วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2567

(ก่อนเกิดการพิมพ์นี้เหมือนมีครูบาอาจารย์เป็นคนบอก และมีเกี่ยวกับความกังวนเรื่องเพศ แต่ครูบาอาจารย์มาอธิบายให้ฟัง จึงโล่งออกออกไปที
ครูบาอาจารย์องค์ที่โหดๆที่เราชอบนั่นหละ
)
และครูบาอาจารย์อีกรูปหนึ่ง ดูทรงใจดี ไม่โหดเหมือนองค์ที่เราชอบ)

เข้าใจที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พาพระภิกษุรูปหนึ่งขึ้นไป สวรรค์ดูนางฟ้า
แล้วพระรูปนั้นมองเปรียบเทียบว่า คู่แต่งงานของตนเหมือนนางลิงที่เห็นบนต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าตรัสให้มองดู

จากนั้นพระภิกษุรูปนั้นก็หลงรักนางฟ้า


(สรุปความ คือพระพุทธเจ้า รู้ว่าจิตภิกษุรูปนี้มีราคะที่เป็นไปกับรูปขันธ์
ในบรรดารูปขันธ์แบบมนุษย์นั้น หญิงคู่แต่งงานมีอิทธิพลมากที่สุดที่ทำให้ภิกษุรูปนี้ มีราคะด้วย

พระสัมมาสัมพุทธะเจ้าจึงมีอุบาย ที่จะให้จิตของภิกษุรูปนี้ เปรียบเทียบ วัตถุที่ให้เกิดราคะ

จึงพาไปดูวัตถุที่ละเอียดกว่านั้นบนสวรรค์ คือวัตถุนางฟ้าอันไม่เที่ยงเป็นเท็จลวงคนโง่อยู่ตลอดเวลา

และประสงค์จะให้ราคะที่เป็นไปกับหญิงคู่แต่งงานและมนุษย์ทั้งหลายถูกเลิกออกถอนออกบรรเทาออกอย่างถึงที่สุด

จากนั้นพระภิกษุรูปนี้ จิตทำการเปรียบเทียบว่าใครสวยใครละเอียดกว่ากัน
ขิตก็ตอบว่า นางฟ้าดีกว่าละเอียดกว่า

และต่อจากนั้นก็ประพฤพรหมจรรย์เพื่อที่จะได้นางฟ้านั่นมาเป็นเมีย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าทุเลศอุบาทที่สุดของผู้ประพฤติพรหมจรรย์อย่างไม่มีชิ้นดีเลย

ความคิดที่จะอยากได้คู่แต่งงานมาเป็นเมียนั่นถ้ามีแอบสึกไปแล้ว แต่มีแต่มุ้งจะเอานางฟ้าอนิจจังนั่นมาเป็นเมีย  ไม่นานก็ดับสูญเพราะหมดบุญ และเพราะเหตุปัจจัยต่างๆที่ทำให้ดับสูญ

ต่อมาภิกษุรูปนั้นจึงทำการปรารภความเพียรเอาบุญกุศลเพื่อที่จะไปเกิดเป็นเทพบุตรและเพื่อที่จะมีนางฟ้าอยู่เคียงข้าง

พระพุทธเจ้าทราบโดยตลอด แต่เฉยไว้
เพราะรู้ว่าบุคคลผู้ประพฤติพรหมจรรย์มายาวนานหลายภพชาติ จะมีหิริโอตตับปะเกิดความละอายขึ้น
เพราะประพฤติพรรจรรย์เพื่อของสกปกเพื่อสิ่งที่สมณพรตทิ้งกันทั้งนั้น  จึงละอายใจขึ้นมา
แม้พระภิกษุในสำนักนั้นจะไม่โพนทะนาก็ตาม
ย่อมมีความละอายเองในที่สุด    เพราะรู้ว่าคนอื่นเข้ามุ่งนิพพาน หามุ่งนางฟ้าไม่ พระศาสดาเองก็สอนให้มุ่งนิพพาน แต่นี่มามุ่งของต่ำของเลวที่พระสัมมาสัมพุทธะเจ้าสอนให้หลีกสอนให้หนี
ให้ละไปจากสิ่งเหล่านี้ และให้ถึงพร้อมด้วยมรรคมีองค์แปดในปัจจุบันทันกาล และให้ถึงที่สุดจุดจบแห่งทุกข์โดยเร็วพลัน ไม่ไปหลงยมาธานปปัญจะธรรม คือธรรมอันเป็นที่ให้ตรัสรู้ธรรมช้า
แล้วถึงซึ่งแห่งมรรคญาญสุดท้าย และถึงจุดจบแห่งทุกข์อย่างแท้จริงไม่อิ่งอาศัยสิ่งใดทั้งสิ้น
หมดสิ้นความมืดความบอดความโง่ ที่มีมาแล้วยาวนานนับเอนกชาติ ถึงที่สุดจุดจบแห่งธรรมทั้งปวง 
หมดไม่มีเหลืออะไร มีแต่ความบริสุทธิผุดผ่องดั่งแสงจันทร์ในยามราตรีที่แสนโปร่งโล่ง หมดทุกข์หมดกังวน หมดนิวรณ์หมดกามฉันทะ ถึงซึ่งธรรมสุดท้ายคือมหานิพพาน ไม่เกิดตายอีกตลอดอนันตกาล.............

อสุภะกรรมฐานบำเพ็ญให้มาก และกายคตาสติสูตรนั่นแหละบำเพ็ญให้มาเจริญให้มาก ทั้งฝ่ายสัญญาที่เป็นไปกับกาย และสัมปะชันยะที่เป็นไปกับกาย ทั้งอานาปานสติที่เป็นไปกับลมหายใจเข้าลมหายใจออก  เมื่อเกิดนิมิตใดๆขึ้นก็ตามอย่าตกใจกลั่วเป็นอันขาด แต่ให้มนสิการว่านิมิตเหล่านั้นไม่เที่ยง เป็นทุกข เป็นอนัตตา เรียกว่าเอาไตรลักษณ์เข้าแนบเลย อย่าให้เผลอ ต่อเมื่อต้องการผักผ่อนอย่ามนสิการว่าลมอนิจจัง แต่ให้แน่วแน่อยู่แต่กับลมโดยอุบายอันแหยบคาย และให้ถึงพร้อมด้วยสติสัมปะชันยะที่เป็นไปกับลมหายใจนั้น ก็จะเป็นเหตุให้ถึงความสงบซึ่งใจไม่กวัดแกร่งสับสนวุ่นวายไปมาเหมือนลิงและถึงฌานในที่สุด อภิญญาที่ได้แล้วก็จะแก่กล้าขึ้นเรียกว่าจิตกับอภิญญาทันกัน ไม่มั่วไม่นิมมีแต่จริงกับจริงเหมือนอย่างที่มองมานี้แหละ ซึ่งก็เป็นของจริง
และขอให้จำไว้ว่าครูบาอาจารย์ดูเราอยู่เสมอ ท่านไม่ทิ้งไปไหน และให้จำไว้ว่าความเพียรเท่านั้นที่จะทำให้ถึงที่สุดสิ้นแห่งทุกข์
ให้ทำตัวสำรวมแบบสบายอย่าเคร่งเครียดอย่าเก่ง คือปล่อยเป็นอิสระ อย่าบังคับเหมือนอยู่กับอาจารย์ไกล นั่นไม่ถูก ไม่รู้จักเหตุที่จะให้ถึงธรรมเหมือนท่าน

ว่าแล้วก็เห็นสมควรแล้วในการให้ธรรมะ และต่อไปนี้ก็ให้เอาไปพิจารณาและปฏิบัติดู ถ้าทำถูกสภาวะจะเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว และถึงเร็ว

เรา: สมาธิจั่งใด๋ครับจั่งดีกับจิตที่สุดตลอด
ตอบ:
อ๋อตรงส่วนนี้เราก็ต้องขยันนั่งสมาธิ ในแบบที่เราถนัดและถึงพร้อมด้วยความสงบสบาย และเป็นเหตุในครั้งต่อไปๆทำสมาธิก็จะง่ายขึ้นเรื่อยๆ เห็นไหมเหมือนหลวงพ่อชาที่วัดหนองป่าพงเขาจะมีข้อวัตรให้ทำสมาธิ๓เวลา นั่นแหละเป็นการให้จิตรวมได้ดีในครั้งต่อๆไป เพราะมีการอบรมบ่มสมาธิอยู่ทุกวันทั้งสามเวลา
เอาละนะ เอาไปปฏิบัติลองดูผลออกมาเป็นอย่างไรค่อยว่ากันใหม่ เอาละนะเจริญธรรมเจริญพรขอให้ถึงซึ่งที่หวังไว้คือพระนิพพานและกลับมาช่วยคนหลังรุ่นใหม่ต่อไปให้พระศาสนาตั้งมั่นอยู่ในประเทศไทยนานๆ เอาละนะไปละ 


ครูบาอาจารย์องค์โหด
[กะมีแต่พิมพ์กับพิมพ์บ่เฮ็ดจักเทือ เฮ็ดกะบอเฮ็ดจริงเฮ็ดหน่อยๆแล้วกะเซ่า ละบัดใด้มันสิได้กินของดี ถ้าขี้ค้านอย่ามา วัดนี้ต้องการแต่คนขยันทำความเพียร)



พระอาจารย์อนันต์  ประมาณนี้
กิจวัตรบ่ายสองออกกวาด (กวาดบริเวรที่อยู่ก่อน)
และก่อนแจ้งกวาดบริเวรหม่องอยู่
ผ้ากะให้ฮู้จักพับให้เป็นระเบียบ
เวลาฉันอาหารกะให้เอาผ้าปกตักไปนำ
อย่าสิให้เขาว่าออกจากหนองป่าพงมาแล้วกะยังคือเก่า



(พระอาจารย์จันดี  และ พระอาจารย์อนันต์  วัดหมาบจันทร์คือครูบาอาจารย์องค์โหด)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น