วันอังคารที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2566

แต่ละเช้า คลื่นสมองของคนเราไม่เท่ากัน

. แต่ละเช้า คลื่นสมองของคนเราไม่เท่ากัน
ทำให้หงุดหงิดหรือสดชื่นต่างกัน
ขึ้นอยู่กับว่าการหลับนอนในชั่วเวลาข้ามคืนที่ผ่านมา
เกิดการปรุงแต่งจิต ให้ฟุ้งมากฟุ้งน้อย ขาดระเบียบเพียงใด
ไม่ตั้งเป้า
ว่าวันนี้จะทำอะไร
เท่ากับตั้งเป้า
ว่าวันนี้จะฟุ้งซ่าน!
คนส่วนใหญ่เล่นเกมชีวิตแบบทอดลูกเต๋าส่งเดช
รอให้แต่ละเช้าบอกว่า
วันนี้ ‘บังเอิญ’ อารมณ์ดีหรือไม่ดี
วันนี้ ‘สุ่มหา’ อะไรทำดี
วันนี้ ‘รอดู’ ว่าจะเกิดอะไรดีๆกับชีวิตบ้างไหม
การตื่นเช้าแบบไม่มีเป้าหมายไว้ล่วงหน้า
มีผลให้คุณลืมตามาใช้ชีวิตแบบ ‘นักพนันทางอารมณ์’
ไม่รู้จะได้หรือเสีย เพราะเอาแน่เอานอนไม่ได้ว่า
วันไหนอยากยิ้มหรืออยากอาละวาด
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
แล้วทีนี้ออกจากบ้าน
เรามีความเคยชินในการเดินทาง
จากบ้านไปที่ทำงานอย่างไร?
คนส่วนใหญ่จะคิดเรื่องเลื่อนลอยไปเรื่อย
เริ่มต้นขึ้นมามักจะเป็นว่ารถติดจัง
เมื่อไหร่จะถึงที่ทำงานสักที
เหมือนกับออกมาต้องอยู่ในนรกบนถนนทุกวัน
มันด้านชาไปซะแล้ว
ก็กลายเป็นความรู้สึกเหมือนกับจิตใจมันวนอยู่
กับความฟุ้งซ่านเบื่อหน่าย
แล้วก็พร้อมที่จะเตลิดไปไหนก็ได้ ที่มันไม่ใช่อยู่ในรถ
ส่วนใหญ่ถ้าหากว่าสายตาไม่มีที่หมาย จิตใจไม่มีทิศทาง
มันก็ไปถึงสวรรค์ถึงวิมานนั่นแหละ
ที่เขาเรียกว่าวิมานในอากาศ
เราก็สร้างไปเรื่อย สิ่งที่ชอบใจ
สิ่งที่สามารถจะพาเราหนีออกไปจากความเบื่อหน่าย
ในชั่วขณะการเดินทางได้ เราเอาหมด
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ขอให้คำนึงนะ อย่างเช่นที่คนปลีกวิเวก
พักงานแล้วก็ไปสู่สถานที่ปฏิบัติธรรม
ก็มักจะพูดตรงกันว่า โอ้โห! พอไม่ได้อยู่ในเมือง
พอห่างออกมาจากความวุ่นวาย
หรือว่าหน้าที่การงานซึ่งเป็นภารกิจหลักแล้ว
จะรู้สึกว่าภาวนาง่ายมาก สมาธิตั้งมั่นได้ง่าย
หรือว่ามันมีความรู้สึกชุ่มฉ่ำ
ไม่เหมือนกับตอนอยู่ในเมืองเลย
อันนั้นเป็นเพราะอะไร?
เพราะตื่นเช้าขึ้นมามันมีจุดหมาย
มันมีความรู้สึกผูกพันเป็นภาระว่า
เรามาอยู่ที่นี่ เราจะต้องทำตัวดีๆ ต้องทำตัวขยัน
ต้องสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ เดินจงกรม
ใจมันมีเครื่องตั้ง ใจมันมีที่หมาย !
ใจมันมีความสว่างเป็นเครื่องผูกจิตอยู่!
แม้กระทั่งการกินการอยู่การอะไรต่างๆ
ใจเราก็ไม่สะเปะสะปะ มีทิศทางชัดเจนไปหมด
นั่นแหละคือเหตุปฐมเหตุของความตั้งมั่นทางใจ
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
หากทุกเช้า คุณสามารถ
..ลุกขึ้นมาออกกำลังกาย
..แล้วสวดมนต์ หรือทำสมาธิ
ได้ต่อเนื่องสองเดือนขึ้นไป
ชีวิตจะเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน!
เพราะไม่ว่าการหลับและความฝัน
จะปรุงแต่งจิตให้ฟุ้งหรือสงบ
ความเคลื่อนไหวทางกายและการออกกำลังทางจิต
จะก่อให้เกิดความแตกต่างในทางดีขึ้นเสมอ
ถ้าดีอยู่แล้ว ก็จะดีขึ้นไปอีก
หรือถ้าแย่อยู่ก่อน ก็จะโปร่งโล่งกว่าเดิมเป็นอย่างน้อย
แม้คุณจะไม่ได้เป็นคนมีเป้าหมายยิ่งใหญ่ในชีวิต
แต่วิธีคิดในแต่ละเช้าก็จะไม่กระเด็นกระดอนเหมือนลูกเต๋า
เพราะมีเป้าหมายเล็กๆที่ต้องทำให้สำเร็จแน่นอน
คือ ขยับแข้งขยับขา
ใช้พลังงานไปเพื่อก่อให้เกิดกำลังกายกำลังใจ
ถ้าถามว่าจะทำอย่างไรดีที่จะทำให้หนึ่งสัปดาห์
มีความตั้งมั่นของจิตบ่อยขึ้นกว่านี้?
ก็ต้องบอกตัวเองครับว่า
ตื่นเช้าขึ้นมาเอาเลย
ต้องมีเหตุปัจจัยของความตั้งมั่น
ต้องมีเหตุปัจจัยของความรู้สึกดีๆ
ความรู้สึกที่สงบ
ไม่ใช่ความรู้สึกที่มันพร้อมจะกระจัดกระจาย
ออกไปหาอะไรก็ไม่ทราบ
________________
ร้อยเรียงจากหลากบทความของคุณดังตฤณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น