ความคิดจะมีอยู่ ๒ อย่าง
๑ คิดแล้ว เกิดอกุศล
คือเกิด ราคะ โทสะ
ราคะ คือความยินดีติดใจ เพลิดเพลินไปกับกามคุณ๕ หรือร้อนอกร้อนใจเพราะความคิด นี่ก็คือโมหะ แม้ไม่ได้คิดจะเบียดเบียนใคร แต่ร้อนอกร้อนใจอย่างนี้ เรียกว่า โมหะ ความหลง สรุปแล้ว มิจฉาสังกับโปนั้นเอง
โทสะ คือความคิดที่จะพยาบาท ความคิดที่จะเบียดเบียน
ความคิดที่จะอาฆาตจองเวร
ความคิดที่จะให้เขาพินาศ เช่นขอให้ได้รับผลของกรรมหนักๆ ต่อสิ่งทั้งหลายที่วิญญาณไปรู้ และมาให้รู้ เป็นต้น
แต่ถ้าคิดแล้ว
เป็นอัพยากต ตลอดคือไม่เป็นกุศล และอกุศล
ก็มีแต่พระอรหันต์เท่านั้น
ปุถุชนก็ มีอัพยากตเจตสิก กุศลเจตสิก อกุศลเจตสิก แต่ส่วนมาก จะเกิดแต่อกุศลเจตสิก
(เหตุปรารพ มีความทุกข์ใจ เรื่องเงินที่มาดึงไว้ คิดจนเป็นทุกข์ใจ
และจิตยังยึดมั่นถือมั่น ใน รูปว่าจริงไม่เป็นอนัตตา ในเสียงว่าจริงไม่เป็นอนัตตา
ในกลิ่นว่าจริงไม่เป็นอนัตตา
ในรสว่าจริงไม่เป็นอนัตตา
ในโผฏฐัพพะว่าจริงไม่เป็นอนัตตา
ในธรรมารมณ์ว่าจริงไม่เป็นอนัตตา)
#05:55 น วันที่ 24.07.2559
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น