วันพุธที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ขอโอกาสฝากคำถามนะคะ คือ เมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาสฟังธรรมะเรื่องการ

  • ขอโอกาสฝากคำถามนะคะ คือ เมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาสฟังธรรมะเรื่องการปฏิบัติแบบตกกะไดพลอยโจน ฟังแล้วก็จับใจความได้ว่าเป็นการปฏิบัติแบบพิเศษนอกเหนือจากทีเราปฏิบัติปกติ เป็นการฝึกแบบวันละ5นาที
    มีความสนใจมากค่ะ แต่ฟังไปฟังไปก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าใจว่าจะทำจิตแบบนั้นยังไง เลยอยากถามคุณตุลย์ว่าพอใจอธิบายให้เข้าใจหน่อยได้มั๊ยคะ
    ที่ตกใจไปกว่านั้นคือ การฟังธรรมเรื่องนี้แล้วค้นคว้า
    พบคำหลายคำ เช่น สักแต่ว่ารู้สักแต่ว่าเห็น /จิตเกิดดับ
    ทำให้ต้องกลับมาถามตัวเองว่าที่ผ่านมานั้น
    ที่ปฏิบัติในชีวิตประจำวันอยู่นั้นมันไม่ก้าวหน้าหรือไรทำไม จู่ๆดันไม่แน่ใจขึ้นมาว่าตัวเองเข้าใจคำว่าสักแต่ว่ารู้สักแต่ว่าเห็นถูกหรือไม่ และชักไม่แน่ใจว่าที่ผ่านมาตัวเองเห็นเกิดดับถูกรึเปล่า
    เพราะคล้ายกับว่า การเห็นเกิดดับที่ถูกนั้นต้องเห็นจิตเป็นดวงๆ แต่ที่เราเห็นนั้นเป็นทำนองว่า เห็นอารมณ์ต่างๆเกิดขึ้นมา ตั้งอยู่สักพัก ดีกรีไม่เท่ากันแล้วก็ดับไป เช่น เห็นความโกรธเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป แต่ไม่ได้เห็น จิตดวงนี้เกิดแล้วดับ คล้ายกับว่าเห็นว่ามีตัวเราอยู่คนนึงไปรู้ทุกอย่างเกิเดับอย่างนั้น
    สับสนมึนงงไปหมดเลยค่ะ
    เลยอยากขอความกรุณาช่วยให้ความกระจ่างทีคะ เพราะเริ่มปฏิบัติต่อไปไม่ถูก แล้วคะ ขอบพระคุณค่ะ
    • ขอโอกาสตอบ..
      การที่เห็นอารมณ์ต่างๆเกิดขึ้นมา ตั้งอยู่สักพัก ดีกรีไม่เท่ากันแล้วก็ดับไป วนเวียนโชว์ความไม่เที่ยงอยู่แบบนี้
      และเราเองก็คล้ายๆว่า ถอยออกมาเป็นผู้รู้ผู้ดู. เห็นความไม่เที่ยงของอารมณ์เช่นนี้
      ปฏิบัติถูกแล้วครับ
      ถ้าเห็นอารมณ์สุข-ทุกข์ โชว์ความไม่เที่ยงเช่นนี้ ส่วนเราก็เป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่ตางหาก การปฏิบัติมาถูกทางแล้วครับ
      เป็นเวทนานุปัสสนา
      ถ้าเห็นความโกธร หรือราคะ โลภะ เกิดขึ้นมาโชว์ความไม่เที่ยงให้ดู ส่วนเราก็เป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่ตางหาก เช่นนี้ปฏิบัติมาถูกทางแล้วครับ
      เป็นจิตตานุปัสสนา
      #ส่วนเรื่อง ต้องเห็น ดวงจิต เป็นดวงๆ เกิดดับ
      ความจริงแล้วจิตไม่ใช่เป็นดวงๆ หรือกลมๆ ครับ
      ถ้าเห็น อารมณ์โกธรเกิดขึ้นแปรปรวนโชว์ไม่เที่ยงเช่นนี้
      ถ้าเห็นอารมณ์โลภเกิดขึ้น
      โชว์ความแปรปรวนให้ดูว่าไม่เที่ยง เช่นนี้
      ทั้งหมดนี้ เรียกว่า จิตสองดวงเกิดดับครับ
      ให้เป็นผู้รู้ผู้ดู ให้ชำนานเพื่อให้เป็นฐานก่อนครับ
      แม้ความคิดว่าเราเป็นตัวตนหนึ่งที่เป็นผู้รูผู้ดู ก็ไม่เที่ยงครับเป็นสังขารขันธ์
      ครูบาอาจารย์บางท่านภูมิอาคามี เป็นผู้รู้อยู่ ๒๐ กว่าปี
      จึงอรหัตมรรคเกิด รู้มรรคในการถึงความเป็นพระอรหันต์
      ตอนนี้ให้คุณ ฝึกรู้ฝึกดู แยกรูปนามให้ชำนานก่อนครับ
      คือเป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่ต่างหาก เห็นกายโชว์ความไม่เที่ยงแปรปรวน
      เห็นอารมณ์ต่างๆโชว์ความไม่เที่ยงแปรปรวนให้เข้าใจว่า นั่นไม่ใช่เรา นั่นไม่ตัวตนของเรา
      คุณปฏิบัติมาถูกทางแล้ว
      ที่เห็นอารมณ์ไม่เที่ยง
      จริตคุณเหมาะกัมมฐานนี้
      #ขอให้เจริญๆในธรรม จนถึงที่สุดแห่งทุกข์ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น