วันพุธที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ระหว่างที่เกิด ถึงตายจะจนหรือรวย จะสวยหรือหล่อระหว่างที่เกิดถึงตายนี้สาระของเขาอยู่ตรงนี้


ระหว่างที่เกิด ถึงตาย
จะจนหรือรวย จะสวยหรือหล่อ
ระหว่างที่เกิดถึงตายนี้
สาระของเขาอยู่ตรงนี้
๑.บุญกุศล (จากการให้ทาน จากการรักษาศีล จากการเจริญภาวนา)
๒.สติ ระลึกได้ในกายในใจในปัจจุบัน
๓.ปัญญาในการเห็นว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา ร่างกายบุคคลอื่นก็ไม่ใช่ของเขา
4.เห็นอารมรมณ์ทั้งหลายที่ผลัดเปลี่ยน
กันมาให้เรารู้ ทั้งสุข, ทุกข์,  เฉยๆ, ผ่านมาผ่านไปเหมือนลมพัดจิต
ลมเย็นพัดผ่านมาก็รู้สึกสุข
ลมร้อนพัดผ่านมาก็รู้สึกทุกข์
ลมไม่เย็นไม่ร้อนผ่านมาก็รู้สึกเฉยๆ
ลมทั้ง 3 อย่างนี้ คือ (สุข) (ทุกข์) (เฉยๆ)ผ่านมาผ่านไป
ผู้ใดสะสมความเห็นบ่อยๆว่า..นั่น"สุข"มันมาอีกแล้ว เราจะเป็นผู้สังเกตดู"สุขนั้น"หายไป
ความสุขนั้นเหมือนลมเย็น..ไม่นานมันก็แปรปรวนหายไป เราจะมีสติเป็นผู้สังเกตการณ์ ดูมันหายไป
ผู้ใดสะสมความเห็นบ่อยๆว่า..นั่น"ทุกข์"มันมาอีกแล้ว เราจะเป็นผู้สังเกตดู"ทุกข์นั้น"หายไป
ความทุกข์นั้นเหมือยลมร้อน..ไม่นานมันก็แปรปรวนหายไป เราจะมีสติเป็นผู้สังเกตการณ์ ดูมันหายไป
นั้นแหละคือผู้เกิดมาไม่ตายเปล่าๆเสียประโยชน์ ไม่เกิดมาเล่นๆเปล่าๆ คือเกิดมาไม่ได้สาระ
พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า "โมฆะบุรุษ"ก็คือคนที่เกิดมาโมฆะชีวิต"
#กายนี้เจริญไปหาความตายแท้ๆ
พระก็เจริญไปหาความตายในคาบผ้าเหลือง
ฆราวาสก็เจริญไปหาความตายในคาบเสื้อผ้านุ่งห่มแบบชาวบ้าน
คนทำงานก็เจริญไปหาความตายในคาบเสื้อผ้านุ่งห่มแบบคนงาน
คนรวยก็เจริญไปหาความตายในคาบเสื้อผ้าดีๆในบ้านหลังใหญ่ๆมีเงินรวยๆ
คนจนก็เจริญไปหาความตายในสภาพคนจน
ต้นไม้ทุกต้นก็เกิดมาเจริญไปหาความตายแท้ๆ
โอ้.... ควรแท้ ที่จะมุ่งถือเอาประโยชน์จาก 4 ข้อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น