สิ่งใดปรากฏอยู่ในปัจจุบัน สิ่งนั้นไม่ใช่เรา
อธิบายถ้าหากว่า
ถ้าตอนนี้สุขอยู่ สุขนั่นแหละคือสิ่งที่ปรากฏในปัจจุบัน สุขนั้นไม่ใช่เรา
อธิบายถ้าหากว่า
ถ้าตอนนี้ทุกข์อยู่
ทุกข์นั่นแหละคือสิ่งปรากฏในปัจจุบัน ทุกข์นั้นไม่ใช่เรา
อธิบายถ้าหากว่า
ถ้าตอนนี้อุเบกขาเฉยๆอยู่
อุเบกขาความเฉยๆคือสิ่งที่ปรากฏในปัจจุบัน อุเบกขาเฉยๆนั้นไม่ใช่เรา
และสิ่งใดไม่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน
สิ่งนั้น ก็ไม่ใช่เรา
ให้เป็นผู้รู้หรือเป็นผู้ดูความไม่เที่ยง
ของสุข
ของทุกข์
ของเฉยๆ
ปฏิบัติอย่างนี้เฝ้าดูในชีวิตประจำวันอย่างนี้
จะมีญาญรู้ขึ้นมาอย่างประจักแจ่มแจ้งว่า
"อารมณ์มันเป็นสิ่งที่ ถูกเห็นหรือถูกรู้
แต่เราเป็นผู้เห็น"
มีสองอย่าง
"สิ่งที่ถูกรู้อันหนึ่ง
และ ผู้รู้" อันหนึ่ง
ถ้าหลงขาดสติเมื่อไร ก็ไม่มีผู้รู้ ผู้รู้ก็ไม่เกิด
#ถ้าหากว่าหลงไปกับอารมณ์ที่เป็นอกุศล แล้วจิตก็เกาะอกุศลตายลงไป
ไปเกิดที่ไม่ดีแน่นอน ทุคติ นรก เดรัจฉาน เปตรวิสัย
แต่ถ้าหากว่า มีสติรู้ อารมณ์ที่เป็นอกุศล
แล้วก่อนตายก็มีสติรู้
อารมณ์ที่เป็นอกุศล
ไปเกิดที่สุขคติ คือ พรหม สวรรค์ มนุษย์
นี่คือความผิดแผกแตกต่างกันของคนๆเดียว แต่อธิบายเป็นสองแบบ
ของผู้ฝึกสติ และไม่ฝึกสติ
ในคนๆเดียว
ทั้งๆที่เจออารมณ์ อกุศล ก่อนตายเหมือนกัน
#ธรรมะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น