รวมกับ ธรรมะพระอรหันต์ เว็บไชต ธรรมะพระอรหันต์ https://sitluangpormai.weebly.com เฟซบุ๊กแจกซีดีธรรมะhttps://www.facebook.com/JeakCDThamma
วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567
ระหว่างที่รอบวชต้อง เจริญจิตแบบนี้นะ
วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567
ธรรมะพระอาจารย์มงคลชัยพิจารณาเรื่องจิตผู้ใหญ่ที่เป็นหนี้และเด็กน้อย
วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2567
มรรค2
79-# The practice is the path, which is practiced. Know the picture Determine the sound Determine the smell Determine the taste define, know, touch If you see it, let me know. What is known outside is impermanent many times over and over again.
#
ข้อปฏิบัติคือมรรค ได้แก ฝึก
กำหนดรู้ รูป
กำหนดรู้ เสียง
กำหนดรู้ กลิ่น
กำหนดรู้ รส
กำหนดรู้ สัมผัส
เห็นให้แจ้งว่า สิ่งที่ถูกรู้ ภายนอกนั้น มันไม่เที่ยง หลายๆหน ซ้ำๆซากๆ
80-Hurry and cultivate merit to decorate your mind. It is the practice of not considering external things, including sight, sound, smell, taste, and things that affect the body. which will provoke anger in the heart which will provoke anger in the heart which will provoke greed in the heart For example, we see people acting like they're irritating. Give us a thumbs up and a thumbs up. It has the meaning of calling us a buffalo." When we saw that, we didn't mind or hold it firmly.Anger and anger cannot arise from the heart. Or we see our boyfriend holding hands with someone else. When we saw that, we didn't mind or hold it firmly. Anger and anger can't arise in the heart. (When the boyfriend comes back, he'll ask for reasons and how to deal with it.) _________ Sounds, for example, we hear people cursing us or saying something harsh to us, cursing our parents, cursing our friends, cursing our loved ones. When we heard that, we didn't mind or hold it firmly. Anger and anger cannot arise from the heart.
Smell like
Husband and wife sleep together. Wife farts.
The husband must not mind the smell.
Anger and anger cannot arise from the heart.
Or the toilet next door has a bad smell.
We don't mind the smell, we don't mind the smell.
Anger and anger cannot arise from the heart.
If you want to avoid it, walk away.
or other scents as well
Taste: For example, the food vendor makes rice that doesn't taste good at all. The bland soup tasted like boiling water.
,Bland rice is like plain rice. Or sweet and sour stir fry like the house is a sugar factory itself or other flavors.
If you eat it, you will die because you don't like the taste. Gradually find a walk to cook a new meal.
His touch, for example, he put his hand on his head. He stepped on his feet, he pushed, he punched, he walked into booths, he walked with many people. He came right to my body. or touching other bodily objects
It's the same thing.
We don't mind or believe in it.
This is training the mind to be neutral.
But if the mind is not truly neutral If there is still holding back, there will be some liking.
There was some dissatisfaction.
At this point, the Buddha probably knew that
Those who are lower than Anakami There must be a passion. and dislike arises
So there is a teaching to put in at this point.
That is when liking arises. or dislike
Once it has happened, look at the state of your preferences.
or dislike That clearly appears.
Then take the 3 characteristics
1 Anicca (it is impermanent) 2 Dukkha (it cannot bear to remain in its original condition)
3 Anatta
Go in and measure it. Or take any one of these and measure it. Let's see if it's noon.
You will see the condition. Desire arises, stays, changes and dies, and continues to exist like this.
You will see the condition. Displeasure arises, stays, changes and disappears, and continues like this. Where it arises and then gradually disappears on its own. It's not about us at all.
The Buddha who has omniscience (knows everything) understand everything about the past and future)
He said that all conditions
That's not ours. That's not us That's not our ego.
All conditions are impermanent.
We should not go in and take it as ours.
If we see various states of liking and disliking, both anger and greed, continually arising and ceasing in this way until we become bored, then we also see the state of boredom arising and ceasing.
When you see something you like.
Happens and dies very frequently.
When you see displeasure
Happens and dies very frequently.
Boredom will arise.
Let's see that boredom also falls into a trinity.
รีบบำเพ็ญบารมีประดับจิตไว้เถิด
คือการฝึกไม่ถือสาสิ่งภายนอก อันได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สิ่งกระทบต้องกาย อันจะมายั่วยุให้เกิดความโกธรที่ใจ
อันจะมายัวยุให้เกิดความโมโหที่ใจ
อันจะมายัวยุให้เกิดความโลภที่ใจ
เช่น เราเห็นคนทำท่ากวนตีน ยกนิ้วชี้และนิ้วก้อยขึ้นให้เรา มีความหมายว่าเป็นการด่าเราว่าไอ้ควาย"
ที่ได้เห็นนั้นเราก็ไม่ถือสาไม่ถือมั่น
ความโกธรความโมโหก็เกิดขึ้นที่ใจไม่ได้
หรือเราเห็นแฟนเราควงแขนไปกับคนอื่น
ที่เห็นนั้นเราก็ไม่ถือสาไม่ถือมั่น
ความโกธรความโมโหก็เกิดขึ้นที่ใจไม่ได้ ( พอแฟนกลับมาค่อยถามหาเหตุหาผลว่าจะเอายังไง)
_________
เสียง เช่น เราได้ยินเสียงคนด่าเราหรือพูดอย่างใดอย่างหนึ่งกับเราอย่างร้ายแรง ด่าพ่อแม่ ด่าเพื่อน ด่าคนรัก
ที่ได้ยินนั้นเราก็ไม่ถือสาไม่ถือมั่น
ความโกธรความโมโหก็เกิดขึ้นที่ใจไม่ได้
หรือได้ยินเสียงพูดอันหยาบคาย ส่อเสียด ว่าให้เราหรือว่าให้คนที่เรารู้จัก
ที่ได้ยินนั้นเราก็ไม่ถือสาไม่ถือมั่น
ความโกธรความโมโหก็เกิดขึ้นที่ใจไม่ได้
_________
กลิ่น เช่น
ผัวเมียนอนด้วยกัน เมียตด
ผัวก็ต้องไม่ถือสาไม่ถือมั่นกลิ่น
ความโกธรความโมโหก็เกิดขึ้นที่ใจไม่ได้
หรือ ข้างบ้านดูดส้วมมีกลิ่นเหม็น
เราก็ไม่ถือสากลิ่นไม่ถือมั่นกลิ่น
ความโกธรความโมโหก็เกิดขึ้นที่ใจไม่ได้
ถ้าจะเลี่ยงก็เดินหนีออกไปห่างๆ
หรือกลิ่นอื่นๆก็เช่นกัน
__________
รส เช่น แม่ค้าทำกับข้าวรสชาติไม่อร่อยเลย แกงจืดรสจืดยังกะต้มน้ำเปล่า
,ข้าวพัดจืดยังกะข้าวเปล่าๆ หรือผัดเปรี้ยวหวานหวานยังกะบ้านเป็นโรงงานผลิตน้ำตาลเอง หรือรสอื่นๆ
ถ้าทานแล้วมันจะขาดใจตายเพราะไม่ได้รสชาติที่ชอบใจ ก็ค่อยหาเดินไปปรุงอาหารใหม่
___________
โผฏฐัพพะ เช่น เขาเอามือมาลูบหัว เขาเหยียบเท้า เขาผลัก เขาต่อย เดินชนตู้ เดินเบียดเสียดกับคนมาก เขามาโดนถูกต้องกาย หรือสัมผัสสิ่งถูกต้องกายอื่นๆ
ก็ทำนองเดียวกัน
เราก็ไม่ถือสาไม่ถือมั่นมัน
นี่ก็คือการฝึกจิตใจให้เป็นกลาง
แต่ถ้าจิตยังไม่เป็นกลางจริง ยังมีความถือสาก็จะเกิดความชอบใจบ้าง
เกิดความไม่ชอบใจบ้าง
ถึงตรงนี้พระพุทธเจ้าคงรู้เห็นแล้วว่า
ผู้ที่ต่ำกว่าอนาคามี จะต้องมีความชอบใจ และความไม่ชอบใจ เกิดขึ้น
ก็เลยมีมรรคสอนใส่ตรงจุดนี้เลย
คือเมื่อความชอบใจเกิดขึ้น หรือความไม่ชอบใจ
เกิดขึ้นแล้ว ก็ดูสภาวะความชอบใจ
หรือความไม่ชอบใจ ที่ปรากฏเด่นชัดๆนั้นแหละ
แล้วเอาไตรลักษณะ๓
๑อนิจจัง(มันไม่เที่ยง) ๒ทุกขัง(มันทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้)
๓อนัตตา
เข้าไปวัดมันเลย หรือเอาข้อใดข้อหนึ่งก็ได้ไปวัดมัน ดูซิมันจะเที่ยงไหม
ก็จะเห็นสภาวะ ความชอบใจเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แปรปรวนดับไป อยู่อย่างนี่เรื่อย
ก็จะเห็นสภาวะ ความไม่ชอบใจเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แปรปรวนดับไป อยู่อย่างนี้เรื่อย โดยที่มันก็เกิดขึ้นแล้วก็ค่อยๆแปรดับหายไปของมันเอง ไม่ได้เกี่ยวกับเราเลย
พระพุทธเจ้าผู้มีสัพพัญญูตญาณ(รู้หมดทุกสิ่งทุกอย่าง เข้าใจหมดทุกเรื่อง อดีต อนาคต)
ตรัสว่า สภาวะทั้งหลายทั้งปวง
นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เรา นั่นไม่ใช่อัตตาเรา
สภาวะทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง
ไม่ควรเข้าไปถือเอาไว้ว่าเป็นของเรา
ถ้าเราเห็นสภาวะต่างๆ ทั้งชอบใจ ทั้งไม่ชอบใจ ทั้งโกธร ทั้งโลภ เกิดดับอยู่อย่างนี้เรื่อยๆ จนเบื่อหน่าย ก็ให้เห็นสภาวะเบื่อหน่ายเกิดดับด้วย
เมื่อเห็นความชอบใจ
เกิดขึ้นดับไปบ่อยๆมากๆ
เมื่อเห็นความไม่ชอบใจ
เกิดขึ้นดับไปบ่อยๆมากๆ
ความเบื่อหน่ายก็จะเกิดขึ้นมา
ก็ให้เห็นความเบื่อหน่ายนั้นว่าตกเป็นไตรลักษณ์เหมือนกัน
80-You should embrace the Dhamma. Come practice with your mind. It is called abandoning akusala dhamma, that is, practicing Dhamma. Lust can be eliminated with Asubha. Anger can be relieved with kindness. Moha can be eliminated by yonisomanasikāra.
The thought is suffering. You may be able to let it go because you think about the merit and good deeds that you have done regularly before thinking about it. Often, you tend to think that it is an attempt to create a cause or create a cause for your mind as if it were mental health. The result is happiness and peace of mind.Thinking about sin is painful because thinking about this matter that you have often made merit in the grace of before, that is the cause, the cause of the mind to serve and decorate it to be happy and calm.
พึงน้อมนำพระธรรม มาปฏิบัติที่จิตใจตน เรียกว่าละอกุศลธรรมนั่นเองคือการปฏิบัติธรรม
ราคะละได้ด้วยอสุภะ
โทสะละได้ด้วยเมตตา
โมหะละได้ด้วยโยนิโสมนสิการ
คิดแล้วเป็นทุกข์ พึงละได้ด้วยคิดถึงบุญกุศลความดีที่ตนเคยทำไว้ในกาลก่อน คิดบ่อยๆ เมื่อคิดบ่อยๆนั่นแหละคือการพยามใส่เหตุหรือสร้างเหตุให้จิตปรุงแต่งภาวะที่เป็นกุศล ผลคือความสุขเย็นใจ
ถ้าคิดถึงบาปมันทุกข์ ก็คิดถึงการกระทำที่ตนเคยทำบุญกุศลในคราวก่อนกาลก่อนบ่อยๆ นั้นนั่นแลคือการสร้างเหตุให้จิตปรุงแต่งให้เป็นความสุขเย็นใจ81-"Committed to creating a new life Determine to practice meditation with diligence. Be interested in the practice of walking meditation, sitting meditation, being mindful and aware of every posture. Consider that all things in the world are impermanent. Can't stand being in the same condition. It's not under anyone's power."
"มุ่งมั่นต่อการสร้างชีวิตใหม่ ตั้งใจบำเพ็ญภาวนาด้วยความขยันหมั่นเพียร สนใจในการปฏิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิ มีสติกำหนดรู้อยู่ทุกอิริยาบถ พิจารณาเห็นสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกเป็นของไม่เที่ยง ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ไม่อยู่ในอำนาจของใคร"
มรรค
77. The Noble Path means setting up a perception (meaning in the form of Khandha that it is not us, it is not ours). Establishing a sāyaṃ (referring to the feelings of the aggregate, saying that it is not us, it is not ours). Establishing a sāyaṃ (meaning the sāyaṅkhandha that is not us, not ours) Establishing a promise (meaning that it is not us, it is not ours) Establishing a promise (referring to the consciousness of the Khandha that it is not us, not ours)
77. มรรคคือ การตั้งสัญญา(หมายไปในรูปขันธ์ ว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา)
การตั้งสัญญา(หมายไปที่เวทนาขันธ์ ว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา)
การตั้งสัญญา(หมายไปที่สัญญาขันธ์ ว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา)
การตั้งสัญญา(หมายไปที่สังขารขันธ์ ว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา)
การตั้งสัญญา(หมายไปที่วิญญาณขันธ์ ว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา)
78. มรรค
A corner where meditation is practiced on the man until the man is more handsome than anyone else and fully decked out in jewelry.
It came from one day during the day.
The disciple cultivated the mind and composed about Asubha, a man whose body is of the earth element from nature. And then it's natural. And the man is very handsome. and view it as the element of earth and water.
and it occurred to me that The king stood in the most handsome form, wearing the most beautiful jewelry. He did not smile, but was handsome as usual. He stood very handsome, alone, on a normal floor, with no background, that is, in a palace with beautiful, shiny diamonds, etc., along with a mental image appeared. Ascend and practice meditation, while the body naturally comes from the earth and water. And the disciple walked out to the pile of dirt in front of the monastery and thought of meditation and determined, "This pile of dirt is the handsome king wearing the best looking ornaments."
"This pile of dirt is the handsome king with the best looking jewelry."
"This pile of dirt is the handsome king with the best looking jewelry."
"This pile of dirt is the handsome king with the best looking jewelry."
"This pile of dirt is the handsome king with the best looking jewelry."
"This pile of dirt is the handsome king with the best looking jewelry."
"This pile of dirt is the handsome king with the best looking jewelry."
"This pile of dirt is the handsome king with the best looking jewelry."
"King, that is, it will be during this pile of dirt."
"King, that is, it will be during this pile of dirt."
"King, that is, it will be during this pile of dirt."
"King, that is, it will be during this pile of dirt."
"King, that is, it will be during this pile of dirt."
"King, that is, it will be during this pile of dirt."
for a while, and then walked back to the front of the hut, searched for piles of dirt, and kept looking for pictures of piles of dirt. Found a picture of a pile of dirt that was suitable to continue practicing meditation by clicking to see the picture in the app to see pictures later.
His mind was spinning and he saw things about men, lust, subjugating lust, and he looked and saw a pile of dirt on the road, behind which were trees. Then there is a dharma mood saying The body is a natural earth element. And next, it returned to its natural state as the element of soil and water until it became normal soil as seen. and defined the Noble Path as follows: The king was more handsome than anyone else, complete with robes and jewelry. It comes from the natural element of earth. And the king was more handsome than anyone else with that robe and jewelry. It returned to nature during the period of the earth element on the cement road surface separated from the soil.
It is a transformation into a pile of dirt separated from the road surface below.
The king is more handsome than anyone else. It comes from the natural element of earth.
The king is handsome with robes and jewelry. The body eventually returns to its natural state as the earth element. As you can see it is a pile of dirt. which is a pile on a cement road It is a transformation into a pile of dirt.
It's different from when the body is dry and dusty. Very small and detailed
It's different from when the body is rotten. The earth element has no water and is still dry.
Change in stages of what the body will be like in the future. Various stages of nature: The body no longer has the water and fire elements. Or down to the body until it turns into dirt like he dug it together and put it in a pile on the road, scooped it up and used it to fill holes, etc.
The colors of the robes, the beautiful sparkling glasses, the brooches, the shoes, and all the various accessories have all turned into the earth element.
jewelry color Addresses with various types of jewelry and various shapes of ornaments, impermanent, dukkha, anattā, quickly deteriorate and become dirt.
All the paint is gone, there is nothing left, it turns into clay pellets for use, filling holes, etc.
at October 05, 2023 No comments:
Email this information
BlogThis!
Share to Twitter
Share to Facebook
Share on Pinterest
Phra Mongkolchai practices meditation on the path of Sanya, raising his wife in a drama in the style of Chakka Wong. Up to the level of suppressing lust for normal women to the most beautiful level with the most beautiful jewelry and robes. It means that it was originally an earth element.
During the daytime one day
Phra Ajarn Charoen looked at the mind and composed it about Asupha, a woman whose body is of the earth element from nature. And then it's natural. And the women are very beautiful. and view it as the element of earth and water. and it occurred to me that The queen was the most beautiful, wearing the most beautiful jewelry, not smiling, standing beautifully with a straight face.
Essentially, standing beautifully. There is no background such as the palace. along with having mental images in the mind and practicing meditation, while the body comes from the earth and water in the sense
And the Master walked out to the pile of dirt in front of the monastery and meditated on the Noble Path of Sanya, saying, "This pile of dirt is the queen's wife who is more beautiful than anyone else's."
"This pile of dirt is the queen's wife who is more beautiful than anyone else."
"This pile of dirt is the queen's wife who is more beautiful than anyone else."
"This pile of dirt is the queen's wife who is more beautiful than anyone else."
"This pile of dirt is the queen's wife who is more beautiful than anyone else."
"This pile of dirt is the queen's wife who is more beautiful than anyone else."
King, that is, during this pile of dirt.
King, that is, during this pile of dirt.
King, that is, during this pile of dirt.
King, that is, during this pile of dirt.
King, that is, during this pile of dirt.
King, that is, during this pile of dirt.
King, that is, during this pile of dirt.
Meditate for a while And then walked back to the front of the hut, looked at the pile of dirt, and looked for pictures of the pile of dirt and downloaded the pictures onto the phone to use in meditation later.
Meditate down to the earthly elements.
It is not a meditation practice directed towards women's apo.
About women, subduing lust, seeing a pile of dirt. Women's bodies are natural earth elements. And next, it returned to its natural state as the element of soil and water until it became normal soil as seen. and set up a goal His wife was more beautiful than anyone else, complete with robes and jewelry. It comes from the natural earth element and is more beautiful than anyone else, complete with clothes and accessories. The body eventually returns to its natural, earthy nature. As you can see it is a pile of dirt. which is a pile on a cement road It is a transformation into a pile of dirt.
It is different from the dry and dusty body from the human body.
It is different from Plengong, where the body is rotten, but the earth element does not have water anymore.
Change in stages of what the body will be like in the future. During the natural phase, the body no longer has the water and fire elements. Until it turns into dirt that is dug up and put together in a pile on the road, scooped up and used to fill holes, etc.
high level beautiful
Meditation elements return to nature.
Practice meditation and subdue lust. Divine female angels are more beautiful than other female angels. Complete with various accessories, it disappeared into a period when it was no longer beautiful.
Anicca, dukkha, anatta
The divine consort in heaven is more beautiful than female angels. With many beautiful accessories
78. แสดงโพสต์โดยจัดเรียงตามความเกี่ยวข้องกับคำค้นหา กองดิน จัดเรียงตามวันที่ แสดงโพสต์ทั้งหมด
วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2566
มุมแบบ เจริญกรรมฐาน ต่อ บุรุษ ไปจนบุรุษรูปหล่อกว่าใครพร้อมแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยเครื่องประดับ
มาจากช่วงเวลากลางวัน วันหนึ่ง
พระสาวก เจริญดูจิต แล้ว ฯ ปรุงแต่งเกี่ยวกับ อสุภะ ผู้ชายแนวร่างกายบุรุษเป็นธาตุดินมาจากธรรมชาติ และต่อไปก็เป็นธรรมชาติ และบุรุษมีความหล่อมาก และมองเป็นอสุภะธาตุดินและน้ำปริยายไป
และนึกขึ้นมาว่า พระราชายืนหล่อที่สุดพร้อมสวมเครื่องประดับงามดีสุด ทรงไม่ยิ้ม แต่หล่อปกติ ขึ้นมา ยืนหล่อมาก คนเดียว บนพื้นปกติ ไม่มีฉากหลังว่าคืออยู่ในพระราชวังสวยงามแวววาวเพชรนิลจิลดา เป็นต้น พร้อมกับภาพทางมโนทวารก็ปรากฏขึ้นมา แล้ว เจริญกรรมฐาน ส่วนร่างกายมาจากดินน้ำปริยายไป และพระสาวกเดินออกไปกองดินบริเวรหน้ากุฏิ และ นึกคิดเป็นกรรมฐานกำหนดหมายว่า " กองดินนี้ ก็คือพระราชารูปหล่อทรงเครื่องประดับดูดีที่สุด
"กองดินนี้ ก็คือพระราชารูปหล่อทรงเครื่องประดับดูดีที่สุด "
"กองดินนี้ ก็คือพระราชารูปหล่อทรงเครื่องประดับดูดีที่สุด "
"กองดินนี้ ก็คือพระราชารูปหล่อทรงเครื่องประดับดูดีที่สุด "
"กองดินนี้ ก็คือพระราชารูปหล่อทรงเครื่องประดับดูดีที่สุด "
"กองดินนี้ ก็คือพระราชารูปหล่อทรงเครื่องประดับดูดีที่สุด "
"กองดินนี้ ก็คือพระราชารูปหล่อทรงเครื่องประดับดูดีที่สุด "
"กองดินนี้ ก็คือพระราชารูปหล่อทรงเครื่องประดับดูดีที่สุด "
"พระราชา ก็คือจะเป็นช่วงกองดินนี้ "
"พระราชา ก็คือจะเป็นช่วงกองดินนี้ "
"พระราชา ก็คือจะเป็นช่วงกองดินนี้ "
"พระราชา ก็คือจะเป็นช่วงกองดินนี้ "
"พระราชา ก็คือจะเป็นช่วงกองดินนี้ "
"พระราชา ก็คือจะเป็นช่วงกองดินนี้ "
อยู่พักหนึ่ง และก็จากนั้นเดินกลับมาหน้ากุฏิ ค้นดู กองดิน และหาดูรูปกองดิน ไปเรื่อยๆ พบรูปกองดินเหมาะ มาต่อยอด เจริญกรรมฐาน โดยกดดูรูปในappดูรูปภาพ ในภายหลัง
จิตใจกำลังหมุนดูจิตแล้วมีเกี่ยวกับผู้ชาย ราคะ ปราบ ราคะ และก็มองไปเห็น กองดิน บนถนน ด้านหลังมีต้นไม้ แล้วมีอารมณ์ธรรมะว่า ร่างกายก็คือธาตุดินตามธรรมชาติ และต่อไปก็กลับคืนสู่ธรรมชาติเป็นธาตุดินน้ำจนกลายเป็นดินปกติดั่งที่เห็น และกำหนดอริยะมรรคหมายขึ้นมาว่า พระราชาหล่อกว่าใครๆพร้อมอาภรณ์และเครื่องประดับ ก็มาจากธาตุดินตามธรรมชาติ แล้วก็พระราชาหล่อกว่าใครๆพร้อมอาภรณ์และเครื่องประดับนั้น ก็กลับคืนสู่ธรรมชาติเป็นช่วงธาตุดินบนกองพื้นถนนปูนแยกจากดิน
เป็นการปลงสู่ความเป็นดินเป็นกองเลยแยกจากพื้นถนนด้านล่าง
พระราชาหล่อกว่าใครๆ ก็มาจากธาตุดินตามธรรมชาติ
พระราชาหล่อพร้อมอาภรณ์และเครื่องประดับ ร่างกายก็กลับคืนสู่ธรรมชาติเป็นช่วงธาตุดินในที่สุด ดั่งที่เห็นเป็นกองดิน ที่เป็นกองบนถนนปูน เป็นการปลงสู่ความเป็นดินเป็นกองเลย
ต่างจาก ปลงไปที่ช่วง ร่างกายแห้งและเป็นฝุ่ยผง ละละเอียดเล็กมากๆ
ต่างจาก ปลงไปที่ช่วง ร่างกายเน่าส่วนธาตุดินไม่มีน้ำอยู่แล้วยังเป็นแห้งๆ
ปลงเป็นช่วงๆ ของร่างกายที่จะเป็นไปในอนาคต ช่วงต่างๆตามธรรมชาติ ช่วง ร่างกายไม่มีธาตุน้ำและธาตุไฟแล้ว หรือปลงไปที่ช่วงร่างกายจนกลายเป็นดินแบบเขาขุดมารวมกันเป็นกองไว้บนพื้นถนนใช้ตักไปใช้ มีถมหลุม เป็นต้น
สีผ้าอาภรณ์ แก้วสวยระยิบระยับ เข็มกลัด มีร้องเท้า และเครื่องประดับทั้งหมด ต่างๆ กลายเป็นช่วงธาตุดินหมด
สีเครื่องประดับ ที่อยู่กับเครื่องประดับชนิดต่างๆ และรูปทรงเครื่องประดับต่างๆ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เสื่อมแบบเร็ว มาเป็นดินเลย
สีหมดไม่มีเหลือกลายเป็นเม็ดดินไว้ใช้งาน มีถมหลุม เป็นต้น
ที่ ตุลาคม 05, 2566 ไม่มีความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้
BlogThis!
แชร์ไปที่ Twitter
แชร์ไปที่ Facebook
แชร์ใน Pinterest
พระมงคลชัย เจริญกรรมฐานมรรคสัญญายกพระมเหสีละครแนวจักรๆวงค์ๆ ขึ้นเป็นอารมณ์ปราบราคะต่อสตรีปกติไปจนถึงระดับสวยมากที่สุดพร้อมทรงเครื่องประดับและอาภรสวยงามที่สุด หมายว่าเดิมเป็นธาตุดิน
ช่วงเวลากลางวัน วันหนึ่ง
พระอาจารย์ เจริญดูจิต แล้ว ปรุงแต่งเกี่ยวกับ อสุภะ ผู้หญิงแนวร่างกายสตรีเป็นธาตุดินมาจากธรรมชาติ และต่อไปก็เป็นธรรมชาติ และผู้หญิงมีความสวยมาก และมองเป็นอสุภะธาตุดินและน้ำปริยายไป และนึกขึ้นมาว่า พระมเหสีสวยที่สุดพร้อมสวมเครื่องประดับสวยงามดีสุด ไม่ได้ยิ้ม ยืนสวยงามหน้าตรง ขึ้นมา
เป็นหลัก ยืนสวยงามอยู่ ไม่มีฉากหลังว่าคือพระราชวังเป็นต้น พร้อมกับมีภาพทางมโนทวารในใจ และ เจริญกรรมฐาน ส่วนร่างกายมาจากดินน้ำปริยายไป
และพระอาจารย์เดินออกไปกองดินบริเวรหน้ากุฏิ และ นึกคิดเป็นกรรมฐานอริยะมรรคสัญญา ว่า " กองดินนี้ ก็คือพระมเหสีที่สวยงามกว่าใครๆ
"กองดินนี้ ก็คือพระมเหสีที่สวยงามกว่าใครๆ "
"กองดินนี้ ก็คือพระมเหสีที่สวยงามกว่าใครๆ "
"กองดินนี้ ก็คือพระมเหสีที่สวยงามกว่าใครๆ "
"กองดินนี้ ก็คือพระมเหสีที่สวยงามกว่าใครๆ "
"กองดินนี้ ก็คือพระมเหสีที่สวยงามกว่าใครๆ "
พระราชา ก็คือเป็นช่วงกองดินนี้
พระราชา ก็คือเป็นช่วงกองดินนี้
พระราชา ก็คือเป็นช่วงกองดินนี้
พระราชา ก็คือเป็นช่วงกองดินนี้
พระราชา ก็คือเป็นช่วงกองดินนี้
พระราชา ก็คือเป็นช่วงกองดินนี้
พระราชา ก็คือเป็นช่วงกองดินนี้
เจริญกรรมฐานอยู่พักหนึ่ง และก็จากนั้นเดินกลับมาหน้ากุฏิ ค้นดู กองดิน และหาดูรูปกองดิน และ ดาวน์โหลดภาพ ลง โทรศัพท์ ไว้เจริญกรรมฐาน ในภายหลัง
เจริญกรรมฐาน ลงไปสู่ เฉพาะปฐวีธาตุ
ไม่ใช่เจริญกรรมฐานมุ่งลงไปสู่อาโปของสตรี
เกี่ยวกับผู้หญิง ปราบ ราคะ เห็นกองดิน หญิง ร่างกายก็คือธาตุดินตามธรรมชาติ และต่อไปก็กลับคืนสู่ธรรมชาติเป็นธาตุดินน้ำจนกลายเป็นดินปกติดั่งที่เห็น และกำหนดหมายขึ้นมา พระมเหสีสวยกว่าใครๆพร้อมอาภรณ์และเครื่องประดับ ก็มาจากธาตุดินตามธรรมชาติแล้วก็สวยกว่าใครๆพร้อมอาภรณ์และเครื่องประดับ ร่างกายก็กลับคืนสู่ธรรมชาติเป็นธาตุดินในที่สุด ดั่งที่เห็นเป็นกองดิน ที่เป็นกองบนถนนปูน เป็นการปลงสู่ความเป็นดินเป็นกองเลย
ต่างจาก ปลงสู่ ร่างกายแห้งและเป็นฝุ่ยผงจากร่างกายมนุษย์
ต่างจาก ปลงสู่ ร่างกายเน่าส่วนธาตุดินไม่มีน้ำอยู่แล้ว
ปลงเป็นช่วงๆ ของร่างกายที่จะเป็นไปในอนาคต ช่วงตามธรรมชาติ ช่วง ร่างกายไม่มีธาตุน้ำและธาตุไฟแล้ว ไปจนถึงกลายเป็นดินแบบเขาขุดมารวมกันเป็นกองไว้บนพื้นถนนใช้ตักไปใช้ มีถมหลุม เป็นต้น
สวยงามระดับสูง
ธาตุกรรมฐาน คืนสู่ธรรมชาติเลย
เจริญกรรมฐาน ปราบราคะ เทวดาสตรีทิพย์สวยกว่าเทวดาหญิงอื่น พร้อมเครื่องประดับอาภรณ์ต่างๆ แล้วหาย ลง สู่ ช่วง ที่ไม่สวยแล้ว
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
พระมเหสีที่เป็นทิพย์ บนสวรรค์ สวยกว่าเทวดาหญิง พร้อมเครื่องประดับสวยงามหลายอัน
79-# The practice is the path, which is practiced. Know the picture Determine the sound Determine the smell Determine the taste define, know, touch If you see it, let me know. What is known outside is impermanent many times over and over again.
#
ข้อปฏิบัติคือมรรค ได้แก ฝึก
กำหนดรู้ รูป
กำหนดรู้ เสียง
กำหนดรู้ กลิ่น
กำหนดรู้ รส
กำหนดรู้ สัมผัส
เห็นให้แจ้งว่า สิ่งที่ถูกรู้ ภายนอกนั้น มันไม่เที่ยง หลายๆหน ซ้ำๆซากๆ
80-Hurry and cultivate merit to decorate your mind. It is the practice of not considering external things, including sight, sound, smell, taste, and things that affect the body. which will provoke anger in the heart which will provoke anger in the heart which will provoke greed in the heart For example, we see people acting like they're irritating. Give us a thumbs up and a thumbs up. It has the meaning of calling us a buffalo." When we saw that, we didn't mind or hold it firmly.Anger and anger cannot arise from the heart. Or we see our boyfriend holding hands with someone else. When we saw that, we didn't mind or hold it firmly. Anger and anger can't arise in the heart. (When the boyfriend comes back, he'll ask for reasons and how to deal with it.) _________ Sounds, for example, we hear people cursing us or saying something harsh to us, cursing our parents, cursing our friends, cursing our loved ones. When we heard that, we didn't mind or hold it firmly. Anger and anger cannot arise from the heart.
Smell like
Husband and wife sleep together. Wife farts.
The husband must not mind the smell.
Anger and anger cannot arise from the heart.
Or the toilet next door has a bad smell.
We don't mind the smell, we don't mind the smell.
Anger and anger cannot arise from the heart.
If you want to avoid it, walk away.
or other scents as well
Taste: For example, the food vendor makes rice that doesn't taste good at all. The bland soup tasted like boiling water.
,Bland rice is like plain rice. Or sweet and sour stir fry like the house is a sugar factory itself or other flavors.
If you eat it, you will die because you don't like the taste. Gradually find a walk to cook a new meal.
His touch, for example, he put his hand on his head. He stepped on his feet, he pushed, he punched, he walked into booths, he walked with many people. He came right to my body. or touching other bodily objects
It's the same thing.
We don't mind or believe in it.
This is training the mind to be neutral.
But if the mind is not truly neutral If there is still holding back, there will be some liking.
There was some dissatisfaction.
At this point, the Buddha probably knew that
Those who are lower than Anakami There must be a passion. and dislike arises
So there is a teaching to put in at this point.
That is when liking arises. or dislike
Once it has happened, look at the state of your preferences.
or dislike That clearly appears.
Then take the 3 characteristics
1 Anicca (it is impermanent) 2 Dukkha (it cannot bear to remain in its original condition)
3 Anatta
Go in and measure it. Or take any one of these and measure it. Let's see if it's noon.
You will see the condition. Desire arises, stays, changes and dies, and continues to exist like this.
You will see the condition. Displeasure arises, stays, changes and disappears, and continues like this. Where it arises and then gradually disappears on its own. It's not about us at all.
The Buddha who has omniscience (knows everything) understand everything about the past and future)
He said that all conditions
That's not ours. That's not us That's not our ego.
All conditions are impermanent.
We should not go in and take it as ours.
If we see various states of liking and disliking, both anger and greed, continually arising and ceasing in this way until we become bored, then we also see the state of boredom arising and ceasing.
When you see something you like.
Happens and dies very frequently.
When you see displeasure
Happens and dies very frequently.
Boredom will arise.
Let's see that boredom also falls into a trinity.
แล้วเอาไตรลักษณะ๓
๑อนิจจัง(มันไม่เที่ยง) ๒ทุกขัง(มันทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้)
๓อนัตตา
เข้าไปวัดมันเลย หรือเอาข้อใดข้อหนึ่งก็ได้ไปวัดมัน ดูซิมันจะเที่ยงไหม
ก็จะเห็นสภาวะ ความชอบใจเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แปรปรวนดับไป อยู่อย่างนี่เรื่อย
ก็จะเห็นสภาวะ ความไม่ชอบใจเกิดขึ้นเเล้วของตัวเอง ตั้งอยู่ แปรปรวนดับไป อยู่อย่างนี้เรื่อย โดยที่มันก็เกิดขึ้นแล้วก็ค่อยๆแปรดับหายไปของมันเอง ไม่ได้เกี่ยวกับเราเลย
พระพุทธเจ้าผู้มีสัพพัญญูตญาณ(รู้หมดทุกสิ่งทุกอย่าง เข้าใจหมดทุกเรื่อง อดีต อนาคต)
81- พึงน้อมนำพระธรรม มาปฏิบัติที่จิตใจตน เรียกว่าละอกุศลธรรมนั่นเองคือการปฏิบัติธรรม
ราคะละได้ด้วยอสุภะ
โทสะละได้ด้วยเมตตา
โมหะละได้ด้วยโยนิโสมนสิการ
คิดแล้วเป็นทุกข์ พึงละได้ด้วยคิดถึงบุญกุศลความดีที่ตนเคยทำไว้ในกาลก่อน คิดบ่อยๆ เมื่อคิดบ่อยๆนั่นแหละคือการพยามใส่เหตุหรือสร้างเหตุให้จิตปรุงแต่งภาวะที่เป็นกุศล ผลคือความสุขเย็นใจ
ถ้าคิดถึงบาปมันทุกข์ ก็คิดถึงการกระทำที่ตนเคยทำบุญกุศลในคราวก่อนกาลก่อนบ่อยๆ นั้นนั่นแลคือการสร้างเหตุให้จิตปรุงแต่งให้เป็นความสุขเย็นใจ