พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ
13 ส.ค. 2016
การที่ชีวิตไม่ประสบความสำเร็จสักที คือการกระทำของตนเอง
ในปัจจุบัน ไม่ใช่เอะอะก็เพราะกรรมเก่าๆท่าเดียว
นั่งสมาธิมาเป็นปีๆ ไม่เคยได้คุณวิเศษ หูทิพย์ ตาทิพย์เลย
เพราะทำไม่เสม่ำเสมอ และเพราะความอยากมันมีมาก
พอทำไปความอยากมันลดลง
เหลือแต่ความว่าง มันจึงจะเกิด
จิตเมื่อนิ่งแล้ว ย่อมมีพลัง
การฝึกสมาธิ ข้อสำคัญคือการฝึกจิต จิตมันวิ่ง จิตมันวุ่น
ถ้าเราฝึกมันบ่อยๆ จิตเราก็จะนิ่ง เมื่อนิ่งแล้วจะเกิดความว่าง
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จุดนั้นแหละที่จะมีพลังมหาศาล
ความจริงของการทำสมาธิ คือ การวาง ,การทำความว่าง
พวกนิมิตที่เราเห็น คือมายาจอมปลอม อย่าไปหลง ไปเชื่อ
ไปยึดมัน
เมื่อเห็นก็ให้รู้ว่าเห็น รู้ เห็น ปล่อยวาง แล้วทำความว่างต่อไป
อย่างปู่ หรือบรรดาฤษี เขาฝึกอะไรกัน ไม่ได้ฝึกเอาอะไร
เขานั่งสมาธิให้เกิดความว่างเท่านั้น
เมื่อมีอภิญญา ญาณหยั่งรู้แล้ว อย่าทะนง มีได้ก็ดับได้
เมื่อกิเลสเข้าครอบงำ ยึดครองว่าตัวกูของกู เมื่อนั้น เสื่อมทันที
วิชาขั้นสูง ก็คือการครองสติ ได้ตลอดเวลาของอารมณ์ ทั้งหลับ
และตื่น ต้องรู้ตลอดเวลา แบบนี้แหละเขาเรียกว่า สมาธิชั้นสูง
เดิน กิน นั่ง นอน มีสติ ครองรับรู้อารมณ์ ไม่หลุด แบบนี้สิถึงจะเรียกว่า สมาธิชั้นสูง เมื่อทรงอารมณ์แบบนี้ได้ ปัญญาเกิด
มันรู้ไปหมด รู้พิจาณาปล่อยวาง หายใจเข้า หายใจออก
แล้วดับ จริงมั้ย มันหยุดก่อนจะหายใจเข้า นี้สติมันอยู่ระ
หว่างกลางนี้ ทรงอารมณ์ให้มันได้ ก็พอ
ฤทธิ์ ฌาณ มันเสื่อมกันได้ อย่างเช่น มีฤษีตนหนึ่ง มีฤทธิ์สูง
เหาะไปไหนก็ได้ แต่พอเหาะผ่าน สตรีนอนแก้ผ้าอยู่ สติ
ในอารมณ์หาย หลุ่นตุ๊บลงมา เป็นยังไงละ สติหายสติหายอะไรก็หายไปหมด เห็นมั้ย นี้คือตัวสำคัญมาก จำไว้
การฝึกภาวนาต้องทำกันบ่อยๆ อย่าให้ขาดช่วงนาน
หน้าที่ความรับผิดชอบทางโลกมีอะไรบ้าง ก็ทำไป
ทางธรรมก็ควบคู่กันไป ให้ดูพอดี อย่าให้ตึงเกิน จนคุยกับใครไม่รู้เรื่อง
หรือหย่อนเกิน จนต้องมาเริ่มนับ 1 ใหม่อยู่ตลอด
อย่าลืมว่า เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา พรหมวิหาร ๔ ข้อนี้
เป็นสิ่งหนุนสมาธิโดยตรง
ถ้าไม่ชอบใคร ให้ลองหยุดไตร่ตรอง มองเขาด้วยความเมตตา
อย่างที่ปู่เคยบอกแล้ว เราก็คน เขาก็คน ทำอะไรไม่ถูกใจกันบ้างก็ให้อภัยเขาไป
มองด้วยความเมตตา ถ้านึกไม่ออกว่าทำยังไง ก็ให้นึกไว้ "ไม่
เป็นไร" "ช่างมันเถอะ"
ทำบ่อยๆ คิดแบบนี้บ่อยๆ จิตจะชินกับการให้อภัยไปเอง
คนในโลกนี้ เวียนว่ายตายเกิดไปพบเจอ ประสบทุกข์
ประสบเรื่องราวต่างๆกันมาในภพต่างๆ
นิสัยจึงไม่เหมือนกัน ใจจึงคิดไปกันคนละทางกัน จิตใจสวนทาง
กัน ก็ย่อมเป็นธรรมดา
จะให้ได้ดั่งใจเราท่าเดี่ยว ย่อมเป็นไปไม่ได้เลย
อุเบกขาวางเฉยเสียบ้าง
ลำพังเขาเกิดมาก็เป็นทุกข์อยู่แล้ว
เกิดมาเห็นผิด(ไม่รู้) เป็นมิจฉาทิฐิ นี่ก็ยิ่งน่าสงสารเขาไปอีก
เราพอที่จะมีความเมตตากรุณา อนุเคราะห์เขาได้ ให้
เขาดีขึ้น ก็ควร เพื่อให้ทุกข์เขาน้อยลง
การนั่งสมาธิ ควรสิหันหน้าไปทางทิศตะวันออก
ดวงอาทิตย์โผ่ขึ้นสื่อใด๋ให้หันไปสื่อนั่นหละ
เดินจงกรม ก็เหมือนกันให้เดินตามไปทางดวงอาทิตย์ขึ้น
และทางดวงอาทิตย์ตก
พระอริยะในสมัยพุทธกาลท่านเดินจงกรมไปแนวทิศทางแบบนี้
ท่านนั่งสมาธิหันหน้าไปนั้น
# ธรรมะ ครูบาอาจาย์
เรียบเรียงโดยผู้โพส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น