.19 พ.ย. 2017
คำสอนครูบาอาจารย์องค์หนึ่ง
"ท่านวาพระพุทธเจ้าเพิลไปนำแก้บอ คนที่เข้าใจเพิลผิด คนที่คิดบ่ดี"ท่านวาพระพุทธเจ้าเพิลไปนำแก้บอ คนที่เข้าใจเพิลผิด คนที่คิดบ่ดีกับเพิล"
# มักหลาย ช่วงประโยคข้างบนนี้
# ครั้งสุดท้าย #
ถ้าไม่มีเจโตปริญญาณ (ญาณรอบรู้จิตผู้อื่น)
ควรหละติสิไปวา ผุนั่นผุนี้ป้วง ผุ่นั่นผุนี่เป็นบ้าเป็นบอ
ความเป็นไปทางกายของแต่ละคนมันย่อมแตกต่างกัน น้ำเสียงกะยังต่างกัน
ความถนัดกะยังต่างกัน การเลือกเส้นทางกะยังต่างกัน กะย้อนจิตถืกอบรมมาบ่คือกันพวกใด๋ชาติก่อนมันเคยค้าขาย แมนมาชาตินี้ใจมันกะน้อมอยากค้าขาย
พวกใด๋ชาติก่อนมันเคยมักใส่บาต แมนมาชาตินี้มันกะอยากหาแนวทาน
พวกใด๋ขี้ถี่ในชาติก่อน แมนมาชาตินี้มันกะบ่อยากทำทาน
บ่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่นที่เป็นความเคยชินของจิตเก่า(อนุสัย และ นิสัย)
: อนุสัยคือความเคยชินที่ไม่ดีของจิต คือชอบคิดให้จิตใจตนเองเศร้าหมอง
: นิสัยคือความเคยชินที่ดีของจิต
ถ้าชาติก่อนมันมักทางสวยทางงาม แมนมาชาตินี้มันกะมักสวยมักงาม
กะจั่งวะพระพุทธองค์ให้เอาอสุภกรรมฐานไปแก้จิตเป็นส่วนหลาย
ถ้าชาติก่อนมันมักทางโกธรทางเกลียดทางซัง
แมนมาชาตินี้มันกะมักโกธรมักเกลียดมักซัง
กะจังวะพระพุทธองค์ ให้เอาเมตตากรรมฐานไปแก้จิตเป็นส่วนหลาย
ถ้ามักประมาทเพลิดเพลินกับโลกคัก
กะใช้มรณานุสติกรรมฐาน เข้าไปฆ่านันทิ
ถ้าอยากมีเจโตปริญญาณ กะบำเพ็ญทิพย์จักขุญาญสะก่อน
อาโลกสัญญาเป็นเหตุให้เกิดทิพย์จักษุญาณ
# เฮาหละงึด ถ้าคนบ่มีญาณฮู้จิตผุอื่น ไปวาผุนั่นเป็นบ้า
ตะขนาดขอทานบางคนทำทรงคึคนบ้า แต่ที่จริงแล้วเป็นตำรวจกะยังมี
แล้วพระที่นิสัยแปลกๆบ่คึหมู่กะสิหาว่าเป็นบ้าซั่นติ
1 เฮามักยุคนเดียว บ่มักวุ่นวายกับไผ๋
2 เฮาบ่ค่อยติดในบุคคลใด๋
ช่วง3ปีที่ต้องเฮ็ดงานเอกสารยุวัด (เฮาบ่มักเลย แต่ทนเฮ็ด)
นาย ก : บักบ้ามึงมาหาขอทานยุนี้เฮ็ดหยัง
นาย ข : ผมเป็นตำรวจผมไม่ได้บ้า
นาย ก : กูบ่เชื่อมึงดอก
นาย ข : บ่เชื่อกะแล้วแต่ วิบากกรรมไผ๋วิบากกรรมมันรับผิดชอบแทนกันบ่ได้
นาย ก : ผมเชื่อแล้วว่าท่านเป็นตำรวจไม่ได้บ้า แล้วมีวิธีแก้เค
ล็ดไหมที่ผมผมหาว่าท่านบ้า
นาย ข : ผมเป็นตำรวจ ไม่ใช่พระจะรู้มาแต่ที่ไหน
# อาตมารู้วิธีแก้ คือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น