วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

คำสอนครูบาอาจารย์องค์หนึ่ง

.19 พ.ย. 2017

คำสอนครูบาอาจารย์องค์หนึ่ง

"ท่านวาพระพุทธเจ้าเพิลไปนำแก้บอ คนที่เข้าใจเพิลผิด คนที่คิดบ่ดี"ท่านวาพระพุทธเจ้าเพิลไปนำแก้บอ คนที่เข้าใจเพิลผิด คนที่คิดบ่ดีกับเพิล"

# มักหลาย ช่วงประโยคข้างบนนี้

# ครั้งสุดท้าย #

ถ้าไม่มีเจโตปริญญาณ (ญาณรอบรู้จิตผู้อื่น)

ควรหละติสิไปวา ผุนั่นผุนี้ป้วง ผุ่นั่นผุนี่เป็นบ้าเป็นบอ

ความเป็นไปทางกายของแต่ละคนมันย่อมแตกต่างกัน น้ำเสียงกะยังต่างกัน

ความถนัดกะยังต่างกัน การเลือกเส้นทางกะยังต่างกัน กะย้อนจิตถืกอบรมมาบ่คือกันพวกใด๋ชาติก่อนมันเคยค้าขาย แมนมาชาตินี้ใจมันกะน้อมอยากค้าขาย

พวกใด๋ชาติก่อนมันเคยมักใส่บาต แมนมาชาตินี้มันกะอยากหาแนวทาน

พวกใด๋ขี้ถี่ในชาติก่อน แมนมาชาตินี้มันกะบ่อยากทำทาน

บ่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่นที่เป็นความเคยชินของจิตเก่า(อนุสัย และ นิสัย)

: อนุสัยคือความเคยชินที่ไม่ดีของจิต คือชอบคิดให้จิตใจตนเองเศร้าหมอง

: นิสัยคือความเคยชินที่ดีของจิต

ถ้าชาติก่อนมันมักทางสวยทางงาม แมนมาชาตินี้มันกะมักสวยมักงาม

กะจั่งวะพระพุทธองค์ให้เอาอสุภกรรมฐานไปแก้จิตเป็นส่วนหลาย

ถ้าชาติก่อนมันมักทางโกธรทางเกลียดทางซัง

แมนมาชาตินี้มันกะมักโกธรมักเกลียดมักซัง

กะจังวะพระพุทธองค์ ให้เอาเมตตากรรมฐานไปแก้จิตเป็นส่วนหลาย

ถ้ามักประมาทเพลิดเพลินกับโลกคัก

กะใช้มรณานุสติกรรมฐาน เข้าไปฆ่านันทิ

ถ้าอยากมีเจโตปริญญาณ กะบำเพ็ญทิพย์จักขุญาญสะก่อน

อาโลกสัญญาเป็นเหตุให้เกิดทิพย์จักษุญาณ

# เฮาหละงึด ถ้าคนบ่มีญาณฮู้จิตผุอื่น ไปวาผุนั่นเป็นบ้า

ตะขนาดขอทานบางคนทำทรงคึคนบ้า แต่ที่จริงแล้วเป็นตำรวจกะยังมี

แล้วพระที่นิสัยแปลกๆบ่คึหมู่กะสิหาว่าเป็นบ้าซั่นติ

1 เฮามักยุคนเดียว บ่มักวุ่นวายกับไผ๋

2 เฮาบ่ค่อยติดในบุคคลใด๋

ช่วง3ปีที่ต้องเฮ็ดงานเอกสารยุวัด (เฮาบ่มักเลย แต่ทนเฮ็ด)

นาย ก : บักบ้ามึงมาหาขอทานยุนี้เฮ็ดหยัง

นาย ข : ผมเป็นตำรวจผมไม่ได้บ้า

นาย ก : กูบ่เชื่อมึงดอก

นาย ข : บ่เชื่อกะแล้วแต่ วิบากกรรมไผ๋วิบากกรรมมันรับผิดชอบแทนกันบ่ได้

นาย ก : ผมเชื่อแล้วว่าท่านเป็นตำรวจไม่ได้บ้า แล้วมีวิธีแก้เค

ล็ดไหมที่ผมผมหาว่าท่านบ้า

นาย ข : ผมเป็นตำรวจ ไม่ใช่พระจะรู้มาแต่ที่ไหน

# อาตมารู้วิธีแก้ คือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น