ทุกวินาทีในอนาค
จะไหลมาสู่ปัจจุบัน

ทุกวินาทีในปัจจุบัน
จะไหลไปสู่อดีต

รูปกับนามในอนาค
จะไหลมาให้"รู้"ในปัจจุบัน

รูปกับนามในปัจจุบัน
จะไหลไปให้อดีต

ขณะใดที่เรา"รู้รูปธรรม
ขณะนั้นเราไม่ได้รู้นามธรรมเลยน
อย่างเช่น จิตเราไปอยู่กับนามจนเหนื่อย
แล้วจิตไม่ค่อยมีกำลัง
แล้วเราน้อมมันเข้ามารู้ลมหายใจ
นามก็จะดับ อารมณ์ที่เราคิดจะดับหมดเลย หลุดไปหมด

แต่เนื่องจาก วิญญาณธาตุรู้นี้ มันไม่เที่ยง
มันย่อมมีเผลอ กลับไปรู้นามเหมือนเดิมที่เป็นสภาวะเก่า
แต่ไม่ระดับเดิม
สลับกันกับรู้ลม

เมื่อเรา มารู้ลมหายใจมากเข้าๆ
จิตจะค่อยๆวางความยึดถือในอารมณ์นั้นลง
แต่จะหันเป้ามาพยายามยึดลมหายใจ ซึ่งเป็นรูปธรรมแทน

โดยที่กล่าวมานี้ เรียกว่า จิตคลายออกจากนา

แต่เมื่อรู้ลมหายใจจนพอแล้ว
มันเบื่อรูป มันก็จะไปนามอีก
รูปก็ดับทันที
จะสลับกันอยู่อย่างนี้เรื่อยไป

#ข้าพระเจ้าอยากจะอุปมา (วิญญาณธาตุรู้)
(รูปธรรม)
(นามธรรม)

วิญญาณธาตุรู้ เปรียบเหมือน คนมีขาสามารถเดินได้ รูปธรรม เปรียบเหมือน ห้องที่มีแต่โคลนตม

นามธรรม เปรียบเหมือน ห้องว่างๆไม่มีพื้น มีแต่อากาสและแก๊สสารเคมี ซึ่งมองไม่เห็นเลย

เวลาเรารู้รู้ลมหายใจ เรียกว่า
เราเดินเข้าไปในห้องที่มีแต่โคลนตมแล้วเหยียบตมนั้น

หลังจากนั้นเราออกจากห้องรูปธรรม จะไปเข้าห้องนามธรรม

เวลาที่เรารู้อารมณ์ เรียกว่า
เราเดินเข้าไปในห้องว่างที่มีแต่ความว่างเปล่าและแก๊สอารมณ์ต่างๆ ทั้งสุข ทั้งทุกข์

ทีนี้ทำยังไง เราจะฉลาด กับ 2 ห้องนี้
เพราะเวลาเราเข้าไปในห้องนามธรรม มักจะชอบไปจับทุกข์มายัดใส่หน้าอก
แทนที่จะไป จับสุข มายัด

เมื่อเราเดินเข้าไปได้ ก็ต้องออกมาได้
ก็คือให้เดินออกมา เข้าห้องรูปธรรม

"#ถ้ามีเราไม่ยึดมั่นห้องรูปธรรมและห้องนามธรรม เราก็จะไม่เข้าห้องใด
เรียกว่าว่า วิญญาณไม่มีที่ตั้งก็จะหลุดพ้นนิพพานเลย
    ทุกวินาทีในอนาค
    จะไหลมาสู่ปัจจุบัน

    ทุกวินาทีในปัจจุบัน
    จะไหลไปสู่อดีต

    รูปกับนามในอนาค
    จะไหลมาให้"รู้"ในปัจจุบัน

    รูปกับนามในปัจจุบัน
    จะไหลไปให้อดีต

    ขณะใดที่เรา"รู้รูปธรรม
    ขณะนั้นเราไม่ได้รู้นามธรรมเลยน
    อย่างเช่น จิตเราไปอยู่กับนามจนเหนื่อย
    แล้วจิตไม่ค่อยมีกำลัง
    แล้วเราน้อมมันเข้ามารู้ลมหายใจ
    นามก็จะดับ อารมณ์ที่เราคิดจะดับหมดเลย หลุดไปหมด

    แต่เนื่องจาก วิญญาณธาตุรู้นี้ มันไม่เที่ยง
    มันย่อมมีเผลอ กลับไปรู้นามเหมือนเดิมที่เป็นสภาวะเก่า
    แต่ไม่ระดับเดิม
    สลับกันกับรู้ลม

    เมื่อเรา มารู้ลมหายใจมากเข้าๆ
    จิตจะค่อยๆวางความยึดถือในอารมณ์นั้นลง
    แต่จะหันเป้ามาพยายามยึดลมหายใจ ซึ่งเป็นรูปธรรมแทน

    โดยที่กล่าวมานี้ เรียกว่า จิตคลายออกจากนา

    แต่เมื่อรู้ลมหายใจจนพอแล้ว
    มันเบื่อรูป มันก็จะไปนามอีก
    รูปก็ดับทันที
    จะสลับกันอยู่อย่างนี้เรื่อยไป

    #ข้าพระเจ้าอยากจะอุปมา (วิญญาณธาตุรู้)
    (รูปธรรม)
    (นามธรรม)

    วิญญาณธาตุรู้ เปรียบเหมือน คนมีขาสามารถเดินได้
    รูปธรรม เปรียบเหมือน ห้องที่มีแต่โคลนตม

    นามธรรม เปรียบเหมือน ห้องว่างๆไม่มีพื้น มีแต่อากาสและแก๊สสารเคมี ซึ่งมองไม่เห็นเลย

    เวลาเรารู้รู้ลมหายใจ เรียกว่า
    เราเดินเข้าไปในห้องที่มีแต่โคลนตมแล้วเหยียบตมนั้น

    หลังจากนั้นเราออกจากห้องรูปธรรม จะไปเข้าห้องนามธรรม

    เวลาที่เรารู้อารมณ์ เรียกว่า
    เราเดินเข้าไปในห้องนามธรร
    ซึ่งเป็นห้องว่างที่มีแต่ความว่างเปล่าและแก๊สอารมณ์ต่างๆ ทั้งสุข ทั้งทุกข์

    ทีนี้ทำยังไง เราจะฉลาด กับ 2 ห้องนี้
    เพราะเวลาเราเข้าไปในห้องนามธรรม มักจะชอบไปจับทุกข์มายัดใส่หน้าอก
    แทนที่จะไป จับสุข มายัด

    เมื่อเราเดินเข้าไปได้ ก็ต้องออกมาได้
    ก็คือให้เดินออกมา เข้าห้องรูปธรรม

    "#ถ้าเราพยายาม ไม่ยึดมั่นถือมั่นห้องรูปธรรมและห้องนามธรรม เราก็จะไม่เข้าห้องใด
    เรียกว่า กำลังเดินมรรคเพื่อหลุดพ้น