วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2565

เกี่ยวกับในหลวงร9 ใครที่ชอบท่าน อาจจะเป็นสาวกในศาสนาท่าน


#เกี่ยวกับในหลวงร9 ใครที่ชอบท่าน อาจจะเป็นสาวกในศาสนาท่าน

ผู้ที่อุทิศนช่วยมหาชนให้พ้นทุกข์พ้นร้อน
ทางศาสนาเราเรียกว่า ‘พระโพธิสัตว์’
พระโพธิสัตว์บางองค์
เกิดตายนับอนันตชาติ
เพื่อให้ถึงฝั่งพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
เป็นพระพุทธเจ้าผู้รื้อสัตว์ออกจากสังสารวัฏ
ตัวอย่างผู้สำเร็จได้จริงที่เรารู้จักกันดี คือ
พระสมณโคดม พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
(ก่อนหน้าพระองค์ก็มีผู้ทำสำเร็จ
สามารถสถาปนาศาสนาพุทธอย่างนี้มาแล้ว
เป็นจำนวนประมาณเม็ดทรายในท้องมหาสมุทร
แล้วก็จะยังคงมีต่อไปอีกเรื่อยๆ)
พระโพธิสัตว์บางองค์
ปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้า
แต่ไปไม่ถึงความเป็นพระพุทธเจ้า
เมื่อชาติหนึ่งชาติใด ได้เป็นผู้ทรงฌาน
ทราบความตั้งใจของตนเองในอดีตชาติ
กับทั้งรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรในอนาคตชาติ
แล้วเกิดความแหนงหน่ายคลายความยินดี
ใช้กำลังจิตระดับฌานในชาตินั้น ลาพุทธภูมิ
ก็จบภพจบชาติในฐานะพระสาวก
อาศัยบารมีที่สั่งสมมาเยี่ยงผู้โปรดสัตว์โลก
ช่วยให้คนจบภพจบชาติตามได้
ตัวอย่างที่ในวงการพระป่าทราบกันดี
ก็เช่น หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
(ท่านเคยบอกว่า ท่านลาเพราะเห็นชาติข้างหน้า
ยาวนานเหลือเกิน กว่าจะสำเร็จ
และท่านก็สร้างกลุ่มพระป่าตามรอยพุทธกาลได้)
พระโพธิสัตว์บางองค์
แค่ชอบช่วยคน
ไม่ได้ปรารถนาเป็นอะไรๆที่แน่นอน
ท่านเหล่านี้มักเกิดในชาติท้ายสุด
พบพระพุทธศาสนา
แล้วได้ออกบวชเป็นพระ
สำเร็จธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง หรือถึงที่สุด
โดยยังคงมีความเป็นโพธิสัตว์โดยนิสัย
ปรารถนาการโปรดสัตว์ชั่วชีวิต
แต่เนื้อแท้ของจิตเป็นอริยบุคคล
ตัวอย่างอันเป็นที่รู้กันในหมู่ศิษย์
ก็เช่น หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
(ท่านเคยบอกว่า วันไหนพ้นได้
ก็จะไม่ปฏิเสธกิจนิมนต์เลย
คนที่กราบไหว้ท่านจะได้ลาภอันประเสริฐ)
สำหรับในหลวง ร.๙ นั้น เห็นๆกันอยู่ว่า
พระชนม์ชีพมีขึ้นก็เพื่อเนรมิต
กว่าสามพันโครงการช่วยคนไม่รู้กี่ร้อยล้าน
แล้วพระองค์ท่านก็ศึกษาธรรมขั้นสูง
เป็นนักเจริญสติ มีความผ่องใส
เห็นด้วยตาเปล่าว่าแตกต่างจากคนธรรมดาชัดเจน
อยู่ใกล้ท่านให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ใกล้พระ
ดังนั้น หากใครบอกว่าเป็นพระอรหันต์เดี๋ยวนี้
หรือจะได้ไปเป็นพระพุทธเจ้าในภายหน้า
ก็คงมีแต่คนคล้อยตาม
ไม่มีใครเห็นเป็นเรื่องเหลือเชื่อ
หรือเกินความคาดหมายแต่ประการใด
หากในหลวง ร.๙ ท่านลาพุทธภูมิแล้ว
เบื่อหน่ายความมีธาตุขันธ์อันเป็นทุกข์แล้ว
สิ้นอาลัยในภาวะทั้งปวง ภพภูมิทั้งสิ้นแล้ว
ดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพานแล้ว
ไม่มีชาติหน้าแล้วในบัดนี้
ถ้าใครก็ตามได้อธิษฐาน
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
ในทางปฏิบัติ ก็เท่ากับขอให้ตน
ได้เกิดใต้ร่มพระบารมีกษัตริย์อื่นๆ
ผู้ทรงทศพิธราชธรรมเช่นพระองค์อีก
ส่วนจะได้เป็นใครในกาลนั้น แผ่นดินนั้น
ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ทำไว้ในกาลนี้ แผ่นดินนี้
แต่หากในหลวง ร.๙ ท่านยังยินดีในพุทธภูมิ
ได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล
พระศาสนาของพระองค์ท่าน
ก็ต้องมีชาดกเกี่ยวกับการเสวยพระชาติ
เป็นราชามหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่
ครองราชย์โดยทศพิธราชธรรม
ตั้งเกือบร้อยปีอยู่ด้วยเป็นแน่แท้
กับทั้งคงมีการย้อนระลึกอีกว่า
พระอัครสาวก พระสาวกทั่วไปคนไหน
เคยได้ร่วมชาติเมื่อครั้งพระองค์
ทรงเป็นกษัตริย์นามภูมิพลนี้ด้วย
เพื่อให้นึกภาพออกชัดๆ
คงต้องยกเอาคนดังระดับประเทศ
ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี
และมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้น
เช่น อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
มีผลงานเป็นที่โปรดปรานของพระองค์หลายชิ้น
ท่านประกาศว่า จะใช้ความสามารถทั้งหมด
อุทิศชีวิตสร้างงานศิลปะประจำยุคของ ร.๙
ซึ่งก็ได้ผลเป็น วัดร่องขุน ที่เชียงรายนั่นเอง
หรืออย่างเช่น ศาสตราจารย์เจริญ วรรธนะสิน
เคยเป็นคู่ซ้อม ถวายทรงแบดมินตัน
ก็เล่าว่า ในหลวงจริงจังขนาดเป็นโค้ชให้
ตรัสแนะว่าต้องทำอย่างไรจะโค่นมือระดับโลกได้
และอาจารย์ก็ทำสำเร็จตามพระองค์แนะเสียด้วย
มือดีระดับประเทศที่ทุกคนรู้จักยังมีอีกมาก
และคนที่ถวายงาน ก็ล้วนภาคภูมิใจยิ่งใหญ่
พูดคล้ายๆกันหมดว่ายอมตายแทนท่านได้จริงๆ
นี่สะท้อนให้เห็นว่า ไม่มีใครรู้สึกว่าตัวเองเป็นข้าทาส
ถูกจำกัดบริเวณ หรือถูกข่มเหงน้ำใจแต่อย่างใด
คำว่า ‘ข้ารองบาทฯ’ จึงมีความหมายว่า
‘ยอมกราบศิโรราบต่อขุนเขาแห่งความดี’ นั่นเอง
กราบความสว่าง ย่อมสว่างตาม
ชื่นชมภูเขาสูง ย่อมมุมานะขึ้นที่สูงด้วย
หากเคยคุยกับคนที่ฝันถึงพระองค์
จะพบคุณลักษณ์ความฝันที่คล้ายกัน คือ
ภาพฝันคมชัด สว่างเรืองรอง
เสมือนได้เข้าเฝ้าต่อเบื้องพระพักตร์จริงๆ
ซึ่งที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะองค์ท่าน
เป็นดวงมหากุศลอยู่ทั้งองค์
คืนใดจิตใครหยิบยกมาปรุงแต่งเป็นฝัน
ก็ย่อมสว่างคมชัดด้วยแสงกุศลชั้นสูงตาม
จึงไม่แปลกหากฝันว่าได้เข้าเฝ้า
แล้วจะตื่นขึ้นมาปลาบปลื้มสุดชีวิตกัน
หรือถึงขั้นกลายเป็นตัวกำหนดทิศทางชีวิตได้
แค่ฝัน ยังปลื้ม ยังเปลี่ยนชีวิตได้
จึงไม่แปลก หากบังเกิดความเลื่อมใสศรัทธา
เชื่อว่าพระองค์คงต้องไปอุบัติเป็นจอมกษัตริย์อีก
และอยากได้ไปเกิดในแผ่นดินของพระองค์อีก
ฉะนั้น ความหมายที่แท้จริง
ของการเป็นข้ารองบาทผู้เป็นพระมหาบุรุษ
ผู้มีบารมีพอจะเป็นพระอรหันต์ได้สบายๆ
หรือไม่ก็เป็นพระพุทธเจ้าได้ไม่ยาก
จึงเท่ากับเป็นการอธิษฐาน
ให้ได้พ้นทุกข์ตามพระองค์ท่าน
ไม่ใช่ต้องเป็นข้าทาสของพระองค์ท่านไปเรื่อยๆ
อนึ่ง ถ้าไม่คิดอธิษฐานขอติดตามพระองค์
ก็ไม่ต้องรู้สึกผิดที่ไม่เหมือนคนอื่น
ถ้าเราเจริญสติหวังจบภพจบชาติโดยเร็วอยู่แล้ว
เป็นลูกศิษย์คิดจบทุกข์ของพระพุทธเจ้า
(เหมือนเช่นที่ในหลวงก็เป็นลูกศิษย์ท่าน)
ก็จะไม่คิดเรื่องขอไปเกิดแบบไหนๆ
หรือตามใครๆอีกเลย
ทุกอย่างให้ขึ้นอยู่กับความเข้าใจ
และกำลังใจของแต่ละคน!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น