วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2565

น่าสงสาร พระที่อยู่ในสำนักนั้นเฉพาะพระที่เป็นมิจฉาทิฐิเห็นผิดแผกออกไปจากธรรมของพระพุทธเจ้าผู้เป็นสัมมาทิฐิปนอยู่ในนั้นก็น่าจะมีมากข้าพระเจ้าคิดว่า พระในวัดธรรมกายหรือในเครื่อข่ายธรรมกาย หลายจังหวัดเป็นสัมมาทิฐิก็มี แต่ไม่มีกำลังพอที่จะ....จึงยอมโอนเอน เอ่อออ ไปตามธรรมกาย เพราะเหตุปัจจัยอะไรข้าพระเจ้าก็ไม่รู้ผู้ที่อยู่ในศาสนานี้ มี4จำพวกคือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมะของพระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นถ้าไม่ใช่ในธรรมะของพระพุทธเจ้าแล้วก็จะเป็น ภิกษุอลัชชี ภิกษุปริภาชก ภิกษุเดียถีย์ ภิกษุนอกรีต(ไม่ควรใช้ชื่อว่า ภิกษุเลย เพราะมันเป็นชื่อที่ควรเรียกเฉพาะผู้ที่อยู่ทำตามธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า)หิริ โอตตัปปะเป็นเชื้อแห่งความดีขั้นต้น ที่กั้นไว้ไม่ล่วงลงอบาย และตรงกันข้าม หิริ โอตตับปะ ก็เป็นเชื้อแห่งความสว่างที่จะส่องไปให้ลุถึงพระนิพพานถ้าพระเถระหรือพระหน้าไหนปราศจาก หิริ และ โอตตัปปะแล้วชาตินี้ก็ได้ชื่อว่า เป็นผู้กระทำความมืดแทรกความสว่างของตนเองที่มาจากบุญในกาลก่อน และทำความมืดให้บดบังตนเองในชาติถัดไปถ้าไม่ใช่ ภิกษุณีในธรรมของ วินัยของพระพุทธเจ้าแล้วก็จะเป็น ภิกษุณีอลัชชี ภิกษุณีปริภาชกภิกษุณีเดียรถีย์ ภิกษุณีนอกรีต(ไม่ควรใช้ชื่อว่า ภิกษุณีเลยเพราะเป็นศัพท์ที่ใช้เฉพาะใน มนุษย์หญิงที่บวชอุทิศตนแล้วทำตามธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า)ถ้าไม่ใช่ อุบาสกในธรรมวินัยตามแบบของพระพุทธแล้วก็จะเป็น อุบาสกอลัชชี อุบาสกปริภาชกอุบาสกเดียรถีย์ อุบาสกนอกรีต(ไม่ควรใช้ชื่อ อุบาสก เลย เพราะมันเป็นชื่อที่ควรเรียกเฉพาะมนุษย์ผู้ชายที่อยู่ในธรรมวินัยทำตามธรรมของพระพุทธเจ้า)ถ้าไม่ใช่ อุบาสิกา ในธรรมวินัยตามแบบของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็จะเป็นอุบาสิกาอลัชชี อุบาสิกาปริภาชก อุบาสิกาเดียรถีย์ อุบาสิกา นอกรีต(ไม่ควรใช้ชื่อ อุบาสิกา เลยเพราะมันเป็นชื่อที่ควรเรียกเฉพาะมนุษย์หญิงที่อยู่ในธรรมวินัยทำตามธรรมของพระพุทธเจ้า)1.ตนเองทำผิด ยังไม่รู้ว่าตนเองผิด นี่น่าสงสารมาก ไม่ดีเลย..ไม่น่ายินดีเลย..สงสารที่เขายังไม่รู้ว่าตนผิด2.ตนเองทำผิด และรู้ว่าตนเองทำผิด แต่ยังไม่เปลี่ยนแก้ให้เป็นไปทางที่ถูก นี่น่าสงสารกว่า3.ส่วนผู้ที่ทำผิด รู้ว่าตนเองกำลังทำผิด แล้วแก้ตัวใหม่ ให้มาในทางถูกธรรมของพระพุทธเจ้านี่น่ายินดีน่าสรรเสริญด้วยความกล้าหารของเขามากๆ*๑.เปรียบเหมือนบุรุษกลุ่มหนึ่งหิวน้ำกำลังพากันเดินทางไปที่แห่งหนึ่งเพื่อหวังว่าจะได้กินน้ำอันเย็นสบาย จากบ่อน้ำของหลวงแห่งหนึ่งที่เขาพอรู้จัก........และมีชายคนหนึ่งซึ่งเป็น(ผู้ใหม่)ที่เพิ่งเข้ามาทำหน้าที่เกี่ยวกับบ่อน้ำนี้........และบุรุษกลุ่มนั้นก็ได้เดินทางมาถึงบ่อน้ำนี้ แต่ไม่มีใครรู้ว่าน้ำเป็นน้ำที่มีพิษร้ายแรง ดื่มเขาไปแล้วใจจะวิปริต เห็นว่าผิดในสิ่งที่ถูก เห็นว่าถูกในสิ่งที่ผิด แล้วก็จะตายไปพร้อมกับมิจฉาทิฐิคือความเข้าใจผิดในธรรมขั้นแรก และในธรรมขั้นสูง นั้นในชาตินี้ #"ขั้นแรกนั้น คือระดับทาน"ทาน แปลว่า การให้" มิใช่แปลว่า "เอารวยคืนมาแลก" แต่ให้ทานเพื่อละความยึดมั่นถือมั่นละความตระหนี่ อันเป็นวัตถุของโลกที่ควรปล่อยวาง ตามฐานะของตนที่จะทำได้#"ขั้นสูงคือ สอนเรื่องนิพพานธรรมกายสอนว่า นิพพานคือสถานที่ดินแดนแห่งหนึ่ง มีมีพระพุทธเจ้าหลายพระองค์และเหล่าพระอรหันต์รวมอยู่ตรงนั้น"ทั้งที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า นิพพานนั้นไม่มีรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ไม่มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่มี ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่มี สี แสง เสียง กลิ่น ความยาว ความสั่น ความหนา ความบาง และไม่ใช่ อัตตา"#ผู้ใหม่ ข้าพระเจ้าหมายถึง คนที่เพิ่งจะเข้ามาศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้า แล้วไปสอนผิด คนรับฟังก็เข้าใจผิด จากธรรมของพระพุทธเจ้า เห็นผิดเป็นขบวนเลยคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่าสงสารมากๆ คนกลุ่มนี้จัดเป็นตนเองทางผิด ยังไม่รู้ว่าตนเองเดินผิดทาง นี่น่าสงสารมาก ไม่ดีเลย..ไม่น่ายินดีเลย..สงสารที่เขายังไม่รู้*๒.เปรียบเหมือนคนกลุ่มหนึ่งจะเดินทางไปต่างประเทศด้วยรถไฟรางเขาจึงขึ้นรถไฟนั้นเดินทางไปรถไฟได้ผ่านสถานีที่1 สถานีที่2 สถานีที่3 สถานีที่4 สถานีที่5 สถานีที่6 สถานีที่7 พอผ่านสถานีที่7แล้ว ก็มีเสียงข่าวดังขึ้นจากลำโพงวิทยุสื่อสารในรถไฟ ที่ติดอยู่ข้างที่นั้งผู้โดยสารทุกคนรับข่าวมาจาก (ผ.อ. รถไฟๆ ได้ประกาศว่า ก่อนจะถึงสถานีที่9นั้น จะเป็นร่างที่ทอดผ่านอากาศข้ามเหวลึก กว่าจะถึงฝั่งนั้นระยะทางก็1กิโลเมตรใน1กิโลเมตรกลางเหวนั้นชำรุดมากรถไฟทุกคันอย่าไปทางนั้นมันอันตรายมาก พร้อมกับชี้ให้ดูเลยว่า รางนี้ไม่สามารถรองรับน้ำหนักได้อีกแล้วแม้แต่น้ำหนักของบุรุษคนเดียวก็รับไม่ได้............แต่เพราะคนขับรถไฟ(คนใหม่)นั้นไม่รู้จึงบอกว่าปลอดภัย..ปลอดภัยแน่ ผมเคยขับเครื่องบินเก่งมากๆเลย..........คนกลุ่มนั้นรู้ว่า ผ.อ พูดจริงแน่ๆ ถ้าเราไม่ลงสถานีที่8 ที่จะถึงข้างหน้านี้ รถไฟจะเลยสถานีที่8ไป ก่อนจะถึงสถานีที9 รถไฟคันนี้จะไต่เหยียบราง แล้วร่างก็จะเอนและหัก ทั้งรถไฟและรางก็จะตกลงเหวลึกนั้นด้วยกัน เราอาจจะบาดเจ็บหรือถึงกับคอหักตายแน่.........เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว พอถึงสถานีที่8 ก็ไม่ยอมลง ต่างพูดอ้างกันและกันว่าเราลงไม่ได้ เพราะขึ้นมาผ่านหลายสถานีแล้ว"=คนที่เป็น(ผ.อ ข้าพระเจ้าขออุปมาไปที่ พระพรหมคุณาภรณ์)=คนใหม่ข้าพระเจ้าขอ อุปมาไปที่ คนที่เห็นผิดในธรรมกาย เพิ่งมาจากศาตร์อื่นทางโลก ยังมีจิตหมุ่นไปทางโลกแล้วมาสอนธรรมะในธรรมกายผู้ที่เห็นผิดต่อธรรมะของพระพุทธเจ้าแล้วประกาศสอนผู้อื่น)=กลุ่มผู้โดยสารหมายถึง คนที่เลื่อมใส่ศรัทธาเคารพซื่อตรงต่อธรรมะของพระพุทธเจ้า ใคร่อยากจะหลุดพ้นจากอาสวะทั้งปวงแต่เจอครูที่มีความรู้ผิดเอามาสอน)=ลงไม่ได้ หมายถึงถือกันเอากันมานานแล้ว ตั้งแต่อายุยังน้อยหรือ รู้สึกสบายใจในธรรมแสดงว่าสอนถูก บุคคลที่อยู่ในระดับนี้ใครก็สอนถูกที่เป็นธรรมระดับนี้ เปรียบเหมือนบุรุษกายร้อนอบอ้าว กายสกปรก ใคร่อยากจะอาบน้ำและได้มีครูคนหนึ่ง พูดกับเขาว่า ท่านจงไปอาบน้ำสะอาดที่เย็นสบายตรงนั้น ครั้นแล้วบุรุษที่ตัวร้อนอบอ้าวทั้งสกปรกนั้น ทำตามคำของคนที่บอกให้ไปอาบน้้ำ ครั้งเขาทำตามเขาจึงมีเนื้อตัวที่สะอาดสบายเย็นนี่ก็ฉันนั้นธรรมะระดับแบบนี้ใครก็สอนได้แต่ธรรมระดับสูงขึ้นไป จะให้คนที่เห็นผิดมาสอนนั้นย่อมไม่ได้เลยตนเองทำผิด และรู้ว่าตนเองทำผิด แต่ยังไม่เปลี่ยนแก้ให้เป็นไปทางที่ถูก นี่น่าสงสารยิ่งกว่า๓.*เปรียบเหมือนบุรุษคนหนึ่งคลอดออกทางปากของ(บิดา)เขาเป็นนักปราชมีความรู้มากในหลายศาสตร์เขาฆ่าพระบิดาของตนเอง แทงด้วยปากแต่บิดาของเขาก็ยังไม่ตายทันทีต่อมาเขารู้ว่า การที่เราฆ่าบิดาของตนนั้นไม่ดีเลยเราควรหยุดฆ่า และบำรุงเสียจะดีกว่าเพื่อชดใช้ความผิด=คลอดออกทางปากพระบิดา หมายถึงออกมาจากธรรมะของพระพุทธเจ้า มีความรู้ของพระพุทธเจ้าแล้ว แล้วได้ใช้ความรู้นั้นทำร้ายพระพุทธเจ้า=แทงด้วยปาก หมายถึง จะฆ่าธรรม วินัยของพระพุทธเจ้า =จากฆ่า แล้วหันมาบำรุงพระบิดา หมายถึงผู้ที่ทำผิด รู้ว่าตนเองกำลังทำผิด แล้วแก้ตัวใหม่ ให้มาในทางถูกธรรมของพระพุทธเจ้านี่น่ายินดีน่าสรรเสริญความกล้าหารของเขามากๆ

น่าสงสาร พระที่อยู่ในสำนักนั้น
เฉพาะพระที่เป็นมิจฉาทิฐิเห็นผิดแผกออกไปจากธรรมของพระพุทธเจ้า
ผู้เป็นสัมมาทิฐิปนอยู่ในนั้นก็น่าจะมีมาก
ข้าพระเจ้าคิดว่า พระในวัดธรรมกายหรือในเครื่อข่ายธรรมกาย หลายจังหวัด
เป็นสัมมาทิฐิก็มี แต่ไม่มีกำลังพอที่จะ....
จึงยอมโอนเอน เอ่อออ ไปตามธรรมกาย เพราะเหตุปัจจัยอะไรข้าพระเจ้าก็ไม่รู้

ผู้ที่อยู่ในศาสนานี้ มี4จำพวก
คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมะของพระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
ถ้าไม่ใช่ในธรรมะของพระพุทธเจ้าแล้ว
ก็จะเป็น ภิกษุอลัชชี ภิกษุปริภาชก ภิกษุเดียถีย์ ภิกษุนอกรีต
(ไม่ควรใช้ชื่อว่า ภิกษุเลย เพราะมันเป็นชื่อที่ควรเรียกเฉพาะผู้ที่อยู่ทำตามธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า)

หิริ โอตตัปปะ
เป็นเชื้อแห่งความดีขั้นต้น ที่กั้นไว้ไม่ล่วงลงอบาย และตรงกันข้าม หิริ โอตตับปะ ก็เป็นเชื้อแห่งความสว่างที่จะส่องไปให้ลุถึงพระนิพพาน

ถ้าพระเถระหรือพระหน้าไหนปราศจาก หิริ และ โอตตัปปะแล้ว
ชาตินี้ก็ได้ชื่อว่า เป็นผู้กระทำความมืดแทรกความสว่างของตนเองที่มาจากบุญในกาลก่อน และทำความมืดให้บดบังตนเองในชาติถัดไป

ถ้าไม่ใช่ ภิกษุณีในธรรมของ วินัยของพระพุทธเจ้าแล้ว
ก็จะเป็น ภิกษุณีอลัชชี ภิกษุณีปริภาชก
ภิกษุณีเดียรถีย์ ภิกษุณีนอกรีต
(ไม่ควรใช้ชื่อว่า ภิกษุณีเลยเพราะเป็นศัพท์ที่ใช้เฉพาะใน มนุษย์หญิงที่บวชอุทิศตนแล้วทำตามธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า)

ถ้าไม่ใช่ อุบาสกในธรรมวินัยตามแบบของพระพุทธแล้ว
ก็จะเป็น อุบาสกอลัชชี อุบาสกปริภาชก
อุบาสกเดียรถีย์ อุบาสกนอกรีต
(ไม่ควรใช้ชื่อ อุบาสก เลย เพราะมันเป็นชื่อที่ควรเรียกเฉพาะมนุษย์ผู้ชายที่อยู่ในธรรมวินัยทำตามธรรมของพระพุทธเจ้า)

ถ้าไม่ใช่ อุบาสิกา ในธรรมวินัยตามแบบของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็จะเป็นอุบาสิกาอลัชชี อุบาสิกาปริภาชก อุบาสิกาเดียรถีย์ อุบาสิกา นอกรีต
(ไม่ควรใช้ชื่อ อุบาสิกา เลย
เพราะมันเป็นชื่อที่ควรเรียกเฉพาะมนุษย์หญิงที่อยู่ในธรรมวินัยทำตามธรรมของพระพุทธเจ้า)

1.ตนเองทำผิด ยังไม่รู้ว่าตนเองผิด นี่น่าสงสารมาก ไม่ดีเลย..ไม่น่ายินดีเลย..สงสารที่เขายังไม่รู้ว่าตนผิด

2.ตนเองทำผิด และรู้ว่าตนเองทำผิด แต่ยังไม่เปลี่ยนแก้ให้เป็นไปทางที่ถูก นี่น่าสงสารกว่า

3.ส่วนผู้ที่ทำผิด รู้ว่าตนเองกำลังทำผิด แล้วแก้ตัวใหม่ ให้มาในทางถูกธรรมของพระพุทธเจ้า
นี่น่ายินดีน่าสรรเสริญด้วยความกล้าหารของเขามากๆ

*๑.เปรียบเหมือน
บุรุษกลุ่มหนึ่งหิวน้ำกำลังพากันเดินทางไปที่แห่งหนึ่งเพื่อหวังว่าจะได้กินน้ำอันเย็นสบาย จากบ่อน้ำของหลวงแห่งหนึ่งที่เขาพอรู้จัก
........
และมีชายคนหนึ่งซึ่งเป็น(ผู้ใหม่)ที่เพิ่งเข้ามาทำหน้าที่เกี่ยวกับบ่อน้ำนี้
........
และบุรุษกลุ่มนั้นก็ได้เดินทางมาถึงบ่อน้ำนี้ แต่ไม่มีใครรู้ว่าน้ำเป็นน้ำที่มีพิษร้ายแรง ดื่มเขาไปแล้วใจจะวิปริต เห็นว่าผิดในสิ่งที่ถูก เห็นว่าถูกในสิ่งที่ผิด แล้วก็จะตายไปพร้อมกับมิจฉาทิฐิคือความเข้าใจผิดในธรรมขั้นแรก และในธรรมขั้นสูง นั้นในชาตินี้ 

#"ขั้นแรกนั้น คือระดับทาน
"ทาน แปลว่า การให้" มิใช่แปลว่า "เอารวยคืนมาแลก" แต่ให้ทานเพื่อละความยึดมั่นถือมั่นละความตระหนี่ อันเป็นวัตถุของโลกที่ควรปล่อยวาง ตามฐานะของตนที่จะทำได้

#"ขั้นสูงคือ สอนเรื่องนิพพาน
ธรรมกายสอนว่า นิพพานคือสถานที่ดินแดนแห่งหนึ่ง มีมีพระพุทธเจ้าหลายพระองค์และเหล่าพระอรหันต์รวมอยู่ตรงนั้น
"ทั้งที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า นิพพานนั้นไม่มีรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ไม่มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่มี ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่มี สี แสง เสียง กลิ่น ความยาว ความสั่น ความหนา ความบาง และไม่ใช่ อัตตา"

#ผู้ใหม่ ข้าพระเจ้าหมายถึง คนที่เพิ่งจะเข้ามาศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้า แล้วไปสอนผิด คนรับฟังก็เข้าใจผิด  จากธรรมของพระพุทธเจ้า เห็นผิดเป็นขบวนเลย
คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่าสงสารมากๆ คนกลุ่มนี้จัดเป็น
ตนเองทางผิด ยังไม่รู้ว่าตนเองเดินผิดทาง นี่น่าสงสารมาก ไม่ดีเลย..ไม่น่ายินดีเลย..สงสารที่เขายังไม่รู้

*๒.เปรียบเหมือนคนกลุ่มหนึ่งจะเดินทางไปต่างประเทศด้วยรถไฟราง
เขาจึงขึ้นรถไฟนั้นเดินทางไป
รถไฟได้ผ่านสถานีที่1 สถานีที่2 สถานีที่3 สถานีที่4 สถานีที่5 สถานีที่6 สถานีที่7 พอผ่านสถานีที่7แล้ว ก็มีเสียงข่าวดังขึ้นจากลำโพงวิทยุสื่อสารในรถไฟ ที่ติดอยู่ข้างที่นั้งผู้โดยสารทุกคน
รับข่าวมาจาก (ผ.อ. รถไฟๆ ได้ประกาศว่า ก่อนจะถึงสถานีที่9นั้น จะเป็นร่างที่ทอดผ่านอากาศข้ามเหวลึก กว่าจะถึงฝั่งนั้นระยะทางก็1กิโลเมตร
ใน1กิโลเมตรกลางเหวนั้นชำรุดมาก
รถไฟทุกคันอย่าไปทางนั้นมันอันตรายมาก พร้อมกับชี้ให้ดูเลยว่า รางนี้ไม่สามารถรองรับน้ำหนักได้อีกแล้วแม้แต่น้ำหนักของบุรุษคนเดียวก็รับไม่ได้
............
แต่เพราะคนขับรถไฟ(คนใหม่)นั้นไม่รู้
จึงบอกว่าปลอดภัย..ปลอดภัยแน่ ผมเคยขับเครื่องบินเก่งมากๆเลย
..........
คนกลุ่มนั้นรู้ว่า ผ.อ พูดจริงแน่ๆ ถ้าเราไม่ลงสถานีที่8 ที่จะถึงข้างหน้านี้  รถไฟจะเลยสถานีที่8ไป ก่อนจะถึงสถานีที9 รถไฟคันนี้จะไต่เหยียบราง แล้วร่างก็จะเอนและหัก 
ทั้งรถไฟและรางก็จะตกลงเหวลึกนั้นด้วยกัน เราอาจจะบาดเจ็บหรือถึงกับคอหักตายแน่
.........
เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว พอถึงสถานีที่8 ก็ไม่ยอมลง ต่างพูดอ้างกันและกันว่า
เราลงไม่ได้ เพราะขึ้นมาผ่านหลายสถานีแล้ว"

=คนที่เป็น(ผ.อ ข้าพระเจ้าขออุปมาไปที่ พระพรหมคุณาภรณ์)

=คนใหม่ข้าพระเจ้าขอ อุปมาไปที่ คนที่เห็นผิดในธรรมกาย เพิ่งมาจากศาตร์อื่นทางโลก ยังมีจิตหมุ่นไปทางโลก
แล้วมาสอนธรรมะ
ในธรรมกายผู้ที่เห็นผิดต่อธรรมะของพระพุทธเจ้าแล้วประกาศสอนผู้อื่น)

=กลุ่มผู้โดยสารหมายถึง คนที่เลื่อมใส่ศรัทธาเคารพซื่อตรงต่อธรรมะของพระพุทธเจ้า ใคร่อยากจะหลุดพ้นจากอาสวะทั้งปวง
แต่เจอครูที่มีความรู้ผิดเอามาสอน)

=ลงไม่ได้ หมายถึง
ถือกันเอากันมานานแล้ว ตั้งแต่อายุยังน้อย
หรือ รู้สึกสบายใจในธรรม
แสดงว่าสอนถูก 
บุคคลที่อยู่ในระดับนี้ใครก็สอนถูกที่เป็นธรรมระดับนี้ เปรียบเหมือนบุรุษกายร้อนอบอ้าว กายสกปรก ใคร่อยากจะอาบน้ำ
และได้มีครูคนหนึ่ง พูดกับเขาว่า ท่านจงไปอาบน้ำสะอาดที่เย็นสบายตรงนั้น ครั้นแล้วบุรุษที่ตัวร้อนอบอ้าวทั้งสกปรกนั้น ทำตาม
คำของคนที่บอกให้ไปอาบน้้ำ ครั้งเขาทำตาม
เขาจึงมีเนื้อตัวที่สะอาดสบายเย็น

นี่ก็ฉันนั้นธรรมะระดับแบบนี้ใครก็สอนได้
แต่ธรรมระดับสูงขึ้นไป จะให้คนที่เห็นผิดมาสอนนั้น
ย่อมไม่ได้เลย

ตนเองทำผิด และรู้ว่าตนเองทำผิด แต่ยังไม่เปลี่ยนแก้ให้เป็นไปทางที่ถูก นี่น่าสงสารยิ่งกว่า

๓.*เปรียบเหมือน
บุรุษคนหนึ่งคลอดออกทางปากของ(บิดา)
เขาเป็นนักปราชมีความรู้มากในหลายศาสตร์
เขาฆ่าพระบิดาของตนเอง แทงด้วยปาก
แต่บิดาของเขาก็ยังไม่ตายทันที
ต่อมาเขารู้ว่า การที่เราฆ่าบิดาของตนนั้นไม่ดีเลย
เราควรหยุดฆ่า และบำรุงเสียจะดีกว่าเพื่อชดใช้ความผิด

=คลอดออกทางปากพระบิดา หมายถึง
ออกมาจากธรรมะของพระพุทธเจ้า มีความรู้ของพระพุทธเจ้าแล้ว แล้วได้ใช้ความรู้นั้นทำร้ายพระพุทธเจ้า

=แทงด้วยปาก หมายถึง จะฆ่าธรรม วินัยของพระพุทธเจ้า 

=จากฆ่า แล้วหันมาบำรุงพระบิดา หมายถึง
ผู้ที่ทำผิด รู้ว่าตนเองกำลังทำผิด แล้วแก้ตัวใหม่ ให้มาในทางถูกธรรมของพระพุทธเจ้า
นี่น่ายินดีน่าสรรเสริญความกล้าหารของเขามากๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น