วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2567

ธรรมะในวันวาเลนไทน์

ถ้าคนที่เขาเป็นแฟนกันแล้ว เราอย่าไปเกี่ยวข้องแบบจีบ
หรือแบบขอคบ หรือยุให้เขาแตกกันนะ ทำนองว่า เขาเลิกกันเพราะผี๋มือเรา ผี๋ปากเรา" ฝี๋เท้าเรา"

แต่ถ้าเขาหรือเธอคนนั้น  
มีคนมาจีบเยอะเลย 
มีคนมาขอคบด้วยเยอะเลย แต่เขาหรือเธอคนนั้น
ยังไม่ตอบตกลงเป็นแฟนกันกับใคร
นั่นแสดงว่าเขายังโสด..
(หรือเรียกภาษาสมัยใหม่ว่า เขากำลังอ่านหนังสืออยู่)
#คนที่ขอคบนั่นแหละเรียกว่าหนังสือ"

"""เด็กรุ่นใหม่ ไฟแรงใจร้อน"" อ่านได้เล่มหนึ่ง เล่มสอง เล่มสาม ก็เลือกเล่มสาม  เพราะไม่รู้ว่าเล่มต่อไปจะมีไหม? เล่มต่อไปจะเหมือนอย่างนี้ไหม?
-ถ้ายังมีราคะอยู่ เล่มต่อไปก็มี..ไม่ควรใจร้อน
เล่มต่อไปจะเหมือนอย่างนี้ไหม
-ในโลกนี้ไม่มีใครนิสัยเหมือนกัน
มีแต่ต่างกันมาก ต่างกันน้อย หรือคล้ายกัน
 ควรเลือกคบคนที่นิสัยคล้ายกันกับเรา"

แต่ถ้าหากเราไม่ดี แต่แฟนเป็นคนดี
เราต้องปรับนิสัยไปให้คล้ายแฟน

ถ้าเราไม่ดี แล้วเราก็หาคนที่พื้นนิสัยไม่ดีคล้ายเรา
อย่างนี้ มีแต่ฉุดกันและกันให้ตกต่ำ"

"คนที่ใช่ต้องต้องเจอกันในเวลาที่มีสิทธิ์ เวลาที่ไม่มีสิทธิ์ต่อให้เคยครองคู่กันมาเป็นล้านชาติ ถ้าชาตินี้เขาพลัดไปมีคู่ซะแล้ว ยังไงก็ไม่ใช่

แต่ถ้าเขาเป็นคู่เก่าคู่บุญบารมีเก่าเรา
เขาหรือเธอคนนั้นจะแยกย้ายกันเอง
โดยที่คุณไม่ได้มีส่วนในการทำให้เขาเลิกกันแม้แต่นิดเลย

บุคคลเป็นมนุษย์เราต้องมีเป้าหมาย ที่จะทำให้ชีวิตจิตใจตนเองเจริญขึ้น
ถึงจะมีตัวล่อมากมาย  ที่ล่อให้เราหักเหออกนอกเส้นทางเป้าหมายนั้น

เราต้องคอยเตือนตนเองอยู่เสมอๆ
ว่าอย่าหลงไปกับ" ตัวล่อ" นะ

วันวาเลนไทน์ เห็นข่าวนี้แล้วสลดใจนะ
ฝ่ายชายยิงฝ่ายหญิงตาย แล้วยิงตัวเองอีกทีให้ตายตาม
นี่คงไม่ใช่คู่บุญ แต่เป็นคู่กรรม

ปัญหานี้คงไม่ใช่เพราะวันวาเลนไทน์ วันนี้
แต่เพราะต้นเหตุ ตั้งแต่เริ่มต้นตั้งแต่แรก
ที่ไม่เลือกคนที่นิสัยใจคอคล้ายกัน จึงไม่รู้พื้นนิสัยกัน
ก็เกิดการแตกแยก

#ยิงสนั่นห้างดังเมืองนนท์ วาเลนไทน์เลือดตาย2เจ็บ1
เดลีนีวส์ - 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา
____________

ผู้หญิงหรือผู้ชายที่เข้ามาขณะที่เรายังไม่ได้เลิกกับแฟน ส่วนใหญ่จะเป็นคู่กรรมคู่เวรไม่ใช่คู่บุญหรอก 
ถ้าเอามาอยู่ด้วยกัน ช่วงต้นจะไม่เห็นอะไรหรอก ต่อเมื่อผูกผันเริ่มจะแกะยากจึงจะเริ่มเห็นหลายๆอย่าง ความคิดไม่ตรงกัน  ขัดใจกัน ทะเลาะกัน ยังมีใจคิดจะไปรักไปจีบคนอื่นเผื่อไว้อีกอยู่

ส่วนคู่บุญไม่ใช่อย่างนั้นเลย
คู่บุญนั้นจะมีจิตใจคล้ายๆกัน
ปรับใจเข้าหากันง่าย มีอะไรที่คล้ายๆกัน เช่น สมมุติว่า ไปตลาดด้วยกัน
เดินไปด้วยกันฝ่ายหญิงซื้อของใช้ต่างๆ ตามที่ประสงค์จะซื้อแล้ว  และก่อนกลับซื้อลูกชิ้น 5 ไม้ กะจะกินไปเดินไป
ฝ่ายชายก็ซื้อของใช้ตามที่ประสงค์จะมาซื้อแล้ว  และซื้อใส้กรอก 10 ไม้ กะว่าจะเอาไปกินที่บ้าน
ขณะที่เดินออกมาจากตลาด เจอ(หมาอทาน)ตัวหนึ่งอยู่ข้างทางดูท่าคงกำลังหิ้ว น้ำลายไหลเลย เหมือนขออาหารกิน

 ๑.
ฝ่ายหญิงเห็นปุ๊บก็คิดว่า "น่าสงสาร" ก็แบ่งลูกชิ้นให้หมาไม้หนึ่ง

ฝ่ายชาย เห็นปุ๊บก็คิดว่า"มันหิวควรจะเอาใส้กรอกให้มันสักไม้หนึ่ง"

ทั้งสองคนนี้แวบแรกมีความคิดแบบนี้ โดยไม่ได้กดดันบังคับซึ่งกันและกันเลย
นี่คือ1ตัวอย่าง ของผู้ที่มีความเชื่อคล้ายกัน
ไปกันได้รอด เจอกันอีกในชาติหน้า

๒.
แต่ถ้าฝ่ายหญิงแบ่งเอาให้หมา และฝ่ายชายก็คิดว่า "เอ่อแม้แต่แฟนเราก็เอาให้ ถึงเราก็ควรจะเอาให้มันเหมือนกัน"
อันนี้เรียกว่าศรัทธาไล่เรียงกัน
อยู่ด้วยกันก็รอด ชาติหน้าก็เจอกันอีก

๓.
แต่ถ้าฝ่ายหญิงแบ่งให้หมา
และฝ่ายชายก็คิดว่า"
เอาไปให้มันทำไม เฮ้อ.."

อันนี้เรียกว่า ศรัทธาความเชื่อต่อสิ่งนั้นไม่เสมอกัน
พวกนี้ถึงจะฝืนอยู่ด้วยเพราะเหตุผลบางอย่าง ก็ยากที่จะไปกันรอด เพราะขนาดแค่นี้ความคิดยังไม่เข้ากันหรือน้อมไปในทางเดียวกันได้ เลย ต่อไปก็มีแต่จะทะเลาะกันบ้านแตก หย่ากัน ตีกันฆ่ากันตาย
 
คู่บุญบารมีไม่ใช่แค่ศรัทธาความเชื่อเท่านั้นที่เหมือนกันหรือคล้ายกันเอนไปในทางเดียวกัน
แต่ในเรื่องศีลก็มีจิตน้อมไปในทิศทางเดียวกัน หรือคล้ายๆกัน
เช่นไม่ชอบเบียดเบียนใคร
ไม่ชอบพูดโกหกทำร้ายใส่ไฟใคร
ไม่คิดที่จะมั่วเพศเล่นๆ กับใครคนอื่น เหมือนสัตว์เดรัจฉาน พวกหมา พวกแมว 
 
องค์รวมของคู่บุญบารมีเก่า จะมีอยู่๔ ข้อ ๑.ศรัทธา ๒.ศีล
๓.จาคะ ๔ ปัญญา

เรื่องปัญญาก็คล้ายๆกันในการแก้ปัญหาสถานะการณ์ต่างๆในชีวิตต่างลงกันได้
เรื่องบุญจาคะก็มีใจน้อมไปคล้ายๆกัน คือชอบทำบุญ 

คู่บุญบารมีเก่าเป็นอย่างนี้
คบกันอยู่ด้วยกันแล้วเจริญยังยืนตั้งแต่ยังไม่แต่งดีตั้งแต่แรกจนวันตาย ไม่มีจน ไม่มีบ้านแตก ถ้าท้องก็เป็นพวกเทวดานางฟ้ามาเป็นลูก

คู่บุญบารมีเก่านั้นหายากมาก
ส่วนมากที่อยู่กันรอดในปัจจุบันต้องทำแบบข้อ๒
คือปรับความเข้าหากัน
จูนจิตใจเข้าหากัน

เมื่อจูนจิตใจเข้าหากันมันก็ยากที่จะทะเลาะกัน

ผู้หญิงใช้เงินเก่ง แต่ฝ่ายชายชอบประหยัดมันก็อยู่ด้วยกันยาก
อันนี้ผู้หญิงต้องปรับตัว
แต่ถ้าไม่ปรับตัว
ฝ่ายชายเขาหมดความอดทน
ขอเลิก ไม่ไหวสำหรับจะคบกับเธอต่อ

ขอโสดดีกว่า
จนเจอผู้หญิงที่นิสัยคล้ายกันกับตนคือชอบประหยัด มันก็ไปกันได้รอด

คำเสริมบทความ
#ยิ่งมีความตรงกันหลายอย่าง 
ยิ่งมีโอกาสไปด้วยกันรอดจนถึงแก

่(หมาอทาน) คือหมาที่ในหลายภพชาติที่เคยได้เกิดเป็นคน ไม่ทำบุญทำทานเลย)

__________

"คนที่ใช่ต้องต้องเจอกันในเวลาที่มีสิทธิ์? เวลาที่ไม่มีสิทธิ์ต่อให้เคยครองคู่กันมาเป็นล้านชาติ ถ้าชาตินี้เขาพลัดไปมีคู่ซะแล้ว ยังไงก็ไม่ใช่"

เขาต้องอยู่ในฐานะที่ว่าง(โสด)เท่านั้น นั่นถึงจะมีโอกาสพอเป็นไปได้ว่า เขาหรือเธอเป็นคู่บุญบารมีเก่าในอดีต

แต่ถ้าเขายังครองคู่ถือแขนเป็นแฟนกันอยู่  
แล้วคุณเจอปุ๊บ ! ใจมันรายงานบอกว่า " นั่นแหละใช่ ใช่เนื้อคู่เราใช่แน่ๆ"   

ถ้าเชื่อความคิดนั้น.. อะไรจะเกิด?
"ก็ไปแย่งมานะสิ"  เป็นการผูกเวรเลย บาปด้วย

แต่ถ้าเขาเป็นคู่เก่าคู่บุญบารมีเก่าเรา
เขาหรือเธอคนนั้นจะแยกย้ายกันเอง
โดยที่คุณไม่ได้มีส่วนในการทำให้เขาเลิกกันแม้แต่นิดเลย

แล้วจะมีเหตุให้คุณได้เกี่ยวข้องกับเขาหรือเธอเอง(กรรมเวี่ยงมาเจอกัน)

แต่การได้เกี่ยวข้องกันนั้น ไม่ใช่หมายถึงว่าเขาจะเป็นคู่เสมอไป

ถ้าเขาเป็นคู่บุญเก่า
ถ้าเจอคู่บารมีเก่าที่เคยอยู่กินกันมาหลายภพชาติ
"เห็นปุ๊บ มีความกำหนัดอยากร่วมเพศ อยากจีบเพื่อเอาให้ได้"
นี่ไม่ใช่แล้ว
จะไม่มีความคิดหรือความรู้สึกแบบนี้วนอยู่แต่ในหัว เป็นไปไม่ได้เลย ว่านั่นคือคู่บุญบารมีเก่าเรา

#คู่ในสมัยนี้ มีแต่คู่ปรับ  
ปรับตัวเขาหากัน เรียกว่าสร้างเส้นทางกรรมดีให้เกี่ยวโยงได้อยู่ด้วยกันได้นานๆ อย่างเช่น เอาใส่ใส่ซึ่งกันและกันดี ไม่นอกใจกัน แอบมีไปกั๊ก

________

ช่วงพรรษาแรก ออกพรรษาใหม่ๆ
ทิสเกมส์ยังบ่สึกเลยตอนนั้น

ทิศเกมส์ : "ถ้าสิสึก กะเข้าไปบอกเพิลเด้อ"

ตอนนั้น อืม.. ?? ลังเล จะเอาไงดี ใจหนึ่งก็อยากสึก
เฮาอยากจะสึก.. สึกออกไปสักสามวันหรือเจ็ดวัน
แล้วหลังจากนั้น ไปบวชวัดป่า..

แต่ไม่กล้าสึกเพราะกลัวจะไม่ได้บวชอีก
แม้สึกปุ๊บ วันต่อมาบวชปั๊บ
เราก็ไม่กล้าเสี่ยง

เราเคยคิดจะสึก แล้วบวชต่อในวันถัดมา ห
เราก็ไม่กล้า เพราะนั่นยังประมาทอยู่
เพราะไม่มีอะไรมารับประกันว่า สึกแล้วจะได้บวชอีก
ไม่มีเลย

แม้จะวางแผนไว้แล้วว่า สึกวันจันทร์ ไปบวชวัดป่าวันอังคารต่อเลย ถ้ามันไม่เป็นไปตามนั้นละ
 
ขึ้นชื่อว่ากายหลุดจากผ้าเหลืองแล้ว สมณะสัญญาก็จะคลายหายไป(ความกำหนดหมายว่าเราเป็นสมณะ)

และสิ่งที่จะมาล่อใจให้ติดไปกับกามคุณ๕ นั้น มันอาจจะมาเป็นแน่ มาเป็นขบวน

เผลอๆ หญิงเนื้อคู่เก่า อาจมาเจอกันกับเรา
ตาต่อตา จิตต่อจิต มันก็จะไม่ได้ไปแต่งงานกันเหรอ

ดังนั้นจึงไม่กล้าสึกแม้วันเดียว

#พระอรหันต์ทุกๆพระองค์
ล้วนบำเพ็ญเนกขัมมะบารมี มาหลายภพชาติ
ถ้าขาดเนกขัมมะบารมีจะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ไม่ได้เลย

บุคคลที่บวชแล้ว ใจแข็งไม่ยอมสึก
นำกายนำใจไม่ให้ติดในรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัส
ย่อมได้เนกขัมมะบารมี

เมื่อพยายามออกจากกาม ปัญญาย่อมเกิด
ใจย่อมสว่าง  
 เปรียบเทียบได้เลยว่าสุขจากการที่มีใจสว่าง  
มันดีกว่า สุขจากการได้เห็นสิ่งที่ถูกใจ
เช่น เห็นแฟนน่าหล่อ น่าสวย กำลังถือดอกไม้จะนำมาให้
มันดีกว่าสุขจากการมีเสียงอันชอบใจเข้าหู
มันดีกว่าสุขจากการมีกลิ่นหอมๆโชยมาถูกจมูก
มันดีกว่าสุขจากการที่รับประทานอาหารอันมีรสชาติถูกใจพญาลิ้น แซบเว้อคัก
มันดีกว่าสุขจากการ ได้ถูกต้องสิ่งที่นุ่มนิ่มน่าพอใจ

สุขเช่นนี้ เป็นสุขที่ไม่ควรกลัว

ธรรมใดเป็นไปเพื่อจมไปกับกามคุณ๕
เราอย่าได้ยึดติดธรรมนั้นเลย
เพราะคือเหตุเกิดทุกข์

#สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ยังไม่ชื่อว่าพ้นทุกข์
________

คุ้มแล้วหรือที่ต้องเหนื่อย ให้ชีวิตในเฟซบุ๊กดูดีมีหน้ามีตาขนาดนี้
ตอนนี้คนคงกำลังคิดว่า ตนเองมีตัวตนอยู่อยู่สองแห่ง....
ในเฟซเป็นแห่งที่สอง คือเรานี่เองเป็นผู้อยู่ในเฟส รูปโปรไฟล์หายก็ร้อนกระวนกระวาย น้ำตาไหลนองหน้า ทั้งที่ร่างกายตัวเองยังดีๆอยู่
เขากดไลค์ให้มากใจก็ฟู เห็นเขาไลค์ให้น้อยก็น้อยใจ(เศร้าหมอง)

และการที่ใจเราจะมีความสุขได้ต้องขึ้นอยู่กับผู้อื่นตลอดเลยหรือ
ทำไมเราต้องเอาความสุขของเราไปฝากไว้ที่คนอื่นด้วย
ต้องรอให้เขาทำดีกับเรา เราถึงจะมีความสุขได้หรอ
เราจะสุข เราจะทุกข์ ต้องให้ขึ้นอยู่กับคนอื่นตลอดเลยหรือ 
นี่มันใช่ชีวิตเราไหมเนี๊ย ชักจะงง ??
เราจะออกแบบจิตใจเรา ในฉบับของเรา ไม่ให้ทุกข์ ไปกับสิ่งต่างๆไม่ได้รึ

ทั้งสเตตัสเวลาโพส ไม่ต้องโกหกให้ดูดีไม่ได้หรือ
เราได้อะไรกับมาบ้าง ที่แน่ๆเลยคือเวลาเสียไปแน่อน เสียเวลาแต่งรูป 
เสียเวลาพิมพ์ตัวหนังสือ 
บางคนในหน้าเฟซของตัวเองดูดี้ดี แต่ที่อยู่ของตนเองหรือห้องลกรังไปหมด
ข้าวของกระจัดกระจ่าย ไม่เก็บ ที่นอนไม่เคยเอามาซักผ้าห่มไม่เคยตากเคยซัก
การงานหมกไว้ ถ้วยจานแช่ไว้จนลืมน้ำเน่าก็มี ต้องเสียการงานเพราะเฟซบุ๊ก

 
และต้องพิมพ์ข้อความให้ความหวังคนโดยเฉพาะคนที่น่าตาดี
หรือพิมพ์หลอกโกหกคน(มุสาวาทา)เพืออะไรก็ไม่รู้
ยังจะเป็นวิบากกรรมด้านไม่ดีให้ตนเองอีก ทั้งที่ไม่ได้พูดออกปากมีเสียง
ก็มีวิบากถึง ๘ ข้อ   
๑.จะพูดไม่ชัด ๒.ฟันจะไม่เป็นระเบียบ ๓.ปากจะเหม็นมาก ๔.กลิ่นตัวจะเหม็น 
๕.ตาจะไม่อยู่ในระดับปกติ ๖.กล่าววาจาด้วยปลายลิ้นและปลายปาก ๗.ท่าทางไม่สง่าผ่าเผย พูดอย่างหนึ่งคนเข้าใจไปอีกอย่างอื่น ๘.จิตบิดเบี้ยว
ถ้าไม่ให้ผลในชาติปัจจุบัน ก็ให้ผลในชาติหน้า หรือในชาติถัดๆไป
นี้ก็คือหลัการให้ผลของกรรม  

และบางคนทำดีไม่ได้ดี ก็หมดศรัทธาความเชื่อเลย บาปคงไม่มีบุญคงไม่มี
เพราะไม่เข้าใจการให้ผลของกรรม  จะขอยกเรื่องที่เป็นข่าวในช่วงนี้ขึ้นมา
ดาราชื่อ ปอ ที่เสียชีวิตในโรงพยาบาล
ได้มีชายผุ้หนึ่ง (ขอเรียกนามว่าผู้เห็นก็แล้วกัน)
เขาบอกประมาณว่า ปอเคยเกิดเป็นราชมัลในสมัยอยุธยา ได้ฆ่าคนโดยทุบกระดูกจนเละ แล้วจับถ่วงน้ำให้ตาย  เจ้ากรรมนายเวรที่มาเอาชีวิตก็คือชายในครั้งนั้น
ที่ปอฆ่า 

ดู้ถิด ปอ หน้าตาดีขนาดไหน บ่งบอกว่าเป็นบุญจากการเคยรักษาศีลมาก่อน ดาราที่สวยๆหล่อๆทุกคนก็เหมือนกัน เพราะเคยเอาบุญจากการรักษาศีลทั้งสิ้น
แต่ถึงกระนั้นบาปเก่าๆก็ยังตามมาให้ผลคร่าชีวิต ปอ ไปได้

ถ้าหากสามารถรู้ล่วงหน้าได้ ก่อนเวลาปอจะตาย 1 ปี
จะแนะนำ ให้เจริญสติภาวนาดูกายดุใจ แบบหลวงพ่อปราโมทย์
แล้วภาวนาไปเรื่อยอธิฐานจิตอุทิศบุญใช้หนีไปด้วย
ยิ่งภาวนาดวงยิ่งออกจากความมืดเปลี่ยนไปทางดีทางสว่าง

เลยเถิดไปกันใหญ่แล้วกลับมาที่เฟซบุ๊กต่อ เวลาโพส 
ไม่ควรเป็นโพสที่โกหก ไม่ควรเป้นโพสที่ส่อเสียดผู้อื่นยุให้คนตีกันทะเลาะกันไม่ชอบหน้ากัน ไม่ควรเป้นโพสที่หยาบคาย(คือเหมือนพูดหยาบคาย กระทบกระเทียบเสียดสีผู้อื่น

และอีกข้อคือ ไม่ควรโพสเรื่องไร้สาระ  ข้อนี้เห็นจะทำยากเพราะเคยเป็นโยม
แต่เมื่อรู้วิบากของข้อนี้แล้ว อาจสามารถทำได้
พูดจาไม่มีประโยชนื วิบากคือ ไม่มีผู้เลื่อมใสในคำพูดของตน
ถ้าเราสำรวมวาจา ๔ ข้อนี้
๑.มุสาวาท (โกหก)
๒.ปิสุนาวาส (ยุให้คนแตกกัน)
๓.ผรุสสาวาท (พูดคำหยาบคาย)
๔.สัมผัปปลาปะ (พูดเพ้อเจอ ไร่สาระ)

เราจะมีอำนาจทางปาก คนจะเชื่อคำพูดเรา จะเป็นวาจาที่ศักดิสิทธิ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น