วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2565

เริ่มบทพระคาถาชินบัญชรชะยาสะนากะตา พุทธา เชตวา มารัง สะวาหะนังจะตุสัจจามะตา ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฏฐะวีสะติ นายะกาสัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเกเต มุนิสสะรา สีเร ปะติฏฐิโต พุทโธ ธัมโม จะ มะมะ โลจะเนสังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะทักขิเณโกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะ วามะเก ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะ ราหุลากัสสะโป จะ มะหานาโม อุโภสุง วามะโสตะเก เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง สุริโย วะ ปะภังกะโรนิสินโน สิริสัมปันโน โสภิโต มุนิปุงคะโว กุมาระกัสสโป เถโร มะเหสี จิตตะ วาทะโกโส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏฐาติคุณากะโร ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ อุปาลี นันทะ สีวะลีเถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะลาเต ติละกา มะมะ เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกาชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกังธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฏานาฏิยะ สุตตะกังอากาสัจ ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณญิตา ชินานาขะละสังยุตเต ธัมมะปาการะลังกะเตวะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร วาตะปิตตาทะสัญชาตา พาหิรัช ฌัตตุปัททะวาอะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะ เตชะสา ชินะปัญชะระมัชฌัชฐัง วิหะรันตัง มะฮี ตะเลสะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสาสะภา อิจเจวะมัจจันตะกะโต ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโวธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆสังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโยสัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ คำแปล พระพุทธเจ้าและพระนราสภาทั้งหลายผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์ทรงพิชิตพระยามาราธิราชผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้วเสวยอมตรสคืออริยะสัจธรรมทั้งสี่ประการเป็นผู้นำสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์ มี ๒๘ พระองค์คือ พระผู้ทรงพระนามว่า ตัณหังกร เป็นต้นพระพุทธเจ้าผู้จอมมุนีทั้งหมดนั้น ข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่บนศีรษะพระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสองพระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจ พระสารีบุตรอยู่เบื้องขวาพระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณทัญญะอยู่เบื้องหลัง พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวาพระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย มุนีผู้ประเสริฐคือพระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริดังพระอาทิตย์ส่องแสงอยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง พระเถระกุมาระกัสสะปะผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษมีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลีพระเถระทั้ง ๕ นี้ จงปรากฏเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือผู้มีชัยและเป็นพระโอรสเป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วนรุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่ พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้าพระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวาพระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้ายพระธชัคคะสูตรอยู่เบื้องหลัง พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตรเป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ อนึ่งพระชินเจ้าทั้งหลาย นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิด มีศีลาธิคุณอันมั่นคงสัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้า ไม่ว่าจะทำกิจการใดๆเมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อมแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายในอันเกิดแต่โรคร้าย คือ โรคลมและโรคดีเป็นต้นเป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้นจงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้นท่ามกลางพระชินบัญชรข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรมจึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้าชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติและรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญฯ

เริ่มบทพระคาถาชินบัญชร

ชะยาสะนากะตา พุทธา                  เชตวา มารัง สะวาหะนัง
จะตุสัจจามะตา ระสัง                     เย ปิวิงสุ นะราสะภา
 
ตัณหังกะราทะโย พุทธา                 อัฏฐะวีสะติ นายะกา
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง                  มัตถะเกเต มุนิสสะรา
 
สีเร ปะติฏฐิโต พุทโธ                     ธัมโม จะ มะมะ โลจะเน
สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง                  อุเร สัพพะคุณากะโร
 
หะทะเย เม อะนุรุทโธ                     สารีปุตโต จะทักขิเณ
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง              โมคคัลลาโน จะ วามะเก
 
ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง                   อาสุง อานันทะ ราหุลา
กัสสะโป จะ มะหานาโม                  อุโภสุง วามะโสตะเก
 
เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง                     สุริโย วะ ปะภังกะโร
นิสินโน สิริสัมปันโน                       โสภิโต มุนิปุงคะโว
 
กุมาระกัสสโป เถโร                        มะเหสี จิตตะ วาทะโก
โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง                 ปะติฏฐาติคุณากะโร
 
ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ                   อุปาลี นันทะ สีวะลี
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา                   นะลาเต ติละกา มะมะ
 
เสสาสีติ มะหาเถรา                        วิชิตา ชินะสาวะกา
ชะลันตา สีละเตเชนะ                     อังคะมังเคสุ สัณฐิตา
 
ระตะนัง ปุระโต อาสิ                      ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง
ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ                   วาเม อังคุลิมาละกัง
 
ขันธะโมระปะริตตัญจะ                    อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง
อากาสัจ ฉะทะนัง อาสิ                   เสสา ปาการะสัณญิตา
 
ชินานาขะละสังยุตเต                      ธัมมะปาการะลังกะเต
วะสะโต เม สะกิจเจนะ                    สะทา สัมพุทธะปัญชะเร
 
วาตะปิตตาทะสัญชาตา                  พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา
อะเสสา วินะยัง ยันตุ                      อะนันตะชินะ เตชะสา
 
ชินะปัญชะระมัชฌัชฐัง                    วิหะรันตัง มะฮี ตะเล
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ                เต มะหาปุริสาสะภา
 
อิจเจวะมัจจันตะกะโต                    
ชินานุภาเวนะ                               ชิตุปัททะโว
ธัมมานุภาเวนะ                             ชิตาริสังโฆ
สังฆานุภาเวนะ                             ชิตันตะราโย
สัทธัมมานุภาวะปาลิโต                   จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ
 
คำแปล

 
พระพุทธเจ้าและพระนราสภาทั้งหลาย
ผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์
ทรงพิชิตพระยามาราธิราชผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้ว
เสวยอมตรสคือ
อริยะสัจธรรมทั้งสี่ประการ
เป็นผู้นำสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์
 
มี ๒๘ พระองค์คือ พระผู้ทรงพระนามว่า ตัณหังกร เป็นต้น
พระพุทธเจ้าผู้จอมมุนีทั้งหมดนั้น
 
ข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่บนศีรษะ
พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง
พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก
 
พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจ พระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา
พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณทัญญะอยู่เบื้องหลัง
 
พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา
พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย
 
มุนีผู้ประเสริฐคือพระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริดังพระอาทิตย์ส่องแสง
อยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
 
พระเถระกุมาระกัสสะปะผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ
มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ
 
พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลี
พระเถระทั้ง ๕ นี้ จงปรากฏเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก
 
ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือผู้มีชัยและเป็นพระโอรส
เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วน
รุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่
 
พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้าพระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา
พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย
พระธชัคคะสูตรอยู่เบื้องหลัง
 
พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตร
เป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ
 
อนึ่งพระชินเจ้าทั้งหลาย นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้
ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิด มีศีลาธิคุณอันมั่นคง
สัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น
 
ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้า ไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ
เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อม
แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายใน
อันเกิดแต่โรคร้าย คือ โรคลมและโรคดีเป็นต้น
เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ
 
ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น
จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้น
ท่ามกลางพระชินบัญชร
ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล
 
ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม
จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆ
ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า
ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม
ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพ
แห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติ
และรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น