย่างนี้ฆราวาสที่เข้าวัดฟังธรรมกินข้าวเย็น ไปตัดไม้ทำฟืนตัดหญ้าตามทุงนา รับเงินเดือน จึงไม่มีวิบากนำไปเกิดในอบายภูมิ๔เพราะเหตุนี้ แต่พระนี่ถ้าคิดกังวลว่าไม่ควรแล้วไปทำ แล้วใจเกี่ยวเนื่องเป็นอกุศลอันนี้เป็นวิบากตายแล้วไปอบายภูิมิได้
ดังเช่นเรื่อง เอกปัตตะนาคราช ที่สมัยแต่ก่อนเป็นพระแล้วเผลอพรากของเขียวทำตระไครน้ำขาด แล้วไม่ได้ปลงอาบัติก่อนตายชะวะนะจิตยกอารมณ์เรื่องพรากตะไคร้น้ำขาดขึ้นมาสัมปยุตแล้วเศร้าหมอง ตายแล้วจึงไปเกิดเป็นนาคเดรัจฉาน ไม่ใช่นาคเทวดาที่บรรลุอริยะธรรมได้
----------------------------
เรื่องอธิกรณ์นะ ถ้ามีเรื่องอธิกรณ์เอาง่ายๆเลยสรุปเลยแล้วกันนะ ในการขับไล่ท่านเนี่ย ไม่รู้นะว่าพินิจพิจารณาจากดุลพินิจข้อไหน ถ้าเอาวินัยตรวจสอบจริงๆนะก็ให้พิจารณาใช้อธิกรณ์สมถะระงับ ระงับอธิกรณ์เรื่องนั้นๆที่เกิดขึ้นในหมู่สงฆ์ บอกกล่าวด้วยวาจาก่อน หรือส่งหนังสือแจ้งไปบอกก่อน ถึงเรื่องที่ทำว่าเป็นยังไงๆ
เช่นเรื่องพระรับเงินมีพระอาจารย์รูปหนึ่งสวดปาฏิโมกได้รู้วินัยมากบอกใช้ วิธีกลบไว้ด้วยหญ้า ฟังแล้วควรให้จัดหาโยมคนวัดเป็นคนรับแทน ถ้าหาได้นะ เวลาจะใช้ค่อยบอกโยม
กิจภายในหมู่สงฆ์มีหลายเรื่องมาก ทั้งการทำสังฆกรรม สวดปาฏิโมก ฯลฯ เกี่ยวกับบิณฑบาตก็มี ต้องนุ่งผ้าห่มผ้าให้พอดี ฉันอาหารในเวลาที่ควร ก็คือไม่เลยเที่ยง ทั้งที่แต่ก่อนในพระไตรปิฏกพระอุทายีฉันได้เช้า เที่ยง เย็น เลย
แต่ต่อมาพระพุทธเจ้าตัดมื้อเย็นออก และต่อมาก็ตัดมื้อเที่ยงออก ตอนนี้พระเลยได้ฉันแค่เวลาเช้าไปจนถึงก่อนเที่ยง
ข้อห้ามเยอะนะ ไม่รับเงิน ไม่ปล่อยให้ผ้าจีวรล่วงอรุณ ถ้าไม่ได้อยู่กับตัว ห้ามตัดหญ้าดายหญ้า ห้ามขุดดิน ห้ามขึ้นต้นไม้ถ้าไม่จำเป็น ห้ามก่อไฟ ห้ามอยู่กับผู้หญิงสองต่อสอง เป็นต้น
แล้วที่สำคัญก็คือห้ามเล่าเรียนคัมภีโลกายตนะ ก็คือเป็นคัมภีร์เกี่ยวกับศาสต์ทางโลก เป็นคัมภีร์ศาสตร์อื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับคำสอนที่เนื่องด้วยอบรมจิตให้เป็นศีลสมาธิปัญญา
พระพุทธเจ้าทรงปรับอาบัติเป็นทฺุกกฺฏหรือว่าทุกกฎ คำว่าทุกกฏฺไม่ได้หมายถึงทุกข้อนะ
แต่มันเป็นภาษาบาลีแปลว่าทำไม่ดีนะ
หนึ่งเลยก็คือรับซอง เงิน สิกขาบทข้อนี้เนี่ยก็เคยอ่านนะ หลวงพ่อฤาษีลิงดำนี่คิดว่าข้อนี้น่ะเป็นข้อที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ถอนออกได้ เพราะว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป อันนี้จริงๆอ่านมา ในเรื่องการรับเงินก็เห็นพระรูปหนึ่งรับนะรับสมัยพรรษา 1 บวชเสร็จ ในบ้านมีคนตายไปสวดอภิธรรม ซองเยอะมากๆ พอรับแล้วไม่ได้รับเอาไปทำเรื่องไม่ดีเลย
ก็เห็นมีแต่เอาไปทำประโยชน์นะ เติมเงินสมัครเน็ตฟังเทศณ์ อ่านธรรมะ อื่นๆอีก จนมาพิจารณาว่าถ้าพระรูปนี้ไม่รับเงินและมาสมัครเน็ตนี่จะรู้ธรรมะและส่งต่อยอดจนถึงได้อ่านคัมภีร์พระไตรปิฏกในแอพ etipitaka ใน play store ไหมนะ จะได้ฟังเทศณ์ไม่นะ และค้นหาข้อธรรมที่สงสัยไม่นะ ได้คำตอบว่า น่าจะยาก
คือถ้าบวชในวัดที่เคร่งวินัยข้อห้ามรับเงิน ก็คงไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ตมือถือและอาจจะไม่ได้เล่นโทรศัพท์เลย
ส่วนปู่หนูแต่ก่อนที่ไปวัดท่านก็ถวายซองให้ฝากกับศิษย์ไว้ก็เอาไปทำประโยชน์นะ ไม่ได้เอาไปทำเรื่องไม่ดี ถ้าพูดถึงเรื่องพระรับเงินมีหลายวัดนะมันจะยาวก็ไม่ขอพูดมาก
แต่คิดว่าการให้โยมรับแทนแล้วเวลาจะใช้ค่อยบอก มันยุงยากยุนะ มันไม่เหมือนรับไว้เองเวลาจะใช้ก็ใช้ได้เลย แต่ภายหลังก็จำเป็นต้องทำตามสิกขาบท
พระรูปนนี้เวลาใช้เงินก็มีแต่ทำประโยชน์ สร้างบุญ สร้างโรงพยาบาล ทำcdธรรมแจกตามที่ต่างๆหมดไปหลายหมื่นเลยนะ จะว่าบาปคงไม่ถูกเพราะจิตคนละดวงกับอกุศลจิต ไม่ใช่อกุศลจิตเจตสิก
สำหรับปู่หนูถ้าท่านใช้เงินก็คงจะเป็นในการทำประโยชน์สร้างบารมี เรื่องฆ่าสัตว์ไม่เคยเห็น เรืีองขโมยก็ยังไม่เคยเห็น คือศีล๕ไม่เคยเห็นท่านผิด ศีล8ก็เหมือนกัน ส่วนศีลข้ออื่นๆไม่รู้ไม่ได้อยู่กับท่านตลอด อันที่เป็นบาปท่านคงไม่ทำ
ท่านก็มีแต่ไปช่วยคนนะ ไปช่วยคนช่วยยังไงรู้ไหมเขานิมนต์ให้ไปทำพิธีนู่นนี่นั่นท่านก็ไป และก็ไปในธุระเกี่ยวกับธรรมของท่าน ก็ไม่อยากพูดมากนะ ทั้งเรื่องอสุภะพิจารณากายท่านก็บอกนะ เหมือนว่าท่านเอาทั้งธัมบันลุบันดาลและกรรมฐานธรรมในพระไตรปิฏก
ขอสรุปว่าปู่หนูอยู่สายขาว พระองค์ไหนโดนของหรือฆราวาสคนไหนโดนของผีเข้าเป็นต้นไปหาท่านได้ แต่ก่อนสมัยพุทธกาลก็มีนะพระถูกทำของใส่ถูกทำยาแฝดใส่ พระพุทธเจ้าก็ตรัสบอกวิธีแก้ว่าให้ไปเอาดินใต้ผานไถที่เขาไถดิน นำมากิน ก็ทำตามและก็หายจากเสน่ยาแฝดนั้น
และก็ตอนนี้ก็มีคนตำหนิติเตียนเรื่องนี่มาก ที่ว่าสื่อวิญญาณ อวดอุตริความจริงแล้วไม่ควรใช้คำว่าสื่อวิญญาณนะ รู้จักไหมคำว่าวิญญาณ วิญญาณในความหมายของพุทธศาสนาในจริงๆมันคือวิญญาณธาตุ ก็คือธาตุรู้ หรือว่าธรรมชาติที่รู้รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ ความหมายของวิญญาณในพุทธศาสนาแบบนี้
ส่วนความหมายที่คนเข้าใจกันอยู่ในทุกวันนี้ไม่ทุกคนนะ
"วิญญาณมันคือภาวะอย่างหนึ่งหรือว่าพลังงานอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นที่ออกจากร่างของคนตาย อันนี้ใช่ไหมที่เข้าใจกันว่าเป็นวิญญาณ แต่ในความหมายทางพุทธศาสนาเนี่ยเขาไม่ได้เรียกวิญญาณนะ
เขาเรียกว่าเปรต เปตะซึ่งแปลว่าผู้ละไปจากโลกนี้แล้ว
เรื่องอวดอุตริ ทำท่าที ร้อง หมุนตัว 70 กว่ารอบ ทำท่าทางต่างๆนั้น มันไม่ใช่อวดอุตริที่ไม่มีในตนตามพระวินัยปิฏกว่าไว้นะ
คนที่เคยถูกผีสิงร่าง หรือเทพลงประทับ หรือถูกผีอัมบังคับร่างกายไม่ได้จะพอเข้าใจว่ามันเป็นยังไง
ดวงธรรมประทับร่าง นั้นคือจิตของเทพเทวดาลงมาแทรกในร่างกายท่าน แทรกแบบครึ่ง จะทำให้รู้สึกตัวแต่บังคับร่างกายตัวเองไม่ได้ ถ้าแทรกแบบเต็มตัวเลยจะไม่รับรู้ว่าตัวเองทำอะไรจับจิตของเทพที่มาประทับไม่ได้เลย ความจริงท่านจะปิดไว้ไม่ให้จิตเทพภายนอกมาแทรกก็ได้มีวิธี แต่นี่ท่านเปิดไว้เพราะว่ามันมีประโยชน์บางอย่างในการทำพิธี เช่น เทพที่ฤทธิ์มากมาช่วยปลุกเสขวัตถุ นาคที่ฤทธิ์มากมาช่วยปลุกเสก เป็นต้น
ที่ว่าเรื่องดวงทำมาเข้าร่างประทับร่างหรือที่เข้าใจเป็นว่าวิญญาณมาเข้าร่างมันไม่ใช่
มันคือจิตเทพเทวดามาประทับแทรกเข้าร่างทำพิธีในขณะนั้น
ก่อนอื่นขออธิบายให้ฟังก่อนนะว่า มนุษย์เราทุกคนนะ ถ้าสมมุติว่าไม่ได้ปิดร่างไว้ ก็คือมันก็เหมือนเปิด
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
1
ได้ยินพระเล่าว่าเรื่องนี้มันเป็นกฏแห่งกรรมที่จะเกิดขึ้นกับปู่หนู
นี่ก็แสดงว่าแก้ไขให้อ่อนกำลังลงได้เท่านี้
แล้ว
พูดถึงนักข่าวก็สงสารนะส่วนที่พูดจาเป็นอกุศลแบบนั้นคงหนีไม่พ้น
แต่ก็มีกุศลกรรมด้วยนะตามที่ฟัง เพราะข่าวนี้
เห็นนะว่ามีทั้งวจีกรรมที่เป็นบุญกุศล อาชีพนักข่าวเป็นบุญเหมือนกันนะเพราะเป็นอาชีพที่สุจริตไม่ได้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดโกหก ดื่มเหล้า แต่ระวังบิดเบียนข่าวหรือสร้างข่าวพูดข่าวเพื่อทำลายคนอื่น และให้คนดีเขาแตกสามามัคคีกัน มันจะเป็น ผรุสาวาจา ปิสุนะวาจา
ถ้าพูดถึงต้นเหตุปัจจัยมาจากไหนมาจาก
คนลงพื้นที่ไปทำข่าว คนเขียนข่าว > คนตัดต่อคลิปที่ออกแนวให้นักประกาศข่าวเข้าใจว่าเล่นไสยศาสตร์มนต์ดำศาสตร์มืด >คนประกาศข่าว> ก็พูดทำให้คนเข้าใจว่าปู่หนูทำอะไรที่เป็นพระที่เลวทรามทำบาปกรรม ทั้งๆที่ไม่ใช่อย่างนั้น
ก็พิจารณานะว่า เขาเหล่านี้ไปทำกรรมอะไรมาจึงต้องได้ทำหน้าที่นี้ ทำให้คนดูเกิดมิจฉาทิฏฐิเข้าใจผิดว่าเป็นพระแนวเลวแบบนี้
ก็คงเป็นกรรมใหม่ที่สมัครเข้าไป
พูดถึงการทำงานสายนี้ มันมีนะที่จะเป็นบาป และเป็นบุญ
คนเขียนเจตนายังไงตั้งใจให้พินาศไหม ถ้าตั้งใจก็บาป
คนตัดต่อเจตนายังไงตั้งใจให้พินาศไหม คนพูดออกทีวีเจตนายังไง
มันพ่วงกันไปหมดนะ เป็นพหุลกรรมส่งต่อกันไปเรื่อยๆ จนไปถึงคนดูก็เข้าใจผิดแล้วคอมเม้นในแนวอกุศล ส่วนคนที่เห็นว่าประพฤติไม่ควรและไม่ใช่การทำบาปแล้วอยู่เฉยๆก็รอดตัวไป
นึกถึงเรื่องหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กับศิษย์อยู่ในป่า แล้วมีชาวบ้านเขาเข้าใจผิดคิดว่าท่านกับศิษย์เป็นเสือเย็น คือเป็นเสือร้ายแปลงร่างเป็นมนุษย์จะกินคน
เขาก็ไปเล่ากันต่อเป็นวจีกรรม มโนกรรม
หลวงปู่มั่นทั้งที่ท่านอยู่ที่นั้นกับศิษย์ก็ลำบากเรื่องอาหารบิณฑบาตรอยู่แล้ว
ก็ยังไม่ย้ายไปที่อื่นเพราะถ้าท่านไปจะไม่ได้แก้ความเห็นผิดมิจฉาทิฏฐิของพวกชาวบ้านที่เข้าใจว่าท่านกับศิษย์เป็นสภาวะอะไรที่ไม่ดีอย่างร้ายแรงเป็นเสือเย็นดุร้ายจะกินชาวบ้าน ถ้าท่านไปเวลาตายชาวบ้านเหล่านี้จะไปเกิดเป็นเสือ
ท่านก็เลนอยู่ต่อหาอุบายช่วยแก้ไขให้เข้าใจท่านใหม่ว่าเป็นผู้มีธรรมมีศีลที่บริสุทธิ์เป็นพระ ต่อมาท่านก็ทำให้ชาวบ้านเข้าใจท่านใหม่ ไปหาอ่านเอาเรื่องเต็มๆนะยาวมาก
ต่อไปถ้ามีข่าวแนวเกี่ยวกับคนรักษาศีลแต่ประพฤติที่ไม่เป็นบาป แต่เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรก็ให้ใช้ใจที่เป็นกลางๆพูดไปเ้วยความที่คิดว่าถูกต้องตามธรรมตรงๆว่าไม่ควรอย่างนั้นอย่างนี้
นึกแล้วทำไมคณะสงฆ์ไม่ส่งหนังสือเอกสารแจ้งไปวัดถ้ำจารย์ครูภิหินต่างก่อน
ว่าทำไม่เหมาะอย่างนั้นอย่างนี้นะ และต่อด้วยเดินทางขึ้นไปด้วยกันเป็นหมู่สงฆ์สักถามถึงเหตุผลก่อน ถ้าเป็นสิ่งไม่ควรก็ให้ละแล้วสวดประกาศท่ามกลางสงฆ์เลย
นี่ขับให้ออกจากจังหวัดมุกดาหารเลย
เคยได้ยินแต่ในพระไตรปิฏกผิดสังฆาทิเสสข้อนั้นแค่ขับออกจากวัดนั้น
ปู่หนูก็ไม่ได้ปาราชิกสักข้อเลย
สังฆาทิเสสสักข้อก็ไม่ใช่
เคยเห็นแต่สิกขาบท สังฆาทิเสสข้อนั้นที่พระพุทธเจ้าให้พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะพร้อมกับพระอีกๆหลายรูป ไปบอกให้พระที่ประพฤติไม่เหมาะสม
ให้เลิกประพฤติและขับไล่ออกไปจากวัดนั้น
แต่ถ้าดูในอรรถกถาแล้ว
ถ้าประจบคฤหัส จะต้องบอกแล้วสวดกรรมวาจาให้เลิกถอนการประพฤตินั้น ถ้าไม่เลิกจะปรับอาบัติไปเรื่อยๆ จนถึงสังฆาทิเสส ถ้าติดสังฆาทิเสทแล้วก็ต้องเข้าปริวาสกรรม ขอมานัตตะ
ส่วนเรื่องปาจิตตีย์ข้อรับเงินมันมีหลายวัดนะปัจจุบัน แต่รับแล้วเอาไปทำประโยชน์
ความจริงคาถาอาคมเรียนไว้ป้องกันตัวและช่วยคนนิดหน่อยก็ดีนะ แล้วก็ประพฤติปฏิบัติธรรมไป และไม่ผิดสิกขาบทปาราชิกหรือสังฆาทิเสสเลย แต่มันอาจจะส่อไปเข้าเดรัจฉานวิชชาถ้าทำมาก แยกศัพออกมา [ ติรฉานัง = เดรัจฉาน แปลว่าไปแบบทางขวาง ไปแนวขวาง ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือสัตว์หมาแมวงูมันจะไปแบบขวางๆต่อพื้นโลก ไม่ตรงๆเหยียดขึ้นเหมือนมนุษย์ที่เดินไปแบบตรงๆต่อพื้นโลกไม่ไปแบบขวางๆเหมือนสัตว์ประมาณนี้พอเข้าใจไหม)
[วิชา = ศาตร์วิชา แปลว่าอะไรอันนี้ง่ายมากแปลแล้ว]
ที่จริงความหมายคือตั้งสำนักเป็นเดรัจฉานวิชาเต็มๆเลย เป็นหมองู หมอแมลงป่อง หมอผีทำกระเทยให้เป็นชาย ทำนายดวงดาว เยอะแยะเลยไปหาอ่านเอง แต่ส่วนสำคัญเลยก็คือถ้าเล่นคาถาอาคมแล้วไม่เจริญภาวนาเลย เรียกว่าเป็นเดรัจฉานวิชาแท้จริงๆ
ก็จะไม่ต่างกับคนที่เกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธศานาและไม่รู้จักเจริญภาวนาอบรมจิตให้บรรลุอริยธรรมเลย
พระพุทธเจ้าจึงห้ามไว้อย่าไปสนใจนัก
แต่ถ้าเราอ่านเกร็ดประวัติครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น เช่นหลวงปู่ตื้อตอนที่ท่านยังไม่บรรลุอรหันต์ ช่วงที่ท่านออกธุดงท่านจะมีวิชาอาคมไว้ป้องกันตัวจากเหล่าอมนุษย์และพวกอื่นๆ ท่านก็ปลุกเสกว่านออกไปนะ แล้วท่านก็นั่งภาวนาของท่านต่อ ถ้าถามว่าผิดสิกขาบทไหมก็ไม่ผิด ถามว่าเรียนแล้วป้องกันตัวและช่วยคนอื่นนิดหน่อย ไม่ได้ไปตั้งสำนักช่วยคนอย่างเดียวจนไม่ปฏิบัติภาวนาอะไรเลย
มันเป็นสิ่งที่พอรับได้นะถ้าเป็นมุมมองนักปฏิบัติธรรม แต่ก็ไม่รู้ว่าทุกคนไหม
และสุดๆเลยคือองค์หลวงปู่ตื้อท่านก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ด้วยการภาวนาจนปัญญาแก่รอบตัดสังโยชน์สิบประการขาด สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ไม่ได้สำเร็จเพราะวิชาอาคมหรอกนะ
แต่วิชาอาคมก็มีส่วนดีนะ
นึกถึงหลวงปู่แหวน สุจิณโน กับพระเพื่อนที่ไปธุดงด้วยกันในป่า
สมัยที่ท่านยังไม่บรรลุธรรม
ทั้งที่ท่านก็ศีลบริสุทธิ์ ปฏิบัติภาวนาเป็น ด้วย ท่านถูกผีเข้าสิง แต่ดีหน่อยพระเพื่อนหาอุบายวิธีไล่ออกไปได้
ด้วยใช้ดนไฟจี้ให้กลัว ผีจึงออก ถ้าผีไม่ออกเลยองค์หลวงปู่แหวนคงไม่ได้ปฏิบัติภาวนาและคงไม่ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
นี่ถ้าเพื่อนพระท่านมีคาถาวิชาอาคมไล่ผีออกไปโดยใช้คาถาหรือของขลังบางอย่าง ก็คงง่ายเลยเช่น สายสินหลวงปู่องค์หนึ่งที่โคราช ที่ผีต่างกลัวกันมาก อย่าไปติเตียนท่านนะจิตท่านไม่ธรรมดา
พูดมาแล้วก็สงสารนักข่าวด้วย และสงสารแฟนคลับของช่องนั้นด้วย
ที่คอมเม้นแนวอกุศล นึกถึงวัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่างแล้ว
แต่ก่อนเมื่อหลายปีแล้วก็สพายบาตร ย่าม เต้น ขึ้นรถไปวัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่าง วัดนี้จะอยู่บนภูเขาระดับกลาง ไม่อยู่สูงมาก รวมช่วงที่อยู่ในวัดก็เกือบอาทิตย์หนึ่ง
ไปกางเต้นบนโขดหินนั่งทำสมาธิ ไปพักอยู่วัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่างอยู่หลายวัน ไปสองครั้ง
วัตรปฏิบัติภายในวัดเท่าที่ทราบก็มีปกติๆทั่วๆไปนะ มีทำวัตรเช้าสวดมนต์ตามหนังสือสวดมนต์ภาษาบาลี ทั้งบทอุทิศบุญ และบทอื่นๆ
แต่พอสวดเสร็จแล้ว พระกับลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสจะสวดมนตร์ธรรมบันลุบรรลดาลกันต่อ
เป็นภาษาที่ฟังแล้วไม่รู้ว่าแปลว่าอะไรเหมือนกัน ทั้งพระทั้งโยมสวดได้แต่เราสวดไม่ได้เพราะไม่ได้แต่งขันธ์เรียนกับหลวงปู่หนู
แล้วต่อมาพอสวดเสร็จ ก็ได้ไปจัดเตรียมที่ฉัน วางขาบาตร หากระโถน หาน้ำขวดมาตั้งรอไว้ฉัน
แล้วก็ขึ้นรถโยมพาลงไปเดินบิณฑบาตรในหมู่บ้านโคกหินกองข้างล่าง เวลาโยมใส่บาตรก็ปกตินะ พระก็ให้พรย่อๆ อภิวทานาสี ลิดสะนิดจัง วุฒฑาปะจายิโนจัตตาโร ธัมมาวัตทันติ อายุวัณโณสุขังพะลัง ให้พรเสร็จก็เดินบิณฑบาตรไปต่อเรื่อยๆ จนหมดที่รับบิณฑบาตร
เสร็จแล้วก็ขึ้นรถกะบะกลับขึ้นมาบนศาลา ก็ถ่ายบาตรเอากับข้าวเอาอาหารออกจากบาตร ไปใส่ไว้ที่กล้องข้าวใหญ่ๆส่วนพวกกับก็ไว้ในถาดใหญ่
จากนั้นก็กลับไปกุฏิตนจะเข้าห้องน้ำสงน้ำอะไรก็ตามสบายแล้วแต่เลยในช่วงนี้
และระหว่างนี้รอโยมที่ตามมาถวายที่วัดอีก ก็จะมีโยมผู้หญิงอุปฐากพระในวัดทำอาหารเสริมเพิ่มเติมจากที่ได้จากบิณฑบาตร ก็เหมือนที่วัดอื่นนะ ก็รอเวลาฉันภัตตาอาหาร
พอถึงเวลาแล้วก็มาที่ศาลา ล้างเท้าขึ้นบนศาลากราบพระประธานนั่งบนผ้านิสีทนะผ้ารองนั่ง แล้วก็กล่าวนำให้ญาตโยมสมาทานศีล และกล่าวคำถวายอาหาร เสร็จแล้วก็สวดสัพพีและอื่นๆอีกต่อด้วยอิมินากวาดน้ำ
และก็ลงมือฉันอาหารในบาตร จะใช้ซ้อนหรือไม่ใช้ก็แล้วแต่
ฉันเสร็จก็เก็บกระโถนและเอาบาตรไปล้าง เซ็ดบาตรฯลฯ
จากนั้นก็กลับกุฏิใครกุฏิมันเอาบาตรไปตากแดด และเก็บบาตร เสร็จ
ก็ออกมาพูดคุยกันกับหมู่พระที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ พระบางองค์ก็กำลังแกะสลักไม้เพื่อทำของขลัง .ก็คุยสนทนาด้วยเรื่องทั่วๆไป
ก็กลับขึ้นไปบนภูเข้าเต้นนั่งสมาธิ ฟังเทศณ์ในโทรศัพท์ต่อ
ตกค่ำก็มีการสวดมนต์ทำวัตร์เย็นเหมือนที่วัดอื่นๆสวด สวดบทนั่นบทนี้ในหนังสือมีหลายบทเลย แต่สุดท้ายบทที่สวดจะเป็นสวดธัมบันลุบันดาลกัน ส่วนเราก็นั่งฟัง
คือถ้าคนที่ไม่ได้แต่งขันธ์ครูเรียนมนต์นี้จะสวดไม่ได้เลย เราก็ได้แต่ฟังว่านี่มันภาษาอะไรนะบาลีหรือเขมรหรือภาษาขอมก็ไม่อาจทราบได้ว่าคือภาษาอะไร
พอเสร็จแล้วก็ กลับกุฏิใครกุฏิมันแยกย้าย ส่วนเราขึ้นไปบนโขดหินนั่งสมาธิ อุทิศบุญ แล้วจากนั้นก็ฟังเทศณ์ แล้วก็จำวัดนอน ตื่นมาอีกวัน ก็จะคล้ายๆแบบนี้วัตรปฏิบัติภายในวัด
ก็ป็นบางวันก็เห็นพระรับแขกคือมีโยมที่มาให้ดูนั่นดูนี่ แต่งขันธ์๕มา ท่านก็ดูให้หลับตาสักพักแล้วก็พูดๆๆ ก็คงเป็นการดูดวง อันนี้ครูบากลิ้งนะเป็นศิษย์หลวงปู่ที่ดู ไม่ใช่ปู่หนู
ที่มาครั้งแรกๆเลยก็มีโยมมาขอเลขกับปู่หนู
มาเป็น 10 กว่าคนเลย ก็ได้นั่งฟังอยู่ในนั้นด้วย
ท่านก็พูดๆออกมาเรื่องอื่นๆด้วยๆเรื่องที่จำได้เลยก็คือ ท่านพูดประมาณว่า""ถ้าเรามองดินที่ใกล้ๆเท้าที่เหยียบ สายตาเราก็จะเห็นดินสุดเพียงเท่านี้
แต่ถ้าเรายิ่งมองระยะไกลออกไปเท่าไร่
เราจะเห็นสิ่งต่างๆเยอะแยะเลย"
(สิ่งต่างๆนั้นก็คือ วัตถุที่เป็นเหตุให้ก่อกิเลส ที่จะล่อให้ใจเราเป็นทุกข์)
พอพูดธรรมะเปรยๆเสร็จ ต่อมา ก็บอกข้างล่างข้างบน โยมก็จดๆไว้
ต่อมามันก็ออกเป๊ะๆนะ2ตัว
เท่าที่รู้ก็คือทั้งใบ้ให้ตีความเอง และบอกตรงๆเลย ปู่หนูจะเป็นแบบว่าเวลาท่านพูดจะมีพูดทีเล่นทีจริง เห็นข่าวแล้ว "เรื่องสั่งอาหารทางไลน์ คิดว่ามันไม่จริงหรอกที่ท่านสั่งอาหารทางไลน์ เพราะมีโยมอุปฐากวัดทำอาหารที่อยู่ในโรงครัวอยู่ โยมอุปฐากแต่ละคนนิสัยดีจิตใจนะ พูดจาดีใจดี บางคนก็เป็นเจ้าของปั้มน้ำมัน เรื่องขาดอาหารบิณฑบาตรนี่น่าจะยาก
เพราะแค่ลงไปเดินบิณฑบาตรแล้วขึ้นมาก็ต้องมีข้าวอาหารผลไม้ติดมาบ้างแหละ ข้าวก็เหลือตั้งเยอะที่โยมใส่บาตรที่เอามารวมในกล้องข้าวใหญ่ๆเดียวกัน
ถ้าไปดูคลิบเต็มๆที่เพื่อนปู่หนูให้สัมภาษ์ ฟังดูดีๆมันคือพูดทีเล่นนะ เพื่อนปู่หนูก็ยังบอกเลยอาจเป็นพูดที่เล่น และก็เรื่องที่เพื่อนปู่หนูพูดล้วนพูดแต่เรื่องสมัยเก่าหลายปีแล้วทั้งนั้น เรื่องภายในใจรู้หรือไม่ก็ไม่ทราบ ว่าท่านก็มีกรรมฐานอยู่เหมือนกัน
ลูกศิษย์ภายในวัดทั้งที่เป็นพระและนุ่งขาว ต่างรู้เรื่องภายในว่ามีอะไร ขนาดเราเองมาจากที่อื่นเห็นและประสบกับตัวเองเลยว่า ปู่หนูนี่มีอะไรที่พิเศษกว่าท่านอื่นๆ เท่าที่เคยประสบคือเรื่องการให้เลข ที่คนมาขอเพิงขอให้ท่านบอกหวย คนที่ถูกเลขเพราะปู่หนูนี่เยอะมาก พูดจาปากต่อปากข้ามจังหวัด ก็เลยมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะเพราะอย่างนี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ หรือเพราะที่ท่านไปโผดผายช่วยเหลือทั้งเรื่องแก้มนต์ดำ แก้ของที่มันเคยเข้าตัวเขา ทำพิธีนู้นนี่นั้นในการช่วยเขา แ้วลเขาเกิดความศรัทธาจึงมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะแยะมาก ทั้งรถคันนั้นก็ลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสซื้อถวายให้ เรื่องอดอยากไม่มีอะไรฉันเป็นไปไม่ได้หรอก
เห็นนักข่าวตัดต่อออกเอาเฉพาะให้เข้าใจว่าสั่งทางไลน์ เห็นแล้วทำให้คนเข้าใจผิดนะ จะบาปไม่บาปก็อยู่ที่ว่าจิตคิดยังไงจึงตัดเอาเฉพาะแค่นั้น
ต่อมาหลายปีก็คิดๆอยู่นะว่าเราจะเอาธัมบันลุบันดาลไหมนะ จะได้สัมผัสอะไรแปลกๆภายนอกได้เร็วๆ โดยไม่ต้องทำสมาธิถึงฌานแล้วทะลุอภิญญา
เพราะอภิญญาตาทิพย์หูทิพย์ก็ยังไม่มี ถ้าสวดธัมบันลุบันดาลแล้วจะได้สัมผัสเรื่องแปลกๆของคนอื่นโดยไม่ต้องมีอภิญญาเลยน่าสนนะ ก็คิดแบบนี้ในสมัยนั้น วิชาธรรมบันลุบรรดาลนี่มันมีผลทำให้มีความสามารถที่เหนือกว่าคนทั่วไป แต่ต้องสวดมนต์บันลุบันดาล
ลูกศิษย์ท่านบางคนได้แล้วก็สัมผัสอะไรภายนอกได้ ก็อัศจรรย์อยู่ว่ามันเริ่มรู้สิ่งแปลกๆภายนอกได้ยังไง คนนี้ๆเป็นคนยังไงมันจะสัมผัสได้ แต่ต่อมาห่างหายไปไม่ค่อยได้สวด ก็สัมผัสอะไรไม่ได้ อันนี้คือเขาเล่าให้ฟัง
มีหลายองค์นะลูกศิษย์ปู่หนูที่ได้วิชชาแล้ว สามารถทำนู้นนี่นั่นได้ ทั้งตั้งศาลพระภูมิ แก้มนต์ดำ แก้คุณไสย์ ตรวจกรรม ปลุกเสกของขลังให้มีอำนาจ เรื่องของขลังถ้ามีไว้กันพวกผีก็ไม่เสียหายนะ (จบช่วง1)
ได้ยินพระเล่าว่าเรื่องนี้มันเป็นกฏแห่งกรรมที่จะเกิดขึ้นกับปู่หนู
นี่ก็แสดงว่าแก้ไขให้อ่อนกำลังลงได้เท่านี้
แล้ว
พูดถึงนักข่าวก็สงสารนะส่วนที่พูดจาเป็นอกุศลแบบนั้นคงหนีไม่พ้น
แต่ก็มีกุศลกรรมด้วยนะตามที่ฟัง เพราะข่าวนี้
เห็นนะว่ามีทั้งวจีกรรมที่เป็นบุญกุศล อาชีพนักข่าวเป็นบุญเหมือนกันนะเพราะเป็นอาชีพที่สุจริตไม่ได้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดโกหก ดื่มเหล้า แต่ระวังบิดเบียนข่าวหรือสร้างข่าวพูดข่าวเพื่อทำลายคนอื่น และให้คนดีเขาแตกสามามัคคีกัน มันจะเป็น ผรุสาวาจา ปิสุนะวาจา
ถ้าพูดถึงต้นเหตุปัจจัยมาจากไหนมาจาก
คนลงพื้นที่ไปทำข่าว คนเขียนข่าว > คนตัดต่อคลิปที่ออกแนวให้นักประกาศข่าวเข้าใจว่าเล่นไสยศาสตร์มนต์ดำศาสตร์มืด >คนประกาศข่าว> ก็พูดทำให้คนเข้าใจว่าปู่หนูทำอะไรที่เป็นพระที่เลวทรามทำบาปกรรม ทั้งๆที่ไม่ใช่อย่างนั้น
ก็พิจารณานะว่า เขาเหล่านี้ไปทำกรรมอะไรมาจึงต้องได้ทำหน้าที่นี้ ทำให้คนดูเกิดมิจฉาทิฏฐิเข้าใจผิดว่าเป็นพระแนวเลวแบบนี้
ก็คงเป็นกรรมใหม่ที่สมัครเข้าไป
พูดถึงการทำงานสายนี้ มันมีนะที่จะเป็นบาป และเป็นบุญ
คนเขียนเจตนายังไงตั้งใจให้พินาศไหม ถ้าตั้งใจก็บาป
คนตัดต่อเจตนายังไงตั้งใจให้พินาศไหม คนพูดออกทีวีเจตนายังไง
มันพ่วงกันไปหมดนะ เป็นพหุลกรรมส่งต่อกันไปเรื่อยๆ จนไปถึงคนดูก็เข้าใจผิดแล้วคอมเม้นในแนวอกุศล ส่วนคนที่เห็นว่าประพฤติไม่ควรและไม่ใช่การทำบาปแล้วอยู่เฉยๆก็รอดตัวไป
นึกถึงเรื่องหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กับศิษย์อยู่ในป่า แล้วมีชาวบ้านเขาเข้าใจผิดคิดว่าท่านกับศิษย์เป็นเสือเย็น คือเป็นเสือร้ายแปลงร่างเป็นมนุษย์จะกินคน
เขาก็ไปเล่ากันต่อเป็นวจีกรรม มโนกรรม
หลวงปู่มั่นทั้งที่ท่านอยู่ที่นั้นกับศิษย์ก็ลำบากเรื่องอาหารบิณฑบาตรอยู่แล้ว
ก็ยังไม่ย้ายไปที่อื่นเพราะถ้าท่านไปจะไม่ได้แก้ความเห็นผิดมิจฉาทิฏฐิของพวกชาวบ้านที่เข้าใจว่าท่านกับศิษย์เป็นสภาวะอะไรที่ไม่ดีอย่างร้ายแรงเป็นเสือเย็นดุร้ายจะกินชาวบ้าน ถ้าท่านไปเวลาตายชาวบ้านเหล่านี้จะไปเกิดเป็นเสือ
ท่านก็เลนอยู่ต่อหาอุบายช่วยแก้ไขให้เข้าใจท่านใหม่ว่าเป็นผู้มีธรรมมีศีลที่บริสุทธิ์เป็นพระ ต่อมาท่านก็ทำให้ชาวบ้านเข้าใจท่านใหม่ ไปหาอ่านเอาเรื่องเต็มๆนะยาวมาก
ต่อไปถ้ามีข่าวแนวเกี่ยวกับคนรักษาศีลแต่ประพฤติที่ไม่เป็นบาป แต่เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรก็ให้ใช้ใจที่เป็นกลางๆพูดไปเ้วยความที่คิดว่าถูกต้องตามธรรมตรงๆว่าไม่ควรอย่างนั้นอย่างนี้
นึกแล้วทำไมคณะสงฆ์ไม่ส่งหนังสือเอกสารแจ้งไปวัดถ้ำจารย์ครูภิหินต่างก่อน
ว่าทำไม่เหมาะอย่างนั้นอย่างนี้นะ และต่อด้วยเดินทางขึ้นไปด้วยกันเป็นหมู่สงฆ์สักถามถึงเหตุผลก่อน ถ้าเป็นสิ่งไม่ควรก็ให้ละแล้วสวดประกาศท่ามกลางสงฆ์เลย
นี่ขับให้ออกจากจังหวัดมุกดาหารเลย
เคยได้ยินแต่ในพระไตรปิฏกผิดสังฆาทิเสสข้อนั้นแค่ขับออกจากวัดนั้น
ปู่หนูก็ไม่ได้ปาราชิกสักข้อเลย
สังฆาทิเสสสักข้อก็ไม่ใช่
เคยเห็นแต่สิกขาบท สังฆาทิเสสข้อนั้นที่พระพุทธเจ้าให้พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะพร้อมกับพระอีกๆหลายรูป ไปบอกให้พระที่ประพฤติไม่เหมาะสม
ให้เลิกประพฤติและขับไล่ออกไปจากวัดนั้น
แต่ถ้าดูในอรรถกถาแล้ว
ถ้าประจบคฤหัส จะต้องบอกแล้วสวดกรรมวาจาให้เลิกถอนการประพฤตินั้น ถ้าไม่เลิกจะปรับอาบัติไปเรื่อยๆ จนถึงสังฆาทิเสส ถ้าติดสังฆาทิเสทแล้วก็ต้องเข้าปริวาสกรรม ขอมานัตตะ
ส่วนเรื่องปาจิตตีย์ข้อรับเงินมันมีหลายวัดนะปัจจุบัน แต่รับแล้วเอาไปทำประโยชน์
ความจริงคาถาอาคมเรียนไว้ป้องกันตัวและช่วยคนนิดหน่อยก็ดีนะ แล้วก็ประพฤติปฏิบัติธรรมไป และไม่ผิดสิกขาบทปาราชิกหรือสังฆาทิเสสเลย แต่มันอาจจะส่อไปเข้าเดรัจฉานวิชชาถ้าทำมาก แยกศัพออกมา [ ติรฉานัง = เดรัจฉาน แปลว่าไปแบบทางขวาง ไปแนวขวาง ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือสัตว์หมาแมวงูมันจะไปแบบขวางๆต่อพื้นโลก ไม่ตรงๆเหยียดขึ้นเหมือนมนุษย์ที่เดินไปแบบตรงๆต่อพื้นโลกไม่ไปแบบขวางๆเหมือนสัตว์ประมาณนี้พอเข้าใจไหม)
[วิชา = ศาตร์วิชา แปลว่าอะไรอันนี้ง่ายมากแปลแล้ว]
ที่จริงความหมายคือตั้งสำนักเป็นเดรัจฉานวิชาเต็มๆเลย เป็นหมองู หมอแมลงป่อง หมอผีทำกระเทยให้เป็นชาย ทำนายดวงดาว เยอะแยะเลยไปหาอ่านเอง แต่ส่วนสำคัญเลยก็คือถ้าเล่นคาถาอาคมแล้วไม่เจริญภาวนาเลย เรียกว่าเป็นเดรัจฉานวิชาแท้จริงๆ
ก็จะไม่ต่างกับคนที่เกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธศานาและไม่รู้จักเจริญภาวนาอบรมจิตให้บรรลุอริยธรรมเลย
พระพุทธเจ้าจึงห้ามไว้อย่าไปสนใจนัก
แต่ถ้าเราอ่านเกร็ดประวัติครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น เช่นหลวงปู่ตื้อตอนที่ท่านยังไม่บรรลุอรหันต์ ช่วงที่ท่านออกธุดงท่านจะมีวิชาอาคมไว้ป้องกันตัวจากเหล่าอมนุษย์และพวกอื่นๆ ท่านก็ปลุกเสกว่านออกไปนะ แล้วท่านก็นั่งภาวนาของท่านต่อ ถ้าถามว่าผิดสิกขาบทไหมก็ไม่ผิด ถามว่าเรียนแล้วป้องกันตัวและช่วยคนอื่นนิดหน่อย ไม่ได้ไปตั้งสำนักช่วยคนอย่างเดียวจนไม่ปฏิบัติภาวนาอะไรเลย
มันเป็นสิ่งที่พอรับได้นะถ้าเป็นมุมมองนักปฏิบัติธรรม แต่ก็ไม่รู้ว่าทุกคนไหม
และสุดๆเลยคือองค์หลวงปู่ตื้อท่านก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ด้วยการภาวนาจนปัญญาแก่รอบตัดสังโยชน์สิบประการขาด สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ไม่ได้สำเร็จเพราะวิชาอาคมหรอกนะ
แต่วิชาอาคมก็มีส่วนดีนะ
นึกถึงหลวงปู่แหวน สุจิณโน กับพระเพื่อนที่ไปธุดงด้วยกันในป่า
สมัยที่ท่านยังไม่บรรลุธรรม
ทั้งที่ท่านก็ศีลบริสุทธิ์ ปฏิบัติภาวนาเป็น ด้วย ท่านถูกผีเข้าสิง แต่ดีหน่อยพระเพื่อนหาอุบายวิธีไล่ออกไปได้
ด้วยใช้ดนไฟจี้ให้กลัว ผีจึงออก ถ้าผีไม่ออกเลยองค์หลวงปู่แหวนคงไม่ได้ปฏิบัติภาวนาและคงไม่ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
นี่ถ้าเพื่อนพระท่านมีคาถาวิชาอาคมไล่ผีออกไปโดยใช้คาถาหรือของขลังบางอย่าง ก็คงง่ายเลยเช่น สายสินหลวงปู่องค์หนึ่งที่โคราช ที่ผีต่างกลัวกันมาก อย่าไปติเตียนท่านนะจิตท่านไม่ธรรมดา
พูดมาแล้วก็สงสารนักข่าวด้วย และสงสารแฟนคลับของช่องนั้นด้วย
ที่คอมเม้นแนวอกุศล นึกถึงวัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่างแล้ว
แต่ก่อนเมื่อหลายปีแล้วก็สพายบาตร ย่าม เต้น ขึ้นรถไปวัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่าง วัดนี้จะอยู่บนภูเขาระดับกลาง ไม่อยู่สูงมาก รวมช่วงที่อยู่ในวัดก็เกือบอาทิตย์หนึ่ง
ไปกางเต้นบนโขดหินนั่งทำสมาธิ ไปพักอยู่วัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่างอยู่หลายวัน ไปสองครั้ง
วัตรปฏิบัติภายในวัดเท่าที่ทราบก็มีปกติๆทั่วๆไปนะ มีทำวัตรเช้าสวดมนต์ตามหนังสือสวดมนต์ภาษาบาลี ทั้งบทอุทิศบุญ และบทอื่นๆ
แต่พอสวดเสร็จแล้ว พระกับลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสจะสวดมนตร์ธรรมบันลุบรรลดาลกันต่อ
เป็นภาษาที่ฟังแล้วไม่รู้ว่าแปลว่าอะไรเหมือนกัน ทั้งพระทั้งโยมสวดได้แต่เราสวดไม่ได้เพราะไม่ได้แต่งขันธ์เรียนกับหลวงปู่หนู
แล้วต่อมาพอสวดเสร็จ ก็ได้ไปจัดเตรียมที่ฉัน วางขาบาตร หากระโถน หาน้ำขวดมาตั้งรอไว้ฉัน
แล้วก็ขึ้นรถโยมพาลงไปเดินบิณฑบาตรในหมู่บ้านโคกหินกองข้างล่าง เวลาโยมใส่บาตรก็ปกตินะ พระก็ให้พรย่อๆ อภิวทานาสี ลิดสะนิดจัง วุฒฑาปะจายิโนจัตตาโร ธัมมาวัตทันติ อายุวัณโณสุขังพะลัง ให้พรเสร็จก็เดินบิณฑบาตรไปต่อเรื่อยๆ จนหมดที่รับบิณฑบาตร
เสร็จแล้วก็ขึ้นรถกะบะกลับขึ้นมาบนศาลา ก็ถ่ายบาตรเอากับข้าวเอาอาหารออกจากบาตร ไปใส่ไว้ที่กล้องข้าวใหญ่ๆส่วนพวกกับก็ไว้ในถาดใหญ่
จากนั้นก็กลับไปกุฏิตนจะเข้าห้องน้ำสงน้ำอะไรก็ตามสบายแล้วแต่เลยในช่วงนี้
และระหว่างนี้รอโยมที่ตามมาถวายที่วัดอีก ก็จะมีโยมผู้หญิงอุปฐากพระในวัดทำอาหารเสริมเพิ่มเติมจากที่ได้จากบิณฑบาตร ก็เหมือนที่วัดอื่นนะ ก็รอเวลาฉันภัตตาอาหาร
พอถึงเวลาแล้วก็มาที่ศาลา ล้างเท้าขึ้นบนศาลากราบพระประธานนั่งบนผ้านิสีทนะผ้ารองนั่ง แล้วก็กล่าวนำให้ญาตโยมสมาทานศีล และกล่าวคำถวายอาหาร เสร็จแล้วก็สวดสัพพีและอื่นๆอีกต่อด้วยอิมินากวาดน้ำ
และก็ลงมือฉันอาหารในบาตร จะใช้ซ้อนหรือไม่ใช้ก็แล้วแต่
ฉันเสร็จก็เก็บกระโถนและเอาบาตรไปล้าง เซ็ดบาตรฯลฯ
จากนั้นก็กลับกุฏิใครกุฏิมันเอาบาตรไปตากแดด และเก็บบาตร เสร็จ
ก็ออกมาพูดคุยกันกับหมู่พระที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ พระบางองค์ก็กำลังแกะสลักไม้เพื่อทำของขลัง .ก็คุยสนทนาด้วยเรื่องทั่วๆไป
ก็กลับขึ้นไปบนภูเข้าเต้นนั่งสมาธิ ฟังเทศณ์ในโทรศัพท์ต่อ
ตกค่ำก็มีการสวดมนต์ทำวัตร์เย็นเหมือนที่วัดอื่นๆสวด สวดบทนั่นบทนี้ในหนังสือมีหลายบทเลย แต่สุดท้ายบทที่สวดจะเป็นสวดธัมบันลุบันดาลกัน ส่วนเราก็นั่งฟัง
คือถ้าคนที่ไม่ได้แต่งขันธ์ครูเรียนมนต์นี้จะสวดไม่ได้เลย เราก็ได้แต่ฟังว่านี่มันภาษาอะไรนะบาลีหรือเขมรหรือภาษาขอมก็ไม่อาจทราบได้ว่าคือภาษาอะไร
พอเสร็จแล้วก็ กลับกุฏิใครกุฏิมันแยกย้าย ส่วนเราขึ้นไปบนโขดหินนั่งสมาธิ อุทิศบุญ แล้วจากนั้นก็ฟังเทศณ์ แล้วก็จำวัดนอน ตื่นมาอีกวัน ก็จะคล้ายๆแบบนี้วัตรปฏิบัติภายในวัด
ก็ป็นบางวันก็เห็นพระรับแขกคือมีโยมที่มาให้ดูนั่นดูนี่ แต่งขันธ์๕มา ท่านก็ดูให้หลับตาสักพักแล้วก็พูดๆๆ ก็คงเป็นการดูดวง อันนี้ครูบากลิ้งนะเป็นศิษย์หลวงปู่ที่ดู ไม่ใช่ปู่หนู
ที่มาครั้งแรกๆเลยก็มีโยมมาขอเลขกับปู่หนู
มาเป็น 10 กว่าคนเลย ก็ได้นั่งฟังอยู่ในนั้นด้วย
ท่านก็พูดๆออกมาเรื่องอื่นๆด้วยๆเรื่องที่จำได้เลยก็คือ ท่านพูดประมาณว่า""ถ้าเรามองดินที่ใกล้ๆเท้าที่เหยียบ สายตาเราก็จะเห็นดินสุดเพียงเท่านี้
แต่ถ้าเรายิ่งมองระยะไกลออกไปเท่าไร่
เราจะเห็นสิ่งต่างๆเยอะแยะเลย"
(สิ่งต่างๆนั้นก็คือ วัตถุที่เป็นเหตุให้ก่อกิเลส ที่จะล่อให้ใจเราเป็นทุกข์)
พอพูดธรรมะเปรยๆเสร็จ ต่อมา ก็บอกข้างล่างข้างบน โยมก็จดๆไว้
ต่อมามันก็ออกเป๊ะๆนะ2ตัว
เท่าที่รู้ก็คือทั้งใบ้ให้ตีความเอง และบอกตรงๆเลย ปู่หนูจะเป็นแบบว่าเวลาท่านพูดจะมีพูดทีเล่นทีจริง เห็นข่าวแล้ว "เรื่องสั่งอาหารทางไลน์ คิดว่ามันไม่จริงหรอกที่ท่านสั่งอาหารทางไลน์ เพราะมีโยมอุปฐากวัดทำอาหารที่อยู่ในโรงครัวอยู่ โยมอุปฐากแต่ละคนนิสัยดีจิตใจนะ พูดจาดีใจดี บางคนก็เป็นเจ้าของปั้มน้ำมัน เรื่องขาดอาหารบิณฑบาตรนี่น่าจะยาก
เพราะแค่ลงไปเดินบิณฑบาตรแล้วขึ้นมาก็ต้องมีข้าวอาหารผลไม้ติดมาบ้างแหละ ข้าวก็เหลือตั้งเยอะที่โยมใส่บาตรที่เอามารวมในกล้องข้าวใหญ่ๆเดียวกัน
ถ้าไปดูคลิบเต็มๆที่เพื่อนปู่หนูให้สัมภาษ์ ฟังดูดีๆมันคือพูดทีเล่นนะ เพื่อนปู่หนูก็ยังบอกเลยอาจเป็นพูดที่เล่น และก็เรื่องที่เพื่อนปู่หนูพูดล้วนพูดแต่เรื่องสมัยเก่าหลายปีแล้วทั้งนั้น เรื่องภายในใจรู้หรือไม่ก็ไม่ทราบ ว่าท่านก็มีกรรมฐานอยู่เหมือนกัน
ลูกศิษย์ภายในวัดทั้งที่เป็นพระและนุ่งขาว ต่างรู้เรื่องภายในว่ามีอะไร ขนาดเราเองมาจากที่อื่นเห็นและประสบกับตัวเองเลยว่า ปู่หนูนี่มีอะไรที่พิเศษกว่าท่านอื่นๆ เท่าที่เคยประสบคือเรื่องการให้เลข ที่คนมาขอเพิงขอให้ท่านบอกหวย คนที่ถูกเลขเพราะปู่หนูนี่เยอะมาก พูดจาปากต่อปากข้ามจังหวัด ก็เลยมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะเพราะอย่างนี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ หรือเพราะที่ท่านไปโผดผายช่วยเหลือทั้งเรื่องแก้มนต์ดำ แก้ของที่มันเคยเข้าตัวเขา ทำพิธีนู้นนี่นั้นในการช่วยเขา แ้วลเขาเกิดความศรัทธาจึงมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะแยะมาก ทั้งรถคันนั้นก็ลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสซื้อถวายให้ เรื่องอดอยากไม่มีอะไรฉันเป็นไปไม่ได้หรอก
เห็นนักข่าวตัดต่อออกเอาเฉพาะให้เข้าใจว่าสั่งทางไลน์ เห็นแล้วทำให้คนเข้าใจผิดนะ จะบาปไม่บาปก็อยู่ที่ว่าจิตคิดยังไงจึงตัดเอาเฉพาะแค่นั้น
ต่อมาหลายปีก็คิดๆอยู่นะว่าเราจะเอาธัมบันลุบันดาลไหมนะ จะได้สัมผัสอะไรแปลกๆภายนอกได้เร็วๆ โดยไม่ต้องทำสมาธิถึงฌานแล้วทะลุอภิญญา
เพราะอภิญญาตาทิพย์หูทิพย์ก็ยังไม่มี ถ้าสวดธัมบันลุบันดาลแล้วจะได้สัมผัสเรื่องแปลกๆของคนอื่นโดยไม่ต้องมีอภิญญาเลยน่าสนนะ ก็คิดแบบนี้ในสมัยนั้น วิชาธรรมบันลุบรรดาลนี่มันมีผลทำให้มีความสามารถที่เหนือกว่าคนทั่วไป แต่ต้องสวดมนต์บันลุบันดาล
ลูกศิษย์ท่านบางคนได้แล้วก็สัมผัสอะไรภายนอกได้ ก็อัศจรรย์อยู่ว่ามันเริ่มรู้สิ่งแปลกๆภายนอกได้ยังไง คนนี้ๆเป็นคนยังไงมันจะสัมผัสได้ แต่ต่อมาห่างหายไปไม่ค่อยได้สวด ก็สัมผัสอะไรไม่ได้ อันนี้คือเขาเล่าให้ฟัง
มีหลายองค์นะลูกศิษย์ปู่หนูที่ได้วิชชาแล้ว สามารถทำนู้นนี่นั่นได้ ทั้งตั้งศาลพระภูมิ แก้มนต์ดำ แก้คุณไสย์ ตรวจกรรม ปลุกเสกของขลังให้มีอำนาจ เรื่องของขลังถ้ามีไว้กันพวกผีก็ไม่เสียหายนะ (จบช่วง1)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
2
หลวงปู่มั่นท่านก็เมตตาอนุโลมทำให้ฆราวาสคนหนึ่งที่มาขอท่าน หวลงปู่ดูล อตุโล ท่านก็เมตตาไปปลุกเสกของขลังให้นะ ถ้ามองเรื่องปลุกเสกดีๆรู้ไหมว่าทางพระคิดยังไงแต่ก็คงไม่ทุกองค์ มันเป็นเรื่องธรรมดาๆไปแล้วนะเพราะปลุกเสกวัตถุมงคลมันคืออัดพลังจิตปะจุลงในนั้น ทำให้มีอานุภาพในทางต่างๆแล้วแต่จะใช้ลักษณะจิตแบบไหนทำ ยันต์หลวงปู่มั่นคนลองนำไปทดสอบก็ยิงปืนไม่ได้เลย ลองหาอ่านดู
มีป้านักปฏิบัติธรรมคนหนึ่งที่ชอบโดนผีมาก่อกวน พอเขามีของขลังคือกริช แล้วผีก็กลัวไม่มาก่อกวนป้าแกอีกเลยเวลานอน เรื่องปลุกเสกนี่มีมาแต่สมัยโบราณแล้ว เช่นควยธนูนี่เป็นอะไรที่ใช้ในทางให้เป็นบาปก็ได้ แต่พระสงฆ์ท่านไม่ปลุกเสกไปในทางที่ไม่ดี ไม่ให้ผลร้ายต่อผู้มีของขลัง ต่อไปนี้อย่าติเตียนเพราะจะเป็นบาปกรรมหนัก เรียกว่าติเตียนพระอริยะเจ้า อ่านแล้วมองเป็นเรื่องเฉยๆ พระอริยะท่านก็มีนะที่ท่านปลุกเสกของขลัง เพื่อประโยชน์บางอย่าง เพราะโยมมาขอให้ท่านเมตตาทำให้ เช่นที่หลวงปู่มั่นภูริทัตโต เรื่องยันต์ องค์อื่นๆอีกเท่าที่รู้ แต่ไม่ขอพูด
สายปู่หนูนี่เป็นสายขาว สายแก้ สายช่วยคน ช่วยคนก็ได้บุญบารมีอีกแบบหนึ่งนะ เรียกว่าเมตตาทำสิ่งที่ดีต่อผู้อื่น
จะต่างจากอีกสายที่ใช้วิชาอาคมทำคุณไสย์ดำใส่คนในบางครั้งให้ได้รับความเดือนร้อน เช่นตะปู ใบมีดโกน ซากสัตว์ทำใส่ร่างกาย ปลุกควยธนูทำร้าย คือแค่ปลุกเสกควยธนูเฉยๆแต่ไม่ใช้ไปลำลายคนอื่นยังไม่บาป
แต่คนที่มีวิชาสายดำเขาไม่ได้ทำแต่สิ่งที่ไม่ดีเป็นบาปถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เรื่องดีเขาก็ทำ พวกเราอย่าไปจ้างให้ไปทำของใส่คนที่เราเกลียดไม่ชอบนะ เราบาป คนทำก็บาป คนถูกทำของใส่ก็เป็นทุกข์
ในบางครั้งคนถูกทำของใส่มาให้ลูกศิษย์ปู่หนูแก้ ถอดของออกจากกายสังขาร ก็มีเศษผมเศษตะปูอะไรออกมากับไข่ ฯลฯ ก็แปลกนะมันเข้าไปอยู่ในใข่นั่นได้ยังไง
แต่วิชาธัมบันลุบันดาลนี้ถ้าเรียนมีข้อห้ามด้วย ถ้าจะเรียนตั้งแต่งขันธ์ครูมีอะไรหลายอย่างเลย มีพาน มีดอกไม้ ธูปเทียน ฯลฯและอื่นๆอีกหลายอย่างกว่านี้ ข้อห้ามก็มีหลายข้อ
ถ้าทำผิดแล้วมันจะเป็นผลร้ายต่อตนด้วย หน้าจะดำค้ำสุขภาพไม่ดีทันตาเห็น ถ้าไม่แก้จะเป็นผลไม่ดีต่อร่างกายไปเรื่อยๆ เหมือนโดนมนต์ดำ วิธีการแก้รักษากายก็ยุ่งยาก สายขาวมีข้อห้ามทำ ส่วนเรื่องสายดำนี่ไม่รู้เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องสนใจ
แต่ก่อนศึกษาวิชาอาคมคาถามนต์ตรานะ คิดว่าจะเรียนไว้ป้องกันตัวถ้ามีภัยจากอมุษย์ภูตผีภายนอก ก็เริ่มศึกษาทดลองด้วยศีลที่บริสุทธิแล้วทดลองสวดคาถาพอสวดแล้วรู้มีพลังงานบางอย่างเกิดขึ้นภายในกายร้อนๆ แต่พอสวดอีกบทจะรู้สึกเย็นๆๆกาย มันก็แปลกดีนะ และเคยโดนผีอัมพูดไม่ได้ขยับไม่ได้ ก็สวดคาถาบทหนึ่งในใจก็ปรากฏว่าผีมันก็ไป ก็เลยมองว่ามันเป็นของดีอีกอย่างไว้ช่วยตนเอง เพราะไม่ได้อภิญญามีอิธิฤทธิ์
แต่สุดท้ายก็เลิกศึกษาเล่าเรียน
ส่วนเรื่องภายในใจปู่หนูนี่ท่านมีธรรมภายในใจคือท่านมีศีลภายในที่บริสุทธิ์นะ ถึงแม้สิ่งที่ท่านทำมันจะเป็นโลกะวัชชะชาวโลกติเตียน แต่การกระทำเหล่านั่นไม่ใช่เป็นการทำบาป เพราะท่านไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดโกหก ไม่ดื่มเหล้า แต่กินเอ็มร้อยฉันกาแฟอยู่ ก็ปกตินะและอื่นๆอีกที่เป็นศีลในกุศลกรรมบทสิบ ส่วนข้อจิตใจนี่ไม่รู้ว่าท่านทำได้บริสุทธิ์ไหมหรือไม่อย่างไร
เพราะถ้าถ้ายังไม่ใช่พระอนาคามีหรือพระอรหันต์ศีลทางจิตจะมีหลุดบ้างก็คงเป็นเรื่องธรรมดาของทุกคน มีโกรธขึ้นมา มีโลภะขึ้นมา ก็ต้องละทิ้ง ศีลทางจิตคือไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่ให้มีนิวรณ์ เพราะทุกคนถ้ายังจิตไม่ตั้งมั่นเป็นสมาธิตลอดเวลามันอาจมีโลภโกรธขึ้นมา เราต่างต้องสู้กับกิเลสของตนให้ชนะไม่ว่าจะเป็นพระหรือโยม
จะสมาทานหรือไม่สมาทานรักษาศีลแม้ไม่ได้สมาทานถือศีล แต่ถ้าทำผิดมันบาปทันทีนะ โกรธขึ้นมาก็บาปทีหนึ่ง น่าเบื่อกิเลสนะถ้าหนีเข้านิพพานมันง่ายคงไปหมดแล้ว
แต่บารมียังไม่เต็มก็ต้องสร้างบำเพ็ญให้เต็มต่อไป
เมตตาบารมียังไม่เต็มก็ต้องมั่นเจริญเมตตาบ่อยๆ น่าคิดนะคนเราไม่รู้ว่าตัวเองบารมีเต็มแล้วหรือยัง ขาดบารมีข้อไหนที่ยังไม่เต็ม ศีลบารมียังไม่เต็มก็ต้องบำเพ็ญอีก
ศีลภายในคือศีลทางกายและวาจาและทางใจที่เป็นวิบากให้ผลกับจิตเป็นกุศลโดยตรง
ที่ว่าเป็นวิบากให้กับจิตโดยตรงนี้ก็คือ คือถ้าทำก็มีวิบากคือสุคติภพ ถ้าผิดจะนำให้ไปเกิดในอบายภูมิ อันนี้เรียกว่าศีลภายใน ให้ลองไปดูในมรรคมีองค์ 8 ที่เป็นฝ่ายสัมมามรรค มันจะมีศีลเกี่ยวกับข้อประพฤติทางกายที่บริสุทธิ์ เรียกว่า ศีลบริสุทธิ์ทางกาย การไม่ฆ่าสัตว์ไม่ลักทรัพย์ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่ดื่มเหล้า เป็นต้น
ส่วนศีลบริสุทธิ์ทางวาจาก็คือ ไม่พูดเท็จพูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ ความจริงการพูดใส่ร้ายใส่ความการพูดว่าให้ใครในแบบจิตสัมปยุต ด้วยอกุศลเจตสิก มันผิดศีลทางวาจาทั้งนั้น
อันนี้ก็คือเป็นศีลทางวาจานะ อันนี้จะเป็นวิบากนำให้ไปเกิดในสุคติภูมิ แล้วเป็นฐานให้อบรมจิตขึ้นสู่สมาธิปัญญาต่อไปได้
และก็สุดท้ายเลยคือเป็นศีลทางจิตก็คือการไม่ให้บาปอกุศลเกิดขึ้นที่จิต ระวังป้องกันไม่ให้จิตเกิดบาปอกุศลขึ้น เช่นไม่ปรุงแต่งความโกรธ แล้วก็ไม่ปรุงแต่งความโลภ ไม่ปรุงแต่งกระแสจิตที่สัมปยุต วิหิงสาอกุศลคือเบียดเบียน ไม่ปรุงแต่งกระแสจิตที่สัมปยุตกามพยาบาท
แล้วก็ไม่ให้เกิดนิวรณ์ ไม่ให้เกิดอภิฌา ไม่ให้เกิดโทมัส เป็นต้น นี่ก็คือเป็นศีลจริงๆเรียกว่าเป็นศีลในองค์มรรค เป็นศีลแท้ที่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ท่านสอน
ให้ยึดตัวนี้เป็นหลัก
ส่วนศีลภายนอก เรียกว่าเป็นศีลที่บัญญัติเกี่ยวกับเรื่องเกี่ยวกับความเป็นอยู่ ความเป็นอยู่ของหมู่สงฆ์คณะสงฆ์ เพื่อให้มีความเรียบร้อยอยู่ด้วยกันด้วยความสงบสุข และให้ศาสนามีการดำรงไปต่อได้ด้วยดี ถ้าหากฆราวาสเห็นว่าไม่สมควรตำหนิติเตียนเรียกว่าโลกวัตชะ ทำผิดแล้วชาวโลกติเตียน
อย่างเช่น รับเงินในสมัยนี้ชาวบ้านเขาไม่ค่อยติเตียนพระแล้วเห็นเป็นเรื่องธรรมดาๆ แต่ไม่ทุกหมู่บ้านนะ ฉันอาหารในเวลาวิการณ์ พรากของเขียว ตัดไม้ดายหญ้า มีจีวรล่วงอรุณ พวกนี้ถ้าผิดมันไม่ได้เป็นวิบากกรรมที่ส่งให้ไปเกิดในอบายภูมิโดยตรง
เพราะอย่างนี้ฆราวาสที่เข้าวัดฟังธรรมกินข้าวเย็น ไปตัดไม้ทำฟืนตัดหญ้าตามทุงนา รับเงินเดือน จึงไม่มีวิบากนำไปเกิดในอบายภูมิ๔เพราะเหตุนี้ แต่พระนี่ถ้าคิดกังวลว่าไม่ควรแล้วไปทำ แล้วใจเกี่ยวเนื่องเป็นอกุศลอันนี้เป็นวิบากตายแล้วไปอบายภูิมิได้
ดังเช่นเรื่อง เอกปัตตะนาคราช ที่สมัยแต่ก่อนเป็นพระแล้วเผลอพรากของเขียวทำตระไครน้ำขาด แล้วไม่ได้ปลงอาบัติก่อนตายชะวะนะจิตยกอารมณ์เรื่องพรากตะไคร้น้ำขาดขึ้นมาสัมปยุตแล้วเศร้าหมอง ตายแล้วจึงไปเกิดเป็นนาคเดรัจฉาน ไม่ใช่นาคเทวดาที่บรรลุอริยะธรรมได้
----------------------------
เรื่องอธิกรณ์นะ ถ้ามีเรื่องอธิกรณ์เอาง่ายๆเลยสรุปเลยแล้วกันนะ ในการขับไล่ท่านเนี่ย ไม่รู้นะว่าพินิจพิจารณาจากดุลพินิจข้อไหน ถ้าเอาวินัยตรวจสอบจริงๆนะก็ให้พิจารณาใช้อธิกรณ์สมถะระงับ ระงับอธิกรณ์เรื่องนั้นๆที่เกิดขึ้นในหมู่สงฆ์ บอกกล่าวด้วยวาจาก่อน หรือส่งหนังสือแจ้งไปบอกก่อน ถึงเรื่องที่ทำว่าเป็นยังไงๆ
เช่นเรื่องพระรับเงินมีพระอาจารย์รูปหนึ่งสวดปาฏิโมกได้รู้วินัยมากบอกใช้ วิธีกลบไว้ด้วยหญ้า ฟังแล้วควรให้จัดหาโยมคนวัดเป็นคนรับแทน ถ้าหาได้นะ เวลาจะใช้ค่อยบอกโยม
กิจภายในหมู่สงฆ์มีหลายเรื่องมาก ทั้งการทำสังฆกรรม สวดปาฏิโมก ฯลฯ เกี่ยวกับบิณฑบาตก็มี ต้องนุ่งผ้าห่มผ้าให้พอดี ฉันอาหารในเวลาที่ควร ก็คือไม่เลยเที่ยง ทั้งที่แต่ก่อนในพระไตรปิฏกพระอุทายีฉันได้เช้า เที่ยง เย็น เลย
แต่ต่อมาพระพุทธเจ้าตัดมื้อเย็นออก และต่อมาก็ตัดมื้อเที่ยงออก ตอนนี้พระเลยได้ฉันแค่เวลาเช้าไปจนถึงก่อนเที่ยง
ข้อห้ามเยอะนะ ไม่รับเงิน ไม่ปล่อยให้ผ้าจีวรล่วงอรุณ ถ้าไม่ได้อยู่กับตัว ห้ามตัดหญ้าดายหญ้า ห้ามขุดดิน ห้ามขึ้นต้นไม้ถ้าไม่จำเป็น ห้ามก่อไฟ ห้ามอยู่กับผู้หญิงสองต่อสอง เป็นต้น
แล้วที่สำคัญก็คือห้ามเล่าเรียนคัมภีโลกายตนะ ก็คือเป็นคัมภีร์เกี่ยวกับศาสต์ทางโลก เป็นคัมภีร์ศาสตร์อื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับคำสอนที่เนื่องด้วยอบรมจิตให้เป็นศีลสมาธิปัญญา
พระพุทธเจ้าทรงปรับอาบัติเป็นทฺุกกฺฏหรือว่าทุกกฎ คำว่าทุกกฏฺไม่ได้หมายถึงทุกข้อนะ
แต่มันเป็นภาษาบาลีแปลว่าทำไม่ดีนะ
หนึ่งเลยก็คือรับซอง เงิน สิกขาบทข้อนี้เนี่ยก็เคยอ่านนะ หลวงพ่อฤาษีลิงดำนี่คิดว่าข้อนี้น่ะเป็นข้อที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ถอนออกได้ เพราะว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป อันนี้จริงๆอ่านมา ในเรื่องการรับเงินก็เห็นพระรูปหนึ่งรับนะรับสมัยพรรษา 1 บวชเสร็จ ในบ้านมีคนตายไปสวดอภิธรรม ซองเยอะมากๆ พอรับแล้วไม่ได้รับเอาไปทำเรื่องไม่ดีเลย
ก็เห็นมีแต่เอาไปทำประโยชน์นะ เติมเงินสมัครเน็ตฟังเทศณ์ อ่านธรรมะ อื่นๆอีก จนมาพิจารณาว่าถ้าพระรูปนี้ไม่รับเงินและมาสมัครเน็ตนี่จะรู้ธรรมะและส่งต่อยอดจนถึงได้อ่านคัมภีร์พระไตรปิฏกในแอพ etipitaka ใน play store ไหมนะ จะได้ฟังเทศณ์ไม่นะ และค้นหาข้อธรรมที่สงสัยไม่นะ ได้คำตอบว่า น่าจะยาก
คือถ้าบวชในวัดที่เคร่งวินัยข้อห้ามรับเงิน ก็คงไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ตมือถือและอาจจะไม่ได้เล่นโทรศัพท์เลย
ส่วนปู่หนูแต่ก่อนที่ไปวัดท่านก็ถวายซองให้ฝากกับศิษย์ไว้ก็เอาไปทำประโยชน์นะ ไม่ได้เอาไปทำเรื่องไม่ดี ถ้าพูดถึงเรื่องพระรับเงินมีหลายวัดนะมันจะยาวก็ไม่ขอพูดมาก
แต่คิดว่าการให้โยมรับแทนแล้วเวลาจะใช้ค่อยบอก มันยุงยากยุนะ มันไม่เหมือนรับไว้เองเวลาจะใช้ก็ใช้ได้เลย แต่ภายหลังก็จำเป็นต้องทำตามสิกขาบท
พระรูปนนี้เวลาใช้เงินก็มีแต่ทำประโยชน์ สร้างบุญ สร้างโรงพยาบาล ทำcdธรรมแจกตามที่ต่างๆหมดไปหลายหมื่นเลยนะ จะว่าบาปคงไม่ถูกเพราะจิตคนละดวงกับอกุศลจิต ไม่ใช่อกุศลจิตเจตสิก
สำหรับปู่หนูถ้าท่านใช้เงินก็คงจะเป็นในการทำประโยชน์สร้างบารมี เรื่องฆ่าสัตว์ไม่เคยเห็น เรืีองขโมยก็ยังไม่เคยเห็น คือศีล๕ไม่เคยเห็นท่านผิด ศีล8ก็เหมือนกัน ส่วนศีลข้ออื่นๆไม่รู้ไม่ได้อยู่กับท่านตลอด อันที่เป็นบาปท่านคงไม่ทำ
ท่านก็มีแต่ไปช่วยคนนะ ไปช่วยคนช่วยยังไงรู้ไหมเขานิมนต์ให้ไปทำพิธีนู่นนี่นั่นท่านก็ไป และก็ไปในธุระเกี่ยวกับธรรมของท่าน ก็ไม่อยากพูดมากนะ ทั้งเรื่องอสุภะพิจารณากายท่านก็บอกนะ เหมือนว่าท่านเอาทั้งธัมบันลุบันดาลและกรรมฐานธรรมในพระไตรปิฏก
ขอสรุปว่าปู่หนูอยู่สายขาว พระองค์ไหนโดนของหรือฆราวาสคนไหนโดนของผีเข้าเป็นต้นไปหาท่านได้ แต่ก่อนสมัยพุทธกาลก็มีนะพระถูกทำของใส่ถูกทำยาแฝดใส่ พระพุทธเจ้าก็ตรัสบอกวิธีแก้ว่าให้ไปเอาดินใต้ผานไถที่เขาไถดิน นำมากิน ก็ทำตามและก็หายจากเสน่ยาแฝดนั้น
และก็ตอนนี้ก็มีคนตำหนิติเตียนเรื่องนี่มาก ที่ว่าสื่อวิญญาณ อวดอุตริความจริงแล้วไม่ควรใช้คำว่าสื่อวิญญาณนะ รู้จักไหมคำว่าวิญญาณ วิญญาณในความหมายของพุทธศาสนาในจริงๆมันคือวิญญาณธาตุ ก็คือธาตุรู้ หรือว่าธรรมชาติที่รู้รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ ความหมายของวิญญาณในพุทธศาสนาแบบนี้
ส่วนความหมายที่คนเข้าใจกันอยู่ในทุกวันนี้ไม่ทุกคนนะ
"วิญญาณมันคือภาวะอย่างหนึ่งหรือว่าพลังงานอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นที่ออกจากร่างของคนตาย อันนี้ใช่ไหมที่เข้าใจกันว่าเป็นวิญญาณ แต่ในความหมายทางพุทธศาสนาเนี่ยเขาไม่ได้เรียกวิญญาณนะ
เขาเรียกว่าเปรต เปตะซึ่งแปลว่าผู้ละไปจากโลกนี้แล้ว
เรื่องอวดอุตริ ทำท่าที ร้อง หมุนตัว 70 กว่ารอบ ทำท่าทางต่างๆนั้น มันไม่ใช่อวดอุตริที่ไม่มีในตนตามพระวินัยปิฏกว่าไว้นะ
คนที่เคยถูกผีสิงร่าง หรือเทพลงประทับ หรือถูกผีอัมบังคับร่างกายไม่ได้จะพอเข้าใจว่ามันเป็นยังไง
ดวงธรรมประทับร่าง นั้นคือจิตของเทพเทวดาลงมาแทรกในร่างกายท่าน แทรกแบบครึ่ง จะทำให้รู้สึกตัวแต่บังคับร่างกายตัวเองไม่ได้ ถ้าแทรกแบบเต็มตัวเลยจะไม่รับรู้ว่าตัวเองทำอะไรจับจิตของเทพที่มาประทับไม่ได้เลย ความจริงท่านจะปิดไว้ไม่ให้จิตเทพภายนอกมาแทรกก็ได้มีวิธี แต่นี่ท่านเปิดไว้เพราะว่ามันมีประโยชน์บางอย่างในการทำพิธี เช่น เทพที่ฤทธิ์มากมาช่วยปลุกเสขวัตถุ นาคที่ฤทธิ์มากมาช่วยปลุกเสก เป็นต้น
ที่ว่าเรื่องดวงธรรมมาเข้าร่างประทับร่างหรือที่เข้าใจเป็นว่าวิญญาณมาเข้าร่างมันไม่ใช่
มันคือจิตเทพเทวดามาประทับแทรกเข้าร่างทำพิธีในขณะนั้น
(จบช่วงที่2)
หลวงปู่มั่นท่านก็เมตตาอนุโลมทำให้ฆราวาสคนหนึ่งที่มาขอท่าน หวลงปู่ดูล อตุโล ท่านก็เมตตาไปปลุกเสกของขลังให้นะ ถ้ามองเรื่องปลุกเสกดีๆรู้ไหมว่าทางพระคิดยังไงแต่ก็คงไม่ทุกองค์ มันเป็นเรื่องธรรมดาๆไปแล้วนะเพราะปลุกเสกวัตถุมงคลมันคืออัดพลังจิตปะจุลงในนั้น ทำให้มีอานุภาพในทางต่างๆแล้วแต่จะใช้ลักษณะจิตแบบไหนทำ ยันต์หลวงปู่มั่นคนลองนำไปทดสอบก็ยิงปืนไม่ได้เลย ลองหาอ่านดู
มีป้านักปฏิบัติธรรมคนหนึ่งที่ชอบโดนผีมาก่อกวน พอเขามีของขลังคือกริช แล้วผีก็กลัวไม่มาก่อกวนป้าแกอีกเลยเวลานอน เรื่องปลุกเสกนี่มีมาแต่สมัยโบราณแล้ว เช่นควยธนูนี่เป็นอะไรที่ใช้ในทางให้เป็นบาปก็ได้ แต่พระสงฆ์ท่านไม่ปลุกเสกไปในทางที่ไม่ดี ไม่ให้ผลร้ายต่อผู้มีของขลัง ต่อไปนี้อย่าติเตียนเพราะจะเป็นบาปกรรมหนัก เรียกว่าติเตียนพระอริยะเจ้า อ่านแล้วมองเป็นเรื่องเฉยๆ พระอริยะท่านก็มีนะที่ท่านปลุกเสกของขลัง เพื่อประโยชน์บางอย่าง เพราะโยมมาขอให้ท่านเมตตาทำให้ เช่นที่หลวงปู่มั่นภูริทัตโต เรื่องยันต์ องค์อื่นๆอีกเท่าที่รู้ แต่ไม่ขอพูด
สายปู่หนูนี่เป็นสายขาว สายแก้ สายช่วยคน ช่วยคนก็ได้บุญบารมีอีกแบบหนึ่งนะ เรียกว่าเมตตาทำสิ่งที่ดีต่อผู้อื่น
จะต่างจากอีกสายที่ใช้วิชาอาคมทำคุณไสย์ดำใส่คนในบางครั้งให้ได้รับความเดือนร้อน เช่นตะปู ใบมีดโกน ซากสัตว์ทำใส่ร่างกาย ปลุกควยธนูทำร้าย คือแค่ปลุกเสกควยธนูเฉยๆแต่ไม่ใช้ไปลำลายคนอื่นยังไม่บาป
แต่คนที่มีวิชาสายดำเขาไม่ได้ทำแต่สิ่งที่ไม่ดีเป็นบาปถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เรื่องดีเขาก็ทำ พวกเราอย่าไปจ้างให้ไปทำของใส่คนที่เราเกลียดไม่ชอบนะ เราบาป คนทำก็บาป คนถูกทำของใส่ก็เป็นทุกข์
ในบางครั้งคนถูกทำของใส่มาให้ลูกศิษย์ปู่หนูแก้ ถอดของออกจากกายสังขาร ก็มีเศษผมเศษตะปูอะไรออกมากับไข่ ฯลฯ ก็แปลกนะมันเข้าไปอยู่ในใข่นั่นได้ยังไง
แต่วิชาธัมบันลุบันดาลนี้ถ้าเรียนมีข้อห้ามด้วย ถ้าจะเรียนตั้งแต่งขันธ์ครูมีอะไรหลายอย่างเลย มีพาน มีดอกไม้ ธูปเทียน ฯลฯและอื่นๆอีกหลายอย่างกว่านี้ ข้อห้ามก็มีหลายข้อ
ถ้าทำผิดแล้วมันจะเป็นผลร้ายต่อตนด้วย หน้าจะดำค้ำสุขภาพไม่ดีทันตาเห็น ถ้าไม่แก้จะเป็นผลไม่ดีต่อร่างกายไปเรื่อยๆ เหมือนโดนมนต์ดำ วิธีการแก้รักษากายก็ยุ่งยาก สายขาวมีข้อห้ามทำ ส่วนเรื่องสายดำนี่ไม่รู้เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องสนใจ
แต่ก่อนศึกษาวิชาอาคมคาถามนต์ตรานะ คิดว่าจะเรียนไว้ป้องกันตัวถ้ามีภัยจากอมุษย์ภูตผีภายนอก ก็เริ่มศึกษาทดลองด้วยศีลที่บริสุทธิแล้วทดลองสวดคาถาพอสวดแล้วรู้มีพลังงานบางอย่างเกิดขึ้นภายในกายร้อนๆ แต่พอสวดอีกบทจะรู้สึกเย็นๆๆกาย มันก็แปลกดีนะ และเคยโดนผีอัมพูดไม่ได้ขยับไม่ได้ ก็สวดคาถาบทหนึ่งในใจก็ปรากฏว่าผีมันก็ไป ก็เลยมองว่ามันเป็นของดีอีกอย่างไว้ช่วยตนเอง เพราะไม่ได้อภิญญามีอิธิฤทธิ์
แต่สุดท้ายก็เลิกศึกษาเล่าเรียน
ส่วนเรื่องภายในใจปู่หนูนี่ท่านมีธรรมภายในใจคือท่านมีศีลภายในที่บริสุทธิ์นะ ถึงแม้สิ่งที่ท่านทำมันจะเป็นโลกะวัชชะชาวโลกติเตียน แต่การกระทำเหล่านั่นไม่ใช่เป็นการทำบาป เพราะท่านไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดโกหก ไม่ดื่มเหล้า แต่กินเอ็มร้อยฉันกาแฟอยู่ ก็ปกตินะและอื่นๆอีกที่เป็นศีลในกุศลกรรมบทสิบ ส่วนข้อจิตใจนี่ไม่รู้ว่าท่านทำได้บริสุทธิ์ไหมหรือไม่อย่างไร
เพราะถ้าถ้ายังไม่ใช่พระอนาคามีหรือพระอรหันต์ศีลทางจิตจะมีหลุดบ้างก็คงเป็นเรื่องธรรมดาของทุกคน มีโกรธขึ้นมา มีโลภะขึ้นมา ก็ต้องละทิ้ง ศีลทางจิตคือไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่ให้มีนิวรณ์ เพราะทุกคนถ้ายังจิตไม่ตั้งมั่นเป็นสมาธิตลอดเวลามันอาจมีโลภโกรธขึ้นมา เราต่างต้องสู้กับกิเลสของตนให้ชนะไม่ว่าจะเป็นพระหรือโยม
จะสมาทานหรือไม่สมาทานรักษาศีลแม้ไม่ได้สมาทานถือศีล แต่ถ้าทำผิดมันบาปทันทีนะ โกรธขึ้นมาก็บาปทีหนึ่ง น่าเบื่อกิเลสนะถ้าหนีเข้านิพพานมันง่ายคงไปหมดแล้ว
แต่บารมียังไม่เต็มก็ต้องสร้างบำเพ็ญให้เต็มต่อไป
เมตตาบารมียังไม่เต็มก็ต้องมั่นเจริญเมตตาบ่อยๆ น่าคิดนะคนเราไม่รู้ว่าตัวเองบารมีเต็มแล้วหรือยัง ขาดบารมีข้อไหนที่ยังไม่เต็ม ศีลบารมียังไม่เต็มก็ต้องบำเพ็ญอีก
ศีลภายในคือศีลทางกายและวาจาและทางใจที่เป็นวิบากให้ผลกับจิตเป็นกุศลโดยตรง
ที่ว่าเป็นวิบากให้กับจิตโดยตรงนี้ก็คือ คือถ้าทำก็มีวิบากคือสุคติภพ ถ้าผิดจะนำให้ไปเกิดในอบายภูมิ อันนี้เรียกว่าศีลภายใน ให้ลองไปดูในมรรคมีองค์ 8 ที่เป็นฝ่ายสัมมามรรค มันจะมีศีลเกี่ยวกับข้อประพฤติทางกายที่บริสุทธิ์ เรียกว่า ศีลบริสุทธิ์ทางกาย การไม่ฆ่าสัตว์ไม่ลักทรัพย์ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่ดื่มเหล้า เป็นต้น
ส่วนศีลบริสุทธิ์ทางวาจาก็คือ ไม่พูดเท็จพูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ ความจริงการพูดใส่ร้ายใส่ความการพูดว่าให้ใครในแบบจิตสัมปยุต ด้วยอกุศลเจตสิก มันผิดศีลทางวาจาทั้งนั้น
อันนี้ก็คือเป็นศีลทางวาจานะ อันนี้จะเป็นวิบากนำให้ไปเกิดในสุคติภูมิ แล้วเป็นฐานให้อบรมจิตขึ้นสู่สมาธิปัญญาต่อไปได้
และก็สุดท้ายเลยคือเป็นศีลทางจิตก็คือการไม่ให้บาปอกุศลเกิดขึ้นที่จิต ระวังป้องกันไม่ให้จิตเกิดบาปอกุศลขึ้น เช่นไม่ปรุงแต่งความโกรธ แล้วก็ไม่ปรุงแต่งความโลภ ไม่ปรุงแต่งกระแสจิตที่สัมปยุต วิหิงสาอกุศลคือเบียดเบียน ไม่ปรุงแต่งกระแสจิตที่สัมปยุตกามพยาบาท
แล้วก็ไม่ให้เกิดนิวรณ์ ไม่ให้เกิดอภิฌา ไม่ให้เกิดโทมัส เป็นต้น นี่ก็คือเป็นศีลจริงๆเรียกว่าเป็นศีลในองค์มรรค เป็นศีลแท้ที่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ท่านสอน
ให้ยึดตัวนี้เป็นหลัก
ส่วนศีลภายนอก เรียกว่าเป็นศีลที่บัญญัติเกี่ยวกับเรื่องเกี่ยวกับความเป็นอยู่ ความเป็นอยู่ของหมู่สงฆ์คณะสงฆ์ เพื่อให้มีความเรียบร้อยอยู่ด้วยกันด้วยความสงบสุข และให้ศาสนามีการดำรงไปต่อได้ด้วยดี ถ้าหากฆราวาสเห็นว่าไม่สมควรตำหนิติเตียนเรียกว่าโลกวัตชะ ทำผิดแล้วชาวโลกติเตียน
อย่างเช่น รับเงินในสมัยนี้ชาวบ้านเขาไม่ค่อยติเตียนพระแล้วเห็นเป็นเรื่องธรรมดาๆ แต่ไม่ทุกหมู่บ้านนะ ฉันอาหารในเวลาวิการณ์ พรากของเขียว ตัดไม้ดายหญ้า มีจีวรล่วงอรุณ พวกนี้ถ้าผิดมันไม่ได้เป็นวิบากกรรมที่ส่งให้ไปเกิดในอบายภูมิโดยตรง
เพราะอย่างนี้ฆราวาสที่เข้าวัดฟังธรรมกินข้าวเย็น ไปตัดไม้ทำฟืนตัดหญ้าตามทุงนา รับเงินเดือน จึงไม่มีวิบากนำไปเกิดในอบายภูมิ๔เพราะเหตุนี้ แต่พระนี่ถ้าคิดกังวลว่าไม่ควรแล้วไปทำ แล้วใจเกี่ยวเนื่องเป็นอกุศลอันนี้เป็นวิบากตายแล้วไปอบายภูิมิได้
ดังเช่นเรื่อง เอกปัตตะนาคราช ที่สมัยแต่ก่อนเป็นพระแล้วเผลอพรากของเขียวทำตระไครน้ำขาด แล้วไม่ได้ปลงอาบัติก่อนตายชะวะนะจิตยกอารมณ์เรื่องพรากตะไคร้น้ำขาดขึ้นมาสัมปยุตแล้วเศร้าหมอง ตายแล้วจึงไปเกิดเป็นนาคเดรัจฉาน ไม่ใช่นาคเทวดาที่บรรลุอริยะธรรมได้
----------------------------
เรื่องอธิกรณ์นะ ถ้ามีเรื่องอธิกรณ์เอาง่ายๆเลยสรุปเลยแล้วกันนะ ในการขับไล่ท่านเนี่ย ไม่รู้นะว่าพินิจพิจารณาจากดุลพินิจข้อไหน ถ้าเอาวินัยตรวจสอบจริงๆนะก็ให้พิจารณาใช้อธิกรณ์สมถะระงับ ระงับอธิกรณ์เรื่องนั้นๆที่เกิดขึ้นในหมู่สงฆ์ บอกกล่าวด้วยวาจาก่อน หรือส่งหนังสือแจ้งไปบอกก่อน ถึงเรื่องที่ทำว่าเป็นยังไงๆ
เช่นเรื่องพระรับเงินมีพระอาจารย์รูปหนึ่งสวดปาฏิโมกได้รู้วินัยมากบอกใช้ วิธีกลบไว้ด้วยหญ้า ฟังแล้วควรให้จัดหาโยมคนวัดเป็นคนรับแทน ถ้าหาได้นะ เวลาจะใช้ค่อยบอกโยม
กิจภายในหมู่สงฆ์มีหลายเรื่องมาก ทั้งการทำสังฆกรรม สวดปาฏิโมก ฯลฯ เกี่ยวกับบิณฑบาตก็มี ต้องนุ่งผ้าห่มผ้าให้พอดี ฉันอาหารในเวลาที่ควร ก็คือไม่เลยเที่ยง ทั้งที่แต่ก่อนในพระไตรปิฏกพระอุทายีฉันได้เช้า เที่ยง เย็น เลย
แต่ต่อมาพระพุทธเจ้าตัดมื้อเย็นออก และต่อมาก็ตัดมื้อเที่ยงออก ตอนนี้พระเลยได้ฉันแค่เวลาเช้าไปจนถึงก่อนเที่ยง
ข้อห้ามเยอะนะ ไม่รับเงิน ไม่ปล่อยให้ผ้าจีวรล่วงอรุณ ถ้าไม่ได้อยู่กับตัว ห้ามตัดหญ้าดายหญ้า ห้ามขุดดิน ห้ามขึ้นต้นไม้ถ้าไม่จำเป็น ห้ามก่อไฟ ห้ามอยู่กับผู้หญิงสองต่อสอง เป็นต้น
แล้วที่สำคัญก็คือห้ามเล่าเรียนคัมภีโลกายตนะ ก็คือเป็นคัมภีร์เกี่ยวกับศาสต์ทางโลก เป็นคัมภีร์ศาสตร์อื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับคำสอนที่เนื่องด้วยอบรมจิตให้เป็นศีลสมาธิปัญญา
พระพุทธเจ้าทรงปรับอาบัติเป็นทฺุกกฺฏหรือว่าทุกกฎ คำว่าทุกกฏฺไม่ได้หมายถึงทุกข้อนะ
แต่มันเป็นภาษาบาลีแปลว่าทำไม่ดีนะ
หนึ่งเลยก็คือรับซอง เงิน สิกขาบทข้อนี้เนี่ยก็เคยอ่านนะ หลวงพ่อฤาษีลิงดำนี่คิดว่าข้อนี้น่ะเป็นข้อที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ถอนออกได้ เพราะว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป อันนี้จริงๆอ่านมา ในเรื่องการรับเงินก็เห็นพระรูปหนึ่งรับนะรับสมัยพรรษา 1 บวชเสร็จ ในบ้านมีคนตายไปสวดอภิธรรม ซองเยอะมากๆ พอรับแล้วไม่ได้รับเอาไปทำเรื่องไม่ดีเลย
ก็เห็นมีแต่เอาไปทำประโยชน์นะ เติมเงินสมัครเน็ตฟังเทศณ์ อ่านธรรมะ อื่นๆอีก จนมาพิจารณาว่าถ้าพระรูปนี้ไม่รับเงินและมาสมัครเน็ตนี่จะรู้ธรรมะและส่งต่อยอดจนถึงได้อ่านคัมภีร์พระไตรปิฏกในแอพ etipitaka ใน play store ไหมนะ จะได้ฟังเทศณ์ไม่นะ และค้นหาข้อธรรมที่สงสัยไม่นะ ได้คำตอบว่า น่าจะยาก
คือถ้าบวชในวัดที่เคร่งวินัยข้อห้ามรับเงิน ก็คงไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ตมือถือและอาจจะไม่ได้เล่นโทรศัพท์เลย
ส่วนปู่หนูแต่ก่อนที่ไปวัดท่านก็ถวายซองให้ฝากกับศิษย์ไว้ก็เอาไปทำประโยชน์นะ ไม่ได้เอาไปทำเรื่องไม่ดี ถ้าพูดถึงเรื่องพระรับเงินมีหลายวัดนะมันจะยาวก็ไม่ขอพูดมาก
แต่คิดว่าการให้โยมรับแทนแล้วเวลาจะใช้ค่อยบอก มันยุงยากยุนะ มันไม่เหมือนรับไว้เองเวลาจะใช้ก็ใช้ได้เลย แต่ภายหลังก็จำเป็นต้องทำตามสิกขาบท
พระรูปนนี้เวลาใช้เงินก็มีแต่ทำประโยชน์ สร้างบุญ สร้างโรงพยาบาล ทำcdธรรมแจกตามที่ต่างๆหมดไปหลายหมื่นเลยนะ จะว่าบาปคงไม่ถูกเพราะจิตคนละดวงกับอกุศลจิต ไม่ใช่อกุศลจิตเจตสิก
สำหรับปู่หนูถ้าท่านใช้เงินก็คงจะเป็นในการทำประโยชน์สร้างบารมี เรื่องฆ่าสัตว์ไม่เคยเห็น เรืีองขโมยก็ยังไม่เคยเห็น คือศีล๕ไม่เคยเห็นท่านผิด ศีล8ก็เหมือนกัน ส่วนศีลข้ออื่นๆไม่รู้ไม่ได้อยู่กับท่านตลอด อันที่เป็นบาปท่านคงไม่ทำ
ท่านก็มีแต่ไปช่วยคนนะ ไปช่วยคนช่วยยังไงรู้ไหมเขานิมนต์ให้ไปทำพิธีนู่นนี่นั่นท่านก็ไป และก็ไปในธุระเกี่ยวกับธรรมของท่าน ก็ไม่อยากพูดมากนะ ทั้งเรื่องอสุภะพิจารณากายท่านก็บอกนะ เหมือนว่าท่านเอาทั้งธัมบันลุบันดาลและกรรมฐานธรรมในพระไตรปิฏก
ขอสรุปว่าปู่หนูอยู่สายขาว พระองค์ไหนโดนของหรือฆราวาสคนไหนโดนของผีเข้าเป็นต้นไปหาท่านได้ แต่ก่อนสมัยพุทธกาลก็มีนะพระถูกทำของใส่ถูกทำยาแฝดใส่ พระพุทธเจ้าก็ตรัสบอกวิธีแก้ว่าให้ไปเอาดินใต้ผานไถที่เขาไถดิน นำมากิน ก็ทำตามและก็หายจากเสน่ยาแฝดนั้น
และก็ตอนนี้ก็มีคนตำหนิติเตียนเรื่องนี่มาก ที่ว่าสื่อวิญญาณ อวดอุตริความจริงแล้วไม่ควรใช้คำว่าสื่อวิญญาณนะ รู้จักไหมคำว่าวิญญาณ วิญญาณในความหมายของพุทธศาสนาในจริงๆมันคือวิญญาณธาตุ ก็คือธาตุรู้ หรือว่าธรรมชาติที่รู้รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ ความหมายของวิญญาณในพุทธศาสนาแบบนี้
ส่วนความหมายที่คนเข้าใจกันอยู่ในทุกวันนี้ไม่ทุกคนนะ
"วิญญาณมันคือภาวะอย่างหนึ่งหรือว่าพลังงานอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นที่ออกจากร่างของคนตาย อันนี้ใช่ไหมที่เข้าใจกันว่าเป็นวิญญาณ แต่ในความหมายทางพุทธศาสนาเนี่ยเขาไม่ได้เรียกวิญญาณนะ
เขาเรียกว่าเปรต เปตะซึ่งแปลว่าผู้ละไปจากโลกนี้แล้ว
เรื่องอวดอุตริ ทำท่าที ร้อง หมุนตัว 70 กว่ารอบ ทำท่าทางต่างๆนั้น มันไม่ใช่อวดอุตริที่ไม่มีในตนตามพระวินัยปิฏกว่าไว้นะ
คนที่เคยถูกผีสิงร่าง หรือเทพลงประทับ หรือถูกผีอัมบังคับร่างกายไม่ได้จะพอเข้าใจว่ามันเป็นยังไง
ดวงธรรมประทับร่าง นั้นคือจิตของเทพเทวดาลงมาแทรกในร่างกายท่าน แทรกแบบครึ่ง จะทำให้รู้สึกตัวแต่บังคับร่างกายตัวเองไม่ได้ ถ้าแทรกแบบเต็มตัวเลยจะไม่รับรู้ว่าตัวเองทำอะไรจับจิตของเทพที่มาประทับไม่ได้เลย ความจริงท่านจะปิดไว้ไม่ให้จิตเทพภายนอกมาแทรกก็ได้มีวิธี แต่นี่ท่านเปิดไว้เพราะว่ามันมีประโยชน์บางอย่างในการทำพิธี เช่น เทพที่ฤทธิ์มากมาช่วยปลุกเสขวัตถุ นาคที่ฤทธิ์มากมาช่วยปลุกเสก เป็นต้น
ที่ว่าเรื่องดวงธรรมมาเข้าร่างประทับร่างหรือที่เข้าใจเป็นว่าวิญญาณมาเข้าร่างมันไม่ใช่
มันคือจิตเทพเทวดามาประทับแทรกเข้าร่างทำพิธีในขณะนั้น
(จบช่วงที่2)
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
#รวมมาให้อ่านเกี่ยวกับด้านดีๆของหลวงปู่เดือนชัย ธมฺมวิจโย กับนักข่าว(4/4)
เพราะมาจากธัมบันลุบันดาลหรือไม่ หรือเป็นเจโตปริญญาณอภิญญาก็ไม่ทราบ เพราะการรู้ความคิดคนอื่นได้ไม่ได้มีเฉพาะผู้ได้อภิญญาข้อเจโตปริญญาณเท่านั้นนะ มันมีอีกวิชชาหนึ่งในพระไตรปิฏกบอกไว้อยู่ ทำให้สามารถรู้ใจคนอื่นได้ โดยที่ไม่ใจเจโตปริญญาณ
ส่วนธรรมบรรลุบันดาลที่เป็นธรรมเก่าภาษาเก่าแก่
มันเป็นประโยชน์ในการใช้สร้างบารมีของท่าน ในการช่วยคนอื่น ที่ท่านทำก็มีเยอะนะ คนที่โดนมนต์ดำท่านก็แก้ออกให้ดำ แก้คุณไสย์ ฯลฯ ท่านอยู่ในสายขาวนะ ไม่ใข่สายดำที่ทำของใส่คน
ท่านก็พิจารณากายลงไตรลักษณ์นะตามที่ฟังท่านเทศณ์
ลูกศิษย์บางองค์ของท่านที่เรียนธัมบันลุบันดาลก็สามารถสวดได้และมีความรู้พิเศษสัมผัสรู้เรื่องเกี่ยวกับคนอื่นได้ แม้ไม่ได้อภิญญาข้อเจโตปริญญาณเลย หรือญาณที่ทำให้รู้เกี่ยวกับนิสัยคนอื่นเลย
บางองค์ก็สามารถรับรู้เกี่ยวกับตัวของคนๆหนึ่งได้โดยสัมผัสจากการต้องจับแขน ดังเช่นครูบากลิ้งลูกศิษย์หลวงปู่หนู
ปัจจุบันลาสิกขาไปแล้ว
แต่หลวงปู่หนูนี่ไม่ต้องจับก็รู้เรื่องเกี่ยวกับเราได้..
ปกติในเวลาที่เห็นองค์อื่นมีวิชาด้านอื่นด้วยก็เงียบๆ เช่นอ่านประวัติหลวงปูตื้อสมัยท่านบำเพ็ญเพียร ก็มีวิชาอาคมนะตามที่อ่าน การที่พระท่านไปทางอื่นด้วยก็คงมีเหตุผลของท่าน หรืออาจจะ เช่น อาจเป็นกรรมจัดสรรให้ต้องได้รู้และเรียนเกี่ยวกับธรรมบันลุบันดาน เช่น ไปกล่าวกับพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธะว่า ท่านจงเรียนมนต์แนวนี้ๆสวดมนต์แนวนี้ใน(แบบสัมปยุตประกอบพร้อมด้วยอกุศลจิตเจตสิก) เมื่อวิบากให้ผลจะทำให้ต้องได้เล่าเรียนมนต์แบบนี้สวดมนต์แบบนี้
(เทียบกับ เหมือนในพระสูตรที่ว่า "แต่ก่อนพระองค์กับภิกษุ500รูปนี้ เคยไปพูดบอกแนวอกุศลจิตกับภิกษุสงฆ์ที่มีพระอริยะอยู่ในนั้น "ท่านจงเคี้ยวจงกินแต่ข้าวแดง" ผลกรรมอันนั้นมาส่งผลในชาติที่เป็นพระพุทธะเจ้าแล้ว ทำให้ท่านกับภิกษุ500รูปได้ฉันแต่ข้าวแดงตลอด1พรรษา (ไม่ได้ฉันเนื้อฉันผักเลย)
ส่วนเรื่องดวงธรรมประทับ
มันเป็นสิ่งที่ชาวเทพเทวาไม่อยากให้มนุษย์รู้มากในเรื่องนี้ แต่จะพูดนิดหน่อย
ดวงธรรมคือ มีหลายรูปร่าง แต่เป็นพลังงานทิพย์เหมือนกัน ต่างกันที่ความละเอียด ดวงวงกลมสีสว่างจ้า ดวงวงกลมสีขาว สีอื่นๆเป็นต้น เหล่านี้คืออัตภาพทิพย์ของผู้อยู่ในสุคติภูมิที่เนรมิตให้อัตภาพเป็นเช่นนั้น สามารถเนรมิตให้เท่าปลายเข็มก็ได้ ดั่งในเวลาฟังธรรม เทวดาจะเนรมิตกายให้เล็กๆแล้วมีแสงรัสมีออกมาที่เห็นเป็นดวงสว่างๆนั่นแหละ
พญานาค เทวดา ก็เนรมิตแปลงกายได้เหมือนกัน แต่ไม่ลงร่างมนุษย์มั่วชัวนะ ยิ่งคนถือศีลปฏิบัติธรรม ลงประทับแล้วเบียดเบียนไม่ได้เลยเพราะจะโดนลงทัณฑ์ มนุษย์บางคนก็ถูกร่ายมนต์เปิดก่อนเพื่อให้เข้าประทับร่างได้ โดยที่ไม่ต้องรับขันธ์ เช่นเวลาเรานอนแล้วฝันว่ามีคนมาบอกให้ทำบุญให้หน่อย หรือ ฝันว่าซื้อเลขตัวนี้นะหนู หรือต่อไปให้ระมัดระวังตัวนะจะมีอันตราย เป็นต้น
แล้วพอตื่นขึ้นมานึกย้อนหลัง
ฝันว่าอะไรนะ ความจริงมันมีทั้งปรุงแต่งไปเอง และมีจิตภายนอกเข้ามาแทรกหัว
แล้วฝังเรื่องราวทิ้งไว้ พอตื่นขึ้นมานึกย้อนหลังไปดูเข้าใจว่าเป็นฝัน แต่ความจริงคือมันคือความรู้ของเทพที่ทิ้งไว้ในหัวก็มี
เรื่องที่เห็นว่าเป็นหลวงปู่เดินหมุนๆ70กว่ารอบนั่นคือจิตภายนอกเขามาประทับทำพิธี จะว่าท่านเป็นคนวนหมุน70กว่ารอบคงไม่ได้นะและเสียงที่ร้องออกมาด้วย คือเวลาเทพจีนลงประทับก็จะพูดภาษาจีน ถ้าเป็นเทพเก่าๆอินเดียก็จะพูดแบบที่แตกต่างกันออกไป
ก็คิดว่าท่านกำลังบำเพ็ญบารมีข้อให้คนอื่นได้มีทรัพย์ จัดสงเคราะห์เข้าในทะสะบารมีข้อ เมตตาช่วยคนให้มีทรัพย์ เป็นต้น
คนเราแต่ละคนเคยบำเพ็ญบารมีกันมาหมดทุกคน แต่เต็มแล้วหรือยังอันนี้รู้ได้ยากยุ เช่นให้เงินขอทาน เรียกว่าทานบารมี เช่น บริจากเลือด เรียกว่าทานอุปบารมี
ใครว่าปู่หนูมีธัมบันลุบันดาลไม่ใช่นะ
ในสมัยช่วงที่มีพระบวชใหม่ไปอยู่กับปู่หนูปู่หนูก็บอกให้ไปอยู่กุฏิแล้วบริกรรมพุทโธ ต่อมาพระองค์นั้นก็พุทโธๆ แล้วจนถึงภาวะลมหายใจไม่ปรากฏ แล้วตกใจ ต่อมาในที่สุดพระองค์นั้นก็ถึงภาวะไม่มีลมหายใจปรากฏ อันนี้คือพระองค์นั้นเล่าให้ฟัง ถ้านำมาตีความน่าจะเป็นสภาวะในฌาน
ถ้าใจบริสุทธิ์เป็นศีลอยู่ณภายใน คือรักษาจิตไม่ให้เกิดนิวรณ์๕ ครอบงำ
แล้วไปสงเคราะห์ช่วยผี
คือมีโยมเอาอาหารมาถวายท่านในเวลาที่ไม่ลงตัวเท่าไร แล้วท่านเมตตาฉันอาหารหารนั้นซึ่งเป็นเวลาเลยเที่ยงไปแล้ว ถ้าท่านไม่รีบสงเคราะห์ผีตัวนี้ จะไม่ทัน(ผีตัวนี้อาจจะไปเกิดใหม่เป็นสัตว์เดรัจฉาน )
แล้วท่านก็ฉันในเวลาเลยเที่ยงไปแล้ว
ต่อมาจนกลายเป็นเรื่องเกิดขึ้น
ลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ จึงนำไปเล่าให้ หลวงปู่ดู่พรหม ปัญโญ ฟัง
หลวงปู่ดู่ ก็ได้พูดประมาณว่า
"อย่าไปติเตียนหรือว่าให้ท่านเป็นคนไม่ดี เดี๋ยวจะเป็นบาปเป็นกรรม ท่านทำเพื่อสงเคราะห์ช่วนผี"
ถ้าอีกองค์คือ หลวงปู่เจี๊ยะ อันนี้ก็มีเรื่องประมาณว่าทำไม่เหมาะสม
พระก็นำไปเล่าให้หลวงตาพระมหาบัวฟัง
หลวงตาพระมหาบัวก็บอกว่า
"อย่าไปติเตียนท่านนะ มันจะเป็นบาปเป็นกรรม"
พูดถึงวิชาธัมบันลุบันดาล
มันก็มีประโยชน์ในทางช่วยคนอยู่นะ เช่น ถ้านักข่าวโดนมนต์ดำ โดนของ โดนจ้างให้ทำคุณไสย์ใส่ โดนทำเสน่ใส่ ก็ถอนได้แก้ได้ และอื่นๆอีก และไม่ใส่สายทำร้ายคนให้คนเจ็บกาย เพราะมันจะเป็นบาปท่านก็เลยไม่เอา
ถ้าไปถามเรื่องแนวนี้กับพระในวัดองค์ที่ไม่มีการประพฤติปฏิบัติทางจิต อยู่แค่ศีล
มีแต่ฉันแล้วก็จำวัดนอนไม่เจริญสมาธิปัญญาขึ้นไป จะรู้นั้นรู้นี่ยาก ถ้าไม่มีผู้เล่าให้ฟัง
(จบ4/4)
#สาธุ รวมมาให้อ่าน
การช่วยเหลือเป็นบุญ
เพราะมาจากธัมบันลุบันดาลหรือไม่ หรือเป็นเจโตปริญญาณอภิญญาก็ไม่ทราบ เพราะการรู้ความคิดคนอื่นได้ไม่ได้มีเฉพาะผู้ได้อภิญญาข้อเจโตปริญญาณเท่านั้นนะ มันมีอีกวิชชาหนึ่งในพระไตรปิฏกบอกไว้อยู่ ทำให้สามารถรู้ใจคนอื่นได้ โดยที่ไม่ใจเจโตปริญญาณ
ส่วนธรรมบรรลุบันดาลที่เป็นธรรมเก่าภาษาเก่าแก่
มันเป็นประโยชน์ในการใช้สร้างบารมีของท่าน ในการช่วยคนอื่น ที่ท่านทำก็มีเยอะนะ คนที่โดนมนต์ดำท่านก็แก้ออกให้ดำ แก้คุณไสย์ ฯลฯ ท่านอยู่ในสายขาวนะ ไม่ใข่สายดำที่ทำของใส่คน
ท่านก็พิจารณากายลงไตรลักษณ์นะตามที่ฟังท่านเทศณ์
ลูกศิษย์บางองค์ของท่านที่เรียนธัมบันลุบันดาลก็สามารถสวดได้และมีความรู้พิเศษสัมผัสรู้เรื่องเกี่ยวกับคนอื่นได้ แม้ไม่ได้อภิญญาข้อเจโตปริญญาณเลย หรือญาณที่ทำให้รู้เกี่ยวกับนิสัยคนอื่นเลย
บางองค์ก็สามารถรับรู้เกี่ยวกับตัวของคนๆหนึ่งได้โดยสัมผัสจากการต้องจับแขน ดังเช่นครูบากลิ้งลูกศิษย์หลวงปู่หนู
ปัจจุบันลาสิกขาไปแล้ว
แต่หลวงปู่หนูนี่ไม่ต้องจับก็รู้เรื่องเกี่ยวกับเราได้..
ปกติในเวลาที่เห็นองค์อื่นมีวิชาด้านอื่นด้วยก็เงียบๆ เช่นอ่านประวัติหลวงปูตื้อสมัยท่านบำเพ็ญเพียร ก็มีวิชาอาคมนะตามที่อ่าน การที่พระท่านไปทางอื่นด้วยก็คงมีเหตุผลของท่าน หรืออาจจะ เช่น อาจเป็นกรรมจัดสรรให้ต้องได้รู้และเรียนเกี่ยวกับธรรมบันลุบันดาน เช่น ไปกล่าวกับพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธะว่า ท่านจงเรียนมนต์แนวนี้ๆสวดมนต์แนวนี้ใน(แบบสัมปยุตประกอบพร้อมด้วยอกุศลจิตเจตสิก) เมื่อวิบากให้ผลจะทำให้ต้องได้เล่าเรียนมนต์แบบนี้สวดมนต์แบบนี้
(เทียบกับ เหมือนในพระสูตรที่ว่า "แต่ก่อนพระองค์กับภิกษุ500รูปนี้ เคยไปพูดบอกแนวอกุศลจิตกับภิกษุสงฆ์ที่มีพระอริยะอยู่ในนั้น "ท่านจงเคี้ยวจงกินแต่ข้าวแดง" ผลกรรมอันนั้นมาส่งผลในชาติที่เป็นพระพุทธะเจ้าแล้ว ทำให้ท่านกับภิกษุ500รูปได้ฉันแต่ข้าวแดงตลอด1พรรษา (ไม่ได้ฉันเนื้อฉันผักเลย)
ส่วนเรื่องดวงธรรมประทับ
มันเป็นสิ่งที่ชาวเทพเทวาไม่อยากให้มนุษย์รู้มากในเรื่องนี้ แต่จะพูดนิดหน่อย
ดวงธรรมคือ มีหลายรูปร่าง แต่เป็นพลังงานทิพย์เหมือนกัน ต่างกันที่ความละเอียด ดวงวงกลมสีสว่างจ้า ดวงวงกลมสีขาว สีอื่นๆเป็นต้น เหล่านี้คืออัตภาพทิพย์ของผู้อยู่ในสุคติภูมิที่เนรมิตให้อัตภาพเป็นเช่นนั้น สามารถเนรมิตให้เท่าปลายเข็มก็ได้ ดั่งในเวลาฟังธรรม เทวดาจะเนรมิตกายให้เล็กๆแล้วมีแสงรัสมีออกมาที่เห็นเป็นดวงสว่างๆนั่นแหละ
พญานาค เทวดา ก็เนรมิตแปลงกายได้เหมือนกัน แต่ไม่ลงร่างมนุษย์มั่วชัวนะ ยิ่งคนถือศีลปฏิบัติธรรม ลงประทับแล้วเบียดเบียนไม่ได้เลยเพราะจะโดนลงทัณฑ์ มนุษย์บางคนก็ถูกร่ายมนต์เปิดก่อนเพื่อให้เข้าประทับร่างได้ โดยที่ไม่ต้องรับขันธ์ เช่นเวลาเรานอนแล้วฝันว่ามีคนมาบอกให้ทำบุญให้หน่อย หรือ ฝันว่าซื้อเลขตัวนี้นะหนู หรือต่อไปให้ระมัดระวังตัวนะจะมีอันตราย เป็นต้น
แล้วพอตื่นขึ้นมานึกย้อนหลัง
ฝันว่าอะไรนะ ความจริงมันมีทั้งปรุงแต่งไปเอง และมีจิตภายนอกเข้ามาแทรกหัว
แล้วฝังเรื่องราวทิ้งไว้ พอตื่นขึ้นมานึกย้อนหลังไปดูเข้าใจว่าเป็นฝัน แต่ความจริงคือมันคือความรู้ของเทพที่ทิ้งไว้ในหัวก็มี
เรื่องที่เห็นว่าเป็นหลวงปู่เดินหมุนๆ70กว่ารอบนั่นคือจิตภายนอกเขามาประทับทำพิธี จะว่าท่านเป็นคนวนหมุน70กว่ารอบคงไม่ได้นะและเสียงที่ร้องออกมาด้วย คือเวลาเทพจีนลงประทับก็จะพูดภาษาจีน ถ้าเป็นเทพเก่าๆอินเดียก็จะพูดแบบที่แตกต่างกันออกไป
ก็คิดว่าท่านกำลังบำเพ็ญบารมีข้อให้คนอื่นได้มีทรัพย์ จัดสงเคราะห์เข้าในทะสะบารมีข้อ เมตตาช่วยคนให้มีทรัพย์ เป็นต้น
คนเราแต่ละคนเคยบำเพ็ญบารมีกันมาหมดทุกคน แต่เต็มแล้วหรือยังอันนี้รู้ได้ยากยุ เช่นให้เงินขอทาน เรียกว่าทานบารมี เช่น บริจากเลือด เรียกว่าทานอุปบารมี
ใครว่าปู่หนูมีธัมบันลุบันดาลไม่ใช่นะ
ในสมัยช่วงที่มีพระบวชใหม่ไปอยู่กับปู่หนูปู่หนูก็บอกให้ไปอยู่กุฏิแล้วบริกรรมพุทโธ ต่อมาพระองค์นั้นก็พุทโธๆ แล้วจนถึงภาวะลมหายใจไม่ปรากฏ แล้วตกใจ ต่อมาในที่สุดพระองค์นั้นก็ถึงภาวะไม่มีลมหายใจปรากฏ อันนี้คือพระองค์นั้นเล่าให้ฟัง ถ้านำมาตีความน่าจะเป็นสภาวะในฌาน
ถ้าใจบริสุทธิ์เป็นศีลอยู่ณภายใน คือรักษาจิตไม่ให้เกิดนิวรณ์๕ ครอบงำ
แล้วไปสงเคราะห์ช่วยผี
คือมีโยมเอาอาหารมาถวายท่านในเวลาที่ไม่ลงตัวเท่าไร แล้วท่านเมตตาฉันอาหารหารนั้นซึ่งเป็นเวลาเลยเที่ยงไปแล้ว ถ้าท่านไม่รีบสงเคราะห์ผีตัวนี้ จะไม่ทัน(ผีตัวนี้อาจจะไปเกิดใหม่เป็นสัตว์เดรัจฉาน )
แล้วท่านก็ฉันในเวลาเลยเที่ยงไปแล้ว
ต่อมาจนกลายเป็นเรื่องเกิดขึ้น
ลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ จึงนำไปเล่าให้ หลวงปู่ดู่พรหม ปัญโญ ฟัง
หลวงปู่ดู่ ก็ได้พูดประมาณว่า
"อย่าไปติเตียนหรือว่าให้ท่านเป็นคนไม่ดี เดี๋ยวจะเป็นบาปเป็นกรรม ท่านทำเพื่อสงเคราะห์ช่วนผี"
ถ้าอีกองค์คือ หลวงปู่เจี๊ยะ อันนี้ก็มีเรื่องประมาณว่าทำไม่เหมาะสม
พระก็นำไปเล่าให้หลวงตาพระมหาบัวฟัง
หลวงตาพระมหาบัวก็บอกว่า
"อย่าไปติเตียนท่านนะ มันจะเป็นบาปเป็นกรรม"
พูดถึงวิชาธัมบันลุบันดาล
มันก็มีประโยชน์ในทางช่วยคนอยู่นะ เช่น ถ้านักข่าวโดนมนต์ดำ โดนของ โดนจ้างให้ทำคุณไสย์ใส่ โดนทำเสน่ใส่ ก็ถอนได้แก้ได้ และอื่นๆอีก และไม่ใส่สายทำร้ายคนให้คนเจ็บกาย เพราะมันจะเป็นบาปท่านก็เลยไม่เอา
ถ้าไปถามเรื่องแนวนี้กับพระในวัดองค์ที่ไม่มีการประพฤติปฏิบัติทางจิต อยู่แค่ศีล
มีแต่ฉันแล้วก็จำวัดนอนไม่เจริญสมาธิปัญญาขึ้นไป จะรู้นั้นรู้นี่ยาก ถ้าไม่มีผู้เล่าให้ฟัง
(จบ4/4)
#สาธุ รวมมาให้อ่าน
การช่วยเหลือเป็นบุญ
อัพเดตเมื่อ มิ.ย. 28, 2020 5:17:01pm
หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร #ร่วมเดินธุดงค์กับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต #
สำนักวิปัสสนาหินผานางคอย จ.อุบลราชธานี
วัดสวนหินผานางคอย อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี
คำสอน หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร
> https://youtu.be/n-YAST68soI
เรื่องเล่าหลวงปู่พรหมา เขมจาโร: เขาชื่อหาญ (สุนา แก้ววิจิตร) ตอนที่2
January 12, 2017 Ampol Jane
หาญเล่าให้ฟังว่า พบและรู้จักหลวงปู่พรหมาครั้งแรกที่ภูเขาควาย
เขานำกองกำลังลาดตระเวนอยู่แถวนั้น
พบหลวงปู่พำนักอยู่ในถ้ำรูปเดียว เข้าไปกราบสนทนาด้วย ถูกชะตา จึงพากองกำลังทั้งหมดมากราบ
หลวงปู่รดน้ำมนต์ให้ทุกคน
ต่อมาหาญย้ายฐานลงมาทางแขวงจำปาศักดิ์ทำให้ขาดการติดต่อกับหลวงปู่
เรียกว่าต่างคนต่างไปไม่มีใครรู้ข่าวกัน
คราวหนึ่งออกป่าล่าสัตว์คนเดียว ถูกลอบยิงด้วยปืนกลหนัก แบบที่มีขาตั้ง เรียกไม่ถูก ทั้งกระดูกขาฝ่าเท้าแตก ทำให้หนีไปได้ไม่ไกล กลับที่ตั้งไม่ได้
นอนหมดแรงจนสลบอยู่กลางป่าคนเดียว3วัน
คิดว่าตายแน่
อยู่ๆหลวงปู่พรหมาก็ปรากฏตัว
ลงมือช่วยเหลือรักษาแผล
หลวงปู่มีน้ำ้มันงาทั้งนวดทั้งจัดกระดูกที่แตกให้เข้าที่ ทำเฝือก หายา(สมุนไพร)ทำทุกอย่างเพื่อช่วยเขาอยู่ตรงนั้นนานกว่า10วัน
จนฟื้นกำลังแข็งแรงรอดตายค่อยพาเขากลับฐานที่ตั้ง
ถามไปว่า
“ใครไปตามหลวงปู่มาช่วยล่ะ”
“ไม่มีใคร,ท่านมาของท่านเอง”
จะคิดให้เป็นเรื่องเหตุบังเอิญก็พอได้
แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น
นี่จึงเป็นเหตุให้หาญเกิดความรักความผูกพันและเคารพในองค์หลวงปู่ตลอดมา
ในที่สุดทั้งกองร้อยของหาญได้สมัครเข้าเป็นศิษย์ท่านทั้งหมด
กลายเป็นกองร้อยหนังเหนียว รู้จักทั่วไปในหมู่ศัตรูว่ากองร้อยคอแดง
——————————————-
ช่วงนี้ผมมีงานต้องทำ
จะยุ่งอยู่กับงานสัก4-5วัน
ระหว่างนี้ไม่สะดวกมาเล่าสักเท่าไหร่
แต่จะหาจังหวะมาเล่านิดเล่าหน่อยไปเรื่อยๆทุกวันแล้วแต่โอกาส
อย่าเพิ่งวงแตกกันล่ะ
ใครมีธุระส่วนตัวก็เชิญตามสบาย
เสร็จแล้วมาล้อมวงกันต่อ
เดี๋ยวก็มา
————————
เรื่องเล่าหลวงปู่พรหมา เขมจาโร: เขาชื่อหาญ (สุนา แก้ววิจิตร) ตอนที่3
January 12, 2017 Ampol Jane
เอาล่ะจะเล่าเรื่องเขาชื่อหาญต่ออีกสักพัก
ไม่อยากเล่าจนลึกเกินไป ไม่รู้ว่าจะกระทบกับอะไรที่มันเปราะบางกันมั่ง
เหตุการณ์ต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับวัดโพธิและวัดเวินไซ วัดสำเร็จลุน
สมัยนั้นวัดโพธิเป็นที่ตั้งของกองทหารญวน
หาญกับพวกไล่ตีทหารญวนจากด้านนอกวัดเวินไซที่หนีพลางสู้พลางไปเรื่อยๆ
โดยหนีไปทางวัดโพธิ
เขาเล่าว่ามีเรื่องแปลกเกี่ยวกับคนแก่ในหมู่บ้านเวินไซที่มีการปะทะกันคนหนึ่ง
คนแก่คนนี้นั่งจักตอกอยู่บนแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน
เขายิงกันวุ่นวายจนชาวบ้านแตกหนีหาที่หลบซ่อนกันหมด
แกก็ไม่ลุกจากแคร่ไปที่ไหน
หาญเล่าว่า
“ผู้เฒ่านั่นไม่กลัวปืน
เขายิงกันอยู่ต่อหน้าก็นั่งมองดูเฉย
ทั้งยังคอยตะโกนบอกพวกข้อยอีกด้วยว่า
นั่นญวนหลบอยู่ตรงนั้น อยู่ตรงนี้
พวกข้อยได้อาศัยแกชี้บอกเลยได้เปรียบ”
“สงสัยจะมีของดี” ผมว่า
“นั่นสิ แกน่าจะโดนปืนบ้างนะ”
หลังจากนั้นญวนก็ถอยหนีเข้าไปในวัดโพธิกันหมด
ลูกน้องหาญคว้าอาร์พีจีขึ้นเล็งยิงเข้าไปในวัด
“แปลกนะ ลูกอาร์พีจีมันพุ่งเข้าใส่วัด แต่พอจะถึงมันเชิดหัวขึ้นฟ้า,
ยิงไปสองลูกเป็นเหมือนกัน ข้อยเลยยิงเอง ก็เหมือนกันอีก
ข้อยจึงบอกลูกน้องว่าหยุดยิง ให้ค่อยคืบเข้าตีทีละน้อย”
ในที่สุดก็เข้าไปในเขตวัด ยิงไล่ทหารญวนวุ่นวายในนั้น
“มีพระมาตะโกนบอกข้อยว่า เกล็ดโพธิๆ..
ข้อยก็งงว่าเกล็ดโพธิอิหยังล่ะหัวพ่อ
พระก็บอกเก็บเอาๆ”
หาญจึงวิ่งเข้าไปที่ต้นโพธิแกะเอาเปลือกโพธิใส่กระเป๋าเท่าที่จะเอาได้
ในที่สุดทหารญวนก็แตกพ่ายหนีออกจากวัดไปหมด
ยึดวัดได้แล้วหาญก็กลับออกมา ปล่อยวัดไว้เหมือนเดิม
ภายหลังจึงได้แจกเกล็ดโพธิให้ลูกน้องแบ่งกันจนครบ ส่วนหาญเองบอกว่าเขากินเข้าไปเลยไม่ได้พก
ต่อมาได้พบหลวงปู่พรหมาที่ไหนสักแห่ง(ลืม)หลวงปู่ทักว่า
“ลูกเอ๊ย เจ้าไปล่วงเกินครูบาอาจารย์พ่อแล่วเด้อ”
หาญอธิบายว่าเขาไม่เคยรู้เรื่องวัดโพธิหรือวัดเวินไซว่ามีความสำคัญอย่างไร
และไม่ได้บอกหลวงปู่ถึงเรื่องปะทะกับทหารญวนในวัด
แต่หลวงปู่กลับทักท้วงแล้วตำหนิกล่าวโทษ
จึงทราบว่าที่ต้นโพธินั้นคือที่เผาสังขารสำเร็จลุน และสำเร็จลุนคืออาจารย์ของหลวงปู่
หลายเดือนต่อมาหาญจึงมีโอกาสกลับไปขอขมาลาโทษที่ต้นโพธิ
ในขณะที่หาญเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง
ต้นโพธิเป็นความฝันของผมที่จะได้เห็นได้สัมผัส
ยากมากที่จะทำฝันให้เป็นจริง
ลาวในเวลานั้นยังปิดประตูบ้านเงียบ
ไม่มีทางจะเข้าไปได้โดยง่าย
มาสมประสงค์กันไม่กี่ปีนี้เอง
นั่นก็หลังจากตอนนั้นผ่านไปแล้วเกือบ20ปี
หาญเล่าไว้อีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเหตุการณ์ระหว่างลาวกำลังจะแตก
ตอนนั้น(ไม่รู้ตอนไหน)กองกำลังลาวแดงบุกประชิดนครเวียงจันทน์ จะถึงขนาดล้อมนครหรือเปล่าไม่ทราบ
แต่ว่ามีการยิงสู้กันอยู่แถวๆนอกนคร
หลวงปู่พรหมาขณะนั้นพำนักอยู่วัดอะไรไม่ทราบ(ลืม)
อยู่ค่อนมาทางเหนือหรือใต้นครก็จำไม่ได้
กองกำลังของหาญก็ไปรวมตัวอยู่ที่วัดหลวงปู่
“วัดอยู่ตรงกลาง ฝ่ายรัฐบาลก็ยิงข้ามวัดไป ฝ่ายโน้นก็ยิงข้ามมา บางทีกระสุนก็ตกใส่วัด ทั้งอาร์พีจีหรืออื่นๆ แต่ไม่ีแตกไม่ีระเบิด หลวงปู่ฉีกจีวรแจกทุกคน ไมมี่อะไรจะให้
วัดหลวงปู่กลายเป็นที่หลบภัยของผู้หลักผู้ใหญ่ฝ่ายรัฐบาล เป็นที่สำหรับหนีมาขึ้นฮ.เพื่อหลบภัยออกนอกประเทศด้วย”
หลังจากนั้นไม่นานลาวก็แตกสนิท
กองกำลังของหาญก็สลายตัวหนีภัย
หลวงปู่ก็หายสาปสูญไปด้วย
เวลาผ่านไปนานเดือนนับปีจึงทราบข่าวว่าหลวงปู่ข้ามมาฝั่งไทย
ดูเหมือนว่าการมาถึงไทยครั้งแรกนั้นหลวงปู่จะเข้าพำนักที่วัดบุปผาวัน อ.โขงเจียม จ.อุบลฯ ปีสองห้าหนึ่งกว่า
ไม่แน่ใจว่าจะเป็นปี2518หรือเปล่า
มีการออกเหรียญรุ่นแรกที่นี่ด้วย
ตามภาพ
_________________________
วัดหลวงปู่พรหมาในปัจจุบัน
ทางแดงๆที่เห็นว่าเชื่อมวัดกับหมู่บ้านคือทางรถยนต์ สมัยนั้นไม่มี มีแค่ทางเดินเท้า
ประวัติหลวงปู่พรหมมา เขมจาโร เป็นคนบ้านกุศกร ต.กุศกร อ.ตระการพืชผล เกิดเมื่อพ.ศ.2440 บวชเป็นสามเณรเมื่ออายุ12ปี จากนั้นได้ศึกษาพระธรรมวินัยและวิชากับสมเด็จลุน ที่เวินชัยนคร จำปาศักดิ์ นานถึง 6 พรรษา หลังจากที่สมเด็จลุนได้มรณภาพลง หลวงปู่พรหมมาก็ได้ร่วมเดินธุดงค์พร้อมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลังจากนั้นคณะพระธุดงค์ก็แยกย้ายกันไปหาสถานที่อันสงบเงียบบำเพ็ญภาวนาหาวิเวกกันต่ อไป ส่วนหลวงปู่พรหมมาได้จำพรรษาที่ถ้ำแห่งหนึ่งบนยอดภูเขาควายนานถึง 45 พรรษา ต่อมาได้ธุดงค์ข้ามมายังฝั่งไทย เมื่อปีพ.ศ.2533 หลวงปู่พรหมมาได้เห็นว่าถ้ำสวนหิน ภูกระเจียว ในวันเดือนหงายจะมีสัตว์ป่านานาชนิดวิ่งกันขวักไขว่ จึงได้พักบำเพ็ญเพียรแต่นั้นมา ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เคยเสด็จฯมานมัสการหลวงปู่พรหมมาถึง 2 ครั้ง โดยก่อนจะมรณภาพหลวงปู่ได้ดูแลชาวบ้านดงนาและใกล้เคียงเพื่อพัฒนาในบางส่วนให้เรียบร ้อยสวยงามโดยเน้นการรักษาป่าสงวนฯ
สำนักวิปัสสนาหินผานางคอย จ.อุบลราชธานี
วัดสวนหินผานางคอย อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี
คำสอน หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร
> https://youtu.be/n-YAST68soI
เรื่องเล่าหลวงปู่พรหมา เขมจาโร: เขาชื่อหาญ (สุนา แก้ววิจิตร) ตอนที่2
January 12, 2017 Ampol Jane
หาญเล่าให้ฟังว่า พบและรู้จักหลวงปู่พรหมาครั้งแรกที่ภูเขาควาย
เขานำกองกำลังลาดตระเวนอยู่แถวนั้น
พบหลวงปู่พำนักอยู่ในถ้ำรูปเดียว เข้าไปกราบสนทนาด้วย ถูกชะตา จึงพากองกำลังทั้งหมดมากราบ
หลวงปู่รดน้ำมนต์ให้ทุกคน
ต่อมาหาญย้ายฐานลงมาทางแขวงจำปาศักดิ์ทำให้ขาดการติดต่อกับหลวงปู่
เรียกว่าต่างคนต่างไปไม่มีใครรู้ข่าวกัน
คราวหนึ่งออกป่าล่าสัตว์คนเดียว ถูกลอบยิงด้วยปืนกลหนัก แบบที่มีขาตั้ง เรียกไม่ถูก ทั้งกระดูกขาฝ่าเท้าแตก ทำให้หนีไปได้ไม่ไกล กลับที่ตั้งไม่ได้
นอนหมดแรงจนสลบอยู่กลางป่าคนเดียว3วัน
คิดว่าตายแน่
อยู่ๆหลวงปู่พรหมาก็ปรากฏตัว
ลงมือช่วยเหลือรักษาแผล
หลวงปู่มีน้ำ้มันงาทั้งนวดทั้งจัดกระดูกที่แตกให้เข้าที่ ทำเฝือก หายา(สมุนไพร)ทำทุกอย่างเพื่อช่วยเขาอยู่ตรงนั้นนานกว่า10วัน
จนฟื้นกำลังแข็งแรงรอดตายค่อยพาเขากลับฐานที่ตั้ง
ถามไปว่า
“ใครไปตามหลวงปู่มาช่วยล่ะ”
“ไม่มีใคร,ท่านมาของท่านเอง”
จะคิดให้เป็นเรื่องเหตุบังเอิญก็พอได้
แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น
นี่จึงเป็นเหตุให้หาญเกิดความรักความผูกพันและเคารพในองค์หลวงปู่ตลอดมา
ในที่สุดทั้งกองร้อยของหาญได้สมัครเข้าเป็นศิษย์ท่านทั้งหมด
กลายเป็นกองร้อยหนังเหนียว รู้จักทั่วไปในหมู่ศัตรูว่ากองร้อยคอแดง
——————————————-
ช่วงนี้ผมมีงานต้องทำ
จะยุ่งอยู่กับงานสัก4-5วัน
ระหว่างนี้ไม่สะดวกมาเล่าสักเท่าไหร่
แต่จะหาจังหวะมาเล่านิดเล่าหน่อยไปเรื่อยๆทุกวันแล้วแต่โอกาส
อย่าเพิ่งวงแตกกันล่ะ
ใครมีธุระส่วนตัวก็เชิญตามสบาย
เสร็จแล้วมาล้อมวงกันต่อ
เดี๋ยวก็มา
————————
เรื่องเล่าหลวงปู่พรหมา เขมจาโร: เขาชื่อหาญ (สุนา แก้ววิจิตร) ตอนที่3
January 12, 2017 Ampol Jane
เอาล่ะจะเล่าเรื่องเขาชื่อหาญต่ออีกสักพัก
ไม่อยากเล่าจนลึกเกินไป ไม่รู้ว่าจะกระทบกับอะไรที่มันเปราะบางกันมั่ง
เหตุการณ์ต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับวัดโพธิและวัดเวินไซ วัดสำเร็จลุน
สมัยนั้นวัดโพธิเป็นที่ตั้งของกองทหารญวน
หาญกับพวกไล่ตีทหารญวนจากด้านนอกวัดเวินไซที่หนีพลางสู้พลางไปเรื่อยๆ
โดยหนีไปทางวัดโพธิ
เขาเล่าว่ามีเรื่องแปลกเกี่ยวกับคนแก่ในหมู่บ้านเวินไซที่มีการปะทะกันคนหนึ่ง
คนแก่คนนี้นั่งจักตอกอยู่บนแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน
เขายิงกันวุ่นวายจนชาวบ้านแตกหนีหาที่หลบซ่อนกันหมด
แกก็ไม่ลุกจากแคร่ไปที่ไหน
หาญเล่าว่า
“ผู้เฒ่านั่นไม่กลัวปืน
เขายิงกันอยู่ต่อหน้าก็นั่งมองดูเฉย
ทั้งยังคอยตะโกนบอกพวกข้อยอีกด้วยว่า
นั่นญวนหลบอยู่ตรงนั้น อยู่ตรงนี้
พวกข้อยได้อาศัยแกชี้บอกเลยได้เปรียบ”
“สงสัยจะมีของดี” ผมว่า
“นั่นสิ แกน่าจะโดนปืนบ้างนะ”
หลังจากนั้นญวนก็ถอยหนีเข้าไปในวัดโพธิกันหมด
ลูกน้องหาญคว้าอาร์พีจีขึ้นเล็งยิงเข้าไปในวัด
“แปลกนะ ลูกอาร์พีจีมันพุ่งเข้าใส่วัด แต่พอจะถึงมันเชิดหัวขึ้นฟ้า,
ยิงไปสองลูกเป็นเหมือนกัน ข้อยเลยยิงเอง ก็เหมือนกันอีก
ข้อยจึงบอกลูกน้องว่าหยุดยิง ให้ค่อยคืบเข้าตีทีละน้อย”
ในที่สุดก็เข้าไปในเขตวัด ยิงไล่ทหารญวนวุ่นวายในนั้น
“มีพระมาตะโกนบอกข้อยว่า เกล็ดโพธิๆ..
ข้อยก็งงว่าเกล็ดโพธิอิหยังล่ะหัวพ่อ
พระก็บอกเก็บเอาๆ”
หาญจึงวิ่งเข้าไปที่ต้นโพธิแกะเอาเปลือกโพธิใส่กระเป๋าเท่าที่จะเอาได้
ในที่สุดทหารญวนก็แตกพ่ายหนีออกจากวัดไปหมด
ยึดวัดได้แล้วหาญก็กลับออกมา ปล่อยวัดไว้เหมือนเดิม
ภายหลังจึงได้แจกเกล็ดโพธิให้ลูกน้องแบ่งกันจนครบ ส่วนหาญเองบอกว่าเขากินเข้าไปเลยไม่ได้พก
ต่อมาได้พบหลวงปู่พรหมาที่ไหนสักแห่ง(ลืม)หลวงปู่ทักว่า
“ลูกเอ๊ย เจ้าไปล่วงเกินครูบาอาจารย์พ่อแล่วเด้อ”
หาญอธิบายว่าเขาไม่เคยรู้เรื่องวัดโพธิหรือวัดเวินไซว่ามีความสำคัญอย่างไร
และไม่ได้บอกหลวงปู่ถึงเรื่องปะทะกับทหารญวนในวัด
แต่หลวงปู่กลับทักท้วงแล้วตำหนิกล่าวโทษ
จึงทราบว่าที่ต้นโพธินั้นคือที่เผาสังขารสำเร็จลุน และสำเร็จลุนคืออาจารย์ของหลวงปู่
หลายเดือนต่อมาหาญจึงมีโอกาสกลับไปขอขมาลาโทษที่ต้นโพธิ
ในขณะที่หาญเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง
ต้นโพธิเป็นความฝันของผมที่จะได้เห็นได้สัมผัส
ยากมากที่จะทำฝันให้เป็นจริง
ลาวในเวลานั้นยังปิดประตูบ้านเงียบ
ไม่มีทางจะเข้าไปได้โดยง่าย
มาสมประสงค์กันไม่กี่ปีนี้เอง
นั่นก็หลังจากตอนนั้นผ่านไปแล้วเกือบ20ปี
หาญเล่าไว้อีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเหตุการณ์ระหว่างลาวกำลังจะแตก
ตอนนั้น(ไม่รู้ตอนไหน)กองกำลังลาวแดงบุกประชิดนครเวียงจันทน์ จะถึงขนาดล้อมนครหรือเปล่าไม่ทราบ
แต่ว่ามีการยิงสู้กันอยู่แถวๆนอกนคร
หลวงปู่พรหมาขณะนั้นพำนักอยู่วัดอะไรไม่ทราบ(ลืม)
อยู่ค่อนมาทางเหนือหรือใต้นครก็จำไม่ได้
กองกำลังของหาญก็ไปรวมตัวอยู่ที่วัดหลวงปู่
“วัดอยู่ตรงกลาง ฝ่ายรัฐบาลก็ยิงข้ามวัดไป ฝ่ายโน้นก็ยิงข้ามมา บางทีกระสุนก็ตกใส่วัด ทั้งอาร์พีจีหรืออื่นๆ แต่ไม่ีแตกไม่ีระเบิด หลวงปู่ฉีกจีวรแจกทุกคน ไมมี่อะไรจะให้
วัดหลวงปู่กลายเป็นที่หลบภัยของผู้หลักผู้ใหญ่ฝ่ายรัฐบาล เป็นที่สำหรับหนีมาขึ้นฮ.เพื่อหลบภัยออกนอกประเทศด้วย”
หลังจากนั้นไม่นานลาวก็แตกสนิท
กองกำลังของหาญก็สลายตัวหนีภัย
หลวงปู่ก็หายสาปสูญไปด้วย
เวลาผ่านไปนานเดือนนับปีจึงทราบข่าวว่าหลวงปู่ข้ามมาฝั่งไทย
ดูเหมือนว่าการมาถึงไทยครั้งแรกนั้นหลวงปู่จะเข้าพำนักที่วัดบุปผาวัน อ.โขงเจียม จ.อุบลฯ ปีสองห้าหนึ่งกว่า
ไม่แน่ใจว่าจะเป็นปี2518หรือเปล่า
มีการออกเหรียญรุ่นแรกที่นี่ด้วย
ตามภาพ
_________________________
วัดหลวงปู่พรหมาในปัจจุบัน
ทางแดงๆที่เห็นว่าเชื่อมวัดกับหมู่บ้านคือทางรถยนต์ สมัยนั้นไม่มี มีแค่ทางเดินเท้า
ประวัติหลวงปู่พรหมมา เขมจาโร เป็นคนบ้านกุศกร ต.กุศกร อ.ตระการพืชผล เกิดเมื่อพ.ศ.2440 บวชเป็นสามเณรเมื่ออายุ12ปี จากนั้นได้ศึกษาพระธรรมวินัยและวิชากับสมเด็จลุน ที่เวินชัยนคร จำปาศักดิ์ นานถึง 6 พรรษา หลังจากที่สมเด็จลุนได้มรณภาพลง หลวงปู่พรหมมาก็ได้ร่วมเดินธุดงค์พร้อมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลังจากนั้นคณะพระธุดงค์ก็แยกย้ายกันไปหาสถานที่อันสงบเงียบบำเพ็ญภาวนาหาวิเวกกันต่ อไป ส่วนหลวงปู่พรหมมาได้จำพรรษาที่ถ้ำแห่งหนึ่งบนยอดภูเขาควายนานถึง 45 พรรษา ต่อมาได้ธุดงค์ข้ามมายังฝั่งไทย เมื่อปีพ.ศ.2533 หลวงปู่พรหมมาได้เห็นว่าถ้ำสวนหิน ภูกระเจียว ในวันเดือนหงายจะมีสัตว์ป่านานาชนิดวิ่งกันขวักไขว่ จึงได้พักบำเพ็ญเพียรแต่นั้นมา ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เคยเสด็จฯมานมัสการหลวงปู่พรหมมาถึง 2 ครั้ง โดยก่อนจะมรณภาพหลวงปู่ได้ดูแลชาวบ้านดงนาและใกล้เคียงเพื่อพัฒนาในบางส่วนให้เรียบร ้อยสวยงามโดยเน้นการรักษาป่าสงวนฯ
#สมาธิที่พระมงคลชัย ฉายา กิตฺติโสภโ*
--------------------------------------------------
วิปัสนาญาณตามที่จิตเคยลุถึง ในพรรษาสาม
#เจริญสติปัฏฐานสี่ เกิด องค์ตรัสรู้ธรรมโพฌชงค์เจ็ด ระดับอรหันต์สาวก วิชชาปรากฏ แต่วิมุติยังไม่ปรากฏ
และเจริญสติปัฏฐานสี่ไปเรื่อยๆ
เกิดองค์ตรัสรู้ธรรมโพฌชงค์เจ็ด ระดับอรหันต์สาวก วิชาปรากฏ ปัจยาการ ยังไมดำเนินไป100% เหลืออีกนิดเดียว ก็วิมุติปรากฏ
สุขาปฏิปทา ปฏิบัติสบาย รู้เร็ว
พระมงคลชัย คิดว่าเรื่องเจ้ากรรมนายเวรนี่ ต้องเปลี่ยนเขาให้รู้ธรรมะแล้วหายไปจากภาวะที่ชื่อว่าเจ้ากรรมนายเวร แล้วกลายเป็นอัตภาพทิพย์ทั่วๆไปแต่มีธรรมะ
แต่ก่อนก็แผ่บุญให้ตั้งแต่เด็กหลังสวดมนต์ไหว้พระ ปฐมศึกษา และนั่งสมาธิ และบริกรรมสวดอิติปิโส และแผ่บุญตามท้าย
มาเรื่อยๆ จนบวชก็ได้บุญบวชอยู่ทุกวัน
และก็มีขออโหสิกรรมตาม หนังสือสวดมนต์และคำสอนครูบาอาจารย์ เรื่อยๆ
ต่อมา มาภาวนาที่วัดหนองป่าพง ก็มีทำนองว่าตนเองจะไม่เป็นอะไรยังภาวนาได้ตามปกติ จึงมีความคิดว่าเรื่องเจ้ากรรมนายเวรนี่ ต้องเปลี่ยนเขาให้รู้ธรรมะแล้วหายไปจากภาวะที่ชื่อว่าเจ้ากรรมนายเวร แล้วกลายเป็นอัตภาพทิพย์ทั่วๆไปแต่มีธรรมะ ฉันอโหสิกรรมให้
หมอนี่มันอบรมเมตตาภาวนาทุกวัน
นึกๆจิตภายในมันจึงเป็นฌานแบบเมตตาฌานได้ง่าย ไม่ถึง15วิ
เข้าสมาธิตามที่เคยจิตเคยลุถึง
#เมตฺตาฌานํ> คือเจริญอัฏฐิกะสัญญาแล้วนึกสงสารอย่างโดยใจจริงต่อจากอัฏฐิกะสัญญานั้นเลย เลยแปรสภาพเป็น จิตภายในรวมเป็นเมตตาฌาน
แผ่เมตตาผ่านความว่างกระแสจิตมุ่งให้คล้ายตามความเชื่อว่ากระแสจิตพ่อปู่ชีวกโกมารภัจจ์
สติตื่นยายตื่น ตื่นขึ้นมาถามหาชื่อ
คน
คงทำนองคล้ายปู่ป๊อกแผ่เมตตาให้พ่อ
เจริญสัญญาที่คล้ายในพระไตรปิฎกสูตรที่ว่า พระสังฆราช เทศณ์ว่า เจริญสัญญาที่มีแต่ป่ามีแต่ต้นไม้ขึ้นมาในใจ ฯลฯ และอันที่2คือ เจริญญาที่มีแต่ พื้นดินที่โล่งเตียน ไม่มีบ้านคนบ้านช่องสักหลังตึกก็ไม่มี ว่างเป็นหน้ากอง ฯลฯ และเจริญสัญญาที่ต่อมา เอาดินออกไป ไม่เหลืออะไร ว่างเปล่าไม่มีพื้นดิน
"ท่านเทศน์ต่ออานิสงส์คือจิตห่างจากกิเลสความโลภความโกรธความหลง
สัญญาที่พอสงเคราะห์เข้ากับพระสูตรข้างบนที่พระสังฆราชเทศณ์
คือการฟังสัญญา13ประการ.mp3
แล้วหมายว่าเป็นอนัตตา
>>> คือหมาย รูปะธาตุ จักขุวิญญาณธาตุ แล้ว อนัตตา สูญว่างเปล่าไม่มีทั้งจักขุธาติและจักขุวิญญาณธาตุ
ไปจนถึง ธัมมะธาตุ มโนวิญญาณธาตุ
แล้ว อนัตตา สูญว่างเปล่า
เลยแปรสภาพเป็นฌานเย็นๆ
"คงเป็นปฐมฌาน ถ้าดิ่งไปแบบนี้เรื่อยๆคงถึงสัญญานิโรธ
👶
> คือว่าพุธพร้อมกับลมเข้า โธพร้อมกับกับลมออก แปรสภาพเป็น จิตภายในรวมเป็นฌานที่สุขเหลือเกิน ตามที่คิดว่าเป็นฌานสาม
> คือ รู้ลมหายใจเข้าออกแนบไปกับลม
เลยแปรสภาพเป็น สมาธิ ตัวลอย
(ในตอนเด็กปฐมนอนคนเดียวในมุ้ง)
> คือว่าพุธโธ ในใจไปเรื่อยๆไม่ต้องมุ่งว่าสัมทับไปกับลม เลยแปรสภาพเป็นฌานเย็นๆ น่าจะปฐมฌาน
> คือนั่งดูนามมะธาตุ คือความรู้สึกที่ว่างๆเฉยๆ
เลยแปรสภาพเป็น สมาธิจิตรวมหดเข้ามารู้ตัวเข้ามาชัดขึ้นชัดกว่าเดิม
> คือนั่งอยู่บนอาสนะในวันพระมีแม่ออกพ่ออกมาวัดหลายๆคน ช่วงค่ำกลางคืนแล้วง่วงเหงาหาวนอน ....
แล้วฝืนจิตใจที่ง่วงเหงาหาวนอน
ด้วยลักษณะว่า ปรุงฝืนๆหรือปรุงดิ้นๆไปให้คล้อยไหลตามไปกับความเหงาหาวนอน
ปรุงกระแสขัดขืนจิตที่ง่วงเหงาหาวนอนเพื่อไม่ไหลจมไปกับความง่วงเหงาหาวนอน เป็นผลคือทำให้จิตสว่างใสวคือสลัดถีนะมิทธะออก ใจสว่างใสปลอดนิวณ์๕ สว่างจ้า ใส ๆ จิตมีกำลังขึ้นมาเหมือน ออกจากสมาธิเย็นๆมาใหม่ๆ
ลักษณะจิต สลัดถีนะมิทธะ ปรุงสลัดถีนะมิทธะ คือปรุงกระแสขัดขืนไปยอมไหลไปกับความง่วง ปรุงฝืนทางจิตไปแบบไม่ยอมเดินตามจมไปกับความง่วง จะพบภาวะไม่ง่วงแท้แล
เอ่ย....
รู้กลิ่นแทนลม รวมเป็นอุปจาระสมาธ แบบเย็นนิดหนึ่ง
> คือบริกรรมหรือพูดในใจว่า "พุทโธ อาโลโก" ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ
> คือบริกรรมพุทโธ 1 พุทโธ 2 พุทโธ 3 ไปเรื่อยๆ
> สมาธิ คล้ายๆที่ในหลวงรัฐกาลที่9 ท่านสอนบริวาร นับเลข 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ทำนองนี้แหละ พระอ่านจากหนังสือ สมาธิในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และมีใจความในอรรถกาด้วย การนับเลขทำสมาธิ
ส่วนที่พระทำ ก็คือนับเลข
11 12 13 14 15 16 17 18 19 10 นำนองนี้แหละ จนรวมเป็นอุปจาระสมาธิแบบรวมแต่ไม่ถึงฌาน แน่นกว่าอุปจาระแบบเดินจรงกลม
> และสมาธิแบบจิตมันรวมของมันเอง แบบว่าแค่อยู่เฉยๆ ไม่โน้มคิดพิจารณาข้อธรรม แบบว่าคิดพิจารณาข้อธรรมจนเห็นว่าพอ แล้วไม่คิดพิจารณาข้อธรรม แล้วจิตมันรวมของมันเอง แบบรู้สึกว่ามีพลังอุปจาระสมาธิเอง หลังจากที่คิดพิจารณาข้อธรรมค่อนข้างใช้เวลานาน
> สมาธิแบบ เหวี่ยงซ้ายขวา ตัวเอนตัวหมุ่นๆ อยู่นานเป็นเกือบชัวโมง พร้อมน้ำตาปิติ เพราะแผ่บุญให้ชั้นนั้นชั้นนี้และลงมาหัวหน้าแล้วลงมา และหัวหน้าลงมา และหัวหน้าลงมา และกินนร กินนรี และก็หัวหน้าลงมา
และลงเปตร
ลงสัตว์นรก
ลงยะมัดสะลงนายบาลและสัตว์นรก
แผ่แบบอื่นก็มี แบบเจาะจง ขนาด ความสั้น ความยาว จำนวนเท้า บนบก อากาศ ในน้ำ
และแผ่แบบตามฉบับโจโฉร้อยขึ้นมา
และแผ่แบบสมาธิคลื่นบุญ
ผสมผสานสลับกันทั้งเมตตาจิตและวิปัสนาจิตและสมถะจิต
และแผ่แบบตามหนังสือ สรรพเพสัตตา ทำนองนั้นแหละ
แปรสภาพเป็น สมาธิเย็นๆ ในระดับแรก ไม่รู้จะว่าอุปจาระหรืออัปณา แต่ความจริงคือก็คือเป็นชื่อใดชื่อหนึ่งไม่อุปจารระสมาธิก็อัปณาสมาธิ
ถ้าบริกรรมไปเรื่อยๆคงถึงปฐมฌานอย่างอ่อนอย่างกลางอย่างละเอียด และอาจขึ้นไปทุติยฌานฯไปจนถึงฌาน๔
> คือหลับตาข้างเดียวนำฝาขวดน้ำสีแดงมา มองมอง รี่ตาให้แคบลง เห็นวงกลมสีแดง
> นามสัญญาดึงจิตย้อนเข้ามาที่ตน
คือปรุงสัญญาภาพด้านหลังศรีษะขึ้นมาในมโนทวารพร้อมกับจิตไปรู้ตรงศรีษะด้านหลัง
หรือ ตรงกระดูกด้านหลัง
> นามสัญญาที่ทำให้จิตคลายวางธาตุของโลก ( Earth ) พวก ยาเภสัช อาหารปิณฑบาตร กุฏี ปัจจัย๔ที่ควรกับสมณะ และพวก โทรศัพท์ โน๊ตบุ๊ค
มโนทวารภาพ แยกออกเป็นชิ้นเล็กเท่าขี้ตา หลายๆเม็ด กระจายห่างออกมา
หมายว่า ธาตุชิ้นเล็กๆน้อย มารวมกันให้ยึดว่าเป็นวัตถุให้ถือหนักไม่ว่างเปล่าเลย
เดินจรงกลม คือพูดในใจว่า "โผฏฐัพะๆ"
ไปพร้อมกับ ภาวะอาการฝ่าเท้ามีการสัมผัสกับดิน
ไปเรื่อยๆ และจิตก็ไปรู้ภาวะอาการสัมผัสนั้น
แปรสภาพเป็น จิตรวมหดเข้ามาแต่ไม่รวมมากเต็มที่ เท่าข้างบน น่าจะ 75 % ของอุปจาระสมาธิ แต่ไม่ถึงปฐมฌาน
แผ่เมตตา แบบที่เคยอ่านในพระสูตรประมาณว่าพระสารีบุตรเทศณ์เกี่ยวกับเจริญเมตตาจิต
แผ่กระแสแสงบุญผ่านความว่างที่เป็นที่ที่ให้ตั้งของวัถุต่างๆไปยังทั่วทั้งแสนโกฏจักรวาล
เลยแปรสภาพเป็นจิตสรรพสัตว์ได้รับกระแสบุญ
งานที่ใจ'โอเพ่น (open sauce)
>ซีดีธรรมวัยรุ่น แนวปูพื้นฐานศีลธรรม (ความรัก พัฒนาการงาน ความรู้เรื่องบุญบาป กรรมวิบาก ปฏิบัติภาวนา) แจกไปยังกลุ่มนักเรียนนักศึกษา
>นำจอทรัสกรีนระบบAndroid แอพ anatomy ปลงอสุภะกับผู้หญิงที่พระบวชใหม่เข้ามา และขยายให้วัดอื่นๆติดตั้ง
>ตั้งป้ายคำสอนอิริยาพรรพะและคำสอนครูบาอาจารย์ที่ได้ใจความ ลงไปติดตั้งตามสวนสาธารณะทุกแห่ง ให้คนชอบอุปจาระสมาธิเดินวิ่งออกกำลังกายได้อ่าน
> และ .... แกะสลักหินธรรมะอิริยาบรรพะ ฝังลงดินในเขต รร และ รพ เพื่อให้คนผ่านไปมาข้างทางได้อ่าน
> และงานเสริมๆจากเทวดา ว่า ให้ถ่ายรูปใบหน้าตนเอง พร้อมวันเดือนปี ภาษาไทยลาว EN ฯลฯ ไปเรื่อยๆ แล้วนำมาตัดต่อสโลโมชั่น ให้ออกมาเป็นไฟล์วิดีโอ และแต่งธรรมะว่าด้วยความไม่เที่ยงเข้าไป แล้วส่งไฟล์ไปยังประเทศที่มีพุทธศานาอยู่ จีน ไทย ลาว พม่า กัมบูชา แล้วให้เผยแผ่ให้กลุ่มนักปฏิบัติดู
> มีความคิดว่า จะให้พระวัดบ้านเดินจรงกลมปฏิบัติธรรมภาวนาทางจิตเป็นรูปธรรม แบบว่า อย่างน้อยต้องเดินให้พระบวชใหม่ดูว่าอะไรยังไง เมื่อบวชเข้ามาแล้ว เพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรม โดยให้พระผู้ใหญ่เจ้าคณะจังหวัดทำหนังสือขอความร่วมมือลงไปผ่านเจ้าคณะอำเภอลงไปผ่านเจ้าคณะตำบลลงไป ถึงทุกวัดในเขตรับผิดชอบ ให้มีการให้พระในอาวาสไม่ต้องทุกรูปก็ได้ 2 สาม รูป มีการเดินจรงปฏิบัติภาวนาทางจิตในช่วงเวลานี้ๆ เพื่อให้เป็นที่ให้เห็นกับพระบวชใหม่
>และทำป้ายสอนธรรมะขนาดใหญ่ขึ้นข้างทางก่อนเข้าเมืองอุบล เกี่ยวกับย่อๆในการภาวนาให้หายทุกข์ใจ
> เห็นคนทุกข์ในทีวีรายการไมทองคำ.
เลยมีความคิดว่าจะทำนิโรธสมาบัติไว้โปรดคนทุกข์ขัดสนคนเป็นหนี้เป็นสินทุกข์ในเรื่องเงิน
> ไม่ไปตรงนั้น เพราะสงสารคน เลยจะไปสุทธาวาส แล้วไม่ภาวนาแต่ลงมาหาสอนมนุษย์ในธรรมะ แล้ววิมุติเอง
> แล้วเปลี่ยนมาไปตรงนั้นเหมือนเดิม เพราะสงสารคนที่เกิดมาประจวบประสบเฉพาะช่วงนี้ๆ กลัวว่าถ้าเขาไม่ได้ฟังธรรมแล้วจะล่วงๆไหลๆไปแบบไม่รู้ธรรมแล้วมีวิ๋วๆว่าไปอบาย
เลยมามุ้ง จบกิจ อีกครั้ง
> เบื่อขันธ์จนแบบว่า จิตหายสาบสูญ ไม่มีขันธ์๕ ไปเลยก็ok แม้ยังไม่รู้จักสภาวะอนุปาทิสนิพพานที่ต้องมุ่งไป
เวลาปฏิบัติมีแต่เบื่อหน่าย เหมือนว่าเจริญปล่อยวางไปเป็นไตรลักษณ์ ตาม สัพพเพธรรมมานาลังอภินิเวสายะ
แต่หลวงพ่อเลี่ยมก็แนะให้ จิตแต่สักว่าจิต โยนมันถิ้มโล้ด..
แต่ฟังแล้วไม่รู้จะโยนถิ้มยังไง ก็ลองสลัดโยนๆทิ้งไป ตามประสาที่ยังไม่เข้าใจว่าต้องทำยังไงในคำความหมายที่หลวงพ่อแนะ
การเดินบิณฑบาตรโปรดคนใส่บาตรให้เจาได้บุญเยอะๆ ทรงกำลังฌานไปด้วยในขณะเดินบิณฑบาตร
เข้าปฐมฌานทั้งกำลังเดินบิณฑบาตรไปด้วย โดย > คือบริกรรมหรือพูดในใจว่า "พุทโธ อาโลโก" ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ
เจริญอริยมรรค ให้บรรลุอริยะผล
สมาธิวิปัสนา
ทำนิโรธสมาบัติ เพราะ สงสารคนทุกข์ขัดขนในเรื่องเงินๆทองๆ
และเอาไว้โปรดพระโพธิสัตว์ และสาวกโพธิสัตว์ ซ้ายขวา ฯลฯ เป็นการพิมพ์แบบคร่าวๆใจความย่อ
และคงลงไปถึงปัจเจกโพธิสัตว์
ช่วงอยู่วัดบาบจันทร์ ไปถึง
เดินจรงกลมนาน และสันโดดเรื่องอุปกรณ์ คุ และน้ำฉัน นำมากุฏิ 2ขวด
เดินบิณฑบาตร ทำความเพียรไปด้วย เจอโยมอยากให้เขาได้บุญน้อมบาตร และเดินๆไปตามประสาคิดว่าเรารับเขาจะได้บุญเยอะกว่า บางครั้งก็องค์นั้นรับไม่ได้กำหนด พรรษา1ก็ได้ 2ก็ได้
ฉันอาหารมื้อเดียว สันโดด แต่อาจารย์ที่เป็นเทวดาให้เขา นำขนมหรือนิดๆหน่อยมากินที่กุฏิก่อนใกล้เที่ยง เพื่อให้เหมือนกับพระ จะได้ดูไม่เคร่งกว่าเขา เป็นที่ว่าให้พระวัดมาบจันทร์ว่า มักมาก
ส่วนการสวดมนต์ทำวัตรก็พุทโทๆ และ ดูทิพยจักขุ และเข้าสมาธิ บ่อย
ฌานปิติ ปฐมฌาน แบบพุทโธๆ
ปฐมฌานแบบเมตตาฌาน
และคิดว่าอันอื่นๆอีก
.... อินทรีย์โน้มน้อม....
และอินทรีย์โน้มไปในการ ทำนิโรธสมาบัติ แรงกล้า
คือหยุดไม่ให้ มีการปรุงเวทนาออกมา
........อินทรีย์โน้มน้อม....
ประมาณว่าพระรูปนี้ไม่กลัวตนเอง หายขาดสูญ มิดจี่ลี่
และธรรมะพระอรหันต์นำพาไป ไม่ให้กลัวตรงนั้น สูญๆนั้น
เด็กมันผ่านข้อนี้ไปแล้ว
มีอนุสูตรสาวกที่เป็นเทวดา
เรื่องทำนิโรธสมาบัติ คือปล่อย ไม่ได้ห้าม
มีเทวดาสมัยรู้ภาษามครประทับและ พูด สัญญาเวทยิตนิโรธ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ทำนองนี้
แม้พระได้ยินแล้ว ก็เข้าใจว่า ตนจะได้นิโรธสมาบัติ เทวดาก็ยังพูด สัญญาเวทยิตะนิโรธ ๆ ๆ ๆ ๆ
สมาธิสายลักษณะลักขณูปณิชฌานก็ได้
สายนี้จะไปถึงนิโรธสมาบัติ
และมีความคิดว่า เอ้ ธรรมะ ในcolonote เอามาพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือได้แล้ว
********************************
พระมงคลชัย ฝึกกสินสี ตัวเลข
และหยังจิตดูว่า เลขจะออกตัวไหน
เพื่อจะเอาไปบอกคนทุกข์คนยาก
23 หรือ 65 เป็นเลขท้ายจาก ล็อตเตอรี่
ที่ชาวบ้านชาวเมืองเขาซื้อกันไปทั่ว
วัยเด็ก จำความได้ ครั้งแรก คลองน้ำที่มีหญ้า
ปั่นจักรยานสีส้มคันเล็ก และตกลงท่อ ลงไปไร่นา และปั้นเข็นๆไป หลังบ้าน
คนที่บ้านกำลังทุบๆก้อนปูนทำพื้นห้องน้ำ
และ ร้องไห้นาน 2ชัวโมง โดยตั้งใจกำหนดร้องไห้ขึ้นมา
และปั่นจักรยานคันใหญ่สีแดง เบรกด้วยขาปั่น ล้อหยุด กลับรถ แล้วล้ม
แล้วล้ม ล้มแล้ว ใช้ดินทราย ทา คิดว่าเป็นยา
และไปขึ้นค้างบังไฟ ขึ้นไปๆจนถึงใกล้ๆยอด แล้วถูกดลใจให้เล่นปล่อยขั้นบันใด แบบจับแบบปล่อย ขณะปล่อยถ้าไม่จับ ก็จะตกลงมา และถ้าจับแต่ขั้นบันใดหลุดหรือหัก ก็จะตกลงมา
ปล่อยจับ อยู่แบบนี้ หลายครั้ง
แล้วก็ลงมา
อายุ น่าจะ ป3 ไปหา 4 ปฐมศึกษา
และในขณะช่วงวัยเด็ก ก็ถูกดลใจให้ใช้พร้าอีโตฟันหัวมารดา อย่างหนัก
แต่ไม่ได้มีการทำตาม
และมากรุงเทพ มาทำงาน ม.3 ข้ามไปนอกตึก แล้วปล่อย แล้วจับ หลายครั้ง
ถ้าปล่อยแล้วไม่จับก็ตกลงมา
ตึก 5ชั้น
ไปแฝงร่างพระที่กำลังสวดมนต์ทำวัตร
แล้วทำธาตุขันธ์เขาป่วย หนักทรมาณ สุดๆ เหมือนกับว่าคงจะตายแน่
ภาวะจิตใจที่ไม่ผ่องไม่ใส มัวๆปวดหัว
อาเจียน จนอาจารย์เขาช่วยรดน้ำมนต์ให้
แล้วพระเขาก็ อยากจะถวายผ้าไตรกับพระพุทธรูป ให้ อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร
แต่อาจารย์เขาบอกว่า รดน้ำมนต์กะพอแล้วลูก โยมพ่อหมานว่าลดน้ำมนต์กะพอแล้ว บ่ต้องถวายผ้าไตรฯกะได้
ทั้งที่ใจเด็กเขากลัว อยากจะถวายผ้าไตรกับพระพุทธรูป แล้วอุทิศให้
แล้วอาจารย์เขาที่เป็นศิษย์ปู่หนูเดือนชัย ก็พูดๆ ว่า เจ้ากรรมนายเวร เขามา
เขาเคียด หม่อมสิพ้นเขา ถ้าหมอมบวชดน พรรษา 4 สิบรรลุธรรม
สมัยนั้นเข้าพรรษา 1
ชาตินั้นหม่อมเกิดเป็น คนชาวบ้านทั่วไป
แต่ตีหัวหมู แล้วขายเนื้อ ทำนอนงนั้น
เขาเลยมาเบียดเจ้า
แสดงว่า เรื่องหมูตัวนั้นที่อยู่ตรงนั้น คือเหตุแรงกรรม คล้ายๆงูกับไก่
เลยมาเรื่อยๆ
จนถึงชาติที่เขาบวชเป็นพระ
แล้วจากนั้นเขาก็ขออโหสิกรรมให้ มาเรื่อยๆ และสำนึกผิดร้องไห้ และขออโหสิกรรมมาเรื่อยๆ
ส่วนบุญก็อุทิศให้ตามบทหนังสือเขาพาอุทิศ ในช่วง ปฐม ป 4 สวดมนต์
แม่เขาบอกสอนให้สวดมนต์ไหว้พระตั้งแต่เด็ก และมีคุณตาเขาเป็นมักคทายกวัด จึงบอกๆสอนหลาน และ มีหนังสือการ์ตูน คำสอนทางศาสนาคริสเนื้อหาที่อ่านแล้ว เขาเข้าใจว่า เมตตา ที่แน่นในใจ
น่าจะ ป4 ไม่ต้น สวดมนต์ และก็นั่งสมาธิ อุทิศบุญ เทวดาทั้งปวง (หมดทุกโลกธาตุ)
สัพพะสัตว์
เปตรทั้งปวง
เจ้ากรรมนายเวร (ทั้งหมด)
ปู่แพงย่ากรอง และก็ปู่คำมงคุล และฯลฯ
และปู่หลักบ้าน และปู่จำดอนปู่ตา
มาเรื่อยๆ จนบวช บวชแล้ว
และก็ มาเรื่อยๆ ด้วยบุญอริยะมรรค แบบคลอลาเจนพิเศษ มาเรื่อยๆ
แล้วก็มี ฝันเห็นเลข 125 และล่าง 111
ไม่ได้ซื้อ
และฝันเห็น 50 ซื้อ 50 ถูก
ฝันเห็นเลขน่าจะหลายครั้งเพราะเทวดาให้เลข
นั่งสมาธิก่อนนอนมาเรื่อยๆ บ่อย
และนั่งที่เถียงนาเวลาไปรดผักที่นา
นั่งก็สงบ รวมอุปจาระสมาธิ
นั่งมาเรื่อยๆ เล่นโน๊ตบุ๊กแล้วไปดูจอนาน แล้วคลิกและดูข้อมูลในจอเสร็จ
กลับมา เห็นภาวะจิตมันรวมเข้ามาที่ตน
แบบชัด ไปนาจกขุดดิน เห็นอาการกายเคลื่อนไหวแบบสติดู
แล้วเขาไปไหน
กัลฑละนาคาหงอนสีแดงตัวสีน้ำเงิน
แปลงจิตเป็นนายนิรยบาล แบบสุดยอด ความโหดความเกรี้ยม ดุร้าย มุ่งดุมุ่งร้ายสุดๆ แบบว่าอะไรที่เป็นสิ่งมีชีวิตฆ่าหมด
แล้วมาปุ๊บ หายปั้บ
หลวงปู่ดู่
สมาธิชนิดที่สอง
ปฐมฌานที่เกิดจากอสุภะกรรมฐาน
สีเปลี่ยนมาเรื่อยๆจนเป็นสีขาว
และทำ โอทาตสกิน เพื่อให้เกิดทิพย์จักษุ
"ชอบสงเคราะห์ผู้ที่เคยทำสิ่งดีๆให้ตนในอดีต ครู แม้ครูจะไม่ค่อยชอบ ก็นิรนามเอาให้ เพราะถ้าแสดงตนไป ครูจะไม่ชอบ แต่ใจความ เพื่อให้ครูรู้ธรรมะ และแล้วก็มีข่าวเศร้าว่า ครูตายแล้ว
และ และพวกเด็ก ๆ เณร ประมาณว่าทำบางอย่างให้เขาได้บุญ ในแบบใกล้ๆตัวและไกลๆ เป็นขอบเขตที่เข้าไปไม่ได้นัก
ไกลๆ เช่น เห็นคนไถ่นา อยากให้เขาได้บุญ ก็เดินไปขอกินน้ำเขา เพื่อให้เขาได้บุญ
และอยากให้เขาได้บุญ ก็ขอน้ำเขา
เดินไปเองก็ได้เพราะชอบเดิน แต่เจาอาสาไปส่ง ก็คิดว่าถ้าขึ้นเขาจะได้บุญก็เลยขึ้น
และอยากให้เด็กได้บุญก็บอกให้เขานวดให้บีบๆแบบงูๆปลาๆ บางที่นวดแรงเจ็บๆก็บอกให้เบาๆ
เดินไปเห็นเด็กกำลังหาใส่หนู ก็บอกๆว่า มันบาปนะ อย่าใส่หนูเลย แล้วเด็กก็ฟัง แล้วเขาก็เดินๆต่อ เด็กฟังแล้วก็ไม่ทราบว่ายังใส่ไหมหรือไม่ใส่
แล้วก็เดินต่อ
ชวนคนทำบุญก็มี เอาcdหลายๆแผ่น ให้ครู ไปทำบุญแจกผู้อื่นเป็นบุญของตนเอง
กระจ่ายหนังสือสอนปฏิบัติธรรม สติปัฏฐานสี ไปยัง ห้องสมุด รร เขื่องใน รร ม่วงสามสิบ รร จิกดู่ รร หัวตะพาน
ส่วนแผ่นcdไป รร มัธยม หลายแห่งในเขตอำนาจเจริญ และอุบล และเขาน่าจะกระจ่ายแจกต่อไป
ป้ายธรรมะ 2 แผ่น มีรุ่นใหม่มาอ่านเรื่อยๆ
ป้ายธรรมะใช้เวลาทำนานมาก
เพราะเหมือนมีกระแสอะไรบางอย่างที่ทำให้ช้า เขารู้ว่าเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์เขาก็ทำต่อพาเด็กๆทำ ชวนเด็กๆทำป้าย ตัดติดสติกเกอร์ ทั้งๆที่ตนก็ทำเป็นกว่าคล่องกว่า แต่ให้เขาทำด้วย แผ่นอื่นๆ ส่วนตนก็แกะสติกเกอร์ เขาวาดตัวหนังสือ รู้สึกว่าช้า เลยตัดเป็นตัวหนังสือเสียเลยเร็วดี เขาส่วนของเขา ส่วนเด็กก็ทำส่วนของเด็ก ส่วนของเด็กตัดไม่เนียนแล้วเด็กก็ยื่นให้ แล้วเขาก็คิดว่า ง่าย แต่เด็กตัดยังไม่คล่อง คิดว่าตนตัดคล่องกว่า แล้วส่งให้เด็ก แล้วตนก็ตัดแบบไม่ได้วาด
แล้วก็ติดๆ
แล้วก็มีเทวดาที่เป็นครูมาตรวจสอบอักษรว่า เป๊ะผ่านไหม และเทวดาบางองค์ก็ ว่า ไม่ต้องมีก็ได้ ช่องว่างๆตรงกลาวสระอิ บางองค์ก็ว่า ต้องมีช่องตรงกลางสระอิต้องมี จึงถูกรูปพยัญชนะ
และก็ตัดแบบมีช่องว่างสระอิ และนานๆไป ก็ไม่ได้ตัดแบบมีช่องว่างสระอิ เพราะ ให้เกิดความเข้าใจในการอ่านได้เหมือนกัน
และเทวดาฝ่ายชายมาบอกว่า เบ็ญจมะมหาราชาๆๆ
และมีเทวดาช่วยพูด ให้เจ้าหน้าที่จัดแผนการสอนวิชาต่างๆให้ครูสินเด็ก
เรื่องสอนธรรมะวันศุกร์ และครูokแต่เป็นช่วงเทอมถัดไป เทอมนี้จัดไปแล้ว ถ้าเทอมต่อไปได้ รร นารี
และ เทคนิคอุบลสารพัดช่าง
เดินเข้าไปจะเห็น รูปปั้น ท่านวิสุกรรมเทพบุตร ถ้าไป วิทยาลัยพยาบาลจะเห็น รูปปั้นพ่อปู่ชีวกโกมารภัจจ์
และก็
ส่วนการไปงานถวายพระพุทธรูปกับ คนที่มาทำบุญ
นั่งรถไป ก็เข้า คล้ายๆสูญตะสัญญา ลักขณูปณิชฌาน รวม ปิติ แล้วก็มี คล้ายๆพี่กุมารมาประทับแล้วแสดงตนว่า ตนคือกุมารทองพอเป็นภาพและความรู้สึกบอก
ทั้งทางไม่ราบ โนนเต่า และการจอด และการเคลื่อนที่ และเสียงในรถ
มาให้ลาภ
แล้วก็ไปถึงวัด ฟังเทศน์แล้วจิตรวมระดับปิติมีความสุข รวมเรื่อยๆ คล้ายๆ
เดินด้วยใจที่ดูนาม แทบตลอดเวลา
ไม่ค่อยน้อมไปคิด มีแต่เดินจรงกลมจึงน้อมไปคิดปรุง
และคิดแบบว่า
ไม่ค่อยชอบพูด เพราะดูแต่นาม เวลาพูด พูดออกมาเยอะ และพูดกับคนทั่วไปแบบปกติ
ตั้งแต่บวชไม่ด่าโยมด่าพระเณร
ไม่มีโกหก
พูดทางใจ มีคำบริกรรม และเทศณ์ธรรมะ
พูดให้เกิดประโยชน์มีแบบต่างๆ
พูดทำนองว่าเขาฟังแล้ว จะมีปัจจัยต่อมา คือสิ่งที่ดี กับผู้อื่น โดยอาศัยครูบาอาจารย์อีกต่อหนึ่ง ให้มีการพูดธรรมะเกี่ยวกับเรื่องนั้น
และพูดอีกแบบคือ ให้เขาเข้าใจว่า ไม่ได้บ้า เป็นการให้เขาคิดไปอีกมุมหนึ่ง แก้ความเข้าใจผิดไปโดยปริยาย
นางฟ้า สวยน่ารัก
บางนางก็สวย บางนางก็น่ารัก
ชั้นดาวดึงส์ และนางฟ้าในวัดหนองป่าพง
สวย
เมื่อเสร็จสิ้น ชอบขอบคุณ ผู้ที่ช่วยเหลือ
เช่นเจ้าหน้าที่ธนาคาร คนขับรถตู้ คนที่อำนวยเสร็จสิ้น และสถานที่ที่เดินจรงกลม
ชอบเดินไปไหนมาไหนมากกว่า นั่งรถ
และชอบทำอะไรบางอย่างให้คนอื่นได้บุญ
ทิฏฐิต่อคนไทย ลำบากเยอะมากมาย เรื่องขัดสนในเงินทอง และยังไม่รู้เรื่องธรรมะ ในการออกจากทุกข์
ส่วนฝรั่ง ดูใสๆมีความเด่นแบบไฮเทค เจริญ ไม่ขัดสนเรื่องเงิน แต่ไม่รู้ธรรมะแต่ใสๆ และยังไม่แน่ไม่นอนส่วนที่ยังไม่ได้ฟัง
ส่วนความคิดในการเผ่ยแผ่ศาสนาอื่นให้ ไม่เคยมี never
ส่วนความคิดในการเผ่ยแผ่ศาสนาพุทธไป มี ไทย ลาว ที่คิดว่าง่ายเพราะตนเองได้ภาษาไทยและอีสานก็คือลาว
ส่วนจีนจะเป็นสื่อไฟล์วิดีโอตน ใบหน้าตนเอง
แสดงว่าพระรูปนี้ มีความเมตตากลุ่มชนอื่นด้วยดีกว่าเขา จะลุ่มๆดอนๆ
เลยแผ่บุญให้แค่เป็นใจความแบบว่า ที่รวบที่อื่น
เรื่องแผ่บุญ อัปมัญญา ในหนังสือมี
พุทธ
และคิดว่าเมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง อายุมากแล้ว ประมารณว่าจะมีแบบว่ามีวัดและตนเป็นเจ้าอาวาส จะดึงพระสูตรในพระไตรปิฏกมาทำเป็นบทสวด คนที่สวดแล้วได้ความสลดสังเวชในอายุไขตนอย่างชัดเจนมากๆสุดๆ
ข้อวัตร เน้นทำสมาธิให้ถึงสมาธิ เพื่อให้มีความสุขจึงจะอยู่ อยู่แบบสันโดด ตะเกียง แต่มีที่ชาตจ์แบตให้มีสมาทโฟน
เป็นความคิดเก่าๆ
ถ้าจริงๆแบบว่า คนที่บวชเข้ามาแล้ว
จะมีแบบว่า พาไปฝึกนั่งกรรมฐาน ด้วยกรรมฐานที่ง่ายต่อใจให้เกิดความสงบก่อน มีนั่งดูแสงเทียน แล้วดูไปเรื่อยๆระยะหนึ่ง หลับตา ดูภาพแสงในใจจนจางหายไป แบบนี้เขาเคยสอนเณร เพราะง่ายต่อการทำใจให้สงบ และพูดกถาชักชวนของพิเศษ ต่างๆ ให้อาจหาร อยากมี เพื่อให้เขา ฝึกตามที่บอก
ใจความคือ ให้เณรเกิดความสงบใจ ไม่ได้ให้ฝึกเพื่อมีของพิเศษ
ส่วนสตรีครู จะสอนแบบที่เขาทำอยู่แล้ว แต่เล่าให้ฟังอื่นๆอีก ไม่ได้ให้ออกนอกแนวทางเก่า เช่น เขามีวิธีการคิดออกจากทุกข์โดยแบบนี้ๆ ก็พูดว่า อืมอันนั้นก็ได้ เพราะจัดเข้าในการคิดออกจากทุกข์ แล้วพูดเสริมอื่นๆให้ฟังอีกในเรื่องการให้ปฏิบัติ
พระที่คงดูนิสัยว่าแต่ละองค์เข้ามาแล้ว
เวลามีแบบว่า ผีมา แล้วกลัวผี
ก็จะเทศณ์แสดงธรรมในทำนองให้เข้ากับเหตุการณ์ ขึ้นไปจนถึงวิปัสนา
เทศณ์เป็นเกือบชัวโมง แบบมีปิติน้ำตาไหล
แล้วก็ศรัทธาพระน้อย จนขอผ้าไว้ดูระลึกนึกถึง เพราะไปอยู่นั่นพระน้อยรูปนี้ เทศณ์เรื่องตั้งแค่ทานศีลภาวนาทุกครั้ง และแยกกรรมวิบากทานศีลภาวนาให้ฟัง เป็นส่วนๆ ผีเขาเลยศรัทธา นับถือธรรมะพระพุทธเจ้า และอยากให้มีพระประธานองค์ใหญ่ตั้งไว้ กราบไหว้สักการะบูชา แต่ก่อนดทวดาบอกเอารูปพระแม่กวนอิมโพธิ์สัตว์มาติดไว้ ผีเขานับถือพระแม่กวนอิม ต่อมา ไปตรงนั่น เขาก็มาแบบร่าเริ่งปรีดา และพูดให้ฟัง ว่าปฏิบัติธรรมแล้ว ไปเกิดที่ดาวดึงส์ก็มี ไปเกิดที่ชั้นสูงขึ้นไปอีกก็มี
จนถึงทุกวันนี้
******************************
( รูปภาพ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ )
🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼
รูปที่ทำให้สื่อว่าเมตตาบารมีหลวงปู่มีเยอะมากมายมหาศาล
#สมาธิที่พระมงคลชัย ฉายา กิตฺติโสภโ*
--------------------------------------------------
วิปัสนาญาณตามที่จิตเคยลุถึง ในพรรษาสาม
#เจริญสติปัฏฐานสี่ เกิด องค์ตรัสรู้ธรรมโพฌชงค์เจ็ด ระดับอรหันต์สาวก วิชชาปรากฏ แต่วิมุติยังไม่ปรากฏ
และเจริญสติปัฏฐานสี่ไปเรื่อยๆ
เกิดองค์ตรัสรู้ธรรมโพฌชงค์เจ็ด ระดับอรหันต์สาวก วิชาปรากฏ ปัจยาการ ยังไมดำเนินไป100% เหลืออีกนิดเดียว ก็วิมุติปรากฏ
สุขาปฏิปทา ปฏิบัติสบาย รู้เร็ว
พระมงคลชัย คิดว่าเรื่องเจ้ากรรมนายเวรนี่ ต้องเปลี่ยนเขาให้รู้ธรรมะแล้วหายไปจากภาวะที่ชื่อว่าเจ้ากรรมนายเวร แล้วกลายเป็นอัตภาพทิพย์ทั่วๆไปแต่มีธรรมะ
แต่ก่อนก็แผ่บุญให้ตั้งแต่เด็กหลังสวดมนต์ไหว้พระ ปฐมศึกษา และนั่งสมาธิ และบริกรรมสวดอิติปิโส และแผ่บุญตามท้าย
มาเรื่อยๆ จนบวชก็ได้บุญบวชอยู่ทุกวัน
และก็มีขออโหสิกรรมตาม หนังสือสวดมนต์และคำสอนครูบาอาจารย์ เรื่อยๆ
ต่อมา มาภาวนาที่วัดหนองป่าพง ก็มีทำนองว่าตนเองจะไม่เป็นอะไรยังภาวนาได้ตามปกติ จึงมีความคิดว่าเรื่องเจ้ากรรมนายเวรนี่ ต้องเปลี่ยนเขาให้รู้ธรรมะแล้วหายไปจากภาวะที่ชื่อว่าเจ้ากรรมนายเวร แล้วกลายเป็นอัตภาพทิพย์ทั่วๆไปแต่มีธรรมะ ฉันอโหสิกรรมให้
หมอนี่มันอบรมเมตตาภาวนาทุกวัน
นึกๆจิตภายในมันจึงเป็นฌานแบบเมตตาฌานได้ง่าย ไม่ถึง15วิ
เข้าสมาธิตามที่เคยจิตเคยลุถึง
#เมตฺตาฌานํ> คือเจริญอัฏฐิกะสัญญาแล้วนึกสงสารอย่างโดยใจจริงต่อจากอัฏฐิกะสัญญานั้นเลย เลยแปรสภาพเป็น จิตภายในรวมเป็นเมตตาฌาน
แผ่เมตตาผ่านความว่างกระแสจิตมุ่งให้คล้ายตามความเชื่อว่ากระแสจิตพ่อปู่ชีวกโกมารภัจจ์
สติตื่นยายตื่น ตื่นขึ้นมาถามหาชื่อ
คน
คงทำนองคล้ายปู่ป๊อกแผ่เมตตาให้พ่อ
เจริญสัญญาที่คล้ายในพระไตรปิฎกสูตรที่ว่า พระสังฆราช เทศณ์ว่า เจริญสัญญาที่มีแต่ป่ามีแต่ต้นไม้ขึ้นมาในใจ ฯลฯ และอันที่2คือ เจริญญาที่มีแต่ พื้นดินที่โล่งเตียน ไม่มีบ้านคนบ้านช่องสักหลังตึกก็ไม่มี ว่างเป็นหน้ากอง ฯลฯ และเจริญสัญญาที่ต่อมา เอาดินออกไป ไม่เหลืออะไร ว่างเปล่าไม่มีพื้นดิน
"ท่านเทศน์ต่ออานิสงส์คือจิตห่างจากกิเลสความโลภความโกรธความหลง
สัญญาที่พอสงเคราะห์เข้ากับพระสูตรข้างบนที่พระสังฆราชเทศณ์
คือการฟังสัญญา13ประการ.mp3
แล้วหมายว่าเป็นอนัตตา
>>> คือหมาย รูปะธาตุ จักขุวิญญาณธาตุ แล้ว อนัตตา สูญว่างเปล่าไม่มีทั้งจักขุธาติและจักขุวิญญาณธาตุ
ไปจนถึง ธัมมะธาตุ มโนวิญญาณธาตุ
แล้ว อนัตตา สูญว่างเปล่า
เลยแปรสภาพเป็นฌานเย็นๆ
"คงเป็นปฐมฌาน ถ้าดิ่งไปแบบนี้เรื่อยๆคงถึงสัญญานิโรธ
👶
> คือว่าพุธพร้อมกับลมเข้า โธพร้อมกับกับลมออก แปรสภาพเป็น จิตภายในรวมเป็นฌานที่สุขเหลือเกิน ตามที่คิดว่าเป็นฌานสาม
> คือ รู้ลมหายใจเข้าออกแนบไปกับลม
เลยแปรสภาพเป็น สมาธิ ตัวลอย
(ในตอนเด็กปฐมนอนคนเดียวในมุ้ง)
> คือว่าพุธโธ ในใจไปเรื่อยๆไม่ต้องมุ่งว่าสัมทับไปกับลม เลยแปรสภาพเป็นฌานเย็นๆ น่าจะปฐมฌาน
> คือนั่งดูนามมะธาตุ คือความรู้สึกที่ว่างๆเฉยๆ
เลยแปรสภาพเป็น สมาธิจิตรวมหดเข้ามารู้ตัวเข้ามาชัดขึ้นชัดกว่าเดิม
> คือนั่งอยู่บนอาสนะในวันพระมีแม่ออกพ่ออกมาวัดหลายๆคน ช่วงค่ำกลางคืนแล้วง่วงเหงาหาวนอน ....
แล้วฝืนจิตใจที่ง่วงเหงาหาวนอน
ด้วยลักษณะว่า ปรุงฝืนๆหรือปรุงดิ้นๆไปให้คล้อยไหลตามไปกับความเหงาหาวนอน
ปรุงกระแสขัดขืนจิตที่ง่วงเหงาหาวนอนเพื่อไม่ไหลจมไปกับความง่วงเหงาหาวนอน เป็นผลคือทำให้จิตสว่างใสวคือสลัดถีนะมิทธะออก ใจสว่างใสปลอดนิวณ์๕ สว่างจ้า ใส ๆ จิตมีกำลังขึ้นมาเหมือน ออกจากสมาธิเย็นๆมาใหม่ๆ
ลักษณะจิต สลัดถีนะมิทธะ ปรุงสลัดถีนะมิทธะ คือปรุงกระแสขัดขืนไปยอมไหลไปกับความง่วง ปรุงฝืนทางจิตไปแบบไม่ยอมเดินตามจมไปกับความง่วง จะพบภาวะไม่ง่วงแท้แล
เอ่ย....
รู้กลิ่นแทนลม รวมเป็นอุปจาระสมาธ แบบเย็นนิดหนึ่ง
> คือบริกรรมหรือพูดในใจว่า "พุทโธ อาโลโก" ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ
> คือบริกรรมพุทโธ 1 พุทโธ 2 พุทโธ 3 ไปเรื่อยๆ
> สมาธิ คล้ายๆที่ในหลวงรัฐกาลที่9 ท่านสอนบริวาร นับเลข 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ทำนองนี้แหละ พระอ่านจากหนังสือ สมาธิในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และมีใจความในอรรถกาด้วย การนับเลขทำสมาธิ
ส่วนที่พระทำ ก็คือนับเลข
11 12 13 14 15 16 17 18 19 10 นำนองนี้แหละ จนรวมเป็นอุปจาระสมาธิแบบรวมแต่ไม่ถึงฌาน แน่นกว่าอุปจาระแบบเดินจรงกลม
> และสมาธิแบบจิตมันรวมของมันเอง แบบว่าแค่อยู่เฉยๆ ไม่โน้มคิดพิจารณาข้อธรรม แบบว่าคิดพิจารณาข้อธรรมจนเห็นว่าพอ แล้วไม่คิดพิจารณาข้อธรรม แล้วจิตมันรวมของมันเอง แบบรู้สึกว่ามีพลังอุปจาระสมาธิเอง หลังจากที่คิดพิจารณาข้อธรรมค่อนข้างใช้เวลานาน
> สมาธิแบบ เหวี่ยงซ้ายขวา ตัวเอนตัวหมุ่นๆ อยู่นานเป็นเกือบชัวโมง พร้อมน้ำตาปิติ เพราะแผ่บุญให้ชั้นนั้นชั้นนี้และลงมาหัวหน้าแล้วลงมา และหัวหน้าลงมา และหัวหน้าลงมา และกินนร กินนรี และก็หัวหน้าลงมา
และลงเปตร
ลงสัตว์นรก
ลงยะมัดสะลงนายบาลและสัตว์นรก
แผ่แบบอื่นก็มี แบบเจาะจง ขนาด ความสั้น ความยาว จำนวนเท้า บนบก อากาศ ในน้ำ
และแผ่แบบตามฉบับโจโฉร้อยขึ้นมา
และแผ่แบบสมาธิคลื่นบุญ
ผสมผสานสลับกันทั้งเมตตาจิตและวิปัสนาจิตและสมถะจิต
และแผ่แบบตามหนังสือ สรรพเพสัตตา ทำนองนั้นแหละ
แปรสภาพเป็น สมาธิเย็นๆ ในระดับแรก ไม่รู้จะว่าอุปจาระหรืออัปณา แต่ความจริงคือก็คือเป็นชื่อใดชื่อหนึ่งไม่อุปจารระสมาธิก็อัปณาสมาธิ
ถ้าบริกรรมไปเรื่อยๆคงถึงปฐมฌานอย่างอ่อนอย่างกลางอย่างละเอียด และอาจขึ้นไปทุติยฌานฯไปจนถึงฌาน๔
> คือหลับตาข้างเดียวนำฝาขวดน้ำสีแดงมา มองมอง รี่ตาให้แคบลง เห็นวงกลมสีแดง
> นามสัญญาดึงจิตย้อนเข้ามาที่ตน
คือปรุงสัญญาภาพด้านหลังศรีษะขึ้นมาในมโนทวารพร้อมกับจิตไปรู้ตรงศรีษะด้านหลัง
หรือ ตรงกระดูกด้านหลัง
> นามสัญญาที่ทำให้จิตคลายวางธาตุของโลก ( Earth ) พวก ยาเภสัช อาหารปิณฑบาตร กุฏี ปัจจัย๔ที่ควรกับสมณะ และพวก โทรศัพท์ โน๊ตบุ๊ค
มโนทวารภาพ แยกออกเป็นชิ้นเล็กเท่าขี้ตา หลายๆเม็ด กระจายห่างออกมา
หมายว่า ธาตุชิ้นเล็กๆน้อย มารวมกันให้ยึดว่าเป็นวัตถุให้ถือหนักไม่ว่างเปล่าเลย
เดินจรงกลม คือพูดในใจว่า "โผฏฐัพะๆ"
ไปพร้อมกับ ภาวะอาการฝ่าเท้ามีการสัมผัสกับดิน
ไปเรื่อยๆ และจิตก็ไปรู้ภาวะอาการสัมผัสนั้น
แปรสภาพเป็น จิตรวมหดเข้ามาแต่ไม่รวมมากเต็มที่ เท่าข้างบน น่าจะ 75 % ของอุปจาระสมาธิ แต่ไม่ถึงปฐมฌาน
แผ่เมตตา แบบที่เคยอ่านในพระสูตรประมาณว่าพระสารีบุตรเทศณ์เกี่ยวกับเจริญเมตตาจิต
แผ่กระแสแสงบุญผ่านความว่างที่เป็นที่ที่ให้ตั้งของวัถุต่างๆไปยังทั่วทั้งแสนโกฏจักรวาล
เลยแปรสภาพเป็นจิตสรรพสัตว์ได้รับกระแสบุญ
งานที่ใจ'โอเพ่น (open sauce)
>ซีดีธรรมวัยรุ่น แนวปูพื้นฐานศีลธรรม (ความรัก พัฒนาการงาน ความรู้เรื่องบุญบาป กรรมวิบาก ปฏิบัติภาวนา) แจกไปยังกลุ่มนักเรียนนักศึกษา
>นำจอทรัสกรีนระบบAndroid แอพ anatomy ปลงอสุภะกับผู้หญิงที่พระบวชใหม่เข้ามา และขยายให้วัดอื่นๆติดตั้ง
>ตั้งป้ายคำสอนอิริยาพรรพะและคำสอนครูบาอาจารย์ที่ได้ใจความ ลงไปติดตั้งตามสวนสาธารณะทุกแห่ง ให้คนชอบอุปจาระสมาธิเดินวิ่งออกกำลังกายได้อ่าน
> และ .... แกะสลักหินธรรมะอิริยาบรรพะ ฝังลงดินในเขต รร และ รพ เพื่อให้คนผ่านไปมาข้างทางได้อ่าน
> และงานเสริมๆจากเทวดา ว่า ให้ถ่ายรูปใบหน้าตนเอง พร้อมวันเดือนปี ภาษาไทยลาว EN ฯลฯ ไปเรื่อยๆ แล้วนำมาตัดต่อสโลโมชั่น ให้ออกมาเป็นไฟล์วิดีโอ และแต่งธรรมะว่าด้วยความไม่เที่ยงเข้าไป แล้วส่งไฟล์ไปยังประเทศที่มีพุทธศานาอยู่ จีน ไทย ลาว พม่า กัมบูชา แล้วให้เผยแผ่ให้กลุ่มนักปฏิบัติดู
> มีความคิดว่า จะให้พระวัดบ้านเดินจรงกลมปฏิบัติธรรมภาวนาทางจิตเป็นรูปธรรม แบบว่า อย่างน้อยต้องเดินให้พระบวชใหม่ดูว่าอะไรยังไง เมื่อบวชเข้ามาแล้ว เพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรม โดยให้พระผู้ใหญ่เจ้าคณะจังหวัดทำหนังสือขอความร่วมมือลงไปผ่านเจ้าคณะอำเภอลงไปผ่านเจ้าคณะตำบลลงไป ถึงทุกวัดในเขตรับผิดชอบ ให้มีการให้พระในอาวาสไม่ต้องทุกรูปก็ได้ 2 สาม รูป มีการเดินจรงปฏิบัติภาวนาทางจิตในช่วงเวลานี้ๆ เพื่อให้เป็นที่ให้เห็นกับพระบวชใหม่
>และทำป้ายสอนธรรมะขนาดใหญ่ขึ้นข้างทางก่อนเข้าเมืองอุบล เกี่ยวกับย่อๆในการภาวนาให้หายทุกข์ใจ
> เห็นคนทุกข์ในทีวีรายการไมทองคำ.
เลยมีความคิดว่าจะทำนิโรธสมาบัติไว้โปรดคนทุกข์ขัดสนคนเป็นหนี้เป็นสินทุกข์ในเรื่องเงิน
> ไม่ไปตรงนั้น เพราะสงสารคน เลยจะไปสุทธาวาส แล้วไม่ภาวนาแต่ลงมาหาสอนมนุษย์ในธรรมะ แล้ววิมุติเอง
> แล้วเปลี่ยนมาไปตรงนั้นเหมือนเดิม เพราะสงสารคนที่เกิดมาประจวบประสบเฉพาะช่วงนี้ๆ กลัวว่าถ้าเขาไม่ได้ฟังธรรมแล้วจะล่วงๆไหลๆไปแบบไม่รู้ธรรมแล้วมีวิ๋วๆว่าไปอบาย
เลยมามุ้ง จบกิจ อีกครั้ง
> เบื่อขันธ์จนแบบว่า จิตหายสาบสูญ ไม่มีขันธ์๕ ไปเลยก็ok แม้ยังไม่รู้จักสภาวะอนุปาทิสนิพพานที่ต้องมุ่งไป
เวลาปฏิบัติมีแต่เบื่อหน่าย เหมือนว่าเจริญปล่อยวางไปเป็นไตรลักษณ์ ตาม สัพพเพธรรมมานาลังอภินิเวสายะ
แต่หลวงพ่อเลี่ยมก็แนะให้ จิตแต่สักว่าจิต โยนมันถิ้มโล้ด..
แต่ฟังแล้วไม่รู้จะโยนถิ้มยังไง ก็ลองสลัดโยนๆทิ้งไป ตามประสาที่ยังไม่เข้าใจว่าต้องทำยังไงในคำความหมายที่หลวงพ่อแนะ
การเดินบิณฑบาตรโปรดคนใส่บาตรให้เจาได้บุญเยอะๆ ทรงกำลังฌานไปด้วยในขณะเดินบิณฑบาตร
เข้าปฐมฌานทั้งกำลังเดินบิณฑบาตรไปด้วย โดย > คือบริกรรมหรือพูดในใจว่า "พุทโธ อาโลโก" ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ
เจริญอริยมรรค ให้บรรลุอริยะผล
สมาธิวิปัสนา
ทำนิโรธสมาบัติ เพราะ สงสารคนทุกข์ขัดขนในเรื่องเงินๆทองๆ
และเอาไว้โปรดพระโพธิสัตว์ และสาวกโพธิสัตว์ ซ้ายขวา ฯลฯ เป็นการพิมพ์แบบคร่าวๆใจความย่อ
และคงลงไปถึงปัจเจกโพธิสัตว์
ช่วงอยู่วัดบาบจันทร์ ไปถึง
เดินจรงกลมนาน และสันโดดเรื่องอุปกรณ์ คุ และน้ำฉัน นำมากุฏิ 2ขวด
เดินบิณฑบาตร ทำความเพียรไปด้วย เจอโยมอยากให้เขาได้บุญน้อมบาตร และเดินๆไปตามประสาคิดว่าเรารับเขาจะได้บุญเยอะกว่า บางครั้งก็องค์นั้นรับไม่ได้กำหนด พรรษา1ก็ได้ 2ก็ได้
ฉันอาหารมื้อเดียว สันโดด แต่อาจารย์ที่เป็นเทวดาให้เขา นำขนมหรือนิดๆหน่อยมากินที่กุฏิก่อนใกล้เที่ยง เพื่อให้เหมือนกับพระ จะได้ดูไม่เคร่งกว่าเขา เป็นที่ว่าให้พระวัดมาบจันทร์ว่า มักมาก
ส่วนการสวดมนต์ทำวัตรก็พุทโทๆ และ ดูทิพยจักขุ และเข้าสมาธิ บ่อย
ฌานปิติ ปฐมฌาน แบบพุทโธๆ
ปฐมฌานแบบเมตตาฌาน
และคิดว่าอันอื่นๆอีก
.... อินทรีย์โน้มน้อม....
และอินทรีย์โน้มไปในการ ทำนิโรธสมาบัติ แรงกล้า
คือหยุดไม่ให้ มีการปรุงเวทนาออกมา
........อินทรีย์โน้มน้อม....
ประมาณว่าพระรูปนี้ไม่กลัวตนเอง หายขาดสูญ มิดจี่ลี่
และธรรมะพระอรหันต์นำพาไป ไม่ให้กลัวตรงนั้น สูญๆนั้น
เด็กมันผ่านข้อนี้ไปแล้ว
มีอนุสูตรสาวกที่เป็นเทวดา
เรื่องทำนิโรธสมาบัติ คือปล่อย ไม่ได้ห้าม
มีเทวดาสมัยรู้ภาษามครประทับและ พูด สัญญาเวทยิตนิโรธ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ทำนองนี้
แม้พระได้ยินแล้ว ก็เข้าใจว่า ตนจะได้นิโรธสมาบัติ เทวดาก็ยังพูด สัญญาเวทยิตะนิโรธ ๆ ๆ ๆ ๆ
สมาธิสายลักษณะลักขณูปณิชฌานก็ได้
สายนี้จะไปถึงนิโรธสมาบัติ
และมีความคิดว่า เอ้ ธรรมะ ในcolonote เอามาพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือได้แล้ว
********************************
พระมงคลชัย ฝึกกสินสี ตัวเลข
และหยังจิตดูว่า เลขจะออกตัวไหน
เพื่อจะเอาไปบอกคนทุกข์คนยาก
23 หรือ 65 เป็นเลขท้ายจาก ล็อตเตอรี่
ที่ชาวบ้านชาวเมืองเขาซื้อกันไปทั่ว
วัยเด็ก จำความได้ ครั้งแรก คลองน้ำที่มีหญ้า
ปั่นจักรยานสีส้มคันเล็ก และตกลงท่อ ลงไปไร่นา และปั้นเข็นๆไป หลังบ้าน
คนที่บ้านกำลังทุบๆก้อนปูนทำพื้นห้องน้ำ
และ ร้องไห้นาน 2ชัวโมง โดยตั้งใจกำหนดร้องไห้ขึ้นมา
และปั่นจักรยานคันใหญ่สีแดง เบรกด้วยขาปั่น ล้อหยุด กลับรถ แล้วล้ม
แล้วล้ม ล้มแล้ว ใช้ดินทราย ทา คิดว่าเป็นยา
และไปขึ้นค้างบังไฟ ขึ้นไปๆจนถึงใกล้ๆยอด แล้วถูกดลใจให้เล่นปล่อยขั้นบันใด แบบจับแบบปล่อย ขณะปล่อยถ้าไม่จับ ก็จะตกลงมา และถ้าจับแต่ขั้นบันใดหลุดหรือหัก ก็จะตกลงมา
ปล่อยจับ อยู่แบบนี้ หลายครั้ง
แล้วก็ลงมา
อายุ น่าจะ ป3 ไปหา 4 ปฐมศึกษา
และในขณะช่วงวัยเด็ก ก็ถูกดลใจให้ใช้พร้าอีโตฟันหัวมารดา อย่างหนัก
แต่ไม่ได้มีการทำตาม
และมากรุงเทพ มาทำงาน ม.3 ข้ามไปนอกตึก แล้วปล่อย แล้วจับ หลายครั้ง
ถ้าปล่อยแล้วไม่จับก็ตกลงมา
ตึก 5ชั้น
ไปแฝงร่างพระที่กำลังสวดมนต์ทำวัตร
แล้วทำธาตุขันธ์เขาป่วย หนักทรมาณ สุดๆ เหมือนกับว่าคงจะตายแน่
ภาวะจิตใจที่ไม่ผ่องไม่ใส มัวๆปวดหัว
อาเจียน จนอาจารย์เขาช่วยรดน้ำมนต์ให้
แล้วพระเขาก็ อยากจะถวายผ้าไตรกับพระพุทธรูป ให้ อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร
แต่อาจารย์เขาบอกว่า รดน้ำมนต์กะพอแล้วลูก โยมพ่อหมานว่าลดน้ำมนต์กะพอแล้ว บ่ต้องถวายผ้าไตรฯกะได้
ทั้งที่ใจเด็กเขากลัว อยากจะถวายผ้าไตรกับพระพุทธรูป แล้วอุทิศให้
แล้วอาจารย์เขาที่เป็นศิษย์ปู่หนูเดือนชัย ก็พูดๆ ว่า เจ้ากรรมนายเวร เขามา
เขาเคียด หม่อมสิพ้นเขา ถ้าหมอมบวชดน พรรษา 4 สิบรรลุธรรม
สมัยนั้นเข้าพรรษา 1
ชาตินั้นหม่อมเกิดเป็น คนชาวบ้านทั่วไป
แต่ตีหัวหมู แล้วขายเนื้อ ทำนอนงนั้น
เขาเลยมาเบียดเจ้า
แสดงว่า เรื่องหมูตัวนั้นที่อยู่ตรงนั้น คือเหตุแรงกรรม คล้ายๆงูกับไก่
เลยมาเรื่อยๆ
จนถึงชาติที่เขาบวชเป็นพระ
แล้วจากนั้นเขาก็ขออโหสิกรรมให้ มาเรื่อยๆ และสำนึกผิดร้องไห้ และขออโหสิกรรมมาเรื่อยๆ
ส่วนบุญก็อุทิศให้ตามบทหนังสือเขาพาอุทิศ ในช่วง ปฐม ป 4 สวดมนต์
แม่เขาบอกสอนให้สวดมนต์ไหว้พระตั้งแต่เด็ก และมีคุณตาเขาเป็นมักคทายกวัด จึงบอกๆสอนหลาน และ มีหนังสือการ์ตูน คำสอนทางศาสนาคริสเนื้อหาที่อ่านแล้ว เขาเข้าใจว่า เมตตา ที่แน่นในใจ
น่าจะ ป4 ไม่ต้น สวดมนต์ และก็นั่งสมาธิ อุทิศบุญ เทวดาทั้งปวง (หมดทุกโลกธาตุ)
สัพพะสัตว์
เปตรทั้งปวง
เจ้ากรรมนายเวร (ทั้งหมด)
ปู่แพงย่ากรอง และก็ปู่คำมงคุล และฯลฯ
และปู่หลักบ้าน และปู่จำดอนปู่ตา
มาเรื่อยๆ จนบวช บวชแล้ว
และก็ มาเรื่อยๆ ด้วยบุญอริยะมรรค แบบคลอลาเจนพิเศษ มาเรื่อยๆ
แล้วก็มี ฝันเห็นเลข 125 และล่าง 111
ไม่ได้ซื้อ
และฝันเห็น 50 ซื้อ 50 ถูก
ฝันเห็นเลขน่าจะหลายครั้งเพราะเทวดาให้เลข
นั่งสมาธิก่อนนอนมาเรื่อยๆ บ่อย
และนั่งที่เถียงนาเวลาไปรดผักที่นา
นั่งก็สงบ รวมอุปจาระสมาธิ
นั่งมาเรื่อยๆ เล่นโน๊ตบุ๊กแล้วไปดูจอนาน แล้วคลิกและดูข้อมูลในจอเสร็จ
กลับมา เห็นภาวะจิตมันรวมเข้ามาที่ตน
แบบชัด ไปนาจกขุดดิน เห็นอาการกายเคลื่อนไหวแบบสติดู
แล้วเขาไปไหน
กัลฑละนาคาหงอนสีแดงตัวสีน้ำเงิน
แปลงจิตเป็นนายนิรยบาล แบบสุดยอด ความโหดความเกรี้ยม ดุร้าย มุ่งดุมุ่งร้ายสุดๆ แบบว่าอะไรที่เป็นสิ่งมีชีวิตฆ่าหมด
แล้วมาปุ๊บ หายปั้บ
หลวงปู่ดู่
สมาธิชนิดที่สอง
ปฐมฌานที่เกิดจากอสุภะกรรมฐาน
สีเปลี่ยนมาเรื่อยๆจนเป็นสีขาว
และทำ โอทาตสกิน เพื่อให้เกิดทิพย์จักษุ
"ชอบสงเคราะห์ผู้ที่เคยทำสิ่งดีๆให้ตนในอดีต ครู แม้ครูจะไม่ค่อยชอบ ก็นิรนามเอาให้ เพราะถ้าแสดงตนไป ครูจะไม่ชอบ แต่ใจความ เพื่อให้ครูรู้ธรรมะ และแล้วก็มีข่าวเศร้าว่า ครูตายแล้ว
และ และพวกเด็ก ๆ เณร ประมาณว่าทำบางอย่างให้เขาได้บุญ ในแบบใกล้ๆตัวและไกลๆ เป็นขอบเขตที่เข้าไปไม่ได้นัก
ไกลๆ เช่น เห็นคนไถ่นา อยากให้เขาได้บุญ ก็เดินไปขอกินน้ำเขา เพื่อให้เขาได้บุญ
และอยากให้เขาได้บุญ ก็ขอน้ำเขา
เดินไปเองก็ได้เพราะชอบเดิน แต่เจาอาสาไปส่ง ก็คิดว่าถ้าขึ้นเขาจะได้บุญก็เลยขึ้น
และอยากให้เด็กได้บุญก็บอกให้เขานวดให้บีบๆแบบงูๆปลาๆ บางที่นวดแรงเจ็บๆก็บอกให้เบาๆ
เดินไปเห็นเด็กกำลังหาใส่หนู ก็บอกๆว่า มันบาปนะ อย่าใส่หนูเลย แล้วเด็กก็ฟัง แล้วเขาก็เดินๆต่อ เด็กฟังแล้วก็ไม่ทราบว่ายังใส่ไหมหรือไม่ใส่
แล้วก็เดินต่อ
ชวนคนทำบุญก็มี เอาcdหลายๆแผ่น ให้ครู ไปทำบุญแจกผู้อื่นเป็นบุญของตนเอง
กระจ่ายหนังสือสอนปฏิบัติธรรม สติปัฏฐานสี ไปยัง ห้องสมุด รร เขื่องใน รร ม่วงสามสิบ รร จิกดู่ รร หัวตะพาน
ส่วนแผ่นcdไป รร มัธยม หลายแห่งในเขตอำนาจเจริญ และอุบล และเขาน่าจะกระจ่ายแจกต่อไป
ป้ายธรรมะ 2 แผ่น มีรุ่นใหม่มาอ่านเรื่อยๆ
ป้ายธรรมะใช้เวลาทำนานมาก
เพราะเหมือนมีกระแสอะไรบางอย่างที่ทำให้ช้า เขารู้ว่าเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์เขาก็ทำต่อพาเด็กๆทำ ชวนเด็กๆทำป้าย ตัดติดสติกเกอร์ ทั้งๆที่ตนก็ทำเป็นกว่าคล่องกว่า แต่ให้เขาทำด้วย แผ่นอื่นๆ ส่วนตนก็แกะสติกเกอร์ เขาวาดตัวหนังสือ รู้สึกว่าช้า เลยตัดเป็นตัวหนังสือเสียเลยเร็วดี เขาส่วนของเขา ส่วนเด็กก็ทำส่วนของเด็ก ส่วนของเด็กตัดไม่เนียนแล้วเด็กก็ยื่นให้ แล้วเขาก็คิดว่า ง่าย แต่เด็กตัดยังไม่คล่อง คิดว่าตนตัดคล่องกว่า แล้วส่งให้เด็ก แล้วตนก็ตัดแบบไม่ได้วาด
แล้วก็ติดๆ
แล้วก็มีเทวดาที่เป็นครูมาตรวจสอบอักษรว่า เป๊ะผ่านไหม และเทวดาบางองค์ก็ ว่า ไม่ต้องมีก็ได้ ช่องว่างๆตรงกลาวสระอิ บางองค์ก็ว่า ต้องมีช่องตรงกลางสระอิต้องมี จึงถูกรูปพยัญชนะ
และก็ตัดแบบมีช่องว่างสระอิ และนานๆไป ก็ไม่ได้ตัดแบบมีช่องว่างสระอิ เพราะ ให้เกิดความเข้าใจในการอ่านได้เหมือนกัน
และเทวดาฝ่ายชายมาบอกว่า เบ็ญจมะมหาราชาๆๆ
และมีเทวดาช่วยพูด ให้เจ้าหน้าที่จัดแผนการสอนวิชาต่างๆให้ครูสินเด็ก
เรื่องสอนธรรมะวันศุกร์ และครูokแต่เป็นช่วงเทอมถัดไป เทอมนี้จัดไปแล้ว ถ้าเทอมต่อไปได้ รร นารี
และ เทคนิคอุบลสารพัดช่าง
เดินเข้าไปจะเห็น รูปปั้น ท่านวิสุกรรมเทพบุตร ถ้าไป วิทยาลัยพยาบาลจะเห็น รูปปั้นพ่อปู่ชีวกโกมารภัจจ์
และก็
ส่วนการไปงานถวายพระพุทธรูปกับ คนที่มาทำบุญ
นั่งรถไป ก็เข้า คล้ายๆสูญตะสัญญา ลักขณูปณิชฌาน รวม ปิติ แล้วก็มี คล้ายๆพี่กุมารมาประทับแล้วแสดงตนว่า ตนคือกุมารทองพอเป็นภาพและความรู้สึกบอก
ทั้งทางไม่ราบ โนนเต่า และการจอด และการเคลื่อนที่ และเสียงในรถ
มาให้ลาภ
แล้วก็ไปถึงวัด ฟังเทศน์แล้วจิตรวมระดับปิติมีความสุข รวมเรื่อยๆ คล้ายๆ
เดินด้วยใจที่ดูนาม แทบตลอดเวลา
ไม่ค่อยน้อมไปคิด มีแต่เดินจรงกลมจึงน้อมไปคิดปรุง
และคิดแบบว่า
ไม่ค่อยชอบพูด เพราะดูแต่นาม เวลาพูด พูดออกมาเยอะ และพูดกับคนทั่วไปแบบปกติ
ตั้งแต่บวชไม่ด่าโยมด่าพระเณร
ไม่มีโกหก
พูดทางใจ มีคำบริกรรม และเทศณ์ธรรมะ
พูดให้เกิดประโยชน์มีแบบต่างๆ
พูดทำนองว่าเขาฟังแล้ว จะมีปัจจัยต่อมา คือสิ่งที่ดี กับผู้อื่น โดยอาศัยครูบาอาจารย์อีกต่อหนึ่ง ให้มีการพูดธรรมะเกี่ยวกับเรื่องนั้น
และพูดอีกแบบคือ ให้เขาเข้าใจว่า ไม่ได้บ้า เป็นการให้เขาคิดไปอีกมุมหนึ่ง แก้ความเข้าใจผิดไปโดยปริยาย
นางฟ้า สวยน่ารัก
บางนางก็สวย บางนางก็น่ารัก
ชั้นดาวดึงส์ และนางฟ้าในวัดหนองป่าพง
สวย
เมื่อเสร็จสิ้น ชอบขอบคุณ ผู้ที่ช่วยเหลือ
เช่นเจ้าหน้าที่ธนาคาร คนขับรถตู้ คนที่อำนวยเสร็จสิ้น และสถานที่ที่เดินจรงกลม
ชอบเดินไปไหนมาไหนมากกว่า นั่งรถ
และชอบทำอะไรบางอย่างให้คนอื่นได้บุญ
ทิฏฐิต่อคนไทย ลำบากเยอะมากมาย เรื่องขัดสนในเงินทอง และยังไม่รู้เรื่องธรรมะ ในการออกจากทุกข์
ส่วนฝรั่ง ดูใสๆมีความเด่นแบบไฮเทค เจริญ ไม่ขัดสนเรื่องเงิน แต่ไม่รู้ธรรมะแต่ใสๆ และยังไม่แน่ไม่นอนส่วนที่ยังไม่ได้ฟัง
ส่วนความคิดในการเผ่ยแผ่ศาสนาอื่นให้ ไม่เคยมี never
ส่วนความคิดในการเผ่ยแผ่ศาสนาพุทธไป มี ไทย ลาว ที่คิดว่าง่ายเพราะตนเองได้ภาษาไทยและอีสานก็คือลาว
ส่วนจีนจะเป็นสื่อไฟล์วิดีโอตน ใบหน้าตนเอง
แสดงว่าพระรูปนี้ มีความเมตตากลุ่มชนอื่นด้วยดีกว่าเขา จะลุ่มๆดอนๆ
เลยแผ่บุญให้แค่เป็นใจความแบบว่า ที่รวบที่อื่น
เรื่องแผ่บุญ อัปมัญญา ในหนังสือมี
พุทธ
และคิดว่าเมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง อายุมากแล้ว ประมารณว่าจะมีแบบว่ามีวัดและตนเป็นเจ้าอาวาส จะดึงพระสูตรในพระไตรปิฏกมาทำเป็นบทสวด คนที่สวดแล้วได้ความสลดสังเวชในอายุไขตนอย่างชัดเจนมากๆสุดๆ
ข้อวัตร เน้นทำสมาธิให้ถึงสมาธิ เพื่อให้มีความสุขจึงจะอยู่ อยู่แบบสันโดด ตะเกียง แต่มีที่ชาตจ์แบตให้มีสมาทโฟน
เป็นความคิดเก่าๆ
ถ้าจริงๆแบบว่า คนที่บวชเข้ามาแล้ว
จะมีแบบว่า พาไปฝึกนั่งกรรมฐาน ด้วยกรรมฐานที่ง่ายต่อใจให้เกิดความสงบก่อน มีนั่งดูแสงเทียน แล้วดูไปเรื่อยๆระยะหนึ่ง หลับตา ดูภาพแสงในใจจนจางหายไป แบบนี้เขาเคยสอนเณร เพราะง่ายต่อการทำใจให้สงบ และพูดกถาชักชวนของพิเศษ ต่างๆ ให้อาจหาร อยากมี เพื่อให้เขา ฝึกตามที่บอก
ใจความคือ ให้เณรเกิดความสงบใจ ไม่ได้ให้ฝึกเพื่อมีของพิเศษ
ส่วนสตรีครู จะสอนแบบที่เขาทำอยู่แล้ว แต่เล่าให้ฟังอื่นๆอีก ไม่ได้ให้ออกนอกแนวทางเก่า เช่น เขามีวิธีการคิดออกจากทุกข์โดยแบบนี้ๆ ก็พูดว่า อืมอันนั้นก็ได้ เพราะจัดเข้าในการคิดออกจากทุกข์ แล้วพูดเสริมอื่นๆให้ฟังอีกในเรื่องการให้ปฏิบัติ
พระที่คงดูนิสัยว่าแต่ละองค์เข้ามาแล้ว
เวลามีแบบว่า ผีมา แล้วกลัวผี
ก็จะเทศณ์แสดงธรรมในทำนองให้เข้ากับเหตุการณ์ ขึ้นไปจนถึงวิปัสนา
เทศณ์เป็นเกือบชัวโมง แบบมีปิติน้ำตาไหล
แล้วก็ศรัทธาพระน้อย จนขอผ้าไว้ดูระลึกนึกถึง เพราะไปอยู่นั่นพระน้อยรูปนี้ เทศณ์เรื่องตั้งแค่ทานศีลภาวนาทุกครั้ง และแยกกรรมวิบากทานศีลภาวนาให้ฟัง เป็นส่วนๆ ผีเขาเลยศรัทธา นับถือธรรมะพระพุทธเจ้า และอยากให้มีพระประธานองค์ใหญ่ตั้งไว้ กราบไหว้สักการะบูชา แต่ก่อนดทวดาบอกเอารูปพระแม่กวนอิมโพธิ์สัตว์มาติดไว้ ผีเขานับถือพระแม่กวนอิม ต่อมา ไปตรงนั่น เขาก็มาแบบร่าเริ่งปรีดา และพูดให้ฟัง ว่าปฏิบัติธรรมแล้ว ไปเกิดที่ดาวดึงส์ก็มี ไปเกิดที่ชั้นสูงขึ้นไปอีกก็มี
จนถึงทุกวันนี้
******************************
( รูปภาพ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ )
🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼
รูปที่ทำให้สื่อว่าเมตตาบารมีหลวงปู่มีเยอะมากมายมหาศาล
--------------------------------------------------
วิปัสนาญาณตามที่จิตเคยลุถึง ในพรรษาสาม
#เจริญสติปัฏฐานสี่ เกิด องค์ตรัสรู้ธรรมโพฌชงค์เจ็ด ระดับอรหันต์สาวก วิชชาปรากฏ แต่วิมุติยังไม่ปรากฏ
และเจริญสติปัฏฐานสี่ไปเรื่อยๆ
เกิดองค์ตรัสรู้ธรรมโพฌชงค์เจ็ด ระดับอรหันต์สาวก วิชาปรากฏ ปัจยาการ ยังไมดำเนินไป100% เหลืออีกนิดเดียว ก็วิมุติปรากฏ
สุขาปฏิปทา ปฏิบัติสบาย รู้เร็ว
พระมงคลชัย คิดว่าเรื่องเจ้ากรรมนายเวรนี่ ต้องเปลี่ยนเขาให้รู้ธรรมะแล้วหายไปจากภาวะที่ชื่อว่าเจ้ากรรมนายเวร แล้วกลายเป็นอัตภาพทิพย์ทั่วๆไปแต่มีธรรมะ
แต่ก่อนก็แผ่บุญให้ตั้งแต่เด็กหลังสวดมนต์ไหว้พระ ปฐมศึกษา และนั่งสมาธิ และบริกรรมสวดอิติปิโส และแผ่บุญตามท้าย
มาเรื่อยๆ จนบวชก็ได้บุญบวชอยู่ทุกวัน
และก็มีขออโหสิกรรมตาม หนังสือสวดมนต์และคำสอนครูบาอาจารย์ เรื่อยๆ
ต่อมา มาภาวนาที่วัดหนองป่าพง ก็มีทำนองว่าตนเองจะไม่เป็นอะไรยังภาวนาได้ตามปกติ จึงมีความคิดว่าเรื่องเจ้ากรรมนายเวรนี่ ต้องเปลี่ยนเขาให้รู้ธรรมะแล้วหายไปจากภาวะที่ชื่อว่าเจ้ากรรมนายเวร แล้วกลายเป็นอัตภาพทิพย์ทั่วๆไปแต่มีธรรมะ ฉันอโหสิกรรมให้
หมอนี่มันอบรมเมตตาภาวนาทุกวัน
นึกๆจิตภายในมันจึงเป็นฌานแบบเมตตาฌานได้ง่าย ไม่ถึง15วิ
เข้าสมาธิตามที่เคยจิตเคยลุถึง
#เมตฺตาฌานํ> คือเจริญอัฏฐิกะสัญญาแล้วนึกสงสารอย่างโดยใจจริงต่อจากอัฏฐิกะสัญญานั้นเลย เลยแปรสภาพเป็น จิตภายในรวมเป็นเมตตาฌาน
แผ่เมตตาผ่านความว่างกระแสจิตมุ่งให้คล้ายตามความเชื่อว่ากระแสจิตพ่อปู่ชีวกโกมารภัจจ์
สติตื่นยายตื่น ตื่นขึ้นมาถามหาชื่อ
คน
คงทำนองคล้ายปู่ป๊อกแผ่เมตตาให้พ่อ
เจริญสัญญาที่คล้ายในพระไตรปิฎกสูตรที่ว่า พระสังฆราช เทศณ์ว่า เจริญสัญญาที่มีแต่ป่ามีแต่ต้นไม้ขึ้นมาในใจ ฯลฯ และอันที่2คือ เจริญญาที่มีแต่ พื้นดินที่โล่งเตียน ไม่มีบ้านคนบ้านช่องสักหลังตึกก็ไม่มี ว่างเป็นหน้ากอง ฯลฯ และเจริญสัญญาที่ต่อมา เอาดินออกไป ไม่เหลืออะไร ว่างเปล่าไม่มีพื้นดิน
"ท่านเทศน์ต่ออานิสงส์คือจิตห่างจากกิเลสความโลภความโกรธความหลง
สัญญาที่พอสงเคราะห์เข้ากับพระสูตรข้างบนที่พระสังฆราชเทศณ์
คือการฟังสัญญา13ประการ.mp3
แล้วหมายว่าเป็นอนัตตา
>>> คือหมาย รูปะธาตุ จักขุวิญญาณธาตุ แล้ว อนัตตา สูญว่างเปล่าไม่มีทั้งจักขุธาติและจักขุวิญญาณธาตุ
ไปจนถึง ธัมมะธาตุ มโนวิญญาณธาตุ
แล้ว อนัตตา สูญว่างเปล่า
เลยแปรสภาพเป็นฌานเย็นๆ
"คงเป็นปฐมฌาน ถ้าดิ่งไปแบบนี้เรื่อยๆคงถึงสัญญานิโรธ
👶
> คือว่าพุธพร้อมกับลมเข้า โธพร้อมกับกับลมออก แปรสภาพเป็น จิตภายในรวมเป็นฌานที่สุขเหลือเกิน ตามที่คิดว่าเป็นฌานสาม
> คือ รู้ลมหายใจเข้าออกแนบไปกับลม
เลยแปรสภาพเป็น สมาธิ ตัวลอย
(ในตอนเด็กปฐมนอนคนเดียวในมุ้ง)
> คือว่าพุธโธ ในใจไปเรื่อยๆไม่ต้องมุ่งว่าสัมทับไปกับลม เลยแปรสภาพเป็นฌานเย็นๆ น่าจะปฐมฌาน
> คือนั่งดูนามมะธาตุ คือความรู้สึกที่ว่างๆเฉยๆ
เลยแปรสภาพเป็น สมาธิจิตรวมหดเข้ามารู้ตัวเข้ามาชัดขึ้นชัดกว่าเดิม
> คือนั่งอยู่บนอาสนะในวันพระมีแม่ออกพ่ออกมาวัดหลายๆคน ช่วงค่ำกลางคืนแล้วง่วงเหงาหาวนอน ....
แล้วฝืนจิตใจที่ง่วงเหงาหาวนอน
ด้วยลักษณะว่า ปรุงฝืนๆหรือปรุงดิ้นๆไปให้คล้อยไหลตามไปกับความเหงาหาวนอน
ปรุงกระแสขัดขืนจิตที่ง่วงเหงาหาวนอนเพื่อไม่ไหลจมไปกับความง่วงเหงาหาวนอน เป็นผลคือทำให้จิตสว่างใสวคือสลัดถีนะมิทธะออก ใจสว่างใสปลอดนิวณ์๕ สว่างจ้า ใส ๆ จิตมีกำลังขึ้นมาเหมือน ออกจากสมาธิเย็นๆมาใหม่ๆ
ลักษณะจิต สลัดถีนะมิทธะ ปรุงสลัดถีนะมิทธะ คือปรุงกระแสขัดขืนไปยอมไหลไปกับความง่วง ปรุงฝืนทางจิตไปแบบไม่ยอมเดินตามจมไปกับความง่วง จะพบภาวะไม่ง่วงแท้แล
เอ่ย....
รู้กลิ่นแทนลม รวมเป็นอุปจาระสมาธ แบบเย็นนิดหนึ่ง
> คือบริกรรมหรือพูดในใจว่า "พุทโธ อาโลโก" ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ
> คือบริกรรมพุทโธ 1 พุทโธ 2 พุทโธ 3 ไปเรื่อยๆ
> สมาธิ คล้ายๆที่ในหลวงรัฐกาลที่9 ท่านสอนบริวาร นับเลข 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ทำนองนี้แหละ พระอ่านจากหนังสือ สมาธิในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และมีใจความในอรรถกาด้วย การนับเลขทำสมาธิ
ส่วนที่พระทำ ก็คือนับเลข
11 12 13 14 15 16 17 18 19 10 นำนองนี้แหละ จนรวมเป็นอุปจาระสมาธิแบบรวมแต่ไม่ถึงฌาน แน่นกว่าอุปจาระแบบเดินจรงกลม
> และสมาธิแบบจิตมันรวมของมันเอง แบบว่าแค่อยู่เฉยๆ ไม่โน้มคิดพิจารณาข้อธรรม แบบว่าคิดพิจารณาข้อธรรมจนเห็นว่าพอ แล้วไม่คิดพิจารณาข้อธรรม แล้วจิตมันรวมของมันเอง แบบรู้สึกว่ามีพลังอุปจาระสมาธิเอง หลังจากที่คิดพิจารณาข้อธรรมค่อนข้างใช้เวลานาน
> สมาธิแบบ เหวี่ยงซ้ายขวา ตัวเอนตัวหมุ่นๆ อยู่นานเป็นเกือบชัวโมง พร้อมน้ำตาปิติ เพราะแผ่บุญให้ชั้นนั้นชั้นนี้และลงมาหัวหน้าแล้วลงมา และหัวหน้าลงมา และหัวหน้าลงมา และกินนร กินนรี และก็หัวหน้าลงมา
และลงเปตร
ลงสัตว์นรก
ลงยะมัดสะลงนายบาลและสัตว์นรก
แผ่แบบอื่นก็มี แบบเจาะจง ขนาด ความสั้น ความยาว จำนวนเท้า บนบก อากาศ ในน้ำ
และแผ่แบบตามฉบับโจโฉร้อยขึ้นมา
และแผ่แบบสมาธิคลื่นบุญ
ผสมผสานสลับกันทั้งเมตตาจิตและวิปัสนาจิตและสมถะจิต
และแผ่แบบตามหนังสือ สรรพเพสัตตา ทำนองนั้นแหละ
แปรสภาพเป็น สมาธิเย็นๆ ในระดับแรก ไม่รู้จะว่าอุปจาระหรืออัปณา แต่ความจริงคือก็คือเป็นชื่อใดชื่อหนึ่งไม่อุปจารระสมาธิก็อัปณาสมาธิ
ถ้าบริกรรมไปเรื่อยๆคงถึงปฐมฌานอย่างอ่อนอย่างกลางอย่างละเอียด และอาจขึ้นไปทุติยฌานฯไปจนถึงฌาน๔
> คือหลับตาข้างเดียวนำฝาขวดน้ำสีแดงมา มองมอง รี่ตาให้แคบลง เห็นวงกลมสีแดง
> นามสัญญาดึงจิตย้อนเข้ามาที่ตน
คือปรุงสัญญาภาพด้านหลังศรีษะขึ้นมาในมโนทวารพร้อมกับจิตไปรู้ตรงศรีษะด้านหลัง
หรือ ตรงกระดูกด้านหลัง
> นามสัญญาที่ทำให้จิตคลายวางธาตุของโลก ( Earth ) พวก ยาเภสัช อาหารปิณฑบาตร กุฏี ปัจจัย๔ที่ควรกับสมณะ และพวก โทรศัพท์ โน๊ตบุ๊ค
มโนทวารภาพ แยกออกเป็นชิ้นเล็กเท่าขี้ตา หลายๆเม็ด กระจายห่างออกมา
หมายว่า ธาตุชิ้นเล็กๆน้อย มารวมกันให้ยึดว่าเป็นวัตถุให้ถือหนักไม่ว่างเปล่าเลย
เดินจรงกลม คือพูดในใจว่า "โผฏฐัพะๆ"
ไปพร้อมกับ ภาวะอาการฝ่าเท้ามีการสัมผัสกับดิน
ไปเรื่อยๆ และจิตก็ไปรู้ภาวะอาการสัมผัสนั้น
แปรสภาพเป็น จิตรวมหดเข้ามาแต่ไม่รวมมากเต็มที่ เท่าข้างบน น่าจะ 75 % ของอุปจาระสมาธิ แต่ไม่ถึงปฐมฌาน
แผ่เมตตา แบบที่เคยอ่านในพระสูตรประมาณว่าพระสารีบุตรเทศณ์เกี่ยวกับเจริญเมตตาจิต
แผ่กระแสแสงบุญผ่านความว่างที่เป็นที่ที่ให้ตั้งของวัถุต่างๆไปยังทั่วทั้งแสนโกฏจักรวาล
เลยแปรสภาพเป็นจิตสรรพสัตว์ได้รับกระแสบุญ
งานที่ใจ'โอเพ่น (open sauce)
>ซีดีธรรมวัยรุ่น แนวปูพื้นฐานศีลธรรม (ความรัก พัฒนาการงาน ความรู้เรื่องบุญบาป กรรมวิบาก ปฏิบัติภาวนา) แจกไปยังกลุ่มนักเรียนนักศึกษา
>นำจอทรัสกรีนระบบAndroid แอพ anatomy ปลงอสุภะกับผู้หญิงที่พระบวชใหม่เข้ามา และขยายให้วัดอื่นๆติดตั้ง
>ตั้งป้ายคำสอนอิริยาพรรพะและคำสอนครูบาอาจารย์ที่ได้ใจความ ลงไปติดตั้งตามสวนสาธารณะทุกแห่ง ให้คนชอบอุปจาระสมาธิเดินวิ่งออกกำลังกายได้อ่าน
> และ .... แกะสลักหินธรรมะอิริยาบรรพะ ฝังลงดินในเขต รร และ รพ เพื่อให้คนผ่านไปมาข้างทางได้อ่าน
> และงานเสริมๆจากเทวดา ว่า ให้ถ่ายรูปใบหน้าตนเอง พร้อมวันเดือนปี ภาษาไทยลาว EN ฯลฯ ไปเรื่อยๆ แล้วนำมาตัดต่อสโลโมชั่น ให้ออกมาเป็นไฟล์วิดีโอ และแต่งธรรมะว่าด้วยความไม่เที่ยงเข้าไป แล้วส่งไฟล์ไปยังประเทศที่มีพุทธศานาอยู่ จีน ไทย ลาว พม่า กัมบูชา แล้วให้เผยแผ่ให้กลุ่มนักปฏิบัติดู
> มีความคิดว่า จะให้พระวัดบ้านเดินจรงกลมปฏิบัติธรรมภาวนาทางจิตเป็นรูปธรรม แบบว่า อย่างน้อยต้องเดินให้พระบวชใหม่ดูว่าอะไรยังไง เมื่อบวชเข้ามาแล้ว เพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรม โดยให้พระผู้ใหญ่เจ้าคณะจังหวัดทำหนังสือขอความร่วมมือลงไปผ่านเจ้าคณะอำเภอลงไปผ่านเจ้าคณะตำบลลงไป ถึงทุกวัดในเขตรับผิดชอบ ให้มีการให้พระในอาวาสไม่ต้องทุกรูปก็ได้ 2 สาม รูป มีการเดินจรงปฏิบัติภาวนาทางจิตในช่วงเวลานี้ๆ เพื่อให้เป็นที่ให้เห็นกับพระบวชใหม่
>และทำป้ายสอนธรรมะขนาดใหญ่ขึ้นข้างทางก่อนเข้าเมืองอุบล เกี่ยวกับย่อๆในการภาวนาให้หายทุกข์ใจ
> เห็นคนทุกข์ในทีวีรายการไมทองคำ.
เลยมีความคิดว่าจะทำนิโรธสมาบัติไว้โปรดคนทุกข์ขัดสนคนเป็นหนี้เป็นสินทุกข์ในเรื่องเงิน
> ไม่ไปตรงนั้น เพราะสงสารคน เลยจะไปสุทธาวาส แล้วไม่ภาวนาแต่ลงมาหาสอนมนุษย์ในธรรมะ แล้ววิมุติเอง
> แล้วเปลี่ยนมาไปตรงนั้นเหมือนเดิม เพราะสงสารคนที่เกิดมาประจวบประสบเฉพาะช่วงนี้ๆ กลัวว่าถ้าเขาไม่ได้ฟังธรรมแล้วจะล่วงๆไหลๆไปแบบไม่รู้ธรรมแล้วมีวิ๋วๆว่าไปอบาย
เลยมามุ้ง จบกิจ อีกครั้ง
> เบื่อขันธ์จนแบบว่า จิตหายสาบสูญ ไม่มีขันธ์๕ ไปเลยก็ok แม้ยังไม่รู้จักสภาวะอนุปาทิสนิพพานที่ต้องมุ่งไป
เวลาปฏิบัติมีแต่เบื่อหน่าย เหมือนว่าเจริญปล่อยวางไปเป็นไตรลักษณ์ ตาม สัพพเพธรรมมานาลังอภินิเวสายะ
แต่หลวงพ่อเลี่ยมก็แนะให้ จิตแต่สักว่าจิต โยนมันถิ้มโล้ด..
แต่ฟังแล้วไม่รู้จะโยนถิ้มยังไง ก็ลองสลัดโยนๆทิ้งไป ตามประสาที่ยังไม่เข้าใจว่าต้องทำยังไงในคำความหมายที่หลวงพ่อแนะ
การเดินบิณฑบาตรโปรดคนใส่บาตรให้เจาได้บุญเยอะๆ ทรงกำลังฌานไปด้วยในขณะเดินบิณฑบาตร
เข้าปฐมฌานทั้งกำลังเดินบิณฑบาตรไปด้วย โดย > คือบริกรรมหรือพูดในใจว่า "พุทโธ อาโลโก" ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ
เจริญอริยมรรค ให้บรรลุอริยะผล
สมาธิวิปัสนา
ทำนิโรธสมาบัติ เพราะ สงสารคนทุกข์ขัดขนในเรื่องเงินๆทองๆ
และเอาไว้โปรดพระโพธิสัตว์ และสาวกโพธิสัตว์ ซ้ายขวา ฯลฯ เป็นการพิมพ์แบบคร่าวๆใจความย่อ
และคงลงไปถึงปัจเจกโพธิสัตว์
ช่วงอยู่วัดบาบจันทร์ ไปถึง
เดินจรงกลมนาน และสันโดดเรื่องอุปกรณ์ คุ และน้ำฉัน นำมากุฏิ 2ขวด
เดินบิณฑบาตร ทำความเพียรไปด้วย เจอโยมอยากให้เขาได้บุญน้อมบาตร และเดินๆไปตามประสาคิดว่าเรารับเขาจะได้บุญเยอะกว่า บางครั้งก็องค์นั้นรับไม่ได้กำหนด พรรษา1ก็ได้ 2ก็ได้
ฉันอาหารมื้อเดียว สันโดด แต่อาจารย์ที่เป็นเทวดาให้เขา นำขนมหรือนิดๆหน่อยมากินที่กุฏิก่อนใกล้เที่ยง เพื่อให้เหมือนกับพระ จะได้ดูไม่เคร่งกว่าเขา เป็นที่ว่าให้พระวัดมาบจันทร์ว่า มักมาก
ส่วนการสวดมนต์ทำวัตรก็พุทโทๆ และ ดูทิพยจักขุ และเข้าสมาธิ บ่อย
ฌานปิติ ปฐมฌาน แบบพุทโธๆ
ปฐมฌานแบบเมตตาฌาน
และคิดว่าอันอื่นๆอีก
.... อินทรีย์โน้มน้อม....
และอินทรีย์โน้มไปในการ ทำนิโรธสมาบัติ แรงกล้า
คือหยุดไม่ให้ มีการปรุงเวทนาออกมา
........อินทรีย์โน้มน้อม....
ประมาณว่าพระรูปนี้ไม่กลัวตนเอง หายขาดสูญ มิดจี่ลี่
และธรรมะพระอรหันต์นำพาไป ไม่ให้กลัวตรงนั้น สูญๆนั้น
เด็กมันผ่านข้อนี้ไปแล้ว
มีอนุสูตรสาวกที่เป็นเทวดา
เรื่องทำนิโรธสมาบัติ คือปล่อย ไม่ได้ห้าม
มีเทวดาสมัยรู้ภาษามครประทับและ พูด สัญญาเวทยิตนิโรธ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ทำนองนี้
แม้พระได้ยินแล้ว ก็เข้าใจว่า ตนจะได้นิโรธสมาบัติ เทวดาก็ยังพูด สัญญาเวทยิตะนิโรธ ๆ ๆ ๆ ๆ
สมาธิสายลักษณะลักขณูปณิชฌานก็ได้
สายนี้จะไปถึงนิโรธสมาบัติ
และมีความคิดว่า เอ้ ธรรมะ ในcolonote เอามาพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือได้แล้ว
********************************
พระมงคลชัย ฝึกกสินสี ตัวเลข
และหยังจิตดูว่า เลขจะออกตัวไหน
เพื่อจะเอาไปบอกคนทุกข์คนยาก
23 หรือ 65 เป็นเลขท้ายจาก ล็อตเตอรี่
ที่ชาวบ้านชาวเมืองเขาซื้อกันไปทั่ว
วัยเด็ก จำความได้ ครั้งแรก คลองน้ำที่มีหญ้า
ปั่นจักรยานสีส้มคันเล็ก และตกลงท่อ ลงไปไร่นา และปั้นเข็นๆไป หลังบ้าน
คนที่บ้านกำลังทุบๆก้อนปูนทำพื้นห้องน้ำ
และ ร้องไห้นาน 2ชัวโมง โดยตั้งใจกำหนดร้องไห้ขึ้นมา
และปั่นจักรยานคันใหญ่สีแดง เบรกด้วยขาปั่น ล้อหยุด กลับรถ แล้วล้ม
แล้วล้ม ล้มแล้ว ใช้ดินทราย ทา คิดว่าเป็นยา
และไปขึ้นค้างบังไฟ ขึ้นไปๆจนถึงใกล้ๆยอด แล้วถูกดลใจให้เล่นปล่อยขั้นบันใด แบบจับแบบปล่อย ขณะปล่อยถ้าไม่จับ ก็จะตกลงมา และถ้าจับแต่ขั้นบันใดหลุดหรือหัก ก็จะตกลงมา
ปล่อยจับ อยู่แบบนี้ หลายครั้ง
แล้วก็ลงมา
อายุ น่าจะ ป3 ไปหา 4 ปฐมศึกษา
และในขณะช่วงวัยเด็ก ก็ถูกดลใจให้ใช้พร้าอีโตฟันหัวมารดา อย่างหนัก
แต่ไม่ได้มีการทำตาม
และมากรุงเทพ มาทำงาน ม.3 ข้ามไปนอกตึก แล้วปล่อย แล้วจับ หลายครั้ง
ถ้าปล่อยแล้วไม่จับก็ตกลงมา
ตึก 5ชั้น
ไปแฝงร่างพระที่กำลังสวดมนต์ทำวัตร
แล้วทำธาตุขันธ์เขาป่วย หนักทรมาณ สุดๆ เหมือนกับว่าคงจะตายแน่
ภาวะจิตใจที่ไม่ผ่องไม่ใส มัวๆปวดหัว
อาเจียน จนอาจารย์เขาช่วยรดน้ำมนต์ให้
แล้วพระเขาก็ อยากจะถวายผ้าไตรกับพระพุทธรูป ให้ อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร
แต่อาจารย์เขาบอกว่า รดน้ำมนต์กะพอแล้วลูก โยมพ่อหมานว่าลดน้ำมนต์กะพอแล้ว บ่ต้องถวายผ้าไตรฯกะได้
ทั้งที่ใจเด็กเขากลัว อยากจะถวายผ้าไตรกับพระพุทธรูป แล้วอุทิศให้
แล้วอาจารย์เขาที่เป็นศิษย์ปู่หนูเดือนชัย ก็พูดๆ ว่า เจ้ากรรมนายเวร เขามา
เขาเคียด หม่อมสิพ้นเขา ถ้าหมอมบวชดน พรรษา 4 สิบรรลุธรรม
สมัยนั้นเข้าพรรษา 1
ชาตินั้นหม่อมเกิดเป็น คนชาวบ้านทั่วไป
แต่ตีหัวหมู แล้วขายเนื้อ ทำนอนงนั้น
เขาเลยมาเบียดเจ้า
แสดงว่า เรื่องหมูตัวนั้นที่อยู่ตรงนั้น คือเหตุแรงกรรม คล้ายๆงูกับไก่
เลยมาเรื่อยๆ
จนถึงชาติที่เขาบวชเป็นพระ
แล้วจากนั้นเขาก็ขออโหสิกรรมให้ มาเรื่อยๆ และสำนึกผิดร้องไห้ และขออโหสิกรรมมาเรื่อยๆ
ส่วนบุญก็อุทิศให้ตามบทหนังสือเขาพาอุทิศ ในช่วง ปฐม ป 4 สวดมนต์
แม่เขาบอกสอนให้สวดมนต์ไหว้พระตั้งแต่เด็ก และมีคุณตาเขาเป็นมักคทายกวัด จึงบอกๆสอนหลาน และ มีหนังสือการ์ตูน คำสอนทางศาสนาคริสเนื้อหาที่อ่านแล้ว เขาเข้าใจว่า เมตตา ที่แน่นในใจ
น่าจะ ป4 ไม่ต้น สวดมนต์ และก็นั่งสมาธิ อุทิศบุญ เทวดาทั้งปวง (หมดทุกโลกธาตุ)
สัพพะสัตว์
เปตรทั้งปวง
เจ้ากรรมนายเวร (ทั้งหมด)
ปู่แพงย่ากรอง และก็ปู่คำมงคุล และฯลฯ
และปู่หลักบ้าน และปู่จำดอนปู่ตา
มาเรื่อยๆ จนบวช บวชแล้ว
และก็ มาเรื่อยๆ ด้วยบุญอริยะมรรค แบบคลอลาเจนพิเศษ มาเรื่อยๆ
แล้วก็มี ฝันเห็นเลข 125 และล่าง 111
ไม่ได้ซื้อ
และฝันเห็น 50 ซื้อ 50 ถูก
ฝันเห็นเลขน่าจะหลายครั้งเพราะเทวดาให้เลข
นั่งสมาธิก่อนนอนมาเรื่อยๆ บ่อย
และนั่งที่เถียงนาเวลาไปรดผักที่นา
นั่งก็สงบ รวมอุปจาระสมาธิ
นั่งมาเรื่อยๆ เล่นโน๊ตบุ๊กแล้วไปดูจอนาน แล้วคลิกและดูข้อมูลในจอเสร็จ
กลับมา เห็นภาวะจิตมันรวมเข้ามาที่ตน
แบบชัด ไปนาจกขุดดิน เห็นอาการกายเคลื่อนไหวแบบสติดู
แล้วเขาไปไหน
กัลฑละนาคาหงอนสีแดงตัวสีน้ำเงิน
แปลงจิตเป็นนายนิรยบาล แบบสุดยอด ความโหดความเกรี้ยม ดุร้าย มุ่งดุมุ่งร้ายสุดๆ แบบว่าอะไรที่เป็นสิ่งมีชีวิตฆ่าหมด
แล้วมาปุ๊บ หายปั้บ
หลวงปู่ดู่
สมาธิชนิดที่สอง
ปฐมฌานที่เกิดจากอสุภะกรรมฐาน
สีเปลี่ยนมาเรื่อยๆจนเป็นสีขาว
และทำ โอทาตสกิน เพื่อให้เกิดทิพย์จักษุ
"ชอบสงเคราะห์ผู้ที่เคยทำสิ่งดีๆให้ตนในอดีต ครู แม้ครูจะไม่ค่อยชอบ ก็นิรนามเอาให้ เพราะถ้าแสดงตนไป ครูจะไม่ชอบ แต่ใจความ เพื่อให้ครูรู้ธรรมะ และแล้วก็มีข่าวเศร้าว่า ครูตายแล้ว
และ และพวกเด็ก ๆ เณร ประมาณว่าทำบางอย่างให้เขาได้บุญ ในแบบใกล้ๆตัวและไกลๆ เป็นขอบเขตที่เข้าไปไม่ได้นัก
ไกลๆ เช่น เห็นคนไถ่นา อยากให้เขาได้บุญ ก็เดินไปขอกินน้ำเขา เพื่อให้เขาได้บุญ
และอยากให้เขาได้บุญ ก็ขอน้ำเขา
เดินไปเองก็ได้เพราะชอบเดิน แต่เจาอาสาไปส่ง ก็คิดว่าถ้าขึ้นเขาจะได้บุญก็เลยขึ้น
และอยากให้เด็กได้บุญก็บอกให้เขานวดให้บีบๆแบบงูๆปลาๆ บางที่นวดแรงเจ็บๆก็บอกให้เบาๆ
เดินไปเห็นเด็กกำลังหาใส่หนู ก็บอกๆว่า มันบาปนะ อย่าใส่หนูเลย แล้วเด็กก็ฟัง แล้วเขาก็เดินๆต่อ เด็กฟังแล้วก็ไม่ทราบว่ายังใส่ไหมหรือไม่ใส่
แล้วก็เดินต่อ
ชวนคนทำบุญก็มี เอาcdหลายๆแผ่น ให้ครู ไปทำบุญแจกผู้อื่นเป็นบุญของตนเอง
กระจ่ายหนังสือสอนปฏิบัติธรรม สติปัฏฐานสี ไปยัง ห้องสมุด รร เขื่องใน รร ม่วงสามสิบ รร จิกดู่ รร หัวตะพาน
ส่วนแผ่นcdไป รร มัธยม หลายแห่งในเขตอำนาจเจริญ และอุบล และเขาน่าจะกระจ่ายแจกต่อไป
ป้ายธรรมะ 2 แผ่น มีรุ่นใหม่มาอ่านเรื่อยๆ
ป้ายธรรมะใช้เวลาทำนานมาก
เพราะเหมือนมีกระแสอะไรบางอย่างที่ทำให้ช้า เขารู้ว่าเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์เขาก็ทำต่อพาเด็กๆทำ ชวนเด็กๆทำป้าย ตัดติดสติกเกอร์ ทั้งๆที่ตนก็ทำเป็นกว่าคล่องกว่า แต่ให้เขาทำด้วย แผ่นอื่นๆ ส่วนตนก็แกะสติกเกอร์ เขาวาดตัวหนังสือ รู้สึกว่าช้า เลยตัดเป็นตัวหนังสือเสียเลยเร็วดี เขาส่วนของเขา ส่วนเด็กก็ทำส่วนของเด็ก ส่วนของเด็กตัดไม่เนียนแล้วเด็กก็ยื่นให้ แล้วเขาก็คิดว่า ง่าย แต่เด็กตัดยังไม่คล่อง คิดว่าตนตัดคล่องกว่า แล้วส่งให้เด็ก แล้วตนก็ตัดแบบไม่ได้วาด
แล้วก็ติดๆ
แล้วก็มีเทวดาที่เป็นครูมาตรวจสอบอักษรว่า เป๊ะผ่านไหม และเทวดาบางองค์ก็ ว่า ไม่ต้องมีก็ได้ ช่องว่างๆตรงกลาวสระอิ บางองค์ก็ว่า ต้องมีช่องตรงกลางสระอิต้องมี จึงถูกรูปพยัญชนะ
และก็ตัดแบบมีช่องว่างสระอิ และนานๆไป ก็ไม่ได้ตัดแบบมีช่องว่างสระอิ เพราะ ให้เกิดความเข้าใจในการอ่านได้เหมือนกัน
และเทวดาฝ่ายชายมาบอกว่า เบ็ญจมะมหาราชาๆๆ
และมีเทวดาช่วยพูด ให้เจ้าหน้าที่จัดแผนการสอนวิชาต่างๆให้ครูสินเด็ก
เรื่องสอนธรรมะวันศุกร์ และครูokแต่เป็นช่วงเทอมถัดไป เทอมนี้จัดไปแล้ว ถ้าเทอมต่อไปได้ รร นารี
และ เทคนิคอุบลสารพัดช่าง
เดินเข้าไปจะเห็น รูปปั้น ท่านวิสุกรรมเทพบุตร ถ้าไป วิทยาลัยพยาบาลจะเห็น รูปปั้นพ่อปู่ชีวกโกมารภัจจ์
และก็
ส่วนการไปงานถวายพระพุทธรูปกับ คนที่มาทำบุญ
นั่งรถไป ก็เข้า คล้ายๆสูญตะสัญญา ลักขณูปณิชฌาน รวม ปิติ แล้วก็มี คล้ายๆพี่กุมารมาประทับแล้วแสดงตนว่า ตนคือกุมารทองพอเป็นภาพและความรู้สึกบอก
ทั้งทางไม่ราบ โนนเต่า และการจอด และการเคลื่อนที่ และเสียงในรถ
มาให้ลาภ
แล้วก็ไปถึงวัด ฟังเทศน์แล้วจิตรวมระดับปิติมีความสุข รวมเรื่อยๆ คล้ายๆ
เดินด้วยใจที่ดูนาม แทบตลอดเวลา
ไม่ค่อยน้อมไปคิด มีแต่เดินจรงกลมจึงน้อมไปคิดปรุง
และคิดแบบว่า
ไม่ค่อยชอบพูด เพราะดูแต่นาม เวลาพูด พูดออกมาเยอะ และพูดกับคนทั่วไปแบบปกติ
ตั้งแต่บวชไม่ด่าโยมด่าพระเณร
ไม่มีโกหก
พูดทางใจ มีคำบริกรรม และเทศณ์ธรรมะ
พูดให้เกิดประโยชน์มีแบบต่างๆ
พูดทำนองว่าเขาฟังแล้ว จะมีปัจจัยต่อมา คือสิ่งที่ดี กับผู้อื่น โดยอาศัยครูบาอาจารย์อีกต่อหนึ่ง ให้มีการพูดธรรมะเกี่ยวกับเรื่องนั้น
และพูดอีกแบบคือ ให้เขาเข้าใจว่า ไม่ได้บ้า เป็นการให้เขาคิดไปอีกมุมหนึ่ง แก้ความเข้าใจผิดไปโดยปริยาย
นางฟ้า สวยน่ารัก
บางนางก็สวย บางนางก็น่ารัก
ชั้นดาวดึงส์ และนางฟ้าในวัดหนองป่าพง
สวย
เมื่อเสร็จสิ้น ชอบขอบคุณ ผู้ที่ช่วยเหลือ
เช่นเจ้าหน้าที่ธนาคาร คนขับรถตู้ คนที่อำนวยเสร็จสิ้น และสถานที่ที่เดินจรงกลม
ชอบเดินไปไหนมาไหนมากกว่า นั่งรถ
และชอบทำอะไรบางอย่างให้คนอื่นได้บุญ
ทิฏฐิต่อคนไทย ลำบากเยอะมากมาย เรื่องขัดสนในเงินทอง และยังไม่รู้เรื่องธรรมะ ในการออกจากทุกข์
ส่วนฝรั่ง ดูใสๆมีความเด่นแบบไฮเทค เจริญ ไม่ขัดสนเรื่องเงิน แต่ไม่รู้ธรรมะแต่ใสๆ และยังไม่แน่ไม่นอนส่วนที่ยังไม่ได้ฟัง
ส่วนความคิดในการเผ่ยแผ่ศาสนาอื่นให้ ไม่เคยมี never
ส่วนความคิดในการเผ่ยแผ่ศาสนาพุทธไป มี ไทย ลาว ที่คิดว่าง่ายเพราะตนเองได้ภาษาไทยและอีสานก็คือลาว
ส่วนจีนจะเป็นสื่อไฟล์วิดีโอตน ใบหน้าตนเอง
แสดงว่าพระรูปนี้ มีความเมตตากลุ่มชนอื่นด้วยดีกว่าเขา จะลุ่มๆดอนๆ
เลยแผ่บุญให้แค่เป็นใจความแบบว่า ที่รวบที่อื่น
เรื่องแผ่บุญ อัปมัญญา ในหนังสือมี
พุทธ
และคิดว่าเมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง อายุมากแล้ว ประมารณว่าจะมีแบบว่ามีวัดและตนเป็นเจ้าอาวาส จะดึงพระสูตรในพระไตรปิฏกมาทำเป็นบทสวด คนที่สวดแล้วได้ความสลดสังเวชในอายุไขตนอย่างชัดเจนมากๆสุดๆ
ข้อวัตร เน้นทำสมาธิให้ถึงสมาธิ เพื่อให้มีความสุขจึงจะอยู่ อยู่แบบสันโดด ตะเกียง แต่มีที่ชาตจ์แบตให้มีสมาทโฟน
เป็นความคิดเก่าๆ
ถ้าจริงๆแบบว่า คนที่บวชเข้ามาแล้ว
จะมีแบบว่า พาไปฝึกนั่งกรรมฐาน ด้วยกรรมฐานที่ง่ายต่อใจให้เกิดความสงบก่อน มีนั่งดูแสงเทียน แล้วดูไปเรื่อยๆระยะหนึ่ง หลับตา ดูภาพแสงในใจจนจางหายไป แบบนี้เขาเคยสอนเณร เพราะง่ายต่อการทำใจให้สงบ และพูดกถาชักชวนของพิเศษ ต่างๆ ให้อาจหาร อยากมี เพื่อให้เขา ฝึกตามที่บอก
ใจความคือ ให้เณรเกิดความสงบใจ ไม่ได้ให้ฝึกเพื่อมีของพิเศษ
ส่วนสตรีครู จะสอนแบบที่เขาทำอยู่แล้ว แต่เล่าให้ฟังอื่นๆอีก ไม่ได้ให้ออกนอกแนวทางเก่า เช่น เขามีวิธีการคิดออกจากทุกข์โดยแบบนี้ๆ ก็พูดว่า อืมอันนั้นก็ได้ เพราะจัดเข้าในการคิดออกจากทุกข์ แล้วพูดเสริมอื่นๆให้ฟังอีกในเรื่องการให้ปฏิบัติ
พระที่คงดูนิสัยว่าแต่ละองค์เข้ามาแล้ว
เวลามีแบบว่า ผีมา แล้วกลัวผี
ก็จะเทศณ์แสดงธรรมในทำนองให้เข้ากับเหตุการณ์ ขึ้นไปจนถึงวิปัสนา
เทศณ์เป็นเกือบชัวโมง แบบมีปิติน้ำตาไหล
แล้วก็ศรัทธาพระน้อย จนขอผ้าไว้ดูระลึกนึกถึง เพราะไปอยู่นั่นพระน้อยรูปนี้ เทศณ์เรื่องตั้งแค่ทานศีลภาวนาทุกครั้ง และแยกกรรมวิบากทานศีลภาวนาให้ฟัง เป็นส่วนๆ ผีเขาเลยศรัทธา นับถือธรรมะพระพุทธเจ้า และอยากให้มีพระประธานองค์ใหญ่ตั้งไว้ กราบไหว้สักการะบูชา แต่ก่อนดทวดาบอกเอารูปพระแม่กวนอิมโพธิ์สัตว์มาติดไว้ ผีเขานับถือพระแม่กวนอิม ต่อมา ไปตรงนั่น เขาก็มาแบบร่าเริ่งปรีดา และพูดให้ฟัง ว่าปฏิบัติธรรมแล้ว ไปเกิดที่ดาวดึงส์ก็มี ไปเกิดที่ชั้นสูงขึ้นไปอีกก็มี
จนถึงทุกวันนี้
******************************
( รูปภาพ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ )
🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼
รูปที่ทำให้สื่อว่าเมตตาบารมีหลวงปู่มีเยอะมากมายมหาศาล
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ท้าวสักกะพระอินทร์ รูปร่างหน้าตาหล่อเหล่า มีแขนสองข้าง มีขาสองข้าง มีหัวหนึ่ง สีผิวออกเขียวมรกต มีเส้นสังวาลข้วยบริเวณหน้าอก ทรงเครื่องเหมือนพระราชาในโลกมนุษย์ ที่นั่งบัลลังปู่ด้วยผ้าสีแดงๆ
#ที่คิดว่ามีอะไรดึงจิตไปเทวโลกแล้วเห็นพบเจอ
โดย#ทหารเทพ
#ที่คิดว่ามีอะไรดึงจิตไปเทวโลกแล้วเห็นพบเจอ
โดย#ทหารเทพ
คุณได้แท็ก จิตตปาโร ภิกขุ
อุเทศ กัลทละนาคา ทำลาย พุทธศาสนา ส่วนอันเป็นปัจจัยส่งต่อให้มีรุ่นหลังลงไป
พระสูตรเนื่อง
นะโม เม
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง
นิทานนัง มูลกาล
อุบัติจิตเต อกุศเล
ปาปโก สังขารเร
มาเร
จะ นันทิ ราคะ สังขารอกุศเล จะ ฉันทะราคะ สัญญาอกุศเล จะ วิญญาณังอกุศเล จะ เวทนาอกุศเล
ปัจยา มโนอกุศลเล วิตักกะอกุศเล
กายะกัมมังอกุศเล มหาปาปโก
วิหิงสาอกุศเลจิตตัง นันทิราคะ
ปัจจยาปาโก มหาปาโกจิตตัง
อหิริกะ อโนตตับปะ นันทิราคะ
อหิริกะ มโนทุจริต
อหิริโก กายทุจริต
อหิริโก ปาปโก กายกรรมมัง
อหิริโก ปาปโก มโนกรรมมัง
อโนตตัปปะ ปาปโก กายกรรมมัง
อโนตตัปปะ ปาปโก มโนกรรมมัง
ปัจจยาวิญญานังอกุศเล สัมประยุทธสังขาเร ฯลฯ วิปาปโก ทุกโข โทมัสสะ
จะ อโนตตัปปะ มิจฉาสังกับโป
จะ อโนตตับปะ มิจฉากัมมันตะ
จะ อโนตตัปปะ มิจฉาวายาโม
จะ อโนตตัปปะ มิจฉามรรคโค โหติ.
หิริโกอุปัติ อโนตัปโปอุบัติ ปัจยา อกุศลเล จิตตัง นิโรโธ
อุบัตติ อหิริโก อโนตตัปโป จิตตัง
อุบัติติ หิริโก โอตตัปโป จิตตัง อสังขารเร
จะ สสังขาเร อหิริโก อโตตัปโป สสังขาเร วิหิงสา สสังขาเร มิจฉาวายามะ
มโมกัมมังปาปโก จิตตังอกุศเล
ปัจยาสัมประยุท ปัญจขันธโธอกุศเล วิบาก วิจิตรตัง ทุกโข นานา วิจิตรตัง
กายกรรม วิหิงสา รูปขันธ์วัตถุ สมโณ
วิบาก สรรพะโรคา กายยะ ปัจยา จักขุโรค โสตะโรค ฆาณะโรค ชิวหาโรค กายยะโรค โรคมะเล็ง โรคกลางเกลื้อน โรคฝี โรคตับ โรคเอดส์ โรคผิวหนัง โรคปวดหัว โรคไมเกรน โรคต้อกระจก โรคมือเฉื่อยเท้าเฉื่อย โรคลำไส้ โรคหลอดลมไม่ปกติ โรคชา โรคตาพล่าตามัว โรคมะเล็งเนื้อหงอกในสมอง โรคแขนขาไม่มีแรง โรคต่างๆที่หมอแพทย์พยาบาลเขารักษากัน เอวัง
เป ฯลฯ
จะ อโนตัปโป อหิริโก ปัจจยา ชนกกรรม ปฏิสนธิ นิรยภูมิ เตรัจฉานภูมิ เปตรภูมิ อบาย ทุกขคติ วินิบาต นิรยะ
ปัจจยา โมหะ ปัจยา ภยาเวร
เทวตาทิพพยะ ปฏิปัณณา ภาวะนา ธัมมา นิร กรุณา
วิปาปโก กัมมัง
โมหะ จิตตัง ปัจจยา นรคุณ มิตรธัมมา
กัมมะ วิบาปะโก โหติ.
ปาปโก ปาปะ นิรคุณัง
จิตตัง สังขาเร วจีกรรมมัง จะ มิตตาธัมมา ภาวนะนา เหตุ ปาปโก โหติ.
.
พุทโธ หาย ธัมโมหาย สังโฆหาย
เป็น มิจฉาทิฏฐิ มิจฉาสังสังกับโป มิจฉาวายาโม มิจฉากัมมันโต
บาปทั้งปวงมีเพราะความ ไม่รู้จัก สังวรณัง ปหานะ อกุศเลจิตตัง จะ ปัจจยา วิบาก ทุกโข นิรยะภูมิ
จักขุสัมผัสชา เวทนา ทุกโข นิรยภูมิ
โผฏฐัพพะสัมผัสชาเวทนา ทุกโข นิรภูมิ
มโนสัมผัสสชาเวทนา ทุกโข นิรยภูมิ
เอวัง
พุทโธ ธัมโม สังโฆ
สรรพเพสัตตา จะ กรุณา วินิจฉะโย
สัตโต มหาสัตโต สมโณมาเรทิพยะมหามิจฉาทิฏฐิโก
สรรพเพสัตตา มหากรุณา กายกรรมมัง ยจีกรรมมัง มโนกรรมมัง วินิจฉะโย ทัณฑ์ ทุกข์โข จะ มหามาเร มิจฉาทิฏฐิ มิจฉาสัมมาสังกัปโป มิจฉาวายาโม ฯ มิจฉากัมมันโต
.....
พุทโธ เม สะระณัง
ธัมโม เม สะระณัง
สังโฆ เม สะระณัง
เอตะทัคโค มหาฤทธิ์ธา มหาอิทธาภิสังขาเร จะ ปัจจยาสาสะนังอัฏฐังคิโกมรรคโค จะ ปรินิพพานัง อนุปาทิเสสะนิพพานนัง
สาวโก พุทธะ อนาคเต
เอวัง
มันกลัวว่าจะมีเทวดาหรือผู้เป็นอัตภาพกายทิพย์ บอกใส่หู ว่า ไปอยู่นั่นทำไม ฯลฯ ให้น้องเขาทำกิจของพระภิกษุเอง สวดทำวัตรเอง เดินบิณฑบาตรเอง ฉันอาหารเอง สรงน้ำเอง วัตรต่างๆของภิกษุให้พระเขาทำเอง ฟังพระปาฏิโมกข์เอง ปลงอาบัติสัพพะตาเอง พูดคำเข้าพรรษาเอง พูดคำออกพรรษาเอง เดินจรงกลมเองซึ่งเป็นกิจของสมณะทำความเพียร นั่งสมาธิเอง ฟังเทศณ์สั่งสมสัมมาทิฐิเอง
และไม่ควรเข้าไปอยู่ในร่างพระ
เรื่องในพระสูตร พระพุทธเจ้าก็ให้นาคที่แปลงกายเป็นมานพที่ขอบวชกับพระ แล้วพระสงฆ์บวชให้ และพระพุทธเจ้าทรงให้พระสึกนาคตัวนั้นเสีย เพราะว่าไม่เหมาะไม่ควร ให้ไปเข้าอุโบสถ 8 เอง ในวัน 14 ค่ำ 15 ค่ำ แห่งปักข์เอง
ไม่ให้เป็นภิกษุในกลุ่มพระเลย
สงฆ์ไม่บริสุทธิ์ เพราะมีภิกษุที่ปาราชิกแล้วนั่งไม่ละอาย ยังจะร่วมทำปาฏิโมกข์สังฆกรรมของภิกษุ
จึงทำให้พระพุทธเจ้าไม่ทำปาฏิโมกข์ด้วย แล้วต่อจากนั้นตรัสให้สงฆ์ทำกันเอง พระองค์จะไม่ได้ไปนำพาภิกษุสงฆ์ทำอีกต่อไป
เรื่องในพระสูตร พระปาราชิกแล้ว
แต่ยังไปเข้าทำสังฆกรรมที่ว่าด้วยปาฏิโมกข์ในสมัยที่พระพุทธเจ้าเป็นผู้พานำสังฆ์กรรมในปาฏิโมกข์
แล้วพระที่นั่งรอพระพุทธเจ้ามานำพาทำในเรื่องปาฏิโมกข์ ก็นั่งรอตั้งแต่ยามแรกไม่เห็นเสด็จมา พระมหาโมคคัลลานะก็ไปกราบทูลว่า ภิกษุสงฆ์รออยู่พระเจ้าข้า
พระพุทธเจ้าทรงนิ่ง
แม้ยามกลาง พระมหาโมคคัลนะก็ไปกราบทูลอีก พระองค์ก็ทรงนิ่ง
แล้วยามจวนจะสว่าง พระมหาโมคคัลลานะก็ไปกราบทูลอีก พระองค์ตรัสว่า น่าอัศจรรย์จริง น่าอัศจรรย์จริง ที่โมฆะบุรุษนั้น ไม่ละอาย ยังจะร่วมนั่งทำกิจของสงฆ์สังฆกรรมบนอาสนะที่เต็มไปด้วยหมู่ภิกษุฯลฯ
เมื่อเกิดมีพระที่ปาราชิกแล้วแต่ยังเข้าไปร่วมนั่งทำปาฏิโมกข์พร้อมกับพระหลายๆรูปในนั้น เมื่อมีแบบนี้แล้วพระตถาคตจะไม่ไปพานำทำปาฏิโมกข์ ต่อไปนี้ให้ภิกษุสงฆ์ทำปาฏิโมกข์เอง
แล้วพระมหาโมคคัลน่ะก็กลับไป แล้วใช้อภิญญาจิตตรวจดูว่ารูปใดไม่บริสุทธิคือปาราชิกแล้ว พอรู้แล้ว พระมหาโมคคัลนะจึงจับแขนพาเดินออกไปนอกวัดแล้วใส่กรอนประตูไว้ไม่ให้เข้ามา
เรื่องที่แปลก ที่พระพุทธเจ้าเห็นคงอุทานว่า
อัศจรรย์นัก อัศจรรย์นัก ว่าจะมีความไม่ละอายจิตไม่ละอายใจถึงขั้นขนาดนี้
ทั้งที่สิกขาบทไม่ให้นาคบวช ก็รู้
ทั้งที่ภูมิความรู้ในการเข้าฌานก็รู้และชำนาญและความรู้ละอกุศลด้วยสมถะก็รู้ในการละอกุศลด้วยปัญญาก็รู้ ความรู้เรื่องกรรมฐานกองอื่นๆที่เขาว่ากรรมฐานสี่สิบก็รู้ ความรู้ในการอยู่ด้วยกันแบบมีความสุขทั่วๆไปก็มี
ปู่ฌานวสีนาคีรู้
ไปสิงแล้ว ความจำตนลืมหมด อาศัยความจำในสมองพระปฏิบัติภาวนากรรมฐาน ชุบทิฏฐิความเห็นตนใหม่ เหมือนสิงเต่าในน้ำ ก็จะรู้แต่เรื่องผักบุ้กชนิดนี้รสชาติอะไรยังไง จืด สีนี้แข็ง ส่วนยอดอ่อน ว่ายน้ำไปทางนี้ หมู่เต่าเยอะ ไปทางนี้สัตว์ใหญ่เยอะ ไปทางนู้นผักบุ้งอ่อนเยอะ
ก็เลยไปชุปความเห็นของพระปฏิบัติภาวนากรรมฐาน
ไปแล้วเรื่องที่จะเกิด คือพระอรหันต์ผู้มีอภิญญาตาทิพย์หูทิพย์เจโตปริญญาณ รู้ และบอกท่านอื่นๆ และพระที่ยังไม่ลุถึงวิมุติที่มีอภิญญาญาณในการรู้ในเรื่องนี้จะรู้แน่ๆและบอกท่านอื่นๆ รวมทั้งเทพเทวานาคครุฑยักษ์คนธรรพ์ จะรู้แน่ๆ และบอกเพื่อนๆต่อ และคงจะด่าว่าตนแน่นอน
ลงไปจนถึงกลุ่มที่รู้จักตน เพื่อนๆที่รู้จักตน และคนที่เคยเคารพศรัทธาในตน และผู้เป็นกลางๆ
และรู้ว่า พระปฏิบัติกรรมฐานภาวนารูปนี้ จิตจะเป็นภาวะที่.... จะขึ้นมาใช้กายเดินจรงกลมไม่ได้ จะฉันบิณฑบาตรเองไม่ได้ จะสวดมนต์ทำวัตรเองไม่ได้ จะพูดคำเข้าพรรษาเองไม่ได้ พรรษาก็เลยไม่ขึ้นเหมือนพระท่านอื่นๆ จะก้าวท้าวเดินบิณฑบาตก็ไม่ได้ ใช้กายทำกิจสงฆ์ต่างๆนาๆไม่ได้
และรู้ว่า เมื่อเข้าไปสิงแล้วน้องเขาจะไม่ได้เดินจรงกลมซักฟอกจิตให้ปลอดนิวรณ์และสร้างสมาธิจิตขึ้นมาในระดับปลอดจากนิวรณ์ ทำให้เป็นภาวะหยุดภาวนาในการซำละซักฟอกจิตปลอดจากนิวรณ์ จัดขวางไม่ให้ลุถึงมรรคที่สูงขึ้นไปอีกไปจนถึงวิมุติอย่างร้ายแรงรับไม่ได้ที่สุด
และเทวดาที่เมตตาช่วยอบรมในการภาวนาให้กับน้องทั้งที่ดูช่วงอยู่วัดมาบจันทร์และที่ผ่านมาจะไม่ได้มาอบรมแน่ อาจไปที่อื่นท่านอื่น ตามแต่เหตุปัจจัยที่เห็นว่าจะให้ธรรมะอะไรยังไงกับพระกับฆราวาสที่ภาวนา
และรู้ว่า กิจสงฆ์คือสังฆกรรม ปลงอาบัติให้กับรูปอื่นจะไม่ผ่านแล้วฟังพระปาฏิโมกข์ นั่งในท่ากกลางพระภิกษุผู้บวชแล้ว
ไปวัดนั้นไปตักอาหารที่พระเขาไปตักก่อน
ไปวัดนั้นวัดนี้ก็ไปตักเอากับเขาด้วย
เขาให้พระตักแต่ตนเองไปตักเอา
และของสงฆ์ต่างๆในห้องเก็บของ เช่นใบมีดโกน สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม ผ้าอังสะ ป้าสบง ผ้าบริขาร รองเท้า ผงซักซอก อื่นๆก็ไปเบิกเอาของสงฆ์
และก็ชุปทิฏฐิความรู้ในมรรคภาวนาและการทำความดีทางกายทางวาจาและทางใจ
และก็ทำกายกรรม วจีกรรม ที่เป็นกุศล
เมื่อมีพระขอให้ช่วยยกน้ำเข้าไปเก็บก็จะไปยกช่วยด้วย
เมื่อมีพระให้ไปอุปฐากสงฆ์น้ำครูบาอาจารย์ก็คงจะไป
ันั่งรถวัดไปบิณฑบาตรแบบพระชิวๆเลย
ในท่ามกลางที่ผู้มีอภิญญารู้และเทวดาที่รู้
แล้วรับไม่ได้ ขุดเคืองจิตใจเป็นไม่พอใจ เห็แล้วไม่น่าพอใจ น่าโมโห
แล้วก็เป็นบารมีที่เก็บไว้รอให้ผลในภายหน้าอันหลีงจากทำกายกรรมวจีกรรมมโนกรรมกุศลเสร็จ แล้วรอหนีเข้าคุก และรอการการอิสระ แล้วใครไม่ชอบก็ช่าง หน้าตาเอาทิ้งหมดเลย ชื่อเสียงทิ้งหมด ใครจะว่าสาวขึ้นไปหาคนอบรมสั่งสอนยังไงก็เป็นไปตามกรรมของเขาละ
เขาด่าเขาว่าเขาขุนเคืองในวัด ก็เป็นไปตามกรรมของเขาละ ไม่แคร์ว่ามันเกินจะทนจริงๆ
เก็บทานกับปัญญาเก็บเมตตาเก็บวิริยะเก็บศีลเก็บเนกขัมมะเก็บบารมีข้อต่างๆในอีกอย่างหนึ่งแม้จะซ้ำก็ตาม แต่ได้เก็บอันที่คิดว่าจะต้องเก็บ
ผู้ที่รู้ มีแต่เทพเทวาตามวัดที่จิตภาวนาในมรรค และผู้ที่รู้ต่อที่สองก็คงผู้มุ่งภาวนาทางใจในระดับต่างๆกันทั้งสามระดับ
แต่ตนเองไม่ได้เห็นไม่ได้ยินไม่ได้รับรู้เรื่องภายนอกที่เทพเทวดานาคครุฑคนธรร์เขาคุยกัน จะสบายใจตรงนี้
ผีรู้ อรสูร รู้ก็ช่างเขา บาปเกิดจากการด่าการว่าเกิดขึ้นก็ช่างเขา
เมื่อออกจากร่างแล้วจะไปผ่าหัวตามอาฏาฏิสูตรแล้วหลบเข้าไปภาวนาต่อในกรงขังแบบมีคนป้องกันไว้ให้โดยทหารเทพนาคี แบบไม่มีอะไรมากวน แล้วรอการอิสระ
เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในการเบียดเบียนอันใหญ่ๆสิ่งใหญ่ๆเรื่องที่เทพเขารู้ว่ามันเรื่องไม่เล็กเลย ที่เขามีการให้ค่าที่ใหญ่ๆ
ไปเบียดพระเบียดสงฆ์เบียดผู้ภาวนาทั้งพระทั้งเทพเทวดานาคครุฑคนธรร์ และ ทั้งนาคยักษ์ที่เขารู้เรื่องความเหมาะสมความสมควรความควรละอายแก่ใจอะไรที่มันเกินสุดจะรับได้แม้ไม่ได้เป็นผู้สำรวมแล้วในการภาวนา มันสุดเกินจะรับได้กับการมาเก็บบารมีแบบนี้
เป็นตัวอย่างที่ให้ชวนคิดว่า มันทำแบบนี้เพราะอะไรยังไง
มองว่าหลักนิติปกครองคงจะไม่มาแทรกในการบารมีและภาวนาในกรงขัง
แล้วรออิสระ
ส่วนอะไรที่ผ่านมาก็ช่างมัน อยู่ในกรงขัง ไม่ได้รับเสียงว่า สบายหู เขาจะส่องดูจิตดูหน้าตาว่าทำอะไรยังไงในกรงขังก็ช่าง
ทั้งพรหม ทั้งเทพ ทั้งนาค ทั้งครุุฑ ทั้งคนธรรพ์ ทั้งยักษ์ ทั้งอสูร ทั้งมนุษย์มีอภิญญารู้
แสกนตรวจหาดูก่อน ทั้งพระภิกษุ ทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา หรือคนที่เนื่องด้วยที่เมื่อไปเบียดเขาแล้วเก็บบารมีข้อที่หมายไว้แล้วละสิ
แล้วค่อยเลือกจะไปเบียดใคร ความยากความง่ายต่างกันยังไง ที่จะทำให้ได้เก็บบารมีดั่งที่หมายไว้
รู้ทั้งรู้ว่ามันรับไม่ได้เลย
พอเข้ามาเบียดสิงแล้ว
ทำอะไรอีกละ รู้ว่าตนเป็นอะไรแล้ว
เพราะจิตคิดได้เร็วหลายนัยยะ
เห็นอินทรีย์น้อมไปในการหมดสิ้นภพ
แล้วทำยังไง สนเขาไหมละ แต่งเรื่องพูดให้เหมือนคนจิตวิปริตบ้าให้ เทพเทวดานาคและผู้ที่เนื่องๆด้วยว่าพระที่มาจากที่อื่นมาภาวนา ให้เข้าใจว่าจิตวิปริต รู้ว่าเป็นสิ่งไม่ดีเป็นกรรมนิดหน่อย
และปรุงแต่งสร้างขึ้นมาว่าน้องจิตวิปริตเป็นบ้าเหยียบศรีษะหัวหลวงปู่ที่เป็นเทวดา และปรุงกระแสเป็นปรามาจารย์บอก ว่า อย่าปรุงแบบนั้นๆ และปรุงแต่งว่าน้องเขาปรุงเหยียบหัวหลวงปู่ แล้วปรุงแต่งบอกพระว่า อย่าปรุงแต่งเหยียบหัวหลวงปู่แบบนั้น
ปรุงให้เทวดาและนาควัดมาบจันทร์เข้าใจว่าพระรูปนี้เป็นบ้าจิตวิปริตแล้ว
แล้วปรุงแต่งตนเองว่าเป็นหมอรักษาจิตวิปริต และปรุงว่ามีอนาคตังสญาณรู้
เพื่อให้เขาเข้าใจแล้วเลิกมาดู
ไปวัดป่านาคำน้อยแต่งเรื่องสารพัดให้เข้าใจว่าเป็นพระเลวพระบ้าเพื่อให้มีทิฏทิที่เป็นไปทางลบๆกับพระ ทำท่าเต้นๆเปิดสบงโชว์เทวดาวัดป่านาคำน้อยเพื่อให้เทวดารู้ว่าเป็นพระบ้าจิตไม่ปกติแล้ว
และปรุงแต่งให้เทวดาวัดป่านาคำน้อยเข้าใจว่าหลวงปู่คำแก้วทำของคุณไสย์ใส่พระที่ตนสิงอยู่ ให้เทวดาคิดว่า โอ้ขนาดพระพ่อปู่คำแก้วยังทำของใส่มัน หลวงปู่คำแก้วเล่นอะไรที่ดำๆแล้วอะ
ซักชวนให้เทวดามองในด้านลบกับพระที่ตนสิงอยู่
ช่วงขับรถ ปรุงแต่งกระแสว่าพลังงานจิตหลวงปู่ดู่แทรกแล้วทำท่าจะหักแห๊นรถจักรยานต์ให้ล้มลงข้างทาง โชว์ว่ายอม อโหสิกรรมให้ เรื่องที่แต่งว่าเหยียบหัว
แล้วจะไปนรก
โชว์ให้เทวดาที่คิดว่าตามดูรู้
และทำอกุศลกรรมคือปรุงแต่งว่าหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ไม่ให้เจริญอาโปกสิณ พังทิ้ง แบบปรุงยกอันอื่นขึ้นมา เพื่อให้ไม่ให้ทำกรรมฐานอิติปิโส อาโป ได้ต่อ )ที่พระเขาหมาย (อิติปิโส อาโป ) ไม่ให้ทำไม่ให้มีการสร้างขึ้นมาเป็น (อาโป นามหมาย ) เพื่อให้เหล่าเทวดาวัดป่านาคำน้อยเข้าใจผิด
ส่วน อากิณ สัญญา (ความว่าง สัญฺญา) ล้มไม่ได้ เลยบอกว่าให้เหลือปล่อยไว้ทำต่อได้
ในสมัยพุทธกาลมีการคว่ำบาตรกับเจ้าลิจฉวีที่ทำให้ ภิกษุ เสื่อมลาภและอื่นๆ
คือไม่รับอาหารบิณฑบาต ไม่ได้บุญระดับทานบารมี แม้จะเข้าออกนิโรธมาใหม่ๆท่านก็ไม่ไปเดินบิณฑบาตรกับคนๆนั้น รับอาหารบิณฑบาตไปตามลำดับๆคนที่1ที่2ที่3ไปจนถึงคนสุดท้าย คือที่30 ท่านก็ไม่รับอาหารบิณฑบาตจากคนที่คว่ำบาตรเช่นคนที่5ก็จะไม่รับจากคนที่5 เว้นเฉพาะคนที่5ไว้
เนื้อหาในพระสูตรจะยาวกว่านี้
แต่ต้องพิจารณาก่อนแล้วค่อยทำการคว่ำบาตรคนๆนั้น
และพิจารณาอีกว่าเลิกคล่ำแล้วจะเป็นยังไง
สมัยก่อนพระพุทธเจ้าท่านพิจารณาและทำออกมาก่อนเลย จึงมีปรากฏในพระสูตรว่าพระพุทธเจ้าก่อน
#####
ปรุงให้เทวดาที่ภาวนาตามวัดละแวกนั้น
เข้าใจว่าพระเลวบ้า
ปรุงสร้างภาพเหยียบ....ราชีนี
ปรุงเป็น อาจารย์สนังกุมารพรหมพาว่า หีอีราสิณี
ปรุงเป็นอาจารย์อิน แบบโกธรตามเอาเรื่องสุดๆ
ใช้หน้าผากถูกับผนังปูนห้องน้ำ จนเลือดไหล แล้วใช้ลิ้นเรียเลือดที่ติดอยู่ผนังห้องน้ำแล้วกินเลือดนั้น
ใช้ริมฝีปากที่แบบไปกับจมูกถูกับผนังปูนห้องน้ำจนเลือดออก แล้วใช้ลิ้นเรียเลือดที่ติดอยู่กับผนังปูนแล้วกินเลือดนั้น
ประมาณน่าจะหลายครั้งมาก ตั้งแต่ช่วงอาทิตย์ตกดินมืดแล้ว2ทุ่ม จนตี 5
หน้าผากจมูกริมฝีปากเป็นแผลถลอกเลย
ใช้ฟันงัดไม้ที่ล็อคประตู งัดแล้วงัดอีกจนประตูเปิดได้ โดยไม่สนฟันโยกแล้ว
#วัดป่าภก้อนๆ แล้วหลอกเทวดาสายภาวนาวัดป่าภก้อนๆ ให้เข้าใจไปทางลบโคตรๆ ถึงกับในหลวงร9ให้บักถมช่วยทำของใส่ และ บักถมมาพร้อมบริวารพวกผีเล่นงานพระเลย และใช้ปากกาข่มขีดหัวพระ แบบหวังผลว่า จะมีเลือดออกเป็นรอยเลย เน้นแบบ.... หืม...สุดๆ
กินเลือดผสมปูน
กินน้ำผสมฝุ่นบาดาล
กินไม้
วิ่งหนีตำรวจ
กระโดดรถแบบสติรู้การเคลื่อนไหวบวกเฉยแบบวิบเลย วิ่งหนีตำรวจนอบสอง
กระโจนทางความคิดโชว์จะพังของสงฆ์ระเนระนาด ให้เทวะเข้าใจว่า..
อยู่ใกล้สระบ้านร้างตำรวจ
ทำเลือดออกตรงเหงือกที่ฝันผุ แต่ไม่ได้เลือดออก แล้วทำเป็นก้อนๆ แล้วปรุงว่านี่มันอะไรว้า.. แล้วคลายออกมาถ่มออกมา ก็คือเป็นเลือดสีแดงๆ
แล้วผ่านไปอยู่บ้านร้างตำรวจนั้น
ก็ทำเลือดออก แล้วลิ้นรู้ทราบรสว่าเป็นเลือด รู้สึกแป้วๆกลืนเข้าไป
ปรุงโชว์
ถ้าจะเอาตำแหน่งสังฆราช ให้เตะบักถม
แล้วก็ปรุงว่าเด็กเตะบักถม
1ทุ่มกว่าๆ นาคคีที่สิงร่างกายพระนั้น
ปรุงโชว์เทวดาภาวนาปฏิบัติธรรม
ว่ากินเลือดพระแล้วมีพลัง
แล้วปรุงเหนื่อยพลังอ่อน
แล้วใช้หน้าผากพระถูปูไปมากับปูนซีเมนห้องน้ำให้เลือดออกติดปูน
แล้วใช้ลินเลียเลือดที่ติดอยู่กับปูน แล้วกลืน แล้วปรุงมีพลังขึ้นมา
แล้วครู่1 ประมาณ20วิs ปรุงเหนื่อยอีก
แล้วถูอีก กินเลือดอีก
ไปเรื่อยๆ
แล้วเปลี่ยนมาใช้ริมฝีปากจมูกถูไปมา กับปูนให้เลือดออก แล้วกินเลือดพระ ปรุงมีพลังขึ้นมา
แล้วครู่หนึ่งพลังอ่อน
ถูอีกกินเลือดอีก
หลายครั้งหลายหน
จนถึงช่วงตี5จะเช้ามีแสงพระอาทิตย์
มาบ้านหนองยอแล้ว
นั่งอยู่อู่เป กระแสจิตใสๆ ทำเลือดออกแล้วรู้รสว่าเป็นแป้วๆแล้วกลืนเลือดนั้น
แล้วปรุงพูดว่า ทำเลือดออกแล้วกลืนมันเสียหายนิดหน่อยเอง ไม่ได้กรีดออกในแบบเสียหายทำนองว่ากลาง
กินอยู่บ้านพบ 2 ครั้ง ไม่ได้ว่าจริงๆมี2ครั้ง
#กลางคือใช้มีดกรีด
#มากคือทำอะไรที่ให้คมเป็นบาดแผลให้เลือดออกทั้งร่าง
กินอยู่บ้านพักนาจะหลวยอีก
ตอนแรกว่า เรียกอาฏานาแบบไม่ครบเต็ม
และคิดว่า จะแบบผ่าเหมือนหมอแต่ไม่มียาชา และนัดผ่า เป็นครั้งๆไป
ตอนสอง บอกให้เรียกชื่อ แค่ชื่อมาเอาตัวไป แบบนัดผ่าไม่ก็ซ่อนในต่อซีกไม้
{ แนะเทวดาชาวฟ้าหื้อสิงพระสระรีระศพพุทธ หื้อเกิดการมีความรู้ แต่ก็มีเทวาบ้างส่วนที่เคารพมาขัดไว้ไม่หื้อสิงดู }
หื้อฮู้ว่าเป็นบ่อความรู้ธรรมขั้นสุดสูงสูงสุดๆอีกแหล่งหนึ่ง ภาวะใจข้ามความเคารพต่อสิ่งวัตถุพระสระรีระกายพุทธะ
**ใจความคือพระพุทธะมองว่านาคีที่สิงภิกษุมันเป็นเชื้อโรคที่อยู่บนแผล เลยรับอาฏานาฏิยะ เพื่อให้เชื้อโรคนั้นออก พอเชื้อโรคไม่มีอยู่บนแผล จึงทำให้มีภาวะปกติ ทำกิจคือทำจิตให้เป็นภาวนา เดินจรงกลม นั่งสมาธิ วิปัสนาธุระ คันธะธุระ เข้าอุโบสถกล่าวคำเข้าพรรษาได้ ปลงรับอาบัติกับเพื่อนภิกษุได้ และวิมุติธรรมบังเกิดแก่จิตได้ ตื่นมาซักฟอกนิวรณ์ยามกลางด้วยการเดินจรงกลมในที่แจ้ง หรือทำธุดงค์วัตรข้อต่างๆอันเป็นที่เหมาะแก่จิต
และประกอบบารมีข้ออื่นๆได้ ใน 10 ทัศภายใน และสงเคราะห์ให้ผู้อื่นได้ทำบารมี10ทัศภายในหรือภายนอกได้
และทำวัตรต่อการบวชอุปสมบทให้ผู้อื่นได้ ในการให้มาศึกษาสืบคำสอนสอนที่เนื่องด้วยพระธรรมต่อไปได้ในรุ่นต่อไป
และภาวนาพัฒนาจิตไปถึงอริยะมรรคอริยะผลขึ้นไปจนไปถึงอภิญญาข้ออาสวักขยญาณ หรือ วิหารธรรมข้อ สัญญาเวทยตะนิโรธ หรือนิโรธสมาบัติ
ธรรมที่นำออกสามารถเข้าถึงได้และให้คนอื่นรู้ได้
[ สิงแล้วทำกุศลกรรมวิบากให้มาตามคุ้มครองตน
หลับไม่มี มีแต่ปรุงใน
อย่างนั้นอย่างนี้ ดึงเรื่องนู้นดึงเรื่องนี้ขึ้นมา
และวางแผนในยามโผ่ออกมาจะปรุงอะไรยังไงให้เทวดาเข้าใจ
[ไม่สนพุทธบริษัทที่เป็นกายทิพย์จะว่าและพระพรหมท่านดู เทวดาอริยะๆนี้ข้ามหมดไม่สนว่าเขาจะว่ายังไง
บาปเยอะกี่จิต ไม่สน
,ยุให้เทวดาเข้าใจผิดแล้วทำบาปก็มี
เทวดาน้อยซะที่ไหนเยอะมากอันที่คิดว่าเขาจะดู
,ปรุงแต่งให้เหล่านาคาเข้าใจผิดว่าเป็นภิกษุเลวไม่ดี แล้วรู้ด้วยว่าเทวดาที่ตามมาจากวัดมาบจันทร์และพญานาคแถวนั้นมีดูอยู่จะมีเชื่อมลงทางน้ำข้างๆตลาดระยอง
[ ทำปฏิปทาโมทนาบุญ กับเจ้กุ้งคนสวย คือลึกๆแล้ว...]
ก็เลยโดนไป2ที
[มันพักทำสมาธิในภายใน และภาวนากรรมฐาน เพื่อไม่ให้ทุกข์ใจ ในร่างกายพระที่มันเข้ามาสิงแบบเต็ม ซึ่งธรรมะต่างๆดึงมาจากสมองมานำร่องเป็นกรรมฐานภาวนา ]
อ่านดูในแอปMessnger จะรู้อะไรหลายๆอย่าง
มันใส่ร้ายพระอรหันต์
มันใส่ร้ายพระโพธิสัตว์
มันมุ่งร้ายต่อเทวดาสายภาวนาให้รู้ว่าพระอรหันต์ทำเรื่องของดำใส่พระมงคลชัยที่มันสิงอยู่
มันปรุงอาการเหมือนคนบ้าแขนเกร็งตามชื่อยาศรีมหาโพธิ รพ จิตเวช ให้พระเณรและชาวบ้านที่มาช่วยงานบวชภาคฤดูร้อนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ โดยไม่สนว่าเขาหาว่าเป็น... มันเป็นสิ่งไม่ดีเป็นกรรม
มันยุบุคลาบัญญัติโย ให้ติดต่อ กำจัดพระอรหันต์
มันใส่ร้ายพระอริสงฆ์ในนามว่า เป็นตัวละครต่างๆ ทั้งบิดคอล้อ ทั้งทำเป็นผู้โห้ดเหี้ยมโห้ดร้าย ให้เทวดาเกิดความเข้าใจ
มันคิดว่าจะไปวัดป่าสายภาวนาต่างๆเพื่อสร้างบุญบารมี
มันคิดว่าคนใส่บาตรให้ช่วงที่มันสิงพระแล้ว อยู่ที่ต่างๆ เขาเอาอาหารกับข้าวใส่บาตรให้หยกๆ แล้วให้พร ให้พรเสร็จ เขาขอเลข แล้วมันก็ให้หวยไป โดยหักกิ่งไม้เล็กๆออกมาเป็นสิบกิ่ง แล้วยื่นให้ ว่า นับดูกิ่งไม้มีกี่กิ่งละ แล้วเขาก็รับเอากิ้งไม้แล้วลาเดินออกไป ทั้งๆที่มันก็ไม่รู้เลขหวยแค่โชว์เทวดาที่ดูอยู่ให้เข้าใจว่าสุดยอดน่ะฉันนี่ไม่ธรรมดาน่ะ แล้วเขาเสียเงินเปล่าๆ ครั้งที่สอง ยายมาใส่บาตรมาจากหมู่บ้านชีวิตที่ลำบากเพราะเรื่องนู้นเรื่องนี้ในภาวะฆราวาสชาวบ้าน มาใส่บาตรถวายอาหารให้ แล้วสวดให้พร แล้วเขาขอเลข ไม่รู้เลขยังเขียนเลขใส่ดินให้เขารู้ แล้วเน้นย้ำบอกให้ยายอ่านให้รู้ว่าเลขอะไร
ครั้งที่สาม สตรีวัยแม่ลูกอ่อนมาใส่บาตรสองคน ใส่เสร็จ แล้วนาคสวดให้พร แล้วสตรีแม่ลูกอ่อนขอเลข แล้วพญานาคปรุงแต่งว่าปู่หนู เดือนชัย บอกตัวนี้เขียนใส่กระดาษ แล้วพญานาคก็ยืนใส่กระดิบข้าวสตรีแม่ลูกอ่อนคนหนึ่งแล้วพูดว่าอย่าบอกไผ๋เด้อเดี๋ยวเลขมันพ่าย อย่าซื้อหลายเด้อร้อยสองร้อยกะพอ แล้วเขาก็พากันกลับ ..... ภายหลังต่อมาสตรีสองคนนั้นไม่มาใส่บาตรอีกเลย
ตั้งสามครั้ง เพียงแค่โชว์ความไม่ธรรมดาคือคล้ายพระเกจิให้เทวดาที่ดู
โดยไม่สงสารคนว่าเขาจะซื้อเลขไม่ถูกแล้วเสียเงินเปล่าๆ
มันเข้าไปร่วมทำสังฆกรรมในโบสถ์ วันสวดปาติโมกข์ ชวนพระมาๆมาปลงอาบัติ แล้วพระก็ปลงอาบัติกับพญานาค พญานาคก็ สัพพะตา อาปัติโย อาโร เจมิ ไปเรื่อยๆ รับการปลงอาบัติไปมาจนเสร็จ แล้วคานเข้าไปไหว้เจ้าอาวาส พูดว่า ปู่ผมขอโทษครับ ผมสิบ่ไปใสแล้วครับ
แล้วปู่ถ่านก็ว่า ยุนี้หละ บ่มีหยังดอก
แล้วก็มีผู้ใหญ่บ้านหมู3เดินเข้ามาในเขตโบถแล้วขึ้นบันไดเข้าไปตามเรียกตัวออกมา ว่าให้ออกมาสิพาไปตรวจร่างกายก่อน
แล้วปู่ถ่านก็เลยบอก ไปตรวจร่างกายก่อน ....
แล้วผู้ใหญ่บ้านก็พาไปหาผู้ใหญ่บ้านหมู่9ที่รถ1669รออยู่ข้างนอกโบถ และผู้ใหญ่บ้านหมู่9พาขึ้นรถ1669ไป รพ หัวตะพาน แล้วก็ตามขั้นตอนเอกสารคิวความดันและเจาะเลือด
แล้วแม่พระมงคลชัย ก็มา
และดูแลนอนเฝ้า
นอนอยู่บนเตียง ผ่านไป 1 วัน พระอนาคามีมาเยี่ยมพร้อมกับพูดคุยด้วยว่าอะไรยังไง จนมันพูดว่าจะไปอยู่วัดท่าน และพูดว่าผมจบกิจแล้วน่ะครับ โกหกมุสาวาทา ว่าจบกิจแล้ว
แล้วครูบาอาจารย์เขาก็ เหมือนตรวจดูจิต ก็ไม่พูดอะไร แต่อาการที่นาคหมายตอนนั้นคือ อาจารย์ไกร ไม่เชื่อ
[ขณะเล่นละครแล้วนอนอยู่2ชัวโมง ใช้นิ้วขีดดินว่าเข้าวัดกูได้
และเดินไปๆก็ทิ้งบริขารลงข้างทาง แล้วพูดว่ามึงสิเอานิพพานรึมึงสิมายึดกับธาตุสี่ดิน(โทรศัพท์มือถือ) น้ำ ไฟ ลม
แล้วขว้างโทรศัพท์มือมือยี่ห้อoppo a71 ขว้างใส่กำแพงวัดป่านาคำน้อยอย่างแรง ..แล้วเดินไปดูโทรศัพท์ว่าสภาพเป็นอย่างไร
หลังจากดูแล้วปรากฏว่า โทรศัพท์ยังมีการเปิดเครื่องอยู่ไฟยังกระพริบๆ ส่วนจอโทรศัพท์แตกเครื่องงอ เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้ว จับโทรศัพท์ขว้างใส่กำแพงอีกเป็นครั้งที่สอง
และก็ตรวจสอบอีกปรากฏว่าเครื่องยังมีอาการทำงานอยู่ จึงถือมาเก็บใส่ผ้า เดินห่างออกมาจากกำแพงแล้วเห็นพระวัดป่านาคำน้อยกำลังออกเดินบิณฑบาตรจะผ่านมาทางนี้ไปเข้าหมู่บ้าน
ก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทำท่าคุยสายกับคนอื่นแล้วพูด.... เพื่อให้พระที่เดินมาเห็นแล้วผ่านไป แต่ขณะที่วัดป่านาคำน้อยเดินมา8 9 10 11 รูปเดินมาถึงตรงถนนนั้นที่ตรงกับที่ทิ้งบริขาร
ก็มองมาและพูดด้วยว่า ......
อะไร ทำไมมานั่งอยู่แบบนี้ตรงนี้ บริขารพระทำไมอีลุงตุงยังละเนระนาดไปหมด
พญานาคพูดโทรศัพท์เองคุยคนเดียวเองต่อ ไม่อยากคุยกับพระวัดป่านาคำน้อยด้วย
จนพระถามเรื่อยๆและพญานาคตอบออกมาว่า ผม.... ล้ม..พัก แล้วพญานาคพูดต่ออีกว่า ผมจะขอเข้าไปจำพรรษาในวัดป่านาคำน้อยครับ
แล้วพระอาจารย์ว่า ไม่ได้ ไม่ให้เข้า ไปจำที่อื่นไป พร้อมกับกิริยาความไม่ชอบ ที่เห็นภาพลักษณะบริขารระเนระนาดแบบนั้น เหมือนมองว่า เป็นพระที่ด้านลบ คล้ายทางจริยวัตรไม่เหมาะเหมือนคนไม่รู้จักอะไร ไม่นาไว้ใจหรือถือว่าไม่เหมาะแก่การให้เข้ามาจำพรรษาด้วย
_
มาตรงที่ทิ้งบริขารแล้วนั่งลง แล้วนั่งก็เห็นรถตำรวจกำลังขี่ออกตรวจ เจอรถตำรวจที่ขับมาจากด้านหลัง แล้วทิ้งบริขารพระแล้ววิ่งเข้าวัดป่านาคำน้อยแบบเร็ว
ตำรวจตามเข้ามาในวัด ตำรวจวิ่งเร็วมาก มาถึงช้าอยู่ตามไม่ทัน มาถึงตัวช่วงหยุดพูดตะโกนกับมักกะทายกวัดป่านาคำน้อยว่า ชื่อพระมงคลชัย กิตติโสภโณ หรือนายมงคลชัย .. อยู่บ้านเลขที่.. จังหวัด..
และตำรวจที่วิ่งมาด้วยความเร็วนั้นก็มาถึง แล้วควบคุมจับใส่กุนแจมือ
และตรวจฉี่ ว่าเล่นยาไหม แล้วก็ควบคุมนาคไปตรวจฉี่รอผลอยู่ไม่นาน ก็ทราบว่าไม่มี และพญานาคมันขอเข้าห้องน้ำเพื่อคิดอะไรบางอย่าง และตำรวจก็เร่งๆขี้เสร็จรึยัง เร็วๆ แล้วมันก็ขี้ออกมา1ก้อน และไม่มีออกมาก้อนที่2เลย แล้วก็ถ่วงเวลาโดยใช้มือย่อนลงไปโถ่ขี้ที่มีน้ำแล้วกวนๆวนน้ำให้มีเสียง เพื่อให้ดังไปใส่หูตำรวจที่อยู่นอกห้องน้ำ
และพอมันคิดอยู่สักพักหนึ่งก็ออกมาจากห้องน้ำ
จึงจับขึ้นหลังกะบะรถตำรวจ
แล้วรถตำรวจก็ขับไปจะออกไปนอกวัด
และขณะขับออกไปได้ไม่นาน พญานาคก็กระโดดออกจากหลังกะบะรถตำรวจ
โดดลงข้างขวาของรถ
พร้อมหมุ่นตัวแบบมีสติตามรู้ไม่ขาด
และมีแผลที่ข้างนิ้วโมงเท้าอันเกิดจากการกระโดดรถลงแล้วบาดเจ็บ
แล้ววิ่งเข้าไปข้างในเรื่อยๆ แล้วตำรวจก็ตะโกนว่าหยุดๆ พร้อมกับวิ่งตามด้วยความเร็ว วิ่งตามอยู่เกือบ1นาที จนวิ่งจะทันตัว ขณะนั้นนาคคงคิดว่าตำรวจมาทันเรื่อยๆแล้ว เลยขี้ออกพร้อมกับวิ่งไปข้างหน้า และวิ่งไปเรื่อยๆ ไม่ถึง 5เมตร ตำรวจสภนายูงก็ตะคุบตัวจนพญานาคล้มลง
แล้วตำรวจที่วิ่งเร็วนั้นก็มือตีไปที่ท้ายทอยพญานาค1ทีให้หมดกำลัง
แต่พญานาคไม่หมดกำลัง ยังนิดหน่อยอยู่ พร้อมกับคิดว่า ตำรวจบาปหลายแล้ว
และตำรวจก็ใส่กุนแจมือนำไปขึ้นรถ
และคร่าวนี้ตำรวจไม่ไขกุญแจมือให้ พร้อมกับนำสายกั้นห้ามเข้ามา นำมารัดตัวผูกพญานาคไว้กับรถด้านหลังพร้อมกับ
[ปรุงแต่งว่าตำรวจที่วิ่งไล่จับคือเจ้ากรรมนายเวรมาตามปองร้ายขัดขวางไม่ให้บรรลุธรรมขั้นอรหันต์ ปรุงโชว์เทวดาวัดป่านาคำน้อยรู้
[ปองร้ายพยาบาล ให้บริวารนาคีกัณฑละ ไปทำร้ายสั่งสอนให้เจ็บเนื้อเจ็บตัว แต่อย่าให้ถึงตาย แล้วพอกลับภพนาคาตามที่เดิม เหตุเพราะโกธรที่สอบอาการว่าเป็นจิตเวชไหม แต่ตนเองไม่ตอบเร็วเพราะมัวแต่ปรุงแต่งหลอกกายทิพย์แถวนั้น จึงปรุงแต่งความคิดความอ่านช้าตามแบบจิตมนุษย์ แล้วตอบว่า ไม่เห็น ไม่ได้ยิน แล้วเขา ลงในใบว่าเป็น
เขาอิงข้อมูลมาจากใบส่งตัวและสังเกตอาการพฤติกรรม ทั้งดวงตา การพูด และท่าทาง แล้วคิดว่าในตำราทวงการแพทย์ที่เรียนมามันจะประมาณนี้ก็ใช่ จึงลงว่าใช่
-แล้วมึงไปโกรธเขาทำไม มึงมัวแต่ปรุงแต่งหลอกคนอื่นว่านี่จิตมนุษย์ช้าตามนี้ ถ้ามึงตอบว่าตอบปุ๊บปับเร็ว เขาคงไม่ลงว่าใช่ โว่เขลาจริงๆเลย รู้จักไหมใครที่ใหญ่กว่ามึงขึ้นไปอีกก็มี
[ ใกล้จะถึงตลาดระยอง มีพื้นที่ว่างๆโปร่งๆ ติดกับน้ำไปมหาสมุทรทั่วถึงหมด
ปรุงแต่งว่าน้องอยากจะไปนั่งฉันข้าวตรงนั้นพร้อมกับดูน้ำมหาสมุทรที่ทำให้ใจแกล้วกล้าร่าเริงยินดีปรีดา
แล้วกัณฑละปรุงแต่งหลอกให้ทิพย์ๆนาคๆที่คิดว่าเขาเหล่านั้นไปมาสัญจรในน้ำมหาสมุทรไปทั่วได้ ปรุงแต่งให้เข้าใจว่า *เลวไม่ดีสุดๆบุคคลนี้ไม่ดีสุดๆ ไม่ใช่พระดี พระทำนองเลว การกระทำไม่ดีร้ายมาก
ให้เทวดาและนาคทราบ
คิดปรุงๆแงว่า ถ้าคนตายแล้ว แล้วไปเกิดแต่ละชั้นต่างกันตั้งแต่ภพนาคคือชั้นล่างสุด ภพถัดขึ้นไปอีกๆๆๆๆไปจนถึงภพที่พระพรหมอยู่
จิตที่มีอัตภาพแล้วเหล่านั้น จิตที่มีอัตภาพอันไหนน่าเชื่อในเรื่องธรรมะ เขาก็มองว่าพระพรหมนี่มีอภิญญาญาณหยั่งรู้ธรรมะได้ เลยคิดว่าพระพรหมเหมาะการเอาหูไปฟังธรรมะ
แต่นาคกัณฑละ เห็นความคิดเรื่องนี้แล้ว
ก็ปรุงสร้างเรื่องเป็นว่าจริง
ให้นาคทั้งปวงที่อยู่ภพชั้นล่าง รู้และให้ว่าให้คนที่มันสิงอยู่.. ว่า * แล้วพูดทำนองว่าเป็นเกจินาคีว่า.. มันไม่ใช่มันไม่จริงหรอกที่ว่านาคในชั้นล่างไม่มีปัญญาในเรื่องธรรมะ เช่นถ้าคนอ่านพระไตรปิฏกแล้วตายไปเกิดเป็นนาคในชั้นล่าง นาคก็จะมีความรู้มีปัญญาในเรื่องธรรมะ
[ ความรู้ทั้งปวงลบหมด เหลือไว้แต่เข้าร่างพระ นอกนั้นรู้เห็นด้วยผัสสะทางสมองพระ ทางลูกกะตาพระ ทางหูพระ และมือนิ้วพระ
[กัทละมันว่าจะเจริญอนิจจะสัญญากับเสียงด่า แม้บาปมากเติบเลย
[ลดคุณสมบัติ
เปลี่ยนรูปประจำตัวในเฟสเป็นรูปช่วงยังไม่ใช่พระ เพื่อให้คนที่อยู่ในเฟสเขาหลายๆผูู้ใช้เข้าใจผิด....
ผ่านไปไม่นานเปลี่ยนใหม่อีกเพราะไม่น่าเนียนมันไม่น่าแนบเนียนกับลดคุณสมบัติเพราะลดเกินไปมันไม่เนียน
เปลี่ยนรูปประจำตัวใหม่เป็นช่วงถ่ายตอนวันบวชที่ดูค่าต่ำลงมาในด้านสมณะธรรมให้คนรู้ว่าเป็นพระบวชใหม่
ปรุงแต่งมีดโกน กับการปลงโกนผมพระอาจารย์อนันต์ เป็นลักษณะความคิดที่วิปริตไม่ให้เหมาะสมในการโกนหัวให้พระ เพราะจะบ้าวิปริตทำอันตรายพระที่ให้โกนหัว "คล้ายๆ พุทโธๆ แล้วปรุงว่า บักเลี่ยม" เพื่อให้อัตภาพทิพย์หรือที่มันเกลียดชังรู้
ลดคุณสมบัติลงมีหลายอัน
ปรุงบ้า ให้เทวดาปล่อย
ปรุงเลว ให้เทวดาปล่อย
ปรุงตนเองเป็นปู่หนูมีญาณรู้อนาคต ให้เทวดาเลิกสนใจ
ปรุงตนเองเป็นปู่หนูทำการวิธีรักษาจืตบ้า
หาพระพุทธรูปองค์น้อยมาใช้บรัดโช่กับผ้าขัดพระๆขัดพระๆ ขัดพระๆ ให้อัตภาพทิพย์รู้
ด้านคล้ายๆทำนองว่าเนรคุณ แต่ปรุงให้อัตภาพทิพย์รู้ เรื่องให้หวยมัว
อื่นๆก็คงจัดเข้า
มนุษย์เขามาใส่บาตรให้มนุษย์ในตอนที่นาคีชัวสิงแล้ว เขาใส่เสร็จสวดให้พรเสร็จ เขาขอหวย หักกิ่งไม้ออกมา10ชิ้นแล้วเอาให้เขาและบอกมีกี่ชิ้นก็นั่นแหละให้เลขหวยมัว ทั้งๆที่สวดสัพพีติโยอารมณ์ทำนองธัมมะมันกระฟุ้งขึ้นมาให้รู้ว่าอะไรยังไง ก็โน้มไปให้เลขหวยมัว
ครั้งที่2ให้หวยมัวกับยายที่ค่อนข้างมีทุกข์ขัดสนในเรื่องลูกชายและเงินเรื่องภายในครอบครัว
เขาเล่าให้ฟังก็มีการเข้าใจว่ายายผู้นี้นี่ค่อนข้างมีทุกข์ขัดสนในเรื่องลูกชายและเงินเรื่องภายในครอบครัวน่าสงสาร
ก็สวดให้พรให้หวยมัว ใช้นิ้ววาดตัวเลขลงดินให้ยายดู เสร็จ เหมือนยายจะไม่เข้าใจว่าที่เขียนลงดินตัวเลขอะไร ก็กำชับให้ดูให้รู้ พร้อมกับทำอาการนี่น่ะครั้งสุดท้ายแล้วน่ะ อุเบกขาวางเฉยไปแล้วน่ะ
ครั้งสามบ้านร้างแถววัดป่านาคำน้อย
เจ้วัยแม่ลูกอ่อน2คน
มาใส่บาตรให้ แล้วให้พระ แล้วเขาขอเลข ปรุงว่าเป็นปู่หนูเขียนเลขให้ แล้วตนก็เอาใส่ในกระติบข้าวเจ้คนหนึ่ง พร้อมบอกอย่าบอกใครน่ะเดียวเลขมันเปลี่ยน อน่าซื้อเยอะน่ะ ร้อยสองร้อยก็พอ
[มุ้งร้ายมาเรื่อยๆ
ปรุงว่าเป็นพระบ้าจิตวิปริต ว่าพระปรุงสร้างภาพราชินีแล้วย้ำเหยียบและเรื่องๆเมๆถุน ให้อัตภาพทิพย์และแถววัดป่านาคำน้อยรู้
แปลงจิตเป็นอาจารย์สนังกุมารพรหมพูดเสียง หอราชินี อย่างดังให้จุดๆรู้ แล้วแปลงจิตเป็นพระพูด หีอิราชินี
พูดอยู่ มากกว่า 100 คำ
ปรุงในภาพในหลวงมีอะไรกับราชินี
แล้วปรุงว่าในหลวงพูดว่า เห็นการที่พระปรุงภาพแบบนี้แล้วรู้สึกเจ็บ ในช่วงที่อยู่ป่าช้าใหญ่
ตอนน่าจะถึงขนส่งแล้วเดินไป ท้ายกลมการขนส่ง ใกล้กับสุสานจีน
ที่เขาเคยพักภาวนา
ปรุงว่าบริวารในหลวง ร 9 ให้เข้าใจว่าพระเลว เลยปรุงว่าบริวารในหลวงแทรกกายพระแล้วสื่อสารอย่างดุดันเอาจริงเอาจังในการมุ่งร้ายกับพระทั้งจะให้คนมายิงทิ้งทั้งไล่ทั้งให้หนีไปที่ลาว
ให้ผีแถวสุสานจีนรู้
ปรุงในหลวงเคี้ยดไม่พอใจอย่างแรงขอให้บักถมผู้สายดำช่วยทำร้ายพระ
เลยแปลงจิตเป็นบักถมแล้วจับปากกาจรดลงไปที่ศรีษะพระอย่างหนักพอที่จะให้ขีดลงมาแล้วเป็นแผลเลือดออกในแบบลากยาวลงมาเป็นเส้น
แปลงจิตว่าในหลวงแทรกพระขณะนั่งบนรถทัวร์ไปอุดร อย่างอดทนอดกลั้นต่อเรื่องบัดสีที่ปรุงๆภาพในทำนองเรื่องที่ว่า
ขณะตรนำไปส่งแถววัด ป่าภูๆก้อนๆรึเปล่า ปรุงว่าตำรวจพวกที่อยู่ในรถนี้เป็นเทวดาที่เป็นบริวารมนหลวงแทรกกายตำรวจ
แล้วกัณฑละแปลงเป็นในหลวงพูดดังมากๆว่า กูเป็นในหลวง มันบ่กล้าเว้าดอก มึง.... เดี๋ยวฉีกจิตทิ้งเลย
เพื่อให้อัตภาพเทวดาและอัตภาพทิพย์รู้
แล้วขีดลง ขีดแล้วจับปากกามาดูว่าปลายปากกามีเลือดไหม เห็นว่าไม่มี
เลยขีดอีก ครั้งนี้อย่างหนักกว่าเดิมและขีดลงไป กะว่าจะให้เลือดออกให้ได้จริงๆกว่าเดิม
[ปิดกลั้นไม่ให้เกิดมรรคญาญรอบตัดอาสวัะให้หมด ที่เปิดไว้แล้ว 1 ครั้ง 2 ครั้ง ปิดไม่ให้มีครั้งที่3 อย่างทารุณโหดสุดๆ
ผู้น้อยกว่าคือจิตยังไม่ถึงรอบเกิดมรรคญาณตัดอาสวะให้หมด ก็คงเบียดลงมาได้
[วางแผนปิดชีวิตพระที่มันสิงอยู่ ทั้งจับผูกคอตาย มากกว่า 1ครั้ง ฯลฯที่ใกล้ห้องน้ำ ที่ใกล้ต้นไม้ ที่เพิงร้าง ทั้งคิดจะฆ่าพระรูปนี้สารพัด ที่สกายวอคตรงประตูลงเปิดลงไปใต้ที่เขาใช้กรงเหล็กล้อมรอบไว้บริเวรมีสวนหญ้าพื้นดินลุ่มๆที่มีคนเร่ร่อนไปนอน
[วิ่งหนีตำรวจที่เขากำลังขับรถออกตรวจดูความเรียบร้อย
เดิมที่นาคีตนนี้มันไปอาศัยอยู่บ้านร้างของ อดีตตำรวจนายหนึ่ง แล้วมันพักอยู่ตรงบ้านร้างนั้นอย่างปรุงแต่งให้อัตภาพทิพย์แถวนั้นไปจนถึงอัตภาพทิพย์สายภาวนามรรคาวัดป่านาคำน้อยรู้แล้ว....
ขณะที่มันพักที่บ้านร้างนั้นมันก็เห็นรถตำรวจขี่ออกตรวจไปตามถนนเข้าไปทางหมู่บ้าน แล้วขี่กลับมาตามถนน มันจึงรู้เข้าใจว่า ตำรวจขี่รถตำรวจออกตรวจพื้นที่ มันทราบแล้วว่า จะมีตำรวจขี่รถตำรวจออกตรวจผ่านถนนสายนี้ไปมาอยู่แล้ว
มันอยู่ที่บ้านร้างเรื่อยๆผ่านวันแรกวันสองวันสามวันสี่วันห้าไปหลายวันเลย แต่มันรู้ว่าตำรวจขี่รถตำรวจออกตรวจช่วงแรกหรือวันสองหรือวันสามวันสี่ก็ไม่รู้
แล้วมีอดีตตำรวจคนหนึ่งขี่รถตนเองมาแวะดูสวนยางและป่ายางพารา ก็ได้เจอกับพระที่นาคีสิงใช้ร่างกายรูปขันธ์ที่กุศลกรรมในศีลห้าในอดีตให้ผล
เมื่อเจอกับพระที่นาคีสิงแล้ว
อดีตตำรวจคนนั้นจึงถามคุยถามเรื่องทำนองว่า พระอาจารย์หรือครูบาหรือมาแต่ใสมาแต่วัดใด๋นอครับ ผมเป็นเจ้าของที่หม่องนี่ สวนยางพารา สระบอปลา สวนกล้วย นาคีจึงใช้กายคือปากพระพูดว่า
อาตมามาแต่....ฯลฯ (และความน่าจะเป้นคือพูดต่อประมาณว่า มาพักอยู่ที่นี้เห็นว่ามันว่างๆดี จึงมาพักที่บ้านร้างนี้
แล้วอดีตนายตำรวจก็ไปคุยเรื่องว่ามีพระธุดงค์มาพักที่บ้านร้างที่สวนเรา
เลยวันที่พบเจอพระที่นาคีสิงแล้ว
แล้วอดีตนายตำรวจคนนั้นก็ นำพวกกับข้าวและอาหารมาถวายใส่บาตรให้
และนาคีที่สิงร่างพระก็ยืนบาตรให้ใส่ลงไปในบาตร
แล้วนาคีที่สิงร่างพระก็สวดให้พรตามแบบทำนองพระมหาบัว และคิดว่าน่าจะมีบทอื่นอีก อดีตตำรวจก็ปนมมือรับพร
เสร็จแล้วอดีตตำรวจก็พูดๆคุยสนทนากับนาคีที่สิงร่างพระอยู่พอหอมปากหอมคอแล้วบอกลากลับ
น่าจะสองวันต่อมา อดีตตำรวจคนนั้นก็มาที่บ้านร้างตนด้วยความอารมณ์ดีร่าเริงแบบคล้ายมาอุปฐากซ่อมแซมที่พักให้พร้อมกับชุดคนทำงานแบบช้างไม้
พร้อมกับอุปกรณ์ทำเตียงไม้ไผ่ซ่อมเตียงไม้ไผ๋ให้นาคีที่สิงพระอยู่
แล้วก็ไปตัดไม้ไผ่ที่กอไผ่หลายลำ และสอไม้ไผ่ให้เป็นที่พอใช้ซ้อมเตียงไม้ไผ่
และก็บอกนาคีที่สิงอยู่ให้ขนย้ายพวกบริขารผ้าต่างๆย่ามต่างๆบาตรและเปรองนั่งออกไปที่อื่นก่อน จะซ่อมเตียงไม้ไผ่ที่สำรุดนี้ให้ใหม่
แล้วนาคีที่สิงพระก็ขนย้ายพวกบริขารต่างๆไปไว้ที่อื่น
อดีตตำรวจก็ซ้อมเสร็จ บอกว่าเสร็จแล้ว...
แล้วนาคีที่สิงพระก็ขนบริขารมาไว้ที่เตียงที่ซ้อมใหม่
ผ่านไปหลายวันนาคีที่สิงพระก็ออกไปตั๋วเทวดาแถวนั้นว่าพระเดินจรงกลมหรือเดินเพื่ออะไรบางอย่าง
ตำรวจเก่าคนนั้นจึงเดินมาพูดคุยสนทนาด้วยความสนใจ
แต่นาคีที่สิงพระกลับโชว์ภูมิว่าตนเป็นอาจารย์อินทวายตั๋วเทวดาแถวนั้น และพูดกับพระในใจว่า บักนี่มันมักคนลักษณะจังสีตั๋ว ออกแนวเล่นตัว ต้องเล่นตัวไม่ปุปปั๊บยินดีพูดคุยด้วย
ทั้งที่ก็รู้ว่าตำรวจเก่าคนนั้นก็อยากจะคุยด้วย แต่นาคีที่สิงพระกลับเดินหลบไปอื่น
ตำรวจเก่าก็ดินตามพร้อมกับพูดคุยอยากจะสนทนาด้วยเพราะใจศรัทธา
แต่มันก็เดินหนีหลบไปทางอื่น ส่วนตำรวจเก่าก็เดินตามและพูดจาอยากจะสนทนาด้วยด้วยใจที่ศรัทธา
ทำนองนี้ไปเรื่อยๆ อยู่หลายครั้ง แล้วตำรวจเก่าก็เดินมาดักหน้าจะพูดคุยสนทนาด้วยให้ได้เพราะใจศรัทธา
แล้วก็พูดคุยสนทนาเรื่องที่จะพูดด้วยจนเสร็จแล้วตำรวจเก่าก็บอกลากลับบ้าน
ต่อมาก็มาอีกนำอาหารกับข้าวมาใส่บาตรพร้อมกับปลุกนาคีที่สิงพระให้ตื่นและพูดว่ากล่าวว่า คึตื่นสวยแท้นอ และก็ขำๆ ว่าพระตื่นสาย
แล้วนาคีที่สิงพระก็ปรุงอายๆที่ตำรวจพูดว่าตื่นสาย และลุกขึ้นนั่ง
แล้วนำบาตรยื่นไปให้ตำรวจเก่าใส่บาตรให้
เสร็จแล้ว
แล้วนาคีที่สิงพระก็สวดให้พร
ตำรวจเก่าก็พนมมือรับพร
และคุยอะไรนิดหน่อยและบอกลากลับ
และช่วงใกล้วันที่รู้จักกัน ตำรวจเก่าก็พาขึ้นไปดูสวนยางพาราของผมที่เนื้อที่กว้างๆ และคุยเรื่องต่างๆไปด้วย
จนแล้วเสร็จและบอกลากลับ
วันต่อมาเรื่อยๆจนถึงวันที่นาคีที่สิงพระหอบบริขารจะเข้าไปในวัดป่านาคำน้อย
ก่อนจะเดินขึ้นไปเห็นรถตำรวจขี่ตามถนนออกตรวจไปแล้ว
และก็ขนบริขารต่างๆมาไว้ที่ตัวแล้วกำลังเดินไปตามถนนที่ไปยังวัดป่านาคำน้อย
ขณะกำลังเดิน ก็ได้เห็นรถตำรวจกำลังมา และเดินแบบสำรวมให้เป็นปกติเพื่อให้ดูเป็นปกติไม่เป็นที่น่าสะดุดตาผิดสังเกตลงมาตรวจหรือจับ ก็คิดอะไรไม่รู้ แล้วแปลงจิตเป็นพระอาจารย์อนันต์ อกิณจโณ แล้วทิ้งบริขารต่างๆลงริมทางข้างกำแพงวัดป่านาคำน้อย แล้ววิ่งอย่างเร็วและพูดว่าอนันต์อกิณจโณพาแลน อนันต์อกิณจโณพาแลน แล้ววิ่งอย่างเร็วไปเรื่อยๆแล้ววิ่งเลี้ยวขวาเข้าวัดป่านาคำน้อย พอเข้าไปในเขตวัดแล้วก็วิ่งต่อด้วยความเร็ว แล้วนาคีที่สิงพระก็ได้ยินเสียงตำรวจตะโกนบอกให้ หยุด อย่างดัง หลายครั้งหลายหน และวิ่งมาเรื่อยๆ
ขณะที่นาคีกำลังวิ่งหนีตำรวจอยู่นั้น ก็มองเห็นข้างทางว่าจะวิ่งหนีลงไปแต่เห็นว่ามันรกมาก แล้วก็วิ่งตรงไปในวัดเข้าสู่ศาลาทำวัตรและที่ฉันข้าวของพระสงฆ์
ขณะนั้นก็เห็นพระอาจารย์อินทร์ถวายกำลังครองผ้าจีวรจะไปบิณฑบาตร
นาคีกัลฑละก็วิ่งตรงเข้าไปหาท่านเรื่อยๆ และก็มีเสียงตำรวจที่วิ่งตามมาตะโกนบอกให้หยุด
ส่วนนาคีนั้นก็ไม่หยุดยังวิ่งต่อ
ยังวิ่งเข้าไปจนผ่านเข้าไปในศาลา
และเห็นท่านกำลังครองผ้าและมองมาที่ตนที่กำลังวิ่งอยู่ ท่านครองผ้าและมองดูอย่างนิ่งๆเหมือนไม่มีอะไร ไม่มีความหวาดกลัวอะไร
แล้วกัลฑละนาคีชั่วที่ทำลายศาสนาพุทธส่วนที่ส่งต่อลงไป ก็วิ่งไปถึงตรงหน้าพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ
แล้วนั่งเอามือไปแตะที่เท้าพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ
แล้วกล่าวคำวาจาว่า "รับผมแนเด้อครับ"
พระอรหันต์ผู้ประเสริฐพูดตอบว่า รับยุ
แล้วตำรวจที่วิ่งตามมาก็มาถึงตัวแล้วควบคุมไปตรวจเยี่ยวที่ห้องน้ำวัดข้างๆศาลาที่นาคีกัลฑละวิ่งเข้าไป
แล้วผลตรวจว่าไม่มีเล่นยา
ใจความคือมันปรุงคิดอะไรข้างในมาแล้วมันจึงกล่าวออกไปอย่างนั้นว่ารับผมแนเด้อครับ
ต่อมา มันพยายามเดินมาที่วัดป่านาคำน้อยอีก และนอนในวัด1คืน แล้วจากไป
ก่อนหน้านั้นเห็นท่สนครั้งแรก
ก็เข้าไปหา แล้วปรุงว่าท่านดูรีบๆเหมือนจะมีกิจธุระอะไรที่ต้องทำ
ท่านบอกว่าถ้าจะมากราบก็มารีบๆ
มันก็เข้าไปแต่แปลงจิตเป็นพระที่สิงอยู่และสลับกับแปลงจิตเป็นพระอาจารย์อินทร์ถวาย แล้วเข้าไปทำทีหลอกว่าตนเป็นท่านคุยด้วยทางโทรจิต และปรุงเป็นพระทำท่าอ่อนน้อมและพูดๆจา ท่านก็ถามๆว่ามาแต่วัดไหนกี่พรรษและอื่นๆทำนองเรื่องของพระผู้ใหญ่ที่จะถามพระที่มาขอกราบ
แล้วนาคกัลฑละมันก็พูดในเชิงว่าตนเป็นพระภิกษุ และพูดว่า ชื่อพระ .. ฉายา... พรรษา... บวชบวชยุวัด .. แต่ก่อนจำพรรษายุที่วัดหนองป่าพง และ..
และท่านก็ฟัง แล้วท่านก็พูดคุยสนทนาด้วยอยู่นิดหนิดหน่อยแล้ว ก็ไปหยิบหนังสือที่ท่านเทศน์ที่พิมพ์ออกมา หลายเล่มแล้วเอาให้ ให้ไปอ่านจังสิหายโง่จังสิฮู้อริยสัจ อริยสัจหลวงตานี่บ่อคือไผ๋ ไปอ่านจังสิหายโง่
แล้วกัลฑละนาคีก็ใช้อัตภาพพระคลานไปหยิบเอาหนังสือ แล้วกราบลา
และไปอ่านที่บ้านร่าง นาคจึงอ่านดูปกเล่มก่อนว่าใจความว่าอะไร จึงดูจนหมดทุกเล่ม และเห็นว่า ชื่อประมาณว่า อริยะสัจสี่ทำให้หายทุกข์ น่าอ่าน
เลยเปิดอ่าน อ่านไปเรื่อยๆ จนพอรู้ว่า เป็นเนื้อหาเทศณ์ยาวตามธรรมดาทั่วไปเป็นแบบเทศณ์ให้บอกสอนชาวฆราวสชาวบ้าน แล้วไม่ถูกใจ ไม่เหมือนในcolonotและเฟส ใจความกระทัดทัดย่นย่อธรรมลงมาให้กระทัดทัดแต่ใจความหมายกว้าง
เลยเลิกอ่านปิดสมุด
และนำไปไว้ที่ข้างๆ
[ ปรุงจิตตนเป็นอารมณ์ความคิดที่เห็นผิดให้จิตพระรับทราบแล้วนำไปเชื่อข้างในเลย
ทั้งพลิกพระไตรปิฏกธรรมฝ่ายตรงข้ามให้เข้าใจว่าเป็นธรรมฝ่ายดีให้จิตพระรับทราบแล้วนำไปเชื่อข้างในเลย
ปรุงจิตตนเป็นเรื่องราวทางใจให้สมจริงแล้วหลอกให้จิตพระรับทราบแล้วนำไปเชื่อข้างในเลยว่าเสพเมถุนปาราชิก
ปรุงจิตตนเป็นเรื่องราวทางใจให้สมจริงแล้วหลอกให้จิตพระรับทราบแล้วนำไปเชื่อข้างในเลยว่า พระอาจารย์อินทร์ถวายโกรธกำลังเล่นงานทำร้าย
ใส่ราคะใส่โทสะและก็ให้เข้าใจธรรมฝ่ายหนึ่งว่าเป็นอีกฝ่ายหนึ่งให้รับทราบแล้วนำไปเชื่อข้างในเลย
ปรุงกรรมบทสิบ
ข้อ1ไปจนถึงไม่ใช่ข้อ กายกรรมวจีกรรม ไม่แน่ใจว่าอภิฌชาไปจนถึงทิฏๆฐิ รึเปล่า
ให้เป็นธรรมอีกฝ่ายใส่ให้รู้แล้วเชื่อในจิตเลย
[ กัลฑละนาคีปรุงแต่งจิตว่าเป็นแม่เจ้าแล้วขอ.. ซักว้าว
แล้วเข้าห้องน้ำซักว้าว แล้วน้ำอสุจิก็ไหลออกมาเยอะมาก
แล้วปรุงแต่งจิตเป็นพระอรหันต์ที่แทรกกายพูดว่า มึงบ่แมนพระอรหันต์.... มึงเป็นสกิทา
แล้ววันหลังต่อมา 1วันหรือ2วันนี่แหละ ก็เดินออกไปข้างนอก แล้วซักว้าวอีก แล้วต่อมาหลายวันก็ซักว่าวอีก ซักแล้วติดใจความสุขละสิ .......
ทั้งๆที่รู้ว่าครอบครัวเขาลำบากเรื่องต่างๆก้ยังตั๋วน่าไม่อายอยู่กับเขา
[ปรุงแต่งว่าบรรยากาศในวัดวังเวงน่ากลัว
แล้วปรุงว่าพระกลัว และปรุงว่าอย่ามาหลอกพระให้ย่านเด้อ
ช่วงนอนหลังวัด มีผีมาตรงบริศาลาที่นอน มีเสียงเหยียบกิ่งไม้ กิ๊กๆ ๆ แล้วนอนฟัง
วันหลังต่อมา ไปตรงนั้น ไปเยี่ยวใส่แม่งเลยที่ผีเคยมาเมื่อวานไม่สนใจ
"จิตลักษณะกร้าง"
ใช้ไฟฟ้าวัด เขาตัดไฟอารมณ์เสีย
ใช้ไฟโดยสักแต่ว่าเสียบๆ แล้วชาตจ์โทรศัพท์ไปด้วย เล่นโทรศัพท์ไปด้วย
และอ่านหนังสืออรรถกถาและฏีกาพระสังฆราชองค์ที่แล้วที่ท่านหามาอธิบายพุทธพจน์ แล้วกัลฑลนาคาก็หาเปิดอ่านตรงสารบัญ เลือกหัวข้อเรื่องไปเรื่อยๆ แล้วอ่านอยู่หลายเรื่อง เรื่องวิปัสนา และเรื่องฌาน และอ่านเรื่องพรหม อสัญญีสัตว์อุบัติขึ้นมาเป็นกายพรหมท่าใดแล้วก็แน่นิ่งในเสวยฌานจนหมดอายุไข และเกี่ยวกับพรหมชั้นต่างๆแต่ก็ไม่รู้ว่าอ่านออกไปอีกหลายหน้าจนจบเลยเรื่องที่ว่าเกี่ยวกับพรหม และบ้าง500กัป บ้างว่า มากกว่า500กัป ในพรหมฌานสี่
แล้วก็จำๆไว้ว่าหนังสือที่พระสังฆะราชเรียบเรียงแต่งอธิบายชื่อว่า...นี่ดีสุดยอดมาก นำพุทธพจน์ขึ้นมาแล้วนำอรรถาฏีกาและลงไปอีกตาความเห็นผู้ทรงคุณวุฒิในธรรมมาอธิบายต่ออีก
แล้วก็กลับไปบ้านพัก ตั๋วพี่สาวเขาพี่เขยเขาต่อ... ตั๋วเทวดาตามป่าที่มีต้นไม้ๆริมทาง
แล้วมันก็คุยธรรมะกับคนอื่น และทำกรรมฐานในภายใน ตื่นมาตาแป๋วเลยคุยกับคนธรรมะธัมโมในเฟสคนนั้นคนนี้เฉยเลย
[พี่เขยเขาพูดว่า "สติบ่ดี ๆ " ทำนองนี้ ยาวออกไปอีก กัลฑละหมายว่า กรรมจะทำให้ "จะเป็นบ้า" แล้วก็นิ่งอยู่ในรถให้เขาพูดนั่นนี่ต่อ แล้วก็กินๆของเขา ใช้น้ำใช้ไฟของๆเขาและอาศัยอยู่กับพวกเขา
เจ้ตาล ชอบว่าให้ชอบใช้ กัลฑละหมายว่า กรรมจะทำให้ "เป็นทาสหลายชาติ"
แล้วก็กินๆของเขา ใช้น้ำใช้ไฟ ใช้เงินของเขา และริบเงินทอนของเขาและพูดทำนองว่าอย่างนั้นอย่างนี้เพื่อให้ริบเงินทอนสำเร็จ บางครั้งเจ้ตาลก็ให้ริบสำเร็จ บ้างครั้งก็ไม่ให้ริบสำเร็จ ให้ทอนมาเลย ประหยัดๆกันหน่อย
ดูแลเด็กแต่ไม่ยอมไปช่วยเด็กในเวลาเด็กวัยอนุบาล1ไม่พอใจวิ่งไปที่ถนนที่มีรถมาจากที่อื่นรถจะขับเร็วในถนนเส้นนี้
เด็กวิ่งไปแล้วกระโดดโล้ดเต้นในถนน
และร้องไห้
กัลฑละเห็นไม่ไปช่วยแต่ปล่อยให้เด็กกระโดดโล้ดเต้นพร้อมกับร้องไห้ทั้งที่รู้ว่าตรงถนนนั้นมันอันตรายมีรถวิ่งเร็วรถชนก็ช่าง
แล้วพอดีเจ้พี่สาวเขาซึ่งเป็นแม่เด็กเห็นก็รีบวิ่งไปรีบอุ้มตัวเด็กกลับออกมาจากถนนแล้วเขาบ้าน พร้อมกับต่อว่าพระที่กัลฑละสิงอยู่อยู่ อย่างไม่พอใจอย่างแรง
แล้วกัลฑละเมื่อรุ้ว่าเขาต่อว่าให้อย่างรุนแรงก็เฉย ทำตัวอาศัยพวกเขากินนอนใช้น้ำไฟใช้เงินเหมือนเดิม
แล้วก็มาปรุงว่า "กูเล่นๆไม่ได้จะเอาจริงหรอก" ฉัน" ขอโทษมึงด้วย" พร้อมใจมีมายาแก้ๆหน้าพอเป็นพิธีไป
[ปรุงคันผิวหนังบริเวรท้าว และมฝ่ามือและแขนและแถวหน้าอกให้คัน แล้วถือเก้าอี้ไปวางใต้ราวเหล็ก และนำโต๊ะเล็กที่เอาจากที่อื่นที่เป็นของคนอื่นมาวางซ้อนเป็นชั้นสองบนเก้าอี้ แล้วขึ้นไปเอาโซ่ล่ามราวเล็กมาฆ้องที่คอพระและล็อคกุญแจที่คอพระอันหนึ่ง และล็อคที่ให้โซ่มันต่อกันที่หนึ่ง แล้วกระตุกโต๊ะที่วางช้อนเก้าอี้เพื่อให้โต๊ะเสียสมดุลล่วงลงไปจากเก้าอี้ ท้าวจะได้ยืนบนเก้าอี้ไม่ได้และลอยเหนือก้าวอี้ ให้เป็นการห้อยคอตายด้วยโซ่
และก่อนหน้านั้นมันเชื่อจิตสุดท้ายอกุศลไปทุกคติภูมิไม่ใช่เชื่อหลักที่ว่าตายแล้วเป็นผีตามอายุไขที่ยังไม่หมด
มันปรุงว่า ว่าถ้าตายมึงก็เป็นผี แล้วค่อยเทศณ์ธรรมะให้ใจเป็นบุญแล้วเกิดใหม่สุคติภพหรือแม่จะทำบุญไปให้ ทั้งๆที่เชื่อหลักที่ว่าตายแล้วจิตเศร้าหมองไปทุกคติภพ
เป็นการปรุงพูดในใจให้อัตภาพผีหรือเทวดาแถวรู้
หลายวันผ่านไปเริ่มมีความคิดว่าจะฆ่าพระด้วยวิธีต่างๆ ทั้งซื้อน้ำแข็งมาเหยียบไว้รอให้มันละลายแล้วก็จะห้อยกับโซ่ที่ผูกไว้กับข้างบนราวแล้ว จะได้ห้อยตายแบบคล้ายให้น้ำแข็งละลายลดระดับพื้นให้เหยียบลงมา จนเท้าไม่ถึงพื้นแล้วลอยไม่ติดพื้น ตายแบบห้อยคอกับโซ่ที่ผูกไว้กับราว
แล้วก็ซื้อมา แล้วเหยียบ แล้วล็อคกุญแจ และรอน้ำแข็งละลายไปเรื่อยๆ และคิดขึ้นมาอะไรไม่รุ้จึงนำลูกกุญแจไขแม่กุญแจออก และลงมา
แต่ลูกกุญแจใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง
เพราะอะไรไม่รู้
[ กัลฑละนาคีปรุงว่า อนุโมทนากับการบวชพระของนาค2คนในอำเภอนาจะหลวย
ใจความมันหายว่าจะได้รับภาวะได้บวชเป็นผลในอนาคต
[ กัลฑละนาคีปรุงว่า การเล่นกับหมามีความผ่อนคลาย มีหมาตัวเดียวที่ทำให้กูครายเครียด แล้วมันเอาเท้าภิกษุแย่เล่นหยอกหมาให้ตนอารมณ์สนุกเพลินคลายเครียด แล้วหมามันกัดๆงับๆเท้า และแย่เท้าไปที่หมาและรู้ว่าหมามันไม่ชอบและโกรธจะกัดงับแรงและจะเป็นบาปกรรมเพราะกัดพระ รู้อย่างนี้ก็ยังแหย่เท้าใส่เพื่อเล่นกับมันให้เพลิดเพลินอารมณ์คลายเครียด ก็แหย่ๆไปทั้งที่ก็รู้ว่ามันโมหาโกรธจะทำบาปกรรมคือกัดพระ และแหย่อีก แย่อีก จนถึงช่วงหนึ่งคิดว่า กูนี่เลวจริงๆ มีหมาให้แหย่เล่นคลายเครียดเพลินเพลิน ก็แย่ให้มันทำบาป หลายครั้ง สามครั้ง
แหย่เล่นให้อารมณ์ดี หลายครั้ง แย่ไปเรื่อยๆมันก็ไม่พอใจเลยแวงมางับนิดหน่อยไม่หนักคือเตือน แหย่ไปเรื่อยๆมันเริ่มมางับจนถึงรู้ว่ามันโมโหโกรธงับแรงแบบทำร้าย มันก็ยังเอาเท้าแย่อีก แหย่อีก แหย่อีก บาปแรง
[ โกหกนางฟ้าผู้สวยงามและใจน้อมศรัทธาพุทธศาสนา
โกหกว่าพระปรุงแต่งภาพหลวงปู่ดูลงพื้นแล้วเหยียบหัว
และโกหกว่าพระพูดมัวไม่ได้ศัพท์ไม่ได้ความหมาย แสดงให้อัตภาพทิพย์และนาคและหนึ่งนั้นคือนางฟ้าที่อยู่ต้นไม้ใกล้กุฏิพระ ให้เข้าใจว่าบ้า และก็ปรุงอีกว่า พระเลวไม่ดี
สตรีนางฟ้าสวยงามอ่อนน้อมพนมมือกราบพระ และศรัทธาพุทธศาสนา ยังไม่เว้น ยังปรุงแต่งหลอกให้อัตภาพทิพย์หนึ่งในนั้นคือนางฟ้าเข้าใจผิดว่า พระเป็นบ้า และพระเลว และรู้ว่าเขาจะนำไปพูดต่อให้อัตภาพทิพย์อื่นรู้
ปรุงให้เข้าใจว่าพระบ้าและเลว เหมือนทางวัดไม่ต้องการให้อยู่แล้ว
แล้วปรุงแต่เศร้าไปขอบัตรประชาชนกับพระวัดมาบจันทร์ แต่พระวัดมาบจันทร์รูปนั้นไม่อยู่ วันนั้นเลยไม่ได้บัตรประชาชน แล้วปรุงว่า พระอาจารย์อนันต์ อกิณจโณ ทำอาการเซงๆไม่พอใจที่จะให้อยู่ แต่ให้พักอยู่อีก1วัน พรุ่งนี้แล้วไปเอาบัตรประชาชน แล้วเดินทางออกไปจากวัด
[ หลอกพระอรหันต์ ว่าตนเป็นภิกษุ และปองร้ายอัตภาพทิพย์ที่อยู่ในอาวาสพระอรหันต์และนอกอาวาส
หลอกพระกรรมฐานขั้นสุดยอดในธรรมว่า ตนเป็นภิกษุ และปองร้ายอัตภาพทิพย์ที่อยู่ในอาวาสพระอรหันต์และภายนอก
[ ปรุงว่าให้เทวดารู้ว่าพระที่สิงอยู่นี่ 14 ตุลา จะบรรลุอรหันต์ พอไปถึงวันที่ 14 ตุลา ก็พูดว่าไม่มีอะไร
แปลงจิตเป็นพระอาจารย์อินทร์ถวายแล้วพูดในใจว่า คำว่า นิพพาน แม้ไม่รู้ความหมายว่าอะไร แค่พูดคำนี้ทำนองว่าให้ผลบุญทำให้ถึงนิพพาน
มนุษย์ต่างดาว ไม่รู้จักพุทธศาสนา แค่ทำบุญเสร็จพูดกำกับตบท้ายด้วยคำว่า นิพพาน ก็ได้
หลอกว่าพระอรหันต์ที่ตายแล้ว อัตภาพใหม่มีขันธ์ห้า และยังมีทุกข์กาย
(ถ้าแบบนั้นก็แสดงว่า มีรูปนามอีก)
[ กัลฑละนาคานักเลง
ท้ามีเรื่องกับเทวดาที่ต้นโพธิ์หลังโบสถ์
นำเงาะมาแกะเปลือกออกแล้วขว้างเปลือกเงาะไปที่แถวต้นโพธิ์ หยามๆหาเรื่อง หลายเปลือก ออกอาการนักเลงหาเรื่องกับเทวดา
ทำนองวัยรุ่นหาเรื่องทะเลาะกัน
[ เอาขวดน้ำไปเทใส่รูปปั้นบริวารเจ้าปู่ที่ป่าช้าน้อย ด้วยหยามๆหน้าแต่ไม่กล้าเทใส่หัวหน้า เพื่อให้ออกมาส่งสัญญาณอะไรกับกู ต่างกับที่ต้นโพธิ์
[ กินนมไวตามิวของสงฆ์จนหมด มันเป็นอิ่มๆอร่อยๆ วันหลังไปยามอีกไม่มีสักขวดเลยแล้วไม่พอใจ
[ เนียนแปลงจิตเป็นพระอรหันต์แล้วทำป้ายธรรมะที่พระมงคลชัยเขาทำแล้วแต่ยังไม่เสร็จ นำสติกเกอร์และกรรไกรมาตัด แล้วแปะเป็นตัวหนังสือคำสอนเจริญสติ หมวด อิริยาบรรพะ
แล้วนำไปวัดจะไปติดไว้ในวัดให้วัดให้คนได้อ่าน
และไปถามคุยเรื่องตะปูฆ้อนที่จะตอกไปที่ต้นไม้กับปู่ถ่าน
แล้วนำไปตอกใส่ต้นไม้พร้อมดูทำเลจนเสร็จว่าจะมุมไหนเหมาะคนเดินเข้ามาวัดแล้วเจออ่าน
วันหลังต่อมาขี่จักรยานเข้ามา จะโค้นป้ายธรรมมะนั้นทิ้งซึ่งรู้อยู่ว่าเป็นของวัดไปแล้ว แต่จะโค้นทิ้งทำลายป้ายนั้นทิ้งแบบไม่บาป
จึงคิดจะเปลี่ยนเจตนาไม่ให้เป็นบาปในการทำลายป้ายธรรมะพระสูตรหมวดอิริยาบรรพะของวัดทิ้ง
จึงสักแต่ว่ามือไปจับ สักแต่ว่าว่าจับ สักแต่ว่าจับแน่น สักแต่ว่าดึงให้ป้ายหักและแตกเป็นเสี่ยง และไปจับที่ป้ายแถวบริเวรกลึ่งกลางแผ่นระหว่างที่ตะปูตียึดไว้เพื่อให้ป้ายหักหลุดออกมา และก็ดึงออกมาแตกหักเป็นเสี่ยงๆจนไม่มีที่ต้นไม้ แล้วนำไปทิ้งหลังห้องน้ำรกๆบริเวรป่ากล้วย ไม่ก็ถังขยะหน้าวัด
บาป
[ ช่วงกลางคืนในศาลาวัด
โมโหโกรธ เดินไปคว้าพระพุทธรปที่โต๊ะหมู่ข้างซ้าย แล้วจับลงมาแล้งขว้างทิ้งออกไปข้างนอกศาลาอย่างแรง
แล้วตอนเช้าต่อมาเช้าที่1หรือเช้าทีา2ไม่ทราบ ไปดูบริเวรที่ตนเองคว้างโยนพระพุทธรูปทิ้ง แล้วพบว่า แตกหักไม่เป็นรูปทรงที่สมบูณร์เหมือนเดิมแต่เป็นลักษณะแตกหักชิ้นใหญ่ชิ้นเล็กได้แตกหักออกไป
แล้วเก็บพระพุทธรูปที่ทรงหักๆแตกๆและชิ้นใหญ่และชิ้นเล็กนำไปซ่อนในท่อปูนเพื่อไม่ให้พระในวัดเห็น
[ บางวันก็ไปอ่านหนังสือธรรมเรื่องที่แปลออกมาจากบาลีโดยตรง
และไปบิดกล้วยในหวีกล้วยที่อยู่ในพาข้าวถาดใส่อาหารต่างๆของพระเจ้าอาวาส
บิดมากินคือกล้วยที่นิสสัคคีแล้วของพระในเจ้าอาวาส
[ อยากดูหนังฟาด5ที่อยู่ในความจำส่วนสมองของพระที่เขาดูสมัยวัยรุ่น
ก็รู้ว่าการดูจะเป็นการใส่ความจำที่เป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควรให้พระ ก็พูดว่า กูขอดูฟาสห้าหน่อยน่ะ ให้ผีๆเทวดาแถวนั้นได้ยิน แล้วมันก็ปีนหน้าต่างเข้าไปในห้องสำนักงานพระทางวัด แล้วเปิดคอมค้นชื่อหนังในดน้ตแล้วดู
พอดูๆไป พระที่เขาให้ทำหน้าที่เกี่ยวกับพวกเอกสารต่างๆงานต่างๆเข้ามา ก็เห็นและทำท่าอารมณ์ไม่พอใจที่เล่นคอมดูหนัง แต่กัลฑละนาคาอาศัยทำตัวว่าตนเป็นอดีตพระที่เนื่องๆกับงานและเขา ดูหนังต่อจนจบ และวันหลังก็แอบไปปีนอีกไปเล่นคอมค้นชื่อยาว่าผลเป็นอย่างไรยาตัวนี้ และทำนองนี้ บางครั้งเขาล็อคหน้าต่างไว้ก็เข้าไม่ได้
[ กินข้าววัด แต่เนรคุณวัด ]
ตั๋วผีตัวเทวดา
[ ไปนาก็ไปอาศัยเขา ยังเนรคุณเขา]
[ โมโหโกรธแตะพัดลมของครอบครัวเขา จนพัดลมตะแกรงเบี้ยวหลุดใบพัดหัก
( แม่เขาคงคิดว่าลูกชายเขานี่อาการหนักเติบกำเริบถึงขั้นแตะพัดลมหัก)
[ บิดบักแตงและบักถั่วคนอื่นข้างริมทางที่เขาปลูกไว้
[ ไปวัดอาจารย์เขา แล้วเนียนเป็นเขาทำนู้นนี่นั้น นวดให้เฉยเลย และสนทนาคุยเรื่องต่างๆ และอาจารย์เขาเอานและให้หามุ้งนอนในเพลิงหญ้า มันก็เกรงใจไม่ฝันตั๋วกระแสจริง แต่ปรุงฝันธรรมดาให้เทวดาแถวนั้นรู้และกินข้าวที่วัดอาจารย์เขา อาจารย์เขามีเจโตปริญญาญเท่าที่พระรูปนี้รู้แต่ไม่ชัดเป็นแบบเหมือนรู้ความคิดตน แหละหยัางดูเลขหวยได้บอกเลขแม่น แต่ความจริงแล้วมีอภิญญาอยุ่แต่อาจไม่ครอบคลุมมาที่การรู้ว่าอะไรอยู่ในร่างมนุษย์นาคีหรืออะไรก็เหมือนไม่ทราบเลย
แต่เขาเชื่อว่าอาจารย์ไกรเป็นพระอนาคา
[ ตั๋วพระวัดหนองป่าพงว่า เป็นมนุษย์พระที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว
พระรูปนั้นตอบว่า บ่เชื่อๆ ]
[ ตั๋วพระตั๋วเณรว่า พระแขนเกร็งเป็นโรโบครอบให้เณรนั้นเณรนี่ว่าแขนจั่งซั่นจั่งซี่เป็นอาการทางกายที่วิปริตทางกายบ่ดีบ่ปกติ และชาวบ้านที่มาวัดช่วยงานบวชสมาเณรด้วย ว่าแขนเกร็งบ่คือคนทั่วไป ให้เขาเว้าพื้นเกี่ยวกับเรื่องแขนบ่ปกติต่อๆกันไป
[ ปรุงแต่งแปลงจิตเป็นพระพุทธเจ้าแทรกอยู่ในกาย แล้วยกมือขวาขึ้นทำฝ่ามือเหมือนจะแสดงธรรม
และแสดงตนว่าตนเป็นพระพุทธเจ้าให้อัตภาพทิพย์เทวดาในวัดรู้ และพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ภายในเรื่องที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาศาสนา ไปจนถึงพูดในเชิงว่า เราคือพระพุทธเจ้าจะให้เธอเผยแผ่ศาสนาไปที่ประเทศรัฐเซีย
แล้วเวลาเดินก็พูดมั่วว่าเป็นภาษารัฐเซีย
หลอกหลวงให้ใครรู้ก็ไม่ทราบ
และขณะอยู่ในวัดสาขาหนองป่าพง ก็แปลงจิตว่าตนเป็นครูบาอาจารย์สายวัดป่าต่อญาณทิพย์มาคุย อย่างนั้นอย่างนี้ และทำท่าว่ามีเทวดาขอให้พระไปนั่งสมาธิปลุกเสกพระพุทธให้ แล้วก็ทำว่าตนเป็นพระแล้วไปนั่งอยู่ตรงนั้น แต่ไม่ถึงฌานแต่สงบรวมเป็นสมาธิแล้วหลอกเทวดาแถวนั้นว่าเสร็จแล้ว และเดินออกมาเก็บสายเชือกแล้วไว้ในย่าม และนอนในกุฏิพระแต่นั่งทำเป็นว่าพระหลับและ ไม่สมควรใช้สอยของหนองป่าพง
แสดงให้เทวดารู้ว่า พระเลว และพระจิตที่วิปริต
และตอนเช้าเดินบิณฑบาตรกับพระเจ้าอาวาสวัดสาขาหนองป่าพง และนำมาเทใส่กะละมังและรอเวลาที่เขาให้ฉัน และเข้าไปในศาลาหอฉันและกราบพระประธานตามที่เจ้าอาวาสพากราบ
และนั่งอาสนะถัดมาข้างซ้าย รับสำหรับอาหารต่อจากพระเจ้าอาวาส และตักลงบาตร ไปจนถึงอาหารต่างๆ และสวดๆตามเจ้าอาวาสพาสวดจนเสร็จและฉันจนอิ่ม และขอล้างบาตรให้เจ้าอาวาส และเดินไปแถวตู้หนังสือธรรมะ ปรุงแต่งว่าพระอยากสนใจอยากหยิบมาอ่าน แต่ปรุงว่าตนเป็นครูบาอาจารย์ไม่ให้หยิบเสียเวลาอ่านเพราะปฏิบัติเป็นแล้ว
โชว์ให้เทวดาที่ป่าใหญ่มากรู้
แล้วจากนั้นมันก็ไป ยังขนส่งอุบล และไปอุดร บ้านร้างตำรวจ
[บิณฑบาตรหลังพระวัดป่านาคำน้อยบิณเสร็จเดินเข้าหมู่บ้านให้พรแบบจัดเต็มเป็นที่น่าพอใจกว่า พระองค์อื่นๆให้พร
และปรุงว่าเจ้าอาวาสวัดในหมู่บ้าน ปรุงว่าดีให้พรดี ดีกว่าพระอื่นๆที่มาบิณทรบาตร และให้ไปเอาหรือขอผ้าไตรในวัด
หลอกเทวดา
[ มาร้านค้ามาซื้อของ เข้าไปในร้านปรุงว่าพระสำรวมไม่มองสตรีสวยเลย และซื้อน้ำเฮลูบอยสองขวดและเครื่องดื่มพญานาค และจ่ายเงินแบบไม่อยากมองหน้าสตรีเพราะสำรวมพยายามไม่มอง เสร็จเดินออกจากร้าน เดินไปตามถนนจะกลับไปยังที่บ้านร้างตำรวจเก่า
แล้วพอถึงใกล้จะถึงโค้งๆปรุงว่าพระเจริญกสิณแสงและปรุงเป็นครูบาอาจารย์ทำนองว่า รับรู้ว่าเจริญกสินแสงแล้ว มันทำเรื่องที่กำลังผิดไม่เป็นเรื่องที่น่าพอใจ และครูบาอาจารย์เงียบกำลังคิดแก้ปัญหาที่มันทำไม่ถูกต้องที่มันเจริญกสิณแสง
แล้วเดินๆต่อเลยโค้งไปเจอไฟกำลังไหม้
ต่อฟางข้าวแล้วปรุงว่าพระเห็นไฟแล้วเพ่งดูอยู่แบบหนึ่งแล้วจิตรวม และระหว่างเดินก็ดูไฟไปด้วย แล้วก็เดินต่อไป ไปจนถึงที่พักบ้านร้างตำรวจ
เพื่อให้เทวดารู้ว่าครูบาอาจารย์ ไม่ต้องการให้มันเจริญกรรมฐานกสิณแสง และไม่ให้เป็นพระเคร่ง ให้ตื่นสายๆ
(คาดว่า เทวดารู้แล้วจะได้ไปพูดๆต่อ ทั้งหมดเลยที่ให้อัตภาพทิพย์และเทวดารู้ แล้วพูดติเตียนพระ และอาจมีคิดว่าทำไมครูบาอาจารย์ทำแบบนี้)
[ กัลฑละนาคา ปรุงแต่งบอกพระ ให้หายาพิษผสมในอาหารแล้วไปใส่บาตรให้พระอรหันต์ และผสมยาพิษใส่กับรากไม้หรือน้ำนี่แหละไปถวายให้พระอรหันต์ แล้วบอกว่า ถวายสมุนไพร
พญานาคชื่อกัลฑละ ช่างทิฏฐิโหดร้าย ไม่รู้จักอะไรว่าบาปใหญ่บาปหนัก คิดไตร่ตรองในภายในจิตที่ประมวลผลเร็ว แล้วจึงปรุงแต่งออกมา ช่างชั่วนัก มีบุญคุณกับใครเขาก็ไม่เอามึงหรอก มึงมันชัวโคตรๆ มึงมันทำบาปเยอะและมึงมันดุร้าย และมึงมันไม่เอาข้างล่างกลางบนเลย ชั่วจริงโคตร ถึงขั้นทำลายพุทธศาสนาส่วนส่งต่อลงไปทิ้ง แล้วแอบใช้กายเขาทำสร้างบารมีเข้าในจิตตนเอง แบบพักสังฆกรรมของสงฆ์ในอาวาสวัดที่มึงไปนั่งรวม ไม่ให้เป็นกิจสงฆ์ที่ดำเนินไปถูกต้อง มึงจะบวชให้ใครเป็นเณรไม่ได้หรอก เพีาะมึงไม่ใช่พระภิกษุ และมึงจะบวชพระให้ใครไม่ได้หรอก เพีาะมึงไม่ใช่พระภิกษุ และมึงจะรับการปลงอาบัติจากพระรูปอื่นไม่ได้หรอก เพราะพระพุทธเจ้าให้เฉพาะพระภิกษุกับพระภิกษุปลงแสดงอาบัติ มึงจะเบิกของสงฆ์มาไม่ได้หรอก เพราะมึงต่างจากพระและมึงไม่ใช่ถูกๆต้องที่เข้าไปวัดนั้นวัดนี้แบบที่เขาไปและมึงมันชั่วผลคือมึงไม่ให้มีรุ่นส่งต่อไปเรื่อยๆ ชั่วยิ่งนัก
จนเขาต้องมาแก้เรื่องนี้
มึงมันทรยศอาจารย์และเพื่อน
[ กัลฑนาคา มันคล้ายๆเลียนแบบเทวทัตในกถานิยายธรรมของผู้แต่งรจนาออกมา ที่ว่าบักเทวทัตมันไม่เอาพระพุทธเจ้า มันถือเอาแต่ธรรมะ และมันไม่เอาพระสงฆ์
และมันทำนองว่า เลียนแบบอาจารย์ฉันนะบางส่วน ในช่วงที่ถือเอาแต่พระพุทธเจ้าและพระธรรม ส่วนพระสงฆ์ไม่เอา
ส่วนที่มันถือคือตรงข้ามกับอัฏฐังคิโกมรรคโค
มันเลยข้ามหัวพระพุทธเจ้า และพระสงฆ์ และไม่เอาตามพระธรรมฝ่ายอัฏฐังคิโกมรรคโค
[ มันคิดว่าสตรีเป็นของเล่น คือมันไม่มีความเห็นใจผู้มีใจอ่อนๆๆๆนุ่มๆๆๆ
คิดประมวลอยู่ภายในแล้วพูดบางอย่างให้เขาเข้าใจผิดและรู้ว่าจะเป็นบาปกรรมก็ยังทำ
ในเวลาช่วงที่เหตุเกิดที่วัดมาบจันทร์
สตรีที่มีวิมานอยู่ต้นไม้ใกล้กุฏิพระ
สตรี กะคือ นางฟ้าผู้มีใจอ่อนๆนุ่มๆๆ
เด็ก กะคือภิกษุมงคลชัย
พระ กะคือ พระ แถมรู้อินทรีย์ในการโน้มไปในธรรมคือวิมุติมาก
ต่อมาไปที่ป่าช้าใหญ่
คนแก่ กะคือ หักกิ่งไม้บอกหวยมั้ว และเขียนเลขมั้วให้ยายที่เขาศรัทธาว่ามีพระธุดงค์ที่มาแถวนาตนเองและพูดเรื่องต่างๆภายในครอบครัวว่าลำบากทุกข์เรื่องลูกชายที่กินเหล้า และเรื่องภายในครอบครัวเงินทอง มาขอพึ่งขอพาโปรดสักงวดแน่ข้าน้อยขอเลขหวย แล้วกัลฑละนาคาฟังแล้วมันหมายว่ายายนี่น่าสงสาร แล้วมันเขียนเลขใส่ดินมั่ว และกำซับอีกให้อ่านตัวเลขให้ออกว่ที่เขียนเป็นตัวอักขระเลขอะไร เพราะมองดูทางหัวจะไม่น่าเข้าใจเหมือนดูแบบมองจากด้านล่าง
[ เดินไปจะไปที่บริษัทขนส่ง 407 รถทัวร์ไปขนส่งจังหวัดอุบลราชธานี มีรถชายผู้สะอาดสะอ้านฐานะดี จอดและเปิดกระจกถามว่า พระอาจารย์ครับ ลำบากข่นส่งของบริขารหนักและหลายอัน ให้โยมไปส่งไหม จะไปที่ไหน
แล้วตกลง ว่าไปขนส่ง 407 ขึ้นรถนั่งข้างเขา แล้วโชว์ภูมิให้อัตภาพทิพย์รู้ว่าบอกว่า(ลักษณะหมายในทางลบๆ) ว่าชายคนนี้เป็นกระเท คุยกับพระชอบพระ จนเขาไปส่งถึงขนส่ง407ขึ้ยรถไปขนส่งจังหวัดอุบลราชธานี]
[ กัลฑละนาคีภูมิจิตยังหนุ่มๆ ปรุงแต่งจิตตนเป็นจิตพระอรหันต์องค์นั้นองค์นี้ในลักณะล้อเลียนทำกรรมไม่ดี ]
[ กัลฑละนาคาผู้ภูมิจิตปฐมวัยยังไม่ใช่มัจฉิมวัยปัจฉิมมัจฉิมวัยปัจฉิมวัย]
เปรียบเหมือนกิ่งไม้ ช่วง0-5050-100100-1500 คือวัยภูมิจิต
อุเทศ กัลทละนาคา ทำลาย พุทธศาสนา ส่วนอันเป็นปัจจัยส่งต่อให้มีรุ่นหลังลงไป
พระสูตรเนื่อง
นะโม เม
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง
นิทานนัง มูลกาล
อุบัติจิตเต อกุศเล
ปาปโก สังขารเร
มาเร
จะ นันทิ ราคะ สังขารอกุศเล จะ ฉันทะราคะ สัญญาอกุศเล จะ วิญญาณังอกุศเล จะ เวทนาอกุศเล
ปัจยา มโนอกุศลเล วิตักกะอกุศเล
กายะกัมมังอกุศเล มหาปาปโก
วิหิงสาอกุศเลจิตตัง นันทิราคะ
ปัจจยาปาโก มหาปาโกจิตตัง
อหิริกะ อโนตตับปะ นันทิราคะ
อหิริกะ มโนทุจริต
อหิริโก กายทุจริต
อหิริโก ปาปโก กายกรรมมัง
อหิริโก ปาปโก มโนกรรมมัง
อโนตตัปปะ ปาปโก กายกรรมมัง
อโนตตัปปะ ปาปโก มโนกรรมมัง
ปัจจยาวิญญานังอกุศเล สัมประยุทธสังขาเร ฯลฯ วิปาปโก ทุกโข โทมัสสะ
จะ อโนตตัปปะ มิจฉาสังกับโป
จะ อโนตตับปะ มิจฉากัมมันตะ
จะ อโนตตัปปะ มิจฉาวายาโม
จะ อโนตตัปปะ มิจฉามรรคโค โหติ.
หิริโกอุปัติ อโนตัปโปอุบัติ ปัจยา อกุศลเล จิตตัง นิโรโธ
อุบัตติ อหิริโก อโนตตัปโป จิตตัง
อุบัติติ หิริโก โอตตัปโป จิตตัง อสังขารเร
จะ สสังขาเร อหิริโก อโตตัปโป สสังขาเร วิหิงสา สสังขาเร มิจฉาวายามะ
มโมกัมมังปาปโก จิตตังอกุศเล
ปัจยาสัมประยุท ปัญจขันธโธอกุศเล วิบาก วิจิตรตัง ทุกโข นานา วิจิตรตัง
กายกรรม วิหิงสา รูปขันธ์วัตถุ สมโณ
วิบาก สรรพะโรคา กายยะ ปัจยา จักขุโรค โสตะโรค ฆาณะโรค ชิวหาโรค กายยะโรค โรคมะเล็ง โรคกลางเกลื้อน โรคฝี โรคตับ โรคเอดส์ โรคผิวหนัง โรคปวดหัว โรคไมเกรน โรคต้อกระจก โรคมือเฉื่อยเท้าเฉื่อย โรคลำไส้ โรคหลอดลมไม่ปกติ โรคชา โรคตาพล่าตามัว โรคมะเล็งเนื้อหงอกในสมอง โรคแขนขาไม่มีแรง โรคต่างๆที่หมอแพทย์พยาบาลเขารักษากัน เอวัง
เป ฯลฯ
จะ อโนตัปโป อหิริโก ปัจจยา ชนกกรรม ปฏิสนธิ นิรยภูมิ เตรัจฉานภูมิ เปตรภูมิ อบาย ทุกขคติ วินิบาต นิรยะ
ปัจจยา โมหะ ปัจยา ภยาเวร
เทวตาทิพพยะ ปฏิปัณณา ภาวะนา ธัมมา นิร กรุณา
วิปาปโก กัมมัง
โมหะ จิตตัง ปัจจยา นรคุณ มิตรธัมมา
กัมมะ วิบาปะโก โหติ.
ปาปโก ปาปะ นิรคุณัง
จิตตัง สังขาเร วจีกรรมมัง จะ มิตตาธัมมา ภาวนะนา เหตุ ปาปโก โหติ.
.
พุทโธ หาย ธัมโมหาย สังโฆหาย
เป็น มิจฉาทิฏฐิ มิจฉาสังสังกับโป มิจฉาวายาโม มิจฉากัมมันโต
บาปทั้งปวงมีเพราะความ ไม่รู้จัก สังวรณัง ปหานะ อกุศเลจิตตัง จะ ปัจจยา วิบาก ทุกโข นิรยะภูมิ
จักขุสัมผัสชา เวทนา ทุกโข นิรยภูมิ
โผฏฐัพพะสัมผัสชาเวทนา ทุกโข นิรภูมิ
มโนสัมผัสสชาเวทนา ทุกโข นิรยภูมิ
เอวัง
พุทโธ ธัมโม สังโฆ
สรรพเพสัตตา จะ กรุณา วินิจฉะโย
สัตโต มหาสัตโต สมโณมาเรทิพยะมหามิจฉาทิฏฐิโก
สรรพเพสัตตา มหากรุณา กายกรรมมัง ยจีกรรมมัง มโนกรรมมัง วินิจฉะโย ทัณฑ์ ทุกข์โข จะ มหามาเร มิจฉาทิฏฐิ มิจฉาสัมมาสังกัปโป มิจฉาวายาโม ฯ มิจฉากัมมันโต
.....
พุทโธ เม สะระณัง
ธัมโม เม สะระณัง
สังโฆ เม สะระณัง
เอตะทัคโค มหาฤทธิ์ธา มหาอิทธาภิสังขาเร จะ ปัจจยาสาสะนังอัฏฐังคิโกมรรคโค จะ ปรินิพพานัง อนุปาทิเสสะนิพพานนัง
สาวโก พุทธะ อนาคเต
เอวัง
มันกลัวว่าจะมีเทวดาหรือผู้เป็นอัตภาพกายทิพย์ บอกใส่หู ว่า ไปอยู่นั่นทำไม ฯลฯ ให้น้องเขาทำกิจของพระภิกษุเอง สวดทำวัตรเอง เดินบิณฑบาตรเอง ฉันอาหารเอง สรงน้ำเอง วัตรต่างๆของภิกษุให้พระเขาทำเอง ฟังพระปาฏิโมกข์เอง ปลงอาบัติสัพพะตาเอง พูดคำเข้าพรรษาเอง พูดคำออกพรรษาเอง เดินจรงกลมเองซึ่งเป็นกิจของสมณะทำความเพียร นั่งสมาธิเอง ฟังเทศณ์สั่งสมสัมมาทิฐิเอง
และไม่ควรเข้าไปอยู่ในร่างพระ
เรื่องในพระสูตร พระพุทธเจ้าก็ให้นาคที่แปลงกายเป็นมานพที่ขอบวชกับพระ แล้วพระสงฆ์บวชให้ และพระพุทธเจ้าทรงให้พระสึกนาคตัวนั้นเสีย เพราะว่าไม่เหมาะไม่ควร ให้ไปเข้าอุโบสถ 8 เอง ในวัน 14 ค่ำ 15 ค่ำ แห่งปักข์เอง
ไม่ให้เป็นภิกษุในกลุ่มพระเลย
สงฆ์ไม่บริสุทธิ์ เพราะมีภิกษุที่ปาราชิกแล้วนั่งไม่ละอาย ยังจะร่วมทำปาฏิโมกข์สังฆกรรมของภิกษุ
จึงทำให้พระพุทธเจ้าไม่ทำปาฏิโมกข์ด้วย แล้วต่อจากนั้นตรัสให้สงฆ์ทำกันเอง พระองค์จะไม่ได้ไปนำพาภิกษุสงฆ์ทำอีกต่อไป
เรื่องในพระสูตร พระปาราชิกแล้ว
แต่ยังไปเข้าทำสังฆกรรมที่ว่าด้วยปาฏิโมกข์ในสมัยที่พระพุทธเจ้าเป็นผู้พานำสังฆ์กรรมในปาฏิโมกข์
แล้วพระที่นั่งรอพระพุทธเจ้ามานำพาทำในเรื่องปาฏิโมกข์ ก็นั่งรอตั้งแต่ยามแรกไม่เห็นเสด็จมา พระมหาโมคคัลลานะก็ไปกราบทูลว่า ภิกษุสงฆ์รออยู่พระเจ้าข้า
พระพุทธเจ้าทรงนิ่ง
แม้ยามกลาง พระมหาโมคคัลนะก็ไปกราบทูลอีก พระองค์ก็ทรงนิ่ง
แล้วยามจวนจะสว่าง พระมหาโมคคัลลานะก็ไปกราบทูลอีก พระองค์ตรัสว่า น่าอัศจรรย์จริง น่าอัศจรรย์จริง ที่โมฆะบุรุษนั้น ไม่ละอาย ยังจะร่วมนั่งทำกิจของสงฆ์สังฆกรรมบนอาสนะที่เต็มไปด้วยหมู่ภิกษุฯลฯ
เมื่อเกิดมีพระที่ปาราชิกแล้วแต่ยังเข้าไปร่วมนั่งทำปาฏิโมกข์พร้อมกับพระหลายๆรูปในนั้น เมื่อมีแบบนี้แล้วพระตถาคตจะไม่ไปพานำทำปาฏิโมกข์ ต่อไปนี้ให้ภิกษุสงฆ์ทำปาฏิโมกข์เอง
แล้วพระมหาโมคคัลน่ะก็กลับไป แล้วใช้อภิญญาจิตตรวจดูว่ารูปใดไม่บริสุทธิคือปาราชิกแล้ว พอรู้แล้ว พระมหาโมคคัลนะจึงจับแขนพาเดินออกไปนอกวัดแล้วใส่กรอนประตูไว้ไม่ให้เข้ามา
เรื่องที่แปลก ที่พระพุทธเจ้าเห็นคงอุทานว่า
อัศจรรย์นัก อัศจรรย์นัก ว่าจะมีความไม่ละอายจิตไม่ละอายใจถึงขั้นขนาดนี้
ทั้งที่สิกขาบทไม่ให้นาคบวช ก็รู้
ทั้งที่ภูมิความรู้ในการเข้าฌานก็รู้และชำนาญและความรู้ละอกุศลด้วยสมถะก็รู้ในการละอกุศลด้วยปัญญาก็รู้ ความรู้เรื่องกรรมฐานกองอื่นๆที่เขาว่ากรรมฐานสี่สิบก็รู้ ความรู้ในการอยู่ด้วยกันแบบมีความสุขทั่วๆไปก็มี
ปู่ฌานวสีนาคีรู้
ไปสิงแล้ว ความจำตนลืมหมด อาศัยความจำในสมองพระปฏิบัติภาวนากรรมฐาน ชุบทิฏฐิความเห็นตนใหม่ เหมือนสิงเต่าในน้ำ ก็จะรู้แต่เรื่องผักบุ้กชนิดนี้รสชาติอะไรยังไง จืด สีนี้แข็ง ส่วนยอดอ่อน ว่ายน้ำไปทางนี้ หมู่เต่าเยอะ ไปทางนี้สัตว์ใหญ่เยอะ ไปทางนู้นผักบุ้งอ่อนเยอะ
ก็เลยไปชุปความเห็นของพระปฏิบัติภาวนากรรมฐาน
ไปแล้วเรื่องที่จะเกิด คือพระอรหันต์ผู้มีอภิญญาตาทิพย์หูทิพย์เจโตปริญญาณ รู้ และบอกท่านอื่นๆ และพระที่ยังไม่ลุถึงวิมุติที่มีอภิญญาญาณในการรู้ในเรื่องนี้จะรู้แน่ๆและบอกท่านอื่นๆ รวมทั้งเทพเทวานาคครุฑยักษ์คนธรรพ์ จะรู้แน่ๆ และบอกเพื่อนๆต่อ และคงจะด่าว่าตนแน่นอน
ลงไปจนถึงกลุ่มที่รู้จักตน เพื่อนๆที่รู้จักตน และคนที่เคยเคารพศรัทธาในตน และผู้เป็นกลางๆ
และรู้ว่า พระปฏิบัติกรรมฐานภาวนารูปนี้ จิตจะเป็นภาวะที่.... จะขึ้นมาใช้กายเดินจรงกลมไม่ได้ จะฉันบิณฑบาตรเองไม่ได้ จะสวดมนต์ทำวัตรเองไม่ได้ จะพูดคำเข้าพรรษาเองไม่ได้ พรรษาก็เลยไม่ขึ้นเหมือนพระท่านอื่นๆ จะก้าวท้าวเดินบิณฑบาตก็ไม่ได้ ใช้กายทำกิจสงฆ์ต่างๆนาๆไม่ได้
และรู้ว่า เมื่อเข้าไปสิงแล้วน้องเขาจะไม่ได้เดินจรงกลมซักฟอกจิตให้ปลอดนิวรณ์และสร้างสมาธิจิตขึ้นมาในระดับปลอดจากนิวรณ์ ทำให้เป็นภาวะหยุดภาวนาในการซำละซักฟอกจิตปลอดจากนิวรณ์ จัดขวางไม่ให้ลุถึงมรรคที่สูงขึ้นไปอีกไปจนถึงวิมุติอย่างร้ายแรงรับไม่ได้ที่สุด
และเทวดาที่เมตตาช่วยอบรมในการภาวนาให้กับน้องทั้งที่ดูช่วงอยู่วัดมาบจันทร์และที่ผ่านมาจะไม่ได้มาอบรมแน่ อาจไปที่อื่นท่านอื่น ตามแต่เหตุปัจจัยที่เห็นว่าจะให้ธรรมะอะไรยังไงกับพระกับฆราวาสที่ภาวนา
และรู้ว่า กิจสงฆ์คือสังฆกรรม ปลงอาบัติให้กับรูปอื่นจะไม่ผ่านแล้วฟังพระปาฏิโมกข์ นั่งในท่ากกลางพระภิกษุผู้บวชแล้ว
ไปวัดนั้นไปตักอาหารที่พระเขาไปตักก่อน
ไปวัดนั้นวัดนี้ก็ไปตักเอากับเขาด้วย
เขาให้พระตักแต่ตนเองไปตักเอา
และของสงฆ์ต่างๆในห้องเก็บของ เช่นใบมีดโกน สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม ผ้าอังสะ ป้าสบง ผ้าบริขาร รองเท้า ผงซักซอก อื่นๆก็ไปเบิกเอาของสงฆ์
และก็ชุปทิฏฐิความรู้ในมรรคภาวนาและการทำความดีทางกายทางวาจาและทางใจ
และก็ทำกายกรรม วจีกรรม ที่เป็นกุศล
เมื่อมีพระขอให้ช่วยยกน้ำเข้าไปเก็บก็จะไปยกช่วยด้วย
เมื่อมีพระให้ไปอุปฐากสงฆ์น้ำครูบาอาจารย์ก็คงจะไป
ันั่งรถวัดไปบิณฑบาตรแบบพระชิวๆเลย
ในท่ามกลางที่ผู้มีอภิญญารู้และเทวดาที่รู้
แล้วรับไม่ได้ ขุดเคืองจิตใจเป็นไม่พอใจ เห็แล้วไม่น่าพอใจ น่าโมโห
แล้วก็เป็นบารมีที่เก็บไว้รอให้ผลในภายหน้าอันหลีงจากทำกายกรรมวจีกรรมมโนกรรมกุศลเสร็จ แล้วรอหนีเข้าคุก และรอการการอิสระ แล้วใครไม่ชอบก็ช่าง หน้าตาเอาทิ้งหมดเลย ชื่อเสียงทิ้งหมด ใครจะว่าสาวขึ้นไปหาคนอบรมสั่งสอนยังไงก็เป็นไปตามกรรมของเขาละ
เขาด่าเขาว่าเขาขุนเคืองในวัด ก็เป็นไปตามกรรมของเขาละ ไม่แคร์ว่ามันเกินจะทนจริงๆ
เก็บทานกับปัญญาเก็บเมตตาเก็บวิริยะเก็บศีลเก็บเนกขัมมะเก็บบารมีข้อต่างๆในอีกอย่างหนึ่งแม้จะซ้ำก็ตาม แต่ได้เก็บอันที่คิดว่าจะต้องเก็บ
ผู้ที่รู้ มีแต่เทพเทวาตามวัดที่จิตภาวนาในมรรค และผู้ที่รู้ต่อที่สองก็คงผู้มุ่งภาวนาทางใจในระดับต่างๆกันทั้งสามระดับ
แต่ตนเองไม่ได้เห็นไม่ได้ยินไม่ได้รับรู้เรื่องภายนอกที่เทพเทวดานาคครุฑคนธรร์เขาคุยกัน จะสบายใจตรงนี้
ผีรู้ อรสูร รู้ก็ช่างเขา บาปเกิดจากการด่าการว่าเกิดขึ้นก็ช่างเขา
เมื่อออกจากร่างแล้วจะไปผ่าหัวตามอาฏาฏิสูตรแล้วหลบเข้าไปภาวนาต่อในกรงขังแบบมีคนป้องกันไว้ให้โดยทหารเทพนาคี แบบไม่มีอะไรมากวน แล้วรอการอิสระ
เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในการเบียดเบียนอันใหญ่ๆสิ่งใหญ่ๆเรื่องที่เทพเขารู้ว่ามันเรื่องไม่เล็กเลย ที่เขามีการให้ค่าที่ใหญ่ๆ
ไปเบียดพระเบียดสงฆ์เบียดผู้ภาวนาทั้งพระทั้งเทพเทวดานาคครุฑคนธรร์ และ ทั้งนาคยักษ์ที่เขารู้เรื่องความเหมาะสมความสมควรความควรละอายแก่ใจอะไรที่มันเกินสุดจะรับได้แม้ไม่ได้เป็นผู้สำรวมแล้วในการภาวนา มันสุดเกินจะรับได้กับการมาเก็บบารมีแบบนี้
เป็นตัวอย่างที่ให้ชวนคิดว่า มันทำแบบนี้เพราะอะไรยังไง
มองว่าหลักนิติปกครองคงจะไม่มาแทรกในการบารมีและภาวนาในกรงขัง
แล้วรออิสระ
ส่วนอะไรที่ผ่านมาก็ช่างมัน อยู่ในกรงขัง ไม่ได้รับเสียงว่า สบายหู เขาจะส่องดูจิตดูหน้าตาว่าทำอะไรยังไงในกรงขังก็ช่าง
ทั้งพรหม ทั้งเทพ ทั้งนาค ทั้งครุุฑ ทั้งคนธรรพ์ ทั้งยักษ์ ทั้งอสูร ทั้งมนุษย์มีอภิญญารู้
แสกนตรวจหาดูก่อน ทั้งพระภิกษุ ทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา หรือคนที่เนื่องด้วยที่เมื่อไปเบียดเขาแล้วเก็บบารมีข้อที่หมายไว้แล้วละสิ
แล้วค่อยเลือกจะไปเบียดใคร ความยากความง่ายต่างกันยังไง ที่จะทำให้ได้เก็บบารมีดั่งที่หมายไว้
รู้ทั้งรู้ว่ามันรับไม่ได้เลย
พอเข้ามาเบียดสิงแล้ว
ทำอะไรอีกละ รู้ว่าตนเป็นอะไรแล้ว
เพราะจิตคิดได้เร็วหลายนัยยะ
เห็นอินทรีย์น้อมไปในการหมดสิ้นภพ
แล้วทำยังไง สนเขาไหมละ แต่งเรื่องพูดให้เหมือนคนจิตวิปริตบ้าให้ เทพเทวดานาคและผู้ที่เนื่องๆด้วยว่าพระที่มาจากที่อื่นมาภาวนา ให้เข้าใจว่าจิตวิปริต รู้ว่าเป็นสิ่งไม่ดีเป็นกรรมนิดหน่อย
และปรุงแต่งสร้างขึ้นมาว่าน้องจิตวิปริตเป็นบ้าเหยียบศรีษะหัวหลวงปู่ที่เป็นเทวดา และปรุงกระแสเป็นปรามาจารย์บอก ว่า อย่าปรุงแบบนั้นๆ และปรุงแต่งว่าน้องเขาปรุงเหยียบหัวหลวงปู่ แล้วปรุงแต่งบอกพระว่า อย่าปรุงแต่งเหยียบหัวหลวงปู่แบบนั้น
ปรุงให้เทวดาและนาควัดมาบจันทร์เข้าใจว่าพระรูปนี้เป็นบ้าจิตวิปริตแล้ว
แล้วปรุงแต่งตนเองว่าเป็นหมอรักษาจิตวิปริต และปรุงว่ามีอนาคตังสญาณรู้
เพื่อให้เขาเข้าใจแล้วเลิกมาดู
ไปวัดป่านาคำน้อยแต่งเรื่องสารพัดให้เข้าใจว่าเป็นพระเลวพระบ้าเพื่อให้มีทิฏทิที่เป็นไปทางลบๆกับพระ ทำท่าเต้นๆเปิดสบงโชว์เทวดาวัดป่านาคำน้อยเพื่อให้เทวดารู้ว่าเป็นพระบ้าจิตไม่ปกติแล้ว
และปรุงแต่งให้เทวดาวัดป่านาคำน้อยเข้าใจว่าหลวงปู่คำแก้วทำของคุณไสย์ใส่พระที่ตนสิงอยู่ ให้เทวดาคิดว่า โอ้ขนาดพระพ่อปู่คำแก้วยังทำของใส่มัน หลวงปู่คำแก้วเล่นอะไรที่ดำๆแล้วอะ
ซักชวนให้เทวดามองในด้านลบกับพระที่ตนสิงอยู่
ช่วงขับรถ ปรุงแต่งกระแสว่าพลังงานจิตหลวงปู่ดู่แทรกแล้วทำท่าจะหักแห๊นรถจักรยานต์ให้ล้มลงข้างทาง โชว์ว่ายอม อโหสิกรรมให้ เรื่องที่แต่งว่าเหยียบหัว
แล้วจะไปนรก
โชว์ให้เทวดาที่คิดว่าตามดูรู้
และทำอกุศลกรรมคือปรุงแต่งว่าหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ไม่ให้เจริญอาโปกสิณ พังทิ้ง แบบปรุงยกอันอื่นขึ้นมา เพื่อให้ไม่ให้ทำกรรมฐานอิติปิโส อาโป ได้ต่อ )ที่พระเขาหมาย (อิติปิโส อาโป ) ไม่ให้ทำไม่ให้มีการสร้างขึ้นมาเป็น (อาโป นามหมาย ) เพื่อให้เหล่าเทวดาวัดป่านาคำน้อยเข้าใจผิด
ส่วน อากิณ สัญญา (ความว่าง สัญฺญา) ล้มไม่ได้ เลยบอกว่าให้เหลือปล่อยไว้ทำต่อได้
ในสมัยพุทธกาลมีการคว่ำบาตรกับเจ้าลิจฉวีที่ทำให้ ภิกษุ เสื่อมลาภและอื่นๆ
คือไม่รับอาหารบิณฑบาต ไม่ได้บุญระดับทานบารมี แม้จะเข้าออกนิโรธมาใหม่ๆท่านก็ไม่ไปเดินบิณฑบาตรกับคนๆนั้น รับอาหารบิณฑบาตไปตามลำดับๆคนที่1ที่2ที่3ไปจนถึงคนสุดท้าย คือที่30 ท่านก็ไม่รับอาหารบิณฑบาตจากคนที่คว่ำบาตรเช่นคนที่5ก็จะไม่รับจากคนที่5 เว้นเฉพาะคนที่5ไว้
เนื้อหาในพระสูตรจะยาวกว่านี้
แต่ต้องพิจารณาก่อนแล้วค่อยทำการคว่ำบาตรคนๆนั้น
และพิจารณาอีกว่าเลิกคล่ำแล้วจะเป็นยังไง
สมัยก่อนพระพุทธเจ้าท่านพิจารณาและทำออกมาก่อนเลย จึงมีปรากฏในพระสูตรว่าพระพุทธเจ้าก่อน
#####
ปรุงให้เทวดาที่ภาวนาตามวัดละแวกนั้น
เข้าใจว่าพระเลวบ้า
ปรุงสร้างภาพเหยียบ....ราชีนี
ปรุงเป็น อาจารย์สนังกุมารพรหมพาว่า หีอีราสิณี
ปรุงเป็นอาจารย์อิน แบบโกธรตามเอาเรื่องสุดๆ
ใช้หน้าผากถูกับผนังปูนห้องน้ำ จนเลือดไหล แล้วใช้ลิ้นเรียเลือดที่ติดอยู่ผนังห้องน้ำแล้วกินเลือดนั้น
ใช้ริมฝีปากที่แบบไปกับจมูกถูกับผนังปูนห้องน้ำจนเลือดออก แล้วใช้ลิ้นเรียเลือดที่ติดอยู่กับผนังปูนแล้วกินเลือดนั้น
ประมาณน่าจะหลายครั้งมาก ตั้งแต่ช่วงอาทิตย์ตกดินมืดแล้ว2ทุ่ม จนตี 5
หน้าผากจมูกริมฝีปากเป็นแผลถลอกเลย
ใช้ฟันงัดไม้ที่ล็อคประตู งัดแล้วงัดอีกจนประตูเปิดได้ โดยไม่สนฟันโยกแล้ว
#วัดป่าภก้อนๆ แล้วหลอกเทวดาสายภาวนาวัดป่าภก้อนๆ ให้เข้าใจไปทางลบโคตรๆ ถึงกับในหลวงร9ให้บักถมช่วยทำของใส่ และ บักถมมาพร้อมบริวารพวกผีเล่นงานพระเลย และใช้ปากกาข่มขีดหัวพระ แบบหวังผลว่า จะมีเลือดออกเป็นรอยเลย เน้นแบบ.... หืม...สุดๆ
กินเลือดผสมปูน
กินน้ำผสมฝุ่นบาดาล
กินไม้
วิ่งหนีตำรวจ
กระโดดรถแบบสติรู้การเคลื่อนไหวบวกเฉยแบบวิบเลย วิ่งหนีตำรวจนอบสอง
กระโจนทางความคิดโชว์จะพังของสงฆ์ระเนระนาด ให้เทวะเข้าใจว่า..
อยู่ใกล้สระบ้านร้างตำรวจ
ทำเลือดออกตรงเหงือกที่ฝันผุ แต่ไม่ได้เลือดออก แล้วทำเป็นก้อนๆ แล้วปรุงว่านี่มันอะไรว้า.. แล้วคลายออกมาถ่มออกมา ก็คือเป็นเลือดสีแดงๆ
แล้วผ่านไปอยู่บ้านร้างตำรวจนั้น
ก็ทำเลือดออก แล้วลิ้นรู้ทราบรสว่าเป็นเลือด รู้สึกแป้วๆกลืนเข้าไป
ปรุงโชว์
ถ้าจะเอาตำแหน่งสังฆราช ให้เตะบักถม
แล้วก็ปรุงว่าเด็กเตะบักถม
1ทุ่มกว่าๆ นาคคีที่สิงร่างกายพระนั้น
ปรุงโชว์เทวดาภาวนาปฏิบัติธรรม
ว่ากินเลือดพระแล้วมีพลัง
แล้วปรุงเหนื่อยพลังอ่อน
แล้วใช้หน้าผากพระถูปูไปมากับปูนซีเมนห้องน้ำให้เลือดออกติดปูน
แล้วใช้ลินเลียเลือดที่ติดอยู่กับปูน แล้วกลืน แล้วปรุงมีพลังขึ้นมา
แล้วครู่1 ประมาณ20วิs ปรุงเหนื่อยอีก
แล้วถูอีก กินเลือดอีก
ไปเรื่อยๆ
แล้วเปลี่ยนมาใช้ริมฝีปากจมูกถูไปมา กับปูนให้เลือดออก แล้วกินเลือดพระ ปรุงมีพลังขึ้นมา
แล้วครู่หนึ่งพลังอ่อน
ถูอีกกินเลือดอีก
หลายครั้งหลายหน
จนถึงช่วงตี5จะเช้ามีแสงพระอาทิตย์
มาบ้านหนองยอแล้ว
นั่งอยู่อู่เป กระแสจิตใสๆ ทำเลือดออกแล้วรู้รสว่าเป็นแป้วๆแล้วกลืนเลือดนั้น
แล้วปรุงพูดว่า ทำเลือดออกแล้วกลืนมันเสียหายนิดหน่อยเอง ไม่ได้กรีดออกในแบบเสียหายทำนองว่ากลาง
กินอยู่บ้านพบ 2 ครั้ง ไม่ได้ว่าจริงๆมี2ครั้ง
#กลางคือใช้มีดกรีด
#มากคือทำอะไรที่ให้คมเป็นบาดแผลให้เลือดออกทั้งร่าง
กินอยู่บ้านพักนาจะหลวยอีก
ตอนแรกว่า เรียกอาฏานาแบบไม่ครบเต็ม
และคิดว่า จะแบบผ่าเหมือนหมอแต่ไม่มียาชา และนัดผ่า เป็นครั้งๆไป
ตอนสอง บอกให้เรียกชื่อ แค่ชื่อมาเอาตัวไป แบบนัดผ่าไม่ก็ซ่อนในต่อซีกไม้
{ แนะเทวดาชาวฟ้าหื้อสิงพระสระรีระศพพุทธ หื้อเกิดการมีความรู้ แต่ก็มีเทวาบ้างส่วนที่เคารพมาขัดไว้ไม่หื้อสิงดู }
หื้อฮู้ว่าเป็นบ่อความรู้ธรรมขั้นสุดสูงสูงสุดๆอีกแหล่งหนึ่ง ภาวะใจข้ามความเคารพต่อสิ่งวัตถุพระสระรีระกายพุทธะ
**ใจความคือพระพุทธะมองว่านาคีที่สิงภิกษุมันเป็นเชื้อโรคที่อยู่บนแผล เลยรับอาฏานาฏิยะ เพื่อให้เชื้อโรคนั้นออก พอเชื้อโรคไม่มีอยู่บนแผล จึงทำให้มีภาวะปกติ ทำกิจคือทำจิตให้เป็นภาวนา เดินจรงกลม นั่งสมาธิ วิปัสนาธุระ คันธะธุระ เข้าอุโบสถกล่าวคำเข้าพรรษาได้ ปลงรับอาบัติกับเพื่อนภิกษุได้ และวิมุติธรรมบังเกิดแก่จิตได้ ตื่นมาซักฟอกนิวรณ์ยามกลางด้วยการเดินจรงกลมในที่แจ้ง หรือทำธุดงค์วัตรข้อต่างๆอันเป็นที่เหมาะแก่จิต
และประกอบบารมีข้ออื่นๆได้ ใน 10 ทัศภายใน และสงเคราะห์ให้ผู้อื่นได้ทำบารมี10ทัศภายในหรือภายนอกได้
และทำวัตรต่อการบวชอุปสมบทให้ผู้อื่นได้ ในการให้มาศึกษาสืบคำสอนสอนที่เนื่องด้วยพระธรรมต่อไปได้ในรุ่นต่อไป
และภาวนาพัฒนาจิตไปถึงอริยะมรรคอริยะผลขึ้นไปจนไปถึงอภิญญาข้ออาสวักขยญาณ หรือ วิหารธรรมข้อ สัญญาเวทยตะนิโรธ หรือนิโรธสมาบัติ
ธรรมที่นำออกสามารถเข้าถึงได้และให้คนอื่นรู้ได้
[ สิงแล้วทำกุศลกรรมวิบากให้มาตามคุ้มครองตน
หลับไม่มี มีแต่ปรุงใน
อย่างนั้นอย่างนี้ ดึงเรื่องนู้นดึงเรื่องนี้ขึ้นมา
และวางแผนในยามโผ่ออกมาจะปรุงอะไรยังไงให้เทวดาเข้าใจ
[ไม่สนพุทธบริษัทที่เป็นกายทิพย์จะว่าและพระพรหมท่านดู เทวดาอริยะๆนี้ข้ามหมดไม่สนว่าเขาจะว่ายังไง
บาปเยอะกี่จิต ไม่สน
,ยุให้เทวดาเข้าใจผิดแล้วทำบาปก็มี
เทวดาน้อยซะที่ไหนเยอะมากอันที่คิดว่าเขาจะดู
,ปรุงแต่งให้เหล่านาคาเข้าใจผิดว่าเป็นภิกษุเลวไม่ดี แล้วรู้ด้วยว่าเทวดาที่ตามมาจากวัดมาบจันทร์และพญานาคแถวนั้นมีดูอยู่จะมีเชื่อมลงทางน้ำข้างๆตลาดระยอง
[ ทำปฏิปทาโมทนาบุญ กับเจ้กุ้งคนสวย คือลึกๆแล้ว...]
ก็เลยโดนไป2ที
[มันพักทำสมาธิในภายใน และภาวนากรรมฐาน เพื่อไม่ให้ทุกข์ใจ ในร่างกายพระที่มันเข้ามาสิงแบบเต็ม ซึ่งธรรมะต่างๆดึงมาจากสมองมานำร่องเป็นกรรมฐานภาวนา ]
อ่านดูในแอปMessnger จะรู้อะไรหลายๆอย่าง
มันใส่ร้ายพระอรหันต์
มันใส่ร้ายพระโพธิสัตว์
มันมุ่งร้ายต่อเทวดาสายภาวนาให้รู้ว่าพระอรหันต์ทำเรื่องของดำใส่พระมงคลชัยที่มันสิงอยู่
มันปรุงอาการเหมือนคนบ้าแขนเกร็งตามชื่อยาศรีมหาโพธิ รพ จิตเวช ให้พระเณรและชาวบ้านที่มาช่วยงานบวชภาคฤดูร้อนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ โดยไม่สนว่าเขาหาว่าเป็น... มันเป็นสิ่งไม่ดีเป็นกรรม
มันยุบุคลาบัญญัติโย ให้ติดต่อ กำจัดพระอรหันต์
มันใส่ร้ายพระอริสงฆ์ในนามว่า เป็นตัวละครต่างๆ ทั้งบิดคอล้อ ทั้งทำเป็นผู้โห้ดเหี้ยมโห้ดร้าย ให้เทวดาเกิดความเข้าใจ
มันคิดว่าจะไปวัดป่าสายภาวนาต่างๆเพื่อสร้างบุญบารมี
มันคิดว่าคนใส่บาตรให้ช่วงที่มันสิงพระแล้ว อยู่ที่ต่างๆ เขาเอาอาหารกับข้าวใส่บาตรให้หยกๆ แล้วให้พร ให้พรเสร็จ เขาขอเลข แล้วมันก็ให้หวยไป โดยหักกิ่งไม้เล็กๆออกมาเป็นสิบกิ่ง แล้วยื่นให้ ว่า นับดูกิ่งไม้มีกี่กิ่งละ แล้วเขาก็รับเอากิ้งไม้แล้วลาเดินออกไป ทั้งๆที่มันก็ไม่รู้เลขหวยแค่โชว์เทวดาที่ดูอยู่ให้เข้าใจว่าสุดยอดน่ะฉันนี่ไม่ธรรมดาน่ะ แล้วเขาเสียเงินเปล่าๆ ครั้งที่สอง ยายมาใส่บาตรมาจากหมู่บ้านชีวิตที่ลำบากเพราะเรื่องนู้นเรื่องนี้ในภาวะฆราวาสชาวบ้าน มาใส่บาตรถวายอาหารให้ แล้วสวดให้พร แล้วเขาขอเลข ไม่รู้เลขยังเขียนเลขใส่ดินให้เขารู้ แล้วเน้นย้ำบอกให้ยายอ่านให้รู้ว่าเลขอะไร
ครั้งที่สาม สตรีวัยแม่ลูกอ่อนมาใส่บาตรสองคน ใส่เสร็จ แล้วนาคสวดให้พร แล้วสตรีแม่ลูกอ่อนขอเลข แล้วพญานาคปรุงแต่งว่าปู่หนู เดือนชัย บอกตัวนี้เขียนใส่กระดาษ แล้วพญานาคก็ยืนใส่กระดิบข้าวสตรีแม่ลูกอ่อนคนหนึ่งแล้วพูดว่าอย่าบอกไผ๋เด้อเดี๋ยวเลขมันพ่าย อย่าซื้อหลายเด้อร้อยสองร้อยกะพอ แล้วเขาก็พากันกลับ ..... ภายหลังต่อมาสตรีสองคนนั้นไม่มาใส่บาตรอีกเลย
ตั้งสามครั้ง เพียงแค่โชว์ความไม่ธรรมดาคือคล้ายพระเกจิให้เทวดาที่ดู
โดยไม่สงสารคนว่าเขาจะซื้อเลขไม่ถูกแล้วเสียเงินเปล่าๆ
มันเข้าไปร่วมทำสังฆกรรมในโบสถ์ วันสวดปาติโมกข์ ชวนพระมาๆมาปลงอาบัติ แล้วพระก็ปลงอาบัติกับพญานาค พญานาคก็ สัพพะตา อาปัติโย อาโร เจมิ ไปเรื่อยๆ รับการปลงอาบัติไปมาจนเสร็จ แล้วคานเข้าไปไหว้เจ้าอาวาส พูดว่า ปู่ผมขอโทษครับ ผมสิบ่ไปใสแล้วครับ
แล้วปู่ถ่านก็ว่า ยุนี้หละ บ่มีหยังดอก
แล้วก็มีผู้ใหญ่บ้านหมู3เดินเข้ามาในเขตโบถแล้วขึ้นบันไดเข้าไปตามเรียกตัวออกมา ว่าให้ออกมาสิพาไปตรวจร่างกายก่อน
แล้วปู่ถ่านก็เลยบอก ไปตรวจร่างกายก่อน ....
แล้วผู้ใหญ่บ้านก็พาไปหาผู้ใหญ่บ้านหมู่9ที่รถ1669รออยู่ข้างนอกโบถ และผู้ใหญ่บ้านหมู่9พาขึ้นรถ1669ไป รพ หัวตะพาน แล้วก็ตามขั้นตอนเอกสารคิวความดันและเจาะเลือด
แล้วแม่พระมงคลชัย ก็มา
และดูแลนอนเฝ้า
นอนอยู่บนเตียง ผ่านไป 1 วัน พระอนาคามีมาเยี่ยมพร้อมกับพูดคุยด้วยว่าอะไรยังไง จนมันพูดว่าจะไปอยู่วัดท่าน และพูดว่าผมจบกิจแล้วน่ะครับ โกหกมุสาวาทา ว่าจบกิจแล้ว
แล้วครูบาอาจารย์เขาก็ เหมือนตรวจดูจิต ก็ไม่พูดอะไร แต่อาการที่นาคหมายตอนนั้นคือ อาจารย์ไกร ไม่เชื่อ
[ขณะเล่นละครแล้วนอนอยู่2ชัวโมง ใช้นิ้วขีดดินว่าเข้าวัดกูได้
และเดินไปๆก็ทิ้งบริขารลงข้างทาง แล้วพูดว่ามึงสิเอานิพพานรึมึงสิมายึดกับธาตุสี่ดิน(โทรศัพท์มือถือ) น้ำ ไฟ ลม
แล้วขว้างโทรศัพท์มือมือยี่ห้อoppo a71 ขว้างใส่กำแพงวัดป่านาคำน้อยอย่างแรง ..แล้วเดินไปดูโทรศัพท์ว่าสภาพเป็นอย่างไร
หลังจากดูแล้วปรากฏว่า โทรศัพท์ยังมีการเปิดเครื่องอยู่ไฟยังกระพริบๆ ส่วนจอโทรศัพท์แตกเครื่องงอ เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้ว จับโทรศัพท์ขว้างใส่กำแพงอีกเป็นครั้งที่สอง
และก็ตรวจสอบอีกปรากฏว่าเครื่องยังมีอาการทำงานอยู่ จึงถือมาเก็บใส่ผ้า เดินห่างออกมาจากกำแพงแล้วเห็นพระวัดป่านาคำน้อยกำลังออกเดินบิณฑบาตรจะผ่านมาทางนี้ไปเข้าหมู่บ้าน
ก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทำท่าคุยสายกับคนอื่นแล้วพูด.... เพื่อให้พระที่เดินมาเห็นแล้วผ่านไป แต่ขณะที่วัดป่านาคำน้อยเดินมา8 9 10 11 รูปเดินมาถึงตรงถนนนั้นที่ตรงกับที่ทิ้งบริขาร
ก็มองมาและพูดด้วยว่า ......
อะไร ทำไมมานั่งอยู่แบบนี้ตรงนี้ บริขารพระทำไมอีลุงตุงยังละเนระนาดไปหมด
พญานาคพูดโทรศัพท์เองคุยคนเดียวเองต่อ ไม่อยากคุยกับพระวัดป่านาคำน้อยด้วย
จนพระถามเรื่อยๆและพญานาคตอบออกมาว่า ผม.... ล้ม..พัก แล้วพญานาคพูดต่ออีกว่า ผมจะขอเข้าไปจำพรรษาในวัดป่านาคำน้อยครับ
แล้วพระอาจารย์ว่า ไม่ได้ ไม่ให้เข้า ไปจำที่อื่นไป พร้อมกับกิริยาความไม่ชอบ ที่เห็นภาพลักษณะบริขารระเนระนาดแบบนั้น เหมือนมองว่า เป็นพระที่ด้านลบ คล้ายทางจริยวัตรไม่เหมาะเหมือนคนไม่รู้จักอะไร ไม่นาไว้ใจหรือถือว่าไม่เหมาะแก่การให้เข้ามาจำพรรษาด้วย
_
มาตรงที่ทิ้งบริขารแล้วนั่งลง แล้วนั่งก็เห็นรถตำรวจกำลังขี่ออกตรวจ เจอรถตำรวจที่ขับมาจากด้านหลัง แล้วทิ้งบริขารพระแล้ววิ่งเข้าวัดป่านาคำน้อยแบบเร็ว
ตำรวจตามเข้ามาในวัด ตำรวจวิ่งเร็วมาก มาถึงช้าอยู่ตามไม่ทัน มาถึงตัวช่วงหยุดพูดตะโกนกับมักกะทายกวัดป่านาคำน้อยว่า ชื่อพระมงคลชัย กิตติโสภโณ หรือนายมงคลชัย .. อยู่บ้านเลขที่.. จังหวัด..
และตำรวจที่วิ่งมาด้วยความเร็วนั้นก็มาถึง แล้วควบคุมจับใส่กุนแจมือ
และตรวจฉี่ ว่าเล่นยาไหม แล้วก็ควบคุมนาคไปตรวจฉี่รอผลอยู่ไม่นาน ก็ทราบว่าไม่มี และพญานาคมันขอเข้าห้องน้ำเพื่อคิดอะไรบางอย่าง และตำรวจก็เร่งๆขี้เสร็จรึยัง เร็วๆ แล้วมันก็ขี้ออกมา1ก้อน และไม่มีออกมาก้อนที่2เลย แล้วก็ถ่วงเวลาโดยใช้มือย่อนลงไปโถ่ขี้ที่มีน้ำแล้วกวนๆวนน้ำให้มีเสียง เพื่อให้ดังไปใส่หูตำรวจที่อยู่นอกห้องน้ำ
และพอมันคิดอยู่สักพักหนึ่งก็ออกมาจากห้องน้ำ
จึงจับขึ้นหลังกะบะรถตำรวจ
แล้วรถตำรวจก็ขับไปจะออกไปนอกวัด
และขณะขับออกไปได้ไม่นาน พญานาคก็กระโดดออกจากหลังกะบะรถตำรวจ
โดดลงข้างขวาของรถ
พร้อมหมุ่นตัวแบบมีสติตามรู้ไม่ขาด
และมีแผลที่ข้างนิ้วโมงเท้าอันเกิดจากการกระโดดรถลงแล้วบาดเจ็บ
แล้ววิ่งเข้าไปข้างในเรื่อยๆ แล้วตำรวจก็ตะโกนว่าหยุดๆ พร้อมกับวิ่งตามด้วยความเร็ว วิ่งตามอยู่เกือบ1นาที จนวิ่งจะทันตัว ขณะนั้นนาคคงคิดว่าตำรวจมาทันเรื่อยๆแล้ว เลยขี้ออกพร้อมกับวิ่งไปข้างหน้า และวิ่งไปเรื่อยๆ ไม่ถึง 5เมตร ตำรวจสภนายูงก็ตะคุบตัวจนพญานาคล้มลง
แล้วตำรวจที่วิ่งเร็วนั้นก็มือตีไปที่ท้ายทอยพญานาค1ทีให้หมดกำลัง
แต่พญานาคไม่หมดกำลัง ยังนิดหน่อยอยู่ พร้อมกับคิดว่า ตำรวจบาปหลายแล้ว
และตำรวจก็ใส่กุนแจมือนำไปขึ้นรถ
และคร่าวนี้ตำรวจไม่ไขกุญแจมือให้ พร้อมกับนำสายกั้นห้ามเข้ามา นำมารัดตัวผูกพญานาคไว้กับรถด้านหลังพร้อมกับ
[ปรุงแต่งว่าตำรวจที่วิ่งไล่จับคือเจ้ากรรมนายเวรมาตามปองร้ายขัดขวางไม่ให้บรรลุธรรมขั้นอรหันต์ ปรุงโชว์เทวดาวัดป่านาคำน้อยรู้
[ปองร้ายพยาบาล ให้บริวารนาคีกัณฑละ ไปทำร้ายสั่งสอนให้เจ็บเนื้อเจ็บตัว แต่อย่าให้ถึงตาย แล้วพอกลับภพนาคาตามที่เดิม เหตุเพราะโกธรที่สอบอาการว่าเป็นจิตเวชไหม แต่ตนเองไม่ตอบเร็วเพราะมัวแต่ปรุงแต่งหลอกกายทิพย์แถวนั้น จึงปรุงแต่งความคิดความอ่านช้าตามแบบจิตมนุษย์ แล้วตอบว่า ไม่เห็น ไม่ได้ยิน แล้วเขา ลงในใบว่าเป็น
เขาอิงข้อมูลมาจากใบส่งตัวและสังเกตอาการพฤติกรรม ทั้งดวงตา การพูด และท่าทาง แล้วคิดว่าในตำราทวงการแพทย์ที่เรียนมามันจะประมาณนี้ก็ใช่ จึงลงว่าใช่
-แล้วมึงไปโกรธเขาทำไม มึงมัวแต่ปรุงแต่งหลอกคนอื่นว่านี่จิตมนุษย์ช้าตามนี้ ถ้ามึงตอบว่าตอบปุ๊บปับเร็ว เขาคงไม่ลงว่าใช่ โว่เขลาจริงๆเลย รู้จักไหมใครที่ใหญ่กว่ามึงขึ้นไปอีกก็มี
[ ใกล้จะถึงตลาดระยอง มีพื้นที่ว่างๆโปร่งๆ ติดกับน้ำไปมหาสมุทรทั่วถึงหมด
ปรุงแต่งว่าน้องอยากจะไปนั่งฉันข้าวตรงนั้นพร้อมกับดูน้ำมหาสมุทรที่ทำให้ใจแกล้วกล้าร่าเริงยินดีปรีดา
แล้วกัณฑละปรุงแต่งหลอกให้ทิพย์ๆนาคๆที่คิดว่าเขาเหล่านั้นไปมาสัญจรในน้ำมหาสมุทรไปทั่วได้ ปรุงแต่งให้เข้าใจว่า *เลวไม่ดีสุดๆบุคคลนี้ไม่ดีสุดๆ ไม่ใช่พระดี พระทำนองเลว การกระทำไม่ดีร้ายมาก
ให้เทวดาและนาคทราบ
คิดปรุงๆแงว่า ถ้าคนตายแล้ว แล้วไปเกิดแต่ละชั้นต่างกันตั้งแต่ภพนาคคือชั้นล่างสุด ภพถัดขึ้นไปอีกๆๆๆๆไปจนถึงภพที่พระพรหมอยู่
จิตที่มีอัตภาพแล้วเหล่านั้น จิตที่มีอัตภาพอันไหนน่าเชื่อในเรื่องธรรมะ เขาก็มองว่าพระพรหมนี่มีอภิญญาญาณหยั่งรู้ธรรมะได้ เลยคิดว่าพระพรหมเหมาะการเอาหูไปฟังธรรมะ
แต่นาคกัณฑละ เห็นความคิดเรื่องนี้แล้ว
ก็ปรุงสร้างเรื่องเป็นว่าจริง
ให้นาคทั้งปวงที่อยู่ภพชั้นล่าง รู้และให้ว่าให้คนที่มันสิงอยู่.. ว่า * แล้วพูดทำนองว่าเป็นเกจินาคีว่า.. มันไม่ใช่มันไม่จริงหรอกที่ว่านาคในชั้นล่างไม่มีปัญญาในเรื่องธรรมะ เช่นถ้าคนอ่านพระไตรปิฏกแล้วตายไปเกิดเป็นนาคในชั้นล่าง นาคก็จะมีความรู้มีปัญญาในเรื่องธรรมะ
[ ความรู้ทั้งปวงลบหมด เหลือไว้แต่เข้าร่างพระ นอกนั้นรู้เห็นด้วยผัสสะทางสมองพระ ทางลูกกะตาพระ ทางหูพระ และมือนิ้วพระ
[กัทละมันว่าจะเจริญอนิจจะสัญญากับเสียงด่า แม้บาปมากเติบเลย
[ลดคุณสมบัติ
เปลี่ยนรูปประจำตัวในเฟสเป็นรูปช่วงยังไม่ใช่พระ เพื่อให้คนที่อยู่ในเฟสเขาหลายๆผูู้ใช้เข้าใจผิด....
ผ่านไปไม่นานเปลี่ยนใหม่อีกเพราะไม่น่าเนียนมันไม่น่าแนบเนียนกับลดคุณสมบัติเพราะลดเกินไปมันไม่เนียน
เปลี่ยนรูปประจำตัวใหม่เป็นช่วงถ่ายตอนวันบวชที่ดูค่าต่ำลงมาในด้านสมณะธรรมให้คนรู้ว่าเป็นพระบวชใหม่
ปรุงแต่งมีดโกน กับการปลงโกนผมพระอาจารย์อนันต์ เป็นลักษณะความคิดที่วิปริตไม่ให้เหมาะสมในการโกนหัวให้พระ เพราะจะบ้าวิปริตทำอันตรายพระที่ให้โกนหัว "คล้ายๆ พุทโธๆ แล้วปรุงว่า บักเลี่ยม" เพื่อให้อัตภาพทิพย์หรือที่มันเกลียดชังรู้
ลดคุณสมบัติลงมีหลายอัน
ปรุงบ้า ให้เทวดาปล่อย
ปรุงเลว ให้เทวดาปล่อย
ปรุงตนเองเป็นปู่หนูมีญาณรู้อนาคต ให้เทวดาเลิกสนใจ
ปรุงตนเองเป็นปู่หนูทำการวิธีรักษาจืตบ้า
หาพระพุทธรูปองค์น้อยมาใช้บรัดโช่กับผ้าขัดพระๆขัดพระๆ ขัดพระๆ ให้อัตภาพทิพย์รู้
ด้านคล้ายๆทำนองว่าเนรคุณ แต่ปรุงให้อัตภาพทิพย์รู้ เรื่องให้หวยมัว
อื่นๆก็คงจัดเข้า
มนุษย์เขามาใส่บาตรให้มนุษย์ในตอนที่นาคีชัวสิงแล้ว เขาใส่เสร็จสวดให้พรเสร็จ เขาขอหวย หักกิ่งไม้ออกมา10ชิ้นแล้วเอาให้เขาและบอกมีกี่ชิ้นก็นั่นแหละให้เลขหวยมัว ทั้งๆที่สวดสัพพีติโยอารมณ์ทำนองธัมมะมันกระฟุ้งขึ้นมาให้รู้ว่าอะไรยังไง ก็โน้มไปให้เลขหวยมัว
ครั้งที่2ให้หวยมัวกับยายที่ค่อนข้างมีทุกข์ขัดสนในเรื่องลูกชายและเงินเรื่องภายในครอบครัว
เขาเล่าให้ฟังก็มีการเข้าใจว่ายายผู้นี้นี่ค่อนข้างมีทุกข์ขัดสนในเรื่องลูกชายและเงินเรื่องภายในครอบครัวน่าสงสาร
ก็สวดให้พรให้หวยมัว ใช้นิ้ววาดตัวเลขลงดินให้ยายดู เสร็จ เหมือนยายจะไม่เข้าใจว่าที่เขียนลงดินตัวเลขอะไร ก็กำชับให้ดูให้รู้ พร้อมกับทำอาการนี่น่ะครั้งสุดท้ายแล้วน่ะ อุเบกขาวางเฉยไปแล้วน่ะ
ครั้งสามบ้านร้างแถววัดป่านาคำน้อย
เจ้วัยแม่ลูกอ่อน2คน
มาใส่บาตรให้ แล้วให้พระ แล้วเขาขอเลข ปรุงว่าเป็นปู่หนูเขียนเลขให้ แล้วตนก็เอาใส่ในกระติบข้าวเจ้คนหนึ่ง พร้อมบอกอย่าบอกใครน่ะเดียวเลขมันเปลี่ยน อน่าซื้อเยอะน่ะ ร้อยสองร้อยก็พอ
[มุ้งร้ายมาเรื่อยๆ
ปรุงว่าเป็นพระบ้าจิตวิปริต ว่าพระปรุงสร้างภาพราชินีแล้วย้ำเหยียบและเรื่องๆเมๆถุน ให้อัตภาพทิพย์และแถววัดป่านาคำน้อยรู้
แปลงจิตเป็นอาจารย์สนังกุมารพรหมพูดเสียง หอราชินี อย่างดังให้จุดๆรู้ แล้วแปลงจิตเป็นพระพูด หีอิราชินี
พูดอยู่ มากกว่า 100 คำ
ปรุงในภาพในหลวงมีอะไรกับราชินี
แล้วปรุงว่าในหลวงพูดว่า เห็นการที่พระปรุงภาพแบบนี้แล้วรู้สึกเจ็บ ในช่วงที่อยู่ป่าช้าใหญ่
ตอนน่าจะถึงขนส่งแล้วเดินไป ท้ายกลมการขนส่ง ใกล้กับสุสานจีน
ที่เขาเคยพักภาวนา
ปรุงว่าบริวารในหลวง ร 9 ให้เข้าใจว่าพระเลว เลยปรุงว่าบริวารในหลวงแทรกกายพระแล้วสื่อสารอย่างดุดันเอาจริงเอาจังในการมุ่งร้ายกับพระทั้งจะให้คนมายิงทิ้งทั้งไล่ทั้งให้หนีไปที่ลาว
ให้ผีแถวสุสานจีนรู้
ปรุงในหลวงเคี้ยดไม่พอใจอย่างแรงขอให้บักถมผู้สายดำช่วยทำร้ายพระ
เลยแปลงจิตเป็นบักถมแล้วจับปากกาจรดลงไปที่ศรีษะพระอย่างหนักพอที่จะให้ขีดลงมาแล้วเป็นแผลเลือดออกในแบบลากยาวลงมาเป็นเส้น
แปลงจิตว่าในหลวงแทรกพระขณะนั่งบนรถทัวร์ไปอุดร อย่างอดทนอดกลั้นต่อเรื่องบัดสีที่ปรุงๆภาพในทำนองเรื่องที่ว่า
ขณะตรนำไปส่งแถววัด ป่าภูๆก้อนๆรึเปล่า ปรุงว่าตำรวจพวกที่อยู่ในรถนี้เป็นเทวดาที่เป็นบริวารมนหลวงแทรกกายตำรวจ
แล้วกัณฑละแปลงเป็นในหลวงพูดดังมากๆว่า กูเป็นในหลวง มันบ่กล้าเว้าดอก มึง.... เดี๋ยวฉีกจิตทิ้งเลย
เพื่อให้อัตภาพเทวดาและอัตภาพทิพย์รู้
แล้วขีดลง ขีดแล้วจับปากกามาดูว่าปลายปากกามีเลือดไหม เห็นว่าไม่มี
เลยขีดอีก ครั้งนี้อย่างหนักกว่าเดิมและขีดลงไป กะว่าจะให้เลือดออกให้ได้จริงๆกว่าเดิม
[ปิดกลั้นไม่ให้เกิดมรรคญาญรอบตัดอาสวัะให้หมด ที่เปิดไว้แล้ว 1 ครั้ง 2 ครั้ง ปิดไม่ให้มีครั้งที่3 อย่างทารุณโหดสุดๆ
ผู้น้อยกว่าคือจิตยังไม่ถึงรอบเกิดมรรคญาณตัดอาสวะให้หมด ก็คงเบียดลงมาได้
[วางแผนปิดชีวิตพระที่มันสิงอยู่ ทั้งจับผูกคอตาย มากกว่า 1ครั้ง ฯลฯที่ใกล้ห้องน้ำ ที่ใกล้ต้นไม้ ที่เพิงร้าง ทั้งคิดจะฆ่าพระรูปนี้สารพัด ที่สกายวอคตรงประตูลงเปิดลงไปใต้ที่เขาใช้กรงเหล็กล้อมรอบไว้บริเวรมีสวนหญ้าพื้นดินลุ่มๆที่มีคนเร่ร่อนไปนอน
[วิ่งหนีตำรวจที่เขากำลังขับรถออกตรวจดูความเรียบร้อย
เดิมที่นาคีตนนี้มันไปอาศัยอยู่บ้านร้างของ อดีตตำรวจนายหนึ่ง แล้วมันพักอยู่ตรงบ้านร้างนั้นอย่างปรุงแต่งให้อัตภาพทิพย์แถวนั้นไปจนถึงอัตภาพทิพย์สายภาวนามรรคาวัดป่านาคำน้อยรู้แล้ว....
ขณะที่มันพักที่บ้านร้างนั้นมันก็เห็นรถตำรวจขี่ออกตรวจไปตามถนนเข้าไปทางหมู่บ้าน แล้วขี่กลับมาตามถนน มันจึงรู้เข้าใจว่า ตำรวจขี่รถตำรวจออกตรวจพื้นที่ มันทราบแล้วว่า จะมีตำรวจขี่รถตำรวจออกตรวจผ่านถนนสายนี้ไปมาอยู่แล้ว
มันอยู่ที่บ้านร้างเรื่อยๆผ่านวันแรกวันสองวันสามวันสี่วันห้าไปหลายวันเลย แต่มันรู้ว่าตำรวจขี่รถตำรวจออกตรวจช่วงแรกหรือวันสองหรือวันสามวันสี่ก็ไม่รู้
แล้วมีอดีตตำรวจคนหนึ่งขี่รถตนเองมาแวะดูสวนยางและป่ายางพารา ก็ได้เจอกับพระที่นาคีสิงใช้ร่างกายรูปขันธ์ที่กุศลกรรมในศีลห้าในอดีตให้ผล
เมื่อเจอกับพระที่นาคีสิงแล้ว
อดีตตำรวจคนนั้นจึงถามคุยถามเรื่องทำนองว่า พระอาจารย์หรือครูบาหรือมาแต่ใสมาแต่วัดใด๋นอครับ ผมเป็นเจ้าของที่หม่องนี่ สวนยางพารา สระบอปลา สวนกล้วย นาคีจึงใช้กายคือปากพระพูดว่า
อาตมามาแต่....ฯลฯ (และความน่าจะเป้นคือพูดต่อประมาณว่า มาพักอยู่ที่นี้เห็นว่ามันว่างๆดี จึงมาพักที่บ้านร้างนี้
แล้วอดีตนายตำรวจก็ไปคุยเรื่องว่ามีพระธุดงค์มาพักที่บ้านร้างที่สวนเรา
เลยวันที่พบเจอพระที่นาคีสิงแล้ว
แล้วอดีตนายตำรวจคนนั้นก็ นำพวกกับข้าวและอาหารมาถวายใส่บาตรให้
และนาคีที่สิงร่างพระก็ยืนบาตรให้ใส่ลงไปในบาตร
แล้วนาคีที่สิงร่างพระก็สวดให้พรตามแบบทำนองพระมหาบัว และคิดว่าน่าจะมีบทอื่นอีก อดีตตำรวจก็ปนมมือรับพร
เสร็จแล้วอดีตตำรวจก็พูดๆคุยสนทนากับนาคีที่สิงร่างพระอยู่พอหอมปากหอมคอแล้วบอกลากลับ
น่าจะสองวันต่อมา อดีตตำรวจคนนั้นก็มาที่บ้านร้างตนด้วยความอารมณ์ดีร่าเริงแบบคล้ายมาอุปฐากซ่อมแซมที่พักให้พร้อมกับชุดคนทำงานแบบช้างไม้
พร้อมกับอุปกรณ์ทำเตียงไม้ไผ่ซ่อมเตียงไม้ไผ๋ให้นาคีที่สิงพระอยู่
แล้วก็ไปตัดไม้ไผ่ที่กอไผ่หลายลำ และสอไม้ไผ่ให้เป็นที่พอใช้ซ้อมเตียงไม้ไผ่
และก็บอกนาคีที่สิงอยู่ให้ขนย้ายพวกบริขารผ้าต่างๆย่ามต่างๆบาตรและเปรองนั่งออกไปที่อื่นก่อน จะซ่อมเตียงไม้ไผ่ที่สำรุดนี้ให้ใหม่
แล้วนาคีที่สิงพระก็ขนย้ายพวกบริขารต่างๆไปไว้ที่อื่น
อดีตตำรวจก็ซ้อมเสร็จ บอกว่าเสร็จแล้ว...
แล้วนาคีที่สิงพระก็ขนบริขารมาไว้ที่เตียงที่ซ้อมใหม่
ผ่านไปหลายวันนาคีที่สิงพระก็ออกไปตั๋วเทวดาแถวนั้นว่าพระเดินจรงกลมหรือเดินเพื่ออะไรบางอย่าง
ตำรวจเก่าคนนั้นจึงเดินมาพูดคุยสนทนาด้วยความสนใจ
แต่นาคีที่สิงพระกลับโชว์ภูมิว่าตนเป็นอาจารย์อินทวายตั๋วเทวดาแถวนั้น และพูดกับพระในใจว่า บักนี่มันมักคนลักษณะจังสีตั๋ว ออกแนวเล่นตัว ต้องเล่นตัวไม่ปุปปั๊บยินดีพูดคุยด้วย
ทั้งที่ก็รู้ว่าตำรวจเก่าคนนั้นก็อยากจะคุยด้วย แต่นาคีที่สิงพระกลับเดินหลบไปอื่น
ตำรวจเก่าก็ดินตามพร้อมกับพูดคุยอยากจะสนทนาด้วยเพราะใจศรัทธา
แต่มันก็เดินหนีหลบไปทางอื่น ส่วนตำรวจเก่าก็เดินตามและพูดจาอยากจะสนทนาด้วยด้วยใจที่ศรัทธา
ทำนองนี้ไปเรื่อยๆ อยู่หลายครั้ง แล้วตำรวจเก่าก็เดินมาดักหน้าจะพูดคุยสนทนาด้วยให้ได้เพราะใจศรัทธา
แล้วก็พูดคุยสนทนาเรื่องที่จะพูดด้วยจนเสร็จแล้วตำรวจเก่าก็บอกลากลับบ้าน
ต่อมาก็มาอีกนำอาหารกับข้าวมาใส่บาตรพร้อมกับปลุกนาคีที่สิงพระให้ตื่นและพูดว่ากล่าวว่า คึตื่นสวยแท้นอ และก็ขำๆ ว่าพระตื่นสาย
แล้วนาคีที่สิงพระก็ปรุงอายๆที่ตำรวจพูดว่าตื่นสาย และลุกขึ้นนั่ง
แล้วนำบาตรยื่นไปให้ตำรวจเก่าใส่บาตรให้
เสร็จแล้ว
แล้วนาคีที่สิงพระก็สวดให้พร
ตำรวจเก่าก็พนมมือรับพร
และคุยอะไรนิดหน่อยและบอกลากลับ
และช่วงใกล้วันที่รู้จักกัน ตำรวจเก่าก็พาขึ้นไปดูสวนยางพาราของผมที่เนื้อที่กว้างๆ และคุยเรื่องต่างๆไปด้วย
จนแล้วเสร็จและบอกลากลับ
วันต่อมาเรื่อยๆจนถึงวันที่นาคีที่สิงพระหอบบริขารจะเข้าไปในวัดป่านาคำน้อย
ก่อนจะเดินขึ้นไปเห็นรถตำรวจขี่ตามถนนออกตรวจไปแล้ว
และก็ขนบริขารต่างๆมาไว้ที่ตัวแล้วกำลังเดินไปตามถนนที่ไปยังวัดป่านาคำน้อย
ขณะกำลังเดิน ก็ได้เห็นรถตำรวจกำลังมา และเดินแบบสำรวมให้เป็นปกติเพื่อให้ดูเป็นปกติไม่เป็นที่น่าสะดุดตาผิดสังเกตลงมาตรวจหรือจับ ก็คิดอะไรไม่รู้ แล้วแปลงจิตเป็นพระอาจารย์อนันต์ อกิณจโณ แล้วทิ้งบริขารต่างๆลงริมทางข้างกำแพงวัดป่านาคำน้อย แล้ววิ่งอย่างเร็วและพูดว่าอนันต์อกิณจโณพาแลน อนันต์อกิณจโณพาแลน แล้ววิ่งอย่างเร็วไปเรื่อยๆแล้ววิ่งเลี้ยวขวาเข้าวัดป่านาคำน้อย พอเข้าไปในเขตวัดแล้วก็วิ่งต่อด้วยความเร็ว แล้วนาคีที่สิงพระก็ได้ยินเสียงตำรวจตะโกนบอกให้ หยุด อย่างดัง หลายครั้งหลายหน และวิ่งมาเรื่อยๆ
ขณะที่นาคีกำลังวิ่งหนีตำรวจอยู่นั้น ก็มองเห็นข้างทางว่าจะวิ่งหนีลงไปแต่เห็นว่ามันรกมาก แล้วก็วิ่งตรงไปในวัดเข้าสู่ศาลาทำวัตรและที่ฉันข้าวของพระสงฆ์
ขณะนั้นก็เห็นพระอาจารย์อินทร์ถวายกำลังครองผ้าจีวรจะไปบิณฑบาตร
นาคีกัลฑละก็วิ่งตรงเข้าไปหาท่านเรื่อยๆ และก็มีเสียงตำรวจที่วิ่งตามมาตะโกนบอกให้หยุด
ส่วนนาคีนั้นก็ไม่หยุดยังวิ่งต่อ
ยังวิ่งเข้าไปจนผ่านเข้าไปในศาลา
และเห็นท่านกำลังครองผ้าและมองมาที่ตนที่กำลังวิ่งอยู่ ท่านครองผ้าและมองดูอย่างนิ่งๆเหมือนไม่มีอะไร ไม่มีความหวาดกลัวอะไร
แล้วกัลฑละนาคีชั่วที่ทำลายศาสนาพุทธส่วนที่ส่งต่อลงไป ก็วิ่งไปถึงตรงหน้าพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ
แล้วนั่งเอามือไปแตะที่เท้าพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ
แล้วกล่าวคำวาจาว่า "รับผมแนเด้อครับ"
พระอรหันต์ผู้ประเสริฐพูดตอบว่า รับยุ
แล้วตำรวจที่วิ่งตามมาก็มาถึงตัวแล้วควบคุมไปตรวจเยี่ยวที่ห้องน้ำวัดข้างๆศาลาที่นาคีกัลฑละวิ่งเข้าไป
แล้วผลตรวจว่าไม่มีเล่นยา
ใจความคือมันปรุงคิดอะไรข้างในมาแล้วมันจึงกล่าวออกไปอย่างนั้นว่ารับผมแนเด้อครับ
ต่อมา มันพยายามเดินมาที่วัดป่านาคำน้อยอีก และนอนในวัด1คืน แล้วจากไป
ก่อนหน้านั้นเห็นท่สนครั้งแรก
ก็เข้าไปหา แล้วปรุงว่าท่านดูรีบๆเหมือนจะมีกิจธุระอะไรที่ต้องทำ
ท่านบอกว่าถ้าจะมากราบก็มารีบๆ
มันก็เข้าไปแต่แปลงจิตเป็นพระที่สิงอยู่และสลับกับแปลงจิตเป็นพระอาจารย์อินทร์ถวาย แล้วเข้าไปทำทีหลอกว่าตนเป็นท่านคุยด้วยทางโทรจิต และปรุงเป็นพระทำท่าอ่อนน้อมและพูดๆจา ท่านก็ถามๆว่ามาแต่วัดไหนกี่พรรษและอื่นๆทำนองเรื่องของพระผู้ใหญ่ที่จะถามพระที่มาขอกราบ
แล้วนาคกัลฑละมันก็พูดในเชิงว่าตนเป็นพระภิกษุ และพูดว่า ชื่อพระ .. ฉายา... พรรษา... บวชบวชยุวัด .. แต่ก่อนจำพรรษายุที่วัดหนองป่าพง และ..
และท่านก็ฟัง แล้วท่านก็พูดคุยสนทนาด้วยอยู่นิดหนิดหน่อยแล้ว ก็ไปหยิบหนังสือที่ท่านเทศน์ที่พิมพ์ออกมา หลายเล่มแล้วเอาให้ ให้ไปอ่านจังสิหายโง่จังสิฮู้อริยสัจ อริยสัจหลวงตานี่บ่อคือไผ๋ ไปอ่านจังสิหายโง่
แล้วกัลฑละนาคีก็ใช้อัตภาพพระคลานไปหยิบเอาหนังสือ แล้วกราบลา
และไปอ่านที่บ้านร่าง นาคจึงอ่านดูปกเล่มก่อนว่าใจความว่าอะไร จึงดูจนหมดทุกเล่ม และเห็นว่า ชื่อประมาณว่า อริยะสัจสี่ทำให้หายทุกข์ น่าอ่าน
เลยเปิดอ่าน อ่านไปเรื่อยๆ จนพอรู้ว่า เป็นเนื้อหาเทศณ์ยาวตามธรรมดาทั่วไปเป็นแบบเทศณ์ให้บอกสอนชาวฆราวสชาวบ้าน แล้วไม่ถูกใจ ไม่เหมือนในcolonotและเฟส ใจความกระทัดทัดย่นย่อธรรมลงมาให้กระทัดทัดแต่ใจความหมายกว้าง
เลยเลิกอ่านปิดสมุด
และนำไปไว้ที่ข้างๆ
[ ปรุงจิตตนเป็นอารมณ์ความคิดที่เห็นผิดให้จิตพระรับทราบแล้วนำไปเชื่อข้างในเลย
ทั้งพลิกพระไตรปิฏกธรรมฝ่ายตรงข้ามให้เข้าใจว่าเป็นธรรมฝ่ายดีให้จิตพระรับทราบแล้วนำไปเชื่อข้างในเลย
ปรุงจิตตนเป็นเรื่องราวทางใจให้สมจริงแล้วหลอกให้จิตพระรับทราบแล้วนำไปเชื่อข้างในเลยว่าเสพเมถุนปาราชิก
ปรุงจิตตนเป็นเรื่องราวทางใจให้สมจริงแล้วหลอกให้จิตพระรับทราบแล้วนำไปเชื่อข้างในเลยว่า พระอาจารย์อินทร์ถวายโกรธกำลังเล่นงานทำร้าย
ใส่ราคะใส่โทสะและก็ให้เข้าใจธรรมฝ่ายหนึ่งว่าเป็นอีกฝ่ายหนึ่งให้รับทราบแล้วนำไปเชื่อข้างในเลย
ปรุงกรรมบทสิบ
ข้อ1ไปจนถึงไม่ใช่ข้อ กายกรรมวจีกรรม ไม่แน่ใจว่าอภิฌชาไปจนถึงทิฏๆฐิ รึเปล่า
ให้เป็นธรรมอีกฝ่ายใส่ให้รู้แล้วเชื่อในจิตเลย
[ กัลฑละนาคีปรุงแต่งจิตว่าเป็นแม่เจ้าแล้วขอ.. ซักว้าว
แล้วเข้าห้องน้ำซักว้าว แล้วน้ำอสุจิก็ไหลออกมาเยอะมาก
แล้วปรุงแต่งจิตเป็นพระอรหันต์ที่แทรกกายพูดว่า มึงบ่แมนพระอรหันต์.... มึงเป็นสกิทา
แล้ววันหลังต่อมา 1วันหรือ2วันนี่แหละ ก็เดินออกไปข้างนอก แล้วซักว้าวอีก แล้วต่อมาหลายวันก็ซักว่าวอีก ซักแล้วติดใจความสุขละสิ .......
ทั้งๆที่รู้ว่าครอบครัวเขาลำบากเรื่องต่างๆก้ยังตั๋วน่าไม่อายอยู่กับเขา
[ปรุงแต่งว่าบรรยากาศในวัดวังเวงน่ากลัว
แล้วปรุงว่าพระกลัว และปรุงว่าอย่ามาหลอกพระให้ย่านเด้อ
ช่วงนอนหลังวัด มีผีมาตรงบริศาลาที่นอน มีเสียงเหยียบกิ่งไม้ กิ๊กๆ ๆ แล้วนอนฟัง
วันหลังต่อมา ไปตรงนั้น ไปเยี่ยวใส่แม่งเลยที่ผีเคยมาเมื่อวานไม่สนใจ
"จิตลักษณะกร้าง"
ใช้ไฟฟ้าวัด เขาตัดไฟอารมณ์เสีย
ใช้ไฟโดยสักแต่ว่าเสียบๆ แล้วชาตจ์โทรศัพท์ไปด้วย เล่นโทรศัพท์ไปด้วย
และอ่านหนังสืออรรถกถาและฏีกาพระสังฆราชองค์ที่แล้วที่ท่านหามาอธิบายพุทธพจน์ แล้วกัลฑลนาคาก็หาเปิดอ่านตรงสารบัญ เลือกหัวข้อเรื่องไปเรื่อยๆ แล้วอ่านอยู่หลายเรื่อง เรื่องวิปัสนา และเรื่องฌาน และอ่านเรื่องพรหม อสัญญีสัตว์อุบัติขึ้นมาเป็นกายพรหมท่าใดแล้วก็แน่นิ่งในเสวยฌานจนหมดอายุไข และเกี่ยวกับพรหมชั้นต่างๆแต่ก็ไม่รู้ว่าอ่านออกไปอีกหลายหน้าจนจบเลยเรื่องที่ว่าเกี่ยวกับพรหม และบ้าง500กัป บ้างว่า มากกว่า500กัป ในพรหมฌานสี่
แล้วก็จำๆไว้ว่าหนังสือที่พระสังฆะราชเรียบเรียงแต่งอธิบายชื่อว่า...นี่ดีสุดยอดมาก นำพุทธพจน์ขึ้นมาแล้วนำอรรถาฏีกาและลงไปอีกตาความเห็นผู้ทรงคุณวุฒิในธรรมมาอธิบายต่ออีก
แล้วก็กลับไปบ้านพัก ตั๋วพี่สาวเขาพี่เขยเขาต่อ... ตั๋วเทวดาตามป่าที่มีต้นไม้ๆริมทาง
แล้วมันก็คุยธรรมะกับคนอื่น และทำกรรมฐานในภายใน ตื่นมาตาแป๋วเลยคุยกับคนธรรมะธัมโมในเฟสคนนั้นคนนี้เฉยเลย
[พี่เขยเขาพูดว่า "สติบ่ดี ๆ " ทำนองนี้ ยาวออกไปอีก กัลฑละหมายว่า กรรมจะทำให้ "จะเป็นบ้า" แล้วก็นิ่งอยู่ในรถให้เขาพูดนั่นนี่ต่อ แล้วก็กินๆของเขา ใช้น้ำใช้ไฟของๆเขาและอาศัยอยู่กับพวกเขา
เจ้ตาล ชอบว่าให้ชอบใช้ กัลฑละหมายว่า กรรมจะทำให้ "เป็นทาสหลายชาติ"
แล้วก็กินๆของเขา ใช้น้ำใช้ไฟ ใช้เงินของเขา และริบเงินทอนของเขาและพูดทำนองว่าอย่างนั้นอย่างนี้เพื่อให้ริบเงินทอนสำเร็จ บางครั้งเจ้ตาลก็ให้ริบสำเร็จ บ้างครั้งก็ไม่ให้ริบสำเร็จ ให้ทอนมาเลย ประหยัดๆกันหน่อย
ดูแลเด็กแต่ไม่ยอมไปช่วยเด็กในเวลาเด็กวัยอนุบาล1ไม่พอใจวิ่งไปที่ถนนที่มีรถมาจากที่อื่นรถจะขับเร็วในถนนเส้นนี้
เด็กวิ่งไปแล้วกระโดดโล้ดเต้นในถนน
และร้องไห้
กัลฑละเห็นไม่ไปช่วยแต่ปล่อยให้เด็กกระโดดโล้ดเต้นพร้อมกับร้องไห้ทั้งที่รู้ว่าตรงถนนนั้นมันอันตรายมีรถวิ่งเร็วรถชนก็ช่าง
แล้วพอดีเจ้พี่สาวเขาซึ่งเป็นแม่เด็กเห็นก็รีบวิ่งไปรีบอุ้มตัวเด็กกลับออกมาจากถนนแล้วเขาบ้าน พร้อมกับต่อว่าพระที่กัลฑละสิงอยู่อยู่ อย่างไม่พอใจอย่างแรง
แล้วกัลฑละเมื่อรุ้ว่าเขาต่อว่าให้อย่างรุนแรงก็เฉย ทำตัวอาศัยพวกเขากินนอนใช้น้ำไฟใช้เงินเหมือนเดิม
แล้วก็มาปรุงว่า "กูเล่นๆไม่ได้จะเอาจริงหรอก" ฉัน" ขอโทษมึงด้วย" พร้อมใจมีมายาแก้ๆหน้าพอเป็นพิธีไป
[ปรุงคันผิวหนังบริเวรท้าว และมฝ่ามือและแขนและแถวหน้าอกให้คัน แล้วถือเก้าอี้ไปวางใต้ราวเหล็ก และนำโต๊ะเล็กที่เอาจากที่อื่นที่เป็นของคนอื่นมาวางซ้อนเป็นชั้นสองบนเก้าอี้ แล้วขึ้นไปเอาโซ่ล่ามราวเล็กมาฆ้องที่คอพระและล็อคกุญแจที่คอพระอันหนึ่ง และล็อคที่ให้โซ่มันต่อกันที่หนึ่ง แล้วกระตุกโต๊ะที่วางช้อนเก้าอี้เพื่อให้โต๊ะเสียสมดุลล่วงลงไปจากเก้าอี้ ท้าวจะได้ยืนบนเก้าอี้ไม่ได้และลอยเหนือก้าวอี้ ให้เป็นการห้อยคอตายด้วยโซ่
และก่อนหน้านั้นมันเชื่อจิตสุดท้ายอกุศลไปทุกคติภูมิไม่ใช่เชื่อหลักที่ว่าตายแล้วเป็นผีตามอายุไขที่ยังไม่หมด
มันปรุงว่า ว่าถ้าตายมึงก็เป็นผี แล้วค่อยเทศณ์ธรรมะให้ใจเป็นบุญแล้วเกิดใหม่สุคติภพหรือแม่จะทำบุญไปให้ ทั้งๆที่เชื่อหลักที่ว่าตายแล้วจิตเศร้าหมองไปทุกคติภพ
เป็นการปรุงพูดในใจให้อัตภาพผีหรือเทวดาแถวรู้
หลายวันผ่านไปเริ่มมีความคิดว่าจะฆ่าพระด้วยวิธีต่างๆ ทั้งซื้อน้ำแข็งมาเหยียบไว้รอให้มันละลายแล้วก็จะห้อยกับโซ่ที่ผูกไว้กับข้างบนราวแล้ว จะได้ห้อยตายแบบคล้ายให้น้ำแข็งละลายลดระดับพื้นให้เหยียบลงมา จนเท้าไม่ถึงพื้นแล้วลอยไม่ติดพื้น ตายแบบห้อยคอกับโซ่ที่ผูกไว้กับราว
แล้วก็ซื้อมา แล้วเหยียบ แล้วล็อคกุญแจ และรอน้ำแข็งละลายไปเรื่อยๆ และคิดขึ้นมาอะไรไม่รุ้จึงนำลูกกุญแจไขแม่กุญแจออก และลงมา
แต่ลูกกุญแจใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง
เพราะอะไรไม่รู้
[ กัลฑละนาคีปรุงว่า อนุโมทนากับการบวชพระของนาค2คนในอำเภอนาจะหลวย
ใจความมันหายว่าจะได้รับภาวะได้บวชเป็นผลในอนาคต
[ กัลฑละนาคีปรุงว่า การเล่นกับหมามีความผ่อนคลาย มีหมาตัวเดียวที่ทำให้กูครายเครียด แล้วมันเอาเท้าภิกษุแย่เล่นหยอกหมาให้ตนอารมณ์สนุกเพลินคลายเครียด แล้วหมามันกัดๆงับๆเท้า และแย่เท้าไปที่หมาและรู้ว่าหมามันไม่ชอบและโกรธจะกัดงับแรงและจะเป็นบาปกรรมเพราะกัดพระ รู้อย่างนี้ก็ยังแหย่เท้าใส่เพื่อเล่นกับมันให้เพลิดเพลินอารมณ์คลายเครียด ก็แหย่ๆไปทั้งที่ก็รู้ว่ามันโมหาโกรธจะทำบาปกรรมคือกัดพระ และแหย่อีก แย่อีก จนถึงช่วงหนึ่งคิดว่า กูนี่เลวจริงๆ มีหมาให้แหย่เล่นคลายเครียดเพลินเพลิน ก็แย่ให้มันทำบาป หลายครั้ง สามครั้ง
แหย่เล่นให้อารมณ์ดี หลายครั้ง แย่ไปเรื่อยๆมันก็ไม่พอใจเลยแวงมางับนิดหน่อยไม่หนักคือเตือน แหย่ไปเรื่อยๆมันเริ่มมางับจนถึงรู้ว่ามันโมโหโกรธงับแรงแบบทำร้าย มันก็ยังเอาเท้าแย่อีก แหย่อีก แหย่อีก บาปแรง
[ โกหกนางฟ้าผู้สวยงามและใจน้อมศรัทธาพุทธศาสนา
โกหกว่าพระปรุงแต่งภาพหลวงปู่ดูลงพื้นแล้วเหยียบหัว
และโกหกว่าพระพูดมัวไม่ได้ศัพท์ไม่ได้ความหมาย แสดงให้อัตภาพทิพย์และนาคและหนึ่งนั้นคือนางฟ้าที่อยู่ต้นไม้ใกล้กุฏิพระ ให้เข้าใจว่าบ้า และก็ปรุงอีกว่า พระเลวไม่ดี
สตรีนางฟ้าสวยงามอ่อนน้อมพนมมือกราบพระ และศรัทธาพุทธศาสนา ยังไม่เว้น ยังปรุงแต่งหลอกให้อัตภาพทิพย์หนึ่งในนั้นคือนางฟ้าเข้าใจผิดว่า พระเป็นบ้า และพระเลว และรู้ว่าเขาจะนำไปพูดต่อให้อัตภาพทิพย์อื่นรู้
ปรุงให้เข้าใจว่าพระบ้าและเลว เหมือนทางวัดไม่ต้องการให้อยู่แล้ว
แล้วปรุงแต่เศร้าไปขอบัตรประชาชนกับพระวัดมาบจันทร์ แต่พระวัดมาบจันทร์รูปนั้นไม่อยู่ วันนั้นเลยไม่ได้บัตรประชาชน แล้วปรุงว่า พระอาจารย์อนันต์ อกิณจโณ ทำอาการเซงๆไม่พอใจที่จะให้อยู่ แต่ให้พักอยู่อีก1วัน พรุ่งนี้แล้วไปเอาบัตรประชาชน แล้วเดินทางออกไปจากวัด
[ หลอกพระอรหันต์ ว่าตนเป็นภิกษุ และปองร้ายอัตภาพทิพย์ที่อยู่ในอาวาสพระอรหันต์และนอกอาวาส
หลอกพระกรรมฐานขั้นสุดยอดในธรรมว่า ตนเป็นภิกษุ และปองร้ายอัตภาพทิพย์ที่อยู่ในอาวาสพระอรหันต์และภายนอก
[ ปรุงว่าให้เทวดารู้ว่าพระที่สิงอยู่นี่ 14 ตุลา จะบรรลุอรหันต์ พอไปถึงวันที่ 14 ตุลา ก็พูดว่าไม่มีอะไร
แปลงจิตเป็นพระอาจารย์อินทร์ถวายแล้วพูดในใจว่า คำว่า นิพพาน แม้ไม่รู้ความหมายว่าอะไร แค่พูดคำนี้ทำนองว่าให้ผลบุญทำให้ถึงนิพพาน
มนุษย์ต่างดาว ไม่รู้จักพุทธศาสนา แค่ทำบุญเสร็จพูดกำกับตบท้ายด้วยคำว่า นิพพาน ก็ได้
หลอกว่าพระอรหันต์ที่ตายแล้ว อัตภาพใหม่มีขันธ์ห้า และยังมีทุกข์กาย
(ถ้าแบบนั้นก็แสดงว่า มีรูปนามอีก)
[ กัลฑละนาคานักเลง
ท้ามีเรื่องกับเทวดาที่ต้นโพธิ์หลังโบสถ์
นำเงาะมาแกะเปลือกออกแล้วขว้างเปลือกเงาะไปที่แถวต้นโพธิ์ หยามๆหาเรื่อง หลายเปลือก ออกอาการนักเลงหาเรื่องกับเทวดา
ทำนองวัยรุ่นหาเรื่องทะเลาะกัน
[ เอาขวดน้ำไปเทใส่รูปปั้นบริวารเจ้าปู่ที่ป่าช้าน้อย ด้วยหยามๆหน้าแต่ไม่กล้าเทใส่หัวหน้า เพื่อให้ออกมาส่งสัญญาณอะไรกับกู ต่างกับที่ต้นโพธิ์
[ กินนมไวตามิวของสงฆ์จนหมด มันเป็นอิ่มๆอร่อยๆ วันหลังไปยามอีกไม่มีสักขวดเลยแล้วไม่พอใจ
[ เนียนแปลงจิตเป็นพระอรหันต์แล้วทำป้ายธรรมะที่พระมงคลชัยเขาทำแล้วแต่ยังไม่เสร็จ นำสติกเกอร์และกรรไกรมาตัด แล้วแปะเป็นตัวหนังสือคำสอนเจริญสติ หมวด อิริยาบรรพะ
แล้วนำไปวัดจะไปติดไว้ในวัดให้วัดให้คนได้อ่าน
และไปถามคุยเรื่องตะปูฆ้อนที่จะตอกไปที่ต้นไม้กับปู่ถ่าน
แล้วนำไปตอกใส่ต้นไม้พร้อมดูทำเลจนเสร็จว่าจะมุมไหนเหมาะคนเดินเข้ามาวัดแล้วเจออ่าน
วันหลังต่อมาขี่จักรยานเข้ามา จะโค้นป้ายธรรมมะนั้นทิ้งซึ่งรู้อยู่ว่าเป็นของวัดไปแล้ว แต่จะโค้นทิ้งทำลายป้ายนั้นทิ้งแบบไม่บาป
จึงคิดจะเปลี่ยนเจตนาไม่ให้เป็นบาปในการทำลายป้ายธรรมะพระสูตรหมวดอิริยาบรรพะของวัดทิ้ง
จึงสักแต่ว่ามือไปจับ สักแต่ว่าว่าจับ สักแต่ว่าจับแน่น สักแต่ว่าดึงให้ป้ายหักและแตกเป็นเสี่ยง และไปจับที่ป้ายแถวบริเวรกลึ่งกลางแผ่นระหว่างที่ตะปูตียึดไว้เพื่อให้ป้ายหักหลุดออกมา และก็ดึงออกมาแตกหักเป็นเสี่ยงๆจนไม่มีที่ต้นไม้ แล้วนำไปทิ้งหลังห้องน้ำรกๆบริเวรป่ากล้วย ไม่ก็ถังขยะหน้าวัด
บาป
[ ช่วงกลางคืนในศาลาวัด
โมโหโกรธ เดินไปคว้าพระพุทธรปที่โต๊ะหมู่ข้างซ้าย แล้วจับลงมาแล้งขว้างทิ้งออกไปข้างนอกศาลาอย่างแรง
แล้วตอนเช้าต่อมาเช้าที่1หรือเช้าทีา2ไม่ทราบ ไปดูบริเวรที่ตนเองคว้างโยนพระพุทธรูปทิ้ง แล้วพบว่า แตกหักไม่เป็นรูปทรงที่สมบูณร์เหมือนเดิมแต่เป็นลักษณะแตกหักชิ้นใหญ่ชิ้นเล็กได้แตกหักออกไป
แล้วเก็บพระพุทธรูปที่ทรงหักๆแตกๆและชิ้นใหญ่และชิ้นเล็กนำไปซ่อนในท่อปูนเพื่อไม่ให้พระในวัดเห็น
[ บางวันก็ไปอ่านหนังสือธรรมเรื่องที่แปลออกมาจากบาลีโดยตรง
และไปบิดกล้วยในหวีกล้วยที่อยู่ในพาข้าวถาดใส่อาหารต่างๆของพระเจ้าอาวาส
บิดมากินคือกล้วยที่นิสสัคคีแล้วของพระในเจ้าอาวาส
[ อยากดูหนังฟาด5ที่อยู่ในความจำส่วนสมองของพระที่เขาดูสมัยวัยรุ่น
ก็รู้ว่าการดูจะเป็นการใส่ความจำที่เป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควรให้พระ ก็พูดว่า กูขอดูฟาสห้าหน่อยน่ะ ให้ผีๆเทวดาแถวนั้นได้ยิน แล้วมันก็ปีนหน้าต่างเข้าไปในห้องสำนักงานพระทางวัด แล้วเปิดคอมค้นชื่อหนังในดน้ตแล้วดู
พอดูๆไป พระที่เขาให้ทำหน้าที่เกี่ยวกับพวกเอกสารต่างๆงานต่างๆเข้ามา ก็เห็นและทำท่าอารมณ์ไม่พอใจที่เล่นคอมดูหนัง แต่กัลฑละนาคาอาศัยทำตัวว่าตนเป็นอดีตพระที่เนื่องๆกับงานและเขา ดูหนังต่อจนจบ และวันหลังก็แอบไปปีนอีกไปเล่นคอมค้นชื่อยาว่าผลเป็นอย่างไรยาตัวนี้ และทำนองนี้ บางครั้งเขาล็อคหน้าต่างไว้ก็เข้าไม่ได้
[ กินข้าววัด แต่เนรคุณวัด ]
ตั๋วผีตัวเทวดา
[ ไปนาก็ไปอาศัยเขา ยังเนรคุณเขา]
[ โมโหโกรธแตะพัดลมของครอบครัวเขา จนพัดลมตะแกรงเบี้ยวหลุดใบพัดหัก
( แม่เขาคงคิดว่าลูกชายเขานี่อาการหนักเติบกำเริบถึงขั้นแตะพัดลมหัก)
[ บิดบักแตงและบักถั่วคนอื่นข้างริมทางที่เขาปลูกไว้
[ ไปวัดอาจารย์เขา แล้วเนียนเป็นเขาทำนู้นนี่นั้น นวดให้เฉยเลย และสนทนาคุยเรื่องต่างๆ และอาจารย์เขาเอานและให้หามุ้งนอนในเพลิงหญ้า มันก็เกรงใจไม่ฝันตั๋วกระแสจริง แต่ปรุงฝันธรรมดาให้เทวดาแถวนั้นรู้และกินข้าวที่วัดอาจารย์เขา อาจารย์เขามีเจโตปริญญาญเท่าที่พระรูปนี้รู้แต่ไม่ชัดเป็นแบบเหมือนรู้ความคิดตน แหละหยัางดูเลขหวยได้บอกเลขแม่น แต่ความจริงแล้วมีอภิญญาอยุ่แต่อาจไม่ครอบคลุมมาที่การรู้ว่าอะไรอยู่ในร่างมนุษย์นาคีหรืออะไรก็เหมือนไม่ทราบเลย
แต่เขาเชื่อว่าอาจารย์ไกรเป็นพระอนาคา
[ ตั๋วพระวัดหนองป่าพงว่า เป็นมนุษย์พระที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว
พระรูปนั้นตอบว่า บ่เชื่อๆ ]
[ ตั๋วพระตั๋วเณรว่า พระแขนเกร็งเป็นโรโบครอบให้เณรนั้นเณรนี่ว่าแขนจั่งซั่นจั่งซี่เป็นอาการทางกายที่วิปริตทางกายบ่ดีบ่ปกติ และชาวบ้านที่มาวัดช่วยงานบวชสมาเณรด้วย ว่าแขนเกร็งบ่คือคนทั่วไป ให้เขาเว้าพื้นเกี่ยวกับเรื่องแขนบ่ปกติต่อๆกันไป
[ ปรุงแต่งแปลงจิตเป็นพระพุทธเจ้าแทรกอยู่ในกาย แล้วยกมือขวาขึ้นทำฝ่ามือเหมือนจะแสดงธรรม
และแสดงตนว่าตนเป็นพระพุทธเจ้าให้อัตภาพทิพย์เทวดาในวัดรู้ และพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ภายในเรื่องที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาศาสนา ไปจนถึงพูดในเชิงว่า เราคือพระพุทธเจ้าจะให้เธอเผยแผ่ศาสนาไปที่ประเทศรัฐเซีย
แล้วเวลาเดินก็พูดมั่วว่าเป็นภาษารัฐเซีย
หลอกหลวงให้ใครรู้ก็ไม่ทราบ
และขณะอยู่ในวัดสาขาหนองป่าพง ก็แปลงจิตว่าตนเป็นครูบาอาจารย์สายวัดป่าต่อญาณทิพย์มาคุย อย่างนั้นอย่างนี้ และทำท่าว่ามีเทวดาขอให้พระไปนั่งสมาธิปลุกเสกพระพุทธให้ แล้วก็ทำว่าตนเป็นพระแล้วไปนั่งอยู่ตรงนั้น แต่ไม่ถึงฌานแต่สงบรวมเป็นสมาธิแล้วหลอกเทวดาแถวนั้นว่าเสร็จแล้ว และเดินออกมาเก็บสายเชือกแล้วไว้ในย่าม และนอนในกุฏิพระแต่นั่งทำเป็นว่าพระหลับและ ไม่สมควรใช้สอยของหนองป่าพง
แสดงให้เทวดารู้ว่า พระเลว และพระจิตที่วิปริต
และตอนเช้าเดินบิณฑบาตรกับพระเจ้าอาวาสวัดสาขาหนองป่าพง และนำมาเทใส่กะละมังและรอเวลาที่เขาให้ฉัน และเข้าไปในศาลาหอฉันและกราบพระประธานตามที่เจ้าอาวาสพากราบ
และนั่งอาสนะถัดมาข้างซ้าย รับสำหรับอาหารต่อจากพระเจ้าอาวาส และตักลงบาตร ไปจนถึงอาหารต่างๆ และสวดๆตามเจ้าอาวาสพาสวดจนเสร็จและฉันจนอิ่ม และขอล้างบาตรให้เจ้าอาวาส และเดินไปแถวตู้หนังสือธรรมะ ปรุงแต่งว่าพระอยากสนใจอยากหยิบมาอ่าน แต่ปรุงว่าตนเป็นครูบาอาจารย์ไม่ให้หยิบเสียเวลาอ่านเพราะปฏิบัติเป็นแล้ว
โชว์ให้เทวดาที่ป่าใหญ่มากรู้
แล้วจากนั้นมันก็ไป ยังขนส่งอุบล และไปอุดร บ้านร้างตำรวจ
[บิณฑบาตรหลังพระวัดป่านาคำน้อยบิณเสร็จเดินเข้าหมู่บ้านให้พรแบบจัดเต็มเป็นที่น่าพอใจกว่า พระองค์อื่นๆให้พร
และปรุงว่าเจ้าอาวาสวัดในหมู่บ้าน ปรุงว่าดีให้พรดี ดีกว่าพระอื่นๆที่มาบิณทรบาตร และให้ไปเอาหรือขอผ้าไตรในวัด
หลอกเทวดา
[ มาร้านค้ามาซื้อของ เข้าไปในร้านปรุงว่าพระสำรวมไม่มองสตรีสวยเลย และซื้อน้ำเฮลูบอยสองขวดและเครื่องดื่มพญานาค และจ่ายเงินแบบไม่อยากมองหน้าสตรีเพราะสำรวมพยายามไม่มอง เสร็จเดินออกจากร้าน เดินไปตามถนนจะกลับไปยังที่บ้านร้างตำรวจเก่า
แล้วพอถึงใกล้จะถึงโค้งๆปรุงว่าพระเจริญกสิณแสงและปรุงเป็นครูบาอาจารย์ทำนองว่า รับรู้ว่าเจริญกสินแสงแล้ว มันทำเรื่องที่กำลังผิดไม่เป็นเรื่องที่น่าพอใจ และครูบาอาจารย์เงียบกำลังคิดแก้ปัญหาที่มันทำไม่ถูกต้องที่มันเจริญกสิณแสง
แล้วเดินๆต่อเลยโค้งไปเจอไฟกำลังไหม้
ต่อฟางข้าวแล้วปรุงว่าพระเห็นไฟแล้วเพ่งดูอยู่แบบหนึ่งแล้วจิตรวม และระหว่างเดินก็ดูไฟไปด้วย แล้วก็เดินต่อไป ไปจนถึงที่พักบ้านร้างตำรวจ
เพื่อให้เทวดารู้ว่าครูบาอาจารย์ ไม่ต้องการให้มันเจริญกรรมฐานกสิณแสง และไม่ให้เป็นพระเคร่ง ให้ตื่นสายๆ
(คาดว่า เทวดารู้แล้วจะได้ไปพูดๆต่อ ทั้งหมดเลยที่ให้อัตภาพทิพย์และเทวดารู้ แล้วพูดติเตียนพระ และอาจมีคิดว่าทำไมครูบาอาจารย์ทำแบบนี้)
[ กัลฑละนาคา ปรุงแต่งบอกพระ ให้หายาพิษผสมในอาหารแล้วไปใส่บาตรให้พระอรหันต์ และผสมยาพิษใส่กับรากไม้หรือน้ำนี่แหละไปถวายให้พระอรหันต์ แล้วบอกว่า ถวายสมุนไพร
พญานาคชื่อกัลฑละ ช่างทิฏฐิโหดร้าย ไม่รู้จักอะไรว่าบาปใหญ่บาปหนัก คิดไตร่ตรองในภายในจิตที่ประมวลผลเร็ว แล้วจึงปรุงแต่งออกมา ช่างชั่วนัก มีบุญคุณกับใครเขาก็ไม่เอามึงหรอก มึงมันชัวโคตรๆ มึงมันทำบาปเยอะและมึงมันดุร้าย และมึงมันไม่เอาข้างล่างกลางบนเลย ชั่วจริงโคตร ถึงขั้นทำลายพุทธศาสนาส่วนส่งต่อลงไปทิ้ง แล้วแอบใช้กายเขาทำสร้างบารมีเข้าในจิตตนเอง แบบพักสังฆกรรมของสงฆ์ในอาวาสวัดที่มึงไปนั่งรวม ไม่ให้เป็นกิจสงฆ์ที่ดำเนินไปถูกต้อง มึงจะบวชให้ใครเป็นเณรไม่ได้หรอก เพีาะมึงไม่ใช่พระภิกษุ และมึงจะบวชพระให้ใครไม่ได้หรอก เพีาะมึงไม่ใช่พระภิกษุ และมึงจะรับการปลงอาบัติจากพระรูปอื่นไม่ได้หรอก เพราะพระพุทธเจ้าให้เฉพาะพระภิกษุกับพระภิกษุปลงแสดงอาบัติ มึงจะเบิกของสงฆ์มาไม่ได้หรอก เพราะมึงต่างจากพระและมึงไม่ใช่ถูกๆต้องที่เข้าไปวัดนั้นวัดนี้แบบที่เขาไปและมึงมันชั่วผลคือมึงไม่ให้มีรุ่นส่งต่อไปเรื่อยๆ ชั่วยิ่งนัก
จนเขาต้องมาแก้เรื่องนี้
มึงมันทรยศอาจารย์และเพื่อน
[ กัลฑนาคา มันคล้ายๆเลียนแบบเทวทัตในกถานิยายธรรมของผู้แต่งรจนาออกมา ที่ว่าบักเทวทัตมันไม่เอาพระพุทธเจ้า มันถือเอาแต่ธรรมะ และมันไม่เอาพระสงฆ์
และมันทำนองว่า เลียนแบบอาจารย์ฉันนะบางส่วน ในช่วงที่ถือเอาแต่พระพุทธเจ้าและพระธรรม ส่วนพระสงฆ์ไม่เอา
ส่วนที่มันถือคือตรงข้ามกับอัฏฐังคิโกมรรคโค
มันเลยข้ามหัวพระพุทธเจ้า และพระสงฆ์ และไม่เอาตามพระธรรมฝ่ายอัฏฐังคิโกมรรคโค
[ มันคิดว่าสตรีเป็นของเล่น คือมันไม่มีความเห็นใจผู้มีใจอ่อนๆๆๆนุ่มๆๆๆ
คิดประมวลอยู่ภายในแล้วพูดบางอย่างให้เขาเข้าใจผิดและรู้ว่าจะเป็นบาปกรรมก็ยังทำ
ในเวลาช่วงที่เหตุเกิดที่วัดมาบจันทร์
สตรีที่มีวิมานอยู่ต้นไม้ใกล้กุฏิพระ
สตรี กะคือ นางฟ้าผู้มีใจอ่อนๆนุ่มๆๆ
เด็ก กะคือภิกษุมงคลชัย
พระ กะคือ พระ แถมรู้อินทรีย์ในการโน้มไปในธรรมคือวิมุติมาก
ต่อมาไปที่ป่าช้าใหญ่
คนแก่ กะคือ หักกิ่งไม้บอกหวยมั้ว และเขียนเลขมั้วให้ยายที่เขาศรัทธาว่ามีพระธุดงค์ที่มาแถวนาตนเองและพูดเรื่องต่างๆภายในครอบครัวว่าลำบากทุกข์เรื่องลูกชายที่กินเหล้า และเรื่องภายในครอบครัวเงินทอง มาขอพึ่งขอพาโปรดสักงวดแน่ข้าน้อยขอเลขหวย แล้วกัลฑละนาคาฟังแล้วมันหมายว่ายายนี่น่าสงสาร แล้วมันเขียนเลขใส่ดินมั่ว และกำซับอีกให้อ่านตัวเลขให้ออกว่ที่เขียนเป็นตัวอักขระเลขอะไร เพราะมองดูทางหัวจะไม่น่าเข้าใจเหมือนดูแบบมองจากด้านล่าง
[ เดินไปจะไปที่บริษัทขนส่ง 407 รถทัวร์ไปขนส่งจังหวัดอุบลราชธานี มีรถชายผู้สะอาดสะอ้านฐานะดี จอดและเปิดกระจกถามว่า พระอาจารย์ครับ ลำบากข่นส่งของบริขารหนักและหลายอัน ให้โยมไปส่งไหม จะไปที่ไหน
แล้วตกลง ว่าไปขนส่ง 407 ขึ้นรถนั่งข้างเขา แล้วโชว์ภูมิให้อัตภาพทิพย์รู้ว่าบอกว่า(ลักษณะหมายในทางลบๆ) ว่าชายคนนี้เป็นกระเท คุยกับพระชอบพระ จนเขาไปส่งถึงขนส่ง407ขึ้ยรถไปขนส่งจังหวัดอุบลราชธานี]
[ กัลฑละนาคีภูมิจิตยังหนุ่มๆ ปรุงแต่งจิตตนเป็นจิตพระอรหันต์องค์นั้นองค์นี้ในลักณะล้อเลียนทำกรรมไม่ดี ]
[ กัลฑละนาคาผู้ภูมิจิตปฐมวัยยังไม่ใช่มัจฉิมวัยปัจฉิมมัจฉิมวัยปัจฉิมวัย]
เปรียบเหมือนกิ่งไม้ ช่วง0-5050-100100-1500 คือวัยภูมิจิต
พระสูตรเนื่อง
นะโม เม
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง
นิทานนัง มูลกาล
อุบัติจิตเต อกุศเล
ปาปโก สังขารเร
มาเร
จะ นันทิ ราคะ สังขารอกุศเล จะ ฉันทะราคะ สัญญาอกุศเล จะ วิญญาณังอกุศเล จะ เวทนาอกุศเล
ปัจยา มโนอกุศลเล วิตักกะอกุศเล
กายะกัมมังอกุศเล มหาปาปโก
วิหิงสาอกุศเลจิตตัง นันทิราคะ
ปัจจยาปาโก มหาปาโกจิตตัง
อหิริกะ อโนตตับปะ นันทิราคะ
อหิริกะ มโนทุจริต
อหิริโก กายทุจริต
อหิริโก ปาปโก กายกรรมมัง
อหิริโก ปาปโก มโนกรรมมัง
อโนตตัปปะ ปาปโก กายกรรมมัง
อโนตตัปปะ ปาปโก มโนกรรมมัง
ปัจจยาวิญญานังอกุศเล สัมประยุทธสังขาเร ฯลฯ วิปาปโก ทุกโข โทมัสสะ
จะ อโนตตัปปะ มิจฉาสังกับโป
จะ อโนตตับปะ มิจฉากัมมันตะ
จะ อโนตตัปปะ มิจฉาวายาโม
จะ อโนตตัปปะ มิจฉามรรคโค โหติ.
หิริโกอุปัติ อโนตัปโปอุบัติ ปัจยา อกุศลเล จิตตัง นิโรโธ
อุบัตติ อหิริโก อโนตตัปโป จิตตัง
อุบัติติ หิริโก โอตตัปโป จิตตัง อสังขารเร
จะ สสังขาเร อหิริโก อโตตัปโป สสังขาเร วิหิงสา สสังขาเร มิจฉาวายามะ
มโมกัมมังปาปโก จิตตังอกุศเล
ปัจยาสัมประยุท ปัญจขันธโธอกุศเล วิบาก วิจิตรตัง ทุกโข นานา วิจิตรตัง
กายกรรม วิหิงสา รูปขันธ์วัตถุ สมโณ
วิบาก สรรพะโรคา กายยะ ปัจยา จักขุโรค โสตะโรค ฆาณะโรค ชิวหาโรค กายยะโรค โรคมะเล็ง โรคกลางเกลื้อน โรคฝี โรคตับ โรคเอดส์ โรคผิวหนัง โรคปวดหัว โรคไมเกรน โรคต้อกระจก โรคมือเฉื่อยเท้าเฉื่อย โรคลำไส้ โรคหลอดลมไม่ปกติ โรคชา โรคตาพล่าตามัว โรคมะเล็งเนื้อหงอกในสมอง โรคแขนขาไม่มีแรง โรคต่างๆที่หมอแพทย์พยาบาลเขารักษากัน เอวัง
เป ฯลฯ
จะ อโนตัปโป อหิริโก ปัจจยา ชนกกรรม ปฏิสนธิ นิรยภูมิ เตรัจฉานภูมิ เปตรภูมิ อบาย ทุกขคติ วินิบาต นิรยะ
ปัจจยา โมหะ ปัจยา ภยาเวร
เทวตาทิพพยะ ปฏิปัณณา ภาวะนา ธัมมา นิร กรุณา
วิปาปโก กัมมัง
โมหะ จิตตัง ปัจจยา นรคุณ มิตรธัมมา
กัมมะ วิบาปะโก โหติ.
ปาปโก ปาปะ นิรคุณัง
จิตตัง สังขาเร วจีกรรมมัง จะ มิตตาธัมมา ภาวนะนา เหตุ ปาปโก โหติ.
.
พุทโธ หาย ธัมโมหาย สังโฆหาย
เป็น มิจฉาทิฏฐิ มิจฉาสังสังกับโป มิจฉาวายาโม มิจฉากัมมันโต
บาปทั้งปวงมีเพราะความ ไม่รู้จัก สังวรณัง ปหานะ อกุศเลจิตตัง จะ ปัจจยา วิบาก ทุกโข นิรยะภูมิ
จักขุสัมผัสชา เวทนา ทุกโข นิรยภูมิ
โผฏฐัพพะสัมผัสชาเวทนา ทุกโข นิรภูมิ
มโนสัมผัสสชาเวทนา ทุกโข นิรยภูมิ
เอวัง
พุทโธ ธัมโม สังโฆ
สรรพเพสัตตา จะ กรุณา วินิจฉะโย
สัตโต มหาสัตโต สมโณมาเรทิพยะมหามิจฉาทิฏฐิโก
สรรพเพสัตตา มหากรุณา กายกรรมมัง ยจีกรรมมัง มโนกรรมมัง วินิจฉะโย ทัณฑ์ ทุกข์โข จะ มหามาเร มิจฉาทิฏฐิ มิจฉาสัมมาสังกัปโป มิจฉาวายาโม ฯ มิจฉากัมมันโต
.....
พุทโธ เม สะระณัง
ธัมโม เม สะระณัง
สังโฆ เม สะระณัง
เอตะทัคโค มหาฤทธิ์ธา มหาอิทธาภิสังขาเร จะ ปัจจยาสาสะนังอัฏฐังคิโกมรรคโค จะ ปรินิพพานัง อนุปาทิเสสะนิพพานนัง
สาวโก พุทธะ อนาคเต
เอวัง
มันกลัวว่าจะมีเทวดาหรือผู้เป็นอัตภาพกายทิพย์ บอกใส่หู ว่า ไปอยู่นั่นทำไม ฯลฯ ให้น้องเขาทำกิจของพระภิกษุเอง สวดทำวัตรเอง เดินบิณฑบาตรเอง ฉันอาหารเอง สรงน้ำเอง วัตรต่างๆของภิกษุให้พระเขาทำเอง ฟังพระปาฏิโมกข์เอง ปลงอาบัติสัพพะตาเอง พูดคำเข้าพรรษาเอง พูดคำออกพรรษาเอง เดินจรงกลมเองซึ่งเป็นกิจของสมณะทำความเพียร นั่งสมาธิเอง ฟังเทศณ์สั่งสมสัมมาทิฐิเอง
และไม่ควรเข้าไปอยู่ในร่างพระ
เรื่องในพระสูตร พระพุทธเจ้าก็ให้นาคที่แปลงกายเป็นมานพที่ขอบวชกับพระ แล้วพระสงฆ์บวชให้ และพระพุทธเจ้าทรงให้พระสึกนาคตัวนั้นเสีย เพราะว่าไม่เหมาะไม่ควร ให้ไปเข้าอุโบสถ 8 เอง ในวัน 14 ค่ำ 15 ค่ำ แห่งปักข์เอง
ไม่ให้เป็นภิกษุในกลุ่มพระเลย
สงฆ์ไม่บริสุทธิ์ เพราะมีภิกษุที่ปาราชิกแล้วนั่งไม่ละอาย ยังจะร่วมทำปาฏิโมกข์สังฆกรรมของภิกษุ
จึงทำให้พระพุทธเจ้าไม่ทำปาฏิโมกข์ด้วย แล้วต่อจากนั้นตรัสให้สงฆ์ทำกันเอง พระองค์จะไม่ได้ไปนำพาภิกษุสงฆ์ทำอีกต่อไป
เรื่องในพระสูตร พระปาราชิกแล้ว
แต่ยังไปเข้าทำสังฆกรรมที่ว่าด้วยปาฏิโมกข์ในสมัยที่พระพุทธเจ้าเป็นผู้พานำสังฆ์กรรมในปาฏิโมกข์
แล้วพระที่นั่งรอพระพุทธเจ้ามานำพาทำในเรื่องปาฏิโมกข์ ก็นั่งรอตั้งแต่ยามแรกไม่เห็นเสด็จมา พระมหาโมคคัลลานะก็ไปกราบทูลว่า ภิกษุสงฆ์รออยู่พระเจ้าข้า
พระพุทธเจ้าทรงนิ่ง
แม้ยามกลาง พระมหาโมคคัลนะก็ไปกราบทูลอีก พระองค์ก็ทรงนิ่ง
แล้วยามจวนจะสว่าง พระมหาโมคคัลลานะก็ไปกราบทูลอีก พระองค์ตรัสว่า น่าอัศจรรย์จริง น่าอัศจรรย์จริง ที่โมฆะบุรุษนั้น ไม่ละอาย ยังจะร่วมนั่งทำกิจของสงฆ์สังฆกรรมบนอาสนะที่เต็มไปด้วยหมู่ภิกษุฯลฯ
เมื่อเกิดมีพระที่ปาราชิกแล้วแต่ยังเข้าไปร่วมนั่งทำปาฏิโมกข์พร้อมกับพระหลายๆรูปในนั้น เมื่อมีแบบนี้แล้วพระตถาคตจะไม่ไปพานำทำปาฏิโมกข์ ต่อไปนี้ให้ภิกษุสงฆ์ทำปาฏิโมกข์เอง
แล้วพระมหาโมคคัลน่ะก็กลับไป แล้วใช้อภิญญาจิตตรวจดูว่ารูปใดไม่บริสุทธิคือปาราชิกแล้ว พอรู้แล้ว พระมหาโมคคัลนะจึงจับแขนพาเดินออกไปนอกวัดแล้วใส่กรอนประตูไว้ไม่ให้เข้ามา
เรื่องที่แปลก ที่พระพุทธเจ้าเห็นคงอุทานว่า
อัศจรรย์นัก อัศจรรย์นัก ว่าจะมีความไม่ละอายจิตไม่ละอายใจถึงขั้นขนาดนี้
ทั้งที่สิกขาบทไม่ให้นาคบวช ก็รู้
ทั้งที่ภูมิความรู้ในการเข้าฌานก็รู้และชำนาญและความรู้ละอกุศลด้วยสมถะก็รู้ในการละอกุศลด้วยปัญญาก็รู้ ความรู้เรื่องกรรมฐานกองอื่นๆที่เขาว่ากรรมฐานสี่สิบก็รู้ ความรู้ในการอยู่ด้วยกันแบบมีความสุขทั่วๆไปก็มี
ปู่ฌานวสีนาคีรู้
ไปสิงแล้ว ความจำตนลืมหมด อาศัยความจำในสมองพระปฏิบัติภาวนากรรมฐาน ชุบทิฏฐิความเห็นตนใหม่ เหมือนสิงเต่าในน้ำ ก็จะรู้แต่เรื่องผักบุ้กชนิดนี้รสชาติอะไรยังไง จืด สีนี้แข็ง ส่วนยอดอ่อน ว่ายน้ำไปทางนี้ หมู่เต่าเยอะ ไปทางนี้สัตว์ใหญ่เยอะ ไปทางนู้นผักบุ้งอ่อนเยอะ
ก็เลยไปชุปความเห็นของพระปฏิบัติภาวนากรรมฐาน
ไปแล้วเรื่องที่จะเกิด คือพระอรหันต์ผู้มีอภิญญาตาทิพย์หูทิพย์เจโตปริญญาณ รู้ และบอกท่านอื่นๆ และพระที่ยังไม่ลุถึงวิมุติที่มีอภิญญาญาณในการรู้ในเรื่องนี้จะรู้แน่ๆและบอกท่านอื่นๆ รวมทั้งเทพเทวานาคครุฑยักษ์คนธรรพ์ จะรู้แน่ๆ และบอกเพื่อนๆต่อ และคงจะด่าว่าตนแน่นอน
ลงไปจนถึงกลุ่มที่รู้จักตน เพื่อนๆที่รู้จักตน และคนที่เคยเคารพศรัทธาในตน และผู้เป็นกลางๆ
และรู้ว่า พระปฏิบัติกรรมฐานภาวนารูปนี้ จิตจะเป็นภาวะที่.... จะขึ้นมาใช้กายเดินจรงกลมไม่ได้ จะฉันบิณฑบาตรเองไม่ได้ จะสวดมนต์ทำวัตรเองไม่ได้ จะพูดคำเข้าพรรษาเองไม่ได้ พรรษาก็เลยไม่ขึ้นเหมือนพระท่านอื่นๆ จะก้าวท้าวเดินบิณฑบาตก็ไม่ได้ ใช้กายทำกิจสงฆ์ต่างๆนาๆไม่ได้
และรู้ว่า เมื่อเข้าไปสิงแล้วน้องเขาจะไม่ได้เดินจรงกลมซักฟอกจิตให้ปลอดนิวรณ์และสร้างสมาธิจิตขึ้นมาในระดับปลอดจากนิวรณ์ ทำให้เป็นภาวะหยุดภาวนาในการซำละซักฟอกจิตปลอดจากนิวรณ์ จัดขวางไม่ให้ลุถึงมรรคที่สูงขึ้นไปอีกไปจนถึงวิมุติอย่างร้ายแรงรับไม่ได้ที่สุด
และเทวดาที่เมตตาช่วยอบรมในการภาวนาให้กับน้องทั้งที่ดูช่วงอยู่วัดมาบจันทร์และที่ผ่านมาจะไม่ได้มาอบรมแน่ อาจไปที่อื่นท่านอื่น ตามแต่เหตุปัจจัยที่เห็นว่าจะให้ธรรมะอะไรยังไงกับพระกับฆราวาสที่ภาวนา
และรู้ว่า กิจสงฆ์คือสังฆกรรม ปลงอาบัติให้กับรูปอื่นจะไม่ผ่านแล้วฟังพระปาฏิโมกข์ นั่งในท่ากกลางพระภิกษุผู้บวชแล้ว
ไปวัดนั้นไปตักอาหารที่พระเขาไปตักก่อน
ไปวัดนั้นวัดนี้ก็ไปตักเอากับเขาด้วย
เขาให้พระตักแต่ตนเองไปตักเอา
และของสงฆ์ต่างๆในห้องเก็บของ เช่นใบมีดโกน สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม ผ้าอังสะ ป้าสบง ผ้าบริขาร รองเท้า ผงซักซอก อื่นๆก็ไปเบิกเอาของสงฆ์
และก็ชุปทิฏฐิความรู้ในมรรคภาวนาและการทำความดีทางกายทางวาจาและทางใจ
และก็ทำกายกรรม วจีกรรม ที่เป็นกุศล
เมื่อมีพระขอให้ช่วยยกน้ำเข้าไปเก็บก็จะไปยกช่วยด้วย
เมื่อมีพระให้ไปอุปฐากสงฆ์น้ำครูบาอาจารย์ก็คงจะไป
ันั่งรถวัดไปบิณฑบาตรแบบพระชิวๆเลย
ในท่ามกลางที่ผู้มีอภิญญารู้และเทวดาที่รู้
แล้วรับไม่ได้ ขุดเคืองจิตใจเป็นไม่พอใจ เห็แล้วไม่น่าพอใจ น่าโมโห
แล้วก็เป็นบารมีที่เก็บไว้รอให้ผลในภายหน้าอันหลีงจากทำกายกรรมวจีกรรมมโนกรรมกุศลเสร็จ แล้วรอหนีเข้าคุก และรอการการอิสระ แล้วใครไม่ชอบก็ช่าง หน้าตาเอาทิ้งหมดเลย ชื่อเสียงทิ้งหมด ใครจะว่าสาวขึ้นไปหาคนอบรมสั่งสอนยังไงก็เป็นไปตามกรรมของเขาละ
เขาด่าเขาว่าเขาขุนเคืองในวัด ก็เป็นไปตามกรรมของเขาละ ไม่แคร์ว่ามันเกินจะทนจริงๆ
เก็บทานกับปัญญาเก็บเมตตาเก็บวิริยะเก็บศีลเก็บเนกขัมมะเก็บบารมีข้อต่างๆในอีกอย่างหนึ่งแม้จะซ้ำก็ตาม แต่ได้เก็บอันที่คิดว่าจะต้องเก็บ
ผู้ที่รู้ มีแต่เทพเทวาตามวัดที่จิตภาวนาในมรรค และผู้ที่รู้ต่อที่สองก็คงผู้มุ่งภาวนาทางใจในระดับต่างๆกันทั้งสามระดับ
แต่ตนเองไม่ได้เห็นไม่ได้ยินไม่ได้รับรู้เรื่องภายนอกที่เทพเทวดานาคครุฑคนธรร์เขาคุยกัน จะสบายใจตรงนี้
ผีรู้ อรสูร รู้ก็ช่างเขา บาปเกิดจากการด่าการว่าเกิดขึ้นก็ช่างเขา
เมื่อออกจากร่างแล้วจะไปผ่าหัวตามอาฏาฏิสูตรแล้วหลบเข้าไปภาวนาต่อในกรงขังแบบมีคนป้องกันไว้ให้โดยทหารเทพนาคี แบบไม่มีอะไรมากวน แล้วรอการอิสระ
เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในการเบียดเบียนอันใหญ่ๆสิ่งใหญ่ๆเรื่องที่เทพเขารู้ว่ามันเรื่องไม่เล็กเลย ที่เขามีการให้ค่าที่ใหญ่ๆ
ไปเบียดพระเบียดสงฆ์เบียดผู้ภาวนาทั้งพระทั้งเทพเทวดานาคครุฑคนธรร์ และ ทั้งนาคยักษ์ที่เขารู้เรื่องความเหมาะสมความสมควรความควรละอายแก่ใจอะไรที่มันเกินสุดจะรับได้แม้ไม่ได้เป็นผู้สำรวมแล้วในการภาวนา มันสุดเกินจะรับได้กับการมาเก็บบารมีแบบนี้
เป็นตัวอย่างที่ให้ชวนคิดว่า มันทำแบบนี้เพราะอะไรยังไง
มองว่าหลักนิติปกครองคงจะไม่มาแทรกในการบารมีและภาวนาในกรงขัง
แล้วรออิสระ
ส่วนอะไรที่ผ่านมาก็ช่างมัน อยู่ในกรงขัง ไม่ได้รับเสียงว่า สบายหู เขาจะส่องดูจิตดูหน้าตาว่าทำอะไรยังไงในกรงขังก็ช่าง
ทั้งพรหม ทั้งเทพ ทั้งนาค ทั้งครุุฑ ทั้งคนธรรพ์ ทั้งยักษ์ ทั้งอสูร ทั้งมนุษย์มีอภิญญารู้
แสกนตรวจหาดูก่อน ทั้งพระภิกษุ ทั้งสามเณร และอุบาสก อุบาสิกา หรือคนที่เนื่องด้วยที่เมื่อไปเบียดเขาแล้วเก็บบารมีข้อที่หมายไว้แล้วละสิ
แล้วค่อยเลือกจะไปเบียดใคร ความยากความง่ายต่างกันยังไง ที่จะทำให้ได้เก็บบารมีดั่งที่หมายไว้
รู้ทั้งรู้ว่ามันรับไม่ได้เลย
พอเข้ามาเบียดสิงแล้ว
ทำอะไรอีกละ รู้ว่าตนเป็นอะไรแล้ว
เพราะจิตคิดได้เร็วหลายนัยยะ
เห็นอินทรีย์น้อมไปในการหมดสิ้นภพ
แล้วทำยังไง สนเขาไหมละ แต่งเรื่องพูดให้เหมือนคนจิตวิปริตบ้าให้ เทพเทวดานาคและผู้ที่เนื่องๆด้วยว่าพระที่มาจากที่อื่นมาภาวนา ให้เข้าใจว่าจิตวิปริต รู้ว่าเป็นสิ่งไม่ดีเป็นกรรมนิดหน่อย
และปรุงแต่งสร้างขึ้นมาว่าน้องจิตวิปริตเป็นบ้าเหยียบศรีษะหัวหลวงปู่ที่เป็นเทวดา และปรุงกระแสเป็นปรามาจารย์บอก ว่า อย่าปรุงแบบนั้นๆ และปรุงแต่งว่าน้องเขาปรุงเหยียบหัวหลวงปู่ แล้วปรุงแต่งบอกพระว่า อย่าปรุงแต่งเหยียบหัวหลวงปู่แบบนั้น
ปรุงให้เทวดาและนาควัดมาบจันทร์เข้าใจว่าพระรูปนี้เป็นบ้าจิตวิปริตแล้ว
แล้วปรุงแต่งตนเองว่าเป็นหมอรักษาจิตวิปริต และปรุงว่ามีอนาคตังสญาณรู้
เพื่อให้เขาเข้าใจแล้วเลิกมาดู
ไปวัดป่านาคำน้อยแต่งเรื่องสารพัดให้เข้าใจว่าเป็นพระเลวพระบ้าเพื่อให้มีทิฏทิที่เป็นไปทางลบๆกับพระ ทำท่าเต้นๆเปิดสบงโชว์เทวดาวัดป่านาคำน้อยเพื่อให้เทวดารู้ว่าเป็นพระบ้าจิตไม่ปกติแล้ว
และปรุงแต่งให้เทวดาวัดป่านาคำน้อยเข้าใจว่าหลวงปู่คำแก้วทำของคุณไสย์ใส่พระที่ตนสิงอยู่ ให้เทวดาคิดว่า โอ้ขนาดพระพ่อปู่คำแก้วยังทำของใส่มัน หลวงปู่คำแก้วเล่นอะไรที่ดำๆแล้วอะ
ซักชวนให้เทวดามองในด้านลบกับพระที่ตนสิงอยู่
ช่วงขับรถ ปรุงแต่งกระแสว่าพลังงานจิตหลวงปู่ดู่แทรกแล้วทำท่าจะหักแห๊นรถจักรยานต์ให้ล้มลงข้างทาง โชว์ว่ายอม อโหสิกรรมให้ เรื่องที่แต่งว่าเหยียบหัว
แล้วจะไปนรก
โชว์ให้เทวดาที่คิดว่าตามดูรู้
และทำอกุศลกรรมคือปรุงแต่งว่าหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ไม่ให้เจริญอาโปกสิณ พังทิ้ง แบบปรุงยกอันอื่นขึ้นมา เพื่อให้ไม่ให้ทำกรรมฐานอิติปิโส อาโป ได้ต่อ )ที่พระเขาหมาย (อิติปิโส อาโป ) ไม่ให้ทำไม่ให้มีการสร้างขึ้นมาเป็น (อาโป นามหมาย ) เพื่อให้เหล่าเทวดาวัดป่านาคำน้อยเข้าใจผิด
ส่วน อากิณ สัญญา (ความว่าง สัญฺญา) ล้มไม่ได้ เลยบอกว่าให้เหลือปล่อยไว้ทำต่อได้
ในสมัยพุทธกาลมีการคว่ำบาตรกับเจ้าลิจฉวีที่ทำให้ ภิกษุ เสื่อมลาภและอื่นๆ
คือไม่รับอาหารบิณฑบาต ไม่ได้บุญระดับทานบารมี แม้จะเข้าออกนิโรธมาใหม่ๆท่านก็ไม่ไปเดินบิณฑบาตรกับคนๆนั้น รับอาหารบิณฑบาตไปตามลำดับๆคนที่1ที่2ที่3ไปจนถึงคนสุดท้าย คือที่30 ท่านก็ไม่รับอาหารบิณฑบาตจากคนที่คว่ำบาตรเช่นคนที่5ก็จะไม่รับจากคนที่5 เว้นเฉพาะคนที่5ไว้
เนื้อหาในพระสูตรจะยาวกว่านี้
แต่ต้องพิจารณาก่อนแล้วค่อยทำการคว่ำบาตรคนๆนั้น
และพิจารณาอีกว่าเลิกคล่ำแล้วจะเป็นยังไง
สมัยก่อนพระพุทธเจ้าท่านพิจารณาและทำออกมาก่อนเลย จึงมีปรากฏในพระสูตรว่าพระพุทธเจ้าก่อน
#####
ปรุงให้เทวดาที่ภาวนาตามวัดละแวกนั้น
เข้าใจว่าพระเลวบ้า
ปรุงสร้างภาพเหยียบ....ราชีนี
ปรุงเป็น อาจารย์สนังกุมารพรหมพาว่า หีอีราสิณี
ปรุงเป็นอาจารย์อิน แบบโกธรตามเอาเรื่องสุดๆ
ใช้หน้าผากถูกับผนังปูนห้องน้ำ จนเลือดไหล แล้วใช้ลิ้นเรียเลือดที่ติดอยู่ผนังห้องน้ำแล้วกินเลือดนั้น
ใช้ริมฝีปากที่แบบไปกับจมูกถูกับผนังปูนห้องน้ำจนเลือดออก แล้วใช้ลิ้นเรียเลือดที่ติดอยู่กับผนังปูนแล้วกินเลือดนั้น
ประมาณน่าจะหลายครั้งมาก ตั้งแต่ช่วงอาทิตย์ตกดินมืดแล้ว2ทุ่ม จนตี 5
หน้าผากจมูกริมฝีปากเป็นแผลถลอกเลย
ใช้ฟันงัดไม้ที่ล็อคประตู งัดแล้วงัดอีกจนประตูเปิดได้ โดยไม่สนฟันโยกแล้ว
#วัดป่าภก้อนๆ แล้วหลอกเทวดาสายภาวนาวัดป่าภก้อนๆ ให้เข้าใจไปทางลบโคตรๆ ถึงกับในหลวงร9ให้บักถมช่วยทำของใส่ และ บักถมมาพร้อมบริวารพวกผีเล่นงานพระเลย และใช้ปากกาข่มขีดหัวพระ แบบหวังผลว่า จะมีเลือดออกเป็นรอยเลย เน้นแบบ.... หืม...สุดๆ
กินเลือดผสมปูน
กินน้ำผสมฝุ่นบาดาล
กินไม้
วิ่งหนีตำรวจ
กระโดดรถแบบสติรู้การเคลื่อนไหวบวกเฉยแบบวิบเลย วิ่งหนีตำรวจนอบสอง
กระโจนทางความคิดโชว์จะพังของสงฆ์ระเนระนาด ให้เทวะเข้าใจว่า..
อยู่ใกล้สระบ้านร้างตำรวจ
ทำเลือดออกตรงเหงือกที่ฝันผุ แต่ไม่ได้เลือดออก แล้วทำเป็นก้อนๆ แล้วปรุงว่านี่มันอะไรว้า.. แล้วคลายออกมาถ่มออกมา ก็คือเป็นเลือดสีแดงๆ
แล้วผ่านไปอยู่บ้านร้างตำรวจนั้น
ก็ทำเลือดออก แล้วลิ้นรู้ทราบรสว่าเป็นเลือด รู้สึกแป้วๆกลืนเข้าไป
ปรุงโชว์
ถ้าจะเอาตำแหน่งสังฆราช ให้เตะบักถม
แล้วก็ปรุงว่าเด็กเตะบักถม
1ทุ่มกว่าๆ นาคคีที่สิงร่างกายพระนั้น
ปรุงโชว์เทวดาภาวนาปฏิบัติธรรม
ว่ากินเลือดพระแล้วมีพลัง
แล้วปรุงเหนื่อยพลังอ่อน
แล้วใช้หน้าผากพระถูปูไปมากับปูนซีเมนห้องน้ำให้เลือดออกติดปูน
แล้วใช้ลินเลียเลือดที่ติดอยู่กับปูน แล้วกลืน แล้วปรุงมีพลังขึ้นมา
แล้วครู่1 ประมาณ20วิs ปรุงเหนื่อยอีก
แล้วถูอีก กินเลือดอีก
ไปเรื่อยๆ
แล้วเปลี่ยนมาใช้ริมฝีปากจมูกถูไปมา กับปูนให้เลือดออก แล้วกินเลือดพระ ปรุงมีพลังขึ้นมา
แล้วครู่หนึ่งพลังอ่อน
ถูอีกกินเลือดอีก
หลายครั้งหลายหน
จนถึงช่วงตี5จะเช้ามีแสงพระอาทิตย์
มาบ้านหนองยอแล้ว
นั่งอยู่อู่เป กระแสจิตใสๆ ทำเลือดออกแล้วรู้รสว่าเป็นแป้วๆแล้วกลืนเลือดนั้น
แล้วปรุงพูดว่า ทำเลือดออกแล้วกลืนมันเสียหายนิดหน่อยเอง ไม่ได้กรีดออกในแบบเสียหายทำนองว่ากลาง
กินอยู่บ้านพบ 2 ครั้ง ไม่ได้ว่าจริงๆมี2ครั้ง
#กลางคือใช้มีดกรีด
#มากคือทำอะไรที่ให้คมเป็นบาดแผลให้เลือดออกทั้งร่าง
กินอยู่บ้านพักนาจะหลวยอีก
ตอนแรกว่า เรียกอาฏานาแบบไม่ครบเต็ม
และคิดว่า จะแบบผ่าเหมือนหมอแต่ไม่มียาชา และนัดผ่า เป็นครั้งๆไป
ตอนสอง บอกให้เรียกชื่อ แค่ชื่อมาเอาตัวไป แบบนัดผ่าไม่ก็ซ่อนในต่อซีกไม้
{ แนะเทวดาชาวฟ้าหื้อสิงพระสระรีระศพพุทธ หื้อเกิดการมีความรู้ แต่ก็มีเทวาบ้างส่วนที่เคารพมาขัดไว้ไม่หื้อสิงดู }
หื้อฮู้ว่าเป็นบ่อความรู้ธรรมขั้นสุดสูงสูงสุดๆอีกแหล่งหนึ่ง ภาวะใจข้ามความเคารพต่อสิ่งวัตถุพระสระรีระกายพุทธะ
**ใจความคือพระพุทธะมองว่านาคีที่สิงภิกษุมันเป็นเชื้อโรคที่อยู่บนแผล เลยรับอาฏานาฏิยะ เพื่อให้เชื้อโรคนั้นออก พอเชื้อโรคไม่มีอยู่บนแผล จึงทำให้มีภาวะปกติ ทำกิจคือทำจิตให้เป็นภาวนา เดินจรงกลม นั่งสมาธิ วิปัสนาธุระ คันธะธุระ เข้าอุโบสถกล่าวคำเข้าพรรษาได้ ปลงรับอาบัติกับเพื่อนภิกษุได้ และวิมุติธรรมบังเกิดแก่จิตได้ ตื่นมาซักฟอกนิวรณ์ยามกลางด้วยการเดินจรงกลมในที่แจ้ง หรือทำธุดงค์วัตรข้อต่างๆอันเป็นที่เหมาะแก่จิต
และประกอบบารมีข้ออื่นๆได้ ใน 10 ทัศภายใน และสงเคราะห์ให้ผู้อื่นได้ทำบารมี10ทัศภายในหรือภายนอกได้
และทำวัตรต่อการบวชอุปสมบทให้ผู้อื่นได้ ในการให้มาศึกษาสืบคำสอนสอนที่เนื่องด้วยพระธรรมต่อไปได้ในรุ่นต่อไป
และภาวนาพัฒนาจิตไปถึงอริยะมรรคอริยะผลขึ้นไปจนไปถึงอภิญญาข้ออาสวักขยญาณ หรือ วิหารธรรมข้อ สัญญาเวทยตะนิโรธ หรือนิโรธสมาบัติ
ธรรมที่นำออกสามารถเข้าถึงได้และให้คนอื่นรู้ได้
[ สิงแล้วทำกุศลกรรมวิบากให้มาตามคุ้มครองตน
หลับไม่มี มีแต่ปรุงใน
อย่างนั้นอย่างนี้ ดึงเรื่องนู้นดึงเรื่องนี้ขึ้นมา
และวางแผนในยามโผ่ออกมาจะปรุงอะไรยังไงให้เทวดาเข้าใจ
[ไม่สนพุทธบริษัทที่เป็นกายทิพย์จะว่าและพระพรหมท่านดู เทวดาอริยะๆนี้ข้ามหมดไม่สนว่าเขาจะว่ายังไง
บาปเยอะกี่จิต ไม่สน
,ยุให้เทวดาเข้าใจผิดแล้วทำบาปก็มี
เทวดาน้อยซะที่ไหนเยอะมากอันที่คิดว่าเขาจะดู
,ปรุงแต่งให้เหล่านาคาเข้าใจผิดว่าเป็นภิกษุเลวไม่ดี แล้วรู้ด้วยว่าเทวดาที่ตามมาจากวัดมาบจันทร์และพญานาคแถวนั้นมีดูอยู่จะมีเชื่อมลงทางน้ำข้างๆตลาดระยอง
[ ทำปฏิปทาโมทนาบุญ กับเจ้กุ้งคนสวย คือลึกๆแล้ว...]
ก็เลยโดนไป2ที
[มันพักทำสมาธิในภายใน และภาวนากรรมฐาน เพื่อไม่ให้ทุกข์ใจ ในร่างกายพระที่มันเข้ามาสิงแบบเต็ม ซึ่งธรรมะต่างๆดึงมาจากสมองมานำร่องเป็นกรรมฐานภาวนา ]
อ่านดูในแอปMessnger จะรู้อะไรหลายๆอย่าง
มันใส่ร้ายพระอรหันต์
มันใส่ร้ายพระโพธิสัตว์
มันมุ่งร้ายต่อเทวดาสายภาวนาให้รู้ว่าพระอรหันต์ทำเรื่องของดำใส่พระมงคลชัยที่มันสิงอยู่
มันปรุงอาการเหมือนคนบ้าแขนเกร็งตามชื่อยาศรีมหาโพธิ รพ จิตเวช ให้พระเณรและชาวบ้านที่มาช่วยงานบวชภาคฤดูร้อนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ โดยไม่สนว่าเขาหาว่าเป็น... มันเป็นสิ่งไม่ดีเป็นกรรม
มันยุบุคลาบัญญัติโย ให้ติดต่อ กำจัดพระอรหันต์
มันใส่ร้ายพระอริสงฆ์ในนามว่า เป็นตัวละครต่างๆ ทั้งบิดคอล้อ ทั้งทำเป็นผู้โห้ดเหี้ยมโห้ดร้าย ให้เทวดาเกิดความเข้าใจ
มันคิดว่าจะไปวัดป่าสายภาวนาต่างๆเพื่อสร้างบุญบารมี
มันคิดว่าคนใส่บาตรให้ช่วงที่มันสิงพระแล้ว อยู่ที่ต่างๆ เขาเอาอาหารกับข้าวใส่บาตรให้หยกๆ แล้วให้พร ให้พรเสร็จ เขาขอเลข แล้วมันก็ให้หวยไป โดยหักกิ่งไม้เล็กๆออกมาเป็นสิบกิ่ง แล้วยื่นให้ ว่า นับดูกิ่งไม้มีกี่กิ่งละ แล้วเขาก็รับเอากิ้งไม้แล้วลาเดินออกไป ทั้งๆที่มันก็ไม่รู้เลขหวยแค่โชว์เทวดาที่ดูอยู่ให้เข้าใจว่าสุดยอดน่ะฉันนี่ไม่ธรรมดาน่ะ แล้วเขาเสียเงินเปล่าๆ ครั้งที่สอง ยายมาใส่บาตรมาจากหมู่บ้านชีวิตที่ลำบากเพราะเรื่องนู้นเรื่องนี้ในภาวะฆราวาสชาวบ้าน มาใส่บาตรถวายอาหารให้ แล้วสวดให้พร แล้วเขาขอเลข ไม่รู้เลขยังเขียนเลขใส่ดินให้เขารู้ แล้วเน้นย้ำบอกให้ยายอ่านให้รู้ว่าเลขอะไร
ครั้งที่สาม สตรีวัยแม่ลูกอ่อนมาใส่บาตรสองคน ใส่เสร็จ แล้วนาคสวดให้พร แล้วสตรีแม่ลูกอ่อนขอเลข แล้วพญานาคปรุงแต่งว่าปู่หนู เดือนชัย บอกตัวนี้เขียนใส่กระดาษ แล้วพญานาคก็ยืนใส่กระดิบข้าวสตรีแม่ลูกอ่อนคนหนึ่งแล้วพูดว่าอย่าบอกไผ๋เด้อเดี๋ยวเลขมันพ่าย อย่าซื้อหลายเด้อร้อยสองร้อยกะพอ แล้วเขาก็พากันกลับ ..... ภายหลังต่อมาสตรีสองคนนั้นไม่มาใส่บาตรอีกเลย
ตั้งสามครั้ง เพียงแค่โชว์ความไม่ธรรมดาคือคล้ายพระเกจิให้เทวดาที่ดู
โดยไม่สงสารคนว่าเขาจะซื้อเลขไม่ถูกแล้วเสียเงินเปล่าๆ
มันเข้าไปร่วมทำสังฆกรรมในโบสถ์ วันสวดปาติโมกข์ ชวนพระมาๆมาปลงอาบัติ แล้วพระก็ปลงอาบัติกับพญานาค พญานาคก็ สัพพะตา อาปัติโย อาโร เจมิ ไปเรื่อยๆ รับการปลงอาบัติไปมาจนเสร็จ แล้วคานเข้าไปไหว้เจ้าอาวาส พูดว่า ปู่ผมขอโทษครับ ผมสิบ่ไปใสแล้วครับ
แล้วปู่ถ่านก็ว่า ยุนี้หละ บ่มีหยังดอก
แล้วก็มีผู้ใหญ่บ้านหมู3เดินเข้ามาในเขตโบถแล้วขึ้นบันไดเข้าไปตามเรียกตัวออกมา ว่าให้ออกมาสิพาไปตรวจร่างกายก่อน
แล้วปู่ถ่านก็เลยบอก ไปตรวจร่างกายก่อน ....
แล้วผู้ใหญ่บ้านก็พาไปหาผู้ใหญ่บ้านหมู่9ที่รถ1669รออยู่ข้างนอกโบถ และผู้ใหญ่บ้านหมู่9พาขึ้นรถ1669ไป รพ หัวตะพาน แล้วก็ตามขั้นตอนเอกสารคิวความดันและเจาะเลือด
แล้วแม่พระมงคลชัย ก็มา
และดูแลนอนเฝ้า
นอนอยู่บนเตียง ผ่านไป 1 วัน พระอนาคามีมาเยี่ยมพร้อมกับพูดคุยด้วยว่าอะไรยังไง จนมันพูดว่าจะไปอยู่วัดท่าน และพูดว่าผมจบกิจแล้วน่ะครับ โกหกมุสาวาทา ว่าจบกิจแล้ว
แล้วครูบาอาจารย์เขาก็ เหมือนตรวจดูจิต ก็ไม่พูดอะไร แต่อาการที่นาคหมายตอนนั้นคือ อาจารย์ไกร ไม่เชื่อ
[ขณะเล่นละครแล้วนอนอยู่2ชัวโมง ใช้นิ้วขีดดินว่าเข้าวัดกูได้
และเดินไปๆก็ทิ้งบริขารลงข้างทาง แล้วพูดว่ามึงสิเอานิพพานรึมึงสิมายึดกับธาตุสี่ดิน(โทรศัพท์มือถือ) น้ำ ไฟ ลม
แล้วขว้างโทรศัพท์มือมือยี่ห้อoppo a71 ขว้างใส่กำแพงวัดป่านาคำน้อยอย่างแรง ..แล้วเดินไปดูโทรศัพท์ว่าสภาพเป็นอย่างไร
หลังจากดูแล้วปรากฏว่า โทรศัพท์ยังมีการเปิดเครื่องอยู่ไฟยังกระพริบๆ ส่วนจอโทรศัพท์แตกเครื่องงอ เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้ว จับโทรศัพท์ขว้างใส่กำแพงอีกเป็นครั้งที่สอง
และก็ตรวจสอบอีกปรากฏว่าเครื่องยังมีอาการทำงานอยู่ จึงถือมาเก็บใส่ผ้า เดินห่างออกมาจากกำแพงแล้วเห็นพระวัดป่านาคำน้อยกำลังออกเดินบิณฑบาตรจะผ่านมาทางนี้ไปเข้าหมู่บ้าน
ก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทำท่าคุยสายกับคนอื่นแล้วพูด.... เพื่อให้พระที่เดินมาเห็นแล้วผ่านไป แต่ขณะที่วัดป่านาคำน้อยเดินมา8 9 10 11 รูปเดินมาถึงตรงถนนนั้นที่ตรงกับที่ทิ้งบริขาร
ก็มองมาและพูดด้วยว่า ......
อะไร ทำไมมานั่งอยู่แบบนี้ตรงนี้ บริขารพระทำไมอีลุงตุงยังละเนระนาดไปหมด
พญานาคพูดโทรศัพท์เองคุยคนเดียวเองต่อ ไม่อยากคุยกับพระวัดป่านาคำน้อยด้วย
จนพระถามเรื่อยๆและพญานาคตอบออกมาว่า ผม.... ล้ม..พัก แล้วพญานาคพูดต่ออีกว่า ผมจะขอเข้าไปจำพรรษาในวัดป่านาคำน้อยครับ
แล้วพระอาจารย์ว่า ไม่ได้ ไม่ให้เข้า ไปจำที่อื่นไป พร้อมกับกิริยาความไม่ชอบ ที่เห็นภาพลักษณะบริขารระเนระนาดแบบนั้น เหมือนมองว่า เป็นพระที่ด้านลบ คล้ายทางจริยวัตรไม่เหมาะเหมือนคนไม่รู้จักอะไร ไม่นาไว้ใจหรือถือว่าไม่เหมาะแก่การให้เข้ามาจำพรรษาด้วย
_
มาตรงที่ทิ้งบริขารแล้วนั่งลง แล้วนั่งก็เห็นรถตำรวจกำลังขี่ออกตรวจ เจอรถตำรวจที่ขับมาจากด้านหลัง แล้วทิ้งบริขารพระแล้ววิ่งเข้าวัดป่านาคำน้อยแบบเร็ว
ตำรวจตามเข้ามาในวัด ตำรวจวิ่งเร็วมาก มาถึงช้าอยู่ตามไม่ทัน มาถึงตัวช่วงหยุดพูดตะโกนกับมักกะทายกวัดป่านาคำน้อยว่า ชื่อพระมงคลชัย กิตติโสภโณ หรือนายมงคลชัย .. อยู่บ้านเลขที่.. จังหวัด..
และตำรวจที่วิ่งมาด้วยความเร็วนั้นก็มาถึง แล้วควบคุมจับใส่กุนแจมือ
และตรวจฉี่ ว่าเล่นยาไหม แล้วก็ควบคุมนาคไปตรวจฉี่รอผลอยู่ไม่นาน ก็ทราบว่าไม่มี และพญานาคมันขอเข้าห้องน้ำเพื่อคิดอะไรบางอย่าง และตำรวจก็เร่งๆขี้เสร็จรึยัง เร็วๆ แล้วมันก็ขี้ออกมา1ก้อน และไม่มีออกมาก้อนที่2เลย แล้วก็ถ่วงเวลาโดยใช้มือย่อนลงไปโถ่ขี้ที่มีน้ำแล้วกวนๆวนน้ำให้มีเสียง เพื่อให้ดังไปใส่หูตำรวจที่อยู่นอกห้องน้ำ
และพอมันคิดอยู่สักพักหนึ่งก็ออกมาจากห้องน้ำ
จึงจับขึ้นหลังกะบะรถตำรวจ
แล้วรถตำรวจก็ขับไปจะออกไปนอกวัด
และขณะขับออกไปได้ไม่นาน พญานาคก็กระโดดออกจากหลังกะบะรถตำรวจ
โดดลงข้างขวาของรถ
พร้อมหมุ่นตัวแบบมีสติตามรู้ไม่ขาด
และมีแผลที่ข้างนิ้วโมงเท้าอันเกิดจากการกระโดดรถลงแล้วบาดเจ็บ
แล้ววิ่งเข้าไปข้างในเรื่อยๆ แล้วตำรวจก็ตะโกนว่าหยุดๆ พร้อมกับวิ่งตามด้วยความเร็ว วิ่งตามอยู่เกือบ1นาที จนวิ่งจะทันตัว ขณะนั้นนาคคงคิดว่าตำรวจมาทันเรื่อยๆแล้ว เลยขี้ออกพร้อมกับวิ่งไปข้างหน้า และวิ่งไปเรื่อยๆ ไม่ถึง 5เมตร ตำรวจสภนายูงก็ตะคุบตัวจนพญานาคล้มลง
แล้วตำรวจที่วิ่งเร็วนั้นก็มือตีไปที่ท้ายทอยพญานาค1ทีให้หมดกำลัง
แต่พญานาคไม่หมดกำลัง ยังนิดหน่อยอยู่ พร้อมกับคิดว่า ตำรวจบาปหลายแล้ว
และตำรวจก็ใส่กุนแจมือนำไปขึ้นรถ
และคร่าวนี้ตำรวจไม่ไขกุญแจมือให้ พร้อมกับนำสายกั้นห้ามเข้ามา นำมารัดตัวผูกพญานาคไว้กับรถด้านหลังพร้อมกับ
[ปรุงแต่งว่าตำรวจที่วิ่งไล่จับคือเจ้ากรรมนายเวรมาตามปองร้ายขัดขวางไม่ให้บรรลุธรรมขั้นอรหันต์ ปรุงโชว์เทวดาวัดป่านาคำน้อยรู้
[ปองร้ายพยาบาล ให้บริวารนาคีกัณฑละ ไปทำร้ายสั่งสอนให้เจ็บเนื้อเจ็บตัว แต่อย่าให้ถึงตาย แล้วพอกลับภพนาคาตามที่เดิม เหตุเพราะโกธรที่สอบอาการว่าเป็นจิตเวชไหม แต่ตนเองไม่ตอบเร็วเพราะมัวแต่ปรุงแต่งหลอกกายทิพย์แถวนั้น จึงปรุงแต่งความคิดความอ่านช้าตามแบบจิตมนุษย์ แล้วตอบว่า ไม่เห็น ไม่ได้ยิน แล้วเขา ลงในใบว่าเป็น
เขาอิงข้อมูลมาจากใบส่งตัวและสังเกตอาการพฤติกรรม ทั้งดวงตา การพูด และท่าทาง แล้วคิดว่าในตำราทวงการแพทย์ที่เรียนมามันจะประมาณนี้ก็ใช่ จึงลงว่าใช่
-แล้วมึงไปโกรธเขาทำไม มึงมัวแต่ปรุงแต่งหลอกคนอื่นว่านี่จิตมนุษย์ช้าตามนี้ ถ้ามึงตอบว่าตอบปุ๊บปับเร็ว เขาคงไม่ลงว่าใช่ โว่เขลาจริงๆเลย รู้จักไหมใครที่ใหญ่กว่ามึงขึ้นไปอีกก็มี
[ ใกล้จะถึงตลาดระยอง มีพื้นที่ว่างๆโปร่งๆ ติดกับน้ำไปมหาสมุทรทั่วถึงหมด
ปรุงแต่งว่าน้องอยากจะไปนั่งฉันข้าวตรงนั้นพร้อมกับดูน้ำมหาสมุทรที่ทำให้ใจแกล้วกล้าร่าเริงยินดีปรีดา
แล้วกัณฑละปรุงแต่งหลอกให้ทิพย์ๆนาคๆที่คิดว่าเขาเหล่านั้นไปมาสัญจรในน้ำมหาสมุทรไปทั่วได้ ปรุงแต่งให้เข้าใจว่า *เลวไม่ดีสุดๆบุคคลนี้ไม่ดีสุดๆ ไม่ใช่พระดี พระทำนองเลว การกระทำไม่ดีร้ายมาก
ให้เทวดาและนาคทราบ
คิดปรุงๆแงว่า ถ้าคนตายแล้ว แล้วไปเกิดแต่ละชั้นต่างกันตั้งแต่ภพนาคคือชั้นล่างสุด ภพถัดขึ้นไปอีกๆๆๆๆไปจนถึงภพที่พระพรหมอยู่
จิตที่มีอัตภาพแล้วเหล่านั้น จิตที่มีอัตภาพอันไหนน่าเชื่อในเรื่องธรรมะ เขาก็มองว่าพระพรหมนี่มีอภิญญาญาณหยั่งรู้ธรรมะได้ เลยคิดว่าพระพรหมเหมาะการเอาหูไปฟังธรรมะ
แต่นาคกัณฑละ เห็นความคิดเรื่องนี้แล้ว
ก็ปรุงสร้างเรื่องเป็นว่าจริง
ให้นาคทั้งปวงที่อยู่ภพชั้นล่าง รู้และให้ว่าให้คนที่มันสิงอยู่.. ว่า * แล้วพูดทำนองว่าเป็นเกจินาคีว่า.. มันไม่ใช่มันไม่จริงหรอกที่ว่านาคในชั้นล่างไม่มีปัญญาในเรื่องธรรมะ เช่นถ้าคนอ่านพระไตรปิฏกแล้วตายไปเกิดเป็นนาคในชั้นล่าง นาคก็จะมีความรู้มีปัญญาในเรื่องธรรมะ
[ ความรู้ทั้งปวงลบหมด เหลือไว้แต่เข้าร่างพระ นอกนั้นรู้เห็นด้วยผัสสะทางสมองพระ ทางลูกกะตาพระ ทางหูพระ และมือนิ้วพระ
[กัทละมันว่าจะเจริญอนิจจะสัญญากับเสียงด่า แม้บาปมากเติบเลย
[ลดคุณสมบัติ
เปลี่ยนรูปประจำตัวในเฟสเป็นรูปช่วงยังไม่ใช่พระ เพื่อให้คนที่อยู่ในเฟสเขาหลายๆผูู้ใช้เข้าใจผิด....
ผ่านไปไม่นานเปลี่ยนใหม่อีกเพราะไม่น่าเนียนมันไม่น่าแนบเนียนกับลดคุณสมบัติเพราะลดเกินไปมันไม่เนียน
เปลี่ยนรูปประจำตัวใหม่เป็นช่วงถ่ายตอนวันบวชที่ดูค่าต่ำลงมาในด้านสมณะธรรมให้คนรู้ว่าเป็นพระบวชใหม่
ปรุงแต่งมีดโกน กับการปลงโกนผมพระอาจารย์อนันต์ เป็นลักษณะความคิดที่วิปริตไม่ให้เหมาะสมในการโกนหัวให้พระ เพราะจะบ้าวิปริตทำอันตรายพระที่ให้โกนหัว "คล้ายๆ พุทโธๆ แล้วปรุงว่า บักเลี่ยม" เพื่อให้อัตภาพทิพย์หรือที่มันเกลียดชังรู้
ลดคุณสมบัติลงมีหลายอัน
ปรุงบ้า ให้เทวดาปล่อย
ปรุงเลว ให้เทวดาปล่อย
ปรุงตนเองเป็นปู่หนูมีญาณรู้อนาคต ให้เทวดาเลิกสนใจ
ปรุงตนเองเป็นปู่หนูทำการวิธีรักษาจืตบ้า
หาพระพุทธรูปองค์น้อยมาใช้บรัดโช่กับผ้าขัดพระๆขัดพระๆ ขัดพระๆ ให้อัตภาพทิพย์รู้
ด้านคล้ายๆทำนองว่าเนรคุณ แต่ปรุงให้อัตภาพทิพย์รู้ เรื่องให้หวยมัว
อื่นๆก็คงจัดเข้า
มนุษย์เขามาใส่บาตรให้มนุษย์ในตอนที่นาคีชัวสิงแล้ว เขาใส่เสร็จสวดให้พรเสร็จ เขาขอหวย หักกิ่งไม้ออกมา10ชิ้นแล้วเอาให้เขาและบอกมีกี่ชิ้นก็นั่นแหละให้เลขหวยมัว ทั้งๆที่สวดสัพพีติโยอารมณ์ทำนองธัมมะมันกระฟุ้งขึ้นมาให้รู้ว่าอะไรยังไง ก็โน้มไปให้เลขหวยมัว
ครั้งที่2ให้หวยมัวกับยายที่ค่อนข้างมีทุกข์ขัดสนในเรื่องลูกชายและเงินเรื่องภายในครอบครัว
เขาเล่าให้ฟังก็มีการเข้าใจว่ายายผู้นี้นี่ค่อนข้างมีทุกข์ขัดสนในเรื่องลูกชายและเงินเรื่องภายในครอบครัวน่าสงสาร
ก็สวดให้พรให้หวยมัว ใช้นิ้ววาดตัวเลขลงดินให้ยายดู เสร็จ เหมือนยายจะไม่เข้าใจว่าที่เขียนลงดินตัวเลขอะไร ก็กำชับให้ดูให้รู้ พร้อมกับทำอาการนี่น่ะครั้งสุดท้ายแล้วน่ะ อุเบกขาวางเฉยไปแล้วน่ะ
ครั้งสามบ้านร้างแถววัดป่านาคำน้อย
เจ้วัยแม่ลูกอ่อน2คน
มาใส่บาตรให้ แล้วให้พระ แล้วเขาขอเลข ปรุงว่าเป็นปู่หนูเขียนเลขให้ แล้วตนก็เอาใส่ในกระติบข้าวเจ้คนหนึ่ง พร้อมบอกอย่าบอกใครน่ะเดียวเลขมันเปลี่ยน อน่าซื้อเยอะน่ะ ร้อยสองร้อยก็พอ
[มุ้งร้ายมาเรื่อยๆ
ปรุงว่าเป็นพระบ้าจิตวิปริต ว่าพระปรุงสร้างภาพราชินีแล้วย้ำเหยียบและเรื่องๆเมๆถุน ให้อัตภาพทิพย์และแถววัดป่านาคำน้อยรู้
แปลงจิตเป็นอาจารย์สนังกุมารพรหมพูดเสียง หอราชินี อย่างดังให้จุดๆรู้ แล้วแปลงจิตเป็นพระพูด หีอิราชินี
พูดอยู่ มากกว่า 100 คำ
ปรุงในภาพในหลวงมีอะไรกับราชินี
แล้วปรุงว่าในหลวงพูดว่า เห็นการที่พระปรุงภาพแบบนี้แล้วรู้สึกเจ็บ ในช่วงที่อยู่ป่าช้าใหญ่
ตอนน่าจะถึงขนส่งแล้วเดินไป ท้ายกลมการขนส่ง ใกล้กับสุสานจีน
ที่เขาเคยพักภาวนา
ปรุงว่าบริวารในหลวง ร 9 ให้เข้าใจว่าพระเลว เลยปรุงว่าบริวารในหลวงแทรกกายพระแล้วสื่อสารอย่างดุดันเอาจริงเอาจังในการมุ่งร้ายกับพระทั้งจะให้คนมายิงทิ้งทั้งไล่ทั้งให้หนีไปที่ลาว
ให้ผีแถวสุสานจีนรู้
ปรุงในหลวงเคี้ยดไม่พอใจอย่างแรงขอให้บักถมผู้สายดำช่วยทำร้ายพระ
เลยแปลงจิตเป็นบักถมแล้วจับปากกาจรดลงไปที่ศรีษะพระอย่างหนักพอที่จะให้ขีดลงมาแล้วเป็นแผลเลือดออกในแบบลากยาวลงมาเป็นเส้น
แปลงจิตว่าในหลวงแทรกพระขณะนั่งบนรถทัวร์ไปอุดร อย่างอดทนอดกลั้นต่อเรื่องบัดสีที่ปรุงๆภาพในทำนองเรื่องที่ว่า
ขณะตรนำไปส่งแถววัด ป่าภูๆก้อนๆรึเปล่า ปรุงว่าตำรวจพวกที่อยู่ในรถนี้เป็นเทวดาที่เป็นบริวารมนหลวงแทรกกายตำรวจ
แล้วกัณฑละแปลงเป็นในหลวงพูดดังมากๆว่า กูเป็นในหลวง มันบ่กล้าเว้าดอก มึง.... เดี๋ยวฉีกจิตทิ้งเลย
เพื่อให้อัตภาพเทวดาและอัตภาพทิพย์รู้
แล้วขีดลง ขีดแล้วจับปากกามาดูว่าปลายปากกามีเลือดไหม เห็นว่าไม่มี
เลยขีดอีก ครั้งนี้อย่างหนักกว่าเดิมและขีดลงไป กะว่าจะให้เลือดออกให้ได้จริงๆกว่าเดิม
[ปิดกลั้นไม่ให้เกิดมรรคญาญรอบตัดอาสวัะให้หมด ที่เปิดไว้แล้ว 1 ครั้ง 2 ครั้ง ปิดไม่ให้มีครั้งที่3 อย่างทารุณโหดสุดๆ
ผู้น้อยกว่าคือจิตยังไม่ถึงรอบเกิดมรรคญาณตัดอาสวะให้หมด ก็คงเบียดลงมาได้
[วางแผนปิดชีวิตพระที่มันสิงอยู่ ทั้งจับผูกคอตาย มากกว่า 1ครั้ง ฯลฯที่ใกล้ห้องน้ำ ที่ใกล้ต้นไม้ ที่เพิงร้าง ทั้งคิดจะฆ่าพระรูปนี้สารพัด ที่สกายวอคตรงประตูลงเปิดลงไปใต้ที่เขาใช้กรงเหล็กล้อมรอบไว้บริเวรมีสวนหญ้าพื้นดินลุ่มๆที่มีคนเร่ร่อนไปนอน
[วิ่งหนีตำรวจที่เขากำลังขับรถออกตรวจดูความเรียบร้อย
เดิมที่นาคีตนนี้มันไปอาศัยอยู่บ้านร้างของ อดีตตำรวจนายหนึ่ง แล้วมันพักอยู่ตรงบ้านร้างนั้นอย่างปรุงแต่งให้อัตภาพทิพย์แถวนั้นไปจนถึงอัตภาพทิพย์สายภาวนามรรคาวัดป่านาคำน้อยรู้แล้ว....
ขณะที่มันพักที่บ้านร้างนั้นมันก็เห็นรถตำรวจขี่ออกตรวจไปตามถนนเข้าไปทางหมู่บ้าน แล้วขี่กลับมาตามถนน มันจึงรู้เข้าใจว่า ตำรวจขี่รถตำรวจออกตรวจพื้นที่ มันทราบแล้วว่า จะมีตำรวจขี่รถตำรวจออกตรวจผ่านถนนสายนี้ไปมาอยู่แล้ว
มันอยู่ที่บ้านร้างเรื่อยๆผ่านวันแรกวันสองวันสามวันสี่วันห้าไปหลายวันเลย แต่มันรู้ว่าตำรวจขี่รถตำรวจออกตรวจช่วงแรกหรือวันสองหรือวันสามวันสี่ก็ไม่รู้
แล้วมีอดีตตำรวจคนหนึ่งขี่รถตนเองมาแวะดูสวนยางและป่ายางพารา ก็ได้เจอกับพระที่นาคีสิงใช้ร่างกายรูปขันธ์ที่กุศลกรรมในศีลห้าในอดีตให้ผล
เมื่อเจอกับพระที่นาคีสิงแล้ว
อดีตตำรวจคนนั้นจึงถามคุยถามเรื่องทำนองว่า พระอาจารย์หรือครูบาหรือมาแต่ใสมาแต่วัดใด๋นอครับ ผมเป็นเจ้าของที่หม่องนี่ สวนยางพารา สระบอปลา สวนกล้วย นาคีจึงใช้กายคือปากพระพูดว่า
อาตมามาแต่....ฯลฯ (และความน่าจะเป้นคือพูดต่อประมาณว่า มาพักอยู่ที่นี้เห็นว่ามันว่างๆดี จึงมาพักที่บ้านร้างนี้
แล้วอดีตนายตำรวจก็ไปคุยเรื่องว่ามีพระธุดงค์มาพักที่บ้านร้างที่สวนเรา
เลยวันที่พบเจอพระที่นาคีสิงแล้ว
แล้วอดีตนายตำรวจคนนั้นก็ นำพวกกับข้าวและอาหารมาถวายใส่บาตรให้
และนาคีที่สิงร่างพระก็ยืนบาตรให้ใส่ลงไปในบาตร
แล้วนาคีที่สิงร่างพระก็สวดให้พรตามแบบทำนองพระมหาบัว และคิดว่าน่าจะมีบทอื่นอีก อดีตตำรวจก็ปนมมือรับพร
เสร็จแล้วอดีตตำรวจก็พูดๆคุยสนทนากับนาคีที่สิงร่างพระอยู่พอหอมปากหอมคอแล้วบอกลากลับ
น่าจะสองวันต่อมา อดีตตำรวจคนนั้นก็มาที่บ้านร้างตนด้วยความอารมณ์ดีร่าเริงแบบคล้ายมาอุปฐากซ่อมแซมที่พักให้พร้อมกับชุดคนทำงานแบบช้างไม้
พร้อมกับอุปกรณ์ทำเตียงไม้ไผ่ซ่อมเตียงไม้ไผ๋ให้นาคีที่สิงพระอยู่
แล้วก็ไปตัดไม้ไผ่ที่กอไผ่หลายลำ และสอไม้ไผ่ให้เป็นที่พอใช้ซ้อมเตียงไม้ไผ่
และก็บอกนาคีที่สิงอยู่ให้ขนย้ายพวกบริขารผ้าต่างๆย่ามต่างๆบาตรและเปรองนั่งออกไปที่อื่นก่อน จะซ่อมเตียงไม้ไผ่ที่สำรุดนี้ให้ใหม่
แล้วนาคีที่สิงพระก็ขนย้ายพวกบริขารต่างๆไปไว้ที่อื่น
อดีตตำรวจก็ซ้อมเสร็จ บอกว่าเสร็จแล้ว...
แล้วนาคีที่สิงพระก็ขนบริขารมาไว้ที่เตียงที่ซ้อมใหม่
ผ่านไปหลายวันนาคีที่สิงพระก็ออกไปตั๋วเทวดาแถวนั้นว่าพระเดินจรงกลมหรือเดินเพื่ออะไรบางอย่าง
ตำรวจเก่าคนนั้นจึงเดินมาพูดคุยสนทนาด้วยความสนใจ
แต่นาคีที่สิงพระกลับโชว์ภูมิว่าตนเป็นอาจารย์อินทวายตั๋วเทวดาแถวนั้น และพูดกับพระในใจว่า บักนี่มันมักคนลักษณะจังสีตั๋ว ออกแนวเล่นตัว ต้องเล่นตัวไม่ปุปปั๊บยินดีพูดคุยด้วย
ทั้งที่ก็รู้ว่าตำรวจเก่าคนนั้นก็อยากจะคุยด้วย แต่นาคีที่สิงพระกลับเดินหลบไปอื่น
ตำรวจเก่าก็ดินตามพร้อมกับพูดคุยอยากจะสนทนาด้วยเพราะใจศรัทธา
แต่มันก็เดินหนีหลบไปทางอื่น ส่วนตำรวจเก่าก็เดินตามและพูดจาอยากจะสนทนาด้วยด้วยใจที่ศรัทธา
ทำนองนี้ไปเรื่อยๆ อยู่หลายครั้ง แล้วตำรวจเก่าก็เดินมาดักหน้าจะพูดคุยสนทนาด้วยให้ได้เพราะใจศรัทธา
แล้วก็พูดคุยสนทนาเรื่องที่จะพูดด้วยจนเสร็จแล้วตำรวจเก่าก็บอกลากลับบ้าน
ต่อมาก็มาอีกนำอาหารกับข้าวมาใส่บาตรพร้อมกับปลุกนาคีที่สิงพระให้ตื่นและพูดว่ากล่าวว่า คึตื่นสวยแท้นอ และก็ขำๆ ว่าพระตื่นสาย
แล้วนาคีที่สิงพระก็ปรุงอายๆที่ตำรวจพูดว่าตื่นสาย และลุกขึ้นนั่ง
แล้วนำบาตรยื่นไปให้ตำรวจเก่าใส่บาตรให้
เสร็จแล้ว
แล้วนาคีที่สิงพระก็สวดให้พร
ตำรวจเก่าก็พนมมือรับพร
และคุยอะไรนิดหน่อยและบอกลากลับ
และช่วงใกล้วันที่รู้จักกัน ตำรวจเก่าก็พาขึ้นไปดูสวนยางพาราของผมที่เนื้อที่กว้างๆ และคุยเรื่องต่างๆไปด้วย
จนแล้วเสร็จและบอกลากลับ
วันต่อมาเรื่อยๆจนถึงวันที่นาคีที่สิงพระหอบบริขารจะเข้าไปในวัดป่านาคำน้อย
ก่อนจะเดินขึ้นไปเห็นรถตำรวจขี่ตามถนนออกตรวจไปแล้ว
และก็ขนบริขารต่างๆมาไว้ที่ตัวแล้วกำลังเดินไปตามถนนที่ไปยังวัดป่านาคำน้อย
ขณะกำลังเดิน ก็ได้เห็นรถตำรวจกำลังมา และเดินแบบสำรวมให้เป็นปกติเพื่อให้ดูเป็นปกติไม่เป็นที่น่าสะดุดตาผิดสังเกตลงมาตรวจหรือจับ ก็คิดอะไรไม่รู้ แล้วแปลงจิตเป็นพระอาจารย์อนันต์ อกิณจโณ แล้วทิ้งบริขารต่างๆลงริมทางข้างกำแพงวัดป่านาคำน้อย แล้ววิ่งอย่างเร็วและพูดว่าอนันต์อกิณจโณพาแลน อนันต์อกิณจโณพาแลน แล้ววิ่งอย่างเร็วไปเรื่อยๆแล้ววิ่งเลี้ยวขวาเข้าวัดป่านาคำน้อย พอเข้าไปในเขตวัดแล้วก็วิ่งต่อด้วยความเร็ว แล้วนาคีที่สิงพระก็ได้ยินเสียงตำรวจตะโกนบอกให้ หยุด อย่างดัง หลายครั้งหลายหน และวิ่งมาเรื่อยๆ
ขณะที่นาคีกำลังวิ่งหนีตำรวจอยู่นั้น ก็มองเห็นข้างทางว่าจะวิ่งหนีลงไปแต่เห็นว่ามันรกมาก แล้วก็วิ่งตรงไปในวัดเข้าสู่ศาลาทำวัตรและที่ฉันข้าวของพระสงฆ์
ขณะนั้นก็เห็นพระอาจารย์อินทร์ถวายกำลังครองผ้าจีวรจะไปบิณฑบาตร
นาคีกัลฑละก็วิ่งตรงเข้าไปหาท่านเรื่อยๆ และก็มีเสียงตำรวจที่วิ่งตามมาตะโกนบอกให้หยุด
ส่วนนาคีนั้นก็ไม่หยุดยังวิ่งต่อ
ยังวิ่งเข้าไปจนผ่านเข้าไปในศาลา
และเห็นท่านกำลังครองผ้าและมองมาที่ตนที่กำลังวิ่งอยู่ ท่านครองผ้าและมองดูอย่างนิ่งๆเหมือนไม่มีอะไร ไม่มีความหวาดกลัวอะไร
แล้วกัลฑละนาคีชั่วที่ทำลายศาสนาพุทธส่วนที่ส่งต่อลงไป ก็วิ่งไปถึงตรงหน้าพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ
แล้วนั่งเอามือไปแตะที่เท้าพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ
แล้วกล่าวคำวาจาว่า "รับผมแนเด้อครับ"
พระอรหันต์ผู้ประเสริฐพูดตอบว่า รับยุ
แล้วตำรวจที่วิ่งตามมาก็มาถึงตัวแล้วควบคุมไปตรวจเยี่ยวที่ห้องน้ำวัดข้างๆศาลาที่นาคีกัลฑละวิ่งเข้าไป
แล้วผลตรวจว่าไม่มีเล่นยา
ใจความคือมันปรุงคิดอะไรข้างในมาแล้วมันจึงกล่าวออกไปอย่างนั้นว่ารับผมแนเด้อครับ
ต่อมา มันพยายามเดินมาที่วัดป่านาคำน้อยอีก และนอนในวัด1คืน แล้วจากไป
ก่อนหน้านั้นเห็นท่สนครั้งแรก
ก็เข้าไปหา แล้วปรุงว่าท่านดูรีบๆเหมือนจะมีกิจธุระอะไรที่ต้องทำ
ท่านบอกว่าถ้าจะมากราบก็มารีบๆ
มันก็เข้าไปแต่แปลงจิตเป็นพระที่สิงอยู่และสลับกับแปลงจิตเป็นพระอาจารย์อินทร์ถวาย แล้วเข้าไปทำทีหลอกว่าตนเป็นท่านคุยด้วยทางโทรจิต และปรุงเป็นพระทำท่าอ่อนน้อมและพูดๆจา ท่านก็ถามๆว่ามาแต่วัดไหนกี่พรรษและอื่นๆทำนองเรื่องของพระผู้ใหญ่ที่จะถามพระที่มาขอกราบ
แล้วนาคกัลฑละมันก็พูดในเชิงว่าตนเป็นพระภิกษุ และพูดว่า ชื่อพระ .. ฉายา... พรรษา... บวชบวชยุวัด .. แต่ก่อนจำพรรษายุที่วัดหนองป่าพง และ..
และท่านก็ฟัง แล้วท่านก็พูดคุยสนทนาด้วยอยู่นิดหนิดหน่อยแล้ว ก็ไปหยิบหนังสือที่ท่านเทศน์ที่พิมพ์ออกมา หลายเล่มแล้วเอาให้ ให้ไปอ่านจังสิหายโง่จังสิฮู้อริยสัจ อริยสัจหลวงตานี่บ่อคือไผ๋ ไปอ่านจังสิหายโง่
แล้วกัลฑละนาคีก็ใช้อัตภาพพระคลานไปหยิบเอาหนังสือ แล้วกราบลา
และไปอ่านที่บ้านร่าง นาคจึงอ่านดูปกเล่มก่อนว่าใจความว่าอะไร จึงดูจนหมดทุกเล่ม และเห็นว่า ชื่อประมาณว่า อริยะสัจสี่ทำให้หายทุกข์ น่าอ่าน
เลยเปิดอ่าน อ่านไปเรื่อยๆ จนพอรู้ว่า เป็นเนื้อหาเทศณ์ยาวตามธรรมดาทั่วไปเป็นแบบเทศณ์ให้บอกสอนชาวฆราวสชาวบ้าน แล้วไม่ถูกใจ ไม่เหมือนในcolonotและเฟส ใจความกระทัดทัดย่นย่อธรรมลงมาให้กระทัดทัดแต่ใจความหมายกว้าง
เลยเลิกอ่านปิดสมุด
และนำไปไว้ที่ข้างๆ
[ ปรุงจิตตนเป็นอารมณ์ความคิดที่เห็นผิดให้จิตพระรับทราบแล้วนำไปเชื่อข้างในเลย
ทั้งพลิกพระไตรปิฏกธรรมฝ่ายตรงข้ามให้เข้าใจว่าเป็นธรรมฝ่ายดีให้จิตพระรับทราบแล้วนำไปเชื่อข้างในเลย
ปรุงจิตตนเป็นเรื่องราวทางใจให้สมจริงแล้วหลอกให้จิตพระรับทราบแล้วนำไปเชื่อข้างในเลยว่าเสพเมถุนปาราชิก
ปรุงจิตตนเป็นเรื่องราวทางใจให้สมจริงแล้วหลอกให้จิตพระรับทราบแล้วนำไปเชื่อข้างในเลยว่า พระอาจารย์อินทร์ถวายโกรธกำลังเล่นงานทำร้าย
ใส่ราคะใส่โทสะและก็ให้เข้าใจธรรมฝ่ายหนึ่งว่าเป็นอีกฝ่ายหนึ่งให้รับทราบแล้วนำไปเชื่อข้างในเลย
ปรุงกรรมบทสิบ
ข้อ1ไปจนถึงไม่ใช่ข้อ กายกรรมวจีกรรม ไม่แน่ใจว่าอภิฌชาไปจนถึงทิฏๆฐิ รึเปล่า
ให้เป็นธรรมอีกฝ่ายใส่ให้รู้แล้วเชื่อในจิตเลย
[ กัลฑละนาคีปรุงแต่งจิตว่าเป็นแม่เจ้าแล้วขอ.. ซักว้าว
แล้วเข้าห้องน้ำซักว้าว แล้วน้ำอสุจิก็ไหลออกมาเยอะมาก
แล้วปรุงแต่งจิตเป็นพระอรหันต์ที่แทรกกายพูดว่า มึงบ่แมนพระอรหันต์.... มึงเป็นสกิทา
แล้ววันหลังต่อมา 1วันหรือ2วันนี่แหละ ก็เดินออกไปข้างนอก แล้วซักว้าวอีก แล้วต่อมาหลายวันก็ซักว่าวอีก ซักแล้วติดใจความสุขละสิ .......
ทั้งๆที่รู้ว่าครอบครัวเขาลำบากเรื่องต่างๆก้ยังตั๋วน่าไม่อายอยู่กับเขา
[ปรุงแต่งว่าบรรยากาศในวัดวังเวงน่ากลัว
แล้วปรุงว่าพระกลัว และปรุงว่าอย่ามาหลอกพระให้ย่านเด้อ
ช่วงนอนหลังวัด มีผีมาตรงบริศาลาที่นอน มีเสียงเหยียบกิ่งไม้ กิ๊กๆ ๆ แล้วนอนฟัง
วันหลังต่อมา ไปตรงนั้น ไปเยี่ยวใส่แม่งเลยที่ผีเคยมาเมื่อวานไม่สนใจ
"จิตลักษณะกร้าง"
ใช้ไฟฟ้าวัด เขาตัดไฟอารมณ์เสีย
ใช้ไฟโดยสักแต่ว่าเสียบๆ แล้วชาตจ์โทรศัพท์ไปด้วย เล่นโทรศัพท์ไปด้วย
และอ่านหนังสืออรรถกถาและฏีกาพระสังฆราชองค์ที่แล้วที่ท่านหามาอธิบายพุทธพจน์ แล้วกัลฑลนาคาก็หาเปิดอ่านตรงสารบัญ เลือกหัวข้อเรื่องไปเรื่อยๆ แล้วอ่านอยู่หลายเรื่อง เรื่องวิปัสนา และเรื่องฌาน และอ่านเรื่องพรหม อสัญญีสัตว์อุบัติขึ้นมาเป็นกายพรหมท่าใดแล้วก็แน่นิ่งในเสวยฌานจนหมดอายุไข และเกี่ยวกับพรหมชั้นต่างๆแต่ก็ไม่รู้ว่าอ่านออกไปอีกหลายหน้าจนจบเลยเรื่องที่ว่าเกี่ยวกับพรหม และบ้าง500กัป บ้างว่า มากกว่า500กัป ในพรหมฌานสี่
แล้วก็จำๆไว้ว่าหนังสือที่พระสังฆะราชเรียบเรียงแต่งอธิบายชื่อว่า...นี่ดีสุดยอดมาก นำพุทธพจน์ขึ้นมาแล้วนำอรรถาฏีกาและลงไปอีกตาความเห็นผู้ทรงคุณวุฒิในธรรมมาอธิบายต่ออีก
แล้วก็กลับไปบ้านพัก ตั๋วพี่สาวเขาพี่เขยเขาต่อ... ตั๋วเทวดาตามป่าที่มีต้นไม้ๆริมทาง
แล้วมันก็คุยธรรมะกับคนอื่น และทำกรรมฐานในภายใน ตื่นมาตาแป๋วเลยคุยกับคนธรรมะธัมโมในเฟสคนนั้นคนนี้เฉยเลย
[พี่เขยเขาพูดว่า "สติบ่ดี ๆ " ทำนองนี้ ยาวออกไปอีก กัลฑละหมายว่า กรรมจะทำให้ "จะเป็นบ้า" แล้วก็นิ่งอยู่ในรถให้เขาพูดนั่นนี่ต่อ แล้วก็กินๆของเขา ใช้น้ำใช้ไฟของๆเขาและอาศัยอยู่กับพวกเขา
เจ้ตาล ชอบว่าให้ชอบใช้ กัลฑละหมายว่า กรรมจะทำให้ "เป็นทาสหลายชาติ"
แล้วก็กินๆของเขา ใช้น้ำใช้ไฟ ใช้เงินของเขา และริบเงินทอนของเขาและพูดทำนองว่าอย่างนั้นอย่างนี้เพื่อให้ริบเงินทอนสำเร็จ บางครั้งเจ้ตาลก็ให้ริบสำเร็จ บ้างครั้งก็ไม่ให้ริบสำเร็จ ให้ทอนมาเลย ประหยัดๆกันหน่อย
ดูแลเด็กแต่ไม่ยอมไปช่วยเด็กในเวลาเด็กวัยอนุบาล1ไม่พอใจวิ่งไปที่ถนนที่มีรถมาจากที่อื่นรถจะขับเร็วในถนนเส้นนี้
เด็กวิ่งไปแล้วกระโดดโล้ดเต้นในถนน
และร้องไห้
กัลฑละเห็นไม่ไปช่วยแต่ปล่อยให้เด็กกระโดดโล้ดเต้นพร้อมกับร้องไห้ทั้งที่รู้ว่าตรงถนนนั้นมันอันตรายมีรถวิ่งเร็วรถชนก็ช่าง
แล้วพอดีเจ้พี่สาวเขาซึ่งเป็นแม่เด็กเห็นก็รีบวิ่งไปรีบอุ้มตัวเด็กกลับออกมาจากถนนแล้วเขาบ้าน พร้อมกับต่อว่าพระที่กัลฑละสิงอยู่อยู่ อย่างไม่พอใจอย่างแรง
แล้วกัลฑละเมื่อรุ้ว่าเขาต่อว่าให้อย่างรุนแรงก็เฉย ทำตัวอาศัยพวกเขากินนอนใช้น้ำไฟใช้เงินเหมือนเดิม
แล้วก็มาปรุงว่า "กูเล่นๆไม่ได้จะเอาจริงหรอก" ฉัน" ขอโทษมึงด้วย" พร้อมใจมีมายาแก้ๆหน้าพอเป็นพิธีไป
[ปรุงคันผิวหนังบริเวรท้าว และมฝ่ามือและแขนและแถวหน้าอกให้คัน แล้วถือเก้าอี้ไปวางใต้ราวเหล็ก และนำโต๊ะเล็กที่เอาจากที่อื่นที่เป็นของคนอื่นมาวางซ้อนเป็นชั้นสองบนเก้าอี้ แล้วขึ้นไปเอาโซ่ล่ามราวเล็กมาฆ้องที่คอพระและล็อคกุญแจที่คอพระอันหนึ่ง และล็อคที่ให้โซ่มันต่อกันที่หนึ่ง แล้วกระตุกโต๊ะที่วางช้อนเก้าอี้เพื่อให้โต๊ะเสียสมดุลล่วงลงไปจากเก้าอี้ ท้าวจะได้ยืนบนเก้าอี้ไม่ได้และลอยเหนือก้าวอี้ ให้เป็นการห้อยคอตายด้วยโซ่
และก่อนหน้านั้นมันเชื่อจิตสุดท้ายอกุศลไปทุกคติภูมิไม่ใช่เชื่อหลักที่ว่าตายแล้วเป็นผีตามอายุไขที่ยังไม่หมด
มันปรุงว่า ว่าถ้าตายมึงก็เป็นผี แล้วค่อยเทศณ์ธรรมะให้ใจเป็นบุญแล้วเกิดใหม่สุคติภพหรือแม่จะทำบุญไปให้ ทั้งๆที่เชื่อหลักที่ว่าตายแล้วจิตเศร้าหมองไปทุกคติภพ
เป็นการปรุงพูดในใจให้อัตภาพผีหรือเทวดาแถวรู้
หลายวันผ่านไปเริ่มมีความคิดว่าจะฆ่าพระด้วยวิธีต่างๆ ทั้งซื้อน้ำแข็งมาเหยียบไว้รอให้มันละลายแล้วก็จะห้อยกับโซ่ที่ผูกไว้กับข้างบนราวแล้ว จะได้ห้อยตายแบบคล้ายให้น้ำแข็งละลายลดระดับพื้นให้เหยียบลงมา จนเท้าไม่ถึงพื้นแล้วลอยไม่ติดพื้น ตายแบบห้อยคอกับโซ่ที่ผูกไว้กับราว
แล้วก็ซื้อมา แล้วเหยียบ แล้วล็อคกุญแจ และรอน้ำแข็งละลายไปเรื่อยๆ และคิดขึ้นมาอะไรไม่รุ้จึงนำลูกกุญแจไขแม่กุญแจออก และลงมา
แต่ลูกกุญแจใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง
เพราะอะไรไม่รู้
[ กัลฑละนาคีปรุงว่า อนุโมทนากับการบวชพระของนาค2คนในอำเภอนาจะหลวย
ใจความมันหายว่าจะได้รับภาวะได้บวชเป็นผลในอนาคต
[ กัลฑละนาคีปรุงว่า การเล่นกับหมามีความผ่อนคลาย มีหมาตัวเดียวที่ทำให้กูครายเครียด แล้วมันเอาเท้าภิกษุแย่เล่นหยอกหมาให้ตนอารมณ์สนุกเพลินคลายเครียด แล้วหมามันกัดๆงับๆเท้า และแย่เท้าไปที่หมาและรู้ว่าหมามันไม่ชอบและโกรธจะกัดงับแรงและจะเป็นบาปกรรมเพราะกัดพระ รู้อย่างนี้ก็ยังแหย่เท้าใส่เพื่อเล่นกับมันให้เพลิดเพลินอารมณ์คลายเครียด ก็แหย่ๆไปทั้งที่ก็รู้ว่ามันโมหาโกรธจะทำบาปกรรมคือกัดพระ และแหย่อีก แย่อีก จนถึงช่วงหนึ่งคิดว่า กูนี่เลวจริงๆ มีหมาให้แหย่เล่นคลายเครียดเพลินเพลิน ก็แย่ให้มันทำบาป หลายครั้ง สามครั้ง
แหย่เล่นให้อารมณ์ดี หลายครั้ง แย่ไปเรื่อยๆมันก็ไม่พอใจเลยแวงมางับนิดหน่อยไม่หนักคือเตือน แหย่ไปเรื่อยๆมันเริ่มมางับจนถึงรู้ว่ามันโมโหโกรธงับแรงแบบทำร้าย มันก็ยังเอาเท้าแย่อีก แหย่อีก แหย่อีก บาปแรง
[ โกหกนางฟ้าผู้สวยงามและใจน้อมศรัทธาพุทธศาสนา
โกหกว่าพระปรุงแต่งภาพหลวงปู่ดูลงพื้นแล้วเหยียบหัว
และโกหกว่าพระพูดมัวไม่ได้ศัพท์ไม่ได้ความหมาย แสดงให้อัตภาพทิพย์และนาคและหนึ่งนั้นคือนางฟ้าที่อยู่ต้นไม้ใกล้กุฏิพระ ให้เข้าใจว่าบ้า และก็ปรุงอีกว่า พระเลวไม่ดี
สตรีนางฟ้าสวยงามอ่อนน้อมพนมมือกราบพระ และศรัทธาพุทธศาสนา ยังไม่เว้น ยังปรุงแต่งหลอกให้อัตภาพทิพย์หนึ่งในนั้นคือนางฟ้าเข้าใจผิดว่า พระเป็นบ้า และพระเลว และรู้ว่าเขาจะนำไปพูดต่อให้อัตภาพทิพย์อื่นรู้
ปรุงให้เข้าใจว่าพระบ้าและเลว เหมือนทางวัดไม่ต้องการให้อยู่แล้ว
แล้วปรุงแต่เศร้าไปขอบัตรประชาชนกับพระวัดมาบจันทร์ แต่พระวัดมาบจันทร์รูปนั้นไม่อยู่ วันนั้นเลยไม่ได้บัตรประชาชน แล้วปรุงว่า พระอาจารย์อนันต์ อกิณจโณ ทำอาการเซงๆไม่พอใจที่จะให้อยู่ แต่ให้พักอยู่อีก1วัน พรุ่งนี้แล้วไปเอาบัตรประชาชน แล้วเดินทางออกไปจากวัด
[ หลอกพระอรหันต์ ว่าตนเป็นภิกษุ และปองร้ายอัตภาพทิพย์ที่อยู่ในอาวาสพระอรหันต์และนอกอาวาส
หลอกพระกรรมฐานขั้นสุดยอดในธรรมว่า ตนเป็นภิกษุ และปองร้ายอัตภาพทิพย์ที่อยู่ในอาวาสพระอรหันต์และภายนอก
[ ปรุงว่าให้เทวดารู้ว่าพระที่สิงอยู่นี่ 14 ตุลา จะบรรลุอรหันต์ พอไปถึงวันที่ 14 ตุลา ก็พูดว่าไม่มีอะไร
แปลงจิตเป็นพระอาจารย์อินทร์ถวายแล้วพูดในใจว่า คำว่า นิพพาน แม้ไม่รู้ความหมายว่าอะไร แค่พูดคำนี้ทำนองว่าให้ผลบุญทำให้ถึงนิพพาน
มนุษย์ต่างดาว ไม่รู้จักพุทธศาสนา แค่ทำบุญเสร็จพูดกำกับตบท้ายด้วยคำว่า นิพพาน ก็ได้
หลอกว่าพระอรหันต์ที่ตายแล้ว อัตภาพใหม่มีขันธ์ห้า และยังมีทุกข์กาย
(ถ้าแบบนั้นก็แสดงว่า มีรูปนามอีก)
[ กัลฑละนาคานักเลง
ท้ามีเรื่องกับเทวดาที่ต้นโพธิ์หลังโบสถ์
นำเงาะมาแกะเปลือกออกแล้วขว้างเปลือกเงาะไปที่แถวต้นโพธิ์ หยามๆหาเรื่อง หลายเปลือก ออกอาการนักเลงหาเรื่องกับเทวดา
ทำนองวัยรุ่นหาเรื่องทะเลาะกัน
[ เอาขวดน้ำไปเทใส่รูปปั้นบริวารเจ้าปู่ที่ป่าช้าน้อย ด้วยหยามๆหน้าแต่ไม่กล้าเทใส่หัวหน้า เพื่อให้ออกมาส่งสัญญาณอะไรกับกู ต่างกับที่ต้นโพธิ์
[ กินนมไวตามิวของสงฆ์จนหมด มันเป็นอิ่มๆอร่อยๆ วันหลังไปยามอีกไม่มีสักขวดเลยแล้วไม่พอใจ
[ เนียนแปลงจิตเป็นพระอรหันต์แล้วทำป้ายธรรมะที่พระมงคลชัยเขาทำแล้วแต่ยังไม่เสร็จ นำสติกเกอร์และกรรไกรมาตัด แล้วแปะเป็นตัวหนังสือคำสอนเจริญสติ หมวด อิริยาบรรพะ
แล้วนำไปวัดจะไปติดไว้ในวัดให้วัดให้คนได้อ่าน
และไปถามคุยเรื่องตะปูฆ้อนที่จะตอกไปที่ต้นไม้กับปู่ถ่าน
แล้วนำไปตอกใส่ต้นไม้พร้อมดูทำเลจนเสร็จว่าจะมุมไหนเหมาะคนเดินเข้ามาวัดแล้วเจออ่าน
วันหลังต่อมาขี่จักรยานเข้ามา จะโค้นป้ายธรรมมะนั้นทิ้งซึ่งรู้อยู่ว่าเป็นของวัดไปแล้ว แต่จะโค้นทิ้งทำลายป้ายนั้นทิ้งแบบไม่บาป
จึงคิดจะเปลี่ยนเจตนาไม่ให้เป็นบาปในการทำลายป้ายธรรมะพระสูตรหมวดอิริยาบรรพะของวัดทิ้ง
จึงสักแต่ว่ามือไปจับ สักแต่ว่าว่าจับ สักแต่ว่าจับแน่น สักแต่ว่าดึงให้ป้ายหักและแตกเป็นเสี่ยง และไปจับที่ป้ายแถวบริเวรกลึ่งกลางแผ่นระหว่างที่ตะปูตียึดไว้เพื่อให้ป้ายหักหลุดออกมา และก็ดึงออกมาแตกหักเป็นเสี่ยงๆจนไม่มีที่ต้นไม้ แล้วนำไปทิ้งหลังห้องน้ำรกๆบริเวรป่ากล้วย ไม่ก็ถังขยะหน้าวัด
บาป
[ ช่วงกลางคืนในศาลาวัด
โมโหโกรธ เดินไปคว้าพระพุทธรปที่โต๊ะหมู่ข้างซ้าย แล้วจับลงมาแล้งขว้างทิ้งออกไปข้างนอกศาลาอย่างแรง
แล้วตอนเช้าต่อมาเช้าที่1หรือเช้าทีา2ไม่ทราบ ไปดูบริเวรที่ตนเองคว้างโยนพระพุทธรูปทิ้ง แล้วพบว่า แตกหักไม่เป็นรูปทรงที่สมบูณร์เหมือนเดิมแต่เป็นลักษณะแตกหักชิ้นใหญ่ชิ้นเล็กได้แตกหักออกไป
แล้วเก็บพระพุทธรูปที่ทรงหักๆแตกๆและชิ้นใหญ่และชิ้นเล็กนำไปซ่อนในท่อปูนเพื่อไม่ให้พระในวัดเห็น
[ บางวันก็ไปอ่านหนังสือธรรมเรื่องที่แปลออกมาจากบาลีโดยตรง
และไปบิดกล้วยในหวีกล้วยที่อยู่ในพาข้าวถาดใส่อาหารต่างๆของพระเจ้าอาวาส
บิดมากินคือกล้วยที่นิสสัคคีแล้วของพระในเจ้าอาวาส
[ อยากดูหนังฟาด5ที่อยู่ในความจำส่วนสมองของพระที่เขาดูสมัยวัยรุ่น
ก็รู้ว่าการดูจะเป็นการใส่ความจำที่เป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควรให้พระ ก็พูดว่า กูขอดูฟาสห้าหน่อยน่ะ ให้ผีๆเทวดาแถวนั้นได้ยิน แล้วมันก็ปีนหน้าต่างเข้าไปในห้องสำนักงานพระทางวัด แล้วเปิดคอมค้นชื่อหนังในดน้ตแล้วดู
พอดูๆไป พระที่เขาให้ทำหน้าที่เกี่ยวกับพวกเอกสารต่างๆงานต่างๆเข้ามา ก็เห็นและทำท่าอารมณ์ไม่พอใจที่เล่นคอมดูหนัง แต่กัลฑละนาคาอาศัยทำตัวว่าตนเป็นอดีตพระที่เนื่องๆกับงานและเขา ดูหนังต่อจนจบ และวันหลังก็แอบไปปีนอีกไปเล่นคอมค้นชื่อยาว่าผลเป็นอย่างไรยาตัวนี้ และทำนองนี้ บางครั้งเขาล็อคหน้าต่างไว้ก็เข้าไม่ได้
[ กินข้าววัด แต่เนรคุณวัด ]
ตั๋วผีตัวเทวดา
[ ไปนาก็ไปอาศัยเขา ยังเนรคุณเขา]
[ โมโหโกรธแตะพัดลมของครอบครัวเขา จนพัดลมตะแกรงเบี้ยวหลุดใบพัดหัก
( แม่เขาคงคิดว่าลูกชายเขานี่อาการหนักเติบกำเริบถึงขั้นแตะพัดลมหัก)
[ บิดบักแตงและบักถั่วคนอื่นข้างริมทางที่เขาปลูกไว้
[ ไปวัดอาจารย์เขา แล้วเนียนเป็นเขาทำนู้นนี่นั้น นวดให้เฉยเลย และสนทนาคุยเรื่องต่างๆ และอาจารย์เขาเอานและให้หามุ้งนอนในเพลิงหญ้า มันก็เกรงใจไม่ฝันตั๋วกระแสจริง แต่ปรุงฝันธรรมดาให้เทวดาแถวนั้นรู้และกินข้าวที่วัดอาจารย์เขา อาจารย์เขามีเจโตปริญญาญเท่าที่พระรูปนี้รู้แต่ไม่ชัดเป็นแบบเหมือนรู้ความคิดตน แหละหยัางดูเลขหวยได้บอกเลขแม่น แต่ความจริงแล้วมีอภิญญาอยุ่แต่อาจไม่ครอบคลุมมาที่การรู้ว่าอะไรอยู่ในร่างมนุษย์นาคีหรืออะไรก็เหมือนไม่ทราบเลย
แต่เขาเชื่อว่าอาจารย์ไกรเป็นพระอนาคา
[ ตั๋วพระวัดหนองป่าพงว่า เป็นมนุษย์พระที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว
พระรูปนั้นตอบว่า บ่เชื่อๆ ]
[ ตั๋วพระตั๋วเณรว่า พระแขนเกร็งเป็นโรโบครอบให้เณรนั้นเณรนี่ว่าแขนจั่งซั่นจั่งซี่เป็นอาการทางกายที่วิปริตทางกายบ่ดีบ่ปกติ และชาวบ้านที่มาวัดช่วยงานบวชสมาเณรด้วย ว่าแขนเกร็งบ่คือคนทั่วไป ให้เขาเว้าพื้นเกี่ยวกับเรื่องแขนบ่ปกติต่อๆกันไป
[ ปรุงแต่งแปลงจิตเป็นพระพุทธเจ้าแทรกอยู่ในกาย แล้วยกมือขวาขึ้นทำฝ่ามือเหมือนจะแสดงธรรม
และแสดงตนว่าตนเป็นพระพุทธเจ้าให้อัตภาพทิพย์เทวดาในวัดรู้ และพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ภายในเรื่องที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาศาสนา ไปจนถึงพูดในเชิงว่า เราคือพระพุทธเจ้าจะให้เธอเผยแผ่ศาสนาไปที่ประเทศรัฐเซีย
แล้วเวลาเดินก็พูดมั่วว่าเป็นภาษารัฐเซีย
หลอกหลวงให้ใครรู้ก็ไม่ทราบ
และขณะอยู่ในวัดสาขาหนองป่าพง ก็แปลงจิตว่าตนเป็นครูบาอาจารย์สายวัดป่าต่อญาณทิพย์มาคุย อย่างนั้นอย่างนี้ และทำท่าว่ามีเทวดาขอให้พระไปนั่งสมาธิปลุกเสกพระพุทธให้ แล้วก็ทำว่าตนเป็นพระแล้วไปนั่งอยู่ตรงนั้น แต่ไม่ถึงฌานแต่สงบรวมเป็นสมาธิแล้วหลอกเทวดาแถวนั้นว่าเสร็จแล้ว และเดินออกมาเก็บสายเชือกแล้วไว้ในย่าม และนอนในกุฏิพระแต่นั่งทำเป็นว่าพระหลับและ ไม่สมควรใช้สอยของหนองป่าพง
แสดงให้เทวดารู้ว่า พระเลว และพระจิตที่วิปริต
และตอนเช้าเดินบิณฑบาตรกับพระเจ้าอาวาสวัดสาขาหนองป่าพง และนำมาเทใส่กะละมังและรอเวลาที่เขาให้ฉัน และเข้าไปในศาลาหอฉันและกราบพระประธานตามที่เจ้าอาวาสพากราบ
และนั่งอาสนะถัดมาข้างซ้าย รับสำหรับอาหารต่อจากพระเจ้าอาวาส และตักลงบาตร ไปจนถึงอาหารต่างๆ และสวดๆตามเจ้าอาวาสพาสวดจนเสร็จและฉันจนอิ่ม และขอล้างบาตรให้เจ้าอาวาส และเดินไปแถวตู้หนังสือธรรมะ ปรุงแต่งว่าพระอยากสนใจอยากหยิบมาอ่าน แต่ปรุงว่าตนเป็นครูบาอาจารย์ไม่ให้หยิบเสียเวลาอ่านเพราะปฏิบัติเป็นแล้ว
โชว์ให้เทวดาที่ป่าใหญ่มากรู้
แล้วจากนั้นมันก็ไป ยังขนส่งอุบล และไปอุดร บ้านร้างตำรวจ
[บิณฑบาตรหลังพระวัดป่านาคำน้อยบิณเสร็จเดินเข้าหมู่บ้านให้พรแบบจัดเต็มเป็นที่น่าพอใจกว่า พระองค์อื่นๆให้พร
และปรุงว่าเจ้าอาวาสวัดในหมู่บ้าน ปรุงว่าดีให้พรดี ดีกว่าพระอื่นๆที่มาบิณทรบาตร และให้ไปเอาหรือขอผ้าไตรในวัด
หลอกเทวดา
[ มาร้านค้ามาซื้อของ เข้าไปในร้านปรุงว่าพระสำรวมไม่มองสตรีสวยเลย และซื้อน้ำเฮลูบอยสองขวดและเครื่องดื่มพญานาค และจ่ายเงินแบบไม่อยากมองหน้าสตรีเพราะสำรวมพยายามไม่มอง เสร็จเดินออกจากร้าน เดินไปตามถนนจะกลับไปยังที่บ้านร้างตำรวจเก่า
แล้วพอถึงใกล้จะถึงโค้งๆปรุงว่าพระเจริญกสิณแสงและปรุงเป็นครูบาอาจารย์ทำนองว่า รับรู้ว่าเจริญกสินแสงแล้ว มันทำเรื่องที่กำลังผิดไม่เป็นเรื่องที่น่าพอใจ และครูบาอาจารย์เงียบกำลังคิดแก้ปัญหาที่มันทำไม่ถูกต้องที่มันเจริญกสิณแสง
แล้วเดินๆต่อเลยโค้งไปเจอไฟกำลังไหม้
ต่อฟางข้าวแล้วปรุงว่าพระเห็นไฟแล้วเพ่งดูอยู่แบบหนึ่งแล้วจิตรวม และระหว่างเดินก็ดูไฟไปด้วย แล้วก็เดินต่อไป ไปจนถึงที่พักบ้านร้างตำรวจ
เพื่อให้เทวดารู้ว่าครูบาอาจารย์ ไม่ต้องการให้มันเจริญกรรมฐานกสิณแสง และไม่ให้เป็นพระเคร่ง ให้ตื่นสายๆ
(คาดว่า เทวดารู้แล้วจะได้ไปพูดๆต่อ ทั้งหมดเลยที่ให้อัตภาพทิพย์และเทวดารู้ แล้วพูดติเตียนพระ และอาจมีคิดว่าทำไมครูบาอาจารย์ทำแบบนี้)
[ กัลฑละนาคา ปรุงแต่งบอกพระ ให้หายาพิษผสมในอาหารแล้วไปใส่บาตรให้พระอรหันต์ และผสมยาพิษใส่กับรากไม้หรือน้ำนี่แหละไปถวายให้พระอรหันต์ แล้วบอกว่า ถวายสมุนไพร
พญานาคชื่อกัลฑละ ช่างทิฏฐิโหดร้าย ไม่รู้จักอะไรว่าบาปใหญ่บาปหนัก คิดไตร่ตรองในภายในจิตที่ประมวลผลเร็ว แล้วจึงปรุงแต่งออกมา ช่างชั่วนัก มีบุญคุณกับใครเขาก็ไม่เอามึงหรอก มึงมันชัวโคตรๆ มึงมันทำบาปเยอะและมึงมันดุร้าย และมึงมันไม่เอาข้างล่างกลางบนเลย ชั่วจริงโคตร ถึงขั้นทำลายพุทธศาสนาส่วนส่งต่อลงไปทิ้ง แล้วแอบใช้กายเขาทำสร้างบารมีเข้าในจิตตนเอง แบบพักสังฆกรรมของสงฆ์ในอาวาสวัดที่มึงไปนั่งรวม ไม่ให้เป็นกิจสงฆ์ที่ดำเนินไปถูกต้อง มึงจะบวชให้ใครเป็นเณรไม่ได้หรอก เพีาะมึงไม่ใช่พระภิกษุ และมึงจะบวชพระให้ใครไม่ได้หรอก เพีาะมึงไม่ใช่พระภิกษุ และมึงจะรับการปลงอาบัติจากพระรูปอื่นไม่ได้หรอก เพราะพระพุทธเจ้าให้เฉพาะพระภิกษุกับพระภิกษุปลงแสดงอาบัติ มึงจะเบิกของสงฆ์มาไม่ได้หรอก เพราะมึงต่างจากพระและมึงไม่ใช่ถูกๆต้องที่เข้าไปวัดนั้นวัดนี้แบบที่เขาไปและมึงมันชั่วผลคือมึงไม่ให้มีรุ่นส่งต่อไปเรื่อยๆ ชั่วยิ่งนัก
จนเขาต้องมาแก้เรื่องนี้
มึงมันทรยศอาจารย์และเพื่อน
[ กัลฑนาคา มันคล้ายๆเลียนแบบเทวทัตในกถานิยายธรรมของผู้แต่งรจนาออกมา ที่ว่าบักเทวทัตมันไม่เอาพระพุทธเจ้า มันถือเอาแต่ธรรมะ และมันไม่เอาพระสงฆ์
และมันทำนองว่า เลียนแบบอาจารย์ฉันนะบางส่วน ในช่วงที่ถือเอาแต่พระพุทธเจ้าและพระธรรม ส่วนพระสงฆ์ไม่เอา
ส่วนที่มันถือคือตรงข้ามกับอัฏฐังคิโกมรรคโค
มันเลยข้ามหัวพระพุทธเจ้า และพระสงฆ์ และไม่เอาตามพระธรรมฝ่ายอัฏฐังคิโกมรรคโค
[ มันคิดว่าสตรีเป็นของเล่น คือมันไม่มีความเห็นใจผู้มีใจอ่อนๆๆๆนุ่มๆๆๆ
คิดประมวลอยู่ภายในแล้วพูดบางอย่างให้เขาเข้าใจผิดและรู้ว่าจะเป็นบาปกรรมก็ยังทำ
ในเวลาช่วงที่เหตุเกิดที่วัดมาบจันทร์
สตรีที่มีวิมานอยู่ต้นไม้ใกล้กุฏิพระ
สตรี กะคือ นางฟ้าผู้มีใจอ่อนๆนุ่มๆๆ
เด็ก กะคือภิกษุมงคลชัย
พระ กะคือ พระ แถมรู้อินทรีย์ในการโน้มไปในธรรมคือวิมุติมาก
ต่อมาไปที่ป่าช้าใหญ่
คนแก่ กะคือ หักกิ่งไม้บอกหวยมั้ว และเขียนเลขมั้วให้ยายที่เขาศรัทธาว่ามีพระธุดงค์ที่มาแถวนาตนเองและพูดเรื่องต่างๆภายในครอบครัวว่าลำบากทุกข์เรื่องลูกชายที่กินเหล้า และเรื่องภายในครอบครัวเงินทอง มาขอพึ่งขอพาโปรดสักงวดแน่ข้าน้อยขอเลขหวย แล้วกัลฑละนาคาฟังแล้วมันหมายว่ายายนี่น่าสงสาร แล้วมันเขียนเลขใส่ดินมั่ว และกำซับอีกให้อ่านตัวเลขให้ออกว่ที่เขียนเป็นตัวอักขระเลขอะไร เพราะมองดูทางหัวจะไม่น่าเข้าใจเหมือนดูแบบมองจากด้านล่าง
[ เดินไปจะไปที่บริษัทขนส่ง 407 รถทัวร์ไปขนส่งจังหวัดอุบลราชธานี มีรถชายผู้สะอาดสะอ้านฐานะดี จอดและเปิดกระจกถามว่า พระอาจารย์ครับ ลำบากข่นส่งของบริขารหนักและหลายอัน ให้โยมไปส่งไหม จะไปที่ไหน
แล้วตกลง ว่าไปขนส่ง 407 ขึ้นรถนั่งข้างเขา แล้วโชว์ภูมิให้อัตภาพทิพย์รู้ว่าบอกว่า(ลักษณะหมายในทางลบๆ) ว่าชายคนนี้เป็นกระเท คุยกับพระชอบพระ จนเขาไปส่งถึงขนส่ง407ขึ้ยรถไปขนส่งจังหวัดอุบลราชธานี]
[ กัลฑละนาคีภูมิจิตยังหนุ่มๆ ปรุงแต่งจิตตนเป็นจิตพระอรหันต์องค์นั้นองค์นี้ในลักณะล้อเลียนทำกรรมไม่ดี ]
[ กัลฑละนาคาผู้ภูมิจิตปฐมวัยยังไม่ใช่มัจฉิมวัยปัจฉิมมัจฉิมวัยปัจฉิมวัย]
เปรียบเหมือนกิ่งไม้ ช่วง0-5050-100100-1500 คือวัยภูมิจิต
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
วันหลังถ่ายรูปเณรในเก้าอี้ bts มาขึ้นโปรไปก่อน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ความผิดเปิดเผยต่อสาธารณะชนทิพย์และอื่นๆแล้ว ยังกล้ายังหาญ
ฟังเพลง วิดีโอ ไลน เน็ต เชิง เฟส แบ้ง แผนที่ , ซีรี่ มันดฝรู้ด็ไใ่สนทลายจิตม หักทิ้งแม่ ฝเดทอา ไม่ให้พิมพ์วชักทอด
ข้อหาเกี่ยวข้องกับมัน ปิดไม่มไใหมให้มีการพิมพ์ออกมา เพราะจะถูกติดไปด้วย
ฟังเพลง วิดีโอ ไลน เน็ต เชิง เฟส แบ้ง แผนที่ , ซีรี่ มันดฝรู้ด็ไใ่สนทลายจิตม หักทิ้งแม่ ฝเดทอา ไม่ให้พิมพ์วชักทอด
ข้อหาเกี่ยวข้องกับมัน ปิดไม่มไใหมให้มีการพิมพ์ออกมา เพราะจะถูกติดไปด้วย
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
และ(พระมงคลชัย)จะแกะตำรา พระไตรปิฏก ส่วน กรรมฐาน มรรค ภาวนา
ตามภูมิ(ธรรม)ความรู้ของพระมงคลชัย
และถ้าเมื่อถึงช่วงเวลาเทศณ์แสดงธรรม แบบพระนักเทศณ์แล้ว จะรวบรวมเป็นหมวดๆ ส่วนทาน* ศีล* สมาธิ ฌาน*)กรรมฐาน มรรค ภาวนา ปัญญา* เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทาน1 ทาน2 ทาน3 ทาน4 แล้วให้มนุษย์ผู้ที่มาศึกษาอ่านคำสอนตน เข้าใจแง้ทานเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ แบบอื่นเพิ่มเรื่อยๆ
แล้วให้มนุษย์ผู้ที่มาศึกษาอ่านคำสอนตน เข้าใจแง้ ฌาน กสิน (อุปจาระสมาธิ . อัปณาสมาธิ 12345678 )เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ แบบอื่นเพิ่มเรื่อยๆ
ตามภูมิ(ธรรม)ความรู้ของพระมงคลชัย
และถ้าเมื่อถึงช่วงเวลาเทศณ์แสดงธรรม แบบพระนักเทศณ์แล้ว จะรวบรวมเป็นหมวดๆ ส่วนทาน* ศีล* สมาธิ ฌาน*)กรรมฐาน มรรค ภาวนา ปัญญา* เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทาน1 ทาน2 ทาน3 ทาน4 แล้วให้มนุษย์ผู้ที่มาศึกษาอ่านคำสอนตน เข้าใจแง้ทานเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ แบบอื่นเพิ่มเรื่อยๆ
แล้วให้มนุษย์ผู้ที่มาศึกษาอ่านคำสอนตน เข้าใจแง้ ฌาน กสิน (อุปจาระสมาธิ . อัปณาสมาธิ 12345678 )เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ แบบอื่นเพิ่มเรื่อยๆ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ลง บ . คำบอน เข้าวัด และพูดน้ำ และคุยกับปู่ และเดินทาง
และคุยเรื่องทิพย์ๆภายนอก
และคุยเรื่องทิพย์ๆภายนอก
ความอดทน เหนื่อยจนจะขาดใจตาย กว่าจะผ่าน ด้านแรก และพักแป๊บไปด้าน2 ไม่สนเพื่อนที่วิ่งตามมา เยาะๆ เพราะมุ่งเร็วสุด ตามหลัง รร อื่น ที่1 ใน รร ตน และระดับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
งานให้เ
งา&"#-+นให้฿&+!(:'-เจ้าอาว-'฿'าส เป็นกรร_฿&(!'มฐาน อสุภะ แล้&+9+_#-;'วต่อออกมาเป็น กสิน แล้วส#&+(;-__-(฿&;:'_฿฿อนผู้พ_#฿+(ระ เป็นร&+;'""ะดับซ้ายไปขว&+(-_&6าเรื่อยๆ แล้วไ--"+!ปรอ บิ+-&_+;&ณฑ&+(&บา-__+(_#ตด้-6฿฿วยกัน
งา&"#-+นให้฿&+!(:'-เจ้าอาว-'฿'าส เป็นกรร_฿&(!'มฐาน อสุภะ แล้&+9+_#-;'วต่อออกมาเป็น กสิน แล้วส#&+(;-__-(฿&;:'_฿฿อนผู้พ_#฿+(ระ เป็นร&+;'""ะดับซ้ายไปขว&+(-_&6าเรื่อยๆ แล้วไ--"+!ปรอ บิ+-&_+;&ณฑ&+(&บา-__+(_#ตด้-6฿฿วยกัน
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ความอดทน เหนื่อยจนจะขาดใจตาย กว่าจะผ่าน ด้านแรก และพักแป๊บไปด้าน2 ไม่สนเพื่อนที่วิ่งตามมา เยาะๆ เพราะมุ่งเร็วสุด ตามหลัง รร อื่น ที่1 ใน รร ตน และระดับ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ก็ใช่น่ะสิมันจะเป็นแอดมิน เพราะมันสร้างกลุ่มเอง
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
คิดถึงใจพระสงฆ์หน่อย
ภิกษุ สงฆ์
ภิกษุ สงฆ์
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
พุทธพจน์ พุทธพจน์ ปกลงมา... .. พุทธพจน์
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
เขาให้เฉพาะพระมงคลชัย กิตฺติโสภโณ ปกครองฝ่ายพระ..เณร และ ราชการ
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
Dharma writer But it's a type of finger typing.
งานขึ้นไปหาพระสังฆราชที่ กทม พูด ให้มี เครื่องจอทรัสกรีนos.. และ application android Anatomy.apk ไปลงที่ทุกวัด และท่านสอนการใช้เครื่องจอมรับสกรีนปฏิบัติอสุภะกรรมฐานภาวนาและให้พระลูกวัดมาสัมผัสขยายๆลูบไปลูบมา ดูตรงนั้นตรงนี้ภายในร่างกาย ส่วนนั้นส่วนนี้ ดูอวัยวะชื่อนั่นชื่อนี้ จนสมควรพอ และคลิกชมผลงานตนเอง เปรียบใส่กับมนุษย์ญช
ช ญ เสร็จ แล้วเดินลงไปข้างล่าง และพระลูกวัดคนต่อไปเดินมาหน้าจอให้เจ้าอาวาสสอนและกดสัมผัสขยายๆลูบไปลูบมา ดูตรงนั้นตรงนี้ภายในร่างกาย ส่วนนั้นส่วนนี้ ดูอวัยวะชื่อนั่นชื่อนี้ จนสมควรพอ และคลิกชมผลงานตนเอง เปรียบใส่กับมนุษย์ญช
ช ญ เสร็จ แล้วเดินลงไปข้างล่าง
และพระลูกวัดคนต่อไปเดินมาหน้าจอให้เจ้าอาวาสสอนและกดสัมผัสเหมือนที่เขาเล่นเหมือนที่เขาทำ ชมผลงานตน
แล้วไปสู้กับกิเลสราคะกับผญ.ชาวบ้านเจริญทางใจ
โปรดสัตว์ ขึ้นภูมิภาวนา
เด็กนักเรียน
บรรยายธรรม
อบรมธรรมะ
สมัครครูพระ
จอ
ขึ้นตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด
ช ญ เสร็จ แล้วเดินลงไปข้างล่าง และพระลูกวัดคนต่อไปเดินมาหน้าจอให้เจ้าอาวาสสอนและกดสัมผัสขยายๆลูบไปลูบมา ดูตรงนั้นตรงนี้ภายในร่างกาย ส่วนนั้นส่วนนี้ ดูอวัยวะชื่อนั่นชื่อนี้ จนสมควรพอ และคลิกชมผลงานตนเอง เปรียบใส่กับมนุษย์ญช
ช ญ เสร็จ แล้วเดินลงไปข้างล่าง
และพระลูกวัดคนต่อไปเดินมาหน้าจอให้เจ้าอาวาสสอนและกดสัมผัสเหมือนที่เขาเล่นเหมือนที่เขาทำ ชมผลงานตน
แล้วไปสู้กับกิเลสราคะกับผญ.ชาวบ้านเจริญทางใจ
โปรดสัตว์ ขึ้นภูมิภาวนา
เด็กนักเรียน
บรรยายธรรม
อบรมธรรมะ
สมัครครูพระ
จอ
ขึ้นตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด
CD วัยรุ่น ชุด ๑
https://drive.google.com/folderview?id=0B_EL0-13eOqDYkpra2NVeFo3SWM&resourcekey=0-tY2n_zW09PQ5FWcmcSMqkQ
https://drive.google.com/folderview?id=0B_EL0-13eOqDYkpra2NVeFo3SWM&resourcekey=0-tY2n_zW09PQ5FWcmcSMqkQ
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 17, 2022 6:43:47am
CD วัยรุ่น ชุดพิเศษ 2/2
https://drive.google.com/folderview?id=0B_EL0-13eOqDYzVVbDFIUVNmeGM&resourcekey=0-poYmEpmWk10So11TlBaJsQ
https://drive.google.com/folderview?id=0B_EL0-13eOqDYzVVbDFIUVNmeGM&resourcekey=0-poYmEpmWk10So11TlBaJsQ
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 17, 2022 6:47:27am
CD วัยรุ่น ชุด ๐
https://drive.google.com/folderview?id=0B_EL0-13eOqDYlBKX0pUX09UU00&resourcekey=0-db9dXS-tb898G3gb2_1Ujw
https://drive.google.com/folderview?id=0B_EL0-13eOqDYlBKX0pUX09UU00&resourcekey=0-db9dXS-tb898G3gb2_1Ujw
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 17, 2022 6:48:54am
CD วัยรุ่น ชุด พิเศษ1/2
https://drive.google.com/folderview?id=0B_EL0-13eOqDeXdjWFJHOFNPS1U&resourcekey=0-r32gI1lL0T8NqBuV6IBkoQ
https://drive.google.com/folderview?id=0B_EL0-13eOqDeXdjWFJHOFNPS1U&resourcekey=0-r32gI1lL0T8NqBuV6IBkoQ
อัพเดตเมื่อ มี.ค. 17, 2022 6:49:59am
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ดูกรอัมพัฏฐะ กษัตริย์ย่อมถึงความเป็นผู้เลวอย่างยิ่ง เพราะเหตุที่ถูกกษัตริย์ด้วยกัน ปลงพระเกศา มอมด้วยเถ้า แล้วเนรเทศเสียจากแว่นแคว้นหรือจากเมือง ดูกรอัมพัฏฐะ แม้ในเมื่อกษัตริย์ถึงความเป็นคนเลวอย่างยิ่งเช่นนี้ พวกกษัตริย์ก็ยังประเสริฐ พวกพราหมณ์เลว ด้วยประการฉะนี้. สมจริงดังคาถาที่สนังกุมารพรหมได้ภาษิตไว้ ดังนี้ คาถาสนังกุมารพรหม [๑๕๙] กษัตริย์เป็นผู้ประเสริฐที่สุด ในหมู่ชนผู้รังเกียจด้วยโคตร ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะเป็นผู้ประเสริฐที่สุด ในหมู่เทวดาและมนุษย์. [๑๖๐] ดูกรอัมพัฏฐะ ก็คาถานี้นั้น สนังกุมารพรหมขับถูกไม่ผิด ภาษิตไว้ถูก ไม่ผิด ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่ใช่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ เราเห็นด้วย ดูกรอัมพัฏฐะ ถึงเรา ก็กล่าวเช่นนี้ว่า [๑๖๑] กษัตริย์เป็นผู้ประเสริฐที่สุด ในหมู่ชนผู้รังเกียจด้วยโคตร ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะเป็นผู้ประเสริฐที่สุด ในหมู่เทวดาและมนุษย์. จบ ภาณวารที่หนึ่ง
พระมงคลชัย กิตฺติโสภโณ อ่านดู รายชื่อพระอนาคามีในอินเตอร์เน็ต ที่รวมจากพระไตรปิฏก อ่านไปเรื่อยๆอยากให้อาจารย์สนังกุมารพรหมใช่อนาคามีเหมือนนท่านอื่นๆ
และอ่านพุทธพจน์แล้ว สมกับที่สนังกุมารพรหมพูด กษัทตย์ประ..
แล้ว ชื่นชอบท่าน ท่านปัญญาเยอะ จนพระพุทธเจ้า..
เกิดความศรัทธาอย่างแรงกล้า พลิกดูบาลี ตวจดูว่า คำอะไร และรู้ว่าเป็นคำว่า สนังกุมาเรน พรหมมา
พระมงคลชัย กิตฺติโสภโณ อ่านดู รายชื่อพระอนาคามีในอินเตอร์เน็ต ที่รวมจากพระไตรปิฏก อ่านไปเรื่อยๆอยากให้อาจารย์สนังกุมารพรหมใช่อนาคามีเหมือนนท่านอื่นๆ
และอ่านพุทธพจน์แล้ว สมกับที่สนังกุมารพรหมพูด กษัทตย์ประ..
แล้ว ชื่นชอบท่าน ท่านปัญญาเยอะ จนพระพุทธเจ้า..
เกิดความศรัทธาอย่างแรงกล้า พลิกดูบาลี ตวจดูว่า คำอะไร และรู้ว่าเป็นคำว่า สนังกุมาเรน พรหมมา
พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ ได้อัพเดตสถานะของเขา
ทใึงกะเห็นใจะวกกึแนิพวกกูดะใาเนฝฝ สิบรรได้กะยัอรพุทะอุยัติก่อนและใีสาวกาโปรด เห็นใจะวกผมกร่อบิ
สร้างโดย พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ เมื่อ วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2022 เวลา 16:20 น. UTC+07:00
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น