วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Imported post: Facebook Note: 2013-08-28T08:26:55

หน้านี้สำหรับคดีเช่าซื้อโดยเฉพาะ

Imported post: Facebook Note: 2013-08-28T08:22:53

อยากบอกเลิกสัญญา Cigna ประกันภัย

Imported post: Facebook Note: 2013-08-28T08:19:04

กระทู่สอบถาม เกี่ยวกับคนที่ไม่ทำบัตรประชาชนเลยจะสามารถทำ ได้ไหม ตามหัวข้อเลย ผมไม่รู้จะสอบถามที่ไหนดีแต่เคย ได้ยินมาว่า ท่าอยู่ประเทศไทย เกิน 20 ปี จะสามารถขอทำบัตรประชาชน ได้อ่ะไรประมาณนี้นะครับ พอดีมีเหตุฉุกเฉินที่ผมอยากให้คนๆหนึ่ง เขาทำนะครับเขาเกิดประเทศนี้มาเกือบ 40 กว่าปี แล้ว ซึ่งคนๆนี้ก็คือ พ่อ ผม เอง ตอนนี้ลำบากมาก เพราะมีคนชอบหาเรื่องพ่อผม ท่ามีเรื่องขึ้นมา ทางผมจะเสียเปรียบมากเพราะพ่อผม ไม่มีบัตรประชาชน ทุกวันนี้ผมใช้นามสกุลแม่ผม ตอนนี้อายุ 21 แล้ว 8 กันยานี้ผมก็ 22 แล้ว ตอนนี้ผมอยากให้พ่อผมทำบัตรได้บ้าง พวกผมจะ ได้อยู่กันอย่างสบายใจสักที เพราะคนแถวนั้น เขารู้ว่าพ่อผมไม่มีบัตร บางคนเขาไม่ชอบพวกผม เพราะเมื่อก่อนพวกผมไม่มีจะกิน แต่ตอนนี้ มีบ้าน มีรถ อะไรพร้อมหมด ก็เลยจะหาเรื่องพ่อผม ซึ่งพ่อผมเคยโดนจับมาทีแล้วแต่มันนานมากๆ ที่โดน เพราะคนที่ไม่ชอบเขาแจ้งเพราะเขาขายของไม่ได้ แถมเมื่อเร็วๆนี้ก็มีเรื่องกับมันอีก ทั้งๆที่พวกเรา ไม่ผิดแต่มันจะเอาเรื่องให้ได้ เป็น เพราะทางเราเสียเปรียบมันเลยได้ใจใหญ่ สาเหตุมา จากคนร้านของมันมาเลือกมะม่วงร้านข้างๆผม แล้วทิ้งขยะไว้หน้าร้านผม พ่อผมเลยเขี่ยไป หน้าร้านมัน มันก็เลยด่าพ่อผมว่า ไปทำอะไรให้ แล้วก็ถามว่าอยากมีเรื่องเหรอ ตอนนี้ผมพยายามไม่พูดแหละเงียบให้ได้มากที่สุด ปล. พ่อผมไม่มีใบแจ้งเกิดแหละไม่มีครอบครัว อีก ทั้งมันนานมากแล้วคาดว่าอาจจะเสียชีวิตไปหมด แล้วเพราะพ่อผมเป็นลูกคนเดียว ไม่มีญาติ คุณ sacoos IP: ตอบเมื่อ : Mon 7 September 09 , 15:13 ความคิดเห็นยอดนิยมอันดับ 1 แม่ผมมีใบสูติบัตร มีหลักฐานการเรียนหนังสือ ตอนนี้อายุ45 ปีแล้วยังไม่มีบัตรประชาชน เคยไปทำเรื่องที่อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช ทางอำเภอแจ้งว่าให้นำหลักฐานการแจ้งเกิด และนำกำนัน,ผู้ ใหญ่บ้านมาสอบข้อมูลแต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบไป ติดต่อไปกีครั้งไม่ทำไม่ได้ ผมควรทำอย่างไรคับ แม่ผมเป็นคนไทยอยาก ให้แม่มีบัตรประชาชนเหมือนคนอื่นๆเค้าบ้าง คุณ dum IP: 223.206.64.196 ตอบเมื่อ : Sun 24 October 10 , 16:23 ความคิดเห็นยอดนิยมอันดับ 2 ดิฉันรู้จักคนอยู่คนนึงที่นิสัยดีมาก ๆ มีครอบครัวแล้ว เป็นผู้หญิง เขาเคยหนีออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 17 เห็นจะได้ แต่เขาไม่มีบัตรประชาชน สมัยก่อนคลอดลูกไม่มีบัตรเค้าก็ทำให้ แต่พอปัจจุบันระบบเปลี่ยนอะไร ๆ ก็ต้องใช้คอมฯ เขาเลยทำอะไรไม่ได้เลย เคยปรึกษาคนที่ อยู่เขตต่าง ๆ ก็ทำให้ไม่ได้ คีย์ชื่อพ่อและแม่เขาก็หา ไม่เจอ เขาเคยมีบัตรประชาชนตอนอายุ 15 แต่พอหนีออกมาไปอยู่ญาติก็เลยไม่ ได้บัตรตัวจริงมีแต่ใบเหลือง สุดท้ายเอกสารก็หาย เพราะว่ากลับไปหาญาติอีกครั้ง ญาติก็ไม่ได้ อยู่ที่เดิมแล้วถามใครก็ไม่มีใครรู้ ทุกวันนี้เขาก็เหมือน ไม่ใช่คนไทยเลย ดิฉันอยากช่วยเขามาก ๆ แต่ไม่รู้ จะทำยังไง ถ้ามีคนมีน้ำใจ ก็คงจะช่วยเขาได้ โดยติดต่อผ่านดิฉันที่เบอร์ 087-6826368 หรือ mail wimonwan1411@hotmail.com จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ คุณ มีน้ำใจ IP: ตอบเมื่อ : Fri 18 December 09 , 22:16 ความคิดเห็นยอดนิยมอันดับ 3 บ้านที่เคยอยู่ถูกธนาคารยึดเพราะ ไม่มีเงินส่งตอนนี้บ้านถูกขายไปแล้วทำให้ ชื่อที่อยู่ในทะเบียนบ้านต้องเอาออก อยากทราบว่าเอาจะทำบัตรประชาชนได้ มั้ยถ้าไม่มีบ้านของตัวเอง คุณ นุช IP: 27.130.161.40 ตอบเมื่อ : Sat 13 August 11 , 10:02 ความเห็นที่ 1 ติดต่อมาแจ้งรายละเอียดมาทางเมล์ผมอีกทีครับ คุณ ท.ปกรณ์ IP: ตอบเมื่อ : Mon 7 September 09 , 17:09 ความเห็นที่ 2 เมลอะไรเหรอครับ แบบว่าหาไม่เจอ - - คุณ sacoos IP: ตอบเมื่อ : Mon 7 September 09 , 17:30 ความเห็นที่ 3 ดิฉันรู้จักคนอยู่คนนึงที่นิสัยดีมาก ๆ มีครอบครัวแล้ว เป็นผู้หญิง เขาเคยหนีออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 17 เห็นจะได้ แต่เขาไม่มีบัตรประชาชน สมัยก่อนคลอดลูกไม่มีบัตรเค้าก็ทำให้ แต่พอปัจจุบันระบบเปลี่ยนอะไร ๆ ก็ต้องใช้คอมฯ เขาเลยทำอะไรไม่ได้เลย เคยปรึกษาคนที่ อยู่เขตต่าง ๆ ก็ทำให้ไม่ได้ คีย์ชื่อพ่อและแม่เขาก็หา ไม่เจอ เขาเคยมีบัตรประชาชนตอนอายุ 15 แต่พอหนีออกมาไปอยู่ญาติก็เลยไม่ ได้บัตรตัวจริงมีแต่ใบเหลือง สุดท้ายเอกสารก็หาย เพราะว่ากลับไปหาญาติอีกครั้ง ญาติก็ไม่ได้ อยู่ที่เดิมแล้วถามใครก็ไม่มีใครรู้ ทุกวันนี้เขาก็เหมือน ไม่ใช่คนไทยเลย ดิฉันอยากช่วยเขามาก ๆ แต่ไม่รู้ จะทำยังไง ถ้ามีคนมีน้ำใจ ก็คงจะช่วยเขาได้ โดยติดต่อผ่านดิฉันที่เบอร์ 087-6826368 หรือ mail wimonwan1411@hotmail.com จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ คุณ มีน้ำใจ IP: ตอบเมื่อ : Fri 18 December 09 , 22:16 ความเห็นที่ 4 http://www.archanwell.org/ http://gotoknow.org/ask/archanwell เป็นเวบของ รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร ครับ อ.แหวว ท่านทำงานด้านกม.ที่เกี่ยว กับสัญชาติ กม.ระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลครับ ลองเข้าไปดูหาข้อมูล หรือ ฝากคำถามไว้นะครับ เผื่อว่าจะช่วยได้ คุณ มารนิติ IP: ตอบเมื่อ : Fri 18 December 09 , 23:21 ความเห็นที่ 5 แม่ผมมีใบสูติบัตร มีหลักฐานการเรียนหนังสือ ตอนนี้อายุ45 ปีแล้วยังไม่มีบัตรประชาชน เคยไปทำเรื่องที่อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช ทางอำเภอแจ้งว่าให้นำหลักฐานการแจ้งเกิด และนำกำนัน,ผู้ ใหญ่บ้านมาสอบข้อมูลแต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบไป ติดต่อไปกีครั้งไม่ทำไม่ได้ ผมควรทำอย่างไรคับ แม่ผมเป็นคนไทยอยาก ให้แม่มีบัตรประชาชนเหมือนคนอื่นๆเค้าบ้าง คุณ dum IP: 223.206.64.196 ตอบเมื่อ : Sun 24 October 10 , 16:23 ความเห็นที่ 6 รบกวนผู้รู้บอกผมด้วยนะคับ E-mail nume21@hotmail.com ขอขอบพระคุณอย่างสูง คุณ dum IP: 223.206.64.196 ตอบเมื่อ : Sun 24 October 10 , 16:28 ความเห็นที่ 7 บ้านที่เคยอยู่ถูกธนาคารยึดเพราะ ไม่มีเงินส่งตอนนี้บ้านถูกขายไปแล้วทำให้ ชื่อที่อยู่ในทะเบียนบ้านต้องเอาออก อยากทราบว่าเอาจะทำบัตรประชาชนได้ มั้ยถ้าไม่มีบ้านของตัวเอง คุณ นุช IP: 27.130.161.40 ตอบเมื่อ : Sat 13 August 11 , 10:02 ความเห็นที่ 8 ความคิดเห็นคุณ นุช : ตอบเมื่อ Sat 13 August 11 , 10:02 บ้านที่เคยอยู่ถูกธนาคารยึดเพราะ ไม่มีเงินส่งตอนนี้บ้านถูกขายไปแล้วทำ ให้ ชื่อที่อยู่ในทะเบียนบ้านต้องเอาออก อยากทราบว่าเอาจะทำบัตรประชาชนได้ มั้ยถ้าไม่มีบ้านของตัวเอง ถ้าไม่มีบ้านตัวเองก็สามารถเอาชื่อไปใส่ ในทะเบียนคนอื่นได้ครับ หรือแม้บ้านถูกขายแล้วแต่เจ้าของบ้านใหม่ยังไม่ ได้คัดชื่อคุณออกก็ยังทำบัตรได้ หรือต่อ ให้คัดชื่อออกแล้วย้ายคุณไปอยู่ทะเบียนบ้านกลาง ก็ยังทำบัตรได้ครับ คุณ ทนายตี๋ IP: 202.176.66.51 ตอบเมื่อ : Sat 13 August 11 , 10:47 ความเห็นที่ 9 ความคิดเห็นคุณ ทนายตี๋ : ตอบเมื่อ Sat 13 August 11 , 10:47 ความคิดเห็นคุณ นุช : ตอบเมื่อ Sat 13 August 11 , 10:02 บ้านที่เคยอยู่ถูกธนาคารยึด เพราะ ไม่มีเงินส่งตอนนี้บ้านถูกขายไป แล้วทำให้ ชื่อที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ต้องเอาออก อยากทราบว่าเอา จะทำบัตรประชาชนได้ มั้ยถ้าไม่มีบ้านของตัวเอง ถ้าไม่มีบ้านตัวเองก็สามารถเอาชื่อไปใส่ ในทะเบียนคนอื่นได้ครับ หรือแม้บ้านถูกขายแล้วแต่เจ้าของบ้านใหม่ ยังไม่ได้คัดชื่อคุณออกก็ยังทำบัตรได้ หรือต่อให้คัดชื่อออกแล้วย้ายคุณไป อยู่ทะเบียนบ้านกลาง ก็ยังทำบัตรได้ครับ แล้ว เราจะเช๊คได้ไหมค่ะว่าเค้าคัดเราออก จากทะเบียนบ้านแล้วหรือยังอ่ะค่ะ แร้วเราจะรุ้ ได้ไงค่ะว่าเราจะไปอยู่ทะเบียนบ้านกลาง หรือ ไม่อ่ะค่ะ มีปัญหาเหมือนกันคุณ นุช เลยค่ะ เครียดมาก คุณ บี IP: 110.168.198.146 ตอบเมื่อ : Thu 31 January 13 , 21:06 ความเห็นที่ 10 แฟนหนูเป็นคนเชียงรายอยู่กินกันมา7ปี มีลูก1คน ตอนนี้ยังไม่มีบัตรประชาชนเลยค่ะขอความ ช่วยเหลือ จากทางบ้านทางบ้านก็เรียกตัวไปสืบหาข้อมูล ไปตรวจดีเอนเอทำไปทำมาปลัดเปลียนคนดันทำไม่ ได้จึงขอวอนช่วยเปิดโอกาสพวกเขา ด้วยบางครั้งลูกทที่รรโดนเพื่อนล้อเห็นใจเถอะค่ะ คุณ เจี๊ยบ IP: 1.0.186.50 ตอบเมื่อ : Wed 29 May 13 , 15:35 ความเห็นที่ 11 ผมก๊ 20 ปีแล้วยังไม่มีบัตรประชาชนเลย อยากเรียนก๊ไม่ได้เรียน จะทำงานก๊ทำไม่ ได้ใบเกิดของผมก๊เป๊นบุตรคนต่างด้าว เลขบัตรก๊เลข 0 นำหน้าผมจะไงดี จะมีชีวิต อยู่ต่อเพื่อผมยังไม่รู้เลยครับ ใครพอรู้อะไรก๊แนะนำ ให้บ้างน้ะครับ ติดต่อ [089-2370503] คุณ จอมจอม IP: 110.49.249.73 ตอบเมื่อ :

Imported post: Facebook Note: 2013-08-28T08:14:48

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ ''การดำเนินคดีในศาลแพ่งแผนกคดีภาษีอากร'' 1. การดำเนินคดีในศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร จะ ต้องใช้วิธีพิจารณาตามกฎหมาย และข้อกำหนดอะไรบ้าง? การดำเนินคดีในศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร มีวิธีพิจารณาพิเศษ แตกต่างไปจากคดีแพ่งธรรมดา โดยทั่วไป กล่าวคือ จะต้อง ใช้วิธีพิจารณาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งภาษีอากร และวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 และข้อกำหนดคดีภาษีอากรที่อธิบดี ผู้พิพากษาศาลแพ่งออกโดยอนุมัติประธานศาลฎีกา ในกรณีที่ไม่มีบทบัญญัติและข้อกำหนดดังกล่าว ก็ ให้นำบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม 2. ศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอะไรบ้าง? ศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งในเรื่องต่อไปนี้ คดีอุทธรณ์คำวินิจฉัยของเจ้าพนักงาน หรือคณะกรรมการเกี่ยวกับภาษีอากร คดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของรัฐ ในหนี้ค่าภาษีอากร คดีพิพาทเกี่ยวกับการขอคืนค่าภาษีอากร คดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ตามข้อผูกพันซึ่ง ได้ทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่การจัดเก็บภาษีอากร คดีที่มีกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจศาลภาษีอากร อนึ่ง คดีอุทรณ์คำวินิจฉัยของเจ้าพนักงาน หรือคณะกรรมการตามกฎหมายเกี่ยว กับภาษีอากรตาม (1) หากมีกฎหมายเกี่ยว กับภาษีอากรบัญญัติให้คัดค้านหรืออุทธรณ์คำสั่ง หรือคำวินิจฉัยต่อเจ้าพนักงาน หรือคณะกรรมการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที่กำหนดไว้จะฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากรได้ ก็ต่อเมื่อ ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาเช่นว่านั้นและ ได้มีการวินิจฉัยชี้ขาดคำคัดค้านหรือคำอุทรณ์ นั้นเสร็จสิ้นแล้ว เช่น การอุทธรณ์การประเมินภาษีตามประมวลรัษฎากร มีบทบัญญัติของประมวลรัษฎากร มาตรา 30 กำหนด ให้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมิน จากเจ้าพนักงานประเมิน เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยอย่างไร แล้วจึงจะอุทธรณ์หรือฟ้องคดีต่อศาลได้ ดังนี้ก็ ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาดังกล่าวก่อน จึง จะฟ้องคดีต่อศาลแพ่งแผนกคดีภาษีอากรได้ ( ต้องฟ้องภายใน 30 วันนับแต่วันที่ ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์) 3. ศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร มีเขตอำนาจเพียงใด ? ศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร มีเขตอำนาจตลอดกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม นนทบุรี และปทุมธานี ฉะนั้น คดีที่เกิดขึ้นในเขต 6 จังหวัดนี้จะ ต้องยื่นฟ้องที่ศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากรเท่านั้น ส่วนคดีทีเกิดขึ้นในเขตจังหวัดอื่นนอกเหนือจาก 6 จังหวัดดังกล่าว ในระหว่างที่ยัง ไม่มีศาลภาษีอากรจังหวัดในท้องที่นั้น ศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร มีเขตอำนาจในท้องที่นั้นด้วย โดยโจทย์จะยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร หรือยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดแห่งท้องที่ที่จำเลยมีภูมิลำเนา อยู่ก็ได้ จึงกล่าวได้ว่าศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร มีเขตอำนาจทั่วราชอาณาจักร จนกว่า จะมีการจัดศาลภาษีอากรจังหวัดขึ้น 4. ในกรณีที่โจทย์ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดการดำเนินกระบวนพิจารณา จะเป็นอย่างไร? ในกรณีที่โจทย์ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดแห่งท้องที่ที่จำเลยมีภูมิลำเนา ศาลจังหวัดจะจัดทำสำเนาคำฟ้องไว้ 1 ชุด แล้วแจ้งพร้อมกับต้นฉบับคำฟ้องไป ยังศาลแพ่งแผนกคดีภาษีอากร โดยเร็ว เมื่อศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร สั่งรับคดีนั้นไว้พิจารณาแล้ว อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งจะกำหนดว่าศาล จะออกไปนั่งพิจารณาพิพากษา ณ ศาลจังหวัดแห่งท้องบที่นั้นหรือจะ ให้นั่งพิจารณาพิพากษา ณ ศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร เมื่อศาลจังหวัดที่โจทย์ยื่นฟ้อง ได้รับแจ้งคำสั่งรับคดีจากศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากรแล้ว กระบวนการพิจารณาต่อจาก นั้นจนถึงก่อนวันชี้สองสถานหรือวันสืบพยาน ในกรณีที่ไม่มีการชี้สองสถาน ศาลจังหวัดดังกล่าวจะ เป็นผู้ดำเนินการแทน เว้นแต่ศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากรจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น เมื่อโจทย์ได้รับแจ้งคำสั่งรับคดีของศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร จากศาลจังหวัดแล้ว โจทย์จะ ต้องนำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องภายใน 7 วัน 5. การยื่นคำให้การและฟ้องแย้งต้องยื่นเมื่อใด? ที่ไหน? เมื่อจำเลยได้รับสำเนาคำฟ้องแล้ว จะต้องยื่นคำ ให้การภายใน 15 วัน จึงต่างกับคดีแพ่งธรรมดาที่ ต้องยื่นคำให้การภายใน 8 วัน ถ้าจำเลยฟ้องแย้งมา ในคำให้การ โจทก์จะต้องทำคำ ให้การแก้ฟ้องแย้งยื่นต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้สำเนาคำให้การถึงโจทก์ จึงต่าง กับคดีแพ่งธรรมดาที่ต้องทำคำให้การแก้ฟ้องแย้งภาย ใน 8 วัน ศาลที่คู่ความจะต้องยื่นคำให้การ ฟ้องแย้ง และคำให้การแก้ฟ้องแย้งไดแก่ ศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร ในกรณีที่โจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร ศาลจังหวัดที่โจทก์ยื่นฟ้องเนื่องจากจำเลยมีภูมิลำเนา อยู่ เว้นแต่ ศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร จะมีคำสั่ง เป็นอย่างอื่น 6. การชี้สองสถาน ในคดีภาษีอากรมีหลักการอย่างไร ? เมื่อมีการยื่นคำฟ้อง คำให้การ และคำ ให้การแก้ฟ้องแย้ง ถ้าหากมีแล้ว ศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร จะทำการชี้สองสถาน โดยแจ้งกำหนดวันนัดชี้สองสถานให้คู่ ความทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน เว้นแต่ศาลเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีการชี้สองสถาน ในกรณีที่ศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร เห็นว่าไม่จำ เป็นต้องมีการชี้สองสถาน และจำเป็น ต้องสืบพยานศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร จะแจ้งกำหนดวันนัดสืบพยานให้คู่ความทราบล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 15 วัน ในกรณีที่โจทก์ยื่นคำฟ้องต่อศาลจังหวัดแห่งท้องที่ที่จำเลยมีภูมิลำเนา ศาลแพ่งแผนกคดีภาษีอากร จะเป็นผู้กำหนดว่า จะมีการชี้สองสถานหรือไม่ ศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร จะแจ้งวันนัดชี้สองสถานหรือวันนัดสืบพยาน แล้วแต่กรณี ให้ศาลจังหวัดทราบเพื่อแจ้งให้คู่ ความทราบต่อไป หากศาลแพ่ง แผนกคดีภาษีอากร แจ้งให้คู่ความทราบโดยตรง ก็จะแจ้ง ให้ศาลจังหวัดทราบด้วย 7. คดีภาษีอากรต้องยื่นบัญชีระบุพยานหรือไม่ ? อย่างไร? คดีภาษีอากรต้องยื่นบัญชีระบุพยานเช่นเดียว กับคดีแพ่งธรรมดา แต่แทนที่จะยื่นก่อนวันสืบพยาน ไม่น้อยกว่า 3 วันดังเช่นคดีแพ่งธรรมดา คู่ความจะ ต้องยื่นก่อนวันชี้สองสถานไม่น้องกว่า 7 วัน พร้อม ทั้งสำเนาในจำนวนที่เพียงพอเพื่อให้คู่ความฝ่ายอื่น หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมารับไป โดยทางเจ้าพนักงานศาล ในกรณีที่ ไม่มีการชี้สองสถาน คู่ความจะ ต้องยื่นบัญชีระบุพยานพร้อม ทั้งสำเนาก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน ก่อนระยะเวลาที่กำหนด ให้ยื่นบัญชีระบุพยานดังกล่าวจะสิ้นสุดลง ถ้าคู่ ความฝ่ายใดประสงค์จะยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม ก็ ให้ทำเป็นคำแถลงขอระบุพยานเพิ่มเติมต่อศาลพร้อม กับระบุพยานเพิ่มเติม เมื่อระยะเวลาที่กำหนด ให้บัญชีระบุพยานดังกล่าวสิ้นสุดลงแล้ว ถ้าคู่ความ ซึ่งยังมิได้ยื่นบัญชีระบุพยาน หรือบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม แล้วแต่กรณี ประสงค์ จะยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม แล้วแต่กรณีก็อาจทำ เป็นคำร้องยื่นต่อศาล ขออนุญาติยื่นบัญชีระบุพยาน หรือบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม แล้วแต่กรณี ทั้งนี้จะ ต้องแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาล ได้ว่ามีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยาน ตามกำหนดเวลาดังกล่าวได้หรือถ้า เป็นกรณีขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม จะต้องแสดง ได้ว่าตนไม่สามารถทราบได้ว่า ต้องนำพยานหลักฐานบางอย่างมาสืบเพื่อประโยชน์ของตน หรือไม่ทราบว่าพยานหลักฐานบางอย่างได้มีอยู่ หรือมีเหตุอันสมควรอื่นใด ถ้าศาลเห็นว่าเพื่อ ให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไป โดยเที่ยงธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานเช่นว่า นั้น ศาลก็จะอนุญาติตามคำร้อง 8. คู่ความต้องยื่นต้นฉบับพยานเอกสาร และพยานวัตถุต่อศาลเมื่อใด? ในกรณีที่มีการชี้สองสถาน คู่ความจะต้องยื่นต้น ฉบับพยานเอกสารทั้งหมดที่ประสงค์จะอ้างอิงและอยู่ ในความครอบครองของตน และพยานวัตถุอัน เป็นพยานหลักฐานสำคัญที่อยู่ใน ความครอบครองของตนและสามารถนำมาศาลได้ ต่อศาลพร้อมกับการยื่นบัญชีระบุพยานมิฉะนั้นคู่ ความนั้นไม่มีสิทธิที่จะนำพยานหลักฐาน นั้นมาสืบภายหลัง เว้นแต่จะได้รับอนุญาติจากศาล เมื่อคู่ความดังกล่าวสามารถแสดงให้ เป็นที่พอใจแก่ศาลถึงเหตุที่ไม่ สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดได้เพราะเหตุสุดวิสัย หรือเมื่อศาลเห็นว่าพยานหลักฐานดังกล่าว เป็นพยานหลักฐานอันสำคัญ ซึ่งเกี่ยว กับประเด็นข้อสำคัญในคดีและเพื่อประโยชน์แห่ง ความยุติธรรมจำเป็นที่จะ ต้องนำพยานหลักฐานดังกล่าวมาสืบ ในกรณีที่ไม่มีการชี้สองสถานและมีการสืบพยานคู่ ความคงปฏิบัติตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง 9. หากพยานเอกสารหรือพยานวัตถุอยู่ใน ความครอบครองของคู่ความฝ่ายอื่น หรือบุคคลภายนอกจะต้องดำเนินการอย่างไร? ในกรณีที่มีการชี้สองสถาน หากพยานเอกสาร หรือพยานวัตถุอยู่ในความครอบครองของคู่ความฝ่าย อื่นหรือบุคคลภายนอก คู่ความฝ่ายที่ประสงค์ จะอ้างอิงพยานหลักฐานนั้นอาจขอ ให้ศาลมีคำสั่งเรียกพยานหลักฐานดังกล่าวมาจาก ผู้ครอบครอง โดยยื่นคำขอต่อศาลพร้อม กับการยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานนั่นมาก่อนวันชี้สองสถาน หรือภายในเวลาที่ศาลกำหนด ในกรณีที่ไม่มีการชี้สองสถาน คู่ ความคงปฏิบัติตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง 10. ในการชี้สองสถาน ศาล จะดำเนินกระกวนพิจารณาอย่างไร? ในการชี้สองสถานนั้น ศาลจะนำข้ออ้าง ข้อเถียง ที่ปรากฏในในคำคู่ความเทียบกันดู และสอบถามคู่ ความทุกฝ่ายถึงข้ออ้าง ข้อเถียง และพยานหลักฐานที่ยื่นต่อศาลว่าฝ่ายใดยอมรับ หรือโต้แย้งข้ออ้างข้อเถียงนั้นอย่างไร ข้อเท็จจริง ใดที่คู่ความยอมรับก็เป็นอันยุติไปตามนั้น ส่วนข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริงที่คู่ ความฝ่ายหนึ่งยกขึ้นอ้าง แตคู่ความฝ่ายอื่นไม่รับ และเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับประเด็นตามคำคู่ความ ให้ศาลกำหนดไว้เป็นประเด็นข้อพิพาทและกำหนด ให้คู่ความฝ่ายใดนำพยานหลักฐานมาสืบ ในประเด็นข้อใดก่อนหรือหลังก็ได้ ในการสอบถามคู่ ความดังกล่าว คู่ความแต่ละฝ่าย ต้องตอบคำถามที่ศาลถามเอง หรือถามตามคำขอของคู่ความฝ่ายอื่นเกี่ยว กับข้อเท็จจริงที่คู่ความฝ่ายอื่นยกขึ้น เป็นข้ออ้างข้อเถียงและพยานหลักฐานต่างๆ ที่ยื่นต่อศาลถ้าคู่ความฝ่ายใดไม่ตอบคำถามเกี่ยว กับข้อเท็จจริงใดให้ถือว่า ยอมรับข้อเท็จจริงนั้นแล้ว เว้นแต่ศาลเห็นว่าคู่ความฝ่ายนั้นไม่อยู่ในวิสัยที่ จะตอบได้ในขณะนั้น ศาลจะอนุญาติให้เสนอคำตอบ ในภายหลัง โดยเลื่อนการชี้สองสถานเฉพาะส่วนที่ยัง ไม่เสร็จสิ้นดังกล่าวออกไปได้ 11. คู่ความไม่มาศาลในวันชี้สองสถาน ศาล จะดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างไร? ถ้าคู่ความทุกฝ่ายหรือแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มาศาล ในวันชี้สองสถาน ศาลจะชี้สองสถานไปทีเดียวหรือ จะเลื่อการชี้สองสถานไปเพื่อให้คู่ความมาศาลพร้อม กันก็ได้ในกรณีที่ศาลทำการชี้สองสถานไปทีเดียว ให้ถือว่าคู่ความที่ไม่มาศาลทราบกระบวนพิจารณา ในวันนั้นแล้ว และ ไม่มีสิทธิโต้แย้งคัดค้านประเด็นข้อพิพาท หรือหน้าที่นำสืบที่ศาลกำหนด 12. การขอให้ผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญมาให้ ความเห็นจะต้องปฏิบัติอย่างไร ? ศาลอาจขอให้ผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญมาให้ ความเห็น เพื่อประกอบการพิจารณาพิพากษาคดีได้ โดยทำเป็นหนังสือเชิญตามแบบพิมพ์ภษ.2 ท้ายข้อกำหนดคดีภาษีอากร เมื่อผู้ทรงคุณวุฒิหรือ ผู้เชี่ยวชาญที่ศาลขอให้มาได้ให้ความเห็นแล้ว คู่ ความมีสิทธิขอให้ศาลออกหมายเรียกผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้เชี่ยวชาญฝ่ายตนมาให้ความเห็น โต้แย้ง หรือเพิ่มเติมความเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิหรือ ผู้เชี่ยวชาญที่ศาลขอให้มาได้ หมายเรียกนี้ต้องทำ เป็นหนังสือตามแบบพิมพ์ ภษ.3 ท้ายข้อกำหนดคดีภาษีอากร 13. คู่ความจะแต่งตั้งบุคคลอื่นให้รับคำคู่ความ หรือเอกสารแทนตนได้หรือไม่? ในการรับคำคู่ความหรือเอกสาร คู่ ความมีสิทธิยื่นคำขอต่อศาลที่พิจารณาคดีนั้น เพิ่อขออนุญาติแต่งตั้งบุคคลใดที่มีภูมิลำเนา ในเขตอำนาจศาลนั้นเป็นผู้รับคำคู่ความ หรือเอกสารแทนตน ซึ่งการแต่งตั้งนี้จะต้องทำ เป็นหนังสือตามแบบพิมพ์ ภษ.1 ท้ายข้อกำหนดคดีภาษีอากร 14. ศาลมีอำนาจสั่งให้คู่ความแต่งตั้งบุคคล อื่นเพื่อรับคำคู่ความแทนหรือไม่? ถ้าคู่ความไม่มีภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงาน ในเขตอำนาจศาลที่พิจารณาคดีนั้น ศาลนั้นอาจสั่ง ให้คู่ความแต่งตั้งบุคคลที่มีภูมิลำเนาในเขตอำนาจศาล นั้นซึ่งจะเป็นการสะดวกในการส่งคำคู่ความ หรือเอกสารภายในเวลาที่ศาลกำหนด เพื่อรับคำคู่ ความหรือเอกสารแทน ซึ่งการแต่งตั้งนี้จะต้องทำ เป็นหนังสือตามแบบพิมพ์ ภษ1. ท้ายข้อกำหนดคดีภาษีอากร ถ้าคู่ความไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลดังกล่าว การส่งคำคู่ความหรือเอกสารจะกระทำ โดยวิธีการปิดประกาศไว้ ณ ศาลที่พิจารณาคดีแจ้ง ให้คู่ความมารับคำคู่ความหรือเอกสารแทนการส่ง โดยวิธีอื่นก็ได้ การส่งคำคู่ความหรือเอกสาร โดยวิธีเช่นว่านี้จะมีผลใช้ได้เมื่อพ้น 7 วัน นับแต่วันปิดประกาศ 15. การส่งคำคู่ความหรือเอกสารแก่บุคคลที่ ได้รับแต่งตั้งจะต้องปฏิบัติอย่างไร การส่งคำคู่ความหรือเอกสารแก่บุคคลที่ได้รับแต่งตั้ง จะต้องกระทำเช่นเดียวกับการส่งคำคู่ความ หรือเอกสารแก่คู่ความ หรือการส่งโดยวิธีอื่นแทน ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง การส่งคำคู่ความหรือเอกสารแก่บุคคลที่ ได้รับแต่งตั้งดังกล่าวให้มีผลใช้ได้เมื่อพ้น 7 วันนับแต่วันส่งหรือ 15 วันนับแต่วันที่ได้มีการส่ง โดยวิธีอื่น 16. คู่ความไม่มาศาลตามกำหนดนัดมีผลอย่างไร เมื่อศาลแจ้งกำหนดนัดพิจารณาให้คู่ความฝ่าย ใดทราบแล้ว คู่ความฝ่ายนั้นไม่มาศาลตามกำหนดนัด ก็เป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่าย นั้นมารับทราบกำหนดนัดต่อไปจากศาลเอง หาก ไม่มารับทราบ ก็ถือว่าคู่ความฝ่ายนั้น ได้ทราบกำหนดนัดต่อไปแล้ว 17. คดีภาษีอากรที่มีการยื่นฟ้องก่อนวันที่ 25 มีนาคม 2529 จะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างไร คดีภาษีอากรที่มีการยื่นฟ้องก่อนวันที่ 25 มีนาคม 2529 คงดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างคดีแพ่งธรรมดาต่อไปตามปรกติ ไม่มีการโอนไปดำเนินกระบวนพิจารณา ในแผนกคดีภาษีอากรในศาลแพ่ง และอาจอุทธรณ์ และฎีกาต่อศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา ได้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง จึงต่างกับคดีภาษีอากรที่ยื่นฟ้องตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2529 ที่ไม่ต้องอุทธรณ์ผ่านศาลอุทธรณ์ แต่อุทธรณ์ตรงไปยังศาลฎีกา และการดำเนินกระบวนพิจารณาก็ต้อง ใช้วิธีพิจารณาพิเศษตามที่กล่าวมาแล้ว เรียบเรียงโดย นายชัยสิทธ์ ตราชูธรรม ผู้พิพากษาประจำกระทรวง แหล่งที่มา : คณะกรรมการประชาสัมพันธ์ กระทรวงยุติธรรม โทร 224-1566

Imported post: Facebook Note: 2013-08-28T08:13:20

ลักษณะการกระทำอย่างไร เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ 1. คำว่า เอาไป คือการเอาทรัพย์เคลื่อนที่ไป จากที่เดิมในลักษณะที่จะพาทรัพย์นั้นไปได้ และทรัพย์นั้นเข้ามาอยู่ใน ความยึดถือครอบครองเพื่อตนแล้ว แม้ทรัพย์ นั้นเคลื่อนที่เพียงเล็กน้อยก็ถือว่าเป็นการเอาไปแล้ว ถึงแม้ผู้กระทำจะยังไม่เอาทรัพย์นั้นไป หรือถูกขัดขวางในภายหลังและเอาทรัพย์นั้นไปไม่ ได้ก็ตาม ต้องถือว่าเป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จ 2. การเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปนั้น อาจกระทำ โดยทางอ้อม โดยใช้ผู้อื่นเป็นเครื่องมือก็ได้ 3. เพียงแต่เอาทรัพย์เคลื่อนที่อย่างเดียว แต่ไม่อยู่ ในลักษณะที่จะเอาทรัพย์นั้นไปได้ คือยังไม่ ได้มีการยึดถือเลย เป็นเพียง ความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ 4. การลักทรัพย์โดยใช้อุบายนั้นใกล้เคียงกับ ความผิดฐานฉ้อโกงมาก การลักทรัพย์โดยใช้อุบาย การหลอกลวง เป็นวิธีการเพื่อทำ ให้การลักทรัพย์สะดวกขึ้นเท่านั้น ส่วน ความผิดฐานฉ้อโกง การหลอกลวงนั้นทำให้ ผู้ถูกหลอกหลงเชื่อและมอบทรัพย์ให้หรือยอม ให้เอาทรัพย์นั้นไปด้วยความเต็มใจ 5. ทรัพย์นั้นต้องเป็นของผู้อื่นหรือผู้อื่น เป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยและทรัพย์นั้นต้องอยู่ใน ความครอบครองของผู้อื่นในขณะที่เอาทรัพย์นั้นไป ถ้าทรัพย์นั้นอยู่ในความครอบครองของผู้กระทำเอง ในขณะที่เอาไปแล้วไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ แต่อาจเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ การเอาทรัพย์ของตนเองแต่ผู้เดียวไป ไม่เป็น ความผิดฐานลักทรัพย์ แม้ทรัพย์นั้นจะอยู่ใน ความครอบครองของผู้อื่น 6. ในกรณีที่ทรัพย์นั้นเป็นทรัพย์ที่มีเจ้าของร่วมกัน การเอาทรัพย์ชนิดนี้ไปจะต้องอยู่ใน ความครอบครองของเจ้าของร่วมโดยแท้จริง ไม่ ใช่เพียงมีสิทธิครอบครองร่วมกันเท่านั้น 7. ในเรื่องทรัพย์สินหาย หรือของตกหายนั้น ถือหลักว่าถ้าเก็บไปโดยรู้หรือมีเหตุอันควรรู้ว่าทรัพย์ นั้นอยู่ในระหว่างที่เจ้าของกำลังติดตาม หรือกำลัง จะติดตามทรัพย์นั้นคืน ถ้าเอาทรัพย์ไปตอนนี้เป็น ความผิดฐานลักทรัพย์ แต่ถ้าเอาไปโดยไม่รู้หรือ ไม่มีเหตุอันควรรู้เช่นนั้นแล้ว ก็เป็นการได้ทรัพย์หาย เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ 8. การได้รับมอบหมายทรัพย์จากเจ้าของ ให้ดูแลแทนเพียงชั่วคราวหรือเจ้าของไปด้วย ถือว่าการครอบครองทรัพย์นั้นยังอยู่กับเจ้าของ ถ้าเอาไปขณะนี้เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ 9. การลักทรัพย์นั้น การเอาทรัพย์ของผู้อื่นไป ผู้กระทำต้องมีเจตนาทุจริตมาก่อนหรือ ในขณะที่เอาทรัพย์นั้นไป ถ้ามีเกิดขึ้นภายหลัง ไม่ผิดฐานลักทรัพย์ แต่อาจเป็นความผิดฐานอื่น เช่น ยักยอกทรัพย์ 10. การเอาทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวม อยู่ด้วยไปโดยมีเจตนาเป็นอย่างอื่น ไม่ใช่ โดยทุจริตคือไม่ใช่เพื่อถือทรัพย์นั้นเป็นของตนเอง หรือผู้อื่นแล้ว ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ 11. การลักทรัพย์นั้นถ้ากระทำ โดยมีเจตนาทุจริตเพื่อกระทำการลักทรัพย์และ ได้ลงมือกระทำการลักทรัพย์ เช่นการเข้าไปในบ้าน แต่ไม่มีสิ่งของหรือลงมืองัดแงะประตูแล้ว แม้ จะมีเหตุมาขัดขวางทำให้การลักทรัพย์ต่อไปไม่ได้ ก็ถือว่ามีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์แล้ว 12. ลักทรัพย์เสร็จแล้ว เอาทรัพย์ นั้นมาทำลายภายหลังไม่ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์อีก 13. ลักทรัพย์สำเร็จแล้ว มีผู้อื่นมาช่วยพาทรัพย์ นั้นไป ไม่เป็นการสมคบลักทรัพย์ แต่ถ้าผู้กระทำรู้ว่า เป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำผิด เป็น ความผิดฐานรับของโจร 14. สมคบกันลักทรัพย์ได้มาและได้แบ่งกันไปแล้ว ภายหลังผู้ลักคนหนึ่งได้รับทรัพย์นั้นไว้อีก ไม่มี ความผิดฐานรับของโจร 15. การซื้อขายทรัพย์เฉพาะสิ่งที่ได้กำหนดลง ไว้แน่นอนแล้ว กรรมสิทธิ์โอนไปยังผู้ซื้อทันทีแม้ยังไม่ ได้ชำระราคา ถ้ายังไม่ได้มอบการครอบครองให้ ถ้า ผู้ขายเอาไปเสียก่อนที่จะส่งให้ เป็น ความผิดฐานยักยอก ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ เพราะการครอบครองยังอยู่กับผู้เอาไป 16. กระแสไฟฟ้า เป็นทรัพย์ 17. ศพ โดยปกติไม่ใช่ทรัพย์ แต่ถ้าศพนั้นได้ดอง ไว้เพื่อใช้ในการศึกษาหรือทำเป็นมัมมี่ไว้ ก็อาจ เป็นทรัพย์ได้เพราะเป็นสิ่งที่มีราคาและถือเอาได้ 18. ฆ่าคนแล้วจึงลักทรัพย์ โดยมีเจตนาทุจริตเกิดขึ้นภายหลัง เป็น ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและ ความผิดฐานลักทรัพย์ แต่ไม่ผิดฐานชิงทรัพย์ฯ 19. ทรัพย์ของผู้อื่นที่เอาไปนั้น เจ้าของต้องยังไม่ ได้สละกรรมสิทธิ์ ถ้าเจ้าของสละกรรมสิทธิ์เสียแล้ว ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ 20. ทรัพย์บางอย่างที่มีชีวิต ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยง และไปไหนมาไหนได้นั้นแม้จะออกห่างไป จากบ้านของผู้เป็นเจ้าของ ก็ถือว่าการครอบครองยัง ไม่ขาด เว้นแต่สัตว์นั้นทิ้งที่ไปเลย 21. ทรัพย์บางอย่างที่มีอยู่ตามธรรมชาติและ ได้รับการประมูลผูกขาด ผู้นั้นจะต้องได้ เข้ายึดถือครอบครอง หรือทำให้เกิดผลนั้นขึ้น โดยแท้จริงแล้ว ผู้เอาไปจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ 22. ปลาในบ่อ สระ หลุมที่ขุดล่อไว้หรือ ในโป๊ะชั้นนอก ถ้ายังว่ายเข้าออกไปสู่สาธารณะได้ โดยอิสระ ถือว่ายังไม่มีกรรมสิทธิ์ http://www.police.go.th