วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

แม้ไม่ได้ไปถวายด้วย หรือไม่ได้ไปทำบุญด้วยกันเลย

 แม้ไม่ได้ไปถวายด้วย หรือไม่ได้ไปทำบุญด้วยกันเลย

แค่อนุโมทนา มีความยินดีในการกระทำของเขา ที่เขาทำบุญ

คนที่อนุโมทนานั้นก็มีส่วนแห่งบุญเกิดบุญกับตนเองทันที

และเป็นลักษณะของวิบากเหมือนกันเลย


อย่างเช่น วิบากของการให้อาหารเป็นทาน

คือ มีกินมีให้อิ่ม ตลอดไปจนถึงมีอาหารทิพย์เมื่อเข้าถึงสวรรค์ เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ไม่เกิดในตระกูลที่อดอยาก


คนที่อนุโมทนาก็มีกินมีให้อิ่ม ตลอดไปจนถึงมีอาหารทิพย์เมื่อเข้าถึงสวรรค์

เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ไม่เกิดในสกุลที่อดๆอยากๆ


แต่ถึงแม้วิบากจะออกมาลักษณะเดียวกัน

แต่ว่า แน่นอนเลย ผู้ทำกำลังจิตย่อมเข้มขนกว่า เพราะตนให้อยู่มาดๆเมื่อกี้นี้ ร่วมพิธีอยู่เพิ่งเสร็จเมื่อกี้

ส่วนผู้อนุโมทนานั้นกำลังจิตก็เข้มขนไปอีกแบบหนึ่ง จึงมีแรงบุญแรงอานิสงค์ยาวต่างกัน

สรุปแล้ว ผู้ทำก็ได้บุญ ผู้อนุโมทนาก็ได้บุญ


วิบากของการให้ธรรมะเป็นทาน

คือ เป็นผู้มีสติปัญญามากในทางธรรม ในทางที่จะเปื้องตนออกจากทุกข์

ในทางจิต ในทางอารมณ์ ฯ พูดง่ายๆฉลาดทางจิต อันนี้อานิสงค์เยอะมากจริงๆ พรรณายาก ประมาณยากมาก

เพราะคำสอนพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธะเจ้าทั้งภูมิโลกุตระก็อยู่ในนั้น

ทั้งภูมิโลกียะก็อยู่ในนั้น


และก็ผู้รับถ้าเป็นพระอริยะจะขั้นใดก็ตาม อานิสงค์นับประมาณไม่ได้เลยว่ากี่กัปล์

กัปล์หนึ่ง ก็หลายล้านปีมากๆ



คาถาท้าววิรูปักมหาราช (กันงูและพญานาคที่ดุร้าย)

" มะหาราชาวิรูปักเข
จะมิตตากันละยานะธัมเม"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น