พระสาวก เจริญดูจิต แล้ว ฯ ปรุงแต่งเกี่ยวกับ อสุภะ ผู้ชายแนวร่างกายบุรุษเป็นธาตุดินมาจากธรรมชาติ และต่อไปก็เป็นธรรมชาติ และบุรุษมีความหล่อมาก และมองเป็นอสุภะธาตุดินและน้ำปริยายไป
และนึกขึ้นมาว่า พระราชายืนหล่อที่สุดพร้อมสวมเครื่องประดับงามดีสุด ทรงไม่ยิ้ม แต่หล่อปกติ ขึ้นมา ยืนหล่อมาก คนเดียว บนพื้นปกติ ไม่มีฉากหลังว่าคืออยู่ในพระราชวังสวยงามแวววาวเพชรนิลจิลดา เป็นต้น พร้อมกับภาพทางมโนทวารก็ปรากฏขึ้นมา แล้ว เจริญกรรมฐาน ส่วนร่างกายมาจากดินน้ำปริยายไป และพระสาวกเดินออกไปกองดินบริเวรหน้ากุฏิ และ นึกคิดเป็นกรรมฐานกำหนดหมายว่า " กองดินนี้ ก็คือพระราชารูปหล่อทรงเครื่องประดับดูดีที่สุด
"กองดินนี้ ก็คือพระราชารูปหล่อทรงเครื่องประดับดูดีที่สุด "
"กองดินนี้ ก็คือพระราชารูปหล่อทรงเครื่องประดับดูดีที่สุด "
"กองดินนี้ ก็คือพระราชารูปหล่อทรงเครื่องประดับดูดีที่สุด "
"กองดินนี้ ก็คือพระราชารูปหล่อทรงเครื่องประดับดูดีที่สุด "
"กองดินนี้ ก็คือพระราชารูปหล่อทรงเครื่องประดับดูดีที่สุด "
"กองดินนี้ ก็คือพระราชารูปหล่อทรงเครื่องประดับดูดีที่สุด "
"กองดินนี้ ก็คือพระราชารูปหล่อทรงเครื่องประดับดูดีที่สุด "
"พระราชา ก็คือจะเป็นช่วงกองดินนี้ "
"พระราชา ก็คือจะเป็นช่วงกองดินนี้ "
"พระราชา ก็คือจะเป็นช่วงกองดินนี้ "
"พระราชา ก็คือจะเป็นช่วงกองดินนี้ "
"พระราชา ก็คือจะเป็นช่วงกองดินนี้ "
"พระราชา ก็คือจะเป็นช่วงกองดินนี้ "
อยู่พักหนึ่ง และก็จากนั้นเดินกลับมาหน้ากุฏิ ค้นดู กองดิน และหาดูรูปกองดิน ไปเรื่อยๆ พบรูปกองดินเหมาะ มาต่อยอด เจริญกรรมฐาน โดยกดดูรูปในappดูรูปภาพ ในภายหลัง
จิตใจกำลังหมุนดูจิตแล้วมีเกี่ยวกับผู้ชาย ราคะ ปราบ ราคะ และก็มองไปเห็น กองดิน บนถนน ด้านหลังมีต้นไม้ แล้วมีอารมณ์ธรรมะว่า ร่างกายก็คือธาตุดินตามธรรมชาติ และต่อไปก็กลับคืนสู่ธรรมชาติเป็นธาตุดินน้ำจนกลายเป็นดินปกติดั่งที่เห็น และกำหนดอริยะมรรคหมายขึ้นมาว่า พระราชาหล่อกว่าใครๆพร้อมอาภรณ์และเครื่องประดับ ก็มาจากธาตุดินตามธรรมชาติ แล้วก็พระราชาหล่อกว่าใครๆพร้อมอาภรณ์และเครื่องประดับนั้น ก็กลับคืนสู่ธรรมชาติเป็นช่วงธาตุดินบนกองพื้นถนนปูนแยกจากดิน
เป็นการปลงสู่ความเป็นดินเป็นกองเลยแยกจากพื้นถนนด้านล่าง
พระราชาหล่อกว่าใครๆ ก็มาจากธาตุดินตามธรรมชาติ
พระราชาหล่อพร้อมอาภรณ์และเครื่องประดับ ร่างกายก็กลับคืนสู่ธรรมชาติเป็นช่วงธาตุดินในที่สุด ดั่งที่เห็นเป็นกองดิน ที่เป็นกองบนถนนปูน เป็นการปลงสู่ความเป็นดินเป็นกองเลย
ต่างจาก ปลงไปที่ช่วง ร่างกายแห้งและเป็นฝุ่ยผง ละละเอียดเล็กมากๆ
ต่างจาก ปลงไปที่ช่วง ร่างกายเน่าส่วนธาตุดินไม่มีน้ำอยู่แล้วยังเป็นแห้งๆ
ปลงเป็นช่วงๆ ของร่างกายที่จะเป็นไปในอนาคต ช่วงต่างๆตามธรรมชาติ ช่วง ร่างกายไม่มีธาตุน้ำและธาตุไฟแล้ว หรือปลงไปที่ช่วงร่างกายจนกลายเป็นดินแบบเขาขุดมารวมกันเป็นกองไว้บนพื้นถนนใช้ตักไปใช้ มีถมหลุม เป็นต้น
สีผ้าอาภรณ์ แก้วสวยระยิบระยับ เข็มกลัด มีร้องเท้า และเครื่องประดับทั้งหมด ต่างๆ กลายเป็นช่วงธาตุดินหมด
สีเครื่องประดับ ที่อยู่กับเครื่องประดับชนิดต่างๆ และรูปทรงเครื่องประดับต่างๆ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เสื่อมแบบเร็ว มาเป็นดินเลย
สีหมดไม่มีเหลือกลายเป็นเม็ดดินไว้ใช้งาน มีถมหลุม เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น