วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2565

mp3 for download : ทางวิปัสสนา (๑๑) เมื่อแยกกายกับจิตได้ ให้อดทนฝึกต่อไปจะแยกเวทนาและสังขาร

mp3 for download : ทางวิปัสสนา (๑๑) เมื่อแยกกายกับจิตได้ ให้อดทนฝึกต่อไปจะแยกเวทนาและสังขารได้
Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ทางวิปัสสนา
หลวงพ่อปราโมทย์ : ถัดจากนั้นเรามาฝึกแยกต่อไปอีก เรานั่งต่อไปอย่างเพิ่งกระดุกกระดิก นั่งไปสักพักเราปวดเราเมื่อย ค่อยๆสังเกตอีก ความปวดความเมื่อยเมื่อตะกี้นี้ไม่มี ตอนนี้เกิดมีความปวดความเมื่อยขึ้นมา เพราะฉะนั้นความปวดความเมื่อยเนี่ย ไม่ใช่ร่างกายหรอก ร่างกายมันนั่งอยู่ก่อนนะ ความปวดความเมื่อยมันมาทีหลัง เนี่ยเราค่อยๆดูไปอย่างนี้ เราจะเห็น ความปวดความเมื่อยกับร่างกายนั้นเป็นคนละอันกัน แล้วก็ไม่ใช่จิตใจด้วย จิตใจเป็นคนดู จะเห็นเลยว่าความปวดความเมื่อยเป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า นี่หัดอย่างนี้นะเราแยกได้ ๓ ชิ้นแล้ว มีร่างกาย มีเวทนาคือความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์ อย่างรู้สึกที่เราฝึกกันก็คือดูความเมื่อย อะไรอย่างนี้ เพราะฉะนั้นนั่งอยู่เดี๋ยวก็เมื่อย พอเมื่อยแล้วดูไป ความเมื่อยเป็นสิ่งที่แปลกปลอมเข้ามา ความเมื่อยไม่ใช่ร่างกาย ความเมื่อยไม่ใช่จิต เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า
ทีนี้พอนั่งไป พอมันเมื่อย ก็อย่าเพิ่งขยับ เราจะฝึกต่อ ขั้นต้นอดทนไว้ก่อน อดทนหน่อย อย่าเพิ่งกระดุกกระดิก นั่งไปแล้วพอมันปวดมากๆนะ จิตใจมันจะเริ่มทุรนทุราย กระสับกระส่าย พอนั่งมากๆนั่งปวดมากๆนะ เป็นเหน็บเป็นอะไรนะ ชักกลุ้มใจ เอ๊..นั่งนานจะเป็นอัมพาตหรือเปล่า? จะเดินได้อีกมั้ย อะไรอย่างนี้นะ ความกลุ้มใจเกิดที่ใจเกิดที่จิต ความปวดเมื่อยเกิดที่ร่างกาย ความกลุ้มใจเกิดที่จิต เพราะฉะนั้นความปวดเมื่อยกับความกลุ้มใจเนี่ย คนละอันกัน
ความปวดเมื่อยนั้นเรียกว่า เวทนาขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ ความกลุ้มใจความกังวลใจอะไรอย่างนี้ เรียกว่าสังขารขันธ์ คนละขันธ์ คนละกลุ่มกัน เนี่ย ค่อยๆหัดแยก แล้วความกลุ้มใจก็ไม่ใช่จิต จิตทีแรกไม่กลุ้มใจ แต่จิตตอนนี้กลุ้มใจ เพราะฉะนั้นมันเป็นคนละอันกัน หัดฝึกไปเรื่อยนะ ให้ชำนิชำนาญ
550409.23m13-25m04
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่ ห้องสุวรรณภูมิบอลรูม ชั้น ๒ อาคารบี
บจก. เตียวฮงสีลม บางพลี
วันจันทร์ที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
ระหว่างเวลา ๑๓:๐๐ – ๑๕:๐๐ น.

ทางวิปัสสนา (๑๑) เมื่อแยกกายกับจิตได้ ให้อดทนฝึกต่อไปจะแยกเวทนาและสังขารได้

ทางวิปัสสนา
หลวงพ่อปราโมทย์ : ถัดจากนั้นเรามาฝึกแยกต่อไปอีก เรานั่งต่อไปอย่างเพิ่งกระดุกกระดิก นั่งไปสักพักเราปวดเราเมื่อย ค่อยๆสังเกตอีก ความปวดความเมื่อยเมื่อตะกี้นี้ไม่มี ตอนนี้เกิดมีความปวดความเมื่อยขึ้นมา เพราะฉะนั้นความปวดความเมื่อยเนี่ย ไม่ใช่ร่างกายหรอก ร่างกายมันนั่งอยู่ก่อนนะ ความปวดความเมื่อยมันมาทีหลัง เนี่ยเราค่อยๆดูไปอย่างนี้ เราจะเห็น ความปวดความเมื่อยกับร่างกายนั้นเป็นคนละอันกัน แล้วก็ไม่ใช่จิตใจด้วย จิตใจเป็นคนดู จะเห็นเลยว่าความปวดความเมื่อยเป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า นี่หัดอย่างนี้นะเราแยกได้ ๓ ชิ้นแล้ว มีร่างกาย มีเวทนาคือความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์ อย่างรู้สึกที่เราฝึกกันก็คือดูความเมื่อย อะไรอย่างนี้ เพราะฉะนั้นนั่งอยู่เดี๋ยวก็เมื่อย พอเมื่อยแล้วดูไป ความเมื่อยเป็นสิ่งที่แปลกปลอมเข้ามา ความเมื่อยไม่ใช่ร่างกาย ความเมื่อยไม่ใช่จิต เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า
ทีนี้พอนั่งไป พอมันเมื่อย ก็อย่าเพิ่งขยับ เราจะฝึกต่อ ขั้นต้นอดทนไว้ก่อน อดทนหน่อย อย่าเพิ่งกระดุกกระดิก นั่งไปแล้วพอมันปวดมากๆนะ จิตใจมันจะเริ่มทุรนทุราย กระสับกระส่าย พอนั่งมากๆนั่งปวดมากๆนะ เป็นเหน็บเป็นอะไรนะ ชักกลุ้มใจ เอ๊..นั่งนานจะเป็นอัมพาตหรือเปล่า? จะเดินได้อีกมั้ย อะไรอย่างนี้นะ ความกลุ้มใจเกิดที่ใจเกิดที่จิต ความปวดเมื่อยเกิดที่ร่างกาย ความกลุ้มใจเกิดที่จิต เพราะฉะนั้นความปวดเมื่อยกับความกลุ้มใจเนี่ย คนละอันกัน
ความปวดเมื่อยนั้นเรียกว่า เวทนาขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ ความกลุ้มใจความกังวลใจอะไรอย่างนี้ เรียกว่าสังขารขันธ์ คนละขันธ์ คนละกลุ่มกัน เนี่ย ค่อยๆหัดแยก แล้วความกลุ้มใจก็ไม่ใช่จิต จิตทีแรกไม่กลุ้มใจ แต่จิตตอนนี้กลุ้มใจ เพราะฉะนั้นมันเป็นคนละอันกัน หัดฝึกไปเรื่อยนะ ให้ชำนิชำนาญ
550409.23m13-25m04
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่ ห้องสุวรรณภูมิบอลรูม ชั้น ๒ อาคารบี
บจก. เตียวฮงสีลม บางพลี
วันจันทร์ที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
ระหว่างเวลา ๑๓:๐๐ – ๑๕:๐๐ น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น