วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2565

เวลาโกธร ยากที่จะพูดออกมาแล้วเป็นกุศลเวลาโกธร ง่าย ที่จะพูดออกมาแล้วเป็นอกุศลเวลาโกธรยากที่จะพูดออกมาแล้ว คนฟังรู้สึกดีด้วยเวลาโกธรง่ายที่จะพูดออกมาแล้ว คนฟังรู้สึกไม่ดีเวลาโกธรยากที่จะพูดออกมาแล้วเป็นคำภาษิตเวลาโกธรง่ายที่จะพูดออกมาแล้วเป็นคำทุพภาษิตเวลาโกธรยากที่จะพูดออกมาแล้ว เป็นคำที่ดูชวนเป็นมิตรเวลาโกธรง่ายที่จะพูดออกมาแล้วเป็นคำที่ดูชวนเป็นศัตรูถ้ามีคนพาลนักโกธร ชอบโกธรเป็นฟืนเป็นไฟมาด่าว่าให้เรา ถ้าเราโกธรนั่นแสดงว่าเรารับเชื้อไฟมาจากใจเขาแล้วจึงเหมือนมีไฟคือความร้อนใจแผดเผาอยู่ภายใน เหมือนในใจเขาซึ่งเป็นเชื้อโรคทางใจที่อันตรายมากเพราะเมื่อมันมีอยู่กับใครแล้ว จะพูดวาจาใดย่อมเป็นไปในทางบาป เช่นพูดเสียดสีทำร้ายจิตใจผู้อื่น ด่าตอบจะทำอะไรย่อมเป็นไปในทางบาปเช่น ฆ่าเขาจะคิดอะไรย่อมเป็นไปในทางบาปเช่น พยาบาตอาฆาตแค้น สาบแช่งหักแข้งหักขาเขาดังนั้น เราควรดับไฟคือความโกธรนี้เสียโดยการไม่เพิ่มเชื้อไฟใส่เข้าไปเพิ่มแต่เติมน้ำเย็นรดลงไปเหมือนกับว่าในตัวเรานั้น มีกองไฟกำลังไหม้อยู่ภายใน แล้วเราก็ไม่ส่งเชื้อเข้าไป คือ พวกฟืน,ไม้แห้ง กิ่งไม้ เศษใบไม้ เศษหญ้าแห้ง ไม่ใส่เข้าไปเพิ่มในที่สุดมันก็ค่อยๆดับหายไปเองเติมน้ำเย็นคือ การที่เรามีสติ หลั่งรินกระแสเมตตาออกมา หลั่งรินกระแสแห่งอุเบกขาการวางเฉยออกมา ก็จะเป็นการไม่ใส่เชื้อไฟเข้าไปเพิ่มและรดด้วยน้ำเย็นคือน้ำพระเมตตาพรหมวิหารพราหมณ์ ถาม : "ท่านพระโคตม บุคคลฆ่าอะไรแล้วอยู่เป็นสุข"พระพุทธเจ้า ตอบ: "บุคคลฆ่าความโกธร แล้วพึงอยู่เป็นสุข พราหมณ์"

เวลาโกธร ยากที่จะพูดออกมาแล้วเป็นกุศล
เวลาโกธร 
ง่าย                                                                                                                                     ที่จะพูดออกมาแล้วเป็นอกุศล

เวลาโกธร
ยากที่จะพูดออกมาแล้ว คนฟังรู้สึกดีด้วย
เวลาโกธร
ง่ายที่จะพูดออกมาแล้ว คนฟังรู้สึกไม่ดี

เวลาโกธร
ยากที่จะพูดออกมาแล้วเป็นคำภาษิต
เวลาโกธร
ง่ายที่จะพูดออกมาแล้วเป็นคำทุพภาษิต

เวลาโกธร
ยากที่จะพูดออกมาแล้ว เป็นคำที่ดูชวนเป็นมิตร

เวลาโกธร
ง่ายที่จะพูดออกมาแล้ว
เป็นคำที่ดูชวนเป็นศัตรู

ถ้ามีคนพาลนักโกธร ชอบโกธรเป็นฟืนเป็นไฟ
มาด่าว่าให้เรา
 ถ้าเราโกธรนั่นแสดงว่าเรารับเชื้อไฟมาจากใจเขาแล้ว
จึงเหมือนมีไฟคือความร้อนใจแผดเผาอยู่ภายใน เหมือนในใจเขา

ซึ่งเป็นเชื้อโรคทางใจที่อันตรายมาก
เพราะเมื่อมันมีอยู่กับใครแล้ว จะพูดวาจาใดย่อมเป็นไปในทางบาป เช่นพูดเสียดสีทำร้ายจิตใจผู้อื่น ด่าตอบ

จะทำอะไรย่อมเป็นไปในทางบาป
เช่น ฆ่าเขา

จะคิดอะไรย่อมเป็นไปในทางบาป
เช่น พยาบาตอาฆาตแค้น สาบแช่งหักแข้งหักขาเขา


ดังนั้น เราควรดับไฟคือความโกธรนี้เสีย
โดยการไม่เพิ่มเชื้อไฟใส่เข้าไปเพิ่ม
แต่เติมน้ำเย็นรดลงไป

เหมือนกับว่าในตัวเรานั้น มีกองไฟกำลังไหม้อยู่ภายใน แล้วเราก็ไม่ส่งเชื้อเข้าไป คือ พวกฟืน,ไม้แห้ง กิ่งไม้ เศษใบไม้ เศษหญ้าแห้ง ไม่ใส่เข้าไปเพิ่ม
ในที่สุดมันก็ค่อยๆดับหายไปเอง

เติมน้ำเย็นคือ  การที่เรามีสติ หลั่งรินกระแสเมตตาออกมา หลั่งรินกระแสแห่งอุเบกขาการวางเฉยออกมา 

ก็จะเป็นการไม่ใส่เชื้อไฟเข้าไปเพิ่ม
และรดด้วยน้ำเย็นคือน้ำพระเมตตาพรหมวิหาร


พราหมณ์ ถาม : "ท่านพระโคตม บุคคลฆ่าอะไรแล้วอยู่เป็นสุข"

พระพุทธเจ้า ตอบ: "บุคคลฆ่าความโกธร แล้วพึงอยู่เป็นสุข พราหมณ์"





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น