วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ"เขาพูดกับพระ เขาพูดอย่างกะเป็นเพื่อน""เขาทำตัวกร่างวางตัวกับพระเหมือนพระยังเป็นฆราวาสด้วยกัน"*******************นี้คือ "มานะ อัตตา"คือยังมีความเห็นว่า "เขามีจริง""เรามีจริง"=นี้เป็นส่วนของ นามธรรมต่อเมื่อเรารู้กาย รู้ลมความคิดที่ว่ามี"เขา" มี "เรา"จะดับหายไปอย่างขาดสะบั่นเลยเพราะวิญญาณมีการเปลี่ยนการรับรู้ขันธ์จากที่เข้าไปตั้งใน"สังขารขันธ์"คิดว่า(มีเขา,มีเรา)อยู่พอเปลี่ยนไปตั้งใน "รูปขันธ์"คือรู้กายหรือรู้ลมปุ๊บสังขารความคิดก็จะดับเปรียบเหมือน ออกจากห้องหนึ่ง แล้วเดินไปเข้าอีกห้อง# แต่เมื่อยังมีการยึดถือ ในสิ่งที่ตนทำ(กรรม)อยู่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ยังต้องมีวิบาก(ผล) หวนวนมาให้ผลเสมอ("น้ำผึ่งเอ้ย.. ขึ้นชื่อว่าผู้ได้ห่มเหลืองนั้น..........................ก็คือผู้บวชแล้วพยามยามทำจิตให้สะอาดเจริญขึ้น(อริยะ)..........................เห็นใครห่มเหลืองแล้ว เราไม่รู้ว่ามีศีลหรือไม่มี ก็จงทำจิตให้มีความเคารพน้อมน้อม แม้ทางกายก็ต้องน้อบน้อม...........................จงให้ทาน แล้วให้มีความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตามด้วย เหมือนกับว่า เราได้ไปขอทานได้สิ่งของมามากมายจนเต็มภาชนะแล้วต้องการจะถ่ายเทออก เพื่อจะไปขออีกรอบและมีเจ้าหน้าที่วางภาชนะใบใหญ่พร้อมให้ถ่ายเทแล้วเราจึงเทออกไป" ด้วยความสบายใจยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เทออก"จงทำความรู้สึกแบบนี้ให้มีในเวลาที่ให้ทาน.......................... และจงพูดจาแบบที่สองกับท่านแบบที่1เอาไว้พูดแบบฆราวาส อย่าเอาไปพูดเล่น พูดไร่สาระกับพระท่านแบบที่2เอาไว้ใช้พูดกับพระสงฆ์เท่านั้น คือวาจาที่กลั่นกรองดีแล้ว มีความน้อบน้อมแล้ว เหมาะแก่จะทานเข้าหูพระแล้วจึงพูดออกไป อย่าได้เอาแบบที่หนึ่งมาใช้พูดกับพระ............................สมัย 2,000 ปีที่แล้วฆราวาสจะพูด2แบบแบบที่1ใช้พูดกับฆราวาสด้วยกันแบบที่2เอาไว้พูดกับพระเท่านั้นมาปัจจุบันนี้ การคิด การพูด การทำ ที่ควรหรือไม่ควรกับพระมืดมนไม่มีใครชี้ให้สว่างเห็นว่าควรทำไง เพราะความไม่รู้นั้นมีมาก................................ที่สอนอย่างนี้เหตุและผลคือจิตหนูจะได้ไม่เสื่อมถอย ในประตูความสว่างคือประตู (สวรรค์,นิพพาน)หนูพูดจาดี กับพระพระก็คือกระจกเหลืองที่แรงสะท้อนไม่ธรรมดาเหมือนกระจกแบบฆราวาสกุศลที่เกิดจากปากพูดดี จะแบ่งไปให้ผล 3 ทางกุศไปทางที่1 คือให้ผลในชาติปัจจุบันปากหนูจะรูปสวย จิตก็จะตรงทางที่2 จะเอาไปให้ผลในชาติหน้าเมื่อหนูเกิดอีกปากจะสวยงาม เสียงจะดีน่าฟังทางที่3 จะเอาไปให้ผลในชาติถัดๆไป13 เมษายน 2016 เวลา 14:17 น.

พระมงคลชัย กิตติโสภโณ อย่าหลงวิบากเด้อ
"เขาพูดกับพระ เขาพูดอย่างกะเป็นเพื่อน"
"เขาทำตัวกร่างวางตัวกับพระ
เหมือนพระยังเป็นฆราวาสด้วยกัน"
*******************
นี้คือ "มานะ อัตตา"
คือยังมีความเห็นว่า "เขามีจริง"
"เรามีจริง"
=นี้เป็นส่วนของ นามธรรม
ต่อเมื่อเรารู้กาย รู้ลม
ความคิดที่ว่ามี"เขา" มี "เรา"
จะดับหายไปอย่างขาดสะบั่นเลย
เพราะวิญญาณมีการ
เปลี่ยนการรับรู้ขันธ์
จากที่เข้าไปตั้งใน"สังขารขันธ์"
คิดว่า(มีเขา,มีเรา)อยู่
พอเปลี่ยนไปตั้งใน "รูปขันธ์"
คือรู้กายหรือรู้ลมปุ๊บ
สังขารความคิดก็จะดับ
เปรียบเหมือน ออกจากห้องหนึ่ง แล้วเดินไปเข้าอีกห้อง
# แต่เมื่อยังมีการยึดถือ ในสิ่งที่ตนทำ(กรรม)อยู่
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ยังต้องมีวิบาก(ผล) หวนวนมาให้ผลเสมอ
("น้ำผึ่งเอ้ย.. ขึ้นชื่อว่าผู้ได้ห่มเหลืองนั้น
..........................
ก็คือผู้บวชแล้วพยามยามทำจิต
ให้สะอาดเจริญขึ้น(อริยะ)
..........................
เห็นใครห่มเหลืองแล้ว เราไม่รู้ว่ามีศีลหรือไม่มี ก็จงทำจิตให้มีค
วามเคารพน้อมน้อม แม้ทางกายก็ต้องน้อบน้อม
...........................
จงให้ทาน แล้วให้มีความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตามด้วย เหมือนกับว่า เรา
ได้ไปขอทานได้สิ่งของมามากมายจนเต็มภาชนะ
แล้วต้องการจะถ่ายเทออก เพื่อจะไปขออีกรอบ
และมีเจ้าหน้าที่วางภาชนะใบใหญ่พร้อมให้ถ่ายเทแล้ว
เราจึงเทออกไป" ด้วยความสบายใจยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เทออก"
จงทำความรู้สึกแบบนี้ให้มีในเวลาที่ให้ทาน
.......................... และจงพูดจาแบบที่สองกับท่าน
แบบที่1เอาไว้พูดแบบฆราวาส อย่าเอาไปพูดเล่น พูดไร่สาระ
กับพระท่าน
แบบที่2เอาไว้ใช้พูดกับพระสงฆ์เท่านั้น คือวาจาที่กลั่นกรองดี
แล้ว มีความน้อบน้อมแล้ว เหมาะแก่จะทานเข้าหูพระแล้ว
จึงพูดออกไป อย่าได้เอาแบบที่หนึ่งมาใช้พูดกับพระ
............................
สมัย 2,000 ปีที่แล้ว
ฆราวาสจะพูด2แบบ
แบบที่1ใช้พูดกับฆราวาสด้วยกัน
แบบที่2เอาไว้พูดกับพระเท่านั้น
มาปัจจุบันนี้ การคิด การพูด การทำ ที่ควรหรือไม่ควรกับพระ
มืดมนไม่มีใครชี้ให้สว่างเห็น
ว่าควรทำไง เพราะความไม่รู้นั้นมีมาก
................................
ที่สอนอย่างนี้เหตุและผลคือ
จิตหนูจะได้ไม่เสื่อมถอย ในประตูความสว่าง
คือประตู (สวรรค์,นิพพาน)
หนูพูดจาดี กับพระ
พระก็คือกระจกเหลือง
ที่แรงสะท้อนไม่ธรรมดา
เหมือนกระจกแบบฆราวาส
กุศลที่เกิดจากปากพูดดี จะแบ่งไปให้ผล 3 ทาง
กุศไปทางที่1 คือให้ผลในชาติปัจจุบัน
ปากหนูจะรูปสวย จิตก็จะตรง
ทางที่2 จะเอาไปให้ผลในชาติหน้า
เมื่อหนูเกิดอีกปากจะสวยงาม เสียงจะดีน่าฟัง
ทางที่3 จะเอาไปให้ผลในชาติถัดๆไป
13 เมษายน 2016 เวลา 14:17 น. 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น