วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ขั้นแรก "จงพยายามเป็นผู้นิ่ง.ดูความไม่นิ่ง"ของกายและนามขันธ์ดูจนมันเห็นซ้ำๆซากๆพันครั้งหมื่นครั้ง แสนครั้ง ล้านครั้ง ฯ จนมีญาณ(ความรู้) รู้ว่า"ความไม่นิ่งนี้มันแปรปรวนอยู่ตลอดเวลาแฮะ"สภาวะ "นิ่งเฉย" ยังเป็นภพๆหนึ่งอยู่คือเป็นภพของพรหมต้องไม่ยึดความนิ่งเฉยด้วยเราปฏิบัติภาวนาแล้วจิตมันพัฒนาขึ้นไปอุเบกขาสัมโพชฌงคือวางเฉยต่อ โลกทั้ง๖. คือ๑ โลกทางตา คือรูปะธาตุ๒ โลกทางหู คือสัทธะธาตุ๓ โลกทางจมูก คือคันทะธาตุ๔ โลกทางลิ้น คือระสะธาตุ๕ โลกทางกาย คือโผฏฐัพพะธาตุ๖ โลกทางใจ คือธรรมะธาตุภาวะความ "นิ่ง" มีโทษอย่างเดียวคือไม่เที่ยง ทนอยู่ในสภาพนิ่งตลอดไปไม่ได้

ขั้นแรก "จงพยายามเป็นผู้นิ่ง.ดูความไม่นิ่ง"
ของกายและนามขันธ์

ดูจนมันเห็นซ้ำๆซากๆพันครั้งหมื่นครั้ง แสนครั้ง ล้านครั้ง ฯ จนมีญาณ(ความรู้) รู้ว่า"ความไม่นิ่งนี้มันแปรปรวนอยู่ตลอดเวลาแฮะ"

สภาวะ "นิ่งเฉย" ยังเป็นภพๆหนึ่งอยู่
คือเป็นภพของพรหม

ต้องไม่ยึดความนิ่งเฉยด้วย

เราปฏิบัติภาวนา
แล้วจิตมันพัฒนาขึ้นไปอุเบกขาสัมโพชฌง
คือวางเฉยต่อ โลกทั้ง๖
๑ โลกทางตา คือรูปะธาตุ
๒ โลกทางหู คือสัทธะธาตุ
๓ โลกทางจมูก คือคันทะธาตุ
๔ โลกทางลิ้น คือระสะธาตุ
๕ โลกทางกาย คือโผฏฐัพพะธาตุ
๖ โลกทางใจ คือธรรมะธาตุ

ภาวะความ "นิ่ง" มีโทษอย่างเดียวคือไม่เที่ยง ทนอยู่ในสภาพนิ่งตลอดไปไม่ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น