วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ขอบคุณมากๆครับ ผมรู้สึกถึงความปิติใจที่เกิดขึ้นหลังจากอ่านข้อความที่คุณตังตฤณมาคอมเม้นเองเลย(เพราะไม่คิดว่าจะเป็นคุณตังตฤณมาตอบ เพราะไม่รู้จะคุยตรงๆที่ไหนไม่รู้จักเฟส"ศรันย์ ไมตรีเวช"ที่คุณดังตฤณมาตอบ ไม่คิดว่าจะได้ติดพูดคุยกันได้)คุณดังตฤณมีพระคุณมากเสียงอ่านหนังสือ "เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน ที่คุณโจโฉอ่านในยูทูปที่คุณดังตฤณเขียนนั้นเปรียบเสมือนเป็นผู้เปิดตาให้สว่างแก่ผม(คล้ายเหมือนครั้งพระยัสสะเปิดตาพระสารีบุตรให้สว่างคนแรก)เหมือนเป็นบันไดขั้นแรกเลยตอนนี้ผมก็ปฏิบัติธรรมไปด้วยและดึงเพื่อนๆมาทางธรรมด้วย เริ่มแรกก็เอาเสียงอ่าน เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน ไปให้เพื่อนๆฟัง กันก็หันมาทางธรรมบางส่วนเสียดายคนที่เอาเมียไปแล้วมันแต่งกับก้อนดินชัดๆ และผมก็ทำลำโพงธรรมะและหนังสือแจกให้ชาวบ้านฟังกลุ่มแคบๆอยู่ครับมันสงสารคนทั้งหมดทุกคนเลย อยากให้เข้ารู้ธรรมมะ อยากให้เขาไม่หลงเชื่ออารมณ์ที่เป็นทุกข์นั้น อยากให้เขาออกจากหน้าที่การงานมาเจริญสติปฏิบัติธรรม เป็นแบบนั้นครับอาการของใจ อยากให้เขาเป็นอิสระออกจากความทุกข์แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากตามที่ใจต้องการแบบนั้นและอยากจะสอบถามปัญหาธรรมครับด้วยตอนเริ่มปฏิบัติธรรมหลังจาก ผ่านเสียดายคนตายไม่ได้อ่านมาเปิดตา แล้วก็ฟังเทศหลวงตามหาบัว เรื่องการปฏิบัติจนเข้าถึงนิพพานในยูทูป"ความเข้าใจผม คือท่านสอนเวลามองใครก็ตามทั้งสัตว์บุคคนตัวเขาเราผู้หญิงผู้ชาย ให้เห็นเป็นกระดูกกระดินเดินผมก็ปฏิบัติตามท่านเทศ3เดือนผ่านไป ใจมันมีอาการวางสิ่งทั้งหลายลง โลกทั้งโลกไม่มีอะไรว่างไปหมด เป็นกระดูกทั้งโลก กระดูกล้มหายสลายไปเป็นดินหมด ใจตอนนั้นมันเบาและบริสุทธมากๆเย็นมากๆสว่างมากๆจ้าเลย มันสว่างแบบไม่เคยเจอในชีวิตเหมือนกับมันหลุดออกจากอะไรบางอย่างเป็นแบบนั้นอยู่ประมาณ3วัน วันที่3มีตัวบันดานจะให้ฆ่าตัวตาย เพราะสิ่งทั้งหลายมันว่างหมด ใจนี่ไม่เกาะเกี่ยวอะไรเลย ทุกอย่างจอมปลอมหมดเลย คนทั้งโลกมันหลงกัน เล่นตลกกันทั้งโลก ทุกสิ่งทุกอย่างมันว่างไปหมดจะฆ่าตัวตาย เพราะมันว่าง ตัวเราก็ไม่มีจะอยู่ไปทำไมแต่สุดท้ายก็มีความคิดกลัวตายมาหยุดไว้ และหลังจากวันนั้นใจมันสบายเป็นอิสระเป็นเดือนเลย คือมองไปไหนก็ปรุงแต่งว่าเขาเป็นกระดูก หมาก็กระดูกคนก็กระดูก แล้วหายสลายไปปัจจุบันที่เห็นหลอกลวงกันพอมารู้ตอนนี้ ไอ้ใจเรานี่เองไปให้ความหมายกับกับโลกเขา ว่าอย่างนั้นอย่างนี้เอง ตอนนี้ปัจจุบันผมจะเห็นใจมันวิ่งไปให้ความหมายต่อสิ่งนั้นที่มันเห็นที่มันไปหมายรู้เมื่อก่อนตอนยังไม่ปฏิบัติธรรม ผมเห็นรูปผู้หญิงสวยๆในเฟสตอนนี้ผมก็เพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาใจมันเพลินหลงไปแช่กับอารมณ์นั้นที่ดูรูปสวยๆตอนนี้เวลาเห็นรูปผู้หญิงในหน้าเฟสจะเห็นใจที่มันไปให้ความหมายต่อรูปที่เห็น ว่าเขาสวย ว่าเขาน่ารัก ว่าเขาน่าสงสาร เวลาเห็นรูปอื่นตรงกันข้าม ก็จะเห็นใจไปให้ความหมายว่าสกปกๆ ทั้งๆที่รูปเขาก็เป็นอย่างนั้นธรรมตามแบบนั้นของรูป ใจเรานี่เองไปให้ความหมายและเวลาดูกายจะเห็นใจ อาการความรู้สึกที่ใจไปหมายรู้กาย มันเบาว่างๆโล่งๆและก็เห็นว่าเราเป็นคนรู้เบาเราเป็นคนเห็นอาการความรู้สึกเบาๆนั้นบางทีก็เห็นอาการแสบๆร้อนๆอยู่ภายในหน้าอก,ท้อง, และบริเวรใบหน้าบริเวรหัว เหมือนมันเป็นกระแสความเศร้ามาครอบไว้ บางทีสดชื่นมันก็สว่างเย็นๆเหมือนมีก้อนน้ำแข็งอยู่ในตัวและผมจะเห็นใจที่มันพอใจกับความเย็นที่ปรากฏขึ้นตอนนี้เหมือนจะจับทางรู้ว่า อารมณ์ต่างๆทั้งหมด ทั้งเย็นใจสว่าง ทั้งแสบๆร้อนๆ ทั้งเศร้าๆมันเป็นสิ่งที่ถูกผมรู้อารมณ์ต่างๆทั้งหมดมันเหมือนเป็น ลูกโลกกลมๆใบ1หนึ่งมี3ประเทศ ประเทศที่1ทุกข์ แสบๆร้อนๆ เศร้าๆหดหู่ประเทศ2 สุข รู้สึกเย็นใจเบิกบานใจ(เหมือนกับที่ได้อ่าน คุณดังตฤณพิมอนุญาติครั้งแรก) ประเทศที่3 ว่างๆโล่งๆเบาๆ เหมือนอากาศเปล่าๆ เฉยๆเวลาดูกายก็จะรู้สึกเหมือนรู้อากาศ เวลาดูใจก็จะเห็นแต่ความว่างปรากฏ ณ ปัจจุบันใจมันไปให้ความหมายต่อสิ่งที่เห็น ที่มันได้ยิน ได้กลิ่นเหม็นๆก็จะเห็นใจมันไปหมายว่าไม่ชอบ3ประเทศนั้นมันเป็นก้อนเดียวกัน เป็นโลกกลมๆใบนี้ มันหมุนตลอดเวลามาให้เราดู ผมเริ่มรู้สึกเบื่อกับการดู และผมจะเห็นความคิดมันผุดขึ้นมาบันดานให้ทำนั้นทำนี่ผมมองดูคนทั่วไปก็จะคิดว่า คนในโลกความคิดบันดานผุดขึ้นและทำตามอย่างที่ความคิดมันผุดขึ้นทั้งโลก ไม่อิสระ น่าสงสาร เวลาทุกข์ก็คงจะว่าเราเป็นคนทุกเหมือนที่เราเคยมีความเห็นอย่างนั้นและผมรู้สึกว่า จิตมันตื่นมาก นอนก็ไม่หลับ เหมือนมันไม่ค่อยเชื่ออารมณ์ ใดๆเลยแม้แต่อารมณ์ง่วงๆจะมาครอบ มันก็เห็นมีความคิดสงสารร่างกายจึงไหลไปกับอารมณ์ง่วงและเวลาจะนั้งสมาธิก็จะเห็นไอ้ตัวบันดานให้นั้งสมาธิ พอนั้งลงรู้ลมหายใจเหมือนกับว่าเราเป็นคนรู้ลมลมมันเข้ามันออกเองของมันความสงสัยก็ผุดขึ้นโชว์ให้รู้(เอ๋ นี่เราอยู่ไหน เป็นใครกันก็ในเมื่อลมเป็นสิ่งที่ถูก แล้วเราจริงๆอยู่ไหน)พอนั้งไปแล้วบางทีก็ได้ยินเสียงดนตรีกอง เหมือนมีใครเล่นดนตรีพอได้ยินเสียงเกิดขึ้นมาเห็นใจมันอยากรู้ เสียงนั้นมันก็หายไปอยากให้คุณดังตฤณแนะนำตอบคำถามหน่อยครับว่าจะทำยังไงกับอารมณ์อาการทั้งหลายที่เวียนมาให้รู้เหล่านั้นและก็นั้งสมาธิรู้ลมหายใจผู้รู้ลมหายคือเรา แล้วเราคือใครผู้รู้หรือเราคืออะไรครับ

ขอบคุณมากๆครับ ผมรู้สึกถึงความปิติใจที่เกิดขึ้นหลังจากอ่านข้อความที่คุณตังตฤณมาคอมเม้นเองเลย(เพราะไม่คิดว่าจะเป็นคุณตังตฤณมาตอบ เพราะไม่รู้จะคุยตรงๆที่ไหนไม่รู้จักเฟส"ศรันย์ ไมตรีเวช"ที่คุณดังตฤณมาตอบ ไม่คิดว่าจะได้ติดพูดคุยกันได้)คุณดังตฤณมีพระคุณมากเสียงอ่านหนังสือ "เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน ที่คุณโจโฉอ่านในยูทูปที่คุณดังตฤณเขียนนั้นเปรียบเสมือนเป็นผู้เปิดตาให้สว่างแก่ผม(คล้ายเหมือนครั้งพระยัสสะเปิดตาพระสารีบุตรให้สว่างคนแรก)เหมือนเป็นบันไดขั้นแรกเลยตอนนี้ผมก็ปฏิบัติธรรมไปด้วยและดึงเพื่อนๆมาทางธรรมด้วย เริ่มแรกก็เอาเสียงอ่าน เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน ไปให้เพื่อนๆฟัง กันก็หันมาทางธรรมบางส่วนเสียดายคนที่เอาเมียไปแล้วมันแต่งกับก้อนดินชัดๆ และผมก็ทำลำโพงธรรมะและหนังสือแจกให้ชาวบ้านฟังกลุ่มแคบๆอยู่ครับมันสงสารคนทั้งหมดทุกคนเลย อยากให้เข้ารู้ธรรมมะ อยากให้เขาไม่หลงเชื่ออารมณ์ที่เป็นทุกข์นั้น อยากให้เขาออกจากหน้าที่การงานมาเจริญสติปฏิบัติธรรม เป็นแบบนั้นครับอาการของใจ อยากให้เขาเป็นอิสระออกจากความทุกข์แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากตามที่ใจต้องการแบบนั้นและอยากจะสอบถามปัญหาธรรมครับด้วยตอนเริ่มปฏิบัติธรรมหลังจาก ผ่านเสียดายคนตายไม่ได้อ่านมาเปิดตา  แล้วก็ฟังเทศหลวงตามหาบัว เรื่องการปฏิบัติจนเข้าถึงนิพพานในยูทูป"ความเข้าใจผม คือท่านสอนเวลามองใครก็ตามทั้งสัตว์บุคคนตัวเขาเราผู้หญิงผู้ชาย ให้เห็นเป็นกระดูกกระดินเดินผมก็ปฏิบัติตามท่านเทศ3เดือนผ่านไป ใจมันมีอาการวางสิ่งทั้งหลายลง โลกทั้งโลกไม่มีอะไรว่างไปหมด เป็นกระดูกทั้งโลก กระดูกล้มหายสลายไปเป็นดินหมด ใจตอนนั้นมันเบาและบริสุทธมากๆเย็นมากๆสว่างมากๆจ้าเลย มันสว่างแบบไม่เคยเจอในชีวิตเหมือนกับมันหลุดออกจากอะไรบางอย่างเป็นแบบนั้นอยู่ประมาณ3วัน วันที่3มีตัวบันดานจะให้ฆ่าตัวตาย  เพราะสิ่งทั้งหลายมันว่างหมด ใจนี่ไม่เกาะเกี่ยวอะไรเลย ทุกอย่างจอมปลอมหมดเลย คนทั้งโลกมันหลงกัน เล่นตลกกันทั้งโลก ทุกสิ่งทุกอย่างมันว่างไปหมดจะฆ่าตัวตาย เพราะมันว่าง ตัวเราก็ไม่มีจะอยู่ไปทำไมแต่สุดท้ายก็มีความคิดกลัวตายมาหยุดไว้ และหลังจากวันนั้นใจมันสบายเป็นอิสระเป็นเดือนเลย คือมองไปไหนก็ปรุงแต่งว่าเขาเป็นกระดูก หมาก็กระดูกคนก็กระดูก แล้วหายสลายไปปัจจุบันที่เห็นหลอกลวงกันพอมารู้ตอนนี้ ไอ้ใจเรานี่เองไปให้ความหมายกับกับโลกเขา ว่าอย่างนั้นอย่างนี้เอง ตอนนี้ปัจจุบันผมจะเห็นใจมันวิ่งไปให้ความหมายต่อสิ่งนั้นที่มันเห็นที่มันไปหมายรู้เมื่อก่อนตอนยังไม่ปฏิบัติธรรม ผมเห็นรูปผู้หญิงสวยๆในเฟสตอนนี้ผมก็เพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาใจมันเพลินหลงไปแช่กับอารมณ์นั้นที่ดูรูปสวยๆตอนนี้เวลาเห็นรูปผู้หญิงในหน้าเฟสจะเห็นใจที่มันไปให้ความหมายต่อรูปที่เห็น ว่าเขาสวย ว่าเขาน่ารัก ว่าเขาน่าสงสาร เวลาเห็นรูปอื่นตรงกันข้าม ก็จะเห็นใจไปให้ความหมายว่าสกปกๆ ทั้งๆที่รูปเขาก็เป็นอย่างนั้นธรรมตามแบบนั้นของรูป ใจเรานี่เองไปให้ความหมายและเวลาดูกายจะเห็นใจ อาการความรู้สึกที่ใจไปหมายรู้กาย มันเบาว่างๆโล่งๆและก็เห็นว่าเราเป็นคนรู้เบาเราเป็นคนเห็นอาการความรู้สึกเบาๆนั้นบางทีก็เห็นอาการแสบๆร้อนๆอยู่ภายในหน้าอก,ท้อง, และบริเวรใบหน้าบริเวรหัว เหมือนมันเป็นกระแสความเศร้ามาครอบไว้ บางทีสดชื่นมันก็สว่างเย็นๆเหมือนมีก้อนน้ำแข็งอยู่ในตัวและผมจะเห็นใจที่มันพอใจกับความเย็นที่ปรากฏขึ้นตอนนี้เหมือนจะจับทางรู้ว่า อารมณ์ต่างๆทั้งหมด ทั้งเย็นใจสว่าง ทั้งแสบๆร้อนๆ ทั้งเศร้าๆมันเป็นสิ่งที่ถูกผมรู้อารมณ์ต่างๆทั้งหมดมันเหมือนเป็น ลูกโลกกลมๆใบ1หนึ่งมี3ประเทศ ประเทศที่1ทุกข์ แสบๆร้อนๆ เศร้าๆหดหู่ประเทศ2 สุข รู้สึกเย็นใจเบิกบานใจ(เหมือนกับที่ได้อ่าน คุณดังตฤณพิมอนุญาติครั้งแรก) ประเทศที่3 ว่างๆโล่งๆเบาๆ เหมือนอากาศเปล่าๆ เฉยๆเวลาดูกายก็จะรู้สึกเหมือนรู้อากาศ เวลาดูใจก็จะเห็นแต่ความว่างปรากฏ ณ ปัจจุบันใจมันไปให้ความหมายต่อสิ่งที่เห็น ที่มันได้ยิน ได้กลิ่นเหม็นๆก็จะเห็นใจมันไปหมายว่าไม่ชอบ3ประเทศนั้นมันเป็นก้อนเดียวกัน เป็นโลกกลมๆใบนี้  มันหมุนตลอดเวลามาให้เราดู ผมเริ่มรู้สึกเบื่อกับการดู และผมจะเห็นความคิดมันผุดขึ้นมาบันดานให้ทำนั้นทำนี่ผมมองดูคนทั่วไปก็จะคิดว่า คนในโลกความคิดบันดานผุดขึ้นและทำตามอย่างที่ความคิดมันผุดขึ้นทั้งโลก ไม่อิสระ น่าสงสาร เวลาทุกข์ก็คงจะว่าเราเป็นคนทุกเหมือนที่เราเคยมีความเห็นอย่างนั้นและผมรู้สึกว่า จิตมันตื่นมาก นอนก็ไม่หลับ เหมือนมันไม่ค่อยเชื่ออารมณ์ ใดๆเลยแม้แต่อารมณ์ง่วงๆจะมาครอบ มันก็เห็นมีความคิดสงสารร่างกายจึงไหลไปกับอารมณ์ง่วงและเวลาจะนั้งสมาธิก็จะเห็นไอ้ตัวบันดานให้นั้งสมาธิ พอนั้งลงรู้ลมหายใจเหมือนกับว่าเราเป็นคนรู้ลมลมมันเข้ามันออกเองของมันความสงสัยก็ผุดขึ้นโชว์ให้รู้(เอ๋ นี่เราอยู่ไหน เป็นใครกันก็ในเมื่อลมเป็นสิ่งที่ถูก แล้วเราจริงๆอยู่ไหน)พอนั้งไปแล้วบางทีก็ได้ยินเสียงดนตรีกอง เหมือนมีใครเล่นดนตรีพอได้ยินเสียงเกิดขึ้นมาเห็นใจมันอยากรู้ เสียงนั้นมันก็หายไปอยากให้คุณดังตฤณแนะนำตอบคำถามหน่อยครับว่าจะทำยังไงกับอารมณ์อาการทั้งหลายที่เวียนมาให้รู้เหล่านั้นและก็นั้งสมาธิรู้ลมหายใจผู้รู้ลมหายคือเรา แล้วเราคือใครผู้รู้หรือเราคืออะไรครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น