....หลวงพ่อปราโมทย์..
เคยมีคนนึงมาถามหลวงพ่อ บอกว่า พระอรหันต์นี่คือคนที่มีสติรักษาจิตตลอดเวลาใช่มั้ย ไม่ใช่ พระอรหันต์ไม่รักษาจิตต่างหาก เค้าถามอีกทีว่า พระอรหันต์ขาดสติใช่มั้ย ไม่ต้องมีสติรักษาจิตแล้วนี่ พระอรหันต์ขาดสติใช่มั้ย ไม่ใช่อีก ถ้าขาดสติมันเป็นกิเลสนะ พระอรหันต์ไม่ได้มีกิเลสนี่ พระอรหันต์ไม่ได้ขาดสติ แต่พระอรหันต์ไม่ได้เอาสติไปรักษาจิต เพราะว่าปล่อยวางจิต ไม่ต้องรักษามันทิ้งมันไปแล้ว แต่ขาดสติมั้ย ไม่ขาดสตินะ ยืน เดิน นั่ง นอน รู้สึกตลอดเลย
http://www.dhammada.net/2010/06/10/2471/

chaosy
16 มกราคม 2556 เวลา 08:43:29 น.
ความคิดเห็นที่ 9
หลวงพ่อใหญ่ท่านเทศน์มาแบบนี้ค่ะ ต้องไขปริศนาธรรมกันหน่อยนะ.. คิคิคิ
เทศน์ Today
ใช้ศรีษะเพชร หัวเป็นเพชร
น้ำนิ่ง เรือก็นิ่ง ให้เห็นหมด
แต่ละลำ มันจะพายหรือไม่พาย มันก็ต้องพาย
น้ำมันนิ่ง เนี่ยเห็นเรือ เรือมันยังซัดไปทางซ้าย ทางขวา
มันไม่พายไปตรงตามล็อคร่องน้ำ
หน้าที่ต้องดูร่องน้ำมั๊ย
เค้าไม่ชอบร่องน้ำ ส่วนมากเค้าชอบซ้าย ชอบขวา
มันจะตรงร่องน้ำได้ไง จริงไหม
เอ้าเนี่ย สารถีผู้บังคับเรือ แม่เรือจ้าง ฝึกพายไป จะได้คล่อง
พายเนี่ย บังคับเรือเราเนี่ย จะได้เห็น
เรารู้แล้วมันใส มันสว่าง
ความสะอาดความสว่างในใจเนี่ยนะมันบริสุทธิ์
บังคับ พายให้มันตรงไป ตรงไป ..
พระครูพิทักษ์ศาสนวงศ์
๑๗ กันยายน ๕๕


chaosy
16 มกราคม 2556 เวลา 09:05:48 น.
ความคิดเห็นที่ 10
นึกถึงท่านชินเชา
ท่านเขียนโศลกธรรมว่า "กระจกใสหมั่นเช็ดถูย่อมใสสะอาด"
นี่ท่านคงเป็นพระอนาคามีมั๊ง ท่านเลยหวงจิตที่เปรียบเหมือนกระจกเงาใสกริ๊บ
ท่านเว่ยหล่างมาเห็นโศลกดังกล่าวเลยเขียนอีกอันไว้ข้างๆว่า
ไม่มีกระจกเงา แล้วฝุ่นจะเกาะอะไร?
อันนี้ตอนหลังท่านเว่ยหล่างเลยได้เป็นสังฆนายกรุ่นต่อมา

สติ
16 มกราคม 2556 เวลา 20:17:29 น.
∨ดู 1 ความเห็นย่อย∨
ความคิดเห็นที่ 11
ถามในห้องรวม/ศาสนาพุทธดูสิ
คนอ่านและตอบกันเยอะครับ

Asim
16 มกราคม 2556 เวลา 21:04:19 น.
∨ดู 4 ความเห็นย่อย∨
ความคิดเห็นที่ 12
ปริศนาธรรมหลวงพ่อใหญ่ เก๊าไม่เข้าใจเลยค่ะ อิอิ ภูมิธรรมน้อยนัก 
ส่วนเรื่องขึ้นภูเขาถึงยอดแล้วไปไงต่อ อ่านแล้วนึกถึงที่หลวงพ่อปราโมทย์ท่านเล่า
"สมัยที่หลวงปู่ดูลย์ยังอยู่ เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ยี่สิบหกปี วันหนึ่งท่านก็เปรยๆบอกว่า ผู้ปฏิบัติส่วนมาก กระทั่งที่มีชื่อเสียงมากๆเลยเนี่ย ส่วนมากเป็นผีใหญ่ ท่านว่าอย่างนี้ คำว่าผีใหญ่ของท่านหมายถึงเป็นพระอนาคา ตายแล้วไปเป็นพรหม"
http://www.dhammada.net/2011/02/07/6443/

deepriver
16 มกราคม 2556 เวลา 22:54:56 น.
∨ดู 1 ความเห็นย่อย∨
ความคิดเห็นที่ 13
พอดีเราเด็กอักษรเก่า เจอหลวงพ่อเทศน์ด้วยภาษาภาษิต มันโดน 555
ประมาณอ่านโคลงฉันท์กาพย์กลอนไง
จะลองแปลให้ฟังแบบ แปลเพลงเลยนะ
ใช้ศรีษะเพชร หัวเป็นเพชร
(ให้ใช้ปัญญาพิจารณา ให้แหลมคมยังกะหัวเพชรอ่ะ)
น้ำนิ่ง เรือก็นิ่ง ให้เห็นหมด
(กายนิ่ง ใจนิ่ง ก็จะเห็นทุกอย่าง)
แต่ละลำ มันจะพายหรือไม่พาย มันก็ต้องพาย
(ศิษย์แต่ละคนจะเพียร หรือไม่เพียร มันก็ต้องเดินหน้าต่อไป อยู่ดี)
น้ำมันนิ่ง เนี่ยเห็นเรือ เรือมันยังซัดไปทางซ้าย ทางขวา
(ถ้าเราทำสมาธิ ให้น้ำนิ่ง สังขารนิ่ง เราจะเห็นกายเราใจเรา ว่ามันยังไม่อยู่ตรงกลาง คือมันไปซ้ายทีขวาที เรือนี่ จะหมายถึงวัตร หรือพฤติกรรมกาย-จิต ก็ได้ จะหมายถึงทิฐิความเห็นก็ได้)
มันไม่พายไปตรงตามล็อคร่องน้ำ
(คือไม่เดินสายกลาง)
หน้าที่ต้องดูร่องน้ำมั๊ย
เค้าไม่ชอบร่องน้ำ ส่วนมากเค้าชอบซ้าย ชอบขวา
มันจะตรงร่องน้ำได้ไง จริงไหม
(สติ ปัญญา ต้องดูให้ตรง ให้กลาง ไม่เอียงไปซ้ายหรือขวา หรือติดอยู่สองฟากระหว่างความดีกับไม่ดี กุศลกับอกุศลอ่ะ
หรือภวตัณหา วิภวตัณหา : อย่างในกรณีของรุ่นใหญ่ เช่นท่านหลอด 555 บุญก็ไม่เอา บาปก็ไม่เอาอ่ะฮ่ะ เขาถึงจะอยู่ตรงกลาง )
เอ้าเนี่ย สารถีผู้บังคับเรือ แม่เรือจ้าง ฝึกพายไป จะได้คล่อง
(คือเราในฐานะเป็นผู้ควบคุมเรือชีวิต ก็ต้องฝึกพายไปอย่างนี้แล.. จะได้คล่อง)
พายเนี่ย บังคับเรือเราเนี่ย จะได้เห็น
(ก็ต้องฝึกไป ต้องฝืนบังคับบ้าง แล้วก็พิจารณา วิปัสสนาไง..จะได้เห็น)
เรารู้แล้วมันใส มันสว่าง
(พอเห็นแล้ว (รู้แล้ว) มันก็จะใส สว่าง)
ความสะอาดความสว่างในใจเนี่ยนะมันบริสุทธิ์
(ตรงตามนั้น)
บังคับ พายให้มันตรงไป ตรงไป ..
(ฝึกตนต่อปายยยยย)
หลวงพ่อเคยบอก ท่านเทศน์อย่างนี้ เพราะธรรมท่านขึ้นมาแบบนี้ ท่านก็เทศน์ไปอย่างนี้ เป็นภาษาใจ ภาษาธรรม
(ฟังไม่ออก เด๋วลงไปถาม ให้แม่ชีแปลห้ายยย)
เขาว่ากันว่า เทวดาชอบฟังภาษิต แฮ่.. สงกะสัย ท่านมี target หลากหลายในคราวเดียวกันน่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ 17 มกราคม 2556 เวลา 02:27:06 น.

chaosy
17 มกราคม 2556 เวลา 02:26:05 น.
∨ดู 3 ความเห็นย่อย∨
ความคิดเห็นที่ 14


แก้ไขข้อความเมื่อ 17 มกราคม 2556 เวลา 03:05:32 น.

chaosy
17 มกราคม 2556 เวลา 03:02:39 น.
ความคิดเห็นที่ 15
ขอโอกาสท่าน Chaosy
จาก " หลวงพ่อเคยบอก ท่านเทศน์อย่างนี้ เพราะธรรมท่านขึ้นมาแบบนี้ ท่านก็เทศน์ไปอย่างนี้ เป็นภาษาใจ ภาษาธรรม
" นึกขึ้นได้เรื่องนึงครับที่เหมือนกัน...ครั้งนึงพระอาจารย์ของผมท่านเคยเล่าให้ฟังว่า การเทศน์แสดงธรรมสั่งสอน...ธรรมก็จะผุดขึ้นมาเหมาะสมตามฐานนะผู้รับธรรม ท่านก็แสดงไปตามนั้น
ขอโปรดพิจารณา...เล่าสู่กันฟัง

Cathode_tube
17 มกราคม 2556 เวลา 05:36:48 น.
ความคิดเห็นที่ 16
แม่นเลยท่านหลอด

chaosy
18 มกราคม 2556 เวลา 07:35:55 น.
ความคิดเห็นที่ 17
ผมก็ว่าพระอนาคามีท่านหวงตัวรู้นะ
ส่วนท่านชึนเชา ที่เีขียนโศลกว่า ให้หมั่นเช็ดถูกระจกเนี่ย ผมว่าท่านยังไม่ได้โสดาบันด้วยซ้ำไป เพราะยังคิดว่าตัวตนยังมีอยู่ ส่วนท่านเว่ยหล่าง น่าจะได้โสดาบันอย่างต่ำแล้ว เพราะท่านบอกว่า ไม่มีต้นโพธิ์ ไม่มีกระจกเงาอันใส ในความหมายคือ ตัวตนจริงๆ ไม่มี มีแค่ความเห็นผิดว่ามีตัวตน

Bgate
21 มกราคม 2556 เวลา 00:34:33 น.
ความคิดเห็นที่ 18
เห็นด้วยในแง่ว่า พระอนาคามีหวงตัวรู้ค่ะ แต่ส่วนท่านผู้รู้ทั้งสอง ไม่อาจทราบได้เลย
แต่โศลกของท่าน เรื่องราวของท่าน จับใจนัก

chaosy
21 มกราคม 2556 เวลา 13:04:49 น.
ความคิดเห็นที่ 19
มีบทกวีอันนึง ของท่านเซียนสู ท่านเขียนไว้
“ละคร ปิดฉาก
ลงเรือ ข้ามฟาก
ที่นี่ เรียบเรียบ
ฝากให้ รู้ข่าว”
มีคนบอกว่า ท่านเซียนสู (ชลบุรี) ท่านถึงอนาคามีแล้ว ท่านละสังขารในท่านั่งสมาธิแบบเดียวกับอาจารย์ของท่าน

Bgate
07 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 02:25:37 น.
Login เพื่อตอบกระทู้

 กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
พระอนาคามีที่เป็นคฤหัสถ์ เขาประกอบอาชีพอะไร ?
สมาชิกหมายเลข 3030949
รบกวนเพื่อน ๆ หน่อยครับ เกี่ยวกับพระอนาคามี
amatanaja
Desktop Site | ติดต่อลงโฆษณา
แบ่งปัน Desktop Ver
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น