อาจารย์ไกรครับ
เคยเป็นไหมครับ
เวลาก่อนจะ จะอะไรดีละ
เวลาก่อนที่จิตจะเจริญ หรือสภาวะที่สูงขึ้น
(หรือจะว่ายังไงดีละ)
น้ำอสุจิจะไหลเปอะเปือนสบงเลยครับ
สิฝันลักษะเกี่ยวกับเรื่องสกปกคัก หุงเมืยขึ้นมา กะถึงกับเว้ากับเจ้าของว่า จิตมันคึมักราคะแท้ มันบ่มีคนดอก กะซางมักขี้ดินโพดแท้ ขี้ดินทรายอยู่นี้มันคึบ่มัก มันกะคือกันหละขี้ดินทรายกับคน
มันบ่ฮู้บ้อว่า เหตุเกิดทุกข์ จิตข้องขี้ดินยุยังหลุดพ้นบ่ได้ดอก
ขี้ดินกะบ่มีอิหลี
........ ซ่างเถาะยังบ่ถึงขั้นอนาคามี ก็ย่อมมีแบบนี้
กะคือฝันว่า ตัวเองไปจับกางเกงซื่อหีผู้หญิง,
กะคือฝันว่า ผู้งิงมาให้ท่า สิคร่อมเฮาคือท่าในหนังโป้ สิเอากันกับเฮาหนาครับ,
กะคือบางเทือกะฝันว่าไปจับนมเขา
บางเทือกะบ่ฝันเลย
แต่อสุจิกะออกเปือนสบงเลยตื่นขึ้น
หลังจากนั้น
ประมาณ ๑ วัน หรือ๒ วัน หรือ ๓ วัน
จิตจะเจริญขึ้น เปลี่ยนภาวะใหม่ คึจังมันมีปัญาในธรรมที่ละเอียดขึ้นไปอีก ประมาณนี้หละครับ
สิเป็นแบบนี้ยุหลายครั้งเลยครับ
อย่างเช่นมาฮู้ว่า รูปภาพทั้งหลาย ที่เห็นยุนิ มันเป็นแค่ภาพอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา บ่คงที่ แก่ชรา อยู่ตลอดเวลา
เสียงกะคือกัน มีการแก่ชรา แล้วจังดับ
กลิ่น
รส
โผฏฐัพพะ
ธรรมารมณ์ กะคือกันครับ
โลกทั้ง๖นี้บ่อแมนเฮา มันเป็นโลกจอมปลอมที่ไร้สาระ
เฮายึดโลกมวนนิมันเลยทุกข์
ละกะจิตกะสิร่วมเลยครับ
ฮู้เนื้อฮู้โต ฮู้ลมหายใจเองเลยครับ
และกะต่อมา๑เดือน ฝันอีกเปอะเปื้อนอีก
เที่ยวนี้มีความฮู้ว่า
ร่างกายนี้ มาแต่ไส้
กะคือรีกลับ ร่างกาย
อาหารกะออกจากปาก คนกะค่อยน้อยลง ขี้กะสิเข้ามาในฮู้ขี้ ออกมาทางปาก ไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆ จนอยู่ใน ท้องแม้ ถอยกลับไปอีก เป็นอสุจิกับไข่ อสุจิถอยหลังกลับคืนเข้าไปในหลอดหำ
พ่อกะ คลายอาหารออก โตกะค่อยน้อยลง
ขี้กะหลุมเข้ามา ถอยไปต่อเรื่อยๆ จนไปฮ้อดพรหมรุ่นแรกที่เสพเมถุนกัน
จนไปฮ้อดโลกกำลังเป็นโลก
จนไปฮ้อดโลกบ่มี
และกะ พิจารณาถอยหลังไปเรื่อยๆ จนฮ้อดพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆๆๆๆ ๆๆๆๆ
จากนั้นกะเอ๊ะใจขึ้นมาว่า "อนาคต"
กีรีเหตุการณ์มาฮ้อดปัจจุบัน ณ วินาทีนี้
และกะไปอนาคต กายอาหารนี้เละตุ้มเป๊ะ
เป็นดิน ต้นไม้กะมาดูดเอาไปเป็นส่วนของต้นไม้ผลไม้ ใบไม้ คนกะมาเด็ดเอาไปกิน กะขี้ออก ฯ
ร่างกายนี้เคยเป็นวัตถุทุกสิ่งทุกอย่าง
บ่ว่าจะเป็น ดาบ มงกุฏ ต้นไม้ หิน เหล็ก
ฯ รถ แข้วกะเคยเป็นเนื้อ ปากกะเคยเป็นขี้ ลิ้นกะเคยเป็นขี้
ลิ้นกะเคยเป็นไม้แกล้งขี้เขา น้ำลายกะเคยเป็นน้ำเบ้น น้ำเงี่ยวกะเคยเป็นน้ำตา กระดูกกะเคยเป็นเล็บ
ตากะเคยเป็นปาก ตากะเคยเป็นหู
ร่างกายนี้เคยเป็นฮ้อดบาตของพระพุทธเจ้า
เคยเป็นเมิ๊ด
ต่อไปในอนาคต กะสิวนเวียนกันจังสิ้ละ
ไปจนฮ้อดโลกละลายสลายไป เพราะมีดวงอาทิตย์๗ดวงมาปรากฏ
ดวงอาทิตย์กะแตกสลาย
ทั้งจักวารนี้มีแต่น้ำกับความมืด
จิตกะเลยยอมรับว่า ร่างกายนี้บ่แมนสิ่งเดียวกันกับมัน
แม้แต่ร่างกายผู้อื่นกะบ่แมนของเขา
มันเป็นของที่บ่มีอิหลี มันเป็นส่วนของโลก
โลกเป็นส่วนของจักรวาล
ละกะมันสิโยงไปหาขันธ์๕ ว่า เวทนา สัญญา สังขาร บ่อแมนเฮา
ทั้งจักรวารนี้มีแต่ธาตุรู้ กับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง
และกะ สิเห็นเป็นนิมิตทางใจ ว่า จิตวิญญาณมาเล่นตลกไร้สาระคักในโลกนิ บ่ว่าสิการเอาเมีย เป็นต้น
หลังจากนั้น จิตมองโลกแบบจืด จืดคักจืดแน
จากนั้นพอฮู้ว่า บ่มีอิหยังเป็นของมัน
แม้แต่อากาศกะบอแมนมัน
ธรรมที่ปรุงแต่งโตนี้ละครับ
เป็นเหตุให้ บ่อสนใจกับโลกรูปภาพ
โลกเสียง
โลกกลิ่น
โลกรส
โลกโผฏฐัพพะ
โลกธรรมารมณ์ (อันโลกธรรมารมณ์ มาขาดต่อหน้าตา เมื่อได้ยินหลวงพ่อปราโมท เทศว่า จะมีสองสิ่งนะ คือผู้รู้ กับสิ่งที่ถูกรู้ พอได้ฟังจังสีแล้วมันกะศรัทธาเชื่อ มันกะบอยึดสิ่งที่ถูกฮู้แหลวบาด
พอเชื่อแล้ว กะขาดปั๊ดเลย ปานไม้หักออกจากกัน
พอทุกขเวทนาปานใด๋มามันกะบ่ค่อยยาน
เพราะว่ามันฮู้ว่าบ่แมนสิ่งเดียวกันกับมันแล้ว
ล่าสุดมื้อวานกำลังกวาดใบไม้
ยุปลายด้ามไม้กวาดมันยาวครับ
กำลังกวาดไปๆๆ ด้ามไม้กวาดมันไปถึงง่าไม้ยุเทิง
ควกเคียกๆ จิตมันนึกว่างูเขียว
มันกะปรุงสภาวะย้านขึ้นมา
กะเห็นมันหายไปต่อหน้าต่อตาเลย
เห็นทุกขังของสภาวะย้าน
ขอเล่าถวายครูบาอาจย์ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น