ผู้หญิงที่หน้าตาน่ารักนิดหน่อย หรือสวยนิดหน่อยแต่ตัวเตี้ยมาก
ไม่สมส่วนเลย เช่นอ้วน ขาใหญ่ ผมหย๋อง เป็นต้น
ถ้าให้อาตมาพิจารณาตามกรรมวิบาก ในชาติก่อนของเขา
"เกิดจากกรรมดีที่เคยให้ทานด้วยใจที่มีความศรัท
ธาอย่างแรงกล้า ขณะให้ก็ยินดีที่จะให้ แม้ให้ทานไปแล้ว ก็
ยังนึกปลื้มไม่ยอมเลิก
แม้เวลาจะผ่านไป เป็นวัน 2วัน 3วัน 5วัน 7วัน หรือกี่วันกี่ปี
ก็ตามเมื่อนึกขึ้นมาได้ก็ยังมีอาการปลื้มเกิดขึ้นมาอีก ยัง
กับว่านั่งทาแม็คซีนย้อนเวลากับไปใส่บาตในวันนั้นอีก
# ซึ่งทางภาษาพระท่านเรียก อาการหลังจากใส่บาต
แล้วปลื้มนี้ว่า "โสมนัส" ซึ่งเป็นไปในทางกุศล
ถ้าเรานึกบ่อยๆก็เป็นการเพิ่มบุญให้ตนเอง ได้อย่างอัศจรร "
นี่ก็เลยเป็นเหตุให้หน้าสวยระดับหนึ่งพอใช้ได้
แต่เหตุที่ทางร่างกาย อ้วนบ้าง เตี้ยบ้าง ผอมจัดแห้งบ้าง คอ
ใหญ่มากๆบ้าง หนวดก็มีเยอะ หรือมีผมหย๋อง เป็นต้น
เป็นเพราะศีลยังกระพร่องกระแพร่งอยู่
สรุปก็คือบุญจากการรักษาศีลแต่ละข้อยังมีประมาณน้อย
สวยแต่เสียงแหบเหมือนเสียงเป็ด
เพราะบกพร่องเรื่องกรรมจาก การพูดเท็จมาก
การพูดยุให้คนอื่นแตกกันมาก ใส่ร้ายผู้อื่นมาก
การพูดเสียดสีทำร้ายจิตใจผู้อื่นมาก
การพูดเรื่องเหลวไหลที่ไร้สาระมาก
# มากนี้ ก็คือ บ่อยครั้ง
เราลองสังเกตดู คนที่ไม่มีฟันเลยในปาก
หรือมีปัญหาเรื่องเสียงเรื่องปากเรื่องฟัน มักจะเป็นคนทำกรรมอยู่
ใน 4 ข้อน
ขอยกคนที่อาตมาเกิดมาแล้วได้รู้จัก
ขอใช้นามสมมุติว่า นายหนึ่ง
นายหนึ่งนี่ ชอบพูดเสียดสีทำร้ายจิตใจผู้อื่นมาก ในปากแก
ไม่มีฟันเลยสักเล่ม
ลำบากในการเคี้ยวอาหารทั่วไปๆมาก
ก็คือพูดด่านั้นเอง ด่าอยากให้ดีอยากให้ได้ดี
คงจะเห็นว่า "จำเป็นต้องด่า ไม่ด่าไม่ได้"
นายสอง เป็นคนที่พูดเพ้อเจ้อไร้สาระมาก พูดไม่หยุดเลย
ซึ่งมีกลิ่นปากเหม็นมาก สงสัยคงจะเห็นว่า "ไม่ควรปล่อยให้มี
ความเงียบ"
นายสาม เป็นคนที่พูดแล้วผิดสัจจะบ่อยมาก
ซึ่งเป็นอาตมาเอง อย่างเช่น สมัยเรียน ชอบรับปากเพื่อน
แล้วทำไม่ได้ พรุ่งนี้เดี๋ยวเอาของมาให้นะ พอถึงวันรุ่งขึ้น
อาตมาไม่ไปโรงเรียน ประมาณนี้
ตอนต้นคือตอนที่พูดรับปากไป ไม่มีเจตนาจะโกหกหรือเบี้ยวหรือ
พูดเล่นหลอกลวงเลย แต่ตอนปลาย มันไม่ได้ทำตามที่พูดไม่ได้
ก็เลยเป็นผิดสัจจะไป
หรือสมมุติตัวอย่างตอนบวชช่วงพรรษาแรก
พูดต่อหน้าพระพุทธรูปว่า "จะนั่งสมาธิจนสว่าง"
ตอนพูดก็ไม่ได้โกหกเลยนะ ไม่ได้จะหลอกพระพุทธรูปด้วย
แต่พอนั่งไปแล้ว ใกล้จะห้าทุ่ม เริ่มง่วงมาก
นิวรณ์๕มาครอบจิตมาก เพราะจิตมันไม่สงบแน่น
ถ้ามันเป็นสมาธิแน่นแล้ว นั่งไปถึงเช้าก็ทำได้ แต่นี่มันไม่แน่น
ก็เลยเป็นผิดสัจจะไป รู้สึกไม่ค่อยจะไว้ใจตัวเองได้เ
ลยเวลาพูดออกไปแล้ว
จากนั้นมาก็ พูดแค่ว่าจะนั่ง 15 นาทีนะ
ก็นั่งไปๆ ถ้าเลย 15 นาที นี่ภูมิใจมาก
ก็เริ่มพัฒนามาเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าเริ่มไว้ใจคำพูดตนเองได้แล้ว
# เมื่อลั่นวาจาสัจจะนั้นออกไปแล้ว
แต่เมื่อมารู้อีกทีว่า เฮ้ย..มันเป็นสัจจะที่ไม่ดีนิ ไม่ทำให้ตนไปในท
างดีเลย
เราจงถอนสัจจะนั้นเสีย
เช่น พรุ่งนี้รับปากกับเพื่อนว่า จะไปกินเหล้า
จะไปหลอกสาวมาฟัน จะไปขโมยวิ่งราวทรัพย์ จะไปฆ่าคู่อริ
ฆ่าสัตว์เป็นต้น เหล่านี้คือสัจจะไม่ดี ถ้าผีออกเมื่อไร กลับคำ
ไม่ทำตาม พระอริยะท่านสรรเสริญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น