พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ
# มาดูความโง่ของตนเอง ตอนเป็นโยม
๑. ด่าคนอื่นแล้วตัวเองเป็นทุกข์เอง
๒. เห็นรูปแล้ว แล้วตนเองเป็นทุกข์
๓. ได้ยินเสียงแล้ว แล้วตนเองเป็นทุกข์
๔. ได้กลิ่นแล้ว แล้วตนเองเป็นทุกข์
๕. ลิ้มรสแล้ว แล้วตนเองเป็นทุกข์
๖. เมื่ออารมณ์ทุกข์โผ่ที่ใจแล้ว
แล้วก็ยึดว่า "อารมณ์คือเรา" นี่โง่ชั้นที่สองเลย
เมื่อได้ฟังเทศพระปฏิบัติ คือ(หลวงพ่อปราโมทย์ ฯ)
"มี๒อย่างนะ มีผู้รู้ กับ สิ่งที่ถูกรู้"
จึงได้คลายความโง่เป็นเปราะๆออกไปอย่าง.... ^__^
ถ้าจะอธิบาย ก็คือ
ท่านสอนให้มีศรัทธา(ความเชื่อ)
ว่า อารมณ์ทุกอารมณ์ ไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับเรา
อารมณ์ทุกข์ก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับกับเรา
อารมณ์สุขก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับเรา
อารมณ์ไม่ทุกข์ไม่สุขก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับเรา
และอารมณ์ทั้งหลายทั้งปวง
ทั้งอารมณ์ในปัจจุบัน ที่กำลังถูกเรารู้ กำลังทนอยู่ในสภาพเดิม
ไม่ได้
มันจะแปรปรวนไม่คงที่ เดี๋ยวแรงมาก เดี๋ยวน้อย เดี๋ยวอ่อน
เดี๋ยวเบาบาง
ทั้งอารมณ์สุข ทั้งอารมณ์ทุกข์
ล้วนไม่ใช่เรา#
อารมณ์ทั้งหลายทั้งปวงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ก็ไม่เที่ยงแท้ไ
ม่คงทน สุดท้ายก็หายไป อย่างบังคับให้อยู่ต่อไม่ได้
# ถ้าหากว่าไม่มีในหลวงองค์นี้แล้ว
ก็ไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสพบพระธรรมคำสั่งสอนนี้ไหม
ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาส ได้อ่านหนังอันล้ำค่ามีคุณมหาศาลไหม
ที่คนโบราญรักษาสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน คือหนังสือ"พระไ
ตรปิฏก"
ผลของการอ่านแล้ว แม้ยังไม่จบ
มีความรู้สึกว่า
"ในชีวิตนี้ ตอนเป็นโยมก็มีความคิดแบบโยมๆอะไรเป็นประโยชน์ท
ี่แท้จริง มืดตึ๊บ..
ถ้าจำไม่ผิด ผมจบ ม.6 ด้วยเกรดเฉลี่ย 2.อะไรนี่แหละ
ความฉลาด ความรู้ แค่เลข2.
อายุ20 ปี บวช เป็นพระพอได้อ่านพระไตรปิฏกแล้วรู้เลยว่าควรใช้
ชีวิตไปทางธรรม ขาดธรรมไม่ได้
และถ้าหากว่า ตอนอยู่ ม.3
มีเหตุให้ได้อ่านพระไตรปิฏก
อ่านแล้วก็คงจะมีความรู้สึกแสวงหาประโยชน์ตน จะไม่เรียนต่อ ม
.4
แต่จะออกบวช
# ความน่า
คุณของท่านแม้พระอริยะก็สรรเสริญส่วนพวกที่เป็นใหญ่
เป็นโตมีกำลังเพราะกำลังกินบุญเก่าตนเอง
จะทำลายศาสนาพุทธน่าสลดสังเวชมากกับวิบากกรรมขอ
งพวกเขาทำลายศาสนาพุทธก็คือทำลายประตูแห่งความห
ลุดพ้นทำลายศานาพุทธก็คือทำลายช่องทางออกไปจากถ
้ำมืด (ภพทั้งปวง) # วิบากคือคือถ้าฆ่าสัตว์ตนเองย่อมอายุสั้นคือ
ถ้าโกหกตนเองย่อมถูกโกหกอันนี้ทำลายคำสอนที่จะทำให้เข้า
ถึงนิพพานทำลายหนทางที่จะทำให้ถึงความสว่า
งสว่างมากกว่าพรหมวิหารสี่อีกจิตที่ทรงพรหมวิหารสี่ข้อ
ใดก็ตามย่อมสว่างมากข้อเมตตาจิตย่อมสว่างมากข้อกรุณาจิต
ย่อมสว่างมากข้อมุฑิตาจิตย่อมสว่างมากข้ออุเบกข
าจิตย่อมสว่างมาก แต่ศาสนาพุทธไม่ได้ติดอยู่แค่พรหมวิหารสี่
แต่ให้มาเห็นอาการของจิตที่ประกอบไปด้วยเมตตานั้นไม่เที่ยง
เป็นทุกขังเป็นอนัตตาอาการของจิตที่ประกอบด้วยกรุณานั้น
ไม่เที่ยงเป็นทุกขขังเป็นอนัตตาอาการของจิตที่ประกอบด้วยมุ
ฑิตานั้นไม่เที่ยงเป็นทุกขังเป็นอนัตตาอาการของ
จิตที่ประกอบไปด้วยอุเบกขานั้นไม่เที่ยงเป็นทุกขังเป็นอนัตตาแล
ะหลุดพ้นกลายเป็นอมตะหรือนิพพานหรือวิมุติหรือธ
รรมธาตุเมื่อตนเองหลงทำลายความสว่างคือตนเองจะได้เจอ
ความสว่างง่ายๆไหมละน้อเกิดตายมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติแล้ววน
เวียนอยู่ในทุกข์กกัปล์แล้วจะไปจอดขุมไหนไม่รู้
16 ตุลาคม 2016 เวลา 20:21 น. · Facebook for Android ·
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น