วันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ความรัก

ถามตอบเรื่องรักๆ กับคุณดังตฤณ

love youมีคนถาม : การปรับให้เข้ากัน เราควรจะต้องทำยังไงคะ จึงจะไม่รู้สึกว่าเหนื่อยหรืออึดอัดจนเกินไปน่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ

พี่ตุลย์ตอบ : -คนเราจูนจิต จูนชีวิตเข้าตรงกันได้ด้วยการคุยกันอย่างมีเหตุผลบ่อยๆ ความขัดแย้งและการยอมรับด้วยเหตุผลจะปรับคลื่นที่ไม่ตรงให้เข้ากันเนียน

มีคนถาม : เราจะทราบได้อย่างไรว่าเราคือคนที่ใช่สำหรับเขา และเขาคือคนที่ใช่สำหรับเราคะ หรือช่างมันเถอะ สู้เราภาวนาไปดีกว่า จะใช่ก็ใช่ของมันเอง

พี่ตุลย์ตอบ : -ถ้าต่างฝ่ายต่างใช่ ก็จะยินดีปรับเปลี่ยนตัวเอง ถมช่องว่างให้เต็ม เปลี่ยนแง่ไม่เข้ากันหลักๆให้กลายเป็นเข้ากันได้ครับ

มีคนถาม : เราจะรู้ได้ยังไงคะว่า ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญาใกล้กัน แล้วหากไม่ใกล้กันแต่พยายามทำให้ใกล้กันจะอยู่กันได้ไหมคะ ขอบคุณค่ะ

พี่ตุลย์ตอบ : -ดูง่ายที่สุดก็ตรงศรัทธา คนเราต้องมีศรัทธาในสิ่งดีงามตรงกันสักเรื่อง ดูว่ามีกี่เรื่อง แล้วเป็นไปได้ไหมที่จะปรับให้เข้ากันหลายๆเรื่อง

มีคนถาม : ในเมื่อความเกลียดเป็นแรงดึงดูดสิ่งที่ไม่ต้องการให้เข้ามาในชีวิตได้ แล้วความรักละมันช่วยในสิ่งตรงข้ามหรือไม่

พี่ตุลย์ตอบ : ความเกลียดต้องมีพลังมืดหนาแน่นพอควรจึงดึงดูดของชั่วมาหาตัวเราได้ ความรักก็ต้องมีพลังกุศลสว่างเจิดจ้าเสียก่อนจึงพาของดีมาสู่ตน

มีคนถาม : จิตมันเกเรคะ ชอบผูกติดกับใครสัก เวลาโดนทำร้ายก็เจ็บปวด ทรมาน..

พี่ตุลย์ตอบ : จิตไม่เคยเกเรหรอกครับ กิเลสมันเกเรเอากับจิตมาตลอด แล้วจิตก็ไม่เคยรู้ทางออกจากการโดนรังแกเท่านั้น

มีคนถาม : เราห้ามกายกรรมกับวจีกรรมได้ แต่ไม่สามารถห้ามมโนกรรมให้เลิกคิดเวียน ถึงรักที่เป็นไปไม่ได้ ทรมานจังเลยค่ะ ฝึกอย่างไรให้เลิกคิดคะ

พี่ตุลย์ตอบ : วิธีห้ามใจ ก็คือคุมกายกับวาจาไม่ให้ออกนอกกรอบนั่นแหละครับ เมื่อกายกับวาจาอยู่ในวินัยได้นานพอ ที่สุดใจก็ "ไม่เอา" ไปได้เอง

มีคนถาม : เพื่อนบอกว่าแฟนเก่าเค้าไม่ยอมอโหสิกรรมให้แต่ไม่ได้มาเบียดเบียนอะไร แต่เพื่อนหนูอโหสิให้แล้ว แล้วจะมีผลอะไรต่อเพื่อนหนูไหมคะ

พี่ตุลย์ตอบ : เราไม่ทำตัวเป็นขั้วต่อของการจองเวร เวรแม้ไม่ระงับที่ฝ่ายเขา ก็เยือกเย็นปลอดภัยที่จิตเรา จิตเราไม่สร้างนรกให้ตัวเองก็น่าพอใจแล้ว

มีคนถาม : อยากถามพี่ตุลย์ว่า "ที่ไดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์" เป็นจริงทุกกรณีหรือเปล่าครับ ถ้าไม่ใช่แล้วแบบไหน ถึงจะไม่ทุกข์ครับ

พี่ตุลย์ตอบ : รักอันเจือด้วยราคะคืออาการยึดของจิต จิตยึดเมื่อไร ต้นเหตุทุกข์ก็เกิดขึ้นเมื่อนั้น ส่วนรักด้วยเมตตาคือปล่อยอาการยึด มีแต่ปรารถนาความไม่เบียดเบียนและความเกื้อกูล อาการไม่ยึดของจิตก็คือคลายเหตุแห่งทุกข์

มีคนถาม : รักแท้ในทางพระพุทธศาสนาเป็นยังไงครับ จะพอสรุปได้ไหมครับว่า รักแท้คือการให้โดยปรารถนาดีโดยไม่มีข้อแม้เงื่อนไขใดๆ

พี่ตุลย์ตอบ : ยิ่งเสียสละมากขึ้นเท่าไร กระแสใจยิ่งแผ่ความเป็นสุขให้คนอื่นรู้สึก และคุณเองจะรู้จักรักแท้ในแบบพุทธมากขึ้นเท่านั้นครับ

มีคนถาม : หลงรักชายที่ไม่ใช่ชายแท้ เป็นตุ๊ด มานานหลายปี ตัดไม่ขาดเลย แม้จะสวดมนต์แผ่เมตตาให้ เกิดจากกรรมใดในอดีตคะ แล้วมีวิธีแก้อย่างไร

พี่ตุลย์ตอบ : รักคนที่ไม่สมควรรัก อย่าเพิ่งโทษบาปในอดีตที่สืบยาก แต่ให้รู้สึกถึงอาการยึดในปัจจุบันที่เห็นง่าย ยิ่งเห็นมากยิ่งฉลาดในการคลายมาก

มีคนถาม : คนที่รักตัวเอง เมตตาต่อตนเอง ต่างจาก คนเห็นแก่ตัวอย่างไรค่ะ

พี่ตุลย์ตอบ : ตอนเห็นแก่ตัวจิตจะดำมืดด้วยความโลภหรือเอาเปรียบ ตอนเมตตาแม้เมตตาตัวเอง จิตจะขาวสว่างด้วยกุศลเจตนา ไม่คิดตั้งใจให้ใครเดือดร้อน

มีคนถาม : "ความรักก็ต้องมีพลังกุศลสว่างเจิดจ้าเสียก่อนจึงพาของดีมาสู่ตน"

พี่ตุลย์ตอบ : ฝึกให้ทานโดยปราศจากเงื่อนไข ให้เพราะอยากให้บ่อยๆ ฝึกอภัยด้วยการเห็นความพยาบาทเป็นโรคร้ายทางใจ ความรักอันเป็นมหากุศลจะค่อยๆรินเอง

มีคนถาม : ชาตินี้ได้พบคู่บุญที่ทำนุบำรุงพุทธศาสนากันมาก่อน กุศลใดจะspeed upเหนือกรรมชาติใกล้ที่น้องเคยเป็นชายมากรักหลายเมียได้บ้างคะ

พี่ตุลย์ตอบ : กุศลแรงที่สุดที่ช่วยรักษาชีวิตคู่ไว้ คือกุศลทางใจอันเกิดจากการคิดเกื้อกูลกัน ไม่ยอมตามความคิดประทุษร้ายกัน ตั้งใจจริงและลงมือทำ

มีคนถาม : สามีของเพื่อนติดเหล้า เธอทุกข์ใจที่สามีไม่รักและไม่ดูแลครอบครัว เธอบ่นว่าโลกไม่ยุติธรรมอยากตายและจะพาลูกไปด้วย พี่ตุลย์ตอบ : บอกเธอว่าความคิดเป็นลบให้ผลเป็นลบทางใจ ยุติธรรมกันแล้ว ถ้าเธอมีสติ เป็นตัวของตัวเอง ก็ปลอดภัยจากสามีขี้เหล้า ยุติธรรมไปอีกแบบ

มีคนถาม : ทำอย่างไรจึงจะลบล้างบาปกรรมที่เคยผิดศีลข้อ3ได้ เคยเป็นกิ๊กกับแฟนเพื่อน เหตุนี้หรือไม่ที่ทำให้ไม่เจอรักแท้

พี่ตุลย์ตอบ : ๑) สำนึกผิดด้วยใจ ๒) ตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะไม่ทำอีก อย่างนี้โทษจะเบาบาง เพราะจิตเราไม่ไปเกาะเกี่ยวกับภพหรือภาวะนั้นแล้ว

 มีคนถาม : คือว่าแฟนหนูเค้าเสียไปได้ 3 เดือนแล้วแต่หนูก็ยังไม่เลิกคิดถึง บางทีก็เหมือนทำใจได้ บางทีมันก็เศร้าขึ้นมาอีก

พี่ตุลย์ตอบ : การเห็นความไม่เที่ยงของของจริงเท่านั้น ที่จะทำให้เรากลายเป็นอีกคน ที่รู้ทันธรรมชาติของตัวเอง ไม่ใช่บิดเบือนมันจนกลายเป็นหลอกตัวเอง

มีคนถาม : บุญใหม่ที่ทำระหว่างอดีตจนถึงปัจจุบัน มีส่วนช่วยลดอุบัติการกรรมเก่าที่เป็นเงาตามตัวได้มากไหมครับ

พี่ตุลย์ตอบ : เปรียบบุญเป็นปริมาณแสงสว่าง บาปเป็นปริมาณห้วงมืด ไม่ว่าบุญเก่าหรือบุญใหม่ ก็แทนที่ความมืดได้ แต่จะกินเขตกว้างหรือแคบเท่านั้น บุญใหม่ที่พยายามทำเพื่อเอาชนะกรรมเก่า ส่วนใหญ่มีกำลังใจเท่าแสงหิ่งห้อย แต่จะให้ขับไล่ความมืดในห้องโถง เลยไม่ค่อยเห็นผลครับ

มีคนถาม : การที่คนเราจะได้แต่งงานกัน ขึ้นอยู่กับสาเหตุใดบ้างคะ ขอบคุณค่ะ

พี่ตุลย์ตอบ : แต่งงานกันได้ไม่มี เหตุผลตายตัว บางคนหน้ามืดเพราะกรรมเก่าดลใจก็มี แต่แต่งแล้วอยู่กันได้รอดต้องดีต่อกัน ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญาใกล้กัน

มีคนถาม : ถ้าคนแต่งงานกันได้เป็นเรื่องธรรมะจัดสรร ครั้นเลิกกันแปลว่าธรรมะจัดสรรมาให้แค่นั้นหรือเปล่าคะ?

พี่ตุลย์ตอบ : จำง่ายๆแล้วกันครับ คนเราแต่งงานกันด้วยบุญเก่า แต่เลิกกันเพราะบุญใหม่ไม่พอ คนอยู่กันรอดเพราะเคยดีต่อกัน และดีต่อกันอีกมากพอ

มีคนถาม : ในวัยทำงานเราก็ต้องการมีคนรักมีครอบครัว แต่เราก็มีเป้าหมายสูงสุดของชีวิตที่อยากบวชยาว ผมรู้สึกขัดแย้งกันเราควรมีวิธีคิดอย่างไรครับ

พี่ตุลย์ตอบ : เปลี่ยนโจทย์ใหม่จากถามว่าอยากบวชไหม เป็นอยากได้นิพพานไหม เรารู้จริงๆไหมว่าจะถึงนิพพานต้องสละอะไรบ้าง ความขัดแย้งจะหายไปครับ

มีคนถาม : การงดไว้นี้ (การมีครอบครับ) ใช่การสละอย่างที่คุณดังตฤณหมายความหรือไม่ครับ

พี่ตุลย์ตอบ : จำไว้ง่ายๆครับ ตอนยังไม่มีครอบครัว เรามีสิทธิ์ส่วนตัวที่จะเลือกบวชไม่บวช แต่พอมีครอบครัวจะเป็นสิทธิ์ของคู่ครองและลูกด้วย

มีคนถาม : จะถามว่า คนเราเกิดมาโดยมีดวงชะตาที่ถูกกำหนดไว้หมดแล้วใช่ไหมครับ อยู่ที่เราจะทำดี ทำชั่ว มีสุขหรือมีทุข์ ในสิ่งที่ถูกกำหนดมาใช่ไหม

พี่ตุลย์ตอบ : กรรมเก่าบีบให้เป็นทุกข์เป็นสุขด้วยผัสสะกระทบที่เลี่ยงไม่ได้ กรรมใหม่ส่งให้เรามีปัญญาน้อยหรือมากในการโต้ตอบกับผัสสะเหล่านั้น

มีคนถาม : พี่คะ เรียนถาม วิธีแก้กรรม สร้างครอบครัวที่อบอุ่น หน่อยค่ะ

พี่ตุลย์ตอบ : แก้กรรมสร้างครอบครัวที่อบอุ่น แค่เอาความหุนหันพลันแล่นในการพูดออกไปจากทุกคนในบ้าน ก็แก้กรรมเก่าได้เกือบทุกรูปแบบแล้วครับ

มีคนถาม : หากว่าเจอคู่แท้จริงๆทุกอย่างตรงตามที่คุณดังตฤนบอกทุกอย่างเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงแต่อายุช่างห่างกัน30กว่าปีเป็นเพราะอะไรค่ะ ถ้าเราไม่ต้องการมีคู่เขาจะตามเรารึเปล่าค่ะถ้าหากเจอคู่แท้แล้วเราไม่ต้องการมีใครอยากอยู่อย่างอิสระค่ะ

พี่ตุลย์ตอบ : คู่แท้เป็นแค่คำหลอกๆ จริงๆมีแต่คู่บุญ หรือคนที่ใช่ที่สุดที่เราเลือก แปลว่าถ้าใจเราไม่อยากมีคู่ ก็ไม่มีของแท้อะไรมาบังคับใจได้

มีคนถาม : อยากทราบวิธีฝืนกรรมค่ะ

พี่ตุลย์ตอบ : พอนิสัยเสียๆกำลังจะแผลงฤทธิ์ ให้ย้ำถามตัวเองซ้ำๆว่าถ้าเปลี่ยนได้ใจจะเป็นทุกข์มากขึ้นหรือน้อยลง หากจำเป็นก็ถามไปเลยวันละพันครั้ง

สำรวจนิสัยเสียๆของตัวเองที่มีมานาน สันนิษฐานว่ามันสืบๆมาหลายชาติ แล้วจับเป็นงานสำคัญที่ต้องเปลี่ยนนิสัยนั้นให้ได้ นี่แหละฝืนกรรม

มีคนถาม : กรรมอะไรที่ทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อนหรือกัลยาณมิตรคะ

พี่ตุลย์ตอบ : น้ำใจในการให้ทรัพย์ส่วนเกิน ให้อภัย และให้ธรรมเป็นทาน กับการเลือกคบบัณฑิต เป็นทั้งกรรมเก่าและกรรมใหม่ที่ทำให้พบมิตรดีครับ

“ถ้าคิดอย่างมีเหตุผล แม้แต่คนโง่ก็มีแนวโน้มจะฉลาดขึ้น แต่ถ้าใช้อารมณ์นำหน้า แม้แต่คนฉลาดก็มีแนวโน้มจะโง่ลง”

“ถ้าเห็นค่าของคนที่มีค่าไม่ได้ คุณก็จะไม่มีวันเจอคนที่ใช่เลย ต่อให้เขาหรือเธอนั่งอยู่ตรงหน้าก็ตาม”

“กุศลที่ทำไปมีพลังสว่างในตัวเองเสมอ จะปรารถนาอย่างไรก็ได้ผลตามนั้นแหละครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางสนับสนุนให้เห็นถูกเห็นชอบ”

“รักส่วนใหญ่มีไว้ให้รู้จักความผิดหวังและเรียนรู้วิธีเอาชนะรสขม น้อยครั้งที่ความรักมีขึ้นเพื่อให้ได้ร่วมกันเสวยบุญเก่า”

“ความรักเป็นภาวะปรุงแต่ง อาศัยบุญเก่าที่เคยอยู่ร่วมกันเป็นตัวผลักดันให้มาพบและคุ้นกัน และอาศัยบุญใหม่ทำให้อยู่ร่วมกันรอด”

ที่มา http://twitter.com/Dungtrin

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น