พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ
22 มี.ค. 2016
ถ้าเรากลับไปทำตัวเหมือนช่วงพรรษาที่ ๑
คือในช่วงบวชพรรษาที่๑นั้น
ตอนกลางวันจิตหมุนอยู่กับเวียกงาน
ตอนกลางคืนปู่ป๊อกพาสวดมนต์ยัน 4 - 5 ทุ่ม กว่าจะได้นอน
ตื่นทำวัตวร ประมาณตี 3 -4
ตอนนี้เวลากลางวันจิตเฮาหมุนไปในสติปัฏฐานสี่
บารมีเกิดมีขึ้นมาหลาย
เฮ็ดให้จิตมันอยากหลุดพ้นคัก เบื่อหนายชีวิตคัก มันมีแต่สิตายกั
บตายตั๊วนี่ บอรอดจักคน
มันหมุนไปทางวิปัสนาญาณ เห็นเกิด เห็นดับ ชัดเข้าๆเรื่อยๆ
แหงเห็นแหงเบื่อ อยากหนีเข้าสมาธิหนี
ตอนกลางคืน กะนอนบ่ค่อยหลับ จิตมันตื่น นิวรณ์มันจาง
อารมณ์สิพาหลับมาชวน มันฮู้แล้ว มันแหงตื่นกว่าเก่า
กะเลยนั้งสมาธิ
นี้มันหมุนไปทางปรารภความเพียร จิตมันอยากหลุดพ้น
หลาย ฮู้สึกเลยว่าจิตมันคล้ายๆ อยู่ในอีกมิติหนึ่ง อยู่ข้างใน
รูปทีเห็นทั้งหลายนั้น มันเป็นคล้ยจิ๊กซอมาต่อกัน สีผสมกัน
ความละเอียดความลึกต่งกัน เคลื่อนไหวไปมา
รูปเหล่านั้น เสื่อมตลอดเวลา
เสียงกะคือกัน ปู่ด่ามันกะเฉย... เว่ากับคนมันกะเฉยอยู่ข้างใน
ของมัน เสียงเหล่านั้น เสื่อม
เฮาฮู้แล้วว่า จิตมันคลาย สังขาร ตัวที่ปรุงแต่ง
สัญญาขันธ์มันกะคล้าย บางทีเห็นอันนี่ บอฮู้ว่ามันคืออิหยัง
ข้าพระเจ้าบอสงสัยเลยว่า เป็นหยังหลวงปู่มัน เพิลคึเข้าไปในป
่าคนเดียว ไปอยู่ในถ้ำคนเดียว
ทั้งๆที่วัดกะมียุ เพิลคึบอปฏิบัติอยู่วัด
ในชีวิตที่ร่างกายมันตายไปเรื่อยๆคู่มื้อๆ ทีละนิดๆนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น