คนเรามีจุดมุ่งหมายที่ต่างกัน"
จะบังคับให้มุ่งไปทางเดียวกันนั้นย่อมไม่ได้"
แม้อุปนิสัยอนุสัยใจคอยังไม่เหมือนกันเลย แล้วจะให้มีจิตมุ่งไปทางเดียวกันนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้
ดูเด็กในร้านอินเตอร์เน็ต
แม้มาร้านอินเตอร์เน็ตเหมือนกัน
ก็ใช้คอมไม่เหมือนกันเลย
บางคนเล่นเกมฟุตบอล
บางคนเล่นเกมยิง
บางคนเล่นเฟส
บางคนดูยูทูป
บางคนโหลดหนัง
บางคนแต่งรูป
ฯ
แม้พระภิกษุก็มีอุปนิสัย อนุสัย ต่างกัน
บางรูปเป็นอย่างนี้
บางรูปเป็นอย่างนั้น
คือบางรูปชอบฤทธิ์(ต้องการมีฤทธิ์) ก็ไปเป็นลูกศิษย์พระโมคคัลลานะ
บางรูปชอบทิพย์จักขุ(ต้องการตาทิพย์)
ก็ไปเป็นลูกศิษย์พระอนุรุทธะ
บางรูปชอบมีปัญญามาก
ก็ไปเป็นลูกศิษย์พระสารีบุตร
บางรูปชอบทรงวินัย
ก็ไปเป็นลูกศิษย์เรียนวินัยกับพระอุบาลี
ถ้าเราปราถนายศ เราคงวิ่งเต้น กระตือลือล้น
เพื่อให้ได้มาซึ่งยศ
ถ้าเราชอบการงาน เราคงไม่พยายามหลบหลีกเลี่ยง
ปลีกไปวิเวก
สิ่งที่เราปราถนาคือ
เรามีความปราถนาสิ่งหนึ่ง คือ
"ความหลุดพ้นแห่งจิต" คืออรหันตผล สิ้นชาติภพ
ไม่อยากเกิดอีกแล้ว
ดับหายไป..สูญหายเลยยิ่งดี
พระในวัดนี้เราก็ไม่รู้ว่า พวกท่านบวชมุ่งอะไร?
ท่านบวชเพื่อมรรคผลหรืออะไร
แต่เราบวชครั้งที่๒(บวชทางใจ)
เพราะครั้งแรกบวชตามประเพณี
ช่วงพรรษา๒ เป็นใจใหม่แล้ว "เป็นใจ..เพื่อการบรรลุธรรม"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น