แม้ตาจะเห็นว่ารูปมันไม่เที่ยง
ก็ไม่เป็นมรรคทุกขนิโรธะเลย
แม้หูจะได้ยินสััทธธาตุว่ามันไม่เที่ยง
ก็ไม่เป็นมรรคทุกขนิโรธะได้เลย
ถ้าปราศจาก อนิจสัญญาแล้ว ย่อมเป็นแบบนั้น
ฯเป
แม้มโนวิญญาณจะเห็นธมฺม ว่ามันแปรปรวนมีลักษณะทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ เป็นสิ่งว่างเปล่า
ก็ยังไ่่สามารถเป็นมรรคทุกขนิโรธะได้
เพราะยังปราศจากอนิจสัญญา อนัตสัญญา แล้วย่อมเป็นเช่นนั้น
แม้วิญญาณจะเห็นเวทนาธาตุ ว่ามันเคลื่อนแปรปรวนเป็นลักษณะที่ไม่เที่ยง
ก็ไม่สามารถเป็นมรรคทุกขนิโรธะได้เลย
ถ้าปราศจากอนิจสัญญาเข้าไปเห็นแล้ว
ย่อมเป็นเช่นนั้น
แม้วิญญาจะเห็นสัญญาธาตุ ว่ามันเคลื่อนแปรปรวนไม่เที่ยง
ก็ยังไม่สามารถเป็นมรรคทุกขนิโรธะได้
เพราะปราศจากอนิจสัญญา
แม้วิญญาณจะเห็นสังขารธาตุ
ว่ามันเคลื่อนแปรปรวนมีการไม่เที่ยง
ก็ยังไม่สามารถเป็นมรรคทุกขนิโรธะได้
เพราะปราศจากอนิจจสัญญา
ช่วงที่โลกว่างจากพระศาสนาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธะ เว้นพระปัจเจกหรือคำสอนพระปัจเจกเสีย
มนุษย์ทั้งหลาย ก็มีการเห็นรูปที่เคลื่อนที่แปรปรวน
ก็มีการได้ยินเสียง เสียงก็แปรปรวนสูงต่ำทำนองต่างระดับ
ฯเปฯ
ก็มีการทราบธรรมารมณ์ ธรรมารมณ์นั้นก็แปรปรวนมีลักษณะอยู่ในสภาพเดิมมิได้
เพราะปราศจาก อนิจสัญญา
สมัยที่โลกไม่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ
สมัยนั้นมีบุคคลที่เพียบพร้อมด้วยบารมี
จะสำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธะ
ก็เพียงแค่มองไม้ใบที่ล่นลง
แล้ว ทำอนิจสัญญา จนถึงกับสำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธะ
ก็คนหาฟืน คนล่าเนื้อ คนป่า ไม่เคยเห็น ใบไม้หลุดล่วงหรือ ต้องเคยเห็นแน่นอน
ก็เมื่อเห็นใบไม้หลุดล่วง ทำไมไม่บรรลุธรรม
ตอบ เพราะบารมียังไม่พร้อม
แม้ภิกษุในพระศานาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธ ที่เขริญอนิจสัญญา ก็ยังไม่บรรลุธรรมทันที
เนื่องจากอินทรีย์หรือบารมียังไม่แก่กล้า
แต่เมื่อพระองค์ตรัสอานอสงค์ของ อนิจสัญญา
ว่ามีอานิสงค์มากกว่่า ถวายวิหารทานที่มีพระพุมธเจ้าเป็นประมุข
#มันยังคิดว่า สิ่งที่มันจะทำ นั่น อันที่จะต้องเกี่ยวข้องในรูปปะธาตุ นั่นมีจริง
จะเข้าไปจัดการ #เรื่องซีดี
#เหตุการณ์อันเป็นการกระทำที่ผ่านมาซึ่งไร้สาระเพราะความหลง
มีไว้สอนใจในปัจจุบัน
ว่า อย่าให้พลาดไปเป็นอย่างนั้นอีก#
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น