วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2567

พระอาจารย์​มงคล​ชัย​ กิตติ​โส​ภ​โณ​ถวายธรรมะให้พระอาจารย์​อ่านอนา

สภาวะใน ขณะวันประชุมรู้สึกว่าจิตสะอาดมาก

แต่พอตอนคุยกับอาจย์ไกรในเฟสแล้ว
จิตเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเองเลยครัย มีอาการอุทธัจะร้อนใจเดือดๆขึ้นมา
แต่ผมก็กำหนดรู้ 

เอาโน๊ตมาให้อ่านครับ
ท่านจะได้รู้ว่า แต่ต้นปี 59  จนฮ้อดเดือนนี่ ใจหมอนี่สงไปในแนวใด

แนะนำให้อ่านจากข้างล่างขึ้นมาข้างบนครับ
ธรรมะสกิจใจเอามาลงกะมีครับ
เพื่อให้ฮู้ว่า หมอนี่มันอ่านธรรมะสูตรนี้ จั้งปรุงแนวนี้
ธรรมะที่วิตกวิจาร สัญญาสังขารที่ปรุงแต่ง
ตอนต้นปี บ่เคยเห็นสภาวะแบบนี้ในปัจจุบเลย


"
เมื่อวานไปให้ศีล พูดคุยให้ธรรมะ จิตเชื่อมไปทางธรรมของโลกเลย
จะรู้สึกถึง "ภาวะอย่างหนึ่ง คือยึดมั่นถือมัน และมีจิตน้อมไปในทางโลกอย่างชัดเจน"

และรู้สึกมืดมนมองไม่เห็นธรรมในแบบ
สภาวะในธรรม เลย เป็นภาวะจิตออกออก
ภาวะเช่นนี้ คงเกิดกับพระหลวงปู่หลวงตา
เป็นแน่

และท่านชินกับภาวะเช่นนี้แล้ว
คงจะแก้ยาก

ไฉนเลย เราพอที่จะไปทางธรรมได้
เราควรไม่หลงอยู่ที่นี้อีกต่อไป แต่ควรหาหนทางออกไปจาก กัณยาณมิตรที่ไม่ทำความเพียรเพราะไม่เห็นภัยในสังสารวัฏ

แม้แต่มารดา ก็ยังเป็นผู้ไม่เห็นภัย
เราควรถอยออกห่าง

วันที่ 26 เดือนนี้ เวลา 16:48
-------------
จิตเจอภาพ แบบนี้
ย่อมปรุงแบบนี้

จิตได้ยินเสียง อย่างนี้
ย่อมปรุงแบบนี้

จิตได้กลิ่นแบบนี้
ย่อมปรุงกระแสแบบนี้

จิตรู้รสแบบนี้
ย่อมปรุงกระแสแบบนี้

จิตรู้โผฏฐัพพะแบบนี้
ย่อมปรุงกระแสทางใจแบบนี้
และต่อด้วย วจีกรรม กายกรรม

จิตรู้ธรรมะรมณ์แบบนี้
ย่อมปรุงกระแสนี้ขึ้นมา แทนกระแสเก่า
และทำวจีกรรม ทำกายกรรม 

วันที่ 25 เดือนนี้ เวลา 17:38
--------


ย่อมไม่ถือมั่นเวทนา สัญญา สังขาร
ปล่อยมัน...  มันปรุงก็ปล่อยมัน
กระแสใดๆที่จิตปล่อยปรุงออกมา
ปล่อยมัน

วันที่ 25 เดือนนี้ เวลา 16:37
--------------

จิตนี้ ไม่ใช่ของเล่น
ถ้าเราเล่นกับมันส่งเสริมมันในทางไม่ดี
คือปล่อยให้มันไหลไปตามอำนาจกิเลส
ผิศศีลผิดธรรม
ปล่อยให้มันจมไปกับกามคุณ๕ จนตกเป็นทาสของมัน คือถ้าขาดมันแล้วก็ร้อนใจกระวนกระวายจะเป็นจะตายนี่แหละคือ จิตโดนกามคุณย้อมกิเลสตัณหาแล้ว

เวลาจะตายก็ตายไม่ดี ห่วงกามคุณ
ห่วงรูป ห่วงเสียง ห่วงกลิ่น ห่วงรส ห่วงสัมผัส ทิ้งมันออกไปจากใจไม่ได้
ตายแล้วก็ไปทุกคติ
นี่มันใช่ของเล่นเหรอ
ที่ปล่อยให้มันทำบาปจนล้นทะลักออกมาทางกาย ก็ไปฆ่าเขา ปล้นจี้ขโมยโกงเขา ไปผิดลูกผัวเมียเขา ไปใส่ร้ายป้ายสีทำลายเขา นี่มันบุญหรือมันบาป

วันที่ 25 เดือนนี้ เวลา 14:31
_____________


ตอนเป็นโยม จิตก็สรกปก อยู่แล้ว
มาบวชเป็นพระ ก็ยังทำจิตให้สรกปกอยู่
เหมือนโยม มันควรจะทำจิตไม่ให้สกปกนะ

วันที่ 25 เดือนนี้ เวลา 14:21
_____________


แจ้ง กระแสปรุงแล้ว

แต่ยังเอาไอ้กระแสปรุงนั่น
มายึดต่อ   ว่านั่นเป็นสิ่งที่ เรา(เรา) เห็น

#ทางที่สัมมาคือ ไม่ยึด 
ให้ดูกระแส เฉยๆ
ให้ดูสภาวะที่จิตปรุงอ่อนๆว่า เราดู กระแส
และดูกระแสปรุงเป็นหลัก

วันที่ 22 เดือนนี้ เวลา 17:22
______________


เมื่อจิต ลืมความตายของกาย
ย่อมเพลิดเพลินในอารมณ์อย่างยิ่ง
ในอารมณ์ที่พยาบาท
ในอารมณ์ที่หลุมหลงในกาม

วันที่ 22 เดือนนี้ เวลา 19:29
________


ถ้าเรามองด้วยจักขุ
และถือโดยพยัญชนะ อนุพยัญชนะ
ได้เรื่องทันที ได้เรื่องอย่างนั้นอย่างนี้
ว่าเขา ว่าเรา ตัวตนเราเขา อุปทานเกิดขึ้นทันที

#ได้เรื่องคือ อุปาทาน
คนนั้นเขาเป็นอย่างนั่นอย่างนี้
สังขาร วิญญาณ รูป เวทนา สัญญา เกิดดับสัมประยุตด้วยโมหะ อวิชชา

วันที่ 22 เดือนนี้ เวลา 19:29
__________

สิออกจาก สงสารวัฏ
สิขี้คร้านบ่อได้เด๊ะ

#ขี้คร้านคือ ขี้คร้านฝืนนิวรณ์๕
ขี้คร้านเดินจงกรม นั้งสมาธิ
ภาวนาจิต

#สิตามพวกที่ไหลไปตามกระแสกาม บ่ได้เด๊ะ คนกลุมนี้เขายังบ่อเห็นภัยในสังสารวัฏ  ถ้าเฮามุ่งหลุดพ้น เฮาควรสิออกไป สร้างสมถะวิปัสนาบารมี

วันที่ 22 เดือนนี้ เวลา 10:56
_____________


เมื่อใดที่ หลงไปกับความคิดจะเป็นทุกข์ทันที

#จิตต่อมาอธิบาย หลงคือ ยึด
ทุกข์ คือทุกข์แบบโทมนัส

วันที่ 21 เดือนนี้ เวลา 11:48
______________


รูป เสียง ที่เป็นไปเพื่อโลกิยะ เราฟังมามากพอแล้ว
ควรที่จะดูและฟังอ่านแต่เฉพาะธรรมที่เป็นไปเพื่อหลุดพ้นเสียที

#ปรารภ เพราะกำลังฟังเสียงสตรีสวดชัยมงคล(ซึ่งเราก็แปลไม่ได้ศัพท์เท่าไร)


การงานที่เป็นไปเพื่อโลกิยะ เวียนว่ายในสงสาร เราก็ทำมามากมายยาวนานแล้ว
ควรที่จะทำเฉพาะการงานที่เป็นไปเพื่อหลุดพ้น คือเดินจงกรมเจริญสติ นั้งสมาธิ

#ปรารภ ธรรมข้างบนแล้ว
จิตได้ถามว่า แล้วการงานละ

วันที่ 21 เดือนนี้ เวลา 17:47
___________


ใน มนะ หรือมโน จิตจะปรุง ๙ อย่างนี้
รูป
เสียง
กลิ่น
รส
โผฏฐัพพะ
วภตัณหา
วิภวตัณหา
เฉยๆ
เจตนา

วันที่ 21 เดือนนี้ 14:41
___________


ถ้าจิตมีอาการกำหนัด
จะมีผลต่อร่างกายคือ เลือดเข้มขนอวัยะวะเพศแข็งตัวและไปจนถึงน้ำอสุจิออก

ถ้าจิตมีอาการโกธร
จะมีผลต่อร่างกายคือ
หน้าแดงหน้าเลือด ร่างกายผลิตเซลล์ที่ไม่ดีมาล่อเลี้ยงกาย

ถ้าจิตมีอาการดีใจเบิกบาน
จะมีผลต่อร่างกายคือ
กายกระชุมกระช้ำมีแรง

ถ้าจิตมีอาการเฉื่อย..เรื่อยเปลื่อย
จะมีผลต่อร่างกายคือ
กายไม่มีแรง ไม่มีกำลัง

ถ้าจิตมีอาการ เป็นสมาธิ
ระดับที่1 จะมีผลต่อร่างกายคือ
กายจะซ้อมแซมส่วนที่สึกหล่อ
ผลิตสารที่ดีมาล่อเลี้ยงกาย

ระดับที่2 ก็เพิ่มขึ้นอีก
ระดับที่3 ก็เพิ่มขึ้นอีก
ระดับที่4ก็เพิ่มขึ้นอีก

สมาธิแต่ละระดับ ล้วนผลิตสารที่ดีมาล่อเลี้ยงหาย
ทำให้ผิวพรรณดี แก่ช้า แผลหายเร็ว
อาการร้อนใจก็หายไป

วันที่ 21 เดือนนี้ เวลา 12:39
______________


ในยุคนี้ไม่ไหลไปกามคุณ 
ปฏิบัติทำสมาธิ เจริญวิปัสนา ถูกแล้ว
ทำความเพียรเป็นสิ่งที่ถูกแล้ว

เทวดาอนุโมทนา

วันที่ 21 เดือนนี้ เวลา 07:10
______________


ปรุงทิฏฐิ... แล้วก็ยึดทิฏฐิ
จึงเป็นทุกข์


เช่น เขาพูดว่า ไอ้อ่อนแอ ไอ้โง่ ไอ้ชัวเลว

พอได้ฟังคำเหล่านั้นแล้ว

ก็ปรุงแต่งตีความหมาย ว่า จะต้องเศร้าหมองโทมนัส

หรือจะต้องโทสะ

หรือจะต้องราคะ

แล้วก็ยึดสิ่งที่ปรุ่งนั่นแหละ

#หลวงปู่ดูลย์ พูดไว้ว่า
"  จิตปรุงกิเลส"

วันที่ 20 เดือนนี้ เวลา 12:54
___________


นันทิราคะเพลิดเพลินยินใน
รูปกายนี้ ในรูปวัตถุนี้ ย่อมไม่สามารถหลุดพ้นได้

ฉะนั้นอย่าเพลิดเพลินยึดมั่นกับ กายนี้ และสิ่งภายนอก คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม
ทางการเห็น ทางการได้ยิน ทางการได้รู้กลิ่น ทางการรู้รส ทางการรู้โผฏฐัพพะ

วันที่ 20 เดือนนี้ เวลา 08:16
___________


สัตว์ทั้งหลาย มีจิตนันทิราคะ ในวัตถุธาตุของโลก อาหาร เครื่องบริขาร จีวร ดินเสนาสนะ
จึงไม่สามารถพ้นไปจากโลเกได้

เงือนไขมีแค่นี้ ตรงๆ

#หลงในความคิด ปรุงแต่ง ที่เป็นปัญญาส่งไปเพื่อออกจากโลก

ดีกว่า หลงไปกับความคิด ที่เป็นไป ส่งไปในเรื่องของโลก

วันที่ 27 เดือนนี้ เวลา 07:44
_____________

นันทิ ราคะ สะหะคะตา
กามฉันทะ
พยาบาท
ถีนมิทธะ
อุถถัตจักุกุจะ
วิจิตกิจฉา

#อย่าเพลิดเพลินยินดีในอาการของจิต
ที่เป็นนิวรณ์๕

วันที่ 18 เดือนนี้ เวลา 22:29
_________


วิญญาณจะไปโผ่ทางใด๋ ตั้งอยู่ใสกะดับเป็นอนัตตาเมิ๊ด 
สมคำพระอรหันตสัมมาสัมพุทธะปฏิญญา

วิณญาณจะไปโผ่อยู่ ลูกตา 
ตั้งแล้วก็ทรงไว้อย่างนั้นไม่ได้ตลอด คือมันดับ หาย  ว่างเปล่า ไปเลยในช่วงนั้น ที่มันเับ ทั้งที่ไม่ได้บังคับ สมคำว่ามันเป็นอนัตตาจริงๆ

วิญญาณจะไปโผ่ที่ประสาทหู
ตั้งอยู่ฮู้แล้ว แล้วมันก็ดับหายไป ตอนมันดับไปแล้ว ตรงนั้นก็ว่างเปล่าจาก วิญญาณ

วิญญาณจะไปโผ่ที่ประสาทคัณทะ
เกิดแล้ว ฮู้แล้ว ก็ดับหายไป ก็ว่างเปล่า ตรงนั้นก็ว่างเปล่าจากวิญญาณ

วิญญาณจะไปโผ่ที่ประสาทชิวหา
ไปเกิดตรงนั้นแล้ว รู้รสแล้ว ก็มีแต่จะดับแปรหายไป ว่างเปล่าจากวิญญาณแทนเลยตรงนั่น

วิญญาณจะไปโผ่ที่ประสาทกาย
เกิดขึ้นตรงนั้นแล้ว ก็รู้แจ้งโผฏฐัพพะ แล้วก็แปรเป็นอื่น หายไปเลย สมคำที่ว่า มันเป็นอนัตตา

วิญญาณจะไปโผ่ทางใจ โผ่ตรงนี้แล้ว
รู้แจ้ง เวทนา สัญญา สังขาร แล้ว
ก็ดับหายไปเป็นอนัตตา แบบห้ามบ่ได้ ว่างเปล่าจากวิญาณเลยในช่วงนั้น

วันที่ 18 เดือนนี้ เวลา16:15
____________


ในโลกนี้ทำไมจึงมีแต่คนทุกข์มากกว่าคนสุข ?

"วิบากกรรมของเขานั่นแหละ"

ถ้าว่า เป็นเพราะวิบากกรรมของเขา
เราไม่พอจะมีทางช่วยเขาได้เลยหรอ?

ช่วยในเรื่องรูปธรรม เงิน เป็นต้น
เธอต้องเข้านิโรธสมาบัติให้ได้ แล้วไปขอเขา ให้เขาทำกรรมดีด้วย ซึ่งเธอก็ต้องบรรลุอนาคามีหรือไม่ก็บรรลุอรหันตจึงจะเข้านิโรธได้ ถ้าแจ้งธรรมในการหลุดพ้นแล้ว ก็จะช่วยสอนจิตใจเขาให้หลุดพ้นจากความทุกข์ ตามเธอได้ มากมาย

วันที่ 16 เดือนนี้ เวลา 21:05
_____________


ไปงานเลือนยศเจ้าคณะจังหวัดอุบล
รู้สึกอย่างไร

รู้สึกว่า สาเหตุที่มีคนมาเคารพคาระวะท่านมากมาย
คงจะเป็นเพราะวิบาก
ในอดีต ที่ท่านเคยทำการเคารพน้อบน้อมต่อผู้มีคุณธรรมสูงส่งมากมาก่อน คือพระพุทธเจ้าในอดีตพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง หรือไม่ก็พระปัจเจกพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง หรือไม่ก็พระอรหันต์สาวก พระอริยะองค์ใดองค์หนึ่ง มาก่อน
หรือไม่ก็เป็นเพราะกรรมดีที่ท่านทำในปัจจุบัน เป็นแน่นอน

เมื่อพิจารณาเหตุอย่างนี้แล้ว เรื่องนี้ก็หายสงสัย

มองไปเห็นเพื่อนพระด้วยกันที่มาในงาน
มีเป็นหลายร้อย อาจถึงจำพัน

ก็พิจารณาว่า
อัตตาภาพที่เคยได้ครอง ในภพชาติที่ผ่านมา
ช่างมากมายเหลือเกิน
คงจะเป็นไปต่างๆทั้งทางกาย และทางความรู้สึกนึกคิด

แล้วก็ เกิดสลดสังเวชในภพชาติของตนที่ผ่านมา
มันช่างยาวนานนัก
กว่าจะมีใจที่สว่างบ้างแบบนี้
คงมีเหตุสืบต่อมาจากภพก่อนเป็นแน่
ต้องเคยมีครูดีสอนเรื่องจิตแน่


วันที่ 16 เดือนนี้ เวลา 15:56
__________


เวลานั่งสมาธิแล้ว
ทำไมอวัยวะเพศถึงแข็ง
ทั้งๆที่ไม่ได้คิดไปเรื่องกำหนัดเลย

จึงอยากรู้ว่าเพราะอะไร
จึงยกอสุภะขึ้นพิจารณา ตับไตไส้พุง
ของเน่าของเสียไหลออกจากรูขุมขนอยู่ตลอดเวลา
ข้างในก็ชั้นไขมัน ชั้นเนื้อ กระดูก สุดท้ายกลายเป็นกระดูก แล้วสลายหายไป

อวัยวะเพศกลับหดตัวลง อย่างว่าง่าย

นี่แสดงว่า ส่วนลึกของจิตใต้สำนึกมันยังมีการปรุงอยู่
 แน่ละเพราะยังไม่ใช่พระอนาคมามี

#ตอนอยู่มัธยม ถามเพื่อนก็บอกว่า "พอตื่นนอนมันก็แข็ง มันเป็นธรรมดา กูก็เป็น"

แต่พระพระพุทธเจ้าตรัสว่า
"องค์ชาติจะแข็งตัวได้ด้วยเหตุ ๕ อย่าง
๑ กำหนัด (คืออาการที่มีความอยาก ในเรื่องเพศ)
๒ ปวดอุจจาระ
๓ ปวดปัสสาวะ
๔ ถูกลมเพย(ลมพัด)
๕ ถูกบุ้งขน (สัตว์จำพวกที่เท้ามากๆมีขนมาก)

โพสไว้งั้นแหละ เผื่อนักภาวารุ่นหลังมีความสงสัย
มาค้น จะได้เจอ

วันที่ 15 เดือนนี้ เวลา 20:05
___________


สัญญา สังขาร> ภาพ ความคิด ในมนะ เกิดแล้วก็ดับๆ ไม่สืบต่อกันเลย

สัญญา สังขาร> สัทธะ ความคิด ในมนะ
เกิดแล้วก็ดับๆ ไม่สืบต่อกันเลย

สัญญา สังขาร> คันธะ ความคิด ในมนะ
เกิดแล้วก็ดับๆ ไม่สืบต่อกันเลย

สัญญา สังขาร> รส ความคิด ในมนะ
เกิดแล้วก็ดับๆ ไม่สืบต่อกันเลย

สัญญา สังขาร> โผฏฐัพพะ ความคิด ในมนะ
เกิดแล้วก็ดับๆไม่สืบต่อกันเลย

หมายเฉพาะส่วนนาม(ยังมิได้พิจารณว่า ส่วนรูปสงเคราะห์ได้ไหม)

ธรรมทั้งหลายในอนาคต
ที่จะมาเกิดในปัจจุบันล้วนไม่เที่ยง

ธรรมทั้งหลายในอนาคต
จะมาเกิดดับให้ดู ณ ที่ปัจจุบัน

ธรรมที่เกิดดับให้ดูในปัจจุบันนั้น
มีเหตุมาจากวิบาก ก็มี
มีเหตุมาจากสังขารปรุงแต่ง ก็มี

วันที่ 15 เดือนนี้ เวลา 14:55
_________

โลกเขาเป็นทุกข์ ก็อย่าไปเป็นทุกข์ตามเขาสิ

โลกคือ นามรูป

ผู้รู้ อย่าไปเป็นทุกข์ตามเขาสิ

วันที่ 15 เดือนนี้ เวลา 07:40
_____________


คนมีปัญญาไม่ว่าจะเกิดในประเทศไหน ในที่ไหน ย่อมแสวงหาสาระของชีวิต

วันที่13 เดือนนี้ เวลา 12:54
__________

เวลาเห็นผู้หญิงสวยๆ
ถ้าจะอ่านกินผู้หญิง

เห็นหน้าสวยๆผิวขาวๆปุ๊บ
อ่านกินไปว่า ใต้ร่มผ้านั้นจะขาวขนาดไหนจะเป็นยังไงนะ จะน่ารักขนาดไหนเอ่ย

ก็ให้อ่านกินไปอีก ใต้ผิวหนังจะขนาดไหนนะ ความน่ารัก
จะน่ารักไหมเอ่ย หรือน่าอ๊วกมีแต่ไขมันเละตุ้มเปะ

ก็ให้อ่านกินเข้าไปอีก
ใต้ไขมันจะขนาดไหนนะ เป็นยังไงเอ่ย
เจอแล้ว มีแต่เนื้อเป็นมัด เป็นมัดเลย คราวด้วย

ก็ให้อ่านกินเข้าไปอีก
ใต้เนื้อนั้นคืออะไร จะน่ารักไหมเอ่ย
มีแต่พังผืดขาวๆเป็นใยๆติดเนื้อและมีกระดูกหลายท่อนเลยที่ต่อกัน

ก็ให้อ่านกินเข้าไปอีก
ใต้เนื้อลงไปคืออะไร น่าดูไหมเอ่ย
มีแต่กระดูก เป็นซี่โครงบ้าง ส่วนคอบ้าง
ส่วนสะโพกบ้าง ส่วนแข่งบ้าง

ก็ให้อ่านกินเข้าไปอีกในซี้โครง นั้นหุ้มอะไรไว้ จะน่ารักขนาดไหน
มีตับ ไต ถุงเหยี่ยว ลำไส้ห่ออุจจาระ มีปอด มีม้าม ถุงน้ำดี ฯลฯ

แล้วอ่านกินเข้าไปอีก
ในล้ำไส้ใหญ่มีอะไรละ
ขี้ใช่ไหม ขี้น่ารักไหม

ทีนี้อ่านกินทุกจุด ลงลึกลงไปให้ทะลุ
หนังนี้มีรูขุม น้ำของเสียที่สกปกก็ไหลออกมาจากผิวหนังคือรูขุมขนอยู่ตลอดเวลา

แม้จะทาแป้งไปกลบไว้อุดรูนั้นไว้
เหมือนเอาดินไปใส่หลุม
น้ำของเสียมันก็ดันแป้งออกมาอยู่ตลอดเวลา

แม้ฉีดน้ำหอมใส่ผิวหนัง น้ำของเสียนั้นมันก็ไหลออกมาผสมกับน้ำหอม กลายเป็นน้ำไม่หอมแล้ว

แม้จะใส้เสื้อผ้าให้สวยสดดูดีขนาดไหน สีแดงเอ่ย สีชมพูเอย
น้ำของเสียมันก็ไหลออกมาจากใต้ผิวหนังผ่านรูขุมขน เป็นเหงือไปโดนผ้า
ผ้าก็เหม็น จนต้องเอาไปซักชำระน้ำของเสียนี้

ไอ้น้ำของเสียนี้มันมาจากในร่างกาย
ที่ช่างคราวยิ่งกว่าอะไร

วันที่ 13 เดือนนี้ เวลา 12:41
_________


สัตว์ทั้งกลายมีอัตภาพต่างกัน
ก็เพราะว่า วิบากของใจต่างกัน
วิบากของวาจาต่างกัน
วิบากของการกระทำกายต่างกัน

วันที่ 12 เดือนนี้ 11:09
_______


ร่างกายมนุษย์
มีของเหลว คือของเสียไหลอยู่ออกมาตลอดเวลา
ช่างน่าสอิดสเอือนจัง

ไหลออกมาจากภายใน
อาหารต่างๆนั้นแหละไหลซึมออกมา
 ดันครีมดันแป้ง

ครีมแป้งเป็นของสิ่งภายนอกแม้จะเอาไปเปอะเท่าไรมันก็ไม่ใช่อย่างเดียวกันกับร่างกาย
แต่เมื่อครีมแป้งถูกของเสียที่ไหลออกมาแล้ว
กลายเป็นของเน่าเสียสกปกเหนี๋ยวเน๊อะหนะไปด้วยกัน

มันจะสะอาดแต่ที่ไหนเล่าซึ่งร่างกายนี้
ของเหลวไหลออกจากทรวารทั้ง๙มีกายทวารเป็นที่๑๐อยู่ตลอดเวลา

สมจริงดั่งคำพระพุทธเจ้าตรัสว่า
"เต็มไปด้วยของไม่สะอาดมีประการต่างๆ"
ทั่วทุกกาย


วันที่ 5 เดือนนี้ เวลา 17:48
_______

คนที่ยังมีใจคิดเหมือนโยม
ถึงจะครองผ้าบวชเป็นพระ
ใจมันก็ส่งไปในกามคุณ ๕ เหมือนที่มันเคยคลุกคลี(อนุสัย)เดิม
จิตเขาก็มีมุมมองต่อโลก เหมือนปุถุชน

ส่วนผู้ใดคิดไปแนวของธรรมะ(โลกุตระ)
จิตเขาก็จะ มีโลกในมุมแห่งธรรม

พระอรหันต์ทุกองค์ ท่านก็เริ่มที่ ความคิด ให้มันคิดส่งไปแนวของธรรมะโลกุตระ
ร่างกายนี่สกปก ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง

ช่วงแรกอาจจะต้องฝืนอนุสัยเก่าๆ ที่มันชอบคิดไปแต่ในแง่ของปุถุชน ที่เที่ยง

ท่านจึงต้องคิดไปในแง่ของธรรมะก่อน คือทุกสิ่งทุกอย่าง เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และคิดถึงความตายที่มาในอนาคตอันใกล้
และคิดถึงอดีตที่ผ่านมา ครั้งสมัยพระพุทธเจ้าองค์แรก
จนถึงองค์ปัจจุบัน เราทำเรื่องไร้สาระมากมาย จนลืมบุญกุศลที่ควรจะทำให้มีขึ้นให้มาก
แต่กลับไปทำเรื่องกามคุณ ๕ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส จนเพลิดเพลินติดไปติดกับดักในวัฏฏะอย่างโง่เง่า

(ปรารพ เพราะเห็นจิตเกิดดับ 
สังขารมันคิดไปในมุมมองเรื่องแบบของโลก)

วันที่ 5 เดือนนี้ เวลา 16:21
_______


ความคิดจะมีอยู่ ๒ อย่าง
๑ คิดแล้ว เกิดอกุศล 
คือเกิด ราคะ โทสะ
ราคะ คือความยินดีติดใจ เพลิดเพลินไปกับกามคุณ๕ หรือร้อนอกร้อนใจเพราะความคิด นี่ก็คือโมหะ แม้ไม่ได้คิดจะเบียดเบียนใคร แต่ร้อนอกร้อนใจอย่างนี้ เรียกว่า โมหะ ความหลง สรุปแล้ว มิจฉาสังกับโปนั้นเอง 

โทสะ คือความคิดที่จะพยาบาท ความคิดที่จะเบียดเบียน
ความคิดที่จะอาฆาตจองเวร
ความคิดที่จะให้เขาพินาศ เช่นขอให้ได้รับผลของกรรมหนักๆ ต่อสิ่งทั้งหลายที่วิญญาณไปรู้ และมาให้รู้ เป็นต้น

แต่ถ้าคิดแล้ว
เป็นอัพยากต ตลอดคือไม่เป็นกุศล และอกุศล
ก็มีแต่พระอรหันต์เท่านั้น

ปุถุชนก็ มีอัพยากตเจตสิก กุศลเจตสิก อกุศลเจตสิก แต่ส่วนมาก จะเกิดแต่อกุศลเจตสิก

(เหตุปรารพ  มีความทุกข์ใจ เรื่องเงินที่มาดึงไว้ คิดจนเป็นทุกข์ใจ
และจิตยังยึดมั่นถือมั่น ใน รูปว่าจริงไม่เป็นอนัตตา ในเสียงว่าจริงไม่เป็นอนัตตา 
ในกลิ่นว่าจริงไม่เป็นอนัตตา
ในรสว่าจริงไม่เป็นอนัตตา
ในโผฏฐัพพะว่าจริงไม่เป็นอนัตตา
ในธรรมารมณ์ว่าจริงไม่เป็นอนัตตา)

เวลา 05:55น วันที่ 24.07.2559 
__________

สิ่งภายนอกกาย ล้วนแตกทำลายแปรเปลี่ยน ชรา มรณะดับ ตลอดเวลา
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

แม้กายนี้ก็แตกทำลายแปรเปลี่ยน ชรา มรณะ ตลอดเวลา
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

แม้ธรรมารมณ์ก็แตกลำลายแปรเปลี่ยน ชรา มรณะ ตลอดเวลา
อนิจจัง ทุขขัง อนัตตา

แม้วิญญาณธาตุรู้ ก็แตกทำลายแปรเปลี่ยน ชรา มรณะ ตลอดเวลา
อนิจจัง ทุกขขัง อนัตตา

วันที่ 3 เดือนนี้ เวลา 22:23
___________

ใจนั้นจะมี
เวทนา
สัญญา
สังขาร

ข้อมูลคือ รูปภาพ
ข้อมูลคือ เสียง
ข้อมูลคือ กลิ่น
ข้อมูลคือ รส
ข้อมูลคือ โผฏฐัพพะ

จะนำข้อมูล ไปปรุงเป็นเจตนา อยากจะไปแก้อดีตคือไปมีตัณหากับอดีตที่ผ่านมาไปแล้ว
จะนำข้อมูล ไปปรุงเป็นเจตนา
อยากจะไป ทำอนาคตแบบมีตัณหา

การจะปรุงไปสองข้างนั้นได้ ก็หลุดจากปัจจุบันนี่แหละก่อน 

และทุกครั้งที่ปรุง
จะมีเจตนาปรุงไปอนาคตแล้วเกิดกุศลเย็น อกุศลร้อน อัพยาว่าง
จะมีเจตนาปรุงไปในอดีต แล้วเกิด กุศลเย็น อกุศลร้อน อัพยาว่าง

ตั้งแต่ตัวอักษรแรก จนถึงตัวสุดท้ายนี้
ล้วนเป็น สภาวะธรรมส่วน ธรรมารมณ์

วันที่ 3 เดือนนี้ เวลา 19:09
______

ผู้เพลิดเพลินในสังสารวัฏ
คือผู้พินาศ
ผู้ประมาทในสังสารวัฏคือผู้พินาศ

วันที 2 เดือนนี้ เวลา 12:03
________________

เวลานั้นสมาธิ
ให้ทำในใจว่า

เรานั่งอยู่ในลูกแก้วใหญ่ มีแสงรัศมีสีใส สีทอง สีใส สีขาว เป็นต้น
เราเป็นส่วนหนึ่งในลูกแก้ว

แล้วมีสติมาที่ใบหน้า

วันที่ 25 เดือนที่ เวลา 10:53
______________


เราไม่สามารถบังคับ การปรุงแต่งความคิดของเขาได้

แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่สามารถบังคับสังการความคิดปรุงแต่งของพระเทวทัตไม่ให้ทำสังฆเภท

แล้วไฉนเล่า เราจะไปบังคับ ความคิดพระที่ชอบซื้อหวย
บังคับไม่ให้ชอบซื้อหวย

วันที่ 22 เดือนที่ เวลา 09:16
____________

สมมุติว่า ถ้าถอดวิญญาณออก
ออกมาจากกาย

ความทุกข์จะไม่มี เพราะความทุกข์กายความเจ็บความปวดของกายมันอยู่ที่กาย

วันที่ 19 เดือนที่แล้ว เวลา 07:00
________


ใจคิดไปแต่ในเรื่องของโลกในชาตินี้
มันปรุงแต่ง เรื่องรูป เรื่องเสียง เรื่องกลิ่น เรื่องรส เรื่องสัมผัส ในเรื่องของโลก


วันที่17 เดือน07 เวลา 14:48
_____________


ถ้าหลงวิบาก คือ รูปร่างกายที่หล่อที่สวยงาม
ก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นได้

ถ้าหลงวิบาก คือ
เสียงที่หวานที่หล่อ
ก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นได้

ถ้ายังหลงมีราคะ ในกลิ่น
ทั้งหลาย ก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นได้

ถ้ายังหลงมีราคะ ในรสทั้งหลาย
ก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นได้

ถ้ายังหลงมีราคะในสัมผัสทั้งหลาย
ก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นได้

วันที่ 13 เดือน 7 เวลา 08:07
____________

เป็นแบบนี้แหล้วหมา

กินข้าวแล้ว
มันได้กำลังมันกะไปหยอกกัน แล้วกะกัดกัน  พระเพิลสินั้งภาวนา
กะ เอายุโฮ้งๆ 

แล้วมันสิต่างกันกับคนยุบ้อ
กินข้าวแล้ว ได้พลังงาน จากอารแล้ว
กะเอาไปใช้ตีกัน ฆ่ากัน หยอกกันเล่น
เสียเวลา
ทางพระเฮา พระพุทธเจ้าเพิ้ลสอนสาวกให้พาลเวลาไปกับการภาวนาเป็นหลัก

ตอนนี้เฮาก็ต้อง ผลานเวลาไปกับการเรียนให้เข้าใจ
กะสิได้เอาไปเป็นความรู้เป็นประโยชน์ต่อตนและผู้อื่น ถ้าว่าเป็นครูก็ได้บุญ เป็นหมอก็ได้บุญ

วันที่ 12 07 เวลา 12:09
__________


ในอรรกถาสอน เฉพาะเพ่งธาตุรูปภาพ
เช่นเพ่งดวงจันทร์ เพ่งรู เพ่งน้ำ เพ่งไฟ

เพ่งโผฏฐัพพะ ความรู้สึกตัวในการก้าว ถอย เหยียดแขนคู้แขน ทรงจีวร อุจจาระปัสสาวะ
ส่วนเพ่งลม คือเพ่งความรู้สึกลมเย็นนั้นเอง
อันนี้ก็เป็นเวทนา


ส่วนรส ก็มีแต่สอน รู้รสเค็ม รสหวาน
ในหมวดวิญญาญ



#แสดงว่า สิ่งที่วิญญาน ไปรู้ทั้ง ๕ ช่องทาง
เป็นสมถะได้ทั้งนั้น
เป็นสมาธิชนิดสงบก็ได้ อารัมมณู เป็นสมาแบบตั้งมั่น ลักขณู

วันที่ 11 07 เวลา 19:31
_______


ในแต่ละวัน เราใช้เวลาหมดไปกับเรื่องอะไรบ้าง
เรื่องนั้นลึกๆแล้วมีประโยชน์หรือไร่สาระ มีประโยชน์แค่ไหน
ประโยชน์ทางโลกได้แค่ชาติเดียว
หรือประโยชน์ทางธรรมติดข้ามชาติไปได

้ประโยชน์ทางโลก คือทำให้ ลาภ ยศ สรรเสิญ สุขกาย เกิดขึ้น
ประโยชน์ทางธรรมคือ ไม่มีทุกข์ทางจิต โดยการ ภาวนาละกิเลสจนกิเลสหมด หมดกิเลส
แม้จะไม่หมดในชาตินี้ แต่ภพชาติข้างสว่างแน่นอนสำหรับคนที่ภาวนา
แต่ผู้ที่ถือเอาประโยชน์ทางโลกเพียงอย่างเดียว
ถ้าขาดบุญกุศลเสียแล้ว ไม่รู้จะได้มานุ่งผ้าแบบมนุษย์นี้อีกไหม แต่จะไปเกิดเป็นอย่างอื่น

ดังนั้นแม้ไม่ได้อยู่ในผ้าเหลืองแบบพระหรือแม่ชีหมขาวในวัด ก็ควรจะภาวนา

วันที่ 10 07 เวลา 22:53
___________


เฮ็ดจั่งใด จังสิ บ่ติดกรรม นำเขา ที่เขาเฮ็ดบาป ฆ่าสัตว์ ลักขทรัพย์ ฯ
๑ บ่ยินดี
๒ อุเบกขา
๓ (สงสารเขาแล้วกะอุเบกขา)

วันที่ 6 เดือน7 เวลา 07:50
___________

ธรรมของสังคมโลกช่างน่ากลัวนัก
สอนให้กำหนัดแต่งงานกัน
สอนให้รวยสอนให้ติดกาม

วันที่ 1 เดือน 7 เวลา 08:16
__________

เมื่อ เสียงมาสัมประยุตกับวิญญาณ
จึงเป็นเหตุให้เกิด โมหะ ต่อด้วย โทสะ 
เมื่อ เสียงมาสัมประยุตกับวิญญาณ
จึงเป็นเหตุให้เกิด โมหะ ต่อด้วยราคะ
เมื่อ เสียงมาสัมประยุตกับวิญญาณ
จึงเป็นเหตุให้เกิด โมหะ(ขาดสติ) 

วันที่ 1 เดือน 7 เวลา 05:20
________

เวลาโกธร ยากที่จะพูดออกมาแล้วเป็นกุศล
เวลาโกธร 
ง่าย                                                                                                                                     ที่จะพูดออกมาแล้วเป็นอกุศล

เวลาโกธร
ยากที่จะพูดออกมาแล้ว คนฟังรู้สึกดีด้วย
เวลาโกธร
ง่ายที่จะพูดออกมาแล้ว คนฟังรู้สึกไม่ดี

เวลาโกธร
ยากที่จะพูดออกมาแล้วเป็นคำภาษิต
เวลาโกธร
ง่ายที่จะพูดออกมาแล้วเป็นคำทุพภาษิต

เวลาโกธร
ยากที่จะพูดออกมาแล้ว เป็นคำที่ดูชวนเป็นมิตร

เวลาโกธร
ง่ายที่จะพูดออกมาแล้ว
เป็นคำที่ดูชวนเป็นศัตร

วันที่ 30 เดือน 6 เวลา ช่วงเช้า
________________


พรากสังขาร,
หยุดอาการ จิตปรุงกิเลสเสีย

นี้จัดเข้าใน นิโรธสัจ
คือ การปล่อย จาคะ
การสละ สลัดคืน
อนาลโย การทำไม่ให้มีที่อาศัยจึงตัณหา

#ตัวธรรมารมณ์ ก็คือ สังขารขันธ์ในขันธ์
แต่ถ้าพูดเรียงลำดับ
ก็ เวทนา สัญญา สังขาร
และวิญญาณเป็นผู้รู้แจ้งธรรมารมณ์

วันที่ 30 เดือน 6 เวลา 19:53
__________

จิตถอนจากสมาธิ เคลื่อนจากสมาธิ
เพราะจิตยึดมั่นถือมั่นเสียงมาก

จิตยึดมั่นถือมั่นใน นิมิต อนุพยัญญะชนะ
ในเสียงมาก ไม่วางเป็นอุเบกขา

อายตนะภายนอกอื่นก็เช่นเดียวกัน

วันที่ 28 เดือน 6 เวลา 09:59
______________

จงพิจารณา ให้กายนี้เหลือแต่ส่วนที่พิจารณา
เช่น ผม ก็ให้คิดพิจารณาว่า ทั้งกายนี้มีแต่ผม แล้วพิจารณา ผม ว่ามันใช่เราไหม
ขน เล็บ ฟัน หนัง ก็เช่นเดียว

จากนั้นให้น้อมเข้ามาพิจารณาให้ปรากฏเป็นส่วนๆในกายนี้ จนครบ ๓๒ ประการ หรือไม่ครบก็ไม่เป็นไร
จากนั้นก็เป็นอันว่าพิจารณากายแล้ว
แล้วพิจารณาลิ้น
แล้วพิจารณาจมูก
แล้วพิจารณาหู
แล้วพิจารณาตา

แล้วพิจารณา รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ กำหนดหมายว่าไม่เที่ยง
แล้วพิจารณา ธรรมามรณ์ เวทนา สัญญา สังขาร เห็นมันไม่เที่ยง
แล้วพิจารณา ผู้ที่ไปรู้คือวิญญาณธาตุว่าไม่เที่ยง

นิพพานไม่มีสิ่งที่ถูกรู้ และผู้รู้

วันที่21 เดือน6 เวลา 21:17
_________

เมื่อเอากายเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นถือมั่นเสียแล้ว ว่ากายนี้คือฉัน

เวทนา
สัญญา
สังขาร
วิญญาณ มันก็ซ่อนอาศัยอยู่ในกายนี้
เหมือนรูปกายนี้เป็นดั่งถ้ำ

เมื่อเกิดสุข ก็ยึดว่า สุขคืออันเดียวกันกับฉัน
เมื่อเกิดทุกข์ ก็ยึดว่า
ทุกข์คืออันเดียวกันกับฉัน

เมื่อจำได้ว่าสิ่งที่ได้เห็นนั้น คือรูปอะไร
ก็ว่าอาการจำได้หรือภาวะจำได้นั่นแหละคือฉัน
เมื่อจำได้ว่าสิ่งที่ได้ยินนั้น คือเสียงอะไร
เมื่อจำได้ว่ากลิ่นที่ได้รู้นั้น คือกลิ่นอะไร
เมื่อจำได้ว่ารสที่ได้รู้นั้น คือรสชาติของอะไร
เมื่อจำได้ว่าสิ่งที่กายสัมผัสถูกต้อง เป็นเย็น เป็นร้อน เป็นอ่อน เป็นแข็ง เป็นแหลม  นั่นคือผู้หญิง นั่นคือผู้ชาย ก็ยึดว่าฉันเป็น

วันที่ 19 เดือน 6 เวลา 18:33
_________

เพราะเขาไม่รู้ ไม่เข้าใจเป้าหมายที่แท้จริง
ที่ควรจะลุให้ถึง
เพราะเขาไม่เข้าใจ เพราะเขาไม่รู้ธรรมะที่เป็นเหตุให้จูงใจโน้มมารู้เป้าหมายของจิตที่ควรลุให้ถึง

ผมขอบคุณ ผู้มีพระคุณทั้งหลายที่เคยได้ให้ธรรมทานไว้
ขอบคุณจริงๆ มากๆ ด้วยใจแท้จริง
ขอให้พวกท่านจงประสบความเจริญสูงสุด

#ปรารภ ชาวบ้านหรือชาวสัตว์โลกที่เพลิดเพลินไปกับเป้าหมายที่ ปั่นน้ำเลวเป็นตัว


วันที่ 16 เดือน 6 เวลา 10:10
____________

ดาวโลก
กายนี้คือส่วนวัตถุดิบของดาวโลก

ตั้งแต่ อสุจิ ก็เป็นวัตถุดิบของดาวนี้
ไข่ ก็เป็นวัตถุดิบของดาวโลก
แม้แต่ครรณ ก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกเป็นวัตถุดิบของดาวโลก
แม้อาหาร ก็เป็นส่วนหนึ่งของดาวโลก
แม้ตอนนี้กายนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของดาวโลก

อสุจิ+ไข ดิน น้ำ ไฟ ลม คือกายนี้
ดินน้ำ ไฟลม เป็นวัตถุของโลก โลกนี้คือวัตถุดิบของจักรวาล
กายนี้คือ วัตถุดิบของจักรวาลทั้งนั้น

ดิน เป็นวัตถุดิบของจักรวาล
น้ำ เป็นวัตถุดิบของจักรวาล
ไฟ เป็นวัตถุดิบของจักรวาล
ลม เป็นวัตถุดิบของจักรวาล

กายนี้ มิใช่ของเรา แต่กายนี้คือวัตถุของโลก และกายนี้มิใช่ของใครเลย

กายนี้เกิดขึ้นมีเหตุปัจจัยนะ
กายนี้คือวิบาก ของจิตที่สัมประยุติด้วยศีล๕ หรือมีศีล๕เป็นเจตสิก


วันที่ 16 เดือน 6 เวลา 09:30
______________


(แม้แต่อาการฟัง ก็ไม่เที่ยง
แม้แต่อาการที่กำลังฟัง ก็ไม่เที่ยง)

โฮ่... รู้แล้ว มันช่างแจ้ง หายโง่เป็นเปาะๆไป

วันที่ 10 เดือน 6 เวลา 13:59
________________



"สังขาร"
การโน้มจิตคิดไปเรื่องที่(......)
แล้วมีความกังวลใจดิ้นรนใจขึ้นเป็นภวตัณหา วิภวะตัณหา ในกามตัณหา
นี่เรียกว่ากิเลส(เครื่องตกต่ำ)
#อันนี้เรียกว่า จิตปรุงกิเลสมาครอบจิต

ส่วนการเป็นผู้รู้ ด้วยความเป็นกลางๆรู้อย่างเฉยๆ ไม่มีตัณหากับสิ่งที่ปุ๊ตๆร้อนๆ น่ากระวนกนะวายนั้น และกระแสความไม่เที่ยงจะหายไวไหมช้าไหม
ก็เรื่องของเขาละ เราไม่เกี่ยว
เราเป็นผู้รู้สิ่งที่ถูกรู้เฉยๆ
#อันนี้เรียกว่า กิเลสจะปรุงจิตครอบจิต แต่ครอบไม่ได้เพราะ มีสติผู้รู้ขั้นไว้"

#ส่วนปุถุชนผู้มิได้สดับ
กิเลสกำเลิบแผงฤทธิ์ขึ้นมาเมื่อไร่ ปรุงจิตได้เมื่อนั้น เพราะเขายึดสิ่งที่กิเลสปรุงสิ่งที่ถูกรู้ว่าเป็นเขา
และปุถุชน ก็ยังปรุงกิเลสขึ้นมาครอบจิตตนเอง 

ตราบเมื่อเขาได้สัมมาทิฏฐิญาณ เขาจึงจะไม่ถูกกิเลสปรุงจิต
และจะมีสติ แทงฟันกิเลสให้ขาดเป็นขั้นๆไป

วันที่10 เดือน 6 เวลา 09:39
_____________


ก่อนที่โลกมันจะเอาร่างกายนี้คืนไปสู้ดินสำเร็จ

เพราะร่างกายนี้ มันกินส่วนของโลก
ก็คืออาหารทุกอย่าง สัตว์ก็กินส่วนของโลก

เมื่อถึงเวลามันเอาไปสำเร็จก็คือ กลายเป็นปุ๋ยเป็นดิน เป็นน้ำเป็นลมคืนสู่ไปตามวัฏฏะ

และทุกวินาทีโลก(มัจจุราช)ก็เอาไปไม่เคยหยุดไม่เคยพัก

ไฉนหนอก่อนที่มันจะเอาไปหมด
เราจะมีความยินดีในการปรารภความเพียรในสติปัฏฐานสี ทำวิชชาให้เกิด หลุดจากสังขตะธรรม

วันที่ 30 เดือน 5 เวลา 15:15
_____________

ทุกข์...เพราะธรรมารมณ์

ทุกข์ที่สุด คือทุกข์เพราะธรรมารมณ์
ดับทุกข์สุดๆเสียได้ คือการดับไปแห่งสังขารทั้งปวง ดับสังขารแล้วจะเจอนิพพาน

วันที่ 27 เดือน 5 เวลา 15:58
_______


อารมณ์ที่เกิดแต่รูป อย่าไปยึด(อุปาทาน) อย่าสนใจ มันจะผ่านมาผ่านไป
...#####

สิ่งที่ปรุงแต่ง ที่มีข้อมูลมาจาก ธาตุ๔
อย่าไปยึด

วันที่ 25 เดือน 5 เวลา 10:52
_________

รู้ว่าภายนอกมันเป็นอนิจจัง ทุกขขัง อนัตตา เป็นของปลอมเป็นกับดักทั้งนั้น

ภายในเข้าไปอีกสิ มันถึงจะบ่งบอกกับความเป็นเขาได้ชัด

แต่ก็ไม่รู้จะเอาอะไรหมาย หมายรู้อะไร

ก็ต้องกลับมาหมายเอากันที่ข้างนอก(กาย)
จนบางมีก็หลงไปคิดว่า รูปกาย มันจริง จนเกิด ราคะ โทะสะ

รูปทรงหรือร่างกายมาตุคาม
ข้างนอกเป็นอย่างนี้
ข้างในเป็นอีกอย่างหนึ่ง

#เจตสิก ที่ชวนให้ครองเรือน
คือ ราคะเจตสิก
#เหตุมาจาก เห็นผู้หญิง


วันที่ 27 เดือน 5 เวลา 10:46
______


สิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่ควรไปยึด
สิ่งที่ไม่เที่ยงคือสิ่งที่ถูกรู้

แม้แต่อาการรู้ก็ไม่เที่ยง

บางทีก็หลง
บางทีก็รู้
บางที่ก็ไหล

วันที่ 27 เดือน 5 เวลา 10:39
_______________


สมณะผู้สละโลก
" ของทุกอย่างมีเพื่อ อบรมจิตให้ออกจากโลก"
ให้เหนื่อกามทั้งหลาย

วันที่ 23 เดือน 5 เวลา 17:17
________


สัตว์นิมันโง่ แค่ปล่อยแค่วางกะ นิพพาน

ปล่อยวางอารมณ์
ปล่อยว่าง อัตตะสภาวะ

ปล่อยวางสิ่งที่ฮู้ 

วันที่ 14 เดือน 5 เวลา 14:58
_________


ก็ยึดรูปที่ได้เห็นนั้นแหละ
เขาพูดสรรญเสิญ ก็ยึดเสียงที่ได้ยินนั้นแหละ

ได้จับได้สัมผัส กระดาษ ก็ยึดสัมผัสโผฏฐัพพะนั้นแหละ

แม้เวลาผ่านไปก็ยึดสภาวะที่สังขารปรุงแต่งเพราะเหตุนั้นแหละ กลายเป็นอัตตสภาวะ

#ปรารภเพราะเหตุ ได้ยินพระพูดเรื่องได้ใบประกาศ ได้ยศศักดิ์

"กระดาษนั้นมัน ดินแท้ๆ"

วันที่ 14 เดือน 5 เวลา 13:05
________


ถ้าพระไม่มีสมาธิในระดับที่มากกว่า ชาวบ้านเขา
แล้วมันจะแตกต่างอะไรกับชาวบ้านเขา
ที่ยังเสี่ยงลงอบายอยู่

ถ้าพระไม่มีสัสจะวาจา
แล้วมันจะแตกต่างอะไรกับชาวบ้านเขา
ที่ยังเสียงลงอบายอยู่

ถ้าพระไม่มีหิริโอตตัปปะ แล้วมันจะต่างอะไรกับชาวบ้านเขา
ที่ยังเสี่ยงลงอบายอยู่

ถ้าพระไม่มีปัญญา ในการเห็นอริยสัจ
แล้วมันจะแตกต่างอะไรกับชาวบ้านเขา
ที่ยังเสี่ยงลงอบาย

ถ้าพระยังติดกามคุณ๕ ยังเกลียกกั้วในบ่อกามคุณ ๕ อันเป็นพิษในภายหลัง
แล้วมันจะแตกต่างอะไรกับชาวบ้านเขา
ที่ยังเสี่ยงลงอบายอยู่

ถ้าพระขาดสติ แล้วมันจะแตกต่างอะไรกับชาวบ้านเขา
ที่ยังเสี่ยงลงอบายอยู่

ถ้าพระยังขาดสติตัวรู้ เลือนเม่อลอยอยู่
แล้วมันจะต่างอะไรกับชาวบ้านเขา
ที่ยังเสี่ยงลงอบายอยู่

ถ้าพระไม่มีความเมตตา แล้วมันจะแตกต่างอะไรกับพวกชาวบ้านเขาที่ยังเสี่ยงลงอบายอยู่

ถ้าพระยังมีความคิดประทุษร้ายคนนั้นคนนี้อยู่
แล้วมันจะแตกต่างอะไรกับชาวบ้านเขา
ที่ยังเสี่ยงลงอบายอยู่
ถ้าพระยังมีความโลภในกาม แล้วมันจะแตกต่างอะไรกับชาวบ้านเขา
ที่ยังเสี่ยงลงอบายอยู่

ถ้าพระยังโกธรอยู่
แล้วมันจะแตกต่างอะไรกับชาวบ้านเขา
ที่ยังเสี่ยงลงอบายอยู่

คุ้มหรือไม่ ที่แบ่งเวลาในชีวิตที่น้อยนิดนี้
ไปโกธร
โกธรแล้วกุศลก็ไม่มี บารมีก็ยิ่งไม่เกิด
ขันติปรมัตถะบารมีสัมปัณโณทำไม่ไม่อบรม

ตัวล่อที่จะให้เผลอเกิดอกุศลนั้นมีอยู่มากมาย ทั้งรูป ทั้งเสียง ทั้งกลิ่น ทั้งรส ทั้งโผฏฐัพพะ ทั้งมาจากธรรมารมณ์
ถ้าประมาทกับ ๖ อายตนะนี้
มันจะแตกต่างอะไรกับชาวบ้านปุถุชนเขาละ

พระเอ๋ยพระ... ทำไม ได้โอกาสทองในสังสารวัฏขนาดนี้แล้ว
ทำไมไม่พยามยามขวานขวาย ทำสมถะวิปัสสนาให้เป็นเล่า

ลาภสักการะ ชื่อเสียง สรรเสริญเยินย่อ ยศ ของพวกนี้มันอัตรายแสบเผ็ดร้อนต่อการ
บรรลุธรรมมาก
 

วันที่ 7 เดือน 5 เวลา 07:11
________


ปฏิภาคนิมิต
ก็คืออารทางใจ อย่างเช่นเรานึกถึงหน้าคนรัก
แล้วก็เห็นเขาคงกำลังล้างจาน

สรุป เราเห็นทั้งเขา เห็นทั้งจาน เห็นทั้งน้ำ

ก็คือเป็นอาการวาดภาพเคลื่อนไหวทางใจนั้นเอง

แต่พระท่านไม่วาดอย่างนั้น
พระท่านจะวาดว่า มีร่างกายผู้หญิงสวยๆ1คนที่อวัยวะครบสมบูณร์
แล้ววาดต่อ ว่า
เส้นผมและขนหายไปหมดแล้ว เหลือแต่หนัง
แล้ววาดต่อ ว่า
หนังหายไปหมดแล้ว เหลือแต่เนื้อ
แล้ววาดต่อ ว่า
เนื้อหายไปหมดแล้ว เหลือแต่ ลำไส้,หัวใจ,ปอด,ตับ,ไต ห้อยเป็นพวงติดกันอยู่ในซี่โครง
แล้ววาดต่อ ว่า
อวัยวะพวก ลำไส้,หัวใจ,ปอด,ตับ,ไต
ที่อยู่ในโครงกระดูก หายไปหมดแล้ว
เหลือแต่ซี่โครงร่างกระดูก
แล้ววาดต่อ ว่า กระดูกส่วนกระโหลกศีรษะหายไปแล้ว
กระดูกคอหายไปแล้ว
กระดูกไล่ซ้ายหายไปแล้ว
กระดูกไล่ขวาหายไปแล้ว
กระดูกซีโครงหน้าอกข้างซ้ายหายไปแล้ว
กระดูกซีโครงหน้าอกข้างขวาหายไปแล้ว
กระดูกซีโครงข้างหลังด้านซ้ายหายไปแล้ว
กระดูกซี่โครงข้างหลังด้านขวาหายไปแล้ว
กระดูกสันหลังหายไปแล้ว
กระดูกสะโพก(ตรงบริเวรที่ตั้งอวัยวะเพศ)หายไปแล้ว
กระดูกขาซ้ายส่วนบนหายไปแล้ว
กระดูกขาขวาส่วนบนหายไปแล้ว
กระดูกหัวเข่าซ้ายหายไปแล้ว
กระดูกหัวเข่าขวาหายไปแล้ว
กระดูกแข่งซ้ายหายไปแล้ว
กระดูกแข่งขวาหายไปแล้ว
กระดูกตีนซ้ายหายไปแล้วบ่ยังดอก
กระดูกตีนขวาหายไปแล้วบ่ยังดอก

วันที่ 23 เดือน 4 เวลา 16:38
_________


การที่ไปปรากฏในข่ายพระญาณ
ของครูบาอาจายร์ได้ ไม่ใช่เพราะมึงหล่อ
ไม่ใช่เพราะร่างกายเลย

แต่เพราะจิตที่อบรมด้วยสมถะวิปัสนา
เพื่อให้มีปัญญาญามากขึ้นไปอีก
เพราะอยากที่จะหลุดพ้นนั้นเอง

#สงสัยเรื่องเก่าๆที่ครูยาอาจย์ถอดจิต มาบอกให้เจริญปัญญา
วันที่ 23 เดือน 4 เวลา 09:45
______


ลึกๆแล้ว จิต มันก็รู้ว่า ร่างกายนี้เป็นสิงสกปกโสโครก
ทั้งกายคนอื่น ทั้งกายนี้

แต่ที่มันยังมีฉันทราคะในกายนี้อยู่
มันเพราะอะไรหนอ

ก็มันยังพอใจ ในรูปทรงสันฐานที่ตาเห็น
มันยังพอใจ กลิ่นที่มันได้ดม
มันยังพอใจกำหนัด ในเสียงที่มันได้ฟังได้ยิน
มันยังกำหนัดพอใจ ในรสที่มันได้ลิ่ม
มันยังกำหนัดพอใจ กับโผฏฐัพพะสัมผัส
ที่มันได้รู้

มันไม่พิจารณา ให้รูปทรงสัญฐานบิดเบี้ยว


เจ้ากับพระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัส
ว่า
รูปที่น่าพอใจ มันจะฉุดเอาตาภิกษุไปด
ู...จนถึง โผฏฐัพพะ


และที่สุดคือ ธรรมารณ์

วันที่ 21 เดือน 4 เวลา 06:10
__________


อารมณ์ ทุกอารมณ์
ที่เวียนมาให้รู้ ล้วนต้อง แก่ชราและมรณะดับไป

วันที่ 16 เดือน 4 เวลา 12:30
________


การจะได้เสพผัสสะที่ดี นุ่มนวล ทางโผฏฐัพพะ
....
อุปกรณ์เสพก็ต้องดีด้วย หมายถึงประณีต

-----------
หมายถึงก้นนั้งผ้าที่นุ่มเสื่อที่หนุ่ม


#
ทาง ทวาร ทั้ง ๕ ก็คงจะแตก ออกไปอย่างนี้เหมือนกัน ต่างแต่ความเป็นใหญ่ในหน้าที่
ตา--รูป
หู--เสียง
จมูก---กลิ่น
ลิ้น---รส
กาย---โผฏฐัพพะ

และสุดท้าย ผิดแผกแตกต่าง
คือ ใจ---ธรรมารมณ

์ใจสว่าง
หรือใจมืด


==(เหตุ ที่ปรารภ เพราะมีผัสสะทางตา
เห็นรูปผู้หญิงคนหนึ่งดูสุขภาพร่างกายดี(ส่วนก้น ส่วนท้อง ส่วนกายยาว)
กำลังเดินขึ้นรถ นั้งเบาะ

ส่วนของสังขารขันธ์  จำนำที่เคยถูกต้องในทวารทั้ง๕มาปรุง
#ปรุ่ง รูป ใหม่
ปรุง เสียง ใหม่
ปรุง กลิ่น ใหม่
ปรุง รส ใหม่
ปรุง โผฏฐัพพะ ใหม่

เรียกว่าธรรมารมณ์ หรือเปล่า

วันทีา 15 เดือน 4 เวลา 19;18
______




คาถาที่ผมแต่งขึ้นเพื่อสวดเตือนตนเอง
"การสึกมันง่ายมาก หลุดออกจากทางสว่างง่ายมาก แต่การจะได้บวชหนีออกจากการทำบาป
นั้นช่างแสนยากมาก
ทำบาปเพื่อมารดา
ทำบาปเพื่อบิดา
ทำบาปเพื่อสามี
ทำบาปเพื่อภรรยา
ทำบาปเพื่อพี่
ทำบาปเพื่อน้อง
ทำบาปเพื่อลูก
ทำบาปเพื่อหลาน
โดยรวมก็ทำบาปเพื่อคนอื่น

มีโอกาสหนีหน้าที่ในการทำบาปขนาดนี้
มีโอกาส สร้างเหตุให้จิตบรรลุเป็นภูมิอริยะขนาดนี้

วันที่ 15 เดือน 4 เวลา 18:48
_______

เสียงไม่เที่ยงเลย มีขึ้นมาปัจจุบันแล้ว  ก็กลายไปเป็นอดีต ดับหายไปหมด

กลิ่น..

รส..

โผฏฐัพพะ เหมือนกัน

วันที่ 13 เดือน 4 เวลา 10:58
_______


ที่ห้ามโรงศพ เวียนเมธุ ไปซ้าย ซ้าย
ซ้าย ๓ รอบ

ปริศนาธรรมโบราณคือ
เขานั้นตายแล้ว ก็ต้องเกิดมาตายอีก ตายแล้วตายเหล่า ซ้ำซากในภพทั้ง๓
กามภพ รูปภพ อรูปภพ


เวลาเวียน ขวา ไปขวา ไปขวา
เวียนรอบ เช่นเวียนเทียนรอบศาลา
(ในพระสูตรสมัยนั้นพระพระสารีบุตรเดินเวียนขวา พระพุทธเจ้า ๓ รอบ)
การเวียนขวานั้น เรียกวิวัฏฏะ คือเวียนออก ออกจากภพทั้ง๓
กามภพ รูปภพ อรูปภพ  คือพยายามเจริญขึ้นให้พ้นอาสวะกิเลสนั่นเอง


ส่วน การที่โบราญประเพณี ให้ใส่ชุดดำ หรือชุดขาว มางานศพ
ก็เพื่อให้แสดงความหมายนัยยะว่า
ชุดขาว คือกรรมขาวนะ เป็นฝ่ายบุญกุศล
พากันทำจนมั่นใจแล้วหรือยัง เตือนนะ
ชุดดำ คือกรรมดำ เป็นฝ่ายบาปอกุศล
ทำไว้มากไหม 
ทั้งบาปและบุญนี้ ระลึกดู ตั้งแต่เกิดจนตอนนี้ อย่าให้บาปมากกว่าบุญนะ

ก็สรุปว่า เพื่อให้เข้าใจว่า
เขานั้น มีแต่กรรมดำ และกรรมขาว
แค่ไหน และระดับประมาณไหน


วันที่ 11 เดือน 4 เวลา 21:24
______

ทุกวินาทีในอนาคต 
จะไหลมาสู่ปัจจุบัน

ทุกวินาทีในปัจจุบัน
จะไหลไปสู่อดีต

รูปกับนามในอนาคต
จะไหลมาให้"รู้"ในปัจจุบัน

รูปกับนามในปัจจุบัน
จะไหลไปให้อดีต

ขณะใดที่เรา"รู้รูปธรรม 
ขณะนั้นเราไม่ได้รู้นามธรรมเลยนะ
อย่างเช่น จิตเราไปอยู่กับนามจนเหนื่อย
แล้วจิตไม่ค่อยมีกำลัง
แล้วเราน้อมมันเข้ามารู้ลมหายใจ
นามก็จะดับ อารมณ์ที่เราคิดจะดับหมดเลย หลุดไปหมด

แต่เนื่องจาก วิญญาณธาตุรู้นี้ มันไม่เที่ยง
มันย่อมมีเผลอ กลับไปรู้นามเหมือนเดิมที่เป็นสภาวะเก่า
แต่ไม่ระดับเดิม 
สลับกันกับรู้ลม

เมื่อเรา มารู้ลมหายใจมากเข้าๆ
จิตจะค่อยๆวางความยึดถือในอารมณ์นั้นลง
แต่จะหันเป้ามาพยายามยึดลมหายใจ ซึ่งเป็นรูปธรรมแทน

โดยที่กล่าวมานี้ เรียกว่า จิตคลายออกจากนาม

แต่เมื่อรู้ลมหายใจจนพอแล้ว
มันเบื่อรูป มันก็จะไปนามอีก
รูปก็ดับทันที
จะสลับกันอยู่อย่างนี้เรื่อยไป


#ข้าพระเจ้าอยากจะอุปมา (วิญญาณธาตุรู้)
(รูปธรรม)
(นามธรรม)

วิญญาณธาตุรู้ เปรียบเหมือน คนมีขาสามารถเดินได้ รูปธรรม เปรียบเหมือน ห้องที่มีแต่โคลนตม

นามธรรม เปรียบเหมือน ห้องว่างๆไม่มีพื้น มีแต่อากาสและแก๊สสารเคมี ซึ่งมองไม่เห็นเลย

เวลาเรารู้รู้ลมหายใจ เรียกว่า
เราเดินเข้าไปในห้องที่มีแต่โคลนตมแล้วเหยียบตมนั้น

หลังจากนั้นเราออกจากห้องรูปธรรม จะไปเข้าห้องนามธรรม

เวลาที่เรารู้อารมณ์ เรียกว่า
เราเดินเข้าไปในห้องว่างที่มีแต่ความว่างเปล่าและแก๊สอารมณ์ต่างๆ ทั้งสุข ทั้งทุกข์

ทีนี้ทำยังไง เราจะฉลาด กับ 2 ห้องนี้
เพราะเวลาเราเข้าไปในห้องนามธรรม มักจะชอบไปจับทุกข์มายัดใส่หน้าอก
แทนที่จะไป จับสุข มายัด

เมื่อเราเดินเข้าไปได้ ก็ต้องออกมาได้
ก็คือให้เดินออกมา เข้าห้องรูปธรรม


"#ถ้ามีเราไม่ยึดมั่นห้องรูปธรรมและห้องนามธรรม เราก็จะไม่เข้าห้องใด
เรียกว่าว่า วิญญาณไม่มีที่ตั้งก็จะหลุดพ้นนิพพานเลย

วันที่ 11  เดือน 4 เวลา 21:01
________

บารมีภายใน กับบารมีภายนอก

บารมีภายใน พระต้องสร้าง จะบวชตามประเพณีก็ตาม เพราะพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้แล้ว
ท่านก็มุ่งสอนให้พระสร้างบารมีภายใน
ต้องการให้พระสร้าง
บารมีภายใน ก็คือ ศีล สมถะ วิปัสนา เพื่อให้หลุดพ้นจากกิเลส

บารมีภายนอก ก็คือสร้างไปภายนอก
เช่นทาน ก็คือในบารมี ๑๐ ทัต
สร้างออกไปภายนอก
เหมือนพระโพธิ์สัตว์


วันที่ 6 เดือน 4 เวลา 13:18
________
ในขณะดู กาย
ขณะนั้นไม่ได้ดู นาม
ในขณะดูนาม
ขณะนั้นไม่ได้ดู กาย

ในขณะดู >> (กาย,รูปธรรมที่แปรปรวน)  ขณะนั้นไม่ได้ดูนามธรรม

ในขณะดู >> (เวทนา,สัญญา,สังขาร,วิญญาณ ,,ราคะ,,โลภะ,,โทสะ,เจตนา,ตัณหา
ทุกข์แล้วก็ดับ,สุขแล้วก็ดับ,เฉยแล้วก็ดับ
,เบาแล้วก็ดับ,หนักแล้วก็ดับ ,สว่างแล้วก็ดับ,เศร้าหมองแล้วก็ดับ,กลัวแล้วก็ดับ,มานะถือตัวว่าดีกว่าเขาแล้วก็ดับ,
มานะถือตัวเลวกว่าเขาแล้วก็ดับ
มานะถือตัวว่าเสมอเขาแล้วก็ดับ
มานะอัตตาใดๆที่มีเหตุให้เข้าไปยึด
เกิดขึ้นแล้วก็ดับ
หดหู่แล้วก็ดับ,หมายรู้แล้วก็ดับ
วิญญาณรู้แล้วก็ดับ กลายเป็นดวงที่เป็นอดีต)

ขณะนั้นไม่ได้ดูกายรูปธรรม


วันที่ 3 เมษา เวลา 05:49
______

การให้ผลของกรรม สามารถให้ได้๖ทาง
แมนบอ
คือทาง รูป
เสียง
กลิ่น
รส
โผฏฐัพพะ
ธรรมารมณ์

ลูกคิดว่าใช่


#
กรรมที่มีเจตนาแฮง  ผลของกรรมนั้นสิให้ผลเร็วแมนบอ

แล้วกะขึ้นอยู่กับผู้ถูกกระทำด้วย
อย่างเช่น พระพุทธเจ้า
คนนี้นกะถูกธรณีสูปเลย
ลองลงมา พระอรหันต์
พระอนาคา
พระสกิทาคา
พระโสดาบัน
และก็พระปฏิบัติธรรม เอิ้นว่าเดินมรรคเพื่อเป็นพระอริยะ

#
คาถาปรุงเสกนิ อัญเชิญความสว่าง ของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาแมนบอ

#จิตเข้าใจแบบนี้ แต่ยังไม่แน่ใจ ก็เลยจะเอาไปถามโยมพ่อ

วันที่ 1 เมษา เวลา 20:55
______

นี้แลเส้นผม ที่ผุชายหน้าโง่มันพากันหลง
โหลงคักหลงแน มันสิงามอิหยัง
ถ้าเอาผมออกแล้ว มันกะบ่อมีแนวหลง
ขนกะคือกัน หลงคัก
ถ้าเอาผมเอาขนออก มันกะหัวโลนคือกันเมิ๊ดละ
ทั้งผู้ชายทั้งผู้หงิง

หลงฮ้อขี้ไคเขา สิว่าจั๋งใด๋
มันโง่หรือมันปรึก
หรือมันฉลาด

ถ้ามุเจ้ายังหลงธาตุดินน้ำ ธาตุของโลก
สิเป็นพระอนาคามีบ่อได้เด๊ะ

ตั้งแต่พระโสดาบัน เพิลกะยังพยามหมุนจิตให้ออกจากโลก
โดยบ่อติดธาตุของโลกนั้นเอง


แล้วมุเฮานิสู้บอ พยามหมุนจิตให้สูงขึ้นออกจากกามบอ

ตราบใดที่ยังบ่อเถิงโสดาบัน
ให้ระวังจิตดีๆ อย่าประมาท

ถ้าเถิงโสดาบันแล้ว
จิตสิหมุนขึ้นสกิทา
อนาคา
อรันต์เอง อย่างแน่นอน

วันที่ 30 มีนา เวลา 10:30
_____________


หม่อมนิมักไปหาลี้?
ตอบ:เฮาบ่ได้ไปหาลี้ไผ๋
แต่เฮาหาหมองสงบ เจริญสติปัฏฐานสี่พิจารณาธรรม
แล้วกะเฮาบ่อได้เบียดเบียนไผ๋
เฮาตะลุตนเจ้าของ ย่านเจ้าของบ่อพ้น


คนในโลกนี่ หลงเปือกหุ้มวิญญาณ
เห็นเปือกหุ่มวิญญาณก้อนนี้ มันขาวงาม
มันหล่อรูปทรงดี
กะเลยพากันหลงเปลือก นี่คือธรรมของปุถุชน

ส่วนธรรมของพระอรหันต์นั้น
มีแต่สอนให้มองเป็นภาพเร็ว
สปีดเร็วที่สุด เท่าที่เร็วใด้
เห็นเจ้าของตอนคลอดออกมาจากอวัยวะเพศ เห็นตอนเด็ก เห็นตอนวัยรุ่น เห็นตอนเป็นผู้ใหญ่ เห็นตอนเจ้าของชร่า 
เห็นตอนเจ้าของตีงร่างกายบ่อใด้ 
เห็นตอนเจ้าของกำลังสิขาดใจตายอยู่กับหมอง เห็นตอนร่างกายล่วงลงมาทับพื้นดิน
เห็นตอนร่างกายมันบวมเละตุ้มเป๊ะ
เห็นตอนหนอนมาจ๋อร่างกายเนื้อหนังที่เละตุ้มเป๊ะ
เห็นตอนเหลือแต่กระดูก
เห็นตอนกระดูกมันหักพัง เป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่กองกัน
เห็นตอนกระดูกค่อยๆผุเสื่อมเป็นเม็ดเหมือนเม็ดทราย
เห็นตอนลมกำลังจะมา 
เห็นตอนลมพัดกองกระดูกที่ละเอียดเหมือนเม็ดทรายนั้นหายไปกับสายลม เห็นว่ากายนั้นเป็นอนิจจังไปแล้ว

เห็นว่า เศษฝุ่นกระดูกที่ลมได้พัดไปนั้น
บางส่วนพัดไปตกที่น้ำบ้าง บางส่วนพัดตกลงที่พื้นดินบ้าง
บ้างส่วนพัดไปตกใบไม้บ้าง

เห็นว่ามีปลาใหญ่ปลาเล็ก มากินเศษกระดูกนั้น
เห็นว่ามีคนมาเก็บใบไม้ใบที่ติดเศษฝุ่นกระดูกนั้นไป

เห็นว่ามีพ่อค้าปลามาจับปลา
สองตัวนั้นได้

เห็นว่าพ่อค้าเอาไป ให้เมียทำอาหาร

เห็นว่าผู้หญิงที่เก็บใบไม้นั้น คือเมียพ่อค้าปลา กำลังล้า

นี้คือธรรมของพระอรหันต

วันที่ 28 มีนา เวลา 16:05
_________

ก็ตัดสินไปเลยซิ

ในพรรษานี้จะอยู่  อยู่ให้เต็มพรรษา๓
(จะไม่กังวล)

(ถ้าจะอยู่ อย่ากังวล ทุกข์ใจฟรี)
เอาเวลากังวน มาเจริญปัฏฐานสี่ ให้พัฒนายิ่งๆขึ้นไปเถิด จะเป็นประโยชน์ในทางธรรมกว่านะ



สิ่งใดมีความเกิดขึ้นมา สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา

ถึงแม้จะมีสติรู้ หรือไม่มีสติรู้มัน แต่มันก็ดับของมันไปเป็นธรรมดา
เพราะหมดเหตุนั้นเอง

เหตุนั้นคือ วิบาก ของกรรม
เมื่อให้ผลเสร็จแล้วก็ต้องดับไป



#ข้าพระเจ้ากำลังกินบุญเก่าของตนเอง
คือเคยสร้างไว้
ในด้าน ทานธรรมะสอนธรรมะคนอื่น

วันที่ 28 มีนา 17:55
__________

ที่ผ่านมาเราเข้าใจผิด
คือเราเข้าใจว่าความทุกข์ 
คือโทสะ

#ฟังเทสอาจารย์สมภพเทศ
ความทุกขัง

วันที่  28เดือน 3 เวลา  17:21
___________

ความกังวน คือความทุกข์
ชาวบ้านไม่เข้าใจ คิดว่า ความกังวล ไม่ใช่ความทุกข์ ในความหมายของพระพุทธเจ้า

"เหตุนี้หรือเปล่า คนเขาจึงไม่อยากพ้นทุกข์ เพราะเขาไม่ได้ทุกข์ นี่ แต่เขากังวนใจ

ถ้าบอกว่า มาปฏิบัติเจริญธรรม กัดเถิด เพื่อไม่ให้ความกังวนครอบงำเราได้
มาคลายความยึดความกังวน ตามแบบพระพุทธเจ้าสอนกันเถิด

คนคงจะตื่นหน้าตาใส่สนใจมาปฏิบัติกันมาก

/23/03/2016/ :17:07
__________

อุปกรณ อวัยวะเครื่องกรองเสียง
ในลำคอสตรีหญิง ช่างพิสมัยนัก

ทำให้เสียงออกมา ทำให้สัตว์ พวกบุรุษปัญญาทรามติดหลงไหล ว่าเสียง นั้นเป็นเสียงจริง

ทั้งที่ยิ่งเวลาผ่านไป เนื้อกรองเสียงยิ่งเสื่อมลง
แล้วเสียงมันจะใส แว่วๆ ได้อย่างไร

"เหตุ มาจาก ฟังเสียงผู้หญิง ในนิยายละครธรรมะ จิตจักรพรรดิ์ "มะแม"

#คำคมที่ควรได้คือ
บุรุษสตรีที่โง่ ย่อมเข้าใจผิดว่า
เสียงนั้นเป็นเสียงจริง

ในตัวกรองเสียงหาได้เป็นอย่างที่ออกมาไม่

แล้วก่อนจะมีเสียง ก็มีสังขาร เป็นเหตุ

แม้สังขารก็ไม่เทียง

สันที่ 27 เดือน 3 เวลา  17:34
___________

สิ่งเหล่านี้...
เอาไว้สร้างบารมี เท่านั้น
ไม่ใช่เอามายึด

ดูดีๆ นั้นมันเม็ดดินนะนั่น

อย่าให้จิตหลงไปยึดธาตุดินที่ไม่มีวิญญาณครอง

ดูแขนซิ นี้ก็เม็ดดิน
มีน้ำอยู่ข้างในด้วย
และมีธาตุลม ไหวอยู่ข้างในตลอดเวลา
และมีธาตุไฟล่อเลี้ยงธาตุดินธาตุน้ำซ้อนอยู่ข้างใน


วันที่ 26 เดือน 3 เวลา 13:43
__________

เพิลสรรเสริญแต่พระที่เฮ็ดเวียกเฮ็ดงาน
เด๊ะ
พระที่ขยันปรารภความเพียรฆ่ากิเลส
เพิลบ่หยองเพิลบ่อสรรเสริญเด๊ะ
เพิลมองว่าขี้คร้านกะบอจัก
ถ้าแมนเปรียบใส่พระสูตร ธาตุนิสัยของคน

พ.ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอเห็นภิกษุกลุ่มนั้นไหมที่อยู่ตรงนั้น
ภ.เห็นพระเจ้าข้า
พ.ภิกษุกลุ่มนั้นชอบปรารภความเพียร

พ.ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เธอเห็นภิกษุกลุ่มนั้นไหมที่อยู่ตรงนั้น
ภ.เห็นพระเจ้าข้า
พ.ภิกษุกลุ่มนั้นชอบทำการงาน

เห็นพระหนุ่มเฮ็ดหยังที่บอคือหมู่เฮ็ด แหวกแนว เฮ็ดบ่อคือหมู่มันเป็นบ้าผีแล้ว เฮ็ดให้เครือญาติเสียชื่อเสียหน้าแล้วบาดนิ
กูชื่อลอง เป็นมีศักดิ์เป็นลุง โอ้ยเสียหน้าเด้ๆ ไปเตือนไปว่ามันกะน้า

เป็นหยังคิอเป็นจังสี่
เป็นหยังติ ย้อนว่าปู่ถ่านพิลมักงาน
พระรุ่นหลังบวชมาบ่อรู้อีหยัง เห็นเถระเฮ็ดแบบนั้นกะเอาตาม
ไผบ้านเห็นกะ โอ้ พระตั้องแบบนี้ตั่วนิ
เห็นเฮ็ดงาน
ต้องเฮ็ดงาน ปิณโต หรือว่าสังฆทานนิ
จังสิมีผลมากมีอานิสงค์มาก
มันกะเลยเข้าใจผิดกันเมิ๊ดพวงเลย

 อาจสิย้อนว่าเป็นมาแต่เจ้าอาวาสรุ่นก่อนพาเป็น ปู่ถ่านกะเลยถือเอาตาม คึจังพระสูตรนี่
ชาวบ้านเด๋ละ
ชาวบ้านกะอาจสิย้อนมักคะทายก รุ่นวังหันพาเฮ็ด กะใด เลยเป็นแนวนี่
รุ่นต่อไปกะสิเป็นแบบนี้ละ

โชคดีที่เฮา บอคือบ่อไหลตาม


เฮานิบ่อแมนคนที่มักเฮ็ดงานใช้กำลังปานใด เบิงจากนิ้วมือกะพอสิฮู้ อ่านหนังสือธรรมะเล่มหนึ่ง 
ชื่อว่า เกมกรรม ให้ไปหาโหลดมาอ่านเด้อ
เพิลบอกว่า คนนิ้วน้อยคือคนที่บ่อค่อยมักงานที่ใช้มือเฮ็ดหนักๆ
แต่วาวิทยาศาตร์บอกว่า คนที่นิ้วมือนิ้วนางยาวกว่านิ้วชี้มาก แต่ไม่ยาวเท่ากันกับนิ้วกลาง
เป็นคนที่มีเซลล์ความเป็นผู้ชายเยอะ
และวิ่งเร็วมาก
ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
สมัยตอนมัธยม เราเป็นคนไม่ค่อยชอบกีฬาเท่าไร่
แต่ชอบหลีกไปอยู่คนเดียวตามลำพัง
ไปนั่งอยู่ห้องใต้บันไดคนเดียว และก็ดูเข้ามาที่ความรู้สึกกลางอกที่ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวว่าง เดี๋ยวโปร่งเดียวเบา
ก็ดูไปเฉยๆ แบบงงๆ ดูความรู้สึกตนแบบนี้มาตั้งแต่ตอนป.4 จำได้เลย

จำได้เลย วันนั้นกีฬาสี เราอยู่สีชมภู
เราไม่ไปแข่งกับเขา เขาจะเอาลงแข่ง
เราเลยไปลี่ที่บนต้นมะม่วงหน้าโรงเรียน
พอเขาแข่งเสร็จ ครูก็ประกาศให้นักเรียนทุกคนมารวมสี
จะแจกเหรียญทองเหรียญเงินให้ผู้ที่ อันดับหนึ่ง ตามแต่ละ รายการที่แข่ง
ถึงใครไม่ได้ลงแข็งก็จะแจกขนม

เราก็ดูความรู้สึกตัวเอง ไอ้ว่างๆนั่นแหละ
ที่อยู่กลางอก ไม่อยากลงไปร่วมมันวุ่นแท้ ก็เฉยอยู่บนต้นไม้คนเดียว

พอขึ้นมัธยม ม.1 ก็ดูความรู้สึกตนเองอีกนั้นแหละ

จนถึง ม.6 การดูความรู้สึกตนเองมันยิ่งแก่รอบ คือสติพัฒนาขึ้น มันมีแต่ชวนให้นั่งสมาธิ ไปอยู่กรุงเทพก็นั้งสมาธิ

ไปเก็บเงินช่วยลุงก็นั้งสมาธิ

ไปขายโอ่งก็นั้งสมาธิ

จนที่สุดบวช ก็มีปู่ป๊อกสอนนั้นสมาธิ
สอนพุธโท แล้วก็เอาจิตเกาะกับกาย
เราก็ทำตาม แต่ไม่ถนัดเลยอึดอึด
นั้งสมาธิพุธโท รู้ลม แบบนี้
ทำอยู่ประมาณ 5 วัน ก่อนนอน
จิตมันรวมเข้ามา ที่กาย
สงบมาก) แล้วก็มีตัวอะไรก็ไม่รู่ไต่ในผ้าสบง ยุกยิกๆ
 จึงเอามือเปิดดู ไม่เห็นเลย
ก็เสียดาย ความสงบนั้น
ตอนนั้นไม่รู้ว่ส
(นี่คือ กายยานุปัสณา สอนบำเพ็ญฌาณ)

(ถ้าปู่ป๊อกสอน เวทนานุปัสนา
สุขก็รู้นะ ทุกข์ก็รู้นะ เฉยๆก็รู้นะ
เมื่อพ้น ๓ พรรษาแล้ว
เราจะพิจารณา ว่าควรอยู่หรือไม่ควรอยู่ เพราะการอยู่ในถิ่นอันสมควร 
ธรรมดาบุคคลที่อยู่ในสถานที่อันควร ในมงคล๓๘ประการ ย่อมเจริญ

ถ้าเราชอบทำความเพียรเห็นภัยในสังสารวัฏปานนี้แล้ว เราก็ควรไปอยู่ในสถานที่ ที่เหมาะเฉพาะตนแก่การทำความเพียร
จะได้ไม่มีคน มากวน เกลียดเรามองเราว่าเป็นพวกจิตสกปก
ให้เป็นบาปเป็นกรรมแก่เขา

พระถิเห็นภัยในสังสารวัฏนั้นมีหน่อยคัก...

หลายครั้งหลายเถือ
เฮามักสิเว้ากับเจ้าของว่า
"มึงคึเกิดผิดยุคผิดสมัยแถะ"

คึบ่ไปเกิดในสมัยพุทธกาลพุ่น
ทันพระพุทธเจ้า ทันพระแท้
บ่แมนพระปลอม
ถิเพิลเป็นพระอรหันต์ พระอนาคามี พระสกิทาคามี
พระโสดาบัน 
พระถิมีศีลแท้
มีหิริละอายในบาปทั้งหลาย พระที่มีจิตหมุนไปในทางปรารภความ เพียรเพื่อหลุดออกจากสังสารวัฏให้ได้ พาเฮาออกจากกามคุณ๕ บ่อได้ไปเกิดทันเพิลอยู่นำเพิลเลย
เป็นหยังๆ คือบ่อไปเกิดช่วงนั้น
มาเกิดเฮ็ดหยังยามนี้
ยามพระพากันหลง"ธรรม"
ธรรมของพระพุทธเจ้าที่
พาออกจากคุกสังสารวัฏ
บ่อประพฤติ สติปัฏฐานสี่ สัมมัปะธานสี่ อิทธิบาท๔ อินทรี๕ พละ๕ โพศฌง ๗ อริยมรรคมีองค์๘ บ่อประพฤติ

นี่คือธรรมที่พาออกจากโลก 
เป็นธรรมะที่พระต้องปฏิบัติ

เฮาโพสนี้ เฮาละอาใจหลายเจ้าของหลาย เฮาอยากหลุดพ้นแฮง 
แต่เฮาบอกผู้อื่นบอได้ มันบอกยาก เขาสิวาเป็นบ้าผู้เดียวเมิดวัด หัวสำกะปอมนิ
บอมีไผ๋เข้าใจเฮา 
ว่าจิตเฮานิมันเป็นจังใด๋
มีแต่ครูบาอาจารย์ที่อยู่อุบลถอดจิตมาสอน นี่คือเพิลเข้าใจเฮา

แต่ละมื้อจิตมันปรุงแต่ง"
ไปๆไปยุป่าช้า
ไปยุภูไปยุเขาไป ไปอยู่หม่องที่สงบบอมีคนกวน
ปรารถความเพียรให้มันหลุดจากอาสวะกิเลส คนที่เห็นอริยสัจได้นิ นั่นคือคนที่เคยสร้างบารมีมาแล้วหลายภพหลายชาติเป็นอสงไขเลย
จังสิมาเห็นได้ ควรสิปรารภความเพียร
ให้ยิ่งขึ้นไปอีก อย่าไปสนคนตาบอดบอเห็นภัย งานที่เกี่ยวกับย้ายธาตุ๔ทั้งหลายอย่าไปยยุงกับมัน เอาแค่เลี้ยงกายเลี้ยงใจกะพอ
สิไปหรือบ่อไป ไปเด้อๆ

สิว่าเฮ็ดหยัง สัทธา อะคารัสมา อะนะคาริยัง ปัพพะชิตา
"เราเป็นผู้ออกจากเรือนแล้วไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือน" เพื่อการทำที่สุดแห่งกองทุกข์

วาแล้วบอเฮ็ด วาหาหยัง
เฮาด่าเจ้าของ

เฮ้อ... เฮาเบื่อหลาย บ่ออยากมาเกิดอีกแล้ว
ไผ๋อยากเกิดกะซางเขาละ ไผ๋อยากถ่าพระศรีอารย์กะแล้วแต่เขาละ
อีกหลายล้านปี พระพุทธเจ้าองค์หน้าสิมาตรัสรู้ สอนธรรมะที่พาออกจากโลก
สอนกะสอนคือกันกับพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
แต่ถ้าเจ้าไปเกิดในนรก หรือว่าหลุดไปเกิดอยู่จักวาลอื่น แฮงไกลธรรมของพระพุทธเจ้าเด้อ

ผู้ที่ไกลธรรมะของพระพุทธเจ้า
เอินว่ามิจฉาทิฏฐิ  ตายแล้วสิลงนรก หรือเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน

นึกถึงพระสูตร ถ้าหาคนที่เสมอด้วยหิริโอตตัปปะในศีลบอได้ ในทางจิตกะบ่อได้ ในทางปัญญาเห็นขันธ์เกิดดับกะบ่อได้ เธออย่าอยู่ตรงนั้นนะ ให้ไปผู้เดียวโล้ด คือช้างป่ากังฆะ แล้วอย่าเฮ็ดบาปทั้งปวง

ครูบาอาจารย์ บอกว่าคนทุศีลเน่าใน อย่าไปยุ่ง อย่าไปสนิทเดี๋ยวสิถืกเขากลืนเด๊ะ


ส่วนพระพวกที่บารมีไม่แก่กล้า
ก็กรรมของเขาลละ  แม่เราก็ตอบแทนแล้ว ด้วยการเอาลำโพงธรรมะสอนเจริญสติ
ไปให้ฟัง จนเริ่มเจริญสติเป็น
แม่ออกค้ำทั้งหลาย กับเครื่อญาติ เฮากะเอาให้แล้วพร้อมกับข้อร้องให้ฟังแล้ว

เพิลสิฟังซำได๋ เจริญสติเป็นละยัง
ขึ้นอยู่กับเพิลแล้ว


วันที่ 25 มีนา เวลา 17:18
_______

สวยแล้วหลงสวย
จนเสียชาติเกิด
เกิดมาโมฆะเพราะไม่รู้เหตุว่าสวยได้อย่างไร

วันที่ 25 มีนา 15:53
________


พระพุทธเจ้าเป็นผู้ไม่มีความหลงโกธร
พระพุทธเจ้าเป็นผู้ไม่มีความหลงรัก
พระพุทธเจ้าเป็นผู้ไม่มีความหลงชัง
พระพุทธเจ้าเป็นผู้ไม่มีความหลงขลาดกลัว พระพุทธเจ้าเป็นผู้ไม่มีความเกลียดคร้านในการทำความเพียรเพื่ออนุเคราะห์สัพพสัตว์
พระพุทธเจ้าเป็นผู้ไม่มีความหลงกลัวในความตาย
พระพุทธเจ้าเป็นผู้มีความสว่างแห่งปัญญาสูงสุดแล้วในธรรมทั้งปวง
พระพุทธเจ้าเป็นผู้มีฤทธิ์มาก ครอบงำเหนือซึ้งโลกธาตุทั้งปวง
พระพุทธเจ้าเป็นผู้ไม่มีความหลงในอวิชชา
พระพุทธเจ้าเป็นผู้ไม่มีความหลงแล้ว
ด้วยสัจจะวาจานี้
ข้อให้ข้าพระเจ้ามีสติ
คั่นจิตไว้ระหว่างวิญญาณกับรูปธาตุ
ด้วยสัจจะวาจาที่ยิ่งใหญ่นี้
ข้อให้ข้าพระเจ้ามีสติ
คั่นจิตไว้ระหว่างวิญญาณกับเสียง
ด้วยสัจจะวาจาที่ยิ่งใหญ่นี้
ขอให้ข้าพระเจ้ามีสติคั่นจิตไว้
ระหว่างวิญญาณกับกลิ่น
ด้วยสัจจะวาจาที่ยิ่งใหญ่นี้
ขอให้ข้าพระเจ้ามีสติคั่นจิตไว้
ระหว่างวิญญาณกับรส
ด้วยสัจจะวาจาที่ยิ่งใหญ่นี้
ขอให้ข้าพระเจ้ามีสติคั่นจิตไว้
ระหว่างวิญญาณกับโผฏฐัพพะ
ด้วยสัจจะวาจาที่ยิ่งใหญ่นี้
ขอให้ข้าพระเจ้ามีสติคั่นจิตไว้
ระหว่างวิญญาณกับธรรมารมณ์กลางวัน
ธรรมารมณ์กลางคืน 

วันที่  25 มีนา เวลา 12:40
_________

ในพรรษาที่ 3 ถ้า ธรรมเสื่อม
เราอาจจะไปที่อื่น

วันที่ 23 มีนา เวลา 13:47
_______________________

พลังสติ ในการปรารภความเพียรสำคัญที่สุด

เนื้อแท้ที่สุดๆของกายนี้คือ สติ 

วันที่ 22 มีนา 21:32
_________

พระเจ้ากรุงสัญชัย กลับชาติมา คือ
พระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดา
๒. พระนางผุสดี กลับชาติมา คือ
พระนางสิริมหามายา พุทธมารดา
๓. พระนางมัทรี กลับชาติมา คือ
พระนางยโสธราพิมพา มารดาพระราหุล
๔. พระชาลี กลับชาติมา คือ พระราหุล พุทธชิโนรส
๕. พระกัณหา กลับชาติมา คือ นางอุบลวรรณาเถร
๑๐.พราหมณ์ชูชก กลับชาติมา คือพระเทวทัตต
๑๗.ช้างปัจจัยนาค กลับชาติมา คือ
พระมหากัสสปะเถระ
๒๒.พระเวสสันดร บรมโพธิสัตว์ กลับชาติมา คือ
องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า

วันที่ 22 มีนา เวลา 17:11
_____________

หลวงพ่อชา
สมมุติ – ปรมัตต์
“แต่เดิม ‘กระโถน’ ไม่มีชื่อ จะเรียกอะไรก็ได้ทั้งนั้นเพราะความจริงแล้วกระโถนไม่มี เป็นสักแต่ว่าธาตุเกาะกุมกันขึ้นเท่านั้น เป็นของสมมุติ ไม่เที่ยง มีแล้วก็หาไม่ เกิดแล้วก็ดับไป ร่างกาย จิตใจ และทรัพย์ศฤงคารของมนุษย์เรานี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน”
สมุทัย - มรรค
“ดูท่อนไม้นี่สิ สั้นหรือยาว ? สมมุติว่าคุณอยากได้ไม้ที่ยาวกว่านี้ไม้ท่อนนี้มันก็สั้น แต่ถ้าคุณอยากได้ไม้สั้นกว่านี้ ไม้ท่อนนี้มันก็ยาว หมายความว่า ตัณหาของคุณต่างหาก ที่ทำให้มีสั้น - มียาว มีดี - มีชั่ว มีสุข - มีทุกข์ ขึ้นมา ละตัณหาเสียได้เท่านั้น ทุกอย่างก็จบ”
สมถะ - วิปัสสนา
“บางแห่งเขาก็ว่า บัดนี้เราทำสมาธิ ต่อไปเราจึงจะทำวิปัสสนา บัดนี้เราทำสมถะ เป็นต้น อย่าให้มันห่างกันอย่างนั้นสิ...มันแยกกันไม่ได้หรอก มันจะแยกกันได้ก็แต่คำพูด เหมือนกับมีดเล่มหนึ่งนะ คมมันอยู่ข้างหนึ่ง สันมันก็อยู่อีกข้างหนึ่งนั่นแหละ มันแยกกันไม่ได้หรอก ถ้าเราจับด้ามมันขึ้นมาอันเดียวเท่านั้น มันก็ติดมาทั้งคมทั้งสันนั่นแหละ”

#สะกิดใจเรามากๆ
22 มีนา เวลา 14:46
_____________

นี้คือผู้ที่ถือเอาประโยชน์จากการเกิดได้

22 มีนา เวลา 13:57
____________

จิตต่ำ คือโกธร
จิตสูง คือเมตตา

22 มีนา  เวลา 06:04
_________


แต่ก่อนจะปฐมฌาน มันจะรวม มันจะคลาย มันจะรวม มันจะคลาย มันจะรวม สลับอยู่อย่างนี้ซ้ำๆ
แต่ระยะเวลาที่มันรวม มันจะถี่ ย่นย่อ ใช้เวลาสั้น หรือน้อยกว่าเดิม จาก 30 นาที
ก็จะ 25 นาที จาก25นาที ก็จะ 20 นาที
อย่างนี้เรื่อยๆ จน 1 นาที
จนเข้าภวัง ถอนออกจากภวัง
เข้าภวัง ออกภวัง

#ลองปฏิบัติดูนะมันจะใช่ไหม

20 มีนา เวลา 19:32
___________


มนุษย์ทั้งโลก
เขาสุข เขาทุกข์ เขาเฉยๆ
ด้วยเหตุ1 คือผลของกรรมเก่า ที่เคยทำในอตีตให้ผล

เลยมีแต่ เจตสิก สุข ไหลมาให้เสวย

ทุกข์ ก็เหมือนกัน
อทุกขมสุขก็เหมือนกัน


และด้วยเหตุ2 คือ ในขณะที่ อายนะ12กระทบเกิดผัสสะ เขาน้อมจิตไปหาทุกข์เอง(โน้มจิตไปปรุ่งแต่งทุกข์)

สุขก็เหมือนกัน   
อทุกขสุขก็เหมือนกัน


#การโน้มน้อมไป หาทุกข์
พระพุทธเจ้า เรียก อนุสัย ก็คืออาการความเคยชินที่ไม่ดี

สุข ยังไม่พิจารณาให้ชัด เอาให้ชัดๆ


#ส่วนอุเบกขา คือ อุปนิสัย


ต่อ
ทางตา เห็นรูปธาตุ --->ผัสสะสภาวะธาตุในระดับนี้ มันจึงจะน่อมไป"ความทุกข์"

หู เสียง
จมูก กลิ่น

วันที่ 17 มีนา 22:16
__________________

"อย่าให้จิตที่มี (สติ) กลายเป็นจิตที่มี"โมหะ"(ความหลง) ไหลไป(โทสะ)ปรุงความโกรธ * ความขัดคือง * ความคับแค้น *
โกรธคนนั้นที โกรธคนโน้นที กลายเป็น"จอมอสูรกายพาลนักโกรธ"
โกรธคน โกรธสัตว์ โกรธสิ่งของไปทั่ว

โกรธคนเดิน โกรธคนนั้ง โกรธคนนอน
โกรธคนที่ทำท่าคลื่อนไหวต่างๆทางกาย

สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เราเห็นได้ด้วยตา
มันก็ต้องมีความเคลือนไหวเป็นธรรมดา
ใจมันหลงอยากโกรธ เราอย่าโกรธตามมัน
ใจเป็นธาตุอย่างหนึ่ง เรียกว่า(มโนธาตุ) ที่เราบางครั้งก็บังคับมันได้นะ
เช่น ใจดวงที่แล้วมันประกอบด้วยโมหะ ความหลง จะสร้างการใหญ่คือความโกรธขึ้นมาเผาตนเอง นี่คือมันหลง

แต่เราจิตดวง ณ ปัจจุบันนี้
ประกอบขึ้นด้วยสติ เมื่อมีสติ ปัญญาจะตามมา
เราจะไม่ยอมน้อมไปไม่ยอมสานต่อ ไม่สร้างผลงานความโกรธขึ้นมาไหม้ต่อ

แต่เราจะทำให้มอดลงดับมันด้วย"สติ" 
ความโกรธคือไฟทางใจ เราจะเอาน้ำเย็นคือ สติ เทใส่มัน
รดใส่มัน ราดใส่มัน ด้วยน้ำสติ จนในที่สุดมันก็จะค่อยมอดลง
เราก็จะเป็นผู้เย็นเป็นผู้ชนะ"

ถึงจะดับเชื้อ คือ โมหะความหลง หลงไปโกรธ หลงไปเกลียด หลงขัดเคือง ถึงจะดับเชื้อ คือ โมหะ ออกจากสันดานขันธ์ยังไม่หมด แต่ก็ควรจะภูมิใจว่า ตนได้ทำความเพียร ตามพระพุทธเจ้าสอนแล้ว ทำตามพระธรรมคำสอนเราไม่ไปทางเสื่อมแน่นอน

ถ้าเข้าใจแล้วว่า ความโกรธมันร้อน ไม่น่าปราถนา เราอย่า

บ้างครั้งก็บังคับมันไม่ได้
เช่น มันขาดสติ 

อย่าให้จิตที่มี(สติ) กลายเป็นจิตที่มี"โมหะ(ความหลง) ไหลไป(โทสะ)โกรธ .. โกรธเสียงที่ได้ยินด้วยหู
ไม่ว่าจะเป็นเสียงนินทา 
เสียงว่าเสียงด่า
เสียงในหัวที่คิดไปทางโกรธแค้น ขัดเคือง
เราอย่าโกรธตามที่มันชวน

 เสียงที่ยั่วให้หลงโกรธตอบนั้นมีมากมาย

อย่าให้จิตที่มี(สติ) กลายเป็นจิตที่มี*โมหะ(ความหลง) ไหลไป(ราคะ) ชอบเพลิดเพลิน .. รูปที่เห็นด้วยตา ไม่ว่าจะเป็นรูปผัวเอ่ย รูปเมียเอ่ย รูปชายหล่อๆเอ่ย รูปผู้หญิงสวยๆเอ่ย 


อย่าให้จิตที่มี(สติ) กลายเป็นจิตที่มี*โมหะ(ความหลง) ไหลไป(ราคะ)ชอบเพลิดเพลิน .. กับเสียงที่ได้ยินด้วยหู ไม่ว่าจะเป็นเสียงผู้ชายหรือเสียงผู้หญิง
ที่ไพเราะ เสียงสรรเสริญเอ่ย เสียงชมเอ่ย

วันที่ 17 มีนา 19;49
______________

น้ำตาลก้อนถุงหนึ่ง ถูกมดเข้าไปกัดเข้าไปกิน ทั้งๆที่เอาซ่อนไว้ ในโจ๋กแล้วก็เอาโจ๋กใบเล็กมาครอบไว้

เมื่อนำถุงก้อนน้ำตาลออกมา ก็เจอมดไต่ในก้อนน้ำตาลที่อยู่ในถุง
เห็นแล้วก็หลงไปโทสะโกรธขัดเคืองมัน นิดหน่อย แล้วก็รู้ทันว่า หลงไปแล้ว หลงไปโกรธมดแล้ว


"ก็เลยอุทานในใจ ว่า ขนาดซ่อนปกปิดไว้ขนาดนี้ มดพวกนี้ยังขวานขวายจนหาเจอ

ธรรมที่หลุดจากอาสวะกิเลส
พระพุทธเจ้าเอามาเปิดเผยขนาดนี้ มันยังไม่สนใจกันน้อมมาปฏิบัติ


#มดก็แสดงหาไปทางกามคุณ
#มนุษย์น่าจะแสวงหานิพพาน

วันที่ 17 มีนา เวลา  18:29
__________

ทาตา เห็นรูปธาตุ --->ผัสสะสภาวะธาตุในระดับนี้ มันจึงจะน่อมไป"ความทุกข์"

หู เสียง
จมูก กลิ่น ก็เหมือนกัน

วันที่ 17 มีนา เวลา 06:35
_________


"วิริยังค์...อันการที่จะหาเรื่อง
กังวลใส่ตัวองนั้น ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง
ควรจะพิจารณาเมื่อเห็นหญิงสาว
ให้เห็นเป็นสิ่งปฏิกูลน่าเกลียด
และพึงพิจารณามิให้มันเข้ามาอยู่ในใจ
ว่าเป็นของสวยงาม ทั้งตัวเราและตัวเขา"

#สิ่งที่สกิตใจยังกะท่านสอนเรา

16 มีนา เวลา  17:11
_______

ขนาดบวชเข้ามาเป็นพระ
บวขเป็นพระแล้ว เป็นหยังคือยังมีทุกข์อยู่นอ...

ทุกข์หย้อนบ่อเฮ็ดตาม บ่อทำตามปฏิปทาที่พระพุทธเจ้าประทานไว้ให้ 
ผู้ใด๋เฮ็ดตามเพิลดำเนินแนวทางตามที่เพิลประทานไว้ให้ได้
คนนั้นจิตกะมีแต่สิโนมไปทาง อรหันต์

ผู้ใดเฮ็ดตามเพิลบ่อได้ บ่อมุ่งจิตไปในทางสิ้นทุกข์ กะอยู่ได้บอโดนดอก 

วันที่ 15 มีนา เวลา 12:22
_______________

ฆราวาสคับแคบ เพราะไม่รู้จักกรรมขาว เพราะไม่รู้จักกรรมดำ
ไม่รู้จักกฏแห่งกรรม
ไม่รู้อะไรเป็นประโยชน์ อะไรไม่เป็นประโยชน์ในสังสารวัฏ

วันที่ 13 มีนา 10:38
__________

มองดูภาพบุคคลเหล่าอื่น ถ้ารู้ด้วยตา
มักจะมีราคะมาแทรก หรือไม่ก็โทสะ
มักจะเกิดความกำหนัด หรือไม่ก็ขัดเคือง

มองด้วยปัญญาจะ พอเห็นว่า สภาวะของเขาเหล่านั้น
ก็สภาวะไม่ต่างอะไรกับเรา

เขามีอารมณ์แปรปรวนไม่เที่ยงอย่างไร
ไม่ต้องไปดูเขา มาย้อนดูสภาวะตนเอง
ให้มันชัด

วันที่  12 มีนา เวลา 20:31
_________

เอาจิตไปจับ ตรงที่ เนื้อลม นิ่งๆนั้นไว้
ส่วนลมที่เข้าที่ออกก็ช่างมัน
ส่วนเราถ้ามุ่งทำสมถะ เอาจิตไปจับ ตรงที่ เนื้อลม นิ่งๆนั้นไว

(  )( * )   ตรงนี้ข้างใดข้างหนึ่ง

วันที่ 11 มีนา เวลา 05:01
___________

ครูบาอาจารย์ มาเข้าฝัน บอกชี้ช่องทางให้แก้ไข

1.เรื่องเกี่ยวกับวาจาและสัจจะ
ไม่คุณสมบัตินั้นๆ แต่กล่าวนัยยะอ้อมๆว่ามี
ไม่เห็นกล่าวว่าเห็น ไม่รู้กล่าวว่ารู้
พูดไปแล้วรักษาสัจจะไม่ได้ นี้ไม่ไหวเลย
เพราะธรรมชาติ ขีดสัจจะเป็นสิ่งสูงสุด"
ก่อนปล่อยสัจจะออกมาต้องคิดให้ดีก่อน


2.เรื่องเกี่ยวกับความรับผิดชอบ
สละบาติ เพราะขี้เกลียดไปเอา นี้ใช้ไม่ได้
เพราะว่าจะเอาอะไรไปหากิน
สละจีวร เพราะขี้เกลียดไปเอา นี้ก็ใช้ไม่ได้
เพราะถ้ามันหายไปจริงๆ จะเอาอะไรห่ม
ถ้าจะสละเพราะเห็นว่า ควรสละ เพราะมันจะเป็นเหตุให้จิตยึดติดจมลง
นี้ควรสละ
แต่ถ้าสละเพราะความขี้เกลียดไปเอา นี้ใช้ไม่ได้ ดูไม่มีความรับผิดชอบ

วันที่ 11 มีนาคม เวลา 05:04
_______________


จะจนหรือรวย จะสวยหรือหล่อ
ระหว่างที่เกิดถึงตายนี้
สาระของเขาอยู่สามสิ่งนี้
๑.บุญ
๒.กุศล
๓.สติ 
ว่ามีมากแค่ไหน 
ในโลกนี้สิ่งที่ประเสริฐที่สุดคือ"สติ"
บุญเป็นสิ่งที่ประเสริฐอยู่นะ ไม่ใช่ว่าไม่ประเสริฐ
แต่ไม่ประเสริฐเท่ากุศล
กุศลเป็นสิ่งที่ประเสริฐกว่าบุญนะ
แต่กุศลก็ยังไม่ประเสริฐเท่า"สติ"

รวมความแล้ว "สติ" เป็นสิ่งที่ประเสริญสุดในไตรภพทุกโลกธาตุในทุกภพภูมิ

(สติในสติปัฏฐานสี่
บุญส่งได้ถึง สวรรค์ชั้นกามภพ

บุญเป็นทางมาแห่งกุศล
กุศลเป็นทางมาแห่งสติ


#ส่วนกามคุณ ๕ คือยาพิษ

วันที่ 8 มีนา เวลา  15:40
______________

อารมณ์เกิดดับ กับวิณญาณเกิดดับมันเหมือกันไหมน้อ

#อยู่ดีๆก็สงสัย

เดือนมีนา
_____________


กิเลสคือความเศร้าหมอง.แม้น้อยนิดก็เป็นภัย เป็นจุดเริ่มต้น ของอนุสัยทางแห่งความเคยชินที่ไม่ดี
และเป็นนิวรณ์เครื่องกั้นจิต
ไม่ให้รู้เห็นตามเป็นจริง
หลงไปกับ สังขารที่มันปรุง คือโมหะ

#แท้ที่จริงแล้ว
ความคิด,ความเศร้าหมอง,
เจตนา,ตัณหา,อยากทำนั้นทำนี่

มาจากสังขารจิต
คล้ายๆ
#คิดให้เป็นไฟเผาตัวเอง ก็เป็นไฟ
#คิดแล้วรู้ทันว่า กำลังคิดเป็นไฟเผาตนเองนี้เรียกว่าวิชชา

วันที่ 3 มีนา เวลา  15:52
________

สิ่งที่ประเสริฐที่สุด ในด้านนามธรรมคือ
๑.บุญ
๒.กุศล
๓.สติ

เมื่อรู้ว่าสติ ประเสริฐที่สุด
เราจะทำอย่างไร

เมื่อคิดที่จะทำกุศล จะเป็นบุญ
ต่อเมื่อได้กระทำลงไป จึงจะเป็นกุศล
เมื่อกุศลเกิดแล้ว สติจึงจะเกิด



#พระมีอยู่หลายประเภท
๑จิตใจเป็นพระ กายก็เป็นพระ
๒.จิตใจเป็นพระ กายไม่เป็นพระ
๓.จิตใจไม่ได้เป็นพระ แต่กายเป็นพระ
๔.จิตใจไม่ได้เป็นพระ และกายก็ไม่ได้เป็นพระ

๑จิตใจเป็นพระ กายก็เป็นพระ
คือ บุคคลที่พยายามปราภพความเพียรทำลายอาสวะกิเลสภายในจิตใจสันดานของตนเองตลอดเวลา
และดำรงเพศบรรพชิดนุ่งห่มผ้าเหลืองผ้ากาสาวพัด

๒จิตใจเป็นพระ กายไม่ได้เป็นพระ
คือ บุคคลที่ ปรารภความเพียรเผากิเลสภาสในจิตใจสันดานของตนอยู่ตลอดเวลา
แต่ดำรงเพศฆราวาสนุ่งห่มผ้าแบบคฤหัส

๓จิตใจไม่ได้เป็นพระ แต่กายเป็นพระ
คือ บุคคลที่ทุศีลเป็นคนเน่าใน ไม่ปรารภความเพียรทางจิต
แต่นุ่งห่มเหลืองคือผ้ากาสาวพัดของพระพุทธเจ้า

๔จิตใจก็มิได้เป็นพระ กายก็มิได้เป็นพระ
คือ บุคคลที่ทุศีลเป็นคนเน่าใน
ไม่ปรารภความเพียร และนุ่งห่มผ่าแบบฆราวาส

#ทำความเพียรในป่าช้าคนเดียว
วันที่ 3 มีนา เวลา 15:43
____________

การเกิดใหม่
หน้ากลัว"ธรรมของสังคม" มาก

หลวงปู่ขาว เคยเป็นภิกษุในสมัยพุทฑกาล
เคร่งมากในการอยากหลุดพ้น

แต่ตายจากนั้น

มาเกิดชาติสุดท้าย
ก็หลงไปกับธรรมของสังคม


เหล่าฤษีโพธิ์สัตว์ทั้งหลายก็เหมือนกัน
โดนการเกิดใหม่เจอธรรมของสังคม


พระปัจเจก เคยปราถนาไว้
พอเกิดใหม่เจอธรรมของสังคม
ก็พลาดทำกรรมดำ เพราะความหลง โมหะ

การเกิดใหม่ โมหะ ความลืม  น่ากลัว



###
ข้าพระเจ้าปรารภ เรื่องสุนัขเซิงกัน
พอตัวพู้มันเอา อวัยวะเข้าไปแล้ว
แล้วที่นี้มันเอาออกไม่ได้

เพราะมีคนไล่ จะไล่ฆ่ามัน
หมามันก็เลยกลัว จะวิ่งหนี
แล้วมันไม่หลุดออก
มนุษย์ชอบแสวงหาสุข ที่มีทุกข์ตามมา

#
ธรรมของสังคมน่ากลัวยิ่งนัก
ถ้าเกิดใหม่แล้ว หลงไปกับธรรมของสังคม
เขาพาเอาเมีย ยกย่องว่าการเอาเมียแต่งงานนั้นประเสริฐดี เขาพาหาแฟนก็คล้อยตามหาแฟนเหมือนเขา 
เขาพารวย มีการงานทำดีๆ ตำแหน่งใหญ่ๆ ก็คล้อยตามธรรมของเขาค่านิยมของเขา

นี่ถ้าเราไม่หนักแน่นในธรรมของพระอริยะ
เราคงอาจ ต้านทิฐิตัวบันดานให้มีการกระทำทางกายวาจาใจ ไม่ได้แน่ ถ้ายังเหมือนนุ่นถูกลมพัด ไม่สงสัยแล้วว่าโสดาบันนั้นศรัทธาในพระพุธ"พระธรรม" พระสงฆ์ หนักแน่นแค่ไหน ถึงกับไม่มีธรรมใดๆดึงหรือปรุงจิตให้หักเหเข๋ออกจากธรรมของพระพุทธเจ้า

พระวัดต่างๆที่จิตยังฝักใฝ่ในเรื่องการงานทางโลก เช่นอุปชา อาจเป็นไปได้ว่า
ชาติหน้าจิตใจจะไม่หนักแน่นในธรรมของพระพุทธ แต่อาจโดนธรรมของสังคมชักลากจูงไป

โอ้..ธรรมของสังคมนี่น่ากลัวนัก

ดูเถิดเทวดา ปราถนาความเป็นมนุษย์
ความได้ศรัทธา ความไม่หวันใหวในพระรัตนะตรัย ความได้ประพฤพรมจรรณ์ในศาสนาของพระอรหันตสัมมาสัมพุธเจ้า
แต่พอจุติตาย มาปฏิสนธิเป็นมนุษย์
กิเลสตัวโมหะยังไม่หมด มีการลืม
ก็โดนธรรมของสังคมที่เขาพาเป็น ก็ไหลเป็นไปเหมือนเขา จิตก็โน้มเอียงไปในแนวทางแบบที่เขาพาทำพาเป็น เขาพามีแฟน มีเมีย มีครอบครัว มีลูก มีการงานที่ได้ธาตุดินเยอะๆ เขาพากันนิยมว่า กามคุณ 5 คือตัววัดระดับในธรรมของสังคม
ก็เป็นบ้าไปตามเขาถือเขานิยม
เขาพาแต่งตัวสวยก็ต้องสวย
เขาพาแต่งตัวโป้ก็ต้องแต่งโป้
แล้วมันดีไหมแต่งอย่างนั้นแล้ว
ก็โดนมนุษย์จ้องจะฆ่าข่มขืน ฉีดน้ำกามใส่
แล้วยุคนี้ยิ่งเป็นยุคที่ กามเพศ มันรุ่นแรง ไม่เลือกหน้าเลือกตา ขอให้กูสำเร๋จความใคร่ได้ก็พอวะ เรื่องอย่างอื่นเอาไว้ที่หลัง
ยุคนี้มิจฉาทิฐิกำลังเจริญ อกุศลกรรมบทสิบกำลังเจริญ

เขาพามีมอเตอรไชรแต่งก็ต้องแต่ง
เขาพามีบ้านสวยใหญ่ ดูมีหน้ามีตาในระดับสังคม ก็พากันไปกู้หนียืมสินมาสร้าง ทั้งๆที่ทุกข์จะทนเหลือเกิน
เขาพาเซิงก็ต้องหาเซิง นี้มันคือธรรมของสังคม
ธรรมของพระพุทธเจ้านั้นมีแต่ธรรมที่
พา,ชวน, ให้ออกจาก เซิง ออกจากกาม
ออกจากการติดเกี่ยวพันธ์ในโลก
ในศาสตร์ทั้งหลายในโลก มีแต่ศาสตร์ยังพาให้ติดอยู่โลก ยังให้ติดอยู่แค่ในสวรรค์ ในพรหม ไม่มีศาสตร์ใดๆที่ไหน เหมือนในศาสนา คือศาสตร์หนึ่งเดียวที่จะพาหลุดจากอาสวะ

และแน่นอนศาสตร์หนึ่งเดียวแบบนี้ ย่อมเหมือน สิ่งหรือวัตถุตกลงไปในน้ำ น้ำย่อมครอบงำรอยบุ๋มน้ำนั้นได้เร็วฉับพลัน
หรือเหมือนในรอยเท้าที่เหยียบในทะเลทราย ที่มีลมจากทุกทิศพัดกันไปพัดกันมา
ย่อมพัดทรายเหล่านั้นกลบรอยเท้าได้ฉันใด
ศาสนาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธก็ฉันนั้น ถูกศาสตร์อื่นโยมตีทิ้มแทง ทำลาย

(วิธีสู้โต้ตอบมี แต่ไม่เรียน มันก็ไม่ได้ประโยชน์จากวิธีที่ท่านสอนนั้น)

พระก็โดนธรรมของสังคมลากจูงจิตไป
ธรรมของสังคม เสื้อผ้าใส่จะต้องดีอย่างนู้นอย่างนี้ จะต้องหอม จะต้องดูเรียบ

จีวรก็จะต้องหอม ผ้าก็จะต้องดีสุดๆ ผ้าเก่าไม่ ไม่ครอง เพราะดูไม่สวย มันหยาบ  อย่างนี้ต้องเอาตัวอย่างพระมหากัสปะ
นี้คือขั้นสุดยอด ผู้ไกลกามคุณ๕

เขาพามีรถก็ต้องมีรถ

ลาภสักการะ สรรเสิญเยินยอ ยศ อย่าได้มาเกี่ยวข้องกับเรา นี้คือพระพุทธเจ้าเรา


#ถ้าชาตินี้หลักจิตไม่แหน่น
การเกิดใหม่จะถูกธรรมของสังคมปั่นหัว
ปั่นเหมือนลูกค่างเลย

ธรรมของสังคมคือชวนให้ติดในกามคุณ๕


วันที่ 3 มีนา เวลา 07:37
__________

เวลาคนอื่นที่เขาโกธร
"แม้แต่เวทนาของเขาก็ยังไม่เที่ยง"
ไฉน..ความโกธรจะเที่ยงได้เล่า
แม่้แต่ เวทนาคือความโกธร ก็ยังไม่ใช่ของเขาเลย เป็นสังขารปรุ่งแต่ง มีเหตุมีปัจจัยทั้งสิ้น อวิชชา


เพราะถือมั่นทุกข์ เพราะยึดมั่นทุกข์จึง

วันที่ 29 กุมพา เวลา 05:53
_______________


หาวัดปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นอาสวะ
งั้นหรือ  วัดป่าบ้านตาด

วัดหลวงปู่มั่นสกลนคร

ป่าช้า+ใกล้หมู่บ้าน

วันที่ 23 กุมพา เวลา 05:19
_______

ถ้าเปรียบชีวิตนี้ ก็เหมือนกระสอบทราย
ที่รั่วไหลออกมาตลอดเวลา
เสื่อมไปเรื่อยๆตลอดไม่มีหยุด

ถึงแม้จะเอาทรายใหม่มาเติม
มันก็ยังรั่วไหลอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา

แม้จะมีทรายมากมายเท่าไร่ เติมทรายดีๆอยู่อย่างนั้นเรื่อยไป
แต่กระสอบทรายหรือถุงบรรจุก็เสื่อม
สภาพอยู่ตลอด

จนในที่สุดตัวกระสอบก็ขาดพังทะลายทรายไหลออกหมด ทั้งทรายเก่าทรายใหม่

ทรายหมายถึง อาหาร
กระสอบหมายถึง เนื้อหนังที่ห่อหุ้ม
ถุงขี้ที่ เดินไปเดินมา

วันที่ 21 กุมพา เวลา  14:57
_________

ถ้าบ่อออกไปบิณฑบาต ย้อนหนาวนิ
บ่คือคัก ใช้บ่ได้เลย

วันที่  18 กุมพา 05:20
_______

สภาวะธาตุเศร้าหมอ,ธาตุหดหู่,ธาตุตัณหาร้อนๆ

สภาวะธาตุเหล่านี้ ไม่ใช่เกิดจากคนอื่นเขาส่งมาให้
เวลาเขาด่า หรือเขาปล่อยเสียงออกมา

แล้วเกิดการได้ยิน

มีแค่เสียงที่มา

แต่สภาวะธาตุเศร้าหมอง จิตนี้เองปรุงขึ้นมาเผารนให้รู้ (ด้วยอำนาจของอวิชชา)


ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว จะปัดออกให้หมดพึบเดียว
สำหรับผู้ใหม่นั้นมิใช่เรื่องง่าย

เท่าที่ลองดูด้วยตนเอง
ต้องรู้ลม จึงค่อยๆคลายหาย

#
เดินไป เท้าไปโดนประตู
แล้วมีความโกรธเกิดขึ้น
แล้วโทษประตู

ที่จริงแล้ว ประตูเขาไม่ได้ส่ง กระแสธาตุความโกรธ ความหดหู มาให้เลย
แต่จิตนี้เองปรุงสร้างสภาวะธาตุเหล่านั้นขึ้นมา


#
พูดกับปู่ย่า.. 
แล้วเราเกิดความไม่พอใจ(ธาตุปฏฆะ)
เนื่องจากไม่ได้ยินเสียงปู่ย่าพูดตอบกลับ

แท้ที่จริงแล้ว ปู่ย่าอาจไม่ได้ยินก็เป็นได้
(ปู่ย่าไม่ได้ส่ง กระแสธาตุปฏิฆะมาให้ ใส่ไว้ในมโนเลย
แต่จิตนี้เองที่มัน ปรุงสร้างธาตุปฏิฆะขึ้นมา


#เรามองเห็น ผู้หญิงแต่งตัวเวิมว๋าม ใส่ผ้าคลุมสั่นๆห่อหุมปกปิดกายไม่ดี
เห็นเนื้อขาวๆตามส่วนต่างๆที่ปรากฏ
มาใส่บาติ

เช่นกัน หญิงนั้นเขามิได้ ส่งกระแสธาตุ กาม มาให้เลย เขามิได้ส่ง ข้อมูลปรุงแต่งในราคะมาให้เผารนเลย

แต่จิตนี้เองที่มันปรุงธาตุกาม ราคะ ขึ้นมา


(ทั้งหมดทั้งมวล เพราะ เข้าไปยุ่งเข้าไปถือมั่นใน ธาตุรูป ธาตุเสียง ธาตุกลิ่น ธาตุรส ธาตุสัมผัส
และธาตุธรรมารมณ์

ธาตุธรรมารมณ์ --> อดีตบุพเพ  , อนาคต(สังขารแบบนึกคิดปรุง)

วันที่  17 กุมพา เวลา 15:16
_________________


เราจะไม่เกิดมาตายฟรีทิ้ง 
ต้องบรรลุธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง
เกาะบันใดอริยะไว้ให้ได้
17/02/2016
12:45
___________

ตอนนี้เรามาฝึกฝนตนเองอยู่นะ

วันที่ 15 กุมภา เวลา 12:25
________________

มิจฉาทิฐิ กำลังเจริญ

คนที่เข้าใจว่าพระวัดบ้านไม่ต้องปฏิบัติ
เพราะเป็นสายพัฒนา

ส่วนพระวัดป่าเท่านั้นจึงควรปฏิบัติ

วันที่ 15 เดือน เวลา 12:23
______

อุบายแก้ง่วง
ถ้าขณะเดินจงกลมถ้าง่วง ก็ให้ฝืนมัน
อย่าไหลไปกับความง่วงนั้น
ให้เตือนด้วยคุณวิเศษต่างๆ ว่า
ถ้าง่วงอย่างนี้ บรรลุคุณวิเศษอะไรไม่ได้เลยนะ

หรือ2 เดินถอยหลัง
หรือ3เดินจงกลมแบบเร็วสลับช้า 7 ก้าวเร็ว 7 ก้าวช้า



ถ้านั้งสมาธิแล้วง่วง ก็ให้ฝืนมัน
อย่าไหลไปกับความง่วงนั้น
ให้เตือนด้วยคุณวิเศษต่างๆ ว่า
ถ้าง่วงอย่างนี้ บรรลุคุณวิเศษอะไรไม่ได้เลยนะ

หรือ2 ถอดถลกบาตออก แล้วเอาเข้าใหม่

(หรือจะทำตามวิธีที่พระพุทธเจ้าสอนพระโมคคัลานะ)

วันที่ 15 กุมภา เวลา 12:20
_________________

สัจสะหรือความตั้งใจ ที่เกี่ยวกับกามคุณ5
ถึงจะลืมหรือผ่านไปแล้ว พอนึกขึ้นได้สัตว์นั้นก็จะขวานขวายบริโภคทันที

แต่สัจสะหรือความตั้งใจใด ที่เกี่ยวกับการ
ปรารภความเพียรเพื่ออรหัน
สัตว์นั้นลืมแล้ว พอนึกขึ้นได้
ก็ขี้เกลียดคร้านปรารภความเพียร
จะโดนจิตมาร อ้าง กาลเวลา อย่าทำๆ ไม่ใช่เวลา ๆ ไว้ก่อน

ลองนึกเป็นเหตุการณ์speedเร็ว ไปถึงวันตาย

จะเห็นว่าสัตว์ตนนี้ เสียเวลาไปกับกิจอื่น มากกว่ากิจปรารภความเพียร

วันที่ 15 กุมภาพัน เวลา 11:16
________________

ร่างกายนี่ ได้เคยเป็นที่อาศัยของวิญญาณอื่น

และร่างกายนี่เคยได้เป็นอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฆ้อน เป็นดาบ เป็นก้อนหิน
เป็นกำแพง
เป็นที่สัตว์ถือกำเนิด

เป็นต้นไม้
เป็นอาหาร
เป็นอุจจาระ
เป็นมงกุฏ
เป็นถนน
และไฟเคยไหม้แล้ว
ไฟเคยลวกแล้ว
เคยเป็นไม้แกล้งขี้
เคยเป็นขี้
เคยเป็นดินปืน
เคยเป็นขี้เฒ่า
เคยเป็นกระเบียง

ลูกตา เคยเป็นก้อนขี้
ลูกตาเคยเป็นผลไม้

ลิ้นเคยเป็นก้อนดินเหนียว
กระดูกเคยเป็น เศษดิน
น้ำเคยเป็น น้ำในผลไม้

ร่างกายทุกส่วนเป็นธาตุของสังสารวัฏ
หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันใช้
ปั่นแต่งก่อรวมขึ้นมาตามโอกาสทีใครทีมัน

ร่างกายไม่ใช่ของใคร
โทรศัพท์ก็เป็นธาตุดิน

แม้ธาตุน้ำก็เหมือนกัน

วันที่ 14 กุมภา เวลา 20 :44
_______________

อะไรเอ่ยเมื่อสัตว์ทั้งหลาย
เข้าไปมีตัณหา เข้าไปยึด เข้าไปถือสา แล้วย่อมเป็นทุกข์?

ธาตุเหล่านี้แล 
ธาตุรูป คือรูปต่างๆที่เห็น
ทั้งเป็นทรงต่างๆ วงกลม ไม่วงกลม วงใหญ่ วงเล็ก วงแบบต่างๆ
สีต่างๆ สีเขียว สีขาว สีดำ สีแดง
สัญฐานอย่างนั้นอย่างนี้ ใกล้ไกล ระความละเอียดลึก ปานกลาง ไม่ลึก
(รวมความแล้ว คือทุกสิ่งที่ตาเห็น)

ธาตุเสียง ธาตุกลิ่น ธาตุรส ธาตุสัมผัส ธาตุธรรมารมณ์


ธาตุรูป หรือเรียกอีกแบบว่า 
 ผัสสะทาง ตา+ธาตุรู้

ธาตุเสียง หรือเรียกอีกแบบว่า
 ผัสสะทาง หู+ธาตุรู้

ธาตุกลิ่น หรือเรียกอีกแบบว่า 
 ผัสสะทาง จมูก+ธาตุรู้

ธาตุรส หรือเรียดอีกแบบว่า
 ผัสสะทาง ลิ้น+ธาตุรู้

ธาตุโผสฐัพพะ หรือเรียกอีกแบบว่า 
ผัสสะทาง กาย+ธาตุรู้

ธาตุธรรมารมณ์ หรือเรียกอีกแบบว่า
 ผัสสะทาง มโน+ธาตุรู้



คนเราเมื่อได้เป็นมนุษย์แล้ว
ก็ไม่เตรียมตัวเพื่อให้ตนเองได้เป็นมนุษษาอีก

วันที่  14 กุมพา เวลา 20:38
_____________

กว่าจะผ่านเรื่องราวต่างๆในเพศฆราวาส แล้วเข้ามาสู่ "ธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธะเจ้า" ได้
ไม่ใช่ง่าย... เลยนะ

วันที่ 14 กุมภา เวลา 20:36
____________

เมื่อก่อนเป็นโยม คือยังไม่บวช
เรามักจะคิดว่า" ตัวเองหน้าหล่อ ผิวพรรณขาวดี สูงสมส่วน"

ที่มีอย่างนี้ได้ เพราะน้ำอสุจิพ่อ และน้ำของแม่" คือไอ้หล่อๆนี้พ่อแม่ให้มาทั้งหมดเลย"

แต่พอมาบวชเป็นพระ ทั้งอ่านทั้งฟังจากธรรมะที่ต่างๆ
ที่มีผู้เอามาเผยแผ่เป็นธรรมทานในเน็ต
เราจึงได้รู้ว่า ความหล่อความสวยไม่ได้มาจากที่พ่อแม่ร่วมกันอย่างเดียว 
แต่ มาจากวิบากกรรมดีในชาติที่แล้วด้วย

อยากหล่อหรืออยากสวย ต้องเป็นผู้ไม่มักโกรธ ไม่ชอบความโกรธ ซึ่งพื้นฐานจิตใจเราตั้งแต่เกิดก็เป็นอย่างนั้น ไม่ชอบความโกรธความโมโหร้อนให้ใคร ไม่ชอบเลือดขึ้นหน้าเวลาโกรธ
ผู้ที่มักโกรธเก่งๆโทสะแรงๆเราก็ไม่อยากเข้าไปใกล้


วันที่ 31 มกราคม เวลา 06:58
___________

สัตว์เล็กๆแมลงตัวเล็กๆ บินตกลงไปในโถขี้ แล้วมันขึ้นไปได้
เราก็ใช้นิ้วมือช้อนมันขึ้นมา แล้วเอาไปปล่อยข้างนอกห้องน้ำให้มันเป็นอิสระ

ขึ้นชื่อว่า เจตนาจะฆ่าเบียดเบียนสัตว์
นั้นไม่มี แม้แต่ยู้งมากินเลือดเราก็ไม่ตบ แต่เราจะเป่ามันออก หรือไล่มัน

แม้แต่ถูพื้นศาลา กำลังถูไปเจอมดตัวเดียว
เราก็ต้องหยุด แล้วยกไม้ถูพื่นข้ามไป แล้วถูต่อ เราไม่ฆ่า

ขึ้นชื่อว่าใยแมงมุม เวลาทำความสะห้อง
เราก็ไม่คิดว่าจะเอาชีวิตมัน แม้แต่รังของมันเราก็ไม่อยากพัง
(ถึงวินัยพระ จะบอกว่าสามารถทำได้)
เราก็ไม่อยากพังบ้านของมัน


ไฉนละ ขึ้นชื่อว่าเจตนาจะเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์
ให้เขาทุกข์ใจทรมาณใจ นั้นไม่มี


#ถ้าคนเห็นการกระทำของเรา แล้วบอกว่า จิตใจพระรูปนี้ชอบทำเรื่องเบียดเบียนคนอื่นนัก" 

แล้วเรามารู้ทีหลังว่า "เอ่อ..มีคนทุกข์ใจเสียใจเพราะการกระทำของเราด้วยรึนี่.. ทั้งที่เราไม่ได้มีเจตนาจะให้เขาทุกข์ใจเสียใจ"


จากนั้นเราจะสำนึกเร็วมาก..ทันทีเลย 
ทั้งๆที่สิ่งเราทำไปนั้น เราคิดว่าเราทำถูกแล้ว "ไม่ได้มีเจตนาจะเบียดเบียนใครเลย"


 "แต่มันไปเบียดเบียนโดยบอได้เจตนา"

ถ้าเราได้รู้ว่าเป็นการเบียดเบียนคนอื่นทั้งที่ไม่ได้เจตนาเลย"
 ใจเรามันจะเศร้าหมองมีทุกข์อยู่ครู่หนึ่ง... 
(มันคือใจสำนึกผิด ที่ไปเบียดเบียนโดยไม่เจตนา)

จากนั้นใจเศร้าหมองจะหายไป
กลายเป็นใจปกติที่เบา คือใจที่ไม่มีทุกข์เหมือนเมื่อกี้นี้


ไม่ต้องมีใครมาบอกดีๆ
หรือมาด่าว่าแรงๆ เราก็สำนึกแล้ว เพียงแค่เรารู้ว่าไปเบียดเบียนใครเข้า


#การสำนึกผิด ไม่ควรให้ใจเศร้าหมองไปด้วย"
แต่ควรให้ใจมันสำนึกผิดจริงๆ

การสำนึกผิดจริงๆ
มันคือ "หิริ" เป็นคุณธรรมของผู้ที่จะเป็นเทวดา"

วันที่ 30 มกราคม เวลา 19:18


เนื่องจากวันนั้นข้าพระเจ้าเข้าไปในบ้าน
แล้วบอกให้โยมแม่รวม ลำโพงธรรมะมา เพื่อจะเปลี่ยนไฟล์ธรรมะให้ ในวันพรุ่งนี้ให้เอามาให้

แล้วพอถึงพรุ่ง โยมมารดาก็เอามาให้
4ลำโพง

"เราก็ตรวจสอบ เห็นว่า ลำโพงบางอันไม่มีการด์ติดมาด้วย"

สังขารควาวมคิดปรุ่งแต่ง บอกว่า
"คึโลภแท้นอ" บ่มัก"

และจากนั้น เราก็คิดขึ้นมาได้ว่า
ถ้าเราไม่ชอบ ความโลภของคนอื่น
เราก็ควรที่จะไม่โลภเหมือนกัน"

หลวงปู่คำแก้ว เพิลกะสิ บ่มักความโลภของเฮา ตอนขอเพิ้ลถ่ายรูปคึกันนั่นละคือ

วันที่ 29 มกราคม  เวลา 08:45
_____________

ในรายการทีวี "คนที่ตายไปแล้ว แล้วปรากฏตัวให้เห็น  รายการทีวี เรียกวิญญาณ"
ซึ่งแท้ที่จริงเรียกไม่ถูก
ต้องเรียกเปตรวิสัยถึงจะถูก

เพราะที่ปรากฏตัวให้เห็นนั้น มันเป็นอัตภาพเปตรแล้ว

และต้องเข้าใจด้วยว่า เปตรมี๓๑จำพวก
ใน๓๑จำพวก แต่ละจำพวกก็ชื่อไม่เหมือนกัน มีเพียงจำพวกเดียวที่รับส่วนบุญจากคนที่อยู่ในโลกอุทิศให้ จำพวกนี้มีชื่อ ปรทัตตูปชีวีเปตร 

ส่วนวิญญาณที่ท่านอธิบายนั้น 
วิญญาณเป็นเพียงธาตุรู้ รู้ได้ ๖ ช่องทาง
๑.ถ้าวิญญาณไปตั้งที่ตา จึงสามารถรู้เห็นภาพต่างๆ คน,สัตว์,สิ่ง,ของ เป็นต้น
๒.ถ้าวิญญาณไปตั้งที่หู จึงสามารถรู้เสียงหรือได้ยินเสียงได้ เสียงคน เสียงหมา เสียงฟ้าร้อง เป็นต้น
๓.ถ้าวิญญาณไปตั้งที่จมูก จึงสามารถรู้กลิ่นได้ กลิ่นเหม็น กลิ่นหอม เป็นต้น
๔.ถ้าวิญญาณไปตั้งที่ลิ้น
จึงสามารถรู้รสชาติชาติได้ รสหวาน รสเค็ม เปรี้ยว เป็นต้น
๕.ถ้าวิญญาณไปตั้งที่กาย
จึงจะสามารถรู้ได้ว่าสิ่งที่กระทบหรือสัมผัสอยู่นี้ นุ่ม หรือ อ่อน หรือ แข็ง หรือ หนาว หรือร้อน
๖.ถ้าวิญญาณไปตั้งที่ใจ จึงจะสามารถรู้สึกนึกจำได้ คิดนึกเรื่องต่างๆได้

ก็คือวิญญาณไปตั้งที่ไหนแล้วก็ดับ แล้วก็เกิด แล้วก็ดับ แล้วก็เกิด แล้วก็ดับ
เที่ยวเกิดๆดับๆอยู่ ในที่ตั้งทั้ง๖ แบบนี้ตลอดเวลา

#ที่ตั้งนั้น คือ อายตนะ ๖
หรือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร

วันที่ 27 ม ค เวลา 12:24
____________________

ต้องเห็นเห็นโทษของการนอนหลับ
การหลับแล้วจิตปรุ่งแต่งฝันในเรื่องที่โหดร้าย น่ากลัว เป็นทุกข์ แล้วไม่มีสติถอนออกมารู้สึกตัวได้
นี่คือโทษของการชอบหลับนอนมาก

ต้องเห็นเห็นคุณของการไม่ชอบหลับ
คือไม่ฝันปรุ่งแต่งนิมิตที่น่ากลัว
และกำจัดนิวรณ์ ๕ อันเป็นตัวกั้นฌาน

วันที่ 25 ม ค เวลา 06:50
________

ในขณะเดินทาง

อารมณ์กำหนัดเมถุธรรมในเพศสตรีนี้
เป็นเหตุแห่งทุกข์ (สมุทัย) (ทุกข์)

เพราะหลังจากนั้น
ตัณหาทางกายที่เป็น อบุญ
ตัณหาทางวาจาที่เป็น อบุญ
ตัณหาทางใจที่เป็น อบุญ
จะมีมากเจริญกว่าส่วนที่เป็นบุญ

กามคุณ ๕ เป็นเครื่องผูกเป็นเครื่องจองจำ
สำหรับผู้หลงเข้าไปติด จะออกนั้นไม่ใช่ง่ายๆ

วันที่ 21 มกราคม เวลา 10:58
___________

พระผู้ใหญ่ก็ถือมั่นว่าการงานของตน
เป็นงานสำคัญ ก็ถือมั่นว่ามันเป็นเรื่องหรือเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทำ โดยเฉพาะงานทางโลก
ไปช่วยเขาจัดนั่นจัดนี่ ไปผูกผ้าแต่งผ้า  ปลูกผักสวนครัวก็มี ทำนาเกี่ยวข้าวก็มี ทำเหมือนฆราวาสเยอะแยะไปหมด
พระนี่ลืมหน้าที่ของตนเอง แต่ไปทำหน้าที่เยี่ยงฆราวาส
นี่มันชักจะสับสนไปกันใหญ่แล้ว พระทุกวันนี้


ส่วนพระอีกรูปหนึ่ง ก็คิดว่าบวชมาพักผ่อน
สบาย ดูทีวีดูละคร ดูมวย 
ไม่คิดจะฝึกอบรมจิตเลย


ส่วนพระอีกรูปหนึ่ง ก็มีทิฐิถือมันว่า งานเผยแผ่ธรรมะ ไรท์ซีดีธรรมะแจกญาติโยมนี้แลเป็นงานเป็นเรื่องสำคัญ งานอื่นๆเอาไว้ทีหลัง
กวาดใบไม้เอาไว้ก่อน 
ถูศาลาเอาไว้ก่อน
ขัดห้องน้ำล้างห้องน้ำเอาไว้ก่อน
นั้งไรท์แผ่นซีดีอย่างเดียว


ส่วนพระอีกรูปหนึ่ง ก็มีทิฐิว่า งานปฏิบัติธรรมนี้แล เดินจงกลม นั้งสมาธิ
เป็นงานสำคัญ อย่างอื่นไม่ทำยกเว้นบิฑบาตและฉันอาหาร



ต่างคนต่างถือมั่นทิฐิของตน ว่าเป็นเรื่องที่ตนควรเป็นเรื่องสำคัญที่
จะต้องทำ

แต่งานที่พระพุทธเจ้ามุ่งให้ทำอันดับแรก
มีแต่งานปฏิบัติธรรม เพราะท่านมีความเมตตามากเหลือล้น
อยากให้เราทำที่สุดแห่งทุกข์ได้

เมื่อบรรลุโสดาบันแล้วก็อย่าพอใจแค่นั้น
แต่ให้มุ่งคุณธรรมที่สูงขึ้นไปอีก จนถึงที่สุดแห่งทุกข์
ก่อนเลยคือ อบรมกาย วาจา จิต

วันที่  19 มกราคม เวลา 21:22
_________


(ผมชอบเป็นคนศึกษาศาตร์ลี้ลับในที่นี้ผมไม่ขอบอกนะครับ เพราะผมคิดว่าจะไม่ยุ่งแล้วกับวิชานี้มันเสียเวลา และรู้สึกละอายใจ บวชในศาสนาพระพุทธเจ้าต้องเอาพระพุทธเจ้าพระธรรมพระสงฆ์เท่านั้นสิ )  

ในสามปีนี้ ของท่านอาจารย์จะมีวิบากเก่าให้ผล ถ้าท่านอาจารย์ทำวิปัสนาสมาธิ ท่านอาจารย์จะเห็นสภาวะธรรมที่เกิดจากวิบากเก่าครับ จะเรียกว่าเป็นสามปีทองก็ได้ที่จะได้เรียนรู้มัน กิเลสคือความเศร้าหมอง มันจะผ่านมาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย แล้วมารวมที่ใจ <3  <------ ให้ท่านอาจารย์เป็นผู้รู้ผู้ดูนะครับ เห็นมันแปรเปลี่ยนโชว์ความไม่เที่ยงเกิดดับเรื่อยๆนะครับ

วันที่ 19 มกราคม เวลา 20:48
_______

ขณะมองรูป2x4นิ้วตนเอง

ความรู้สึกปรุ่งแต่งแว๊บขึ้นว่า
"อืม หล่อดี ใช้ได้ ผิวพรรณนวนดี

"
ธรรมะก็ผุดขึ้นมาอีก
อานิสงค์ของศีล คือรูปร่างสวยนี้แล

เมื่อรูปร่างสวยแล้ว จะมีคนมากำหนัดสนใจรักใคร่มาก
(ตัวดึงให้จมมีมาก หรือตัวล่อให้พัวพันมีมาก)

ก็เหมือนกับเงิน มีเข้ามามาก
ก็เพื่อให้จมอยู่กับการใช้

วันที่ 19 มกราคม เวลา 12:26
_______________


กายะคะตาสะติภาวะนาปาฐะ
 
(นำ) หันทะ  มะยัง  กายะคะตาสะติภาวะนาปาฐัง  ภะณามะ  เส ฯ
 
อะยัง  โข  เม  กาโย,  กายของเรานี้แล; 
อุทธัง  ปาทะตะลา,  เบื้องบนแต่พื้นเท้าขึ้นมา; 
อะโธ  เกสะมัตถะกา,  เบื้องต่ำแต่ปลายผมลงไป; 
ตะจะปะริยันโต,  มีหนังหุ้มอยู่เป็นที่สุดรอบ; 
ปูโร  นานัปปะการัสสะ  อะสุจิโน, เต็มไปด้วยของไม่สะอาดมีประการ ต่าง ๆ; 
อัตถิ  อิมัสมิง  กาเย,  มีอยู่ในกายนี้,
เกสา, คือผมทั้งหลาย, 
โลมา, คือขนทั้งหลาย,  
นะขา, คือเล็บทั้งหลาย; 
ทันตา, คือฟันทั้งหลาย 
ตะโจ, คือหนัง      
มังสัง, คือเนื้อ 
นะหารู, คือเอ็นทั้งหลาย     
อัฏฐิ, คือกระดูกทั้งหลาย,   
อัฏฐิ  มิญชัง, เยื่อในกระดูก, 
วักกัง, ม้าม, 
หะทะยัง,   หัวใจ; 
ยะกะนัง,   ตับ,     
กิโลมะกัง, พังผืด, 
ปิหะกัง,   ไต,  
ปัปผาสัง,   ปอด,  
อันตัง,   ไส้ใหญ่; 
อันตะคุณัง,   ไส้น้อย,  
อุทะริยัง,   อาหารใหม่, 
กะรีสัง,   อาหารเก่า,    
มัตถะเก  มัตถะลุงคัง   เยื่อในสมองศรีษะ
ปิดตัง, น้ำดี, 
เสมหัง,  น้ำเสลด,  
ปุพโพ,  น้ำเหลือง,  
โลหิตัง, น้ำเลือด,  
เสโท,  น้ำเหงื่อ,  
เมโท,  น้ำมันข้น, 
อัสสุ, น้ำตา,  
วะสา,  น้ำมันเหลว,  
เขโฬ,   น้ำลาย,  
สิงฆาณิกา, น้ำมูก,  
ละสิกา,  น้ำไขข้อ,  
มุตตัง,  น้ำมูตร,
เอวะมะยัง  เม  กาโย,  กายของเรานี้อย่างนี้, 
อุทธัง  ปาทะตะลา,  เบื้องบนแต่พื้นที่เท้าขึ้นมา, 
อะโธ  เกสะมัตถะกา,  เบื้องต่ำแต่ปลายผมลงไป, 
ตะจะปะริยันโต,  มีหนังหุ้มอยู่เป็นที่สุดรอบ, 
ปูโร นานัปปะการัสสะ อะสุจิโน, เต็มไปด้วยของไม่สะอาด  มีประการต่างๆ อย่างนี้แล.

วันที่ 15 มค เวลา 20:35
____________

สิ่งที่พระควรกลัวคือการเกิด ชาติ ชรา มรณะ อันจะมีไม่จบไม่สิ้นสักที 
ไม่ใช่กลัวผี หรือกลัวแทงหวยไม่ถูก หรือกลัวไม่มีใครมานิมนต์
หรือกลัวไม่ได้ลาภยศสรรเสิญชื่อเสียงโด่งดังมีหน้ามีตา
หรือกลัวจะไม่รวยทรัพย์
พวกนี้ล้วนเป็นโลกกะธรรมของโลกทั้งสิ้น ถ้าพระติดอยู่ในธรรมของโลก
ก็จะไม่สามารถหลุดพ้นไปได ้

วันที่  13 มกราคม  เวลา 18:39
___________

สิ่งที่เห็นนั้นจริง แต่เป็นอนีตตา
สิ่งที่ได้ยินนั้นจริง แต่เป็นอนัตตา
กลิ่น...

เสียงด่านั้น  เป็นเสียงด่าจริง แต่เป็นอนััตา
รูปที่เห็นนั้นจริง แต่เป็นอนัตตา


เขายึดอารมณ์จริง แต่อารมณ์นั้นไม่สามารถให้เขายึดได้ตลอดไป


วันที่ 3 ม.ค เวลา 08:14
_____

จิตใด ที่แปลความหมายจากการได้ยินเสียง
ออกมา เป็นทุกข์
จิตนั้นเป็นจิตที่มีกิเลส แบบสัตว์นรก

จิตใด
ที่แปลความหมายจากการได้ยินเสียง
แปลออกมา เป็นเฉยๆไม่ลุ่มร้อนกายไม่ลุ่มร้อนใจ จิตนั้นเป็นจิตพระพรหม

จิตใด
ที่แปลความหมายจากการได้ยินเสียง
แปลออกมา เป็นสุข 
จิตนั้นเป็นจิตที่มีกิเลส แบบเทวดา


จิตใด ที่รู้ทันอาการของ "ธรรมมารมณ์"
หลงไปโกธร.ไม่พอขัดเคืองในใจนิดๆหน่อยๆ ก็"รู้ทัน"
(ปฏิฆะ)

หลงไปชอบ. พอใจ นิดๆหน่อยๆ ก็"รู้" 


มโนสัญเจตนาใด ที่ผุดขึ้น
ทำให้ใจวิ่งเต้นมีตัณหา
มโนสัญเจตนานั่น ประกอบด้วยกิเลส




ธรรมนี้มีเค้ามาจากไหน

มาจาก ขณะขวักข้าวที่ฉันเหลือจากบาต
ใส่กล่องข้าวใหญ่

แล้วมีโยมผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นลุง
พูดว่า เวลาฉัน ฉันให้เร็ว จะได้เก็บพวกถาดพวกแก้วของพระผู้ใหญ่
ให้ทันเพื่อน

แล้วโทสะก็ปู้ดขึ้น ร้อนอยู่กลางหน้าอก

และจิตมันคิดว่า โอ้..กรรมของเขาหนอ เขาจะได้รับกรรมอะไรหนอ
เมื่อเขาตายเราไม่อยากช่วยหนอ
วุ่นวายหนอ ไม่อยากอยู่หนอ ไม่อยากผูกพันธ์กับใครหนอ

ทำไมเขาถึงเลือก ความคิดที่ผุดขึ้นในหัวนั้นหนอ
" เวลาฉัน ฉันให้เร็ว จะได้เก็บพวกถาดพวกแก้วของพระผู้ใหญ่
ให้ทันเพื่อน" ทำไม่เขาถึงเลือกความคิดนี้หนอ

ปุถุชนเป็นไปตามความคิดแรก
อะไรผุดขึ้นก็เอาอันนั้นแหละมาพูดขึ้น
ปุถุชนจึงเป็นไปตามดวงดาวโหราศาสตร์
ส่วนผู้เจริญสติ มีแต่เข๋ ออกจากดวงเดิมที่ดาววางเส้นกรรมไว้ให้

เข๋ออกไปหาทิศทางดี ทางสว่าง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น