อินทรีย์ของบุคคล 10 จำพวก
(บุคคลผู้ทุศีล มีศีล ราคะกล้า มักโกรธ ฟุ้งซ่าน ...
ทำอย่างไรจึงจะไปทางเจริญอย่างเดียวไม่ถึงความเสื่อม)
-----------------------------------------
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรอานนท์ ก็มิคสาลาอุบาสิกาเป็นพาลไม่ฉลาด
เป็นคนบอด มีปัญญาทึบ เป็นอะไร และพระสัมมาสัมพ
ุทธเจ้าเป็นอะไร ในญาณเครื่องกำหนดรู้ความยิ่งแล
ะหย่อนแห่งอินทรีย์ของบุคคลดูกรอานนท์ บุคคล ๑๐
จำพวกนี้มีอยู่ในโลก ๑๐ จำพวกเป็นไฉน
ดูกรอานนท์ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ทุศีล และไม่รู้ชัดซึ่
งเจโตวิมุติ ปัญญาย่อมถึงความเจริญอย่างเดียว ไม่ถึง
ความเสื่อม ดูกรอานนท์ พวกคนผู้ถือประม
าณย่อมประมาณในเรื่องนั้นว่า ธรรมแม้ของคนนี้ก็เหล่า
นั้นแหละ ธรรมแม้ของคนอื่นก็เหล่านั้นแหละ เพราะเหตุไร
ในสองคนนั้น คนหนึ่งเลว คนหนึ่งดีก็การประมาณของคนผู้ถื
อประมาณเหล่านั้น ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์เก
ื้อกูลเพื่อทุกข์ ตลอดกาลนาน ดูกรอานนท์ ในสองคนนั้น
บุคคลใด เป็นผู้ทุศีลและรู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อัน
เป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตาม
ความเป็นจริง กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วย
ความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิ ย่อมได้วิมุตติแ
ม้อันเกิดในสมัย ดูกรอานนท์บุคคลนี้ดีกว่าและประ
ณีตกว่าบุคคลที่กล่าวข้างต้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะกระแสแห่งธรรมย่อมถูกต้องบุคคลนี้ใครเล่าจะพึงรู้เหตุ
นั้นได้ นอกจากตถาคต
ดูกรอานนท์ เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายอย่าได้เป็น
ผู้ชอบประมาณในบุคคลและอย่าได้ถือประมาณในบุคคล
เพราะผู้ถือประมาณในบุคคลย่อมทำลายคุณวิเศษของตน
เราหรือผู้ที่เหมือนเราพึงถือประมาณในบุคคลได้ ฯ
ดูกรอานนท์ ก็บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีศีล แต่ไม่รู้ชัดซึ่
งเจโตวิมุติปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งศีลของ
เขา ตามความเป็นจริงบุคคลนั้นไม่ทำกิจแม้ด้วยการฟัง
ไม่กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต ไม่แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ย่อมไม่ได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป
เขาย่อมไปทางเสื่อม ไม่ไปทางเจริญ ย่อมถึงความเสื่
อมอย่างเดียว ไม่ถึงความเจริญดูกรอานนท์
ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีศีล และรู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ
ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งศีลของเขา ตาม
ความเป็นจริงบุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง
กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิ
ย่อมได้วิมุติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป
เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อม ย่อมถึงความเจริ
ญอย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อมดูกรอานนท์ ฯลฯ เราหรือ
ผู้ที่เหมือนเราพึงถือประมาณในบุคคลได้ ฯ
ดูกรอานนท์ ก็บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีราคะกล้า ทั้ง
ไม่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดย
ไม่เหลือแห่งราคะของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้น
ไม่กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง ไม่กระทำกิจแม้ด้วยความ
เป็นพหูสูต ไม่แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิ ย่อมไม่ได้วิมุต
ติแม้อันเกิดในสมัยเมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเสื่อม
ไม่ไปทางเจริญ ย่อมถึงความเสื่อมอย่างเดียวไม่ถึง
ความเจริญ ดูกรอานนท์ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็น
ผู้มีราคะกล้าแต่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโด
ยไม่เหลือแห่งราคะของเขาตามความเป็นจริงบุคคลนั
้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความ
เป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิ ย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิด
ในสมัยเมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อม
ย่อมถึงความเจริญอย่างเดียวไม่ถึงความเสื่อม ดูกรอานนท์
ฯลฯ เราหรือผู้ที่เหมือนเราพึงถือประมาณใน
บุคคลได้ ฯ
ดูกรอานนท์ ก็บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักโกรธ ทั้ง
ไม่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดย
ไม่เหลือแห่งความโกรธของเขาตามความเป็นจริง บุคคลนั้น
ไม่กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง ไม่กระทำกิจแม้ด้วยความ
เป็นพหูสูต ไม่แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิ ย่อมไม่ได้วิมุต
ติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเสื่อม
ไม่ไปทางเจริญ ย่อมถึงความเสื่อมอย่างเดียว ไม่ถึง
ความเจริญ ดูกรอานนท์ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็น
ผู้มักโกรธ แต่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดย
ไม่เหลือแห่งความโกรธของเขา ตามความเป็นจริงบุคคล
นั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟังกระทำกิจแม้ด้วยความ
เป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิด
ในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อม
ย่อมถึงความเจริญอย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อม
ดูกรอานนท์ ฯลฯ เราหรือผู้ที่เหมือนเราพึงถือประมาณ
ในบุคคลได้ ฯ
ดูกรอานนท์ ก็บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฟุ้งซ่าน ทั้ง
ไม่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดย
ไม่เหลือแห่งความฟุ้งซ่านของเขา ตามความเป็นจริงบุคคล
นั้นไม่กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง ไม่กระทำกิจแม้ด้วยความ
เป็นพหูสูต ไม่แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิ ย่อมไม่ได้วิมุต
ติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเสื่อม
ไม่ไปทางเจริญ ย่อมถึงความเสื่อม
อย่างเดียว ไม่ถึงความเจริญดูกรอานนท์
ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฟุ้งซ่าน แต่รู้ชัดซึ่งเจ
โตวิมุติปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งคว
ามฟุ้งซ่านของเขา ตามความเป็นจริงบุคคลนั้นกระทำก
ิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูตแทงตลอด
ด้วยดีแม้ด้วยทิฐิ ย่อมได้วิมุติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป
เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อม ย่อมถึงความเจริ
ญอย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อมดูกรอานนท์ พวกคน
ผู้ถือประมาณ ย่อมประมาณในเรื่องนั้นว่าธรรมแ
ม้ของคนนี้ก็เหล่านั้นแหละ ธรรมแม้ของคนอื่นก็เหล่านั้นแหละ
เพราะเหตุไรในสองคนนั้น คนหนึ่งเลว คนหนึ่งดี
ก็การประมาณของคนผู้ถือประมาณเหล่านั้นย่อมเป็น
ไปเพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ ตลอดกาลนาน
ดูกรอานนท์ในสองคนนั้น บุคคลใดเป็นผู้ฟุ้งซ่าน
แต่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดย
ไม่เหลือแห่งความฟุ้งซ่านของเขา ตามความเป็นจริง
บุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความ
เป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิ ย่อมได้วิมุติแม้อันเกิด
ในสมัย บุคคลนี้ดีกว่า และประณีตกว่าบุคคลที่กล่าวข้าง
ต้นโน้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะกระแสแห่งธรรมย่อมถูก
ต้องบุคคลนี้ ใครเล่าจะพึงรู้เหตุนั้นได้นอกจากตถาคต
ดูกรอานนท์ เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายอย่า
ประมาณในบุคคลและอย่าได้ถือประมาณในบุคคลเพราะผ
ู้ถือประมาณในบุคคล ย่อมทำลายคุณวิเศษของตนเรา
หรือผู้ที่เหมือนเราพึงถือประมาณในบุคคลได้ ฯ
ทสก.อํ. ๒๔/๑๒๓/๗๕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น